sysid
stringlengths
1
6
title
stringlengths
8
870
txt
stringlengths
0
257k
819142
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายเวลาการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายเวลาการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] เพื่อให้การดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สอดคล้องกับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณซึ่งได้มีการอนุมัติให้เบิกจ่ายได้ภายหลังวันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวนรวม ๒๖๗,๑๕๐.๕๔ ล้านบาท กระทรวงการคลังโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๑ ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ขยายระยะเวลาการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ วงเงินไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ออกไปภายหลังวันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยจะดำเนินการกู้เงินดังกล่าวภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยคำนึงถึงสถานะของเงินคงคลัง แผนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ และผลการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ นรินทร์ กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/ธนบดี/จัดทำ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๘๒ ง/หน้า ๑๐/๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
819140
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 10
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๐[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ – รังสิต วงเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามร้อยล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารออมสิน ๒. อายุเงินกู้ ๑ ปี ๔ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ ๓. อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างร้อยละ ๐.๑๓๑ (ศูนย์จุดหนึ่งสามหนึ่ง) ต่อปี อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย กำหนดชำระดอกเบี้ยแบ่งเป็นปีละสองงวด คือวันที่ ๑๔ มกราคม และ ๑๔ กรกฎาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๒และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วันนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/ธนบดี/จัดทำ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๘๒ ง/หน้า ๘/๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
818565
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ที่ครบกำหนด โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงิน ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นโดยวิธีการออก PN อายุเงินกู้ ๑ เดือนให้กับธนาคารออมสิน เป็นจำนวนเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาทถ้วน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๑.๕๐๐๐๐ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ที่ครบกำหนดในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๑ ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๑ ๓. อายุเงินกู้ ๑ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ ๔. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดโดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ 1๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปุณิกา/ธนบดี/จัดทำ ๐๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๗๔ ง/หน้า ๕/๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
818556
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 9
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๙ เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และอาศัยอำนาจตาม ความใน มาตรา ๗ ประกอบ มาตรา ๒ ๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต วงเงิน ๑,๖๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันหกร้อยหกสิบห้าล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารออมสิน ๒. อายุเงินกู้ ๑ ปี ๖ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ๓. อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างร้อยละ ๐.๑๔๑ (ศูนย์จุดหนึ่งสี่หนึ่ง) ต่อปีอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕.การชำระดอกเบี้ย กำหนดชำระดอกเบี้ยแบ่งเป็นปีละสองงวด คือวันที่ ๗ มีนาคม และ ๗ กันยายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๒ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๓ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทาการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชาระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริงเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้)ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชาระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชาระคืนต้นเงินก่อนกำหนดโดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปุณิกา/ธนบดี/จัดทำ ๐๗ ธันวาคม ๒๕๖๑
816501
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสินธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนวงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๕๔,๐๖๕,๙๖๒,๔๒๑.๐๒ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๙๓๔,๐๓๗,๕๗๘.๙๘ บาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้มีดังนี้ งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) จานวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท)) ส่วนลด (บาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) ๑/๓๖๔/๖๑ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๒ ๓๖๔ ๑๕,๐๐๐ ๑๔,๗๕๓,๐๒๒,๐๑๕.๑๐ ๒๔๖,๙๗๗,๙๘๔.๙๐ ๑.๖๗๘๗๐ ๒/๓๖๔/๖๑ ๓ กันยายน ๒๕๖๑ ๕ กันยายน ๒๕๖๑ ๔ กันยายน ๒๕๖๒ ๓๖๔ ๑๕,๐๐๐ ๑๔,๗๔๘,๖๔๙,๖๗๒.๒๒ ๒๕๑,๓๕๐,๓๒๗.๗๘ ๑.๗๐๘๙๑ ๓/๓๖๔/๖๑ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๑ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๑ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒ ๓๖๔ ๑๕,๐๐๐ ๑๔,๗๓๙,๐๒๖,๒๔๒.๙๐ ๒๖๐,๙๗๓,๗๕๗.๑๐ ๑.๗๗๕๕๐ ๔/๓๖๔/๖๑ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๑ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๑ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ๓๖๔ ๑๐,๐๐๐ ๙,๘๒๕,๒๖๔,๔๙๐.๘๐ ๑๗๔,๗๓๕,๕๐๙.๒๐ ๑.๗๘๓๓๒ รวม ๕๕,๐๐๐ ๕๔,๐๖๕,๙๖๒,๔๒๑.๐๒ ๙๓๔,๐๓๗,๕๗๘.๙๘ ๑.๗๓๒๓๖ ๓. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ ของราคาตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง/หน้า ๑๐/๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๑
816499
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 12 งวดประมูลที่ 15 สิงหาคม 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๒ งวดประมูลวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่ากระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๒ งวดประมูลวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๒ งวดประมูลวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาทโดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นพันธบัตรรุ่นใหม่ (New Issue) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๕.๓๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๔๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้งในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชาระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชาระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๕ สิงหาคม ๖๑ ๑๗ สิงหาคม ๖๑ CB ๕๐,๐๐๐ ๕๐,๑๒๕,๕๗๐,๗๒๙.๕๖ ๑๒๕,๕๗๐,๗๒๙.๕๖ - ๒.๓๔๙๙ NCB - - - - รวม ๕๐,๐๐๐ ๕๐,๑๒๕,๕๗๐,๗๒๙.๕๖ ๑๒๕,๕๗๐,๗๒๙.๕๖ - ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๖กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง/หน้า ๘/๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๑
816497
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจาหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะพ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่ากระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๑๗,๖๑๙ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๑๗,๖๑๙ ล้านบาท ได้รับเงิน จำนวน ๑๗,๖๑๐,๘๔๘,๓๕๒.๕๑ บาทโดยมีส่วนลด จำนวน ๘,๑๕๑,๖๔๗.๔๙ บาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๑๘/๑๔/๖๑ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ๑๔ ๑๗,๖๑๙ ๑.๒๐๖๗๘ ๑๗,๖๑๐,๘๔๘,๓๕๒.๕๑ ๘,๑๕๑,๖๔๗.๔๙ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จาหน่ายได้ ๔. การกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ – เงินสดจ่ายของรัฐบาล จานวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง/หน้า ๖/๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๑
815149
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะยาว โดยวิธีการออก PN ให้แก่ธนาคารออมสิน เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนด ในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ และวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ วงเงินที่ ๑ จำนวน ๙,๒๗๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เก้าพันสองร้อยเจ็ดสิบสามล้านบาทถ้วน) เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ อายุเงินกู้ ๒ ปี ๑.๒ วงเงินที่ ๒ จำนวน ๘,๓๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดพันสามร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ อายุเงินกู้ ๑.๙๘ ปี ๑.๓ วงเงินที่ ๓ จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นล้านบาทถ้วน) เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ อายุเงินกู้ ๑.๙๖ ปี ๒. วันครบกำหนดตรงกับ วันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ ๓. อัตราดอกเบี้ย ๓.๑ อัตราดอกเบี้ยตามข้อ ๑.๑ เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างร้อยละ ๐.๑๖๓๐๐ (ศูนย์จุดหนึ่งหกสาม) ต่อปี ๓.๒ อัตราดอกเบี้ยตามข้อ ๑.๒ เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างร้อยละ ๐.๑๖๖๐๐ (ศูนย์จุดหนึ่งหกหก) ต่อปี ๓.๓ อัตราดอกเบี้ยตามข้อ ๑.๓ เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างร้อยละ ๐.๑๗๑๑๐ (ศูนย์จุดหนึ่งเจ็ดหนึ่งหนึ่ง) ต่อปี ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR ๖M ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR ๖M ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ และ ๘ สิงหาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชญานิศ/จัดทำ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๔๗ ง/หน้า ๑/๔ ตุลาคม ๒๕๖๑
813835
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 8
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๘[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ วงเงิน ๔๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่ร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. อายุเงินกู้ ๑ ปี ๙ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๓ ๓. อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างร้อยละ ๐.๑๖ (ศูนย์จุดหนึ่งหก) ต่อปี อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย กำหนดชำระดอกเบี้ยแบ่งเป็นปีละสองงวด คือวันที่ ๒๖ เมษายน และ ๒๖ ตุลาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๓ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปุณิกา/จัดทำ ๓ เมษายน ๒๕๖๒ นุสรา/ตรวจ ๔ เมษายน ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๓๑ ง/หน้า ๗/๒๐ กันยายน ๒๕๖๑
812881
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้น โดยวิธีการออก PN เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนด ในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ โดยมีรายละเอียดดังนี้ รายละเอียดการกู้เงิน วงเงินที่ ๑ วงเงินที่ ๒ วงเงินที่ ๓ วงเงินกู้ ๑๐,๕๘๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าร้อยแปดสิบ ล้านบาทถ้วน) ๙,๓๘๓ ล้านบาท (เก้าพันสามร้อยแปดสิบสาม ล้านบาทถ้วน) ๔,๘๒๕ ล้านบาท (สี่พันแปดร้อยยี่สิบห้า ล้านบาทถ้วน) สถาบันการเงิน ที่ได้รับการจัดสรร ธนาคารออมสิน ธนาคารออมสิน ธนาคารออมสิน อัตราดอกเบี้ยคงที่ (ร้อยละต่อปี) ๑.๔๙๙๐๐ ๑.๔๙๙๐๐ ๑.๔๙๙๐๐ อายุเงินกู้ ๔ เดือน ๔ เดือน ๔ เดือน วันที่เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ วันที่ครบกำหนดชำระ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๒. การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๓. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริงเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๔. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิมพ์มาดา/จัดทำ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๒๒ ง/หน้า ๑/๑๑ กันยายน ๒๕๖๑
812155
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 19 งวดประมูลวันที่ 15 สิงหาคม 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๙ งวดประมูลวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๙ งวดประมูลวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๙ งวดประมูลวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ วงเงิน ๕,๕๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB466A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๔๓,๓๘๕ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๗.๘๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๘๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้งในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชาระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๕,๕๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ CB ๕,๕๐๐ ๕,๑๓๓,๐๓๘,๖๙๔.๕๙ -๓๙๓,๓๘๗,๖๕๐.๔๑ ๒๖,๔๒๖,๓๔๕.๐๐ ๓.๒๖๘๐ NCB - - - - รวม ๕,๕๐๐ ๕,๑๓๓,๐๓๘,๖๙๔.๕๙ ๓๙๓,๓๘๗,๖๕๐.๔๑ ๒๖,๔๒๖,๓๔๕.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิวรรธน์/จัดทำ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๑๘ ง/หน้า ๒๑/๗ กันยายน ๒๕๖๑
812153
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 18 งวดประมูลวันที่ 18 กรกฎาคม 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๘ งวดประมูลวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๘ งวดประมูลวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๘ งวดประมูลวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ วงเงิน ๑๓,๒๐๐ ล้านบาทโดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB๓๖๖A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๗๖,๐๙๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๗.๙๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทาการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้งในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๑๓,๒๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ CB ๑๒,๘๕๐ ๑๓,๐๑๑,๙๐๗,๓๓๑.๑๒ ๑๒๒,๔๐๖,๘๑๖.๖๒ ๓๙,๕๐๐,๕๑๔.๕๐ ๓.๓๒๘๕ NCB ๓๕๐ ๓๕๔,๔๐๘,๔๐๗.๕๐ ๓,๓๓๒,๕๑๘.๐๐ ๑,๐๗๕,๘๘๙.๕๐ รวม ๑๓,๒๐๐ ๑๓,๓๖๖,๓๑๕,๗๓๘.๖๒ ๑๒๕,๗๓๙,๓๓๔.๖๒ ๔๐,๕๗๖,๔๐๔.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิวรรธน์/จัดทำ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๑๘ ง/หน้า ๑๙/๗ กันยายน ๒๕๖๑
812151
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 17 งวดประมูลวันที่ 11 กรกฎาคม 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๗ งวดประมูลวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๗ งวดประมูลวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๗ งวดประมูลวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๔ (LB๖๗๖A) ทาให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๗,๔๘๘ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๘.๙๖ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๑๐ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้งในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ CB ๔,๘๐๐ ๔,๕๖๘,๓๕๔,๕๕๖.๑๐ -๒๔๓,๙๕๔,๔๖๗.๙๐ ๑๒,๓๐๙,๐๒๔.๐๐ ๓.๘๓๐๘ NCB ๒๐๐ ๑๙๐,๓๓๑,๒๔๒.๐๐ -๑๐,๑๘๑,๖๓๔.๐๐ ๕๑๒,๘๗๖.๐๐ รวม ๕,๐๐๐ ๔,๗๕๘,๖๘๕,๗๙๘.๑๐ -๒๕๔,๑๓๖,๑๐๑.๙๐ ๑๒,๘๒๑,๙๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิวรรธน์/จัดทำ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๑๘ ง/หน้า ๑๗/๗ กันยายน ๒๕๖๑
810817
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงอำเภอหนองหาน - อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงสกลนคร - นครพนม (กิโลเมตรที่ 180 – 213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วงร้อยเอ็ด - ยโสธร
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๒๒ ช่วงอำเภอหนองหาน - อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข ๒๒ ช่วงสกลนคร - นครพนม (กิโลเมตรที่ ๑๘๐ - ๒๑๓) และทางหลวงหมายเลข ๒๓ ช่วงร้อยเอ็ด - ยโสธร[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กระทรวงการคลัง ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า รัฐบาลได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๒๒ ช่วงอำเภอหนองหาน - อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข ๒๒ ช่วงสกลนคร - นครพนม (กิโลเมตรที่ ๑๘๐ - ๒๑๓) และทางหลวงหมายเลข ๒๓ ช่วงร้อยเอ็ด - ยโสธร ของกรมทางหลวง โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑. เป็นเงินกู้สกุลเหรียญสหรัฐ จำนวน ๙๙,๔๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ (เก้าสิบเก้าล้านสี่แสนเหรียญสหรัฐถ้วน) หรือเทียบเท่า ๓,๓๐๘,๘๗๖,๙๐๐ บาท (สามพันสามร้อยแปดล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นหกพันเก้าร้อยบาทถ้วน) โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนขายถัวเฉลี่ย ณ วันลงนาม คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๓๓.๒๘๘๕ บาท ๒. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ กำหนดตามที่ ADB ประกาศซึ่งกำหนดตามอัตราดอกเบี้ย ณ วันกำหนดโดยการเบิกจ่ายเงินกู้แต่ละครั้งในงวดการชำระดอกเบี้ยงวดหนึ่ง ๆ จากกำหนดอัตราดอกเบี้ยตาม (๑) อัตรา LIBOR สกุลเงินเหรียญสหรัฐ ระยะเวลา ๖ เดือน (๒) บวกส่วนต่าง (Spread) ของ ADB ร้อยละ ๐.๕๐ ต่อปี และหักลบอัตราส่วนลดสำหรับประเทศสมาชิก (Rebate) ของ ADB โดยจะเปลี่ยนแปลงตามประกาศของ ADB ๓. ค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ (Commitment Charge) อัตราร้อยละ ๐.๑๕ ต่อปีโดยคำนวณจากยอดเงินกู้ที่ยังไม่เบิกจ่ายและเริ่มคำนวณภายหลังจากวันที่ลงนามในสัญญาเงินกู้แล้ว ๖๐ วัน ๔. การชำระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ กำหนดชำระปีละ ๒ งวด โดยชำระในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ และ ๑๕ สิงหาคม ของทุกปี ๕. กำหนดชำระคืนเงินต้น ภายใน ๑๓ ปี รวมระยะปลอดหนี้ ๓ ปี และจะเริ่มชำระคืนเงินต้นงวดแรก ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๗๓ ๖. กระทรวงการคลังจะเบิกจ่ายเงินกู้จาก ADB ในคราวเดียวทั้งจำนวนและดำเนินการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย (Cross Currency Swap : CCS) และกรมทางหลวงจะทยอยเบิกเงินกู้ตามความก้าวหน้าและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป ๗. รัฐบาลได้กำหนดนำเงินกู้จากรายนี้ไปใช้สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๒๒ ช่วงอำเภอหนองหาน - อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข ๒๒ ช่วงสกลนคร - นครพนม (กิโลเมตรที่ ๑๘๐ - ๒๑๓) และทางหลวงหมายเลข ๒๓ ช่วงร้อยเอ็ด - ยโสธรของกรมทางหลวง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบทางหลวงให้มีประสิทธิภาพในการรับรองการจราจรที่เพิ่มมากขึ้น เป็นการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางถนนให้เชื่อมต่อกันเป็นระบบ และพัฒนาส่งเสริมความเป็นศูนย์กลาง การคมนาคมและขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/จัดทำ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๙๙ ง/หน้า ๑๗/๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๑
810628
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๓๖,๙๑๔ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยวิธีการเสนอประมูล อัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๓๖,๙๑๔ ล้านบาท ได้รับเงิน จำนวน ๓๖,๘๘๒,๔๖๘,๐๕๒.๗๓ บาท โดยมีส่วนลด จำนวน ๓๑,๕๓๑,๙๔๗.๒๗ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง จำนวน ๗๔,๔๑๔ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๖/๒๘/๖๑ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ๒๘ ๑๑,๔๘๔ ๑.๑๑๒๔๒ ๑๑,๔๗๔,๒๐๘,๒๘๒.๙๕ ๙,๗๙๑,๗๑๗.๐๕ ๗/๒๘/๖๑ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑ ๒๘ ๕,๔๓๐ ๑.๑๔๔๙๔ ๕,๔๒๕,๒๓๔,๙๗๓.๗๐ ๔,๗๖๕,๐๒๖.๓๐ ๘/๒๘/๖๑ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ๒๘ ๑๐,๐๐๐ ๑.๑๕๖๔๗ ๙,๙๙๑,๑๓๖,๓๒๔.๖๘ ๘,๘๖๓,๖๗๕.๓๒ ๙/๒๘/๖๑ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ๒๘ ๑๐,๐๐๐ ๑.๐๕๘๒๕ ๙,๙๙๑,๘๘๘,๔๗๑.๔๐ ๘,๑๑๑,๕๒๘.๖๐ รวม ๓๖,๙๑๔ ๑.๑๑๔๔๖ ๓๖,๘๘๒,๔๖๘,๐๕๒.๗๓ ๓๑,๕๓๑,๙๔๗.๒๗ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ – เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปุณิกา/จัดทำ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๙๗ ง/หน้า ๑๐/๔ เมษายน ๒๕๖๑
809045
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สำหรับการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สำหรับการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้มีการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ วงเงินกู้ ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท (สามหมื่นล้านบาทถ้วน) และต่อมากระทรวงการคลังได้มีการขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้ดังกล่าว ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๔ ของประกาศกระทรวงการคลังมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังจึงขอแก้ไขเพิ่มเติมประกาศดังกล่าวดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ ของประกาศดังกล่าว และใช้ความต่อไปนี้แทน “๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน และเมื่อเบิกเงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้ว จึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินกู้ลำดับถัดไป” ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่นเป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิวรรธน์/จัดทำ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๗๖ ง/หน้า ๖/๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑
809043
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) วงเงินกู้ ๔,๓๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่พันสามร้อยเจ็ดสิบห้าล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ ๓. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ (หก) เดือน (BIBOR ๖M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลบด้วยร้อยละ ๐.๑๖ (ศูนย์จุดหนึ่งหก) ต่อปี ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ (สอง) วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือในวันที่ ๒๕ มิถุนายน และ ๒๕ ธันวาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ (สอง) วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระพร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิวรรธน์/จัดทำ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๗๖ ง/หน้า ๔/๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑
809040
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขของการกู้เงิน ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต ระยะที่ ๑ (ค่าก่อสร้าง) โดยวิธีการทำ สัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารออมสิน วงเงินกู้รวม ๑๖,๕๔๒,๗๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นหกพันห้าร้อยสี่สิบสองล้านเจ็ดแสนบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ๓. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ลบด้วยส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๘๐๖ (ศูนย์จุดหนึ่งแปดศูนย์หก) ต่อปี ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้ในวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งวงเงินที่จะขอเบิกให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดอายุสัญญาให้แบ่งชำระดอกเบี้ยสองงวด โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระต้นเงินกู้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ โดยจะทยอยคืนต้นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิวรรธน์/จัดทำ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๗๖ ง/หน้า ๒/๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑
807927
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ (LB๓๒๖A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๒๑,๐๔๖ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๑๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๗๕ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๗๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน และ ๒๕ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการจำหน่าย วงเงินจำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่ายรับล่วงหน้า (บาท) อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ CB ๑๔,๘๕๐.๐๐ ๑๖,๒๑๐,๓๔๘,๑๒๗.๕๐ ๑,๑๔๙,๙๓๕,๘๐๔.๕๐ ๒๑๐,๔๑๒,๓๒๓.๐๐ ๓.๐๙๔๓ NCB ๑๕๐.๐๐ ๑๖๓,๗๔๐,๑๖๐.๕๐ ๑๑,๖๑๔,๗๘๓.๕๐ ๒,๑๒๕,๓๗๗.๐๐ รวม ๑๕,๐๐๐.๐๐ ๑๖,๓๗๔,๐๘๘,๒๘๘.๐๐ ๑,๑๖๑,๕๕๐,๕๘๘.๐๐ ๒๑๒,๕๓๗,๗๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/จัดทำ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง/หน้า ๕/๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑
808037
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 7
