sysid
stringlengths 1
6
| title
stringlengths 8
870
| txt
stringlengths 0
257k
|
---|---|---|
680046 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 4 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๗,๘๗๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ (LB326A) อายุ ๒๐.๔๒ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๔๒,๘๗๒ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๙.๖๐ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๗๕
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๗๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน และ ๒๕ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ ดังนี้
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๑
พฤศจิกายน ๒๕๕๕
๗,๘๗๒
๔.๐๓๓๓
๗,๗๒๐,๘๓๖,๔๒๔.๖๒
-๒๗๔,๑๐๑,๕๔๔.๐๒
๑๒๒,๙๓๗,๙๖๘.๖๔
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๖
อุษมล/ผู้ตรวจ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๖ ง/หน้า ๑๑/๑๗ มกราคม ๒๕๕๖ |
680044 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ (LB21DA) อายุ ๑๑.๐๘ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๖,๑๑๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๑๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
และบริษัทหลักทรัพย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท
และวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๗
พฤศจิกายน ๒๕๕๕
๑๒,๐๐๐
๓.๓๓๓๘
๑๒,๔๖๘,๙๘๕,๗๒๒.๕๐
๒๙๔,๙๘๕,๗๒๒.๕๐
๑๗๔,๐๐๐,๐๐๐
๑๒
ธันวาคม ๒๕๕๕
๑๓,๐๐๐
๓.๔๕๘๒
๑๓,๑๘๗,๗๒๔,๘๓๕.๗๐
๑๙๑,๖๒๔,๘๓๕.๗๐
-๓,๙๐๐,๐๐๐
รวม
๒๕,๐๐๐
๓.๓๙๘๕
๒๕,๖๕๖,๗๑๐,๕๕๘.๒๐
๔๘๖,๖๑๐,๕๕๘.๒๐
๑๗๐,๑๐๐,๐๐๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๖
อุษมล/ผู้ตรวจ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๖ ง/หน้า ๙/๑๗ มกราคม ๒๕๕๖ |
680042 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) อายุ ๕๐.๓๒ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๖,๒๐๕ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๘.๖๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่
บริษัทประกันชีวิต
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท
และวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๓๑
ตุลาคม ๒๕๕๕
๘,๐๐๐
๔.๑๔๐๒
๙,๓๓๐,๕๙๓,๕๖๗.๙๔
๑,๑๘๓,๘๙๗,๖๔๗.๙๔
๑๔๖,๖๙๕,๙๒๐.๐๐
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
๗,๐๐๐
๔.๒๕๗๔
๘,๐๐๒,๐๕๓,๔๗๑.๒๐
๘๔๗,๖๕๐,๗๖๑.๒๐
๑๕๔,๔๐๒,๗๑๐.๐๐
รวม
๑๕,๐๐๐
๔.๑๙๔๙
๑๗,๓๓๒,๖๔๗,๐๓๙.๑๔
๒,๐๓๑,๕๔๘,๔๐๙.๑๔
๓๐๑,๐๙๘,๖๓๐.๐๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๖
อุษมล/ผู้ตรวจ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๖ ง/หน้า ๗/๑๗ มกราคม ๒๕๕๖ |
680040 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๕,๐๑๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (LB27DA) อายุ ๑๕.๘๐ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๐,๐๑๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๕.๑๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๗๐ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๕๘ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๙,๐๐๐ ล้านบาท
และวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๖,๐๑๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๓๑
ตุลาคม ๒๕๕๕
๙,๐๐๐
๓.๕๙๒๓
๙,๑๐๘,๒๕๔,๖๔๕.๓๔
-๑๓,๕๖๓,๔๑๔.๖๖
๑๒๑,๘๑๘,๐๖๐
๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕
๖,๐๑๐
๓.๘๑๕๓
๕,๘๔๗,๘๑๖,๙๙๓.๑๐
-๑๖๐,๔๑๔,๕๖๔.๔๐
-๑,๗๖๘,๔๔๒.๕๐
รวม
๑๕,๐๑๐
๓.๖๘๑๖
๑๔,๙๕๖,๐๗๑,๖๓๘.๔๔
-๑๗๓,๙๗๗,๙๗๙.๐๖
๑๒๐,๐๔๙,๖๑๗.๕๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๖
อุษมล/ผู้ตรวจ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๖ ง/หน้า ๕/๑๗ มกราคม ๒๕๕๖ |
679720 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑[๑]
โดยที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม
๒๕๕๕ วงเงิน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท (หนึ่งหมื่นแปดพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (LB27DA) จำหน่ายได้จริงจำนวน ๑๕,๐๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันสิบล้านบาทถ้วน)
กระทรวงการคลังจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑ จากจำนวน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท (หนึ่งหมื่นแปดพันล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๑๕,๐๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันสิบล้านบาทถ้วน) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๕๐,๐๑๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท (ห้าหมื่นสิบล้านบาทถ้วน)
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๐ มกราคม ๒๕๕๖
อุษมล/ผู้ตรวจ
๑๐ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๓๒/๙ มกราคม ๒๕๕๖ |
679442 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑๓ (LB196A) อายุ ๑๐.๐๕ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๒,๙๙๔ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๖.๕๖ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๓ มิถุนายน และ ๑๓ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
และบริษัทหลักทรัพย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผล
ตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๑ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
๑๓,๐๐๐
๓.๑๙๔๕
๑๓,๗๔๓,๕๑๙,๔๗๘.๙๘
๕๑๘,๕๕๗,๒๐๘.๙๘
๒๒๔,๙๖๒,๒๗๐
หมายเหตุ
: วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรรัฐบาล
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
โชติกานต์/ผู้จัดทำ
๒๓ มกราคม ๒๕๕๖
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๓ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑ ง/หน้า ๑๘/๔ มกราคม ๒๕๕๖ |
679440 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๗,๕๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ (LB416A) อายุ ๓๐.๖๕ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๖๐,๙๓๖ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๘.๕๙ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๘๔
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน และ ๑๔ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผล
ตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๕
๗,๕๐๐
๔.๑๔๘๑
๗,๑๘๕,๙๒๘,๕๑๘.๗๐
-๔๓๕,๐๙๘,๙๐๖.๓๐
๑๒๑,๐๒๗,๔๒๕
หมายเหตุ
: วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรรัฐบาล
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
โชติกานต์/ผู้จัดทำ
๒๓ มกราคม ๒๕๕๖
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๓ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑ ง/หน้า ๑๖/๔ มกราคม ๒๕๕๖ |
679319 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล
ประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ (ILB217A) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (ILB217A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๐๐,๘๗๒ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๘.๖๘ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๐ ต่อปี
และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชยดังนี้
(๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕
(๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio
หมายเหตุ
กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน
ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน
การชำระดอกเบี้ยชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๔ มกราคม และ ๑๔ กรกฎาคม
ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินตามราคา
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึง
วันที่จำหน่าย
(บาท)
๗ พ.ย. ๒๕๕๕
๑๐,๐๐๐
๐.๙๔๗๓
๑๐,๖๓๓,๔๑๒,๐๔๗.๖๐
๕๙๓,๑๖๐,๐๓๘.๒๕
๔๐,๒๕๒,๐๐๙.๓๕
หมายเหตุ: วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ
วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
อุษมล/ผู้จัดทำ
๘ มกราคม ๒๕๕๖
เอกฤทธิ์/ผู้ตรวจ
๘ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๙๗ ง/หน้า ๒/๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ |
679249 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ.
การบริหารหนี้สาธารณะฯ)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยวิธีการประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ข้อ ๒ ผลการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจากการจำหน่ายจำนวน ๑๙,๗๒๙,๐๘๑,๘๙๕.๐๔ บาท และมีส่วนลดจำนวน ๒๗๐,๙๑๘,๑๐๔.๙๖ บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
งวดที่
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ลงใน
ตั๋วสัญญาใช้เงิน
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวนเงินที่ได้รับ
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๑/๑๘๒/๕๖
๑๐,๐๐๐
๗ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
๘ พฤษภาคม
๒๕๕๖
๑๘๒
๙,๘๖๔,๓๔๓,๐๕๐.๘๘
๑๓๕,๖๕๖,๙๔๙.๑๒
๒/๑๘๒/๕๖
๑๐,๐๐๐
๑๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
๑๕ พฤษภาคม
๒๕๕๖
๑๘๒
๙,๘๖๔,๗๓๘,๘๔๔.๑๖
๑๓๕,๒๖๑,๑๕๕.๘๔
รวม
๒๐,๐๐๐
๑๙,๗๒๙,๐๘๑,๘๙๕.๐๔
๒๗๐,๙๑๘,๑๐๔.๙๖
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
และจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็น โดยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการร้อยละ ๐.๐๑
ของจำนวนตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
อุษมล/ผู้จัดทำ
๘ มกราคม ๒๕๕๖
เอกฤทธิ์/ผู้ตรวจ
๘ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๙๕ ง/หน้า ๑๔/๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ |
678726 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๗
แห่งพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๕ และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลัง ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม
๒๕๕๕ ได้ดำเนินการกู้เงินตามความในมาตรา ๑๓
แห่งพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อนำเงินส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ
๓. รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
เป็นต้นไป
๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๒,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน)
กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวด ๆ
โดยจะทยอยเบิกเงินกู้แต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)
และจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบเป็นหนังสือก่อนการเบิกเงินกู้แต่ละงวดไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการ
กระทรวงการคลังจะเบิกรับเงินกู้ตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
และจะเบิกเงินกู้ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ในกรณีที่กระทรวงการคลังไม่เบิกเงินกู้ให้ครบตามวงเงินกู้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้ถือว่ากระทรวงการคลังเป็นหนี้ผู้ให้กู้เพียงจำนวนที่เบิกรับไปแล้วเท่านั้น
๓.๓ อัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับอัตราร้อยละ ๒.๙๙ ต่อปี
๓.๔ การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน
ในวันที่ ๙ พฤษภาคม และวันที่ ๙ พฤศจิกายน ของทุกปี
โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้
ณ วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้
๓.๕ การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
๓.๖ การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้คืนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ได้
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๗
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไปโดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
๓.๘ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใดๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ ธันวาคม
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒๐ ธันวาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๘๙ ง/หน้า ๒๘/๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ |
678560 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๖
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง) โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง
ตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕ จำนวน
๘,๐๐๐ ล้านบาท (แปดพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ (LB416A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๖๐,๙๓๖ ล้านบาท
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๖๘,๙๓๖ ล้านบาท
โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ
ดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคล เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖
ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา ๙.๓๐ น.
ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐
น. ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ
และ MOF Outright PD ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e - Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖
ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท
และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับ
MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๕
เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑
ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณดอกเบี้ย
วันครบกำหนดไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๕ (LB416A)
อายุคงเหลือ ๒๘.๕๐ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๘๐ ต่อปี
จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท
๑๙
ธ.ค. ๒๕๕๕
๘,๐๐๐
๒๑
ธ.ค. ๒๕๕๕
๑๔
ธ.ค. ๒๕๕๕
๑๔
มิ.ย. ๒๕๘๔
หมายเหตุ : เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๖๘,๙๓๖ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๘๐ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕)
ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด
คือ วันที่ ๑๔ มิถุนายน และ ๑๔ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๘๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์
ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท (แปดพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ ธันวาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๓๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง/หน้า ๓๗/๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๕ |
678497 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
สำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๕
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้มีการขยายระยะเวลาการเบิกเงินกู้และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑
ทำให้รายละเอียดและเงื่อนไขที่ระบุในข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินสำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.
๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
มีการเปลี่ยนแปลงไป
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๕ และมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
ข้อ ๑ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามประกาศข้างต้น
ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ดังนี้
๓. รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน) แบ่งเป็น ๒
วงเงิน ดังนี้
วงเงินที่ ๑ จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
- เบิกเงินกู้ไปแล้ว จำนวน ๓,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
- ค้างเบิก จำนวน ๑,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕)
วงเงินที่ ๒ จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖ โดยจะแจ้งให้ ผู้ให้กู้ ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒
วันทำการ
๓.๓ อัตราดอกเบี้ย
วงเงินที่ ๑ สำหรับวงเงินที่เบิกไปแล้ว เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
บวกร้อยละ ๐.๔๐ (ศูนย์จุดสี่ศูนย์) ต่อปี
วงเงินที่ ๑ สำหรับวงเงินที่ค้างเบิก และวงเงินที่ ๒
เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๑๗ (ศูนย์จุดหนึ่งเจ็ด) ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด
๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒ รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินอื่น
เป็นไปตามประกาศเดิมทุกประการ
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๔ ธันวาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๕ กุมภาพันธ์
๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๘๖ ง/หน้า ๑๒/๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ |
677746 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 และรายการการกู้เงินและค้ำประกันระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕
และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน
ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน
๒๕๕๕[๑]
ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๖ วรรค ๒
กำหนดให้กระทรวงการคลังสรุปรายงานสถานะหนี้สาธารณะและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ภายใน ๖๐ วัน หลังจากวันสิ้นเดือนมีนาคมและเดือนกันยายนของทุกปี
โดยรายงานดังกล่าวต้องแสดงหนี้สาธารณะที่เกิดจากการกู้เงินและค้ำประกัน ณ
วันสิ้นเดือนดังกล่าว
รวมทั้งรายการการกู้เงินและค้ำประกันที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วงระยะเวลาระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม
และเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ตามลำดับ
กระทรวงการคลังขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕
และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ดังนี้
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ มีจำนวน ๔,๙๓๗,๒๓๙.๖๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๓.๙๑
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้ของรัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน ๓,๕๑๕,๐๑๐.๙๕ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน ๑,๐๖๔,๒๘๙.๑๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน
(รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน ๓๕๒,๒๐๗.๓๕ ล้านบาท
และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๕,๗๓๒.๒๑ ล้านบาท
ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินนั้นไม่มีหนี้คงค้าง
รายละเอียดดังปรากฏตามตารางที่ ๑
หนี้สาธารณะจำนวนดังกล่าวจำแนกตามอายุของหนี้เป็นหนี้ระยะยาว ๔,๖๕๘,๖๔๒.๒๒ ล้านบาท และหนี้ระยะสั้น ๒๗๘,๕๙๗.๔๐ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๔.๓๖ และร้อยละ ๕.๖๔ ตามลำดับ และจำแนกตามแหล่งที่มาเป็นหนี้ต่างประเทศ
๓๔๐,๖๗๑.๗๖ ล้านบาท และหนี้ในประเทศ ๔,๕๙๖,๕๖๗.๘๖ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖.๙๐ และร้อยละ ๙๓.๑๐ ตามลำดับ
ตารางที่
๑ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕
หน่วย : ล้านบาท
รายการ
๓๐ ก.ย. ๒๕๕๕
% GDP
๑. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง
๑.๑ หนี้ต่างประเทศ
๑.๒
หนี้ในประเทศ
๓,๕๑๕,๐๑๐.๙๕
๕๒,๖๔๗.๖๘
๓,๔๖๒,๓๖๓.๒๗
๓๑.๒๖
๒. หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
๒.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
- หนี้ต่างประเทศ
-
หนี้ในประเทศ
๒.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
- หนี้ต่างประเทศ
- หนี้ในประเทศ
๑,๐๖๔,๒๘๙.๑๑
๔๙๕,๔๗๘.๘๐
๑๖๐,๑๑๑.๘๔
๓๓๕,๓๖๖.๙๖
๕๖๘,๘๑๐.๓๑
๑๒๒,๗๐๒.๘๙
๔๔๖,๑๐๗.๔๒
๙.๔๗
๓. หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน
(รัฐบาลค้ำประกัน)
๓.๑ หนี้ต่างประเทศ
๓.๒
หนี้ในประเทศ
๓๕๒,๒๐๗.๓๕
๕,๒๐๙.๓๕
๓๔๖,๙๙๘.๐๐
๓.๑๓
๔. หนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
๔.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
๔.๒
หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
-
-
-
๐.๐๐
๕. หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ
๕.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
๕.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
๕,๗๓๒.๒๑
-
๕,๗๓๒.๒๑
๐.๐๕
๖. รวม ๑.+๒.+๓.+๔.+๕.
๔,๙๓๗,๒๓๙.๖๒
๔๓.๙๑
หมายเหตุ :- ๑. GDP ปี ๒๕๕๔ และ ประมาณการ GDP ปี ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๐,๕๔๐.๑๐ พันล้านบาท และ ๑๑,๔๗๘.๖๐ พันล้านบาท ตามลำดับ
(สศช. ณ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๕)
๒. สบน. ได้ปรับวิธีการคำนวณ
GDP ในแต่ละเดือน
เพื่อให้สัดส่วน Debt/GDP สะท้อนค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด โดยได้คำนวณ GDP ของเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ดังนี้ [(GDP ปี ๕๔/๑๒)*๓] +[(GDP ปี ๕๕/๑๒)*๙] เท่ากับ ๑๑,๒๔๓.๙๘ พันล้านบาท
๓.
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและขาย
ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน
๔.
ตัวเลขในตารางเป็นตัวเลขเบื้องต้น (Preliminary) และไม่รวมหนี้ของ SPV จำนวน ๒๓,๙๙๙.๙๐ ล้านบาท ที่รัฐบาลมีภาระผูกพันต้องจ่ายภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่อาคารสัญญาบริหารจัดหาเฟอร์นิเจอร์
และสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องของโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถ. แจ้งวัฒนะ
๑. รายการการกู้เงินและค้ำประกัน
ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕
คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕
เพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ
ประกอบด้วย ๕ แผนย่อย และได้ปรับปรุงแผนฯ
ในระหว่างปีเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงินกู้และบริหารหนี้
ซึ่งหลังการปรับปรุงแผนฯ ครั้งที่ ๔ ทำให้วงเงินรวมในแผนฯ ที่จะบริหารจัดการมีจำนวนทั้งสิ้น
๒,๒๗๘,๔๗๘.๗๒ ล้านบาท
โดยในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕
กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น
๑,๐๘๗,๒๘๔.๑๙ ล้านบาท
ดังปรากฏตามตารางที่ ๒
ตารางที่
๒ การกู้เงินและการบริหารหนี้ ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕
หน่วย : ล้านบาท
รายการ
วงเงินแผน
ผลดำเนินงาน
(เม.ย. - ก.ย. ๕๕)
๑. แผนการก่อหนี้ใหม่
๑,๑๘๔,๕๒๗.๐๒
๔๙๖,๔๒๐.๒๓
๑.๑ รัฐบาล
๑.๒ รัฐวิสาหกิจ
๘๔๖,๓๗๒.๐๖
๓๓๘,๑๕๔.๙๖
๒๙๑,๙๗๔.๒๘
๒๐๔,๔๔๕.๙๕
๒. แผนการปรับโครงสร้างหนี้
๗๕๒,๙๓๘.๖๔
๕๒๔,๘๒๕.๘๐
๒.๑ รัฐบาล
๒.๒ รัฐวิสาหกิจ
๖๓๒,๙๒๓.๒๕
๑๒๐,๐๑๕.๓๙
๔๔๖,๒๐๓.๙๒
๗๘,๖๒๑.๘๘
๓. แผนการบริหารความเสี่ยง
๑๗๗,๐๐๐.๐๐
๓๗,๗๖๑.๑๖
๔. แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ
ที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ
๑๓๔,๐๑๓.๐๖
๒๘,๒๗๗.๐๐
๔.๑ การก่อหนี้ใหม่
๔.๒ การบริหารหนี้
๓๙,๖๓๙.๕๑
๙๔,๓๗๓.๕๕
๒๖,๖๒๘.๐๐*
๑,๖๔๙.๐๐*
๕. แผนการก่อหนี้ใหม่ของหน่วยงานอื่นของรัฐ
ที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ
๓๐,๐๐๐.๐๐
๐.๐๐
รวม (๑ - ๓)
๒,๑๑๔,๔๖๕.๖๖
๑,๐๕๙,๐๐๗.๑๙
รวม (๑ - ๕)
๒,๒๗๘,๔๗๘.๗๒
๑,๐๘๗,๒๘๔.๑๙
หมายเหตุ : -* ไม่ได้รวมผลการดำเนินงานของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ซึ่งมีสาระสำคัญ
ดังนี้
๑.๑ แผนการก่อหนี้ใหม่ ช่วงเดือนเมษายน ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕
ประกอบด้วย
๑.๑.๑ การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล วงเงินรวม ๒๙๑,๙๗๔.๒๘ ล้านบาท
(๑) หนี้ในประเทศ วงเงินรวม ๒๖๐,๙๗๔.๒๘ ล้านบาท
เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการ
กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน
๒๕๕๕ วงเงินรวม ๒๕๐,๔๗๔.๒๘ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๒๑๔,๖๗๔.๒๘ ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน ๓๕,๘๐๐.๐๐
ล้านบาท
เงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ
กระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
เพื่อนำมาใช้ในโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ จำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
เงินกู้เพื่อการนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ
กระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด
(มหาชน) เพื่อนำเงินส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ จำนวน ๕๐๐.๐๐
ล้านบาทเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
(๒) หนี้ต่างประเทศ วงเงินรวม ๓๑,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
กระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารโลก (World Bank) วงเงิน ๑,๐๐๐.๐๐
ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า ๓๑,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
แล้วเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
๑.๑.๒ การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๒๐๔,๔๔๕.๙๕ ล้านบาท
เงินกู้ในประเทศทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ
๒ แห่ง กู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการ วงเงินรวม ๓,๗๑๘.๐๖ ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ได้แก่
(๑) การไฟฟ้านครหลวงออกพันธบัตร วงเงินรวม ๒๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
เพื่อดำเนินโครงการแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๐ ปี ๒๕๕๑ -
๒๕๕๔
(๒) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร วงเงินรวม ๓,๕๑๘.๐๖ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
เพื่อดำเนินโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้า ระยะที่ ๑๑ จำนวน ๑,๘๓๔.๙๐
ล้านบาท โครงการระบบส่งไฟฟ้าเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ จำนวน ๓๘๓.๑๖
ล้านบาท และโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมวังน้อย ชุดที่ ๔ (ค่าก่อสร้าง) จำนวน
๑,๓๐๐.๐๐ ล้านบาท
เงินกู้บาทสมทบโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ
รัฐวิสาหกิจ ๓ แห่ง กู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการ วงเงินรวม ๒,๔๓๖.๗๖ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ดังนี้
(๑) การไฟฟ้านครหลวงออกพันธบัตร วงเงินรวม ๗๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
เพื่อดำเนินโครงการแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๐ ปี ๒๕๕๑ -
๒๕๕๔
(๒) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร วงเงินรวม ๑,๔๘๑.๙๔ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
เพื่อดำเนินโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้า ระยะที่ ๑๑ จำนวน ๖๖๕.๑๐ ล้านบาท
โครงการระบบส่งไฟฟ้าเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ จำนวน ๑๑๖.๘๔
ล้านบาท
และโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานระยะที่ ๑
จำนวน ๗๐๐.๐๐ ล้านบาท
(๓) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร วงเงินรวม ๒๕๔.๘๒ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๗ ส่วนที่ ๒
เงินกู้เพื่อลงทุน
รัฐวิสาหกิจ ๔ แห่ง กู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการ วงเงินรวม ๑๕,๐๗๙.๓๓ ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๘,๗๓๔.๑๕ ล้านบาท และกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๖,๓๔๕.๑๘ ล้านบาท ได้แก่
(๑) การเคหะแห่งชาติออกพันธบัตรและกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม
๒,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร
ระยะ ๓ - ๕
(๒) การประปาส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร วงเงินรวม ๘๕๐.๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
เพื่อดำเนินงานก่อสร้างปรับปรุงขยายประปา จำนวน ๙ สาขา ได้แก่ สาขาขอนแก่น จำนวน
๑๘๗.๓๕ ล้านบาท สาขาอุดรธานี จำนวน ๒๐๓.๘๖ ล้านบาท สาขาฉะเชิงเทรา จำนวน ๑๑๔.๔๕
ล้านบาท สาขาโชคชัย จำนวน ๔๔.๔๐ ล้านบาท สาขาปากท่อ จำนวน ๔๕.๙๔ ล้านบาท สาขาปราจีนบุรี
จำนวน ๘๒.๐๐ ล้านบาท สาขาอรัญประเทศ จำนวน ๔๐.๐๐ ล้านบาท สาขาร้อยเอ็ด จำนวน ๖๕.๐๐
ล้านบาท และสาขาบุรีรัมย์ จำนวน ๖๗.๐๐ ล้านบาท
(๓) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร วงเงินรวม ๖,๓๔๕.๑๘ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ ๗ ส่วนที่ ๑ จำนวน ๑๓.๓๙
ล้านบาท โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่ายระยะที่ ๖ จำนวน ๓๑๙.๘๐
ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ ๘ ส่วนที่ ๑ จำนวน ๕๑๙.๕๑
ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ ๘ ส่วนที่ ๒ จำนวน ๕๓๐.๗๒
ล้านบาท โครงการติดตั้งระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟระยะที่ ๒ จำนวน ๑๐๔.๔๗ ล้านบาท โครงการเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าระยะที่
๒ จำนวน ๓๓๙.๙๔ ล้านบาท โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่ายระยะที่ ๗
จำนวน ๑,๕๓๔.๙๔ ล้านบาท
โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร จำนวน ๓๑๕.๕๓ ล้านบาท
โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบจำหน่าย จำนวน ๑,๐๓๓.๒๓
ล้านบาท โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะมะพร้าว
เกาะนาคาใหญ่ จ. ภูเก็ต และเกาะพระทอง จ. พังงา) จำนวน ๒.๑๑ ล้านบาท โครงการเร่งรัดขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
จำนวน ๑,๐๕๓.๙๕ ล้านบาท โครงการก่อสร้างสายส่งเคเบิลใต้น้ำ
๑๑๕ เควี (วงจรที่ ๓) ไปยังเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน ๑.๐๑ ล้านบาท
โครงการพัฒนาการอ่านหน่วยด้วยระบบ AMR สำหรับผู้ใช้ไฟรายใหญ่
ระยะที่ ๒ จำนวน ๒.๙๘ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙
ส่วนที่ ๑ จำนวน ๑๐๔.๘๕ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙
ส่วนที่ ๒ จำนวน ๗๙.๔๕ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙
ส่วนที่ ๓ จำนวน ๙๗.๗๑ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙
ส่วนที่ ๔ จำนวน ๓๐.๔๓ ล้านบาท และโครงการเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าระยะที่
๓ จำนวน ๒๖๑.๑๖ ล้านบาท
(๔) การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม ๕,๓๘๔.๑๕ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
เพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงทางระยะที่ ๕ จำนวน ๒,๘๐๐.๐๐
ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางระยะที่ ๖ จำนวน ๒,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท
และโครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทางเดินเชื่อมสถานีเพชรบุรี)
จำนวน ๘๔.๑๕ ล้านบาท
เงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น
ๆ รัฐวิสาหกิจ ๘ แห่ง กู้เงินเพื่อดำเนินกิจการทั่วไป วงเงินรวม ๑๘๓,๒๑๑.๘๐ ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๑๗๗,๗๖๕.๕๖ ล้านบาท และกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๕,๔๔๖.๒๔ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
(๑) การเคหะแห่งชาติลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๕๐๐.๐๐
ล้านบาท เพื่อใช้ในการเสริมสภาพคล่อง โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
(๒) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร จำนวน ๖๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อดำเนินงานปกติ
โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
(๓) การรถไฟแห่งประเทศไทยออกพันธบัตรและกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม
๘,๖๒๘.๕๖ ล้านบาท เพื่อชดเชยมาตรการลดภาระค่าครองชีพ จำนวน ๑,๐๓๒.๕๖ ล้านบาท เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง ๖,๗๙๖.๐๐
ล้านบาท และเพื่อเสริมสภาพคล่อง จำนวน ๘๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
(๔) สำนักงานธนานุเคราะห์กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม ๑,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อดำเนินการในการให้บริการรับจำนำ
โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
(๕) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพออกพันธบัตรและกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม
๒,๘๘๗.๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อเป็นค่าน้ำมัน
ค่าเหมาซ่อม (ปีงบประมาณ ๒๕๕๕)
(๖) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ จำนวน
๓๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการเสริมสภาพคล่อง โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
(๗) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกู้เงินตามมาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยโดยธนาคารออมสิน
จำนวน ๓,๕๔๖.๒๔ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
(๘) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์
วงเงินรวม ๑๖๕,๗๕๐.๐๐ ล้านบาท
เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลทางการเกษตรตามนโยบายของรัฐบาล
ในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
๑.๒ แผนการปรับโครงสร้างหนี้ ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ประกอบด้วย
๑.๒.๑ การปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล
รวมทั้งสิ้น ๔๔๖,๒๐๓.๙๒ ล้านบาท ดังนี้
หนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้
ณ เดือนเมษายน ๒๕๕๕
กระทรวงการคลังมียอดตั๋วเงินคลังที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดรวม ๑๑๙,๙๐๘.๖๗ ล้านบาท จำแนกเป็น ๑. ตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารดุลเงินสด จำนวน
๘๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และ ๒.
