txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# NVIDIA ขอโทษที่ RTX 3080 ขาดตลาด, ทราฟฟิคเว็บมากกว่าตอน 2080 ถึง 10 เท่า
หลังเปิดตัว RTX 3080 ที่ประสิทธิภาพรวมถึงราคาที่ดีขึ้นกว่ารุ่นแรก จนทำให้ยอดพรีออเดอร์พุ่งกระฉูดและขาดตลาดไปแทบจะทุกช่องทาง ขณะที่ของหน้าร้านก็ไม่มีขายเลยตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา เพราะของหมดตั้งแต่พรีออเดอร์ ล่าสุด NVIDIA ออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการแล้วและบอกว่าะจะเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้น
NVIDIA ขอโทษและยอมรับว่าทั้งตัวบริษัทและพาร์ทเนอร์ไม่ได้เตรียมพร้อม (กับความท่วมท้นระดับนี้) รวมถึงเปิดเผยด้วยว่าหน้าเว็บของ NVIDIA และพาร์ทเนอรค้าปลีกถึงกับล่มอยู่เป็นระยะ เนื่องจากทราฟิคที่เข้ามามหาศาลและมากกว่าตอนเปิดตัว RTX 2080 ถึง 10 เท่า ขณะที่พาร์ทเนอร์ค้าปลีกก็บอกว่าเยอะกว่าช่วง Black Friday ด้วยซ้ำ
นอกจาก NVIDIA แล้วพาร์ทเนอร์ที่ผลิตและขายการ์ดจอก็ยอมรับว่าต้องยกเลิกออเดอร์หลายร้อยออเดอร์ที่ถูกสั่งเข้ามาด้วยบอท ขณะที่ NVIDIA ระบุว่าจะตรวจสอบการขายแบบแมนนวลและนำ CAPTCHA มาใช้เพื่อลดจำนวนบอทลง
ที่มา - The Verge |
# [ไม่ยืนยัน] อินเทลได้ใบอนุญาตขายซีพียูให้หัวเว่ย
สำนักข่าวจีนรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่ระบุตัวตน ระบุว่าอินเทลได้ใบอนุญาตขายซีพียูให้กับหัวเว่ยได้ต่อไป ทำให้หัวเว่ยสามารถพัฒนาโน้ตบุ๊กต่อไปได้
แม้ว่าจะได้ชิปจากอินเทล แต่กฎห้ามบริษัทนอกสหรัฐฯ ขายชิปให้หัวเว่ยก็เพิ่งมีผลบังคับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และบริษัทผู้ผลิตชิปอื่นๆ ก็เข้าคิวรอใบอนุญาตจากสหรัฐฯ กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Macronix, Micron, SK Hynix, Qualcomm, Samsung, และ SMIC ไปจนถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนเทคโนโลยีสูงอื่นๆ ที่ไม่ใช้แค่ชิป เช่น เลนส์กล้อง หรือแผงวงจร หากบริษัทเหล่านี้ไม่ได้รับใบอนุญาตแบบเดียวกับอินเทลก็น่าจะกระทบธุรกิจโดยรวมอย่างหนักอยู่ดี
ที่มา - CGTN |
# กลับไปกลับมา ทรัมป์บอกจะไม่อนุมัติดีล TikTok-Oracle เพราะ Bytedance ยังถือหุ้นส่วนใหญ่
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบ ดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์สื่อว่าเขาอนุมัติ "ในหลักการ" ของข้อเสนอเรื่อง TikTok กับ Oracle แต่ล่าสุดเกิดเปลี่ยนใจ เพราะภายใต้ข้อเสนอดังกล่าว ByteDance ยังคงถือหุ้น 80% ที่เหลือเป็น Oracle และ Walmart ซึ่งในความเห็นของทรัมป์ ByteDance ยังมีอำนาจควบคุมสูง เขาจึงจะไม่อนุมัติข้อตกลง เว้นแต่ ByteDance จะขายหุ้นทั้งหมด
ต้นสายปลายเหตุมาจากการที่โฆษกของ TikTok กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ByteDance จะถือหุ้น 80 % ของ จนกว่าจะมีการเสนอขาย IPO ในตลาดหุ้น นอกจากนี้ ByteDance ยังบอกด้วยว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่รวมถึงการถ่ายโอนอัลกอริทึม ต่อมา Oracle ก็ออกมาโต้แย้งคำอธิบายข้อตกลงของ TikTok บอกว่า ในการสร้างบริษัท TikTok Global นั้น Oracle/Walmart จะลงทุนใน TikTok และหุ้นของ TikTok Global ก็จะถูกแจกจ่ายให้เจ้าของซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทอเมริกัน และ ByteDance จะไม่มีความเป็นเจ้าของใน TikTok Global
ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเลื่อนการแบน TikTok ไปอีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อรอดีลนี้ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการ แต่จากเหตุการณ์ที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าจะมีการเคาะข้อตกลงอย่างเป็นทางการเมื่อไร และยิ่งทำให้ข้อตกลงนั้นทำได้ยากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนได้เพิ่มเทคโนโลยี AI เข้าไปในกลุ่มสินค้าควบคุมการนำเข้าและส่งออก บริษัทจีนที่จะขายเทคโนโลยี AI จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลจีนก่อน
ที่มา - New York Times |
# หัวหน้าฝ่าย Xbox ยืนยัน จะไม่แตะอะไร ZeniMax/Bethesda ทุกอย่างยังเหมือนเิม
ต่อเนื่องกับดีลใหญ่ในวงการเกมเมื่อคืนนี้ Phil Spencer ก็หนีไม่พ้นจะถูกถามว่า Xbox จะทำอย่างไรกับสตูดิโอในเครือ ZeniMax หรือไม่ ซึ่งเจ้าก็ยืนยันว่าจะไม่ไปแตะต้องอะไรทั้งนั้น ("Our plan is to leave it alone")
Phil ย้ำว่าแผนของ Xbox คือต้องการให้ Zenimax เป็นตัวเองที่ดีที่สุดอย่างที่เคยเป็นมา เพราะที่ผ่านมาบริษัทก็มีประวัติออกเกมที่ยอดเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง
ที่มา - GameSpot |
# Adobe แสดงการใช้เครื่องมือ Photoshop ใช้ AI เปลี่ยนท้องฟ้าได้ตามต้องการ
Adobe เผยความสามารถใหม่ของ AI หรือ Adobe Sensei ในเครื่องมือ AI Sky Replacement บน Photoshop สามารถแต่งรูปท้องฟ้าได้ตามต้องการ เช่นเปลี่ยนท้องฟ้ากลางวัน ให้เป็นท้องฟ้ายามเย็น
ผู้ใช้งานจะมองเห็นเครื่องมือ AI Sky Replacement จากปุ่ม Edit ที่จะมีรูปท้องฟ้าในรูปแบบต่างๆ มาให้ใช้ หรือจะใช้รูปท้องฟ้าของตัวเองก็ได้ เมื่อกดที่รูปภาพ thumbnail ก็จะเห็นพรีวิวรูปภาพไปด้วยพร้อมกัน และใช้พลัง AI ปรับแต่งคอนทราสต์และเงาไปด้วยอัตโนมัติ
การแทนที่ท้องฟ้าอัตโนมัติมีใช้งานแล้วในแอป Photoshop Camera การนำมาใช้บน Photoshop ก็จะช่วยให้ปรับแต่งได้เนียนละเอียดขึ้น แต่ฟีเจอร์ใหม่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน และคาดว่าจะมีการสาธิตแบบเต็มๆ ในงาน Adobe Max 20 ตุลาคมนี้
ที่มา - Engadget |
# เปิดตัว Vivo V20 Pro 5G มือถือกล้องหน้าคู่ มี Eye Autofocus ราคา 14,999 บาท
Vivo เปิดตัวมือถือ Vivo V20 Pro 5G ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มาพร้อมกล้องหน้าคู่ กล้องหลังสามตัว พร้อมระบบ Eye Autofocus ช่วยโฟกัสดวงตาขณะถ่ายภาพหรือวิดีโอ และระบบ Steadiface Selfie Video ช่วยลดการสั่นเมื่อถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า สเปกโดยละเอียดมีดังนี้
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว อัตราส่วน 21:9 รองรับ HDR10
ความละเอียดหน้าจอ 2400 x 1080 พิกเซล
ชิป Snapdragon 765G
แรม 8GB
หน่วยความจำภายใน 128GB (แบบ UFS 2.1)
กล้องหลังหลัก 64MP f/1.89 กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP f/2.2 กล้องวัดระยะชัดลึก 2MP f/2.4
กล้องหน้าคู่ กล้องหลัก 44MP f/2.0 กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 8MP f/2.28
แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับชาร์จไว 33W
มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
รัน Android 10 ครอบด้วย FuntouchOS 11
Vivo V20 Pro 5G มี 3 สีด้วยกัน คือ สีดำ Midnight Jazz สีขาว Moonlight Sonata และสีน้ำเงิน Sunset Melody เปิดจองวันที่ 21 ถึง 29 กันยายนนี้ วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 30 กันยายน ในราคา 14,999 บาท