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๗[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น วงเงิน ๔,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่พันเจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารออมสิน ๒. อายุเงินกู้ ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ๓. อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างร้อยละ ๐.๑๗๑ (ศูนย์จุดหนึ่งเจ็ดหนึ่ง) ต่อปี อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย กำหนดชำระดอกเบี้ยแบ่งเป็นปีละสองงวด คือวันที่ ๑๐ พฤษภาคม และ ๑๐ พฤศจิกายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วันนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/จัดทำ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง/หน้า ๓/๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑
807860
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 6
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๖[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ วงเงิน ๓,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันสองร้อยล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี ๔ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๓ ๓. อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างร้อยละ ๐.๑๖๑ (ศูนย์จุดหนึ่งหกหนึ่ง) ต่อปี อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย กำหนดชำระดอกเบี้ยแบ่งเป็นปีละสองงวด คือวันที่ ๘ มีนาคม และ ๘ กันยายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๓ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริงเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/จัดทำ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง/หน้า ๑/๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑
806778
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ วงเงิน ๑,๔๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันสี่ร้อยสี่สิบล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. อายุเงินกู้ ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๒ ๓. อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างร้อยละ ๐.๑๗๑ (ศูนย์จุดหนึ่งเจ็ดหนึ่ง) ต่อปี อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย กำหนดชำระดอกเบี้ยแบ่งเป็นปีละสองงวด คือวันที่ ๒๖ เมษายน และ ๒๖ ตุลาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๒ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วันนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระพร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณ นับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนดโดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิมพ์มาดา/จัดทำ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๔๒ ง/หน้า ๑๕/๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๑
806279
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขของการกู้เงิน ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้น เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุ ๒ เดือน วงเงินรวม ๘,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท (แปดพันล้านบาทถ้วน) จากธนาคารออมสิน ๑.๑ ชำระคืนต้นเงินกู้ที่ครบกำหนดของสัญญากู้ยืมเงินเลขที่ ๓/๒๕๕๙ ให้กับธนาคารออมสินสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต วงเงิน ๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท (สองพันล้านบาทถ้วน) ๑.๒ ชำระคืนต้นเงินกู้ที่ครบกำหนดของสัญญากู้ยืมเงินเลขที่ ๔/๒๕๕๙ ให้กับธนาคารออมสินสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ วงเงิน ๔,๑๐๐.๐๐ ล้านบาท (สี่พันหนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน) ๑.๓ ชำระคืนต้นเงินกู้ที่ครบกำหนดของสัญญากู้ยืมเงินเลขที่ ๕/๒๕๕๙ ให้กับธนาคารออมสินสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ วงเงิน ๑,๙๐๐.๐๐ ล้านบาท (หนึ่งพันเก้าร้อยล้านบาทถ้วน) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ ๓. อายุเงินกู้ ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ ครบกำหนดในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๔. อัตราดอกเบี้ยตามข้อ ๑.๑ - ๑.๓ เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๑.๔๙๙๐๐ ต่อปี (หนึ่งจุดสี่เก้าเก้าศูนย์ศูนย์) ต่อปี ๕. การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอนหากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไปการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิวรรธน์/จัดทำ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๓๖ ง/หน้า ๒/๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๑
804830
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ ได้ดำเนินการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ - ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๑ โดยจำหน่ายให้แก่ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา มูลนิธิ สถาบันอื่นที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ส่วนราชการสังกัดรัฐบาลกลาง วัด สถาบันการเงินอื่น และส่วนราชการสังกัดรัฐบาลท้องถิ่น โดยทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์ทุกสาขา เครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (เครื่อง ATM) และผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของธนาคารผู้จัดจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และผ่าน KTB netbank Application ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรและจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๒. ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ วงเงินรวม ๒๑,๐๓๐,๗๔๖,๐๐๐ บาท แบ่งเป็น ๒ รุ่นอายุดังนี้ ๒.๑ พันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นอายุ ๓ ปี จำนวน ๔,๘๖๑,๐๘๔,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ร้อยละ ๑.๘๕ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ๒.๒ พันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นอายุ ๗ ปี จำนวน ๑๖,๑๖๙,๖๖๒,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ร้อยละ ๒.๔๕ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ๓. พันธบัตรออมทรัพย์ข้างต้นมีการจ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม และ ๒๗ พฤศจิกายน ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปจ่ายในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้าย (งวดไถ่ถอน) จะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจ่ายดอกเบี้ยโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน (กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ สิ้นวันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันกำหนดจ่ายดอกเบี้ย ๔. การจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรจะดำเนินการในวันครบกำหนดไถ่ถอน หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร (Scrip) การจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตร จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร ๕. การจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ๕.๑ ธนาคารผู้จัดจำหน่ายคิดค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๐๓ ของวงเงินที่จำหน่ายได้ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Custodian แล้ว) ซึ่งคิดเป็นค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตรรวมทั้งสิ้น ๖,๓๐๙,๒๒๓.๘๐ บาท ทั้งนี้ ธนาคารผู้จัดจำหน่ายจะจ่ายค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๑.๐๐ บาทต่อเดือน ยกเว้น เมื่อพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นอายุ ๗ ปี มีวงเงินจำหน่ายรวมของธนาคารผู้จัดจำหน่ายทั้ง ๔ แห่ง ได้ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ขึ้นไป บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด จะคิดอัตราค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือของรุ่นอายุ ๗ ปี ล้านละ ๐.๖๐ บาทต่อเดือน โดยราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร ๕.๒ ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ ได้คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายดังนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๐๕ ของดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน (๒) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/จัดทำ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง/หน้า ๓/๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑
804827
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๕๓,๒๘๙ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และบริษัทประกันชีวิต ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๕๓,๒๘๙ ล้านบาท ได้รับเงิน จำนวน ๕๓,๑๔๒,๔๗๒,๗๑๕.๒๔ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๔๖,๕๒๗,๒๘๔.๗๖ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้างจำนวน ๕๓,๒๘๙ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) L๕/๙๑/๖๑ ๒ เมษายน ๒๕๖๑ ๔ เมษายน ๒๕๖๑ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๙๑ ๑๙,๒๙๕ ๑.๐๖๔๓๖ ๑๙,๒๔๓,๙๓๔,๒๔๙.๘๕ ๕๑,๐๖๕,๗๕๐.๑๕ L๖/๙๑/๖๑ ๙ เมษายน ๒๕๖๑ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๑ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๙๑ ๑๔,๐๓๑ ๑.๐๙๐๓๗ ๑๓,๙๙๒,๙๖๐,๖๙๓.๕๓ ๓๘,๐๓๙,๓๐๖.๔๗ L๗/๙๑/๖๑ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๑ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๙๑ ๑๐,๕๘๐ ๑.๑๓๐๒๖ ๑๐,๕๕๐,๒๗๐,๓๗๒.๑๐ ๒๙,๗๒๙,๖๒๗.๙๐ L๘/๙๑/๖๑ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๑ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๑ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๙๑ ๙,๓๘๓ ๑.๑๘๗๒๙ ๙,๓๕๕,๓๐๗,๓๙๙.๗๖ ๒๗,๖๙๒,๖๐๐.๒๔ รวม ๕๓,๒๘๙ ๑.๑๐๕๙๔ ๕๓,๑๔๒,๔๗๒,๗๑๕.๒๔ ๑๔๖,๕๒๗,๒๘๔.๗๖ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/จัดทำ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง/หน้า ๑/๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑
803563
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงิน ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุเงินกู้ ๓ ปี ให้กับธนาคารออมสิน เป็นจำนวนเงิน ๒๗,๗๐๐ ล้านบาท (สองหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ๓. อายุเงินกู้ ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๔ ๔. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR 6M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ลบด้วยส่วนต่าง (Spread) เฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๘๒๐๘ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันเบิกเงินกู้สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วันแล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๔ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑๓ มีนาคม และ ๑๓ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิมพ์มาดา/จัดทำ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๐๗ ง/หน้า ๒/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑
802847
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๖๖,๖๑๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๖๖,๖๑๐ ล้านบาท ได้รับเงิน จำนวน ๖๖,๕๕๖,๑๖๒,๗๒๑.๑๙ บาทโดยมีส่วนลด จำนวน ๕๓,๘๓๗,๒๗๘.๘๑ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง จำนวน ๖๖,๖๑๐ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลังมีดังนี้ งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ประมูลได้(บาท) ส่วนลด (บาท) ๑๐/๒๘/๖๑ ๕ มีนาคม ๒๕๖๑ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ๔ เมษายน ๒๕๖๑ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๐๔๘๔๒ ๑๙,๙๓๘,๙๒๗,๖๕๑.๖๔ ๑๖,๐๗๒,๓๔๘.๓๖ ๑๑/๒๘/๖๑ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๑ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๐๖๑๑๘ ๑๔,๙๘๗,๗๙๙,๐๗๕.๒๕ ๑๒,๒๐๐,๙๒๔.๗๕ ๑๒/๒๘/๖๑ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๑ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๐๔๙๗๐ ๑๙,๙๘๓,๙๐๗,๙๕๖.๕๐ ๑๖,๐๙๒,๐๔๓.๕๐ ๑๓/๒๘/๖๑ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๑ ๒๘ ๑๑,๖๑๐ ๑.๐๖๔๓๘ ๑๑,๖๐๐,๕๒๘,๐๓๗.๘๐ ๙,๔๗๑,๙๖๒.๒๐ รวม ๖๖,๖๑๐ ๑.๐๕๔๔๖ ๖๖,๕๕๖,๑๖๒,๗๒๑.๑๙ ๕๓,๘๓๗,๒๗๘.๘๑ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิวรรธน์/จัดทำ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง/หน้า ๖/๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑
802174
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 12 งวดประมูลวันที่ 21มีนาคม 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๒ งวดประมูลวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ครั้งที่ ๑๒ งวดประมูลวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๒ งวดประมูลวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ วงเงิน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (LB26DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๙๓,๐๕๖ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๘.๗๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๒.๓ วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option : GS) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๘ แห่ง ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ CB ๑๓,๗๒๐ ๑๓,๔๗๓,๑๘๙,๐๘๑.๒๓ -๓๒๐,๔๙๒,๕๔๗.๕๗ ๗๖,๖๘๑,๖๒๘.๘๐ ๒.๔๒๓๕ NCB ๕๘๐ ๕๖๙,๖๙๒,๕๙๙.๖๐ -๑๓,๕๔๙,๐๔๓.๖๐ ๓,๒๔๑,๖๔๓.๒๐ รวม ๑๔,๓๐๐ ๑๔,๐๔๕,๘๘๑,๖๘๐.๘๓ -๓๓๔,๐๔๑,๕๙๑.๑๗ ๗๙,๙๒๓,๒๗๒.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๙๖ง/หน้า ๑๓/๒๗ เมษายน ๒๕๖๑
802170
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 11 งวดประมูลวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๑ งวดประมูลวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๑ งวดประมูลวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๑ งวดประมูลวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ วงเงิน ๓๑,๗๙๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ (LB22DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๕๗,๒๑๗ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔.๗๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๒.๓ วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option : GS) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๘ แห่ง ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ จำนวน ๓๑,๗๙๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒ มีนาคม ๒๕๖๑ CB ๒๙,๐๐๐ ๒๙,๓๕๑,๒๒๖,๔๙๒.๐๐ ๒๒๗,๒๘๑,๓๖๒.๐๐ ๑๒๓,๙๔๕,๑๓๐.๐๐ ๑.๘๒๘๕ NCB ๑,๐๐๐ ๑,๐๑๒,๑๑๓,๔๖๐.๐๐ ๗,๘๓๙,๔๙๐.๐๐ ๔,๒๗๓,๙๗๐.๐๐ GS ๑,๗๙๒ ๑,๘๑๓,๗๐๗,๓๒๐.๓๒ ๑๔,๐๔๘,๓๖๖.๐๘ ๗,๖๕๘,๙๕๔.๒๔ รวม ๓๑,๗๙๒ ๓๒,๑๗๗,๐๔๗,๒๗๒.๓๒ ๒๔๙,๑๖๙,๒๑๘.๐๘ ๑๓๕,๘๗๘,๐๕๔.๒๔ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๙๖ง/หน้า ๑๑/๒๗ เมษายน ๒๕๖๑
802168
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 8 งวดประมูลวันที่ 14 มีนาคม 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๘ งวดประมูลวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๘ งวดประมูลวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๘ งวดประมูลวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑ วงเงิน ๑๓,๒๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB366A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๔๘,๕๙๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๘.๔๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๑๓,๒๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑ CB ๑๒,๔๕๐ ๑๒,๙๗๖,๕๗๐,๗๙๙.๕๑ ๔๒๓,๓๕๕,๑๙๕.๐๑ ๑๐๓,๒๑๕,๖๐๔.๕๐ ๓.๑๕๓๗ NCB ๗๕๐ ๗๘๑,๗๑๖,๗๙๕.๐๐ ๒๕,๔๙๘,๙๘๗.๕๐ ๖,๒๑๗,๘๐๗.๕๐ รวม ๑๓,๒๐๐ ๑๓,๗๕๘,๒๘๗,๕๙๔.๕๑ ๔๔๘,๘๕๔,๑๘๒.๕๑ ๑๐๙,๔๓๓,๔๑๒.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๙๖ง/หน้า ๙/๒๗ เมษายน ๒๕๖๑
802150
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 7 งวดประมูลวันที่ 7 มีนาคม 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๗ งวดประมูลวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๗ งวดประมูลวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๗ งวดประมูลวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๔ (LB676A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๔๓,๐๕๕ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๙.๔๖ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๑๐ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑ CB ๙,๘๐๐ ๑๐,๒๒๓,๑๐๙,๘๓๔.๐๐ ๓๔๓,๘๕๐,๖๖๘.๐๐ ๗๙,๒๕๙,๑๖๖.๐๐ ๓.๔๕๑๕ NCB ๒๐๐ ๒๐๘,๖๓๐,๘๗๐.๐๐ ๗,๐๑๓,๓๓๖.๐๐ ๑,๖๑๗,๕๓๔.๐๐ รวม ๑๐,๐๐๐ ๑๐,๔๓๑,๗๔๐,๗๐๔.๐๐ ๓๕๐,๘๖๔,๐๐๔.๐๐ ๘๐,๘๗๖,๗๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๙๖ง/หน้า ๗/๒๗ เมษายน ๒๕๖๑
799390
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารออมสิน วงเงินกู้รวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท (สามหมื่นล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ ๓. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR ๖M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลบด้วยส่วนต่าง (Spread) เฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๕๒๖๗ ต่อปี ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน และเมื่อเบิกเงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้ว จึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินกู้ลำดับถัดไป ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๒๕ มกราคม และ ๒๕ กรกฎาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้าย ให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยจะทยอยคืนต้นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๖๑ ง/หน้า ๙/๑๕ มีนาคม ๒๕๖๑
799386
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะยาวเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขของการกู้เงิน ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุ ๓ ปี วงเงินรวมไม่เกิน ๖,๗๕๑,๑๓๗,๕๖๙.๙๘ บาท (หกพันเจ็ดร้อยห้าสิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยหกสิบเก้าบาทเก้าสิบแปดสตางค์) ๑.๑ ชำระคืนต้นเงินกู้ที่ครบกำหนดของสัญญากู้ยืมเงินเลขที่ ๒/๒๕๕๙ ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน ๓ แห่ง วงเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันล้านบาทถ้วน) ๑.๒ ชำระคืนต้นเงินกู้ที่ครบกำหนดของสัญญากู้ยืมเงินเลขที่ ๒/๒๕๕๙ ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น วงเงิน ๓,๙๖๘,๗๓๗,๒๙๖.๗๔ บาท (สามพันเก้าร้อยหกสิบแปดล้านเจ็ดแสนสามหมื่นเจ็ดพันสองร้อยเก้าสิบหกบาทเจ็ดสิบสี่สตางค์) ๑.๓ ชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดของสัญญากู้ยืมเงินเลขที่ ๖/๒๕๕๙ ให้กับธนาคารออมสิน สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต วงเงิน ๗๘๒,๔๐๐,๒๗๓.๒๔ บาท (เจ็ดร้อยแปดสิบสองล้านสี่แสนสองร้อยเจ็ดสิบสามบาทยี่สิบสี่สตางค์) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑ ๓. อายุเงินกู้ ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔ ๔. อัตราดอกเบี้ย ๔.๑ อัตราดอกเบี้ยตามข้อ ๑.๑ เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๕๑ (ศูนย์จุดหนึ่งห้าหนึ่ง) ต่อปี ๔.๒ อัตราดอกเบี้ยตามข้อ ๑.๒ เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๕๕ (ศูนย์จุดหนึ่งห้าห้า) ต่อปี ๔.๓ อัตราดอกเบี้ยตามข้อ ๑.๓ เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๔๕ (ศูนย์จุดหนึ่งสี่ห้า) ต่อปี ๔.๔ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔.๕ การปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดอายุสัญญาให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑๘ มกราคม และ ๑๘ กรกฎาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระต้นเงินกู้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๖๑ ง/หน้า ๗/๑๕ มีนาคม ๒๕๖๑
799381
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ และเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินกู้รวม ๗,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดพันแปดร้อยล้านบาทถ้วน) ดังนี้ ๑.๑ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางจิระ วงเงิน ๑,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันแปดร้อยล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารออมสิน ๑.๒ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ วงเงิน ๑,๖๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันหกร้อยล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารออมสิน ๑.๓ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม - ชุมพร วงเงิน ๔,๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่พันสี่ร้อยล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๓ ๓. อัตราดอกเบี้ย ๓.๑ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางจิระ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๔๑๒ (ศูนย์จุดหนึ่งสี่หนึ่งสอง) ต่อปี ๓.๒ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๔๑๒ (ศูนย์จุดหนึ่งสี่หนึ่งสอง) ต่อปี ๓.๓ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม - ชุมพร อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๔๔๑๒ (ศูนย์จุดหนึ่งสี่สี่หนึ่งสอง) ต่อปี ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย กำหนดชำระดอกเบี้ยแบ่งเป็นปีละสองงวด คือวันที่ ๑๕ มกราคม และ ๑๕ กรกฎาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๓ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๖๑ ง/หน้า ๕/๑๕ มีนาคม ๒๕๖๑
798625
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 7 งวดประมูลวันที่ 10 มกราคม 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๗ งวดประมูลวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๗ งวดประมูล วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๗ งวดประมูลวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ วงเงิน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๔ (LB676A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๓,๐๕๕ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๙.๔๖ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๑๐ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ จำนวน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๑ CB ๑๓,๔๕๐ ๑๔,๑๕๒,๔๒๗,๘๑๘.๐๒ ๖๖๗,๙๓๖,๙๐๗.๐๒ ๓๔,๔๙๐,๙๑๑.๐๐ ๓.๓๙๒๓ NCB ๘๕๐ ๘๙๔,๓๗๙,๕๒๐.๐๐ ๔๒,๑๙๙,๗๙๗.๐๐ ๒,๑๗๙,๗๒๓.๐๐ รวม ๑๔,๓๐๐ ๑๕,๐๔๖,๘๐๗,๓๓๘.๐๒ ๗๑๐,๑๓๖,๗๐๔.๐๒ ๓๖,๖๗๐,๖๓๔.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/จัดทำ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๕๒ ง/หน้า ๖/๘ มีนาคม ๒๕๖๑
798622
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติ การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินกู้รวม ๓,๓๔๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันสามร้อยสี่สิบหกล้านบาทถ้วน) ดังนี้ ๑.๑ โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต วงเงิน ๕๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าร้อยยี่สิบหกล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๑.๒ โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำ นวน ๓ แห่ง วงเงิน ๒,๘๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันแปดร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน) และธนาคารออมสิน จำนวน ๑,๘๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันแปดร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๓ ๓. อัตราดอกเบี้ย ๓.๑ โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๓๘ (ศูนย์จุดหนึ่งสามแปด) ต่อปี ๓.๒ โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน ๓ แห่ง อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๓๖๖ (ศูนย์จุดหนึ่งสามหกหก) ต่อปี ๓.๓ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ สำหรับโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า – แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน ๓ แห่ง กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดก่อนและเมื่อเบิกเงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้ว จึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินกู้ลำดับถัดไป ๕. การชำระดอกเบี้ยกำหนดชำระดอกเบี้ยแบ่งเป็นปีละสองงวด คือวันที่ ๘ มกราคม และ ๘ กรกฎาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๓ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงินหากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ สำหรับโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน ๓ แห่งจะทยอยคืนต้นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/จัดทำ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๕๒ ง/หน้า ๔/๘ มีนาคม ๒๕๖๑
798294
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 6
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๖[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๖ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๖ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (LB26DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๗๘,๗๕๖ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๘.๙๐ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และสำนักงานประกันสังคม ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๑ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๖ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๔ มกราคม ๒๕๖๑ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๑ CB ๑๕,๐๐๐ ๑๔,๗๘๘,๔๗๓,๓๕๓.๖๐ -๒๔๖,๔๕๘,๑๙๖.๔๐ ๓๔,๙๓๑,๕๕๐.๐๐ ๒.๓๓๑๐ NCB - - - - รวม ๑๕,๐๐๐ ๑๔,๗๘๘,๔๗๓,๓๕๓.๖๐ -๒๔๖,๔๕๘,๑๙๖.๔๐ ๓๔,๙๓๑,๕๕๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/จัดทำ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๔๗ ง/หน้า ๘/๕ มีนาคม ๒๕๖๑