ตั๋วเงินคลังที่กู้มาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในช่วงปี ๒๕๕๔ จำนวน ๓๙,๙๐๘.๖๗ ล้านบาท โดยในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน ๑๗,๗๗๓.๖๗ ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๕
กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังคงเหลือที่สามารถนำมาบริหารจัดการได้ จำนวน ๑๐๒,๑๓๕.๐๐ ล้านบาท
หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้
FIDF 3
(๑) กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ปีงบประมาณ ๒๕๔๘
ครั้งที่ ๑ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕
โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) จำนวน ๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
(๒) กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติ ปีงบประมาณ
๒๕๔๕ รุ่นอายุ ๑๐ ปี ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕ วงเงินรวม ๒๐๖,๐๒๓.๒๕ ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ๑. การกู้เงินล่วงหน้า (Pre-funding) วงเงินรวม ๑๕๑,๘๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล
จำนวน ๘๐,๔๕๐.๐๐ ล้านบาท
และตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) จำนวน
๗๑,๓๕๐.๐๐ ล้านบาท ๒. การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) จำนวน ๗,๒๒๓.๒๕ ล้านบาท ๓. การกู้เงินระยะสั้น
จำนวน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท และ ๔. การใช้เงินทดรองจ่าย จำนวน ๑๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระคืนหนี้ในวันที่ครบกำหนดชำระ ทั้งนี้
ภายหลังจากการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ดังกล่าว ได้มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
วงเงินรวม ๔๗,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
เพื่อนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้นและเงินทดรองจ่ายด้วย
(๓)
กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกภายใต้พระราชกำหนด
FIDF 3 โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) วงเงินรวม ๑๘,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
หนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
วงเงินรวม ๙๗,๒๗๒.๐๐ ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้ให้เป็นพันธบัตรรัฐบาล
จำนวน ๖๑,๔๐๐.๐๐ ล้านบาท
และพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อจำนวน ๓๕,๘๗๒.๐๐ ล้านบาท
๑.๒.๒ การปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐวิสาหกิจ : หนี้ในประเทศ
รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๑๐ แห่ง ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๗๘,๖๒๑.๘๘ ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ๗๒,๖๒๑.๘๘ ล้านบาท และกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ๖,๐๐๐.๐๐
ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll-over จำนวน ๖๙,๓๘๗.๓๖ ล้านบาท การชำระคืนหนี้เดิมที่มีแผนจะ Roll-over จำนวน ๔,๑๔๑.๑๖ ล้านบาท และการต่อสัญญาเพื่อขยายอายุหนี้ออกไป
จำนวน ๕,๐๙๓.๓๖ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
(๑) การเคหะแห่งชาติออกพันธบัตร จำนวน ๕,๕๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
(๒) การทางพิเศษแห่งประเทศไทยกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๒,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
และใช้รายได้ จำนวน ๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ชำระคืนหนี้ในวันที่ครบกำหนดชำระ
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
(๓) การประปาส่วนภูมิภาคใช้รายได้ จำนวน ๑,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ชำระคืนหนี้ในวันที่ครบกำหนดชำระ
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
(๔) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร จำนวน ๖,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
(๕) การรถไฟแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร จำนวน ๑๑,๘๖๑.๒๘ ล้านบาท และกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๘๘๗.๐๘ ล้านบาท เพื่อ Roll-over หนี้ที่ครบกำหนดชำระโดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
และภายหลังได้ใช้เงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรมาเพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์
จำนวน ๘๘๗.๐๘ ล้านบาท
(๖) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพออกพันธบัตร จำนวน ๕,๐๗๙.๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน และใช้เงินรายได้ จำนวน ๑๐.๐๐ ล้านบาท
ชำระหนี้ในวันที่ครบกำหนดชำระ
(๗) องค์การคลังสินค้าชำระหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
โดยใช้รายได้จากการระบายข้าว จำนวน ๔๗.๗๑ ล้านบาท
และดำเนินการต่อสัญญาเพื่อขยายอายุหนี้ออกไปจำนวน ๙๐๗.๙๒ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
(๘)
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรชำระหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระโดยใช้เงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
จำนวน ๘๓.๔๕ ล้านบาท และดำเนินการต่อสัญญาเพื่อขยายอายุหนี้ออกไป จำนวน ๔,๑๘๕.๔๔ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
(๙) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์จำนวน
๒๑,๐๖๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over หนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันและภายหลังได้ใช้เงินที่ได้จากการระบายข้าวมาชำระหนี้เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์
จำนวน ๑,๒๖๐.๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๘๒.๘๖
ล้านบาท
(๑๐) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ออกพันธบัตร จำนวน ๑๖,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
๑.๓ แผนการบริหารความเสี่ยง ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ประกอบด้วย
๑.๓.๑ การบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาล
หนี้ในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระวงเงินรวม
๙,๓๓๖.๘๒ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑. หนี้เงินกู้ FIDF 3
จำนวน ๘,๙๖๙.๐๒ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๑,๓๐๒.๓๐ ล้านบาท และ ๒.
หนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน ๓๖๗.๘๐ ล้านบาท
ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๒๓.๓๒ ล้านบาท
หนี้ต่างประเทศ
(๑) การชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนดชำระ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้เงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดให้กับแหล่งเงินกู้จำนวน
๒ แหล่ง วงเงินรวม ๑๕๐.๔๓ ล้านบาท ได้แก่ ๑. สถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน
(KfW) จำนวน ๑.๕๖ ล้านยูโร หรือเทียบเท่า ๖๑.๖๘ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้
๑.๒๗ ล้านบาท และ ๒. เงินกู้รัฐบาลแคนาดา (CIDA) จำนวน ๒.๘๑
ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า ๘๘.๗๕ ล้านบาท
(๒) การปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน วงเงินรวม ๑๒,๓๐๒.๐๐ ล้านบาท
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยการแปลงหนี้สกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท
(Cross Currency Swap) วงเงินรวม
๔๐๐.๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า ๑๒,๓๐๒.๐๐ ล้านบาท
กับแหล่งเงินกู้ จำนวน ๒ แหล่ง ได้แก่ ๑. ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย จำนวน
๓๐๐.๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า ๙,๒๐๘.๐๐ ล้านบาท และ
๒. ธนาคารโลก (World Bank) จำนวน
๑๐๐.๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า ๓,๐๙๔.๐๐ ล้านบาท
๑.๓.๒ การบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๑๕,๙๗๑.๙๑ ล้านบาท ประกอบด้วย
(๑) การเคหะแห่งชาติ ชำระคืนหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระ จำนวน ๒
สัญญา วงเงินรวม ๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จำแนกเป็น ๑. เงินกู้ธนาคารกรุงไทย
จำกัด (มหาชน) จำนวน ๒,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท และ ๒.
เงินกู้ธนาคารออมสิน จำนวน ๕๐๐.๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๑๔.๓๓
ล้านบาท
(๒) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ชำระคืนหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระวงเงินรวม ๙,๗๔๖.๙๑ ล้านบาท
จำแนกเป็น ๑. เงินกู้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน ๓,๒๐๗.๙๙
ล้านบาท ๒. เงินกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๒,๗๓๖.๘๔
ล้านบาท และ ๓. เงินกู้ธนาคารออมสิน จำนวน ๓,๘๐๒.๐๘ ล้านบาท ทั้งนี้ สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ทั้งสิ้น ๓๕๓.๖๓
ล้านบาท
(๓) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ชำระหนี้เงินกู้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๒๕๕๕
ก่อนครบกำหนดชำระ จำนวน ๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๔๗๖.๕๒
ล้านบาท
(๔) สำนักงานธนานุเคราะห์ ชำระหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระจำนวน
๒๒๕.๐๐ ล้านบาท ให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๔๗.๗๑
ล้านบาท
๑.๔
แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ วงเงินรวม
๒๘,๒๗๗.๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย
๑.๔.๑ การก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม ๒๖,๖๒๘.๐๐ ล้านบาท
เงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ได้กู้เงินเพื่อชำระค่าจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A330-300 ลำที่ ๔
และ A380-800 ลำที่ ๑ วงเงินรวม ๙,๐๙๘.๐๐
ล้านบาท
เงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป
Credit Line
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ทีโอที จำกัด
(มหาชน) และบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด
ได้ดำเนินการทำสัญญาเงินกู้ระยะสั้นในรูป Credit Line วงเงินรวม ๑๗,๕๓๐.๐๐ ล้านบาท
ทั้งนี้ นอกจากผลการก่อหนี้ใหม่ดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ยังมีการก่อหนี้ใหม่ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ที่ได้กู้เงินโดยการออกหุ้นกู้ในประเทศ วงเงินรวม ๔๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ทำให้แผนการจัดหาเงินทุนในช่วงปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗
มีวงเงินคงเหลืออยู่ที่ระดับ ๓๔,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท
๑.๔.๒ การบริหารหนี้ วงเงินรวม ๑,๖๔๙.๐๐ ล้านบาท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ดำเนินการแปลงหนี้สกุลเงินยูโรที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่
(Interest Rate Swap) วงเงินรวม ๔๒.๔๙
ล้านยูโร หรือเทียบเท่า ๑,๖๔๙.๐๐ ล้านบาท
นอกจากผลการบริหารหนี้ดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ยังมีการบริหารหนี้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ได้ดำเนินการทำ Cross Currency Swap วงเงินรวม ๑๕,๒๙๒.๐๐ ล้านบาท จำแนกเป็น ๑.
การแปลงหนี้สกุลเงินบาทเป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐ วงเงินรวม ๖,๐๐๐.๐๐
ล้านบาท หรือเทียบเท่า ๑๙๘.๔๗ ล้านเหรียญสหรัฐ และ ๒.
การแปลงหนี้สกุลเงินเยนเป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐวงเงินรวม ๒๓,๐๐๐.๐๐
ล้านเยน หรือเทียบเท่า ๙,๒๙๒.๐๐ ล้านบาท
๑.๕
แผนการก่อหนี้ใหม่ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ
ไม่มีการก่อหนี้ใหม่ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ
ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕
๒. สรุปผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๕
๒.๑ จากผลการดำเนินงานที่กล่าวมาแล้ว ในช่วงระยะเวลา ๖
เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๕ (เมษายน - กันยายน ๒๕๕๕)
กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะตามกรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑,๐๕๙,๐๐๗.๑๙ ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้า คิดเป็นร้อยละ ๕๐.๐๘
ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งปี
๒.๒ ผลการกู้เงินและบริหารจัดการหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๕ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น
๒๘,๒๗๗.๐๐ ล้านบาท
๒.๓ จากการดำเนินการตามข้อ ๒.๑ - ๒.๒ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น
๑,๐๘๗,๒๘๔.๑๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๗.๗๒
ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งปี
ทั้งนี้ การกู้เงินและการบริหารหนี้ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
แบ่งเป็น ๑. หนี้ของรัฐบาล จำนวน ๗๕๙,๙๖๗.๔๕ ล้านบาท ๒.
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๒๕๙,๑๒๑.๕๙
ล้านบาท และ ๓. หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๖๘,๑๙๕.๑๕ ล้านบาท
ผลของการบริหารหนี้ที่ได้ดำเนินการทั้งในส่วนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ
(รายละเอียดปรากฏตามข้อ ๑.๒ ข้อ ๑.๓ และข้อ ๑.๔.๒) วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕๖๔,๒๓๕.๙๖ ล้านบาท นั้น สามารถลดยอดหนี้ได้ทั้งสิ้น ๓๑,๗๔๗.๔๐
ล้านบาท (รายละเอียดปรากฏตามข้อ ๑.๒.๒ ข้อ ๑.๓.๑ และข้อ ๑.๓.๒)
รวมทั้งประหยัดดอกเบี้ยได้ จำนวน ๒,๓๐๑.๙๔ ล้านบาท
(รายละเอียดปรากฏตาม ข้อ ๑.๒.๒ ข้อ ๑.๓.๑ และข้อ ๑.๓.๒)
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
กิตติรัตน์
ณ ระนอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หมายเหตุ :- FIDF หมายถึง
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
FIDF1 หมายถึง
พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี
FIDF3 หมายถึง
พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕
Refinance หมายถึง การกู้เงินจากแหล่งใหม่เพื่อนำไปใช้คืนแหล่งเงินกู้เดิม
ซึ่งเป็นการลดต้นทุนการกู้เงิน
Roll-over หมายถึง การกู้เงินใหม่เพื่อนำไปชำระเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
เพื่อให้เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเงินกู้สอดคล้องกับระยะคืนทุน
Swap หมายถึง
การแปลงหนี้ที่นิยมดำเนินการมี
๒ วิธี คือ การแปลงสกุลเงิน เช่น การแปลงหนี้สกุลเงินเยนเป็นเงินบาท
และการแปลงอัตราดอกเบี้ย เช่น การแปลงอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๗ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒๗ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๗ ง/หน้า ๓๔/๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
677418 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๒[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขายและคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑๓ (LB196A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๙๙,๙๙๔ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๒,๙๙๔ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑)
จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD)
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
และกองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่าน MOF Outright PD ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
MOF Outright PD ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e - Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา
๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท
และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับ
MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่
๒ (LB196A)
อายุคงเหลือ
๖.๕๖ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๘๗๕ ต่อปี
จำนวน
๑๓,๐๐๐ ล้านบาท
๒๑ พ.ย. ๒๕๕๕
๑๓,๐๐๐
๒๓ พ.ย. ๒๕๕๕
๑๓ มิ.ย.
๒๕๕๕
๑๓ มิ.ย.
๒๕๖๒
หมายเหตุ :- เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑๓
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๒,๙๙๔ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๘๗๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๓ มิถุนายน และ ๑๓ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒
เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง/หน้า ๔๖/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
677415 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๗,๕๐๐ ล้านบาท (เจ็ดพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ (LB416A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๕๓,๔๓๖ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๖๐,๙๓๖ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑)
จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding)
ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง) และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า
๑๐๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐
น. ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ
และ MOF Outright PD
ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e - Bidding)
ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e - Bidding)
พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า
๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐
ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับ
MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่
๑ (LB416A)
อายุคงเหลือ
๒๘.๕๙ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๘๐ ต่อปี
จำนวน
๗,๕๐๐ ล้านบาท
๑๔ พ.ย. ๒๕๕๕
๗,๕๐๐
๑๖ พ.ย. ๒๕๕๕
๑๔ มิ.ย.
๒๕๕๕
๑๔ มิ.ย.
๒๕๘๔
หมายเหตุ :- เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๖๐,๙๓๖ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๘๐ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด
(วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด
คือ วันที่ ๑๔ มิถุนายน และ ๑๔ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๘๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๗,๕๐๐ ล้านบาท (เจ็ดพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง/หน้า ๔๑/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
677413 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ.
การบริหารหนี้สาธารณะฯ)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่
๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จำนวน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยการกู้เงินระยะสั้นวงเงินรวม ๒๐,๕๐๐ ล้านบาท จากสถาบันการเงิน ๒ แห่ง ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดดังนี้
ลำดับที่
สถาบันการเงิน
วงเงินกู้
(ล้านบาท)
อัตราดอกเบี้ย
(ร้อยละต่อปี)
๑.
ธนาคารกสิกรไทย
จำกัด (มหาชน)
๓,๐๐๐
๒.๘๐
๒.
ธนาคารกรุงไทย
จำกัด (มหาชน)
๑๗,๕๐๐
๒.๘๕
รวมทั้งสิ้น
๒๐,๕๐๐
๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
๓. อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
(ครบกำหนดชำระวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕)
๔. การชำระคืนต้นเงินกู้
จะนำเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ มาทยอยชำระคืนภายในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
โดยจะชำระค่าดอกเบี้ยคงค้างของหนี้เงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนด
พร้อมกับการชำระหนี้เงินต้นก่อนกำหนดนั้นด้วย หากวันครบกำหนดชำระหนี้ตรงกับวันหยุดราชการ
หรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป
และจะคำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนชำระหนี้
๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง/หน้า ๓๙/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
677396 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ.
การบริหารหนี้สาธารณะฯ)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๔/๑
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
โดยการออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับตั๋วเงินคลัง สำหรับการจำหน่ายให้เป็นไปตามวงเงินและรายละเอียดในตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท. นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง
มาตรฐานเสนอซื้อขายและคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม
บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้และจัดการอื่น
ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้
ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๓ ให้บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้รับฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๔ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ตามข้อ
๑ มีราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท โดยมีดอกเบี้ยเป็นส่วนลด
และใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อครบกำหนดอายุนับแต่วันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
หากวันครบกำหนดอายุตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ทั้งนี้
ในกรณีที่มีการออกใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์จะต้องส่งคืนใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนวันครบกำหนดอายุไถ่ถอนอย่างน้อย
๑ วัน
และธนาคารแห่งประเทศไทยจะใช้เงินให้เมื่อได้รับใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว
ข้อ ๕ ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในเวลา ๙.๓๐ น.
ของวันที่จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่า
จะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใด ไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๔ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
กรณีระบบการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๖ กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูลโดยไม่มีเศษของหลักล้าน
หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
ข้อ ๗ ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องชำระราคาภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๘ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ได้ชำระราคาตามข้อ
๗ แล้ว
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ชำระราคาค่าตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลของผู้เสนอประมูลรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๑๐ ค่าธรรมเนียมจัดการตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้อัตราร้อยละ
๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่จำหน่ายได้
ข้อ ๑๑ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๒ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๓ กรณีที่มีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
มิให้ถือว่าตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ฉบับใดสมบูรณ์
เว้นแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้น
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๔ กระทรวงการคลังสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนการจำหน่าย
และจะไม่พิจารณาจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้เสนอประมูลรายใด
หรือทุกราย สำหรับจำนวนที่เสนอประมูลทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
ตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ.
การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
๒. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา
(Competitive Bid : CB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง/หน้า ๓๕/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
677394 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 4 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๔[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๖
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ จำนวน
๑๐,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ (LB326A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน
๓๕,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๔๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑)
จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐
น. ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ
และ MOF Outright PD ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับ
MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๔
เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย)
จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้ กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๔ (LB326A)
อายุคงเหลือ ๑๙.๖๐ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๗๗๕ ต่อปี
จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
๒๑
พ.ย. ๒๕๕๕
๑๐,๐๐๐
๒๓
พ.ย. ๒๕๕๕
๒๕
มิ.ย. ๒๕๕๕
๒๕
มิ.ย. ๒๕๗๕
หมายเหตุ :- เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๕)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๗๗๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่
๒๕ มิถุนายน และ ๒๕ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๒๕ ธันวาคม ๒๕๗๕ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง/หน้า ๒๙/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
677392 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๓[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๖
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ จำนวน
๒๕,๐๐๐ ล้านบาท (สองหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ (LB21DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๑๑๑,๑๑๐ ล้านบาท
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๖,๑๑๐ ล้านบาท
โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑)
จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖
ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา ๙.๓๐ น.
ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐
น. ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ
และ MOF Outright PD ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับ
MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๓
เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๓ (LB21DA)
อายุคงเหลือ ๙.๑๑ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี
จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท
๗
พ.ย. ๒๕๕๕
๑๒
ธ.ค. ๒๕๕๕
๑๒,๐๐๐
๑๓,๐๐๐
๙
พ.ย. ๒๕๕๕
๑๔
ธ.ค. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
ธ.ค. ๒๕๖๔
๑๗
ธ.ค. ๒๕๖๔
หมายเหตุ :- เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๖,๑๑๐ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๖๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่
๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท (สองหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง/หน้า ๒๔/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
677382 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๒[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๖
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ จำนวน
๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๔๑,๒๐๕ ล้านบาท
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๖,๒๐๕ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑)
จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคล เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐
น. ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ
และ MOF Outright PD ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e - Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖
ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท
และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับ
MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๒
เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๒ (LB616A)
อายุคงเหลือ ๔๘.๖๕ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี
จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
๓๑
ต.ค. ๒๕๕๕
๒๘
พ.ย. ๒๕๕๕
๘,๐๐๐
๗,๐๐๐
๒
พ.ย. ๒๕๕๕
๓
พ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๖๐๔
๑๗
มิ.ย. ๒๖๐๔
หมายเหตุ :- เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๖,๒๐๕ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๔.๘๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่
๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง/หน้า ๑๙/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
677380 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๖
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ จำนวน
๑๘,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นแปดพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (LB27DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๓,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓
กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑)
จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา ๙.๓๐ น.
ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ค้าหลักสำหรับธุรกรรมประเภทซื้อขายขาดของกระทรวงการคลัง
(MOF Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐
น. ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ
และ MOF Outright PD ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖
ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับ
MOF Outright PD ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดย MOF Outright PD ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗
เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ ๖ แล้ว
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘
ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย นายทะเบียน
และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐
ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑
ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓
ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔
กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์
เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕
กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ครั้งที่ ๑ (LB27DA)
อายุคงเหลือ ๑๕.๑๓ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๕๘ ต่อปี
จำนวน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท
๓๑
ต.ค. ๒๕๕๕
๑๒
ธ.ค. ๒๕๕๕
๙,๐๐๐
๙,๐๐๐
๒
พ.ย. ๒๕๕๕
๑๔
ธ.ค. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
ธ.ค. ๒๕๗๐
๑๗
ธ.ค. ๒๕๗๐
หมายเหตุ :- เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๓,๐๐๐ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕)
ข้อ ๑๖
พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๕๘ ต่อปี
คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด
(วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๗๐ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘
กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นแปดพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๔ ง/หน้า ๑๔/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
676878 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง แต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่นายทะเบียนของพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
แต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่นายทะเบียน
ของพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐
และตามบันทึกความตกลงว่าด้วยการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ฉบับลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๕
กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียนของพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ นั้น
เพื่อให้การดำเนินงานของนายทะเบียนในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสม
กระทรวงการคลังจึงแต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่นายทะเบียนของพันธบัตรดังกล่าว
โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้
๑. นางผุสดี หมู่พยัคฆ์
๒. นางภรวดี ตาปสนันทน์
๓. นางสาวอัญชลี รัตนรังสรรค์
๔. นางพรวิมล เหรียญมหาสาร
๕. นายอัครเดช ดาวเงิน
๖. นางแก้วกัลยา อุทัยธีระโกเมน
๗. นายพฤทธิพงศ์ ศรีมาจันทร์
๘. นายบุญชัย กาญจนพิมาย
๙. นายอนันต์ อิงวิยะ
๑๐. นายภูวดล เหล่าแก้ว
๑๑. นายสัญชัย สุวรรณวงศ์
๑๒. นายพิชิต ภัทรวิมลพร
๑๓. นายธเนศชัย อังวราวงศ์
๑๔. นางทัศนีย์ ตั้งพัฒนาศิริ
๑๕. นายชนัช เทียมมณีเนตร
๑๖. นายชุติมา ไชยบุตร
๑๗. นางสุภาวดี ปุณศรี
๑๘. นายสมศักดิ์ วงศ์ปัญญาถาวร
๑๙. นางศรีสกุล รังสิกุล
๒๐. นางประไพพรรณ เชื้อสุวรรณ
๒๑. นายรณรงค์ ไชยสมบัติ
ประกาศ
ณ วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง/หน้า ๕๑/๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
676874 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ อายุ ๖ ปี จำนวน ๓๑,๕๗๗,๒๔๐,๐๐๐ บาท
(สามหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยเจ็ดสิบเจ็ดล้านสองแสนสี่หมื่นบาทถ้วน)
ข้อ ๒ พันธบัตรนี้เป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร
(Scripless) ราคาหน่วยละหนึ่งพันบาท โดยมีรายละเอียดการจำหน่าย ดังนี้
๒.๑ กำหนดการจำหน่ายในวันที่ ๓ - ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕
ผ่านเคาน์เตอร์ของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารตัวแทนจำหน่ายโดยวงเงินซื้อขั้นต่ำ ๑,๐๐๐
บาท จำกัดวงเงินซื้อขั้นสูง ๒,๐๐๐,๐๐๐
บาทต่อ ๑ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายสำหรับการจำหน่ายระหว่างวันที่ ๓ - ๗ กันยายน ๒๕๕๕
และไม่จำกัดวงเงินซื้อขั้นสูงสำหรับการจำหน่ายในวันที่ ๑๐ - ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕
โดยซื้อเพิ่มเป็นจำนวนเท่าของ ๑,๐๐๐ บาท
๒.๒ ผู้มีสิทธิ์ซื้อประกอบด้วย
บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย สภากาชาดไทย มูลนิธิ
สมาคม สหกรณ์ วัด สถานศึกษาของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐ และนิติบุคคลอื่นใดที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไร
(ผู้ไม่มีสิทธิ์ซื้อ ประกอบด้วย ธนาคาร
บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกัน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคลที่บริหารโดยสถาบันการเงิน กองทุนรวม
คณะบุคคล บรรษัท สำนักงานประกันสังคม รัฐวิสาหกิจ บริษัท ห้างร้าน หน่วยงานธุรกิจ
นิติบุคคลที่แสวงหากำไร นิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรร
โรงพยาบาลเอกชน และสถานศึกษาเอกชน)
๒.๓ วันชำระเงินค่าพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษของกระทรวงการคลัง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และวันจดทะเบียนคือ วันที่ ๓ - ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕
โดยมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่เป็นบุคคลธรรมดา ๙,๕๐๑ ราย จำนวน ๑๙,๔๕๗,๔๒๕,๐๐๐ บาท มูลนิธิ ๑๓๐
ราย จำนวน ๓,๗๒๗,๑๑๕,๐๐๐ บาท สหกรณ์ ๒๓ ราย จำนวน ๑,๗๗๖,๗๐๐,๐๐๐ บาท และอื่น ๆ ๘๒ ราย จำนวน ๖,๖๑๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๙,๗๓๖ ราย จำนวนรวม ๓๑,๕๗๗,๒๔๐,๐๐๐ บาท
ข้อ ๓ ให้ธนาคารตัวแทนจำหน่าย ๔ แห่ง ประกอบด้วย
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด
(มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตร
และผู้รับฝากพันธบัตรจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตร (Custodian) รุ่นนี้ และจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้
ข้อ ๔ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียน
และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรุ่นนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรุ่นนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามพิธีปฏิบัติของบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย)
จำกัด
ข้อ ๖ กระทรวงการคลังโดยธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะออกสมุดพันธบัตรรัฐบาล
(Bond Book) ให้กับผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรเพื่อแสดงการรับฝากพันธบัตร
ซึ่งจะได้รับในวันที่ซื้อหรืออาจได้รับภายหลังไม่เกิน ๓๐ วันทำการ
โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์จะนำไปใช้อ้างอิงสำหรับการทำธุรกรรมได้ รายการที่ปรากฏอยู่ใน Bond Book เป็นรายการซื้อที่แสดงมูลค่าตามราคาตรา (Par Value) ในวันที่จดทะเบียนและในวันที่ทำรายการจะแสดงมูลค่าตามราคาตลาด
(Market Value) ของแต่ละธนาคารตัวแทนจำหน่ายโดยจะถือว่าถูกต้องเมื่อรายการดังกล่าวตรงกันกับรายการที่บันทึกไว้ที่ธนาคารตัวแทนจำหน่าย
ทั้งนี้ จะปรากฏเฉพาะรุ่นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร
(Scripless) ที่ซื้อผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์สามารถนำ
Bond Book ไปปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายเท่านั้นสำหรับการชำระคืนต้นเงินพันธบัตรเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนตามราคาตรา (Par Value)
ข้อ ๗ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรสามารถใช้พันธบัตรเป็นหลักประกันให้กับหน่วยงานราชการ
และองค์กรของรัฐ เช่น การประกันทางศาล หรือการประกันไฟฟ้า
และสามารถใช้พันธบัตรเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินหรือบุคคลอื่นได้ ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับระเบียบหลักเกณฑ์การรับหลักประกันของหน่วยงานหรือบุคคลนั้น ๆ
โดยจะต้องติดต่อธนาคารตัวแทนจำหน่ายที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อเพื่อขอถอนพันธบัตรจากระบบ
Scripless โดยมีค่าธรรมเนียมการถอนพันธบัตร ตามรายละเอียดข้อ ๑๔
ข้อ ๘ การโอนกรรมสิทธิ์สามารถกระทำได้ตั้งแต่วันที่
๓ มีนาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ยกเว้นการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นหลักประกัน
หรือโอนทางมรดก หรือการแบ่งทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการหย่า หรือล้มละลาย
หรือการชำระบัญชี ให้กระทำได้หลังจากปิดจำหน่ายแล้ว ๓๐ วันทำการ (ตั้งแต่วันที่ ๒๙
ตุลาคม ๒๕๕๕) ทั้งนี้
การโอนกรรมสิทธิ์จะกระทำในระหว่างระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินมิได้
การโอนกรรมสิทธิ์พันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) สามารถกระทำได้
โดยอาจเป็นการโอนให้กับลูกค้ารายใหม่หรือลูกค้าเดิมภายในกลุ่มผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ซื้อผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายเดียวกัน
และไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างธนาคารตัวแทนจำหน่ายได้โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์จะต้องนำ
Bond Book ไปติดต่อธนาคารตัวแทนจำหน่ายที่ได้ฝากพันธบัตรไว้
การโอนกรรมสิทธิ์พันธบัตรแบบมีใบตราสาร
ให้เป็นไปตามพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๙ พันธบัตรรุ่นนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๙๙
ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือในวันที่ ๓ มีนาคม และ ๓ กันยายน ของทุกปี
โดยจ่ายเป็นเงินงวดละเท่า ๆ กัน จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด ยกเว้นงวดแรกและงวดที่ ๒
จะคำนวณดอกเบี้ยโดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
ทั้งนี้
การคำนวณดอกเบี้ยหากมีเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะโอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝาก
(ยกเว้นบัญชีเงินฝากประจำ) ของผู้ถือกรรมสิทธิ์
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งรายชื่อและข้อมูลจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด (กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร) หรือตามรายชื่อทางทะเบียน
(กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร) ณ
วันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย
หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้
ข้อ ๑๐ ภาระภาษี
ผู้ถือพันธบัตรจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยตามอัตราที่ประกาศในประมวลรัษฎากร
ข้อ ๑๑ การขายพันธบัตรก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรสามารถขายพันธบัตรก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนได้ตั้งแต่วันที่
๓ มีนาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป โดยดำเนินการได้ดังนี้
พันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) สามารถขายพันธบัตรก่อนวันครบกำหนดได้ที่ธนาคารตัวแทนจำหน่ายที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ทำรายการซื้อ
ตามราคาที่ตกลงกัน (ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะมีการกำหนดราคารับซื้อพันธบัตร
รวมถึงสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยจะมีการกำหนดราคามาตรฐาน)
พันธบัตรแบบมีใบตราสาร
สามารถขายพันธบัตรก่อนวันครบกำหนดให้แก่สถาบันการเงินหรือบุคคลอื่นตามราคาที่ตกลงกัน
ทั้งนี้ การขายพันธบัตรจะกระทำในระหว่างระยะเวลา ๓๐ วัน
ก่อนวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินมิได้
ข้อ ๑๒ พันธบัตรรุ่นนี้ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่
๓ กันยายน ๒๕๖๑ หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้
กรณีพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระคืนต้นเงิน
โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก (ยกเว้นบัญชีเงินฝากประจำ)
ให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามรายชื่อและข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด
กรณีพันธบัตรแบบมีใบตราสาร การชำระคืนต้นเงินตามพันธบัตร
จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร
ทั้งนี้
เจ้าของบัญชีจะไม่ถูกหักค่าธรรมเนียมการโอนดอกเบี้ยและต้นเงินเข้าบัญชี
ข้อ ๑๓ กรณีที่มีการออกใบพันธบัตร
มิให้ถือว่าพันธบัตรฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่นายทะเบียนโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๔ กำหนดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จากการทำธุรกรรม
ภายหลังการซื้อพันธบัตรของผู้ถือกรรมสิทธิ์ ดังนี้
ลำดับ
ที่
ประเภทธุรกรรม
ผู้เรียกเก็บ
บริษัท
ศูนย์รับฝาก
หลักทรัพย์ฯ
(ต่อรายการไม่รวม
VAT)
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารตัวแทนจำหน่าย
(ต่อรายการ)
๑
กรณีไร้ใบตราสาร
การถอนพันธบัตรจาก
ระบบ Scripless
เพื่อขอออกใบพันธบัตร
๖๕
บาท
บุคคลธรรมดา
๒๐ บาท/ฉบับ
นิติบุคคล
๑๐๐ บาท/ฉบับ
๒๐๐
บาท
๒
การฝากพันธบัตร
เข้าระบบ Scripless
(ภายหลังการถอนแล้ว
ต้องการนำฝากใหม่)
๑๐
บาท
๑๐
บาท/รายการ
๒๐๐
บาท
๓
การขายพันธบัตร
ก่อนวันครบกำหนด
ไถ่ถอน
-
-
ไม่คิดค่าธรรมเนียม
๔
การโอนกรรมสิทธิ์
-
-
ไม่คิดค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างลูกค้าเดิมภายในกลุ่มผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ซื้อผ่านธนาคารเดียวกัน
ทั้งนี้
หากเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างลูกค้าเดิมให้กับลูกค้ารายใหม่
ธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียม
ในการโอนกรรมสิทธิ์จากลูกค้ารายใหม่ ๒๕๐ บาท
๕
การขอแก้ไขชื่อที่
จดทะเบียนกรรมสิทธิ์
ในพันธบัตร ที่อยู่
บัญชีรับดอกเบี้ย
และต้นเงิน
-
-
ไม่คิดค่าธรรมเนียม
๖
การขอออก
Bond Book ใหม่
กรณีสูญหาย
-
-
คิดค่าธรรมเนียมการออก Bond Book ใหม่ ตามอัตราที่แต่ละธนาคารประกาศกำหนด
ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่าง ๕๐ - ๑๐๐ บาท ต่อ เล่ม
๗
การขอหนังสือรับรอง
ยอดพันธบัตร
-
-
คิดค่าธรรมเนียมการจัดทำหนังสือรับรองยอดพันธบัตร
ตามอัตราที่แต่ละธนาคารประกาศกำหนดซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่าง ๕๐ - ๒๐๐ บาท ต่อ
ฉบับ
๘
การขออายัดพันธบัตร
-
-
ไม่คิดค่าธรรมเนียม
กรณีมีใบตราสาร
การทำธุรกรรมต่าง ๆ
ของพันธบัตรแบบมี
ใบตราสาร (เช่น
การโอน การจำนำ
การถอนจำนำ
การขอแยกหน่วย
พันธบัตร การขอ
หนังสือรับรองยอด
เป็นต้น)
-
บุคคลธรรมดา
๒๐ บาท/ฉบับ
นิติบุคคล
๑๐๐ บาท/ฉบับ
-
ข้อ ๑๕ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะชำระค่าธรรมเนียมการฝากพันธบัตรให้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด
เพื่อเป็นการนำฝากพันธบัตรออมทรัพย์ซึ่งเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) โดยคำนวณตามมูลค่าพันธบัตรคงเหลือล้านละ ๐.๒๕ บาทต่อเดือน
สำหรับราคาที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพันธบัตรคงเหลือให้ใช้ตามราคาตราของพันธบัตร
ข้อ ๑๖ กำหนดค่าธรรมเนียมในการเป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตร
และผู้รับฝากพันธบัตรจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตร (Custodian) ให้แก่ธนาคารตัวแทนจำหน่ายในอัตรา ๒๕๐ บาทต่อรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ
Custodian แล้ว) เรียกเก็บได้เฉพาะรายการซื้อที่เกิดขึ้นจริงทั้งการซื้อผ่านเคาน์เตอร์และเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ
(ATM) (และชำระเงินได้ถูกต้อง)
โดยไม่นับรวมรายการที่มาลงทะเบียนไว้ แต่ไม่มีการทำรายการซื้อ
ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะต้องแจ้งยอดค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายทั้งหมดมายังกระทรวงการคลังเมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาการจำหน่ายแล้วและธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะไม่สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใด
ๆ เพิ่มเติมในภายหลัง
ข้อ ๑๗ กำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังนี้
๑๗.๑ ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ
๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
๑๗.๒ ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง
ประกาศ
ณ วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง/หน้า ๔๕/๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
676867 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศผลการกู้เงินด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง
ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังได้ออกจำหน่ายตั๋วเงินคลังโดยวิธีการประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
ข้อ ๒ ผลการประมูลตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนกันยายน
พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงิน ๔๒,๑๓๕ ล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้
งวดที่
จำนวน
เงิน
(ล้านบาท)
วันที่ลง
ในตั๋วเงินคลัง
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวนเงินที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
๑/๕/๕๕
๔๒,๑๓๕
๒๘ กันยายน ๒๕๕๕
๓
ตุลาคม ๒๕๕๕
๕
๔๒,๑๑๗,๖๕๗,๙๓๑.๖๑
๑๗,๓๔๒,๐๖๘.๓๙
ข้อ ๓ ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลัง
ร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
ข้อ ๔ ในการกู้เงินโดยการออกตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลัง
เป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด
เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ซึ่ง ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ
- เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน ๑๒๕,๖๙๑ ล้านบาท
ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑
เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท
และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน
๔๕,๖๙๑ ล้านบาท อย่างไรก็ดี
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงวงเงินการออกตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ในเดือนตุลาคม
๒๕๕๔ - มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๗๘๒.๓๓๕ ล้านบาท เป็นพันธบัตรรัฐบาลในเดือนมกราคม ๒๕๕๕
จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท และเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินในเดือนกันยายน
๒๕๕๕ จำนวน ๑๗,๗๗๓.๖๖๕ ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นเดือนกันยายน
๒๕๕๕ มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาล
จำนวน ๑๐๒,๑๓๕ ล้านบาท
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง/หน้า ๔๒/๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
676865 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๕
ได้กำหนดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนกันยายน ๒๕๕๕ โดยการออกตั๋วเงินคลัง งวด
๑/๕/๕๕ อายุ ๕ วัน จำนวน ๕๙,๐๐๐ ล้านบาท นั้น
กระทรวงการคลังขอประกาศปรับลดวงเงินการจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน
พ.ศ. ๒๕๕๕ งวด ๑/๕/๕๕ อายุ ๕ วัน จำหน่ายวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๕ จากวงเงิน ๕๙,๐๐๐ ล้านบาท เป็นวงเงิน ๔๒,๑๓๕ ล้านบาท
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุวิชญ
โรจนวานิช
รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
รักษาราชการแทน
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง/หน้า ๔๑/๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
676863 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 3 โดยวิธีการตกลงราคา | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ โดยวิธีการตกลงราคา[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ โดยวิธีการตกลงราคา จำนวนรวม ๑๖,๘๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งหมื่นหกพันแปดร้อยหกสิบห้าล้านบาทถ้วน) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ลำดับที่
สถาบันการเงิน
วงเงินกู้
(ล้านบาท)
อัตราดอกเบี้ย
(ร้อยละต่อปี)
๑
ธนาคารกรุงไทย
จำกัด (มหาชน)
๘,๔๓๒.๕๐
๓.๒๐
๒
ธนาคารออมสิน
๘,๔๓๒.๕๐
๓.๒๐
รวมทั้งสิ้น
๑๖,๘๖๕
๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕
๓. กำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่ ๒๘ กันยายน
๒๕๕๕ โดยกระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนดอายุเงินกู้
ในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยไม่มีการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนด
๔. ชำระดอกเบี้ยในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยจะชำระพร้อมกับต้นเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน
การนับเวลาเพื่อคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย
และวันไถ่ถอนต้นเงินตรงกับวันหยุดราชการ
หรือวันหยุดทำการของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง/หน้า ๔๐/๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
676861 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
๑.
