sysid
stringlengths
1
6
title
stringlengths
8
870
txt
stringlengths
0
257k
733781
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ : เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ๓. รายละเอียดเงื่อนไข : ๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) ๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๑๐ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง “อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง” หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๓.๕ การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ และ ๑๔ สิงหาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ย งวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง การชำระดอกเบี้ยงวดแรก กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดมา ๓.๖ การชำระต้นเงิน กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือ วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการโดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด ๓.๘ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/จัดทำ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ นุสรา/ตรวจ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๙๕ ง/หน้า ๑๕/๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘
733584
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] ตามที่กระทรวงการคลังได้ประกาศ เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ โดยจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB15DA ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ภายใต้วงเงิน ๑๓๒,๐๐๐ ล้านบาท นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB15DA โดยการดำเนินธุรกรรม Bond Switching มีรายละเอียดดังนี้ ๑. วิธีการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ได้ดำเนินการดังนี้ ๑.๑ วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ กระทรวงการคลังกำหนดและประกาศราคาของพันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB15DA (Source Bond) และผู้ถือ Source Bond ได้ยื่นคำเสนอแลกพันธบัตรและเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้แก่ผู้ร่วมจัดการการแลกพันธบัตรภายในระยะเวลาที่กำหนด ๑.๒ วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ กระทรวงการคลังกำหนดและประกาศอัตราผลตอบแทนและรายละเอียดต่าง ๆ ของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นที่กระทรวงการคลังกำหนด (Destination Bonds) ที่จะแลกกับ Source Bond และแจ้งผลการแลกพันธบัตรให้แก่ผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายผ่านทางผู้ร่วมจัดการการแลกพันธบัตร ๑.๓ วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายที่ได้รับการตอบรับแลกพันธบัตรชำระเงินค่าส่วนต่างสุทธิระหว่างราคาของ Source Bond และ Destination Bonds ให้แก่กระทรวงการคลังหรือได้รับเงินค่าส่วนต่างสุทธิระหว่างราคาของ Source Bond และ Destination Bonds จากกระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลังส่งมอบ Destination Bonds ให้แก่ผู้ที่ได้รับจัดสรร Destination Bonds และธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนดำเนินการยกเลิก Source Bond ที่กระทรวงการคลังรับแลก ๒. ผลการดำเนินธุรกรรม Bond Switching มีดังนี้ ๒.๑ พันธบัตร Source Bond ที่ดำเนินการแลกในครั้งนี้มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๖๓,๙๖๐,๐๒๒,๐๐๐ บาท โดย Source Bond ที่ถูกแลกมีราคา ๑,๐๑๐.๗๓๑๔๔ บาท ต่อ ๑ หน่วย และมีอัตราผลตอบแทนร้อยละ ๑.๐๕๒๑๑๕ ต่อปี ซึ่งการแลกพันธบัตรดังกล่าวทำให้ ณ วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ยอดคงค้างของ Source Bond เป็นดังต่อไปนี้ หน่วย : บาท พันธบัตรรัฐบาล รุ่น LB15DA ที่กำหนดให้เป็น Source Bond ยอดคงค้างของ Source Bond ก่อนทำธุรกรรม มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ ของ Source Bond ที่รับแลก๑ ยอดคงค้างของ Source Bond หลังทำธุรกรรม๒ วงเงินที่อยู่ในแผนปรับโครงสร้างหนี้ ๑) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖ ๒) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๑ ๓) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๗ ๔) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๑๐ ๕) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๓ ๖) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๒๗,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๔๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๙,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๘,๙๖๐,๐๒๒,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ - ๑๙,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑,๐๓๙,๙๗๘,๐๐๐ ๒๗,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ - - ๔๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ - รวมวงเงินที่อยู่ในแผนปรับโครงสร้างหนี้ ๑๓๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๖๓,๙๖๐,๐๒๒,๐๐๐ ๖๘,๐๓๙,๙๗๘,๐๐๐ หมายเหตุ :- ๑. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Source Bond ที่รับแลก หมายถึง จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลกคูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้นที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๒. ยอดคงค้างของ Source Bond หลังทำธุรกรรม Bond Switching ณ วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ภายหลังจากการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ข้างต้น ส่งผลให้ยอดคงค้างพันธบัตรรุ่น LB15DA ที่ต้องปรับโครงสร้างหนี้คงเหลือจำนวน ๖๘,๐๓๙,๙๗๘,๐๐๐ บาท ๒.๒ Destination Bonds ที่กระทรวงการคลังดำเนินการออกเพื่อแลกกับ Source Bondตามข้อ ๑ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๖๓,๙๖๐,๐๒๒,๐๐๐ บาท ซึ่งประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลจำนวน ๕ รุ่น โดย Destination Bonds ที่นำมาแลกมีรายละเอียดดังนี้ พันธบัตรรัฐบาล Destination Bonds ราคาของ Destination Bonds๑ (บาท/หน่วย) อัตราผลตอบแทนของ Destination Bonds๒ (ร้อยละต่อปี) มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ ของ Destination Bonds ที่ออกใหม่๓ (บาท) เงินส่วนต่างสุทธิระหว่างราคา Source Bond และ Destination Bonds๔ (บาท) ๑) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๙ (LB183B) ๑,๑๐๖.๑๖๙๑๑ ๑.๖๖๐๐ ๘,๐๓๙,๓๔๗,๐๐๐ -๗๖๗,๒๕๖,๕๔๖.๐๐ ๒) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ (LB206A) ๑,๐๐๕.๕๘๔๕๒ ๒.๔๓๐๐ ๑๘,๒๙๑,๐๐๒,๐๐๐ ๙๔,๑๔๒,๓๒๔.๐๑ ๓) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๑ (LB25DA) ๑,๐๗๙.๑๒๕๘๔ ๒.๙๘๐๐ ๙,๖๕๕,๘๐๓,๐๐๐ -๖๖๐,๔๐๒,๘๕๒.๗๑ ๔) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๒ (LB296A) ๑,๑๕๙.๙๖๗๑๐ ๓.๔๓๐๐ ๑๐,๕๘๐,๐๐๐,๐๐๐ -๑,๕๗๘,๙๑๓,๒๘๒.๘๐ ๕) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ (LBA37DA) ๑,๐๗๑.๔๑๖๗๘ ๓.๗๗๐๐ ๑๗,๓๙๓,๘๗๐,๐๐๐ -๑,๐๕๕,๕๕๒,๙๑๔.๘๗ รวมทั้งสิ้น ๖๓,๙๖๐,๐๒๒,๐๐๐ -๓,๙๖๗,๙๘๓,๒๗๒.๓๗ หมายเหตุ :- ๑. ราคา Destination Bonds หมายถึง ราคาต่อหน่วยของ Destination Bonds ที่ต้องการแลก ซึ่งสะท้อนมูลค่าปัจจุบัน (present value) ของดอกเบี้ยและเงินต้นของ Destination Bonds ที่ต้องการแลก ตามที่คำนวณและกำหนดโดยกระทรวงการคลัง ๒ อัตราผลตอบแทนของ Destination Bonds หมายถึง อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลที่ออกใหม่ (Destination Bonds) ที่ต้องการแลกซึ่งกระทรวงการคลัง เป็นผู้กำหนดอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการแลกพันธบัตร ๓ มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bonds ที่ออกใหม่ หมายถึง จำนวนหน่วยของ Destination Bonds ที่ออกใหม่คูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้นที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๔. เงินส่วนต่างสุทธิระหว่างราคา Source Bond และ Destination Bonds หมายถึง เงินค่าส่วนต่างสุทธิภายหลังจากการหักลบกลบหนี้เงินค่าส่วนต่างระหว่างราคา Source Bond และ Destination Bonds (ถ้ามี) ที่ผู้ออกพันธบัตร และผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายจะต้องชำระให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง โดยเงินส่วนต่างสุทธิดังกล่าวคำนวณจากมูลค่าของ Source Bond (จำนวนหน่วยของ Source Bond ที่รับแลกคูณกับราคาของ Source Bond) ลบด้วยมูลค่าของDestination Bonds (จำนวนหน่วยของ Destination Bonds ที่ออกใหม่คูณกับราคาของ Destination Bonds) ทั้งนี้ ผลการออก Destination Bonds ข้างต้น ทำให้ ณ วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ยอดคงค้างของ Destination Bonds แต่ละรุ่นเป็นดังต่อไปนี้ หน่วย : บาท พันธบัตรรัฐบาล Destination Bonds ยอดคงค้างของ Destination Bonds ก่อนทำธุรกรรม มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ ของ Destination Bonds ที่ออกใหม่๑ ยอดคงค้างของ Destination Bonds หลังทำธุรกรรม (ณ วันที่ ๒๖ มิ.ย. ๒๕๕๘) ๑) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๙ (LB183B) ๘๖,๖๓๒,๐๐๐,๐๐๐ ๘,๐๓๙,๓๔๗,๐๐๐ ๙๔,๖๗๑,๓๔๗,๐๐๐ ๒) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ (LB206A)๒ - ๑๘,๒๙๑,๐๐๒,๐๐๐ ๑๘,๒๙๑,๐๐๒,๐๐๐ ๓) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๑ (LB25DA) ๙๖,๑๙๘,๐๐๐,๐๐๐ ๙,๖๕๕,๘๐๓,๐๐๐ ๑๐๕,๘๕๓,๘๐๓,๐๐๐ ๔) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๒ (LB296A) ๑๓๔,๖๗๒,๐๐๐,๐๐๐ ๑๐,๕๘๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๔๕,๒๕๒,๐๐๐,๐๐๐ ๕) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ (LBA37DA) ๑๖๖,๙๘๕,๑๑๓,๐๐๐ ๑๗,๓๙๓,๘๗๐,๐๐๐ ๑๘๔,๓๗๘,๙๘๓,๐๐๐ รวม ๔๘๔,๔๘๗,๑๑๓,๐๐๐ ๖๓,๙๖๐,๐๒๒,๐๐๐ ๕๔๘,๔๔๗,๑๓๕,๐๐๐ หมายเหตุ -: ๑. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bonds ที่ออกใหม่ หมายถึง จำนวนหน่วยของ Destination Bonds ที่ออกใหม่คูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้นที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๒. พันธบัตรรุ่นใหม่ (New Issue) ๓. การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้มีผู้ถือพันธบัตรที่ได้รับการตอบรับการแลก Source Bond และได้รับการจัดสรร Destination Bonds ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนรวม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคมบริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย และนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ ๔. Destination Bonds ที่ออกในครั้งนี้ มีรายละเอียดและเงื่อนไขดังนี้ ๔.๑ Destination Bonds เป็นพันธบัตรชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๔.๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำ Destination Bonds ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี ๔.๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝาก Destination Bonds ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ๔.๔ กรณีที่มีการออก Destination Bonds ประเภทมีใบตราสาร (Scrip) มิให้ถือว่า Destination Bonds ฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้ลงลายมือชื่อกำกับใน Destination Bonds ฉบับนั้นแล้ว ๔.๕ การคำนวณดอกเบี้ยของ Destination Bonds รุ่น LB183B LB25DA และ LB296A จะคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาลทั้ง ๓ รุ่น โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุดถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน ในส่วนของพันธบัตร รุ่น LB206A ซึ่งเป็นพันธบัตรรุ่นใหม่ (New Issue) จะเริ่มคำนวณดอกเบี้ยจากวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริงเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวดสำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป สำหรับการคำนวณดอกเบี้ยของ รุ่น LBA37DA จะเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน โดยจำนวนดอกเบี้ยในแต่ละงวดดอกเบี้ยจะถูกคำนวณโดยการนำจำนวนเงินต้นคงเหลือ ณ ต้นงวดดอกเบี้ยของพันธบัตร ซึ่งผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรแต่ละรายมีอยู่คูณด้วยอัตราดอกเบี้ย โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ การคำนวณดอกเบี้ยหากมีเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ๔.๖ กำหนดไถ่ถอนคืน Destination Bonds รุ่น LB183B LB206A LB25DA และ LB296A เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนดหากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป สำหรับรุ่น LBA37DA จะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ของพันธบัตร รุ่น LB183B LB206A LB25DA LB296A และการชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายของพันธบัตร รุ่น LBA37DA จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ๕. การดำเนินธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๕.๑ ค่าธรรมเนียมในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ร่วมจัดการการแลกพันธบัตร จำนวน ๓ แห่งประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ในจำนวนรวมทั้งสิ้นเท่ากับอัตราร้อยละ ๐.๐๘ (ศูนย์จุดศูนย์แปด) ของจำนวนรวมของผลคูณของราคา Destination Bonds ที่กระทรวงการคลังกำหนดแต่ละรุ่น คูณด้วยจำนวนหน่วยของ Destination Bonds ที่ออกใหม่ในรุ่นนั้น ๆ โดยที่ราคา Destination Bonds ที่กระทรวงการคลังกำหนดดังกล่าวข้างต้น และจำนวนหน่วยของ Destination Bonds ที่ออกใหม่ เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งผลธุรกรรม Bond Switching ๕.๒ ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับ Destination Bonds สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตร ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตร (๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตร ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๙๒ ง/หน้า ๑๔/๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๘
732647
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ กระทรวงการคลังได้ทำการตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Progrmme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๗๑๐,๓๖๕,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยสิบล้านสามแสนหกหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๓๔.๒๐๗๓ บาท กับ Nomura International plc (Dealers) เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดของวงเงิน อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาต่าง ๆ ดังนี้ วงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๐.๘๔๔๔ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๓๙๐๔๐ ต่อปี) อายุ ๑๘๐ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP เท่ากับ ๔๙,๗๘๙,๗๘๘.๓๘ เหรียญสหรัฐ ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๘๐ ง/หน้า ๕/๕ สิงหาคม ๒๕๕๘
732107
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (LBA37DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๖๖,๙๘๕.๑๑๓ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๒.๕๖ ปี โดยจะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กันเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันชีวิต และสำนักงานประกันสังคม ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ดังนี้ วันที่ จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ CB ๙,๗๐๐ ๑๐,๗๔๓,๑๓๑,๓๙๑.๐๐ ๘๕๒,๙๓๖,๙๙๒.๐๐ ๑๙๐,๑๙๔,๓๙๙.๐๐ ๓.๖๕๐๔ NCB ๓๐๐ ๓๓๒,๒๖๒,๐๗๒.๐๐ ๒๖,๓๗๙,๗๗๑.๐๐ ๕,๘๘๒,๓๐๑.๐๐ รวม ๑๐,๐๐๐ ๑๑,๐๗๕,๓๙๓,๔๖๓.๐๐ ๘๗๙,๓๑๖,๗๖๓.๐๐ ๑๙๖,๐๗๖,๗๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๒ ง/หน้า ๙/๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘
732104
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 14
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๔[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๔ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๔ วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๗,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๘.๙๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๔ ดังนี้ วันที่ จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ CB ๘,๕๐๐ ๙,๘๘๔,๙๓๘,๙๔๐.๕๐ ๑,๓๗๒,๙๖๓,๒๙๐.๕๐ ๑๑,๙๗๕,๖๕๐.๐๐ ๓.๗๕๕๑ NCB ๕๐๐ ๕๘๑,๔๖๖,๒๓๕.๐๐ ๘๐,๗๖๑,๗๘๕.๐๐ ๗๐๔,๔๕๐.๐๐ รวม ๙,๐๐๐ ๑๐,๔๖๖,๔๐๕,๑๗๕.๕๐ ๑,๔๕๓,๗๒๕,๐๗๕.๕๐ ๑๒,๖๘๐,๑๐๐.๐๐ ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๒ ง/หน้า ๗/๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘
732097
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 13
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๓[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๓ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๓ วงเงิน ๗,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๕๘,๙๐๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๖.๐๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๓ ดังนี้ วันที่ จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ CB ๖,๔๐๐ ๗,๓๗๖,๕๓๘,๘๘๖.๐๐ ๙๖๘,๘๘๕,๑๙๐.๐๐ ๗,๖๕๓,๖๙๖.๐๐ ๔.๑๑๓๗ NCB ๖๐๐ ๖๙๑,๕๔๗,๔๒๔.๐๐ ๙๐,๘๒๙,๘๙๐.๐๐ ๗๑๗,๕๓๔.๐๐ รวม ๗,๐๐๐ ๘,๐๖๘,๐๘๖,๓๑๐.๐๐ ๑,๐๕๙,๗๑๕,๐๘๐.๐๐ ๘,๓๗๑,๒๓๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๒ ง/หน้า ๕/๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘
732095
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ ฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากธนาคารออมสิน จำนวนรวม ๗,๐๐๐ ล้านบาท (เจ็ดพันล้านบาทถ้วน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๓. อายุเงินกู้ ๑ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ครบกำหนดชำระวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๔. กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วย หากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๒ ง/หน้า ๔/๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘
732092
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ ฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากธนาคารออมสิน จำนวน ๙,๐๐๐ ล้านบาท (เก้าพันล้านบาทถ้วน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๗ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๓. อายุเงินกู้ ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ครบกำหนดชำระวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ ๔. กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วย หากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๒ ง/หน้า ๓/๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘
732088
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ ฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยมีรายละเอียด และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๕๕ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๓. อายุเงินกู้ ๑ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ครบกำหนดชำระวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๔. กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วย หากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๒ ง/หน้า ๒/๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘
731956
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 8
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๘[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๘ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๘ วงเงิน ๒๓,๗๗๙ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ (LB21DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๐๖,๑๐๓.๕๑ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๖.๕๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ในวงเงินไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) จำนวน ๑๒ แห่ง ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๒.๓ วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๑๑ แห่ง ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๘ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ CB ๒๐,๐๐๐ ๒๑,๖๖๑,๖๖๕,๙๕๓.๖๐ ๑,๓๒๑,๖๖๕,๙๕๓.๖๐ ๓๔๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒.๕๔๖๓ NCB - - - - GS ๓,๗๗๙ ๔,๐๙๒,๙๖๙,๖๗๔.๔๖ ๒๔๙,๗๒๖,๖๗๔.๔๖ ๖๔,๒๔๓,๐๐๐.๐๐ รวม ๒๓,๗๗๙ ๒๕,๗๕๔,๖๓๕,๖๒๘.๐๖ ๑,๕๗๑,๓๙๒,๖๒๘.๐๖ ๔๐๔,๒๔๓,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง/หน้า ๗/๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘
731949
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และสำนักงานประกันสังคม ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๕๙,๙๓๒,๓๖๘,๓๘๙.๑๑ บาท โดยมี ส่วนลดจำนวน ๖๗,๖๓๑,๖๑๐.๘๙ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๓๖/๒๙/๕๘ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒๙ ๑๕,๐๐๐ ๑.๔๖๗๑๗ ๑๔,๙๘๒,๕๓๔,๙๐๗.๖๐ ๑๗,๔๖๕,๐๙๒.๔๐ ๓๗/๒๘/๕๘ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๔๖๑๔๒ ๑๔,๙๘๓,๒๐๒,๔๙๑.๑๕ ๑๖,๗๙๗,๕๐๘.๘๕ ๓๘/๒๘/๕๘ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๔๕๕๘๓ ๑๔,๙๘๓,๒๖๖,๖๔๑.๐๖ ๑๖,๗๓๓,๓๕๘.๙๔ ๓๙/๒๘/๕๘ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๔๔๗๓๒ ๑๔,๙๘๓,๓๖๔,๓๔๙.๓๐ ๑๖,๖๓๕,๖๕๐.๗๐ รวม ๖๐,๐๐๐ ๑.๔๕๗๙๔ ๕๙,๙๓๒,๓๖๘,๓๘๙.๑๑ ๖๗,๖๓๑,๖๑๐.๘๙ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง/หน้า ๕/๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘
731467
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีวิธีการจัดจำหน่าย ดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๒๙,๘๑๘,๔๗๑,๗๒๖.๒๔ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๘๑,๕๒๘,๒๗๓.๗๖ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๗/๙๑/๕๘ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒ กันยายน ๒๕๕๘ ๙๑ ๑๐,๐๐๐ ๑.๔๕๐๘๐ ๙,๙๖๓,๙๕๙,๗๕๐.๐๐ ๓๖,๐๔๐,๒๕๐.๐๐ ๘/๑๘๒/๕๘ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๑๘๒ ๑๐,๐๐๐ ๑.๔๖๙๗๘ ๙,๙๒๗,๒๔๕,๗๒๗.๒๔ ๗๒,๗๕๔,๒๗๒.๗๖ ๙/๑๘๒/๕๘ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๑๘๒ ๑๐,๐๐๐ ๑.๔๖๙๓๖ ๙,๙๒๗,๒๖๖,๒๔๙.๐๐ ๗๒,๗๓๓,๗๕๑.๐๐ รวม ๓๐,๐๐๐ ๑.๔๖๓๓๑ ๒๙,๘๑๘,๔๗๑,๗๒๖.๒๔ ๑๘๑,๕๒๘,๒๗๓.๗๖ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ร้อยละ ๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้ ประกาศ ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ปัญจพร/ผู้ตรวจ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๖๐ ง/หน้า ๖/๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘
731024
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ระยะที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ระยะที่ ๒[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า รัฐบาลได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ ๑. เป็นเงินกู้ จำนวน ๓๘,๒๐๓ ล้านเยน หรือเทียบเท่า ๑๐,๕๓๗ ล้านบาท (คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนขายถัวเฉลี่ยของเงินบาทกับเงินเยนญี่ปุ่น ณ วันลงนามในสัญญา คือ ๒๗.๕๘๑๖ บาท ต่อ ๑๐๐ เยน) และกำหนดเบิกจ่ายเงินกู้เสร็จสิ้นภายใน ๓ ปี นับจากวันที่สัญญาเงินกู้มีผลใช้บังคับ ๒. อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๔๐ ต่อปี กำหนดชำระปีละ ๒ งวด โดยชำระในวันที่ ๒๐ มิถุนายน และ ๒๐ ธันวาคม ของแต่ละปี สำหรับในช่วงการเบิกจ่ายเงินกู้ และในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม และ ๒๐ พฤศจิกายน ของแต่ละปี สำหรับในช่วงหลังการเบิกจ่ายเงินกู้ ๓. อัตราค่าธรรมเนียมเงินกู้ (Front - End Fee) ร้อยละ ๐.๒๐ ของวงเงินกู้ ๔. กำหนดชำระคืนเงินกู้ภายใน ๒๐ ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้เงินกู้ ๖ ปี โดยผ่อนชำระปีละ ๒ งวด ทุกระยะ ๖ เดือน เป็นจำนวน ๒๙ งวด ชำระคืนต้นเงินกู้งวดแรกในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และงวดสุดท้ายในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๗๘ ๕. รัฐบาลได้กำหนดจะนำเงินกู้รายนี้ไปใช้จ่ายในโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อก่อสร้างรถไฟชานเมือง ช่วงบางซื่อ - รังสิต โดยให้สถานีบางซื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมเพื่อการเดินรถไฟทางไกลสายเหนือและสายอีสาน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางด้านการเดินทางจากภาคใต้และตะวันออกในอนาคต โดยจะเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟชานเมือง ช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน รวมทั้งลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ประกาศ ณ วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ สมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๑๒/๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘
731022
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลัง ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ : เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ๓. รายละเอียดเงื่อนไข : ๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๓.๒ วงเงินกู้จำนวน ๓,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันสองร้อยล้านบาทถ้วน) ๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๓๔ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง “อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง” หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๓.๕ การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๖ มกราคม และ ๖ กรกฎาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๙ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง การชำระดอกเบี้ยงวดแรก กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป ๓.๖ การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๘ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน ๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๑๐/๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘
731020
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลัง ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ได้ดำเนินการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๑๑ - ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา มูลนิธิ สถาบันอื่นที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ส่วนราชการสังกัดรัฐบาลกลาง สหกรณ์ และวัด รวมทั้งสิ้น ๓,๘๔๘ ราย โดยทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรและจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๒. ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ เป็นพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นอายุ ๓ ปี จำนวน ๔,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๐๐ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ๓. พันธบัตรออมทรัพย์ข้างต้นมีการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม และ ๑๑ พฤศจิกายน ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระดอกเบี้ยโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน (กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ วันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย ๔. การชำระคืนต้นเงินจะดำเนินการในวันครบกำหนดไถ่ถอน หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระคืนต้นเงินโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร การชำระคืนต้นเงินตามพันธบัตร จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร ๕. การจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ๕.๑ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายคิดค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรในอัตรา ๒๕๐ บาท ต่อรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Custodian แล้ว) ซึ่งมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่งรวมทั้งสิ้น ๓,๘๔๘ ราย ซึ่งคิดเป็นค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตรรวมทั้งสิ้น ๙๖๒,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะชำระค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๑.๐๐ บาทต่อเดือน สำหรับราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร ๕.๒ ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ได้คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ดังนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน (๒) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง ประกาศ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๘/๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘
731018
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ของกระทรวงการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ กระทรวงการคลัง ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ กระทรวงการคลังได้ทำการตกลงกู้เงินภายใต้ ECP Programme วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับ ๑,๖๙๗,๑๓๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันหกร้อยเก้าสิบเจ็ดล้านหนึ่งแสนสามหมื่นบาทถ้วน) โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเบิกจ่ายเงินกู้ คือ ๑ เหรียญสหรัฐ เท่ากับ ๓๓.๙๔๒๖ บาท กับ Standard Chartered Bank และ Nomura International plc (Dealers) เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ ECP Programme เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดของวงเงิน อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาต่าง ๆ ดังนี้ วงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๐.๗๔๕๖ ต่อปี (เทียบเท่าอัตรา LIBOR ระยะ ๖ เดือน บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ ๐.๓๐๑๙๕ ต่อปี) อายุ ๑๘๐ วัน (ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๘) และได้รับเงินสุทธิรวมจากการออกตราสาร ECP เท่ากับ ๔๙,๘๑๔,๔๐๔.๖๐ เหรียญสหรัฐ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๕๘ ง/หน้า ๗/๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘
730421
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลัง ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ : เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการขนส่งมวลชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ๓. รายละเอียดเงื่อนไข : ๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ๓.๒ วงเงินกู้จำนวน ๘๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) ๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๔๐ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง “อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง” หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๓.๕ การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๑๕ มิถุนายน และ ๑๕ ธันวาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง การชำระดอกเบี้ยงวดแรก กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป ๓.๖ การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๘ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน ๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง/หน้า ๗/๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๘
730066
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๐๗,๐๖๘ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๒.๘๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๗๑ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้ (๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕ (๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน การชำระดอกเบี้ยจะชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ CB ๕,๐๐๐ ๔,๕๙๓,๓๕๓,๘๑๔.๖๐ -๔๑๙,๐๒๙,๙๘๗.๔๑ ๑๒,๓๘๓,๘๐๒.๐๑ ๒.๑๕๑๗ NCB - - - - รวม ๕,๐๐๐ ๔,๕๙๓,๓๕๓,๘๑๔.๖๐ -๔๑๙,๐๒๙,๙๘๗.๔๑ ๑๒,๓๘๓,๘๐๒.๐๑ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๔๓ ง/หน้า ๙/๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘
730062
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 10
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ วงเงิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๘๘,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๑๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันภัย ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑๐ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ CB ๗,๕๕๐ ๘,๙๕๔,๔๗๙,๐๒๘.๑๙ ๑,๒๖๕,๒๒๘,๐๓๖.๑๙ ๑๓๙,๒๕๐,๙๙๒.๐๐ ๓.๗๒๖๙ NCB ๔๕๐ ๕๓๓,๗๐๗,๑๐๕.๕๐ ๗๕,๔๐๗,๓๗๗.๕๐ ๘,๒๙๙,๗๒๘.๐๐ รวม ๘,๐๐๐ ๙,๔๘๘,๑๘๖,๑๓๓.๖๙ ๑,๓๔๐,๖๓๕,๔๑๓.๖๙ ๑๔๗,๕๕๐,๗๒๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๔๓ ง/หน้า ๗/๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘
730057
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๗๙,๙๐๕,๑๒๕,๙๑๑.๔๓ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๙๔,๘๗๔,๐๘๘.๕๗ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๓๒/๒๘/๕๘ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๗๐๓๙๓ ๑๙,๙๗๓,๘๙๑,๕๒๐.๐๒ ๒๖,๑๐๘,๔๗๙.๙๘ ๓๓/๒๘/๕๘ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๔๙๘๑๕ ๑๙,๙๗๗,๐๔๑,๑๓๑.๘๕ ๒๒,๙๕๘,๘๖๘.๑๕ ๓๔/๒๘/๕๘ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๔๙๓๘๓ ๑๙,๙๗๗,๑๐๗,๑๘๐.๑๖ ๒๒,๘๙๒,๘๑๙.๘๔ ๓๕/๒๘/๕๘ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๔๙๕๒๑ ๑๙,๙๗๗,๐๘๖,๐๗๙.๔๐ ๒๒,๙๑๓,๙๒๐.๖๐ รวม ๘๐,๐๐๐ ๑.๕๔๗๗๘ ๗๙,๙๐๕,๑๒๕,๙๑๑.๔๓ ๙๔,๘๗๔,๐๘๘.๕๗ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๔๓ ง/หน้า ๕/๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘
728994
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (LBA37DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๕๖,๙๘๕.๑๑๓ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๒.๖๕ ปี โดยจะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ CB ๘,๖๐๐ ๙,๖๔๕,๓๖๔,๙๒๓.๙๔ ๙๑๑,๘๖๙,๓๕๙.๙๔ ๑๓๓,๔๙๕,๕๖๔.๐๐ ๓.๕๓๔๒ NCB ๔๐๐ ๔๔๘,๖๒๐,๙๓๖.๐๐ ๔๒,๔๑๑,๘๔๐.๐๐ ๖,๒๐๙,๐๙๖.๐๐ รวม ๙,๐๐๐ ๑๐,๐๙๓,๙๘๕,๘๕๙.๙๔ ๙๕๔,๒๘๑,๑๙๙.๙๔ ๑๓๙,๗๐๔,๖๖๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง/หน้า ๑๔/๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
728991
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 9
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๙[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๙ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๙ วงเงิน ๗,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๕๑,๙๐๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๖.๑๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันภัย ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๙ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ CB ๖,๖๖๐ ๘,๐๓๙,๑๕๓,๙๕๘.๙๒ ๑,๒๕๕,๒๕๙,๗๑๐.๕๒ ๑๒๓,๘๙๔,๒๔๘.๔๐ ๓.๙๕๗๘ NCB ๓๔๐ ๔๑๐,๔๐๑,๗๓๖.๒๐ ๖๔,๐๗๖,๘๐๔.๖๐ ๖,๓๒๔,๙๓๑.๖๐ รวม ๗,๐๐๐ ๘,๔๔๙,๕๕๕,๖๙๕.๑๒ ๑,๓๑๙,๓๓๖,๕๑๕.๑๒ ๑๓๐,๒๑๙,๑๘๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง/หน้า ๑๒/๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
728989
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 8
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๘[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๘ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๘ วงเงิน ๒๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ (LB21DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๘๒,๓๒๔.๕๑ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๖.๖๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ในวงเงินไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) จำนวน ๑ แห่ง ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๒.๓ วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option) ให้แก่ MOF Outright PD อีก ไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรร โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๑ แห่ง ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๘ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ CB ๒๐,๐๐๐ ๒๑,๗๕๔,๙๘๕,๔๐๐.๐๐ ๑,๔๙๘,๙๘๕,๔๐๐.๐๐ ๒๕๖,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒.๔๒๓๐ NCB - - - - GS ๔,๐๐๐ ๔,๓๕๐,๙๙๗,๐๘๐.๐๐ ๒๙๙,๗๙๗,๐๘๐.๐๐ ๕๑,๒๐๐,๐๐๐.๐๐ รวม ๒๔,๐๐๐ ๒๖,๑๐๕,๙๘๒,๔๘๐.๐๐ ๑,๗๙๘,๗๘๒,๔๘๐.๐๐ ๓๐๗,๒๐๐,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง/หน้า ๑๐/๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
728985
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 7
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๗ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๗ วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๔,๖๗๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๒๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๒ มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทหลักทรัพย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๗ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ CB ๙,๐๐๐ ๑๑,๑๖๑,๑๔๖,๓๘๔.๒๓ ๒,๐๓๐,๑๒๒,๔๐๔.๒๓ ๑๓๑,๐๒๓,๙๘๐.๐๐ ๒.๙๒๒๙ NCB - - - - รวม ๙,๐๐๐ ๑๑,๑๖๑,๑๔๖,๓๘๔.๒๓ ๒,๐๓๐,๑๒๒,๔๐๔.๒๓ ๑๓๑,๐๒๓,๙๘๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง/หน้า ๘/๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
728983
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ : เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ๓. รายละเอียดเงื่อนไข : ๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันล้านบาทถ้วน) ๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๔๕ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง “อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง” หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๓.๕ การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม และ ๑๙ พฤศจิกายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง การชำระดอกเบี้ยงวดแรก กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดมา ๓.๖ การชำระต้นเงิน กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนด พร้อมกับการชำระเงินต้นก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด ๓.๘ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง/หน้า ๖/๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
728795
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. 2558
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๙๙,๘๖๙,๐๖๑,๖๗๗.๒๒ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๓๐,๙๓๘,๓๒๒.๗๘ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๒๗/๒๘/๕๘ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๗๕๒๑๖ ๑๙,๙๗๓,๑๕๓,๕๕๕.๓๙ ๒๖,๘๔๖,๔๔๔.๖๑ ๒๘/๒๘/๕๘ ๓ เมษายน ๒๕๕๘ ๘ เมษายน ๒๕๕๘ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๗๓๗๒๓ ๑๙,๙๗๓,๓๘๑,๙๔๕.๐๐ ๒๖,๖๑๘,๐๕๕.๐๐ ๒๙/๒๗/๕๘ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๗ ๒๐,๐๐๐ ๑.๗๑๘๓๗ ๑๙,๙๗๔,๖๐๙,๘๓๓.๔๘ ๒๕,๓๙๐,๑๖๖.๕๒ ๓๐/๒๘/๕๘ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๗๐๐๒๑ ๑๙,๙๗๓,๙๔๘,๔๙๐.๐๐ ๒๖,๐๕๑,๕๑๐.๐๐ ๓๑/๒๘/๕๘ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๖๙๘๙๕ ๑๙,๙๗๓,๙๖๗,๘๕๓.๓๕ ๒๖,๐๓๒,๑๔๖.๖๕ รวม ๑๐๐,๐๐๐ ๑.๗๒๑๓๘ ๙๙,๘๖๙,๐๖๑,๖๗๗.๒๒ ๑๓๐,๙๓๘,๓๒๒.๗๘ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๒๙ ง/หน้า ๑๙/๕ มิถุนายน ๒๕๕๘
727944
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สำหรับโครงการ เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินสำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๗ นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่ากระทรวงการคลังได้ขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ วงเงินกู้ ๑๕,๓๙๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันสามร้อยเก้าสิบสามล้านบาทถ้วน) จึงให้มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินในข้อ ๓.๒ ดังนี้ จากเดิม “๓.๒ โดยกระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ โดยจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ” เปลี่ยนแปลงเป็น “๓.๒ โดยกระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ” รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง/หน้า ๘/๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘
727523
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ได้ดำเนินการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ - ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา มูลนิธิ สถาบันอื่นที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ส่วนราชการสังกัดรัฐบาลกลาง และสหกรณ์ รวมทั้งสิ้น ๔,๓๕๙ ราย โดยทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรและจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๒. ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ เป็นพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นอายุ ๓ ปี จำนวน ๔,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปีครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๓. พันธบัตรออมทรัพย์ข้างต้นมีการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๑ มิถุนายน และ ๑ ธันวาคม ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระดอกเบี้ยโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน (กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ วันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย ๔. การชำระคืนต้นเงินจะดำเนินการในวันครบกำหนดไถ่ถอน หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระคืนต้นเงินโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร การชำระคืนต้นเงินตามพันธบัตร จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร ๕. การจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ๕.๑ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายคิดค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรในอัตรา ๒๕๐ บาท ต่อรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Custodian แล้ว) ซึ่งมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง รวมทั้งสิ้น ๔,๓๕๙ ราย ซึ่งคิดเป็นค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตรรวมทั้งสิ้น ๑,๐๘๙,๗๕๐ บาท ทั้งนี้ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะชำระค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๑.๐๐ บาทต่อเดือน สำหรับราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร ๕.๒ ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ได้คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ดังนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน (๒) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๑๑ ง/หน้า ๖/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘
727095
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๐๒,๐๖๘ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๒.๙๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๗๑ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้ (๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕ (๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน การชำระดอกเบี้ยจะชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และสำนักงานประกันสังคม ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ CB ๕,๐๐๐ ๔,๕๘๐,๙๖๖,๕๖๒.๕๐ -๔๒๐,๔๒๘,๖๗๐.๘๒ ๑,๓๙๕,๒๓๓.๓๒ ๒.๑๔๒๗ NCB - - - - รวม ๕,๐๐๐ ๔,๕๘๐,๙๖๖,๕๖๒.๕๐ -๔๒๐,๔๒๘,๖๗๐.๘๒ ๑,๓๙๕,๒๓๓.๓๒ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๐๔ ง/หน้า ๒๐/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘
727093
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ ฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ วงเงินรวม ๑๙,๐๑๔ ล้านบาท โดยมีวิธีการจัดจำหน่าย ดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding: CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding: NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ วงเงินรวม ๑๙,๐๑๔ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๑๘,๙๒๑,๗๐๗,๔๙๔.๓๖ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๙๒,๒๙๒,๕๐๕.๖๔ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๕/๙๑/๕๘ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๙๑ ๑๐,๐๐๐ ๑.๙๘๔๘๙ ๙,๙๕๐,๗๕๗,๔๑๗.๗๐ ๔๙,๒๔๒,๕๘๒.๓๐ ๖/๙๐/๕๘ ๒ มีนาคม ๒๕๕๘ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๙๐ ๙,๐๑๔ ๑.๙๔๖๑๙ ๘,๙๗๐,๙๕๐,๐๗๖.๖๖ ๔๓,๐๔๙,๙๒๓.๓๔ รวม ๑๙,๐๑๔ ๑.๙๖๖๕๔ ๑๘,๙๒๑,๗๐๗,๔๙๔.๓๖ ๙๒,๒๙๒,๕๐๕.๖๔ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ร้อยละ ๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๐๔ ง/หน้า ๑๘/๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘
725904
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และสำนักงานประกันสังคม ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๗๔,๘๘๕,๖๘๙,๗๔๐.๓๑ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๑๔,๓๑๐,๒๕๙.๖๙ บาท งวดที่ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๑๙/๒๙/๕๘ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒๙ ๒๐,๐๐๐ ๑.๙๕๗๒๓ ๑๙,๙๖๘,๙๔๗,๑๑๘.๕๒ ๓๑,๐๕๒,๘๘๑.๔๘ ๒๐/๒๘/๕๘ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๙๖๔๘๖ ๑๙,๙๖๙,๘๙๙,๕๙๑.๙๙ ๓๐,๑๐๐,๔๐๘.๐๑ ๒๑/๒๘/๕๘ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๒๐,๐๐๐ ๑.๙๙๒๘๒ ๑๙,๙๖๙,๔๗๑,๘๓๙.๖๐ ๓๐,๕๒๘,๑๖๐.๔๐ ๒๒/๒๘/๕๘ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๖๙๕๒ ๑๔,๙๗๗,๓๗๑,๑๙๐.๒๐ ๒๒,๖๒๘,๘๐๙.๘๐ รวม ๗๕,๐๐๐ ๑.๙๗๑๒๑ ๗๔,๘๘๕,๖๘๙,๗๔๐.๓๑ ๑๑๔,๓๑๐,๒๕๙.๖๙ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๙ ง/หน้า ๘/๘ เมษายน ๒๕๕๘
725693
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (LBA37DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๔๗,๙๘๕.๑๑๓ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๒.๘๖ ปี โดยจะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กันเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคมและบริษัทหลักทรัพย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ CB ๘,๖๐๐ ๙,๔๖๒,๖๘๐,๐๑๓.๘๘ ๘๐๖,๔๗๑,๓๕๙.๘๘ ๕๖,๒๐๘,๖๕๔.๐๐ ๓.๖๑๗๙ NCB ๔๐๐ ๔๔๐,๑๒๑,๙๐๘.๐๐ ๓๗,๕๐๗,๕๕๒.๐๐ ๒,๖๑๔,๓๕๖.๐๐ รวม ๙,๐๐๐ ๙,๙๐๒,๘๐๑,๙๒๑.๘๘ ๘๔๓,๙๗๘,๙๑๑.๘๘ ๕๘,๘๒๓,๐๑๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๑ ง/หน้า ๑๒/๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘
725691
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๙,๔๓๘ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๗,๐๖๘ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๑๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๗๑ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้ (๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕ (๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน การชำระดอกเบี้ยจะชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายนของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ บริษัทหลักทรัพย์และบริษัทประกันภัย ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๘ จำนวน ๔,๔๓๘ ล้านบาท และวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๑ มกราคม ๒๕๕๘ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๘ CB ๔,๔๓๘ ๓,๙๙๖,๖๖๙,๕๙๒.๔๒ -๔๖๒,๑๐๕,๙๑๒.๗๘ ๒๐,๗๗๕,๕๐๕.๒๐ ๒.๓๙๕๒ NCB - - - - รวม ๔,๔๓๘ ๓,๙๙๖,๖๖๙,๕๙๒.๔๒ -๔๖๒,๑๐๕,๙๑๒.๗๘ ๒๐,๗๗๕,๕๐๕.๒๐ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ CB ๕,๐๐๐ ๔,๔๙๓,๒๑๕,๓๐๔.๔๐ -๕๓๓,๘๑๘,๘๐๒.๑๑ ๒๗,๐๓๔,๑๐๖.๕๑ ๒.๔๐๓๖ NCB - - - - รวม ๕,๐๐๐ ๔,๔๙๓,๒๑๕,๓๐๔.๔๐ -๕๓๓,๘๑๘,๘๐๒.๑๑ ๒๗,๐๓๔,๑๐๖.๕๑ รวมทั้งสิ้น CB ๙,๔๓๘ ๘,๔๘๙,๘๘๔,๘๙๖.๘๒ -๙๙๕,๙๒๔,๗๑๔.๘๙ ๔๗,๘๐๙,๖๑๑.๗๑ ๒.๓๙๙๗ NCB - - - - รวม ๙,๔๓๘ ๘,๔๘๙,๘๘๔,๘๙๖.๘๒ -๙๙๕,๙๒๔,๗๑๔.๘๙ ๔๗,๘๐๙,๖๑๑.๗๑ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๑ ง/หน้า ๑๐/๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘
725689
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 6
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๖[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๖ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๖ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๓๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทหลักทรัพย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๖ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘ CB ๙,๕๕๐ ๑๑,๓๒๘,๗๙๒,๒๕๓.๒๐ ๑,๖๙๖,๘๓๘,๘๓๒.๗๐ ๘๑,๙๕๓,๔๒๐.๕๐ ๓.๖๗๙๔ NCB ๔๕๐ ๕๓๓,๘๑๖,๙๑๔.๕๐ ๗๙,๙๕๕,๒๓๕,.๐๐ ๓,๘๖๑,๖๗๙.๕๐ รวม ๑๐,๐๐๐ ๑๑,๘๖๒,๖๐๙,๑๖๗.๗๐ ๑,๗๗๖,๗๙๔,๐๖๗.๗๐ ๘๕,๘๑๕,๑๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๑ ง/หน้า ๘/๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘
725687
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๒๓,๘๐๓ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ (LB21DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๕๘,๓๒๔.๕๑ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๖.๘๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ในวงเงินไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) จำนวน ๑๔ แห่ง ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๒.๓ วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๑๓ แห่ง ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ CB ๒๐,๐๐๐ ๒๑,๔๐๗,๐๑๘,๓๗๘.๔๕ ๑,๒๖๓,๐๑๘,๓๗๘.๔๕ ๑๔๔,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒.๖๓๐๒ NCB - - - - GS ๓,๘๐๓ ๔,๐๗๐,๕๕๔,๗๔๐.๘๐ ๒๔๐,๑๗๓,๑๔๐.๘๐ ๒๗,๓๘๑,๖๐๐.๐๐ รวม ๒๓,๘๐๓ ๒๕,๔๗๗,๕๗๓,๑๑๙.๒๕ ๑,๕๐๓,๑๙๑,๕๑๙.๒๕ ๑๗๑,๓๘๑,๖๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๑ ง/หน้า ๖/๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘
725685
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๖,๑๖๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๒๕,๖๗๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๓๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๒ มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และบริษัทหลักทรัพย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ CB ๖,๑๖๐ ๗,๔๖๖,๕๘๗,๕๐๐.๓๐ ๑,๒๕๗,๒๒๓,๑๐๘.๓๐ ๔๙,๓๖๔,๓๙๒.๐๐ ๓.๑๐๐๘ NCB - - - - รวม ๖,๑๖๐ ๗,๔๖๖,๕๘๗,๕๐๐.๓๐ ๑,๒๕๗,๒๒๓,๑๐๘.๓๐ ๔๙,๓๖๔,๓๙๒.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๑ ง/หน้า ๔/๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘
725673
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๔๔,๙๐๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๖.๓๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันภัย ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ CB ๕,๙๐๐ ๖,๙๙๑,๓๙๗,๓๗๑.๐๐ ๑,๐๔๕,๙๒๖,๙๕๖.๐๐ ๔๕,๔๗๐,๔๑๕.๐๐ ๔.๐๐๕๖ NCB ๑๐๐ ๑๑๘,๔๙๗,๔๐๐.๐๐ ๑๗,๗๒๖,๗๑๕.๐๐ ๗๗๐,๖๘๕.๐๐ รวม ๖,๐๐๐ ๗,๑๐๙,๘๙๔,๗๗๑.๐๐ ๑,๐๖๓,๖๕๓,๖๗๑.๐๐ ๔๖,๒๔๑,๑๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๙ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๑ ง/หน้า ๒/๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘
725098
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. 2558
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินและสำนักงานประกันสังคม ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๗๔,๘๙๐,๕๐๕,๘๒๙.๖๗ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๐๙,๔๙๔,๑๗๐.๓๓ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๑๔/๒๓/๕๘ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๘ ๒๓ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๓๕๘๖ ๑๔,๙๘๐,๗๘๑,๖๑๑.๔๐ ๑๙,๒๑๘,๓๘๘.๖๐ ๑๕/๒๘/๕๘ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ๗ มกราคม ๒๕๕๘ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๖๔๘ ๑๔,๙๗๖,๘๓๒,๕๔๗.๖๐ ๒๓,๑๖๗,๔๕๒.๔๐ ๑๖/๒๘/๕๘ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๘ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๕๐๔๙ ๑๔,๙๗๗,๕๘๙,๕๖๗.๘๗ ๒๒,๔๑๐,๔๓๒.๑๓ ๑๗/๒๘/๕๘ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๘ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๔๕๒๕ ๑๔,๙๗๗,๖๔๙,๖๔๑.๕๐ ๒๒,๓๕๐,๓๕๘.๕๐ ๑๘/๒๘/๕๘ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๘ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๔๕๐๐ ๑๔,๙๗๗,๖๕๒,๔๖๑.๓๐ ๒๒,๓๔๗,๕๓๘.๗๐ รวม ๗๕,๐๐๐ ๑.๙๗๘๖๒ ๗๔,๘๙๐,๕๐๕,๘๒๙.๖๗ ๑๐๙,๔๙๔,๑๗๐.๓๓ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๘ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๖๓ ง/หน้า ๒๑/๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘
725049
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น "สุขกันเถอะเรา" ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “สุขกันเถอะเรา” ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “สุขกันเถอะเรา” ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “สุขกันเถอะเรา” ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ดำเนินการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๑๒ - ๒๓ มกราคม ๒๕๕๘ โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา มูลนิธิ สถาบันอื่นที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ส่วนราชการสังกัดรัฐบาลกลาง สหกรณ์ และวัด รวมทั้งสิ้น ๕,๐๒๓ ราย โดยทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรและจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๒. ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “สุขกันเถอะเรา” ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นอายุ ๑๐ ปี จำนวน ๑๒,๑๔๑,๔๖๘,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได ปีที่ ๑ - ๓ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๐ ต่อปี ปีที่ ๔ - ๗ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๐ ต่อปี และปีที่ ๘ - ๑๐ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๕.๐ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๘ ๓. พันธบัตรออมทรัพย์ข้างต้นมีการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๑๒ มกราคม และ ๑๒ กรกฎาคม ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระดอกเบี้ยโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน (กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ วันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย ๔. การชำระคืนต้นเงินจะดำเนินการในวันครบกำหนดไถ่ถอน หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระคืนต้นเงินโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร การชำระคืนต้นเงินตามพันธบัตร จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร ๕. การจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ๕.๑ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายคิดค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรในอัตรา ๒๕๐ บาท ต่อรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Custodian แล้ว) ซึ่งมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง รวมทั้งสิ้น ๕,๐๒๓ ราย ซึ่งคิดเป็นค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตรรวมทั้งสิ้น ๑,๒๕๕,๗๕๐ บาท ทั้งนี้ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะชำระค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๐.๖๐ บาทต่อเดือน สำหรับราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร ๕.๒ ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “สุขกันเถอะเรา” ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ดังนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน (๒) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๘ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๖๒ ง/หน้า ๒/๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘
724138
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 3) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 2 มีนาคม 2558
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๘[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๓ วงเงิน คือ ๓,๕๐๐ ล้านบาท ๓,๕๐๐ ล้านบาท และ ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๗ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๒ ต่อปี ร้อยละ ๑.๔๓ ต่อปี และร้อยละ ๑.๔๔ ต่อปี ตามลำดับ ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสองของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในวันที่ ๒ มีนาคม และวันที่ ๒ กันยายน ของทุกปี โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๒ ต่อปี ร้อยละ ๐.๗๓ ต่อปี และร้อยละ ๐.๗๔ ต่อปี ตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๒.๑๒๖ ต่อปี ร้อยละ ๒.๑๓๖ ต่อปี และร้อยละ ๒.๑๔๖ ต่อปี ตามลำดับ เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว จึงกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๒.๑๒๖ ต่อปี ร้อยละ ๒.๑๓๖ ต่อปี และร้อยละ ๒.๑๔๖ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๕๐ ง/หน้า ๑๑/๓ มีนาคม ๒๕๕๘
723372
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 2) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๒ วงเงิน วงเงินละ ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๙ ต่อปีและ ๑.๕๐ ต่อปีตามลำดับ ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสองของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ และวันที่ ๑๘ สิงหาคม ของทุกปีโดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาเฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๙ ต่อปี และ ๐.๘๐ ต่อปีตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปี และร้อยละ ๒.๒๐๖ ต่อปี ตามลำดับ เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว จึงกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปีและร้อยละ ๒.๒๐๖ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๔๓ ง/หน้า ๕/๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
723368
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 2) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๙ ต่อปี ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสองของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ และวันที่ ๑๘ สิงหาคม ของทุกปี โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาเฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๙ ต่อปี และเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปี เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว จึงกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๔๓ ง/หน้า ๔/๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
723061
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 7
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๗ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๗ วงเงิน ๒๓,๙๗๖ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ (LB21DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๓๔,๕๒๑.๕๑ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๖.๙๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ในวงเงินไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) จำนวน ๑๔ แห่ง ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ ๒.๓ วิธีการเสนอซื้อเพิ่มเติม (Greenshoe Option) ให้แก่ MOF Outright PD อีกไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ MOF Outright PD จำนวน ๑๔ แห่ง ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๗ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ CB ๑๙,๙๐๐ ๒๑,๖๖๘,๔๘๘,๘๐๐.๙๙ ๑,๗๐๘,๗๘๘,๘๐๐.๙๙ ๕๙,๗๐๐,๐๐๐.๐๐ ๒.๓๐๐๕ NCB ๑๐๐ ๑๐๘,๘๘๗,๑๓๔.๐๐ ๘,๕๘๗,๑๓๔.๐๐ ๓๐๐,๐๐๐.๐๐ GS ๓,๙๗๖ ๔,๓๒๙,๓๕๒,๔๔๗.๘๔ ๓๔๑,๔๒๔,๔๔๗.๘๔ ๑๑,๙๒๘,๐๐๐.๐๐ รวม ๒๓,๙๗๖ ๒๖,๑๐๖,๗๒๘,๓๘๒.๘๓ ๒,๐๕๘,๘๐๐,๓๘๒.๘๓ ๗๑,๙๒๘,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๙ ง/หน้า ๑๕/๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
723057
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ วงเงินรวม ๑๗,๐๑๐ ล้านบาท โดยมีวิธีการจัดจำหน่าย ดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน วงเงินรวม ๑๗,๐๑๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๑๖,๘๔๑,๒๓๔,๗๖๕.๖๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๖๘,๗๖๕,๒๓๔.๔๐ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๓/๑๘๒/๕๘ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๘๒ ๑๐,๐๐๐ ๑.๙๙๒๒๓ ๙,๙๐๑,๖๓๘,๕๑๘.๐๐ ๙๘,๓๖๑,๔๘๒.๐๐ ๔/๑๘๒/๕๘ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๘๒ ๗,๐๑๐ ๒.๐๓๔๖๒ ๖,๙๓๙,๕๙๖,๒๔๗.๖๐ ๗๐,๔๐๓,๗๕๒.๔๐ รวม ๑๗,๐๑๐ ๒.๐๑๓๔๓ ๑๖,๘๔๑,๒๓๔,๗๖๕.๖๐ ๑๖๘,๗๖๕,๒๓๔.๔๐ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ร้อยละ ๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๙ ง/หน้า ๑๓/๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
723053
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ยกเลิกการกู้เงินสำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 (เพิ่มเติม) ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 และครั้งที่ 6
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ยกเลิกการกู้เงินสำหรับโครงการเพื่อการวางระบบ บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ (เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓ ครั้งที่ ๔ ครั้งที่ ๕ และครั้งที่ ๖[๑] ตามที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินสำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ (เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓ ครั้งที่ ๔ ครั้งที่ ๕ และครั้งที่ ๖ ว่ากระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (พระราชกำหนด) กับสถาบันการเงิน ๔ แห่ง ประกอบด้วยธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินกู้รวม ๓๒๔,๖๐๖ ล้านบาท นั้น ด้วยเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ยกเลิกการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ตามโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยของรัฐบาลที่ผ่านมา และให้ใช้แผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๙) แทน จึงทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้วงเงิน ๓๒๔,๖๐๖ ล้านบาท ข้างต้นอีกต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่ากระทรวงการคลังได้ดำเนินการยกเลิกการกู้เงินสำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ (เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓ ครั้งที่ ๔ ครั้งที่ ๕ และครั้งที่ ๖ วงเงินกู้รวม ๓๒๔,๖๐๖ ล้านบาท กับสถาบันการเงิน ๔ แห่ง ข้างต้นเรียบร้อยแล้ว ประกาศ ณ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๙ ง/หน้า ๑๒/๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
722806
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และสำนักงานประกันสังคม ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๕๙,๙๐๔,๖๗๑,๘๘๘.๑๖ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๙๕,๓๒๘,๑๑๑.๘๔ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๑๐/๓๓/๕๘ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ๓๓ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๐๔๔๙ ๑๔,๙๗๒,๘๖๔,๙๖๙.๐๐ ๒๗,๑๓๕,๐๓๑.๐๐ ๑๑/๒๗/๕๘ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๗ มกราคม ๒๕๕๘ ๒๗ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๙๗๕๗ ๑๔,๙๗๗,๘๖๗,๘๖๗.๕๖ ๒๒,๑๓๒,๑๓๒.๔๔ ๑๒/๒๘/๕๘ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๙๖๘๐ ๑๔,๙๗๗,๐๕๘,๒๖๑.๑๐ ๒๒,๙๔๑,๗๓๘.๙๐ ๑๓/๒๘/๕๘ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๘ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๒๒๗ ๑๔,๙๗๖,๘๘๐,๗๙๐.๕๐ ๒๓,๑๑๙,๒๐๙.๕๐ รวม ๖๐,๐๐๐ ๒.๐๐๒๗๘ ๕๙,๙๐๔,๖๗๑,๘๘๘.๑๖ ๙๕,๓๒๘,๑๑๑.๘๔ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๖ ง/หน้า ๑๒/๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
