txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# BTCChina ปิดกิจการคริปโตทั้งหมด ขายหุ้นตลาดแลกเปลี่ยนนอกจีนทิ้ง
BTCChina บริษัทค้าเงินคริปโตแห่งแรกในจีน (เปิดตัวเมื่อปี 2011) ประกาศปิดกิจการที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโตทั้งหมเ และขายหุ้นใน ZG.com ตลาดซื้อขายเงินคริปโตในสิงคโปร์ไปยังนักลงทุนในดูไบ
ก่อนหน้านี้ BTCChina มีกิจการเกี่ยวกับเงินคริปโตทั้งตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน และบริการ mining pool แต่ทั้งสองกิจการถูกปราบปรามอย่างหนักในจีน ตัวกระดานซื้อขายนั้นทาง BTCChina ขายกิจการออกไปยังกลุ่มนักลงทุนในฮ่องกงภายใต้ชื่อ BTCC เมื่อปี 2018 และยังเปิดกิจการอยู่ทุกวันนี้ พร้อมกับระบุว่าเป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโตที่เปิดมานานที่สุดในโลก
Yang Linke ผู้ร่วมก่อตั้ง BTCChina ยืนยันว่าตนเองไม่มีหุ้นส่วนใน BTCC และ ZG.com อีกต่อไปแล้ว
ที่มา - South China Morning Post |
# Windows 11 มี Windows Subsystem for Android สำหรับรันแอพ Android แบบเนทีฟ
ประเด็น Windows 11 รองรับแอพ Android ยังมีรายละเอียดตามมาอีกเรื่อยๆ ข้อมูลสำคัญมาจาก Kevin Gallo หัวหน้าฝ่าย Windows Developer Platform อธิบายเรื่องนี้ไว้ในไลฟ์สำหรับนักพัฒนาแอพ
Gallo บอกว่า Windows 11 มีสิ่งที่เรียกว่า Windows Subsystem for Android ที่ใช้หลักการทำงานเหมือน Windows Subsystem for Linux (WSL) ในปัจจุบัน นั่นคือแปลงคำสั่งของเคอร์เนลลินุกซ์มาเป็นคำสั่งของเคอร์เนลวินโดวส์
การที่เคอร์เนลของ Android เป็นลินุกซ์อยู่แล้ว ทำให้ไมโครซอฟท์ต่อยอด WSL มาเป็น Windows Subsystem for Android ได้ไม่ยากนัก ตัวแอพ Android จะรันอยู่ใน virtual machine เพื่อความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการเวอร์ชัน AOSP (ที่ไม่ต้องพึ่งพา Google Play Services)
ส่วนประเด็นเรื่อง Intel Bridge Technology จะใช้ต่อเมื่อแอพ Android คอมไพล์มาเป็น ARM เท่านั้น ซึ่ง Gallo ก็แนะนำให้นักพัฒนาทำแอพเป็น Universal Binary ที่รันได้ทั้ง x86/ARM จะทำให้ประสิทธิภาพในการรันบน Windows 11 เต็มประสิทธิภาพมากกว่า
Gallo ยังไม่ได้แชร์ภาพหรือข้อมูลแผนผังของ Windows Subsystem for Android ยังเป็นการตอบคำถามปากเปล่าเท่านั้น
ในคลิปประมาณนาทีที่ 21
ที่มา - ZDNet |
# เผยฟีเจอร์ Windows 10 ที่ถูกยกเลิกใน Windows 11: Tablet Mode, IE, ยกเครื่อง Start Menu
Windows 11 ที่เพิ่งเปิดตัวถือเป็นการยกเครื่องหน้าตาและฟีเจอร์ต่างๆ อย่างมาก โดย Microsoft ได้เผยรายชื่อฟีเจอร์ที่มีใน Windows 10 แต่ถูกถอดออกใน Windows 11 ออกมาจำนวนหนึ่ง ที่สำคัญๆ ก็เช่นการถอดฟีเจอร์เด่นๆ ของ Start Menu ใน Windows 10 ออกหมด, ปิดการใช้งาน Internet Explorer และยกเลิก Tablet Mode แล้ว
ฟีเจอร์ทั้งหมดที่ไม่ได้ไปต่อ มีดังนี้
Cortana จะไม่ถูกเปิดเป็นค่าเริ่มต้น และไม่ถูกฝังมาใน Taskbar ตั้งแต่แรกแล้ว
วอลล์เปเปอร์จะไม่ sync หากันระหว่างคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ล็อกอินด้วย Microsoft account เดียวกันแล้ว
Internet Explorer จะถูกปิดการใช้งาน และ Microsoft Edge จะมี IE Mode ให้ใช้แทน
เครื่องมืออินพุตคณิตศาสตร์ (Math Input Panel) ถูกถอดออก โดย Math Recognizer จะถูกติดตั้งแทนเมื่อต้องใช้งาน และการเขียนสมการคณิตศาสตร์ใน OneNote ไม่ได้รับผลกระทบนี้
News & Interests พัฒนามากขึ้น เข้ามาอยู่ที่ Taskbar (คล้ายกับที่มาใหม่ใน Windows 10 21H1)
Quick Status บนหน้าจอล็อคถูกถอดออก
S Mode จะมีเฉพาะใน Windows 11 Home
Snipping Tool จะยังมีเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนหน้าตาไปใช้ของใหม่จาก Snip & Sketch
Start Menu ถูกเปลี่ยนอย่างมาก โดยยกเลิกการทำโฟลเดอร์และการจัดกลุ่มแอพ รวมถึงย่อ-ขยายไอคอนไม่ได้แล้ว, แอพที่ถูกปักหมุดไว้ใน Windows 10 จะไม่ถูกย้ายตามมาระหว่างการอัพเกรด, Live Tiles ถูกยกเลิก โดยให้ไปใช้ Widgets ที่จะมาใหม่แทน
Tablet Mode ถูกยกเลิก แต่จะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับเครื่อง 2 in 1 ที่ถอดคีย์บอร์ดได้
Taskbar จะไม่มีฟีเจอร์ People แล้ว, ไอคอนบางอันจะไม่ถูกแสดงใน system tray แล้ว, เปลี่ยนตำแหน่ง Taskbar ไปที่อื่นไม่ได้แล้ว, แอพห้ามปรับแต่ง Taskbar แล้ว
Timeline ฟีเจอร์ที่ถูกโฆษณาอย่างใหญ่โตใน Windows 10 ที่ให้ผู้ใช้ย้อนเวลาไปดูได้ว่าเราเคยเปิดไฟล์อะไรในอดีต แต่ดันไม่ฮิต ก็จะถูกถอดออกแล้ว
คีย์บอร์ดบนหน้าจอ (Touch Keyboard) จะไม่ถูก dock/undock หากใช้บนอุปกรณ์หน้าจอขนาด 18 นิ้วขึ้นไป (ใหญ่เกินจนไม่ถนัด)
Wallet ถูกยกเลิก
นอกจากนี้ยังมีแอพที่จะไม่ถูกติดตั้งมาพร้อม Windows 11 แต่ยังติดตั้งเองได้จาก Microsoft Store คือ
3D Viewer
OneNote for Windows 10
Paint 3D
Skype
ที่มา - Microsoft |
# ฮาร์ดดิสก์ WD My Book Live ถูกโจมตีล้างข้อมูล ควรตัดอินเทอร์เน็ตทันที
Western Digital ผู้ผลิตสตอเรจรายใหญ่รายงานว่า My Book Live และ My Book Live Duo กำลังถูกโจมตี โดยคนร้ายสามารถสั่งรันสคริปต์ factory reset ทำให้ฮาร์ดดิสก์ล้างข้อมูลออกทั้งหมด
ช่องโหว่เกิดจากบั๊กใน API ของตัวฮาร์ดดิสก์ในส่วน /api/1.0/rest/language_configuration ที่คนร้ายสามารถยิงพารามิเตอร์ค่าภาษาเพื่อรันสคริปต์ในเครื่องของเหยื่อได้ โดยช่องโหว่นี้มีรายงานมาตั้งแต่ปี 2018 แตฮาร์ดดิสก์ทั้งสองรุ่นหมดซัพพอร์ตไปตั้งแต่ปี 2015
ทาง Western Digital ระบุว่ากำลังสอบสวนเรื่องนี้
ที่มา - Western Digital |
# Shopee บุกตลาดส่งอาหารเปิดตัว ShopeeFood ในมาเลเซีย กำลังมองหาคนขับ
ตลาดส่งอาหารในอาเซียนถือว่ามีผู้เล่นมากหน้าหลายตาและมีการแข่งขันสูง ล่าสุด Shopee แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเข้ามาเล่นตลาดนี้ด้วย เตรียมเปิดตัว ShopeeFood บริการ food delivery ในมาเลเซีย มีแผนเปิดตัวครั้งแรกในกรุงกัวลาลัมเปอร์และสลังงอร์
จากโพสต์ทางการบนโซเชียลมีเดีย Shopee กำลังมองหาคนขับมาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ ผู้สมัครจะต้องเป็นพลเมืองมาเลเซียอายุ 18 ปีขึ้นไป มีบัตรประจำตัวที่ถูกต้อง มีใบอนุญาตขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีคะแนนขับขี่ P หรือสูงกว่า เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนที่รองรับ iOS 10, Android 4.4 หรือเหนือกว่า ต้องไม่มี ประวัติอาชญากรรม และไม่เคยถูกแบนบนแพลตฟอร์ม Shopee
อย่างไรก็ตาม ShopeeFood เปิดตัวมาก่อนแล้วที่อินโดนีเซีย เป็นแอปพลิเคชั่นแยก ตอนนี้มีคู่แข่งในพื้นที่ได้แก่ GrabFood, Foodpanda และ airasia food
ที่มา - Tech in Asia, Lowyat |
# ฮาร์ดแวร์ตัวเองก็ไม่รอด ต้องเป็น Surface Pro 6 ขึ้นไปถึงได้อัพเกรด Windows 11
หลังเปิดตัว Windows 11 มีความสับสนพอสมควรว่า ฮาร์ดแวร์แต่ละรุ่นจะได้ไปต่อหรือไม่ (สเปกฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำที่รองรับ)
เว็บไซต์ PCWorld สอบถามไปยังไมโครซอฟท์ว่ามีฮาร์ดแวร์ Surface รุ่นไหนบ้างที่สามารถอัพเกรด Windows 11 ได้ ผลปรากฏว่า Surface รุ่นเก่าๆ หลายรุ่นไม่ได้ไปต่อ โดยฝั่งของ Surface Pro สามารถอัพเกรดได้ตั้งแต่ Surface Pro 6 เป็นต้นไปเท่านั้น
Surface Pro 6, 7, 7+, X
Surface Laptop 2, 3, 4, Go
Surface Go 2
Surface Book 2 (เฉพาะซีพียู 8th Gen), Book 3
ไมโครซอฟท์ไม่ได้อธิบายเหตุผลชัดเจนว่า เพราะเหตุใด Surface บางรุ่นถึงไม่ได้อัพเกรดต่อ ซึ่ง PCWorld คาดว่าน่าจะมาจากประเด็นเรื่องชิป TPM 2.0 ที่เป็นสเปกขั้นต่ำของ Windows 11
Surface Pro 6 ที่ออกในปี 2018 เป็น Surface เก่าที่สุดที่สามารถอัพเกรด Windows 11 ได้
ที่มา - PCWorld |
# Windows 11 รันแอพ Android แบบเนทีฟบนซีพียู x86, รองรับทั้งซีพียูอินเทล-เอเอ็มดี
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Windows 11 รองรับแอพ Android ผ่าน Amazon Appstore ด้วย Intel Bridge Technology
อินเทลออกมาให้ข้อมูลสั้นๆ ว่า Intel Bridge Technology เป็นการรันแอพ Android แบบเนทีฟบน x86 (ไม่ใช่อีมูเลเตอร์) โดยใช้เทคนิค runtime post-compiler ที่ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก
ไมโครซอฟท์ยังให้ข้อมูลเพิ่มว่า Intel Bridge Technology ใช้ได้กับซีพียู x86 ทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดแค่อินเทล ซึ่งแปลว่าซีพียูเอเอ็มดีก็สามารถรันได้ด้วย
ที่มา - Intel, Engadget |
# Amazon เข้าซื้อ Art19 แพลตฟอร์มพอดแคสต์ มาเสริมทัพ Amazon Music
Amazon เข้าซื้อ Art19 แพลตฟอร์มโฮสติ้งพอดแคสต์โดยไม่เปิดเผยมูลค่าดีล ซึ่งจะนำมาเสริมทัพเนื้อหาใน Amazon Music และเปิดโอกาสสร้างรายได้โฆษณาบนพอดแคสต์ เนื่องจาก Art19 มีบริการกำหนดกลุ่มเป้าหมายโฆษณาที่แทรกในพอดแคสต์ด้วย
Amazon จริงจังในตลาดพอดแคสต์มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็เข้าซื้อกิจการ Wondery ผู้ผลิตรายการพอดแคสต์ดังมากมายอย่าง Dirty John, Dr. Death, Business Wars และ The Shrink Next Door มีจำนวนผู้ฟังรวมมากกว่า 10 ล้านคนต่อเดือน การเข้าซื้อ Art19 ยังเปิดทางให้ Amazon เป็นแหล่งสร้างพอดแคสต์และหารายได้โฆษณาเพิ่มด้วย
Spotify ผู้นำตลาดพอดแคสต์ก็มีบริการสร้างโฆษณาด้วยคือ Streaming Ad Insertion ระบบหลังบ้านที่แทรกโฆษณาลงในพอดแคสต์อัตโนมัติ บริษัทอื่นอย่าง iHeartMedia, SXM Media ก็ทำแนวทางเดียวกัน
ที่มา - The Verge |
# Instagram ทดสอบความสามารถโพสต์รูปบนเบราว์เซอร์เดสก์ทอปได้
อาจเป็นอีกหนึ่งในฟีเจอร์ที่คนเรียกร้อง Instagram ทำการทดสอบโพสต์รูปบนเบราว์เซอร์เดสก์ทอป พร้อมทั้งปรับแต่งฟิลเตอร์ได้ อัพโหลดทีละหลายรูปได้ ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อไร
ความสามารถของ Instagram เริ่มให้เคียง Facebook มากขึ้น ก่อนหน้านี้ก็เริ่มทดสอบแนะนำโพสต์ที่ผู้ใช้อาจสนใจตามแนวทาง Facebook ด้วย
ที่มา - Engadget |
# กูเกิลเตรียมขยาย News Showcase ไปแคนาดา เริ่มทำข้อตกลงกับสื่อในประเทศแล้ว
กูเกิลเผยได้ทำข้อตกลงกับสื่อและสำนักข่าวในแคนาดา เพื่อนำเนื้อหามาลง Google News Showcase บริการรับข่าวสารตัวใหม่ที่กูเกิลแบ่งรายได้ให้สำนักข่าวด้วย โดยเริ่มทำข้อตกลงกับ 8 สำนักข่าวคือ Black Press Media, Glacier Media, The Globe and Mail, Métro Média, Narcity Media, SaltWire Network, Village Media และ Winnipeg Free Press
กูเกิลบอกด้วยว่าจนถึงตอนนี้ ได้ทำข้อตกลงกับสำนักข่าวทั่วโลกแล้ว 800 แห่ง และยังกล่าวด้วยว่าจะขยายการลงทุนในวารสารศาสตร์ในแคนาดาผ่านโครงการ Google News Initiative มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกอบรมนักข่าวและนักศึกษาวารสารศาสตร์ชาวแคนาดา 5,000 คนในช่วงสามปีข้างหน้า
Google News Showcase คือการแยกเนื้อหาข่าวออกเป็นส่วนๆ ผู้ใช้งานปัดขวาเพื่ออ่านหน้าต่อๆ ไปได้ และมีการนำเสนอในรูปแบบไทม์ไลน์และบุลเลตให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น สามารถอ่านข่าวแบบย่อได้บนแพลตฟอร์ม
ครั้งหนึ่ง กูเกิลและออสเตรเลียเคยมีข้อพิพาทเรื่องการเสนอเนื้อหาบนกูเกิล กระทบวงการสื่อสารมวลชน โดยรัฐบาลออกกฎควบคุมมาแล้วว่าแพลตฟอร์มต้องจ่ายเงินให้สำนักข่าว จน Facebook ต้องปิดหน้าเพจข่าวในประเทศ กระทบผู้ใช้านในวงกว้างจนรัฐบาลยอมปรับกฎหมาย และมาเจรจากับ Facebook ใหม่
ที่มา - กูเกิล |
# Windows 11 ได้ฟีเจอร์จาก Xbox คือ Auto HDR ให้เกมเก่า, Direct Storage โหลดเกมเร็วขึ้น
ไมโครซอฟท์เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ด้านเกมมิ่งใน Windows 11 ทั้งหมด 3 อย่าง โดยสองอย่างแรกเป็นการยกฟีเจอร์จาก Xbox Series X|S มาใช้กับพีซีด้วย
Auto HDR เป็นการปรับภาพของเกมให้รองรับ HDR อัตโนมัติ แม้เกมนั้นไม่ได้ออกแบบกราฟิกมาเป็น HDR ก็ตาม ไมโครซอฟท์บอกว่ารองรับเกมที่เขียนด้วย DirectX 11 ขึ้นไป (ในเดโมใช้เกม Skyrim) และนักพัฒนาไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย
DirectStorage เป็นฟีเจอร์หนึ่งของ Velocity Architecture ของ Xbox Series X|S ใช้ประโยชน์จากความเร็วของ SSD โหลดเท็กซ์เจอร์เข้าไปที่จีพียูโดยตรง ไม่ต้องผ่านซีพียูให้เป็นคอขวด ผลคือเกมจะโหลดเร็วขึ้น ฟีเจอร์นี้จะมีเฉพาะบน Windows 11 เท่านั้น และฮาร์ดแวร์ต้องรองรับด้วย (เป็น PCIe 3.0+ NVMe SSD กับจีพียูที่รองรับ DirectX 12 และ Shader Model 6.0+)
แอพ Xbox บนพีซี รองรับ Xbox Game Pass โดยฝังแอพ Xbox ตัวนี้เข้ามากับตัวระบบปฏิบัติการ Windows 11 เลย เปิดเครื่องมาครั้งแรกก็พร้อมเล่นเกมได้ทันที
ที่มา - Xbox, Microsoft |
# กูเกิลเปิดตัว JioPhone Next มือถือราคาถูกในอินเดีย กล้องดี อัพเดตเร็ว ใช้ Android รุ่นพิเศษ
เมื่อกลางปี 2020 กูเกิลลงทุน 4.5 พันล้านดอลลาร์ แลกกับหุ้น 7.7% ใน Jio โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของอินเดีย พร้อมประกาศเป้าหมายว่าจะทำ Android ราคาถูกร่วมกัน
เวลาผ่านมาเกือบ 1 ปี กูเกิลอัพเดตแผนการออกสมาร์ทโฟนร่วมกับ Jio ในชื่อว่า JioPhone Next กูเกิลบอกว่ามันใช้ Android เวอร์ชันปรับแต่งพิเศษมาสำหรับคนอินเดียโดยเฉพาะ เน้นการสั่งงานด้วยเสียงพูด เพื่อรองรับผู้ใช้ภาษาที่หลากหลายในอินเดีย มีประสบการณ์กล้องที่ดี เช่น รองรับการถ่ายในที่มืด, HDR, มี Snapchat Lens ในแอพกล้อง และจะได้อัพเดตฟีเจอร์และแพตช์ความปลอดภัย Android รุ่นล่าสุดเสมอ
ในโพสต์ของกูเกิลยังโชว์การใช้ Google Assistant เพื่อสั่งงานแอพ MyJio, เพิ่มปุ่ม Listen เพื่ออ่านข้อความบนหน้าจอได้ง่าย และปุ่ม Translate สำหรับแปลข้อความบนหน้าจอหรือจากที่กล้องมองเห็น สองฟีเจอร์หลังจะฝังในหน้าจอ Recent Apps ของ Android เลย
กูเกิลบอกว่า JioPhone Next จะเป็นมิติใหม่ของ Android ในแง่ฟีเจอร์ต่อระดับราคา (ยังไม่บอกว่าราคาเท่าไร) มีกำหนดวางขายในปีนี้
ที่มา - Google for India |
# กำหนดออก Windows 11 ช่วงปลายปี 2021, อัพเกรดฟรีจาก Windows 10
ไมโครซอฟท์ไม่ได้พูดถึงกำหนดออก Windows 11 ในไลฟ์เปิดตัว แต่ในประกาศบนบล็อกของไมโครซอฟท์ระบุว่า Windows 11 จะออกตัวจริงช่วงปลายปี 2021 (ซึ่งไม่ผิดคาดนัก)
ข้อมูลที่ไมโครซอฟท์บอกเพิ่มเติมคือ พีซี Windows 10 "ที่เข้าข่าย" (eligible ไม่บอกรายละเอียด) จะได้อัพเกรดฟรีไปจนถึงปี 2022 แต่ยังไม่บอกรายละเอียดแน่ชัด
ส่วนการทดสอบ Windows 11 ผ่านโครงการ Windows Insider Program จะเริ่มต้นในสัปดาห์หน้า
ที่มา - Microsoft |
# เปิดตัว Windows 11 อย่างเป็นทางการ ดีไซน์ขอบโค้งมน หน้าต่างโปร่งแสง เลย์เอ้าท์แบบใหม่
Microsoft เปิดตัว Windows 11 อย่างเป็นทางการ หน้าตาโดยรวมไม่ต่างจากเวอร์ชั่นที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้มากนัก มาพร้อมกับโลโก้แบบใหม่ที่ไม่เอียงแล้ว ปุ่ม Windows และแอพต่างๆ ที่ใช้งาน ย้ายมาอยู่กึ่งกลางหน้าจอบน Taskbar ดีไซน์หน้าต่างแอพเป็นแบบโปร่งแสง ขอบโค้งมน
Windows 11 มาพร้อม Snap Layout แบบใหม่ แบ่งส่วนหน้าต่างแอพหลายขนาดต่างกันไว้บนหน้าจอได้ โดยระบบจะตรวจสอบขนาดและอัตราส่วนหน้าจอของผู้ใช้และให้เลือกจัดเลย์เอ้าท์แบบต่างๆ อัตโนมัติ
หน้าต่างที่จัดกลุ่มรวมไว้แล้ว สามารถเป็น Snap Group อยู่ที่ Taskbar ได้ รวมถึง Layout ที่ใช้งานบนหน้าจอแยกจะถูกย่อเก็บไว้เมื่อถอดจอออก พร้อมขยายกลับขึ้นมาใหม่เป็นแบบเดิมอัตโนมัติเมื่อต่อหน้าจอกลับไปอีกครั้ง
ผู้ใช้ยังสามารถตั้งหน้าจอ Desktops ได้หลายหน้าจอ แต่ละหน้าจอมี Wallpaper และธีมแตกต่างกัน สำหรับการใช้งานที่หลากหลายบทบาทประจำวัน
Windows Widget เป็น Widget รวมข่าวสาร นาฬิกา สภาพอากาศ ทำงานเหมือนเป็น News Feed สำหรับ Windows และคัดเลือกข่าวที่ผู้ใช้สนใจด้วย AI คล้ายคลึงกับ Apple News, Google Now หรือ Flipboard
Microsoft Store ถูกออกแบบใหม่ให้ใช้งานได้เร็วขึ้น จัดหมวดหมู่แอพและความบันเทิงแยกจากกันชัดเจนขึ้น และไม่เก็บส่วนแบ่งหากแอพทำระบบจ่ายเงินเอง และจะรองรับแอพ Android ผ่าน Amazon App Store และเทคโนโลยี Intel Bridge
บราวเซอร์ Microsoft Edge ทำงานได้ไวขึ้น มี Vertical Tabs คลิกเพื่อเลือกดูแท็บต่างๆ ได้ง่ายขึ้นแบบแนวตั้ง Microsoft ยังระบุว่าบราวเซอร์อื่นๆ ก็จะทำงานได้ไวขึ้น และประหยัดพลังงานขึ้นบน Windows 11 เช่นกัน
สำหรับ Windows Tablet เช่น Surface รุ่นต่างๆ Windows 11 จะปรับรูปแบบอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ถอดคีย์บอร์ดออก โดยจะเพิ่มระยะห่างระหว่างไอคอนแอพต่างๆ บน Taskbar เพิ่มขนาดตำแหน่งในการสัมผัส รองรับ Gestures รองรับการพิมตามเสียง และคำสั่งเสียง และรองรับ Haptics เมื่อใช้ปากกา
นอกจาก Microsoft Teams แล้ว แอพ Xbox จะถูกรวมมาใน Windows 11 เช่นกัน พร้อมฟีเจอร์ Direct Storage ช่วยให้โหลดเกมเร็วขึ้น, Auto HDR เปิดโหมด HDR ให้อัตโนมัติบนหน้าจอที่รองรับ, Xbox Game Pass (ยังไม่เปิดใช้งานในไทย) ให้เล่นเกมใหม่จาก Microsoft Studios, Bethesda ได้ตั้งแต่วันแรกที่เกมออก รวมเกมจาก EA Play ไว้ในตัว และรองรับ xCloud (ยังไม่เปิดใช้งานในไทยเช่นกัน)
Windows 11 ยังไม่เปิดเผยวันวางจำหน่ายหรือวันเริ่มปล่อยอัพเดต แต่ในงานระบุว่า Microsoft ทำงานร่วมกับ Intel, AMD และ Qualcomm รวมถึงแบรนด์ OEM ต่างๆ และจะมีโน้ตบุ๊กหลายร้อยรุ่นที่พร้อมรองรับ Windows 11 ภายในช่วงวันหยุดยาวปลายปีนี้
ที่มา - Windows 11 Event |