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ ให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๙๐๘,๖๖๕,๐๐๐ บาท
(เก้าร้อยแปดล้านหกแสนหกหมื่นห้าพันบาทถ้วน) อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๐๕ ต่อปี
๒. เบิกเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕
๓. กำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ภายใน ๙ เดือน นับแต่วันที่ ๒๘ กันยายน
๒๕๕๕ โดยกระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนดอายุเงินกู้
ในวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยไม่มีการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนด
๔. ชำระดอกเบี้ยในวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๖
โดยจะชำระพร้อมกับต้นเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน
การนับเวลาเพื่อคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย และวันไถ่ถอนต้นเงินตรงกับวันหยุดราชการ
หรือวันหยุดทำการของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๕. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง/หน้า ๓๙/๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ |
674854 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลัง
ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ แบ่งเป็น ๓ รุ่นอายุ คือ รุ่นอายุ ๑๘ ปี
รุ่นอายุ ๒๕ ปี และรุ่นอายุ ๓๕ ปี ให้กับบริษัทประกันชีวิต และสำนักงานประกันสังคม
เป็นจำนวนเงินรวม ๓๒,๐๐๐ บาท (สามหมื่นสองพันล้านบาทถ้วน)
๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้จะออกให้กับบริษัทประกันชีวิต
และสำนักงานประกันสังคม ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๕
๓. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกตามในข้อ ๒
มีกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ ดังนี้
๓.๑ รุ่นอายุ ๑๘ ปี ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๗๓
๓.๒ รุ่นอายุ ๒๕ ปี ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๘๐
๓.๓ รุ่นอายุ ๓๕ ปี ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๙๐
กระทรวงการคลังจะชำระเงินคืนให้ทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนดอายุเงินกู้
โดยไม่มีการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนด
๔. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยคงที่
โดยดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๕ แบ่งเป็น ๓
รุ่นอายุ ดังนี้
๔.๑ รุ่นอายุ ๑๘ ปี อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๓.๘๓๔ ต่อปี
๔.๒ รุ่นอายุ ๒๕ ปี อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๓.๙๕๕ ต่อปี
๔.๓ รุ่นอายุ ๓๕ ปี อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๔.๒๗๑ ต่อปี
๕. ตลอดระยะเวลาที่ตั๋วสัญญาใช้เงินยังไม่ถึงกำหนดชำระ
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยแก่ผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงิน
หรือตามคำร้องขอของผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนั้น
การนับเวลาเพื่อคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง การชำระดอกเบี้ยให้เป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้
๕.๑ ชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖
๕.๒ แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ ในวันที่ ๒๖ มีนาคม และวันที่ ๒๖
กันยายนของทุกปี
๕.๓
ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน
๕.๔ หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยดังที่ระบุในข้อ ๕.๑ ถึง ๕.๓
และวันไถ่ถอนต้นเงินตรงกับวันหยุดราชการ หรือวันหยุดทำการของธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป
โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้
๖. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด
ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๕๒ ง/หน้า ๑๔/๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ |
674612 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 6
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ (LB326A) วงเงิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่
๑ (LB326A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๓๕,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๑๙.๙๘ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๗๕
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๗๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน และ ๒๕ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
สำนักงานประกันสังคม บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตร ได้แก่
บริษัทประกันชีวิต
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ ตามลำดับ
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินตามราคา
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๔
ก.ค. ๒๕๕๕
๖,๐๐๐.๐๐
๓.๙๑๕๔
๕,๘๙๐,๕๒๘,๐๖๕.๐๐
(๑๑๖,๒๙๗,๙๕๕.๐๐)
๖,๘๒๖,๐๒๐.๐๐
๑๙ ก.ย. ๒๕๕๕
๖,๐๐๐.๐๐
๔.๐๖๑๑
๕,๘๒๒,๓๓๒,๕๘๙.๙๐
(๒๓๒,๒๗๕,๖๓๐.๑๐)
๕๔,๖๐๘,๒๒๐.๐๐
รวม
๑๒,๐๐๐.๐๐
๓.๙๘๘๓
๑๑,๗๑๒,๘๖๐,๖๕๔.๙๐
(๓๔๘,๕๗๓,๕๘๕.๑๐)
๖๑,๔๓๔,๒๔๐.๐๐
หมายเหตุ: วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓ ตุลาคม ๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง/หน้า ๔๕/๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ |
674610 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล
ประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (ILB217A) วงเงิน ๑๓,๖๙๒ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔ (ILB217A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๙๐,๘๗๒ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๘.๙๔ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการ หรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๐ ต่อปี
และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน
โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้
(๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕
(๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio
หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน
ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน
การชำระดอกเบี้ยชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๔ มกราคม และ ๑๔ กรกฎาคม
ของทุกปีสำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินตามราคา
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑
ส.ค. ๒๕๕๕
๑๓,๖๙๒.๐๐
๑.๑๗๓๑
๑๔,๑๑๑,๓๓๖,๕๒๐.๐๐
๔๐๘,๖๙๗,๘๓๙.๑๕
๑๐,๖๓๘,๖๘๐.๘๕
หมายเหตุ: วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ
วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓ ตุลาคม ๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง/หน้า ๔๓/๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ |
673862 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 17
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗ วงเงิน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ (LB176A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๘๐,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔.๙๑ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๐
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน และ ๑๖ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑๘
กรกฎาคม ๒๕๕๕
๑๘,๐๐๐
๓.๑๗๗๒
๑๘,๑๑๒,๔๘๕,๕๐๔
๕๗,๙๙๒,๓๐๔
๕๔,๔๙๓,๒๐๐
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กันยายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๖ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง/หน้า ๓๗/๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ |
673860 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 16
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ (LB21DA) อายุ ๑๑.๐๘ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๑,๑๑๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๓๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไปโดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑๕
สิงหาคม ๒๕๕๕
๑๕,๐๐๐
๓.๒๖๓๒
๑๕,๕๕๓,๘๔๓,๔๒๖.๒๐
๔๖๒,๓๔๓,๔๒๖.๒๐
๙๑,๕๐๐,๐๐๐
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กันยายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๖ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง/หน้า ๓๕/๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ |
673858 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 15
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕ วงเงิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (LB27DA) อายุ ๑๕.๘๐ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๕.๓๖ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน
ในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๗๐ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๕๘ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคมและบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒
ดำเนินการเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุดจนถึง
วันที่จำหน่าย
(บาท)
๘
สิงหาคม ๒๕๕๕
๘,๐๐๐
๓.๔๐๓๑
๘,๒๐๙,๙๐๔,๐๑๙.๔๐
๑๖๗,๕๓๒,๔๙๙.๔๐
๔๒,๓๗๑,๕๒๐
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กันยายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๖ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง/หน้า ๓๓/๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ |
673856 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 14
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔ วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ (LB155A) อายุ ๕.๖๐ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๕๒,๕๗๒ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒.๗๘ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไปโดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม และ ๒๒ พฤศจิกายน ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๘
สิงหาคม ๒๕๕๕
๒๐,๐๐๐
๓.๐๓๕๕
๒๐,๔๖๗,๘๖๒,๘๙๐
๓๐๘,๙๕๘,๖๙๐
๑๕๘,๙๐๔,๒๐๐
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กันยายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๖ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง/หน้า ๓๑/๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ |
673854 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 13
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓ วงเงิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ (LB416A) อายุ ๓๐.๖๕ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๓,๔๓๖ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๘.๘๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน
ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๘๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน และ ๑๔ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ยงวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑
สิงหาคม ๒๕๕๕
๖,๐๐๐
๓.๙๘๓๒
๕,๘๔๕,๐๗๐,๙๒๕.๙๓
-๑๘๘,๐๓๕,๙๓๔.๐๗
๓๓,๑๐๖,๘๖๐
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กันยายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๖ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง/หน้า ๒๙/๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ |
673852 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 12
| ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒ วงเงิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) อายุ ๕๐.๓๒ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๔๑,๒๐๕ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๘.๙๖ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่
บริษัทประกันชีวิต
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท
และวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
๗,๐๐๐
๔.๒๑๐๖
๗,๙๔๘,๓๐๗,๓๙๑.๙๕
๙๒๔,๑๒๓,๘๖๑.๙๕
๒๔,๑๘๓,๕๓๐
๒๒
สิงหาคม ๒๕๕๕
๖,๐๐๐
๔.๑๙๕๐
๖,๘๖๖,๘๓๖,๓๘๐
๘๑๒,๖๒๒,๖๖๐
๕๔,๒๑๓,๗๒๐
รวม
๑๓,๐๐๐
๔.๒๐๓๔
๑๔,๘๑๕,๑๔๓,๗๗๑.๙๕
๑,๗๓๖,๗๔๖,๕๒๑.๙๕
๗๘,๓๙๗,๒๕๐
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กันยายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๖ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๐ ง/หน้า ๒๗/๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ |
673530 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 3) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 2 กันยายน 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา
๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๓ วงเงิน คือ ๓,๕๐๐ ล้านบาท ๓,๕๐๐ ล้านบาท และ ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๗ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๒ ต่อปี ร้อยละ ๑.๔๓ ต่อปี และร้อยละ ๑.๔๔ ต่อปี ตามลำดับ
ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสอง กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในวันที่ ๒ มีนาคม และวันที่ ๒ กันยายน ของทุกปี
โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน
ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่งบวกร้อยละ ๐.๗๒ ต่อปี ร้อยละ ๐.๗๓ ต่อปี และร้อยละ ๐.๗๔ ต่อปี
ตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕
ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน เป็นร้อยละ ๓.๑๒๓ ต่อปี ร้อยละ ๓.๑๓๓
ต่อปี และร้อยละ ๓.๑๔๓ ต่อปี ตามลำดับ
เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว
จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๑๒๓ ต่อปี ร้อยละ
๓.๑๓๓ ต่อปี และร้อยละ ๓.๑๔๓ ต่อปี เป็นร้อยละ ๓.๑๐๑ ต่อปี ร้อยละ ๓.๑๑๑ ต่อปี
และร้อยละ ๓.๑๒๑ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ กันยายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๕ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๙ ง/หน้า ๓๕/๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ |
673526 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนกันยายน
พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
และกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย
การโอนและการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วเงินคลังตามวงเงินและรายละเอียดในตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง
ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท. นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง) โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลังตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วเงินคลังโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินตั๋วเงินคลังและจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้
ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๓ ให้บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้รับฝากตั๋วเงินคลังประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๔ ตั๋วเงินคลังตามข้อ ๑
มีราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท โดยมีดอกเบี้ยเป็นส่วนลด
และใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อครบกำหนดอายุนับแต่วันที่ลงในตั๋วเงินคลังหากวันครบกำหนดอายุตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการออกใบตั๋วเงินคลัง
ผู้ถือกรรมสิทธิ์จะต้องส่งคืนใบตั๋วเงินคลัง
ถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนวันครบกำหนดอายุไถ่ถอนอย่างน้อย ๑ วัน
และธนาคารแห่งประเทศไทยจะใช้เงินให้เมื่อได้รับใบตั๋วเงินคลังแล้ว
ข้อ ๕ ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วเงินคลังโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายตั๋วเงินคลังโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่า
จะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใด ไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๔ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูล
ต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
กรณีระบบการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วเงินคลังจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๖ กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วเงินคลังให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายตั๋วเงินคลัง
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วเงินคลังให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้านหากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
ข้อ ๗ ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังจะต้องชำระราคาภายในเวลา
๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายตั๋วเงินคลัง
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๘ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังได้ชำระราคาตามข้อ
๗ แล้ว
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากตั๋วเงินคลังเข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังที่บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังไม่ชำระราคาค่าตั๋วเงินคลังภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลของผู้เสนอประมูลรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๑๐ ค่าธรรมเนียมจัดการตั๋วเงินคลังอัตราร้อยละ
๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
ข้อ ๑๑ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำตั๋วเงินคลังให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๒
ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากตั๋วเงินคลัง
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๓ กรณีที่มีการออกตั๋วเงินคลัง
มิให้ถือว่าตั๋วเงินคลังฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้น
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินคลังฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๔ กระทรวงการคลังสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนการจำหน่าย
และจะไม่พิจารณาจัดสรรตั๋วเงินคลังให้แก่ผู้เสนอประมูลรายใด หรือทุกราย
สำหรับจำนวนที่เสนอประมูลทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
จักรกฤศฏิ์
พาราพันธกุล
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. ตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
๒. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล
(โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid
: CB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ กันยายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๕ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๙ ง/หน้า ๓๑/๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ |
673402 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ อายุคงเหลือ ๒.๓๙ ปี
จำนวน ๑,๙๕๖,๐๔๒,๐๐๐
บาท (หนึ่งพันเก้าร้อยห้าสิบหกล้านสี่หมื่นสองพันบาทถ้วน) โดยเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ อายุ ๓ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น ๓,๑๙๗,๐๗๒,๐๐๐ บาท
(สามพันหนึ่งร้อยเก้าสิบเจ็ดล้านเจ็ดหมื่นสองพันบาทถ้วน)
ข้อ ๒ พันธบัตรนี้เป็นพันธบัตรชนิดออกในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตร
และจดทะเบียนตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท โดยวงเงินซื้อขั้นต่ำ ๑,๐๐๐ บาท และจำกัด วงเงินซื้อขั้นสูง ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซื้อเพิ่มเป็นจำนวนเท่าของ ๑,๐๐๐ บาท
โดยมีรายละเอียดการจำหน่าย ดังนี้
๒.๑ ผู้มีสิทธิ์ซื้อประกอบด้วย
บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย สภากาชาดไทย มูลนิธิ
สมาคม สหกรณ์ วัด สถานศึกษาของรัฐ
โรงพยาบาลของรัฐและนิติบุคคลอื่นใดที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไร (ผู้ไม่มีสิทธิ์ซื้อ ประกอบด้วย ธนาคาร
บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
บริษัทประกัน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคลที่บริหารโดยสถาบันการเงิน
กองทุนรวม คณะบุคคล บรรษัท สำนักงานประกันสังคม รัฐวิสาหกิจ บริษัท ห้างร้าน
หน่วยงานธุรกิจ นิติบุคคลที่แสวงหากำไร นิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรร
โรงพยาบาลเอกชน และสถานศึกษาเอกชน)
๒.๒ วันชำระเงินค่าพันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ และวันจดทะเบียนคือ วันที่ ๒๓ เมษายน - ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕
โดยมีผู้ซื้อที่เป็น บุคคลธรรมดา ๑,๖๒๘ ราย จำนวน ๑,๘๘๘,๒๙๗,๐๐๐ บาท มูลนิธิ ๑๔
ราย จำนวน ๓๑,๙๔๕,๐๐๐ บาท สหกรณ์ ๖ ราย
จำนวน ๒๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท และนิติบุคคลอื่น
ๆ ๓ ราย จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น
๑,๖๕๑ ราย จำนวนรวม ๑,๙๕๖,๐๔๒,๐๐๐ บาท
ข้อ ๓ ให้ธนาคารกรุงไทย
จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้
ข้อ ๔ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียน
และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรุ่นนี้และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกใบตราสารให้ผู้ถือกรรมสิทธิ์
ทั้งนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรสามารถฝากพันธบัตรไว้ที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
แต่จะกระทำในระหว่างระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินมิได้
หากประสงค์จะดำเนินการเรื่องต่าง ๆ
ให้เป็นไปตามพิธีปฏิบัติของบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
ข้อ ๖ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรสามารถใช้พันธบัตรเป็นหลักประกันให้กับหน่วยงานราชการและองค์กรของรัฐ
เช่น การประกันทางศาล หรือการประกันไฟฟ้า
และสามารถใช้พันธบัตรเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินหรือบุคคลอื่นได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระเบียบหลักเกณฑ์การรับหลักประกันของหน่วยงานหรือบุคคลนั้น
ๆ
ข้อ ๗ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ต้องการโอนกรรมสิทธิ์พันธบัตรรุ่นนี้ก่อนกำหนดสามารถกระทำได้โดยไม่จำกัดประเภทบุคคล
ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ยกเว้นการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นหลักประกัน หรือโอนทางมรดก
หรือการแบ่งทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการหย่า หรือล้มละลายหรือการชำระบัญชี
ให้กระทำได้หลังจากได้รับใบพันธบัตรแล้ว แต่จะกระทำในระหว่างระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินมิได้
การโอนกรรมสิทธิ์ให้ปฏิบัติตามพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๘ พันธบัตรรุ่นนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๗๕ ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายน
ของทุกปี โดยจ่ายเป็นจำนวนเงินงวดละเท่า ๆ กัน จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด
ยกเว้นงวดแรก และงวดที่ ๒ จะคำนวณดอกเบี้ยโดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้
การคำนวณดอกเบี้ยหากมีเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะโอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝาก
(ยกเว้นบัญชีเงินฝากประจำ) ของผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ฝากไว้ที่ธนาคารใดก็ได้
(ธนาคารในประเทศไทยเท่านั้น) ตามที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์แจ้งไว้ในคำเสนอขอซื้อพันธบัตร
หรือตามที่มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงต่อธนาคารแห่งประเทศไทยในภายหลัง
หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด
กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย)
จำกัด โดยในการโอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีหากเป็นบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย จำกัด
(มหาชน) เจ้าของบัญชีจะไม่ถูกหักค่าธรรมเนียมการโอนเงิน
หากเป็นบัญชีเงินฝากของธนาคารอื่น
ธนาคารเจ้าของบัญชีเงินฝากอาจหักค่าธรรมเนียมการโอนเงินตามอัตราที่แต่ละธนาคารประกาศหรือกำหนด
การจ่ายดอกเบี้ยของพันธบัตรในแต่ละงวด
จะจ่ายให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยถือตามรายชื่อทางทะเบียน ณ
วันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน
ก่อนวันถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย
หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
โดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้
ข้อ ๙ พันธบัตรรุ่นนี้ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่
๑๒ กันยายน ๒๕๕๗
หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้
ข้อ ๑๐ การชำระต้นเงินตามพันธบัตร
จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร
หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด
กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย)
จำกัด
ข้อ ๑๑ กรณีที่มีการออกใบพันธบัตร
มิให้ถือว่าพันธบัตรฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่นายทะเบียนโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๒ กำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้แก่
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ดังนี้
๑๒.๑ ค่าธรรมเนียมในการจัดจำหน่ายพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๐๐
ของมูลค่าพันธบัตรที่จำหน่ายได้ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
๑๒.๒ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ที่นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมในการจัดจำหน่ายพันธบัตรตามที่จ่ายจริง
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ข้อ ๑๓ กำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังนี้
๑๓.๑
ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ
๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
๑๓.๒ ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๒ กันยายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๒ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๔๖/๗ กันยายน ๒๕๕๕ |
673400 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู ฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 8 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ และโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กระทรวงการคลัง จะดำเนินการกู้เงินเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้
เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ.
๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
และวิธีการเสนอซื้อ (โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ ธปท.นว.(ว) ๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขายและคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘ จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นสองพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
ครั้งที่ ๑ (LB236A) ซึ่งมียอดคงค้าง
จำนวน ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น ๔๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๘
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ
ดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๘ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ ดังนี้
(๑) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๘ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้านหากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่
๘ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๘ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเว้นให้
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๘ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับ
โครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือ
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๘ (LB236A)
อายุคงเหลือ ๑๐.๗๒ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี
จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท
๒๖ ก.ย. ๒๕๕๕
๑๒,๐๐๐
๒๘
ก.ย. ๒๕๕๕
๑๖
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๖
มิ.ย. ๒๕๖๖
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
ครั้งที่ ๑ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น ๔๔,๐๐๐
ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๖๒๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด
(วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๖ มิถุนายน และ ๑๖ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นสองพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนดกระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๒ กันยายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๒ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๓๙/๗ กันยายน ๒๕๕๕ |
673394 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู ฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 7 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ และโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้
เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ.
๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
และวิธีการเสนอซื้อ (โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ ธปท.นว.(ว) ๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขายและคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่
๑ (LB193A) ซึ่งมียอดคงค้าง จำนวน ๕๔,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น ๖๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๗
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ
ดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๗ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ ดังนี้
(๑) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๗ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้านหากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับ
โครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวัน งานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๗ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเว้นให้
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์
เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๗ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับ
โครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือ
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๗ (LB193A)
อายุคงเหลือ ๖.๔๖ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๔๕ ต่อปี
จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
๑๙ ก.ย. ๒๕๕๕
๑๕,๐๐๐
๒๑
ก.ย. ๒๕๕๕
๘
ก.ย. ๒๕๕๕
๘
มี.ค. ๒๕๖๒
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุน เพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น ๖๙,๐๐๐
ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๔๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด
(วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด
คือ วันที่ ๘ มีนาคม และ ๘ กันยายน ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๘ มีนาคม ๒๕๖๒ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำ หน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๒ กันยายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๒ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๓๓/๗ กันยายน ๒๕๕๕ |
673392 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู ฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 6 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ และโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้
เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ.
๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
และวิธีการเสนอซื้อ (โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ ธปท.นว.(ว) ๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขายและคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ (LB176A) ซึ่งมียอดคงค้าง
จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น
๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ
ดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ ที่มีบัญชีเงินฝาก
ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษาสาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ ดังนี้
(๑) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น.
ของวันเดียวกันโดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐
ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้านหากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ
กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเว้นให้
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับ
โครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือ
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ (LB176A)
อายุคงเหลือ ๔.๗๖ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๒๕
ต่อปีจำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
๑๒ ก.ย. ๒๕๕๕
๒๐,๐๐๐
๑๔
ก.ย. ๒๕๕๕
๑๖
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๖
มิ.ย. ๒๕๖๐
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น ๑๐๐,๐๐๐
ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๒๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๖ มิถุนายน และ ๑๖ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์
ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓) ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนดกระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๒ กันยายน
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๒ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๒๗/๗ กันยายน ๒๕๕๕ |
673073 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๕ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๕ (LB193A) วงเงิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ (LB193A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๕๔,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๖.๖๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๘ มีนาคม ๒๕๖๒ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๘ มีนาคม และ ๘ กันยายนของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
ณ วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
บริษัทประกันชีวิต และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ ๒ ดำเนินการในวันที่ ๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินตามราคา
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ยงวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๔ ก.ค. ๒๕๕๕
๑๒,๐๐๐.๐๐
๓.๔๒๑๓
๑๒,๑๕๔,๔๑๘,๒๙๖.๒๐
๑๘,๓๐๘,๖๕๖.๒๐
๑๓๖,๑๐๙,๖๔๐.๐๐
หมายเหตุ: วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๔ กันยายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๓ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๔ ง/หน้า ๑๘/๑ กันยายน ๒๕๕๕ |
673069 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 2) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 18 สิงหาคม 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๕[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา
๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๒ วงเงิน วงเงินละ ๓,๐๐๐
ล้านบาท อายุ ๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๙ ต่อปี และ ๑.๕๐ ต่อปี ตามลำดับ
ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสอง กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ ๑๘
กุมภาพันธ์ และวันที่ ๑๘ สิงหาคม ของทุกปี โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๙ ต่อปี และ ๐.๘๐ ต่อปี ตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๑๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๓.๑๙๖ ต่อปี
และร้อยละ ๓.๒๐๖ ต่อปี ตามลำดับ
เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว
จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารออมสินจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๑๙๖ ต่อปี
และร้อยละ ๓.๒๐๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๓.๑๗๑ ต่อปี และร้อยละ ๓.๑๘๑ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๕
เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
จักรกฤศฏิ์
พาราพันธกุล
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๔ กันยายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๓ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๔ ง/หน้า ๑๗/๑ กันยายน ๒๕๕๕ |
673065 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 2) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) วันที่ 18 สิงหาคม 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๕[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา
๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน
๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๖ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๙ ต่อปี ซึ่งตามข้อ ๔
วรรคสอง กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์
และวันที่ ๑๘ สิงหาคม ของทุกปี โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๙ ต่อปี และเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นร้อยละ ๓.๑๙๖ ต่อปี
เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว
จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๒) ให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๑๙๖
ต่อปี เป็นร้อยละ ๓.๑๗๑ ต่อปี ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
จักรกฤศฏิ์
พาราพันธกุล
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๔ กันยายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๓ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๔ ง/หน้า ๑๖/๑ กันยายน ๒๕๕๕ |
673043 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ และโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับตั๋วเงินคลัง
สำหรับการจำหน่ายให้เป็นไปตามวงเงินและรายละเอียดในตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง
มาตรฐานเสนอซื้อขายและคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง) โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง
ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน
และตัวแทนการจ่ายเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๓ ให้บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้รับฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๔
ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ตามข้อ ๑
มีราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท โดยมีดอกเบี้ยเป็นส่วนลด
และใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อครบกำหนดอายุนับแต่วันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
หากวันครบกำหนดอายุตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการออกใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์จะต้องส่งคืนใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนวันครบกำหนดอายุไถ่ถอนอย่างน้อย
๑ วัน
และธนาคารแห่งประเทศไทยจะใช้เงินให้เมื่อได้รับใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว
ข้อ ๕
ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในเวลา
๙.๓๐ น.