797931
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะพ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการ กู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๔๙,๕๖๓ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๔๙,๕๖๓ ล้านบาท ได้รับเงิน จำนวน ๔๙,๕๒๑,๘๒๒,๐๘๓.๙๔ บาท โดยมีส่วนลด จำนวน ๔๑,๑๗๗,๙๑๖.๐๖ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง จำนวน ๗๗,๐๖๓ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๑/๒๘/๖๑ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ ๒๘ ๑๐,๐๐๐ ๑.๐๕๕๕๕ ๙,๙๙๑,๙๐๙,๑๗๔.๔๐ ๘,๐๙๐,๘๒๕.๖๐ ๒/๒๘/๖๑ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒๘ ๑๒,๕๐๐ ๑.๐๑๑๘๑ ๑๒,๔๙๐,๓๐๕,๒๖๑.๐๐ ๙,๖๙๔,๗๓๙.๐๐ ๓/๒๘/๖๑ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๑ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒๘ ๑๐,๐๐๐ ๑.๐๙๔๒๗ ๙,๙๙๑,๖๑๒,๖๓๔.๐๐ ๘,๓๘๗,๓๖๖.๐๐ ๔/๒๘/๖๑ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๑ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๑ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒๘ ๑๐,๐๐๐ ๑.๕๓๖๔๐ ๙,๙๙๑,๑๕๘,๐๒๘.๐๐ ๘,๘๔๑,๙๗๒.๐๐ ๕/๒๘/๖๑ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๑ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๒๘ ๗,๐๖๓ ๑.๑๓๘๔๖ ๗,๐๕๖,๘๓๖,๙๘๖.๕๔ ๖,๑๖๓,๐๑๓.๔๖ รวม ๔๙,๕๖๒๓ ๑.๑๖๑๑ ๔๙,๕๒๑,๘๒๒,๐๘๓.๙๔ ๔๑,๑๗๗,๙๑๖.๐๖ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนดเว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/จัดทำ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๔๒ ง/หน้า ๒๖/๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
796061
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 3 งวดประมูลวันที่ 6 ธันวาคม 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๓ งวดประมูลวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๓ งวดประมูลวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๓ งวดประมูลวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ วงเงิน ๑๓,๒๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓ (LB316A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๖๔,๓๗๘ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๖๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๗๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน และ ๒๐ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๓,๒๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ CB ๑๒,๙๐๐ ๑๔,๒๗๖,๗๕๘,๙๔๖.๗๐ ๑,๑๕๖,๑๖๘,๙๔๖.๗๐ ๒๒๐,๕๙๐,๐๐๐.๐๐ ๒.๘๔๖๘ NCB ๓๐๐ ๓๓๒,๐๑๘,๐๖๑.๐๐ ๒๖,๘๘๘,๐๖๑.๐๐ ๕,๑๓๐,๐๐๐.๐๐ รวม ๑๓,๒๐๐ ๑๔,๖๐๘,๗๗๗,๐๐๗.๗๐ ๑,๑๘๓,๐๕๗,๐๐๗.๗๐ ๒๒๕,๗๒๐,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๑ ง/หน้า ๑๖/๓๐ มกราคม ๒๕๖๑
796057
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 2 งวดประมูลวันที่ 20 ธันวาคม 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒ งวดประมูลวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒ งวดประมูลวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒ งวดประมูลวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ วงเงิน ๑๓,๒๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB466A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๒,๔๖๓ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๘.๖๘ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๘๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้งในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๓,๒๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงินจำหน่าย(ล้านบาท) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด(บาท) ดอกเบี้ยจ่ายรับล่วงหน้า (บาท) อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ CB ๑๒,๕๕๐ ๑๑,๙๘๕,๔๒๗,๕๓๙.๐๐ -๕๖๙,๕๑๕,๑๕๓.๐๐ ๔,๙๔๒,๖๙๒.๐๐ ๓.๑๑๖๗ NCB ๖๕๐ ๖๒๐,๗๖๐,๔๕๒.๐๐ -๒๙,๔๙๕,๕๔๔.๐๐ ๒๕๕,๙๙๖.๐๐ รวม ๑๓,๒๐๐ ๑๒,๖๐๖,๑๘๗,๙๙๑.๐๐ -๕๙๙,๐๑๐,๖๙๗.๐๐ ๕,๑๙๘,๖๘๘.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๑ ง/หน้า ๑๔/๓๐ มกราคม ๒๕๖๑
796055
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1 งวดประมูลวันที่ 13 ธันวาคม 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] งวดประมูลวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ วงเงิน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (LB26DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๖๓,๗๕๖ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๑๘ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการจำหน่าย วงเงินจำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด(บาท) ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด(บาท) อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย(ร้อยละต่อปี) ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ CB ๑๔,๓๐๐ ๑๓,๙๔๔,๖๖๓,๖๖๙.๐๖ -๓๕๓,๖๗๑,๒๓๘.๙๔ -๑,๖๖๕,๐๙๒.๐๐ ๒.๔๓๒๕ NCB - - - - รวม ๑๔,๓๐๐ ๑๓,๙๔๔,๖๖๓,๖๖๙.๐๖ -๓๕๓,๖๗๑,๒๓๘.๙๔ -๑,๖๖๕,๐๙๒.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๑ ง/หน้า ๑๒/๓๐ มกราคม ๒๕๖๑
796045
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๓๗,๕๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๓๗,๕๐๐ ล้านบาท ได้รับเงิน จำนวน ๓๗,๓๘๗,๔๗๗,๕๔๔.๕๐ บาท โดยมีส่วนลด จำนวน ๑๑๒,๕๒๒,๔๕๕.๕๐ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง จำนวน ๓๗,๕๐๐ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) L๑/๙๑/๖๑ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ๙๑ ๗,๕๐๐ ๑.๒๗๘๓๑ ๗,๔๗๖,๑๗๓,๓๘๓.๕๐ ๒๓,๘๒๖,๖๑๖.๕๐ L๒/๙๑/๖๑ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑ ๙๑ ๑๐,๐๐๐ ๑.๒๓๐๘๘ ๙,๙๖๙,๔๐๖,๑๙๔.๐๐ ๓๐,๕๙๓,๘๐๖.๐๐ L๓/๙๑/๖๑ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ๙๑ ๑๐,๐๐๐ ๑.๑๙๖๒๒ ๙,๙๗๐,๒๖๕,๐๙๖.๐๐ ๒๙,๗๓๔,๙๐๔.๐๐ L๔/๙๑/๖๑ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ๙๑ ๑๐,๐๐๐ ๑.๑๔๑๐๔ ๙,๙๗๑,๖๓๒,๘๗๑.๐๐ ๒๘,๓๖๗,๑๒๙.๐๐ รวม ๓๗,๕๐๐ ๑.๒๐๗๑๗ ๓๗,๓๘๗,๔๗๗,๕๔๔.๕๐ ๑๑๒,๕๒๒,๔๕๕.๕๐ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนดเว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/จัดทำ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๑ ง/หน้า ๑๐/๓๐ มกราคม ๒๕๖๑
795760
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] ตามที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศ เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ โดยจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๔ ภายใต้วงเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ (พ.ร.บ. บริหารหนี้สาธารณะฯ) และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ มีรายละเอียดดังนี้ ๑. วิธีการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ได้ดำเนินการดังนี้ ๑.๑ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังกำหนดและประกาศอัตราผลตอบแทน (Yield) และราคารวมดอกเบี้ยค้างรับ (Gross Price) ของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังรับแลกเปลี่ยน (Source Bond) ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล รุ่น LB196A ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ประกาศพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับ Source Bond (Destination Bond) สำหรับธุรกรรม Bond Switching จำนวน ๔ รุ่นประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาล รุ่น LB22DA LB26DA LB366A และ LB636A ไปก่อนหน้าแล้วเมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๑.๒ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผู้ถือ Source Bond ยื่นคำเสนอแลกเปลี่ยนพันธบัตรและเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Bswitching) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นผู้จัดการการแลกเปลี่ยนพันธบัตรภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยกระทรวงการคลังแจ้งผลการแลกเปลี่ยนพันธบัตรให้แก่ผู้ถือพันธบัตรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้จัดการการแลกเปลี่ยนพันธบัตรในเวลาถัดไป ๑.๓ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายที่ได้รับการตอบรับแลกเปลี่ยนพันธบัตรส่งมอบ Source Bond และชำระเงินค่าส่วนต่างสุทธิระหว่างราคาของ Source Bond และ Destination Bond ให้แก่กระทรวงการคลัง หรือได้รับเงินค่าส่วนต่างสุทธิระหว่างราคาของ Source Bond และ Destination Bond จากกระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลังส่งมอบ Destination Bond ให้แก่ผู้ที่ได้รับจัดสรร Destination Bond และธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนดำเนินการยกเลิก Source Bond ที่กระทรวงการคลังรับแลกเปลี่ยน ๒. ผลการดำเนินธุรกรรม Bond Switching มีดังนี้ ๒.๑ Source Bond ที่ดำเนินการแลกในครั้งนี้มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยมีรายละเอียด Source Bond ที่ถูกแลกเปลี่ยนดังนี้ รายละเอียด LB196A (ภายใต้ พ.ร.บ. บริหารหนี้สาธารณะฯ) อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละต่อปี) ๓.๘๓๕๐๐๐ อัตราผลตอบแทนของ Source Bond๑ (ร้อยละต่อปี) ๑.๓๘๐๐๐๐ ราคา Source Bond ที่กระทรวงการคลังกำหนด (Gross Price per Unit)๒ (บาทต่อหน่วย) ๑,๐๕๕.๓๓๒๑๕ จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลกเปลี่ยน (หน่วย) ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Source Bond ที่รับแลกเปลี่ยน๓ (บาท) ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ Gross Value ของ Source Bond ที่รับแลกเปลี่ยน๔ (บาท) ๑๐,๕๕๓,๓๒๑,๕๐๐.๐๐ หมายเหตุ: ๑. อัตราผลตอบแทนของ Source Bond หมายถึง อัตราผลตอบแทน (Yield) ของ Source Bond ของตลาดการเงิน ณ วัน กำหนดราคาแลกเปลี่ยนพันธบัตร ๒. ราคา Source Bond ที่กระทรวงการคลังกำหนด (Gross Price per Unit) หมายถึง ราคาต่อหน่วยของ Source Bond ซึ่ง สะท้อนมูลค่าปัจจุบัน (Present Value) ของเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างของ Source Bond ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ๓. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Source Bond ที่รับแลกเปลี่ยน หมายถึง จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับ แลกเปลี่ยนคูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้นที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๔. Gross Value ของ Source Bond ที่รับแลก หมายถึง ราคา Source Bond ที่กระทรวงการคลังกำหนดคูณกับจำนวน หน่วยของ Source Bond ที่รับแลกเปลี่ยน ซึ่งการแลกเปลี่ยนพันธบัตรดังกล่าวทำให้ ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ยอดคงค้างของ Source Bond เป็นดังต่อไปนี้ รุ่น พันธบัตร ชื่อพันธบัตร ยอดคงค้างของ Source Bond ก่อนทำธุรกรรม (ล้านบาท) มูลค่าเงินต้น ที่ตราไว้รวมของ Source Bond ที่รับแลกเปลี่ยน (ล้านบาท) ยอดคงค้างของ Source Bond หลังทำธุรกรรม (ล้านบาท) LB๑๙๖A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ ๑๔,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐ ๔,๐๐๐ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ ๑๔,๐๐๐ - ๑๔,๐๐๐ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๐ ๑๒,๐๐๐ - ๑๒,๐๐๐ พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ๒๐,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๘ ๒๐,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ ๒๐,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ ๒๐,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ๒๐,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๗ ๒๐,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐ ๒.๒ Destination Bond ที่กระทรวงการคลังดำเนินการออกเพื่อแลกเปลี่ยนกับ Source Bond ตามข้อ ๒.๑ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลจำนวน ๔ รุ่น โดย Destination Bond ที่นำมาแลกเปลี่ยนมีรายละเอียดดังนี้ รายละเอียด LB22DA พันธบัตรรัฐบาล เพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑๑ LB26DA พันธบัตรรัฐบาล เพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒๒ LB366A พันธบัตรรัฐบาล เพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๓๓ LB636A พันธบัตรรัฐบาล เพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๔๔ อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละต่อปี) ๒.๐๐๐๐ ๒.๑๒๕๐ ๓.๔๐๐๐ ๓.๖๐๐๐ อัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยของ Destination Bond๕ (ร้อยละต่อปี) ๑.๙๖๒๖ ๒.๓๘๘๙ ๒.๙๔๕๗ ๓.๔๕๓๒ ราคาถัวเฉลี่ยของ Destination Bond ที่กระทรวงการคลังรับแลกเปลี่ยน (Gross Price per Unit)๖ (บาทต่อหน่วย) ๑,๐๐๘.๒๕๔๒๙ ๙๘๘.๒๗๒๗๔ ๑,๐๗๙.๙๗๓๗๙ ๑,๐๓๖.๗๑๘๕๔ จำนวนหน่วยของ Destination Bond ที่ออกใหม่ (หน่วย) ๓,๕๖๑,๐๐๐ ๘๗๔,๐๐๐ ๒,๒๑๐,๐๐๐ ๓,๓๕๕,๐๐๐ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Destination Bond ที่ออกใหม่๓ (บาท) ๓,๕๖๑,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๘๓๔,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒,๒๑๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๓,๓๕๕,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Destination Bond ทุกรุ่นที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยน (บาท) ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ Gross Value ของ Destination Bond ที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนพันธบัตร๘ (บาท) ๓,๕๙๐,๓๙๓,๕๒๐.๒๓ ๘๖๗,๓๕๐,๓๗๗.๓๒ ๒,๓๘๖,๗๔๒,๐๖๙.๒๐ ๓,๔๗๘,๑๙๐,๗๐๓.๙๐ รวม Gross Value ของ Destination Bond ทุกรุ่นที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนพันธบัตร (บาท) ๑๐,๓๑๙,๐๗๖,๖๗๐.๖๕ เงินส่วนต่างสุทธิระหว่างราคา Source Bond และ Destination Bond๙ (บาท) ๑๖๙,๒๑๑,๑๐๕.๙๒ ๕๘,๙๙๔,๔๘๑.๗๘ -๕๓,๔๘๕,๖๑๗.๗๐ ๖๓,๙๒๔,๘๕๙.๓๕ จำนวนเงินค่าส่วนต่างสุทธิที่กระทรวงการคลังจะต้องชำระให้แก่ผู้ได้รับจัดสรรพันธบัตร (บาท) ๒๓๘,๖๔๔,๘๒๙.๓๕ ยอดคงค้างของ Destination Bond ก่อนทำธุรกรรม (บาท) ๙๒,๐๖๔,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๔๘,๕๘๒,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๒๐,๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๕,๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bond ที่ออกใหม่ (บาท) ๓,๕๖๑,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๘๗๔,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒,๒๑๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๓,๓๕๕,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ยอดคงค้างของ Destination Bond หลังทำธุรกรรม (บาท) ๙๕,๖๒๕,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๔๙,๔๕๖,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๒๒,๓๙๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๘,๗๕๕,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ หมายเหตุ : ๑. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๐) ๒. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙) ๓. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) ๔. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๔ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ๕. อัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยของ Destination Bond หมายถึง อัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลที่ออกใหม่ (Destination Bond) ซึ่งผู้ได้รับจัดสรรแต่ละรายได้เสนอมายัง กระทรวงการคลังในอัตราผลตอบแทนต่าง ๆ กัน โดยอ้างอิงจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรุ่นอายุเดียวกันในตลาด ๖. ราคาถัวเฉลี่ยของ Destination Bond ที่กระทรวงการคลังรับแลกเปลี่ยน (Gross Price per Unit) หมายถึง ราคาถัว เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักต่อหน่วย (Weighted Average Gross Price per Unit) ของ Destination Bond ที่ผู้ได้รับจัดสรรแต่ ละรายได้เสนอมายังกระทรวงการคลัง ซึ่งสะท้อนมูลค่าปัจจุบัน (Present Value) ของเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างของ Destination Bond ที่ผู้ได้รับจัดสรรต้องการ โดยอ้างอิงจากราคาตลาด ๗. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Destination Bond ที่ออกใหม่ หมายถึง จำนวนหน่วยของ Destination Bond ที่ออก ใหม่คูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้น ที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๘. Gross Value ของ Destination Bond ที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนพันธบัตร หมายถึง ราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ Destination Bond ที่ผู้ได้รับจัดสรรเสนอมายังกระทรวงการคลังเพื่อแลกเปลี่ยนพันธบัตรคูณกับจำนวนหน่วย Destination Bond ที่ออกใหม่ ๙. เงินส่วนต่างสุทธิระหว่างราคา Source Bond และ Destination Bond หมายถึง เงินค่าส่วนต่างสุทธิภายหลังจากการ หักลบกลบหนี้เงินค่าส่วนต่างระหว่างราคา Source Bond และ Destination Bond (ถ้ามี) ที่ผู้ออกพันธบัตรและผู้ ได้รับจัดสรรพันธบัตรจะต้องชำระให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งโดยเงินส่วนต่างสุทธิดังกล่าวคำนวณจากมูลค่าของ Source Bond (จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลกเปลี่ยนคูณกับราคาของ Source Bond) ลบด้วยมูลค่าของ Destination Bond (จำนวนหน่วยของ Destination Bond ที่ออกใหม่คูณกับราคาของ Destination Bond ของผู้ที่ได้รับจัดสรรรายนั้น ๆ) ๓. การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้ กระทรวงการคลังได้กำหนดผู้มีสิทธิเสนอแลกเปลี่ยนพันธบัตรให้เฉพาะผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright Primary Dealers) จึงทำให้มีผู้ได้รับจัดสรรพันธบัตร ประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ๔. Destination Bond ที่ออกในครั้งนี้ มีรายละเอียดและเงื่อนไขดังนี้ ๔.๑ Destination Bond เป็นพันธบัตรชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๔.๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการใช้ Destination Bond เป็นหลักประกันให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือระเบียบและพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี ๔.๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับหลักประกันมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝาก Destination Bond ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามระเบียบและพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๔.๔ กรณีที่มีการออก Destination Bond ประเภทมีใบตราสาร (Scrip) มิให้ถือว่าDestination Bond ฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้ลงลายมือชื่อกำกับใน Destination Bond ฉบับนั้นแล้ว ๔.๕ การคำนวณดอกเบี้ยของ Destination Bond จะคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาลโดยเริ่มคำนวณจากวันจ่ายดอกเบี้ยครั้งล่าสุดถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้งสำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะจ่ายพร้อมกับเงินต้นของพันธบัตรรัฐบาล ณ วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปจ่ายในวันทำการถัดไป ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งจ่ายดอกเบี้ยปีละสองงวดโดยมีรายละเอียดดังนี้ พันธบัตรรัฐบาล Destination Bond อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละต่อปี) วันชำระดอกเบี้ย วันครบกำหนดไถ่ถอน พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ (LB22DA) ๒.๐๐๐ วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒ (LB26DA) ๒.๑๒๕ วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๙ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๓ (LB366A) ๓.๔๐๐ วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๗๙ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๔ (LB676A) ๓.๖๐๐ วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๔.๖ กำหนดไถ่ถอนคืน Destination Bond เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออกและจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรรัฐบาลจะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ๕. การดำเนินธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้จัดการการแลกเปลี่ยนพันธบัตร นายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตร ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตร (๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตร ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาตราของ Destination Bond ที่แลกเปลี่ยนได้ ดอกเบี้ยที่จ่าย และเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/จัดทำ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๘ ง/หน้า ๔/๒๕ มกราคม ๒๕๖๑
793913
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยวงเงินกู้รวม ๑๐,๒๓๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นสองร้อยสามสิบเก้าล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต วงเงิน ๔,๗๒๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่พันเจ็ดร้อยยี่สิบสองล้านบาทถ้วน) และธนาคารออมสิน สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน ๕,๕๑๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าพันห้าร้อยสิบเจ็ดล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๒ ๓. อัตราดอกเบี้ย ๓.๑ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๔๓ (ศูนย์จุดหนึ่งสี่สาม) ต่อปี ๓.๒ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) อัตราดอกเบี้ย เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๔๑ (ศูนย์จุดหนึ่งสี่หนึ่ง) ต่อปี ๓.๓ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ โดยแยกเป็นรายโครงการตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืมเงิน ทั้งนี้ จะเริ่มเบิกจ่ายนับตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ จนถึงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๒ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วันนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระพร้อมกับการชำระต้นเงินก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๓๒๒ ง/หน้า ๑๖/๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๐
792406