# รันได้ไหม? สเปกขั้นต่ำสำหรับ Windows 11: ซีพียู 1GHz 64 บิต, แรม 4GB ฮาร์ดไดรฟ์ 64GB
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา Microsoft ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในชื่อ Windows 11 พร้อมกันนี้ได้เผยสเปกขั้นต่ำสำหรับรัน Windows 11 ออกมาด้วย โดยเพิ่มจาก Windows 10 เล็กน้อย ดังนี้
ซีพียูดูอัลคอร์ 1GHz แบบ 64 บิต (Windows 11 ไม่มีเวอร์ชัน 32 บิตแล้ว แต่แอพ 32 บิตยังรันได้ตามปกติ)
แรม 4 GB
ฮาร์ดไดรฟ์ 64 GB
หน้าจอ 9 นิ้ว ความละเอียด 1366x768 พิกเซล
DirectX 12 / WWDM 2.x
เครื่องต้องรองรับ UEFI, Secure Boot และ TPM 2.0
การที่กำหนดหน้าจอเล็กสุดขนาด 9 นิ้วแปลว่าจะไม่มีแท็บเล็ตขนาดเล็กกว่านี้ออกมาแล้ว นอกจากนี้สิ่งที่เพิ่มจาก Windows 10 คือแรมจาก 2 เป็น 4GB และฮาร์ดไดรฟ์จากขนาด 32 เป็น 64 GB ส่วน UEFI, Secure Boot และ TPM 2.0 ก็เป็นความต้องการขั้นต่ำเช่นกัน และยังไม่มีความชัดเจนว่าหากไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้จะเป็นอย่างไร โดยแหล่งข่าวระบุว่า Microsoft จะไม่รับประกันว่า Windows 11 จะรันได้อย่างถูกต้อง
สุดท้าย Microsoft ยังได้ปล่อยโปรแกรม PC Health Check ออกมาให้ใช้กันด้วยเพื่อตรวจสอบว่าสามารถรัน Windows 11 ได้หรือไม่ ดาวน์โหลดได้ที่นี่
ที่มา - Windows Central |
# Windows 11 รองรับแอพ Android ผ่าน Amazon Appstore รันได้เหมือนแอพวินโดวส์
ของใหม่อีกอย่างของ Windows 11 คือการรองรับแอพจาก Android มารันบนวินโดวส์โดยตรง โดยใช้เทคโนโลยีของอินเทลชื่อ Intel Bridge ในการนำแอพ Android มารันบนซีพียู x86 (ยังไม่ระบุชัดว่าทำงานอย่างไร)
ส่วนการใช้งานจะติดตั้งผ่าน Microsoft Store ที่ไปดึงแอพมาจาก Amazon Appstore อีกทีหนึ่ง (ไม่ใช่ Google Play Store) จึงอาจมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนแอพอยู่บ้าง โดยแอพที่ไมโครซอฟท์นำมาโชว์คือ TikTok เวอร์ชัน Android ที่รันได้เหมือนแอพวินโดวส์ตามปกติ
ไมโครซอฟท์บอกว่าจะอธิบายรายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า |
# Windows 11 มาพร้อม Microsoft Store ตัวใหม่ ไม่หักส่วนแบ่งหากแอพทำระบบจ่ายเงินเอง
ไมโครซอฟท์เปิดตัวแอพ Microsoft Store เวอร์ชันใหม่พร้อม Windows 11 ที่เปลี่ยนโลโก้ใหม่เล็กน้อย เป็นถุงช็อปปิ้งสีดำแทนสีขาว ตัวแอพทำงานได้รวดเร็วขึ้น รองรับแอพหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Progressive Web App (PWA), Win32, .NET, UWP รวมไปถึงเทคโนโลยีค่ายอื่นคือ Xamarin, Electron, React Native, Java
นักพัฒนาสามารถส่งแอพ PWA ขึ้น Microsoft Store ได้แล้วโดยใช้เครื่องมือ PWABuilder ที่เป็นโอเพนซอร์ส ส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ จะตามมาต่อไป
ประเด็นสำคัญคือ Microsoft Store จะไม่หักส่วนแบ่งรายได้จากนักพัฒนาเลย หากทำระบบจ่ายเงินของตัวเอง โดยมีพันธมิตรที่เข้าร่วมแล้วคือ Adobe ที่นำ Creative Cloud และ Document Cloud ขึ้นมาขายบน Microsoft Store ด้วยโมเดลนี้ (เริ่ม 28 ก.ค.) แต่ถ้าจะจ่ายผ่านระบบของไมโครซอฟท์แบบเดิม จะคิดส่วนแบ่งที่ 15% สำหรับแอพ และ 12% สำหรับเกม
แอพชื่อดังอื่นๆ ที่จะมาอยู่บน Microsoft Store ได้แก่ Microsoft Teams, Visual Studio, Disney+, Adobe Creative Cloud, Zoom, Canva
ที่มา - Microsoft, Microsoft |
# ไม่เอียงแล้ว ไมโครซอฟท์เปลี่ยนโลโก้ Windows ใหม่รับ Windows 11
ไมโครซอฟท์เปลี่ยนโลโก้ของ Windows ใหม่พร้อมการเปิดตัว Windows 11 โดยเปลี่ยนจากโลโก้หน้าต่าง 4 บานเอียงๆ ที่ใช้มาในยุค Windows 8 มาเป็นหน้าต่างตั้งตรง แบบเดียวกับโลโก้บริษัทของไมโครซอฟท์ แต่ใช้สีน้ำเงินล้วนแทน |
# ผู้บริหาร Apple ย้ำอีกรอบ iOS ไม่เปิดให้โหลดแอปนอก App Store ถ้าอยากได้แบบนั้นให้ใช้ระบบปฏิบัติการอื่น
ต่อเนื่องจากที่แอปเปิลออกรายงาน อธิบายเหตุผลว่าการให้ผู้ใช้ iOS ต้องโหลดแอปผ่าน App Store เท่านั้น ก็เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ล่าสุด Fast Company ได้สัมภาษณ์ Erik Neuenschwander หัวหน้าฝ่ายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานของแอปเปิล โดยเขาย้ำว่าการเปิดให้โหลดแอปจากนอก App Store ได้นั้น มีความเสี่ยงในการใช้งาน
เขายอมรับว่าแนวทางนี้ของแอปเปิล เป็นข้อจำกัดและไม่สร้างทางเลือกให้ผู้ใช้งาน แบบที่ทำได้ในระบบปฏิบัติการอื่น (ซึ่งคงตีความเป็นอื่นไม่ได้นอกจาก Android) ที่ผ่านมาผู้ใช้งาน iOS ก็เข้าใจเงื่อนไขนี้
เมื่อถามถึงประเด็นว่า macOS ยังอนุญาตให้ลงโปรแกรมหรือแอปนอกสโตร์ได้ Neuenschwander บอกว่า ประเด็นแรกคือจำนวนผู้ใช้งาน ซึ่ง iPhone มีมากกว่า Mac หลายเท่าตัว ทำให้เป็นกลุ่มเป้าหมายของผู้โจมตีมากกว่า นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้งานก็ต่างกัน โดยผู้ใช้ Mac แม้ลงโปรแกรมเอง ก็จะเลือกเฉพาะโปรแกรมทำงานที่ต้องการเท่านั้น ขณะที่ผู้ใช้มือถือจะมีพฤติกรรมดาวน์โหลดและลองลงแอปแปลกใหม่อยู่ตลอด จึงมองว่าเป็นความเสี่ยงมากกว่า รวมถึงข้อมูลในโทรศัพท์ก็เป็นข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญของผู้ใช้งานมากกว่าอีกด้วย
อัพเดต: แก้ไขเนื้อหาตามที่มีผู้แจ้งมา
ที่มา: Fast Company |
# Google เลื่อนแผนการยกเลิก third-party cookie บนเบราว์เซอร์ Chrome ไปเป็นปี 2023
Google ประกาศเลื่อนแผนยกเลิกคุกกี้นอกเว็บ หรือ third-party cookie จากเดิมที่จะยกเลิกคุกกี้กลุ่มนี้ทั้งหมดภายในปี 2022 เปลี่ยนมาเป็นภายในปี 2023 แทน
เหตุผลที่เลื่อนแผนครั้งนี้ Google ระบุว่าต้องการเวลาที่มากพอในการหารือกับสาธารณะเกี่ยวกับโซลูชั่นที่เหมาะสมในการไมเกรตเซอร์วิส ซึ่งเรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจทำลายโมเดลธุรกิจเว็บไซต์คอนเทนต์ฟรีมีโฆษณาได้
Google ระบุว่า ทางบริษัทจะซัพพอร์ตคุกกี้นอกเว็บแยกเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะเริ่มต้นในปลายปี 2022 คือเมื่อทดสอบเรียบร้อยและปล่อย API ลง Chrome จะประกาศเริ่มต้นระยะที่ 1 อย่างเป็นทางการ ระยะนี้ วงการโฆษณาจะมีเวลาในการไมเกรตเซอร์วิส โดย Google คาดว่าจะใช้เวลาราว 9 เดือน ซึ่งทางบริษัทจะคอยมอนิเตอร์และเก็บฟีดแบคก่อนที่จะเข้าสู่ระยะที่สอง คือการหยุดซัพพอร์ตคุกกี้จากบุคคลที่สามโดยสมบูรณ์ ซึ่งกรอบระยะเวลาคือราว 3 เดือน คาดว่าน่าจะเสร็จภายในสิ้นปี 2023
ปัจจุบัน Google กำลังทดสอบ Privacy Sandbox ราว 4 จาก 30 proposals ที่กำหนดขึ้นมาในหัวข้อสำคัญ ๆ เช่น การวัดผลโฆษณา, ความแม่นยำของโฆษณาและคอนเทนต์, การตรวจสอบการฉ้อโกง
สำหรับ third-party cookie ปัจจุบันนิยมใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำเซอร์วิสต่าง ๆ บนเว็บ เช่น บริการที่ต้องล็อกอินล่วงหน้า แต่ฟีเจอร์นี้ก็มีความสามารถในการติดตามตัวผู้ใช้งานมากเกินความจำเป็น ซึ่งการจะยกเลิกฟีเจอร์นี้บน Chrome ก็มีหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งแสดงความกังวลว่า Google อาจฉวยโอกาสนี้ในการทำลายคู่แข่งรายย่อยด้วยการใช้ความเป็นส่วนตัวผู้ใช้มาเป็นข้ออ้างในการยกเลิกคุกกี้โดยเลือกดำเนินการเร็วเกินไปจนรายย่อยปรับตัวไม่ทัน
ที่มา - Engadget, Google |
# Windows 11 พ่วง Microsoft Teams มาให้ในตัว แชท วิดีโอคอลล์ได้จากเดสก์ท็อปโดยตรง
ไมโครซอฟท์ประกาศพ่วงฟีเจอร์แชท-วิดีโอคอลล์ของ Microsoft Teams เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Windows 11
ในแถบทาสก์บาร์ของ Windows 11 มีไอคอนรูปแชท (ที่ต่างจากไอคอนของ Teams ในปัจจุบัน) ที่สามารถกดแล้วแชทกับเพื่อนๆ ในระบบของ Teams (ที่ตอนนี้รองรับการใช้งานกับเพื่อนและครอบครัวแล้ว ไม่ต้องเป็นเพื่อนร่วมงาน) หรือวิดีโอคอลล์ได้ทันที
ก่อนหน้านี้ใน Windows 10 มีฟีเจอร์กดปุ่ม Meet Now เพื่อวิดีโอคอลล์ โดยใช้เอนจินของ Skype การเปลี่ยนมาเป็นระบบสื่อสารของ Teams เต็มรูปแบบ น่าจะบ่งชี้ว่าอนาคตของไมโครซอฟท์มาทาง Teams อย่างชัดเจนแล้ว |
# Visa เตรียมเข้าซื้อ Tink สตาร์ทอัพฟินเทคพัฒนา Open Banking API ในยุโรป
Visa ประกาศแผนเข้าซื้อ Tink บริษัทฟินเทคสตาร์ทอัพในยุโรปที่พัฒนา API สำหรับ Open Banking ที่มูลค่า 1.8 พันล้านยูโร
Tink เป็นสตาร์ทอัพจากสวีเดน งานหลักคือพัฒนา API ชุดเดียวที่ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อเข้าแอปหรือบริการต่าง ๆ เข้ากับบัญชีธนาคาร เนื่องจากข้อกำหนด PSD2 ของยุโรประบุให้ธนาคารต้องเปิดอินเตอร์เฟสให้เชื่อมต่อได้ แต่ก็ยังไม่มีมาตรฐานกลาง ซึ่ง Tink จะเข้ามาช่วยในการอินทิเกรตธนาคารและสถาบันการเงินกว่า 3,400 แห่งมาอยู่ภายใต้ API เพียงชุดเดียว สามารถเรียกรายการเดินบัญชี, ทำการชำระเงิน และเรียกข้อมูลอื่น ๆ ของบัญชีได้
ปัจจุบันมีธนาคารและฟินเทคสตาร์ทอัพราว 300 แห่งใช้ API ของ Tink โดยลูกค้าชื่อดังมีทั้ง American Express, PayPal และ BNP Paribas ซึ่ง Tink เคยระดมทุนได้ราว 300 ล้านดอลลาร์ และ API ของ Tink ครอบคลุมลูกค้าธนาคารกว่า 250 ล้านคนในยุโรป
หลังจากเข้าซื้อ Tink แล้ว Visa จะยังคงแบรนด์และทีมบริหารของ Tink ไว้เหมือนเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ Visa เคยจะเข้าสู่วงการ Open Banking API ด้วยการซื้อ Plaid แต่ก็โดนหน่วยงานรัฐฟ้องข้อหาผูกขาดเสียก่อน จึงหันมาซื้อ Tink แทน โดยตอนนี้
ที่มา - TechCrunch, BusinessWire, Tink |
# เอกสาร FCC ชี้ Galaxy Z Fold 3 รองรับปากกา S Pen แต่ยังไม่ชัดว่าจะแถมหรือไม่
ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าปีนี้จะไม่มี Galaxy Note รุ่นใหม่ และซัมซุงก็เคยพูดว่าจะนำปากกา S Pen ไปใช้กับมือถือรุ่นอื่นๆ (ที่ผ่านมาคือ S21 Utlra ในฐานะอุปกรณ์เสริม)
การไม่มี Galaxy Note 21 ในรูปทรงหน้าตาแบบดั้งเดิม ทำให้มือถือตัวเก็งที่จะมาแทนคือ Galaxy Z Fold 3 มือถือจอพับได้รุ่นของปีนี้ ล่าสุดมีข้อมูลยืนยันจากเอกสารที่ซัมซุงส่ง FCC (กสทช. สหรัฐ) ว่า Galaxy Z Fold 3 มีตัว digitizer ใต้จอเพื่อรองรับการเขียนด้วยปากกา แต่ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าปากกาจะแถมหรือไม่ อาจมาในฐานะอุปกรณ์เสริมซื้อแยกแบบ S21 Ultra
ส่วนข่าวลือเรื่องสเปกของ Z Fold 3 ที่ออกมาก่อนหน้านี้คือ หน้าจอด้านในขนาด 7.5" ด้านนอก 6.2" หน่วยประมวลผล Snapdragon 888 และที่สำคัญคือลือกันว่า ราคาจะถูกลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับ Z Fold 2 ราคาเปิดตัว 1,999 ดอลลาร์ น่าจะสอดคล้องกับแนวทางการออกมือถือเรือธงของซัมซุงปี 2021 ที่ราคาถูกลง
คาดว่า Galaxy Z Fold 3 จะเปิดตัวในช่วงเดือนสิงหาคม 2021
ภาพ Galaxy Z Fold 2
ที่มา - SamMobile |
# Panasonic พร้อมผลิตแบตเตอรี่ 4680 แบบใหม่ให้ Tesla หากทดสอบในสายการผลิตสำเร็จ
เมื่อปี 2020 Tesla ได้เปิดตัวเซลล์แบตเตอรี่แบบใหม่รหัส 4680 (เส้นผ่านศูนย์กลาง 46 มิลลิเมตร สูง 80 มิลลิเมตร) ที่ทำให้รถ Tesla แล่นได้ระยะทางไกลขึ้นและชาร์จเร็วขึ้น ซึ่งตอนนั้น Elon Musk ก็บอกไว้แต่แรกเลยว่าแบตเตอรี่แบบใหม่นี้จะประสบปัญหาซัพพลายไม่พอไปถึงปี 2022 เป็นอย่างน้อย แม้ Tesla จะเร่งผลิตเองรวมถึงซื้อจากพาร์ทเนอร์ด้วยก็ตาม
ล่าสุด Panasonic ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์แบตเตอรี่รายแรกของ Tesla มีท่าทีต่อเรื่องนี้แล้ว โดย Yuki Kusumi ซีอีโอคนใหม่ของ Panasonic (เพิ่งดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันนี้) ได้ระบุว่าขณะนี้ Panasonic กำลังตั้งสายการผลิตต้นแบบเพื่อทดลองผลิตเซลล์แบตเตอรี่ 4680 และพร้อมจะลงทุนก้อนโตหากประเมินแล้วว่าสามารถผลิตแบตเตอรี่ได้จำนวนมากและคุ้มค่ากว่าคู่แข่ง และจะส่งแบตเตอรี่ให้ทั้ง Tesla และพาร์ทเนอร์รายอื่น
เซลล์แบตเตอรี่ 4680 นั้นมีการปรับปรุงโครงสร้างภายในใหม่เป็นแบบ tabless รวมถึงปรับส่วนผสมทางเคมีด้วย โดยในช่วงแรกมีปัญหาการผลิตทำให้ผลิตได้น้อย แต่ขณะนี้ Tesla ระบุว่าแก้ปัญหาดังกล่าวได้แล้ว อย่างไรก็ตาม Panasonic อาจพบปัญหาแบบเดียวกันจึงต้องติดตามต่อไปว่า Panasonic จะสามารถซัพพลายเซลล์แบตเตอรี่แบบใหม่นี้ได้จริงหรือไม่
โครงสร้างเซลล์แบตเตอรี่แบบใหม่
ความสัมพันธ์ระหว่าง Tesla และ Panasonic นั้นขึ้นๆ ลงๆ แม้จะเป็นพาร์ทเนอร์ที่เก่าแก่ที่สุดก็ตาม โดยความสัมพันธ์ช่วงแรกนั้นดีเพราะ Panasonic เป็นพาร์ทเนอร์เพียงรายเดียว ทั้งสองใกล้ชิดกันขนาดที่ Panasonic ไปตั้งสายการผลิตแบตเตอรี่ในโรงงาน Gigafactory 1 เลยทีเดียว
ต่อมาเมื่อ Tesla เปิดตัว Model 3 ที่มียอดจองสูงมากทำให้ Panasonic ผลิตแบตเตอรี่ให้ไม่ทันและ Tesla เริ่มไม่พอใจจึงสั่งซื้อแบตเตอรี่จากพาร์ทเนอร์รายอื่นอย่าง LG และ CATL รวมถึงเปิดสายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองใน Gigafactory โรงอื่นด้วย แถมยังมีข่าวลือว่า Tesla กับ Panasonic ตัดสินใจชะลอแผนลงทุนร่วมกันเพิ่มเติม นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทยังเคยร่วมกันผลิตแผงโซลาร์ที่ Gigafactory 2 แต่เมื่อต้นปี 2020 ก็ล้มเลิกข้อตกลงและ Panasonic ก็ได้ย้ายออกจากโรงงานไปแล้ว
ที่มา - Electrek
ภาพทั้งหมดโดย Tesla |
# Stadia เล่นได้แล้วบน Android TV และ Chromecast with Google TV แต่ยังซื้อเกมตรงไม่ได้
วันนี้ บริการคลาวด์เกมมิ่ง Stadia เปิดให้เล่นบน Chromecast with Google TV และ Android TV บางรุ่น ตามที่กูเกิลประกาศไว้
เว็บไซต์ 9to5google ลองเล่น Stadia บนอุปกรณ์เหล่านี้แล้วพบว่าประสบการณ์ใช้งานโดยรวมค่อนข้างดี เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพ Stadia จาก Play Store, ล็อกอินบัญชีกูเกิล, เชื่อมต่อคอนโทรลเลอร์รุ่นที่รองรับ ก็เริ่มต้นเล่นได้ทันที ความเห็นของ 9to5google มองว่าอินเทอร์เฟซโดยรวมดี ลื่นไหลกว่าเวอร์ชัน Chromecast Ultra ที่ออกมาก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม Stadia เวอร์ชัน Google TV/Android TV ยังไม่รองรับการซื้อเกมโดยตรง เล่นได้เฉพาะเกมในไลบรารีที่ซื้อไว้ก่อนแล้ว ถ้าหากต้องซื้อเกมเพิ่มจำเป็นต้องไปซื้อบนแอพเวอร์ชันมือถืออีกที
นอกจากนี้ Stadia เวอร์ชันนี้ยังไม่รองรับปุ่ม Google Assistant บนคอนโทรลเลอร์อย่างเป็นทางการของ Stadia เอง หรือปุ่มบนรีโมทของฮาร์ดแวร์ Google TV/Android TV ในปัจจุบัน ซึ่งกูเกิลก็ประกาศแล้วว่าจะรองรับในอนาคต
ที่มา - 9to5google |
# YouTube เตรียมปรับค่าการมองเห็นวิดีโอ Unlisted ที่อัพโหลดก่อนปี 2017 เป็น Private ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ YouTube เคยอัพเดตลิงก์สำหรับวิดีโอ Unlisted เป็นแบบใหม่ เพื่อทำให้การค้นหาคลิปเหล่านี้ทำได้ยากขึ้น ตั้งแต่ปี 2017 แต่วิดีโอที่อัพโหลดก่อน 1 มกราคม 2017 ยังใช้ลิงก์รูปแบบเก่าอยู่
ปัจจุบัน YouTube กำลังเตรียมอัพเดตมาตรการความปลอดภัยใหม่วันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะรวมถึงการปรับลิงก์ของวิดีโอ Unlisted ที่อัพโหลดก่อนปี 2017 เป็นแบบใหม่ที่ปลอดภัยขึ้นด้วย และจะทำให้ลิงก์เก่าของวิดีโอที่เคยถูกแชร์ไปภายนอกใช้งานไม่ได้อีกต่อไป
ผู้ใช้สามารถเข้าไปแก้วิดีโอที่ต้องการแชร์เป็น Unlisted กลับมาแบบเดิมได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าในบัญชีของผู้ใช้ มีวิดีโอ Unlisted ที่อัพโหลดก่อนปี 2017 และถูกแชร์ไปใช้งานภายนอกเป็นจำนวนมาก อาจต้องใช้เวลานานในการนั่งไล่ปรับคืนทีละคลิป
YouTube จึงให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปกรอกแบบฟอร์มนี้ เพื่อ opt-out จากการปรับปรุงความปลอดภัยของวิดีโอเก่าได้ ซึ่งจะทำให้คลิป Unlisted เก่า ไม่ถูกเปลี่ยนค่าเป็น Private แต่ก็จะไม่ได้ใช้ลิงก์แบบใหม่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งผู้ใช้คงต้องเลือกเองว่าต้องการแบบไหน
ที่มา - AndroidPolice |
# เตรียมบัตรเครดิตให้พร้อม Steam Summer Sale เริ่มเที่ยงคืน 25 มิถุนายน ถึง 8 กรกฎาคมนี้
ข้อมูลจากเว็บไซต์ SteamDB ระบุในทวิตเตอร์ ว่า Steam ส่งอีเมลให้พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เปิดเผยวันที่จะจัดเทศกาลลดกระหน่ำ Steam Summer Sale ว่าเป็นวันที่ 25 มิถุนายน เวลา 12.00 (เที่ยงคืน คืนวันพฤหัส) ตามเวลาประเทศไทย
Steam Summer Sale ครั้งนี้ อาจมาในธีมปริศนาฆาตกรรม อ้างอิงจาก Mystery Card ที่ SteamDB เป็นผู้คนพบ ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา
ยังไม่มีรายชื่อเกมที่จะลดราคา แต่หากเป็นไปตามตีมที่คาดไว้ข้างต้นจริง เกมแนวปริศนาฆาตกรรม ไปจนถึงแนวสยองขวัญ อาจเป็นเกมชูโรงแคมเปญลดราคาครั้งนี้ ส่วนเกมแนวอื่นก็น่าจะลดราคาด้วยเช่นกัน ตามเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกันไป ตามปกติของ Steam Summer Sale
ที่มา - SteamDB |
# Sony ส่งอีเมลเชิญผู้ใช้ในสหรัฐฯ ซื้อเครื่อง PS5 อีกครั้ง แม้เป็นผู้ที่เคยซื้อสำเร็จไปแล้ว
Sony ส่งอีเมลพร้อมลิงก์เชิญให้ผู้ใช้ที่มีบัญชี PlayStation ในสหรัฐอเมริกา ซื้อเครื่อง PS5 ได้อีกหนึ่งเครื่อง พร้อมอุปกรณ์เสริม ผ่าน PlayStation Direct ในวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยไม่ต้องต่อคิวซื้อกับตัวแทนจำหน่าย และระบบจะล็อกเครื่องไว้ให้เมื่อล็อกอินและกดลิงก์ ทำให้ผู้ใช้สามารถออกไปกดซื้ออุปกรณ์เสริมและเกมเพิ่มได้
น่าสนใจที่หลายๆ คนที่ได้อีเมลนี้ เป็นผู้ที่เคยซื้อ PS5 สำเร็จผ่าน PS Direct สำเร็จไปแล้ว เช่นยูสเซอร์ @Wario64 บนทวิตเตอร์ รวมถึงยูสเซอร์อีกหลายๆ คนใน Reddit ที่ได้อีเมลนี้ ก็ระบุเช่นกันว่าซื้อ PS5 ผ่าน PS Direct สำเร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว
ไม่แน่ชัดว่าทำไม Sony ถึงเลือกใช้วิธีนี้ อาจเป็นการเพิ่มช่องทางการซื้อให้กับผู้ที่มีบัญชี PlayStation และเคยซื้อ PS5 ไปเล่นเอง ที่อาจซื้อไปให้เพื่อน คนรู้จัก หรือคนอื่นในครอบครัวเพิ่ม แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเจ้าของบัญชีนั้นจะไม่ซื้อเครื่องไปขายต่อในราคาสูงขึ้นแต่อย่างใด
ส่วนเครื่องที่ผู้ใช้ทั่วไปต้องซื้อจากตัวแทนจำหน่าย หรือในประเทศอื่น ยังมีจำนวนจำกัด และยังมีผู้นำมาขายต่อในราคาสูงอยู่ ฝั่ง Sony ระบุเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในปีงบประมาณหน้า คงต้องติดตามว่าจะแก้ปัญหาเครื่องขาดตลาดนี้ได้หรือไม่
ที่มา - @Wario64 via Gamesradar |
# Google Play ลดค่าส่วนแบ่งเหลือ 15% สำหรับแอพกลุ่ม Media วิดีโอ เพลง อีบุ๊ก
กูเกิลเคยมีแคมเปญลดค่าส่วนแบ่ง Play Store จาก 30% เหลือ 15% สำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรก ล่าสุดกูเกิลออกแคมเปญคล้ายๆ กันชื่อ Play Media Experience Program ที่ลดเหลือ 15% เหมือนกัน ไม่มีข้อจำกัดเรื่องรายได้ แต่จำกัดรูปแบบของแอพแทน
แอพที่มีสิทธิเข้าร่วม Play Media Experience Program จะต้องเป็นแอพกลุ่มสื่อ (media) ที่แยกย่อยได้ 3 แขนงคือ วิดีโอ (ภาพยนตร์ ทีวี กีฬาสด) เสียง (เพลงสตรีมมิ่ง) และหนังสือ (เช่น อีบุ๊ก คอมมิก หนังสือเสียง) โดยหารายได้จากคอนเทนต์แบบพรีเมียม
เป้าหมายของกูเกิลคือผลักดันแอพทั้ง 3 ประเภทบนแพลตฟอร์มใหม่ๆ เช่น Wear OS, Android Auto, Android TV, Google TV, Google Cast จึงออกมากระตุ้นให้นักพัฒนาเหล่านี้ปรับแอพของตัวเองให้พร้อม แลกกับการให้ส่วนลดเหลือ 15% ซึ่งต้องสมัครเข้าร่วมโครงการ
ที่มา - Android Developers Blog |
# Lenovo Go เปิดตัวอุปกรณ์เสริมชุดใหญ่ คีย์บอร์ด เมาส์ หูฟัง ลำโพงสำหรับประชุมออนไลน์
เดือนที่แล้ว Lenovo เปิดตัวไลน์อุปกรณ์เสริมสำหรับลูกค้าธุรกิจในชื่อ Lenovo Go โดยเริ่มจากพาวเวอร์แบงค์สำหรับชาร์จโน้ตบุ๊ก และเมาส์ไร้สาย
ล่าสุด Lenovo เปิดตัวอุปกรณ์เสริมเพิ่มมาอีกชุดใหญ่ ได้แก่
Wireless Charging Kit กำลัง 65 วัตต์ ชาร์จโน้ตบุ้ก 13-14" ผ่าน USB-C ราคา 139 ยูโร
Wireless Mobile Power Bank สำหรับชาร์จมือถือ แบตเตอรี่ 10,000 mAh ราคา 69 ยูโร
Wireless Vertical Mouse เมาส์ ergonomic เอียงข้าง พร้อมที่รองข้อมือ ราคา 49 ยูโร
Wireless Split Keyboard คีย์บอร์ด ergonomic แยกส่วน พกพาสะดวก ราคา 89 ยูโร
Wireless Numeric Keypad สำหรับเซียนสเปรดชีท ราคา 49 ยูโร
Wired Speakerphone ลำโพงสนทนา กดคุย Microsoft Teams ได้เลย ราคา 99 ยูโร
Wired/Wireless ANC Headset ชุดหูฟังสำหรับประชุมออนไลน์ ราคา 99/159 ยูโร
การมีอุปกรณ์เสริมจำนวนมากเริ่มทำให้จัดการยากขึ้น Lenovo จึงออกซอฟต์แวร์ Lenovo Go Central มาใช้ตั้งค่าอุปกรณ์เสริมทุกตัวในซีรีส์ได้จากที่เดียว
ช่วงหลังๆ เราเห็นแบรนด์ไอทีเริ่มออกอุปกรณ์เสริมสำหรับธุรกิจมากขึ้น นอกจาก Lenovo แล้วยังมี ไมโครซอฟท์ที่ออกอุปกรณ์เสริมในแบรนด์ Microsoft Modern
ตัวที่ชาว Blognone น่าจะสนใจคือ Vertical Mouse และ Split Keyboard เลยนำภาพแบบชัดๆ มาฝากครับ
ที่มา - Lenovo |
# Apple ออกเฟิร์มแวร์เวอร์ชันแก้ไขสำหรับ AirTag ป้องกันการนำไปใช้สะกดรอย
แอปเปิลออกอัพเดตเฟิร์มแวร์สำหรับอุปกรณ์ติดตามสิ่งของ AirTag เวอร์ชัน 1.0.276 ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์ที่ปรับปรุงจากอัพเดตเมื่อต้นเดือน โดยใช้เลขเวอร์ชันเดิม แต่ตัวเลขบิลด์เปลี่ยนจาก 1A276d เป็น 1A287b
ในอัพเดต 1.0.276 นั้น แอปเปิลระบุว่าเป็นการป้องกันนำอุปกรณ์ไปสะกดรอยตามคนอื่น โดยลดระยะเวลาส่งเสียงเตือน เมื่อ AirTag อยู่ห่างจากเจ้าของอุปกรณ์ เป็นการสุ่มเวลา 8-24 ชั่วโมง จากเดิม 3 วัน
การอัพเดตเฟิร์มแวร์ของ AirTag นั้นไม่สามารถสั่งอัพเดตได้เอง แต่จะเป็นการอัพเดตให้อัตโนมัติเมื่อ AirTag อยู่ในรัศมีเชื่อมต่อกับ iPhone
ที่มา: MacRumors |
# Stack Overflow เปิดตัว Collectives บอร์ดสนทนาเจาะเป็นรายหัวข้อ
Stack Overflow เว็บบอร์ดสนทนาด้านโปรแกรมมิ่ง เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Collectives เป็นบอร์ดสนทนาที่คุยแยกเน้นเฉพาะหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง แบรนด์หรือบริษัทสามารถสร้างหัวข้อสนทนาได้ เช่น หัวข้อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ เป็นการรวบรวมความเห็นจากโปรแกรมเมอร์โดยตรง เพื่อนำความเห็นไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ได้
หัวข้อบน Collectives จะรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องรวมถึงหัวข้อย่อยๆ ไว้ในหน้านี้ แต่ละองค์กรที่เข้าร่วมจะมองเห็นหน้า Collectives ปรากฏอยู่ โดยคำถามและคำตอบมาจากชุมชน Stack Overflow โดยหน้า Collectives จะรวมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจากแท็กที่ใช้งานใน Stack Overflowโดยตอนนี้มี Collectives สองกลุ่มแรกคือ Google Cloud และ Go Language ของ Google
ที่มา - Stack Overflow |
# อยู่ดีๆ ก็หาย Africrypt บริษัทลงทุนบิตคอยน์ในแอฟริกาใต้ หอบเงินหนีกว่า 63,000 BTC หลังประกาศว่าโดนแฮก
Africrypt บริษัทลงทุนในบิตคอยน์ของแอฟริกาใต้ที่ดูแลโดยสองพี่น้อง ซีอีโอ Raees Cajee และ ซีโอโอ Ameer หอบเงินหนีหายเงียบ หลังเมื่อสองเดือนก่อนบริษัทประกาศว่าถูกแฮก แต่กลับแนะนำนักลงทุนว่าไม่ต้องแจ้งตำรวจ เนื่องจากจะทำให้กระบวนการกู้เหรียญทำได้ลำบากกว่าเดิม
หลังจากประกาศว่าถูกแฮก บริษัทมีการสื่อสารกับนักลงทุนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 เมษายน ระบุแค่ว่ายังไม่ทราบว่าข้อมูลที่หลุดออกไปมีอะไรบ้าง และจะคอยอัพเดตนักลงทุนเป็นระยะๆ หลังจากนั้นทีมงานของบริษัทเองก็ไม่สามารถเข้าใช้ระบบหลังบ้านของบริษัทได้ รวมถึงเว็บไซต์บริษัทก็ปิดตัวลงไป
เหล่านักลงทุนกว่า 20 คน ได้ว่าจ้างบริษัทกฎหมายมาติดตามกรณีนี้ และจากการติดตามเส้นทางการโอนเงินจากวอลเล็ตของบริษัททางบล็อกเชน พบว่าเงินถูกโอนให้บริการ Cryptocurrency tumbler หรือบริการนำเงินคริปโตที่มีปัญหา มาผสมกับเงินคริปโตรายการอื่น ทำให้ติดตามได้ยากขึ้น
ส่วนหน่วยงานรัฐของแอฟริกาใต้อย่าง Financial Sector Conduct Authority ก็เตรียมเข้ามาสืบสวนเรื่องนี้ แต่เพราะเงินคริปโตเป็นเรื่องใหม่มาก จึงยังไม่แน่ชัดว่าหน่วยงานมีอำนาจเหนือกรณีนี้มากน้อยแค่ไหน
มูลค่าความเสียหายครั้งนี้ คิดเป็นเหรียญบิตคอยน์ จำนวน 63,000 BTC ราคาปัจจุบัน คูณตามราคาปัจจุบัน ของวันที่ 24 มิถุนายน 2021 หนึ่งเหรียญ BTC มีค่าประมาณ 32,600 ดอลลาร์ เท่ากับมูลค่าความเสียหายรวมจะอยู่ที่ราว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา - The Register, Bloomberg |
# APNIC ทำฐานข้อมูล WHOIS หลุด หลังวางไฟล์สำรองฐานข้อมูลบนคลาวด์สตอเรจ
APNIC แจ้งเหตุข้อมูลหลุดจากการนำไฟล์สำรองฐานข้อมูลไปวางไว้ในคลาวด์สตอเรจแล้วคอนฟิกผิดพลาดจนเปิดให้สตอเรจเข้าถึงได้จากสาธารณะ
นักวิจัยภายนอกพบข้อมูลชุดนี้และแจ้งทาง APNIC เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ทาง APNIC ไม่มี log เพื่อตรวจสอบว่ามีคนดาวน์โหลดฐานข้อมูลไปหรือไม่จึงต้องแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหลไว้ก่อน
ข้อมูลในฐานข้อมูล มีค่าแฮชของรหัสผ่านสำหร้บผู้ดูแลฐานข้อมูล WHOIS, ข้อมูลติดต่อเมื่อเกิดเหตุ (Incident Response Team - IRT), และออปเจกต์ที่มองไม่เห็นจากภายนอกอีกบางส่วน
ที่มา - APNIC
ภาพโดย ColosusCloud |
# Instagram เริ่มทดสอบแนะนำโพสต์ที่ผู้ใช้อาจสนใจ เลือกหัวข้อที่สนใจได้
Instagram เริ่มทดสอบแนะนำโพสต์ที่ผู้ใช้อาจสนใจในกลุ่มผู้ใช้จำนวนหนึ่ง เป็นการแนะนำโพสต์ผสมผสานกับโพสต์ในหน้าฟีดจากบัญชีและแฮชแท็กที่ติดตามไว้ ผู้ใช้งานสามารถเลือกให้ Instagram แนะนำโพสต์ตามหัวข้อได้ และเลือกปิดการแนะนำโพสต์ตามหัวข้อได้ ทั้งปิดไปเลยถาวร หรือปิดชั่วคราว
ถือเป็นการทดสอบที่สะท้อนให้เห็นว่า Instagram พยายามดึงผู้ใช้ให้อยู่บนแพลตฟอร์มนานขึ้น ในอดีต Instagram เคยเสนอโพสต์ตามระยะเวลาที่เนื้อหาล่าสุดหรือ chronological หลังจากนั้นจึงใช้อัลกอริทึมแทน Instagram ยังเผยเมื่อไม่นานมานี้ด้วยว่า สาเหตุที่ใช้อัลกอริทึมแทนโพสต์เรียงลำดับตามเวลานั้น เพราะผู้ใช้งานราว 70% ไม่เห็นโพสต์ใหม่ครบทุกอัน เกือบครึ่งหนึ่งที่พลาดไปเป็นโพสต์จากคนที่เขาติดตาม จึงเป็นที่มาของการจัดอันดับคัดเลือกโพสต์เพื่อนำมาแสดงในฟีดของแต่ละคน
ที่มา - The Verge |
# Adobe เปิดตัว Substance 3D ตัวออกแบบงานสามมิติ เจาะกลุ่มงานพัฒนาเกม แอนิเมชั่น
Adobe เปิดตัว Substance 3D เครื่องมือออกแบบงานสามมิติ มี AI หรือ Adobe Sensei เป็นแกนหลักในการช่วยทำงาน และเป็นเครื่องมือที่ได้มาจากการเข้าซื้อบริษัท Allegorithmic ผู้พัฒนาเครื่องมือทำรายละเอียดภาพสามมิติที่ใช้ในเกมและภาพยนตร์
โดย Substance 3D เป็นแพ็กเกจสำหรับงานสามมิติ มีเครื่องมือแยกย่อยคือ
Substance 3D Stager เป็นการต่อยอดจาก Adobe Dimension เครื่องมือที่ช่วยให้นักออกแบบนำภาพ 2 มิติมาใช้งานกับภาพ 3 มิติได้ สามารถรวบรวมโมเดล วัสดุ และการจัดแสงในฉาก 3 มิติ มาสร้างงานเสมือนจริง
Substance 3D Painter เปรียบเสมือน Photoshop สำหรับงาน 3D ปรับแต่งพื้นผิววัสดุในงานสามมิติได้ เช่นผิวงานไม้ งานกระเบื้อง ผิวด้าน ในเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
Substance 3D Sampler นำเข้าภาพถ่าย หรืออาร์ตเวิร์คเพื่อมาปรับแต่งวัสดุงานใน Substance 3D
Substance 3D Designer เครื่องมือสร้างวัตถุงานสามมิติของตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น
Substance 3D Asset Library แหล่งรวมโมเดล วัสดุ พื้นผิว แสง ที่นักออกแบบเอาไปใช้ทำงานต่อได้
ที่มา - Adobe, Venture Beat |
# NVIDIA เปิดให้ดาวน์โหลด Canvas โปรแกรมสร้างภาพทิวทัศน์สมจริงด้วย AI จากภาพวาดระบายสี
NVIDIA เปิดตัว Canvas แอปแปลงภาพวาดระบายสีดูเดิ้ล ให้กลายเป็นภาพวิวทิวทัศน์สมจริง โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมเวอร์ชันเบต้าได้แล้ว และคอมพิวเตอร์ต้องมี NVIDIA RTX GPU
โปรแกรม Canvas ทำงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ GauGAN ที่ NVIDIA นำเสนอครั้งแรกในปี 2019 ซึ่งเมื่อเป็นรูปแบบของโปรแกรม Canvas ก็ทำให้การใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
ในเวอร์ชันเบต้านี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกองค์ประกอบในภาพได้ 15 แบบ อาทิ ภูเขา ก้อนหิน ทะเล
ที่มา: NVIDIA |
# ไมโครซอฟท์เปิดตัวมอนิเตอร์ Designed for Xbox จาก Philips, ASUS, Acer
ไมโครซอฟท์จับมือบริษัทผู้ผลิตจอภาพหลายราย เปิดตัวมอนิเตอร์แบรนด์ Designed for Xbox ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ Xbox Series X|S โดยมีฟีเจอร์สำคัญของจอเกมมิ่งรุ่นใหม่ เช่น 4K@120Hz, HDR, Variable Refresh Rate (VRR), HDMI 2.1
จอภาพที่เปิดตัวมี 3 รุ่นจาก 3 แบรนด์ ได้แก่
Philips Momentum 559M1RYV 55” มีซาวน์บาร์ในตัว ยิงแสงไฟเข้ากำแพงด้านหลังได้ ราคา 1,599 ดอลลาร์
ASUS Strix Xbox Edition Gaming Monitor XG43UQ 43” ยังไม่ระบุราคา
Acer Xbox Edition Gaming Monitor XV282K KV 28” มี KVM ในตัว สลับอุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมได้ ราคา 949 ดอลลาร์
ฝั่งโซนี่ก็มีแบรนด์ย่อยคล้ายๆ กันคือ Ready for PlayStation 5 แต่ยังจำกัดเฉพาะทีวี Bravia ของตัวเอง ไม่ได้ทำร่วมกับผู้ผลิตยี่ห้ออื่น
Philips
ASUS
Acer
ที่มา - Xbox |
# [ลือ] Comcast อาจร่วมมือกับ ViacomCBS หรือซื้อกิจการ Roku เพื่อขยายธุรกิจสตรีมมิ่ง
The Wall Street Journal รายงานว่า Brian Roberts ผู้บริหาร Comcast ซึ่งเป็นเจ้าของ NBCUniversal ที่มีบริการวิดีโอสตรีมมิ่ง Peacock กำลังพิจารณาร่วมมือกับ ViacomCBS หรืออาจซื้อกิจการ Roku เพื่อเสริมบริการสตรีมมิ่งให้แข็งแกร่งมากขึ้น
บริการสตรีมมิ่ง Peacock เริ่มให้บริการในอเมริกาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว มีจำนวนผู้สมัครใช้งาน 42 ล้านคน แต่มีผู้ใช้งานที่เสียเงินน้อยกว่า 10 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งสตรีมมิ่งรายใหญ่ในตลาดอย่าง Netflix หรือ Disney+ ทั้งนี้ตัวแทนของ Comcast, ViacomCBS และ Roku ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว
นอกจากพิจารณาร่วมมือกับสตรีมมิ่งรายอื่น Roberts ยังกำลังเจรจาเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ผลิตโทรทัศน์ เพิ่มให้ใส่ซอฟต์แวร์สตรีมมิ่งของ NBCUniversal รวมทั้ง Peacock เพิ่มเข้าไปด้วย
ที่มา: The Wall Street Journal |
# John McAfee เสียชีวิตแล้วด้วยอายุ 75 ปี
John McAfee ผู้ก่อตั้งบริษัทแอนตี้ไวรัส McAfee (ปัจจุบันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทแล้ว) ได้เสียชีวิตแล้วด้วยอายุ 75 ปี ขณะถูกควบคุมตัวในเรือนจำเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน จากข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีในสหรัฐอเมริกา โดยทางการระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าอาจมาจากการฆ่าตัวตาย และทีมทนายของ John McAfee ก็ได้ยืนยันการเสียชีวิตของเขา
ระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำ เขาถูกทางการสหรัฐตั้งข้อหาเพิ่มเติมอีกรวม 7 ข้อหา เกี่ยวกับการหลอกให้คนมาลงทุนในเงินคริปโต โดยเขาปฏิเสธการถูกส่งตัวกลับไปที่สหรัฐมาตลอด
John McAfee เริ่มตั้งบริษัทพัฒนาแอนตี้ไวรัสในปี 1987 ต่อมาได้ขายหุ้นบริษัททั้งหมดในปี 1994 และไม่มีความเกี่ยวข้องอีกเลย ซึ่งช่วงหนึ่งเขายังออกมาให้ความเห็นขอบคุณอินเทล ที่ซื้อกิจการ McAfee ไป และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อบริษัท ปัจจุบันอินเทลได้ขายธุรกิจนี้ไปแล้ว และเจ้าของใหม่ TPG ก็กลับมาใช้ชื่อ McAfee เหมือนเดิม
ที่มา: Reuters |
# Bitmain หยุดขายเครื่องขุดเหรียญคริปโตชั่วคราว เปิดทางลูกค้าจีนระบายเครื่องมือสอง
Bitmain บริษัทจีนผู้ผลิตเครื่องขุดเงินคริปโต ASIC ประกาศหยุดขายเครื่องชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้ลูกค้าเดิมในจีนขายเครื่องมือสองไปยังประเทศอื่นๆ หลังรัฐบาลจีนปราบปรามธุรกิจขุดเหมืองคริปโตในจีนอย่างหนัก
Bloomberg รายงานข่าวนี้โดยอ้างข้อความที่ Bitmain แจ้งไปยังชุมชนนักขุดในจีนเอง ว่า Bitmain จะช่วยเหลือลูกค้าให้ระบายเครื่องออกโดยราคาไม่ตกมาก ด้วยการไม่ขายเครื่องใหม่แข่ง แต่จะยังขายเครื่องสำหรับขุดเหรียญทางเลือก (altcoin) ที่ส่งมอบตามกำหนดในอนาคตต่อไป
ที่มา - Bloomberg |
# OneDrive เพิ่มคุณสมบัติแก้ไขรูปภาพเบื้องต้น รองรับบนเว็บและ Android ก่อน
ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มเครื่องมือสำหรับแก้ไขและดูรูปภาพบน OneDrive โดยบอกว่าจะมีการเพิ่มคุณสมบัติการใช้งานใหม่ ๆ ด้านการจัดการรูปภาพ อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ซึ่งทำให้ OneDrive มีความสามารถในการปรับแต่งรูปใกล้เคียง Google Photos มากขึ้น
ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาในช่วงแรกเป็นคุณสมบัติพื้นฐาน ได้แก่ การครอปภาพ, หมุนภาพ, กลับภาพ, การปรับแสงและสีพื้นฐาน รวมทั้งรองรับการแสดงภาพบน Chromecast สำหรับแอปบนมือถือ
คุณสมบัติการแก้ไขรูปภาพบน OneDrive นี้ เริ่มใช้งานได้แล้วผ่านเว็บ และแอปบน Android ส่วนแอป iOS จะเพิ่มมาในภายหลัง
ที่มา: ไมโครซอฟท์ ผ่าน Engadget |
# EA ซื้อกิจการ Playdemic สตูดิโอผู้พัฒนาเกม Golf Clash มูลค่าดีล 1.4 พันล้านดอลลาร์
Electronic Arts ประกาศซื้อกิจการ Playdemic สตูดิโอผู้พัฒนาเกมบนมือถือ ซึ่งมีเจ้าของคือ Warner Bros. Games บริษัทในเครือ WarnerMedia โดย EA จะจ่ายเป็นเงินสดรวม 1,400 ล้านดอลลาร์
Playdemic มีผลงานเกมเด่นคือ Golf Clash เป็นเกมที่ได้รับความนิยมในตลาดอเมริกาและอังกฤษ จำนวนดาวน์โหลดรวมมากกว่า 80 ล้านครั้ง และได้รับรางวัลมากมายในช่วงปี 2017-2018
ดีลนี้สำหรับ EA เป็นไปตามกลยุทธ์สร้างการเติบโตในตลาดเกมบนมือถือ ส่วนในมุมของ WarnerMedia ที่เพิ่งควบรวมกิจการกับ Discovery นั้น ตามแผนคือจำหน่ายธุรกิจบางส่วนของ Warner Bros. Games ออกไปด้วย และ Playdemic ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการเงินให้กับ AT&T บริษัทแม่ได้อีกทางหนึ่ง
ที่มา: EA และ Variety |
# ThinkPad X1 Extreme Gen 4 เปิดตัว ดีไซน์ใหม่จอ 16" 16:10, เครื่องบางแต่ใส่ RTX 3080 ได้
Lenovo เปิดตัว ThinkPad X1 Extreme Gen 4 โน้ตบุ๊กตัวแรงของสาย ThinkPad ที่ปรับดีไซน์ใหม่ เครื่องบางลงเหลือ 17.7 มิลลิเมตร หน้าจอขยับเพิ่มเป็น 16" ในสัดส่วน 16:10 ในน้ำหนัก 1.81 กิโลกรัม (เป็นคู่แฝดของ ThinkPad P1 Gen 4 ที่ออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน)
ฝั่งสเปกเครื่องก็อัดทุกอย่างที่เป็นไปได้เข้ามาคือ ซีพียูใส่ได้สูงสุด Core i9 H Gen 11th, จีพียูสูงสุดคือ GeForce RTX 3080, แรมสูงสุด 64GB DDR4, สตอเรจเป็น SSD 2TB สองตัว, ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ เป็นลูกผสมของ heat pipe และ vapor chamber
หน้าจอของ ThinkPad X1 Extreme Gen 4 เป็นจอขอบบาง ความละเอียดสูงสุด 4K Dolby Vision HDR ความสว่าง 600 nit, กล้องเว็บแคม FHD infrared, ระบบเสียง Dolby Atmos, ทัชแพดขนาดใหญ่ 115 มิลลิเมตร, ตัวเลือก 5G WWAN, แบตเตอรี่ขนาด 90WHr อยู่ได้นาน 10.7 ชั่วโมง
ราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 2,099 ยูโร (ประมาณ 80,000 บาท) เริ่มวางขายเดือนสิงหาคม 2021