ของวันที่จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูล และต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใด
ไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๔ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
กรณีระบบการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๖
กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูลโดยไม่มีเศษของหลักล้าน
หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
ข้อ ๗
ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องชำระราคาภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๘
เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ได้ชำระราคาตามข้อ
๗ แล้ว
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๙
ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ชำระราคาค่าตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลของผู้เสนอประมูลรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๑๐
ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเว้นให้
ข้อ ๑๑
การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๒
ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๓
กรณีที่มีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ มิให้ถือว่าตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ฉบับใดสมบูรณ์
เว้นแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้น
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๔ กระทรวงการคลังสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนการจำหน่าย
และจะไม่พิจารณาจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้เสนอประมูลรายใด
หรือทุกราย สำหรับจำนวนที่เสนอประมูลทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. ตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๓
๒. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๓. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๔ กันยายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๓ กันยายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๓๔ ง/หน้า ๑๑/๑ กันยายน ๒๕๕๕ |
672149 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 1) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 4 สิงหาคม 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้[๑]
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๑) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ ๔
สิงหาคม ๒๕๕๕ ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา
๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๑) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๒ วงเงิน วงเงินละ ๓,๐๐๐
ล้านบาท อายุ ๕ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๓ ต่อปี และ ๑.๕๔ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินก่อนกำหนดจากธนาคารออมสิน ในวันที่
๒๙ กันยายน ๒๕๕๔ จำนวน ๑,๓๐๐ ล้านบาท
ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินก่อนกำหนดจากธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔
ทำให้มีต้นเงินกู้คงเหลือจากการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ดังกล่าว
จำนวน ๔,๗๐๐ ล้านบาท ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสอง กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่
๔ กุมภาพันธ์ และวันที่ ๔ สิงหาคม ของทุกปี
โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน
ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๘๓ ต่อปี และ ๐.๘๔ ต่อปี ตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๔
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๑) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๓.๒๓๖ ต่อปี
และร้อยละ ๓.๒๔๖ ต่อปี ตามลำดับ
เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว
จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๑) ให้กับธนาคารออมสินจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๒๓๖ ต่อปี และร้อยละ
๓.๒๔๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๓.๒๑๑ ต่อปี และร้อยละ ๓.๒๒๑ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๕
เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุวิชญ
โรจนวานิช
รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
รักษาราชการแทน
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ สิงหาคม
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒๑ สิงหาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง/หน้า ๖/๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ |
671397 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู ฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 2 (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1) | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ๑)[๑]
ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕
ได้กำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒
โดยจำหน่ายทั้งสิ้น ๔ งวด ๆ ละ ๙,๕๐๐ ล้านบาท วงเงินรวม ๓๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(สามหมื่นแปดพันล้านบาทถ้วน) นั้น
กระทรวงการคลังจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ปรับจำนวนเงินการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ (แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ๑) มีรายละเอียด ดังนี้
งวดที่
จำนวนเงิน
ที่ประกาศเดิม
(ล้านบาท)
จำนวนเงิน
ที่ประกาศใหม่
(ล้านบาท)
วันที่จำหน่าย
วันที่ลงในตั๋วฯ
- วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
F5/182/55
๙,๕๐๐
๙,๕๐๐
๒ กรกฎาคม
๒๕๕๕
๐๔/๐๗/๕๕ -
๐๒/๐๑/๕๖
๑๘๒
F6/182/55
๙,๕๐๐
๕,๒๕๕
๙ กรกฎาคม
๒๕๕๕
๑๑/๐๗/๕๕ -
๐๙/๐๑/๕๖
๑๘๒
F7/90/55
๙,๕๐๐
๑๑,๖๐๐
๑๖ กรกฎาคม
๒๕๕๕
๑๘/๐๗/๕๕ -
๑๖/๑๐/๕๕
๙๐
F8/91/55
๙,๕๐๐
๑๑,๖๔๕
๒๓ กรกฎาคม
๒๕๕๕
๒๕/๐๗/๕๕ -
๒๔/๑๐/๕๕
๙๑
รวม
๓๘,๐๐๐
๓๘,๐๐๐
สำหรับเงื่อนไขอื่น ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง/หน้า ๑๙/๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
671395 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 17 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลังตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗
จำนวน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นแปดพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ (LB176A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน
๖๒,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๘๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ
ดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคล เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ ดังนี้
(๑) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้านหากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อกรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๗
เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล ในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๗
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๗ (LB176A)
อายุคงเหลือ ๔.๙๑ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี
จำนวน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท
๑๘
ก.ค. ๒๕๕๕
๑๘,๐๐๐
๒๐
ก.ค. ๒๕๕๕
๑๖
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๖
มิ.ย. ๒๕๖๐
หมายเหตุ :- เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๒๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๕)
ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่
๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด
คือ วันที่ ๑๖ มิถุนายน และ ๑๖ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นแปดพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนดกระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง/หน้า ๑๓/๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
671393 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 10 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐ วงเงิน ๑๙,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖ (LB15DA) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๒,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๓.๖๑ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๑๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๑ มิถุนายน และ ๑๑ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๙,๐๐๐ ล้านบาท
และวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ยงวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒
พฤษภาคม ๒๕๕๕
๙,๐๐๐
๓.๔๙๘๐
๘,๙๙๘,๓๙๑,๔๓๐
-๑๑๓,๓๓๗,๙๙๐
๑๑๑,๗๒๙,๔๒๐
๒๐
มิถุนายน ๒๕๕๕
๑๐,๐๐๐
๓.๑๙๖๕
๙,๙๘๕,๖๐๓,๔๗๕.๖๐
-๒๓,๘๑๔,๓๒๔.๔๐
๙,๔๑๗,๘๐๐
รวม
๑๙,๐๐๐
๓.๓๓๙๓
๑๘,๙๘๓,๙๙๔,๙๐๕.๖๐
-๑๓๗,๑๕๒,๓๑๔.๔๐
๑๒๑,๑๔๗,๒๒๐
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง/หน้า ๑๑/๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
671391 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 9 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙ วงเงิน ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (LB27DA) อายุ ๑๕.๘๐ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๑๕.๖๕ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๗๐ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๕๘ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๕ จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท
และวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำนวน ๙,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๕
เมษายน ๒๕๕๕
๘,๐๐๐
๔.๐๗๐๑
๗,๕๙๓,๖๒๒,๔๐๐.๗๕
-๔๕๐,๓๑๘,๓๙๙.๒๕
๔๓,๙๔๐,๘๐๐
๒๐
มิถุนายน ๒๕๕๕
๙,๐๐๐
๓.๘๕๒๓
๘,๗๒๐,๐๔๙,๒๔๕.๐๕
-๒๘๔,๓๖๔,๔๔๔.๙๕
๔,๔๑๓,๖๙๐
รวม
๑๗,๐๐๐
๓.๙๕๔๘
๑๖,๓๑๓,๖๗๑,๖๔๕.๘๐
-๗๓๔,๖๘๒,๘๔๔.๒๐
๔๘,๓๕๔,๔๙๐
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง/หน้า ๙/๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
671389 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 8 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘ วงเงิน ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ (LB21DA) อายุ ๑๑.๐๘ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๖,๑๑๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๖๗ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๕ จำนวน ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท
และวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑๑
เมษายน ๒๕๕๕
๑๗,๐๐๐
๓.๘๑๔๓
๑๖,๙๘๑,๗๗๕,๘๓๖.๗๐
-๒๒๕,๖๒๔,๑๖๓.๓๐
๒๐๗,๔๐๐,๐๐๐
๖
มิถุนายน ๒๕๕๕
๑๕,๐๐๐
๓.๖๒๘๙
๑๕,๐๑๑,๙๖๑,๓๕๑.๓๐
๒๕,๔๖๑,๓๕๑.๓๐
-๑๓,๕๐๐,๐๐๐
รวม
๓๒,๐๐๐
๓.๗๒๗๔
๓๑,๙๙๓,๗๓๗,๑๘๘
-๒๐๐,๑๖๒,๘๑๒
๑๙๓,๙๐๐,๐๐๐
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง/หน้า ๗/๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
671387 | ระกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 7 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ วงเงิน ๑๒,๙๓๖ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ (LB416A) อายุ ๓๐.๖๕ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๔๗,๔๓๖ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๒๐ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๘๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน และ ๑๔ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๕ จำนวน ๔,๔๓๖ ล้านบาท และวันที่
๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำนวน ๘,๕๐๐ ล้านบาท
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ยงวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๔
เมษายน ๒๕๕๕
๔,๔๓๖
๔.๓๘๙๘
๔,๐๖๑,๙๘๑,๙๘๕.๗๘
-๔๒๘,๕๑๓,๙๖๓.๗๐
๕๔,๔๙๕,๙๔๙.๔๘
๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
๘,๕๐๐
๔.๑๕๕๖
๘,๐๐๖,๕๑๗,๒๕๘.๕๐
-๕๐๖,๗๕๖,๖๘๑.๕๐
๑๓,๒๗๓,๙๔๐
รวม
๑๒,๙๓๖
๔.๒๓๕๙
๑๒,๐๖๘,๔๙๙,๒๔๔.๒๘
-๙๓๕,๒๗๐,๖๔๕.๒๐
๖๗,๗๖๙,๘๘๙.๔๘
หมายเหตุ :- วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล
คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง/หน้า ๕/๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670775 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 16 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖
จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔
(LB21DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๙๖,๑๑๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๑,๑๑๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคล เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๖ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๖
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณดอกเบี้ย
วันครบกำหนดไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล ในปี
งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๖ (LB21DA)
อายุคงเหลือ ๙.๓๔ ปีอัตรา
ดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี
จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
๑๕ ส.ค. ๒๕๕๕
๑๕,๐๐๐
๑๗ ส.ค. ๒๕๕๕
๑๗ มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗ ธ.ค. ๒๕๖๔
หมายเหตุ : เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๑,๑๑๐ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๖๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่
๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๗ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง/หน้า ๒๗/๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670773 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 15 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕
จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท (แปดพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓
(LB27DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคล เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๕ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๕
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๕ (LB27DA)
อายุคงเหลือ ๑๕.๓๖ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๕๘ ต่อปี
จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท
๘
ส.ค. ๒๕๕๕
๘,๐๐๐
๑๐
ส.ค. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
ธ.ค. ๒๕๗๐
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๓ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๕,๐๐๐
ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๕๘ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕)
ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๗๐ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๘,๐๐๐ ล้านบาท (แปดพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๗ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง/หน้า ๒๒/๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670771 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 14 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔
จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ (LB155A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน
๑๓๒,๕๗๒ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๕๒,๕๗๒ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคล เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๔ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๔
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๔ (LB155A)
อายุคงเหลือ ๒.๗๘ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี
จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
๘
ส.ค. ๒๕๕๕
๒๐,๐๐๐
๑๐ ส.ค. ๒๕๕๕
๒๒ พ.ค. ๒๕๕๕
๒๒ พ.ค. ๒๕๕๘
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๕๒,๕๗๒ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๖ ตุลาคม
๒๕๕๒)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๖๒๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๒๒ พฤษภาคม และ ๒๒ พฤศจิกายน ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓) ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๗ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง/หน้า ๑๗/๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670769 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 13 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓
จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท (หกพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ (LB416A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๔๗,๔๓๖ ล้านบาท
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๓,๔๓๖ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่
๖ สิงหาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคล เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๓ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๓
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณดอกเบี้ย
วันครบกำหนดไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๓ (LB416A)
อายุคงเหลือ ๒๘.๘๗ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี
จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท
๑
ส.ค. ๒๕๕๕
๖,๐๐๐
๖
ส.ค. ๒๕๕๕
๑๔
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๔
มิ.ย. ๒๕๘๔
หมายเหตุ :- เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๓,๔๓๖ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๘๐ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๔ มิถุนายน และ ๑๔ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๘๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท (หกพันล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๗ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง/หน้า ๑๒/๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670767 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 12 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลังตาม ข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒
จำนวน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙
(LB616A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๒๘,๒๐๕ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๔๑,๒๐๕ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๒ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๒
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณดอกเบี้ย
วันครบกำหนดไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล ในปี
งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๒ (LB616A)
อายุคงเหลือ ๔๘.๙๖ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๔.๘๕ ต่อปี จำนวน
๑๓,๐๐๐ ล้านบาท
๑๑
ก.ค. ๒๕๕๕
๒๒
ส.ค. ๒๕๕๕
๗,๐๐๐
๖,๐๐๐
๑๓
ก.ค. ๒๕๕๕
๒๔
ส.ค. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๖๐๔
๑๗
มิ.ย. ๒๖๐๔
หมายเหตุ : เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้ เป็น ๔๑,๒๐๕ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๔.๘๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่
๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓) ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๗ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง/หน้า ๗/๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670638 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑[๑]
ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑
ลงวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ได้กำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑
โดยจำหน่ายทั้งสิ้น ๔ งวด ๆ ละ ๘,๕๐๐ ล้านบาท วงเงินรวม ๓๔,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(สามหมื่นสี่พันล้านบาทถ้วน) นั้น
กระทรวงการคลังจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ รายละเอียดดังนี้
งวดที่
วันที่จำหน่าย
วงเงินที่ประกาศ
(ล้านบาท)
วงเงินหลังปรับลด
(ล้านบาท)
F2/182/55
๑๑ มิถุนายน
๒๕๕๕
๘,๕๐๐
๗,๘๕๐
ทำให้วงเงินการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ ปรับลดจากจำนวน ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท เป็นจำนวน ๓๓,๓๕๐ ล้านบาท
ประกาศ
ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๓ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๒ ง/หน้า ๓๓/๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670628 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ และโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับตั๋วเงินคลัง
สำหรับการจำหน่ายให้เป็นไปตามวงเงินและรายละเอียดในตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง
มาตรฐานเสนอซื้อขายและคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม
บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
และจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๓ ให้บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้รับฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๔ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ตามข้อ
๑ มีราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท โดยมีดอกเบี้ยเป็นส่วนลด
และใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อครบกำหนดอายุนับแต่วันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
หากวันครบกำหนดอายุตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการออกใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์จะต้องส่งคืนใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนวันครบกำหนดอายุไถ่ถอนอย่างน้อย
๑ วัน
และธนาคารแห่งประเทศไทยจะใช้เงินให้เมื่อได้รับใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว
ข้อ ๕ ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูล และต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใด
ไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๔ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
กรณีระบบการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๖ กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
ข้อ ๗ ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องชำระราคาภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๘ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ได้ชำระราคาตามข้อ
๗ แล้ว
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้ เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ชำระราคาค่าตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลของผู้เสนอประมูลรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๑๐ ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเว้นให้
ข้อ ๑๑ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๒ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๓ กรณีที่มีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
มิให้ถือว่าตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ฉบับใดสมบูรณ์
เว้นแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้น
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๔ กระทรวงการคลังสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนการจำหน่าย
และจะไม่พิจารณาจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้เสนอประมูลรายใด
หรือทุกราย สำหรับจำนวนที่เสนอประมูลทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. ตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒
๒. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๓. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๓ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๒ ง/หน้า ๘/๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670508 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ (LB165A) วงเงิน ๔,๔๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ (LB165A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๒๘,๘๕๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๓.๙๘ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓
พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นการกู้ยืมระหว่างธนาคารของตลาดกรุงเทพฯ
(BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ลบร้อยละ ๐.๑๕ ต่อปี และจะกำหนดอัตราดอกเบี้ย ๒ วันทำการ
ก่อนเริ่มงวดการจ่ายดอกเบี้ยแต่ละครั้ง ยกเว้นงวดแรกจะกำหนดอัตราดอกเบี้ย ๒
วันทำการ ก่อนวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล โดยชำระดอกเบี้ยปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๘
พฤษภาคม และ ๑๘ พฤศจิกายน ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทน
ถัวเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินตามราคา
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่
จำหน่าย
(บาท)
๒๓
พ.ค. ๒๕๕๕
๔,๔๐๐.๐๐
๓.๒๖๓๕๖
๔,๓๗๔,๗๑๔,๒๔๐.๐๐
(๒๗,๘๙๕,๗๙๖.๐๐)
๒,๖๑๐,๐๓๖.๐๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๑ ง/หน้า ๑๙/๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670506 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 4 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๔ (LB193A) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ (LB193A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๔๒,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๖.๗๗ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๒
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๘ มีนาคม และ ๘ กันยายนของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๔ ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินตามราคา
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๓๐
พ.ค. ๒๕๕๕
๑๐,๐๐๐.๐๐
๓.๖๙๘๑
๙,๙๓๑,๑๔๖,๕๙๙.๕๐
(๑๔๙,๑๙๕,๙๐๐.๕๐)
๘๐,๓๔๒,๕๐๐.๐๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๑ ง/หน้า ๑๗/๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670504 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๓ (LB176A) วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ (LB176A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๖๒,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๕.๐๘ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๐
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน และ ๑๖ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๓ ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินตามราคา
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑๖
พ.ค. ๒๕๕๕
๑๖,๐๐๐.๐๐
๓.๕๕๖๕
๑๕,๙๙๒,๓๑๕,๕๒๐.๐๐
(๒๒๗,๐๘๑.๗๖๐.๐๐)
๒๑๙,๓๙๗,๒๘๐.๐๐
หมายเหตุ -:
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๑ ง/หน้า ๑๕/๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670502 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ (LB326A) วงเงิน ๗,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ (LB326A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๒๓,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๒๐.๑๐ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๗๕
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๗๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน และ ๒๕ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ ดังนี้
วันที่
จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินตามราคา
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๓
พ.ค. ๒๕๕๕
๗,๐๐๐.๐๐
๔.๑๖๗๗
๖,๗๑๔,๔๙๙,๑๕๖.๗๐
(๓๗๑,๖๕๓,๕๕๓.๓๐)
๘๖,๑๕๒,๗๑๐.๐๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๑ ง/หน้า ๑๓/๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670499 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล
ประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ (ILB217A) วงเงิน ๒๒,๑๘๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔ (ILB217A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๗๗,๑๘๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๒๔ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๐ ต่อปี
และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน
โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชย ดังนี้
(๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕
(๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio
หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน
ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวดหรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน
การชำระดอกเบี้ยชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๔ มกราคม และ ๑๔ กรกฎาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินตามราคา
ที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่
จำหน่าย
(บาท)
๑๘ เม.ย. ๒๕๕๕
๑๕,๐๐๐.๐๐
๐.๙๑๙๗
๑๕,๕๙๙,๐๘๕,๐๕๓.๗๐
๕๕๐,๖๙๒,๑๖๘.๙๘
๔๘,๓๙๒,๘๘๔.๗๒
๒๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๗,๑๘๐.๐๐
๑.๑๔๗๒
๗,๔๑๘,๗๖๙,๙๓๕.๒๐
๑๙๘,๔๔๒,๔๙๙.๓๐
๔๐,๓๒๗,๔๓๕.๙๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๑๑ ง/หน้า ๑๑/๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670164 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 7 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗[๑]
โดยที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม
๒๕๕๕ วงเงิน ๑๖,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท (หนึ่งหมื่นหกพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ (LB416A) จำหน่ายได้จริงจำนวน ๑๒,๙๓๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นสองพันเก้าร้อยสามสิบหกล้านบาทถ้วน)
กระทรวงการคลังจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๗ จากจำนวน ๑๖,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท (หนึ่งหมื่นหกพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๑๒,๙๓๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งหมื่นสองพันเก้าร้อยสามสิบหกล้านบาทถ้วน) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๔๗,๔๓๖,๐๐๐,๐๐๐
บาท (สี่หมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยสามสิบหกล้านบาทถ้วน)
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๐๖ ง/หน้า ๓/๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
669398 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินจากธนาคารโลก สำหรับเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan : PSRDPL) | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินจากธนาคารโลก สำหรับเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan : PSRDPL)[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
รัฐบาลได้ลงนามในสัญญากู้เงินกับธนาคารโลกเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสำหรับเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
(เงินกู้ Public Sector Reform Development Policy Loan : PSRDPL) โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
๑. เป็นเงินกู้ในรูปเงินสกุลเหรียญสหรัฐ
จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า ๓๑,๒๓๙,๐๕๐,๐๐๐ บาท
(สามหมื่นหนึ่งพันสองร้อยสามสิบเก้าล้านห้าหมื่นบาทถ้วน)
โดยคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนซื้อถัวเฉลี่ยของเงินบาทกับเงินเหรียญสหรัฐ ณ
วันลงนามคือ ๑ เหรียญสหรัฐเท่ากับ ๓๑.๒๓๙๐๕ บาท
๒. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เท่ากับ
(๑)
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารพาณิชย์ในตลาดลอนดอนสกุลเงินเหรียญสหรัฐระยะเวลา
๖ เดือน (6-month LIBOR)
(๒) บวกส่วนต่างอัตราลอยตัว (Variable Spread) ที่ประกาศโดยธนาคารโลก ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงทุก ๖ เดือน (วันที่ ๑ มกราคม
และ ๑ กรกฎาคม)
๓. ค่า Front-end Fee อัตราร้อยละ ๐.๒๕ ของวงเงินกู้
ชำระครั้งเดียวทั้งจำนวน โดยธนาคารโลกจะหักจากวงเงินกู้วันที่สัญญาเงินกู้มีผลใช้บังคับ
๔. การชำระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่น
ๆ ชำระปีละ ๒ ครั้ง ทุกวันที่ ๑๕ มกราคม และวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ของทุกปี
๕. การกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้
ภายใน ๒๐ ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้ ๘ ปี
(เริ่มนับจากวันที่คณะกรรมการบริหารของธนาคารโลกอนุมัติเงินกู้ PSRDPL คือเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) แบ่งเป็น ๒๔ งวด กำหนดชำระปีละ ๒
ครั้ง โดยเริ่มชำระคืนต้นเงินกู้งวดแรกในวันชำระดอกเบี้ยงวดที่ ๑๓ วันที่ ๑๕
มกราคม ๒๕๖๒ และชำระคืนต้นเงินกู้งวดสุดท้ายในวันชำระดอกเบี้ยงวดที่ ๓๖ วันที่ ๑๕
กรกฎาคม ๒๕๗๓
๖. ระยะเวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้
ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕
๗. เงินกู้รายนี้รัฐบาลจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อใช้ในการสนับสนุนโครงการลงทุนภาครัฐที่สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
เสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศ
และสนับสนุนการดำเนินโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริการสาธารณะ
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
กิตติรัตน์
ณ ระนอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๗ มิถุนายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง/หน้า ๔/๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ |
668492 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 11 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑ วงเงิน ๕,๒๐๕ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) อายุ ๕๐.๓๒ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๘,๒๐๕ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๙.๑๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่
บริษัทประกันชีวิต
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕
๕,๒๐๕
๔.๔๒๖๓
๕,๗๕๐,๕๙๕,๘๒๖.๓๕
๔๓๙,๗๗๗,๔๔๗.๖๕
๑๐๕,๘๑๘,๓๗๘.๗๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ มิถุนายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๙ มิถุนายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๙๐ ง/หน้า ๗/๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ |
668488 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 6 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ (LB155A) อายุ ๕.๖๐ ปี
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๒,๕๗๒ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๓.๑๒ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม และ ๒๒ พฤศจิกายน ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตรา
ผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่าย
ดอกเบี้ยงวดล่าสุด
จนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๔
เมษายน ๒๕๕๕
๑๕,๐๐๐
๓.๖๒๐๒
๑๕,๒๑๐,๙๙๗,๔๐๙.๘๙
๒,๔๓๕,๗๕๙.๘๕
๒๐๘,๕๖๑,๖๕๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ มิถุนายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๙ มิถุนายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๙๐ ง/หน้า ๕/๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ |
668452 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 11 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑[๑]
โดยที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม
๒๕๕๕ วงเงิน ๗,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท (เจ็ดพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) จำหน่ายได้จริงจำนวน ๕,๒๐๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าพันสองร้อยห้าล้านบาทถ้วน)
กระทรวงการคลังจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑ จากจำนวน ๗,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดพันล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๕,๒๐๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(ห้าพันสองร้อยห้าล้านบาทถ้วน)
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๘ มิถุนายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๑ มิถุนายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๘๙ ง/หน้า ๒๒/๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ |
668278 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกับมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑ และโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีกระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้
เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ.