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 และรายการการกู้เงินและค้ำประกันระหว่างเดือนเมษายน 2560 ถึงเดือนกันยายน 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐[๑] ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๖ วรรคสอง กำหนดให้กระทรวงการคลังสรุปรายงานสถานะหนี้สาธารณะและประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน ๖๐ วัน หลังจากวันสิ้นเดือนมีนาคมและเดือนกันยายนของทุกปี โดยรายงานดังกล่าวต้องแสดงหนี้สาธารณะที่เกิดจากการกู้เงินและค้ำประกัน ณ วันสิ้นเดือนดังกล่าว รวมทั้งรายการการกู้เงินและค้ำประกันที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วงระยะเวลาระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม และเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนตามลำดับ กระทรวงการคลังขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ดังนี้ ๑. รายการสถานะหนี้คงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ มีจำนวน ๖,๓๖๙,๓๓๑.๓๑ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๒.๒๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๔,๙๕๙,๑๖๔.๔๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙๗๐,๒๑๖.๓๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๔๒๖,๓๒๑.๐๔ ล้านบาทและหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๑๓,๖๒๙.๕๕ ล้านบาท รายละเอียดดังปรากฏตามตารางที่ ๑ หนี้สาธารณะแบ่งตามอายุเงินกู้คงเหลือจะเป็นหนี้ระยะยาวซึ่งเป็นหนี้ที่จะครบกำหนดชำระเกินกว่า ๑ ปี จำนวน ๕,๖๑๒,๐๓๙.๖๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๘.๑๑ และหนี้ระยะสั้นที่จะครบกำหนดชำระภายในไม่เกิน ๑ ปี จำนวน ๗๕๗,๒๙๑.๖๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๑.๘๙ ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ทั้งนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวนทั้งสิ้น ๖,๓๖๙,๓๓๑.๓๑ ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้ต่างประเทศ จำนวน ๓๐๑,๕๔๐.๖๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔.๗๓ และหนี้ในประเทศ จำนวน ๖,๐๖๗,๗๙๐.๖๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๕.๒๗ ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ตารางที่ ๑ : หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ หน่วย: ล้านบาท รายการ ๓๐ ก.ย. ๒๕๖๐ % GDP ๑. หนี้รัฐบาล ๑.๑ หนี้ต่างประเทศ ๑.๒ หนี้ในประเทศ ๔,๙๕๙,๑๖๔.๔๑ ๙๖,๑๖๖.๑๗ ๔,๘๖๒,๙๙๘.๒๔ ๓๓.๐๑ หน่วย: ล้านบาท รายการ ๓๐ ก.ย. ๒๕๖๐ % GDP ๒. หนี้รัฐวิสาหกิจ ๒.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน - หนี้ต่างประเทศ - หนี้ในประเทศ ๒.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน - หนี้ต่างประเทศ - หนี้ในประเทศ ๙๗๐,๒๑๖.๓๑ ๔๑๘,๑๓๙.๙๑ ๘๓,๓๘๒.๖๕ ๓๓๔,๗๕๗.๒๖ ๕๕๒,๐๗๖.๔๐ ๑๒๑,๖๐๓.๕๕ ๔๓๐,๔๗๒.๘๕ ๖.๔๕ ๓. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ๓.๑ หนี้ต่างประเทศ ๓.๒ หนี้ในประเทศ ๔๒๖,๓๒๑.๐๔ ๓๘๘.๒๖ ๔๒๕,๙๓๒.๗๘ ๒.๘๔ ๔. หนี้หน่วยงานของรัฐ ๔.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ๔.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน ๑๓,๖๒๙.๕๕ - ๑๓,๖๒๙.๕๕ ๐.๐๙ ๕. รวม ๑. + ๒. + ๓. + ๔. ๖,๓๖๙,๓๓๑.๓๑ ๔๒.๓๙ หมายเหตุ : ๑. GDP ปี ๒๕๕๙ เท่ากับ ๑๔,๓๖๖.๖๐ พันล้านบาท และประมาณการ GDP ปี ๒๕๖๐ เท่ากับ ๑๕,๒๕๗.๓๐ พันล้านบาท (สำ นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ๒. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ปรับวิธีการคำนวณ GDP ในแต่ละเดือน เพื่อให้สัดส่วนหนี้สาธารณต่อ GDP สะท้อนค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริง โดย GDP ในรอบ ๑๒ เดือนที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ เดือนกันยายน ๒๕๖๐ คำนวณ ดังนี้ GDP ไตรมาส ๔ ปี ๕๙ + GDP ไตรมาส ๑ - ๓ ปี ๖๐ เท่ากับ ๑๕,๐๒๓.๗๙ พันล้านบาท ๒. รายการการกู้เงินและค้ำประกันระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ประกอบด้วย ๔ แผนย่อย ซึ่งภายหลังการปรับปรุงแผนฯ ครั้งที่ ๒ ทำให้วงเงินรวมในแผนฯ ที่จะบริหารจัดการมีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๗๓๙,๐๐๗.๔๔ ล้านบาท โดยในระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๙๒๑,๓๒๐.๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๒.๙๘ ของแผนฯ ดังปรากฏตามตารางที่ ๒ ตารางที่ ๒ : การกู้เงินและการบริหารหนี้ ระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ หน่วย: ล้านบาท รายการ วงเงินตามแผน ผลดำเนินงาน (เม.ย. ๖๐ - ก.ย. ๖๐) ๑. แผนการก่อหนี้ใหม่ ๑.๑ รัฐบาล ๑.๒ รัฐวิสาหกิจ ๖๘๘,๔๗๙.๕๗ ๖๒๒,๐๑๖.๖๕ ๖๖,๔๖๒.๙๒ ๓๒๘,๘๗๐.๑๙ ๒๙๑,๓๗๔.๐๑ ๓๗,๔๙๖.๑๘ ๒. แผนการบริหารหนี้เดิม ๒.๑ รัฐบาล ๒.๒ รัฐวิสาหกิจ ๙๐๐,๗๘๖.๑๓ ๖๕๒,๘๔๗.๖๓ ๒๔๗,๙๓๘.๕๐ ๕๔๐,๙๘๘.๙๒ ๔๒๙,๒๖๑.๙๕ ๑๑๑,๗๒๖.๙๗ ๓. แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ๓.๑ การก่อหนี้ใหม่ ๓.๒ การบริหารหนี้เดิม ๑๔๗,๒๓๒.๐๓ ๗๐,๖๖๔.๑๔ ๗๖,๕๖๗.๘๙ ๔๙,๘๗๙.๔๔ ๔๗,๘๗๙.๔๔ ๒,๐๐๐.๐๐* ๔. แผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ๒,๕๐๙.๗๑ ๑,๕๘๑.๖๐ การก่อหนี้ใหม่ ๒,๕๐๙.๗๑ ๑,๕๘๑.๖๐ รวม (๑ - ๒) ๑,๕๘๙,๒๖๕.๗๐ ๘๖๙,๘๕๙.๑๑ รวม (๑ - ๔) ๑,๗๓๙,๐๐๗.๔๔ ๙๒๑,๓๒๐.๑๕ หมายเหตุ * รวมผลการบริหารหนี้เดิม (การปรับโครงสร้างหนี้และการบริหารความเสี่ยง) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ไม่ได้ขอวงเงินไว้ในแผนฯ ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้ ๑) ผลการก่อหนี้ใหม่ ในช่วงเดือนเมษายน ถึง เดือนกันยายน ๒๕๖๐ วงเงินรวม ๓๒๘,๘๗๐.๑๙ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑) การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล วงเงินรวม ๒๙๑,๓๗๔.๐๑ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑.๑) รัฐบาลกู้มาใช้โดยตรง วงเงินรวม ๒๖๓,๘๓๐.๐๑ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงินรวม ๒๕๗,๓๓๐.๐๑ ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน ๑๕๐,๔๐๐ ล้านบาท พันธบัตรออมทรัพย์ วงเงิน ๒๒,๓๘๙.๖๗ ล้านบาท ตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) วงเงิน ๓๔,๕๔๐.๓๔ ล้านบาท และสัญญาเงินกู้ (Term Loan) วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท (๒) เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เป็นเงินบาททดแทนการกู้เงินจากต่างประเทศได้ตามมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะฯ วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท (๓) เงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ กระทรวงการคลังได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศทดแทนการกู้เงินจากต่างประเทศ เพื่อนำไปใช้ในโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑.๒) รัฐบาลกู้มาให้กู้ต่อ วงเงินรวม ๒๗,๕๔๔ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) เงินกู้ในประเทศเพื่อให้กู้ต่อ กระทรวงการคลังได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศเพื่อนำมาให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ วงเงินรวม ๒๗,๕๔๔ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑) การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อ ๑๗,๒๒๐ ล้านบาท ๒) การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ ๙,๘๗๔ ล้านบาท และ ๓) การกู้เงินเพื่อให้การเคหะแห่งชาติกู้ต่อ ๔๕๐ ล้านบาท (๒) เงินกู้ต่างประเทศเพื่อให้กู้ต่อ -ไม่มี- ๑.๒) การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๓๗,๔๙๖.๑๘ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๒.๑) เงินกู้เพื่อลงทุน ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ มีรัฐวิสาหกิจ ๖ แห่ง ได้ก่อหนี้ใหม่เพื่อลงทุน วงเงินรวม ๒๗,๙๑๙ ล้านบาท ได้แก่ (๑) การเคหะแห่งชาติได้กู้เงินวงเงินรวม ๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้เพื่อดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ ๓ และ ๕ วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ วงเงิน ๒,๓๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด (๒) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้กู้เงินวงเงินรวม ๑๐๐ ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้เพื่อก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. จันทบุรี จังหวัดจันทบุรี วงเงิน ๓๕ ล้านบาท และงานก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. ภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต วงเงิน ๖๕ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด (๓) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้กู้เงินวงเงินรวม ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันทั้งหมด และแบ่งเป็นการกู้ ดังนี้ - โครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระยะที่ ๓ วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท - โครงการขยายระบบไฟฟ้าระยะที่ ๑๒ วงเงิน ๗,๐๐๐ ล้านบาท - โครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ระยะที่ ๑: ส่วนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท - โครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ระยะที่ ๒ วงเงิน ๒,๕๐๐ ล้านบาท - โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท - โครงการระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท - โครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนน้ำงึ่ม ๓ และน้ำเทิน ๑ วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท - โครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภูและขอนแก่น เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท - โครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท (๔) การไฟฟ้านครหลวงได้กู้เงินวงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อดำเนินงานแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๑ (ปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน (๕) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้กู้เงินวงเงินรวม ๒,๓๐๐ ล้านบาท กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันทั้งหมด โดยแบ่งเป็นการกู้ดังนี้ - พัฒนาระบบสายส่งไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๘ ส่วนที่ ๑ วงเงิน ๖๓.๗๐ ล้านบาท - โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย ระยะที่ ๗ วงเงิน ๖๒.๗๗ ล้านบาท - โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบจำหน่าย วงเงิน ๓๕.๒๓ ล้านบาท - ก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้นํ้าไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะมะพร้าว เกาะนาคาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต และเกาะพระทอง จังหวัดพังงา) วงเงิน ๑๔.๘๕ ล้านบาท - พัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๑ – ๓ วงเงิน ๓๙๔.๗๑ ล้านบาท - เพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ระยะที่ ๓ วงเงิน ๕๘๒.๕๘ ล้านบาท - ขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่ วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท - ขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครัวเรือนห่างไกล วงเงิน ๑๔๖.๑๖ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันทั้งหมด (๖) การรถไฟแห่งประเทศไทยได้กู้เงินวงเงิน ๒๑๙ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน ๒๐ คัน (๒๐ ตัน/เพลา) โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน ๑.๒.๒) เงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ ช่วงเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ มีรัฐวิสาหกิจ ๓ แห่ง ได้ก่อหนี้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ วงเงินรวม ๙,๕๗๗.๑๘ ล้านบาท ได้แก่ (๑) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อดำเนินงานปกติ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน (๒) การรถไฟแห่งประเทศไทยได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๓,๑๐๐ ล้านบาท เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน (๓) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงินรวม ๕,๔๗๗.๑๘ ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้เพื่อเป็นค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อม (ปีงบประมาณ ๒๕๖๐) วงเงิน ๙๔๕.๕๒ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงิน ๕๙๓.๒๕ ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน วงเงิน ๒,๑๖๑.๒๑ ล้านบาท และเพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินโครงการรถเมล์ฟรีและรถ PSO ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงิน ๑,๗๗๗.๒๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด ๒) ผลการบริหารหนี้เดิม ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ วงเงินรวม ๕๔๐,๙๘๘.๙๒ ล้านบาท ประกอบด้วย ๒.๑) การบริหารหนี้เดิมของรัฐบาล วงเงินรวม ๔๒๙,๒๖๑.๙๕ ล้านบาท ๒.๑.๑) การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล รวมทั้งสิ้น ๔๑๔,๗๖๓.๖๑ ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ Roll-over/Refinance วงเงิน ๓๙๒,๕๖๔.๖๓ ล้านบาท และการชำระคืนหนี้ วงเงิน ๒๒,๑๙๘.๙๘ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๒.๑.๑.๑) หนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ วงเงินรวม ๒๐๒,๙๘๖.๔๙ ล้านบาท แบ่งเป็น (๑) ตั๋วเงินคลัง ในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ มียอดตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารดุลเงินสด วงเงิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท (๒) พันธบัตรและตราสารหนี้อื่น ๆ กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้อื่น ๆ ในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงินรวม ๑๒๒,๙๘๖.๔๙ ล้านบาท โดยออกพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท ดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Switching) วงเงินรวม ๗๕,๖๘๒ ล้านบาท ชำระคืนจากบัญชีเงินฝากจากเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ (Premium) วงเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท ชำระคืนจากงบชำระคืนเงินต้น Repayment/Prepayment วงเงิน ๙,๓๐๔.๔๙ ล้านบาท ๒.๑.๑.๒) หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) วงเงิน ๑๘๙,๖๗๘.๐๔ ล้านบาท (๑) หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF๑ วงเงินรวม ๒๑,๖๗๘.๐๔ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) วงเงินรวม ๑๕,๗๓๒ ล้านบาท ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) วงเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท Repayment/Prepayment จากเงินในบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน - ๒ วงเงิน ๑,๙๔๖.๐๔ ล้านบาท (๒) หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF๓ วงเงินรวม ๑๖๘,๐๐๐ ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (๒.๑) การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) วงเงินรวม ๒๗,๕๕๐ ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ จำนวน ๗ รุ่น (๒.๒) การออกพันธบัตรรัฐบาล วงเงินรวม ๙๐,๔๕๐ ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ จำนวน ๗ รุ่น (๒.๓) การออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) วงเงินรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ จำนวน ๗ รุ่น (ต่อมาใช้เงินในบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน – ๒ เพื่อชำระคืน R-bill ก่อนครบกำหนด วงเงิน ๖,๙๔๘.๔๕ ล้านบาท) (๒.๔) การออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) วงเงินรวม ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๑ และตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ๒.๑.๑.๓) หนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงิน ๑๔,๓๑๘ ล้านบาท โดยเป็นการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Switching) สำหรับปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ และครั้งที่ ๕ ๒.๑.๑.๔) หนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ วงเงินรวม ๗,๗๘๑.๐๘ ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการออกตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับปรับโครงสร้างสินเชื่อระยะยาว (Long Term Loan) ซึ่งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑/๑ วงเงิน ๓,๗๐๐ ล้านบาท ครั้งที่ ๑/๒ วงเงิน ๑,๗๐๐ ล้านบาท และครั้งที่ ๑/๓ วงเงิน ๒,๓๘๑.๐๘ ล้านบาท ๒.๑.๒) การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล เป็นการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ Euro Commercial Paper (ECP) วงเงินรวม ๖,๐๑๘ ล้านบาท แบ่งออกเป็น ECP ครั้งที่ ๑ (๕๐ ล้านเหรียญสหรัฐ) วงเงิน ๑,๖๘๐.๗๓ ล้านบาท ECP ครั้งที่ ๒ (๕๐ ล้านเหรียญสหรัฐ) วงเงิน ๑,๖๗๑.๘๕ ล้านบาท และ ECP ครั้งที่ ๓ (๘๐ ล้านเหรียญ) วงเงิน ๒,๖๖๕.๔๒ ล้านบาท ๒.๑.๓) ผลการบริหารความเสี่ยง ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ การบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาล วงเงินรวม ๘,๔๘๐.๓๔ ล้านบาท ๒.๒) การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ รัฐวิสาหกิจ จำ นวน ๗ แห่ง ได้ปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๑๑๑,๗๒๖.๙๗ ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด โดยเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll-over และ Refinance วงเงิน ๑๐๑,๙๒๒.๔๘ ล้านบาท และเป็นการชำระคืนหนี้วงเงิน ๙,๘๐๔.๔๙ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ (๑) การเคหะแห่งชาติปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร (กระทรวงการคลังค้ำประกัน) เพื่อ Refinance หนี้เงินกู้สำหรับปรับโครงสร้างสินเชื่อระยะยาว (Long Term Loan) วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตร วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท (๒) การทางพิเศษแห่งประเทศไทยปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๕,๗๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร (กระทรวงการคลังค้ำประกัน) เพื่อ Refinance หนี้เงินกู้สำหรับปรับโครงสร้างสินเชื่อระยะยาว (Long Term Loan) วงเงิน ๕,๗๐๐ ล้านบาท (๓) กปภ. ปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร (กระทรวงการคลังค้ำประกัน) เพื่อ Refinance หนี้เงินกู้สำหรับปรับโครงสร้างสินเชื่อระยะยาว (Long Term Loan) วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท (๔) การยางแห่งประเทศไทยได้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้วงเงินรวม ๒๒,๔๕๘.๗๗ ล้านบาท เงินกู้โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงิน ๗,๘๓๑.๑๗ ล้านบาท และโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงิน ๑๔,๖๒๗.๖๐ ล้านบาท จากเดิมวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เป็นวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน และต่อมาการยางแห่งประเทศไทยได้นำเงินระบายผลิตผล ชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนด วงเงินรวม ๙,๘๐๔.๔๙ ล้านบาท แบ่งเป็น (๑) โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ๒,๗๔๕.๓๖ ล้านบาท และ (๒) โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ๗,๐๕๙.๑๓ ล้านบาท (๕) การรถไฟแห่งประเทศไทยปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๑๕,๙๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น การออกพันธบัตรวงเงิน ๘,๒๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ (Long Term Loan) ที่ครบกำหนดชำระ และการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๗,๗๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over/Refinance พันธบัตรและหนี้เงินกู้ (Long Term Loan) ที่ครบกำหนดชำระ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด (๖) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๑๒,๖๖๘.๒๐ ล้านบาท แบ่งเป็น การออกพันธบัตรวงเงิน ๘,๘๐๕.๙๐ ล้านบาท เพื่อ Refinance หนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ และการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๓,๘๖๒.๓๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ (Long Term Loan) ที่ครบกำหนดชำระ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด (๗) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น การกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท และการออกพันธบัตร วงเงิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมดเพื่อ Roll-over/Refinance พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ๓) ผลการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ วงเงินรวม ๔๙,๘๗๙.๔๔ ล้านบาท ประกอบด้วย ๓.๑) การก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม ๔๗,๘๗๙.๔๔ ล้านบาท ๓.๑.๑) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้เงินเพื่อจัดซื้อเครื่องบินรุ่น A๓๕๐ - ๙๐๐ จำนวน ๒ ลำ วงเงินรวม ๗,๙๑๓.๖๙ ล้านบาท แยกเป็นการกู้เงินต่างประเทศสกุลเงินเยนวงเงิน ๑๓,๐๖๕.๐๙ ล้านเยน (อัตราแลกเปลี่ยน ณ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ หนึ่งเยน เท่ากับ ๐.๓๐๑๒๗ บาทเทียบเท่าวงเงินประมาณ ๓,๙๓๖.๑๑ ล้านบาท) และสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ๑๑๙.๒๐ ล้านเหรียญสหรัฐ (อัตราแลกเปลี่ยน ณ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ หนึ่งเหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๓๓.๓๖๙ บาท เทียบเท่าวงเงินประมาณ ๓,๙๗๗.๕๘ ล้านบาท) และกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไป วงเงิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท ๓.๑.๒) รัฐวิสาหกิจ ๗ แห่งได้ลงนามในสัญญากู้เงินระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูปแบบ Credit Line และสินเชื่อเบิกเกินบัญชี (O/D) กับสถาบันการเงินในประเทศ วงเงินรวม ๓๑,๙๖๕.๗๕ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท (๒) บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท (๓) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด วงเงิน ๒,๖๓๐ ล้านบาท (๔) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด วงเงิน ๒๐๐ ล้านบาท (๕) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) วงเงิน ๒๔,๓๐๐ ล้านบาท (๖) บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) วงเงิน ๓๑๒.๗๕ ล้านบาท (๗) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ วงเงิน ๒๓ ล้านบาท ๓.๒) การบริหารหนี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริหารความเสี่ยงหนี้หุ้นกู้สกุลเงินบาท วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยการแปลงอัตราดอกเบี้ยจากคงที่เป็นลอยตัว (Interest Rate Swap: IRS) แบบมีเงื่อนไข (Flip - Flop) ๔) ผลการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ การก่อหนี้ใหม่ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๑,๕๘๑.๖๐ ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวสำหรับโครงการก่อสร้างถนนจากเมืองหงสา - บ้านเชียงแมน (เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จากการดำเนินการตามข้อ ๑ - ๔ กระทรวงการคลัง รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น ๙๒๑,๓๒๐.๑๕ ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (๑) หนี้ของรัฐบาล วงเงิน ๗๒๐,๖๓๕.๙๖ ล้านบาท (๒) หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน วงเงิน ๑๒๔,๙๒๓.๑๕ ล้านบาท และ (๓) หนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน วงเงิน ๗๕,๗๖๑.๐๔ ล้านบาท อนึ่ง ผลการดำเนินการบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้บรรจุอยู่ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมฯ งบชำระหนี้เหลือจ่ายและรายได้ชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนด (Prepayment) และปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๔๖,๘๕๕.๕๗ ล้านบาท ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๙๕๗.๖๕ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑) การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐบาล โดยการทำ Prepayment วงเงินรวม ๒๔,๓๖๗.๙๗ ล้านบาท ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๗๑๕.๓๒ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ตั๋วสัญญาใช้เงินภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ รุ่นที่ ๑ - ๒ วงเงิน ๑๖,๘๗๗.๙๗ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ รวมทั้งสิ้น ๓๐๖.๖๒ ล้านบาท (๒) ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ – ๒ วงเงิน ๗,๔๙๐.๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๔๐๘.๖๐ ล้านบาท ๒) การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๒๒,๔๘๗.๖๐ ล้านบาท ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๒๔๒.๓๓ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรใช้เงินที่ได้รับจากการระบายผลิตผลทางการเกษตร วงเงิน ๑๓,๐๗๕.๖๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๒๓๐.๓๘ ล้านบาท (๒) การทางพิเศษแห่งประเทศไทยใช้รายได้ชำระหนี้เงินกู้ วงเงิน ๔๐๐.๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๑๑.๘๒ ล้านบาท (๓) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ใช้เงินรายได้ชำระหนี้เงินกู้ วงเงิน ๑๒.๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๐.๑๓ ล้านบาท (๔) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้บริหารความเสี่ยงหนี้ในประเทศโดยการแปลงอัตราดอกเบี้ยจากคงที่เป็นลอยตัว (Interest Rate Swap: IRS) วงเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท (๕) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้บริหารความเสี่ยงหนี้ในประเทศโดยการแปลงหนี้สกุลเงินบาทเป็นเงินเยน (Cross Currency Swap: CCS) วงเงินรวม ๕,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หมายเหตุ : FIDF กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน FIDF ๑ พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี FIDF ๓ พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี Refinance การกู้เงินจากแหล่งใหม่เพื่อนำไปใช้คืนแหล่งเงินกู้เดิมซึ่งเป็นการลดต้นทุนการกู้เงิน Roll-over การกู้เงินใหม่เพื่อนำไปชำระเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระเพื่อให้เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเงินกู้สอดคล้องกับระยะคืนทุน Promissory Note ตั๋วสัญญาใช้เงิน Cross Currency Swap การแปลงหนี้โดยแปลงสกุลเงิน เช่น การแปลงหนี้สกุลเงินเยนเป็นเงินบาท Interest Rate Swap การแปลงอัตราดอกเบี้ยจากคงที่เป็นลอยตัว หรือจากลอยตัวเป็นคงที่ พิมพ์มาดา/อัญชลี/จัดทำ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๙๖ ง/หน้า ๒๑/๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
791730
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๕ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๒๙,๘๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ (LB22DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๒๕,๔๒๕ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔.๙๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๐๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ในวงเงินไม่เกิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) จำนวน ๑ แห่ง ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๒.๓ วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option: GS) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๑ แห่ง ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ จำนวน ๒๙,๘๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๕ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๑ CB ๒๔,๐๐๐ ๒๔,๒๓๗,๔๓๒,๒๔๐.๐๐ ๒๐๓,๒๔๐,๔๐๐.๐๐ ๓๔,๑๙๑,๘๔๐.๐๐ ๑.๘๒๐๐ NCB ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๙,๘๙๓,๐๑๐.๐๐ ๘,๔๖๘,๓๕๐.๐๐ ๑,๔๒๔,๖๖๐.๐๐ GS ๔,๘๐๐ ๔,๘๔๗,๔๘๖,๔๔๘.๐๐ ๔๐,๖๔๘,๐๘๐.๐๐ ๖,๘๓๘,๓๖๘.๐๐ รวม ๒๙,๘๐๐ ๓๐,๐๙๔,๘๑๑,๖๙๘.๐๐ ๒๕๒,๓๕๖,๘๓๐.๐๐ ๔๒,๔๕๔,๘๖๘.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/จัดทำ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑ นุสรา/ตรวจ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๔๗ ง/หน้า ๖/๕ มีนาคม ๒๕๖๑
791728
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้มีการขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ สำหรับ ๑) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ – บางซื่อ ๒) โครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณสถานีสะพานพระนั่งเกล้า และโครงการปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี ๑ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ๓) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ๔) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และ ๕) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ข้อ ๑ การกู้เงินตามประกาศดังกล่าว กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ สำหรับ๑) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ๒) โครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณสถานีสะพานพระนั่งเกล้า และโครงการปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดแล้วจรแยกนนทบุรี ๑ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ๓) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ ๔) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการและ ๕) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นับตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภวรรณตรี/จัดทำ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ปวันวิทย์/ตรวจ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๘๙ ง/หน้า ๗/๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
788666