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# สัญญาณ Fallout ภาคใหม่ เมื่อ Obsidian กับ Bethesda มาอยู่ร่วมบ้านไมโครซอฟท์
ประเด็นเล็กๆ ที่น่าสนใจจากข่าวไมโครซอฟท์ซื้อ ZeniMax/Bethesda คือการกว้านซื้อกิจการครั้งใหญ่ของไมโครซอฟท์ในรอบ 3-4 ปีให้หลัง ส่งผลให้สตูดิโอ Obsidian Entertainment กับ Bethesda กลายมาเป็นสตูดิโอพี่น้องกัน
ไมโครซอฟท์ซื้อ Obsidian มาในปี 2018 ก่อนการออกเกม The Outer Worlds ไม่นาน แต่จริงๆ แล้ว Obsidian เป็นสตูดิโอที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงานของ Black Isle Studios ผู้สร้างเกม Fallout สองภาคแรกในปี 1997-1998 (สมัยนั้นจัดจำหน่ายโดย Interplay)
หลัง Interplay ประสบปัญหาการเงินจนล้มละลาย ทีมงานหลักออกมาตั้ง Obsidian ในปี 2003 บวกกับ Bethesda ในยุคนั้นซื้อสิทธิของแฟรนไชส์ Fallout มาพอดี ทำให้ Obsidian มีโอกาสได้ทำ Fallout: New Vegas ในปี 2010 โดย Bethesda เป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และเสียงวิจารณ์
หลังจากนั้น เส้นทางของ Obsidian กับ Fallout ยังไม่กลับมาพบเจอกันอีก เกม Fallout ภาคต่อๆ มาคือ Fallout 4 (2015) และ Fallout 76 (2018) เป็น Bethesda ทำเอง ในขณะที่ Obsidian ก็หันไปทำเกมอื่นๆ เช่น Pillars of Eternity และ The Outer Worlds
การที่ Obsidian กับ Bethesda โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งที่บ้านไมโครซอฟท์ ย่อมทำให้แฟนๆ เริ่มมีความหวังว่าอีกไม่นาน เราน่าจะได้เห็น Obsidian กลับมาทำ Fallout อีกรอบ (Fallout New Vegas 2!) ถ้าดูจากการทวีตของ @Obsidian ในเรื่องนี้ก็คงไม่ยากนัก
หมายเหตุ: เกมต้นฉบับของ Fallout ภาคแรกคือ Wasteland ซึ่งปัจจุบันสิทธิมาอยู่กับ inXile Entertainment ที่ไมโครซอฟท์ซื้อมาในปี 2019 พร้อมกับ Obsidian และเพิ่งออก Wasteland 3 ไปเมื่อเดือนที่แล้ว |
# ไมโครซอฟท์ยืนยัน เกมของ Bethesda ที่ประกาศลง PS5 จะยังลง PS5 เหมือนเดิม
คำถามสำคัญหลัง ZeniMax บริษัทแม่ของ Bethesda ขายกิจการให้ไมโครซอฟท์ คือเกมของ ZeniMax จะยังลงเครื่อง PlayStation 5 ด้วยหรือไม่
เนื่องจากกระบวนการซื้อกิจการต้องใช้เวลาอีกสักพัก (ประกาศว่าจะเสร็จสิ้นในครึ่งแรกของปี 2021) ตอนนี้ต้องถือว่า ZeniMax ยังเป็นบริษัทอิสระอยู่ และไมโครซอฟท์ก็เหมือนว่าใจสปอร์ตพอ ยืนยันว่าเกมที่ประกาศลง PS5 หรือเป็น time exclusive ของ PS5 จะยังเป็นเช่นนั้นต่อไปตามที่สัญญากันไว้
ตอนนี้เกมในสังกัด Bethesda มีสองเกมที่จะเป็น time exclusive ของ PS5 คือ Deathloop ผลงานของ Arkane Studios (เพิ่งเลื่อนไปออกเดือนมิถุนายน 2021) และ Ghostwire: Tokyo ผลงานของ Tango Gameworks (กำหนดออกคร่าวๆ ปี 2021) ทั้งสองเกมจะยังเป็น time exclusive เหมือนเดิม (เท่ากับว่าเราจะเห็นไมโครซอฟท์ขายเกม exclusive ให้ PS5)
แน่นอนว่าหลังจากนี้ จะไม่มีเกมอื่นๆ ของ ZeniMax/Bethesda เป็น exclusive เฉพาะ PS5 อีกแล้ว (Starfield ยืนยันว่าจะลง Xbox/PC/Game Pass แน่นอน) ส่วนนโยบายการนำเกมไปลงคอนโซลเครื่องอื่นๆ นั้นจะดูเป็นกรณีไปแทน
ที่มา - Bloomberg |
# Xbox Game Pass มีสมาชิก 15 ล้านราย เพิ่มขึ้น 5 ล้านในเวลาไม่ถึง 5 เดือน
ข่าวสำคัญอีกข่าวที่ไมโครซอฟท์ประกาศพร้อมข่าวซื้อ ZeniMax คือบริการเกมเหมาจ่าย Xbox Game Pass มีสมาชิก 15 ล้านคนแล้ว ขยับขึ้นมาอีก 5 ล้านคนในระยะเวลาเพียง 4 เดือนกว่าๆ หลังประกาศตัวเลข 10 ล้านคนในเดือนพฤษภาคม
การเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Game Pass แสดงให้เห็นถึงความสำคัญอย่างมากของยุทธศาสตร์นี้ (บริการเกมสำคัญกว่าขายเครื่อง) และการซื้อ ZeniMax ยิ่งทำให้ไมโครซอฟท์มีสตูดิโอเกมเพิ่มขึ้นอีก 8 สตูดิโอ (จาก 15 เป็น 23) ซึ่งเกมทั้งหมดของ ZeniMax จะเปิดให้เล่นบน Game Pass แบบ Day One เช่นกัน
ที่มา - Microsoft |
# ศูนย์มั่นคงไซเบอร์สหรัฐฯ ออกประกาศฉุกเฉินสั่งแพตช์ช่องโหว่ CVE-2020-1472 บนเซิร์ฟเวอร์ของรัฐบาลกลาง
ศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency - CISA) ออกประกาศฉุกเฉินเตือนให้ผู้ดูแลระบบแพตช์ช่องโหว่ CVE-2020-1472 ที่กระทบเซิร์ฟเวอร์วินโดวส์ที่ทำหน้าที่ domain controller หลังจากช่องโหว่นี้มีโค้ดตัวอย่างออกมาเรียบร้อยแล้ว
ทาง CISA ระบุเหตุผลที่ต้องออกประกาศฉุกเฉิน 5 ประการ ได้แก่ มีโค้ดตัวอย่างแล้ว, domain controller มีใช้งานกันเป็นวงกว้าง, โอกาสถูกโจมตีมีสูง, หากคนร้ายโจมตีได้ความเสียหายจะร้ายแรงมาก, พบช่องโหว่ต่อเนื่องแม้มีแพตช์ออกมาแล้วนานกว่า 30 วัน
คำสั่งนี้มีผลบังคับต่อหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ต้องติดตั้งแพตช์เดือนสิงหาคมลงเซิร์ฟเวอร์หน่วยงานภายในวันจันทร์ที่ 21 กันยายนตามเวลาสหรัฐฯ จากนั้นรายงานกลับไปยัง CISA ภายในวันที่ 23 กันยายนนี้ และทาง CISA จะติดตามผลพร้อมกับรายงานผลการเดินเนินงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐภายในวันที่ 5 ตุลาคม
ที่มา - DHS.gov |
# สหรัฐฯ ฟ้องอดีตพนักงาน Amazon ฐานรับสินบนช่วยผู้ขายบน Marketplace แบนคู่แข่ง
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศดำเนินคดีกับอดีตพนักงานของ Amazon ฐานรับสินบนเกิน 100,000 ดอลลาร์จากผู้ค้าภายนอก (third party seller หรือ 3P) สร้างความได้เปรียบต่อผู้ค้ารายอื่นๆ
ผู้ต้องหารายหนึ่งคือ Nishad Kunju พนักงานผู้ช่วยซัพพอร์ตผู้ค้าจากอินเดีย รับสินบนจากผู้ค้าเพื่อสร้างความได้เปรียบหลายรูปแบบ ได้แก่
ปลดแบนสินค้า หลังจากสินค้าถูกแบนเพราะลูกค้าร้องเรียนความปลอดภัย หรือสินค้าบางชิ้นเป็นสินค้าเลียนแบบ รวมถึงบางบัญชีถูกแบนทั้งบัญชีก็ปลดแบนให้
ช่วยทำลายคู่แข่ง ร้านค้าจ่ายสินบนให้พนักงานทำลายคู่แข่งให้ ตั้งแต่การดูข้อมูลรายได้, อัตราการโฆษณา, ไปจนถึงข้อมูลซัพพลายเออร์ของสินค้าแต่ละตัว จากนั้นช่วยแบนผู้ขายที่เป็นคู่แข่งหรือช่วยเปิดทางให้ถล่มคอมเมนต์ด้านลบต่อคู่แข่งได้
เปิดเผยข้อมูลภายในของ Amazon เช่นข้อมูล algorithm ภายในที่ใช้แสดงลำดับผลค้นหา กระบวนการตรวจสอบรีวิว และการบังคับใช้กฎต่างๆ
ปลดล็อกของบัญชีผู้ขาย เช่น ปลดเพดานการสต็อกสินค้าในคลังสินค้า ไปจนถึงการอนุญาตให้ขายสินค้าในหมวดที่ปกติแล้วจำกัดผู้ขาย
ทางกระทรวงยุติธรรมระบุว่าผู้ขายที่เป็นจำเลยในคดีนี้จ่ายสินบนให้พนักงาน Amazon กว่าสิบคน และคดีนี้ทาง FBI ยังสืบสวนต่อไป โดยจำเลยถูกดำเนินคดีทั้งการรับสินบนที่มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปีปรับสูงสุด 250,000 ดอลลาร์ และคดีฉ้อโกงที่โทษจำคุกสูงสุด 20 ปีปรับสูงสุด 250,000 ดอลลาร์
ที่มา - ArsTechnica, Justice.gov
ภาพตู้ขนสินค้า Amazon |
# Cloudflare รวมมือ Internet Archive เอาเว็บเก่ามาแสดงแทนหากเว็บล่ม
Cloudflare ประกาศความร่วมมือกับ Internet Archive เตรียมให้บริการ Always Online เวอร์ชั่นใหม่แก้ปัญหาเวลาที่เว็บต้นทาง (origin) ล่มไป จากเดิมที่ Cloudflare จะแสดงหน้าจอแจ้งผู้ใช้ว่าเซิร์ฟเวอร์ต้นทางทำงานผิดพลาด มาเป็นการนำเว็บเก่าจาก Wayback Machine ของ Internet Archive ขึ้นมาแสดงแทนที่ไปพลาง