๒๕๔๕ ที่ครบกำหนด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับตั๋วเงินคลัง
สำหรับการจำหน่ายให้เป็นไปตามวงเงินและรายละเอียดในตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง
มาตรฐานเสนอซื้อขายและคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง) โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง
ตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม
บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
และจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๓ ให้บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้รับฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๔ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ตามข้อ
๑ มีราคาที่ตราไว้เป็นหน่วยหน่วยละหนึ่งพันบาท โดยมีดอกเบี้ยเป็นส่วนลด
และใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อครบกำหนดอายุนับแต่วันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
หากวันครบกำหนดอายุตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการออกใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์จะต้องส่งคืนใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนวันครบกำหนดอายุไถ่ถอนอย่างน้อย
๑ วัน
และธนาคารแห่งประเทศไทยจะใช้เงินให้เมื่อได้รับใบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว
ข้อ ๕ ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนโดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูล
และต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน
๔ ตำแหน่ง) และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า
๑๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
กรณีระบบการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๖ กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูลโดยไม่มีเศษของหลักล้าน
หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
ข้อ ๗ ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้จะต้องชำระราคาภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๘ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ได้ชำระราคาตามข้อ
๗ แล้วให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ชำระราคาค่าตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลของผู้เสนอประมูลรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๑๐ ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเว้นให้
ข้อ ๑๑ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๒ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๓ กรณีที่มีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
มิให้ถือว่าตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ฉบับใดสมบูรณ์
เว้นแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้น
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๔ กระทรวงการคลังสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนการจำหน่าย
และจะไม่พิจารณาจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้เสนอประมูลรายใด
หรือทุกราย สำหรับจำนวนที่เสนอประมูลทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. ตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑
๒. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา
(Competitive Bid : CB))
๓. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา
(Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๗ มิถุนายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๑๑ มิถุนายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๘๘ ง/หน้า ๑๗/๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ |
668276 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศผลการกู้เงินด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง
ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังได้ออกจำหน่ายตั๋วเงินคลังโดยวิธีการประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ข้อ ๒ ผลการประมูลตั๋วเงินคลัง
ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงิน ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน
๕๙,๐๗๗,๕๒๑,๔๙๔.๗๙
บาท โดยมีส่วนลดจำนวน ๙๒๒,๔๗๘,๕๐๕.๒๑
บาท
งวดที่
จำนวนเงิน
(ล้านบาท)
วันที่ลง
ในตั๋วเงินคลัง
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวนเงินที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
L5/182/55
๑๕,๐๐๐
๔ เมษายน
๒๕๕๕
๓ ตุลาคม
๒๕๕๕
๑๘๒
๑๔,๗๗๒,๕๘๗,๘๓๔.๓๒
๒๒๗,๔๑๒,๑๖๕.๖๘
L6/182/55
๑๕,๐๐๐
๑๑ เมษายน
๒๕๕๕
๑๐ ตุลาคม
๒๕๕๕
๑๘๒
๑๔,๗๖๙,๙๐๑,๔๗๐.๘๗
๒๓๐,๐๙๘,๕๒๙.๑๓
L7/182/55
๑๕,๐๐๐
๑๘ เมษายน ๒๕๕๕
๑๗ ตุลาคม
๒๕๕๕
๑๘๒
๑๔,๗๖๗,๘๖๑,๕๖๒.๑๕
๒๓๒,๑๓๘,๔๓๗.๘๕
L8/182/55
๑๕,๐๐๐
๒๕ เมษายน
๒๕๕๕
๒๔ ตุลาคม
๒๕๕๕
๑๘๒
๑๔,๗๖๗,๑๗๐,๖๒๗.๔๕
๒๓๒,๘๒๙,๓๗๒.๕๕
รวม
๖๐,๐๐๐
๕๙,๐๗๗,๕๒๑,๔๙๔.๗๙
๙๒๒,๔๗๘,๕๐๕.๒๑
ข้อ ๓ ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลัง
ร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
ข้อ ๔ ในการกู้เงินโดยการออกตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลัง
เป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด
เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ซึ่ง ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๑๒๕,๖๙๑ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑
เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท
และส่วนที่ ๒ เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน
๔๕,๖๙๑ ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในไตรมาสที่ ๑ - ๒ ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท และดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรออมทรัพย์จำนวน ๗๘๒.๓๓๕
ล้านบาท ทำให้กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังคงเหลือเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ
- เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๑๑๙,๙๐๘.๖๖๕ ล้านบาท
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๗ มิถุนายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๑๑ มิถุนายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๘๘ ง/หน้า ๑๕/๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ |
667886 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนตุลาคม 2554 ถึงเดือนมีนาคม 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน
ระหว่างเดือนตุลาคม
๒๕๕๔ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๕[๑]
ด้วยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๖ วรรค ๒ กำหนดให้กระทรวงการคลังสรุปรายงานสถานะหนี้สาธารณะและประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน
๖๐ วันหลังจากวันสิ้นเดือนมีนาคมและเดือนกันยายนของทุกปี
โดยรายงานดังกล่าวต้องแสดงหนี้สาธารณะที่เกิดจากการกู้เงินและค้ำประกัน ณ
วันสิ้นเดือนดังกล่าว รวมทั้งรายการการกู้เงินและค้ำประกันที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วงระยะเวลาระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม
และเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ตามลำดับ
กระทรวงการคลังขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ และรายการการกู้เงินและค้ำประกัน
ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ มีจำนวน ๔,๔๗๓,๒๐๖.๘๘ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๑.๔๓
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้ของรัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน ๓,๒๖๘,๓๙๙.๘๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน ๑,๐๓๖,๐๘๒.๒๗ ล้านบาท
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน ๑๖๒,๕๔๔.๘๐ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๖,๑๘๐.๐๐
ล้านบาท ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินนั้นไม่มีหนี้คงค้าง
หนี้สาธารณะจำนวนดังกล่าวจำแนกตามอายุของหนี้เป็นหนี้ระยะยาว ๔,๓๕๐,๖๔๐.๔๘ ล้านบาท และหนี้ระยะสั้น ๑๒๒,๕๖๖.๔๐ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๗.๒๖ และร้อยละ ๒.๗๔ ตามลำดับ
และจำแนกตามแหล่งที่มาเป็นหนี้ต่างประเทศ ๓๒๒,๔๕๕.๗๙ ล้านบาท
และหนี้ในประเทศ ๔,๑๕๐,๗๕๑.๐๙ ล้านบาท
หรือคิดเป็นร้อยละ ๗.๒๑ และร้อยละ ๙๒.๗๙ ตามลำดับ รายละเอียดดังปรากฏตามตารางที่ ๑
ตารางที่
๑ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕
หน่วย : ล้านบาท
รายการ
๓๑ มี.ค.
๒๕๕๕
% GDP
๑.
หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง
๑.๑ หนี้ต่างประเทศ
๑.๒ หนี้ในประเทศ
๓,๒๖๘,๓๙๙.๘๑
๔๒,๐๐๙.๕๕
๓,๒๒๖,๓๙๐.๒๖
๓๐.๒๗
๒.
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
๒.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
- หนี้ต่างประเทศ
- หนี้ในประเทศ
๒.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
- หนี้ต่างประเทศ
- หนี้ในประเทศ
๑,๐๓๖,๐๘๒.๒๗
๔๗๕,๙๔๔.๒๗
๑๕๔,๙๐๗.๐๓
๓๒๑,๐๓๗.๒๔
๕๖๐,๑๓๘.๐๐
๑๒๐,๐๐๒.๔๑
๔๔๐,๑๓๕.๕๙
๙.๖๐
๓.
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน
(รัฐบาลค้ำประกัน)
๓.๑ หนี้ต่างประเทศ
๓.๒ หนี้ในประเทศ
๑๖๒,๕๔๔.๘๐
๕,๕๓๖.๘๐
๑๕๗,๐๐๘.๐๐
๑.๕๑
๔.
หนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
๔.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
๔.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
-
-
-
๐.๐๐
๕.
หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ
๕.๑ หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
๕.๒ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
๖,๑๘๐.๐๐
-
๖,๑๘๐.๐๐
๐.๐๖
๖.
รวม ๑.+๒.+๓.+๔.+๕.
๔,๔๗๓,๒๐๖.๘๘
๔๑.๔๓
หมายเหตุ :- ๑.
GDP ปี ๒๕๕๔ และ ประมาณการ GDP ปี ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๐,๕๓๙.๔๐ พันล้านบาท และ ๑๑,๕๗๒.๓๐ พันล้านบาท
ตามลำดับ (สศช. ณ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕)
๒. สบน. ได้ปรับวิธีการคำนวณ GDP ในแต่ละเดือน เพื่อให้สัดส่วน Debt/GDP สะท้อนค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด
โดยได้คำนวณ GDP ของเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ ดังนี้ [(GDP ปี ๕๔/๑๒)*๙]+[(GDP ปี ๕๕/๑๒)*๓] เท่ากับ ๑๐,๗๙๗.๖๓ พันล้านบาท
๓. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและขาย
ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน
๔. ตัวเลขในตารางเป็นตัวเลขเบื้องต้น (Preliminary) และไม่รวมหนี้ของ SPV จำนวน ๒๓,๙๙๙.๙๐ ล้านบาท ที่รัฐบาลมีภาระผูกพันต้องจ่ายภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่อาคารสัญญาบริหารจัดหาเฟอร์นิเจอร์
และสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องของโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถ. แจ้งวัฒนะ
๑. รายการการกู้เงินและค้ำประกัน ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนมีนาคม
๒๕๕๕
คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕
เพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ
ประกอบด้วย ๕ แผนย่อย และได้ปรับปรุงแผนฯ ในระหว่างปี
เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงินกู้และบริหารหนี้ ซึ่งหลังการปรับปรุงแผนฯ
ครั้งที่ ๒ ทำให้วงเงินรวมในแผนฯ ที่จะบริหารจัดการมีจำนวนทั้งสิ้น ๒,๒๔๒,๐๓๙.๔๘ ล้านบาท โดยในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม
๒๕๕๔ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๕
กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้แล้ว
เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๔๘๐,๗๓๔.๓๕ ล้านบาท ดังปรากฏตามตารางที่
๒
ตารางที่
๒ การกู้เงินและการบริหารหนี้ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๕
หน่วย : ล้านบาท
รายการ
วงเงินแผน
ผลดำเนินงาน
(ต.ค. ๕๔ - มี.ค. ๕๕)
ร้อยละ
๑. แผนการก่อหนี้ใหม่
๑,๑๘๖,๐๘๗.๗๘
๑๗๑,๐๖๖.๒๒
๑๔.๔๒
๑.๑ รัฐบาล
๑.๒ รัฐวิสาหกิจ
๘๔๖,๓๗๒.๐๖
๓๓๙,๗๑๕.๗๒
๑๐๗,๙๑๓.๐๖
๖๓,๑๕๓.๑๖
๑๒.๗๕
๑๘.๕๙
๒. แผนการปรับโครงสร้างหนี้
๗๓๔,๙๓๘.๖๔
๒๘๗,๐๙๖.๓๘
๓๙.๐๖
๒.๑ รัฐบาล
๒.๒ รัฐวิสาหกิจ
๖๑๔,๙๒๓.๒๕
๑๒๐,๐๑๕.๓๙
๒๔๖,๓๓๑.๕๔
๔๐,๗๖๔.๘๔
๔๐.๐๖
๓๓.๙๗
๓. แผนการบริหารความเสี่ยง
๑๗๗,๐๐๐.๐๐
๒,๔๕๒.๐๐
๑.๓๙
๔. แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่
ไม่ต้องขออนุมัติ ครม.
ภายใต้กรอบแผนฯ
๑๓๔,๐๑๓.๐๖
๑๐,๑๑๙.๗๕
๗.๕๕
๔.๑ การก่อหนี้ใหม่
๔.๒ การบริหารหนี้
๓๙,๖๓๙.๕๑
๙๔,๓๗๓.๕๕
๗,๙๔๙.๗๕
๒,๑๗๐.๐๐
๒๐.๐๖
๒.๓๐
๕. แผนการก่อหนี้ใหม่ของหน่วยงานอื่น
ของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติ
ครม. ภายใต้
กรอบแผนฯ
๑๐,๐๐๐.๐๐
๑๐,๐๐๐.๐๐
๑๐๐.๐๐
รวม (๑ - ๓)
๒,๐๙๘,๐๒๖.๔๒
๔๖๐,๖๑๔.๖๐
๒๑.๙๕
รวม (๑ - ๕)
๒,๒๔๒,๐๓๙.๔๘
๔๘๐,๗๓๔.๓๕
๒๑.๔๔
ซึ่งมีสาระสำคัญ
ดังนี้
๑.๑ แผนการก่อหนี้ใหม่ ประกอบด้วย
๑.๑.๑ การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล วงเงินรวม ๑๐๗,๙๑๓.๐๖ ล้านบาท
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณรวมทั้งสิ้น
๙๓,๖๑๐.๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๔๓,๖๑๐.๐๐
ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน ๕๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
และได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย
เพื่อนำไปให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อ รวมทั้งสิ้น ๑๔,๓๐๓.๐๖ ล้านบาท
๑.๑.๒ การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ๖๓,๑๕๓.๑๖ ล้านบาท
เงินกู้บาทสมทบโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ออกพันธบัตร วงเงินรวม ๒.๙๙ ล้านบาท
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๗ ส่วนที่ ๒ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
เงินกู้เพื่อลงทุน
รัฐวิสาหกิจ ๒ แห่ง กู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการวงเงินรวม ๔,๒๐๗.๓๙ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๑,๖๑๐.๓๘
ล้านบาท และกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๒,๕๙๗.๐๑
ล้านบาท ได้แก่
(๑) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร วงเงินรวม ๒,๕๙๗.๐๑ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่ายระยะที่ ๖ จำนวน ๙๒.๐๕
ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ ๘ ส่วนที่ ๒ จำนวน ๘๓.๔๗
ล้านบาท โครงการติดตั้งระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟระยะที่ ๒ จำนวน ๔๗.๖๒ ล้านบาท โครงการเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าระยะที่
๒ จำนวน ๑๒๘.๖๒ ล้านบาท โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่ายระยะที่ ๗
จำนวน ๗๔๔.๐๒ ล้านบาท โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร จำนวน ๑๐๓.๕๙
ล้านบาท โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบจำหน่าย จำนวน ๘๐๔.๑๑ ล้านบาท
โครงการเร่งรัดขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ จำนวน ๑๘๔.๑๐
ล้านบาท โครงการก่อสร้างสายส่งเคเบิลใต้น้ำ ๑๑๕ เควี (วงจรที่ ๓) ไปยังเกาะสมุย
จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน ๒๔๐.๐๐ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่
๙ ส่วนที่ ๑ จำนวน ๔๑.๓๕ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่
๒ จำนวน ๓๓.๒๘ ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๓ จำนวน
๙๔.๘๐ ล้านบาท และโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๔ จำนวน
๐.๐๒ ล้านบาท
(๒) การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม ๑,๖๑๐.๓๘ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
เพื่อดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน (ค่าก่อสร้าง)
เงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและอื่น
ๆ รัฐวิสาหกิจ ๔ แห่ง กู้เงินเพื่อดำเนินกิจการทั่วไป วงเงินรวม ๕๘,๙๔๒.๗๘ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๕๘,๒๑๒.๗๘ ล้านบาท และกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๗๓๐.๐๐ ล้านบาท
ได้แก่
(๑) การไฟฟ้านครหลวงกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๔๔๔.๑๔ ล้านบาท เพื่อชดเชยมาตรการลดภาระค่าครองชีพ
โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
(๒) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตรและกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม
๓,๙๓๗.๙๙ ล้านบาท เพื่อดำเนินงานปกติ จำนวน ๗๓๐.๐๐ ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน และเพื่อชดเชยมาตรการลดภาระค่าครองชีพ จำนวน ๓,๒๐๗.๙๙ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
(๓) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพออกพันธบัตรและกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม
๔,๕๖๐.๖๕ ล้านบาท เพื่อชดเชยมาตรการลดภาระค่าครองชีพ จำนวน ๒,๐๐๐.๖๕ ล้านบาท และเพื่อเป็นค่าดอกเบี้ย (หนี้เงินกู้ค่าน้ำมัน
ค่าเหมาซ่อม ค่าเช่ารถ) จำนวน ๒,๕๖๐.๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด
(๔) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ วงเงินรวม
๕๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต
๒๕๕๔/๕๕ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
๑.๒ แผนการปรับโครงสร้างหนี้ ประกอบด้วย
๑.๒.๑ การปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล รวมทั้งสิ้น ๒๔๖,๓๓๑.๕๔ ล้านบาท ดังนี้
หนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้
กระทรวงการคลังมียอดตั๋วเงินคลังที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดรวม ๑๒๕,๖๙๑.๐๐ ล้านบาท จำแนกเป็นตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารดุลเงินสด จำนวน
๘๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และตั๋วเงินคลังที่กู้มาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในช่วงปี
๒๕๕๔ จำนวน ๔๕,๖๙๑.๐๐ ล้านบาท โดยในช่วง ๖
เดือนแรกของปีงบประมาณ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์
วงเงินรวม ๕,๗๘๒.๓๔ ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังที่สามารถนำมาบริหารจัดการได้
จำนวน ๑๑๙,๙๐๘.๖๖ ล้านบาท
หนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้
FIDF
(๑) พันธบัตร FIDF1 : กระทรวงการคลัง Roll-over พันธบัตร FIDF1 ที่ครบกำหนดชำระในช่วง ๖
เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๕ จำนวนทั้งสิ้น ๑๐๗,๐๙๙.๒๐
ล้านบาท ด้วยการกู้เงินล่วงหน้า (Pre-funding) โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
จำนวน ๓๙,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้อีกจำนวน
๖๘,๐๙๙.๒๐ ล้านบาท เพื่อชำระคืนหนี้ในวันที่ครบกำหนด
(๒) พันธบัตร FIDF3 : กระทรวงการคลัง Roll-over พันธบัตรรัฐบาล กรณีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ครั้งที่ ๒
ที่ครบกำหนดชำระในช่วง ๖ เดือนแรกของ ปีงบประมาณ ๒๕๕๕ จำนวน ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๒
รุ่น นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้กู้เงินล่วงหน้า (Pre-funding) ในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ จำนวนรวม ๘๐,๔๕๐.๐๐ ล้านบาทเพื่อเตรียมปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๕ รุ่นอายุ ๑๐ ปี ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๕
หนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจซึ่งเดิมเป็นสัญญาเงินกู้วงเงินรวม
๓๑,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ให้เป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวน ๑๖,๐๐๐.๐๐
ล้านบาท
และพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อจำนวน ๑๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
๑.๒.๒ การปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐวิสาหกิจ : หนี้ในประเทศ
รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๑๐ แห่ง ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๔๐,๗๖๔.๘๔ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งหมด
จำแนกเป็นการกู้เงินเพื่อ Roll-over จำนวน ๑๑,๔๖๓.๙๙ ล้านบาท การชำระคืนหนี้เดิมที่มีแผนจะ Roll-over ในวันที่ครบกำหนดชำระ จำนวน ๔,๓๓๐.๘๔ ล้านบาท
และการชำระหนี้เดิมที่มีแผนจะ Roll-over ก่อนครบกำหนดชำระ จำนวน
๒๔,๙๗๐.๐๑ ล้านบาท ได้แก่
(๑) การทางพิเศษแห่งประเทศไทยกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๑,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
(๒) การประปาส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร จำนวน ๑,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
(๓) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพออกพันธบัตร จำนวน ๔,๒๕๙.๐๐ ล้านบาท และกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ จำนวน ๖๐๔.๙๙ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรและหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
และใช้เงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร จำนวนทั้งสิ้น ๑,๕๓๓.๗๙
ล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้ในวันที่ครบกำหนดชำระ จำนวน ๖๑๑.๔๓ ล้านบาท
และชำระหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระ จำนวน ๙๒๒.๓๖ ล้านบาท
ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๗.๘๘ ล้านบาท
(๔) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ออกพันธบัตร จำนวน ๔,๖๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อ Roll-over พันธบัตรที่ครบกำหนดชำระ
และใช้รายได้ จำนวน ๑,๒๐๐.๐๐ ล้านบาท
สมทบเพื่อชำระหนี้ที่ครบกำหนดชำระ
(๕) การไฟฟ้านครหลวงใช้เงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร จำนวนทั้งสิ้น ๑,๑๓๔.๓๕ ล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้ในวันที่ครบกำหนดชำระ จำนวน ๖๒๕.๗๐
ล้านบาท และชำระหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระ จำนวน ๕๐๘.๖๕ ล้านบาท
ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๕.๙๘ ล้านบาท
(๖) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใช้เงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
จำนวนทั้งสิ้น ๑๑,๕๙๙.๗๓ ล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระ
ทำให้สามารถประหยัดดอกเบี้ยได้ ๖๑.๘๓ ล้านบาท
(๗) การประปานครหลวงใช้เงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร จำนวนทั้งสิ้น ๑,๑๘๑.๘๑ ล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้ในวันที่ครบกำหนดชำระ จำนวน ๕๙๒.๗๒
ล้านบาท และชำระหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระ จำนวน ๕๘๙.๑๐ ล้านบาท
ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๖.๑๗ ล้านบาท
(๘) การรถไฟแห่งประเทศไทย ใช้เงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
จำนวนทั้งสิ้น ๒,๐๔๔.๖๔ ล้านบาท
เพื่อชำระหนี้เงินกู้ในวันที่ครบกำหนดชำระ จำนวน ๑,๑๕๖.๔๗
ล้านบาท และชำระหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนดชำระ จำนวน ๘๘๘.๑๗ ล้านบาท
ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๘.๖๒ ล้านบาท
(๙) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรใช้เงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรและรายได้
จำนวน ๑๔๔.๕๒ ล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
(๑๐) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ใช้รายได้จำนวน ๑๐,๔๖๒.๐๐ ล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้ก่อนครบกำหนด
ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๗๘๑.๖๓ ล้านบาท
๑.๓ แผนการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วย
๑.๓.๑ การบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาล
กระทรวงการคลังไม่มีการบริหารความเสี่ยง ในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนมีนาคม
๒๕๕๕
๑.๓.๒ การบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐวิสาหกิจ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ดำเนินการชำระหนี้ในประเทศก่อนครบกำหนดชำระ
จำนวน ๒,๔๕๒.๐๐ ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๘๑.๐๖
ล้านบาท
๑.๔ แผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติ ครม.
ภายใต้กรอบแผนฯ
๑.๔.๑ การก่อหนี้ใหม่
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ได้กู้เงินเพื่อชำระค่าจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A330 - 300 ลำที่
๑ - ๓ วงเงินรวม ๗,๙๔๙.๗๕ ล้านบาท
๑.๔.๒ การบริหารหนี้
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ใช้รายได้ จำนวน ๑๗๐.๐๐ ล้านบาท ชำระคืนหุ้นกู้ชุดที่
๑ ปี ๕๒ ที่ครบกำหนดชำระ และดำเนินการทำ Cross Currency Swap หนี้สกุลเงินบาทเป็นสกุลเงินเยน จำนวน ๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
๑.๕ แผนการก่อหนี้ใหม่ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติ ครม.
ภายใต้กรอบแผนฯ
สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) กู้เงินจำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
๒. สรุปผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ในช่วง ๖
เดือนแรกของ ปีงบประมาณ ๒๕๕๕
๒.๑ จากผลการดำเนินงานที่กล่าวมาแล้ว ในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนแรกของ ปีงบประมาณ
๒๕๕๕ (ตุลาคม ๒๕๕๔ - มีนาคม ๒๕๕๕)
กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะตามกรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๔๖๐,๖๑๔.๖๐ ล้านบาท
โดยมีความก้าวหน้า คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๙๕ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
๒.๒
ผลการกู้เงินและบริหารจัดการหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุมัติ
ครม. ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ในช่วง ๖ เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๕
รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น ๑๐,๑๑๙.๗๕ ล้านบาท
๒.๓ ผลการกู้เงินของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติ ครม.
ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ในช่วง ๖ เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๕
เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท
๒.๔ จากการดำเนินการตามข้อ ๒.๑ - ๒.๓
กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น ๔๘๐,๗๓๔.๓๕ ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินใหม่ จำนวน ๑๘๙,๐๑๕.๙๗
ล้านบาท และการบริหารหนี้ จำนวน ๒๙๑,๗๑๘.๓๘ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๔๔ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ทั้งนี้ การกู้เงินและบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจจำนวน ๑๔๐,๗๙๒.๘๑ ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๑๐๓,๐๔๐.๐๐ ล้านบาท ไม่ค้ำประกัน จำนวน ๒๓,๔๔๙.๗๕
ล้านบาท และการกู้ต่อจากกระทรวงการคลังอีก จำนวน ๑๔,๓๐๓.๐๖
ล้านบาท
ผลของการบริหารหนี้ที่ได้ดำเนินการทั้งในส่วนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๙๑,๗๑๘.๓๘ ล้านบาท นั้น สามารถลดยอดหนี้ได้ ทั้งสิ้น ๓๑,๙๒๒.๘๕ ล้านบาท รวมทั้งประหยัดดอกเบี้ยได้ จำนวน ๙๕๓.๑๖ ล้านบาท
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
กิตติรัตน์
ณ ระนอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หมายเหตุ :- FIDF หมายถึง
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
FIDF1 หมายถึง
พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งรวมทั้งเงินกู้หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน ๑ ปี
FIDF3 หมายถึง
พันธบัตรที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕
Refinance หมายถึง การกู้เงินจากแหล่งใหม่เพื่อนำไปใช้คืนแหล่งเงินกู้เดิม
ซึ่งเป็นการลดต้นทุนการกู้เงิน
Roll-over หมายถึง การกู้เงินใหม่เพื่อนำไปชำระเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ
เพื่อให้เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเงินกู้สอดคล้องกับระยะคืนทุน
Swap หมายถึง การแปลงหนี้
ที่นิยมดำเนินการมี ๒ วิธี คือ การแปลงสกุลเงิน เช่น การแปลงหนี้สกุลเงินเยนเป็นเงินบาท
และการแปลงอัตราดอกเบี้ย เช่น
การแปลงอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๙ พฤษภาคม
๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒๙ พฤษภาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๘๕ ง/หน้า ๕/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ |
667605 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ครั้งที่ ๒
ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๕ แบ่งเป็น ๓ รุ่นอายุ คือ รุ่นอายุ ๑๒ ปี รุ่นอายุ ๒๕ ปี
และรุ่นอายุ ๔๐ ปี ให้กับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม
และบริษัทประกันชีวิต จำนวนรวม ๓๕,๘๐๐ ล้านบาท
โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดดังนี้
๑. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ดังนี้
๑.๑ รุ่นอายุ ๑๒ ปี ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๗
๑.๒ รุ่นอายุ ๒๕ ปี ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๘๐
๑.๓ รุ่นอายุ ๔๐ ปี ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๙๕
กระทรวงการคลังจะชำระเงินคืนให้ทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนดอายุเงินกู้
โดยไม่มีการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนด
๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยคงที่
โดยดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๕ แบ่งเป็น ๓ รุ่นอายุ
ดังนี้
๒.๑ รุ่นอายุ ๑๒ ปี อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๔.๐๓๕ ต่อปี
๒.๒ รุ่นอายุ ๒๕ ปี อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๔.๒๙๑ ต่อปี
๒.๓ รุ่นอายุ ๔๐ ปี อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๔.๕๖๘ ต่อปี
๓. การชำระดอกเบี้ยแบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด
ในวันที่ ๒๖ เมษายน และวันที่ ๒๖ ตุลาคม ของทุกปี โดยดอกเบี้ยงวดแรกจะชำระในวันที่
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๕
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย และวันไถ่ถอนต้นเงินตรงกับวันหยุดราชการ หรือวันหยุดทำการของธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป
โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๒ พฤษภาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๒ พฤษภาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๘๒ ง/หน้า ๑๖/๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ |
667601 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินสำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินสำหรับโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำ
และสร้างอนาคตประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๕
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๕ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕
จึงได้ดำเนินการกู้เงิน โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อนำมาใช้ในโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.
๒๕๕๕
๓. รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๔ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน) แบ่งเป็น ๒
วงเงิน ดังนี้
วงเงินที่ ๑ จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
วงเงินที่ ๒ จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ โดยจะเบิกที่อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน โดยจะแจ้งให้
ผู้ให้กู้ ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๓ อัตราดอกเบี้ย
วงเงินที่ ๑ เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๔๐
(ศูนย์จุดสี่ศูนย์) ต่อปี
วงเงินที่ ๒ เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๔๓
(ศูนย์จุดสี่สาม) ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด
๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๔ การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ ผู้ให้กู้ ทุกงวด ๖ เดือน
ในวันที่ ๓๐ เมษายน และวันที่ ๓๑ ตุลาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก
ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ
วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน
หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖ เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันประมูลเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ย
BIBOR ในงวดต่อ ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ
ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยเพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดมา
๓.๕ การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙
๓.๖ การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วน
โดยจะทยอยคืนหนี้เงินกู้ที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้ ผู้ให้กู้
ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๗
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้
๓.๘ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๒ พฤษภาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๒ พฤษภาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๘๒ ง/หน้า ๑๔/๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ |
667599 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การกู้เงินเพื่อนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๑๗
แห่งพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๕ และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓
แห่งพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๕
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕ จึงได้ดำเนินการกู้เงิน
โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
๑. ผู้ให้กู้ : ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
๒. วัตถุประสงค์ในการกู้ :
เพื่อนำเงินส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ
๓. รายละเอียดเงื่อนไข :
๓.๑ ระยะเวลากู้เงิน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
๓.๒ วงเงินกู้ จำนวน ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าร้อยล้านบาทถ้วน)
กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๓ อัตราดอกเบี้ย เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกร้อยละ ๐.๒๖ ต่อปี
โดยปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปี มี ๓๖๕ วัน
แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ ๖
เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
๓.๔ การชำระดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้ให้กู้ทุกงวด ๖ เดือน
ในวันที่ ๓๐ เมษายน และวันที่ ๓๑ ตุลาคมของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่
๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมต้นเงินกู้ ณ
วันสิ้นสุดสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงทุกงวด ๖ เดือน
หากมีการเปลี่ยนแปลง
การชำระดอกเบี้ยงวดแรก
กระทรวงการคลังจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ ระยะ ๖ เดือน (BIBOR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันประมูลเงินกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยในงวดต่อ
ๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ๒ วันทำการ ก่อนวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย
เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนถัดมา
๓.๕ การชำระต้นเงิน
กระทรวงการคลังจะชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวน ณ
วันสิ้นสุดสัญญากู้เงิน คือวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗
๓.๖ การชำระหนี้ก่อนกำหนด
กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วน
โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒ วันทำการ
๓.๗
หากวันครบกำหนดชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยคราวใดตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลังจะชำระหนี้ในวันเปิดทำการถัดไป
โดยไม่นับวันหยุดราชการหรือวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว
เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดชำระ
ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงก่อนวันชำระหนี้
๓.๘ ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๒ พฤษภาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๒ พฤษภาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๘๒ ง/หน้า ๑๒/๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ |
667287 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 โดยวิธีการตกลงราคา | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ โดยวิธีการตกลงราคา[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ครั้งที่ ๑
โดยวิธีการตกลงราคา ในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวนรวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้กับธนาคารออมสิน จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน
๒๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดดังนี้
๑. กำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ภายใน
๖ เดือน นับแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๕ โดยจะชำระคืนต้นเงินกู้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนดอายุเงินกู้
โดยไม่มีการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนด
๒. ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้มีอัตราดอกเบี้ยคงที่
โดยดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้ในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๕ มีอัตราร้อยละ
๓.๒๕ ต่อปี
๓. ชำระดอกเบี้ยในวันที่
๒๖ กันยายน ๒๕๕๕ โดยจะชำระพร้อมกับต้นเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ไถ่ถอน
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย
และวันไถ่ถอนต้นเงินตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดทำการของธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันเปิดทำการถัดไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ พฤษภาคม
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๒ พฤษภาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๘๐ ง/หน้า ๖/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ |
666824 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ อายุคงเหลือ ๒.๙๓ ปี จำนวน ๗๘๒,๓๓๕,๐๐๐ บาท (เจ็ดร้อยแปดสิบสองล้านสามแสนสามหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
โดยเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ อายุ ๓ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรุ่นนี้เป็น ๑,๒๔๑,๐๓๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งพันสองร้อยสี่สิบเอ็ดล้านสามหมื่นบาทถ้วน)
ข้อ ๒ พันธบัตรนี้เป็นพันธบัตรชนิดออกในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตร
และจดทะเบียนตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท โดยวงเงินซื้อขั้นต่ำ ๑,๐๐๐ บาท และจำกัดวงเงินซื้อขั้นสูง ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซื้อเพิ่มเป็นจำนวนเท่าของ ๑,๐๐๐ บาท
โดยมีรายละเอียดการจำหน่าย ดังนี้
๒.๑ ผู้มีสิทธิ์ซื้อ ประกอบด้วย
บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย สภากาชาดไทย มูลนิธิ
สมาคม สหกรณ์ วัด สถานศึกษาของรัฐ
โรงพยาบาลของรัฐและนิติบุคคลอื่นใดที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไร
(ผู้ไม่มีสิทธิ์ซื้อ
ประกอบด้วย ธนาคาร บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
บริษัทประกัน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคลที่บริหารโดยสถาบันการเงิน
กองทุนรวม คณะบุคคล บรรษัท สำนักงานประกันสังคม รัฐวิสาหกิจ บริษัท ห้างร้าน
หน่วยงานธุรกิจ นิติบุคคลที่แสวงหากำไร นิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรร
โรงพยาบาลเอกชน และสถานศึกษาเอกชน)
๒.๒ วันชำระเงินค่าพันธบัตรรัฐบาลเพื่อรายย่อยพิเศษ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ และวันจดทะเบียน คือ วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ - ๙ มีนาคม ๒๕๕๕
โดยมีผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดา ๑,๔๖๙ ราย จำนวน ๗๗๓,๔๘๕,๐๐๐ บาท มูลนิธิ ๕ ราย จำนวน ๓,๘๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนราชการ ๓ ราย จำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และนิติบุคคลอื่น ๆ ๒ ราย จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๑,๔๗๙
ราย จำนวนรวม ๗๘๒,๓๓๕,๐๐๐ บาท
ข้อ ๓ ให้ธนาคารกรุงไทย
จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้
ข้อ ๔ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียน
และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรุ่นนี้และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกใบตราสารให้ผู้ถือกรรมสิทธิ์
ทั้งนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรสามารถฝากพันธบัตรไว้ที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
เว้นแต่ในกรณีที่ซื้อพันธบัตรตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ - ๙ มีนาคม ๒๕๕๕ สามารถฝากพันธบัตรไว้ที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
หากประสงค์จะดำเนินการเรื่องต่าง ๆ
ให้เป็นไปตามพิธีปฏิบัติของบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
ข้อ ๖ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรสามารถใช้พันธบัตรเป็นหลักประกันให้กับหน่วยงานราชการและองค์กรของรัฐ
เช่น การประกันทางศาล หรือการประกันไฟฟ้า
และสามารถใช้พันธบัตรเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินหรือบุคคลอื่นได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระเบียบหลักเกณฑ์การรับหลักประกันของหน่วยงานหรือบุคคลนั้น ๆ
ข้อ ๗ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ต้องการโอนกรรมสิทธิ์พันธบัตรรุ่นนี้ก่อนกำหนดสามารถกระทำได้โดยไม่จำกัดประเภทบุคคล
ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
เว้นแต่ในกรณีที่ซื้อพันธบัตรตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ - ๙ มีนาคม ๒๕๕๕
สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
และยกเว้นการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นหลักประกัน
หรือโอนทางมรดกหรือการแบ่งทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการหย่า หรือล้มละลาย
หรือการชำระบัญชี ให้กระทำได้หลังจากได้รับใบพันธบัตรแล้ว
แต่จะกระทำในระหว่างระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินมิได้
การโอนกรรมสิทธิ์ให้ปฏิบัติตามพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๘ พันธบัตรรุ่นนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๗๕ ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ ๒ งวด คือ ในวันที่ ๑๒ มีนาคม และ ๑๒ กันยายน
ของทุกปี โดยจ่ายเป็นจำนวนเงินงวดละเท่า ๆ กัน จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด
ยกเว้นงวดแรก และงวดที่ ๒ จะคำนวณดอกเบี้ยโดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน
และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้
การคำนวณดอกเบี้ยหากมีเศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะโอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝาก
(ยกเว้นบัญชีเงินฝากประจำ)ของผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ฝากไว้ที่ธนาคารใดก็ได้
(ธนาคารในประเทศไทยเท่านั้น) ตามที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์แจ้งไว้ในคำเสนอขอซื้อพันธบัตร
หรือตามที่มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงต่อธนาคารแห่งประเทศไทยในภายหลังหรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด โดยในการโอนดอกเบี้ยเข้าบัญชี
หากเป็นบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
เจ้าของบัญชีจะไม่ถูกหักค่าธรรมเนียมการโอนเงิน หากเป็นบัญชีเงินฝากของธนาคารอื่น
ธนาคารเจ้าของบัญชีเงินฝากอาจหักค่าธรรมเนียมการโอนเงินตามอัตราที่แต่ละธนาคารประกาศหรือกำหนด
การจ่ายดอกเบี้ยของพันธบัตรในแต่ละงวด
จะจ่ายให้แก่ผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยถือตามรายชื่อทางทะเบียน ณ
วันทำการสุดท้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนถึงช่วงระยะเวลา ๓๐ วัน ก่อนวันถึงกำหนดชำระดอกเบี้ย
หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
โดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้
ข้อ ๙ พันธบัตรรุ่นนี้ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่
๑๒ กันยายน ๒๕๕๗
หากวันครบกำหนดไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้
ข้อ ๑๐ การชำระต้นเงินตามพันธบัตร
จะกระทำได้ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับคืนใบพันธบัตร
หรือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับแจ้งจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด
กรณีผู้ถือกรรมสิทธิ์ฝากพันธบัตรไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย)
จำกัด
ข้อ ๑๑ กรณีที่มีการออกใบพันธบัตร
มิให้ถือว่าพันธบัตรฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่นายทะเบียนโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๒ กำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้แก่
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ดังนี้
๑๒.๑ ค่าธรรมเนียมในการจัดจำหน่ายพันธบัตรในอัตราร้อยละ ๐.๐๐
ของมูลค่าพันธบัตรที่จำหน่ายได้ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
๑๒.๒ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ที่นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมในการจัดจำหน่ายพันธบัตรตามที่จ่ายจริง
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ข้อ ๑๓ กำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังนี้
๑๓.๑ ค่าธรรมเนียมในการเป็นนายทะเบียนและตัวแทนการจ่ายเงินเกี่ยวกับพันธบัตรในอัตราร้อยละ
๐.๑ ของดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
๑๓.๒ ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรตามที่จ่ายจริง
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๗๓ ง/หน้า ๒๒/๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ |
666822 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู ฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒[๑]
โดยที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
(พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ วงเงิน ๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ (LB165A) จำหน่ายได้จริงจำนวน
๖,๔๕๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท (หกพันสี่ร้อยห้าสิบล้านบาทถ้วน)
กระทรวงการคลังจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ จากจำนวน ๘,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (แปดพันล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๖,๔๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
(หกพันสี่ร้อยห้าสิบล้านบาทถ้วน)
ประกาศ
ณ วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๗๓ ง/หน้า ๒๑/๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ |
666719 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการกู้เงินด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการกู้เงินด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศผลการกู้เงินด้วยวิธีการออกตั๋วเงินคลัง
ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังได้ออกจำหน่ายตั๋วเงินคลังโดยวิธีการประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลัง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และบริษัทหลักทรัพย์
ข้อ ๒ ผลการประมูลตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนมีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้รับเงินจำนวน ๓๙,๔๐๐,๒๗๖,๗๕๗.๙๔ บาท
โดยมีส่วนลดจำนวน ๕๙๙,๗๒๓,๒๔๒.๐๖ บาท
งวดที่
จำนวนเงิน
(ล้านบาท)
วันที่ลง
ในตั๋วเงินคลัง
วันที่ครบกำหนด
อายุ
(วัน)
จำนวนเงินที่ประมูลได้
(บาท)
ส่วนลด
(บาท)
L1/181/54
๑๐,๐๐๐
๘
มีนาคม ๒๕๕๕
๕
กันยายน ๒๕๕๕
๑๘๑
๙,๘๕๑,๒๔๗,๘๐๕.๙๑
๑๔๘,๗๕๒,๑๙๔.๐๙
L2/182/54
๑๐,๐๐๐
๑๔
มีนาคม ๒๕๕๕
๑๒
กันยายน ๒๕๕๕
๑๘๒
๙,๘๕๐,๒๕๔,๓๐๙.๗๗
๑๔๙,๗๔๕,๖๙๐.๒๓
L3/182/54
๑๐,๐๐๐
๒๑
มีนาคม ๒๕๕๕
๑๙
กันยายน ๒๕๕๕
๑๘๒
๙,๘๔๙,๗๕๐,๓๐๗.๕๖
๑๕๐,๒๔๙,๖๙๒.๔๔
L4/182/54
๑๐,๐๐๐
๒๘
มีนาคม ๒๕๕๕
๒๖
กันยายน ๒๕๕๕
๑๘๒
๙,๘๔๙,๐๒๔,๓๓๔.๗๐
๑๕๐,๙๗๕,๖๖๕.๓๐
รวม
๓๙,๔๐๐,๒๗๖,๗๕๗.๙๔
๕๙๙,๗๒๓,๒๔๒.๐๖
ข้อ ๓ ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับตั๋วเงินคลัง
ร้อยละ ๐.๐๑ ของจำนวนตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
ข้อ ๔ ในการกู้เงินโดยการออกตั๋วเงินคลังของกระทรวงการคลัง
เป็นการกู้เงินในรูปเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้เพียงพอกับการใช้จ่ายของรัฐบาล
โดยการกู้เงินในขณะหนึ่ง ๆ จะต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนด
เว้นแต่จะมีการลดวงเงินหรือเพิ่มวงเงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.
๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ซึ่ง ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔
มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ - เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๑๒๕,๖๙๑ ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน ๘๐,๐๐๐
ล้านบาท และส่วนที่ ๒
เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีที่ผ่านมาจำนวน ๔๕,๖๙๑ ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในไตรมาสที่ ๑ - ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท และดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรออมทรัพย์จำนวน
๗๘๒.๓๓๕ ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ
- เงินสดจ่ายของรัฐบาลจำนวน ๑๑๙,๙๐๘.๖๖๕ ล้านบาท
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๗๑ ง/หน้า ๓/๒๗ เมษายน ๒๕๕๕ |
666320 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 11 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑
จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท (เจ็ดพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๑ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๑
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๑ (LB616A)
อายุคงเหลือ ๔๙.๑๒ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี
จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท
๑๖
พ.ค. ๒๕๕๕
๗,๐๐๐
๑๘
พ.ค. ๒๕๕๕
๑๗
ธ.ค. ๒๕๕๔
๑๗
มิ.ย. ๒๖๐๔
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๔.๘๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๗,๐๐๐ ล้านบาท (เจ็ดพันล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา
(Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๔๙/๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ |
666318 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 10 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐ จำนวน
๑๙,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นเก้าพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖ (LB15DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๑๑๓,๐๐๐ ล้านบาท
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๓๒,๐๐๐ ล้านบาท
โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อ
โดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๐ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑๐ (LB15DA)
อายุคงเหลือ ๓.๖๑ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๑๒๕ ต่อปี
จำนวน ๑๙,๐๐๐ ล้านบาท
๒
พ.ค. ๒๕๕๕
๒๐
มิ.ย. ๒๕๕๕
๙,๐๐๐
๑๐,๐๐๐
๔
พ.ค. ๒๕๕๕
๒๒
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๑
ธ.ค. ๒๕๕๔
๑๑
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๑
ธ.ค. ๒๕๕๘
๑๑
ธ.ค. ๒๕๕๘
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๓๒,๐๐๐ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๖ สิงหาคม
๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๑๒๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๔) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๑ มิถุนายน และ ๑๑ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้ วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน
ต้องไม่เกิน ๑๙,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นเก้าพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา
(Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๔๔/๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ |
666316 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 9 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙ จำนวน
๑๗,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันล้านบาทถ้วน)
ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (LB27DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๙ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๙
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๙ (LB27DA)
อายุคงเหลือ ๑๕.๖๕ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๕๘ ต่อปี
จำนวน ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท
๒๕ เม.ย. ๒๕๕๕
๒๐
มิ.ย. ๒๕๕๕
๘,๐๐๐
๙,๐๐๐
๒๗ เม.ย. ๒๕๕๕
๒๒
มิ.ย. ๒๕๕๕
๒
มี.ค. ๒๕๕๕
๑๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
ธ.ค. ๒๕๗๐
๑๗
ธ.ค. ๒๕๗๐
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๕๘ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล โดยเริ่มคำนวณจากวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕
ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
ณ วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๗๐ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา
(Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๓๙/๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ |
666314 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 8 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘ จำนวน
๓๒,๐๐๐ ล้านบาท (สามหมื่นสองพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔
(LB21DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๖๔,๑๑๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๖,๑๑๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาทและไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๘ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๘
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๘ (LB21DA)
อายุคงเหลือ ๙.๖๗ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี
จำนวน ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท
๑๑ เม.ย. ๒๕๕๕
๖
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗,๐๐๐
๑๕,๐๐๐
๑๗ เม.ย. ๒๕๕๕
๘
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๗
ธ.ค. ๒๕๕๔
๑๗
ธ.ค. ๒๕๕๔
๑๗
ธ.ค. ๒๕๖๔
๑๗
ธ.ค. ๒๕๖๔
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๙๖,๑๑๐ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๖๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท (สามหมื่นสองพันล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓) ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา
(Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๓๔/๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ |
666312 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 7 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ จำนวน
๑๖,๕๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นหกพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒
(LB416A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๓๔,๕๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า
๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๗ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๗
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๗ (LB416A)
อายุคงเหลือ ๒๙.๒๐ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี
จำนวน ๑๖,๕๐๐ ล้านบาท
๔
เม.ย. ๒๕๕๕
๒๗
มิ.ย. ๒๕๕๕
๘,๐๐๐
๘,๕๐๐
๑๐ เม.ย. ๒๕๕๕
๒๙
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๔
ธ.ค. ๒๕๕๔
๑๔
มิ.ย. ๒๕๕๕
๑๔
มิ.ย. ๒๕๘๔
๑๔
มิ.ย. ๒๕๘๔
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๕๑,๐๐๐ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๘๐ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๔) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่
๑๔ มิถุนายน และ ๑๔ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๘๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๖,๕๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นหกพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓) ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนดกระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา
(Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๒๙/๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ |
666310 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 6 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ จำนวน
๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ (LB155A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน
๑๑๗,๕๗๒ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๓๒,๕๗๒ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า
๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๖
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๖ (LB155A)
อายุคงเหลือ ๓.๑๒ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี
จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
๔
เม.ย. ๒๕๕๕
๑๕,๐๐๐
๑๐ เม.ย. ๒๕๕๕
๒๒
พ.ย. ๒๕๕๔
๒๒
พ.ค. ๒๕๕๘
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๑๓๒,๕๗๒ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๖ ตุลาคม
๒๕๕๒
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๖๒๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่
๒๒ พฤษภาคม และ ๒๒ พฤศจิกายน ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓) ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา
(Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๒๔/๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ |
666308 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วเงินคลังตามวงเงินและรายละเอียดในตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง
ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท. นว.(ว) ๑๐๘๖/๒๕๓๘
เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง) โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง
ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วเงินคลังโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินตั๋วเงินคลังและจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้
ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๓ ให้บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้รับฝากตั๋วเงินคลังประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๔ ตั๋วเงินคลังตามข้อ
๑ มีราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท โดยมีดอกเบี้ยเป็นส่วนลด
และใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อครบกำหนดอายุนับแต่วันที่ลงในตั๋วเงินคลัง
หากวันครบกำหนดอายุตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการออกใบตั๋วเงินคลัง
ผู้ถือกรรมสิทธิ์จะต้องส่งคืนใบตั๋วเงินคลัง
ถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนวันครบกำหนดอายุไถ่ถอนอย่างน้อย ๑ วัน
และธนาคารแห่งประเทศไทยจะใช้เงินให้เมื่อได้รับใบตั๋วเงินคลังแล้ว
ข้อ ๕ ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วเงินคลังโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายตั๋วเงินคลังโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่า
จะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใด ไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๔ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูล
ต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
กรณีระบบการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วเงินคลังจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๖ กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วเงินคลังให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายตั๋วเงินคลัง
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วเงินคลังให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
ข้อ ๗ ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังจะต้องชำระราคาภายในเวลา
๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายตั๋วเงินคลัง
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๘ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังได้ชำระราคาตามข้อ
๗ แล้ว
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากตั๋วเงินคลังเข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังที่บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังไม่ชำระราคาค่าตั๋วเงินคลังภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลของผู้เสนอประมูลรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๑๐ ค่าธรรมเนียมจัดการตั๋วเงินคลังอัตราร้อยละ
๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
ข้อ ๑๑ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำตั๋วเงินคลังให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๒ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากตั๋วเงินคลัง
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๓ กรณีที่มีการออกตั๋วเงินคลัง
มิให้ถือว่าตั๋วเงินคลังฉบับใดสมบูรณ์
เว้นแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้น
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินคลังฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๔ กระทรวงการคลังสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนการจำหน่าย
และจะไม่พิจารณาจัดสรรตั๋วเงินคลังให้แก่ผู้เสนอประมูลรายใด หรือทุกราย
สำหรับจำนวนที่เสนอประมูลทั้งหมด หรือบางส่วนก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
จักรกฤศฏิ์
พาราพันธกุล
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. ตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
๒. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๒๐/๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ |
666306 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕[๑]
โดยที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ ลงวันที่ ๑๖
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ วงเงิน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน) จำหน่ายได้จริงจำนวน ๕,๑๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าพันหนึ่งร้อยสิบล้านบาทถ้วน)
กระทรวงการคลังจึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๕ จากจำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน) เป็นจำนวน ๕,๑๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าพันหนึ่งร้อยสิบล้านบาทถ้วน)
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๑๙/๒๓ เมษายน ๒๕๕๕ |
665972 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ วงเงิน ๕,๑๑๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ (LB21DA) อายุ ๑๑.๐๘ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๖๔,๑๑๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๗๔ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน
ในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์
และบริษัทหลักทรัพย์
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๑
มีนาคม
๒๕๕๕
๕,๑๑๐
๓.๘๕๔๐
๕,๐๗๕,๑๒๗,๐๑๓.๓๐
(๘๔,๔๓๙,๙๘๖.๗๐)
๔๙,๕๖๗,๐๐๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๖ ง/หน้า ๑๒/๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ |
665970 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 4 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) อายุ ๕๐.๓๒ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๔๙.๓๓ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน
ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่
บริษัทประกันชีวิต
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๙
กุมภาพันธ์
๒๕๕๕
๕,๐๐๐
๔.๓๓๔๔
๕,๕๗๓,๕๗๘,๙๖๓.๙๐
๕๒๓,๐๘๕,๘๑๓.๙๐
๕๐,๔๙๓,๑๕๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๖ ง/หน้า ๑๐/๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ |
665968 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๑๕.๘๐ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๗๐
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๕๘ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาลหากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๙
กุมภาพันธ์
๒๕๕๕
๑๐,๐๐๐
๓.๗๗๔๘
๙,๗๗๐,๒๔๐,๑๘๑.๓๕
(๒๒๙,๗๕๙,๘๑๘.๖๕)
-
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๖ ง/หน้า ๘/๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ |
665966 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 2 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ วงเงิน ๗,๕๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ (LB416A) อายุ ๓๐.๖๕ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๓๔,๕๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๒๙.๓๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน
ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๘๔ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน และ ๑๔ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานประกันสังคม และบริษัทประกันชีวิต
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๒ กุมภาพันธ์
๒๕๕๕
๗,๕๐๐
๓.๙๘๘๕
๗,๓๑๒,๕๘๕,๖๓๕.๔๕
(๒๔๓,๖๓๓,๕๓๙.๕๕)
๕๖,๒๑๙,๑๗๕
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ
๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๖ ง/หน้า ๖/๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ |
665964 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re - open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ (LB155A) อายุ ๕.๖๐ ปี ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๑๑๗,๕๗๒ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๓.๒๔ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม และ ๒๒ พฤศจิกายน ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทน
เฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงิน
ที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/
ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ย
งวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๒
กุมภาพันธ์
๒๕๕๕
๑๖,๐๐๐
๓.๑๙๒๓
๑๖,๓๖๑,๑๕๕,๒๒๔.๒๐
๒๑๑,๗๘๕,๓๐๔.๒๐
๑๔๙,๓๖๙,๙๒๐
หมายเหตุ -:
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔.
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระ
และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๖ ง/หน้า ๔/๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ |
665697 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาล
ประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ (ILB217A) วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔ (ILB217A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น
๕๕,๐๐๐ ล้านบาท
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ ๙.๔๑ ปี
โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๓ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๐ ต่อปี
และมีส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน โดยมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและส่วนชดเชยดังนี้
(๑) ดอกเบี้ยและส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย = ต้นเงิน x อัตราดอกเบี้ย x Index Ratio x จำนวนวันตามจริง/๓๖๕
(๒) ส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนต้นเงิน (จ่าย ณ วันครบกำหนด) = ต้นเงิน x Index Ratio
หมายเหตุ กระทรวงการคลังจะประกาศ Index Ratio ประมาณ ๑ เดือน ก่อนวันจ่ายดอกเบี้ยแต่ละงวด หรือก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน
การชำระดอกเบี้ยชำระปีละ ๒ ครั้ง ในวันที่ ๑๔ มกราคม และ ๑๔ กรกฎาคม
ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
และสำนักงานประกันสังคม
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ยงวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๑๕
ก.พ. ๕๕
๑๕,๐๐๐.๐๐
๐.๙๐๘๓
๑๕,๕๒๖,๓๔๙,๐๐๘.๗๐
๕๐๙,๔๕๕,๙๓๗.๓๙
๑๖,๘๙๓,๐๗๑.๓๑
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๔ ง/หน้า ๗/๕ เมษายน ๒๕๕๕ |
665691 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. 2552) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒)
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑[๑]
เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑
เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีเงื่อนไขและสาระสำคัญดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้
(พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๑ (LB326A) วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑.๑ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุ ๒๐.๔๒ ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวนในวันที่
๒๕ มิถุนายน ๒๕๗๕ และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้
จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตรรัฐบาล
๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๗๗๕ ต่อปี ชำระปีละ ๒
ครั้ง ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน และ ๒๕ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
๒. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
มีดังนี้
๒.๑ วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันชีวิต และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
๒.๒ วิธีการเสนอซื้อ ไม่มีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
๓. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ
๒ ดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๕
โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก.
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ พ.ศ. ๒๕๕๒) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑
ดังนี้
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย
(ร้อยละต่อปี)
จำนวนเงินที่จำหน่ายได้
(บาท)
ส่วนเพิ่ม/ส่วนลด
(บาท)
ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ตั้งแต่วันที่จ่ายดอกเบี้ยงวดล่าสุดจนถึงวันที่จำหน่าย
(บาท)
๒๕
ม.ค. ๕๕
๙,๐๐๐.๐๐
๓.๕๖๕๖
๙,๒๗๑,๙๐๓,๘๗๓.๗๐
๒๗๑,๙๐๓,๘๗๓.๗๐
๐.๐๐
๑๔
มี.ค. ๕๕
๗,๐๐๐.๐๐
๔.๐๖๗๒
๖,๗๕๔,๙๔๑,๐๗๑.๓๐
(๒๘๐,๕๓๓,๕๙๘.๗๐)
๓๕,๔๗๔,๖๗๐.๐๐
หมายเหตุ :-
วันที่ลงในพันธบัตรรัฐบาล คือ วันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
๔. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียนและตัวแทนรับจ่ายเงินที่ได้จากการออกพันธบัตร
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑
ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๔ ง/หน้า ๕/๕ เมษายน ๒๕๕๕ |
664892 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายตั๋วเงินคลังในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน
และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๐
กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วเงินคลังตามวงเงินและรายละเอียดในตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วเงินคลัง
ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท. นว.(ว) ๑๐๘๖/๒๕๓๘
เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง) โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลัง
ตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วเงินคลังโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินตั๋วเงินคลังและจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้
ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๓ ให้บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้รับฝากตั๋วเงินคลังประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๔ ตั๋วเงินคลังตามข้อ
๑ มีราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย หน่วยละหนึ่งพันบาท โดยมีดอกเบี้ยเป็นส่วนลด
และใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อครบกำหนดอายุนับแต่วันที่ลงในตั๋วเงินคลัง หากวันครบกำหนดอายุตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการออกใบตั๋วเงินคลัง
ผู้ถือกรรมสิทธิ์จะต้องส่งคืนใบตั๋วเงินคลัง
ถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนวันครบกำหนดอายุไถ่ถอนอย่างน้อย ๑ วัน
และธนาคารแห่งประเทศไทยจะใช้เงินให้เมื่อได้รับใบตั๋วเงินคลังแล้ว
ข้อ ๕ ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วเงินคลังโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายตั๋วเงินคลังโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่า
จะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใด ไม่เกิน ๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๔ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูล
ต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
กรณีระบบการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อตั๋วเงินคลังจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๖ กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วเงินคลังให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายตั๋วเงินคลัง
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วเงินคลังให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้าน หากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
ข้อ ๗ ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังจะต้องชำระราคาภายในเวลา
๑๐.๐๐ น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายตั๋วเงินคลัง
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๘ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังได้ชำระราคาตามข้อ
๗ แล้ว
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากตั๋วเงินคลังเข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังที่บริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังไม่ชำระราคาค่าตั๋วเงินคลังภายในวันและเวลาที่กำหนดให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรตั๋วเงินคลังผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลของผู้เสนอประมูลรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๑๐ ค่าธรรมเนียมจัดการตั๋วเงินคลังอัตราร้อยละ
๐.๐๑ ของวงเงินตั๋วเงินคลังที่จำหน่ายได้
ข้อ ๑๑ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำตั๋วเงินคลังให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือบริษัท
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๒ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากตั๋วเงินคลัง
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๓ กรณีที่มีการออกตั๋วเงินคลัง
มิให้ถือว่าตั๋วเงินคลังฉบับใดสมบูรณ์
เว้นแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้น
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินคลังฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๔ กระทรวงการคลังสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนการจำหน่าย
และจะไม่พิจารณาจัดสรรตั๋วเงินคลังให้แก่ผู้เสนอประมูลรายใด หรือทุกราย
สำหรับจำนวนที่เสนอประมูลทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
จักรกฤศฏิ์
พาราพันธกุล
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. ตารางกำหนดการจำหน่ายตั๋วเงินคลังประจำเดือนมีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๕
๒. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา
(Competitive Bid : CB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๕๒ ง/หน้า ๔๕/๑๙ มีนาคม ๒๕๕๕ |
664414 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ครั้งที่ 3) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ 2 มีนาคม 2555 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕[๑]
ด้วยกระทรวงการคลังได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๔ และมาตรา
๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
(ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสิน ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๓ วงเงิน คือ ๓,๕๐๐ ล้านบาท ๓,๕๐๐ ล้านบาท และ ๓,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๗ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๔๒ ต่อปี ร้อยละ ๑.๔๓ ต่อปี และร้อยละ ๑.๔๔ ต่อปี ตามลำดับ
ซึ่งตามข้อ ๔ วรรคสอง กระทรวงการคลังจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้
ในวันที่ ๒ มีนาคม และวันที่ ๒ กันยายน ของทุกปี
โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน
ประเภทบุคคลธรรมดา เฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) ๔ แห่ง บวกร้อยละ ๐.๗๒ ต่อปี ร้อยละ ๐.๗๓ ต่อปี และร้อยละ ๐.๗๔ ต่อปี
ตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๔
ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินเป็นร้อยละ ๒.๘๗๖ ต่อปี ร้อยละ ๒.๘๘๖
ต่อปี และร้อยละ ๒.๘๙๖ ต่อปี ตามลำดับ
เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ดังกล่าว
จึงเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๓) ให้กับธนาคารออมสินจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๗๖ ต่อปี ร้อยละ
๒.๘๘๖ ต่อปี และร้อยละ ๒.๘๙๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๓.๑๒๓ ต่อปี ร้อยละ ๓.๑๓๓ ต่อปี
และร้อยละ ๓.๑๔๓ ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๔๖ ง/หน้า ๗/๘ มีนาคม ๒๕๕๕ |
664412 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 3 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลังตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ จำนวน
๑๐,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ
ดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคล เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ
ดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า
๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง
ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้านหากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อ กรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๓ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้
ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๓ (LB27DA)
อายุ ๑๕.๘๐ ปี
อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ ๓.๕๘ ต่อปี
จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
๒๙
ก.พ. ๒๕๕๕
๑๐,๐๐๐
๒
มี.ค. ๒๕๕๕
๒
มี.ค. ๒๕๕๕
๑๗
ธ.ค. ๒๕๗๐
หมายเหตุ :-
อัตราดอกเบี้ยจะประกาศในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๕๘ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล โดยเริ่มคำนวณจากวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕
ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวันการคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี
๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๗๐ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์
ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาทถ้วน)
(๒)
กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๔๖ ง/หน้า ๒/๘ มีนาคม ๒๕๕๕ |
664172 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 5 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลังตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ จำนวน
๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ
(Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔
(LB21DA) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๕๙,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๗๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ
ดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคล เพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ
ดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้านหากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อกรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๕ เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร
ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ
ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๕ (LB21DA)
อายุคงเหลือ ๙.๗๔ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี
จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
๒๑
มี.ค. ๒๕๕๕
๑๕,๐๐๐
๒๓
มี.ค. ๒๕๕๕
๑๗
ธ.ค. ๒๕๕๔
๑๗
ธ.ค. ๒๕๖๔
หมายเหตุ :-
เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๔ ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้ เป็น
๗๔,๐๐๐ ล้านบาท (เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๓)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๓.๖๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์
ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ มีนาคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒ มีนาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๔๒ ง/หน้า ๒๐/๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ |
664170 | ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 4 | ประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง
การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการออก การซื้อขาย การโอน และการใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน
พ.ศ. ๒๕๕๐ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕
โดยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนและวิธีการเสนอซื้อ
(โดยใช้สูตรการคำนวณราคาตามหนังสือเวียนธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.นว.(ว)
๑๐๘๖/๒๕๓๘ เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขาย
และคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง)
โดยมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลังตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยวิธีการออกพันธบัตรเงินกู้ประเภทที่เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ จำนวน
๕,๐๐๐ ล้านบาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙ (LB616A) ซึ่งมียอดคงค้างจำนวน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒ พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔
เป็นชนิดออกให้ในนามผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรตามราคาที่ตราไว้เป็นหน่วย
หน่วยละหนึ่งพันบาท
ข้อ ๓ กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ
ดังนี้
(๑) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน
บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่น ๆ
ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
(๒) จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์
นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี
การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์มาแบ่งปันกัน
กองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน
และผู้มีสิทธิประมูลในตลาดแรกที่ได้แจ้งความประสงค์ในการเสนอซื้อ
ข้อ ๔ การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องดำเนินการ
ดังนี้
(๑)
ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ต้องส่งข้อมูลทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยภายในเวลา
๙.๓๐ น. ของวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอประมูลและต้องเสนอว่าจะประมูลในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใดไม่เกิน
๓ อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน ๓ ตำแหน่ง)
และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่เสนอประมูลไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้านโดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลต้องไม่เกินวงเงินจำหน่ายตามประกาศกระทรวงการคลัง
(๒) ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอซื้อ
ต้องเสนอซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) สำหรับการทำธุรกรรมซื้อขายพันธบัตรประเภท Outright กับธนาคารแห่งประเทศไทย (Outright PD) ภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.
ก่อนวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ๑ วันทำการ และ
Primary Dealers ต้องนำข้อมูลเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทยทางระบบการประมูลตราสารหนี้โดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Bidding) พ.ศ. ๒๕๔๖ ภายในเวลา ๑๔.๐๐ น. ของวันเดียวกัน
โดยระบุราคาตราที่เสนอซื้อไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท และไม่เกิน ๔๐ ล้านบาท
และไม่มีเศษของหลักล้าน
กรณีระบบสำหรับการประมูลขัดข้อง ให้ผู้ประสงค์จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะต้องเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนหรือเสนอซื้อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามแบบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๕ กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ ดังนี้
(๑) ในการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน
แล้วจึงจัดสรรให้แก่ผู้เสนอประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนครบวงเงิน
และจะแจ้งผลการจัดสรรให้ผู้เสนอประมูลทราบในวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ในกรณีที่มีผู้เสนอประมูลเสนออัตราผลตอบแทนเท่ากันหลายราย
และจำนวนที่เสนอประมูลของผู้เสนอประมูลในกลุ่มนั้นรวมกันแล้วเกินวงเงินที่กำหนดไว้
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลในกลุ่มดังกล่าวตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอประมูล
โดยไม่มีเศษของหลักล้านหากมีเศษเหลือจากการจัดสรร
กระทรวงการคลังจะจัดสรรให้กับผู้เสนอประมูลที่ได้เสนอประมูลก่อนในกลุ่มนั้น
(๒) ในการเสนอซื้อ
กระทรวงการคลังจะจัดสรรพันธบัตรให้แก่ผู้เสนอซื้อไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
ในอัตราถัวเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่มีผู้ประมูลได้ตามวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นเดียวกัน
ในกรณีที่มีผู้เสนอซื้อเกินร้อยละ ๒๐ ของวงเงินจำหน่ายแต่ละรุ่น
กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดสรรตามสัดส่วนจำนวนที่เสนอซื้อกรณีที่มีผู้เสนอซื้อไม่ถึงร้อยละ
๒๐ ของวงเงินจำหน่าย
จะนำวงเงินส่วนที่เหลือไปรวมกับวงเงินที่จำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
ข้อ ๖ ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ จะต้องชำระราคาภายในเวลา ๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผู้เสนอซื้อที่ได้รับการจัดสรรจะต้องโอนเงินผ่านระบบบาทเนตหรือหักเงินจากบัญชีเงินฝากให้กับไพรมารีดีลเลอร์
(Primary Dealers) ที่เสนอซื้อแทน
ภายในวันทำการที่หนึ่งถัดจากวันที่จำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยไพรมารีดีลเลอร์ (Primary Dealers) ต้องรับผิดชอบชำระราคาค่าพันธบัตรที่เสนอซื้อภายในเวลา
๑๐.๐๐ น.
ของวันทำการที่สองถัดจากวันจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน
โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวันงานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ ๗ เมื่อผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้ชำระราคาตามข้อ
๖ แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยนำฝากพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๔
เข้าบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย)
จำกัด หรือออกเป็นใบตราสาร ทั้งนี้
เป็นไปตามที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์ไว้
ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลไม่ชำระราคาค่าพันธบัตรรัฐบาลภายในวันและเวลาที่กำหนด
ให้ถือว่าผู้ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาระงับสิทธิการทำธุรกรรมประมูลหรือเสนอซื้อของผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายนั้นเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
ข้อ ๙ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จำหน่าย
นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ และจัดการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการนี้ตามระเบียบและวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
ข้อ ๑๐ ให้บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับฝากพันธบัตรรัฐบาลประเภทไร้ใบตราสาร
ข้อ ๑๑ ให้กำหนดค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์แบบพิมพ์พันธบัตรรัฐบาล
(๒) ค่าธรรมเนียมในการจัดการเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาล
ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๐.๑ ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ ดอกเบี้ยที่ชำระและต้นเงินกู้ตามพันธบัตรที่ชำระคืน
ข้อ ๑๒ การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำพันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้
ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงและหรือพิธีปฏิบัติของธนาคารแห่งประเทศไทย
หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วแต่กรณี
ข้อ ๑๓ ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาดำเนินการตามพิธีปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการออกพันธบัตรรัฐบาล
มิให้ถือว่าพันธบัตรรัฐบาลฉบับใดสมบูรณ์เว้นแต่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลฉบับนั้นแล้ว
ข้อ ๑๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ตารางการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๒
รุ่นพันธบัตร
วันที่จำหน่าย
วงเงิน
จำหน่าย
(ล้านบาท)
วันที่ชำระเงิน
วันเริ่มคำนวณ
ดอกเบี้ย
วันครบกำหนด
ไถ่ถอน
พันธบัตรรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ครั้งที่ ๔ (LB616A)
อายุคงเหลือ ๔๙.๓๓ ปี
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี
จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท
๒๙
ก.พ. ๒๕๕๕
๕,๐๐๐
๒
มี.ค. ๒๕๕๕
๑๗
ธ.ค. ๒๕๕๔
๑๗
มิ.ย. ๒๖๐๔
หมายเหตุ :- เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๙
ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้ เป็น ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท
(เปิดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔)
ข้อ ๑๖ พันธบัตรรัฐบาลประเภทนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ
๔.๘๕ ต่อปี คำนวณจากมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาล
โดยเริ่มคำนวณจากวันชำระดอกเบี้ยครั้งล่าสุด (วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔) ถึงวันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลหนึ่งวัน
การคำนวณดอกเบี้ยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี ๓๖๕ วัน แล้วนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง
เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
โดยตลอดเวลาที่พันธบัตรรัฐบาลยังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ
วันที่ ๑๗ มิถุนายน และ ๑๗ ธันวาคม ของทุกปี
สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมกับต้นเงินของพันธบัตรรัฐบาล ณ
วันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล
หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป
ข้อ ๑๗ พันธบัตรรัฐบาลนี้มีกำหนดไถ่ถอนคืนในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๖๐๔ เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจำนวนที่ออก
และจะไม่มีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุดราชการหรือวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็ให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป
โดยการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพันธบัตรรัฐบาลนี้ จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับคืนพันธบัตร
ข้อ ๑๘ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์
ดังนี้
(๑) ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ทั้งนี้
วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน)
(๒) กระทรวงการคลังจะไม่รับการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนของผู้เสนอประมูลหรือการเสนอซื้อของผู้เสนอซื้อรายใดก็ได้
และจะจัดสรรพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ผู้เสนอประมูลหรือผู้เสนอซื้อรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
ตามแต่จะเห็นสมควร
(๓)
ในกรณีที่การดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนดกระทรวงการคลังจะดำเนินการตามความเหมาะสม
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
สุภา ปิยะจิตติ
รองปลัดกระทรวงการคลัง
หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบเสนอประมูลตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid : CB))
๒. แบบเสนอซื้อตราสารหนี้รัฐบาล (โดยวิธีประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-competitive Bid : NCB))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ มีนาคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒ มีนาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๔๒ ง/หน้า ๑๕/๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.