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงิน จำนวน ๑๔,๙๕๕,๒๒๖,๐๑๖.๕๐ บาท โดยมีส่วนลด จำนวน ๔๔,๗๗๓,๙๘๓.๕๐ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) L๑๐/๙๑/๖๐ ๔ กันยายน ๒๕๖๐ ๖ กันยายน ๒๕๖๐ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๙๑ ๕,๐๐๐ ๑.๒๑๘๙๘ ๔,๙๘๔,๘๕๐,๕๙๘.๒๐ ๑๕,๑๔๙,๔๐๑.๘๐ L๑๑/๙๑/๖๐ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๐ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๙๑ ๕,๐๐๐ ๑.๒๑๘๓๔ ๔,๙๘๔,๘๕๘,๔๒๓.๓๐ ๑๕,๑๔๑,๕๗๖.๗๐ L๑๒/๙๑/๖๐ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๐ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๐ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๙๑ ๒,๕๐๐ ๑.๑๖๐๐๐ ๒,๔๙๒,๗๙๐,๗๒๕.๐๐ ๗,๒๐๙,๒๗๕.๐๐ L๑๓/๙๑/๖๐ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๙๑ ๒,๕๐๐ ๑.๑๗๐๔๐ ๒,๔๙๒,๗๒๖,๒๗๐.๐๐ ๗,๒๗๓,๗๓๐.๐๐ รวม ๑๕,๐๐๐ ๑.๒๐๐๘๔ ๑๔,๙๕๕,๒๒๖,๐๑๖.๕๐ ๔๔,๗๗๓,๙๘๓.๕๐ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๕๘ ง/หน้า ๑/๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐
788060
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุเงินกู้ ๔ ปี ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน ๕๔๐.๓๓๙๐ ล้านบาท (ห้าร้อยสี่สิบล้านสามแสนสามหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. อายุเงินกู้ ๔ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ ครบกำหนดในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ ๔. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR 6M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลบด้วยส่วนต่าง (Spread) ร้อยละ 0.12500 ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้งชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือวันที่ ๒๘ มีนาคม และ ๒๘ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภวรรณตรี/จัดทำ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ พรวิภา/ตรวจ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๕๐ ง/หน้า ๑๑/๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐
788058
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จากธนาคารออมสิน วงเงินกู้ ๑,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐ ครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๒ ๓. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR ๖M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลบด้วยร้อยละ ๐.๑๒๕ ต่อปี ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐ จนถึงวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือในวันที่ ๒๗ กันยายน และ ๒๗ มีนาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๒ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วันนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖ การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภวรรณตรี/จัดทำ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ พรวิภา/ตรวจ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๕๐ ง/หน้า ๙/๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐
787684
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะยาวเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วงเงิน ๕,๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท (ห้าพันสี่ร้อยล้านบาทถ้วน) และการรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงิน ๒,๓๘๑,๐๘๔,๓๘๕.๘๑ บาท (สองพันสามร้อยแปดสิบเอ็ดล้านแปดหมื่นสี่พันสามร้อยแปดสิบห้าบาทแปดสิบเอ็ดสตางค์) โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขของการกู้เงิน ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุ ๓ ปี ให้กับธนาคารออมสิน เป็นวงเงิน ๗,๗๘๑,๐๘๔,๓๘๕.๘๑ บาท (เจ็ดพันเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดล้านแปดหมื่นสี่พันสามร้อยแปดสิบห้าบาทแปดสิบเอ็ดสตางค์) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. อายุเงินกู้ ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๐ ครบกำหนดในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๓ ๔. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR ๖M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลบด้วยส่วนต่าง (Spread) เฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๓๔๐๐ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR ๖M มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR ๖M ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR ๖M ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๓ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑๕ มีนาคม และ ๑๕ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระต้นเงินกู้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/อัญชลี/จัดทำ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ ปริญสินีย์/ตรวจ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๔๔ ง/หน้า ๒๖/๓ ตุลาคม ๒๕๖๐
787682
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 8
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๘[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า – แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน ๓ แห่ง วงเงิน ๒,๐๒๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันยี่สิบสี่ล้านบาทถ้วน) งานปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ วงเงิน ๓๐๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามร้อยสองล้านบาทถ้วน) และโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) วงเงิน ๑,๓๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันสามร้อยสี่สิบแปดล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน วงเงินกู้รวม ๓,๖๗๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันหกร้อยเจ็ดสิบสี่ล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๒ ๓. อัตราดอกเบี้ย เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๒๔๓ (ศูนย์จุดหนึ่งสองสี่สาม) ต่อปี “อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง” หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ จนถึงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน และเมื่อเบิกเงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้วจึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินลำดับถัดไป ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑ มีนาคม และ ๑ กันยายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๒ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยจะทยอยคืนต้นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/อัญชลี/จัดทำ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ ปริญสินีย์/ตรวจ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๔๔ ง/หน้า ๒๔/๓ ตุลาคม ๒๕๖๐
787680
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินภายใต้ Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 5 ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินภายใต้ Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๕ ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๖๗๑,๘๕๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันหกร้อยเจ็ดสิบเอ็ดล้านแปดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๓๓.๔๓๗๐ บาท กับ Nomura International plc (Dealer) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อแก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยมีรายละเอียดดังนี้ วงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๑.๖๖๘ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๒๑๑๖๑ ต่อปี) อายุ ๑๘๐ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP ครั้งนี้ วงเงิน ๔๙,๕๘๖,๔๔๙.๑๓ เหรียญสหรัฐ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พัชรภรณ์/อัญชลี/จัดทำ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ ปริญสินีย์/ตรวจ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๔๔ ง/หน้า ๒๓/๓ ตุลาคม ๒๕๖๐
786477
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงิน จำนวน ๒๔,๙๒๙,๖๒๗,๒๗๗.๒๐ บาท โดยมีส่วนลด จำนวน ๗๐,๓๗๒,๗๒๒.๘๐ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง จำนวน ๖๕,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) L๕/๙๑/๖๐ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๙๑ ๕,๐๐๐ ๑.๑๐๑๔๐ ๔,๙๘๖,๓๐๗,๗๙๗.๐๐ ๑๓,๖๙๒,๒๐๓.๐๐ L๖/๙๑/๖๐ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๙๑ ๕,๐๐๐ ๑.๐๕๐๗๔ ๔,๙๘๖,๙๓๕,๙๗๔.๐๐ ๑๓,๐๖๔,๐๒๖.๐๐ L๗/๙๑/๖๐ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๙๑ ๕,๐๐๐ ๑.๑๑๙๖๒ ๔,๙๘๖,๐๘๑,๙๓๔.๐๐ ๑๓,๙๑๘,๐๖๖.๐๐ L๘/๙๑/๖๐ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๙๑ ๕,๐๐๐ ๑.๒๐๑๙๓ ๔,๙๘๕,๐๖๑,๗๕๐.๗๐ ๑๔,๙๓๘,๒๔๙.๓๐ L๙/๙๑/๖๐ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ๙๑ ๕,๐๐๐ ๑.๑๘๗๕๖ ๔,๙๘๕,๒๓๙,๘๒๑.๕๐ ๑๔,๗๖๐,๑๗๘.๕๐ รวม ๒๕,๐๐๐ ๑.๑๓๒๒๕ ๒๔,๙๒๙,๖๒๗,๒๗๗.๒๐ ๗๐,๓๗๒,๗๒๒.๘๐ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิมพ์มาดา/อัญชลี/จัดทำ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๓๐ ง/หน้า ๓๔/๒๐ กันยายน ๒๕๖๐
785770
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สําหรับการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทําสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สำหรับการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้มีการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อชดเชย การขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๐ วงเงินกู้ ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท (ห้าหมื่นล้านบาทถ้วน)และต่อมากระทรวงการคลังได้มีการขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้ดังกล่าว ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๔ ของประกาศกระทรวงการคลังมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังจึงขอแก้ไขเพิ่มเติมประกาศดังกล่าว ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ ของประกาศดังกล่าว และใช้ความต่อไปนี้แทน “๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๐ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อนและเมื่อเบิกเงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้ว จึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินกู้ลำดับถัดไป” ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่นเป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวัณวิทย์/ภวรรณตรี/จัดทำ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๒๒ ง/หน้า ๑๓/๑๑ กันยายน ๒๕๖๐
785276
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 18
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๘[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๘ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๘ วงเงิน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB466A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๘๖,๐๖๓ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๘.๘๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๘๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ CB ๑๐,๑๐๐ ๙,๔๙๓,๔๙๔,๓๐๔.๐๐ -๖๕๐,๒๖๐,๘๑๕.๐๐ ๔๓,๗๕๕,๑๑๙.๐๐ ๓.๒๑๘๙ NCB ๙๐๐ ๘๔๕,๙๕๘,๐๙๖.๐๐ -๕๗,๙๔๐,๘๗๕.๐๐ ๓,๘๙๘,๙๗๑.๐๐ รวม ๑๑,๐๐๐ ๑๐,๓๓๙,๔๕๒,๔๐๐.๐๐ -๗๐๘,๒๐๑,๖๙๐.๐๐ ๔๗,๖๕๔,๐๙๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/อัญชลี/จัดทำ ๘ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง/หน้า ๒๙/๖ กันยายน ๒๕๖๐
785266
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 17 งวดประมูลวันที่ 26 กรกฎาคม 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๗ งวดประมูลวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๗ งวดประมูลวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๗ งวดประมูลวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ วงเงิน ๖,๖๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB366A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๐๕,๘๙๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๘.๘๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๖,๖๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ CB ๖,๖๐๐ ๖,๙๔๒,๒๐๑,๕๕๘.๐๐ ๓๑๕,๑๕๐,๖๐๐.๐๐ ๒๗,๐๕๐,๙๕๘.๐๐ ๓.๐๖๔๕ NCB - - - - รวม ๖,๖๐๐ ๖,๙๔๒,๒๐๑,๕๕๘.๐๐ ๓๑๕,๑๕๐,๖๐๐.๐๐ ๒๗,๐๕๐,๙๕๘.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/อัญชลี/จัดทำ ๘ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง/หน้า ๒๗/๖ กันยายน ๒๕๖๐
785258
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 16
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๖[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๖ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๖ วงเงิน ๑๕,๔๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓ (LB316A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๙,๑๗๘ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๙๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๗๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน และ ๒๐ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ บริษัทหลักทรัพย์และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๕,๔๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ CB ๑๕,๑๕๐ ๑๖,๓๐๔,๖๖๒,๓๘๐.๐๕ ๑,๑๑๘,๓๐๒,๓๘๐.๐๕ ๓๖,๓๖๐,๐๐๐.๐๐ ๒.๙๙๗๕ NCB ๒๕๐ ๒๖๙,๐๕๔,๔๗๐.๐๐ ๑๘,๔๕๔,๔๗๐.๐๐ ๖๐๐,๐๐๐.๐๐ รวม ๑๕,๔๐๐ ๑๖,๕๗๓,๗๑๖,๘๕๐.๐๕ ๑,๑๓๖,๗๕๖,๘๕๐.๐๕ ๓๖,๙๖๐,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/อัญชลี/จัดทำ ๘ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๒๐ ง/หน้า ๒๕/๖ กันยายน ๒๕๖๐
785022
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินภายใต้ Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 4 ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินภายใต้ EuroCommercialPaperหรือ ECPProgrammeของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๔ ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๗มิถุนายน ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECPProgrammeวงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๖๘๐,๗๓๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันหกร้อยแปดสิบล้านเจ็ดแสนสามหมื่นบาทถ้วน) โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๓๓.๖๑๔๖ บาท กับ NomuraInternationalplc(Dealer)เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อแก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECPProgrammeเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยมีรายละเอียดดังนี้ วงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๑.๖๒๐ ต่อปี(เทียบเท่าอัตรา LIBORระยะ ๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๖๔ ต่อปี) อายุ ๑๘๑ วัน(ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๑) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECPครั้งนี้ วงเงิน ๔๙,๕๙๖,๐๔๐.๙๙ เหรียญสหรัฐ ประกาศ ณ วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/อัญชลี/จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๖๐ ปริญสินีย์/ตรวจ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ [๑]ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๑๙ ง/หน้า ๘/๕ กันยายน ๒๕๖๐
783962
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB666A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๗๘,๓๘๑ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๘.๙๘ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ ดังนี้ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๕ กรกฎาคม๒๕๖๐ ๗ กรกฎาคม๒๕๖๐ CB ๑๓,๙๑๕ ๑๔,๘๖๐,๗๐๙,๓๓๕.๐๔ ๙๑๕,๒๑๐,๗๑๖.๓๔ ๓๐,๔๙๘,๖๑๘.๗๐ ๓.๗๐๗๕ NCB ๘๕ ๙๐,๗๗๕,๕๓๓.๒๕ ๕,๕๘๙,๒๓๑.๙๕ ๑๘๖,๓๐๑.๓๐ รวม ๑๔,๐๐๐ ๑๔,๙๕๑,๔๘๔,๘๖๘.๒๙ ๙๒๐,๗๙๙,๙๔๘.๒๙ ๓๐,๖๘๔,๙๒๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชวัลพร/อัญชลี/จัดทำ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๑๐ ง/หน้า ๘๙/๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐
783960
ประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (LB26DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๓,๑๘๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๔๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ ดังนี้ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ CB ๑๙,๔๐๐ ๑๘,๙๓๙,๓๒๓,๘๙๘.๓๘ -๔๗๕,๓๕๘,๙๙๑.๖๒ ๑๔,๖๘๒,๘๙๐.๐๐ ๒.๔๑๕๗ NCB ๖๐๐ ๕๘๕,๗๕๔,๔๑๖.๐๐ -๑๔,๖๙๙,๖๙๔.๐๐ ๔๕๔,๑๑๐.๐๐ รวม ๒๐,๐๐๐ ๑๙,๕๒๕,๐๗๘,๓๑๔.๓๘ -๔๙๐,๐๕๘,๖๘๕.๖๒ ๑๕,๑๓๗,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตรา ไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชวัลพร/อัญชลี/จัดทำ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๑๐ ง/หน้า ๘๗/๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐
783858
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔[๑] ตามที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔ ลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินที่ ๑จำนวน ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนทางราง ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ – รังสิต และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเบิกเงินกู้ ได้มีการเบิกเงินกู้จริงจำนวน ๗๘๒,๔๐๐,๒๗๓.๒๔ บาท ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๒ วงเงินที่ ๑ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔ มีการเปลี่ยนแปลง นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ข้อ ๑ กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔ ข้อ ๓.๒ วงเงินที่ ๑ จากจำนวน ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท (แปดร้อยล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๗๘๒,๔๐๐,๒๗๓.๒๔ บาท (เจ็ดร้อยแปดสิบสองล้านสี่แสนสองร้อยเจ็ดสิบสามบาทยี่สิบสี่สตางค์) ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชวัลพร/อัญชลี/จัดทำ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๐๙ ง/หน้า ๕/๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๐
783428
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 7
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๗[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ จำนวน ๒,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันแปดร้อยล้านบาทถ้วน) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) จำนวน ๑,๗๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารออมสิน วงเงินกู้รวม ๔,๕๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่พันห้าร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ๓. อัตราดอกเบี้ย เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบร้อยละ ๐.๑๑ (ศูนย์จุดหนึ่งหนึ่ง) ต่อปี “อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง” หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะเบิกรับเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จนถึงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือวันที่ ๒๐ มกราคม และ ๒๐ กรกฎาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๑ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการ หรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๐๔ ง/หน้า ๙/๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐
783210
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] ตามที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศ เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ โดยจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๒ ภายใต้วงเงิน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ (พ.ร.บ. บริหารหนี้สาธารณะฯ) และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกการซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล โดยการดำเนินธุรกรรม Bond Switching มีรายละเอียดดังนี้ ๑. วิธีการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ ได้ดำเนินการดังนี้ ๑.๑ วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังกำหนดและประกาศอัตราผลตอบแทน (Yield) และราคารวมดอกเบี้ยค้างรับ (Dirty Price) ของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังรับแลก (Source Bond) ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB๑๘๓B LB๑๙๑A LB๑๙๓A และ LB๑๙๖A และรายละเอียดของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อนำมาแลกกับ Source Bond (Destination Bond) สำหรับธุรกรรม Bond Switching จำนวน ๕ รุ่น ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB๒๒๖A LB๒๕DA LB๓๑๖A LB๔๖๖A และ LB๖๖๖A ๑.๒ วันที่ ๒๒ - ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ ผู้ถือ Source Bond ยื่นคำเสนอแลกพันธบัตรและเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้แก่ผู้จัดจำหน่ายและจัดการการแลกเปลี่ยนพันธบัตรภายในระยะเวลาที่กำหนด ๑.๓ วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังแจ้งผลการแลกพันธบัตรให้แก่ผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายผ่านทางผู้จัดจำหน่ายและจัดการการแลกเปลี่ยนพันธบัตร ๑.๔ วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ ผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายที่ได้รับการตอบรับแลกพันธบัตรชำระเงินค่าส่วนต่างสุทธิระหว่างราคาของ Source Bond และ Destination Bond ให้แก่กระทรวงการคลังหรือได้รับเงินค่าส่วนต่างสุทธิระหว่างราคาของ Source Bond และ Destination Bond จากกระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลังส่งมอบ Destination Bond ให้แก่ผู้ที่ได้รับจัดสรร Destination Bond และธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนดำเนินการยกเลิก Source Bond ที่กระทรวงการคลังรับแลก ๒. ผลการดำเนินธุรกรรม Bond Switching มีดังนี้ ๒.๑ Source Bond ที่ดำเนินการแลกในครั้งนี้มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๙๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยมีรายละเอียด Source Bond ที่ถูกแลกดังนี้ รายละเอียด พ.ร.บ. บริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ร.ก. ให้อำนาจ กระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒ LB๑๘๓B LB๑๙๑A LB๑๙๖A LB๑๙๓A อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละต่อปี) ๕.๑๒๕๐๐๐ ๕.๖๒๕๐๐๐ ๓.๘๗๕๐๐๐ ๓.๔๕๐๐๐๐ อัตราผลตอบแทนของ Source Bond๑ (ร้อยละต่อปี) ๑.๔๖๘๓๑๕ ๑.๔๙๗๗๗๒ ๑.๕๐๐๐๐๐ ๑.๕๒๐๐๐๐ ราคา Source Bond ที่กระทรวงการคลังกำหนด (Gross Price per Unit)๒ (บาทต่อหน่วย) ๑,๐๔๐.๕๕๘๘๑ ๑,๐๘๘.๔๙๔๔๔ ๑,๐๔๗.๒๔๔๐๙ ๑,๐๔๒.๖๔๖๔๑ จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลก (หน่วย) ๑๑,๖๙๔,๐๐๐ ๒,๐๗๙,๐๐๐ ๖๑,๙๐๙,๐๐๐ ๑๔,๓๑๘,๐๐๐ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Source Bond ที่รับแลก๓ (บาท) ๑๑,๖๙๔,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒,๐๗๙,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๖๑,๙๐๙,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๔,๓๑๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Source Bond ทุกรุ่นที่รับแลก (บาท) ๗๕,๖๘๒,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๔,๓๑๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ Gross Value ของ Source Bond ที่รับแลก๔ (บาท) ๑๒,๑๖๘,๒๙๔,๗๒๔.๑๔ ๒,๒๖๒,๙๗๙,๙๔๐.๗๖ ๖๔,๘๓๓,๘๓๔,๓๖๗.๘๑ ๑๔,๙๒๘,๖๑๑,๒๙๘.๓๘ รวม Gross Value ของ Source Bond ทุกรุ่นที่รับแลก (บาท) ๗๙,๒๖๕,๑๐๙,๐๓๒.๗๑ ๑๔,๙๒๘,๖๑๑,๒๙๘.๓๘ หมายเหตุ : ๑. อัตราผลตอบแทนของ Source Bond หมายถึง อัตราผลตอบแทน (Yield) ของ Source Bond ของตลาดการเงิน ณ วันกำหนดราคาแลกพันธบัตร ๒. ราคา Source Bond ที่กระทรวงการคลังกำหนด (Gross Price per Unit) หมายถึง ราคาต่อหน่วยของ Source Bond ซึ่งสะท้อนมูลค่าปัจจุบัน (present value) ของเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างของ Source Bond ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ๓. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Source Bond ที่รับแลก หมายถึง จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลกคูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้นที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๔. Gross Value ของ Source Bond ที่รับแลก หมายถึง ราคา Source Bond ที่กระทรวงการคลังกำหนดคูณกับจำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลก ซึ่งการแลกพันธบัตรดังกล่าวทำให้ ณ วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ ยอดคงค้างของ Source Bond เป็นดังต่อไปนี้ กฎหมาย รุ่นพันธบัตร ชื่อพันธบัตร ยอดคงค้างของ Source Bond ก่อนทำธุรกรรม (ล้านบาท) มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวม ของ Source Bond ที่รับแลก (ล้านบาท) ยอดคงค้างของ Source Bond หลังทำธุรกรรม (ล้านบาท) พ.ร.บ. บริหารหนี้สาธารณะฯ LB๑๘๓B พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ครั้งที่ ๕ ๑๐,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐ - พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ครั้งที่ ๑๐ ๑๑,๐๐๐ ๑,๖๙๔ ๙,๓๐๖ พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๕ ๒๔,๐๐๐ - ๒๔,๐๐๐ LB๑๙๑A พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ครั้งที่ ๓ ๔๖,๐๐๐ ๒,๐๗๙ ๔๓,๙๒๑ LB๑๙๖A พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑๓ ๑๒,๐๐๐ ๑๒,๐๐๐ - พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๓ ๘,๐๐๐ ๘,๐๐๐ - กฎหมาย รุ่นพันธบัตร ชื่อพันธบัตร ยอดคงค้างของ Source Bond ก่อนทำธุรกรรม (ล้านบาท) มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวม ของ Source Bond ที่รับแลก (ล้านบาท) ยอดคงค้างของ Source Bond หลังทำธุรกรรม (ล้านบาท) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖ ๒๔,๐๐๐ ๒๔,๐๐๐ - พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑๕ ๑๒,๐๐๐ ๑๒,๐๐๐ - พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ ๑๔,๐๐๐ ๕,๙๐๙ ๘,๐๙๑ พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ๒๐,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒ LB๑๙๓A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ ๑๐,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐ - พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ ๑๒,๐๐๐ ๔,๓๑๘ ๗,๖๘๒ รวม ๙๐,๐๐๐ ๒.