ผู้ใช้ต้องเปิดใช้งาน Always Online บน Cloudflare เอง และเมื่อเปิดใช้งานแล้วทาง Cloudflare จะส่งข้อมูลบางส่วนไปยัง Wayback Machine เช่นหน้าเว็บที่ผู้ใช้เข้ามากที่สุดเพื่อให้ Wayback Machine เลือกมาดูดหน้าเว็บได้แม่นยำขึ้น หากเว็บล่มไปทาง Cloudflare ก็จะเลือกเวอร์ชั่นล่าสุดมาแสดงให้
Always Online มีมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก่อนนี้จะใช้แคชจาก Cloudflare เองซึ่งมีข้อมูลจำกัด ทำให้แสดงหน้าเว็บเมื่อเซิร์ฟเวอร์ล่มได้ไม่ครบถ้วน การใช้ Wayback Machine น่าจะทำให้ผู้ใช้เห็นข้อมูลส่วนใหญ่บนเว็บเสมอแม้จะเป็นข้อมูลเก่าไปบ้างก็ตาม
ที่มา - Cloudflare |
# ไมโครซอฟท์ควบรวมบริษัทแม่สตูดิโอ Bethesda, id Software มาอยู่ในเครือ Xbox
ไมโครซอฟท์ยังคงเดินหน้าแนวทางการสร้างและซื้อสตูดิโอมาอยู่ในเครือ Xbox Game Studios ของตัวเองและล่าสุดก็เป็นคิวของสตูดิโอใหญ่อย่าง Bethesda และ id Software เมื่อไมโครซอฟท์ซื้อกิจการ ZeniMax Media บริษัทแม่ของทั้งสองสตูดิโอมาอยู่ในเครือด้วยมูลค่า 7.5 พันล้านเหรียญ และจ่ายเป็นเงินสด (คนมันรวย)
ZeniMax Media เป็นบริษัทแม่ของ Bethesda Game Studios, id Software รวมถึง ZeniMax Online Studios, Arkane, MachineGames, Tango Gameworks, Alpha Dog, และ Roundhouse Studios ที่พัฒนาเกมดัง ๆ อย่าง Fallout, The Elder Scrolls, Wolfenstein, DOOM, Dishonored, Prey และ Quake ทำให้ดีลนี้เป็นดีลซื้อสตูดิโอเกมที่ใหญ่ที่สุดของไมโครซอฟท์นับตั้งแต่ Mojang ขณะที่สตูดิโอในเครือ Xbox Games Pass หลังจากนี้จะเพิ่มจาก 15 สตูดิโอกลายเป็น 23 สตูดิโอ
การเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นที่ไมโครซอฟท์เปิดเผยคือเกมของ Bethesda จะเปิดให้เล่นบน Xbox Game Pass ทันที เช่นเดียวกับเกมในอนาคตที่ออกจากสตูดิโอนี้ ก็จะเปิดให้เล่นบน Game Pass ตั้งแต่วันแรกพร้อม ๆ กับบน Xbox หรือพีซี ขณะที่การควบรวมคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ 2021 (ภายในกรกฎาคมปีหน้า)
ที่มา - Xbox, Microsoft |
# Facebook บอกว่ามีคน 2.5 ล้านคนแล้วที่ลงทะเบียนโหวตเลือกตั้งผ่าน Voting Information Center
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Facebook สร้าง ‘Voting Information Center’ หรือศูนย์รวมข้อมูลเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 และเป็นช่องทางให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าชื่อเพื่อเลือกตั้งด้วย ซึ่ง Facebook เคยประกาศเป้าหมายว่า ต้องการให้คน 4 ล้านรายเข้ามาลงทะเบียนผ่านช่องทางนี้
ล่าสุด Facebook ออกมาคาดการณ์ตัวเลขคนที่ลงทะเบียนว่ามี 2.5 ล้านคนแล้ว และมี 39 ล้านคนที่เข้ามาเยี่ยมชมและดูข้อมูลผ่าน Voting Information Center
และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนมาลงทะเบียนเพื่อโหวตกันมากขึ้น Facebook ทำวิดีโอโฆษณาให้คนเข้ามาดูข้อมูลบน Voting Information Center เผยแพร่ทั้งบนแพลตฟอร์ม และสื่อกระแสหลัก โทรทัศน์ รายการทีวี เข้าถึงคนหมู่มากเพื่อสร้างการรับรู้เรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีเวลาอีกกว่า 1 เดือน ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ (3 พ.ย.)
