sysid
stringlengths 1
6
| title
stringlengths 8
870
| txt
stringlengths 0
257k
|
---|---|---|
763580 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 1 งวดประมูลวันที่ 12 ตุลาคม 2559
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑
งวดประมูลวันที่ ๑๒ ตุลาคม
๒๕๕๙[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ วงเงิน ๓,๔๕๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓ (LB316A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๖๑,๓๕๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๖๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๒๐ มิถุนายน ๒๕๗๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๐
มิถุนายน และ ๒๐ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
สำนักงานประกันสังคมและบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๓,๔๕๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙
๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙
CB
๒,๙๐๐
๓,๒๙๗,๘๓๘,๒๙๗.๐๐
๓๖๔,๑๙๘,๒๙๗.๐๐
๓๓,๖๔๐,๐๐๐.๐๐
๒.๖๑๔๐
NCB
๕๕๐
๖๒๕,๔๔๙,๑๓๒.๐๐
๖๙,๐๖๙,๑๓๒.๐๐
๖,๓๘๐,๐๐๐.๐๐
รวม
๓,๔๕๐
๓,๙๒๓,๒๘๗,๔๒๙.๐๐
๔๓๓,๒๖๗,๔๒๙.๐๐
๔๐,๐๒๐,๐๐๐.๐๐
๔
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๙
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
พชร อนันตศิลป์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๙ ธันวาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๙ ธันวาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๘๖ ง/หน้า ๒๗/๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ |
763060 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้มีการขยายระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๒๙ ตุลาคม
๒๕๕๘ มีการเปลี่ยนแปลง
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
ข้อ
๑ การกู้เงินตามประกาศดังกล่าว
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้
สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ นับตั้งแต่วันที่ ๙
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
ข้อ
๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น
เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ
ประกาศ ณ วันที่ ๘
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙
จุมพล ริมสาคร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพย์สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
วิศนี/ปริยานุช/จัดทำ
๗ ธันวาคม ๒๕๕๙
ปริญสินีย์/ตรวจ
๓๐ ธันวาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๗๗ ง/หน้า ๑๙/๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ |
762634 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม
๑๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์
๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒.
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
ได้รับเงินจำนวน ๙,๙๘๙,๒๔๖,๒๔๖.๑๒ บาท โดยมีส่วนลด จำนวน ๑๐,๗๕๓,๗๕๓.๘๘ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง
จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้
งวดที่
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๑/๒๘/๖๐
๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
๕ ตุลาคม ๒๕๕๙
๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๒๘
๒,๕๐๐
๑.๓๗๗๖๙
๒,๔๙๗,๓๖๐,๖๔๐.๙๒
๒,๖๓๙,๓๕๙.๐๘
๒/๒๘/๖๐
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙
๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๒๘
๒,๕๐๐
๑.๓๗๐๐๐
๒,๔๙๗,๓๗๕,๓๕๐.๐๐
๒,๖๒๔,๖๕๐.๐๐
๓/๒๘/๖๐
๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๙
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๒๘
๒,๕๐๐
๑.๔๒๙๕๔
๒,๔๙๗,๒๖๑,๔๒๖.๒๐
๒,๗๓๘,๕๗๓.๘๐
๔/๒๘/๖๐
๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๙
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙
๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๒๘
๒,๕๐๐
๑.๔๓๖๑๒
๒,๔๙๗,๒๔๘,๘๒๙.๐๐
๒,๗๕๑,๑๗๑.๐๐
รวม
๑๐,๐๐๐
๑.๔๐๓๓๔
๙,๙๘๙,๒๔๖,๒๔๖.๑๒
๑๐,๗๕๓,๗๕๓.๘๘
๓
. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ
๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔.
ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙
พชร อนันตศิลป์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๕ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
ชนิกา/ตรวจ
๒ ธันวาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๗๒ ง/หน้า ๓/๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
762310 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 และรายการการกู้เงินและการค้ำประกัน ระหว่างเดือนเมษายน 2559 ถึงเดือนกันยายน 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙
และรายการการกู้เงินและการค้ำประกัน
ระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๕๙
ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙[๑]
ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๖ วรรคสอง กำหนดให้กระทรวงการคลังสรุปรายงานสถานะหนี้สาธารณะและประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน
๖๐ วัน หลังจากวันสิ้นเดือนมีนาคมและเดือนกันยายนของทุกปี
โดยรายงานดังกล่าวต้องแสดงหนี้สาธารณะที่เกิดจากการกู้เงินและค้ำประกัน ณ
วันสิ้นเดือนดังกล่าว รวมทั้งรายการการกู้เงินและการค้ำประกันที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วงระยะเวลาระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม
และเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ตามลำดับ
กระทรวงการคลังขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะ
ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และรายการการกู้เงินและการค้ำประกัน ระหว่างเดือนเมษายน
๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ดังนี้
๑.
รายการสถานะหนี้คงค้าง ณ
สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๙
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ มีจำนวน ๕,๙๘๘,๓๘๖.๕๓
ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๒.๗๓ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๔,๔๗๑,๒๒๐.๒๒ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
จำนวน ๙๙๔,๗๙๔.๒๙ ล้านบาท
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๕๐๐,๐๕๔.๓๓ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๒๒,๓๑๗.๖๙
ล้านบาท รายละเอียดดังปรากฏตามตารางที่ ๑
หนี้สาธารณะแบ่งตามอายุเงินกู้คงเหลือจะเป็นหนี้ระยะยาวซึ่งเป็นหนี้ที่จะครบกำหนดชำระเกินกว่า
๑ ปี จำนวน ๕,๑๗๗,๗๔๖.๒๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๖.๔๖
และหนี้ระยะสั้นที่จะครบกำหนดชำระภายในไม่เกิน ๑ ปี จำนวน ๘๑๐,๖๔๐.๒๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๓.๕๔ ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ทั้งนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวนทั้งสิ้น ๕,๙๘๘,๓๘๖.๕๓ ล้านบาท ประกอบด้วย หนี้ต่างประเทศ จำนวน
๓๔๖,๔๓๘.๒๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕.๗๙ และหนี้ในประเทศ จำนวน ๕,๖๔๑,๙๔๘.๓๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๒๑
ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ตารางที่ ๑ :
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙
หน่วย
: ล้านบาท
รายการ
๓๐ กันยายน ๒๕๕๙
% GDP
๑. หนี้รัฐบาล
๑.๑
หนี้ต่างประเทศ
๑.๒
หนี้ในประเทศ
๔,๔๗๑,๒๒๐.๒๒
๙๘,๗๓๕.๙๑
๔,๓๗๒,๔๘๔.๓๑
๓๑.๙๐
๒.
หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
๒.๑
หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
-
หนี้ต่างประเทศ
-
หนี้ในประเทศ
๒.๒
หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
-
หนี้ต่างประเทศ
-
หนี้ในประเทศ
๙๙๔,๗๙๔.๒๙
๔๒๓,๕๙๓.๗๘
๙๕,๘๑๒.๒๘
๓๒๗,๗๘๑.๕๐
๕๗๑,๒๐๐.๕๑
๑๕๑,๑๒๔.๐๙
๔๒๐,๐๗๖.๔๒
๗.๑๐
๓.
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)
๓.๑
หนี้ต่างประเทศ
๓.๒
หนี้ในประเทศ
๕๐๐,๐๕๔.๓๓
๗๖๕.๙๒
๔๙๙,๒๘๘.๔๑
๓.๕๗
๔.
หนี้หน่วยงานของรัฐ
๔.๑
หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
๔.๒
หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
๒๒,๓๑๗.๖๙
-
๒๒,๓๑๗.๖๙
๐.๑๖
๕. รวม
๑.+๒.+๓.+๔.
๕,๙๘๘,๓๘๖.๕๓
๔๒.๗๓
หมายเหตุ : ๑. GDP ปี ๒๕๕๘
เท่ากับ ๑๓,๕๓๓.๖๐ พันล้านบาท และประมาณการ GDP ปี ๒๕๕๙ เท่ากับ ๑๔,๐๓๔.๓๐ พันล้านบาท
(สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๙)
๒.
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ปรับวิธีการคำนวณ GDP ในแต่ละเดือน
เพื่อให้สัดส่วน Debt/GDP สะท้อนค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริง
โดย GDP ในรอบ ๑๒ เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ เดือนสิงหาคม
๒๕๕๙ เท่ากับ ๑๓,๙๕๔.๐๙ พันล้านบาท และ GDP ในรอบ ๑๒ เดือนที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ เดือนกันยายน ๒๕๕๙ คำนวณดังนี้ [GDP ไตรมาส ๔ ปี ๕๘] + [GDP ไตรมาส ๑ - ๒ ปี ๕๙] +
(ประมาณการ GDP ปี ๕๙ - GDP ไตรมาส ๑ -
๒ ปี ๕๙)/๖]*๓ เท่ากับ ๑๔,๐๑๕.๒๔ พันล้านบาท
๒.
รายการการกู้เงินและค้ำประกันระหว่างเดือนเมษายน
๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙
คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙
เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ประกอบด้วย ๕
แผนย่อย ซึ่งภายหลังการปรับปรุงแผนฯ ครั้งที่ ๓ ทำให้วงเงินรวมในแผนฯ
ที่จะบริหารจัดการมีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๕๔๕,๖๐๐.๐๔
ล้านบาท โดยในระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙
กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น
๗๐๗,๕๙๓.๓๕ ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ ๒
ตารางที่ ๒ :
การกู้เงินและการบริหารหนี้ ระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙
หน่วย
: ล้านบาท
รายการ
วงเงินแผน
ผลดำเนินงาน
(เม.ย. -
ก.ย. ๕๙)
๑.
แผนการก่อหนี้ใหม่
๕๓๘,๓๐๙.๙๖
๑๖๔,๙๒๓.๖๓
๑.๑
รัฐบาล
๑.๒
รัฐวิสาหกิจ
๕๐๓,๘๘๕.๑๓
๓๔,๔๒๔.๘๓
๑๔๒,๘๐๔.๖๓
๒๒,๑๑๙.๐๐
๒.
แผนการปรับโครงสร้างหนี้
๗๐๙,๓๗๘.๓๖
๔๖๓,๒๑๖.๑๕
๒.๑
รัฐบาล
๒.๒
รัฐวิสาหกิจ
๔๔๗,๕๖๒.๑๒
๒๖๑,๘๑๖.๒๔
๓๓๕,๖๖๕.๘๘
๑๒๗,๕๕๐.๒๗
๓.
แผนการบริหารความเสี่ยง
๑๖๕,๑๕๖.๖๔
๕๔,๖๖๒.๖๗
๓.๑
รัฐบาล
๓.๒
รัฐวิสาหกิจ
๑๓๖,๗๐๖.๕๙
๒๘,๔๕๐.๐๕
๕๒,๕๘๗.๒๔
๒,๐๗๕.๔๓
๔. แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ
ที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ
๑๑๕,๗๑๒.๕๘
๙,๓๓๐.๐๐
๔.๑
การก่อหนี้ใหม่
๔.๒
การบริหารหนี้
๓๕,๘๔๘.๔๑
๗๙,๘๖๔.๑๗
๕,๓๓๐.๐๐
๔,๐๐๐.๐๐
๕.
แผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่
ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรี
ภายใต้กรอบแผนฯ
๑๗,๐๔๒.๕๐
๑๕,๔๖๐.๙๐
การก่อหนี้ใหม่
๑๗,๐๔๒.๕๐
๑๕,๔๖๐.๙๐
รวม (๑ - ๓)
๑,๔๑๒,๘๔๔.๙๖
๖๘๒,๘๐๒.๔๕
รวม (๑ - ๕)
๑,๕๔๕,๖๐๐.๐๔
๗๐๗,๕๙๓.๓๕
ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
๑)
ผลการก่อหนี้ใหม่ ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๑๖๔,๙๒๓.๖๓
ล้านบาท ประกอบด้วย
๑.๑
การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล วงเงินรวม ๑๔๒,๘๐๔.๖๓ ล้านบาท ประกอบด้วย
๑.๑.๑
รัฐบาลกู้มาใช้โดยตรง วงเงินรวม ๗๘,๖๗๗ ล้านบาท ประกอบด้วย
(๑)
เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงิน
วงเงินรวม ๗๖,๙๗๗ ล้านบาท
(๒)
เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)
กระทรวงการคลังได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศทดแทนการกู้เงินจากต่างประเทศ
เพื่อนำไปใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) วงเงินรวม ๑,๗๐๐ ล้านบาท
๑.๑.๒
รัฐบาลกู้มาให้กู้ต่อ วงเงินรวม ๖๔,๑๒๗.๖๓ ล้านบาท ประกอบด้วย
(๑)
เงินกู้ในประเทศเพื่อให้กู้ต่อ
กระทรวงการคลังได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศเพื่อนำมาให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ
วงเงินรวม ๑๐,๖๔๙ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑) การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อ
๙,๘๔๙ ล้านบาท และ ๒)
การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ ๘๐๐ ล้านบาท
(๒)
เงินกู้ต่างประเทศเพื่อให้กู้ต่อ
กระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น
(Japan International Cooperation Agency: JICA) เพื่อนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ
สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง)
ช่วงบางซื่อ - รังสิต วงเงินรวม ๕๓,๔๗๘.๖๓ ล้านบาท
(เทียบเท่า ๑๖๖,๘๖๐ ล้านเยน)
ซึ่งระหว่างดำเนินการเพื่อให้สัญญาเงินกู้ดังกล่าวมีผลบังคับใช้
กระทรวงการคลังได้จัดหาเงินกู้ระยะสั้น (Bridge Finance) โดยการออก Euro Commercial Paper (ECP) วงเงินไม่เกิน ๓๐,๐๐๐
ล้านเยน
เพื่อรองรับการเบิกจ่ายเงินในระหว่างการเจรจาเงินกู้และรอการลงนามในสัญญาเงินกู้
๑.๒
การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๒๒,๑๑๙ ล้านบาท ประกอบด้วย
๑.๒.๑
เงินกู้เพื่อลงทุน รัฐวิสาหกิจ ๔ แห่ง ได้ก่อหนี้ใหม่เพื่อลงทุน วงเงินรวม ๙,๘๒๙ ล้านบาท
ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ได้แก่
(๑)
การเคหะแห่งชาติได้กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗
วงเงิน ๑,๘๐๐ ล้านบาท และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ วงเงิน ๘๐๐
ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด
(๒)
การประปาส่วนภูมิภาคได้กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วน
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) วงเงิน ๑,๔๘๖ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด
(๓)
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า
โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย
โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะมะพร้าว
เกาะนาคาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต และเกาะพระทอง จังหวัดพังงา)
โครงการเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า
โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ
โครงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid)
ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และโครงการขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ห่างไกล
วงเงินรวม ๔,๐๐๐ ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันทั้งหมด
(๔)
การรถไฟแห่งประเทศไทยได้กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่
สำหรับเชิงพาณิชย์ จำนวน ๑๑๕ คัน วงเงิน ๓๙๕ ล้านบาท
โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน
(ระบบไฟฟ้า เครื่องกลและตู้รถไฟฟ้า) วงเงิน ๑,๑๐๐ ล้านบาท
และโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า จำนวน ๓๐๘ คัน วงเงิน ๒๔๘ ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ทั้งหมด
๑.๒.๒
เงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ รัฐวิสาหกิจ ๒ แห่ง
ได้ก่อหนี้ใหม่เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ วงเงินรวม ๑๒,๒๙๐ ล้านบาท
ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ได้แก่
(๑)
การรถไฟแห่งประเทศไทยได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๘,๙๐๐ ล้านบาท
เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง
รวมทั้งได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ระยะสั้นเพื่อรองรับการเบิกเกินบัญชี (O/D) วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้ง ๒ รายการ
(๒)
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงินรวม ๒,๕๙๐ ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นการกู้เพื่อเป็นค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อม (ปีงบประมาณ ๒๕๕๙) วงเงิน
๘๔๕.๕๕ ล้านบาท และเพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ วงเงิน ๑,๗๔๔.๔๕ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด
๒)
ผลการปรับโครงสร้างหนี้ ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ วงเงินรวม
๔๖๓,๒๑๖.๑๕ ล้านบาท ประกอบด้วย
๒.๑
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล
กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล
รวมทั้งสิ้น ๓๓๕,๖๖๕.๘๘ ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll - over วงเงิน ๒๙๗,๕๘๕.๖๑
ล้านบาท และการชำระคืนหนี้วงเงิน ๓๘,๐๘๐.๒๗ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
๒.๑.๑
หนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ วงเงิน
๑๔๔,๘๖๗ ล้านบาท แบ่งเป็น
(๑)
ตั๋วเงินคลัง
ในปีงบประมาณ
๒๕๕๙ มียอดตั๋วเงินคลังหมุนเวียนอยู่ในตลาดรวม
๘๐,๓๘๕ ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารดุลเงินสด วงเงิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท
และตั๋วเงินคลังที่กู้มาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงิน ๓๘๕ ล้านบาท
(๒)
พันธบัตรและตราสารหนี้อื่น ๆ
กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลในช่วง ๖
เดือนหลังของปีงบประมาณ
๒๕๕๙ วงเงิน ๖๔,๔๘๒ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน
๑๑,๐๐๐ ล้านบาท ดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Switching) วงเงินรวม ๔๐,๖๘๒
ล้านบาท ชำระคืนจากบัญชีเงินฝากจากเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ (Premium) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
และชำระคืนจากเงินรายได้ของรัฐวิสาหกิจ (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) วงเงิน ๒,๘๐๐ ล้านบาท
๒.๑.๒ หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF วงเงิน ๗๖,๑๘๒ ล้านบาท
(๑)
หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF๑
กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(R-bill) วงเงินรวม ๑๕,๗๓๒ ล้านบาท
(๒)
หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF๓ วงเงิน ๖๐,๔๕๐ ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
(๒.๑)
การออก R-bill วงเงินรวม ๒๗,๙๐๐ ล้านบาท
สำหรับปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๗,๙๐๐ ล้านบาท
และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
(๒.๒) การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน ๑๘,๗๐๘.๖๒ ล้านบาท สำหรับปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครั้งที่ ๔
(๒.๓)
การชำระคืนจากเงินในบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
- ๒ (บัญชีสะสมฯ) และบัญชีผลประโยชน์ วงเงินรวม ๑๓,๘๔๑.๓๘ ล้านบาท
สำหรับปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นวงเงิน ๓๗๗.๔๘ ล้านบาท
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๖,๑๗๒.๕๒ ล้านบาท
และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๗,๒๙๑.๓๘ ล้านบาท
๒.๑.๓
หนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงิน ๙๖,๙๗๒.๓๘
ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
(๑)
การออกพันธบัตร วงเงินรวม ๗๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับชำระคืนเงินกู้จากการดำเนินการ
Pre-funding ด้วยการออก R-bill วงเงิน
๓๐,๐๐๐ ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินในประเทศ
วงเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อรองรับการครบกำหนดชำระของพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑
(๒)
การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน ๑,๗๔๒.๐๙ ล้านบาท
สำหรับปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
ครั้งที่ ๑
(๓)
การชำระคืนจากงบชำระหนี้ วงเงิน ๙,๒๓๐.๒๙ ล้านบาท สำหรับปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑
(๔)
การดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Switching)
วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท
สำหรับปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๓
๒.๑.๔
หนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ วงเงิน ๑๗,๖๔๔.๕๐ ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
(๑)
การออกพันธบัตรรัฐบาล วงเงินรวม ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
สำหรับปรับโครงสร้างสินเชื่อระยะยาว (Long Term Loan) ซึ่งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
(รฟม.) กู้ต่อ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๑,๐๐๐
ล้านบาท และปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๕,๑๓๓.๙๐
ล้านบาท ตั๋วสัญญาใช้เงิน (ให้กู้ต่อแก่ รฟม.) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑
วงเงิน ๕๔๖.๑๐ ล้านบาท รวมถึงเพื่อชำระคืนตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น วงเงิน ๘,๓๒๐ ล้านบาท
(๒)
การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน ๔๓๕.๙๐ ล้านบาท
สำหรับปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (ให้กู้ต่อแก่ รฟม.) ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑
(๓)
การชำระคืนจากงบชำระหนี้ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วงเงิน ๑๐๘.๑๘
ล้านบาท สำหรับ Long Term Loan (ให้กู้ต่อแก่ รฟม.) ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ และตั๋วสัญญาใช้เงิน
(ให้กู้ต่อแก่ รฟม.) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑
รวมถึงการชำระคืนจากงบชำระหนี้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน ๒,๑๐๐.๔๒ ล้านบาท สำหรับ Long Term Loan (ให้กู้ต่อแก่ รฟท.)
ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑
๒.๒
การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล ไม่มี
๒.๓
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ
รัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๗ แห่ง ได้ปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๑๒๗,๕๕๐.๒๗ ล้านบาท
โดยเป็นการกู้เงินเพื่อ Refinance และ Roll - over วงเงิน ๑๑๗,๔๖๓.๒๗ ล้านบาท (แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำ ประกัน วงเงิน ๑๑๐,๗๖๓.๒๗ ล้านบาท และเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
วงเงิน ๖,๗๐๐
ล้านบาท) และการชำระคืนหนี้วงเงิน ๑๐,๐๘๗ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
(๑)
การเคหะแห่งชาติปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๕,๘๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร
(กระทรวงการคลังค้ำประกัน) วงเงิน ๔,๓๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll - over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
รวมถึงใช้เงินรายได้ชำระหนี้ วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท
(๒)
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร (กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน) วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท
เพื่อ Refinance
เงินกู้จากสถาบันการเงินในประเทศที่กู้ไปในเดือนมกราคม ๒๕๕๙
(๓)
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกพันธบัตรวงเงิน ๓,๔๐๐ ล้านบาท
(กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน) เพื่อ Roll - over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
(๔)
การรถไฟแห่งประเทศไทยปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๒๑,๘๖๑.๘๗
ล้านบาท โดยกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศวงเงิน ๑๒,๘๔๑.๘๗
ล้านบาท และออกพันธบัตรวงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้ง ๒ รายการ เพื่อ Roll - over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ นอกจากนี้
ยังได้ใช้รายได้ชำระคืนหนี้ วงเงิน ๒๐ ล้านบาท
(๕)
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๑๕,๓๒๑.๔๐
ล้านบาท โดยกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๓,๗๒๕.๙๐
ล้านบาท และออกพันธบัตรวงเงิน ๑๑,๕๙๕.๕๐ ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้ง ๒ รายการเพื่อ Roll - over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
(๖)
บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน
๓๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน เพื่อ Roll - over หนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
(๗)
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ปรับโครงสร้างหนี้วงเงินรวม ๗๗,๘๖๗ ล้านบาท
แบ่งเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๓๕,๐๐๐
ล้านบาท
และการออกพันธบัตร วงเงิน ๓๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด
เพื่อ Roll - over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ นอกจากนี้
ยังใช้เงินที่ได้รับจากการระบายผลิตผลทางการเกษตร วงเงิน ๘,๕๖๗
ล้านบาท เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
๓)
ผลการบริหารความเสี่ยง ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๕๔,๖๖๒.๖๗
ล้านบาท ประกอบด้วย
๓.๑
การบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาล วงเงินรวม ๕๒,๕๘๗.๒๔ ล้านบาท กระทรวงการคลังได้บริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน:
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยการ Refinance และบริหารความเสี่ยงหนี้โครงการ Regional Road Improvement Project III (TXXV - ๑) วงเงิน ๒,๕๘๗.๒๔ ล้านบาท โดยการทำ Interest Rate Swap (IRS) ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๑,๐๙๑.๗๔
ล้านบาท
๓.๒
การบริหารความเสี่ยงของรัฐวิสาหกิจ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
ได้บริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้วงเงิน ๒,๐๗๕.๔๓ ล้านบาท โดยการ Refinance ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๕๕.๐๑ ล้านบาท
๔)
ผลการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ
ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๙,๓๓๐ ล้านบาท
ประกอบด้วย
๔.๑
การก่อหนี้ใหม่ รัฐวิสาหกิจ ๔ แห่งได้ลงนามในสัญญากู้เงินระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป
Credit Line และสินเชื่อเบิกเกินบัญชี (O/D) กับสถาบันการเงินในประเทศ วงเงินรวม ๕,๓๓๐ ล้านบาท
ประกอบด้วย
(๑)
บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท
(๒)
บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด วงเงิน ๓๓๐ ล้านบาท
(๓)
สำนักงานธนานุเคราะห์ วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท
(๔)
บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท
๔.๒
การบริหารหนี้ วงเงินรวม ๔,๐๐๐ ล้านบาท
๔.๒.๑
การปรับโครงสร้างหนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ใช้เงินรายได้จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท
ชำระคืนหนี้หุ้นกู้ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ ชุดที่ ๓ ที่ครบกำหนดชำระ
๔.๒.๒
การบริหารความเสี่ยง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ได้บริหารความเสี่ยงหนี้ในประเทศ Debenture ๒๐๑๔/๑ Series ๒ และ Debenture ๒๐๑๔/๑ Series ๓ วงเงินรวม ๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยการทำ Cross Currency Swap (CCS) จากเงินบาท เป็นเงินเยน
๕)
ผลการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ
ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙
การก่อหนี้ใหม่
วงเงินรวม ๑๕,๔๖๐.๙๐ ล้านบาท ประกอบด้วย
(๑) สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
(องค์การมหาชน)
ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๔๑๓.๓๗ ล้านบาท
เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว สำหรับโครงการพัฒนาระบบประปา ๕ เมือง
และโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในนครหลวงเวียงจันทร์ สปป. ลาว
(๒)
สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศวงเงิน ๑๕,๐๔๗.๕๓
ล้านบาท
เพื่อให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี
๒๕๕๘/๒๕๕๙
จากการดำเนินการตามข้อ
๑ - ๕ กระทรวงการคลัง รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานอื่นของรัฐได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น ๗๐๗,๕๙๓.๓๕
ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (๑) หนี้ของรัฐบาล วงเงิน ๕๓๑,๐๕๗.๗๕
ล้านบาท (๒) หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน วงเงิน ๑๓๘,๙๖๙.๒๗ ล้านบาท และ (๓)
หนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน วงเงิน ๓๗,๕๖๖.๓๓ ล้านบาท
อนึ่ง
ผลการดำเนินการบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้บรรจุอยู่ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมฯ
งบชำระหนี้เหลือจ่ายและรายได้ชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนด (Prepayment)
และปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๓๘,๗๓๙.๙๒ ล้านบาท
ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๗๔๐.๕๙ ล้านบาท โดยมี รายละเอียดดังนี้
๑)
การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐบาล โดยการทำ Prepayment วงเงินรวม ๒๖,๑๑๕.๓๐ ล้านบาท ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๔๑๘.๑๗ ล้านบาท
ประกอบด้วย
(๑)
ตั๋วสัญญาใช้เงินภายใต้พระราชกำหนด FIDF๑ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ครั้งที่
๒ รุ่นที่ ๓ - ๕ วงเงิน ๑๙,๖๙๓.๙๓ ล้านบาท
ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๓๓๑.๗๖ ล้านบาท
(๒)
ตั๋วสัญญาใช้เงินภายใต้พระราชกำหนด FIDF๓ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งที่
๑ รุ่นที่ ๒ วงเงิน ๕๓๕.๘๖ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๑๗.๘๕
ล้านบาท
(๓)
หนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ รุ่นที่ ๓ - ๔ วงเงิน ๔,๗๕๘.๑๑
ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๕๕.๕๑ ล้านบาท
(๔)
หนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) วงเงิน
๑,๑๒๗.๔๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น
๑๓.๐๕ ล้านบาท
๒)
การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๑๒,๖๒๔.๖๒ ล้านบาท
ซึ่งสามารถลดภาระ ดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๓๒๒.๔๒ ล้านบาท ประกอบด้วย
(๑)
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรใช้เงินที่ได้รับจากการระบายผลิตผลทางการเกษตร
วงเงิน ๙,๕๘๙ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๒๘๖.๐๗ ล้านบาท
(๒) การทางพิเศษแห่งประเทศไทยใช้รายได้ชำระหนี้เงินกู้
วงเงิน ๒๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๑.๕๕ ล้านบาท
(๓)
บริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด ใช้เงินรายได้ชำระหนี้เงินกู้วงเงิน
๒๕๘.๐๓ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๓๔.๘๐ ล้านบาท
(๔)
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
ชำระหนี้เงินกู้โครงการเงินกู้จากสถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (KfW) ก่อนครบกำหนด วงเงิน ๑,๐๗๗.๕๙ ล้านบาท (เทียบเท่า
๒๕.๓๙ ล้านยูโร) ซึ่ง ธพว. ได้ลงนามในสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
(Cross Currency Swap: CCS) ไว้กับธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งครบกำหนดวันที่ ๓๐ มิถุนายน
๒๕๕๙
(๕)
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้บริหารความเสี่ยงหนี้ในประเทศ Debenture
๒๐๑๒/๓ Series ๓ วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท
โดยการทำ Cross Currency Swap (CCS) จากเงินบาทเป็นเงินเยน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙
พชร อนันตศิลป์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หมายเหตุ :- FIDF กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
FIDF ๑ พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี
FIDF ๓ พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง
พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี
Refinance การกู้เงินจากแหล่งใหม่เพื่อนำไปใช้คืนแหล่งเงินกู้เดิมซึ่งเป็นการลดต้นทุนการกู้เงิน
Roll-over การกู้เงินใหม่เพื่อนำไปชำระเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระเพื่อให้เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเงินกู้สอดคล้องกับระยะคืนทุน
Promissory Note ตั๋วสัญญาใช้เงิน
Cross Currency Swap การแปลงหนี้โดยแปลงสกุลเงิน
เช่น การแปลงหนี้สกุลเงินเยนเป็นเงินบาท
Interest Rate Swap การแปลงอัตราดอกเบี้ยจากคงที่เป็นลอยตัว
หรือจากลอยตัวเป็นคงที่
ปริยานุช/จัดทำ
๒๕ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
ชนิกา/ตรวจ
๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๖๙ ง/หน้า ๑๖/๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
761353 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินก่อนครบกำหนดในวันที่ 2 ธันวาคม 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินก่อนครบกำหนดในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และข้อ
๓ วรรคสอง ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ โดยเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้กับธนาคารออมสิน
จำนวนรวม ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
ซึ่งกระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวน หรือบางส่วนก็ได้
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาล่วงหน้า เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
โดยที่เป็นการสมควรชำระคืนต้นเงินกู้ให้กับธนาคารออมสินสำหรับตั๋วสัญญาใช้เงินตามประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว โดยกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวนรวม ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
พร้อมชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายการ
วงเงิน
(ล้านบาท)
อายุ
อัตราดอกเบี้ย
งวดแรก
(ร้อยละต่อปี)
ปรับอัตรา
ดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ย
งวดที่สิบสี่ชำระ
ในวันที่ ๒ มี.ค. ๖๐
(ร้อยละต่อปี)
วันครบกำหนด
ตั๋วสัญญาใช้เงิน
เพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓)
๓,๕๐๐
๗ ปี
๑.๔๒
FDR* 6M + ๐.๗๒
๑.๙๔๕
๒ มี.ค. ๖๐
๓,๕๐๐
๗ ปี
๑.๔๓
FDR* 6M + ๐.๗๓
๑.๙๕๕
๒ มี.ค. ๖๐
๓,๐๐๐
๗ ปี
๑.๔๔
FDR* 6M + ๐.๗๔
๑.๙๖๕
๒ มี.ค. ๖๐
หมายเหตุ *
คืออัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน
ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ๔ แห่ง
ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพฯ ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารกสิกรไทยฯ และธนาคารไทยพาณิชย์ฯ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
พชร อนันตศิลป์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๑๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๑๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง/หน้า ๑/๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
760765 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 งวดประมูลวันที่ 21 กันยายน 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๙[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้สำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วนโดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
งวดประมูลวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๙ วงเงิน ๒๐,๐๐๐.๐๐
ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ (LB226A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๕๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๕.๙๓ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๕
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๘๗๕๐
ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่
สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) จำนวน ๑๔ แห่ง
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๙ ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงินที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนลด (บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า (บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๑ ก.ย. ๕๙
๒๓ ก.ย. ๕๙
CB
๒๐,๐๐๐.๐๐
๑๙,๙๙๒,๔๐๘,๓๐๙.๑๐
-๗๙,๕๐๙,๔๙๐.๙๐
๗๑,๙๑๗,๘๐๐.๐๐
๑.๙๔๘๕
NCB
-
-
-
-
รวม
๒๐,๐๐๐.๐๐
๑๙,๙๙๒,๔๐๘,๓๐๙.๑๐
-๗๙,๕๐๙,๔๙๐.๙๐
๗๑,๙๑๗,๘๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์
รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
วริญา/ปริยานุช/จัดทำ
๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๔๘ ง/หน้า ๓/๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ |
760576 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ.
๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม
๒๐,๔๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒.
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๒๐,๔๐๐ ล้านบาท
ได้รับเงินจำนวน ๒๐,๓๒๖,๙๑๔,๑๙๒.๔๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๗๓,๐๘๕,๘๐๗.๖๐ บาท
และทำให้ ณ สิ้นเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้างจำนวน
๘๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง
มีดังนี้
งวดที่
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วันที่
ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
L๑๐/๙๑/๕๙
๕ กันยายน ๒๕๕๙
๗ กันยายน ๒๕๕๙
๗ ธันวาคม ๒๕๕๙
๙๑
๕,๔๐๐
๑.๔๔๐๒๒
๕,๓๘๐,๖๗๙,๖๕๕.๐๐
๑๙,๓๒๐,๓๔๕.๐๐
L๑๑/๙๑/๕๙
๑๒ กันยายน ๒๕๕๙
๑๔ กันยายน ๒๕๕๙
๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙
๙๑
๕,๐๐๐
๑.๔๓๘๖๐
๔,๙๘๒,๑๓๐,๘๗๐.๐๐
๑๗,๘๖๙,๑๓๐.๐๐
L๑๒/๙๑/๕๙
๑๙ กันยายน ๒๕๕๙
๒๑ กันยายน ๒๕๕๙
๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
๙๑
๕,๐๐๐
๑.๔๔๘๒๐
๔,๙๘๒,๐๑๒,๐๓๘.๐๐
๑๗,๙๘๗,๙๖๒.๐๐
L๑๓/๙๑/๕๙
๒๖ กันยายน ๒๕๕๙
๒๘ กันยายน ๒๕๕๙
๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙
๙๑
๕,๐๐๐
๑.๔๔๑๗๗
๔,๙๘๒,๐๙๑,๖๒๙.๔๐
๑๗,๙๐๘,๓๗๐.๖๐
รวม
๒๐,๔๐๐
๑.๔๔๒๑๖
๒๐,๓๒๖,๙๑๔,๑๙๒.๔๐
๗๓,๐๘๕,๘๐๗.๖๐
๓.
ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ
๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔.
ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน
๘๐,๓๘๕ ล้านบาท โดยวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ
ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท
และส่วนที่ ๒
เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมา จำนวน
๓๘๕ ล้านบาท
เมื่อรวมกับการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๐,๖๓๒ ล้านบาท จะทำให้มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ
- เงินสดจ่ายของรัฐบาลทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑๗๑,๐๑๗ ล้านบาท ทั้งนี้
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังให้เป็นหนี้ระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การกู้เงินของรัฐบาล
โดยดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วสัญญาใช้เงิน
ในไตรมาสที่ ๓ และไตรมาสที่ ๔ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวนรวม ๙๑,๐๑๗ ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จะมีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ -
เงินสดจ่ายของรัฐบาลในปีงบประมาณถัดไป จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๑๒
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
พชร อนันตศิลป์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
ชวัลพร/ตรวจ
๑๕ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๔๕ ง/หน้า ๑๒/๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ |
759103 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร
(Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑[๑]
ตามที่กระทรวงการคลังได้ประกาศ
เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
โดยจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB176A ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่
๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ ภายใต้วงเงิน ๕๖,๖๘๒,๙๕๒,๐๐๐ บาท นั้น
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB176A โดยการดำเนินธุรกรรม
Bond Switching มีรายละเอียดดังนี้
๑.
วิธีการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ได้ดำเนินการดังนี้
๑.๑
วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังกำหนดและประกาศอัตราผลตอบแทน (Yield) และราคารวมดอกเบี้ยค้างรับ
(Dirty Price) ของพันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB176A (Source Bond) และรายละเอียดของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังกำหนด
จำนวน ๕ รุ่น (Destination Bond) ที่จะแลกกับ
Source Bond สำหรับธุรกรรม Bond Switching ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB206A LB226A LB26DA LBA37DA และ LB666A
๑.๒
วันที่ ๒๕ - ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ผู้ถือ Source Bond ยื่นคำเสนอแลกพันธบัตรและเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องอื่น
ๆ ให้แก่ผู้ร่วมจัดการการแลกพันธบัตรภายในระยะเวลาที่กำหนด
๑.๓
วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙
กระทรวงการคลังแจ้งผลการแลกพันธบัตรให้แก่ผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายผ่านทางผู้ร่วมจัดการการแลกพันธบัตร
๑.๔
วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙
ผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายที่ได้รับการตอบรับแลกพันธบัตรชำระเงินค่าส่วนต่างสุทธิระหว่างราคาของ
Source Bond และ Destination Bond ให้แก่กระทรวงการคลังหรือได้รับเงินค่าส่วนต่างสุทธิระหว่างราคาของ Source Bond และ Destination Bond จากกระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลังส่งมอบ Destination Bond ให้แก่ผู้ที่ได้รับจัดสรร Destination Bond และธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนดำเนินการยกเลิก
Source Bond ที่กระทรวงการคลังรับแลก
๒.
ผลการดำเนินธุรกรรม Bond Switching มีดังนี้
๒.๑
พันธบัตร Source Bond ที่ดำเนินการแลกในครั้งนี้มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๕๖,๖๘๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดย Source Bond ที่ถูกแลกมีราคา ๑,๐๒๐.๘๕๒๓๘
บาท ต่อ ๑ หน่วย และมีอัตราผลตอบแทนร้อยละ ๑.๔๕ ต่อปี
ซึ่งการแลกพันธบัตรดังกล่าวทำให้ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ยอดคงค้างของ Source Bond เป็นดังต่อไปนี้
หน่วย : บาท
พันธบัตรรัฐบาล
รุ่น LB176A
ที่กำหนดให้เป็น
Source Bond
ยอดคงค้างของ
Source Bond
ก่อนทำธุรกรรม
มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้
ของ Source Bond
ที่รับแลก ๑
ยอดคงค้างของ
Source Bond
หลังทำธุรกรรม ๒
พ.ร.บ.
การบริหารหนี้สาธารณะฯ
๔๒,๖๘๒,๙๕๒,๐๐๐
๔๒,๖๘๒,๐๐๐,๐๐๐
๙๕๒,๐๐๐
๑)
พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่
๑๗
๑๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๑๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
-
๒)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ.
๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑
๒๒,๖๘๒,๙๕๒,๐๐๐
๒๒,๖๘๒,๐๐๐,๐๐๐
๙๕๒,๐๐๐
พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและ
เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฯ
๑๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๑๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
-
๓) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓
๑๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๑๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
-
รวมวงเงินที่อยู่ในแผนปรับโครงสร้างหนี้
๕๖,๖๘๒,๙๕๒,๐๐๐
๕๖,๖๘๒,๐๐๐,๐๐๐
๙๕๒,๐๐๐
หมายเหตุ: ๑. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Source Bond ที่รับแลก หมายถึง จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลกคูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้นที่ตราไว้หน้าพันธบัตร
ที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท
๒. ยอดคงค้างของ Source Bond หลังทำธุรกรรม
Bond Switching ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม
๒๕๕๙
ทั้งนี้
ภายหลังจากการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ข้างต้น
ส่งผลให้ยอดคงค้างพันธบัตรรุ่น LB176A ที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่ต้องปรับโครงสร้างหนี้คงเหลือจำนวน ๙๕๒,๐๐๐ บาท
๒.๒
Destination Bond ที่กระทรวงการคลังดำเนินการออกเพื่อแลกกับ Source Bondตามข้อ ๒.๑ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๕๖,๖๘๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ซึ่งประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลจำนวน ๕ รุ่น โดย Destination Bond ที่นำมาแลกมีรายละเอียดดังนี้
พันธบัตรรัฐบาล
Destination Bond
ราคาของ
Destination Bond ๑
(บาท/หน่วย)
อัตราผลตอบแทนของ
Destination Bond ๒
(ร้อยละต่อปี)
มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้
ของ Destination Bond
ที่ออกใหม่ ๓
(บาท)
เงินส่วนต่างสุทธิระหว่าง
ราคา
Source Bond และ
Destination Bond ๔
(บาท)
พ.ร.บ.
การบริหารหนี้สาธารณะฯ -
๔๐,๖๘๒,๐๐๐,๐๐๐
-๒,๖๕๒,๖๗๘,๘๔๔.๒๐
๑) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๔
LB206A)
๑,๐๓๕.๘๗๗๕๑
๑.๗๐
๑๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
-๑๖๕,๒๗๖,๔๓๐.๐๐
๒)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๕
(LB26DA)
๙๙๓.๑๕๐๔๘
๒.๒๑
๑๔,๑๘๒,๐๐๐,๐๐๐
๓๙๒,๘๖๘,๓๔๕.๘๐
๓) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๖
(LB666A)
๑,๒๐๖.๖๗๖๓๐
๓.๒๐
๑๕,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐
-๒,๘๘๐,๒๗๐,๗๖๐.๐๐
พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทาง
เศรษฐกิจฯ
๑๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
-๑,๕๓๒,๒๘๔,๕๘๐.๐๐
๔) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับ
โครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจ
กระทรวงการคลังกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖
(LB226A)
๑,๐๐๖.๕๒๒๐๔
๑.๘๐
๙,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๑๒๘,๙๗๓,๐๖๐.๐๐
๕)
พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอย
ชำระคืนเงินต้น
(พ.ร.ก. ให้อำนาจ
กระทรวงการคลังกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
(LBA37DA)
๑,๒๕๘.๑๗๔๙๐
๒.๖๑
๗,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
-๑,๖๖๑,๒๕๗,๖๔๐.๐๐
รวมทั้งสิ้น
๕๖,๖๘๒,๐๐๐,๐๐๐
-๔,๑๘๔,๙๖๓,๔๒๔.๒๐
หมายเหตุ: ๑. ราคา Destination Bond หมายถึง ราคาต่อหน่วยของ Destination Bond ที่ต้องการแลก ซึ่งสะท้อนมูลค่าปัจจุบัน (present value) ของดอกเบี้ยและเงินต้นของ Destination Bond ที่ต้องการแลก ตามที่คำนวณและกำหนดโดยกระทรวงการคลัง
๒. อัตราผลตอบแทนของ Destination Bond หมายถึง อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลที่ออกใหม่
(Destination Bond) ที่ต้องการแลก
ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนดอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการแลกพันธบัตร
๓. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bond ที่ออกใหม่ หมายถึง จำนวนหน่วยของ Destination Bond ที่ออกใหม่คูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้น
ที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท
๔. เงินส่วนต่างสุทธิระหว่างราคา Source Bond และ Destination Bond หมายถึง
เงินค่าส่วนต่างสุทธิภายหลังจากการหักลบกลบหนี้เงินค่าส่วนต่างระหว่างราคาSource Bond และ Destination Bond (ถ้ามี) ที่ผู้ออกพันธบัตร
และผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายจะต้องชำระให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง
โดยเงินส่วนต่างสุทธิดังกล่าวคำนวณจากมูลค่าของ Source Bond (จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลกคูณกับราคาของ Source Bond) ลบด้วยมูลค่าของ Destination Bond (จำนวนหน่วยของDestination Bond ที่ออกใหม่คูณกับราคาของ Destination Bond)
ทั้งนี้
ผลการออก Destination Bond ข้างต้น ทำให้ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ยอดคงค้างของ
Destination Bond แต่ละรุ่นเป็นดังต่อไปนี้
พันธบัตรรัฐบาล
Destination Bond
ยอดคงค้างของ
Destination Bond
ก่อนทำธุรกรรม
มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ
Destination Bond
ที่ออกใหม่ ๑
ยอดคงค้างของ
Destination Bond
หลังทำธุรกรรม
(ณ วันที่ ๓๑ ส.ค. ๒๕๕๙)
พ.ร.บ.