๒ Destination Bond ที่กระทรวงการคลังดำเนินการออกเพื่อแลกกับ Source Bond ตามข้อ ๒.๑ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๙๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลจำนวน ๕ รุ่น โดย Destination Bond ที่นำมาแลกมีรายละเอียดดังนี้ รายละเอียด พ.ร.บ. บริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒ LB๒๒๖A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓๑ LB๒๕DA พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๔๒ LB๓๑๖A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๕๓ LB๖๖๖A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๖๔ LB๔๖๖A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๕ อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละต่อปี) ๑.๘๗๕๐๐๐ ๓.๘๕๐๐๐๐ ๓.๖๕๐๐๐๐ ๔.๐๐๐๐๐๐ ๒.๘๗๕๐๐๐ อัตราผลตอบแทนของ Destination Bond๖ (ร้อยละต่อปี) ๑.๙๐๐๐๐๐ ๒.๓๒๐๐๐๐ ๒.๙๓๐๐๐๐ ๓.๖๙๐๐๐๐ ๓.๓๖๐๐๐๐ ราคา Destination Bond ที่กระทรวงการคลังกำหนด (Gross Price per Unit)๗ (บาทต่อหน่วย) ๙๙๙.๓๕๖๔๐ ๑,๑๑๘.๕๑๐๑๙ ๑,๐๘๒.๘๔๖๒๒ ๑,๐๗๑.๑๓๓๑๘ ๙๑๑.๔๔๙๓๗ จำนวนหน่วยของ Destination Bond ที่ออกใหม่ (หน่วย) ๖,๖๓๖,๐๐๐ ๑๑,๔๑๗,๐๐๐ ๓๑,๓๕๘,๐๐๐ ๒๖,๒๗๑,๐๐๐ ๑๔,๓๑๘,๐๐๐ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Destination Bond ที่ออกใหม่๘ (บาท) ๖,๖๓๖,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๑,๔๑๗,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๓๑,๓๕๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒๖,๒๗๑,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๔,๓๑๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Destination Bond ทุกรุ่นที่ได้รับจากการแลก (บาท) ๗๕,๖๘๒,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๔,๓๑๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ Gross Value ของ Destination Bond ที่ได้รับจากการแลก๙ (บาท) ๖,๖๓๑,๗๒๙,๐๗๐.๔๐ ๑๒,๗๗๐,๐๓๐,๘๓๙.๒๓ ๓๓,๙๕๕,๘๙๑,๗๖๖.๗๖ ๒๘,๑๓๙,๗๓๙,๗๗๑.๗๘ ๑๓,๐๕๐,๑๓๒,๐๗๙.๖๖ รวม Gross Value ของ Destination Bond ทุกรุ่นที่ได้รับจากการแลก (บาท) ๘๑,๔๙๗,๓๙๑,๔๔๘.๑๗ ๑๓,๐๕๐,๑๓๒,๐๗๙.๖๖ รายละเอียด พ.ร.บ. บริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒ LB๒๒๖A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓๑ LB๒๕DA พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๔๒ LB๓๑๖A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๕๓ LB๖๖๖A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๖๔ LB๔๖๖A พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๕ เงินส่วนต่างสุทธิระหว่างราคา Source Bond และ Destination Bond๑๐ (บาท) -๒,๒๓๒,๒๘๒,๔๑๕.๔๖ ๑,๘๗๘,๔๗๙,๒๑๘.๗๒ จำนวนเงินค่าส่วนต่างสุทธิที่ผู้ลงทุนจะได้รับจาก (ชำระให้แก่) กระทรวงการคลัง (บาท) -๓๕๓,๘๐๓,๑๙๖.๗๔ ยอดคงค้างของ Destination Bond ก่อนทำธุรกรรม (บาท) ๑๙๕,๙๕๖,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๙๓,๘๕๓,๘๐๓,๐๐๐.๐๐ ๙๒,๔๒๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๓๘,๑๑๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๖๐,๗๔๕,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bond ที่ออกใหม่ (บาท) ๖,๖๓๖,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๑,๔๑๗,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๓๑,๓๕๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒๖,๒๗๑,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๔,๓๑๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ยอดคงค้างของ Destination Bond หลังทำธุรกรรม (บาท) ๒๐๒,๕๙๒,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒๐๕,๒๗๐,๘๐๓,๐๐๐.๐๐ ๑๒๓,๗๗๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๑๖๔,๓๘๑,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๗๕,๐๖๓,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ หมายเหตุ : ๑. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙) ๒. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๑ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) ๓. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) ๔. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) ๕. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙) ๖. อัตราผลตอบแทนของ Destination Bond หมายถึง อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลที่ออกใหม่ (Destination Bond) ที่ต้องการแลก ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนดอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการแลกพันธบัตร ๗. ราคา Destination Bond ที่กระทรวงการคลังกำหนด (Gross Price per Unit) หมายถึง ราคาต่อหน่วยของ Destination Bond ที่ต้องการแลก ซึ่งสะท้อนมูลค่าปัจจุบัน (present value) ของเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างของ Destination Bond ที่ต้องการแลกตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ๘. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้รวมของ Destination Bond ที่ออกใหม่ หมายถึง จำนวนหน่วยของ Destination Bond ที่ออกใหม่คูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้น ที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๙. Gross Value ของ Destination Bond ที่ได้รับจากการแลก หมายถึง ราคา Destination Bond ที่กระทรวงการคลังกำหนดคูณกับจำนวนหน่วย Destination Bond ที่ออกใหม่ ๑๐. เงินส่วนต่างสุทธิระหว่างราคา Source Bond และ Destination Bond หมายถึง เงินค่าส่วนต่างสุทธิภายหลังจากการหักลบกลบหนี้เงินค่าส่วนต่างระหว่างราคา Source Bond และDestination Bond (ถ้ามี) ที่ผู้ออกพันธบัตร และผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายจะต้องชำระให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง โดยเงินส่วนต่างสุทธิดังกล่าวคำนวณจาก มูลค่าของ Source Bond (จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลกคูณกับราคาของ Source Bond) ลบด้วยมูลค่าของ Destination Bond (จำนวนหน่วยของ Destination Bond ที่ออกใหม่ คูณกับราคาของ Destination Bond) ๓. การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้มีผู้ถือพันธบัตรที่ได้รับการตอบรับการแลก Source Bond และได้รับการจัดสรร Destination Bond ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนรวม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย นักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ๔. Destination Bond ที่ออกในครั้งนี้ มีรายละเอียดและเงื่อนไขดังนี้ ๔.๑ Destination Bond เป็นพันธบัตรชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๔.๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการใช้ Destination Bond เป็นหลักประกันให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือระเบียบและพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี ๔.๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับหลักประกันมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝาก Destination Bond ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามระเบียบและพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๔.๔ กรณีที่มีการออก Destination Bond ประเภทมีใบตราสาร (Scrip) มิให้ถือว่า Destination Bond ฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้ลงลายมือชื่อกำกับใน Destination Bond ฉบับนั้นแล้ว ๔.๕ การคำนวณดอกเบี้ยของ Destination Bond จะคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล โดยเริ่มคำนวณจากวันจ่ายดอกเบี้ยครั้งล่าสุดถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะจ่ายพร้อมกับเงินต้นของพันธบัตรรัฐบาล ณ วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปจ่ายในวันทำการถัดไป ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งจ่ายดอกเบี้ยปีละสองงวด โดยมีรายละเอียดดังนี้ พันธบัตรรัฐบาล Destination Bond อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละต่อปี) วันชำระดอกเบี้ย วันครบกำหนดไถ่ถอน พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ ๑) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ (LB๒๒๖A) ๑.๘๗๕ วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ ๒) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๔ (LB๒๕DA) ๓.๘๕ วันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ ๓) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๕ (LB๓๑๖A) ๓.๖๕ วันที่ ๒๐ มิถุนายน และ ๒๐ ธันวาคม ของทุกปี ๒๐ มิถุนายน ๒๕๗๔ ๔) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๖ (LB๖๖๖A) ๔.๐๐ วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๙ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๕) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ (LB๔๖๖A) ๒.๘๗๕ วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๘๙ ๔.๖ กำหนดไถ่ถอนคืน Destination Bond เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรรัฐบาลจะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับคืนใบพันธบัตร หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ๕. การดำเนินธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๕.๑ ค่าธรรมเนียมในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้จัดจำหน่ายและจัดการการแลกเปลี่ยนพันธบัตร จำนวน ๓ แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ในจำนวนรวมทั้งสิ้นเท่ากับอัตราร้อยละ ๐.๐๒ ของมูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bond คูณด้วยจำนวน Destination Bond ที่ออกใหม่ในแต่ละรุ่นทั้งหมดทุกรุ่น โดยจำนวนของ Destination Bond แต่ละรุ่นเป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งผลธุรกรรมการแลกพันธบัตร ๕.๒ ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับ Destination Bond สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตร ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตร (๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตร ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๐๑ ง/หน้า ๑๖/๘ สิงหาคม ๒๕๖๐
781599
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ ได้ดำเนินการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๘ - ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา มูลนิธิ สถาบันอื่นที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ส่วนราชการสังกัดรัฐบาลกลาง สหกรณ์ และวัด รวมทั้งสิ้น ๖,๒๗๙ รายการ โดยทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์ทุกสาขา เครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (เครื่อง ATM) และผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรและจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๒. ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ วงเงินรวม ๑๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท แบ่งเป็น ๒ รุ่นอายุ ดังนี้ ๒.๑ พันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นอายุ ๕ ปี จำนวน ๕,๑๓๒,๘๘๗,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ร้อยละ ๒.๓๕ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ๒.๒ พันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นอายุ ๑๐ ปี จำนวน ๑๒,๘๖๗,๑๑๓,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ร้อยละ ๓.๐๐ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๗๐ ๓. พันธบัตรออมทรัพย์ข้างต้นมีการจ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๘ พฤษภาคม และ ๘ พฤศจิกายน ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปจ่ายในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้าย (งวดไถ่ถอน) จะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจ่ายดอกเบี้ยโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน (กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ สิ้นวันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทย ก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันกำหนดจ่ายดอกเบี้ย ๔. การจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรจะดำเนินการในวันครบกำหนดไถ่ถอน หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร (Scrip) การจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตร จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร ๕. การจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ๕.๑ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายคิดค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรในอัตรา ๒๕๐ บาท ต่อรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Custodian แล้ว) ซึ่งมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์ทุกสาขา เครื่อง ATM และผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง รวมทั้งสิ้น ๖,๒๗๙ รายการ ซึ่งคิดเป็นค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตร รวมทั้งสิ้น ๑,๕๖๙,๗๕๐ บาท ทั้งนี้ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะจ่ายค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๑.๐๐ บาทต่อเดือน ยกเว้น เมื่อพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นอายุ ๕ ปี หรือรุ่นอายุ ๑๐ ปี มีวงเงินจำหน่ายรวมของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง ๔ แห่ง ได้ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ขึ้นไป บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด จะคิดอัตราค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือของรุ่นอายุ ๕ ปี หรือรุ่นอายุ ๑๐ ปี ล้านละ ๐.๖๐ บาทต่อเดือน โดยราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร ๕.๒ ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ ได้คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายดังนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๐๕ ของดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน (๒) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ชวัลพร/ตรวจ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง/หน้า ๓๐/๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๐
779359
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 15 งวดประมูลวันที่ 17 พฤษภาคม 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๕ งวดประมูลวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๕ งวดประมูลวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๕ งวดประมูลวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ วงเงิน ๑๒,๑๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓ (LB316A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๒,๔๒๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๑๐ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๗๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน และ ๒๐ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๒,๑๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ CB ๑๑,๖๐๐ ๑๒,๔๕๙,๑๖๕,๒๔๓.๗๘ ๖๘๕,๑๖๕,๒๔๓.๗๘ ๑๗๔,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๓๓.๑๒๘๖ NCB ๕๐๐ ๕๓๗,๐๓๓,๒๗๕.๐๐ ๒๙,๕๓๓,๒๗๕.๐๐ ๗,๕๐๐,๐๐๐.๐๐ รวม ๑๒,๑๐๐ ๑๒,๙๙๖,๑๙๘,๕๑๘.๗๘ ๗๑๔,๖๙๘,๕๑๘.๗๘ ๑๘๑,๕๐๐,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตรา ไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อัญชลี/จัดทำ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๐ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๑๗/๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐
779357
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 14 งวดประมูลวันที่ 9 พฤษภาคม 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๔ งวดประมูลวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๔ งวดประมูลวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๔ งวดประมูลวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ วงเงิน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB666A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๘,๑๑๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๙.๑๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการจำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ CB ๑๓,๕๐๐ ๑๔,๗๑๓,๔๖๑,๐๒๙.๐๗ ๙๙๗,๔๖๑,๐๒๙.๐๗ ๒๑๖,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๓๓.๖๗๔๒ NCB ๕๐๐ ๕๔๔,๙๒๙,๐๖๐.๐๐ ๓๖,๙๒๙,๐๖๐.๐๐ ๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ รวม ๑๔,๐๐๐ ๑๕,๒๕๘,๓๙๐,๐๘๙.๐๗ ๑,๐๓๔,๓๙๐,๐๘๙.๐๗ ๒๒๔,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตรา ไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อัญชลี/จัดทำ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๐ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๑๕/๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐
779355
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 13 งวดประมูลวันที่ 26 เมษายน 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๓ งวดประมูลวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๓ งวดประมูลวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๓ งวดประมูลวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ วงเงิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB366A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๘๖,๐๙๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๙.๑๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการจำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ CB ๑๑,๘๗๐ ๑๒,๐๘๓,๘๖๒,๖๓๓.๓๐ ๖๗,๙๑๐,๔๑๙.๐๐ ๑๔๕,๙๕๒,๒๑๔.๓๐ ๓.๓๕๙๔ NCB ๑๓๐ ๑๓๒,๓๔๑,๔๙๘.๙๐ ๗๔๓,๐๓๓.๒๐ ๑,๕๙๘,๔๖๕.๗๐ รวม ๑๒,๐๐๐ ๑๒,๒๑๖,๒๐๔,๑๓๒.๒๐ ๖๘,๖๕๓,๔๕๒.๒๐ ๑๔๗,๕๕๐,๖๘๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตรา ไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อัญชลี/จัดทำ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๐ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๑๓/๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐
779353
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 12 งวดประมูลวันที่ 12 เมษายน 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๒ งวดประมูลวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๒ งวดประมูลวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑๒ งวดประมูลวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐ วงเงิน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB466A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๔๘,๖๔๕ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๑๘ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๘๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐ จำนวน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ CB ๑๓,๘๐๐ ๑๒,๔๗๙,๖๙๙,๖๙๓.๐๐ -๑,๔๕๒,๙๑๒,๖๔๙.๐๐ ๑๓๒,๖๑๒,๓๔๒.๐๐ ๓.๔๕๐๖ NCB ๕๐๐ ๔๕๒,๑๕๗,๐๙๕.๐๐ -๕๒,๖๔๗,๗๐๐.๐๐ ๔,๘๐๔,๗๙๕.๐๐ รวม ๑๔,๓๐๐ ๑๒,๙๓๑,๘๕๖,๗๘๘.๐๐ -๑,๕๐๕,๕๖๐,๓๔๙.๐๐ ๑๓๗,๔๑๗,๑๓๗.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการ ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อัญชลี/จัดทำ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๐ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๑๑/๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐
779345
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ ได้ดำเนินการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ - ๒๑ เมษายน ๒๕๖๐ โดยจำหน่ายให้แก่ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา มูลนิธิ สถาบันอื่นที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ส่วนราชการสังกัดรัฐบาลกลาง สหกรณ์ และวัด รวมทั้งสิ้น ๑๑,๓๐๒ รายการ โดยทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์ทุกสาขา เครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (เครื่อง ATM) และผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรและจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๒. ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ วงเงินรวม ๑๔,๕๗๐,๓๕๑,๐๐๐ บาท แบ่งเป็น ๒ รุ่นอายุ ดังนี้ ๒.๑ พันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นอายุ ๓ ปี จำนวน ๗,๔๙๒,๗๑๑,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ร้อยละ ๒.๐๐ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ ๒.๒ พันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นอายุ ๗ ปี จำนวน ๗,๐๗๗,๖๔๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ร้อยละ ๒.๕๖ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ ๓. พันธบัตรออมทรัพย์ข้างต้นมีการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๑๓ มิถุนายน และ ๑๓ ธันวาคม ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปจ่ายในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้าย (งวดไถ่ถอน) จะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจ่ายดอกเบี้ยโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน (กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ สิ้นวันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทย ก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันกำหนดจ่ายดอกเบี้ย ๔. การจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรจะดำเนินการในวันครบกำหนดไถ่ถอน หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร (Scrip) การจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตร จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร ๕. การจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ๕.๑ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายคิดค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรในอัตรา ๒๕๐ บาท ต่อรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Custodian แล้ว) ซึ่งมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์ทุกสาขา เครื่อง ATM และผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของธนาคาร ตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง รวมทั้งสิ้น ๑๑,๓๐๒ รายการ ซึ่งคิดเป็นค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตรรวมทั้งสิ้น ๒,๘๒๕,๕๐๐ บาท ทั้งนี้ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะจ่ายค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๑.๐๐ บาทต่อเดือน ยกเว้นเฉพาะพันธบัตรรุ่นอายุ ๗ ปี เมื่อมีวงเงินจำหน่ายรวมของธนาคารตัวแทน จำหน่าย ๔ แห่ง ได้ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ขึ้นไป บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด จะคิดอัตราค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือของรุ่นอายุ ๗ ปี ล้านละ ๐.๖๐ บาทต่อเดือน โดยราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร ๕.๒ ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ ได้คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายดังนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๐๕ ของดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน (๒) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง ประกาศ ณ วันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อัญชลี/จัดทำ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๐ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๘/๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐
779341
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 6
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๖[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน วงเงินกู้รวม ๖,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หกพันสองร้อยล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๐ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ ๓. อัตราดอกเบี้ย เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๐๖๙๑๙ (ศูนย์จุดศูนย์หกเก้าหนึ่งเก้า) ต่อปี “อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง” หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ (หก) เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๐ จนถึงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน และเมื่อเบิกเงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้วจึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินลำดับถัดไป ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑ มิถุนายน และ ๑ ธันวาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยจะทยอยคืนต้นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อัญชลี/จัดทำ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๐ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๖/๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐
779001