ที่มา - Lenovo |
# Brave ประกาศนำเครื่องมือค้นหา Brave Search มาใส่ในเบราว์เซอร์ ชูจุดขายเน้นความเป็นส่วนตัว
Brave เบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์ส ที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Mozilla เปิดตัวบริการเสิร์ช Brave Search ที่เน้นปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งมาจากการซื้อกิจการเสิร์ช Tailcat เมื่อต้นปี โดยนำมารวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเบราว์เซอร์ แบบเดียวกับกูเกิล หรือไมโครซอฟท์
Brave ระบุว่าบริการเสิร์ชนี้มีการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นอิสระ ไม่มีการติดตามผู้ใช้งาน พฤติกรรมการค้นหาก่อนหน้า หรือการคลิก รวมทั้งสร้างจากฐานข้อมูลของ Brave Search เอง ซึ่งแตกต่างจาก DuckDuckGo ที่ใช้ฐานข้อมูลของ Bing
บริการของ Brave Search ยังอยู่ในสถานะเบต้า โดย Brave บอกว่าจะมีทางเลือกสองแบบคือแสดงโฆษณา และจ่ายเงินเพื่อไม่มีโฆษณา แต่โฆษณาจะเริ่มเปิดการทำงานในอนาคตหลังพ้นสถานะเบต้า
ผู้ใช้งานเบราว์เซอร์อื่น สามารถใช้งานเสิร์ชของ Brave ได้เช่นกันที่ search.brave.com
ที่มา: Brave |
# Apple ออกรายงาน ระบุผู้ใช้ iOS ต้องโหลดแอปผ่าน App Store เท่านั้น ก็เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
แอปเปิลออกเอกสารรายงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการชี้แจงต่อหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐ อังกฤษ และยุโรป จากประเด็นการผูกขาดทางการค้าในแพลตฟอร์มบนมือถือ ซึ่งแอปเปิลไม่เปิดให้ผู้ใช้งานลงแอปจากแหล่งภายนอกได้เอง หากไม่ผ่าน App Store ที่เป็นระบบของแอปเปิลเอง
คำอธิบายของแอปเปิลอาจไม่มีประเด็นใหม่หากติดตามเรื่องนี้มาตลอด โดยแอปเปิลย้ำว่าการให้ผู้ใช้งานโหลดแอปจากแหล่งภายนอกได้เอง เป็นการลดความปลอดภัยของ iOS เพิ่มความเสี่ยงในการใช้งาน โดยยกตัวอย่างเช่น เด็กสามารถดาวน์โหลดเกมที่พ่อแม่ไม่สามารถควบคุมผ่าน Parental Control ได้, แอปอาจเข้ามาล็อกโฟลเดอร์ภาพถ่ายได้, แอปอาจเก็บข้อมูลเบื้องหลังโดยผู้ใช้งานไม่รู้ตัวได้ เป็นต้น
เมื่อเทียบข้อจำกัดนี้กับคอมพิวเตอร์ แอปเปิลบอกว่าแพลตฟอร์มมือถือมีความแตกต่าง เนื่องจาก iPhone ถูกใช้งานและเก็บข้อมูลสำคัญมากกว่า เช่น การเงินธนาคาร ข้อมูลสุขภาพ รวมถึงรูปถ่ายส่วนตัว ฉะนั้นการป้องกันการถูกโจมตีจึงต้องมีการควบคุมที่มากกว่า
ด้านข้อมูลจากฝ่ายแย้งในประเด็นนี้บอกว่า แอปเปิลสามารถเปิดให้ดาวน์โหลดแอปภายนอกมาลงเองได้ โดยไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัย เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับผลประโยชน์ใน App Store มากกว่า
สามารถอ่านเอกสารดังกล่าวได้ที่นี่
ที่มา: The Guardian |
# โซนี่ไทยเตรียมขาย Xperia 10 III น้องเล็กตระกูล Xperia รองรับ 5G กรกฎาคมนี้ ราคา 14,990 บาท
โซนี่ประเทศไทยเตรียมวางจำหน่ายมือถือ Xperia 10 III (อ่านว่า เอ็กซ์พีเรียเท็นมาร์คทรี) ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ในราคา 14,990 บาท มีสองสี คือสีดำ และสีน้ำเงิน จองตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม ได้ของแถมเป็นหูฟังไร้สาย WH-CH510 สีดำ หรือน้ำเงิน มูลค่า 1,990 บาท
Xperia 10 III เป็นมือถือ 5G รุ่นเล็กในตระกูล Xperia หน้าจอ OLED FHD+ 60Hz ขนาด 6 นิ้วอัตราส่วน 21:9 (จอเล็กกว่า Xperia 1 III และ Xperia 5 III และไม่มี 120Hz) หน่วยประมวลผลเป็น Snapdragon 690 5G, แรม 6GB, หน่วยความจำภายในแบบ UFS ขนาด 128GB รองรับ microSD, แบตเตอรี่ 4,500 mAh ใหญ่ขึ้นจาก Xperia 10 II 25%
ส่วน Xperia 1 III รุ่นเรือธง ยังไม่มีข้อมูลราคาหรือกำหนดวางจำหน่ายในประเทศไทย
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# Tesla โชว์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Dojo ใช้เทรน AI สำหรับ Autopilot, สมรรถนะอันดับ 5 ของโลก
Tesla โชว์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Dojo ที่ใช้ภายในบริษัท เป้าหมายเพื่อเทรน AI สำหรับฟีเจอร์ Autopilot
Andrej Karpathy หัวหน้าฝ่าย AI ของ Tesla โชว์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ตัวนี้ในงานสัมมนา 2021 Conference on Computer Vision and Pattern Recognition โดยสเปกเท่าที่เปิดเผยคือ
สมรรถนะ 1.8 ExaFLOPS เทียบได้กับซูเปอร์คอมพิวเตอร์อันดับ 5 ของโลกในปัจจุบัน (ยังไม่เข้าชาร์ท TOP500 อย่างเป็นทางการ)
หนึ่งโหนดมีจีพียู NVIDIA Ampere A100 รุ่นแรม 80GB จำนวน 8 ตัว มีทั้งหมด 720 โหนด ใช้จีพียูรวม 5,760 ตัว
สตอเรจเป็น NVME ขนาดรวม 10 PB
สวิตช์ที่ใช้รองรับการส่งข้อมูล 640 Tbps
Karpathy บอกว่า Tesla มีปริมาณข้อมูลจากรถยนต์ในปัจจุบันจำนวนมหาศาล จึงต้องสร้างคลัสเตอร์ขึ้นมาใช้เองเพื่อประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ให้ทัน แต่ก็ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ ของ Dojo มากนักในตอนนี้
ที่มา - NVIDIA, Electrek |
# ทิ้งท้าย Apple ออกอัพเดตใหม่ให้แอปสภาพอากาศ Dark Sky ที่เตรียมปิดตัวสิ้นปี 2022
แม้ Apple จะเตรียมปิดให้บริการแอป Dark Sky แอปรายงานสภาพอากาศที่บริษัทซื้อกิจการมาเมื่อปีก่อน ภายในปี 2022 แถมยังปิดให้บริการบน Android และ Wear OS ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ยังออกอัพเดตแอปเวอร์ iOS ชั่นใหม่ให้อยู่ หลังอัพเดตครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยมีอัพเดตโน้ตดังนี้
ปรับปรุงระบบ VoiceOver
ปรับ Complications บน Apple Watch ให้อัพเดตบ่อยขึ้น
แก้ปัญหาการแสดงผลของสถานะดวงจันทร์ที่ไม่อัพเดต
ปรับปรุงประสิทธิภาพต่างๆ
ฟีเจอร์รายงานสภาพอากาศโดยละเอียดคล้ายคลึงกับ Dark Sky เตรียมถูกเพิ่มในแอป Weather บน iOS 15 ภายในปีนี้ ซึ่งอาจเหลื่อมกับ Dark Sky ในปี 2022 ก่อนปิดตัวลง
ที่มา - Macrumors |
# อย่าลืมแก้ก่อนส่งครู Myth: Gods of Asgard เกมที่เหมือน Hades ทั้งแท่ง
Hades เกมแอ็กชั่นแนว rogue-like หรือแนวตะลุยดันเจี้ยนที่สร้างแบบสุ่มจาก Supergiant Games ที่กวาดรางวัลไปมากมาย และเตรียมลงเครื่องคอนโซลอื่นนอกจาก Nintendo Switch เดือนสิงหาคมนี้ ดูเหมือนจะมีพี่น้องฝาแฝดเป็นเกมมือถือแนวเดียวกัน มีสไตล์ภาพเหมือนกัน แต่เปลี่ยนเซ็ตติ้งเป็นเทพนอร์ส ชื่อเกม Myth: Gods of Asgard ซะแล้ว
Myth: Gods of Asgard สร้างโดย Mana Games เป็นเกมแอ็กชั่น rogue-like เหมือน Hades แต่ผู้เล่นรับบทเป็นธอร์ เปลี่ยนเซ็ตติ้งเป็นโลกเทพเจ้านอร์ส และมีระบบ loot box ตัวเกมมีแผนลง Android และ iOS แต่ปัจจุบันมีแค่เวอร์ชั่น Android ให้โหลดมาทดลองเล่นจากเว็บ Taptap.io ยังไม่มีหน้าแอปทั้งบน Google Play Store และ App Store
Mana Games ทีมสร้าง Myth: God of Asgard เคยสร้างเกมมือถือ Fairy Town มาก่อน ระบุในโพสต์เฟสบุ๊กอย่างเป็นทางการของ Myth ว่าทีมงานทุกคนเคารพและเล่น Hades ไปแล้วกว่า 200 ชั่วโมง รวมถึงมองว่า Hades เป็นเกมที่มีงานภาพแบบคอมิกส์อเมริกัน แต่เกมที่มีสไตล์คอมิกส์อเมริกันไม่ได้มีแค่เกม Hades เท่านั้น ทีมงานมองว่าสีและโทนของ Hades เหมาะกับเกมมากที่สุด แต่จะพัฒนาปรับปรุงตัวเกมต่อไป
Kotaku ติดต่อไปหา Supergiant Games ผู้สร้าง Hades ได้คำตอบว่าทีมงานก็เพิ่งเห็นเกมนี้เหมือนกัน และกำลังพูดคุยกับที่ปรึกษาด้านกฎหมายว่าทำอย่างไรได้บ้าง พร้อมบอกว่าทีมงานยังไม่ได้เล่นเกมนี้ แต่ดูจากภาพและตัวอย่างแล้ว ก็มีความเหมือนกับ Hades จนน่ากังวล
ที่มา - Kotaku
วิดีโอจาก Gaming Mobile |
# อินเทลจัดโครงสร้างองค์กรใหม่ แบ่งครึ่งฝ่ายศูนย์ข้อมูล ตั้งฝ่ายซอฟต์แวร์แยกเฉพาะ
อินเทลประกาศปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ แยกฝ่ายศูนย์ข้อมูล (Data Platform Group) ออกเป็น 2 ส่วน และตั้งหน่วยธุรกิจใหม่อีก 2 หน่วย
Data Platform Group (DPG) ที่เป็นธุรกิจฝั่งเซิร์ฟเวอร์ จะแยกออกเป็นหน่วย Datacenter and AI ที่ครอบคลุม Xeon, FPGA, AI และหน่วย Network and Edge Group ครอบคลุมด้านชิปสื่อสารและ IoT
อินเทลยังตั้งหน่วยธุรกิจใหม่อีก 2 หน่วยคือ Software and Advanced Technology Group เน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ และ Accelerated Computing Systems and Graphics Group (AXG) เน้นคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ กราฟิก โดยหน่วยหลังสุดได้ Raja Koduri ที่เราคุ้นหน้าจากวงการจีพียูมาเป็นหัวหน้า
ทั้ง 4 หน่วยของอินเทลจะขึ้นตรงกับ Pat Gelsinger ซีอีโอของอินเทล ถือเป็นการปรับโครงสร้างภายในครั้งแรกหลัง Gelsinger เข้ารับตำแหน่งซีอีโอ
ที่มา - Intel |
# Adobe Premiere Pro ยกเครื่องหน้าตาใหม่ แยกหน้า Import ออกมาเพื่อนำเข้าไฟล์ง่ายขึ้น
Adobe Premiere Pro ออกแบบหน้าตาการใช้งานใหม่ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานหน้าใหม่มากขึ้น ยังคงเป็นเวอร์ชั่นเบต้า มีการออกแบบใหม่สามส่วนหลักๆ คือแยกหน้า Import ออกมา, เพิ่มแถบการทำงานหลักที่ด้านบนสุด และหน้า Export
ในหน้า Import Mode แสดงฟุตเทจคลิปในรูปแบบภาพ เพื่อให้นำเข้าวิดีโอเข้ามาได้ง่ายและเร็วขึ้น ลดการอ่านชื่อไฟล์และชื่อโฟลเดอร์ในเครื่อง ในกรณีที่ต้องนำเข้าไฟล์จากหลายๆโฟลเดอร์บนอุปกรณ์ โดยจะมองเห็นไฟล์ที่เพิ่มเข้ามาในแถบเล็กๆ ด้านล่าง ดูได้จากรูปภาพ
เพิ่มแถมการทำงานด้านบน รวบเมนูการทำงานจากเดิมที่มีเยอะมาเป็นสามเมนูหลัก คือ กลุ่ม Import, Edit, Export ไว้ที่ด้านซ้ายมือ ชื่อโปรเจกต์งานอยู่ตรงกลาง และเมนู edit อยู่ด้านขวาที่คลิกเป็น drop down ได้
ในหน้า Export มีการออกแบบที่เรียบง่ายขึ้น เมนูน้อยลง ผู้สร้างงานเลือกจุดหมายปลายทางที่อยากลงวิดีโอได้ ทั้ง Facebook, YouTube, Twitter, Behance หรือเก็บไว้ใน Creative Cloud
ที่มา - Adobe |
# SiFive ประกาศความร่วมมืออินเทลทำ RISC-V, ใช้โรงงานอินเทลผลิตชิป RISC-V ระดับ 7nm
จากข่าวลือ อินเทลเสนอซื้อ SiFive บริษัทของผู้ออกแบบซีพียู RISC-V วันนี้ข่าวจริงมาแล้ว ไม่ได้เป็นการซื้อกิจการ แต่เป็น SiFive เลือกใช้บริการโรงงานผลิตชิปของอินเทลแทน
ข่าวนี้มาพร้อมกับการเปิดตัวคอร์ซีพียู RISC-V ซีรีส์ใหม่ชื่อ SiFive Performance ที่เน้นสมรรถนะสูงไปท้าชน Arm โดยคอร์ซีพียูรุ่นแรกใต้ซีรีส์นี้ชื่อ P550 ทำคะแนนเบนช์มาร์ค SPECInt 2006 ได้ 8.65 คะแนนต่อ GHz ถือเป็นคอร์ RISC-V ที่ประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน ตัวเลขของ SiFive ระบุว่าคอร์ P550 จำนวน 4 คอร์มีขนาดบนชิปเท่าๆ กับ Arm Cortex-A75 หนึ่งคอร์ โดยมีประสิทธิภาพต่อพื้นที่ (performance-per-area) เหนือกว่า
SiFive P550 จะใช้โรงงานรับจ้างผลิตของอินเทล ผลิตที่ระดับ 7 นาโนเมตร แถมอินเทลจะยังนำ SiFive P550 ไปพัฒนาต่อเป็นแพลตฟอร์มชิปโค้ดเนม Horse Creek ที่เพิ่มเทคโนโลยีด้าน DDR และ PCIe ของตัวเองมาด้วย (เท่ากับว่าอินเทลจะออกสินค้า RISC-V โดยใช้แกนของ SiFive) แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่อง Horse Creek มากนัก นอกจากจะออกสู่ตลาดในปี 2022
นอกจากนี้ SiFive ยังออกแกนซีพียูอีกรุ่นคือ P270 ที่ย่อมเยาลงมา รองรับชุดคำสั่งแบบเวกเตอร์ RISC-V Vector Extension v 1.0RC และเน้นการใช้งานกับลินุกซ์ด้วย
ที่มา - SiFive, CNET, AnandTech |
# กูเกิลเปิดบริการ Visual Inspection AI ตรวจสอบการผลิตผิดพลาด
Google Cloud เปิดบริการใหม่ Visual Inspection AI บริการปัญญาประดิษฐ์ตรวจสอบภาพแต่ออกแบบเฉพาะทางสำหรับการผลิตสินค้าโดยเฉพาะ เช่น ตรวจสอบการผลิตบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ว่ามีอุปกรณ์ขาดหายไป
ก่อนหน้านี้กูเกิลมีบริการ AutoML Vision ที่คล้ายกันอยู่แล้ว แต่กูเกิลระบุว่าบริการ Visual Inspection AI นี้จะใช้ข้อมูลฝึกปัญญาประดิษฐ์น้อยกว่ามาก และไม่ได้ฝึกแค่ชิ้นส่วนต่างออกไปจากปกติ (deviate) แต่สามารถฝึกแยกประเภทของความผิดพลาดได้ด้วย
โมเดลที่ฝึกออกมาแล้วสามารถรันบน Google Cloud หรือใช้งานแบบคอนเทนเนอร์ในเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรเองก็ได้ โดยกูเกิลคิดค่าบริการจากชั่วโมงในการฝึกโมเดล และคิดค่าวิเคราะห์ภาพเป็นรายภาพ
ที่มา - Google Cloud Blog |
# VS Code ออกเวอร์ชัน 1.57 เพิ่มฟีเจอร์จำกัดการรันโค้ดที่ยังไม่เชื่อถือ, แก้ไขโค้ดบน GitHub โดยตรงไม่ต้องโคลนลงเครื่อง
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.57 ให้ Visual Studio Code โดยได้เพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง
ฟีเจอร์สำคัญอย่างแรกของอัพเดตนี้ คือ Workspace Trust ซึ่งจะช่วยจำกัดสิทธิการรันโค้ดที่ผู้ใช้ยังไม่เชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยในกรณีอย่างเช่นการดึงโค้ดโปรเจ็กต์ open-source จาก repository สาธารณะที่ไม่คุ้นเคยมาทดลองใช้งาน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการฝังโค้ดประสงค์ร้ายแอบแฝงไว้
โดยหลังจากได้อัพเดตฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว เมื่อเปิด workspace ใดๆ นักพัฒนาจะมีสิทธิที่จะเลือกไม่เชื่อถือต้นทางของโค้ดภายใต้ workspace นั้น ซึ่งจะส่งผลให้ VS Code เข้าสู่ restricted mode และจะปิดฟีเจอร์ทั้งในส่วนของการสั่งรัน task, การดีบัก, การตั้งค่าเฉพาะ workspace และการใช้งานส่วนขยาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรันโค้ดที่อาจเป็นอันตรายอัตโนมัติ
อย่างที่สองเป็นการเพิ่มส่วนขยาย Remote Respositories ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่ใช้ GitHub เป็น Source Control ด้วยการเปิดให้สามารถดึงโค้ดจาก GitHub มาแก้ไขบน VS Code ได้โดยตรง ไม่ต้องโคลน repository มายังเครื่องที่ใช้พัฒนาก่อน
ช่วยให้นักพัฒนาสามารถดึงโค้ดมาศึกษาหรือแก้ไขโค้ดเล็กๆ น้อยๆ (เช่นในส่วนโค้ดที่ไม่จำเป็นต้องบิลด์หรือรันเทสต์) ได้อย่างรวดเร็ว โดยแลกกับการจำกัดความสามารถของ VS Code ในหลายๆ ส่วนเช่นการดีบัก, terminal, IntelliSense รวมไปถึงส่วนขยายบางตัวที่จำเป็นต้องอ่านไฟล์จากเครื่องเท่านั้น
ส่วนการปรับปรุงอื่นๆ ที่ไมโครซอฟท์ยกให้เป็นไฮไลท์ของอัพเดตครั้งนี้มีดังนี้
ปรับปรุงหน้าแนะนำการตั้งค่าและวิธีการใช้งานใหม่ สามารถแสดงคำแนะนำจากส่วนขยายที่ติดตั้งไว้ด้วย
เพิ่มการแสดงผลแท็บเมื่อเปิด terminal ใช้งานมากกว่าหนึ่งตัว สามารถแสดงสถานะของการรัน task, คลิกแล้วลากเมาส์เพื่อจัดเรียงลำดับหรือจัดกลุ่มแท็บได้
JavaScript debugger สามารถเรียก Microsoft Edge Developer Tools เพื่อตรวจสอบ DOM และเน็ตเวิร์คได้จาก VS Code โดยตรง
รองรับแท็ก @link สำหรับการสร้างลิงก์ไปยัง symbol เมื่อเขียน document ด้วย JSDoc
รองรับการใช้คำสั่ง Go to Definition กับการ import รูปหรือไฟล์ css
ที่มา - Visual Studio Code |
# HoloLens 2 เปิดให้สั่งจองในไทยแล้ว ราคาเริ่มต้นที่ 149,990 บาท
หลังจากเปิดตัวในปี 2019 ไมโครซอฟท์ประกาศวางจำหน่าย HoloLens 2 รุ่นล่าสุดในไทยอย่างเป็นทางการ ในราคาเริ่มต้นที่ 149,990 บาท อุปกรณ์จะพร้อมจัดส่งในวันที่ 5 ก.ค.นี้
HoloLens 2 เป็นแว่นตา Mixed Reality รุ่นใหม่ที่สามารถโต้ตอบกับภาพโฮโลแกรมได้อย่างสมจริงและเป็นธรรมชาติ มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ติดตามดวงตาและกล้องสแกนม่านตาด้วย Windows Hello โดยในรุ่นที่ 2 นี้ได้ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบเบาที่เล็กลง ปรับปรุงการจัดการความร้อน มีมุมมองการแสดงผลใหญ่ขึ้น 2 เท่า ออกแบบมาให้ใส่สบายขึ้น และสวมแว่นตาขณะใช้งานได้แล้ว
รุ่นและราคาจำหน่าย
HoloLens 2 รับประกัน 1 ปี ราคา 149,990 บาท
HoloLens 2 Industrial Edition รับประกัน 2 ปี ได้รับการประเมินตามมาตรฐาน ISO 14644-14, ISO Class 5.0 และ UL Class I, Division 2 ราคา 219,990 บาท
HoloLens 2 เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต การดูแลสุขภาพ และการศึกษา รองรับการทำงานร่วมกันได้จากทุกที่ด้วย Dynamics 365 Remote Assist จาก Microsoft Teams และช่วยให้พนักงานเรียนรู้โดยทำตามคำแนะนำทีละขั้นตอนด้วย Dynamics 365 Guides ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่การดูห้องแบบเสมือนจริงก่อนซื้อคอนโด การฝึกซ้อมใช้งานอุปกรณ์สำหรับการผ่าตัด การฝึกบินในวงการอากาศยาน การดูรายงาน Power BI ในสถานที่จริง การเรียนรู้กายวิภาคของร่างกายมนุษย์ในห้องเรียน ไปจนถึงการสร้าง Avatar เพื่อไปโต้ตอบกันในโลกเสมือนจริงด้วย Microsoft Mesh
ผู้สนใจสามารถสั่งจองได้ผ่าน Authorized Device Resellers ในไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Sustainable Solution
นักพัฒนาที่สนใจสามารถเรียนรู้การสร้างโซลูชัน Mixed Reality ด้วย Mixed Reality Toolkit (MRTK), Unity, Unreal และบริการต่าง ๆ บน Azure เช่น Azure Spatial Anchors, Azure Remote Rendering และ Azure Object Anchors ได้ที่นี่
ที่มา - HoloLens Thai และ Spark Tech Thailand |
# Minecraft ร่วมฉลอง 30 ปี Sonic The Hedgehog ด้วย DLC เปลี่ยนเกมเป็นเกม Sonic
Minecraft ร่วมฉลองครบรอบ 30 ปี Sonic The Hedgehog วันที่ 23 มิถุนายน ด้วย DLC และไอเท็ม Character Creator ตัวใหม่ที่จะเปลี่ยนเกม Minecraft ให้เป็นเกม Sonic แบบ 3D ด้วยระบบสร้างแผนสไตล์ Green Hills Zone หรือ Chemical Plant Zone ที่มีทั้งศัตรูจากเกม Sonic มีวงแหวนให้วิ่งตีลังกา มีแหวนทองให้เก็บ และมีสปริงให้ดีดตัวแบบในเกม