การบริหารหนี้สาธารณะฯ
๑)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๔ (LB206A) ๒
๑๗๗,๑๑๘,๐๐๒,๐๐๐
๑๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๑๘๘,๑๑๘,๐๐๒,๐๐๐
๒)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๕ (LB26DA) ๓
๑๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๑๔,๑๘๒,๐๐๐,๐๐๐
๒๙,๑๘๒,๐๐๐,๐๐๐
๓)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๖ (LB666A) ๔
๔๙,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๑๕,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๖๔,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐
พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฯ
๔)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB226A) ๕
๓๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๙,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๓๙,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๕)
พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (LBA37DA) ๖
๒๐๔,๓๗๘,๙๘๓,๐๐๐
๗,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๒๑๑,๓๗๘,๙๘๓,๐๐๐
หมายเหตุ : ๑. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bond ที่ออกใหม่ หมายถึง จำนวนหน่วยของ Destination Bond ที่ออกใหม่คูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้นที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ
๑,๐๐๐ บาท
๒. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘)
๓. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙)
๔. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘)
๕. เป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ ๑๕ กรกฎาคม
๒๕๕๙)
๖. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕)
๓.
การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรม
Bond Switching ในครั้งนี้มีผู้ถือพันธบัตรที่ได้รับการตอบรับการแลก
Source Bond และได้รับการจัดสรร Destination Bond ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนรวม
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำนักงานประกันสังคม
บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย และนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ
๔.
Destination Bond ที่ออกในครั้งนี้ มีรายละเอียดและเงื่อนไขดังนี้
๔.๑
Destination Bond เป็นพันธบัตรชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท
๔.๒
การโอนกรรมสิทธิ์หรือการใช้ Destination Bond เป็นหลักประกันให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือระเบียบและพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
๔.๓
ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับหลักประกันมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝาก
Destination Bond ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามระเบียบและพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
๔.๔
กรณีที่มีการออก Destination Bond ประเภทมีใบตราสาร (Scrip) มิให้ถือว่า Destination Bond
ฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ได้ลงลายมือชื่อกำกับใน Destination Bond ฉบับนั้นแล้ว
๔.๕
การคำนวณดอกเบี้ยของ Destination Bond รุ่น LB206A และ LB666A จะคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาลทั้ง ๒ รุ่น
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุดถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
ในส่วนของพันธบัตรรุ่น LB226A จะเริ่มคำนวณดอกเบี้ยจากวันที่
๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน และพันธบัตรรุ่น LB26DA จะเริ่มคำนวณดอกเบี้ยจากวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙
ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
สำหรับการคำนวณดอกเบี้ยของ
รุ่น LBA37DA จะเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุดถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
โดยจำนวนดอกเบี้ยในแต่ละงวดดอกเบี้ยจะถูกคำนวณโดยการนำจำนวนเงินต้นคงเหลือ ณ
ต้นงวดดอกเบี้ยของพันธบัตร
ซึ่งผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรแต่ละรายมีอยู่คูณด้วยอัตราดอกเบี้ย
โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้
การคำนวณดอกเบี้ยหากมีเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้
เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป
ทั้งนี้
ตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งจ่ายดอกเบี้ยปีละสองงวด โดยมีรายละเอียดดังนี้
พันธบัตรรัฐบาล
Destination Bond
อัตราดอกเบี้ย
(ร้อยละต่อปี)
วันชำระดอกเบี้ย
วันครบกำหนดไถ่ถอน
พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ
๑)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ.
๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๔ (LB206A)
๒.๕๕
วันที่ ๒๖
มิถุนายน
และ
๒๖ ธันวาคม
ของทุกปี
๒๖ มิถุนายน
๒๕๖๓
๒)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ.
๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๕ (LB26DA)
๒.๑๒๕
วันที่ ๑๗
มิถุนายน
และ
๑๗ ธันวาคม
ของทุกปี
๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๙
๓)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ.
๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๖ (LB666A)
๔.๐๐
วันที่ ๑๗
มิถุนายน
และ
๑๗ ธันวาคม
ของทุกปี
๑๗ มิถุนายน
๒๖๐๙
พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฯ
๔)
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB226A)
๑.๘๗๕
วันที่ ๑๗
มิถุนายน
และ
๑๗ ธันวาคม
ของทุกปี
๑๗ มิถุนายน
๒๕๖๕
๕)
พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ (LBA37DA)
๔.๒๖
วันที่ ๑๒ มิถุนายน
และ
๑๒ ธันวาคม
ของทุกปี
๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐
๔.๖
กำหนดไถ่ถอนคืน Destination Bond รุ่น LB206A LB226A LB26DA และ LB666A เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
สำหรับ
รุ่น LBA37DA จะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี
โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒
ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒
ธันวาคม ๒๕๘๐ หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ของพันธบัตรรุ่น
LB206A LB226A LB26DA LB666A และการชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายของพันธบัตรรุ่น LBA37DA จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร
หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย)
จำกัด
๕.
การดำเนินธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
๕.๑
ค่าธรรมเนียมในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ร่วมจัดการการแลกพันธบัตร จำนวน ๓
แห่งประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
และธนาคารฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด (สาขากรุงเทพฯ) ในจำนวนรวมทั้งสิ้นเท่ากับอัตราร้อยละ
๐.๐๕ (ศูนย์จุดศูนย์ห้า) ของจำนวนรวมของมูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bond คูณด้วยจำนวน Destination Bond ที่ออกใหม่ในแต่ละรุ่นทั้งหมดทุกรุ่น
โดยจำนวนของ Destination Bond แต่ละรุ่นเป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งผลธุรกรรมการแลกพันธบัตร
๕.๒
ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับ Destination Bond สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตร
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตร
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตร ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๗
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปุณิกา/ปริยานุช/จัดทำ
๖ ตุลาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๒๓ ง/หน้า ๓/๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ |
759101 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 3) ให้กับธนาคารออมสิน งวดที่สิบสี่ ชำระในวันที่ 2 มีนาคม 2560 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน
งวดที่สิบสี่ ชำระในวันที่
๒ มีนาคม ๒๕๖๐[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวนรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
แบ่งเป็น ๓
วงเงิน คือ ๓,๕๐๐ ล้านบาท ๓,๕๐๐ ล้านบาท และ ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๗ ปี ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสองของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในวันที่ ๒ มีนาคม และวันที่ ๒ กันยายน ของทุกปี
โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน
ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง
บวกร้อยละ ๐.๗๒ ต่อปี ร้อยละ ๐.๗๓ ต่อปี และร้อยละ ๐.๗๔ ต่อปี ตามลำดับ
และเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙
ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๑.๙๔๕ ต่อปี ร้อยละ ๑.๙๕๕ ต่อปี
และร้อยละ ๑.๙๖๕ ต่อปี ตามลำดับ
เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
ดังกล่าว จึงกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๑.๙๔๕ ต่อปี ร้อยละ
๑.๙๕๕ ต่อปี และร้อยละ ๑.๙๖๕ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๓๑
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปุณิกา/ปริยานุช/จัดทำ
๖ ตุลาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๒๓ ง/หน้า ๒/๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ |
758815 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 13 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่
๑๓ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๓ วงเงิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB666A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๖๒,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๙.๗๘ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB)
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ บริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐
ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๔ กันยายน ๒๕๕๙
๑๖ กันยายน ๒๕๕๙
CB
๑๒,๕๒๐
๑๕,๐๒๖,๖๓๘,๕๗๙.๖๐
๒,๓๘๑,๗๘๑,๖๒๗.๖๐
๑๒๔,๘๕๖,๙๕๒.๐๐
๓.๒๒๘๙
NCB
๔๘๐
๕๗๖,๐๗๙,๔๗๘.๔๐
๙๑,๒๙๒,๖๓๐.๔๐
๔,๗๘๖,๘๔๘.๐๐
รวม
๑๓,๐๐๐
๑๕,๖๐๒,๗๑๘,๐๕๘.๐๐
๒,๔๗๓,๐๗๔,๒๕๘.๐๐
๑๒๙,๖๔๓,๘๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๒
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๓๒/๒๖ กันยายน ๒๕๕๙ |
758813 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 12 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๒ วงเงิน ๒,๖๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB366A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๕๓,๘๓๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๙.๘๐ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๒,๖๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙
๒
กันยายน ๒๕๕๙
CB
๒,๔๐๐
๒,๖๗๑,๔๓๕,๗๑๕.๐๐
๒๕๔,๒๒๑,๔๗๕.๐๐
๑๗,๒๑๔,๒๔๐.๐๐
๒.๗๐๔๘
NCB
๒๐๐
๒๒๒,๖๑๘,๘๗๘.๐๐
๒๑๓,๑๘๔,๓๕๘.๐๐
๑,๔๓๔,๕๒๐.๐๐
รวม
๒,๖๐๐
๒,๘๙๔,๐๕๔,๕๙๓.๐๐
๒๗๕,๔๐๕,๘๓๓.๐๐
๑๘,๖๔๘,๗๖๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน
และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๒
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๓๐/๒๖ กันยายน ๒๕๕๙ |
758811 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 11 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๑ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๑ วงเงิน ๗,๗๓๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB466A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๗,๗๓๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๘๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๘๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้งในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๗,๗๓๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๙
๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙
CB
๗,๓๖๐
๗,๔๙๕,๕๑๗,๗๑๗.๐๐
๑๐๗,๑๑๑,๑๓๔.๖๐
๒๘,๔๐๖,๕๘๒.๔๐
๒.๘๐๒๗
NCB
๓๗๐
๓๗๖,๘๐๕,๘๔๖.๖๐
๕,๓๗๗,๗๙๘.๓๐
๑,๔๒๘,๐๔๘.๓๐
รวม
๗,๗๓๐
๗,๘๗๒,๓๒๓,๕๖๓.๖๐
๑๑๒,๔๘๘,๙๓๒.๙๐
๒๙,๘๓๔,๖๓๐.๗๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๒
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๒๘/๒๖ กันยายน ๒๕๕๙ |
758809 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 10 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๐[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๐ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๐ วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓ (LB316A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๕๗,๙๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๙๐ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่
๒๐ มิถุนายน ๒๕๗๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๐
มิถุนายน และ ๒๐ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙
CB
๑๕,๕๕๐
๑๗,๘๗๐,๔๖๖,๖๓๓.๗๕
๒,๒๕๙,๘๒๑,๖๓๓.๗๕
๖๐,๖๔๕,๐๐๐.๐๐
๒.๔๗๖๘
NCB
๔๕๐
๕๑๗,๑๕๐,๐๘๐.๐๐
๖๕,๓๙๕,๐๘๐.๐๐
๑,๗๕๕,๐๐๐.๐๐
รวม
๑๖,๐๐๐
๑๘,๓๘๗,๖๑๖,๗๑๓.๗๕
๒,๓๒๕,๒๑๖,๗๑๓.๗๕
๖๒,๔๐๐,๐๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๒
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๒๖/๒๖ กันยายน ๒๕๕๙ |
758807 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม
๑๙,๖๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB)
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐
ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
วงเงินรวม ๑๙,๖๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๑๙,๕๓๔,๒๕๖,๒๔๕.๐๐ บาท โดยมีส่วนลด จำนวน
๖๕,๗๔๓,๗๕๕.๐๐ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม พ.ศ.
๒๕๕๙ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้างจำนวน ๕๙,๖๐๐ ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้
งวดที่
วันที่จำหน่าย
วันที่ชำระเงิน
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
L๕/๙๑/๕๙
๑ สิงหาคม ๒๕๕๙
๓ สิงหาคม ๒๕๕๙
๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๙๑
๒,๕๐๐
๑.๒๗๐๐๐
๒,๔๙๒,๑๐๙,๒๒๕.๐๐
๗,๘๙๐,๗๗๕.๐๐
L๖/๙๑/๕๙
๘ สิงหาคม ๒๕๕๙
๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙
๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๙๑
๒,๕๐๐
๑.๓๐๕๐๐
๒,๔๙๑,๘๙๒,๔๗๕.๐๐
๘,๑๐๗,๕๒๕.๐๐
L๗/๙๑/๕๙
๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๙๑
๔,๖๐๐
๑.๓๕๑๓๙
๔,๕๘๔,๕๕๓,๖๑๒.๐๐
๑๕,๔๔๖,๓๘๘.๐๐
L๘/๙๑/๕๙
๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๙
๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๙
๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๙๑
๕,๐๐๐
๑.๓๖๖๗๒
๔,๙๘๓,๐๒๐,๖๐๓.๐๐
๑๖,๙๗๙,๓๙๗.๐๐
L๙/๙๑/๕๙
๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙
๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๙๑
๕,๐๐๐
๑.๓๙๔๑๐
๔,๙๘๒,๖๘๐,๓๓๐.๐๐
๑๗,๓๑๙,๖๗๐.๐๐
รวม
๑๙,๖๐๐
๑.๓๔๙๙๐
๑๙,๕๓๔,๒๕๖,๒๔๕.๐๐
๖๕,๗๔๓,๗๕๕.๐๐
๓.
ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕
ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔.
ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด
เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ
- เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๓๘๕ ล้านบาท โดยวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน
คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐
ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมา
จำนวน ๓๘๕ ล้านบาท
เมื่อรวมกับการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๐,๖๓๒ ล้านบาท
จะทำให้มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลทั้งปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑๗๑,๐๑๗ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๑๒
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๒๔/๒๖ กันยายน ๒๕๕๙ |
758366 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๕[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่
๒๔ พฤษภาคม
๒๕๕๙ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑.
ผู้ให้กู้ : ธนาคารออมสิน
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้
: เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ
๓.
รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑
ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๑
กันยายน ๒๕๖๑
๓.๒
วงเงินกู้จำนวน ๓๖๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามร้อยหกสิบหกล้านบาทถ้วน)
๓.๓
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๑
กันยายน ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๔
อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๐๒๖๓ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕
การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด
๖ เดือน ในวันที่ ๑ กันยายน และ ๑ มีนาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก
ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย
ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๑ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
ทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ณ วันประมูลเงินกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดไป
๓.๖
การชำระต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๑
๓.๗
การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย
ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
๓.๙
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๓๑
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ
๒๐ กันยายน
๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๐๙ ง/หน้า ๒๒/๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ |
757927 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 13
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๓
ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๓ วงเงิน ๙,๒๓๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB366A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๕๑,๒๓๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๙.๙๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๙,๒๓๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๓
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙
CB
๙,๒๓๐
๑๐,๕๘๐,๖๖๙,๗๒๖.๔๐
๑,๓๒๐,๕๗๗,๔๓๔.๓๐
๓๐,๐๙๒,๒๙๒.๑๐
๒.๔๘๔๒
NCB
-
-
-
-
รวม
๙,๒๓๐
๑๐,๕๘๐,๖๖๙,๗๒๖.๔๐
๑,๓๒๐,๕๗๗,๔๓๔.๓๐
๓๐,๐๙๒,๒๙๒.๑๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๙
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๑๙ กันยายน
๒๕๕๙
กัญฑรัตน์/ตรวจ
๑๙ กันยายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง/หน้า ๘/๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ |
757210 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 งวดประมูลวันที่ 10 สิงหาคม 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาปรับโครงหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นพันธบัตรรุ่นใหม่ (New Issue) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น
๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๑๐.๓๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม
๒๕๖๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่
สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) จำนวน ๒ แห่ง
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงินที่ได้รับ
(บาท)
เงินส่วนเพิ่ม
(Premium)
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๐ ส.ค. ๕๙
๑๕ ส.ค. ๕๙
CB
๑๔,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๑๔,๗๔๖,๔๘๑,๐๒๘
๔๖,๔๘๑,๐๒๘
๒.๐๙๑๐
NCB
๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๓๐๐,๙๔๗,๖๐๗
๙๔๗,๖๐๗
รวม
๑๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
๑๕,๐๔๗,๔๒๘,๖๓๕
๔๗,๔๒๘,๖๓๕
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๕ กันยายน ๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๕ ตุลาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๙๔ ง/หน้า ๒๕/๑ กันยายน ๒๕๕๙ |
757085 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐
และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
เมื่อวันที่
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๑๒,๓๔๔,๐๙๒,๗๐๔ เยน
ซึ่งเทียบเท่ากับ ๔,๑๕๒,๔๒๙,๓๔๔.๗๐ บาท (สี่พันหนึ่งร้อยห้าสิบสองล้านสี่แสนสองหมื่นเก้าพันสามร้อยสี่สิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์)
โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เยน เท่ากับ ๐.๓๓๖๓๙ บาท
กับ Nomura International plc และ Citibank N.A. (Dealers) เพื่อเป็น Bridge Financing ให้แก่โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ รังสิต
ของการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดดังนี้
วงเงิน ๑๒,๓๔๔,๐๙๒,๗๐๔ เยน กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ - ๐.๓๒๔๕ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา JPYLIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ - ๐.๒๙๓๕ ต่อปี) อายุ ๑๘๒ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอน
ในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP ครั้งนี้
วงเงิน ๑๒,๓๖๔,๓๗๙,๒๓๑ เยน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๐
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓๑ สิงหาคม
๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๗ กันยายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๙๒ ง/หน้า ๑๔/๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
757083 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๕[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐
และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
เมื่อวันที่
๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐
เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๗๔๘,๗๓๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยสี่สิบแปดล้านเจ็ดแสนสามหมื่นบาทถ้วน)
โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ
๓๔.๙๗๔๖ บาท กับ Nomura International plc (Dealer) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อแก่ บริษัท การบินไทย
จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดดังนี้
วงเงิน
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ
๑.๑๑ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน
ลบส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๐๐๑๗ ต่อปี) อายุ ๑๘๙ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐)
และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP ครั้งนี้ วงเงิน
๔๙,๗๑๐,๓๑๓.๑๕ เหรียญสหรัฐ
ประกาศ ณ วันที่ ๙
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓๑ สิงหาคม
๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๗ กันยายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๙๒ ง/หน้า ๑๓/๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
757081 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม
๔๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และสำนักงานประกันสังคม
๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกรกฎาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท
ได้รับเงินจำนวน ๓๙,๘๖๗,๓๔๕,๔๖๖.๗๒ บาท โดยมีส่วนลด จำนวน ๑๓๒,๖๕๔,๕๓๓.๒๘ บาท
และทำให้ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ มียอดตั๋วเงินคลังคงค้างจำนวน
๔๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง
มีดังนี้
งวดที่
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วันที่
ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
L๑/๙๑/๕๙
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๕ ตุลาคม ๒๕๕๙
๙๑
๑๐,๐๐๐
๑.๓๔๖๒๒
๙,๙๖๖,๕๔๘,๙๘๐.๐๐
๓๓,๔๕๑,๐๒๐.๐๐
L๒/๙๑/๕๙
๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙
๙๑
๑๐,๐๐๐
๑.๓๒๖๗๘
๙,๙๖๗,๐๓๐,๕๖๓.๖๐
๓๒,๙๖๙,๔๓๖.๔๐
L๓/๙๑/๕๙
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๙
๙๑
๑๐,๐๐๐
๑.๓๑๘๔๕
๙,๙๖๗,๒๓๖,๘๒๙.๘๐
๓๒,๗๖๓,๑๗๐.๒๐
L๔/๙๑/๕๙
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙
๙๑
๑๐,๐๐๐
๑.๓๔๗๐๒
๙,๙๖๖,๕๒๙,๐๙๓.๓๒
๓๓,๔๗๐,๙๐๖.๖๘
รวม
๔๐,๐๐๐
๑.๓๓๔๖๒
๓๙,๘๖๗,๓๔๕,๔๖๖.๗๒
๑๓๒,๖๕๔,๕๓๓.๒๘
๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔.
ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๓๘๕ ล้านบาท
โดยวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐
ล้านบาท และส่วนที่ ๒
เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมา จำนวน ๓๘๕
ล้านบาท เมื่อรวมกับการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๐,๖๓๒ ล้านบาท
จะทำให้มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ -
เงินสดจ่ายของรัฐบาลทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑๗๑,๐๑๗ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๔
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓๑ สิงหาคม
๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๗ กันยายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๙๒ ง/หน้า ๑๑/๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
757079 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 งวดประมูลวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้สำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วนโดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
งวดประมูลวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙ วงเงิน ๓๐,๐๐๐
ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นพันธบัตรรุ่นใหม่ (New Issue) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น
๓๐,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๕.๙๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน
๒๕๖๕ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) จำนวน ๒ แห่ง
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้โครงการ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ งวดประมูลวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงินที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๓ ก.ค. ๕๙
๑๕ ก.ค. ๕๙
CB
๒๙,๙๐๐
๓๐,๑๔๘,๐๔๕,๗๘๔
๒๔๘,๐๔๕,๗๘๔
๑.๗๒๗๒
NCB
๑๐๐
๑๐๐,๘๒๙,๔๖๙
๘๒๙,๔๖๙
รวม
๓๐,๐๐๐
๓๐,๒๔๘,๘๗๕,๒๕๓
๒๔๘,๘๗๕,๒๕๓
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน
และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๓
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓๑ สิงหาคม
๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๗ กันยายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๙๒ ง/หน้า ๙/๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
756211 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 4 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา
๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
เมื่อวันที่
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐
เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๗๕๙,๔๒๕,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบเก้าล้านสี่แสนสองหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ
๓๕.๑๘๘๕ บาท กับ Nomura International plc และ Daiwa Capital Markets Singapore Limited (Dealers) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อแก่ บริษัท การบินไทย
จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
วงเงิน
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ
๑.๐๘๗๘ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน
บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๐๖๗๖ ต่อปี) อายุ ๑๘๒ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๓
มกราคม ๒๕๖๐) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP ครั้งนี้วงเงิน
๔๙,๗๒๖,๕๓๓.๖๓ เหรียญสหรัฐ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๙
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๗ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๗๗ ง/หน้า ๑๑/๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
756209 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 5
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๕[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นพันธบัตรรุ่นใหม่ (New Issue) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาล
รุ่นนี้เป็น ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๒๙.๙๖ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗
มิถุนายน ๒๕๘๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๕ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ย
จ่ายรับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙
CB
๙,๙๐๐.๐๐
๑๐,๓๗๖,๓๐๓,๖๗๖.๔๑
๔๗๖,๓๐๓,๖๗๖.๔๑
-
๒.๖๔๑๗
NCB
๑๐๐.๐๐
๑๐๔,๘๐๗,๕๘๘.๐๐
๔,๘๐๗,๕๘๘.๐๐
-
รวม
๑๐,๐๐๐.๐๐
๑๐,๔๘๑,๑๑๑,๒๖๔.๔๑
๔๘๑,๑๑๑,๒๖๔.๔๑
-
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๗ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๗๗ ง/หน้า ๙/๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
756207 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 4
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่
๑ (LB25DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๑๗๗,๘๕๓.๘๐๓ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๙๓,๘๕๓.๘๐๓ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๔๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒
มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๔ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ย
จ่ายรับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙
CB
๑๕,๕๘๐.๐๐
๑๘,๒๗๒,๔๘๐,๓๒๕.๕๐
๒,๖๕๖,๓๒๖,๑๕๖.๕๐
๓๖,๑๕๔,๑๖๙.๐๐
๑.๘๗๐๘
NCB
๔๒๐.๐๐
๔๙๒,๕๘๓,๐๓๙.๒๐
๗๑,๖๐๘,๔๐๘.๒๐
๙๗๔,๖๓๑.๐๐
รวม
๑๖,๐๐๐.๐๐
๑๘,๗๖๕,๐๖๓,๓๖๔.๗๐
๒,๗๒๗,๙๓๔,๕๖๔.๗๐
๓๗,๑๒๘,๘๐๐.๐๐
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๗ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๗๗ ง/หน้า ๗/๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
756205 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 3
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB666A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน
๓๙,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๔๙,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๕๐.๐๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ บริษัทประกันชีวิต และธนาคารพาณิชย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๓ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ย
จ่ายรับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๙
๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๙
CB
๘,๐๐๐.๐๐
๑๐,๐๑๔,๙๐๙,๘๕๕.๐๐
๒,๐๐๘,๗๗๒,๘๙๕.๐๐
๖,๑๓๖,๙๖๐.๐๐
๓.๐๒๒๗
NCB
๒,๐๐๐.๐๐
๒,๕๐๓,๖๙๘,๙๐๐.๐๐
๕๐๒,๑๖๔,๖๖๐.๐๐
๑,๕๓๔,๒๔๐.๐๐
รวม
๑๐,๐๐๐.๐๐
๑๒,๕๑๘,๖๐๘,๗๕๕.๐๐
๒,๕๑๐,๙๓๗,๕๕๕.๐๐
๗,๖๗๑,๒๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๗ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๗๗ ง/หน้า ๕/๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
756203 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB366A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๔๒,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๐.๐๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ย
จ่ายรับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙
CB
๙,๒๕๐.๐๐
๑๐,๓๘๗,๘๔๕,๙๙๓.๘๗
๑,๑๓๗,๘๔๕,๙๙๓.๘๗
-
๒.๖๐๖๗
NCB
๗๕๐.๐๐
๘๔๒,๒๔๔,๖๓๗.๕๐
๙๒,๒๔๔,๖๓๗.๕๐
-
รวม
๑๐,๐๐๐.๐๐
๑๑,๒๓๐,๐๙๐,๖๓๑.๓๗
๑,๒๓๐,๐๙๐,๖๓๑.๓๗
-
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๗ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๗๗ ง/หน้า ๓/๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
756201 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๒๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ (LB206A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๗๗,๑๑๘.๐๐๒
ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔.๐๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๖
มิถุนายน และ ๒๖ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ในวงเงินไม่เกิน ๒๐,๐๐๐
ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่
สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) จำนวน ๑ แห่ง
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๒.๓
วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรร โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๑ แห่ง
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ย
จ่ายรับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙
CB๑
๒๐,๐๐๐.๐๐
๒๐,๖๓๘,๕๙๒,๕๘๐.๐๐
๖๕๑,๑๖๗,๙๘๐.๐๐
(๑๒,๕๗๕,๔๐๐.๐๐)
๑.๗๐๙๕
NCB๒
-
-
-
-
GreenShoe๓
๔,๐๐๐.๐๐
๔,๑๒๗,๗๑๘,๔๘๐.๐๐
๑๓๐,๒๓๓,๕๖๐.๐๐
(๒,๕๑๕,๐๘๐.๐๐)
รวม
๒๔,๐๐๐.๐๐
๒๔,๗๖๖,๓๑๑,๐๖๐.๐๐
๗๘๑,๔๐๑,๕๔๐.๐๐
(๑๕,๐๙๐,๔๘๐.๐๐)
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๗ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๗๗ ง/หน้า ๑/๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
755738 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่ากระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
(PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ ๔ ปี ให้กับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
เป็นจำนวนเงิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท (หกพันล้านบาทถ้วน)
๒.
เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๗
กรกฎาคม ๒๕๕๙
๓.
อายุเงินกู้ ๔ ปี นับตั้งแต่วันที่
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ครบกำหนดชำระคืนวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓
๔.
อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ
(BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บวกด้วยส่วนต่าง (Spread) โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (BIBOR) ณ วันประมูลเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
(BIBOR) ๒ วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย
เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
ชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๐ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๒๗
กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๒๗
กรกฎาคม ๒๕๕๙ มีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๑.๙๒๖๙๗ ต่อปี
๕.
การชำระดอกเบี้ย
ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๒๗ มกราคม
และ ๒๗ กรกฎาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้
๖.
การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้
ทั้งนี้
กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
และจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนครบกำหนด
พร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วย
โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป
๗.
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๕
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๑๘ สิงหาคม
๒๕๕๙
วิศนี/ตรวจ
๒๓ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๗๒ ง/หน้า ๑๔/๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
755302 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนา
โครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยรับทราบและอนุมัติของคณะรัฐมนตรี
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
๑.
ผู้ให้กู้ : ธนาคารออมสิน
๒.
วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)
๓.
รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑
ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
๓.๒
วงเงินกู้ จำนวน ๑,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน)
๓.๓
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ จนถึงวันที่
๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ
๐.๐๓๓ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด
๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕
การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด
๖ เดือน ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน และ ๓๐ ธันวาคม ของทุกปี
โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๙
และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้
ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ
ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ
วันประมูลเงินกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยเพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดมา
๓.๖
การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน
ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑
๓.๗
การชำระหนี้ก่อนกำหนดการชำระหนี้ก่อนครบกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยผู้ให้กู้ตกลงยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมใด ๆ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
๒ (สอง) วันทำการ
โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ชำระคืนก่อนกำหนด
พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น
ทั้งนี้
ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป
โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
๓.๙
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๙
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปุณิกา/ปริยานุช/จัดทำ
๑ สิงหาคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๘ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๖๗ ง/หน้า ๓/๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ |
754729 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นสำหรับรองรับการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยที่ครบกำหนด
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยที่ครบกำหนดในวันที่
๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งมีรายละเอียดการกู้เงินดังนี้
รายละเอียดการกู้เงิน
วงเงินที่
๑
วงเงินที่
๒
วงเงินกู้
๔,๗๖๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท
(สี่พันเจ็ดร้อยหกสิบล้านบาทถ้วน)
๓,๕๖๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท
(สามพันห้าร้อยหกสิบล้านบาทถ้วน)
สถาบันการเงินที่ได้รับจัดสรร
ธนาคารออมสิน
ธนาคารออมสิน
อัตราดอกเบี้ยคงที่
(ร้อยละต่อปี)
๑.๔๙
๑.๔๙
อายุเงินกู้
๓
เดือน
วันที่เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน
๒๗
มิถุนายน ๒๕๕๙
วันที่ครบกำหนดชำระ
๒๗
กันยายน ๒๕๕๙
๒.
กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วย
หากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป
และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
๓.
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๑
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ
๒๒ กรกฎาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๑/๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ |
753820 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๓[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้มีการขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้
เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๓
ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ ลงวันที่ ๑๔
กันยายน ๒๕๕๘ มีการเปลี่ยนแปลง
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลัง
ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
ข้อ
๑ การกู้เงินตามประกาศดังกล่าว
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๔
กันยายน ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
ข้อ
๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น
เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙
กัญฑรัตน์/ตรวจ
๒๖ กรกฎาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๕๐ ง/หน้า ๒๑/๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ |
753291 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง
โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
โดยวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ ๔ ปี ให้กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
เป็นจำนวนเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท (สามพันล้านบาทถ้วน)
๒.
เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๙
มิถุนายน ๒๕๕๙
๓.
อายุเงินกู้ ๔ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๙
มิถุนายน ๒๕๕๙ ครบกำหนดชำระคืนวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓
๔.
อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ
(BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บวกด้วยส่วนต่าง (Spread) โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ย BIBOR มีการเปลี่ยนแปลงโดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (BIBOR) ณ วันประมูลเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป
จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (BIBOR) ๒ วันทำการ
ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยเพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙
และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓
โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
มีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๑.๙๖๖๖๗ ต่อปี
๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๙
มิถุนายน และ ๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้
๖.
การชำระคืนต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
๒ วันทำการและจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนครบกำหนด
พร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วย
โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป
๗.
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๗
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
วิศนี/ปริยานุช/จัดทำ
๒๙ มิถุนายน
๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๑๐ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๘/๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ |
753287 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง
โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้น
จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน วงเงินรวม ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๑.๔๙๙ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งที่ครบกำหนดในวันที่
๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ภายใต้พระราชกำหนดข้างต้น
๒.
เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๙
มิถุนายน ๒๕๕๙
๓.
อายุเงินกู้ ๒ เดือน
นับตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ครบกำหนดชำระวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙
๔.
กรณีที่มีการชำระคืนก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนด
พร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนกำหนดนั้นด้วย
หากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยกระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป
และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
๕.
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๗
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
วิศนี/ปริยานุช/จัดทำ
๒๙ มิถุนายน
๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๑๐ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๗/๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ |
753279 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 4 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ตามมติเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑.
ผู้ให้กู้ : ธนาคารออมสิน
๒.
วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย
และเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
๓.
รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑
ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๖ มิถุนายน
๒๕๖๑
๓.๒ วงเงินกู้รวมจำ นวน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งพันล้านบาทถ้วน) โดยแบ่งเป็น ๒ วงเงินดังนี้
วงเงินที่
๑ จำนวน ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดร้อยล้านบาทถ้วน)
สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง)
ช่วงบางซื่อ - รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
วงเงินที่
๒ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
๓.๓
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๖
มิถุนายน ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๔
อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๐๖๙๕ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕
การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖
เดือน ในวันที่ ๖ มิถุนายน และ ๖ ธันวาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก
ในวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๑
พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ทุกงวด
๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดไป
๓.๖
การชำระต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน
ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๑
๓.๗
การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย
ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
๓.๙
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๑
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
วิศนี/ปริยานุช/จัดทำ
๒๙ มิถุนายน
๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๑๐ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๕/๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ |
751707 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 7 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๗[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๗ ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๗ วงเงิน ๙,๘๐๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๔๐,๐๕๗ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๘.๒๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่
๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี
ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๙ จำนวน ๙,๘๐๒ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๙ ครั้งที่ ๗ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๕ เมษายน ๒๕๕๙
๘ เมษายน ๒๕๕๙
CB
๘,๓๒๐
๑๒,๘๑๓,๐๕๒,๐๔๔.๒๐
๔,๓๘๕,๔๒๒,๐๒๘.๒๐
๑๐๗,๖๓๐,๐๑๖.๐๐
๒.๑๖๘๒
NCB
๑,๔๘๒
๒,๒๘๑,๑๖๕,๐๗๖.๕๘
๗๗๙,๙๙๓,๔๗๙.๙๘
๑๙,๑๗๑,๕๙๖.๖๐
รวม
๙,๘๐๒
๑๕,๐๙๔,๒๑๗,๑๒๐.๗๘
๕,๑๖๕,๔๑๕,๕๐๘.๑๘
๑๒๖,๘๐๑,๖๑๒.๖๐
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๖ มิถุนายน
๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๑๔ กรกฎาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๒๘ ง/หน้า ๑/๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ |
751251 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 12
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๒[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๒
ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๒ วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่
๑ (LB25DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๗๗,๘๕๓.๘๐๓ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๖๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒
มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ จำนวน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๒
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๐ เมษายน ๒๕๕๙
๒๒ เมษายน ๒๕๕๙
CB
๑๖,๐๐๐
๑๙,๒๘๕,๔๐๓,๘๖๙.๒๐
๓,๐๖๒,๖๓๑,๒๒๙.๒๐
๒๒๒,๗๗๒,๖๔๐.๐๐
๑.๖๘๙๑
NCB
-
-
-
-
รวม
๑๖,๐๐๐
๑๙,๒๘๕,๔๐๓,๘๖๙.๒๐
๓,๐๖๒,๖๓๑,๒๒๙.๒๐
๒๒๒,๗๗๒,๖๔๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
วิศนี/ตรวจ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง/หน้า ๘/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ |
751249 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 11
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๑
ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๑ วงเงิน ๒๐,๔๓๖ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ (LB206A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๕๓,๑๑๘.๐๐๒ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔.๒๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่
๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๖
มิถุนายน และ ๒๖ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ในวงเงินไม่เกิน ๒๐,๐๐๐
ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่
สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) จำนวน ๘ แห่ง
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๒.๓
วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๓ แห่ง
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๙ จำนวน ๒๐,๔๓๖ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๑
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๕ เมษายน ๒๕๕๙
๘ เมษายน ๒๕๕๙
CB
๒๐,๐๐๐
๒๑,๑๐๘,๕๘๐,๔๑๐.๐๐
๙๖๓,๒๖๕,๔๑๐.๐๐
๑๔๕,๓๑๕,๐๐๐.๐๐
๑.๓๖๙๔
NCB
-
-
-
-
GS
๔๓๖
๔๖๐,๑๖๗,๒๒๒.๗๖
๒๐,๙๙๙,๓๕๕.๗๖
๓,๑๖๗,๘๖๗.๐๐
รวม
๒๐,๔๓๖
๒๑,๕๖๘,๗๔๗,๖๓๒.๗๖
๙๘๔,๒๖๔,๗๖๕.๗๖
๑๔๘,๔๘๒,๘๖๗.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
วิศนี/ตรวจ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง/หน้า ๖/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ |
751247 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 10
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑๐[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๒๐ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๐
ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๐ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB366A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๓๒,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๐.๒๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐
ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑๐
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙
๑ เมษายน ๒๕๕๙
CB
๘,๔๕๐
๑๐,๑๖๙,๒๒๗,๘๗๕.๘๐
๑,๖๓๕,๗๙๒,๘๒๙.๓๐
๘๓,๔๓๕,๐๔๖.๕๐
๒.๒๐๗๒
NCB
๑,๕๕๐
๑,๘๖๕,๓๓๓,๕๙๖.๕๐
๓๐๐,๐๒๘,๙๔๓.๐๐
๑๕,๓๐๔,๖๕๓.๕๐
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๒,๐๓๔,๕๖๑,๔๗๒.๓๐
๑,๙๓๕,๘๒๑,๗๗๒.๓๐
๙๘,๗๓๙,๗๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
วิศนี/ตรวจ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง/หน้า ๔/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ |
751237 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 และรายการการกู้เงินและค้ำประกันระหว่างเดือนตุลาคม 2558 ถึงเดือนมีนาคม 2559
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน
ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๘
ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙[๑]
ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๖ วรรคสอง กำหนดให้กระทรวงการคลังสรุปรายงานสถานะหนี้สาธารณะและประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน
๖๐ วัน หลังจากวันสิ้นเดือนมีนาคมและเดือนกันยายนของทุกปี
โดยรายงานดังกล่าวต้องแสดงหนี้สาธารณะที่เกิดจากการกู้เงินและค้ำประกัน ณ
วันสิ้นเดือนดังกล่าว
รวมทั้งรายการการกู้เงินและค้ำประกันที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วงระยะเวลาระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม
และเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ตามลำดับ
กระทรวงการคลังขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะ
ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๘
ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ ดังนี้
๑.
รายการสถานะหนี้คงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม
๒๕๕๙
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ มีจำนวน ๖,๐๑๓,๖๔๙.๘๖
ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๔.๐๗ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๔,๔๓๑,๖๘๓.๙๗ ล้านบาท
หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน ๑,๐๓๙,๙๑๐.๘๒ ล้านบาท
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๕๒๕,๕๒๓.๗๐ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๑๖,๕๓๑.๓๗
ล้านบาท รายละเอียดดังปรากฏตามตารางที่ ๑
หนี้สาธารณะแบ่งตามอายุเงินกู้คงเหลือจะเป็นหนี้ระยะยาวซึ่งเป็นหนี้ที่จะครบกำหนดชำระเกินกว่า
๑ ปี จำนวน ๕,๒๐๕,๒๗๔.๘๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๖.๕๖
และหนี้ระยะสั้นที่จะครบกำหนดชำระภายในไม่เกิน ๑ ปี จำนวน ๘๐๘,๓๗๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๓.๔๔ ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ทั้งนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวนทั้งสิ้น ๖,๐๑๓,๖๔๙.๘๖ ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้ต่างประเทศ จำนวน
๓๕๓,๗๙๑.๒๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕.๘๘ และหนี้ในประเทศ จำนวน ๕,๖๕๙,๘๕๘.๖๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๑๒
ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ตารางที่ ๑ : หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙
หน่วย
: ล้านบาท
รายการ
๓๑
มี.ค. ๒๕๕๙
%
GDP
๑.
หนี้รัฐบาล
๑.๑ หนี้ต่างประเทศ
๑.๒ หนี้ในประเทศ
๔,๔๓๑,๖๘๓.๙๗
๘๙,๔๓๘.๓๖
๔,๓๔๒,๒๔๕.๖๑
๓๒.๔๘
๒.
หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
๒.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
- หนี้ต่างประเทศ
- หนี้ในประเทศ
๒.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
- หนี้ต่างประเทศ
- หนี้ในประเทศ
๑,๐๓๙,๙๑๐.๘๒
๔๑๖,๕๓๔.๕๔
๙๖,๖๓๐.๓๑
๓๑๙,๙๐๔.๒๓
๖๒๓,๓๗๖.๒๘
๑๖๕,๖๔๓.๒๙
๔๕๗,๗๓๒.๙๙
๗.๖๒
๓.
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)
๓.๑ หนี้ต่างประเทศ
๓.๒ หนี้ในประเทศ
๕๒๕,๕๒๓.๗๐
๒,๐๗๙.๒๙
๕๒๓,๔๔๔.๔๑
๓.๘๕
๔.
หนี้หน่วยงานของรัฐ
๔.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
๔.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
๑๖,๕๓๑.๓๗
-
๑๖,๕๓๑.๓๗
๐.๑๒
๕.
รวม ๑.+๒.+๓.+๔.
๖,๐๑๓,๖๔๙.๘๖
๔๔.๐๗
หมายเหตุ :- ๑. GDP
ปี ๒๕๕๘ เท่ากับ ๑๓,๕๓๗.๔๙ พันล้านบาท
และประมาณการ GDP ปี ๒๕๕๙ เท่ากับ๑๔,๐๓๘.๔๐
พันล้านบาท (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ ๑๕ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙)
๒. สบน. ได้ปรับวิธีการคำนวณ GDP
ในแต่ละเดือน เพื่อให้สัดส่วน Debt/GDP
สะท้อนค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด โดย GDP
ในรอบ ๑๒ เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ เดือนมีนาคม ๒๕๕๙ คำนวณดังนี้ (GDP
ไตรมาส ๒ - ๔ ปี ๒๕๕๘) + (GDP ไตรมาส ๑ ปี
๒๕๕๙) เท่ากับ ๑๓,๖๔๕.๔๗ พันล้านบาท
๒.
รายการการกู้เงินและค้ำประกันระหว่างเดือนตุลาคม
๒๕๕๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙
คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ
ประกอบด้วย ๕ แผนย่อย ซึ่งภายหลังการปรับปรุงแผนฯ ครั้งที่ ๑ ทำให้วงเงินรวมในแผนฯ
ที่จะบริหารจัดการมีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๗๔๑,๔๒๒.๒๕
ล้านบาท โดยในระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙
กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น
๗๐๓,๑๐๐.๓๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๓๘ ของแผนฯ
ดังปรากฏตามตารางที่ ๒
ตารางที่ ๒ :
การกู้เงินและการบริหารหนี้ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙
หน่วย
: ล้านบาท
รายการ
วงเงินแผน
ผลดำเนินงาน
(ต.ค. ๕๘ - มี.ค. ๕๙)
ร้อยละ
๑.
แผนการก่อหนี้ใหม่
๕๖๒,๖๗๘.๔๔
๓๖๒,๐๖๙.๐๐
๖๔.๓๕
๑.๑ รัฐบาล
๑.๒ รัฐวิสาหกิจ
๕๑๒,๗๙๗.๖๑
๔๙,๘๘๐.๘๓
๓๕๙,๐๐๙.๐๐
๓,๐๖๐.๐๐
๗๐.๐๑
๖.๑๓
๒.
แผนการปรับโครงสร้างหนี้
๙๐๑,๖๕๓.๖๖
๓๓๒,๐๓๑.๕๑
๓๖.๘๒
๒.๑ รัฐบาล
๒.๒ รัฐวิสาหกิจ
๖๐๙,๕๖๒.๑๒
๒๙๒,๐๙๑.๕๔
๑๙๓,๔๐๗.๙๘
๑๓๘,๖๒๓.๕๓
๓๑.๗๓
๔๗.๔๖
๓.
แผนการบริหารความเสี่ยง
๑๕๕,๑๘๙.๙๗
๒,๑๓๑.๔๕
๑.๓๗
๓.๑ รัฐบาล
๓.๒ รัฐวิสาหกิจ
๑๒๖,๗๓๙.๙๒
๒๘,๔๕๐.๐๕
๒,๑๓๑.๔๕
-
๑.๖๘
-
๔.
แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ
ที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้
กรอบแผนฯ
๑๒๐,๒๑๘.๕๘
๖,๘๖๘.๔๑
๕.๗๑
๔.๑ การก่อหนี้ใหม่
๔.๒ การบริหารหนี้
๔๘,๕๙๘.๔๑
๗๑,๖๒๐.๑๗
๖,๕๖๘.๔๑
๓๐๐.๐๐
๑๓.๕๒
๐.๔๒
๕.
แผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่น
ของรัฐ
ที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรี
ภายใต้กรอบแผน
ฯ
๑,๖๘๑.๖๐
-
-
การก่อหนี้ใหม่
๑,๖๘๑.๖๐
-
-
รวม (๑ - ๓)
๑,๖๑๙,๕๒๒.๐๗
๖๙๖,๒๓๑.๙๖
๔๒.๙๙
รวม (๑ - ๕)
๑,๗๔๑,๔๒๒.๒๕
๗๐๓,๑๐๐.๓๗
๔๐.๓๘
ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
๑)
ผลการก่อหนี้ใหม่ ช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๓๖๒,๐๖๙ ล้านบาท
ประกอบด้วย
๑.๑
การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล วงเงินรวม ๓๕๙,๐๐๙ ล้านบาท ประกอบด้วย
๑.๑.๑ รัฐบาลกู้มาใช้โดยตรง วงเงินรวม ๓๔๓,๐๒๓ ล้านบาท ประกอบด้วย
(๑)
เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงิน
วงเงินรวม ๓๑๓,๐๒๓ ล้านบาท
(๒)
เงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน
: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒
กระทรวงการคลังได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศทดแทนการกู้เงินจากต่างประเทศ
เพื่อนำไปใช้ในโครงการเพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๑.๒
รัฐบาลกู้มาให้กู้ต่อ วงเงินรวม ๑๕,๙๘๖ ล้านบาท ประกอบด้วย
(๑)
เงินกู้ในประเทศเพื่อให้กู้ต่อ
กระทรวงการคลังได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศเพื่อนำมาให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ
วงเงินรวม ๑๗,๙๘๖ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑) การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อ
๖,๐๖๐ ล้านบาท และ ๒)
การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ ๙,๙๒๖ ล้านบาท
๑.๒
การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๓,๐๖๐ ล้านบาท ประกอบด้วย
๑.๒.๑
เงินกู้เพื่อลงทุน รัฐวิสาหกิจเพียงแห่งเดียวที่ก่อหนี้ใหม่เพื่อลงทุนในช่วงเวลาดังกล่าว
คือ การประปาส่วนภูมิภาคได้กู้เงิน
เพื่อดำเนินโครงการงานก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่ต่าง ๆ
วงเงินรวม ๗๖๐ ล้านบาท โดยเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๑๗๐ ล้านบาท
และเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๕๙๐ ล้านบาท
๑.๒.๒
เงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ
รัฐวิสาหกิจเพียงแห่งเดียวที่ก่อหนี้ใหม่เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ
ในช่วงเวลาดังกล่าว คือ
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงินรวม ๒,๓๐๐ ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นการกู้เพื่อเป็นค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อม (ปีงบประมาณ ๒๕๕๙) จำนวน
๘๒๗.๒๘ ล้านบาท และเพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จำนวน ๑,๔๗๒.๗๒ ล้านบาท
๒)
ผลการปรับโครงสร้างหนี้ ช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๓๓๒,๐๓๑.๕๑
ล้านบาท ประกอบด้วย
๒.๑
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล
กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล
รวมทั้งสิ้น ๑๘๘,๖๐๗.๙๘ ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll-over จำนวน
๑๖๗,๘๗๗.๙๘ ล้านบาท และการชำระคืนหนี้ จำนวน ๒๐,๗๓๐ ล้านบาทดังนี้
๒.๑.๑
หนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ จำนวน ๑๔๔,๖๔๕.๙๘
ล้านบาท
(๑)
ตั๋วเงินคลัง
ในปีงบประมาณ
๒๕๕๙ มียอดตั๋วเงินคลังหมุนเวียนอยู่ในตลาดรวม ๘๐,๓๘๕ ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารดุลเงินสด จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และตั๋วเงินคลังที่กู้มาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน
๓๘๕ ล้านบาท
(๒)
พันธบัตร
กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลในช่วง
๖ เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จำนวน ๖๔,๒๖๐.๙๘ ล้านบาท
โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ วงเงินรวม ๑๐,๐๐๐
ล้านบาท พันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ ๑๐ - ๕๐ ปี วงเงินรวม ๔๔,๐๐๐
ล้านบาท ส่วนเพิ่มจากการประมูล (Premium) วงเงิน ๒๖๐.๙๘
ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
๒.๑.๒ หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF จำนวน ๒๓,๒๓๒ ล้านบาท
กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน
วงเงินรวม ๒๓,๒๓๒ ล้านบาท
โดยการใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
- ๒ จำนวน ๗,๕๐๐
ล้านบาท ชำระคืนตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวทั้งจำนวน และออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(R-Bill) วงเงิน ๑๕,๗๓๒ ล้านบาท
๒.๑.๓
หนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการทำ Pre-funding วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อรองรับการครบกำหนดชำระของพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
๒.๑.๔
หนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน ๗๓๐ ล้านบาท
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างสินเชื่อระยะยาว
(Long term loan) ซึ่งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
(รฟม.) กู้ต่อ วงเงินรวม ๗๓๐ ล้านบาท โดยได้ดำเนินการทำ Pre-funding
๒.๒
การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล
กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล
ซึ่งเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll-over หนี้เงินกู้ Euro Commercial Paper (ECP) วงเงินรวม ๔,๘๐๐
ล้านบาท (๑๕๐ ล้านเหรียญสหรัฐ)
๒.๓
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๖ แห่ง
ได้ปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๑๓๘,๖๒๓.๕๓ ล้านบาท
โดยเป็นการกู้เงินเพื่อ Refinance และ Roll-over จำนวน ๑๐๗,๓๔๗.๔๐ ล้านบาท (แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน
จำนวน ๑๐๑,๘๔๗.๔๐ ล้านบาท
และเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๕,๕๐๐
ล้านบาท) และการชำระคืนหนี้ จำนวน ๓๑,๒๗๖.๑๓ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
(๑)
การเคหะแห่งชาติปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร
(กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน) วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
(๒)
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกัน เพื่อ Roll-over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
(๓)
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
เพื่อ Roll-over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
(๔)
การรถไฟแห่งประเทศไทยปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๔,๔๕๓.๐๘ ล้านบาท โดยกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ
จำนวน ๔,๓๖๖ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเพื่อ Roll-over หนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ นอกจากนี้
ยังได้ใช้รายได้สำรองจ่ายเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระวงเงิน ๘๗.๐๘ ล้านบาท ไปก่อน
และจะปรับโครงสร้างหนี้โดยการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศหรือออกพันธบัตรในภายหลัง
(๕)
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ จำนวน ๘,๑๖๗.๕๐
ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อ Roll-over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
(๖)
การยางแห่งประเทศไทยใช้เงินรายได้ชำระหนี้ก่อนครบกำหนด จำนวน ๖๙๘.๗๕ ล้านบาท
(๗)
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งสิ้น ๑๑๖,๓๐๔.๒๐
ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ วงเงิน ๒๙,๘๑๓.๙๐ ล้านบาท และออกพันธบัตร วงเงิน ๕๖,๕๐๐
ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อ Roll-over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
นอกจากนี้ ยังใช้เงินที่ได้รับจากการระบายผลิตผลทางการเกษตร จำนวน ๒๙,๙๙๐.๓๐ ล้านบาท เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ดังกล่าวบางส่วน
๓)
ผลการบริหารความเสี่ยง ช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๒,๑๓๑.๔๕
ล้านบาท ประกอบด้วย
๓.๑
การบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาล วงเงินรวม ๒,๑๓๑.๔๕ ล้านบาท ประกอบด้วย
๓.๑.๑
การบริหารความเสี่ยงหนี้ในประเทศของรัฐบาล ไม่มี
๓.๑.๒
การบริหารความเสี่ยงหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล วงเงินรวม ๒,๑๓๑.๔๕
ล้านบาท
กระทรวงการคลังได้บริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
บริเวณถนนนนทบุรี ๑ โดยการทำ Cross Currency Swap (CCS) จากสกุลเงินเยนเป็นสกุลเงินบาท วงเงิน ๒,๑๓๑.๔๕ ล้านบาท หรือเทียบเท่า ๗,๓๐๗ ล้านเยน
๓.๒
การบริหารความเสี่ยงของรัฐวิสาหกิจ ไม่มี
๔)
ผลการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ช่วงเดือนตุลาคม
๒๕๕๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๖,๘๖๘.๔๑ ล้านบาท ประกอบด้วย
๔.๑
การก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม ๖,๕๖๘.๔๑ ล้านบาท
๔.๑.๑
เงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด
(๑)
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้เงินจากสถาบันการเงิน เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๒,๘๓๐.๑๒
ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศในรูปสกุลเงินเยน วงเงิน ๗,๖๗๐.๗๙ ล้านเยน หรือเทียบเท่า ๒,๔๖๑.๖๕ ล้านบาท
และกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศในรูปสกุลเงินบาท
วงเงิน ๓๖๘.๔๗ ล้านบาท และได้ดำเนินการทำ CCS จากเงินสกุลเงินบาทดังกล่าวให้เป็นสกุลเงินเยน จำนวน
๓๖๘.๔๗ ล้านบาท หรือเทียบเท่า ๑,๒๓๓.๘๒ ล้านเยน
(๒)
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการกู้เงินในประเทศโดยการออกหุ้นกู้ รุ่นอายุ ๖ ปี วงเงิน ๔,๒๐๐ ล้านบาท (วงเงินไม่ได้บรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
เนื่องจากแผนจัดหาเงินทุนจะพิจารณาตามความต้องการใช้เงินของ ปตท. และสภาวะตลาด)
๔.๑.๒
เงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit Line วงเงินรวม
๓,๗๓๘.๒๙ ล้านบาท
(๑)
บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ได้ลงนามสินเชื่อเบิกเงินเกินบัญชี (Overdraft : O/D) กับสถาบันการเงินในประเทศ
เพื่อใช้ในโครงการซื้อขายแบบพัสดุสำหรับสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ระยะที่ ๓/๑ วงเงินรวม
๑,๔๓๘.๒๙ ล้านบาท
(๒)
บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ได้ลงนามสินเชื่อ O/D กับสถาบันการเงินในประเทศ
เพื่อใช้ในโครงการศูนย์ราชการ วงเงิน ๒,๓๐๐ ล้านบาท
๔.๒
การบริหารหนี้ วงเงินรวม ๓๐๐ ล้านบาท
๔.๒.๑
การปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๓๐๐ ล้านบาท
บริษัท
การบินไทย จำกัด (มหาชน) ใช้เงินรายได้ จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท ทดรองจ่ายหนี้ที่ครบกำหนดชำระ
และภายหลังได้ดำเนินการออกหุ้นกู้ในประเทศเพื่อทดแทนเงินรายได้ดังกล่าว
๔.๒.๒
การบริหารความเสี่ยง ไม่มี
๕)
ผลการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ
ช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙
การก่อหนี้ใหม่
ไม่มี
จากการดำเนินการตามข้อ
๑ - ๕ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้ รวมทั้งสิ้น ๗๐๓,๑๐๐.๓๗
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๓๘ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งปี โดยแบ่งเป็น (๑) หนี้ของรัฐบาล
จำนวน ๕๕๔,๕๔๘.๔๓ ล้านบาท (๒)
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๑๐๔,๓๑๗.๔๐
ล้านบาท และ (๓) หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๔๔,๒๓๔.๕๔ ล้านบาท
อนึ่ง
ผลการดำเนินการบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้บรรจุอยู่ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ โดยใช้งบชำระหนี้เหลือจ่ายและรายได้ชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนด
(Prepayment) วงเงินรวม ๒๑,๕๗๐.๖๘ ล้านบาท
ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ รวมทั้งสิ้น ๑๘๙.๕๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑)
การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐบาล โดยการทำ Prepayment วงเงินรวม ๒๐,๙๘๙.๔๖ ล้านบาท ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๑๗๗.๓๕ ล้านบาท
ประกอบด้วย
(๑)
ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท
ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๒๐.๔๐ ล้านบาท
(๒)
ตั๋วสัญญาใช้เงินภายใต้พระราชกำหนด FIDF๑ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๓,๘๐๐ ล้านบาท
ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๑๐๘.๖๐ ล้านบาท
(๓)
หนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕,๐๙๑ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๓๐.๔๓ ล้านบาท
(๔)
หนี้เงินกู้เพื่อให้ รฟท. กู้ต่อ ปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ และ ๕ จำนวน ๓,๐๙๘.๔๖
ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๑๗.๙๒ ล้านบาท
๒)
การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐวิสาหกิจ โดยการทำ Prepayment วงเงินรวม ๕๘๑.๒๒ ล้านบาท
ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๑๒.๑๗ ล้านบาท ประกอบด้วย
(๑)
การเคหะแห่งชาติได้ใช้รายได้ชำระหนี้เงินกู้ วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น
๓.๒๓ ล้านบาท
(๒)
บริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด ใช้เงินรายได้ชำระหนี้เงินกู้ วงเงิน
๕๖.๒๒ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๘.๗๒ ล้านบาท
(๓)
องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ใช้เงินรายได้ชำระหนี้ วงเงินรวม ๒๕ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น
๐.๒๒ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หมายเหตุ :- FIDF กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
FIDF ๑ พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี
FIDF ๓ พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง
พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี
Refinance การกู้เงินจากแหล่งใหม่เพื่อนำไปใช้คืนแหล่งเงินกู้เดิมซึ่งเป็นการลดต้นทุนการกู้เงิน
Roll-over การกู้เงินใหม่เพื่อนำไปชำระเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระเพื่อให้เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเงินกู้สอดคล้องกับระยะคืนทุน
Promissory Note ตั๋วสัญญาใช้เงิน
Cross Currency Swap การแปลงหนี้โดยแปลงสกุลเงิน
เช่น การแปลงหนี้สกุลเงินเยนเป็นเงินบาท
Interest Rate Swap การแปลงอัตราดอกเบี้ยจากคงที่เป็นลอยตัว
หรือจากลอยตัวเป็นคงที่
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
วิศนี/ตรวจ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๑๐/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ |
751235 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม
๔๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
๑.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒.
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
วงเงินรวม ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๓๙,๙๖๑,๒๑๙,๑๖๑.๙๒ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน
๓๘,๗๘๐,๘๓๘.๐๘ บาท และทำให้ ณ
สิ้นเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ มียอดตั๋วเงินคงคลังคงค้าง จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้
งวดที่
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๒๗/๒๗/๕๙
๔ เมษายน ๒๕๕๙
๗ เมษายน ๒๕๕๙
๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙
๒๗
๑๐,๐๐๐
๑.๓๕๕๗๘
๙,๙๘๙,๙๘๐,๙๙๓.๗๒
๑๐,๐๑๙,๐๐๖.๒๘
๒๘/๒๓/๕๙
๑๑ เมษายน ๒๕๕๙
๑๘ เมษายน ๒๕๕๙
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙
๒๓
๑๐,๐๐๐
๑.๓๒๖๕๐
๙,๙๙๑,๖๔๘,๑๘๒.๐๐
๘,๓๕๑,๘๑๘.๐๐
๒๙/๒๘/๕๙
๑๘ เมษายน ๒๕๕๙
๒๐ เมษายน ๒๕๕๙
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙
๒๘
๑๐,๐๐๐
๑.๓๒๘๘๐
๙,๙๘๙,๘๑๖,๘๓๐.๒๐
๑๐,๑๘๓,๑๖๙.๘๐
๓๐/๒๘/๕๙
๒๕ เมษายน ๒๕๕๙
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙
๒๘
๑๐,๐๐๐
๑.๓๓๔๕๑
๙,๙๘๙,๗๗๓,๑๕๖.๐๐
๑๐,๒๒๖,๘๔๔.๐๐
รวม
๔๐,๐๐๐
๑.๓๓๖๔๐
๓๙,๙๖๑,๒๑๙,๑๖๑.๙๒
๓๘,๗๘๐,๘๓๘.๐๘
๓.
ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ
๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔.
ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ
จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนดเว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๓๘๕ ล้านบาท
โดยวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐
ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมา
จำนวน ๓๘๕ ล้านบาท เมื่อรวมกับการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๐,๖๓๒ ล้านบาท
จะทำให้มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ -
เงินสดจ่ายของรัฐบาลทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑๗๑,๐๑๗ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๓
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
วิศนี/ตรวจ
๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๘/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ |
750284 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยวิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
วิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑ วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
๑.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
๒.
ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ.
๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๒๙,๘๙๗,๕๙๐,๕๖๑.๔๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน
๑๐๒,๔๐๙,๔๓๘.๖๐ บาท
สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ มีดังนี้
งวดที่
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วันที่
ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
TKK๑/๙๓/๕๙
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙
๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙
๙๓
๑๐,๐๐๐
๑.๓๖๗๘๘
๙,๙๖๕,๒๖๘,๒๑๐.๗๐
๓๔,๗๓๑,๗๘๙.๓๐
TKK๒/๙๓/๕๙
๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๙
๙๓
๑๐,๐๐๐
๑.๓๒๐๖๙
๙,๙๖๖,๔๖๒,๔๐๘.๐๐
๓๓,๕๓๗,๕๙๒.๐๐
TKK๓/๙๒/๕๙
๔ เมษายน ๒๕๕๙
๗ เมษายน ๒๕๕๙
๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๙๒
๑๐,๐๐๐
๑.๓๕๙๑๑
๙,๙๖๕,๘๕๙,๙๔๒.๗๐
๓๔,๑๔๐,๐๕๗.๓๐
รวม
๓๐,๐๐๐
๒๙,๘๙๗,๕๙๐,๕๖๑.๔๐
๑๐๒,๔๐๙,๔๓๘.๖๐
๓.
ค่าธรรมเนียมจัดการตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้อัตราร้อยละ
๐.๐๐๕ ของวงเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้
ประกาศ ณ วันที่ ๘
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ
๑๑ พฤษภาคม
๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๑๖ มิถุนายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๐๑ ง/หน้า ๒๗/๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ |
749961 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท
มีดังนี้
๑.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์
๑.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒.
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท
ได้รับเงินจำนวน ๒๔,๙๗๒,๘๒๖,๕๕๕.๗๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๒๗,๑๗๓,๔๔๔.๓๐ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
มียอดตั๋วเงินคงคลังคงค้าง จำนวน ๑๓๑,๗๐๒ ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้
งวดที่
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๒๒/๒๘/๕๙
๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๒ มีนาคม ๒๕๕๙
๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๗๔๔๐
๔,๙๙๔,๗๓๓,๘๘๐.๐๐
๕,๒๖๖,๑๒๐.๐๐
๒๓/๒๙/๕๙
๗ มีนาคม ๒๕๕๙
๙ มีนาคม ๒๕๕๙
๗ เมษายน ๒๕๕๙
๒๙
๕,๐๐๐
๑.๓๗๘๑๓
๔,๙๙๔,๕๓๑,๒๔๔.๗๐
๕,๔๖๘,๗๕๕.๓๐
๒๔/๓๓/๕๙
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙
๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙
๑๘ เมษายน ๒๕๕๙
๓๓
๕,๐๐๐
๑.๓๖๙๐๒
๔,๙๙๓,๘๑๘,๙๒๖.๐๐
๖,๑๘๑,๐๗๔.๐๐
๒๕/๒๘/๕๙
๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๐ เมษายน ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๑๕๖๘
๔,๙๙๔,๙๕๘,๖๕๒.๐๐
๕,๐๔๑,๓๔๘.๐๐
๒๖/๒๘/๕๙
๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙
๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๖๑๓๔
๔,๙๙๔,๗๘๓,๘๕๓.๐๐
๕,๒๑๖,๑๔๗.๐๐
รวม
๒๕,๐๐๐
๑.๓๕๙๗๑
๒๔,๙๗๒,๘๒๖,๕๕๕.๗๐
๒๗,๑๗๓,๔๔๔.๓๐
๓.
ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ
๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔.
ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด
เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๓๘๕ ล้านบาท
โดยวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑
เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐
ล้านบาท และส่วนที่ ๒
เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมา จำนวน
๓๘๕ ล้านบาท เมื่อรวมกับการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๐,๖๓๒ ล้านบาท
จะทำให้มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ -
เงินสดจ่ายของรัฐบาลทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑๗๑,๐๑๗ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๑๘
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
กัญฑรัตน์/ตรวจ
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๑๓๓/ตอนพิเศษ ๙๘ ง/หน้า ๒๖/๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ |
749841 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 6 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๖[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๒๐๓,๒๕๒ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๒๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๒
มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๖
มีนาคม ๒๕๕๙
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙
CB
๙,๖๐๐
๑๒,๘๘๓,๗๘๖,๕๐๑.๐๐
๓,๑๗๒,๒๓๕,๘๔๕.๐๐
๑๑๑,๕๕๐,๖๕๖.๐๐
๒.๐๒๑๓
NCB
๔๐๐
๕๓๖,๘๒๖,๘๕๖.๐๐
๑๓๒,๑๗๘,๙๑๒.๐๐
๔,๖๔๗,๙๔๔.๐๐
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๓,๔๒๐,๖๑๓,๓๕๗.๐๐
๓,๓๐๔,๔๑๔,๗๕๗.๐๐
๑๑๖,๑๙๘,๖๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๘
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
กัญฑรัตน์/ตรวจ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๙๖ ง/หน้า ๖/๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ |
749839 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB666A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๒๙,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๕๐.๓๐ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ บริษัทประกันชีวิต
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๙
มีนาคม ๒๕๕๙
๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙
CB
๘,๐๐๐
๙,๕๕๗,๓๓๓,๒๗๕.๐๐
๑,๔๘๒,๘๑๒,๗๑๕.๐๐
๗๔,๕๒๐,๕๖๐.๐๐
๓.๒๔๙๐
NCB
๒,๐๐๐
๒,๓๘๙,๒๕๗,๘๒๐.๐๐
๓๗๐,๖๒๗,๖๘๐.๐๐
๑๘,๖๓๐,๑๔๐.๐๐
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๑,๙๔๖,๕๙๑,๐๙๕.๐๐
๑,๘๕๓,๔๔๐,๓๙๕.๐๐
๙๓,๑๕๐,๗๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๘
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
กัญฑรัตน์/ตรวจ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๙๖ ง/หน้า ๔/๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ |
749835 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ตามมติเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐
(๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑.
ผู้ให้กู้ : ธนาคารออมสิน
๒.
วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
๓.
รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑
ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๒๐
เมษายน ๒๕๖๑
๓.๒
วงเงินกู้รวมจำ นวน ๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(แปดพันล้านบาทถ้วน) โดยแบ่งเป็น ๓ วงเงิน ดังนี้
วงเงินที่
๑ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
(สองพันล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ -
คูคต ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
วงเงินที่
๒ จำนวน ๔,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
(สี่พันหนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง -
บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
วงเงินที่
๓ จำนวน ๑,๙๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
(หนึ่งพันเก้าร้อยล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง -
สมุทรปราการ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
๓.๓
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๒๐
เมษายน ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๔
อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๐๒๕๓ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ย ใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕
การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด
๖ เดือน ในวันที่ ๒๐ เมษายน และ ๒๐ ตุลาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก
ในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑
พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖
เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดไป
๓.๖
การชำระต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน
ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑
๓.๗
การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย
ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
๓.๙
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๘
เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
กัญฑรัตน์/ตรวจ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๙๖ ง/หน้า ๒/๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ |
748913 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 4 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่
๑ (LB25DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๖๑,๘๕๓.๘๐๓ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๗๘ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒
มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ
๒๐
ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒ มีนาคม ๒๕๕๙
๔ มีนาคม ๒๕๕๙
CB
๑๓,๐๐๐
๑๕,๑๙๕,๘๐๕,๐๔๐.๐๐
๒,๐๘๑,๙๙๒,๗๗๐.๐๐
๑๑๓,๘๑๒,๒๗๐.๐๐
๒.๐๓๔๐
NCB
-
-
-
-
รวม
๑๓,๐๐๐
๑๕,๑๙๕,๘๐๕,๐๔๐.๐๐
๒,๐๘๑,๙๙๒,๗๗๐.๐๐
๑๑๓,๘๑๒,๒๗๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๘
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๒๙ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๘๖ ง/หน้า ๓/๑๒ เมษายน ๒๕๕๙ |
748911 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
เนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๓๐,๒๕๕ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๘.๓๘ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่
๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙
มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
CB
๙,๕๐๐
๑๒,๒๔๗,๒๔๖,๑๘๘.๕๐
๒,๖๘๓,๙๗๓,๖๒๓.๕๐
๖๓,๒๗๒,๕๖๕.๐๐
๓.๑๕๘๙
NCB
๕๐๐
๖๔๔,๕๙๐,๖๔๕.๐๐
๑๔๑,๒๖๐,๕๑๐.๐๐
๓,๓๓๐,๑๓๕.๐๐
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๒,๘๙๑,๘๓๖,๘๓๓.๕๐
๒,๘๒๕,๒๓๔,๑๓๓.๕๐
๖๖,๖๐๒,๗๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๘
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๒๙ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๑๓๓/ตอนพิเศษ ๘๖ ง/หน้า ๑/๑๒ เมษายน ๒๕๕๙ |
748491 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม
๒๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์
๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒.