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้น โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุเงินกู้ ๓ เดือน ให้กับธนาคารออมสิน จำนวนรวม ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท (สามหมื่นสี่พันล้านบาทถ้วน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยร้อยละ ๑.๕๑๙๔๑ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๓. อายุเงินกู้ ๓ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ครบกำหนดในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๔. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไปการคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/ภวรรณตรี/จัดทำ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ ปริญสินีย์/ตรวจ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕๕ ง/หน้า ๒๗/๙ มิถุนายน ๒๕๖๐
777315
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 และรายการการกู้เงินและค้ำประกันระหว่างเดือนตุลาคม 2559 ถึงเดือนมีนาคม 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐[๑] ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๖ วรรคสอง กำหนดให้กระทรวงการคลังสรุปรายงานสถานะหนี้สาธารณะและประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน ๖๐ วัน หลังจากวันสิ้นเดือนมีนาคมและเดือนกันยายนของทุกปี โดยรายงานดังกล่าวต้องแสดงหนี้สาธารณะที่เกิดจากการกู้เงินและค้ำประกัน ณ วันสิ้นเดือนดังกล่าว รวมทั้งรายการการกู้เงินและค้ำประกันที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วงระยะเวลาระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม และเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ตามลำดับ กระทรวงการคลังขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ดังนี้ ๑. รายการสถานะหนี้คงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ มีจำนวน ๖,๑๖๖,๕๔๙.๓๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๒.๒๗ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๔,๗๒๘,๖๕๕.๖๐ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙๖๒,๘๘๕.๓๒ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๔๕๕,๕๘๐.๑๘ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๑๙,๔๒๘.๒๒ ล้านบาท รายละเอียดดังปรากฏตามตารางที่ ๑ หนี้สาธารณะแบ่งตามอายุเงินกู้คงเหลือจะเป็นหนี้ระยะยาวซึ่งเป็นหนี้ที่จะครบกำหนดชำระเกินกว่า ๑ ปี จำนวน ๕,๓๐๘,๔๘๓.๗๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๖.๐๙ และหนี้ระยะสั้นที่จะครบกำหนดชำระภายในไม่เกิน ๑ ปี จำนวน ๘๕๘,๐๖๕.๕๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๓.๙๑ ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ทั้งนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวนทั้งสิ้น ๖,๑๖๖,๕๔๙.๓๒ ล้านบาท ประกอบด้วย หนี้ต่างประเทศ จำนวน ๓๑๔,๒๕๗.๓๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕.๑๐ และหนี้ในประเทศ จำนวน ๕,๘๕๒,๒๙๑.๙๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๙๐ ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ตารางที่ ๑ : หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ หน่วย : ล้านบาท รายการ ๓๑ มี.ค. ๒๕๖๐ % GDP ๑. หนี้รัฐบาล ๑.๑ หนี้ต่างประเทศ ๑.๒ หนี้ในประเทศ ๔,๗๒๘,๖๕๕.๖๐ ๙๖,๙๗๘.๘๒ ๔,๖๓๑,๖๗๖.๗๘ ๓๒.๔๒ หน่วย : ล้านบาท รายการ ๓๑ มี.ค. ๒๕๖๐ % GDP ๒. หนี้รัฐวิสาหกิจ ๒.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน - หนี้ต่างประเทศ - หนี้ในประเทศ ๒.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน - หนี้ต่างประเทศ - หนี้ในประเทศ ๙๖๒,๘๘๕.๓๒ ๔๑๙,๔๒๑.๐๑ ๘๘,๓๑๙.๓๐ ๓๓๑,๑๐๑.๗๑ ๕๔๓,๔๖๔.๓๑ ๑๒๘,๓๘๖.๔๘ ๔๑๕,๐๗๗.๘๓ ๖.๖๐ ๓. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ๓.๑ หนี้ต่างประเทศ ๓.๒ หนี้ในประเทศ ๔๕๕,๕๘๐.๑๘ ๕๗๒.๗๗ ๔๕๕,๐๐๗.๔๑ ๓.๑๒ ๔. หนี้หน่วยงานของรัฐ ๔.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ๔.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน ๑๙,๔๒๘.๒๒ - ๑๙,๔๒๘.๒๒ ๐.๑๓ ๕. รวม ๑. + ๒. + ๓. + ๔. ๖,๑๖๖,๕๔๙.๓๒ ๔๒.๒๗ หมายเหตุ : ๑. GDP ปี ๒๕๕๙ เท่ากับ ๑๔,๓๖๐.๖๐ พันล้านบาท และประมาณการ GDP ปี ๒๕๖๐ เท่ากับ ๑๕,๑๕๐.๕๐ พันล้านบาท (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) ๒. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ปรับวิธีการคำนวณ GDP ในแต่ละเดือน เพื่อให้สัดส่วน Debt/GDP สะท้อนค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด โดย GDP ในรอบ ๑๒ เดือนที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ เดือนมีนาคม ๒๕๖๐ คำนวณดังนี้ [(GDP ไตรมาส ๒ - ๔ ปี ๕๙) + [(ประมาณการ GDP ปี ๖๐)/๑๒]*๓ เท่ากับ ๑๔,๕๘๙.๑๗ พันล้านบาท ๒. รายการการกู้เงินและค้ำประกันระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ประกอบด้วย ๔ แผนย่อย ซึ่งภายหลังการปรับปรุงแผนฯ ครั้งที่ ๑ ทำให้วงเงินรวมในแผนฯ ที่จะบริหารจัดการมีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๗๔๙,๕๘๔.๒๒ ล้านบาท โดยในระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๔๕,๕๐๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๖๑ ของแผนฯ ดังปรากฏตามตารางที่ ๒ ตารางที่ ๒ : การกู้เงินและการบริหารหนี้ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ หน่วย : ล้านบาท รายการ วงเงินแผน ผลดำเนินงาน (ต.ค. ๕๙ - มี.ค. ๖๐) ร้อยละ ๑. แผนการก่อหนี้ใหม่ ๖๙๙,๖๕๖.๓๕ ๓๒๗,๗๙๘.๖๘ ๔๖.๘๕ ๑.๑ รัฐบาล ๑.๒ รัฐวิสาหกิจ ๖๒๕,๒๘๖.๒๕ ๗๔,๓๗๐.๑๐ ๓๐๙,๘๑๕.๖๘ ๑๗,๙๘๓.๐๐ ๔๙.๕๔ ๒๔.๑๘ ๒. แผนการบริหารหนี้เดิม ๘๙๙,๗๘๖.๑๓ ๓๗๔,๓๔๑.๖๐ ๔๑.๖๐ ๒.๑ รัฐบาล ๒.๒ รัฐวิสาหกิจ ๖๕๒,๘๔๗.๖๓ ๒๔๖,๙๓๘.๕๐ ๒๖๑,๙๒๓.๗๐ ๑๑๒,๔๑๗.๙๐ ๔๐.๑๒ ๔๕.๕๒ ๓. แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ๑๔๗,๖๓๒.๐๓ ๔๓,๓๖๒.๗๒ ๒๙.๓๗ ๓.๑ การก่อหนี้ใหม่ ๓.๒ การบริหารหนี้ ๗๑,๐๖๔.๑๔ ๗๖,๕๖๗.๘๙ ๒๖,๐๑๖.๕๕* ๑๗,๓๔๖.๑๗** ๓๖.๖๑* ๒๒.๖๕** ๔. แผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ๒,๕๐๙.๗๑ - - การก่อหนี้ใหม่ ๒,๕๐๙.๗๑ - - รวม (๑ - ๒) ๑,๕๙๙,๔๔๒.๔๘ ๗๐๒,๑๔๐.๒๘ ๔๓.๙๐ รวม (๑ - ๔) ๑,๗๔๙,๕๘๔.๒๒ ๗๔๕,๕๐๓.๐๐ ๔๒.๖๑ หมายเหตุ *รวมผลการกู้เงินของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ระบุวงเงินไว้ในแผนฯ **รวมผลการบริหารความเสี่ยงของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ไม่ได้ระบุวงเงินไว้ในแผนฯ ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑) ผลการก่อหนี้ใหม่ ช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ วงเงินรวม ๓๒๗,๗๙๘.๖๘ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑ การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล วงเงินรวม ๓๐๙,๘๑๕.๖๘ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑.๑ รัฐบาลกู้มาใช้โดยตรง วงเงิน ๒๙๕,๕๙๑.๖๘ ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ๑.๑.๒ รัฐบาลกู้มาให้กู้ต่อ วงเงินรวม ๑๔,๒๒๔ ล้านบาท กระทรวงการคลังได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ เพื่อนำมาให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อวงเงินรวม ๑๔,๒๒๔ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑) การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อ ๗,๖๗๓ ล้านบาท และ ๒) การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ ๖,๕๕๑ ล้านบาท ๑.๒ การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๑๗,๙๘๓ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๒.๑ เงินกู้เพื่อลงทุน รัฐวิสาหกิจสองแห่งได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศเพื่อลงทุนในช่วงเวลาดังกล่าว วงเงินรวม ๔,๘๓๕.๕๕ ล้านบาท ได้แก่ ๑) การรถไฟแห่งประเทศไทยได้กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑๑๕ คัน วงเงิน ๓,๑๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน และ ๒) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน ๔๘๙ คัน วงเงิน ๑,๗๓๕.๕๕ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน ๑.๒.๒ เงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ รัฐวิสาหกิจสองแห่งได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศเพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว วงเงินรวม ๑๓,๑๔๗.๔๕ ล้านบาท ได้แก่ ๑) การรถไฟแห่งประเทศไทยได้กู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท และ ๒) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้กู้เงิน วงเงินรวม ๔,๑๔๗.๔๕ ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้เพื่อเป็นค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อม (ปีงบประมาณ ๒๕๖๐) จำนวน ๑,๘๔๔.๙๐ ล้านบาท และเพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ จำนวน ๒,๓๐๒.๕๕ ล้านบาท ๒) ผลการบริหารหนี้เดิม ช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ วงเงินรวม ๓๗๔,๓๔๑.๖๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๒.๑ การบริหารหนี้เดิมของรัฐบาล (หนี้ในประเทศ) วงเงินรวม ๒๕๓,๓๑๑.๒๐ ล้านบาท ๒.๑.๑ การปรับโครงสร้างหนี้ (Roll - over/ Refinance) กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล รวมทั้งสิ้น ๒๕๓,๓๑๑.๒๐ ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll - over และ Refinance วงเงิน ๒๑๙,๒๖๕.๘๒ ล้านบาท และการชำระคืนหนี้ วงเงิน ๓๔,๐๔๕.๓๘ ล้านบาท ดังนี้ (๑) หนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/ เมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ และการบริหารหนี้ วงเงิน ๑๒๔,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย - ตั๋วเงินคลัง ในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ มียอดตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารดุลเงินสดหมุนเวียนอยู่ในตลาดรวม ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท - พันธบัตร กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลในช่วง ๖ เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงิน ๔๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (๒) หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF วงเงินรวม ๑๒๒,๔๖๗.๗๙ ล้านบาท กระทรวงการคลังบริหารหนี้ FIDF ที่ครบกำหนดดังนี้ ๑. ชำระคืนจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน วงเงิน ๑๘,๘๓๕.๗๙ ล้านบาท ๒. ชำระคืนจากเงินในบัญชีเงินฝากจากเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (บัญชี Premium FIDF ๑) วงเงิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท ๓. ออกพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ๔. ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน ๓๓,๙๐๐ ล้านบาท และ ๕. ออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R - Bill) วงเงิน ๔๐,๗๓๒ ล้านบาท (๓) หนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน ๖,๘๔๓.๔๑ ล้านบาท กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างสินเชื่อระยะยาว (Long - Term Loan) ซึ่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยใช้เงินงบประมาณชำระคืนหนี้ จำนวน ๒,๒๐๙.๕๙ ล้านบาท และออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน ๔,๖๓๓.๘๒ ล้านบาท ๒.๑.๒ การบริหารความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย (Interest - Rate Swap : IRS) ไม่มี ๒.๒ การบริหารหนี้เดิมของรัฐบาล (หนี้ต่างประเทศ) วงเงินรวม ๘,๖๑๒.๕๐ ล้านบาท ๒.๒.๑ การปรับโครงสร้างหนี้ (Roll - over/ Refinance) กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล ซึ่งเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll - over หนี้เงินกู้ Euro Commercial Paper (ECP) วงเงินรวม ๕,๑๖๗.๕๐ ล้านบาท[๒] (๑๕๐ ล้านเหรียญสหรัฐ) ๒.๒.๒ การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Cross Currency Swap : CCS) กระทรวงการคลังได้ทำ CCS หนี้เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) จากสกุลเงินเหรียญสหรัฐเป็นเงินบาท วงเงิน ๓,๔๔๕ ล้านบาท๒ (๑๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ) ๒.๒.๓ การบริหารความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย (Interest - Rate Swap : IRS) ไม่มี ๒.๓ การบริหารหนี้เดิมของรัฐวิสาหกิจ (หนี้ในประเทศ) วงเงินรวม ๑๑๒,๔๑๗.๙๐ ล้านบาท ๒.๓.๑ การปรับโครงสร้างหนี้ (Roll - over/ Refinance) รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๕ แห่ง ได้ปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๑๑๒,๔๑๗.๙๐ ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll - over และ Refinance จำนวน ๑๑๑,๔๑๗.๙๐ ล้านบาท (แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๑๐๕,๐๑๗.๙๐ ล้านบาท และเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๖,๔๐๐ ล้านบาท) และการชำระคืนหนี้ จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ (๑) การเคหะแห่งชาติใช้เงินรายได้ชำระหนี้ก่อนครบกำหนด จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท (๒) การทางพิเศษแห่งประเทศไทยกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ จำนวน ๖,๔๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกัน เพื่อ Roll - over หนี้เงินกู้และพันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ (๓) การรถไฟแห่งประเทศไทยปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๗,๖๔๕ ล้านบาท โดยกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ กระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อ Roll - over และ Refinance หนี้เงินกู้และพันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ (๔) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๖,๘๑๗.๖๘ ล้านบาท โดยกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๔,๗๖๐.๖๘ และออกพันธบัตรวงเงิน ๒,๐๕๗ ล้านบาท กระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อ Roll - over และ Refinance หนี้เงินกู้และพันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ (๕) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งสิ้น ๙๐,๕๕๕.๒๒ ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๕๘,๕๕๕.๒๒ ล้านบาท และออกพันธบัตร วงเงิน ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อ Roll - over และ Refinance พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ ๒.๓.๒ การบริหารความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย (Interest - Rate Swap : IRS) ไม่มี ๒.๔ การบริหารหนี้เดิมของรัฐวิสาหกิจ (หนี้ต่างประเทศ) ไม่มี ๓) ผลการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ วงเงินรวม ๔๓,๓๖๒.๗๒ ล้านบาท ประกอบด้วย ๓.๑ การก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม ๒๖,๐๑๖.๕๕ ล้านบาท ๓.๑.๑ เงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด วงเงินรวม ๒๒,๔๑๖.๕๕ ล้านบาท (๑) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการกู้เงินในประเทศเพื่อดำเนินกิจการทั่วไปโดยการออกหุ้นกู้ วงเงิน ๗,๐๐๐ ล้านบาท (๒) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการกู้เงิน วงเงินรวม ๑๕,๔๑๖.๕๕ ล้านบาท โดยการออกหุ้นกู้ วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท กู้เงินเพื่อ Refinance วงเงิน ๑๐,๖๗๙.๕๐ ล้านบาท ออกหุ้นกู้ในสกุลเงินบาทและดำเนินการทำ CCS เป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐ วงเงิน ๒,๗๓๗.๐๕ ล้านบาท หรือเทียบเท่า ๗๙.๔๕ ล้านเหรียญสหรัฐ๒ (วงเงินไม่ได้บรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ เนื่องจากแผนจัดหาเงินทุนจะพิจารณาตามความต้องการใช้เงินของ ปตท. และสภาวะตลาด) ๓.๑.๒ เงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit Line วงเงินรวม ๓,๖๐๐ ล้านบาท (๑) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้กู้เงินระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit Line วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท (๒) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ได้ลงนามสินเชื่อ O/D กับสถาบันการเงินในประเทศ วงเงินรวม ๒,๖๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการสนับสนุนทางการเงินแก่ ธพส. ในโครงการศูนย์ราชการ วงเงิน ๒,๓๐๐ ล้านบาท และเพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงานที่ไม่ใช่โครงการศูนย์ราชการ วงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท ๓.๒ การบริหารหนี้ วงเงินรวม ๑๗,๓๔๖.๑๗ ล้านบาท (๑) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ปรับโครงสร้างหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระโดยการออกหุ้นกู้ จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท และได้บริหารความเสี่ยงหนี้ต่างประเทศด้วยวิธี CCS รวมทั้งสิ้น ๑๒,๕๕๐.๕๕ ล้านบาท (๒) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการทำธุรกรรม Bond Buy Back เพื่อบริหารหนี้ต่างประเทศ วงเงิน ๒,๗๙๕.๖๒ ล้านบาท หรือเทียบเท่า ๘๑.๑๕ ล้านเหรียญสหรัฐ๒ (วงเงินไม่ได้บรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ เนื่องจากแผนจัดหาเงินทุนจะพิจารณาตามความต้องการใช้เงินของ ปตท. และสภาวะตลาด) ๔) ผลการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ การก่อหนี้ใหม่ ไม่มี จากการดำเนินการตามข้อ ๑) - ๔) กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้ รวมทั้งสิ้น ๗๔๕,๕๐๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๖๑ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งปี โดยแบ่งเป็น (๑) หนี้ของรัฐบาล วงเงิน ๕๗๑,๗๓๙.๓๘ ล้านบาท (๒) หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน วงเงิน ๑๒๓,๐๐๐.๙๐ ล้านบาท และ (๓) หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน วงเงิน ๕๐,๗๖๒.๗๒ ล้านบาท อนึ่ง ผลการดำเนินการบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ได้บรรจุอยู่ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยใช้งบชำระหนี้เหลือจ่ายเงินระบายผลิตผลทางการเกษตร และเงินรายได้ชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนด (Prepayment) วงเงินรวม ๕๔,๗๖๑.๓๘ ล้านบาท ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๘๐๒.๕๙ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑) การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐบาล โดยการทำ Prepayment วงเงินรวม ๓๙,๐๕๑.๖๐ ล้านบาท ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๔๑๑.๔๖ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ ๔๘.๒๐ ล้านบาท (๒) ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๔,๒๐๐ ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงินฯ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๑๑,๖๓๕ ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ ๕๖.๓๙ ล้านบาท และ ๒๓๒.๕๗ ล้านบาท ตามลำดับ (๓) หนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑) จำนวน ๙,๐๐๐ ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ ๕๑.๑๖ ล้านบาท (๔) หนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน ๔,๒๑๖.๖๐ ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ ๒๓.๑๔ ล้านบาท ๒) การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๑๕,๖๙๔.๙๘ ล้านบาท ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๓๘๙.๗๓ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรใช้เงินที่ได้รับจากการระบายผลิตผลทางการเกษตร วงเงิน ๑๕,๔๘๑ ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๓๘๙.๗๓ ล้านบาท (๒) การยางแห่งประเทศไทยใช้เงินที่ได้รับจากการขายยาง วงเงิน ๒๑๓.๙๘ ล้านบาท ๓) สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ใช้เงินรายได้ วงเงิน ๑๔.๘๐ ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ ๑.๔๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หมายเหตุ :- FIDF กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน FIDF ๑ พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี FIDF ๓ พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี Refinance การกู้เงินจากแหล่งใหม่เพื่อนำไปใช้คืนแหล่งเงินกู้เดิมซึ่งเป็นการลดต้นทุนการกู้เงิน Roll - over การกู้เงินใหม่เพื่อนำไปชำระเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระเพื่อให้เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเงินกู้สอดคล้องกับระยะคืนทุน Cross Currency Swap การแปลงหนี้โดยแปลงสกุลเงิน เช่น การแปลงหนี้สกุลเงินเยนเป็นเงินบาท Interest Rate Swap การแปลงอัตราดอกเบี้ยจากคงที่เป็นลอยตัว หรือจากลอยตัวเป็นคงที่ พิมพ์มาดา/ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๓๖ ง/หน้า ๓/๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ [๒] คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ประจำวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ที่อัตรา ๓๔.๔๕ ต่อ ๑ เหรียญสหรัฐ
777043
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุเงินกู้ ๔ ปี ให้กับธนาคารออมสิน เป็นจำนวนเงิน ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท (สามหมื่นสี่พันล้านบาทถ้วน) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ ๓. อายุเงินกู้ ๔ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ ครบกำหนดในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๔ ๔. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน(BIBOR 6M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลบด้วยส่วนต่าง (Spread) เฉลี่ยร้อยละ ๐.๐๕๕๐๐ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๔ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑๘ เมษายน และ ๑๘ ตุลาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระพร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิมพ์มาดา/ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๓๓ ง/หน้า ๒๒/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐
777028
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกรับเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกรับเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้มีการขยายระยะเวลาการเบิกรับเงินกู้ เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ข้อ ๑ การกู้เงินตามประกาศดังกล่าว กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกรับเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิมพ์มาดา/ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๓๓ ง/หน้า ๒๑/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐
776930
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๐ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินกู้รวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท (ห้าหมื่นล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๓ ปี ๖ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๐ ครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๓ ๓. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR 6M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลบด้วยส่วนต่าง (Spread) เฉลี่ยร้อยละ ๐.๐๕๕๐๐ ต่อปี ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๐ จนถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน และเมื่อเบิกเงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้ว จึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินกู้ลำดับถัดไป ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือวันที่ ๒๔ เมษายน และ ๒๔ ตุลาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๓ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยจะทยอยคืนต้นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระพร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิมพ์มาดา/ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๓๑ ง/หน้า ๓๒/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐
775549
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๙๘,๘๑๕ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันภัย ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๙๘,๘๑๕ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๙๘,๗๐๗,๑๙๙,๙๔๓.๖๓ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๐๗,๘๐๐,๐๕๖.๓๗ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง จำนวน ๗๕,๔๒๕ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๒๒/๒๘/๖๐ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒๘ ๒๓,๓๙๐ ๑.๓๙๑๗๓ ๒๓,๓๖๕,๐๕๔,๗๓๓.๒๕ ๒๔,๙๔๕,๒๖๖.๗๕ ๒๓/๒๘/๖๐ ๖ มีนาคม ๒๕๖๐ ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ ๕ เมษายน ๒๕๖๐ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๔๐๖๕๐ ๑๙,๙๗๘,๔๔๔,๐๙๑.๗๘ ๒๑,๕๕๕,๙๐๘.๒๒ ๒๔/๒๘/๖๐ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๐ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐ ๒๘ ๑๘,๓๙๕ ๑.๔๑๘๘๘ ๑๘,๓๗๔,๙๙๙,๖๔๓.๔๐ ๒๐,๐๐๐,๓๕๖.๖๐ ๒๕/๒๘/๖๐ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๐ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๐ ๒๘ ๑๖,๖๑๐ ๑.๔๓๘๐๘ ๑๖,๕๙๑,๖๙๖,๓๓๒.๖๐ ๑๘,๓๐๓,๖๖๗.๔๐ ๒๖/๒๘/๖๐ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ๒๘ ๒๐,๔๒๐ ๑.๔๖๙๖๐ ๒๐,๓๙๗,๐๐๕,๑๔๒.๖๐ ๒๒,๙๙๔,๘๕๗.๔๐ รวม ๙๘,๘๑๕ ๑.๔๒๓๖๖ ๙๘,๗๐๗,๑๙๙,๙๔๓.๖๓ ๑๐๗,๘๐๐,๐๕๖.๓๗ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ วริญา/ตรวจ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง/หน้า ๑๖/๒๕ เมษายน ๒๕๖๐
774576
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 3 ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๗๖๕,๙๓๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยหกสิบห้าล้านเก้าแสนสามหมื่นบาทถ้วน) โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๓๕.๓๑๘๖ บาท กับ Nomura International plc (Dealer) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อแก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยมีรายละเอียดดังนี้ วงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๑.๔๙๐๐ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๐๖๗๓๓ ต่อปี) อายุ ๑๘๑ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๐) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP ครั้งนี้ วงเงิน ๔๙,๖๒๘,๒๑๕.๗๔ เหรียญสหรัฐ ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภวรรณตรี/จัดทำ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๐ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๐๔ ง/หน้า ๗/๑๒ เมษายน ๒๕๖๐
774332