722433
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ ฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีวิธีการจัดจำหน่าย ดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๑๙,๘๐๓,๓๐๑,๖๖๙.๖๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๙๖,๖๙๘,๓๓๐.๔๐ บาท งวดที่ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๑/๑๘๒/๕๘ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๘๒ ๑๐,๐๐๐ ๒.๐๐๓๑๗ ๙,๙๐๑,๑๐๓,๙๔๒.๐๐ ๙๘,๘๙๖,๐๕๘.๐๐ ๒/๑๘๑/๕๘ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๘๑ ๑๐,๐๐๐ ๑.๙๙๑๗๓ ๙,๙๐๒,๑๙๗,๗๒๗.๖๐ ๙๗,๘๐๒,๒๗๒.๔๐ รวม ๒๐,๐๐๐ ๑.๙๙๗๔๕ ๑๙,๘๐๓,๓๐๑,๖๖๙.๖๐ ๑๙๖,๖๙๘,๓๓๐.๔๐ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ร้อยละ ๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้ ประกาศ ณ วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ นริศ ชัยสูตร รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๙ ง/หน้า ๖/๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
721456
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 6
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๖[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๖ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๖ วงเงิน ๓,๗๘๘ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๘,๙๐๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๖.๕๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๖ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๙,๐๐๐ ๔.๐๗๓๖ ๔,๔๐๐,๗๘๑,๔๒๖.๑๖ ๖๑๑,๗๗๔,๗๖๕.๑๖ ๑,๐๐๖,๖๖๑.๐๐ ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐ ง/หน้า ๑๒/๒๓ มกราคม ๒๕๕๘
721454
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๙,๕๑๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๕๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๒ มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และสำนักงานประกันสังคม ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๕ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๙,๐๐๐ ๓.๒๗๑๔ ๑๐,๖๔๖,๓๖๓,๖๗๖.๑๐ ๑,๖๕๘,๓๘๔,๒๕๖.๑๐ -๑๒,๐๒๐,๕๘๐.๐๐ ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐ ง/หน้า ๑๐/๒๓ มกราคม ๒๕๕๘
721452
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๗๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๖๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์และสำนักงานประกันสังคม ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๔ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๙,๐๐๐ ๓.๘๙๕๙ ๑๐,๓๙๙,๕๒๖,๔๙๖.๒๐ ๑,๒๒๔,๓๑๐,๐๘๖.๒๐ ๑๗๕,๒๑๖,๔๑๐.๐๐ ๗ มกราคม ๒๕๕๘ ๙ มกราคม ๒๕๕๘ ๙,๐๐๐ ๓.๖๙๑๗ ๑๐,๕๙๔,๘๔๗,๓๐๙.๑๖ ๑,๕๘๒,๑๖๗,๒๐๙.๑๖ ๑๒,๖๘๐,๑๐๐.๐๐ รวม ๑๘,๐๐๐ ๒๐,๙๙๔,๓๗๓,๘๐๕.๓๖ ๒,๘๐๖,๔๗๗,๒๙๕.๓๖ ๑๘๗,๘๙๖,๕๑๐.๐๐ ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐ ง/หน้า ๘/๒๓ มกราคม ๒๕๕๘
721450
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ ฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท (สามหมื่นหกพันล้านบาทถ้วน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๒.๑๒ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๓. อายุเงินกู้ ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ครบกำหนดชำระวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ๔. กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วยหากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐ ง/หน้า ๗/๒๓ มกราคม ๒๕๕๘
721358
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลัง ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารออมสิน ๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ : เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ๓. รายละเอียดเงื่อนไข : ๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๓.๒ วงเงินกู้จำนวน ๑,๘๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันแปดร้อยสี่สิบล้านบาทถ้วน) ๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ จนถึงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๕๐ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์ หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง “อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง” หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๓.๕ การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๒๐ มกราคม และ ๒๐ กรกฎาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๐ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง การชำระดอกเบี้ยงวดแรก กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันประมูลเงินกู้สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดไป ๓.๖ การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๘ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน ๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๖ ง/หน้า ๑๒/๑๙ มกราคม ๒๕๕๘
721354
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] ตามที่กระทรวงการคลังได้ประกาศ เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ โดยจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB155A ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ภายใต้วงเงินไม่เกิน ๑๓๖,๒๗๒ ล้านบาท นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB155A โดยการดำเนินธุรกรรม Bond Switching มีรายละเอียด ดังนี้ ๑. วิธีการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ได้ดำเนินการดังนี้ ๑.๑ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB155A (Source Bonds) ได้ยื่นคำเสนอแลกพันธบัตรและเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้แก่ผู้ร่วมจัดการการแลกพันธบัตรภายในระยะเวลาที่กำหนด ๑.๒ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังกำหนดและประกาศอัตราผลตอบแทนและรายละเอียดต่าง ๆ ของ Destination Bonds ที่จะแลกกับ Source Bonds และแจ้งผลการแลกพันธบัตรให้แก่ผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายผ่านทางผู้ร่วมจัดการการแลกพันธบัตร ๑.๓ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังส่งมอบ Destination Bonds ให้แก่ผู้ถือพันธบัตรแต่ละรายที่ได้รับการตอบรับแลกพันธบัตร และธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนดำเนินการยกเลิก Source Bonds ที่กระทรวงการคลังรับแลก ๒. ผลการดำเนินธุรกรรม Bond Switching มีดังนี้ ๒.๑ พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB155A (Source Bonds) ที่ดำเนินการแลกในครั้งนี้จำนวนรวมทั้งสิ้น ๗๖,๒๓๕,๑๙๗,๐๐๐ บาท โดย Source Bonds ที่ถูกแลกมีราคา ๑,๐๐๘.๔๙๒๗๕๐ บาท ต่อ ๑ หน่วย และมีอัตราผลตอบแทนร้อยละ ๑.๙๙๒๕ ต่อปี ซึ่งการแลกพันธบัตรดังกล่าวทำให้ ณ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ยอดคงค้างของ Source Bonds เป็นดังต่อไปนี้ หน่วย : บาท พันธบัตรรัฐบาล รุ่น LB155A ที่กำหนดให้เป็น Source Bonds ยอดคงค้างของ Source Bonds ก่อนทำธุรกรรม มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ ของ Source Bonds ที่รับแลก๑ ยอดคงค้างของ Source Bonds หลังทำธุรกรรม๒ ๑. วงเงินที่อยู่ในแผนปรับโครงสร้างหนี้ ๑.๑) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ ๑.๒) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๗ ๑.๓) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑๑ ๑.๔) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ ๑.๕) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ ๑.๖) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔ ๑๗,๒๗๒,๐๐๐,๐๐๐ ๓๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๓๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๗,๒๗๒,๐๐๐,๐๐๐ ๗,๙๖๓,๑๙๗,๐๐๐ - ๑๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ - ๓๐,๐๓๖,๘๐๓,๐๐๐ ๓๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ - - - รวมวงเงินที่อยู่ในแผนปรับโครงสร้างหนี้ ๑๓๖,๒๗๒,๐๐๐,๐๐๐ ๗๖,๒๓๕,๑๙๗,๐๐๐ ๖๐,๐๓๖,๘๐๓,๐๐๐ ๒. วงเงินที่ไม่ได้อยู่ในแผนปรับโครงสร้างหนี้ ๒.๑) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ ๒.๒) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ ๑๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๓,๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ - - ๑๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๓,๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ รวมวงเงินที่ไม่ได้อยู่ในแผนปรับโครงสร้างหนี้ ๑๖,๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ - ๑๖,๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ รวมทั้งสิ้น (๑+๒) ๑๕๒,๕๗๒,๐๐๐,๐๐๐ ๗๖,๒๓๕,๑๙๗,๐๐๐ ๗๖,๓๓๖,๘๐๓,๐๐๐ หมายเหตุ :- ๑. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Source Bonds ที่รับแลก หมายถึง จำนวนหน่วยของ Source Bonds ที่รับแลกคูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้นที่ตราไว้หน้าพันธบัตร ที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๒. ยอดคงค้างของ Source Bonds หลังทำธุรกรรม ณ วันที่ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ภายหลังจากการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ข้างต้น ส่งผลให้ยอดคงค้างพันธบัตรรุ่น LB155A ลดลงจากจำนวน ๑๕๒,๕๗๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท คงเหลือจำนวน ๗๖,๓๓๖,๘๐๓,๐๐๐ บาท และทำให้ยอดคงค้างที่ต้องปรับโครงสร้างหนี้คงเหลือจำนวน ๖๐,๐๓๖,๘๐๓,๐๐๐ บาท ๒.๒ พันธบัตรรัฐบาลที่กระทรวงการคลังดำเนินการออกเพื่อแลกกับ Source Bonds ตามข้อ ๑ (Destination Bonds) รวมทั้งสิ้น ๗๑,๐๑๗,๐๐๒,๐๐๐ บาท ซึ่งประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๔ รุ่น โดย Destination Bonds ที่นำมาแลกมีราคาต่อหน่วยและอัตราผลตอบแทน ดังนี้ พันธบัตรรัฐบาล Destination Bonds ราคาของ Destination Bonds๑ (บาท/หน่วย) อัตราผลตอบแทน ของ Destination Bonds๒ (ร้อยละต่อปี) ๑) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ (LB176A) ๑,๐๔๐.๗๘๒๗๐๐ ๒.๑๙ ๒) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ (LB191A) ๑,๑๔๐.๗๘๘๒๕๐ ๒.๕๕ ๓) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ (LB21DA) ๑,๐๗๕.๖๕๑๑๐๐ ๒.๗๒ ๔) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ (LBA37DA) ๑,๐๗๑.๔๑๖๗๓๐ ๓.๙๐ หมายเหตุ :- ๑. ราคา Destination Bonds หมายถึง ราคาต่อหน่วยของ Destination Bonds ที่ต้องการแลก ซึ่งสะท้อนมูลค่าปัจจุบัน (present value) ของดอกเบี้ยและเงินต้นของ Destination Bonds ที่ต้องการแลก ตามที่คำนวณและกำหนดโดยกระทรวงการคลัง ๒. อัตราผลตอบแทนของ Destination Bonds หมายถึง อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลที่ออกใหม่ (Destination Bonds) ที่ต้องการแลก ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนดอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการแลกพันธบัตร ทั้งนี้ ผลการออก Destination Bonds ข้างต้น ทำให้ ณ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ยอดคงค้างของ Destination Bonds แต่ละรุ่นเป็นดังต่อไปนี้ หน่วย : บาท พันธบัตรรัฐบาล “Destination Bonds” ยอดคงค้างของ Destination Bonds ก่อนทำธุรกรรม มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bonds ที่ออกใหม่๑ ยอดคงค้างของ Destination Bonds หลังทำธุรกรรม (ณ วันที่ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๗) ๑) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ (LB176A) ๑๙๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๒๒,๖๘๒,๙๕๒,๐๐๐ ๒๑๘,๖๘๒,๙๕๒,๐๐๐ ๒) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ (LB191A) ๔๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๒๐,๘๘๓,๔๒๗,๐๐๐ ๖๖,๘๘๓,๔๒๗,๐๐๐ ๓) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ (LB21DA) ๒๐๑,๑๑๐,๐๐๐,๐๐๐ ๙,๔๓๕,๕๑๐,๐๐๐ ๒๑๐,๕๔๕,๕๑๐,๐๐๐ ๔) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ (LBA37DA) ๑๒๐,๙๗๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑๘,๐๑๕,๑๑๓,๐๐๐ ๑๓๘,๙๘๕,๑๑๓,๐๐๐ รวม ๕๖๔,๐๘๐,๐๐๐,๐๐๐ ๗๑,๐๑๗,๐๐๒,๐๐๐ ๖๓๕,๐๙๗,๐๐๒,๐๐๐ หมายเหตุ :- ๑. มูลค่าเงินต้นที่ตราไว้ของ Destination Bonds ที่ออกใหม่ หมายถึง จำนวนหน่วยของ Destination Bonds ที่ออกใหม่คูณกับมูลค่าหรือจำนวนเงินต้น ที่ตราไว้หน้าพันธบัตรที่ตราไว้หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๓. การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลโดยการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้มีผู้ถือพันธบัตรที่ได้รับการตอบรับการแลก Source Bonds และได้รับการจัดสรร Destination Bonds ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนรวม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันชีวิตและนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ ๔. Destination Bonds ที่ออกในครั้งนี้ มีรายละเอียดและเงื่อนไขดังนี้ ๔.๑ Destination Bonds เป็นพันธบัตรชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละ ๑,๐๐๐ บาท ๔.๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำ Destination Bonds ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี ๔.๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝาก Destination Bonds ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ๔.๔ กรณีที่มีการออก Destination Bonds ประเภทมีใบตราสาร (Scrip) มิให้ถือว่า Destination Bonds ฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้ลงลายมือชื่อกำกับใน Destination Bonds ฉบับนั้นแล้ว ๔.๕ การคำนวณดอกเบี้ยของ Destination Bonds รุ่น LB176A LB191A และ LB21DA จะคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาลทั้ง ๓ รุ่นดังกล่าว โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุดถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป สำหรับการคำนวณดอกเบี้ยของ รุ่น LBA37DA จะเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุดถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน โดยจำนวนดอกเบี้ยในแต่ละงวดดอกเบี้ยจะถูกคำนวณโดยการนำจำนวนเงินต้นคงเหลือ ณ ต้นงวดดอกเบี้ยของพันธบัตร ซึ่งผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรแต่ละรายมีอยู่คูณด้วยอัตราดอกเบี้ย โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ การคำนวณดอกเบี้ยหากมีเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ๔.๖ กำหนดไถ่ถอนคืน Destination Bonds รุ่น LB176A LB191A และ LB21DA เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป สำหรับ รุ่น LBA37DA จะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ของพันธบัตร รุ่น LB176A LB191A และ LB21DA และการชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายของพันธบัตร รุ่น LBA37DA จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝาก หลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ๕. การดำเนินธุรกรรม Bond Switching ในครั้งนี้มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๕.๑ ค่าธรรมเนียมในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ร่วมจัดการการแลกพันธบัตร จำนวน ๓ แห่งประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ในจำนวนรวมทั้งสิ้นเท่ากับอัตราร้อยละ ๐.๐๘ (ศูนย์จุดศูนย์แปด) ของจำนวนรวมของผลคูณของราคา Destination Bonds ที่กระทรวงการคลังกำหนดแต่ละรุ่น คูณด้วยจำนวนหน่วยของ Destination Bonds ที่ออกใหม่ในรุ่นนั้น ๆ โดยที่ราคา Destination Bonds ที่กระทรวงการคลังกำหนด ดังกล่าวข้างต้น และจำนวนหน่วยของ Destination Bonds ที่ออกใหม่ เป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งผลธุรกรรม Bond Switching ๕.๒ ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับ Destination Bonds สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตร ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตร (๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตร ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๖ ง/หน้า ๗/๑๙ มกราคม ๒๕๕๘
720807
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และสำนักงานประกันสังคม ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๕๙,๙๐๖,๙๗๔,๕๑๙.๘๕ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๙๓,๐๒๕,๔๘๐.๑๕ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๖/๒๘/๕๘ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๐๓๔ ๑๔,๙๗๖,๙๐๒,๙๕๐.๘๐ ๒๓,๐๙๗,๐๔๙.๒๐ ๗/๒๙/๕๘ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒๙ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๐๕๐๒ ๑๔,๙๗๖,๑๔๒,๖๐๓.๐๐ ๒๓,๘๕๗,๓๙๗.๐๐ ๘/๒๘/๕๘ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๐๔๘๔ ๑๔,๙๗๖,๙๖๖,๐๕๘.๖๕ ๒๓,๐๓๓,๙๔๑.๓๕ ๙/๒๘/๕๘ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๐๕๑๑ ๑๔,๙๗๖,๙๖๒,๙๐๗.๔๐ ๒๓,๐๓๗,๐๙๒.๖๐ รวม ๖๐,๐๐๐ ๒.๐๐๖๓๓ ๕๙,๙๐๖,๙๗๔,๕๑๙.๘๕ ๙๓,๐๒๕,๔๘๐.๑๕ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๑ ง/หน้า ๘/๑๕ มกราคม ๒๕๕๘
720491
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (LBA37DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๒๐,๙๗๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๓.๐๗ ปี โดยจะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กันเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๕,๙๗๐ ๓.๗๘๑๙ ๖,๔๙๖,๙๖๕,๗๐๔.๗๐ ๔๑๔,๐๘๘,๕๒๖.๗๐ ๑๑๒,๘๗๗,๑๗๘.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๑๑/๗ มกราคม ๒๕๕๘
720489
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๘๗,๖๓๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๒๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๗๑ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้ (๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕ (๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน การชำระดอกเบี้ยจะชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายนของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๔,๐๐๐ ๒.๐๘๔๕ ๓,๗๓๔,๐๗๗,๒๓๐.๐๐ -๒๗๘,๑๙๑,๗๘๗.๕๘ ๑๒,๒๖๙,๐๑๗.๕๘ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๙/๗ มกราคม ๒๕๕๘
720485
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๕,๙๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๘๓,๖๓๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๓๙ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๗๑ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้ (๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕ (๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน การชำระดอกเบี้ยจะชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายนของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๑,๙๐๐ ล้านบาท และวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมี รายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๑,๙๐๐ ๑.๙๐๘๔ ๑,๘๑๑,๒๙๑,๕๗๐.๐๐ -๙๑,๕๒๗,๘๓๗.๑๑ ๒,๘๑๙,๔๐๗.๑๑ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๔,๐๐๐ ๑.๙๘๘๖ ๓,๗๗๖,๙๗๔,๗๓๖.๘๐ -๒๓๑,๙๒๐,๒๔๑.๕๙ ๘,๘๙๔,๙๗๘.๓๙ รวม ๕,๙๐๐ ๑.๙๖๒๘ ๕,๕๘๘,๒๖๖,๓๐๖.๘๐ -๓๒๓,๔๔๘,๐๗๘.๗๐ ๑๑,๗๑๔,๓๘๕.๕๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๗/๗ มกราคม ๒๕๕๘
720483
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๕,๙๗๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๕,๑๑๔ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๖.๖๖ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๕,๙๗๒ ๔.๐๙๘๓ ๗,๐๐๙,๕๒๙,๙๔๑.๗๒ ๙๒๙,๖๐๘,๕๕๖.๑๖ ๑๐๗,๙๒๑,๓๘๕.๕๖ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๕/๗ มกราคม ๒๕๕๘
720479
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๗,๙๗๘ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๐,๕๑๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๖๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้งในวันที่ ๒๒ มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๗,๙๗๘ ๓.๕๗๘๔ ๙,๒๘๗,๖๗๕,๒๒๓.๖๓ ๑,๑๗๐,๐๘๗,๕๐๘.๓๙ ๑๓๙,๕๘๗,๗๑๕.๒๔ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๓/๗ มกราคม ๒๕๕๘
720118
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ : เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ๓. รายละเอียดเงื่อนไข : ๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๒,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน) ๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ จนถึงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๕ ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง “อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง” หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ๓.๕ การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๑๙ มิถุนายนและ ๑๙ ธันวาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง การชำระดอกเบี้ยงวดแรก กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันประมูลเงินกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดมา ๓.๖ การชำระต้นเงิน กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๘ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๙ มกราคม ๒๕๕๘ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑ ง/หน้า ๓/๕ มกราคม ๒๕๕๘