สกินตัวละครไม่ใช่แค่เปลี่ยนรูปลักษณ์อย่างเดียว แต่มาพร้อมความสามารถใหม่ๆ ด้วย เช่นสกิน Sonic ที่หมุนตัวเป็นวงกลม (ขอบเหลี่ยมๆ) Knuckle ที่ต่อยทะลุบล็อกได้ หรือ Tail ที่บินได้ และยังมีความลับอื่นๆ ซ่อนในแผนที่อีกเพียบ
ดาวน์โหลด DLC ฟรีได้แล้วทุกแพลตฟอร์ม ได้ในราคา 1,340 coins (แพ็ก 1,720 coins ราคา 9.99 ดอลลาร์) บน Minecraft Marketplace โดยผู้เล่นต้องมี Minecraft Bedrock Edition เป็นเกมหลัก
แก้ไข: ส่วนที่ฟรีคือไอเท็มสำหรับ Character Creator เท่านั้น DLC ตัวเต็มใน Marketplace ต้องใช้ 1,340 coins เพื่อปลดล็อก
ที่มา - Minecraft.net |
# BigQuery เพิ่มฟีเจอร์จำกัดสิทธิ์แบบ row-level ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลละเอียด
บริการ BigQuery ของ Google Cloud นับเป็นบริการยอดนิยมอีกตัวของ Google Cloud โดยองค์กรนิยมนำมาใช้เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เนื่องจากกูเกิลคิดค่าบริการเฉพาะค่าเก็บข้อมูลและค่าคิวรีเท่านั้น ตอนนี้บริการ BigQuery เพิ่มฟีเจอร์จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลระดับแถว (row-level security - RLS)
RLS เปิดให้ผู้ใช้กำหนดนโยบายการเข้าถึงข้อมูลแต่ละแถวตามฟิลด์เตอร์ที่กำหนดไว้ เช่น สาขาเจ้าของข้อมูล ผลกระทบของการจำกัดสิทธิ์เช่นนี้ทำให้การคิวรีโดยผู้ใช้คนละคนจะคิวรีได้ผลไม่เหมือนกัน หน้าจอ BigQuery จะขึ้นเตือนไว้ว่าข้อมูลถูกกรองจากสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล
ตอนนี้ BigQuery มีฟีเจอร์จำกัดสิทธิ์ได้ 5 รูปแบ ได้แก่ ระดับโปรเจค, ระดับชุดข้อมูล, ระดับตาราง, ระดับคอลัมน์, และระดับแถวที่เพิ่มเข้ามาในวันนี้
ที่มา - Google Cloud Blog |
# AIS ร่วมมือไมโครซอฟท์พาธุรกิจไทยเข้าสู่ยุค 5G, IoT, Cloud Computing ได้อย่างเต็มรูปแบบ
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา AIS ประกาศข้อตกลงเป็น Exclusive Strategic Partner กับไมโครซอฟท์ นับเป็นหมุดหมายสำคัญของความร่วมมือระหว่างสองบริษัท หลังจากก่อนหน้านี้ทั้ง AIS และไมโครซอฟท์ร่วมมือกันมานับแต่ปี 2016
AIS และไมโครซอฟท์ เคยร่วมมือกันพัฒนาบริการให้องค์กรในไทยหลายเรื่อง เริ่มตั้งแต่ความร่วมมือด้านเครือข่ายที่ AIS เชื่อมต่อเข้าศูนย์ข้อมูลของไมโครซอฟท์ผ่านทางบริการ AIS ExpressRoute ทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงคลาวด์ของไมโครซอฟท์ โดยไม่ต้องกังวลคุณภาพการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หลังจากนั้น AIS ยังเป็นพันธมิตรของไมโครซอฟท์ถึงสองด้าน คือ Cloud Solution Provider ทำให้สามารถให้บริการคลาวด์กับองค์กรต่างๆ ในไทยได้อย่างสมบูรณ์ และขยายความร่วมมือสู่การเป็น Licensing Solution Partner ในปี 2020 ที่ผ่านมา
ความตกลง Exclusive Strategic Partner ระหว่างสองบริษัทครั้งนี้ มีแนวทางผลักดันอุตสาหกรรม 3 ด้าน ได้แก่ การผลักดันโซลูชั่นดิจิทัล, การพัฒนาทักษะดิจิทัลของบุคคลากรไทย, และการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับธุรกิจไทย
ผลักดันโซลูชั่นดิจิทัล
ที่ผ่านมา AIS Business นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลหลากหลายรูปแบบให้กับองค์กรอยู่แล้ว ความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ครั้งนี้ ช่วยเปิดทางให้ AIS Business สามารถช่วยเหลือองค์กรในไทยย้ายไปใช้บริการคลาวด์ได้อย่างเหมาะสมต่อธุรกิจของตัวเอง
AIS Business มีบริการด้านคลาวด์ครบวงจร ทั้งการให้คำปรึกษาในการย้ายโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรไปยังคลาวด์, การให้บริการโครงสร้างการสื่อสารที่เชื่อมต่อกับไมโครซอฟท์ได้ประสิทธิภาพสูง, และการใช้แพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ทั้ง Office 365 และ Azure โดยรวมใบเสร็จเข้ากับบริการของ AIS ช่วยลดภาระขององค์กรเรื่องเอกสาร
นอกจากการทำงานร่วมกับคลาวด์แล้ว AIS ยังผลักดันบริการ IoT อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งแบบโซลูชั่นพร้อมใช้งาน, ชุดพัฒนาสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับแต่งรูปแบบการใช้งานด้วยตัวเอง, หรือจะเป็น ecosystem ที่ AIS มีพันธมิตรต่างๆ พัฒนาโซลูชั่นที่ให้บริการบนเครือข่าย NB-IoT ของ AIS ที่พร้อมให้บริการทั่วไทย
พัฒนาทักษะดิจิทัลของบุคคลากรไทย
ความร่วมมือครั้งนี้ยังมีแนวทางให้ AIS Business เข้ามาสนับสนุนคนไทยให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น จากการผลักดันผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการ AIS Academy แพลตฟอร์มการศึกษาตลอดชีวิต เปิดทางให้คนไทยสามารถพัฒนาความสามารถทั้งด้านเทคโนโลยี และด้านธุรกิจ
โครงการสัมมนา CloudJump ยังเป็นอีกอีกส่วนหนึ่งที่ AIS Business สนับสนุนการศึกษาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยแพลตฟอร์มของ AIS
การร่วมมือกับไมโครซอฟท์ครั้งนี้ยังทำให้ AIS Business สามารถผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมของไทยได้เพิ่มเติม ที่ผ่านมา AIS Business เข้าไปช่วยองค์กรต่างๆ ให้ใช้เทคโนโลยีนำมาปรับเปลี่ยนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Mixed-Reality ในอุตสาหกรรม หรือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่จุดที่ทำให้ AIS ต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ อย่างแท้จริง คือ โครงข่าย 5G ประสิทธิภาพสูง
AIS ให้บริการ 5G กับอุตสาหกรรมต่างๆ ในหลายรูปแบบ องค์กรสามารถเลือกติดตั้งเครือข่าย 5G เฉพาะสำหรับองค์กร ไม่ต้องใช้คลื่นความถี่แชร์กับหน่วยงานอื่นๆ ทำให้ควบคุมคุณภาพเครือข่ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวเครือข่ายยังเปิดทางให้สร้างเครือข่ายส่วนตัวสำหรับการติดต่อข้ามสาขา
นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม Edge Computing ทำให้องค์กรสามารถลดภาระการดูแลโครงสร้างไอทีของตนเองออกมาให้ AIS ดูแลให้โดยที่คุณภาพการเชื่อมต่อ, แบนด์วิดท์, และความหน่วง (latency) เทียบเท่ากับการดูโครงสร้างพื้นฐานด้วยตัวเอง
นวัตกรรมเหล่านี้กำลังทดสอบร่วมกับองค์กรจำนวนมากทั่วประเทศไทยและในอนาคตเราก็จะเห็นการใช้งานในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ต่อไป
ความร่วมมือของสองบริษัทนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
จากแนวทางความร่วมมือทั้งสามด้านนี้จะเห็นว่า AIS และไมโครซอฟท์ พร้อมจะให้บริการช่วยเหลือองค์กรต่างๆ อย่างหลากหลาย ทั้งโซลูชั่นพร้อมใช้ที่บริษัทหรือองค์กรต่างๆ จะทำงานได้ง่ายขึ้น มีความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดจาก AIS ไปจนถึงโซลูชั่นเฉพาะทางที่ต้องการการปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับองค์กรที่มีความต้องการเฉพาะทาง
สำหรับธุรกิจองค์กรที่สนใจปรับการทำงานสู่ยุค Future of Work หรือสนใจบริการ Microsoft 365 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://business.ais.co.th/solution/microsoft365.html หรือหากองค์กรต้องการย้ายระบบขึ้น Cloud สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://business.ais.co.th/solution/microsoftazure.html หรือหากสนใจบริการดีๆจาก AIS Business Cloud สามารถอีเมล์มาได้ที่ [email protected] |
# ทวิตเตอร์เริ่มเปิดรับสมัครคนที่อยากเพิ่มรายได้จาก Super Follows และ Ticketed Spaces
จากข่าวทวิตเตอร์เปิดตัว Super Follows จ่ายเงินเพื่อเข้าถึงเนื้อหาพิเศษโมเดลเดียวกับ Patreon และ OnlyFans และ Ticketed Spaces หรือระบบขายตั๋วเพื่อเข้าฟัง Spaces ได้ ล่าสุดทวิตเตอร์เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจอยากหารายได้เพิ่มจากทั้งสองช่องทางแล้ว
สำหรับเงื่อนไขการสมัคร Super Follows ผู้ใช้จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป อาศัยในสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดตามอย่างน้อย 10,000 คน และมีการโพสต์อย่างน้อย 25 ครั้งในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้งาน iOS เท่านั้น โดยมีช่วงราคาตั้งแต่ $2.99, $4.99 หรือ $9.99 ต่อเดือน
ส่วน Ticketed Spaces จะเปิดรับสมัครสำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ติดตามอย่างน้อย 1,000 คน สร้างห้อง Spaces อย่างน้อยสามห้องในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ช่วงราคาสามารถกำหนดได้เองในการสร้างห้องแต่ละครั้ง เปิดรับสมัครทั้งผู้ใช้ iOS และ Android
ทวิตเตอร์บอกด้วยว่าจะหัก 3% จากรายรับ 50,000 ดอลลาร์แรก โดยค่าคอมมิชชันจะเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อมีรายได้เกิน 50,000 ดอลลาร์
ทั้ง Super Follows และ Ticketed Spaces ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ทวิตเตอร์ที่จะสร้างรายได้นอกเหนือจากโฆษณา ยังมี Twitter Blue ที่จะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Undo และ Collections และบริการรับข่าวสาร newsletters ที่ได้มาจากการเข้าซื้อ Revue
ที่มา - Engadget, ทวิตเตอร์ |
# กูเกิลออกเครื่องมือให้พนักงานเลือกว่าอยากทำงานที่ไหน หากย้ายออกจากเมืองใหญ่อาจกระทบรายได้
เนื่องด้วยนโยบายการทำงานแบบไฮบริดหรือการทำงานที่ไหนก็ได้ของกูเกิล รวมถึงหลายๆ บริษัทที่กำลังนำนโยบายนี้ไปใช้ ล่าสุด กูเกิลออกเครื่องมือใหม่ Work Location Tool ให้พนักงานกดเลือกได้ว่าอยากปักหลักทำงานที่เมืองไหน ซึ่งจะมีผลต่อรายได้ด้วยถ้าพนักงานเลือกย้ายออกจากเมืองใหญ่อย่างซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก ก็จะพบว่าเงินเดือนลดลง
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Sundar Pichai ซีอีโอได้ประกาศแผนการให้ 20% ของพนักงานทำงานจากระยะไกลได้ตลอด อีก 20% สามารถมาทำงานที่สำนักงานได้หากต้องการ และอีก 60% เข้าสำนักงานบ้าง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยตัวเครื่องมือ Work Location Tool จะแสดงการประมาณการให้ว่าเงินเดือนของพนักงานอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรขึ้นอยู่กับเมืองที่พนักงานเลือก
บริษัทเทคโนโลยีใหญ่จำเป็นต้องรับเอาวัฒนธรรมการทำงานแบบใหม่อย่าง WFH และไฮบริดเข้ามาปรับใช้เนื่องจากโรคระบาด บางบริษัทเริ่มปรับตัวด้วยการลดขนาดสำนักงาน ใช้แนวทางกระจายสำนักงานย่อยๆ ไปตามเมืองต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาวะในปัจจุบัน
ที่มา - CNET |
# ไม่ต้องแคปแล้ว Twitter บน iOS สามารถแชร์โพสต์ไปยัง Instagram Stories ได้
หลังจากทดสอบใช้งานกันมาระยะเวลาหนึ่ง ล่าสุด Twitter เปิดใช้งานฟีเจอร์แชร์โพสต์ไปยัง Instagram Stories ได้ในผู้ใช้งาน iOS เมื่อกดแชร์โพสต์ จะมองเห็นไอคอน Instagram Stories ด้วย
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานจดจ่ออยู่กับ Twitter ได้ จากเดิมที่ต้องถ่ายภาพหน้าจอแล้วออกจากแอป Twitter เพื่อไปโพสต์บน Instagram Stories แทน (แม้ว่า Twitter จะมี Fleet อยู่แล้วก็ตาม)
ที่มา - Engadget |
# มูลค่าบริษัทไมโครซอฟท์แตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นบริษัทที่สองต่อจากแอปเปิล
ไมโครซอฟท์ กลายเป็นบริษัทอเมริกันรายที่สองในประวัติศาสตร์ที่มีมูลค่าบริษัท (market cap) แตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ (2 trillion) หลังหุ้นเพิ่มขึ้นมาแตะราคา 263.29 ดอลลาร์ต่อหุ้น (บริษัทแรกคือแอปเปิล ทำได้ในเดือนสิงหาคม 2020)
ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (Q1/2021) ของบริษัทยังมีการเติบโตที่ดีเยี่ยม รายได้โต 19% โดยธุรกิจคลาวด์ Azure มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 50% ส่วนธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Office, Windows, Surface, Xbox ก็มีรายได้เติบโตถ้วนหน้า
บริษัทอื่นที่มีมูลค่าใกล้เคียง 2 trillion คือ Amazon (1.77T) และ Alphabet (1.67T)
ที่มา - Yahoo Finance |
# โดนแฟนเกมถล่ม บริษัทเกม Blaston ถอนตัวจากการโฆษณา VR บน Oculus
ต่อจากข่าว อยู่ในโลกเสมือนก็หนีโฆษณาไม่พ้น Oculus เริ่มแสดงโฆษณาแบบ VR แล้ว ปรากฏว่าแผนการของ Facebook สะดุดอย่างรวดเร็ว เพราะพาร์ทเนอร์รายแรกที่ร่วมทดสอบโฆษณาคือ บริษัท Resolution Games เจ้าของเกม Blaston ตัดสินใจไม่ไปต่อ
เหตุผลมาจากปฏิกิริยาของแฟนๆ เกมในทางลบอย่างมาก เข้าไปรุมถล่มในระบบรีวิวทั้งบน Oculus Store และ Steam กันอย่างล้นหลาม ผู้รีวิวให้เหตุผลว่าตอนที่ตัดสินใจซื้อเกมไม่มีโฆษณา แล้วจู่ๆ จะมาแทรกโฆษณาแบบนี้ได้อย่างไร
ผลคือ Resolution Games ต้องออกแถลงการณ์ขอโทษ บอกว่านี่เป็นการทดลองเพื่อดูว่าอะไรเวิร์คและไม่เวิร์ค ซึ่งทีมงานเรียนรูัแล้วว่าเกม Blaston ไม่เหมาะกับโฆษณาแบบนี้ แต่ก็ยังทิ้งท้ายว่าอาจจะลองกับอีกเกมของบริษัทชื่อ Bait! ซึ่งเป็นเกมฟรี
ด้าน Facebook ระบุว่าเป้าหมายของโฆษณาคือการสร้างรายได้ช่องทางใหม่ๆ ให้นักพัฒนา และมีฟีเจอร์ด้านนี้หลายอย่างที่จะทดสอบต่อไป นอกเหนือจากการโฆษณาในเกม
ที่มา - UploadVR |
# Google Classroom จะเพิ่มเนื้อหาจาก Edtech อื่นเข้ามาช่วยสอนได้, ทำการบ้านออฟไลน์บนแอนดรอยด์
Google Classroom เปิดเผยฟีเจอร์ใหม่ที่จะทยอยให้ใช้งานในปีนี้ เริ่มจาก Roster import หรือการนำเข้าบัญชีรายชื่อ บัญชีใช้งาน Google Workspace for Education Plus ในสหรัฐฯ จะสร้างชั้นเรียนโดยซิงค์รายชื่อกับระบบข้อมูลนักเรียนเข้ามาได้อัตโนมัติ โดยใช้ความสามารถของระบบซิงค์รายชื่อ Clever เปิดใช้งานฟีเจอร์ในช่วงฤดูร้อน
Classroom add-ons บัญชีใช้งาน Education Plus จะสามารถเพิ่มเนื้อหาหรือเครื่องมือจากซอฟต์แวร์ Edtech อื่นเข้ามาใน Google Classroom ได้ เริ่มจาก 9 แห่งได้แก่ Adobe Spark for Education, BookWidgets, CK-12 Foundation, Edpuzzle, IXL, Kahoot!, Nearpod, Newsela และ SAFARI Montage โดยเริ่มใช้งานเป็นเวอร์ชั่นเบต้าในปีนี้
ตั้งเวลามอบหมายการบ้านได้ในหลายชั้นเรียน กูเกิลระบุว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีการร้องขอเข้ามามาก ภายในปีนี้ ครูจะสามารถตั้งเวลามอบหมายงานให้ในแต่ละชั้นเรียนได้
ทำการบ้านออฟไลน์ จะเริ่มเปิดใช้งานในแอป Google Classroom บนแอนดรอยด์ในปีนี้ นักเรียนสามารถทบทวนบทเรียน ทำการบ้านบน Google Docs ได้แบบออฟไลน์
มองเห็นการมีส่วนร่วมของนักเรียนผ่านหน้า activity ภายในปีนี้ ครูจะสามารถมองเห็นข้อมูลว่ามีนักเรียนมีส่วนร่วมมากแต่ไหนจากการเข้าเรียน ส่งการบ้าน นอกจากนี้ยังจะอัพเดตการใช้งาน Google Meet ใน Classroom ให้ง่ายและปลอดภัยขึ้น
ที่มา - กูเกิล |
# EU เริ่มสอบสวนกูเกิลผูกขาดตลาดโฆษณาออนไลน์ มีพฤติกรรมกีดกันการแข่งขัน
คณะกรรมการยุโรป (European Commission) หน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป ประกาศเข้าสอบสวนพฤติกรรมของกูเกิล ว่ากีดกันบริษัทอื่นในการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในการโฆษณาออนไลน์
EC ระบุว่ากูเกิลทำทุกอย่างในธุรกิจโฆษณาออนไลน์ ตั้งแต่การเก็บข้อมูลของผู้ใช้เพื่อโฆษณาแบบเจาะจง (targeted advertising) ไปจนถึงการขายพื้นที่โฆษณา
ข้อสงสัยของ EC คือธุรกิจโฆษณาแบบแสดงแบนเนอร์ (display ad คือไม่ใช่ search ad) ของกูเกิลเลือกปฏิบัติ หากเป็นโฆษณาของกูเกิลเองจะเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าเป็นโฆษณาของบริษัทอื่น (third party) จะเข้าไม่ถึงข้อมูลในระดับเดียวกัน
EC ยังมองว่านโยบายใหม่ๆ ของกูเกิล เช่น Privacy Sandbox ที่มาแทนคุกกี้บนเว็บ หรือการหยุดแจก Advertising ID บนอุปกรณ์ Android จะยิ่งทำให้ช่องว่างของโฆษณากูเกิลเอง และโฆษณาจากบริษัทอื่นยิ่งถ่างขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ EC ยังมีประเด็นว่ากูเกิลบังคับซื้อโฆษณาบน YouTube ด้วยซอฟต์แวร์ของตัวเองคือ Google Display & Video 360 (DV360) และ Google Ad Manager หากผู้ลงโฆษณาใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทอื่น อาจเจอข้อจำกัดบางอย่างเมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์ของกูเกิล
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา EC เริ่มการสอบสวนพฤติกรรมของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายราย เช่น แอปเปิล และ เฟซบุ๊ก
ที่มา - European Commission |
# LINE ประเทศไทยครบรอบ 10 ปี เปิดสถิติ LINE Group VDO Call โต 162% เทียบก่อนโควิด
LINE ประเทศไทยครบรอบ 10 ปีวันที่ 22 มิถุนายน 2564 ระบุยังคงเน้นกลยุทธ Humanization & Localization พัฒนาฟีเจอร์และบริการ รวมถึงทำการตลาดที่ตอบโจทย์คนไทย และมุ่งเน้นสามประเด็นในอนาคต คือ OMO (Online Merges Offline) รวมภาคออนไลน์เข้ากับออฟไลน์มากขึ้น ยกระดับการใช้งานเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) ในแอป และเสริมมิติด้าน e-Commerce ให้แข็งแกร่งขึ้น
นอกจากนี้ LINE ยังเปิดสถิติการใช้งานต่างๆ เช่น LINE Group Audio Call ที่มีการใช้งานเพิ่มสูงกว่า 72% และ LINE Group VDO Call มีการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 162% เมื่อเทียบช่วงก่อนโควิด เดือนมกราคมถึงพฤษภาคมปี 2562 กับช่วงเดือนเดียวกันในปี 2564 และ LINE Meeting เติบโต 371% จากช่วงปลายปี 2563 ที่เพิ่งเปิดให้ใช้งาน
LINE MyShop ระบบช่วยจัดการร้านค้าออนไลน์ มีการใช้งานเพิ่มขึ้น 257%, LINE Shopping ยอดขายเติบโตกว่า 200%, LINE Stickers มียอดขายรวมแล้วกว่า 3.6 ล้านชุด มี Creators กว่า 700,000 คน, LINE Official Account เพิ่มเป็น 4 ล้านบัญชี ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2562