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๖ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ ประกอบกับมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๒๙,๕๓๘,๖๖๖,๑๕๕.๕๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๔๖๑,๓๓๓,๘๔๔.๕๐ บาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ มีดังนี้ งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) (F1)1/364/60 ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ๓๖๔ ๑๕,๐๐๐ ๑.๕๗๕๐๘ ๑๔,๗๖๘,๐๒๙,๕๐๓.๐๐ ๒๓๑,๙๗๐,๔๙๗.๐๐ (F1)2/364/60 ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ๓๖๔ ๑๕,๐๐๐ ๑.๕๕๗๑๐ ๑๔,๗๗๐,๖๓๖,๖๕๒.๕๐ ๒๒๙,๓๖๓,๓๔๗.๕๐ รวม ๓๐,๐๐๐ ๑.๕๖๖๐๙ ๒๙,๕๓๘,๖๖๖,๑๕๕.๕๐ ๔๖๑,๓๓๓,๘๔๔.๕๐ ๓. ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเว้นให้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภวรรณตรี/จัดทำ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง/หน้า ๑๒/๑๐ เมษายน ๒๕๖๐
774308
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่กู้มาเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุเงินกู้ ๓ ปี ให้กับธนาคารออมสิน เป็นจำนวนเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท (สี่หมื่นล้านบาทถ้วน) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ๓. อายุเงินกู้ ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ครบกำหนดในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ๔. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR 6M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลบด้วยส่วนต่าง (Spread) เฉลี่ยร้อยละ ๐.๐๘๕๐๐ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑๗ มีนาคม และ ๑๗ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภวรรณตรี/จัดทำ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง/หน้า ๑๐/๑๐ เมษายน ๒๕๖๐
772044
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑[๑] ตามที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินที่ ๓ จำนวน ๒,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ โดยกระทรวงการคลังได้ขยายระยะเวลาสิ้นสุดระยะเวลาการเบิกเงินกู้เป็นวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเบิกเงินกู้ได้มีการเบิกเงินกู้จริงจำนวน ๒,๓๘๑,๐๘๔,๓๘๕.๘๑ บาท ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๒ วงเงินที่ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ มีการเปลี่ยนแปลง นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ข้อ ๑ กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ ข้อ ๓.๒ วงเงินที่ ๓ จากจำนวน ๒,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท (สองพันเจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๒,๓๘๑,๐๘๔,๓๘๕.๘๑ บาท (สองพันสามร้อยแปดสิบเอ็ดล้านแปดหมื่นสี่พันสามร้อยแปดสิบห้าบาทแปดสิบเอ็ดสตางค์) ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ชวัลพร/ตรวจ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๖/๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐
772038
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2 ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๗๕๙,๘๙๕,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบเก้าล้านแปดแสนเก้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๓๕.๑๙๗๙ บาท กับ Nomura International plc (Dealer) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อแก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ โดยมีรายละเอียดดังนี้ วงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๑.๔๕๐๐ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๑๕๑๑ ต่อปี) อายุ ๑๘๑ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๐) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP ครั้งนี้ วงเงิน ๔๙,๖๓๘,๑๒๔.๒๙ เหรียญสหรัฐ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ชวัลพร/ตรวจ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๕/๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐
771045
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันภัย ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๗๙,๙๑๓,๙๓๔,๓๙๒.๕๒ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๘๖,๐๖๕,๖๐๗.๔๘ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๑๔/๒๘/๖๐ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๔ มกราคม ๒๕๖๐ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๔๔๕๐๖ ๑๙,๙๗๗,๘๕๓,๘๓๒.๐๐ ๒๒,๑๔๖,๑๖๘.๐๐ ๑๕/๒๘/๖๐ ๙ มกราคม ๒๕๖๐ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๐ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๔๐๒๙๖ ๑๙,๙๗๘,๔๙๘,๓๖๑.๑๐ ๒๑,๕๐๑,๖๓๘.๙๐ ๑๖/๒๘/๖๐ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๐ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๓๘๕๔๐ ๑๙,๙๗๘,๗๖๗,๑๔๖.๕๒ ๒๑,๒๓๒,๘๕๓.๔๘ ๑๗/๒๘/๖๐ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๐ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๓๘๒๒๗ ๑๙,๙๗๘,๘๑๕,๐๕๒.๙๐ ๒๑,๑๘๔,๙๔๗.๑๐ รวม ๘๐,๐๐๐ ๑.๔๐๓๙๒ ๗๙,๙๑๓,๙๓๔,๓๙๒.๕๒ ๘๖,๐๖๕,๖๐๗.๔๘ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนดเว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ พรวิภา/ตรวจ ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๖๒ ง/หน้า ๓/๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
771043
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒[๑] ตามที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๙ เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินที่ ๓ จำนวน ๔,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเบิกเงินกู้เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ได้มีการเบิกเงินกู้จริงจำนวน ๓,๙๖๘,๗๓๗,๒๙๖.๗๔ บาท ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๒ วงเงินที่ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ มีการเปลี่ยนแปลง นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ข้อ ๑ กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ข้อ ๓.๒ วงเงินที่ ๓ จากจำนวน ๔,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท (สี่พันห้าร้อยล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๓,๙๖๘,๗๓๗,๒๙๖.๗๔ บาท (สามพันเก้าร้อยหกสิบแปดล้านเจ็ดแสนสามหมื่นเจ็ดพันสองร้อยเก้าสิบหกบาทเจ็ดสิบสี่สตางค์) ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพย์สิน รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ พรวิภา/ตรวจ ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๖๒ ง/หน้า ๒/๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
775289
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1 ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ ให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๗๗๑,๓๕๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเอ็ดล้านสามแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๓๕.๔๒๗๐ บาท กับ Daiwa Capital Markets Singapore Limited และ Nomura International plc (Dealers) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐ โดยมีรายละเอียดดังนี้ วงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๑.๕๒๕๒ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๖๖๙๘ ต่อปี) อายุ ๑๘๐ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP ครั้งนี้ วงเงิน ๔๙,๖๒๑,๕๘๖.๓๑ เหรียญสหรัฐ ประกาศ ณ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ พรวิภา/ตรวจ ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๖๒ ง/หน้า ๑/๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
770101
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารออมสิน วงเงินกู้ ๒,๐๓๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันสามสิบเอ็ดล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน ๓ แห่ง ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๐ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๒ ๓. อัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับร้อยละ ๑.๘๔ (หนึ่งจุดแปดสี่) ต่อปี ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๐ จนถึงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๓๐ มกราคม และ ๓๐ กรกฎาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๒ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิมพ์มาดา/ปริยานุช/จัดทำ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ปริญสินีย์/ตรวจ ๕ เมษายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๕๕ ง/หน้า ๔๓/๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
768878
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะยาวเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุ ๒ ปี ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน ๔,๖๓๓,๘๑๖,๙๔๓.๘๑ บาท (สี่พันหกร้อยสามสิบสามล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นหกพันเก้าร้อยสี่สิบสามบาทแปดสิบเอ็ดสตางค์) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๐ ครบกำหนดในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๒ ๔. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๑.๘๙ ต่อปี ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือแวันที่ ๒๐ มกราคม และ ๒๐ กรกฎาคม ของทุกปี โดยชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๒ สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระต้นเงินกู้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๔๓ ง/หน้า ๑๒/๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
768876
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้น โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ ๓ เดือน ให้กับธนาคารออมสิน จำนวนรวม ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท (สี่หมื่นล้านบาทถ้วน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยร้อยละ ๑.๕๐๘ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. อายุเงินกู้ ๓ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ครบกำหนดในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ ๔. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๔๓ ง/หน้า ๑๑/๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
768211
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 3 งวดประมูลวันที่ 14 ธันวาคม 2559
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ งวดประมูลวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ งวดประมูลวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ งวดประมูลวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ วงเงิน ๒๑,๒๗๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (LB226A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๕,๕๓๖ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๕.๖๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ในวงเงินไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) จำนวน ๑๓ แห่ง ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๒.๓ วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option: GS) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๕ แห่ง ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๒๑,๒๗๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ CB ๑๙,๘๐๐ ๑๙,๔๔๗,๔๖๙,๓๖๐.๓๕ -๓๕๑,๕๑๓,๕๑๓.๖๕ -๑,๐๑๗,๑๒๖.๐๐ ๒.๒๑๙๕ NCB ๒๐๐ ๑๙๖,๔๓๙,๒๖๖.๐๐ -๓,๕๕๐,๔๖๐.๐๐ -๑๐,๒๗๔.๐๐ GS ๑,๒๗๒ ๑,๒๔๙,๓๕๓,๗๓๑.๗๖ -๒๒,๕๘๐,๙๒๕.๖๐ -๖๕,๓๔๒.๖๔ รวม ๒๑,๒๗๒ ๒๐,๘๙๓,๒๖๒,๓๕๘.๑๑ -๓๗๗,๖๔๔,๘๙๙.๒๕ -๑,๐๙๒,๗๔๒.๖๔ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๓๘ ง/หน้า ๘/๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
768209
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2 งวดประมูลวันที่ 21 ธันวาคม 2559
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ งวดประมูลวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ งวดประมูลวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ งวดประมูลวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ วงเงิน ๗,๖๑๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB666A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๙,๑๑๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๙.๖๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๗,๖๑๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ CB ๖,๔๑๐ ๖,๙๐๕,๘๘๙,๑๙๖.๐๕ ๔๙๑,๖๗๔,๔๒๘.๗๕ ๔,๒๑๔,๗๖๗.๓๐ ๓.๖๖๓๔ NCB ๑,๒๐๐ ๑,๒๙๒,๘๑๒,๙๖๘.๐๐ ๙๒,๐๒๓,๙๓๒.๐๐ ๗๘๙,๐๓๖.๐๐ รวม ๗,๖๑๐ ๘,๑๙๘,๗๐๒,๑๖๔.๐๕ ๕๘๓,๖๙๘,๓๖๐.๗๕ ๕,๐๐๓,๘๐๓.๓๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๓๘ ง/หน้า ๖/๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
768207
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1 งวดประมูลวันที่ 7 ธันวาคม 2559
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ วงเงิน ๗,๙๗๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓ (LB316A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๖๙,๓๒๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๖๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๗๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน และ ๒๐ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๗,๙๗๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ CB ๖,๘๔๐ ๗,๒๙๙,๔๖๕,๗๕๐.๙๐ ๓๔๑,๘๑๗,๗๕๐.๙๐ ๑๑๗,๖๔๘,๐๐๐.๐๐ ๓.๒๑๖๓ NCB ๑,๑๓๐ ๑,๒๐๕,๙๐๐,๐๙๙.๙๐ ๕๖,๔๖๔,๐๙๙.๙๐ ๑๙,๔๓๖,๐๐๐.๐๐ รวม ๗,๙๗๐ ๘,๕๐๕,๓๖๕,๘๕๐.๘๐ ๓๙๘,๒๘๑,๘๕๐.๘๐ ๑๓๗,๐๘๔,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๓๘ ง/หน้า ๔/๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
767316
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา ๗ มาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยวิธีการตกลงราคา โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุ ๓ ปี ให้กับธนาคารออมสิน เป็นจำนวนเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท (สี่หมื่นล้านบาทถ้วน) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. อายุเงินกู้ ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๐ ครบกำหนดในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๓ ๔. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR 6M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ บวกด้วยส่วนต่าง (Spread) ร้อยละ ๐.๑๐๓๒๐ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันเบิกเงินกู้สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ย ในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๓ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๙ มกราคม และ ๙ กรกฎาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรวิภา/ปริยานุช/จัดทำ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ ปริญสินีย์/ตรวจ ๑ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๓๐ ง/หน้า ๑๒/๒๗ มกราคม ๒๕๖๐
766285
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารออมสิน วงเงินกู้รวม ๔,๕๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่พันห้าร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) โดยแบ่งเป็น ๔ โครงการดังนี้ - โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต จำนวน ๑,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน) - โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน ๓ แห่ง จำนวน ๓๘๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามร้อยแปดสิบแปดล้านบาทถ้วน) - โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น จำนวน ๒,๒๗๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันสองร้อยเจ็ดสิบสองล้านบาทถ้วน) - งานปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ จำนวน ๑๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยหกสิบล้านบาทถ้วน) ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๓. อัตราดอกเบี้ย - วงเงินที่ ๑ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันล้านบาทถ้วน) เท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ ๑.๗๓๘ (หนึ่งจุดเจ็ดสามแปด) ต่อปี - วงเงินที่ ๒ จำนวน ๒,๕๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันห้าร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) เท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๑.๗๘๘ (หนึ่งจุดเจ็ดแปดแปด) ต่อปี ๔. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดก่อนและเมื่อเบิกเงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้ว จึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินกู้ลำดับถัดไป ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๒๘ ธันวาคม และ ๒๘ มิถุนายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยจะทยอยคืนต้นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วริญา/ปริยานุช/จัดทำ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕ ง/หน้า ๑๘/๑๓ มกราคม ๒๕๖๐
765339
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลัง ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินกู้รวม ๗,๖๗๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดพันหกร้อยเจ็ดสิบสามล้านบาทถ้วน) โดยแบ่งเป็น ๕ วงเงิน ดังนี้ ๑.๑ วงเงินที่ ๑ จำนวน ๓๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามร้อยห้าสิบสองล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ๑.๒ วงเงินที่ ๒ จำนวน ๙๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เก้าสิบแปดล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณสถานีสะพานพระนั่งเกล้า และโครงการปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี ๑ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ๑.๓ วงเงินที่ ๓ จำนวน ๓,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันสองร้อยล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ ๑.๔ วงเงินที่ ๔ จำนวน ๒,๑๒๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันหนึ่งร้อยยี่สิบสามล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ ๑.๕ วงเงินที่ ๕ จำนวน ๑,๙๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเก้าร้อยล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ๒. อายุเงินกู้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๓. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๔. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๑.๗๔ ต่อปี ๕. การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม และ ๑๙ มิถุนายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ๖. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐ ชวัลพร/ตรวจ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๓/๕ มกราคม ๒๕๖๐
764775
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ ๓ ปี ให้กับธนาคารออมสิน เป็นจำนวนเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท (สี่พันล้านบาทถ้วน) ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๓. อายุเงินกู้ ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ ครบกำหนดในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๒ ๔. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR 6M) ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลบด้วยส่วนต่าง (Spread) ร้อยละ ๐.๐๐๔๙๖ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ย ในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ย BIBOR 6M ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๒ ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๒ มิถุนายน และ ๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชนิกา/ปริยานุช/จัดทำ ๔ มกราคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๓๐๘ ง/หน้า ๑/๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙
764102
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2559
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๒๔,๙๗๒,๕๐๑,๘๒๓.๖๓ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๒๗,๔๙๘,๑๗๖.๓๗ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง จำนวน ๔๐,๔๐๐ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้ งวดที่ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๕/๒๘/๖๐ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒๘ ๕,๐๐๐ ๑.๔๓๖๕๗ ๔,๙๙๔,๔๙๕,๙๔๒.๓๓ ๕,๕๐๔,๐๕๗.๖๗ ๖/๒๘/๖๐ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๒๘ ๕,๐๐๐ ๑.๓๙๐๓๐ ๔,๙๙๔,๖๗๓,๐๑๕.๐๐ ๕,๓๒๖,๙๘๕.๐๐ ๗/๒๘/๖๐ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๒๘ ๕,๐๐๐ ๑.๔๓๙๔๖ ๔,๙๙๔,๔๘๔,๘๖๗.๐๐ ๕,๕๑๕,๑๓๓.๐๐ ๘/๒๘/๖๐ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๒๘ ๕,๐๐๐ ๑.๔๔๖๑๕ ๔,๙๙๔,๔๕๙,๒๗๓.๔๐ ๕,๕๔๐,๗๒๖.๖๐ ๙/๒๘/๖๐ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๒๘ ๕,๐๐๐ ๑.๔๖๔๕๙ ๔,๙๙๔,๓๘๘,๗๒๕.๙๐ ๕,๖๑๑,๒๗๔.๑๐ รวม ๒๕,๐๐๐ ๑.๔๓๕๔๑ ๒๔,๙๗๒,๕๐๑,๘๒๓.๖๓ ๒๗,๔๙๘,๑๗๖.๓๗ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ – เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๙๗ ง/หน้า ๖/๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๙
763588
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 5 งวดประมูลวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๕ งวดประมูลวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๕ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๔,๖๑๕ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB466A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๒,๓๔๕ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๕๖ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๘๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ จำนวน ๔,๖๑๕ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ CB ๔,๓๑๕ ๓,๙๙๙,๘๗๗,๖๕๑.๔๐ -๓๖๕,๐๘๔,๗๔๑.๑๕ ๔๙,๙๖๒,๓๙๒.๕๕ ๓.๓๒๗๑ NCB ๓๐๐ ๒๗๘,๐๘๖,๑๔๓.๐๐ -๒๕,๓๘๗,๔๘๘.๐๐ ๓,๔๗๓,๖๓๑.๐๐ รวม ๔,๖๑๕ ๔,๒๗๗,๙๖๓,๗๙๔.๔๐ -๓๙๐,๔๗๒,๒๒๙.๑๕ ๕๓,๔๓๖,๐๒๓.๕๕ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ วริญา/ตรวจ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๘๖ ง/หน้า ๓๕/๙ ธันวาคม ๒๕๕๙
763586
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 4 งวดประมูลวันที่ 2 พฤศจิกายน 2559
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๔ งวดประมูลวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๔ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๔,๒๖๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB366A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๘,๐๙๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๙.๖๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ จำนวน ๔,๒๖๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ CB ๓,๙๐๐ ๔,๓๖๑,๘๙๐,๑๕๖.๘๐ ๔๑๑,๐๒๙,๘๖๖.๘๐ ๕๐,๘๖๐,๒๙๐.๐๐ ๒.๗๐๓๘ NCB ๓๖๐ ๔๐๒,๖๓๔,๔๙๐.๔๐ ๓๗,๙๓๙,๖๙๔.๔๐ ๔,๖๙๔,๗๙๖.๐๐ รวม ๔,๒๖๐ ๔,๗๖๔,๕๒๔,๖๔๗.๒๐ ๔๔๘,๙๖๙,๕๖๑.๒๐ ๕๐,๕๕๕,๐๘๖.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ วริญา/ตรวจ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๘๖ ง/หน้า ๓๓/๙ ธันวาคม ๒๕๕๙
763584
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 3 งวดประมูลวันที่ 26 ตุลาคม 2559
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ งวดประมูลวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ งวดประมูลวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๓ งวดประมูลวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ วงเงิน ๓๕,๒๖๔ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (LB226A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๔,๒๖๔ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๕.๖๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ในวงเงินไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) จำนวน ๑๓ แห่ง ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๒.๓ วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option : GS) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๑๓ แห่ง ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๓๕,๒๖๔ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๙ CB ๒๙,๘๐๐ ๒๙,๘๘๗,๘๓๑,๗๘๔.๓๐ -๗๒,๙๐๔,๖๔๗.๗๐ ๑๖๐,๗๓๖,๔๓๒.๐๐ ๑.๙๒๐๙ NCB ๒๐๐ ๒๐๐,๕๘๙,๔๙๖.๐๐ -๔๘๙,๒๗๒.๐๐ ๑,๐๗๘,๗๖๘.๐๐ GS ๕,๒๖๔ ๕,๒๗๙,๕๑๕,๕๓๔.๗๒ -๑๒,๘๗๗,๖๓๙.๐๔ ๒๘,๓๙๓,๑๗๓.๗๖ รวม ๓๕,๒๖๔ ๓๕,๓๖๗,๙๓๖,๘๑๕.๐๒ -๘๖,๒๗๑,๕๕๘.๗๔ ๑๙๐,๒๐๘,๓๗๓.๗๖ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ วริญา/ตรวจ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๘๖ ง/หน้า ๓๑/๙ ธันวาคม ๒๕๕๙
763582
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2 งวดประมูลวันที่ 19 ตุลาคม 2559
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ งวดประมูลวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ งวดประมูลวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๒ งวดประมูลวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ วงเงิน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB666A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๑,๕๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๙.๖๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ CB ๑๒,๙๐๐ ๑๕,๔๑๓,๐๙๖,๗๙๕.๘๕ ๒,๓๓๔,๙๗๐,๗๕๗.๘๕ ๑๗๘,๑๒๖,๐๓๘.๐๐ ๓.๒๖๑๓ NCB ๑,๑๐๐ ๑,๓๑๔,๒๖๑,๘๒๘.๐๐ ๑๙๙,๐๗๒,๗๘๖.๐๐ ๑๕,๑๘๙,๐๔๒.๐๐ รวม ๑๔,๐๐๐ ๑๖,๗๒๗,๓๕๘,๖๒๓.๘๕ ๒,๕๓๔,๐๔๓,๕๔๓.๘๕ ๑๙๓,๓๑๕,๐๘๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พชร อนันตศิลป์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ วริญา/ตรวจ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๘๖ ง/หน้า ๒๙/๙ ธันวาคม ๒๕๕๙