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ได้รับเงินจำนวน ๑๙,๙๗๙,๑๑๐,๔๖๑.๓๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๒๐,๘๘๙,๕๓๘.๗๐ บาท และทำให้ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ มียอดตั๋วเงินคงคลังคงค้าง
จำนวน ๑๓๑,๗๐๒ ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง มีดังนี้
งวดที่
วันที่จำหน่าย
วันที่ชำระเงิน
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๑๘/๒๘/๕๙
๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๒ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๕๙๗๕
๔,๙๙๔,๗๘๙,๙๕๙.๕๐
๕,๒๑๐,๐๔๐.๕๐
๑๙/๒๘/๕๙
๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๙ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๕๘๔๒
๔,๙๙๔,๗๙๕,๐๖๐.๔๐
๕,๒๐๔,๙๓๙.๖๐
๒๐/๒๘/๕๙
๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๖๕๒๗
๔,๙๙๔,๗๖๘,๘๒๘.๙๐
๕,๒๓๑,๑๗๑.๑๐
๒๑/๒๘/๕๙
๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๖๘๔๖
๔,๙๙๔,๗๕๖,๖๑๒.๕๐
๕,๒๔๓,๓๘๗.๕๐
รวม
๒๐,๐๐๐
๑.๓๖๒๙๘
๑๙,๙๗๙,๑๑๐,๔๖๑.๓๐
๒๐,๘๘๙,๕๓๘.๗๐
๓.
ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ
๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔.
ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๓๘๕ ล้านบาท
โดยวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑
เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐
ล้านบาท และส่วนที่ ๒
เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมา จำนวน ๓๘๕
ล้านบาท เมื่อรวมกับการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๐,๖๓๒ ล้านบาท (เดือนตุลาคม
จำนวน ๒๖,๓๑๗ ล้านบาท และเดือนพฤศจิกายน จำนวน ๖๔,๓๑๕ ล้านบาท) จะทำให้มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ -
เงินสดจ่ายของรัฐบาลทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑๗๑,๐๑๗ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๘
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๔ เมษายน ๒๕๕๙
ชวัลพร/ตรวจ
๔ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๗๒ ง/หน้า ๑๓/๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ |
748489 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในวันที่
๙ และ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีรายละเอียดการกู้เงินดังนี้
รายละเอียดการกู้เงิน
วงเงินที่
๑
วงเงินที่
๒
วงเงินกู้
๑๐,๐๐๐
ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
๑๐,๐๐๐
ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
สถาบันการเงินที่ได้รับจัดสรร
ธนาคารออมสิน
๑. ธนาคารออมสิน จำนวน ๕,๐๐๐
ล้านบาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน)
๒. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๕,๐๐๐
ล้านบาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน)
อัตราดอกเบี้ยคงที่
(ร้อยละต่อปี)
๑.๕๐
๑.๕๐
อายุเงินกู้
๑
เดือน
๑
เดือน
วันที่เบิกเงินกู้ทั้งจำนวน
๙
มีนาคม ๒๕๕๙
๑๖
มีนาคม ๒๕๕๙
วันที่ครบกำหนดชำระ
๙
เมษายน ๒๕๕๙
๑๖
เมษายน ๒๕๕๙
๒.
กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วย หากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป
และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
๓.
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๔ มีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๔ เมษายน ๒๕๕๙
ชวัลพร/ตรวจ
๔ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๗๒ ง/หน้า ๑๑/๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ |
746776 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 9
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๙[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๙
ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๙ วงเงิน ๒๓,๗๗๙ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ (LB206A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๒,๖๘๒.๐๐๒ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔.๓๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๖
มิถุนายน และ ๒๖ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ในวงเงินไม่เกิน ๒๐,๐๐๐
ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่
สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) จำนวน ๔ แห่ง
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๒.๓
วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๔ แห่ง
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ จำนวน ๒๓,๗๗๙ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๙
ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
CB
๑๘,๙๐๐
๑๙,๖๘๕,๕๒๑,๘๗๑.๐๐
๗๒๒,๑๔๒,๒๓๓.๐๐
๖๓,๓๗๙,๖๓๘.๐๐
๑.๖๓๙๓
NCB
๑,๑๐๐
๑,๑๔๕,๗๑๘,๐๑๓.๐๐
๔๒,๐๒๙,๒๕๑.๐๐
๓,๖๘๘,๗๖๒.๐๐
GS
๓,๗๗๙
๓,๙๓๖,๐๖๒,๑๕๕.๕๗
๑๔๔,๓๘๙,๕๘๑.๓๙
๑๒,๖๗๒,๕๗๔.๑๘
รวม
๒๓,๗๗๙
๒๔,๗๖๗,๓๐๒,๐๓๙.๕๗
๙๐๘,๕๖๑,๐๖๕.๓๙
๗๙,๗๔๐,๙๗๔.๑๘
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๑
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๗ มีนาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๗ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕๕ ง/หน้า ๙/๔ มีนาคม ๒๕๕๙ |
746774 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 8
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๘[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๘
ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๘ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๙๓,๒๕๒ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๔๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๒
มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๙ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๘
ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๗ มกราคม ๒๕๕๙
๒๙ มกราคม ๒๕๕๙
CB
๑๐,๐๐๐
๑๒,๔๘๙,๒๕๗,๐๕๕.๐๕
๒,๔๓๘,๕๐๓,๖๕๕.๐๕
๕๐,๗๕๓,๔๐๐.๐๐
๒.๖๙๓๘
NCB
-
-
-
-
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๒,๔๘๙,๒๕๗,๐๕๕.๐๕
๒,๔๓๘,๕๐๓,๖๕๕.๐๕
๕๐,๗๕๓,๔๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๑
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๗ มีนาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๗ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕๕ ง/หน้า ๗/๔ มีนาคม ๒๕๕๙ |
746772 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 7
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๗[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๗
ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๗ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่
๑ (LB25DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๔๘,๘๕๓.๘๐๓ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๙๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒
มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๙ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๗
ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๖ มกราคม ๒๕๕๙
๘ มกราคม ๒๕๕๙
CB
๑๐,๐๐๐
๑๑,๐๙๖,๒๖๘,๒๑๕.๙๑
๑,๐๖๗,๗๘๘,๗๑๕.๙๑
๒๘,๔๗๙,๕๐๐.๐๐
๒.๖๒๐๗
NCB
-
-
-
-
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๑,๐๙๖,๒๖๘,๒๑๕.๙๑
๑,๐๖๗,๗๘๘,๗๑๕.๙๑
๒๘,๔๗๙,๕๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๑
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๗ มีนาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๗ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕๕ ง/หน้า ๕/๔ มีนาคม ๒๕๕๙ |
746692 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๒[๑]
ตามที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๑๓
มกราคม ๒๕๕๘ เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเบิกเงินกู้ เมื่อวันที่ ๒๐
มกราคม ๒๕๕๙ ได้มีการเบิกเงินกู้จริงจำนวน ๑,๔๓๓,๘๑๖,๙๔๓.๘๑ บาท
ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๒ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ มีการเปลี่ยนแปลง
นั้น
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
ข้อ
๑ กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ จากจำนวน ๑,๘๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งพันแปดร้อยสี่สิบล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๑,๔๓๓,๘๑๖,๙๔๓.๘๑ บาท
(หนึ่งพันสี่ร้อยสามสิบสามล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นหกพันเก้าร้อยสี่สิบสามบาทแปดสิบเอ็ดสตางค์)
ข้อ
๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น
เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๘ มีนาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๘ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๑๖/๓ มีนาคม ๒๕๕๙ |
746688 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ ได้ดำเนินการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๑๙ ตุลาคม
๒๕๕๘ - ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา
มูลนิธิ สถาบันอื่นที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ส่วนราชการสังกัดรัฐบาลกลาง
สหกรณ์ วัด และส่วนราชการสังกัดรัฐบาลท้องถิ่น รวมทั้งสิ้น ๔๖,๘๘๓ ราย โดยทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ
(ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วย
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด
(มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรและจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
๒.
ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์
ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
เป็นพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นอายุ ๓ ปี จำนวน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ ๓.๐๐ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๙
ตุลาคม ๒๕๖๑
๓.
พันธบัตรออมทรัพย์ข้างต้นมีการชำระดอกเบี้ยปีละ
๒ งวด คือ ในวันที่ ๑๙ เมษายน และ ๑๙ ตุลาคม ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด
การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร
โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วันและนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระดอกเบี้ยโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก
(ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์
ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย)
จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน
(กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ
วันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน
ก่อนวันถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย
๔.
การชำระคืนต้นเงินจะดำเนินการในวันครบกำหนดไถ่ถอน
หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย
จะเลื่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร
(Scripless) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระคืนต้นเงินโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก
(ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ)
ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด
กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร
การชำระคืนต้นเงินตามพันธบัตร
จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร
๕.
การจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้
๕.๑
ธนาคารตัวแทนจำหน่ายคิดค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรในอัตรา ๒๕๐ บาท ต่อรายการ
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Custodian แล้ว)
ซึ่งมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ
(ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง รวมทั้งสิ้น ๔๖,๘๘๓ ราย ซึ่งคิดเป็นค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตรรวมทั้งสิ้น ๑๑,๗๒๐,๗๕๐ บาท ทั้งนี้
ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะชำระค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร
(Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๑.๐๐
บาทต่อเดือน สำหรับราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร
๕.๒
ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ ได้คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายดังนี้
(๑)
ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ
๐.๐๕ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
(๒)
ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๘ มีนาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๘ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๑๔/๓ มีนาคม ๒๕๕๙ |
746490 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม
๒๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์
๑.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒.
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ได้รับเงินจำนวน ๑๙,๙๗๘,๘๘๒,๒๘๐.๐๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๒๑,๑๑๗,๗๒๐.๐๐ บาท
งวดที่
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วันที่
ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๑๔/๒๘/๕๙
๔ มกราคม ๒๕๕๙
๖ มกราคม ๒๕๕๙
๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๔๑๒๐๐
๔,๙๙๔,๕๘๙,๙๖๐.๐๐
๕,๔๑๐,๐๔๐.๐๐
๑๕/๒๘/๕๙
๑๑ มกราคม ๒๕๕๙
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๘๓๔๕
๔,๙๙๔,๖๙๙,๒๓๑.๔๐
๕,๓๐๐,๗๖๘.๖๐
๑๖/๒๘/๕๙
๑๘ มกราคม ๒๕๕๙
๒๐ มกราคม ๒๕๕๙
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๕๘๙๖
๔,๙๙๔,๗๙๒,๙๗๘.๖๐
๕,๒๐๗,๐๒๑.๔๐
๑๗/๒๘/๕๙
๒๕ มกราคม ๒๕๕๙
๒๗ มกราคม ๒๕๕๙
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
๒๘
๕,๐๐๐
๑.๓๕๗๑๐
๔,๙๙๔,๘๐๐,๑๑๐.๐๐
๕,๑๙๙,๘๙๐.๐๐
รวม
๒๐,๐๐๐
๑.๓๗๗๘๘
๑๙,๙๗๘,๘๘๒,๒๘๐.๐๐
๒๑,๑๑๗,๗๒๐.๐๐
๓.
ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ
๐.๐๐๕ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔.
ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนดเว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๓๘๕ ล้านบาท
โดยวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑
เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐
ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมา
จำนวน ๓๘๕ ล้านบาท
เมื่อรวมกับการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๐,๖๓๒ ล้านบาท (เดือนตุลาคม จำนวน ๒๖,๓๑๗ ล้านบาท และเดือนพฤศจิกายน จำนวน ๖๔,๓๑๕
ล้านบาท) จะทำให้มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ เงินสดจ่ายของรัฐบาลทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑๗๑,๐๑๗ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๑๐
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๘ มีนาคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๘ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕๑ ง/หน้า ๙/๑ มีนาคม ๒๕๕๙ |
746437 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
เมื่อวันที่
๒๕ มกราคม ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐
เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๗๙๙,๗๕๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)
โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ
๓๕.๙๙๕๐ บาท กับ Nomura International plc (Dealer) เพื่อปรับ โครงสร้างหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อแก่
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๙
โดยมีรายละเอียดของวงเงิน อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาต่าง ๆ ดังนี้
วงเงิน
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ
๑.๐๐ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน
บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๓๕๐ ต่อปี) อายุ ๑๘๐ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๕
กรกฎาคม ๒๕๕๙) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP เท่ากับ
๔๙,๗๕๑,๒๔๓.๗๘ เหรียญสหรัฐ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๙
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ
๓ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๔๗ ง/หน้า ๒/๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |
746435 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๒[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘
เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ได้มีการเบิกเงินกู้จริง จำนวน ๑,๖๔๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ
๓.๒ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม
๒๕๕๘ มีการเปลี่ยนแปลง
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
ข้อ
๑ กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินกู้โครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ จาก จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันล้านบาท) เป็นจำนวน ๑,๖๔๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งพันหกร้อยสี่สิบสี่ล้านบาท)
ข้อ
๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น
เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๘
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ
๓ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๔๗ ง/หน้า ๑/๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |
745655 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
เมื่อวันที่
๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังได้ตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐
เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๘๒๓,๒๑๕,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันแปดร้อยยี่สิบสามล้านสองแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ
๓๖.๔๖๔๓ บาท กับ Standard Chartered Bank (Dealers)
เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙
โดยมีรายละเอียดของวงเงิน อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาต่าง ๆ ดังนี้
วงเงิน
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ
๑.๐๒ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ
๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑๗๑๐ ต่อปี) อายุ ๑๘๐ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙)
และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP เท่ากับ ๔๙,๗๔๖,๒๙๔ เหรียญสหรัฐ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
วิศนี/ปริยานุช/จัดทำ
๒ มีนาคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๑/๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |
745099 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ (LB366A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๒๒,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๐.๔๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ครั้งที่ ๒ ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๐ มกราคม ๒๕๕๙
๒๒ มกราคม ๒๕๕๙
CB
๑๐,๗๐๐
๑๑,๔๐๗,๒๑๑,๒๗๔.๘๐
๖๗๑,๓๒๙,๖๘๐.๘๐
๓๕,๘๘๑,๕๙๔.๐๐
๒.๙๘๖๗
NCB
๓๐๐
๓๑๙,๘๒๗,๓๓๓.๐๐
๑๘,๘๒๑,๓๐๗.๐๐
๑,๐๐๖,๐๒๖.๐๐
รวม
๑๑,๐๐๐
๑๑,๗๒๗,๐๓๘,๖๐๗.๘๐
๖๙๐,๑๕๐,๙๘๗.๘๐
๓๖,๘๘๗,๖๒๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๘ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๘ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๓๑ ง/หน้า ๑๗/๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |
745096 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ (LB666A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๙,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๕๐.๔๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๙ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
๑๕ มกราคม ๒๕๕๙
CB
๘,๓๒๕
๘,๘๐๒,๙๐๗,๑๙๕.๗๕
๔๕๑,๔๔๙,๖๗๙.๗๕
๒๖,๔๕๗,๕๑๖.๐๐
๓.๗๕๙๐
NCB
๑,๖๗๕
๑,๗๗๑,๑๕๖,๓๒๓.๐๐
๙๐,๘๓๓,๐๓๙.๐๐
๕,๓๒๓,๒๘๔.๐๐
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๐,๕๗๔,๐๖๓,๕๑๘.๗๕
๕๔๒,๒๘๒,๗๑๘.๗๕
๓๑,๗๘๐,๘๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๘ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๘ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๓๑ ง/หน้า ๑๕/๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |
745092 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ (๓) และมาตรา ๒๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากธนาคารออมสิน
จำนวน ๔๔,๐๐๐ ล้านบาท (สี่หมื่นสี่พันล้านบาทถ้วน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ
๑.๕๐ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่
๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘
๒.
เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๑๑
ธันวาคม ๒๕๕๘
๓.
อายุเงินกู้ ๓ เดือน
นับตั้งแต่วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ครบกำหนดชำระวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙
๔.
กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วย หากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป
และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
๕.
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๘ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๘ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๓๑ ง/หน้า ๑๔/๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |
744749 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ.
การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีวิธีการจัดจำหน่าย ดังนี้
๑.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์
๑.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
๒.
ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ได้รับเงินจำนวน ๑๙,๙๒๕,๕๕๘,๕๓๒.๗๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๗๔,๔๔๑,๔๖๗.๓๐ บาท
งวดที่
วันที่จำหน่าย
วันที่ชำระเงิน
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๑/๙๑/๕๙
๔ ธันวาคม ๒๕๕๘
๙ ธันวาคม ๒๕๕๘
๙ มีนาคม ๒๕๕๙
๙๑
๑๐,๐๐๐
๑.๔๙๘๙๔
๙,๙๖๒,๗๖๘,๓๑๗.๐๐
๓๗,๒๓๑,๖๘๓.๐๐
๒/๙๑/๕๙
๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๘
๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘
๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙
๙๑
๑๐,๐๐๐
๑.๔๙๘๐๖
๙,๙๖๒,๗๙๐,๒๑๕.๗๐
๓๗,๒๐๙,๗๘๔.๓๐
รวม
๒๐,๐๐๐
๑.๔๙๘๕๐
๑๙,๙๒๕,๕๕๘,๕๓๒.๗๐
๗๔,๔๔๑,๔๖๗.๓๐
๓.
ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ร้อยละ
๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้
ประกาศ ณ วันที่ ๒๐
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ
๓ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๓ ง/หน้า ๓/๒๗ มกราคม ๒๕๕๙ |
744745 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม
๗๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม
๑.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒.
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๗๐,๐๐๐ ล้านบาท
ได้รับเงินจำนวน ๖๙,๙๒๐,๐๒๙,๓๕๘.๙๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๗๙,๙๗๐,๖๔๑.๑๐ บาท
งวดที่
วันที่จำหน่าย
วันที่ชำระเงิน
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๙/๒๘/๕๙
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
๒ ธันวาคม ๒๕๕๘
๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘
๒๘
๑๔,๐๐๐
๑.๔๙๔๔๒
๑๓,๙๘๓,๙๖๘,๗๑๒.๐๐
๑๖,๐๓๑,๒๘๘.๐๐
๑๐/๒๘/๕๙
๔ ธันวาคม ๒๕๕๘
๙ ธันวาคม ๒๕๕๘
๖ มกราคม ๒๕๕๙
๒๘
๑๔,๐๐๐
๑.๔๙๒๘๗
๑๓,๙๘๓,๙๘๕,๓๔๖.๒๐
๑๖,๐๑๔,๖๕๓.๘๐
๑๑/๒๘/๕๙
๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๘
๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
๒๘
๑๔,๐๐๐
๑.๔๙๔๑๔
๑๓,๙๘๓,๙๗๑,๗๒๗.๓๐
๑๖,๐๒๘,๒๗๒.๗๐
๑๒/๒๘/๕๙
๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๘
๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘
๒๐ มกราคม ๒๕๕๙
๒๘
๑๔,๐๐๐
๑.๔๙๔๔๘
๑๓,๙๘๓,๙๖๘,๐๓๓.๔๐
๑๖,๐๓๑,๙๖๖.๖๐
๑๓/๒๘/๕๙
๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘
๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘
๒๗ มกราคม ๒๕๕๙
๒๘
๑๔,๐๐๐
๑.๔๗๘๘๖
๑๓,๙๘๔,๑๓๕,๕๔๐.๐๐
๑๕,๘๖๔,๔๖๐.๐๐
รวม
๗๐,๐๐๐
๑.๔๙๐๙๕
๖๙,๙๒๐,๐๒๙,๓๕๘.๙๐
๗๙,๙๗๐,๖๔๑.๑๐
๓.
ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ
๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔.
ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๓๘๕ ล้านบาท
ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑
เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท
และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน
๓๘๕ ล้านบาท เมื่อรวมกับการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๐,๖๓๒ ล้านบาท (เดือนตุลาคม
จำนวน ๒๖,๓๑๗ ล้านบาท และเดือนพฤศจิกายน จำนวน ๖๔,๓๑๕ ล้านบาท) จะทำให้มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ -
เงินสดจ่ายของรัฐบาล ทั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑๗๑,๐๑๗ ล้านบาท
ประกาศ ณ วันที่ ๒๑
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ
๓ กุมภาพันธ์
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๓ ง/หน้า ๑/๒๗ มกราคม ๒๕๕๙ |
744310 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ตามมติเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐
(๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑.
ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด
(มหาชน)
๒.
วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
และเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย
๓.
รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑
ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๑๘
มกราคม ๒๕๖๑
๓.๒
วงเงินกู้รวมจำนวน ๗,๘๘๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดพันแปดร้อยแปดสิบหกล้านบาทถ้วน) โดยแบ่งเป็น
๔ วงเงิน ดังนี้
วงเงินที่
๑ จำนวน ๖๖๐,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท (หกร้อยหกสิบล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
วงเงินที่
๒ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท (สองพันล้านบาทถ้วน)
สำหรับโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา -
คลองสิบเก้า - แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน ๓ แห่ง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
วงเงินที่
๓ จำนวน ๔,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท (สี่พันห้าร้อยล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
วงเงินที่
๔ จำนวน ๗๒๖,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท (เจ็ดร้อยยี่สิบหกล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการจัดหารถไฟฟ้าธรรมดา
(City Line Airport Rail Link) จำนวน ๗ ขบวน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
๓.๓
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ จนถึงวันที่ ๑๘
มกราคม ๒๕๖๐ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๔
อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๒๔ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ
(BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕
การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด
๖ เดือน ในวันที่ ๑๘ มกราคม และ ๑๘ กรกฎาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก
ในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑
พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖
เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดไป
๓.๖
การชำระต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน
ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๑
๓.๗
การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย
ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
๓.๙
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๕ มกราคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๒๙ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๘ ง/หน้า ๒๓/๒๒ มกราคม ๒๕๕๙ |
743652 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
และระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑.
ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด
(มหาชน)
๒.
วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒
๓.
รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑
ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
๓.๒
วงเงินกู้ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
๓.๓
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๘
มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๔
อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๑๓ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕
การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด
๖ เดือน ในวันที่ ๑๘ มิถุนายน และ ๑๘ ธันวาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก
ในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ย งวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ
วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน
หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ณ วันประมูลเงินกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดมา
๓.๖
การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน
ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๐
๓.๗
การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ
พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
๓.๙
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๑๘
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๔ มกราคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๘ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๗ ง/หน้า ๑๐/๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ |
743484 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 6
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๖[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๖ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นพันธบัตรรุ่นใหม่ (New Issue) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๙,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๕๐.๕๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗
มิถุนายน ๒๖๐๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัย และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ จำนวน ๙,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
CB
๘,๐๐๐
๘,๒๔๗,๗๓๘,๔๒๒.๐๐
๒๔๗,๗๓๘,๔๒๒.๐๐
-
๓.๘๖๐๓
NCB
๑,๐๐๐
๑,๐๓๐,๙๗๐,๓๐๐.๐๐
๓๐,๙๗๐,๓๐๐.๐๐
-
รวม
๙,๐๐๐
๙,๒๗๘,๗๐๘,๗๒๒.๐๐
๒๗๘,๗๐๘,๗๒๒.๐๐
-
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ (เนื่องจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ จำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘
จึงมีค่าธรรมเนียมในการจัดการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในอัตราเดิม)
สำหรับดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
กำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕ ของดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน
สำหรับตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประกาศ ณ วันที่ ๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕ ง/หน้า ๑๒/๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ |
743481 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 5
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นพันธบัตรรุ่นใหม่ (New Issue) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๑,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๒๐.๕๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗
มิถุนายน ๒๕๗๙ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗
มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ จำนวน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
CB
๑๐,๑๐๐
๑๐,๒๘๕,๘๒๗,๘๙๒.๗๕
๑๘๕,๘๒๗,๘๙๒.๗๕
-
๓.๒๗๖๕
NCB
๙๐๐
๙๑๖,๕๕๖,๕๕๓.๐๐
๑๖,๕๕๖,๕๕๓.๐๐
-
รวม
๑๑,๐๐๐
๑๑,๒๐๒,๓๘๔,๔๔๕.๗๕
๒๐๒,๓๘๔,๔๔๕.๗๕
-
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ (เนื่องจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕
จำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ จึงมีค่าธรรมเนียมในการจัดการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในอัตราเดิม)
สำหรับดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืนกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๐๕ ของดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน
สำหรับตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประกาศ ณ วันที่ ๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕ ง/หน้า ๑๐/๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ |
743479 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 4
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๔ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔
ครั้งที่ ๑ (LB25DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๓๘,๘๕๓.๘๐๓ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๐.๐๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒
มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ จำนวน
๑๓,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่
๔ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
CB
๑๒,๙๕๐
๑๔,๔๕๕,๖๑๘,๔๗๑.๗๕
๑,๒๙๕,๒๖๐,๗๔๓.๗๕
๒๑๐,๓๕๗,๗๒๘.๐๐
๒.๗๐๘๖
NCB
๕๐
๕๕,๘๑๓,๒๓๐.๕๐
๕,๐๐๑,๐๓๘.๕๐
๘๑๒,๑๙๒.๐๐
รวม
๑๓,๐๐๐
๑๔,๕๑๑,๔๓๑,๗๐๒.๒๕
๑,๓๐๐,๒๖๑,๗๘๒.๒๕
๒๑๑,๑๖๙,๙๒๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ (เนื่องจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๔
จำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ จึงมีค่าธรรมเนียมในการจัดการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในอัตราเดิม)
สำหรับดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
กำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน
สำหรับตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประกาศ ณ วันที่ ๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕ ง/หน้า ๘/๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ |
743477 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 3
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๓ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๒๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๘๓,๒๕๒ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๖๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๒
มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและสำนักงานประกันสังคม
๒.๒
วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท และวันที่ ๒ ธันวาคม
๒๕๕๘ จำนวน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘
๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘
CB
๑๓,๐๐๐
๑๖,๒๐๘,๐๔๙,๖๗๒.๗๘
๒,๙๘๒,๓๓๐,๕๔๒.๗๘
๒๒๕,๗๑๙,๑๓๐.๐๐
๒.๘๓๕๐
NCB
-
-
-
-
รวม
๑๓,๐๐๐
๑๖,๒๐๘,๐๔๙,๖๗๒.๗๘
๒,๙๘๒,๓๓๐,๕๔๒.๗๘
๒๒๕,๗๑๙,๑๓๐.๐๐
๒ ธันวาคม ๒๕๕๘
๔ ธันวาคม ๒๕๕๘
CB
๑๒,๔๐๐
๑๕,๔๐๓,๐๙๑,๐๔๖.๑๘
๒,๗๒๙,๘๒๓,๙๓๘.๑๘
๒๗๓,๒๖๗,๑๐๘.๐๐
๒.๘๙๘๑
NCB
๖๐๐
๗๔๕,๓๐๗,๗๓๖.๐๐
๑๓๒,๐๘๕,๑๓๔.๐๐
๑๓,๒๒๒,๖๐๒.๐๐
รวม
๑๓,๐๐๐
๑๖,๑๔๘,๓๙๘,๗๘๒.๑๘
๒,๘๖๑,๙๐๙,๐๗๒.๑๘
๒๘๖,๔๘๙,๗๑๐.๐๐
รวมทั้งสิ้น
CB
๒๕,๔๐๐
๓๑,๖๑๑,๑๔๐,๗๑๘.๙๖
๕,๗๑๒,๑๕๔,๔๘๐.๙๖
๔๙๘,๙๘๖,๒๓๘.๐๐
๒.๘๖๖๖
NCB
๖๐๐
๗๔๕,๓๐๗,๗๓๖.๐๐
๑๓๒,๐๘๕,๑๓๔.๐๐
๑๓,๒๒๒,๖๐๒.๐๐
รวม
๒๖,๐๐๐
๓๒,๓๕๖,๔๔๘,๔๕๔.๙๖
๕,๘๔๔,๒๓๙,๖๑๔.๙๖
๕๑๒,๒๐๘,๘๔๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ (เนื่องจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓ จำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคมและเดือนธันวาคม ๒๕๕๘
จึงมีค่าธรรมเนียมในการจัดการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในอัตราเดิม)
สำหรับดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน กำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๐๕ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน
สำหรับตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประกาศ ณ วันที่ ๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕ ง/หน้า ๖/๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ |
743475 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒ โดยมีเงื่อนไข และสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๑๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๒๐,๒๕๕ ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๘.๗๐ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙
มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑
วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๙,๐๐๐ ล้านบาท และวันที่ ๘ ธันวาคม
๒๕๕๘ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
CB
๘,๔๐๐
๑๐,๐๙๙,๔๗๖,๒๗๔.๔๐
๑,๕๗๑,๔๔๕,๓๒๒.๔๐
๑๒๘,๐๓๐,๙๕๒.๐๐
๓.๖๒๐๔
NCB
๖๐๐
๗๒๑,๓๘๗,๘๑๘.๐๐
๑๑๒,๒๔๒,๗๕๐.๐๐
๙,๑๔๕,๐๖๘.๐๐
รวม
๙,๐๐๐
๑๐,๘๒๐,๘๖๔,๐๙๒.๔๐
๑,๖๘๓,๖๘๘,๐๗๒.๔๐
๑๓๗,๑๗๖,๐๒๐.๐๐
๘ ธันวาคม ๒๕๕๘
๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘
CB
๙,๑๐๐
๑๑,๐๒๓,๘๗๕,๕๖๒.๔๐
๑,๗๓๑,๕๖๐,๑๖๖.๔๐
๑๙๒,๓๑๕,๓๙๖.๐๐
๓.๖๐๒๑
NCB
๙๐๐
๑,๐๙๐,๒๗๕,๒๑๐.๐๐
๑๗๑,๒๕๕,๐๐๖.๐๐
๑๙,๐๒๐,๒๐๔.๐๐
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๒,๑๑๔,๑๕๐,๗๗๒.๔๐
๑,๙๐๒,๘๑๕,๑๗๒.๔๐
๒๑๑,๓๓๕,๖๐๐.๐๐
รวมทั้งสิ้น
CB
๑๗,๕๐๐
๒๑,๑๒๓,๓๕๑,๘๓๖.๘๐
๓,๓๐๓,๐๐๕,๔๘๘.๘๐
๓๒๐,๓๔๖,๓๔๘.๐๐
๓.๖๑๐๘
NCB
๑,๕๐๐
๑,๘๑๑,๖๖๓,๐๒๘.๐๐
๒๘๓,๔๙๗,๗๕๖.๐๐
๒๘,๑๖๕,๒๗๒.๐๐
รวม
๑๙,๐๐๐
๒๒,๙๓๕,๐๑๔,๘๖๔.๘๐
๓,๕๘๖,๕๐๓,๒๔๔.๘๐
๓๔๘,๕๑๑,๖๒๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ (เนื่องจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ จำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคมและเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ จึงมีค่าธรรมเนียมในการจัดการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในอัตราเดิม)
สำหรับดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
กำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน
สำหรับตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประกาศ ณ วันที่ ๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕ ง/หน้า ๔/๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ |
743473 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๕๐,๖๑๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑
พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ (LB206A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๐๘,๙๐๓.๐๐๒
ล้านบาท
๑.๒
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔.๖๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่
๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕๕ ต่อปี
ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน และ ๒๖ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ในวงเงินไม่เกิน ๕๑,๐๐๐ ล้านบาท
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่
สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) จำนวน ๑๔ แห่ง
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB)
ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๒.๓
วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๑๓ แห่ง
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘
และวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
CB
๒๐,๐๐๐
๒๐,๕๒๔,๙๘๕,๗๗๔.๗๐
๓๕๔,๕๑๙,๙๗๔.๗๐
๑๗๐,๔๖๕,๘๐๐.๐๐
๒.๑๔๗๗
NCB
-
-
-
-
GS
๓,๗๐๗
๓,๘๐๔,๓๐๑,๗๘๐.๘๔
๖๕,๗๐๕,๙๔๔.๘๑
๓๑,๕๙๕,๘๓๖.๐๓
รวม
๒๓,๗๐๗
๒๔,๓๒๙,๒๘๗,๕๕๕.๕๔
๔๒๐,๒๒๕,๙๑๙.๕๑
๒๐๒,๐๖๑,๖๓๖.๐๓
๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘
CB
๒๒,๒๐๐
๒๒,๖๖๙,๙๑๕,๔๕๒.๐๐
๔๗๑,๔๖๖,๓๔๔.๐๐
-๑,๕๕๐,๘๙๒.๐๐
๒.๐๕๓๘
NCB
๓๐๐
๓๐๖,๓๕๐,๑๖๖.๐๐
๖,๓๗๑,๑๒๔.๐๐
-๒๐,๙๕๘.๐๐
GS
๔,๔๐๕
๔,๔๙๘,๒๔๑,๖๐๔.๑๐
๙๓,๕๔๙,๓๓๗.๔๐
-๓๐๗,๗๓๓.๓๐
รวม
๒๖,๙๐๕
๒๗,๔๗๔,๕๐๗,๒๒๒.๑๐
๕๗๑,๓๘๖,๘๐๕.๔๐
-๑,๘๗๙,๕๘๓.๓๐
รวมทั้งสิ้น
CB
๔๒,๒๐๐
๔๓,๑๙๔,๙๐๑,๒๒๖.๗๐
๘๒๕,๙๘๖,๓๑๘.๗๐
๑๖๘,๙๑๔,๙๐๘.๐๐
๒.๐๙๗๘
NCB
๓๐๐
๓๐๖,๓๕๐,๑๖๖.๐๐
๖,๓๗๑,๑๒๔.๐๐
-๒๐,๙๕๘.๐๐
GS
๘,๑๑๒
๘,๓๐๒,๕๔๓,๓๘๔.๙๔
๑๕๙,๒๕๕,๒๘๒.๒๑
๓๑,๒๘๘,๑๐๒.๗๓
รวม
๕๐,๖๑๒
๕๑,๘๐๓,๗๙๔,๗๗๗.๖๔
๙๙๑,๖๑๒,๗๒๔.๙๑
๒๐๐,๑๘๒,๐๕๒.๗๓
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ (เนื่องจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๑
จำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคมและเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ จึงมีค่าธรรมเนียมในการจัดการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในอัตราเดิม)
สำหรับดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
กำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕
ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน
สำหรับตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประกาศ ณ วันที่ ๖
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕ ง/หน้า ๒/๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ |
743048 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน สำหรับตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของกระทรวงการคลัง
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงิน
สำหรับตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของกระทรวงการคลัง[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินสำหรับตั๋วเงินคลังและพันธบัตรที่ออกโดยกระทรวงการคลังได้มีการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการจัดการตราสารหนี้ภาครัฐ
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
อัตราค่าธรรมเนียมการทำหน้าที่นายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินสำหรับพันธบัตรทุกรุ่นของกระทรวงการคลังที่ยังมียอดคงค้างตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ตลอดจนตั๋วเงินคลังและพันธบัตรที่จะดำเนินการออกในอนาคตภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฉบับอื่นได้ปรับลดลงจากประกาศเดิมเป็นดังนี้
๑. ตั๋วเงินคลัง คิดอัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ
๐.๐๐๕ ของมูลค่าการจำหน่าย
๒. พันธบัตรรัฐบาล คิดอัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ ๐.๐๕
ของมูลค่าการจำหน่ายการจ่ายดอกเบี้ยและต้นเงิน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๘
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปุณิกา/ปริยานุช/จัดทำ
๘ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๕๑ ง/หน้า ๘/๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ |
741916 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๑๑
พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ
และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ
และเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย
สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ
และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเบิกเงินกู้เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
ได้มีการเบิกเงินกู้จริงจำนวน ๙,๔๖๑,๙๙๓,๖๔๑.๙๙ บาท ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๒ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ มีการเปลี่ยนแปลง
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
ข้อ
๑ กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ จากจำนวน ๒๑,๙๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๙,๔๖๑,๙๙๓,๖๔๑.๙๙ บาท
(เก้าพันสี่ร้อยหกสิบเอ็ดล้านเก้าแสนเก้าหมื่นสามพันหกร้อยสี่สิบเอ็ดบาทเก้าสิบเก้าสตางค์)
ประกอบด้วย
วงเงินที่
๑ จำนวน ๓,๑๒๑,๑๓๗,๗๑๙.๑๗ บาท
(สามพันหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนสามหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยสิบเก้าบาทสิบเจ็ดสตางค์)
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ -
ท่าพระ
วงเงินที่
๒ จำนวน ๒,๘๕๐,๘๕๕,๙๒๒.๘๒ บาท
(สองพันแปดร้อยห้าสิบล้านแปดแสนห้าหมื่นห้าพันเก้าร้อยยี่สิบสองบาทแปดสิบสองสตางค์)
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ
วงเงินที่
๓ จำนวน ๓,๔๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(สามพันสี่ร้อยเก้าสิบล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ
ข้อ
๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น
เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๔
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช
,กัญฑรัตน์/จัดทำ
๒๒ ธันวาคม
๒๕๕๘
นุสรา/ตรวจ
๒๒ ธันวาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๓๓ ง/หน้า ๕/๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ |
741371 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
และระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑.
ผู้ให้กู้ : ธนาคารออมสิน
๒.
วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒
๓.
รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑
ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
๓.๒
วงเงินกู้ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
๓.๓
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ จนถึงวันที่
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๔
อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๑๓๗ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕
การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด
๖ เดือน ในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม และ ๒๓ พฤศจิกายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก
ในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ
วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน
หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดมา
๓.๖
การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน
ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
๓.๗
การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ชำระคืนก่อนกำหนด
พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
๓.๙
ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๐
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๑๔ ธันวาคม
๒๕๕๘
วิศนี/ตรวจ
๑๑ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๒๓ ง/หน้า ๒/๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ |
741369 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินก่อนครบกำหนดในวันที่ 8 มกราคม 2559 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินก่อนครบกำหนดในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๙[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และข้อ ๓ วรรคสองแห่งประกาศกระทรวงการคลัง ๒ ฉบับ
ประกอบด้วย ๑) ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
โดยเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๓,๐๐๐
ล้านบาท และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
โดยเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้กับธนาคารออมสิน จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท
ซึ่งกระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
โดยที่เป็นการสมควรชำระคืนต้นเงินกู้ให้กับธนาคารทหารไทย
จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสินสำหรับตั๋วสัญญาใช้เงินตามประกาศกระทรวงการคลังทั้ง
๒ ฉบับ ดังกล่าว โดยกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้จำนวนรวม ๙,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(เก้าพันล้านบาทถ้วน) พร้อมชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๙
โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายการ
วงเงิน
(ล้านบาท)
อายุ
อัตราดอกเบี้ย
งวดแรก
(ร้อยละต่อปี)
สถาบันการเงินผู้ให้กู้
ปรับอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยงวด
ชำระในวันที่
๑๘ ก.พ. ๕๙
(ร้อยละต่อปี)
วันครบกำหนด
ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการ
บริหารหนี้
ใน
ปีงบประมาณ
พ.ศ.
๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๒)
๓,๐๐๐
๖ ปี
๑.๔๙
ธนาคารทหารไทย
จำกัด
(มหาชน)
FDR* ๖M
+๐.๗๙
๒.๐๑๕
๑๘ ก.พ. ๕๙
๓,๐๐๐
๖ ปี
๑.๔๙
ธนาคารออมสิน
FDR* ๖M
+๐.๗๙
๒.๐๑๕
๑๘ ก.พ. ๕๙
๓,๐๐๐
๖ ปี
๑.๕๐
ธนาคารออมสิน
FDR* ๖M
+๐.๘๐
๒.๐๒๕
๑๘ ก.พ. ๕๙
หมายเหตุ *
คืออัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา
เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ ๔ แห่ง ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพฯ
ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารกสิกรไทยฯ และธนาคารไทยพาณิชย์ฯ
ประกาศ ณ วันที่ ๓
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
สุทธิรัตน์ รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๑๔ ธันวาคม
๒๕๕๘
วิศนี/ตรวจ
๑๑ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๒๓ ง/หน้า ๑/๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ |
740262 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
และระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. ผู้ให้กู้ :
ธนาคารออมสิน
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้
: เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑
๓. รายละเอียดเงื่อนไข
:
๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
เป็นต้นไป
๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการ
๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๐๓๑ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕ การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน
ในวันที่ ๖ พฤษภาคม และ ๖ พฤศจิกายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๖
พฤษภาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้
ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ
วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยเพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดมา
๓.๖ การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ชำระคืนก่อนกำหนด
พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
สุทธิรัตน์
รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
วิศนี/ตรวจ
๒๒ ธันวาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๐๓ ง/หน้า ๑๓/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ |
740062 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑
กันยายน ๒๕๕๘ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. ผู้ให้กู้ :
ธนาคารออมสิน
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ
และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย
สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ
๓. รายละเอียดเงื่อนไข
:
๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
ครบกำหนดชำระในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
๓.๒ วงเงินกู้รวมจำนวน ๘,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดพันหนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน)
โดยแบ่งเป็น ๓ วงเงิน ดังนี้
วงเงินที่ ๑ จำนวน ๓,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันเจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ
วงเงินที่ ๒ จำนวน ๑,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ
วงเงินที่ ๓ จำนวน ๒,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันเจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ
๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการ
๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
บวกร้อยละ ๐.๐๒๗๒ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน
หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕ การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน
ในวันที่ ๙ พฤษภาคม และ ๙ พฤศจิกายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๙
พฤษภาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖
เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ
วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยเพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดไป
๓.๖ การชำระต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย
ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
สุทธิรัตน์
รัตนโชติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๑๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
วิศนี/ตรวจ
๑๖ ธันวาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง/หน้า ๓/๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ |
739155 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 5
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗
ครั้งที่ ๕[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๕๗ วงเงินกู้จำนวน ๔๖๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย
สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง)
ช่วงบางซื่อ - รังสิต และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเบิกเงินกู้เมื่อวันที่ ๑๕
กันยายน ๒๕๕๘ ได้มีการเบิกเงินกู้จริงจำนวน ๓๙๘,๔๕๘,๑๒๐.๑๐ บาท ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๒
ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗
ครั้งที่ ๕ มีการเปลี่ยนแปลง
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ จากจำนวน ๔๖๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่ร้อยหกสิบสี่ล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๓๙๘,๔๕๘,๑๒๐.๑๐ บาท (สามร้อยเก้าสิบแปดล้านสี่แสนห้าหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยยี่สิบบาทสิบสตางค์)
ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น
เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประสิทธิ์
สืบชนะ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้
รักษาราชการแทน
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/กัญฑรัตน์/จัดทำ
๑๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
/ตรวจ
๑๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๘๒ ง/หน้า ๒/๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ |
738323 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑.
ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open)
พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (LBA37DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๒๐๔,๓๗๘.๙๘๓ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๒.๒๗ ปี
โดยจะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี
โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กันเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒
ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒
ธันวาคม ๒๕๘๐
หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี
จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี
หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้
เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป
๒.
วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB)
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐
ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓.