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
ข้อมูลเปิดเผย: LINE MAN ประกาศควบรวมกับบริษัท Wongnai ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Blognone หลังเข้าซื้อบริษัทตั้งแต่ปี 2017 |
# GlobalFoundries เตรียมสร้างโรงงานใหม่ในสิงคโปร์ ผลิตชิปเวเฟอร์เพิ่มได้ 450,000 แผ่นต่อปี
GlobalFoundries บริษัทผลิตชิปที่แยกตัวจาก AMD ในปี 2009 เตรียมเปิดโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในประเทศสิงคโปร์ ที่มีความสามารถผลิตชิปเวเฟอร์ 300 มิลลิเมตรได้ 450,000 แผ่นต่อปี เป็นโรงงานเฟสแรกจากโครงการขยายภาคการผลิตสามเฟส มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ได้รับการอุดหนุนจากคู่ค้าและรัฐบาลสิงคโปร์
โรงงานนี้จะเน้นการผลิตชิปที่มีกระบวนการผลิตค่อนข้างใหญ่ เช่นกระบวนการ BiCMOS ขนาด 55nm สำหรับชิปสัญญาณวิทยุ (RF) และกระบวนการผลิต 40nm สำหรับชิปหน่วยความจำและสัญญาณวิทยุรูปแบบอื่น รวมถึงมีบางส่วนเล็กๆ สำหรับกระบวนการผลิตขนาด 90nm อีกด้วย เครื่องจักรต่างๆ ในโรงงานจะสามารถปรับเปลี่ยนตามอุปสงค์และย้ายไปมาระหว่างไลน์การผลิตได้
GlobalFoundries เตรียมเพิ่มโรงงานผลิตใหม่เนื่องจากความต้องการชิปประมวลผลในวงการต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้เกิดวิกฤตขาดแคลนชิปในปัจจุบัน และยังไม่มีทีท่าว่าความต้องการชิปจะลดลงในเร็วๆ นี้ GlobalFoundries จะเร่งสร้างโรงงานใหม่โดยเร็วที่สุด และเริ่มปรับพื้นที่สำหรับการสร้างโรงงานใหม่แล้วตั้งแต่วันนี้ พร้อมเริ่มผลิตในช่วงต้นปี 2023 และเดินสายการผลิตเต็มที่ช่วงสิ้นปี
โรงงานใหม่นี้เพิ่มกำลังการผลิตของ GlobalFoundries ในสิงคโปร์ขึ้นเกือบ 50% จากเดิมผลิตชิปเวเฟอร์ 300 มิลลิเมตรได้ 1.5 ล้านแผ่นต่อปี เป็น 1.95 ล้านแผ่นต่อปี เมื่อโรงงานเดินเครื่องเต็มกำลัง
ที่มา - Anandtech |
# เอกสารภายใน OnePlus ยืนยันสถานะเป็นแบรนด์ลูก Oppo, ควบรวมเสร็จภายในปี 2021
ต่อเนื่องจากข่าว OnePlus ประกาศรวมองค์กรเข้ากับ Oppo แต่ยังแยกแบรนด์อยู่ มีข้อมูลใหม่หลุดออกมาจากเอกสารภายในบริษัท โดย @evleaks นักปล่อยข่าวหลุดชื่อดัง
เอกสารนี้เป็นการตอบคำถามของพนักงานเองในหลายประเด็น ประเด็นสำคัญคือตกลงแล้ว ความสัมพันธ์ของ OnePlus กับ Oppo คืออะไรกันแน่ คำตอบคือ OnePlus จะมีสถานะทางกฎหมายเป็นแบรนด์ลูกของ Oppo แม้ว่าในการทำงานจะยังรู้สึกว่าเป็นหน่วยแยกแบบเดิม กระบวนการควบรวมจะเสร็จภายในปี 2021
ข้อมูลอื่นๆ คือ OnePlus จะยังทำตลาดแข่งกับ Oppo ต่อไปดังเดิม แต่จะควบรวมฝั่งการวิจัย การผลิต และซัพพลายเชนเข้าด้วยกันเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฐานข้อมูลผู้ใช้ของ OnePlus จะยังแยกจาก Oppo เหมือนเดิม
เอกสารนี้ยังให้ข้อมูลด้วยว่า Pete Lau ผู้ก่อตั้ง OnePlus ตอนนี้มีสถานะเป็น Chief Product Officer ของ Oppo ที่รับผิดชอบทั้งสองแบรนด์
ที่มา - Notebookcheck, ภาพจาก @OnePlus |
# AMD หยุดออกไดรเวอร์จีพียูบน Windows 7, หยุดซัพพอร์ตจีพียูยุค GCN รุ่นเก่า
เราเพิ่งเห็นข่าว NVIDIA เลิกออกไดรเวอร์ GeForce ให้ Windows 7/8/8.1 เมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้ฝั่ง AMD ออกมาประกาศแบบเดียวกันว่า Windows 7 เข้าสถานะ legacy support เรียบร้อยแล้ว โดยไดรเวอร์รุ่นสุดท้ายที่รองรับ Windows 7 คือ Radeon Software Adrenalin 21.5.2 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ (เวอร์ชันล่าสุดที่ออกวันนี้คือ 21.6.1 ที่มาพร้อม FidelityFX Super Resolution)
AMD ยังประกาศหยุดซัพพอร์ตจีพียูรุ่นเก่าหลายตัวไปพร้อมกัน ได้แก่จีพียูกลุ่มสถาปัตยกรรม GCN ที่เก่าหน่อยคือ
Radeon HD 7700-7900 (Southern Islands)
Radeon HD 8500-8900 (Sea Islands)
Radeon R5/R7/R9 200 Series (Volcanic Islands)
Radeon R5/R7/R9/Fury/Nano 300 Series (Caribbean Islands)
รวมถึง APU กลุ่มที่ใช้จีพียู Radeon R3/R4/R5/R6/R7 ด้วย เช่น Sempron, Athlon, A-Series, Pro A-Series รายชื่อดูได้จากลิงก์ต้นทาง (ส่วน GCN ตัวท้ายๆ คือ RX 400/500 และ Vega ยังได้ไปต่อ)
ที่มา - AMD |
# ผู้ใช้งานร้องเรียน กูเกิลติดตั้งแอป COVID tracking เข้ามาในมือถือโดยเจ้าของไม่รู้ตัว
ข้อมูลจากแหล่งข่าวหลายแหล่งทั้งบน Reddit, Hacker News และการรีวิวในแอป พบว่ากูเกิลติดตั้ง MassNotify แอปติดตามการระบาดของ COVID-19 ในรัฐแมสซาชูเซตส์ โดยที่ผู้ใช้โทรศัพท์ไม่รู้ตัวและไม่ยินยอม
ล่าสุดกูเกิลรับรู้ปัญหาแล้ว โดยบอกว่า ทางกูเกิลได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐแมสซาชูเซตส์เพื่อให้ผู้ใช้เปิดใช้งานระบบการแจ้งเตือนความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งเป็นฟังก์ชันนี้มีอยู่แล้วในการตั้งค่าอุปกรณ์ ดังนั้นผู้ใช้จึงไม่ต้องดาวน์โหลดแอปแยกต่างหาก แต่กูเกิลไม่บอกตรงๆ ว่าเหตุใดแอปถึงมาอยู่ในโทรศัพท์โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้มาก่อนได้
ผู้ใช้งานพบด้วยว่าแอป MassNotify มีสองเวอร์ชัน เวอร์ชันแรก มีการติดตั้งไปกว่า 1,000 ครั้ง ได้เรตติ้ง 4.1 และเป็นเวอร์ชันที่ไม่ได้ถูกติดตั้งเข้ามาในเครื่อง แต่เวอร์ชันที่สองคือจุดที่เป็นปัญหาที่ผู้ใช้ร้องเรียนว่าแอปได้รับการติดตั้งเข้ามาเอง
แนวคิดของแอปติดตามการระบาดคือ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งาน เครือข่ายบลูทูธในโทรศัพท์จะสแกนหาอุปกรณ์อื่นๆ ที่อยู่ใกล้ หากคนใดคนหนึ่งติดเชื้อโควิดและแจ้งเข้ามาในแอป ระบบติดตามจะแจ้งเตือนทุกคนที่เข้าสู่ระบบเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าพวกเขาอาจติดเชื้อ ซึ่งมีคนไม่น้อยที่คิดว่าเป็นฟังก์ชั่นที่เปล่าประโยชน์ และยังละเมิดความเป็นส่วนตัวเกินความจำเป็น
ที่มา - Ars Technica |
# Xbox ดึงตัวผู้สร้าง Portal และอดีตทีม Stadia เตรียมสร้างเกมเพื่อระบบ xCloud
Peter Wyze หัวหน้าทีมสตูดิโอเกมของ Xbox ให้สัมภาษณ์กับ Polygon ว่า ทีมได้ดึงตัว Kim Swift อดีตดีไซน์ไดเรกเตอร์ของ Google Stadia และหนึ่งในผู้สร้างเกม Portal กับ Left 4 Dead เพื่อมาเตรียมสร้างทีมที่จะโฟกัสในด้านประสบการณ์การเล่นเกมบนคลาวด์ของ Xbox หลัง Google Stadia ทยอยปิดสตูดิโอเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันเกมที่เล่นได้บนบริการ xCloud บริการเกมสตรีมมิ่งของ Xbox ที่รวมอยู่ใน Xbox Game Pass ยังเป็นเกมคอนโซลทั่วไปที่ แม้ Xbox จะเตรียมอัพเกรดเครื่องเซิฟเวอร์จาก Xbox One S เป็น Xbox Series X ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ตัวเกมก็ยังเป็นเกมทั่วไปที่สามารถเล่นโดยใช้คอนโซล Xbox Series X จากบ้านได้อยู่ดี
การดึงตัว Kim Swift มาเพื่อออกแบบเกมที่โฟกัสการเล่นระบบคลาวด์โดยเฉพาะ อาจทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ของการพัฒนาเกมที่จะดึงความสามารถของการรันเครื่องเซิฟเวอร์หลายเครื่องพร้อมกันออกมาได้อย่างเต็มที่ และทำอะไรได้มากกว่าเกมที่ผู้เล่นเล่นได้จากบ้าน
รวมถึงตัวเกมอาจนำความหน่วงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของบริการเกมสตรีมมิ่ง มาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ต้องแก้ไข ตั้งแต่ในขั้นตอนการออกแบบเกม และทำให้การเล่นเกมผ่านสตรีมมิ่งดีกว่า หรือแทบไม่ต่างจากการเล่นเกมจากบ้านได้ในอนาคต
Xbox ดูจะจริงจังกับบริการเกมสตรีมมิ่งอย่าง xCloud มากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากดึงตัว Kim Swift และอัพเกรดฮาร์ดแวร์เป็น Xbox Series X แล้ว ยังเตรียมทำแอปสตรีมมิ่งลงสมาร์ททีวี และจะเปิดให้ Xbox One เล่นเกมของ Xbox Series X ผ่านคลาวด์ได้
แถมก่อนหน้านี้ในเอกสารจากคดี Epic vs. Apple ยังมีข้อมูลว่า Xbox เตรียมลดการเก็บส่วนแบ่งเกม PC จาก 30% เหลือ 12% หากผู้จัดจำหน่ายยอมมอบสิทธิ์ขาดในการสตรีมเกมให้กับ Xbox อีกด้วย ซึ่งความจริงจังนี้ น่าจะสร้างความหนาวๆ ร้อนๆ ให้กับผู้ให้บริการเกมสตรีมมิ่งเจ้าอื่น เช่น Google Stadia, PS Now และ GeForce Now ได้พอสมควร
ที่มา - Polygon |
# สุดท้ายก็ยอม ซีอีโอ SIE ระบุ PlayStation สนับสนุน cross-play เตรียมเพิ่มเกมที่เล่นได้ในอนาคต
Jim Ryan ซีอีโอของ Sony Interactive Entertainment ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Axios ระบุว่า Sony สนับสนุนให้เกมแบบผู้เล่นหลายคนบนแพลตฟอร์ม PlayStation รองรับการเล่นแบบ cross-play ได้มากขึ้นในอนาคต พร้อมกับบอกว่าการเปิด cross-play ที่ผ่านมา เช่นในเกม Fortnite, Call of Duty, Rocket League, Minecraft ส่งผลดีต่อแพลตฟอร์มของบริษัท
ส่วนประเด็นที่ข้อมูลจากศาลในคดี Epic Vs. Apple เปิดเผยว่า Sony เคยเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการพยายามเปิด cross-play ของเกม Fortnite โดยมีการเรียกเก็บเงินส่วนแบ่งเพิ่ม หาก Epic Games ต้องการให้เปิดฟีเจอร์นี้
เรื่องนี้ Jim Ryan บอกว่าเขาไม่อยากออกความเห็นเรื่องปัญหาการทำธุรกิจ live service อย่างเช่นการให้บริการเกม Fortnite กับพาร์ทเนอร์ที่ทำงานร่วมกันมานาน แต่ก็ระบุว่านโยบายของ Sony นั้น ถูกบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกันทุกบริษัท
Sony เป็นเจ้าท้ายๆ ที่เปิดให้เล่นเกมออนไลน์แบบ cross-play โดยเปิดให้เล่น Fortnite ได้เป็นเกมแรกในเดือนกันยายนปี 2018 แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านการโอนย้ายข้อมูลในบัญชี เช่นของตกแต่งหรือเลเวลของผู้เล่นแบบข้ามแพลตฟอร์มอยู่ ทำให้ผู้เล่นเหมือนต้องเริ่มเล่นใหม่ หากต้องการย้ายมาเล่นบน PlayStation
ถือเป็นเรื่องดีของเกมเมอร์ที่ได้เห็นซีอีโอของ SIE อย่าง Jim Ryan ออกมาพูดเรื่องการสนับสนุนการเล่นข้ามแพลตฟอร์มของ PlayStation มากขึ้น และอาจทำให้ความหวังที่ข้อจำกัดด้านอื่นๆ ของการโอนย้ายบัญชี หรือการเซฟเกมข้ามแพลตฟอร์มจะหายไปในอนาคต ดูเป็นไปได้มากขึ้น
ที่มา - Axios |
# ข่าวดีเกมเมอร์? ราคาการ์ดจอในจีนเริ่มลด หลังรัฐบาลคุมเข้มเหมืองและธุรกรรมคริปโต
ราคาการ์ดจอเริ่มตก หลังดีมานด์ลดเพราะประเทศจีนกระชับวงล้อมคุมเข้มบิตคอยน์มากขึ้น ทั้งตัดไฟเหมืองคริปโต และแบนบัญชีธนาคารที่ใช้เทรด
ราคาการ์ดจอรุ่นต่างๆ ในประเทศจีน เช่น Nvidia Quadro P1000 (ปี 2017) ที่ก่อนหน้านี้ราคาราว 3,000 หยวน (ราว 14,700 บาท) ลดลงเหลือ 2,429 หยวน (ราว 11,900 บาท) บน JD.com ส่วน GeForce RTX3060 ลดจาก 13,499 หยวน (ราว 66,100 บาท) เหลือ 4,699 หยวน (ราว 22,100 บาท) บนเว็บไซต์ Tmall
นอกจากในประเทศจีนแล้ว ราคาการ์ดจอในสหรัฐฯ ก็กำลังลดลงเช่นกัน โดยยูสเซอร์ Reddit ชื่อ gregable ทำชาร์ตราคาการ์ดจอแบบรายวันจากเว็บไซต์ eBay พบว่าราคาการ์ดจอจาก 16 พฤษภาคม ถึง 16 มิถุนายน ลดลงถึง 20% และการ์ดที่มีแฮชเรตสูงกว่า ราคาลดลงมากกว่าการ์ดที่มีแฮชเรตต่ำกว่า เช่น RTX 3090 ราคาลดลง 32% ขณะที่ RTX 3070 / 3080 ราคาลดลงประมาณ 25%
ถ้าผลจากการที่จีนสั่งคุมเข้มบิตคอยน์มากขึ้นและทำให้ราคาเหรียญคริปโตสกุลต่างๆ ร่วงตามบิตคอยน์ และคงอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนหน้านี้ได้เป็นเวลานาน ประกอบกับหากปัญหาชิปขาดแคลนเริ่มคลี่คลายในปลายปีนี้หรือปีหน้า อาจเป็นข่าวดีของเกมเมอร์ที่ต้องการประกอบคอมแต่รอให้การ์ดจอราคากลับมาเป็นปกติ
ที่มา - The Register |
# มาอีกประเทศ เยอรมนีเริ่มสืบสวนแอปเปิล ประเด็นผูกขาดตลาดจาก App Store
Federal Cartel Office (FCO) หน่วยงานด้านต่อต้านการผูกขาดของเยอรมนี (ชื่อภาษาเยอรมันคือ Bundeskartellamt) ประกาศเริ่มกระบวนการสืบสวนแอปเปิล ว่ามีพฤติกรรมผูกขาดตลาดหรือไม่ จากประเด็น App Store ที่กำลังร้อนแรงในช่วงหลัง เพราะเป็นช่องทางที่แอปเปิลใช้บีบการทำงานของบริษัท third party รายอื่น โดยเฉพาะเรื่องการบังคับจ่ายเงินในแอพ และการหักส่วนแบ่ง 30%
เยอรมนีเพิ่งออกกฎหมายการแข่งขันการค้าฉบับใหม่ German Competition Act ช่วงต้นปี 2021 ทำให้ FCO มีอำนาจมากขึ้น โดยเฉพาะการสอบสวนบริการดิจิทัลที่มีความไม่ชัดเจนเรื่องพรมแดนการทำธุรกิจ
การสอบสวนของ FCO เพิ่งอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ประกาศนี้เป็นการแจ้งต่อแอปเปิลและสาธารณะให้รับทราบ
ก่อนหน้านี้ FCO เริ่มสืบสวนพฤติกรรมของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่รายอื่นๆ มาแล้ว เช่น Facebook, Amazon, Google
ที่มา - Bundeskartellamt |
# Rocky Linux ออกตัวจริง มีให้ใช้บน AWS และ Google Cloud พร้อมแบบคอนเทนเนอร์
Rocky Linux ลินุกซ์ทดแทน CentOS ที่ Red Hat ประกาศหยุดซัพพอร์ต ออกรุ่นจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเปิดโครงการช่วงปลายปี 2020 โดยทีมงานระบุว่าตอนนี้ทดสอบมากพอจนมั่นใจแล้วว่าใช้งานบนโปรดักชั่นได้
เวอร์ชั่นแรกรองรับสถาปัตยกรรม x86-64 และ ARM64 หรือใช้งานบนคลาวด์ได้บน AWS และ Google Cloud หรือหากต้องการใช้เป็นคอนเทนเนอร์ก็มีให้ pull ได้จาก Docker Hub หรือ Quay.io
ที่มา - Rocky Linux |
# [Bloomberg] OnlyFans กำลังระดมทุนรอบใหม่ ดันตัวเองเป็นสื่อกระแสหลักมากกว่าเนื้อหาผู้ใหญ่
หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่รุ่งเรืองสูงสุดในยุค COVID-19 คือ OnlyFans แพลตฟอร์มเนื้อหาพิเศษที่โดดเด่นเรื่องเนื้อหาผู้ใหญ่ ล่าสุด Bloomberg รายงานว่า OnlyFans กำลังเจรจาระดมทุนรอบใหม่คาดว่ามูลค่าบริษัทจะพุ่งทะลุพันล้านเหรียญ
แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า บริษัทกำลังเจรจาและมองหาผุ้สนับสนุนที่ช่วยผลักดัน OnlyFans ให้เป็นสื่อกระแสหลักมากขึ้น มากกว่าเป็นแค่แพลตฟอร์มเนื้อหาผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว
OnlyFans มีเนื้อหาจากคนดังที่ไม่ได้มาจากอุตสาหกรรมเนื้อหาผู้ใหญ่อีกมาก ไม่ว่าจะเป็น นักมวยชื่อดัง Floyd Mayweather และแรปเปอร์ชื่อดัง Cardi B เป็นต้น Tim Stokely ซีอีโอ OnlyFans เคยระบุว่าครีเอเตอร์ที่เป็นนักกีฬามีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงมากบนแพลตฟอร์ม
OnlyFans มียอดขายมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว และเนื่องจาก OnlyFans เก็บค่าธรรมเนียม 20% จากครีเอเตอร์ นั่นหมายความว่าบริษัทมีรายรับมากกว่า 400 ล้านดอลลาร์ จนถึงตอนนี้มีผู้ใช้งานแล้ว 130 ล้านคน
Twitter เองก็พยายามสร้างแพลตฟอร์มให้เป็นพื้นที่ครีเอเตอร์ ทำฟีเจอร์ Super Follow เพื่อเปิดทางสำหรับเนื้อหาผู้ใหญ่ด้วย อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OnlyFans ได้ที่ Brandinside
OnlyFans ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - Yahoo Finance |
# Final Fantasy IX กลายเป็นซีรีส์แอนิเมชั่นสำหรับเด็ก โดยสตูดิโอจากฝรั่งเศส
Square Enix ประกาศข้อตกลงกับ Cyber Group Studios สตูดิโอแอนิเมชันสำหรับเด็กจากฝรั่งเศส ทำซีรีส์แอนิเมชันจากเกม Final Fantasy IX เน้นจับกลุ่มเด็กอายุ 8-13 ปี
ตอนนี้กระบวนการสร้างซีรีส์ FFIX ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และสตูดิโอจะนำเสนอโครงการต่อสถานีทีวีต่างๆ ถัดจากนั้นจะเริ่มกระบวนการผลิตในช่วงปลายปี 2021 หรือต้นปี 2022
Pierre Sissmann ซีอีโอของ Cyber Group บอกว่าเนื้อเรื่องของ FFIX เหมาะสำหรับการดูร่วมกันในครอบครัว (co-viewing) และชื่อเสียงของซีรีส์ Final Fantasy จะช่วยดึงดูดให้คนมาชมได้มากขึ้นด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ Cyber Group สนใจซื่อไลเซนส์มาทำแอนิเมชัน
ในอดีตเคยมี Final Fantasy ฉบับอนิเมมาบ้าง เช่น Legend of the Crystals (ปี 1994), Final Fantasy: Unlimited (ปี 2001) หรือฉบับภาพยนตร์ 3D อย่าง Final Fantasy: The Spirits Within (ปี 2001) ที่ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ รวมถึงอนิเมที่ผูกกับเนื้อเรื่องของเกมอย่างใกล้ชิด เช่น Advent Children (VII) และ Brotherhood/Kingsglaive (XV)
ที่มา - Kidscreen |
# เปิดตัวฟีเจอร์ TikTok Jump แทรกวิดีโอและรูปจากเว็บไซต์อื่นเข้ามาในวิดีโอสั้นได้
TikTok เปิดตัวฟีเจอร์ TikTok Jump ครีเอเตอร์สามารถทำการแทรกลิงค์เพื่อเพิ่มวิดีโอสั้น หรือรูปภาพจากเว็บไซต์ภายนอกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิดีโอตัวเองได้
โดย TikTok ได้เริ่มต้นทดสอบฟีเจอร์นี้กับ Whisk แอปแชร์สูตรอาหาร, Breathwrk แอปฝึกลมหายใจเพื่อทำสมาธิ , Wikipedia, Quizlet แอปทำควิซ, StatMuse รวมสถิติเกี่ยวกับการแข่งกีฬา, Tabelog แหล่งค้นหาร้านอาหารในญี่ปุ่น เท่ากับว่าเนื้อหาเกี่ยวกับการสอน สามารถแทรกวิดีโอจาก Quizlet เพื่อประกอบการสอนได้ หรือเนื้อหาเกี่ยวกับการออกกำลังกาย สามารถแทรกเนื้อหาจาก Breathwrk เพื่อฝึกลมหายใจได้ เป็นต้น
ในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ TikTok Jump ได้ประกาศเว็บไซต์ภายนอกที่เข้าร่วมคือ BuzzFeed เว็บไซต์ข่าว, Jumprope แหล่งรวมฮาวทู, IRL โซเชียลเพื่อการรวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกัน และ WATCHA สตรีมมิ่งหนัง
TikTok ระบุด้วยว่ากำลังเปิดรับเว็บไซต์ภายนอกที่ใช้ HTML5 ที่อยากเข้าร่วม TikTok Jump
ที่มา - TikTok |
# สงครามสตรีมมิ่งเดือด Netflix ทำข้อตกลงสร้างหนังกับสตูดิโอของผู้กำกับดัง Steven Spielberg
ถือเป็นอีกความเคลื่อนไหวสำคัญในวงการฮอลลีวูดเมื่อ Netflix ทำข้อตกลงสร้างหนังกับสตูดิโอ Amblin Partners ของ Steven Spielberg ผู้กำกับที่สร้างชื่อมากคนหนึ่งของวงการ ข้อตกลงคือทำหนังจำนวนหนึ่งออกฉายบน Netflix ซึ่งในแถลงการณ์ไม่ได้บอกจำนวนหนังและรายละเอียดอื่นเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ Amblin Partners สร้างหนังเรื่อง The Trial of the Chicago 7 ซึ่งเป็นหนังฉายบน Netflix มาแล้ว ถือเป็นหนึ่งในหนังของ Netflix ที่ประสบความสำเร็จ ได้เข้าชิง 6 รางวัลใน Academy Awards ครั้งที่ 93 และตอนนี้ก็กำลังร่วมกันสร้างหนัง Maestro