719989
ประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอนและการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ อายุ ๓ ปี ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน ๕,๘๐๐ ล้านบาท (ห้าพันแปดร้อยล้านบาทถ้วน) ๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้จะออกให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๓. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกตามในข้อ ๒ มีกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๔. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย) บวกด้วย Spread โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุก ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้งชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ มีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๒.๘๓๐๗๗ ต่อปี ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือวันที่ ๒๔ มิถุนายน และ ๒๔ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน และจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนดพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนกำหนดนั้นด้วย โดยหากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป และได้รับยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๘ มกราคม ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๖๗ ง/หน้า ๑๐/๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗
718513
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และบริษัทประกันชีวิต ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๗๔,๘๘๔,๐๗๖,๘๔๔.๘๒ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๑๕,๙๒๓,๑๕๕.๑๘ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๑/๒๘/๕๘ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๗ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๔๐๕ ๑๔,๙๗๖,๘๖๐,๓๖๖.๕๑ ๒๓,๑๓๙,๖๓๓.๔๙ ๒/๒๘/๕๘ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๒๐๘๑ ๑๔,๙๗๖,๗๘๒,๘๒๖.๘๐ ๒๓,๒๑๗,๑๗๓.๒๐ ๓/๒๘/๕๘ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๙๘๗ ๑๔,๙๗๖,๗๙๓,๖๐๕.๓๐ ๒๓,๒๐๖,๓๙๔.๗๐ ๔/๒๘/๕๘ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๙๘๖ ๑๔,๙๗๖,๗๙๓,๗๑๕.๐๕ ๒๓,๒๐๖,๒๘๔.๙๕ ๕/๒๘/๕๘ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๕๒๘ ๑๔,๙๗๖,๘๔๖,๓๓๑.๑๖ ๒๓,๑๕๓,๖๖๘.๘๔ รวม ๗๕,๐๐๐ ๒.๐๑๗๙๗ ๗๔,๘๘๔,๐๗๖,๘๔๔.๘๒ ๑๑๕,๙๒๓,๑๕๕.๑๘ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๔๕ ง/หน้า ๑๒/๓ ธันวาคม ๒๕๕๗
718180
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลัง ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ (๔) และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ : เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย ๓. รายละเอียดเงื่อนไข : ๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๓.๒ วงเงินกู้จำนวน ๒๑,๙๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบล้านบาทถ้วน) โดยแบ่งเป็น ๓ วงเงิน ดังนี้ วงเงินที่ ๑ จำนวน ๑๔,๕๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันห้าร้อยเก้าสิบล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ วงเงินที่ ๒ จำนวน ๓,๘๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันแปดร้อยสี่สิบล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ วงเงินที่ ๓ จำนวน ๓,๔๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันสี่ร้อยเก้าสิบล้านบาทถ้วน) สำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย ๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ จนถึงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๔ อัตราดอกเบี้ย วงเงินที่ ๑ เท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ ๒.๙๕ ต่อปี วงเงินที่ ๒ เท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ ๒.๙๐ ต่อปี วงเงินที่ ๓ เท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ ๒.๘๕ ต่อปี ๓.๕ การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม และ ๑๔ พฤศจิกายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ๓.๖ การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๘ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน ๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ภีราพร/ผู้ตรวจ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๔๑ ง/หน้า ๑๐/๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
718161
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ และรายการการกู้เงิน และค้ำประกัน ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗[๑] ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๖ วรรคสอง กำหนดให้กระทรวงการคลังสรุปรายงานสถานะหนี้สาธารณะและประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน ๖๐ วัน หลังจากวันสิ้นเดือนมีนาคมและเดือนกันยายนของทุกปี โดยรายงานดังกล่าวต้องแสดงหนี้สาธารณะที่เกิดจากการกู้เงินและค้ำประกัน ณ วันสิ้นเดือนดังกล่าว รวมทั้งรายการการกู้เงินและค้ำประกันที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วงระยะเวลาระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม และเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ตามลำดับ กระทรวงการคลังขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ดังนี้ ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ มีจำนวน ๕,๖๙๐,๘๑๔.๑๕ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๗.๑๘ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้ของรัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน ๓,๙๖๕,๔๕๕.๐๔ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน ๑,๐๘๗,๓๙๓.๙๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน ๖๒๖,๕๐๘.๑๘ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๑๑,๔๕๗.๐๒ ล้านบาท ส่วนหนี้กองทุน เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินนั้นไม่มีหนี้คงค้าง รายละเอียดดังปรากฏตามตารางที่ ๑ หนี้สาธารณะจำนวนดังกล่าวจำแนกตามอายุของหนี้เป็นหนี้ระยะยาว ๕,๕๑๗,๓๘๑.๔๑ ล้านบาท และหนี้ระยะสั้น ๑๗๓,๔๓๒.๗๔ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๖.๙๕ และร้อยละ ๓.๐๕ ตามลำดับ และจำแนกตามแหล่งที่มาเป็นหนี้ต่างประเทศ ๓๕๘,๑๗๗.๗๑ ล้านบาท และหนี้ในประเทศ ๕,๓๓๒,๖๓๖.๔๔ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖.๒๙ และร้อยละ ๙๓.๗๑ ตามลำดับ ตารางที่ ๑ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ หน่วย : ล้านบาท รายการ ๓๐ ก.ย. ๒๕๕๗ % GDP ๑. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง ๑.๑ หนี้ต่างประเทศ ๑.๒ หนี้ในประเทศ ๓,๙๖๕,๔๕๕.๐๔ ๗๕,๑๘๔.๖๖ ๓,๘๙๐,๒๗๐.๓๘ ๓๒.๘๘ ๒. หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน ๒.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน - หนี้ต่างประเทศ - หนี้ในประเทศ ๑,๐๘๗,๓๙๓.๙๑ ๔๒๕,๘๙๖.๘๕ ๑๐๗,๕๑๑.๗๙ ๓๑๘,๓๘๕.๐๖ ๙.๐๒ ๒.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน - หนี้ต่างประเทศ - หนี้ในประเทศ ๖๖๑,๔๙๗.๐๖ ๑๗๒,๕๘๖.๔๘ ๔๘๘,๙๑๐.๕๘ ๓. หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ๓.๑ หนี้ต่างประเทศ ๓.๒ หนี้ในประเทศ ๖๒๖,๕๐๘.๑๘ ๒,๘๙๔.๗๘ ๖๒๓,๖๑๓.๔๐ ๕.๑๙ ๔. หนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟู ฯ ๔.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ๔.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน - - - - ๕. หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ ๕.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ๕.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน ๑๑,๔๕๗.๐๒ - ๑๑,๔๕๗.๐๒ ๐.๐๙ ๖. รวม ๑.+๒.+๓.+๔.+๕. ๕,๖๙๐,๘๑๔.๑๕ ๔๗.๑๘ หมายเหตุ : ๑. GDP ปี ๒๕๕๖ เท่ากับ ๑๑,๘๙๘.๗๑ พันล้านบาท และประมาณการ GDP ปี ๒๕๕๗ เท่ากับ๑๒,๒๖๘ พันล้านบาท (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) ๒. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ปรับวิธีการคำนวณ GDP ในแต่ละเดือน เพื่อให้สัดส่วน Debt/GDP สะท้อนค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด โดย GDP ของเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ คำนวณดังนี้ (GDP ไตรมาส ๓ ปี ๕๖/๓) + (GDP ไตรมาส ๔ ปี ๕๖) + (GDP ไตรมาส ๑ - ๒ ปี ๕๗) + [(GDP ไตรมาส ๓ ปี ๕๗)/๓]*๒ เท่ากับ ๑๒,๐๔๖.๒๐ พันล้านบาท และของเดือนกันยายน ๒๕๕๗ คำนวณดังนี้ (GDP ไตรมาส ๔ ปี ๕๖) + (GDP ไตรมาส ๑ - ๓ ปี ๕๗) เท่ากับ ๑๒,๐๖๑.๐๙ พันล้านบาท ๑. รายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ประกอบด้วย ๔ แผนย่อย และได้ปรับปรุงแผน ฯ ในระหว่างปี เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงินกู้และบริหารหนี้ ซึ่งหลังการปรับปรุงแผน ฯ ครั้งที่ ๒ มีวงเงินรวมในแผน ฯ ที่จะบริหารจัดการ ทั้งสิ้น ๑,๓๑๐,๐๑๖.๑๐ ล้านบาท โดยในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้ เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๐๔,๙๖๗.๗๔ ล้านบาท ดังปรากฏ ตามตารางที่ ๒ ตารางที่ ๒ การกู้เงินและการบริหารหนี้ ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ หน่วย : ล้านบาท รายการ วงเงินแผน ผลดำเนินงาน (เม.ย. - ก.ย. ๕๗) ๑. แผนการก่อหนี้ใหม่ ๔๖๓,๙๔๑.๙๙ ๒๖๔,๐๒๕.๑๒ ๑.๑ รัฐบาล ๑.๒ รัฐวิสาหกิจ ๒๘๐,๗๐๑.๐๐ ๑๘๓,๒๔๐.๙๙ ๑๓๕,๖๒๔.๐๐ ๑๒๘,๔๐๑.๑๒ ๒. แผนการปรับโครงสร้างหนี้ ๖๔๓,๒๔๖.๑๕ ๓๗๘,๐๒๓.๙๘ ๒.๑ รัฐบาล ๒.๒ รัฐวิสาหกิจ ๔๖๒,๒๕๘.๗๔ ๑๘๐,๙๘๗.๔๑ ๓๒๕,๕๔๐.๗๔ ๕๒,๔๘๓.๒๔ ๓. แผนการบริหารความเสี่ยง ๑๒๘,๘๐๕.๘๘ ๓๘,๑๖๑.๔๐ ๔. แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผน ฯ ๗๔,๐๒๒.๐๗ ๒๔,๗๕๗.๒๔ ๔.๑ การก่อหนี้ใหม่ ๔.๒ การบริหารหนี้ ๕๐,๙๔๑.๗๔ ๒๓,๐๘๐.๓๓ ๒๔,๗๕๗.๒๔ ๐.๐๐ รวม (๑ - ๓) ๑,๒๓๕,๙๙๔.๐๒ ๖๘๐,๒๑๐.๕๐ รวม (๑ - ๔) ๑,๓๑๐,๐๑๖.๑๐ ๗๐๔,๙๖๗.๗๔ ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ แผนการก่อหนี้ใหม่ ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ประกอบด้วย ๑.๑.๑ การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล (หนี้ในประเทศ) วงเงินรวม ๑๓๕,๖๒๔ ล้านบาท เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๑๑๙,๘๔๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรออมทรัพย์ และตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เงินกู้บาทแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนเงินกู้จากธนาคารโลก เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๐๐๐ ล้านบาท เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ กระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน เพื่อนำไปให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและการรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๒,๗๘๔ ล้านบาท ๑.๑.๒ การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ (หนี้ในประเทศ) วงเงินรวม ๑๒๘,๔๐๑.๑๒ ล้านบาท เงินกู้เพื่อลงทุน รัฐวิสาหกิจ ๒ แห่ง กู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการวงเงินรวม ๑๑,๘๐๐ ล้านบาท โดยเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันทั้งจำนวน ได้แก่ (๑) การไฟฟ้านครหลวงออกพันธบัตร วงเงินรวม ๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน เพื่อดำเนินโครงการแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๐ (ปี ๒๕๕๑ - ๒๕๕๔) จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท และโครงการแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๑ (ปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) จำนวน ๒,๗๐๐ ล้านบาท (๒) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร วงเงินรวม ๘,๘๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ ๗ ส่วนที่ ๑ จำนวน ๓.๒๘ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๗ ส่วนที่ ๒ จำนวน ๖๕.๙๒ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ ๘ ส่วนที่ ๒ จำนวน ๒๖๓.๗๑ ล้านบาท โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่ายระยะที่ ๗ จำนวน ๑,๔๖๔.๐๕ ล้านบาท โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะมะพร้าว เกาะนาคาใหญ่ จ.ภูเก็ต และเกาะพระทอง จ.พังงา) จำนวน ๒๑.๘๓ ล้านบาท โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบจำหน่าย จำนวน ๑,๙๔๑ ล้านบาท โครงการก่อสร้างสายส่งเคเบิลใต้น้ำ ๑๑๕ เควี (วงจรที่ ๓) ไปยังเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน ๗๘.๓๘ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๑ จำนวน ๖๙๖.๔๙ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๒ จำนวน ๒๓๓.๐๒ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๓ จำนวน ๕๙๐ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๔ จำนวน ๕๗๖.๙๔ ล้านบาท โครงการเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าระยะที่ ๓ จำนวน ๑,๖๘๐.๗๑ ล้านบาท โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะกูด เกาะหมาก จ.ตราด) (ปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘) จำนวน ๖๑๗.๐๒ ล้านบาท โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน ๑๖๘.๑๗ ล้านบาท โครงการพัฒนาการอ่านหน่วยด้วยระบบอัตโนมัติ (Automatic Meter Reading : AMR) สำหรับผู้ใช้ไฟรายใหญ่ ระยะที่ ๒ (ปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๙) จำนวน ๒๐๙.๔๘ ล้านบาท โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่ จำนวน ๑๐๐ ล้านบาท และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ จำนวน ๙๐ ล้านบาท เงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ รัฐวิสาหกิจ ๔ แห่ง กู้เงินเพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น ๆ วงเงินรวม ๑๑๖,๖๐๑.๑๒ ล้านบาท โดยเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๑๑๕,๐๐๑.๑๒ ล้านบาท และหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๑,๖๐๐ ล้านบาท ได้แก่ (๑) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร วงเงินรวม ๑,๖๐๐ ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ดำเนินงานปกติ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน (๒) การรถไฟแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร วงเงินรวม ๔,๐๐๐ ล้านบาท และกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) วงเงิน ๔,๘๖๔ ล้านบาท เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องและเพื่อใช้ในการดำเนินงานปกติ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน (๓) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพออกพันธบัตร จำนวน ๑,๘๙๓.๑๒ ล้านบาท และกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อเป็นค่าน้ำมัน ค่าเหมาซ่อม (ปีงบประมาณ ๒๕๕๗) จำนวน ๑,๔๕๒.๘๘ ล้านบาท และเพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๑,๔๔๐.๒๔ ล้านบาท (๔) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรออกพันธบัตร จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๙๓,๒๔๔ ล้านบาทโดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน แบ่งเป็น ๑. เงินกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลทางการเกษตรตามนโยบายของรัฐบาล จำนวน ๑๓,๒๔๔ ล้านบาท และ ๒. เงินกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ จำนวน ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ แผนการปรับโครงสร้างหนี้ ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ประกอบด้วย ๑.๒.๑ การปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล : ในประเทศ กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล รวมทั้งสิ้น ๓๒๕,๕๔๐.๗๔ ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll-over จำนวน ๒๘๘,๕๙๓.๗๔ ล้านบาท และการชำระคืนหนี้เดิมที่มีแผนจะ Roll - over จำนวน ๓๖,๙๔๗ ล้านบาท ดังนี้ หนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ จำนวน ๒๐๓,๑๗๐ ล้านบาท (๑) ตั๋วเงินคลัง ในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ มียอดตั๋วเงินคลังที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดรวม ๑๐๒,๑๓๕ ล้านบาท โดยในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๑๑,๖๓๕ ล้านบาท รวมทั้งได้ดำเนินการ Roll - over ตั๋วเงินคลังในส่วนที่เหลือ ทำให้ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังมีตั๋วเงินคลังคงเหลือเพื่อใช้สำหรับบริหารสภาพคล่องของรัฐบาลในปีงบประมาณถัดไป จำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท (แบ่งเป็น ๑. ตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารดุลเงินสด จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และ ๒. ตั๋วเงินคลังที่กู้มาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน ๑๐,๕๐๐ ล้านบาท) (๒) พันธบัตร กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐๑,๐๓๕ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑) กระทรวงการคลังมีหนี้พันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐบาล เพื่อการบริหารหนี้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จำนวนรวม ๗ รุ่น วงเงินรวม ๑๒๑,๐๓๕ ล้านบาท โดยในช่วง ๖ เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินล่วงหน้า วงเงิน ๕๘,๐๐๐ ล้านบาท และฝากไว้ในกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ และในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนกระทรวงการคลังได้นำเงินดังกล่าวมาชำระหนี้ รวมกับการออกตั๋วสัญญาใช้เงินวงเงิน ๑๓,๐๓๕ ล้านบาทการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R - bill) วงเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท และการกู้เงินระยะสั้น อายุไม่เกิน ๑ เดือน วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และภายหลังกระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๓ รุ่น วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนตั๋วสัญญาใช้เงิน เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R - bill) และเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว ๒) กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ปีงบประมาณ ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (Pre - funding) โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) ๓ งวด วงเงินรวม ๒๕,๘๐๐ ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงินวงเงิน ๔,๒๐๐ ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอน ๓) กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท โดยการกู้เงินระยะสั้น อายุไม่เกิน ๑ เดือน เพื่อชำระหนี้ในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอน และภายหลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้วงเงิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF ๓ จำนวน ๖๔,๑๒๓.๗๔ ล้านบาท (๑) กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล กรณีพิเศษ ปีงบประมาณ ๒๕๔๗ ครั้งที่ ๒ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินรวม ๓,๐๐๐ ล้านบาท รวมกับการใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ๒ วงเงิน ๗,๐๐๐ ล้านบาท และภายหลังกระทรวงการคลังได้นำเงินที่ได้รับจากการโอนสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๔๕ (FIDF๓) ไปชำระคืนเงินกู้ตั๋วสัญญาใช้เงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ดังกล่าวบางส่วน จำนวน ๒๐๒.๐๓ ล้านบาท (๒) กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ปีงบประมาณ ๒๕๔๗ จำนวน ๒ รุ่น ที่ครบกำหนดไถ่ถอน วงเงินรวม ๕๔,๑๒๓.๗๔ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินระยะยาว วงเงิน ๑๘,๔๒๓.๗๔ ล้านบาท การออกตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น วงเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท รวมกับการใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ๒ จำนวน ๑๐,๗๐๐ ล้านบาท และการใช้เงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง จำนวน ๒๑,๐๐๐ ล้านบาท และภายหลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น และเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง ดังกล่าว หนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน ๕๘,๒๔๗ ล้านบาท กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์และสัญญาเงินกู้ระยะยาวที่ครบกำหนดไถ่ถอน วงเงินรวม ๕๘,๒๔๗ ล้านบาท โดยการกู้เงินเพื่อ Roll - over วงเงิน ๓๙,๐๐๐ ล้านบาท และการชำระคืนหนี้เดิมที่มีแผนจะ Roll - over วงเงิน ๑๙,๒๔๗ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ (๑) กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ปีงบประมาณ ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการใช้งบชำระหนี้ที่เหลือจ่าย จำนวน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท และการกู้เงินระยะสั้น วงเงิน ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนและภายหลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๓ รุ่น วงเงินรวม ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว (๒) กระทรวงการคลังมีหนี้เงินกู้ระยะยาวภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.