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๘
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๙ กันยายน
๒๕๕๘
๑๑ กันยายน ๒๕๕๘
CB
๑๐,๐๐๐
๑๐,๘๐๔,๔๗๑,๓๖๗.๗๐
๖๙๘,๒๖๓,๑๖๗.๗๐
๑๐๖,๒๐๘,๒๐๐.๐๐
๓.๗๖๖๓
NCB
-
-
-
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๐,๘๐๔,๔๗๑,๓๖๗.๗๐
๖๙๘,๒๖๓,๑๖๗.๗๐
๑๐๖,๒๐๘,๒๐๐.๐๐
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
อำนวย ปรีมนวงศ์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
รักษาราชการแทน
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
ปริญสินีย์/ตรวจ
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง/หน้า ๒๔/๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
738321 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ ฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 6 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๖[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากธนาคารกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๒ ต่อปี
เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในวันที่
๒ กันยายน ๒๕๕๘
๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่
๒ กันยายน ๒๕๕๘
๓. อายุเงินกู้ ๑ เดือน
นับตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๘ ครบกำหนดชำระวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๘
๔. กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วยหากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป
และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด
ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
อำนวย ปรีมนวงศ์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
รักษาราชการแทน
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/จัดทำ
๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
ปริญสินีย์/ตรวจ
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง/หน้า ๒๓/๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737422 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 14 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑๔[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑๔ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๔ วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๐๑,๒๕๕ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๘.๘๔ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๔ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒ กันยายน
๒๕๕๘
๔ กันยายน
๒๕๕๘
CB
๔,๒๕๕
๕,๐๓๐,๔๕๐,๒๙๙.๔๕
๗๓๘,๙๓๕,๙๗๔.๔๐
๓๖,๕๑๔,๓๒๕.๐๕
๓.๖๙๐๕
NCB
-
-
-
รวม
๔,๒๕๕
๕,๐๓๐,๔๕๐,๒๙๙.๔๕
๗๓๘,๙๓๕,๙๗๔.๔๐
๓๖,๕๑๔,๓๒๕.๐๕
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประสิทธิ์
สืบชนะ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้
รักษาราชการแทน
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง/หน้า ๘/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737420 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 13 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑๓ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๓ วงเงิน ๗,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๖๕,๙๐๒ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๕.๘๔ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ บริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๓ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๖ สิงหาคม
๒๕๕๘
๒๘ สิงหาคม
๒๕๕๘
CB
๖,๕๐๐
๗,๗๗๐,๕๘๕,๔๗๕.๐๐
๑,๒๐๘,๓๙๙,๑๙๕.๐๐
๖๒,๑๘๖,๒๘๐.๐๐
๓.๙๖๕๙
NCB
๕๐๐
๕๙๗,๗๓๗,๓๖๐.๐๐
๙๒,๙๕๓,๘๐๐.๐๐
๔,๗๘๓,๕๖๐.๐๐
รวม
๗,๐๐๐
๘,๓๖๘,๓๒๒,๘๓๕.๐๐
๑,๓๐๑,๓๕๒,๙๙๕.๐๐
๖๖,๙๖๙,๘๔๐.๐๐
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประสิทธิ์
สืบชนะ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้
รักษาราชการแทน
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง/หน้า ๖/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737418 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 12 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๒ วงเงิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๕๗,๒๕๒ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๘๗ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้งในวันที่ ๒๒ มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทหลักทรัพย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท
และวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๘ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๒
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๑ สิงหาคม
๒๕๕๘
๑๔ สิงหาคม
๒๕๕๘
CB
๖,๐๐๐
๗,๑๖๔,๗๓๑,๙๖๐.๓๐
๑,๑๒๒,๒๕๙,๓๔๐.๓๐
๔๒,๔๗๒,๖๒๐.๐๐
๓.๑๙๓๐
NCB
-
-
-
-
รวม
๖,๐๐๐
๗,๑๖๔,๗๓๑,๙๖๐.๓๐
๑,๑๒๒,๒๕๙,๓๔๐.๓๐
๔๒,๔๗๒,๖๒๐.๐๐
๒๓ กันยายน
๒๕๕๘
๒๕ กันยายน
๒๕๕๘
CB
๖,๐๐๐
๗,๒๕๕,๒๙๘,๓๘๒.๐๐
๑,๑๗๙,๑๖๘,๒๒๒.๐๐
๗๖,๑๓๐,๑๖๐.๐๐
๓.๑๐๖๐
NCB
-
-
-
-
รวม
๖,๐๐๐
๗,๒๕๕,๒๙๘,๓๘๒.๐๐
๑,๑๗๙,๑๖๘,๒๒๒.๐๐
๗๖,๑๓๐,๑๖๐.๐๐
รวมทั้งสิ้น
CB
๑๒,๐๐๐
๑๔,๔๒๐,๐๓๐,๓๔๒.๓๐
๒,๓๐๑,๔๒๗,๕๖๒.๓๐
๑๑๘,๖๐๒,๗๘๐.๐๐
๓.๑๔๙๕
NCB
-
-
-
-
รวม
๑๒,๐๐๐
๑๔,๔๒๐,๐๓๐,๓๔๒.๓๐
๒,๓๐๑,๔๒๗,๕๖๒.๓๐
๑๑๘,๖๐๒,๗๘๐.๐๐
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประสิทธิ์
สืบชนะ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้
รักษาราชการแทน
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง/หน้า ๔/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737416 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 11 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๑ วงเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ (LB206A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๘,๒๙๑.๐๐๒ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔.๙๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน
ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน และ ๒๖ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
และวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๑
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่
ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๘ กรกฎาคม
๒๕๕๘
๑๐ กรกฎาคม
๒๕๕๘
CB
๑๙,๗๐๐
๑๙,๙๘๘,๘๕๑,๓๒๑.๑๘
๒๖๙,๕๘๓,๑๔๕.๑๘
๑๙,๒๖๘,๑๗๖.๐๐
๒.๒๕๖๑
NCB
๓๐๐
๓๐๔,๓๙๙,๓๖๕.๐๐
๔,๑๐๕,๙๔๑.๐๐
๒๙๓,๔๒๔.๐๐
รวม
๒๐,๐๐๐
๒๐,๒๙๓,๒๕๐,๖๘๖.๑๘
๒๗๓,๖๘๙,๐๘๖.๑๘
๑๙,๕๖๑,๖๐๐.๐๐
๑๙ สิงหาคม
๒๕๕๘
๒๑ สิงหาคม
๒๕๕๘
CB
๒๐,๐๐๐
๒๐,๕๓๐,๔๗๓,๓๐๐.๐๐
๔๕๒,๒๒๖,๗๐๐.๐๐
๗๘,๒๔๖,๖๐๐.๐๐
๒.๐๕๖๕
NCB
-
-
-
-
รวม
๒๐,๐๐๐
๒๐,๕๓๐,๔๗๓,๓๐๐.๐๐
๔๕๒,๒๒๖,๗๐๐.๐๐
๗๘,๒๔๖,๖๐๐.๐๐
รวมทั้งสิ้น
CB
๓๙,๗๐๐
๔๐,๕๑๙,๓๒๔,๖๒๑.๑๘
๗๒๑,๘๐๙,๘๔๕.๑๘
๙๗,๕๑๔,๗๗๖.๐๐
๒.๑๕๖๓
NCB
๓๐๐
๓๐๔,๓๙๙,๓๖๕.๐๐
๔,๑๐๕,๙๔๑.๐๐
๒๙๓,๔๒๔.๐๐
รวม
๔๐,๐๐๐
๔๐,๘๒๓,๗๒๓,๙๘๖.๑๘
๗๒๕,๙๑๕,๗๘๖.๑๘
๙๗,๘๐๘,๒๐๐.๐๐
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ประสิทธิ์
สืบชนะ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้
รักษาราชการแทน
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๕๖ ง/หน้า ๒/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737408 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 4
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
และระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินโดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. ผู้ให้กู้ :
ธนาคารออมสิน
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้
: เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๔
๓. รายละเอียดเงื่อนไข
:
๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘
เป็นต้นไป
๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการ
๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๐๔๕ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕ การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน
ในวันที่ ๓๐ มีนาคม และ ๓๐ กันยายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๓๐
มีนาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้
ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ
วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดมา
๓.๖ การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐
๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้ต้นเงินที่ชำระคืนก่อนกำหนด
พร้อมกับการชำระต้นเงินก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๕๔ ง/หน้า ๔/๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737406 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
รายงานผลการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน
โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขของการกู้เงินดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ อายุ ๑ ปี ให้กับธนาคารออมสินเป็นจำนวนเงิน ๑๐,๑๑๕ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งร้อยสิบห้าล้านบาทถ้วน)
๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้จะออกให้กับธนาคารออมสินในวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๕๘
๓. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกตามในข้อ
๒ มีกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙
๔. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
(อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน
ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย) บวกด้วย Spread โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุก
๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙
และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับร้อยละ ๑.๗๘๓๓๓ ต่อปี
สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ย ในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนถัดไป
๕. การชำระดอกเบี้ย
ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือวันที่ ๓๐
มีนาคม และ ๓๐ กันยายน
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้
๖. การชำระคืนต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
และจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนดพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนกำหนดนั้นด้วย
โดยหากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป
และได้รับยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พงษ์ภาณุ
เศวตรุนทร์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพย์สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๕๔ ง/หน้า ๒/๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737176 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ ๑
กันยายน ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. ผู้ให้กู้ :
ธนาคารออมสิน
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้
: เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ
๓. รายละเอียดเงื่อนไข
:
๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘
ครบกำหนดชำระในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๙
๓.๒ วงเงินกู้จำนวน ๙๘๒,๐๙๓,๘๗๕.๑๕ บาท (เก้าร้อยแปดสิบสองล้านเก้าหมื่นสามพันแปดร้อยเจ็ดสิบห้าบาทสิบห้าสตางค์)
๓.๓ เบิกรับเงินกู้ทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘
๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๐๔๕๐
ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน
หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕ การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน
โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย
ในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๙ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้
ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ
วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดสุดท้าย จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย
๓.๖ การชำระต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๙
๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย
ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๔๙ ง/หน้า ๓/๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737063 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 15 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๕
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๕ วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๑ (LB25DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๒๕,๘๕๓.๘๐๓ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๐.๔๑ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และวันที่ ๒ กันยายน
๒๕๕๘ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๕ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๑๕ กรกฎาคม
๒๕๕๘
๑๗ กรกฎาคม
๒๕๕๘
CB
๑๐,๐๐๐
๑๐,๙๔๓,๙๘๓,๑๒๙.๑๐
๙๐๗,๐๖๕,๓๒๙.๑๐
๓๖,๙๑๗,๘๐๐.๐๐
๒.๘๓๖๔
NCB
-
-
-
-
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๐,๙๔๓,๙๘๓,๑๒๙.๑๐
๙๐๗,๐๖๕,๓๒๙.๑๐
๓๖,๙๑๗,๘๐๐.๐๐
๒ กันยายน
๒๕๕๘
๔ กันยายน
๒๕๕๘
CB
๑๐,๐๐๐
๑๐,๙๙๓,๒๐๕,๘๔๗.๗๐
๙๐๔,๖๐๓,๑๔๗.๗๐
๘๘,๖๐๒,๗๐๐.๐๐
๒.๘๒๘๐
NCB
-
-
-
-
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๐,๙๙๓,๒๐๕,๘๔๗.๗๐
๙๐๔,๖๐๓,๑๔๗.๗๐
๘๘,๖๐๒,๗๐๐.๐๐
รวมทั้งสิ้น
CB
๒๐,๐๐๐
๒๑,๙๓๗,๑๘๘,๙๗๖.๘๐
๑,๘๑๑,๖๖๘,๔๗๖.๘๐
๑๒๕,๕๒๐,๕๐๐.๐๐
๒.๘๓๒๒
NCB
-
-
-
-
รวม
๒๐,๐๐๐
๒๑,๙๓๗,๑๘๘,๙๗๖.๘๐
๑,๘๑๑,๖๖๘,๔๗๖.๘๐
๑๒๕,๕๒๐,๕๐๐.๐๐
๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๔๘ ง/หน้า ๑๓/๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737061 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินโดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
๑. กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินโดยวิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ อายุ ๕ ปี ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
เป็นจำนวนเงิน ๕,๓๘๒.๕๓๒ ล้านบาท (ห้าพันสามร้อยแปดสิบสองล้านห้าแสนสามหมื่นสองพันบาทถ้วน)
๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้จะออกให้กับธนาคารกรุงไทย
จำกัด (มหาชน) ในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘
๓. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกตามในข้อ ๒
มีกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓
๔. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
(อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน
ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย) บวกด้วย Spread โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุก
๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้งชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙
และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓ โดยดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่
๒๘ กันยายน ๒๕๕๘ มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับร้อยละ ๒.๐๐๑๖๗ ต่อปี
สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ
ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย
๕. การชำระดอกเบี้ย
ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือวันที่ ๒๘
มีนาคม และ ๒๘ กันยายน ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้
๖. การชำระคืนต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
๑๕ วัน
และจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนดพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนกำหนดนั้นด้วย
โดยหากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป
และได้รับยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด
ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๔๘ ง/หน้า ๑๑/๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
737039 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๒[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้มีการขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้
เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒
ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓.๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม
๒๕๕๘ มีการเปลี่ยนแปลง
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
ข้อ ๑ การกู้เงินตามประกาศดังกล่าว
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๙
มกราคม ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น
เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๔๖ ง/หน้า ๒/๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
736915 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
และระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒
และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. ผู้ให้กู้ :
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน
ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๓
๓. รายละเอียดเงื่อนไข
:
๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๘
เป็นต้นไป
๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันล้านบาทถ้วน)
๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน
๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการ
๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๐๘๑ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕ การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน
ในวันที่ ๑๔ มีนาคมและ ๑๔ กันยายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๔
มีนาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้
ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ
ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย
เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดมา
๓.๖ การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๐
๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้
ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พงษ์ภาณุ
เศวตรุนทร์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพย์สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๔๓ ง/หน้า ๗/๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
736913 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนา
โครงสร้างพื้นฐาน
(DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒
และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. ผู้ให้กู้ :
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้
: เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(DPL)
๓. รายละเอียดเงื่อนไข
:
๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๘
เป็นต้นไป
๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๑,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันสองร้อยล้านบาทถ้วน)
๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน
๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการ
๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๐๘๓ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๕ การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน
ในวันที่ ๑๔ มีนาคมและ ๑๔ กันยายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๔
มีนาคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้
ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ
ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ
วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒
วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยเพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดมา
๓.๖ การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๐
๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๘
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พงษ์ภาณุ
เศวตรุนทร์
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพย์สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๔๓ ง/หน้า ๕/๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
736911 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม
๖๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้
๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม
และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง
๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
วงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๕๙,๙๓๖,๐๓๘,๘๕๒.๙๗
บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๖๓,๙๖๑,๑๔๗.๐๓ บาท
งวดที่
วันที่จำหน่าย
วันที่ชำระเงิน
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวน
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทนเฉลี่ย
ที่ประมูลได้
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๔๕/๒๘/๕๘
๓ สิงหาคม
๒๕๕๘
๕ สิงหาคม
๒๕๕๘
๒ กันยายน
๒๕๕๘
๒๘
๑๕,๐๐๐
๑.๔๐๓๑๒
๑๔,๙๘๓,๘๗๑,๘๗๔.๔๐
๑๖,๑๒๘,๑๒๕.๖๐
๔๖/๒๗/๕๘
๑๐ สิงหาคม
๒๕๕๘
๑๓ สิงหาคม
๒๕๕๘
๙ กันยายน
๒๕๕๘
๒๗
๑๕,๐๐๐
๑.๓๙๙๙๕
๑๔,๙๘๔,๔๘๒,๓๖๙.๗๖
๑๕,๕๑๗,๖๓๐.๒๔
๔๗/๒๘/๕๘
๑๗ สิงหาคม
๒๕๕๘
๑๙ สิงหาคม
๒๕๕๘
๑๖ กันยายน
๒๕๕๘
๒๘
๑๕,๐๐๐
๑.๔๐๘๐๖
๑๔,๙๘๓,๘๑๕,๑๕๘.๘๑
๑๖,๑๘๔,๘๔๑.๑๙
๔๘/๒๘/๕๘
๒๔ สิงหาคม
๒๕๕๘
๒๖ สิงหาคม
๒๕๕๘
๒๓ กันยายน
๒๕๕๘
๒๘
๑๕,๐๐๐
๑.๔๐๓๓๓
๑๔,๙๘๓,๘๖๙,๔๕๐.๐๐
๑๖,๑๓๐,๕๕๐.๐๐
รวม
๖๐,๐๐๐
๑.๔๐๓๖๒
๕๙,๙๓๖,๐๓๘,๘๕๒.๙๗
๖๓,๙๖๑,๑๔๗.๐๓
๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ
๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด
เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน ๙๐,๕๐๐
ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒
เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๔๓ ง/หน้า ๓/๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
735579 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา
๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘
กระทรวงการคลังได้ทำการตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐
เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๗๘๖,๖๙๕,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยแปดสิบหกล้านหกแสนเก้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ
๓๕.๗๓๓๙ บาท กับ Nomura International plc (Dealers) เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด
(มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดของวงเงิน อัตราดอกเบี้ย
และระยะเวลาต่าง ๆ ดังนี้
วงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ
กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๐.๘๔๔๐ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๓๑๙๑ ต่อปี) อายุ ๑๘๐ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่
๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP เท่ากับ ๔๙,๗๘๙,๘๘๖.๗๑
เหรียญสหรัฐ
ประกาศ ณ วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ กันยายน
๒๕๕๘
ปัญจพร/ผู้ตรวจ
๒๑ กันยายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๒๓ ง/หน้า ๓/๑๘ กันยายน ๒๕๕๘ |
735241 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 3) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 2 กันยายน 2558
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓)
ให้กับธนาคารออมสิน
วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๘[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา
๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๓ วงเงิน คือ ๓,๕๐๐ ล้านบาท ๓,๕๐๐ ล้านบาท และ ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๗ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๒ ต่อปี ร้อยละ ๑.๔๓ ต่อปี และร้อยละ ๑.๔๔ ต่อปี ตามลำดับ
ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสองของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในวันที่
๒ มีนาคม และวันที่ ๒ กันยายน ของทุกปี
โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน
ประเภทบุคคลธรรมดาเฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๒ ต่อปี ร้อยละ ๐.๗๓ ต่อปี และร้อยละ ๐.๗๔ ต่อปี
ตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๘
ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๒.๑๒๖ ต่อปี ร้อยละ ๒.๑๓๖ ต่อปี และร้อยละ
๒.๑๔๖ ต่อปี ตามลำดับ
เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว
จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๒๖ ต่อปีร้อยละ
๒.๑๓๖ ต่อปี และร้อยละ ๒.๑๔๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๑.๙๔๕ ต่อปี ร้อยละ ๑.๙๕๕ ต่อปี
และร้อยละ ๑.๙๖๕ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ กันยายน
๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๘ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง/หน้า ๑๒/๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ |
735083 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 4 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (LBA37DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๙๔,๓๗๘.๙๘๓ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๒.๓๘ ปี
โดยจะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี
โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒
ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒
ธันวาคม ๒๕๘๐
หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี
จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี
หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้
เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันชีวิต และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แก่ สหกรณ์
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วันที่ชำระเงิน
วิธีการ
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยจ่าย
รับล่วงหน้า
(บาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
๒๘ กรกฎาคม
๒๕๕๘
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๘
CB
๙,๖๐๐
๑๐,๔๗๔,๔๓๓,๕๑๒.๗๐
๘๑๙,๕๓๒,๐๗๒.๗๐
๕๔,๙๐๑,๔๔๐.๐๐
๓.๖๖๓๗
NCB
๔๐๐
๔๓๖,๔๓๑,๑๓๖.๐๐
๓๔,๑๔๓,๕๗๖.๐๐
๒,๒๘๗,๕๖๐.๐๐
รวม
๑๐,๐๐๐
๑๐,๙๑๐,๘๖๔,๖๔๘.๗๐
๘๕๓,๖๗๕,๖๔๘.๗๐
๕๗,๑๘๙,๐๐๐.๐๐
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ กันยายน
๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง/หน้า ๑๒/๗ กันยายน ๒๕๕๘ |
735081 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๒[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะยาวเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ อายุ ๓ ปี กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน
๕,๙๕๐ ล้านบาท (ห้าพันเก้าร้อยห้าสิบล้านบาทถ้วน)
๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ออกให้กับธนาคารกสิกรไทย
จำกัด (มหาชน) ในวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘
๓. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกตามในข้อ
๒ มีกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ในวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑
๔. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
(อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน
ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย) บวกด้วย Spread โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุก
๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้งชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙
และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ โดยดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่
๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ มีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๒.๒๖๐๓ ต่อปี
๕. การชำระดอกเบี้ย
ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือวันที่ ๗
มกราคม และ ๗ กรกฎาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้
๖. การชำระคืนต้นเงินกู้
กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
๑๕ วัน และจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนดพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนกำหนดนั้นด้วย
โดยหากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป
และได้รับยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ กันยายน
๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง/หน้า ๑๐/๗ กันยายน ๒๕๕๘ |
735079 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘
ครั้งที่ ๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากธนาคารออมสิน
จำนวน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท (สามหมื่นล้านบาทถ้วน)
โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี
เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ ๗ กรกฎาคม
๒๕๕๘
๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่
๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘
๓. อายุเงินกู้ ๓ เดือน
นับตั้งแต่วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ครบกำหนดชำระวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘
๔. กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วย
หากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป
และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ กันยายน
๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐๘ ง/หน้า ๙/๗ กันยายน ๒๕๕๘ |
734175 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 2) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 18 สิงหาคม 2558 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒)
ให้กับธนาคารออมสิน
วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๘[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา
๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๒ วงเงิน
วงเงินละ ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๙
ต่อปี และ ๑.๕๐ ต่อปี ตามลำดับ ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสอง ของประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่
๑๘ กุมภาพันธ์ และวันที่ ๑๘ สิงหาคม ของทุกปี
โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน
ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๙ ต่อปี และ ๐.๘๐ ต่อปีตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๑๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปี และร้อยละ
๒.๒๐๖ ต่อปี ตามลำดับ
เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว
จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสินจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปีและร้อยละ
๒.๒๐๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๒.๐๑๕ ต่อปี และร้อยละ ๒.๐๒๕ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๘
เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๔ กันยายน ๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๙ กันยายน ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐๐ ง/หน้า ๕/๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ |
734173 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 2) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) วันที่ 18 สิงหาคม 2558 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒)
ให้กับธนาคารทหารไทย
จำกัด (มหาชน) วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๘[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา
๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย
จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๙ ต่อปี ซึ่งตามข้อ
๔ วรรคสองของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ และวันที่
๑๘ สิงหาคม ของทุกปี
โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน
ประเภทบุคคลธรรมดาเฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่งบวกร้อยละ ๐.๗๙ ต่อปี และเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปี
เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๒.๐๑๕ ต่อปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๘
เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
นริศ ชัยสูตร
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๔ กันยายน ๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๙ กันยายน ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐๐ ง/หน้า ๔/๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.