อย่างไรก็ตาม ตัว Steven Spielberg เคยมีข่าวลือว่าเขาตั้งคำถามกับวงการสตรีมมิ่งไม่น้อย เขาพยายามเจรจากับหน่วยงาน Academy of Motion Picture Arts and Sciences จำกัดสิทธิ์หนังสตรีมมิ่งในการได้รางวัลออสการ์ แต่เขาก็ออกมาเผยทีหลังว่าไม่จริงผ่าน The New York Times เขาบอกว่า เขาอยากให้ผู้คนได้รับความบันเทิงในรูปแบบที่เหมาะกับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นจอใหญ่ หรือจอเล็ก สิ่งสำคัญคือทุกคนควรเข้าถึงหนังดีๆ ได้
ด้านหนังของสคูดิโอ Amblin Partners ที่ประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้คือ Green Book, 1917, The House With a Clock in Its Walls
ที่มา - Netflix, Variety |
# HPE ซื้อกิจการ Determined AI สตาร์ทอัพสาย Machine Learning
HPE (Hewlett Packard Enterprise) ประกาศซื้อกิจการ Determined AI สตาร์ทอัพผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Machine Learning ที่มีจุดเด่นคือการเทรนโมเดล AI ได้รวดเร็วมากรองรับทุกสเกล มูลค่าของดีลดังกล่าวไม่มีการเปิดเผย
HPE บอกว่าจะนำโซลูชันของ Determined AI มารวมเข้ากับผลิตภัณฑ์ด้าน AI และ High Performance Computing (HPC) ในปัจจุบัน
Determined AI ก่อตั้งเมื่อปี 2017 และเปิดตัวแพลตฟอร์มแบบโอเพนซอร์สในปี 2020 มีลูกค้าระดับองค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรม ดีลซื้อกิจการนี้เป็นดีลล่าสุดที่มีการรายงานอย่างเป็นทางการของ HPE นับตั้งแต่ปี 2019 ที่ซื้อ MapR
ที่มา: CRN และ HPE |
# Facebook มาแล้ว เปิดตัวห้องคุยเสียง Live Audio Rooms พร้อมฟังก์ชั่นฟังพอดแคสต์ได้ในแอป
Facebook ซุ่มพัฒนาฟีเจอร์คุยเสียงแบบ Clubhouse มาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ล่าสุดเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในชื่อว่า Live Audio Rooms เริ่มเปิดใช้งานในสหรัฐฯและแคนาดา เปิดใช้งานเฉพาะบน iOS และเปิดเฉพาะบัญชีคนดังบางกลุ่มและ Facebook Groups บางกลุ่มที่จะสามารถเปิดห้องคุยได้
ห้องหนึ่งสามารถมีสปีกเกอร์ได้สูงสุด 50 คน และมีผู้ฟังได้ไม่จำกัด ส่วนการใช้งาน Live Audio Rooms ใน Groups นั้น แอดมินสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้ใครเป็นสปีกเกอร์บ้าง ซึ่งหากเป็น Groups แบบปิด จะจำกัดเฉพาะสมาชิกในกลุ่มเท่านั้นที่สามารถเข้าฟังได้ ผู้ฟังที่รู้สึกถูกใจสามารถส่ง Stars หรือการทำให้ตัวเองอยู่แถวหน้า เป็นที่สังเกตได้ด้วย ซึ่งต้องใช้เงินจริงในการซื้อ Stars
นอกจากนี้ยังเปิดตัวฟังก์ชั่นการฟังพอดแคสต์บน Facebook โดยจำกัดที่ครีเอเตอร์บางคน เช่น Joe Budden จาก Joe Budden Podcast, Jess Hilarious, iHeartRadio เป็นต้น ผู้ใช้งานสามารถกดฟังพอดแคสต์และเลื่อนหน้าจอ Facebook ไปด้วยได้ แต่ฟังก์ชั่นนี้เป็นคนละตัวกับ Project Boombox ที่ Facebook ร่วมกับ Spotify พัฒนาฟังก์ชั่นฟัง Spotify บน Facebook ได้
เท่ากับว่าตอนนี้ โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Twitter, Reddit, Facebook ต่างก็มีฟังก์ชั่นคุยเสียงแบบ Clubhouse กันหมดแล้ว
ที่มา - Facebook |
# Samsung เปิดตัว Galaxy A22 สองรุ่น รุ่น LTE 6,999 บาท รุ่น 5G 8,299 บาท
Samsung เปิดตัว Galaxy A22 สองรุ่น รุ่น 5G ราคา 8,299 บาท ส่วนรุ่น LTE (4G) ราคา 6,999 บาท แต่รุ่น 4G จะได้หน้าจอ sAMOLED และกล้องที่ดีกว่าเล็กน้อย ทำให้ผู้ใช้น่าจะต้องเลือกว่าต้องการฟีเจอร์ใดมากกว่ากันระหว่างหน้าจอกับกล้องที่ดีกว่า กับการรองรับ 5G
Galaxy A22 5G
หน้าจอ TFT 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 90Hz
ชิป Mediatek Dimensity 700
แรม 8GB
หน่วยความจำภายใน 128GB รองรับ microSD card สูงสูด 1TB
กล้องหน้า 8MP f/2.0
กล้องหลังหลัก 48MP f/1.8, กล้องอัลตร้าไวด์ 5MP f/2.2, Depth sensor 2MP f/2.4
แบตเตอรี่ 5,000 mAH ชาร์จเร็ว 15W
สี Violet, Mint และ Gray
รัน Android 11 ครอบด้วย One UI 3.1
Galaxy A22 LTE
หน้าจอ sAMOLED 6.4 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตรารีเฟรช 90Hz
ชิป Octa-Core ไม่ระบุรุ่น
แรม 4GB / 6GB
หน่วยความจำภายใน 64GB / 128GB ไม่รองรับ microSD card
กล้องหน้า 8MP f/2.0
กล้องหลังหลัก 48MP f/1.8 (มีกันสั่น OIS เพิ่มจากรุ่น 5G), กล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียดเพิ่มเป็น 8MP f/2.2, Depth sensor 2MP f/2.4 และมีกล้องมาโคร 2MP f/2.4 เพิ่มเข้ามา
แบตเตอรี่ 5,000 mAH ชาร์จเร็ว 15W
สี Violet, Mint และ Gray
รัน Android 11 ครอบด้วย One UI 3.1
Galaxy A22 5G วางจำหน่ายใน AIS Shop วันที่ 23 มิถุนายน 2564 จากนั้นรุ่น LTE วางจำหน่าย 9 กรกฎาคม 2564 ผ่าน Samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าอื่นๆ
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# Amazon แบนร้านขาย gadget จากจีน 3 แบรนด์ เพราะติดสินบนลูกค้าให้เขียนรีวิวดีๆ ให้
Amazon แบนร้านค้าขาย gadget จากจีนไปสามแบรนด์คือ RAVPower ขายพาวเวอร์แบงค์, Taotronics ขายหูฟัง และ VAVA ขายกล้อง ซึ่งทั้งสามแบรนด์อยู่ภายใต้บริษัทเดียวกันคือ Sunvalley ก่อตั้งที่เสินเจิ้น
ร้านค้าดังกล่าวมอบบัตรของขวัญให้ลูกค้าที่เต็มใจเขียนรีวิวเชิงบวก แม้เป็นวิธีที่พบได้โดยทั่วไปตามแพลตฟอร์มจีน แต่เป็นพฤติกรรมที่ละเมิดกฎของ Amazon ก่อนหน้านี้ก็มีข้อมูลเผยว่าร้านค้าจีนใน Amazon กระตุ้นให้คนมาเขียนรีวิวปลอม เช่น Mpow แบรนด์ขายอุปกรณ์ USB charger จากจีนดำเนินการโดย ByteDance และ Patozon บริษัทผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคที่ได้รับการสนับสนุนจาก Xiaomi นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ Aukey ผู้ทำ accessories และอุปกรณ์ไฟฟ้าจากจีน
ภาพประกอบจาก Amazon
ด้าน Sunvalley ดำเนินธุรกิจ 6 แบรนด์ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงเครื่องใช้ในบ้าน สามารถสร้างรายได้ 4.5 พันล้านหยวน (697 ล้านเหรียญสหรัฐ) จาก Amazon ในปีที่แล้ว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์จีนจำนวนมากขึ้นหันไปใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศขนาดใหญ่รวมถึง eBay และ Amazon เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคนอกเหนือจากตลาดในประเทศ ข้อมูลจาก Marketplace Pulse ระบุว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผู้ขายจากจีนคิดเป็น 75% ของผู้ค้ารายใหม่ทั้งหมดใน Amazon ส่วนแบ่งของผู้ขายในจีนบนเว็บไซต์ของ Amazon ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 63% ในปีนี้
ที่มา - SCMP |
# กูเกิลเปิดตัว Ads Creative Studio เครื่องมือสร้างโฆษณาทั้งภาพนิ่ง, วิดีโอ และโฆษณาเสียง
กูเกิลเปิดตัว Ads Creative Studio ช่องทางจัดเก็บและสร้างโฆษณาที่มาพร้อมเครื่องมือช่วยสร้างโฆษณาทั้งในรูปแบบวิดีโอ และโฆษณาเสียง โดยมีฟีเจอร์หลักๆ ดังนี้
Director Mix เครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สร้างเนื้อหาวิดีโอ ซึ่งก่อนหน้านี้ยังเปิดใช้งานในวงจำกัด แต่ล่าสุดเปิดให้ผู้ลงโฆษณาทั่วไปมาใช้งานได้
Dynamic Display & HTML5 เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างโฆษณาสำหรับใช้งานในเครื่องมือเจาะกลุ่มเป้าหมายของกูเกิลอย่าง Display & Video 360 และ Campaign Manager 360
Audio Mixer เครื่องมือสร้างโฆษณาเสียง
มีไลบรารีจัดเก็บทรัพยากรสำคัญสำหรับแบรนด์ เช่น รูปภาพ โลโก้
เมื่อสร้างโฆษณาบน Ads Creative Studio แล้ว สามารถ export ออกไปยังบริการโฆษณาตัวอื่นของกูเกิลได้โดยตรง เช่น Google Ads, Display & Video 360 และ Campaign Manager 360
Ads Creative Studio เปิดทดสอบใช้งานสำหรับลูกค้า Display & Video 360 ในปลายเดือนกรกฎาคม และลูกค้า YouTube Ads บางรายในเดือนกันยายน และจะค่อยๆ เปิดใช้ในกลุ่มผู้ใช้กว้างขึ้นในเดือนต่อๆ ไป
ที่มา - กูเกิล |
# จีนกระชับวงล้อม ตัดไฟเหมืองขุดเงินคริปโต, ธนาคารแบนบัญชีที่มีธุรกรรมเกี่ยวข้องเงินคริปโต
ทางการจีนเดินหน้านโยบาย "กำจัด" เงินคริปโตให้หมดประเทศต่อไป โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบางมณฑลของจีนยื่นคำขาดให้เหมืองขุดเงินคริปโตต้องปิดกิจการ, ย้ายอุปกรณ์ออก, และส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบยืนยันว่าปิดจริง
รายงานระบุว่าบริษัทไฟฟ้าในมณฑลเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ตัดไฟเหมืองเงินคริปโตทั้งหมดภายในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
รายงานเรื่องเหมืองออกมาพร้อมๆ กับธนาคารรัฐบาลหลายแห่งออกประกาศแจ้งลูกค้าว่าจะไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโตได้จริงอีกต่อไป โดยธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งจีน (AgBank) ออกประกาศเตือนลูกค้าว่าหากตรวจสอบพบว่าบัญชีใดเกี่ยวข้องกับการค้าเงินคริปโต จะถูกปิดบัญชี
ที่มา - Strait Times, Reuters
People's Bank of China by bfishadow, on Flickr |
# Samsung เปิดตัวเกมมิ่งมอนิเตอร์ Odyssey รุ่นใหม่ G70A, G50A และ G30A รุ่นสูงสุดรองรับ 4K 120Hz
Samsung เปิดตัวเกมมิ่งมอนิเตอร์ Odyssey ใหม่ 3 รุ่น 4 ขนาด คือรุ่น G70A ความละเอียด 4K 28 นิ้ว รุ่น G50A ความละเอียด QHD 27 นิ้ว และ G30A ความละเอียด FHD ขนาด 24 และ 27 นิ้ว รายละเอียดแต่ละรุ่นมีดังนี้
Samsung Odyssey G70A
มอนิเตอร์ IPS LCD 28 นิ้ว
ความละเอียด 4K
อัตรารีเฟรช 144Hz (ความละเอียด 4K รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz)
อัตราตอบสนอง 1ms (grey to grey)
ความสว่างสูงสุด 400 nits
รองรับมาตรฐาน DisplayHDR 400 รองรับ G-Sync และ AMD FreeSync Premium Pro
เชื่อมต่อผ่าน DisplayPort 1.4, HDMI 2.1 อย่างละหนึ่งพอร์ต และมีพอร์ต USB 3.2 Gen 1 สองพอร์ต
มีระบบ Auto Source Switch+ สลับช่องสัญญาณเข้าสู่หน้าจออัตโนมัติ
ราคา 950,000 วอน (ราว 26,600 บาท)
Samsung Odyssey G50A
มอนิเตอร์ IPS LCD 27 นิ้ว
ความละเอียด QHD (1440p)
อัตรารีเฟรช 165Hz
อัตราตอบสนอง 1ms (grey to grey)
ความสว่างสูงสุด 350 nits
รองรับ G-Sync และ AMD FreeSync Premium
พอร์ตเชื่อมต่อ DisplayPort 1.4 และ HDMI 2.0 อย่างละหนึ่งพอร์ต
ราคา 650,000 วอน (ราว 18,200 บาท)
Samsung Odyssey G30A
มอนิเตอร์ IPS LCD ความละเอียด FHD
มีสองขนาดคือ 24 นิ้ว และ 27 นิ้ว
อัตรารีเฟรช 144Hz
อัตราตอบสนอง 1ms (MPRT)
ความสว่างสูงสุด 250 nits
รองรับ AMD FreeSync Premium
มีพอร์ต DisplayPort 1.2 และ HDMI 1.2 อย่างละหนึ่งพอร์ต
ขนาด 27 นิ้ว ราคา 315,000 วอน (ราว 8,800 บาท) 24 นิ้ว 215,000 วอน (ราว 6,000 บาท)
Samsung ระบุวันวางจำหน่ายทั้งสามรุ่นเป็น 21 มิถุนายน 2021 แต่วันวางจำหน่ายจริงคงแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และยังไม่มีวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ที่มา - Samsung |
# เจาะลึกภารกิจ ซีพี-ทรู ใช้เทคโนโลยีสนับสนุนสาธารณสุขสู้ภัยโควิด-19
นับตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาด โควิด-19 เรามองเห็นความเคลื่อนไหวของซีพีในการใช้ทรัพยากรที่มี สร้างโซลูชันเร่งด่วนเพื่อแก้วิกฤตมาโดยตลอด ยกตัวอย่างเช่น การใช้ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบคุณภาพหน้ากากอนามัยที่เครือซีพีตั้งโรงงานผลิตเพื่อส่งมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้เปราะบางตั้งแต่โควิดรอบแรกจนถึงปัจจุบัน
วิกฤตโควิดรอบนี้ เครือซีพีผนึกกำลังกับบริษัทในเครือร่วมทำโครงการซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19 สนับสนุนภารกิจโรงพยาบาลสนาม โดย Blognone ได้พูดคุยกับ คุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เกี่ยวกับการผนึกกำลังของซีพีและทรู ร่วมนำทรัพยากรและเทคโนโลยีมาสนับสนุนภารกิจภาคสาธารณสุข อำนวยความสะดวกด้านการสื่อสาร พัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เสริมประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และช่วยเหลือคนไทยให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ในสถานการณ์โควิด-19
คุณณัฐวุฒิ เล่าจุดเริ่มต้นว่า ทันทีที่เกิดโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้กำหนดนโยบายตั้งโครงการช่วยเหลือและสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ พัฒนาโครงการในชื่อ “ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19”
คุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น
โอกาสที่มาพร้อมกับวิกฤต
เทคโนโลยีที่ทางเครือซีพีและบริษัทในเครือฯ ช่วยสนับสนุนโรงพยาบาลมีหลากหลาย เพราะบริษัทมีทรัพยากรอยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสที่จะนำไปประยุกต์กับการใช้งานของโรงพยาบาลได้ ยกตัวอย่างเช่น การนำ engine ที่บริษัทมีไปเชื่อมต่อเข้ากับระบบของโรงพยาบาลที่มีอยู่ ช่วยประหยัดเวลาในการสร้างแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ขึ้นมาใหม่ หรือการที่ทรูนำระบบ Analytic เข้าไปช่วยกรมควบคุมโรค วิเคราะห์การกระจายตัวของโรคระบาด ให้สามารถหาทางรับมือได้ว่าโรคจะกระจายไปยังพื้นที่ใดต่อไป ซึ่งโครงการและกิจกรรมต่างๆ มาจากการทำงานร่วมกันของหลายภาคส่วน คาดการณ์เทรนด์อนาคตว่าเป็นโลกของการทำงานร่วมกันในการพัฒนาโซลูชันเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิต จึงเป็นโอกาสที่บริษัทจะผลักดันเป็นโมเดลต่อไปในอนาคตแน่นอน
เร่งเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย True 5G ในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม รองรับความต้องการด้านการสื่อสาร
ในโครงการซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19 ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่ซีพีทุ่มงบร่วม 200 ล้านบาท ได้ให้ความช่วยเหลือครอบคลุมด้านต่างๆ โดยเน้นสิ่งที่เครือซีพีทำได้ดี เช่น อาหาร เครื่องดื่ม เสริมอุปกรณ์การแพทย์ที่ขาด และด้วยการผนึกกำลังกับทรู ทำให้สามารถส่งมอบเทคโนโลยีและบริการสื่อสารต่างๆ แก่โรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนาม รวมถึงศูนย์ฉีดวัคซีนในหลายๆ แห่งด้วย
โครงการซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19 ให้ความช่วยเหลือแก่โรงพยาบาลต่างๆ
หุ่นยนต์ต้อนรับผู้มารับบริการฉีดวัคซีน
กลุ่มทรู ได้เร่งส่งมอบบริการและอุปกรณ์สื่อสารให้แก่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 มีผู้ป่วยจำนวนมากต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ โดยขยายสัญญาณทั้ง True 5G, 4G และ WiFi ให้แก่โรงพยาบาลสนามแล้ว 205 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลบุษราคัม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ซึ่งสามารถ รองรับการใช้งานสื่อสารไร้สายของผู้ป่วย 5,000 เตียง
รถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว ทรูมูฟ เอช ขยายสัญญาณเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G และ Wi-Fi
หุ่นยนต์อัจฉริยะ True 5G เทมิ ช่วยดูแลผู้ป่วย แบ่งเบาภาระแพทย์และพยาบาล
นอกจากนี้ กลุ่มทรู ยังเพิ่มความผ่อนคลายจากอาการเจ็บป่วยขณะพักรักษาตัว ให้ผู้ป่วยเข้าถึงความบันเทิงออนไลน์ ดูคอนเทนต์หลากหลาย ทั้งสาระและบันเทิง พร้อมทั้งเปิดคอลล์ เซ็นเตอร์เฉพาะกิจ รับแจ้งปัญหาบริการและเครือข่ายสื่อสาร สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยใน รพ.สนาม โดยเฉพาะด้วย
ขยายบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ลดความแออัดในโรงพยาบาล
นอกจากการดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายสื่อสารแล้ว ทรูยังนำแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ True HEALTH ยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนไทยให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ออนไลน์ โดยร่วมกับทีมแพทย์อาสาชีวี จัดแคมเปญ "Together We Care" ให้คนไทยทุกคนปรึกษาเรื่องสุขภาพเบื้องต้นกับทีมแพทย์อาสาจากชีวีบริรักษ์คลินิกเวชกรรม ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อ
แพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ True HEALTH
พร้อมกันนี้ ทรูยังเปิดมุมสุขภาพ True Health แห่งแรก ที่ โลตัส เลียบด่วนรามอินทรา ให้บริการปรึกษาเรื่องสุขภาพกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากชีวี ผ่านกระจกอัจฉริยะ (Smart Mirror) ที่เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G สามารถเข้าไปใช้บริการได้ง่ายๆ สะดวกสบาย และปลอดภัย ทั้งยังลดความหนาแน่นในโรงพยาบาลได้เช่นกัน
เทรนด์ในอนาคต
คุณณัฐวุฒิ บอกว่า เทคโนโลยี 5G เป็นเทรนด์ที่มีมาระยะหนึ่งแล้ว แต่โควิดช่วยเร่งการใช้ 5G ให้ขยายไปเร็วขึ้น ในแง่การเชื่อมต่อทำให้ชีวิตดีขึ้นและราบรื่นขึ้นอยู่แล้ว แต่ 5G ยังมาพร้อมกับแบนด์วิธกว้าง ช่วยให้งานยากๆ อย่างการผ่าตัดทางไกลนั้นเป็นไปได้ หากการใช้ 5G เป็นไปอย่างกว้างขวางแล้ว คนก็จะไม่หันกลับไปใช้ของเดิมที่ช้ากว่าแน่นอน |