๒๕๕๒ (เงินกู้ไทยเข้มแข็ง) ปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๔/๒ ซึ่งครบกำหนดในวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐,๔๗๐ ล้านบาท โดยในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ กระทรวงการคลังได้ใช้งบชำระหนี้ที่เหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนดชำระ (Prepayment) จำนวน ๒,๒๒๓ ล้านบาท ทำให้มีหนี้ที่จะต้อง Roll - over ในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๘,๒๔๗ ล้านบาท ซึ่งในช่วงปลายเดือนกันยายน ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังได้ใช้งบชำระหนี้ที่เหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ไปชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว ๑.๒.๒ การปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐวิสาหกิจ : หนี้ในประเทศ รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๕ แห่ง ได้ปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๕๒,๔๘๓.๒๔ ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินเพื่อ Refinance และ Roll - over จำนวน ๕๒,๑๘๓.๙๖ ล้านบาท (กระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด) และการชำระคืนหนี้เดิมที่มีแผนจะ Roll - over จำนวน ๒๙๙.๒๘ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ (๑) การเคหะแห่งชาติกู้เงินจากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll - over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ (๒) การทางพิเศษแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร วงเงิน ๓,๖๐๐ ล้านบาท เพื่อชำระคืนเงินทดรองจ่ายที่ใช้ชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดในช่วง ๖ เดือนแรกของปีงบประมาณ จำนวน ๑,๙๐๐ ล้านบาท และ Roll - over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ จำนวน ๑,๗๐๐ ล้านบาท นอกจากนี้ได้ใช้เงินรายได้ จำนวน ๒๐๐ ล้านบาท ชำระคืนหนี้ในวันที่ครบกำหนดชำระ (๓) การรถไฟแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร วงเงิน ๓,๑๙๐ ล้านบาท กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงิน ๓,๘๘๗.๐๘ ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้น วงเงิน ๘,๗๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll - over หนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ และใช้เงินรายได้ จำนวน ๙๙.๒๘ ล้านบาท ชำระคืนหนี้ในวันที่ครบกำหนดชำระ และภายหลังได้ดำเนินการออกพันธบัตร จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๘,๗๐๐ ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้นดังกล่าว (๔) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพออกพันธบัตร วงเงินรวม ๙,๘๐๖.๘๘ ล้านบาท เพื่อ Refinance และ Roll-over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ (๕) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll - over หนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ ๑.๓ แผนการบริหารความเสี่ยง ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ประกอบด้วย ๑.๓.๑ การบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาล วงเงินรวม ๓,๖๑๙ ล้านบาท ประกอบด้วย หนี้ในประเทศ (๑) กระทรวงการคลังชำระคืนหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ของเงินกู้ไทยเข้มแข็ง ปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ ก่อนครบกำหนดชำระ โดยใช้งบชำระหนี้ที่เหลือจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓,๖๑๙ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๔๐๓.๘๙ ล้านบาท ๑.๓.๒ การบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๓๔,๕๔๒.๔๐ ล้านบาท ประกอบด้วย หนี้ในประเทศ (๑) การเคหะแห่งชาติใช้เงินรายได้ชำระคืนหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระวงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๐.๙๑ ล้านบาท (๒) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรใช้เงินที่ได้รับจากการระบายข้าวชำระคืนหนี้เงินกู้ของโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๑/๒๕๕๒ ก่อนครบกำหนดชำระ วงเงินรวม ๕,๖๖๓.๔๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๔๖๔.๒๒ ล้านบาท (๓) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ใช้เงินรายได้และเงินค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ศาลฎีกาที่ได้รับคืนจากสำนักงานศาลยุติธรรม มาชำระคืนหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระ จำนวนรวม ๗๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๘.๑๕ ล้านบาท หนี้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้สกุลเงินเยนที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้จาก JICA โดยการแปลงหนี้จากสกุลเงินเยนเป็นสกุลเงินบาท วงเงินรวม ๘๗,๙๑๘.๕๐ ล้านเยน หรือเทียบเท่า ๒๗,๖๗๙ ล้านบาท ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนตลอดอายุสัญญาทุกสัญญารวมกันได้ ๔,๙๙๗ ล้านบาท ๑.๔ แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ วงเงินรวม ๒๔,๗๕๗.๒๔ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๔.๑ การก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม ๒๔,๗๕๗.๒๔ ล้านบาท เงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด (๑) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้เงิน วงเงินรวม ๑๑,๗๕๗.๒๔ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑. การกู้เงินต่างประเทศ วงเงิน ๓๑๔.๗๕ ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า ๙,๗๕๗.๒๔ ล้านบาท เพื่อชำระค่าจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส B๗๗๗ - ๓๐๐ER ลำที่ ๒ วงเงิน ๔,๘๗๔.๒๙ ล้านบาท และลำที่ ๓ วงเงิน ๔,๘๘๒.๙๕ ล้านบาท และ ๒. การกู้เงินในประเทศเพื่อดำเนินกิจการทั่วไปวงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท เงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit Line รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๒ แห่ง กู้เงินระยะสั้นในรูป Credit Line วงเงินรวม ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และ ๒. บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ๒. สรุปผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ๒.๑ จากผลการดำเนินงานที่กล่าวมาแล้ว ในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๗ (เมษายน - กันยายน ๒๕๕๗) กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะตามกรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๖๘๐,๒๑๐.๕๐ ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้า คิดเป็นร้อยละ ๕๑.๙๒ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งปี ๒.๒ ผลการกู้เงินและบริหารจัดการหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๗ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น ๒๔,๗๕๗.๒๔ ล้านบาท ๒.๓ จากการดำเนินการตามข้อ ๒.๑ - ๒.๒ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น ๗๐๔,๙๖๗.๗๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๓.๘๑ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งปี โดยแบ่งเป็น (๑) หนี้ของรัฐบาล จำนวน ๔๖๔,๖๘๓.๗๔ ล้านบาท (๒) หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๔๕,๓๑๙.๙๒ ล้านบาท และ (๓) หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๑๙๔,๘๖๔.๐๘ ล้านบาท ผลของการบริหารหนี้ที่ได้ดำเนินการทั้งในส่วนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ (รายละเอียดปรากฏตามข้อ ๑.๒ และข้อ ๑.๓) วงเงินรวมทั้งสิ้น ๔๑๖,๑๘๕.๓๘ ล้านบาท นั้น สามารถลดยอดหนี้ได้ทั้งสิ้น ๔๗,๙๓๐.๗๑ ล้านบาท รวมทั้งประหยัดดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น จำนวน ๕,๘๗๔.๑๗ ล้านบาท (รายละเอียดปรากฏตามข้อ ๑.๒.๑ ข้อ ๑.๒.๒ ข้อ ๑.๓.๑ และข้อ ๑.๓.๒) ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หมายเหตุ : FIDF หมายถึง กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน FIDF๑ หมายถึง พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี FIDF๓ หมายถึง พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ Refinance หมายถึง การกู้เงินจากแหล่งใหม่เพื่อนำไปใช้คืนแหล่งเงินกู้เดิม ซึ่งเป็นการลดต้นทุนการกู้เงิน Roll-over หมายถึง การกู้เงินใหม่เพื่อนำไปชำระเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ เพื่อให้เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเงินกู้สอดคล้องกับระยะคืนทุน Swap หมายถึง การแปลงหนี้ที่นิยมดำเนินการมี ๒ วิธี คือ การแปลงสกุลเงิน เช่น การแปลงหนี้สกุลเงินเยนเป็นเงินบาท และการแปลงอัตราดอกเบี้ย เช่น การแปลงอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ภีราพร/ผู้ตรวจ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๔๒ ง/หน้า ๒/๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
717048
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาปรับโครงหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (LB21DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๐๑,๑๑๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๗.๑๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดทำไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๑ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๐,๐๐๐ ๒.๙๔๖๒ ๒๑,๑๕๗,๗๓๓,๘๓๔.๓๐ ๘๙๙,๗๓๓,๘๓๔.๓๐ ๒๕๘,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๒๕ ง/หน้า ๒๖/๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
716839
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๙๐,๓๘๙,๙๒๘,๓๙๓.๗๓ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๑๐,๐๗๑,๖๐๖.๒๗ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๔๘/๒๘/๕๗ ๑ กันยายน ๒๕๕๗ ๓ กันยายน ๒๕๕๗ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๙๔๔๓ ๑๔,๙๗๗,๐๘๕,๔๕๕.๙๘ ๒๒,๙๑๔,๕๔๔.๐๒ ๔๙/๒๘/๕๗ ๘ กันยายน ๒๕๕๗ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๗ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๘๐๑๓ ๑๔,๙๗๗,๒๔๙,๕๐๘.๔๕ ๒๒,๗๕๐,๔๙๑.๕๕ ๑/๑๔/๕๗ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๗ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๑๔ ๒๐,๐๐๐ ๑.๙๕๘๐๐ ๑๙,๙๘๔,๙๙๐,๙๘๔.๕๕ ๑๕,๐๐๙,๐๑๕.๔๕ ๕๐/๒๘/๕๗ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๗ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๗๘๓๗ ๑๔,๙๗๗,๒๖๙,๖๓๔.๐๐ ๒๒,๗๓๐,๓๖๖.๐๐ ๑/๗/๕๗ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๗ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๗ ๑๐,๕๐๐ ๑.๙๖๔๗๓ ๑๐,๔๙๖,๐๔๕,๑๑๕.๐๐ ๓,๙๕๔,๘๘๕.๐๐ ๕๑/๒๘/๕๗ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๗ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๗๖๘๐ ๑๔,๙๗๗,๒๘๗,๖๙๕.๗๕ ๒๒,๗๑๒,๓๐๔.๒๕ รวม ๙๐,๕๐๐ ๑.๙๗๔๙๘ ๙๐,๓๘๙,๙๒๘,๓๙๓.๗๓ ๑๑๐,๐๗๑,๖๐๖.๒๗ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน ๑๐๒,๑๓๕ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๒๒,๑๓๕ ล้านบาท อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงวงเงินการออกตั๋วเงินคลังเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินในเดือนกันยายน ๒๕๕๗ จำนวน ๑๑,๖๓๕ ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๗ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน ๙๐,๕๐๐ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ภีราพร/ผู้ตรวจ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๒๓ ง/หน้า ๔/๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
716311
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๓,๕๗๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตรา ดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๗๗,๗๓๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๕๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๗๑ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้ (๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕ (๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน การชำระดอกเบี้ยจะชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายน ของทุกปีสำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๓ กันยายน ๒๕๕๗ ๕ กันยายน ๒๕๕๗ ๓,๕๗๐ ๑.๘๗๕๘ ๓,๔๑๒,๖๕๓,๙๓๓.๖๐ -๑๕๘,๒๓๐,๑๘๗.๘๙ ๘๘๔,๑๒๑.๔๙ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๑๐/๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗
716303
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (LBA37DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๓.๒๗ ปี โดยจะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวด งวดละเท่า ๆ กันเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๑๐ กันยายน ๒๕๕๗ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ๘,๐๐๐ ๔.๑๑๖๙ ๘,๒๔๙,๖๓๔,๗๔๖.๙๐ ๑๖๓,๗๓๔,๕๐๖.๙๐ ๘๕,๙๐๐,๒๔๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๘/๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗
716299
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 8
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๘[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๘ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๘ วงเงิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) อายุ ๓๐.๖๐ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๒,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๗๘ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๘ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ ๘,๐๐๐ ๔.๑๑๒๑ ๘,๘๕๙,๒๖๒,๘๑๗.๖๔ ๗๖๘,๐๖๘,๒๕๗.๖๔ ๙๑,๑๙๔,๕๖๐.๐๐ ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๖/๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗
716293
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากธนาคารออมสินจำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท (แปดพันล้านบาทถ้วน) โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๐๕ ต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ๓. อายุเงินกู้ ๑ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ครบกำหนดชำระวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๔. กรณีที่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนครบกำหนดนั้นด้วยหากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๕/๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗
716064
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ ได้ดำเนินการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ - ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา มูลนิธิ สถาบันอื่นที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ส่วนราชการสังกัดรัฐบาลกลาง และสหกรณ์ รวมทั้งสิ้น ๔,๕๑๙ ราย โดยทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรและจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๒. ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ เป็นพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นอายุ ๓ ปี จำนวน ๔,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๓. พันธบัตรออมทรัพย์ข้างต้นมีการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๘ พฤษภาคม และ ๘ พฤศจิกายน ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระดอกเบี้ยโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน (กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ วันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย ๔. การชำระคืนต้นเงินจะดำเนินการในวันครบกำหนดไถ่ถอน หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระคืนต้นเงินโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร การชำระคืนต้นเงินตามพันธบัตร จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร ๕. การจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ๕.๑ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายคิดค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรในอัตรา ๒๕๐ บาท ต่อรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Custodian แล้ว) ซึ่งมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง รวมทั้งสิ้น ๔,๕๑๙ ราย ซึ่งคิดเป็นค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตรรวมทั้งสิ้น ๑,๑๒๙,๗๕๐ บาท ทั้งนี้ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะชำระค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๑.๐๐ บาทต่อเดือน สำหรับราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร ๕.๒ ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ ได้คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ดังนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน (๒) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๑๑ ง/หน้า ๔/๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗
716062
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล ในไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยวิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ อายุ ๕ ปี ให้กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน เป็นจำนวนเงินรวม ๖,๔๙๐ ล้านบาท (หกพันสี่ร้อยเก้าสิบล้านบาทถ้วน) ๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ออกให้กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสินในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ ๓. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกตามข้อ ๒ มีกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๒ ๔. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย) บวกด้วย Spread โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุก ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๒ โดยดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ มีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๓.๑๙๙๒๐ ต่อปี ๕. การชำระดอกเบี้ยตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือวันที่ ๒๖ มีนาคม และ ๒๖ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน และจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนดพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนกำหนดนั้นด้วย โดยหากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป และได้รับยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๑๑ ง/หน้า ๒/๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗
715788
ประกาศกระทรวงการคลัง .เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ : เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ๓. รายละเอียดเงื่อนไข : ๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ ๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๔๖๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่ร้อยหกสิบสี่ล้านบาทถ้วน) ๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ จนถึงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๒.๘๐ ต่อปี ๓.๕ การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๑๕ มีนาคม และ ๑๕ กันยายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ๓.๖ การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ ๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๘ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน ๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ ภีราพร/ผู้ตรวจ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๐๗ ง/หน้า ๑๓/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗
715786
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ ประกอบมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ : เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ ๓. รายละเอียดเงื่อนไข : ๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ ครบกำหนดชำระในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ ๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน) ๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ จนถึงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๔ อัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๒.๘๐ ต่อปี ๓.๕ การชำระดอกเบี้ย กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน ในวันที่ ๑๕ มีนาคม และ ๑๕ กันยายน ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ๓.๖ การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ ๓.๗ การชำระหนี้ก่อนกำหนด กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ ๓.๘ หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน ๓.๙ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ ภีราพร/ผู้ตรวจ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๐๗ ง/หน้า ๑๑/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗
715784
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้สำหรับโครงการเพื่อการวางระบบ บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้มีการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินสำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ วงเงินกู้ ๒๖,๙๗๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นหกพันเก้าร้อยเจ็ดสิบสามล้านบาทถ้วน) และต่อมากระทรวงการคลังได้มีการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกู้ของโครงการดังกล่าว ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลังมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังจึงขอแก้ไขเพิ่มเติมประกาศดังกล่าว ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓.๓ ของประกาศดังกล่าว และใช้ความต่อไปนี้แทน “๓.๓ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ โดยจะเบิกที่อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน โดยจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ” ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่นเป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ ภีราพร/ผู้ตรวจ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๐๗ ง/หน้า ๑๐/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗
715782
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้ดำเนินการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยจำหน่ายให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา มูลนิธิ สถาบันอื่นที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไร ส่วนราชการสังกัดรัฐบาลกลาง สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ประมง สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์อื่น ๆ สหกรณ์ออมทรัพย์ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ และวัด รวมทั้งสิ้น ๒๕,๕๒๒ ราย โดยทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียน ตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตร และจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๒. ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๓๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท แบ่งเป็น ๒ รุ่นอายุ ดังนี้ ๒.๑ พันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นอายุ ๗ ปี จำนวน ๑๑,๘๓๕,๕๔๗,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๕ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ๒.๒ พันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นอายุ ๑๐ ปี จำนวน ๑๘,๑๖๔,๔๕๓,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๗๕ ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ๓. พันธบัตรออมทรัพย์พิเศษข้างต้นมีการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๑๕ มกราคม และ ๑๕ กรกฎาคม ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วันและนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจะโอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ของผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน (กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ วันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย ๔. การชำระคืนต้นเงินจะดำเนินการในวันครบกำหนดไถ่ถอน หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดของธนาคารแห่งประเทศไทย จะเลื่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระคืนต้นเงินโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษและบัญชีเงินฝากประจำ) ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร การชำระคืนต้นเงินตามพันธบัตรจะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร ๕. การจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ๕.๑ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายคิดค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรในอัตรา ๒๕๐ บาท ต่อรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Custodian แล้ว) ซึ่งมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง รวมทั้งสิ้น ๒๕,๕๒๒ ราย ซึ่งคิดเป็นค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตรรวมทั้งสิ้น ๖,๓๘๐,๕๐๐ บาท ทั้งนี้ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะชำระค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๐.๖๐ บาทต่อเดือน สำหรับราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร ๕.๒ ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะนายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้คิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ดังนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน (๒) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ ภีราพร/ผู้ตรวจ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๐๗ ง/หน้า ๘/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗
715602
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินด้วยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินด้วยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๕๙,๙๐๙,๕๕๕,๑๒๑.๑๖ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๙๐,๔๔๔,๘๗๘.๘๔ บาท งวดที่ วันที่ จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๔๔/๒๘/๕๗ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๓ กันยายน ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๖๘๓๑ ๑๔,๙๗๗,๓๘๕,๑๕๔.๘๕ ๒๒,๖๑๔,๘๔๕.๑๕ ๔๕/๒๘/๕๗ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๖๙๖๔ ๑๔,๙๗๗,๓๖๙,๗๙๙.๕๑ ๒๒,๖๓๐,๒๐๐.๔๙ ๔๖/๒๘/๕๗ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๖๗๓๙ ๑๔,๙๗๗,๓๙๕,๗๐๔.๖๐ ๒๒,๖๐๔,๒๙๕.๔๐ ๔๗/๒๘/๕๗ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๖๖๖๒ ๑๔,๙๗๗,๔๐๔,๔๖๒.๒๐ ๒๒,๕๙๕,๕๓๗.๘๐ รวม ๖๐,๐๐๐ ๑.๙๖๗๙๙ ๕๙,๙๐๙,๕๕๕,๑๒๑.๑๖ ๙๐,๔๔๔,๘๗๘.๘๔ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลัง ร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๑๐๒,๑๓๕ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๒๒,๑๓๕ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง/หน้า ๑๕/๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗
715597
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕[๑] โดยที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ ลงวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๗ วงเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) จำหน่ายได้จริงจำนวน ๓,๕๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันห้าร้อยเจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) กระทรวงการคลังจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ จากจำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๓,๕๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สามพันห้าร้อยเจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๗๗,๗๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยสามสิบล้านบาทถ้วน) ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง/หน้า ๑๔/๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗
715593
ประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ อายุ ๓ ปี ให้กับธนาคารออมสิน เป็นจำนวนเงิน ๑๑,๖๓๕ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันหกร้อยสามสิบห้าล้านบาทถ้วน) ๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้จะออกให้กับธนาคารออมสิน ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ๓. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกตามในข้อ ๒ มีกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ๔. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย) บวกด้วย Spread โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุก ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้งชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับร้อยละ ๒.๙๗๙๒๓ ต่อปี ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือวันที่ ๓๐ มีนาคม และ ๓๐ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน และจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนดพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนกำหนดนั้นด้วย โดยหากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป และได้รับยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๐๕ ง/หน้า ๑๒/๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗
712970
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 11
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑๑ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑๑ วงเงิน ๗,๒๔๖ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) อายุ ๕๐.๓๒ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๒๙,๑๔๒ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๖.๘๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑๑ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๗,๒๔๖ ๔.๒๒๖๓ ๘,๒๒๐,๔๙๔,๓๘๖.๖๒ ๙๑๗,๖๘๗,๗๐๓.๐๔ ๕๖,๘๐๖,๖๘๓.๕๘ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๔๑/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712967
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) อายุ ๑๕ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๗๔,๑๖๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๓.๖๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๗๑ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้ (๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕ (๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน การชำระดอกเบี้ยจะชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายน ของทุกปีสำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๕,๐๐๐ ๑.๙๖๙๐ ๔,๗๔๗,๖๘๙,๐๓๘.๗๔ -๒๗๖,๑๙๖,๗๒๖.๗๑ ๒๓,๘๘๕,๗๖๕.๔๕ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๓๙/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712961
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (LBA37DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๐๗,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๓.๔๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ บริษัทประกันชีวิต ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ สำนักงานประกันสังคม และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑๓,๐๐๐ ๔.๑๓๗๓ ๑๓,๒๘๔,๑๕๓,๘๑๑.๐๐ ๒๒๙,๕๓๒,๔๙๑.๐๐ ๕๔,๖๒๑,๓๒๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๓๗/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712957
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 2
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๐๒,๕๓๔ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๘๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๒ มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และสำนักงานประกันสังคม ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๒ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๙,๐๐๐ ๓.๗๗๑๐ ๑๐,๑๙๓,๒๗๐,๖๑๓.๐๔ ๑,๑๑๙,๙๔๕,๒๗๓.๐๔ ๗๓,๓๒๕,๓๔๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๓๕/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712948
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 1
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๔๔,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๙๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑๒,๐๐๐ ๔.๑๖๐๕ ๑๓,๑๐๐,๕๒๔,๒๑๔.๖๐ ๑,๐๔๙,๘๐๓,๖๙๔.๖๐ ๕๐,๗๒๐,๕๒๐.๐๐ ๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๓๓/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712945
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 3) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 2 กันยายน 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๓ วงเงิน คือ ๓,๕๐๐ ล้านบาท ๓,๕๐๐ ล้านบาท และ ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๗ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๒ ต่อปี ร้อยละ ๑.๔๓ ต่อปี และร้อยละ ๑.๔๔ ต่อปี ตามลำดับ ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสอง ของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในวันที่ ๒ มีนาคม และวันที่ ๒ กันยายน ของทุกปี โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาเฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๒ ต่อปี ร้อยละ ๐.๗๓ ต่อปี และร้อยละ ๐.๗๔ ต่อปี ตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๗ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๒.๔๙๕ ต่อปี ร้อยละ ๒.๕๐๕ ต่อปี และร้อยละ ๒.๕๑๕ ต่อปี ตามลำดับ เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๔๙๕ ต่อปี ร้อยละ ๒.๕๐๕ ต่อปี และร้อยละ ๒.๕๑๕ ต่อปี เป็นร้อยละ ๒.๑๒๖ ต่อปี ร้อยละ ๒.๑๓๖ ต่อปี และร้อยละ ๒.๑๔๖ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๓๒/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712918
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินด้วยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินด้วยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลังวงเงินรวม ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท มีดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานประกันสังคม กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และบริษัทประกันชีวิต ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๗๔,๘๘๕,๒๓๔,๓๔๕.๔๒ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๑๑๔,๗๖๕,๖๕๔.๕๘ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วันที่ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๓๙/๒๘/๕๗ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๒๕๒๒ ๑๔,๙๗๖,๗๓๒,๒๙๖.๑๙ ๒๓,๒๖๗,๗๐๓.๘๑ ๔๐/๒๘/๕๗ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๓๗๓ ๑๔,๙๗๖,๘๖๔,๐๕๖.๔๖ ๒๓,๑๓๕,๙๔๓.๕๔ ๔๑/๒๘/๕๗ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๐๓๖๒ ๑๔,๙๗๖,๙๘๐,๐๓๖.๒๐ ๒๓,๐๑๙,๙๖๓.๘๐ ๔๒/๒๘/๕๗ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๗๕๗๐ ๑๔,๙๗๗,๓๐๐,๓๒๔.๐๘ ๒๒,๖๙๙,๖๗๕.๙๒ ๔๓/๒๘/๕๗ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๑.๙๗๐๗๐ ๑๔,๙๗๗,๓๕๗,๖๓๒.๔๙ ๒๒,๖๔๒,๓๖๗.๕๑ รวม ๗๕,๐๐๐ ๑.๙๙๗๗๙ ๗๔,๘๘๕,๒๓๔,๓๔๕.๔๒ ๑๑๔,๗๖๕,๖๕๔.๕๘ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน ๑๐๒,๑๓๕ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๒๒,๑๓๕ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๑๙/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712914
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557ครั้งที่ 11
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑๑[๑] โดยที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑๑ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ วงเงิน ๑๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) จำหน่ายได้จริงจำนวน ๗,๒๔๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดพันสองร้อยสี่สิบหกล้านบาทถ้วน) กระทรวงการคลังจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๑๑ จากจำนวน ๑๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๗,๒๔๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดพันสองร้อยสี่สิบหกล้านบาทถ้วน) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๒๙,๑๔๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยสี่สิบสองล้านบาทถ้วน) ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๑๘/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712912
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 7
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๗ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๗ วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑๓ (LB196A) อายุ ๑๐.๐๕ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๐๑,๙๙๔ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔.๘๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๓ มิถุนายน และ ๑๓ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งไม่มีผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๗ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒๐,๐๐๐ ๓.๐๒๑๔ ๒๐,๘๙๓,๗๘๖,๙๔๖.๐๐ ๗๖๐,๐๑๙,๗๔๖.๐๐ ๑๓๓,๗๖๗,๒๐๐.๐๐ ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๑๖/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712909
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 6
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๖[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๖ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๖ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๒ (LB296A) อายุ ๑๙.๖๐ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๓,๕๓๔ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๔.๙๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๗๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๒ มิถุนายน และ ๒๒ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๖ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑๐,๐๐๐ ๓.๙๒๔๘ ๑๑,๐๙๕,๐๑๔,๑๘๗.๙๒ ๑,๐๖๕,๖๓๐,๕๘๗.๙๒ ๒๙,๓๘๓,๖๐๐.๐๐ ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๑๔/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712906
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 2) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 18 สิงหาคม 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๒ วงเงินวงเงินละ ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๙ ต่อปี และ ๑.๕๐ ต่อปีตามลำดับ ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสอง ของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ และวันที่ ๑๘ สิงหาคม ของทุกปี โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๙ ต่อปี และ ๐.๘๐ ต่อปี ตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๒.๕๗๖ ต่อปี และร้อยละ ๒.๕๘๖ ต่อปี ตามลำดับ เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสินจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕๗๖ ต่อปี และร้อยละ ๒.๕๘๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปี และร้อยละ ๒.๒๐๖ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๑๓/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712902
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 2) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) วันที่ 18 สิงหาคม 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗[๑] ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๙ ต่อปี ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสอง ของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ และวันที่ ๑๘ สิงหาคม ของทุกปี โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาเฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๙ ต่อปี และเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นร้อยละ ๒.๕๗๖ ต่อปี เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณพ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕๗๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๒.๑๙๖ ต่อปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๑๒/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712895