ที่มา - Facebook Newsroom |
# Facebook จะช่วยมอนิเตอร์และแจ้งให้รู้ถ้ารูปภาพของเราถูกนำไปโพสต์ใหม่
Facebook เตรียมเพิ่มความสามารถใหม่ใน Rights Manager ผ่าน Creator Studio ปกป้องการละเมิดลิขสิทธิ์ สามารถมอนิเตอร์และแจ้งเจ้าของรูปภาพให้รู้ได้เมื่อรูปที่ตัวเองทำขึ้นถูกนำไปโพสต์ใหม่โดยเพจอื่นหรือบัญชีอื่น ทั้งบน Facebook และ Instagram
Facebook ระบุว่า Rights Manager for Images เป็นโปรแกรมจัดการสิทธิ์เวอร์ชันใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีการจับคู่รูปภาพเพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์และผู้เผยแพร่สามารถจัดการเนื้อหารูปภาพของตนได้และป้องกันการละเมิดนำไปใช้โดยไม่ได้อนุญาต ในการเข้าถึงสิทธิ์ Rights Manager for Images ผู้ใช้งานต้องกรอกสมัครเข้ามาผ่าน rights manager/apply เพื่อให้ระบบช่วยมอนิเตอร์รูปภาพได้
อย่างไรก็ตาม Facebook ไม่ได้บอกว่าความสามารถใหม่จะเริ่มเปิดใช้งานเป็นวงกว้างเมื่อไร
ที่มา - Facebook Newsroom |
# Micron มอง GDDR6X เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การ์ดจอ Nvidia ซีรีส์ RTX 3000 รับมือ 4K ได้ดีขึ้น
ไมครอนแถลงข่าวแสดงประสิทธิภาพของแรม GDDR6X ที่ใช้ในการ์ดจอ Nvidia ตระกูล RTX 3000 ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้การ์ดจอรุ่นใหม่ของ Nvidia มีแบนด์วิดท์สูงขึ้นมากจนรับมือกับภาพระดับ 4K ได้ดีขึ้น จากการส่งข้อมูลแบบ PAM4 (4-level pulse amplitude modulation)
PAM4 เป็นระบบการส่งข้อมูลของ Micron บริษัทผู้ผลิตแรม GDDR6X ที่ทำให้แรมชนิดนี้สามารถส่งข้อมูลได้สองบิตต่อหนึ่งครั้ง ทำให้มีสถานะข้อมูลที่ระบบเรียกได้ เพิ่มจากสองสถานะ (1 กับ 0) เป็นสี่สถานะ (00 ,01 ,10,11) ในการส่งข้อมูลครั้งเดียว ซึ่ง Micron และ Nvidia ระบุว่าจะทำให้แบนด์วิดท์ของแรมชนิดนี้สูงขึ้นอย่างมาก
นอกจาก GDDR6X จะเร็วกว่าแล้วยังกินไฟน้อยกว่าแรมแบบ GDDR6 ด้วย และแบนด์วิดท์ 21Gb/s ต่อพินของ GDDR6X จะกินไฟน้อยกว่า GDDR6 ที่มีแบนด์วิดท์ 14Gb/s อยู่ถึง 15%
เมื่อร่วมจำนวนพินและโมดูลแรมบน RTX3090 แล้ว แปลว่าการ์ดจอตัวท็อปของ Nvidia รุ่นนี้ มีแบนด์วิดท์ถึง 936GB/s เลยทีเดียว โดยแบนด์วิดท์แรม GDDR6 ของ PS5 และ Xbox Series X ยังอยู่ที่ 448GB/s และ 560GB/s ตามลำดับ
เรียกได้ว่า GDDR6X น่าจะช่วยให้การ์ดจอซีรีส์ RTX 3000 รับส่งข้อมูลสัญญาณภาพแบบ 4K ได้สบายๆ แถม Ralf Ebert หัวหน้าฝ่ายกราฟฟิกของ Micron ยังระบุกับสื่อการเพิ่มแบนด์วิดท์การส่งข้อมูลจากแรมจะเป็นส่งผลโดยตรงกับการใช้งานของเกมเมอร์ และเทคโนโลยีของไมครอนจะทำเปิดทางสำหรับการเล่นระดับ 8K และใช้งาน real-time raytracing ได้จริง
ที่มา - Micron via VentureBeat
สเปคหน่วยความจำ GDDR6X จากไมครอน แสดงแบนด์วิดท์ต่อขา (PIN) ของหน่วยความจำที่สูงกว่า GDDR5 เกือบสองเท่าตัว |
# เผย Mark Zuckerberg เลือกใช้มือถือซัมซุง ให้นโยบายผู้บริหารใช้ Android หลากหลายรุ่น
Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับช่อง MKBHD เนื่องในโอกาสเปิดตัวฮาร์ดแวร์ Oculus Quest 2
นอกจากคำถามเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ของ Facebook เองแล้ว หนึ่งในคำถามที่ Marques Keith Brownlee พิธีกรถาม Mark คือโทรศัพท์รุ่นไหนอยู่ในกระเป๋าของคุณตอนนี้