# ผู้เล่น Battlefield 4 พุ่งหลังเปิดตัว Battlefield 2042 จน EA ต้องเปิดเซิฟเวอร์เพิ่ม
Battlefield 2042 ที่เปิดตัวในงาน E3 2021 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ส่งผลทำให้เกมผู้เล่นที่โหยหาเกม Battlefield แนวสงครามยุคปัจจุบัน หวนกลับไปเล่น Battlefield 4 ที่เปิดตัวในปี 2013 กันอีกครั้ง แต่เพราะเซิฟเวอร์ที่เหลือน้อย ทำให้ผู้เล่นต้องต่อคิวเข้าเกมนาน จน EA ต้องเปิดเซิฟเวอร์เพิ่มให้ผู้เล่นในโซนตะวันตกของสหรัฐ ตามข้อมูลในฟอรั่มซัพพอร์ตของทีมงาน
ยอดผู้เล่นสูงสุดฝั่ง Steam เพิ่มขึ้นจาก 3,408 คนในเดือนพฤษภาคม เป็น 11,714 คนในเดือนนี้ หรือกว่า 3 เท่า ตามสถิติของเว็บไซต์ Steam Charts แม้จะไม่ได้แสดงยอดผู้เล่นบน Origin ที่น่าจะเป็นผู้เล่นกลุ่มใหญ่กว่า (Origin ยังไม่มีเว็บเก็บสถิติ) แต่ก็สะท้อนภาพรวมของเกมได้พอสมควร
การที่เกม Battlefield 1 และ Battlefield V ย้อนกลับไปเป็นเซ็ตติ้งยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ปี 2016 ถึงปัจจุบัน ทำให้ผู้เล่นโหยหาบรรยากาศเก่าๆ ช่วง Battlefield 2, 3, 4 มากพอสมควร การกลับมาของ Battlefield 2042 ครั้งนี้ จึงทำให้ผู้เล่นเก่าๆ เริ่มกลับมาตื่นเต้นกับเกมอีกครั้ง
ที่มา - Neowin, Steam Charts |
# เส้นทางชีวิต OnePlus โตแล้วแมส ซอยรุ่นเยอะ ทำให้อัพเดตรอมช้า ไม่เอาใจฐานแฟนเก่าๆ
เว็บไซต์ Android Authority สรุปเส้นทางชีวิตของ OnePlus ที่ช่วงหลังเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะปัญหาอัพเดตระบบปฏิบัติการช้าลง กลายเป็นจุดขายเดิมเรื่องอัพเดตเร็วหายไปแล้ว
Android Authority บอกว่าจุดเริ่มต้นของ OnePlus คือการเน้นกลุ่มแฟนแอนดรอยด์แบบฮาร์ดคอร์ สื่อสารโดยตรงผ่านเว็บบอร์ด รอมหน้าตาใกล้เคียง Pure Android ที่สุด อัพเดตรวดเร็ว แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป OnePlus เริ่มกลายเป็นแบรนด์กระแสหลัก ซอยรุ่นเยอะขึ้น ขยายตลาดมาจับกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ไม่สนใจความเร็วในการอัพเดตมากนัก ทำให้ OnePlus มีฐานลูกค้า 2 กลุ่มที่ต่างกันชัดเจน และผลคือ OnePlus เลือกลูกค้ากลุ่มหลัง ทิ้งลูกค้ากลุ่มแรก
จำนวนสินค้าของ OnePlus ยังมีผลต่อการอัพเดตด้วย ในปีแรกๆ OnePlus ออกมือถือใหม่ปีละรุ่นเท่านั้น จากนั้นเริ่มขยับมาออกปีละ 2 รุ่น (ห้อย T) ในปี 2016 เป็นต้นมา เริ่มออกรุ่น Pro ด้วยในปี 2019 และภายหลังก็ขยายไลน์ OnePlus Nord ที่ซอยรุ่นย่อยอีกเยอะมาก แถม Nord ยังเป็นการนำมือถือจากฝั่ง Oppo มารีแบรนด์ ทำให้เสียเอกลักษณ์แบบเดิมไป
ปี 2019 ออกมือถือทั้งหมด 5 รุ่น
ปี 2020 ออกมือถือทั้งหมด 8 รุ่น
ปี 2021 ผ่านมาไม่ถึงครึ่งปี ออกมือถือแล้ว 5 รุ่น
การออกมือถือเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทีมซอฟต์แวร์ Oxygen OS ทำงานไม่ทัน ผลคืออัพเดตเวอร์ชัน OS ได้ช้าลงจากเดิมมาก เช่น OnePlus 7 ต้องรออัพเดต Android 11 นานถึง 6 เดือน
แม้ OnePlus ประกาศรวมเข้ากับ Oppo แล้ว แต่ Pete Lau ซีอีโอยังยืนยันว่า Oxygen OS ยังอยู่เหมือนเดิม และการรวมกับ Oppo จะทำให้มีทรัพยากรมาแก้ปัญหาทำรอมไม่ทันได้มากขึ้นด้วย ก็ต้องรอดูกันว่า OnePlus จะทำได้ตามที่สัญญาไว้กับแฟนๆ หรือไม่
ที่มา - Android Authority |
# Agoda จัดการแข่งขันเขียนโค้ด Codegoda ชิงเงินรางวัลสูงสุด 3,500 USD ใครก็เข้าร่วมได้
Agoda บริษัทเทคโนโลยี เจ้าของแพลตฟอร์มจองการท่องเที่ยวรายใหญ่ ประกาศจัดการแข่งขันเขียนโค้ดสำหรับโปรแกรมเมอร์จากทั่วโลก ในชื่อการแข่งขัน Codegoda โดยจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม 2564 ในระบบออนไลน์ โดยมีเงินรางวัลรวมถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมโอกาสในการเข้าร่วมงานกับอโกด้า
สายไอทีในประเทศไทย คงไม่ค่อยมีใครไม่รู้จักอโกด้า ทั้งในฐานะแพลตฟอร์มจองโรงแรม และในฐานะบริษัทเทคขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อโกด้าจัดการแข่งขันเขียนโปรแกรม ครั้งแรกที่จัดงานนี้ คือเมื่อปี 2562 ซึ่งมีรางวัลสุดดึงดูดเป็น PS4 ตัวท็อปในสมัยนั้น นอกจาก gadget ต่าง ๆ ที่ให้กับผู้ชนะถึง 50 รางวัลแล้ว ก็มีผู้ชนะจากการแข่งขันที่ได้เข้าไปร่วมงานกับอโกด้าจริง ๆ ด้วย
ส่วนครั้งนี้ อโกด้านำการแข่งขันนี้กลับมาอีกครั้งในชื่อใหม่คือ Codegoda แต่ลักษณะการแข่งขันยังเป็นการแก้โจทย์เชิง algorithm เหมือนเดิม โดยผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้ภาษาที่ตัวเองถนัดในการเขียนโค้ดแก้โจทย์ได้ภายในเวลา 5 ชั่วโมงของการแข่งขัน ส่งโค้ดไปถ้ายังไม่ถูกก็แก้ส่งไปใหม่ได้ เพราะการตัดสินจะดูจากความถูกต้องและเวลาที่ใช้รวมกัน ซึ่งข้อดีของการแข่งนี้คือมีแค่รอบเดียว แข่งเสร็จก็รู้ผลเลย
และรางวัลในครั้งนี้ก็ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ผู้ชนะ 10 อันดับแรกจะได้รางวัลเป็นเงินสด สูงสุด 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ ไล่ลงมาตามอันดับที่ได้ ข่าวดีสำหรับสาว ๆ นักเขียนโปรแกรมคือมีการมอบรางวัลเพิ่มติมให้อีก 500 ดอลลาร์ สำหรับผู้เข้าแข่งขันหญิงที่มาเป็นอันดับแรก เพื่อสนับสนุน Women in Tech ด้วย ส่วนใครที่อยู่ในอันดับ Top 100 ก็จะได้เสื้อยืดของการแข่งขันทุกคน
นอกจากนี้คุณยังสามารถร่วมชิงรางวัล iPad Air (Wifi + Cellular, 256GB) รุ่นใหม่ล่าสุด และ Apple Pencil ได้ง่ายๆโดยการแชร์ลิงก์เว็บไซต์และติดแฮชแท็ก #Codegoda
Codegoda เปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันตั้งแต่วันนี้จนถึงก่อนเริ่มการแข่งขัน โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดและสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่นี่
เกี่ยวกับ Codegoda
วันแข่งขันจริง: 17 กรกฎาคม 2564
เวลา: 14:00-19:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
เปิดรับสมัคร: 16 มิถุนายน จนถึงก่อนการแข่งขัน
รางวัล: เงินสด รวมมูลค่ากว่า 10,000 USD พร้อมเสื้อยืดสำหรับ Top 100
เว็บไซต์ของการแข่งขัน: codegoda.io
อ่านเรื่องราวเพิ่มเติม: การแข่งขัน Agoda Programming Competition 2019 |
# Teams, Outlook จะเริ่มฝังเอนจิน Fluid แก้เอกสาร Office ร่วมกันแบบเรียลไทม์ในแอพ
ไมโครซอฟท์มีโครงการชื่อ Fluid Component เป็นเอนจินในการแก้ไขเอกสารประเภทต่างๆ ของ Office ร่วมกันแบบเรียลไทม์ จุดเด่นของมันคือสามารถเอาไปฝังในแอพตัวอื่นๆ เพื่อแก้เอกสารกันโดยไม่ต้องเปิดแอพหลักได้
สัปดาห์ที่แล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศนำ Fluid มาใช้งานจริงในแอพสื่อสารของตัวเอง ได้แก่ Teams, OneNote, Outlook และ Microsoft Whiteboard เริ่มมีผลในช่วงกลางปีนี้
ผลคือผู้ใช้สามารถแก้เอกสาร ระดมไอเดีย จดโน้ต ระหว่างแชทหรือประชุมออนไลน์ใน Teams, เพื่อนร่วมงานอาจส่งอีเมลมาขอความเห็นจากเรา ซึ่งเราสามารถแก้เอกสารได้จากในอีเมลเลย ไม่ต้องเปิดเอกสารในหน้าต่างใหม่อีก
ตัวอย่างการใช้งานคือ เมื่อแอพในชุดเปิดใช้งาน Fluid แล้ว การประชุม Teams ทุกครั้งจะมีฟีเจอร์จดโน้ตร่วมกันมาให้ โน้ตนี้จะถูกแสดงในนัดหมายของ Outlook ตั้งแต่ก่อนประชุม (ถือเป็นเป้าหมายหรือ agenda ของการประชุม) ผู้ที่ได้รับเชิญประชุมสามารถแก้ agenda ในปฏิทินได้ตั้งแต่ก่อนประชุมเลย แปลว่าการทำงานร่วมกันสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ก่อนประชุมด้วยซ้ำ
Jared Spataro หัวหน้าทีม Microsoft 365 ให้สัมภาษณ์กับ The Verge ว่า Fluid เปรียบเสมือน "พื้นที่เพื่อทำงานร่วมกันให้เสร็จ" (the canvas that gets collaboration done)
คู่แข่งอย่าง Google Workspace ก็กำลังมีฟีเจอร์คล้ายๆ กันในชื่อว่า Spaces แสดงให้เห็นเทรนด์ของการทำงานร่วมกันออนไลน์ ที่ต้องทำทั้งการประชุมและการแก้ไขเอกสารไปพร้อมๆ กัน
ที่มา - Microsoft, The Verge |
# ไม่ต้องสุ่มแล้ว EA เปิดให้พรีวิวการ์ดนักเตะ FIFA Ultimate Team ก่อนตัดสินใจซื้อ
เกมตระกูล FIFA ของ EA ถูกวิจารณ์มาตลอดเรื่องการขายการ์ดนักเตะ FIFA Ultimate Team (FUT) แบบสุ่มที่ทำเงินให้ EA มหาศาล ช่วงหลังเราจึงเห็น EA ออกมาตรการที่เป็นมิตรกับผู้เล่นมากขึ้น เช่น การบอกยอดเงินสะสมที่จ่ายค่าการ์ดไป, การขายชุดตกแต่งโดยตรงไม่ต้องผ่าน Loot Box
ล่าสุด EA มุ่งไปที่ใจกลางของปัญหา (อย่างไม่น่าเชื่อ!) เพราะเปลี่ยนมาขายซองการ์ดแบบเห็นการ์ดได้ก่อนซื้อ ที่เรียกว่า FUT Preview Packs
การทำงานของ FUT Preview Packs ตรงไปตรงมา บนซองการ์ดจะมีสัญลักษณ์รูปตาเพื่อบอกว่า "พรีวิว" ดูการ์ดข้างในก่อนได้ หากไม่พอใจกับการ์ดในซองก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ โดย EA จะวนการ์ดซองใหม่มาให้ในระยะเวลาที่กำหนด (จากภาพตัวอย่างโชว์ว่า 20 ชั่วโมง)
แต่นี่คือ EA ดังนั้นข่าวดีย่อมไม่ใช่เรื่องดีทั้งหมดเสมอไป มีข้อยกเว้นสำหรับการ์ดบางประเภท เช่น Time Limited Packs, Limited Quantity Packs, การ์ดที่ได้เป็นรางวัลจากวิธีอื่นๆ ที่ไม่ได้ซื้อตรงจาก FUT Store ไม่สามารถพรีวิวได้ก่อนซื้อ และฟีเจอร์ Preview Packs เองก็เป็นฟีเจอร์ชั่วคราวระหว่างแคมเปญ Festival of FUTball ในช่วงนี้เท่านั้น เมื่อจบแคมเปญแล้วก็จะพรีวิวไม่ได้เหมือนเดิม
ที่มา - EA via Polygon |
# [ลือ] Google ซุ่มพัฒนาบริการใหม่ AI สอนภาษาต่างประเทศ
มีรายงานจาก The Information ว่ากูเกิลกำลังพัฒนาบริการตัวใหม่ ซึ่งใช้ AI มาสอนภาษาต่างประเทศ ผ่านบริการเสิร์ชของกูเกิล โดยโครงการนี้มีโค้ดเนมภายในว่า Tivoli และคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานได้ในปีนี้
โครงการ Tivoli เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ด้วยปัญญาประดิษฐ์ LaMDA ที่กูเกิลเพิ่งสาธิตไปเมื่อเดือนที่แล้วในงาน Google I/O โดย LaMDA มีจุดเด่นคือความสามารถในการเข้าใจเนื้อหาของบทสนทนาขณะนั้น
คาดว่าโครงการ Tivoli ช่วงแรกจะรองรับเฉพาะการแปลบทสนทนาตัวหนังสือก่อน แต่อาจจะขยายไปสู่ Google Assistant และ YouTube ในอนาคต
ที่มา: Gamers Grade |
# พบบั๊กใน iOS หากต่อ Wi-Fi ที่ตั้งชื่อว่า %p%s%s%s%s%n จะทำให้ Wi-Fi ใช้งานไม่ได้
มีรายงานว่าพบบั๊กแปลกๆ ใน iOS อีกแล้ว คราวนี้มาจาก Carl Schou นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่เรียกตัวเองว่าเป็นวิศวกรย้อนกลับ (reverse engineer) ได้เปิดเผยว่าหากใช้อุปกรณ์ iOS เชื่อมต่อเข้ากับ Wi-Fi ที่ตั้งชื่อไว้ว่า %p%s%s%s%s%n จะทำให้อุปกรณ์เครื่องนั้นใช้ Wi-Fi ไม่ได้ไปเลย
จากคลิปวิดีโอที่ Carl ทวีตออกมา จะเห็นว่า iPhone ของเขาไม่สามารถเปิดใช้ Wi-Fi ได้ พอเลื่อนสวิตช์ Wi-Fi ไปที่ตำแหน่งเปิด ก็จะเด้งกลับมาปิดทันที รวมถึง AirDrop ก็ใช้งานไม่ได้ไปด้วย โดยการรีบูทเครื่องก็ไม่ช่วย วิธีแก้ไขมีทางเดียวคือต้องรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย (Reset Network Settings) ในเมนู "รีเซ็ต" เพื่อให้เครื่องลืมเครือข่ายทั้งหมดที่เคยเชื่อมต่อ
มีการคาดกันว่าสตริง %p%s%s%s%s%n หลอกให้ iOS ตีความเป็นการ format string ในภาษา C เช่น %s หมายความว่าให้นำสตริงมาแทนค่า และ %n เป็นการเก็บจำนวนอักขระที่มีก่อนหน้าเครื่องหมาย %n ใส่ตัวแปรอื่น
หลังจากเรื่องนี้ดังขึ้นมา ก็มีคนนำไปทดสอบกับอุปกรณ์ Android แต่ไม่พบว่ามีปัญหาแบบเดียวกัน
Carl รายงานว่าพบบั๊กนี้ใน iPhone XS ที่รัน iOS 14.4.2 แต่เว็บไซต์ Bleeping Computer ได้ทดสอบกับ iOS 14.6 ที่เป็น iOS เวอร์ชันล่าสุดขณะนี้ก็พบบั๊กนี้เช่นกัน
ระหว่างรอแอปเปิลออกแพตช์แก้ไข ผู้ใช้ iOS ควรระวังการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi หรือ hotspot ของผู้อื่นที่ตั้งชื่อแปลกๆ ไปก่อน โดยเฉพาะเครือข่ายที่ไม่มีรหัสผ่าน เพราะเมื่อเราแตะที่ชื่อเครือข่ายก็จะเชื่อมต่อทันที
ที่มา - Bleeping Computer |
# เปิดราคา Xperia 1 III ในสหรัฐที่ 1,299 ดอลลาร์ แพงขึ้นจากรุ่นก่อน 100 ดอลลาร์
โซนี่ประกาศราคาของ Xperia 1 III มือถือเรือธงประจำปี 2021 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน แต่ยังไม่เผยราคาในช่วงนั้น
ราคาของ Xperia 1 III ในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1,299.99 ดอลลาร์ สำหรับรุ่นความจุ 256GB (ประมาณ 41,000 บาท) แพงขึ้นจาก Xperia 1 II เรือธงรุ่นก่อนที่เปิดตัว 1,199.99 ดอลลาร์ (ราคาไทย 35,999 บาท) อยู่ 100 ดอลลาร์ ต้องติดตามดูกันว่าราคาไทยจะขายเท่าไร
หากเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน Samsung Galaxy S21 Ultra ราคาในสหรัฐคือ 1,199 ดอลลาร์ ซึ่งตั้งราคาถูกลงจาก S20 Ultra อยู่ 200 ดอลลาร์
ตอนนี้โซนี่ยังเปิดเผยแต่ราคา ไม่บอกวันจำหน่าย และยังไม่สามารถสั่งซื้อได้
ที่มา - Sony, Notebookcheck |
# เกาหลีใต้ยกเลิกใบอนุญาตอุปกรณ์สื่อสารรวดเดียว 1,696 รายการหลังพบว่าทดสอบในจีน
กระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีเกาหลีใต้ประกาศยกเลิกอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด 1,696 รายการ จากบริษัททั้งหมด 378 บริษัท เนื่องจากพบว่าอุปกรณ์เหล่านี้ยื่นผลทดสอบจากห้องทดสอบในจีนที่ไม่ได้รับรองตามข้อตกลงระหว่างประเทศ
เกาหลีใต้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ยอมรับผลทดสอบข้ามประเทศ (mutual recognition agreements - MRA) ทำให้อุปกรณ์ที่ทดสอบในชาติสมาชิกสามารถใช้ผลทดสอบไปยื่นขออนุญาตกับชาติอื่นๆ ได้ แต่อุปกรณ์ที่เป็นปัญหาในครั้งนี้ทดสอบโดย Bay Area Compliance Laboratories (BACL) ที่มีห้องทดสอบทั่วโลก แต่กลับนำอุปกรณ์เหล่านี้ไปทดสอบในห้องทดสอบในจีนที่ไม่ได้อยู่ใน MRA แล้วเขียนรายงานโดย BACL ในสหรัฐฯ ทำให้ผลทดสอบไม่สามารถใช้ยื่นขออนุญาตได้
อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ เช่น อุปกรณ์ LTE จากหัวเว่ย, กล้องวงจรปิด Hikvision, และโดรนจาก DJI โดยบริษัทที่ถูกถอนใบอนุญาตเหล่านี้ยืนยันว่าเกิดความสับสนในกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะปลอมผลทดสอบเพื่อขออนุญาตแต่อย่างใด
อุปกรณ์ที่ขายไปแล้วบริษัทผู้จัดจำหน่ายต้องทดสอบและยื่นขออนุญาตอีกครั้ง ขณะที่อุปกณ์ที่ยังไม่ได้จำหน่ายต้องหยุดจำหน่ายไปก่อน
ที่มา - Korea Herald, Hack A Day
ภาพเสาสัญญาณวิทยุโดย Republica |
# AMD ขยายการใช้งาน FidelityFX Super Resolution ให้จีพียูรุ่นเก่า RX 480, RX 470 ก็ใช้ได้
หลังการเปิดตัว FidelityFX Super Resolution ฟีเจอร์อัพสเกลให้ความละเอียดภาพสูงขึ้นโดยไม่เปลืองพลังประมวลจีพียูของฝั่ง AMD ซึ่งแม้ว่าการประกาศในครั้งแรกได้ระบุไว้ว่าจะรองรับจีพียูย้อนหลังถึงตระกูล Radeon RX 500 เท่านั้น
แต่น่าจะมีเกมเมอร์บางท่านที่ใช้จีพียูรุ่นเก่ากว่า RX 500 เพียงเล็กน้อยเกิดความสงสัย ว่าเหตุใดจีพียูตระกูล Radeon RX 400 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Polaris เช่นเดียวกันกับ RX 500 จึงไม่เข้าข่ายจีพียูที่สามารถใช้งาน FSR ได้ มาถึงตอนนี้ก็มีคำตอบที่น่าจะชัดเจนจากทาง AMD แล้วครับ
โดยทาง AMD ได้โพสต์ลงในเว็บบอร์ด Reddit ประกาศว่าฟีเจอร์ FSR จะรองรับย้อนหลังไปถึงจีพียู Radeon RX 470 และ RX 480 และจะอัพเดตข้อมูลดังกล่าวในเว็บไซต์ทางการในเร็วๆ นี้
ผู้ใช้จีพียูทั้งสองรุ่นคงไม่ต้องรีบซื้อจีพียูใหม่เพียงเพื่อเปิดฟีเจอร์ FSR แล้ว ส่วนผู้ที่กำลังรอทดลองใช้งาน ทาง AMD จะปล่อย FSR ให้เปิดใช้งานในเกม Godfall เป็นเกมแรกในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ครับ
ที่มา - Windows Central |
# George R.R. Martin เล่าเอง ช่วยดีไซน์โลกในเกม Elden Ring แต่ไม่ได้แต่งเรื่อง
George R.R. Martin ผู้เขียนนิยายชุด A Song of Ice and Fire ซึ่งมีชื่อในเครดิตเกม Elden Ring ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของเขาว่าทำอะไรบ้าง
Martin บอกว่าเขาไม่ใช่เกมเมอร์ แม้มีเล่นวิดีโอเกมอยู่บ้าง ส่วนงานของเขาใน Elden Ring เป็นการช่วยสร้างโลกในเกม (world building) โดยยังไม่ต้องสนใจพล็อตเรื่องหรือตัวละคร ลักษณะเดียวกับ Middle Earth ในนิยายของ J.R.R. Tolkien หรือจักรวาล Foundation ของ Isaac Asimov
Martin เล่าว่า FromSoftware มาให้เขาช่วยคิดไอเดียของโลกในเกมแบบคร่าวๆ ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน และกลับมาขอไอเดียเป็นระยะๆ เมื่อออกแบบมอนสเตอร์ใหม่ แต่ภาพรวมคืองานของเขาเสร็จไปนานหลายปีแล้ว ก็ขอให้แฟนๆ รอติดตามเกมที่จะออกขายในเดือนมกราคม 2022 กัน
ที่มา - PCGamer |
# HBO Max ชี้แจงเมลทดสอบระบบส่งโดยพนักงานฝึกงาน วิศวกรทั่วโลกแห่ให้กำลังใจ
หลังจากเมื่อวานนี้เกิดเหตุ HBO Max ส่งอีเมล "Integration Test Email #1" ไปยังผู้ใช้จำนวนมากทั่วโลก ทาง HBO Max ก็ออกมาขออภัย พร้อมกับยืนยันว่าพนักงานฝึกงานเป็นผู้ส่งเมลตามที่มีคนล้อกันจำนวนมาก พร้อมกับระบุว่ากำลังช่วยเหลือให้พนักงานผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้
หลังจากข้อความชี้แจงนี้ออกมาวิศวกรทั่วโลกก็พากันส่งข้อความให้กำลังใจพร้อมเล่าประสบการณ์ความผิดพลาดในการทำงานของตัวเอง เช่น @rakyll วิศวกรอาวุโสของ AWS เล่าว่าเคยลบฐานข้อมูลโปรดักชั่น, @ocho_rios88 เล่าว่าเคยอัพเกรดระบบไอทีของสถานีโทรทัศน์แล้วระบบไม่เสถียรไปทั้งเดือน, @daenney เคยทำ Spotify ล่มทั้งโลก, @burkeholland เคยเปลี่ยนฐานข้อมูลพนักงานทั้งบริษัทให้นามสกุลกลายเป็น Holland
ทั้ง reply และ quote ยังมีอีกจำนวนมาก หลายคนไม่ได้ให้กำลังใจโดยตรง เช่น @mekkaokereke จาก Google Play ระบุว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องดีที่ช่วยให้ทีมเจอจุดที่ต้องป้องกันเพิ่มเติม
ที่มา - @HBOMaxHelp |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.