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ย แปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ จะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงและวิธีการเสนอซื้อ (โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว) ๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง และปรับด้วย Index Ratio ณ วันที่ชำระเงิน ตามที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย) โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลังตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า “พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕” จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) ซึ่งมียอดคงค้าง จำนวน ๗๔,๑๖๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๗๙,๑๖๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๗ ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ ดังนี้ (๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่มูลนิธิ สหกรณ์ นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน และกองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ ดังนี้ (๑) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา ๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนแท้จริงร้อยละเท่าใดไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง) และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้านโดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง (๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาทต่อ MOF Outright PD ๑ ราย แต่เมื่อรวมผู้ค้าหลักทุกรายแล้วต้องไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน และ MOF Outright PD ต้องนำข้อมูลดังกล่าวเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ภายในเวลา ๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง ทั้งนี้ MOF Outright PD ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อื่นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดด้วย กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ ดังนี้ (๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนแท้จริงต่อร้อยต่ำสุดก่อน แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนแท้จริงต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนแท้จริงเท่ากันหลายราย และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น (๒) ในการเสนอซื้อ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนแท้จริงที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอซื้อที่ MOF Outright PD ได้ยื่นประมูลก่อนกรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง หากผู้เสนอซื้อยื่นความจำนงผ่าน MOF Outright PD ทุกรายรวมกันเกิน ๑๐๐ ล้านบาท จะไม่ได้รับการจัดสรรทั้งหมด ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือให้มีการหักเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้เสนอซื้อให้กับ MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน ภายในเวลา ๙.๓๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงโดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ ๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้ ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้ กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล (๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ รุ่นพันธบัตร วันที่จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) วันที่ชำระเงิน วันเริ่มคำนวณ ดอกเบี้ย วันครบกำหนด ไถ่ถอน พันธบัตรรัฐบาลประเภท อัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการ เปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ (ILB283A) อายุคงเหลือ ๑๓.๕๓ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ๓ ก.ย. ๒๕๕๗ ๕,๐๐๐ ๕ ก.ย. ๒๕๕๗ ๑๒ มี.ค. ๒๕๕๗ ๑๒ มี.ค. ๒๕๗๑ หมายเหตุ :- ๑. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๗๙,๑๖๐ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖) ๒. ราคาพันธบัตรที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลต้องชำระเป็นไปตามสูตรการคำนวณราคาซึ่งได้คำนึงถึงดอกเบี้ยค้างรับไว้แล้ว ๓. Index Ratio ณ วันที่ชำระเงินในวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๗ เท่ากับ ๑.๐๓๓๐๕ ข้อ ๑๖ พันธบัตรรุ่นนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้ (๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕ (๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน การคำนวณดอกเบี้ยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริงเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่การเลื่อนชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันไถ่ถอนจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๗๑ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ ดังนี้ (๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้ วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) (๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้ และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร (๓) ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้ (Competitive Bid) ๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้ (Non-competitive Bid) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๖/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712890
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ จะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ (โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามมาตรฐานการคำนวณราคาตราสารหนี้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น(Amortizing/Amortized Bond) ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย) โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า “พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔” จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท (แปดพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (LBA37DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๑๐๗,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ ดังนี้ (๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่มูลนิธิ สหกรณ์ นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน และกองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ ดังนี้ (๑) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา ๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง) และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง (๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาทต่อ MOF Outright PD ๑ ราย แต่เมื่อรวมผู้ค้าหลักทุกรายแล้วต้องไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน และ MOF Outright PD ต้องนำข้อมูลดังกล่าวเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ภายในเวลา ๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ทั้งนี้ MOF Outright PD ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อื่นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดด้วย กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ดังนี้ (๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น (๒) ในการเสนอซื้อ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอซื้อที่ MOF Outright PD ได้ยื่นประมูลก่อน กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน หากผู้เสนอซื้อยื่นความจำนงผ่าน MOF Outright PD ทุกรายรวมกันเกิน ๑๐๐ ล้านบาท จะไม่ได้รับการจัดสรรทั้งหมด ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือให้มีการหักเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้เสนอซื้อให้กับ MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน ภายในเวลา ๙.๓๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนโดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ ๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้ ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้ กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล (๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ รุ่นพันธบัตร วันที่จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) วันที่ชำระเงิน วันเริ่มคำนวณ ดอกเบี้ย วันครบกำหนด ไถ่ถอน พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระ คืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ (LBA37DA) อายุคงเหลือ ๒๓.๒๗ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๗ ๘,๐๐๐ ๑๒ ก.ย. ๒๕๕๗ ๑๒ มิ.ย. ๒๕๕๗ ๑๒ ธ.ค. ๒๕๘๐ หมายเหตุ :- ๑. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภททยอยชำระคืนเงินต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕) ๒. ราคาพันธบัตรที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลต้องชำระเป็นไปตามสูตรการคำนวณราคาซึ่งได้คำนึงถึงดอกเบี้ยค้างรับไว้แล้ว ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๒๖ ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนดโดยเริ่มคำนวณดอกเบี้ยจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยจำนวนดอกเบี้ยในแต่ละงวดดอกเบี้ยจะถูกคำนวณโดยการนำจำนวนเงินต้นคงเหลือ ณ ต้นงวดดอกเบี้ยของพันธบัตร ซึ่งผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรแต่ละรายมีอยู่ คูณด้วยอัตราดอกเบี้ย โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ การคำนวณดอกเบี้ยหากมีเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป และจะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ปีที่เริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นจนถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ โดยจะทยอยชำระคืนเงินต้นงวดแรกเมื่อพันธบัตรมีอายุครบ ๒๑ ปี โดยจะแบ่งการชำระคืนเงินต้นเป็นจำนวนห้างวดงวดละเท่า ๆ กัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๗๖ และชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๘๐ หากวันที่ชำระคืนเงินต้นตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป การชำระคืนเงินต้นงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตร จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ ดังนี้ (๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้ วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกันต้องไม่เกิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท (แปดพันล้านบาทถ้วน) (๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้ และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร (๓) ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้ (Competitive Bid) ๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้ (Non-competitive Bid) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๑/๕ กันยายน ๒๕๕๗
712883
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ วงเงินรวม ๒๕,๘๐๐ ล้านบาท โดยมีวิธีการจัดจำหน่าย ดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสำนักงานประกันสังคม ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ วงเงินรวม ๒๕,๘๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๒๕,๕๓๖,๓๙๑,๐๙๖.๐๐ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๒๖๓,๖๐๘,๙๐๔.๐๐ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทน เฉลี่ยที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๑/๑๘๒/๕๗ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๘๒ ๑๐,๐๐๐ ๒.๐๖๓๘๒ ๙,๘๙๘,๑๔๐,๑๗๖.๐๐ ๑๐๑,๘๕๙,๘๒๔.๐๐ ๒/๑๘๓/๕๗ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๘๓ ๑๐,๐๐๐ ๒.๐๖๔๙๔ ๙,๘๙๗,๕๓๐,๙๘๘.๕๐ ๑๐๒,๔๖๙,๐๑๑.๕๐ ๓/๑๘๒/๕๗ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑๘๒ ๕,๘๐๐ ๒.๐๗๐๙๒ ๕,๗๔๐,๗๑๙,๙๓๑.๕๐ ๕๙,๒๘๐,๐๖๘.๕๐ รวม ๒๕,๘๐๐ ๒.๐๖๕๘๕ ๒๕,๕๓๖,๓๙๑,๐๙๖.๐๐ ๒๖๓,๖๐๘,๙๐๔.๐๐ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ร้อยละ ๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้ ประกาศ ณ วันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง/หน้า ๔๖/๔ กันยายน ๒๕๕๗
712881
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 5
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๘,๖๙๑ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) อายุ ๕๐.๓๒ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๒๑,๘๙๖ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๗.๐๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๕ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๘,๖๙๑ ๔.๒๙๒๖ ๙,๖๗๗,๐๐๘,๗๐๔.๗๑ ๙๗๔,๔๖๐,๓๖๔.๖๔ ๑๑,๕๔๘,๓๔๐.๐๗ ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง/หน้า ๔๔/๔ กันยายน ๒๕๕๗
712879
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑๓ (LB196A) อายุ ๑๐.๐๕ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๘๑,๙๙๔ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๓ มิถุนายน และ ๑๓ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒๐,๐๐๐ ๓.๑๓๕๓ ๒๐,๖๗๘,๘๕๖,๖๗๕.๔๐ ๖๗๘,๘๕๖,๖๗๕.๔๐ - ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง/หน้า ๔๒/๔ กันยายน ๒๕๕๗
712875
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 3
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ (LB446A) อายุ ๓๐.๖๐ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๓๐.๑๐ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๘๗ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป ๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๖๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน และ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป ๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ ๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต ๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ สหกรณ์ ๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๓ ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) อัตราผลตอบแทน เฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงินที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ ส่วนลด (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ๙,๐๐๐ ๔.๒๑๗๑ ๙,๘๗๔,๓๖๘,๐๙๓.๕๗ ๖๙๙,๑๕๑,๖๘๓.๕๗ ๑๗๕,๒๑๖,๔๑๐.๐๐ ๔. แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ประกาศ ณ วันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง/หน้า ๔๐/๔ กันยายน ๒๕๕๗
712872
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอนและการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ อายุ ๓ ปี ให้กับธนาคารแห่งโตเกียว - มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ ธนาคารออมสิน และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงินรวม ๔,๒๐๐ ล้านบาท (สี่พันสองร้อยล้านบาทถ้วน) ๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้จะออกให้กับธนาคารแห่งโตเกียว - มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ ธนาคารออมสิน และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๓. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกตามในข้อ ๒ มีกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๔. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย) บวกด้วย Spread โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุก ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้งชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยดอกเบี้ยงวดแรกของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ มีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๒.๗๕๖๕๓ ต่อปี ๕. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งการชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือวันที่ ๑๔ มกราคม และ ๑๔ กรกฎาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ๖. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน และจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนดพร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนกำหนดนั้นด้วย โดยหากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป และได้รับยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ๗. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ประกาศ ณ วันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง/หน้า ๓๘/๔ กันยายน ๒๕๕๗
712870
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินด้วยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2557
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินด้วยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้จำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๕๘,๑๕๗ ล้านบาท โดยมีวิธีการจัดจำหน่ายตั๋วเงินคลัง ดังนี้ ๑.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต ๑.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ๒. ผลการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๕๙,๙๐๗,๔๐๘,๕๕๓.๐๖ บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๙๒,๕๙๑,๔๔๖.๙๔ บาท งวดที่ วันที่จำหน่าย วันที่ ชำระเงิน วันที่ ครบกำหนด อายุ (วัน) จำนวน (ล้านบาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย ที่ประมูลได้ (ร้อยละต่อปี) จำนวนเงิน ที่ประมูลได้ (บาท) ส่วนลด (บาท) ๓๕/๒๘/๕๗ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๒๑๑๖ ๑๔,๙๗๖,๗๗๘,๗๙๗.๗๔ ๒๓,๒๒๑,๒๐๒.๒๖ ๓๖/๒๘/๕๗ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๔๓๔ ๑๔,๙๗๖,๘๕๗,๐๐๘.๐๐ ๒๓,๑๔๒,๙๙๒.๐๐ ๓๗/๒๘/๕๗ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๓๒๔ ๑๔,๙๗๖,๘๖๙,๖๗๙.๙๐ ๒๓,๑๓๐,๓๒๐.๑๐ ๓๘/๒๘/๕๗ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒๘ ๑๕,๐๐๐ ๒.๐๑๐๓๓ ๑๔,๙๗๖,๙๐๓,๐๖๗.๔๒ ๒๓,๐๙๖,๙๓๒.๕๘ รวม ๖๐,๐๐๐ ๒.๐๑๔๗๗ ๕๙,๙๐๗,๔๐๘,๕๕๓.๐๖ ๙๒,๕๙๑,๔๔๖.๙๔ ๓. ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลังร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้ ๔. ในการกู้เงินโดยการจำหน่ายตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลังเป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน ๑๐๒,๑๓๕ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๒๒,๑๓๕ ล้านบาท ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง/หน้า ๓๖/๔ กันยายน ๒๕๕๗
712855
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ครั้งที่ 4
ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ย แปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ จะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงและวิธีการเสนอซื้อ (โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว) ๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง และปรับด้วย Index Ratio ณ วันที่ชำระเงิน ตามที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย) โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลังตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า “พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔” จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) ซึ่งมียอดคงค้าง จำนวน ๖๙,๑๖๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๗๔,๑๖๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ ดังนี้ (๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิตและสถาบันอื่น ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่มูลนิธิ สหกรณ์ นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน และกองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ ดังนี้ (๑) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา ๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนแท้จริงร้อยละเท่าใดไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง) และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง (๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง (MOF Outright PD) โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาทต่อ MOF Outright PD ๑ ราย แต่เมื่อรวมผู้ค้าหลักทุกรายแล้วต้องไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน และ MOF Outright PD ต้องนำข้อมูลดังกล่าวเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ภายในเวลา ๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง ทั้งนี้ MOF Outright PD ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อื่นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดด้วย กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ ดังนี้ (๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนแท้จริงต่อร้อยต่ำสุดก่อน แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนแท้จริงต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนแท้จริงเท่ากันหลายราย และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล โดยไม่มีเศษของหลักล้านหากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น (๒) ในการเสนอซื้อ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนแท้จริงที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอซื้อที่ MOF Outright PD ได้ยื่นประมูลก่อน กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง หากผู้เสนอซื้อยื่นความจำนงผ่าน MOF Outright PD ทุกรายรวมกันเกิน ๑๐๐ ล้านบาท จะไม่ได้รับการจัดสรรทั้งหมด ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือให้มีการหักเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้เสนอซื้อให้กับ MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน ภายในเวลา ๙.๓๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง โดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริง โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ ๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้ ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้ กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล (๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ รุ่นพันธบัตร วันที่จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) วันที่ชำระเงิน วันเริ่มคำนวณ ดอกเบี้ย วันครบกำหนด ไถ่ถอน พันธบัตรรัฐบาลประเภท อัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการ เปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ครั้งที่ ๔ (ILB283A) อายุคงเหลือ ๑๓.๖๔ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ๒๓ ก.ค. ๒๕๕๗ ๕,๐๐๐ ๒๕ ก.ค. ๒๕๕๗ ๑๒ มี.ค. ๒๕๕๗ ๑๒ มี.ค. ๒๕๗๑ หมายเหตุ :- ๑. เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๗๔,๑๖๐ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖) ๒. ราคาพันธบัตรที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลต้องชำระเป็นไปตามสูตรการคำนวณราคาซึ่งได้คำนึงถึงดอกเบี้ยค้างรับไว้แล้ว ๓. Index Ratio ณ วันที่ชำระเงินในวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เท่ากับ ๑.๐๓๓๒๘ ข้อ ๑๖ พันธบัตรรุ่นนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้ (๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕ (๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน การคำนวณดอกเบี้ยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่การเลื่อนชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันไถ่ถอนจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๗๑ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ ดังนี้ (๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้ วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) (๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนแท้จริงของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้ และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร (๓) ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม ประกาศ ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB)) ๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง/หน้า ๙/๔ กันยายน ๒๕๕๗