Mark ไม่ได้ล้วงมือถือออกมาให้ดู แต่ตอบคำถามว่าเขาใช้มือถือซัมซุงมาหลายปีแล้ว และเขาคิดว่ามือถือของซัมซุงนั้นดี (they build great phones) แม้ไม่ได้ระบุว่าใช้มือถือรุ่นไหน
สายสัมพันธ์อันดีของ Mark กับซัมซุงอาจไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจมากนัก เพราะเขาเคยปรากฏตัวบนเวทีงานแถลงข่าวของซัมซุง (งาน Galaxy S7) และทั้งสองบริษัทเคยร่วมพัฒนา GearVR ด้วยกัน
เขายังพูดถึงประเด็นเรื่อง Android ว่าการที่ Facebook มีผู้ใช้จำนวนเป็นพันล้านคนอยู่บน Android จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริหารของบริษัทจำเป็นต้องใช้งานมือถือ Android หลากหลายรุ่นด้วย ไม่ใช่แค่ iPhone เพียงอย่างเดียว
ที่มา - SamMobile |
# เซฟเกม Spider-Man ภาค PS4 นำมาเล่นต่อในเวอร์ชั่น Remastered บน PS5 ไม่ได้
หลัง SONY ประกาศว่า Spider-man: Miles Morales แบบ Ultimate Edition รวมเกม Spider-Man ภาคแรกแบบ Remastered เข้าไปด้วย จึงมีแฟนๆ สงสัย ไปถามทีมงาน Insomniac ผู้สร้างเกมว่าจะสามารถเอาเซฟจากภาคบน PS4 มาเล่นได้มั้ย และ Insomniac ก็ตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ ว่า จะไม่สามารถย้ายเกมจากเวอร์ชั่นต้นฉบับมาเล่นบนเวอร์ชั่น Remastered ได้
แบบนี้แฟนๆ ที่เล่นจบแล้วอาจจะต้องเล่นใหม่กันอีกรอบ แต่ก็คงเป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสเกมในแบบที่แตกต่างไปอีกครั้ง ในกราฟฟิกที่อัปเกรดใหม่ พร้อมระบบ Ray-tracing บน PS5 และถ้วยรางวัลใหม่ๆ ที่มาให้ล่าแพลทตินั่มกันอีกครั้ง
ที่มา - PSU |
# ผลทดสอบ Tiger Lake มาแล้ว จีพียู Iris Xe แรงกว่า Radeon Vega ตามที่คุยไว้จริง
สัปดาห์ที่แล้ว เว็บไซต์ฮาร์ดแวร์ต่างประเทศหลายรายเริ่มได้ Intel Core 11th Gen รหัส "Tiger Lake" ไปทดสอบกันแล้ว จุดที่น่าสนใจคือตัวจีพียู Iris Xe (อ่านว่า "เอ็กซ์อี") ที่อิงจากสถาปัตยกรรมใหม่ Xe-LP ให้ผลการทดสอบออกมาดี ชนะจีพียูแบบออนบอร์ดของคู่แข่งคือ Radeon Vega ใน Ryzen ซีรีส์ 4000U ได้แบบทิ้งห่าง
หน่วยประมวลผลรุ่นที่นำไปทดสอบคือ Core i7-1185G7 ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของ Tiger Lake ที่เปิดตัวมาในขณะนี้ ตัวจีพียู Iris Xe มีคอร์ (execution unit หรือ EU) จำนวน 96 คอร์ โดยโน้ตบุ๊กที่ทดสอบเป็นโน้ตบุ๊กตัวอย่าง (reference design) ของอินเทลเอง ยังไม่ใช่สินค้าที่วางขายจริง
ส่วนคู่แข่งที่นำมาเปรียบเทียบกันคือ Ryzen 4800U ที่เป็นคู่ต่อสู้โดยตรง และเป็นรุ่นท็อปสุดของซีรีส์ U ในปัจจุบัน
ผลการทดสอบในภาพรวม
ฝั่งซีพียู (คอร์เดี่ยว) Willow Cove ทำคะแนนทดสอบได้ดีกว่าทั้ง Sunny Cove ที่ใช้ใน Ice Lake รุ่นก่อน (Gen 10) และ Ryzen 4800U แถมในเบนช์มาร์คบางตัวยังทำคะแนนไล่จี้ Core i9-10900K ที่เป็นซีพียูฝั่งเดสก์ท็อปได้ด้วยซ้ำ
ฝั่งซีพียู (มัลติคอร์) i7-1185G7 มีจำนวนคอร์น้อยกว่า Ryzen 4800U (4 คอร์ vs 8 คอร์) จึงเป็นจุดที่ Tiger Lake ยังแพ้ Ryzen อยู่ในหลายการทดสอบ
ฝั่งจีพียู Xe ทำผลการทดสอบออกมาได้น่าประทับใจ สามารถเอาชนะ Radeon Vega 8 ไปได้ในเกือบทุกการทดสอบ และถ้าเทียบกับจีพียู Iris Plus ของ Ice Lake ก็ต้องถือว่าทิ้งห่างแบบกระจุย
อย่างไรก็ตาม Tiger Lake สามารถรันได้ 2 โหมดพลังงานคือ 15 วัตต์และ 28 วัตต์ ซึ่งในการรันแบบ 28 วัตต์ Tiger Lake ทำได้ดีกว่าในเกือบทุกการทดสอบ แต่ถ้าลดระดับมารันที่ 15 วัตต์ หลายอย่างกลับเป็น Ryzen 4800U ยังทำได้ดีกว่า
เว็บไซต์ PCMag ชี้ว่า การมาถึงของ Xe อาจทำลายตลาดของ GeForce MX ที่มักถูกนำไปจับคู่กับโน้ตบุ๊กซีพียูอินเทล เพราะตัว Xe มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับจีพียู GeForce MX แล้ว (ยังเป็นรองอยู่เล็กน้อย) ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กที่จับตลาดนี้ (โน้ตบุ๊กใช้งานกึ่งเล่นเกม) ย่อมเลือกประหยัดต้นทุน โดยใช้จีพียู Xe อย่างเดียวไปเลย
การที่ Xe ทำผลงานได้ดี ทำให้จุดเด่นของ Ryzen บนโน้ตบุ๊กที่เป็น "ซีพียูคอร์เยอะ + จีพียูค่อนข้างแรง" เริ่มหมดไป (เหลือแต่เรื่องคอร์เยอะ) สิ่งที่น่าจับตาจึงเป็น Ryzen ตัวใหม่ที่จะเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ (ใช้แกน Zen 3) ว่าจะสามารถกลับมาทวงบัลลังก์คืนได้หรือไม่
ที่มา - AnandTech, PCMag, Notebookcheck |
# อุปสรรคที่ทำให้เกม PS5 ยังไปไม่สุด คือฐานผู้เล่น PS4 ที่ใหญ่จน Sony ทิ้งไปไม่ได้
ช่วงแรก PS5 ทำการตลาดว่าจะเป็นเครื่องคอนโซลยุคใหม่อย่างแท้จริง แต่หลัง Sony ประกาศว่า Spider-Man: Miles Morales และ Horizon: Forbidden West จะลง PS4 ด้วย แฟน PlayStation จึงผิดหวังพอสมควร เพราะคิดว่าฮาร์ดแวร์อายุ 7 ปีของ PS4 จะเป็นตัวถ่วงที่ทำให้นักพัฒนาไม่สามารถจัดเต็มในด้านกราฟิกของเกมอย่างที่ผู้เล่นคาดหวังได้
Jim Ryan ซีอีโอของ Sony Interactive Entertainment เคยให้สัมภาษณ์กับ DualShockers ว่าเขาเชื่อในเรื่องการเปลี่ยนรุ่นของคอนโซล และพูดไว้ว่า “คอนโซลรุ่นใหม่ควรมีฟีเจอร์ที่เครื่องรุ่นก่อนไม่มี และผู้พัฒนาควรสร้างเกมที่ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ๆ มากที่สุด”
จากการสัมภาษณ์นั้น ทำให้แฟนๆ ตีความไปว่า Ryan เชื่อในเกมที่พัฒนาเพื่อเครื่องรุ่นใหม่โดยเฉพาะ จนหลายคนถึงกับบอกว่า Sony ทำการตลาดหลอกลวงผู้บริโภคเลยทีเดียว ทั้งที่ Ryan อาจหมายถึงจอย DualSense หรือระบบ 3D audio แบบใหม่ก็เป็นได้
เว็บไซต์ DualShockers ชี้ว่าจุดแข็งของ Sony ที่เน้นสร้างเกมเล่นคนเดียวที่มีเนื้อเรื่องโดดเด่น เช่น God of War หรือ The Last of Us กำลังกลายเป็นปัญหา เพราะเกมเหล่านี้ต้องใช้ทุนสร้างสูงขึ้นเรื่อยๆ และแฟนๆ มีความคาดหวังสูง ถ้าจะทำออกมา ก็ต้องขายได้ถล่มทลายจึงจะคุ้มทุนสร้าง ทำให้ Sony ไม่สามารถทิ้งยอดขายจากฐานผู้เล่น PS4 กว่า 100 ล้านเครื่องบนโลกไปได้ อย่างน้อยๆ ก็ในช่วงแรกของ PS5
หากคุณต้องการเล่นเกมที่สร้างขึ้นเพื่อ PS5 จริงๆ โดยไม่ต้องถูกถ่วงโดยฮาร์ดแวร์ของ PS4 อาจต้องรอสักพัก ให้ผู้เล่นเริ่มย้ายมาบนคอนโซลรุ่นใหม่ก่อน ซึ่งอาจใช้เวลาพอสมควร และอาจยังไม่ควรรีบพรีออเดอร์ PS5 นัก โดยเฉพาะถ้ามี PS4 อยู่แล้ว
ที่มา - DualShockers
) |
# NVIDIA เลิกซัพพอร์ต SLI ที่ระดับไดรเวอร์แล้ว ผู้พัฒนาเกมต้องทำกันเอง
NVIDIA ประกาศใน release notes ของไดรเวอร์ GeForce Game Ready เวอร์ชั่น 456.38 ว่าจะไม่ออกซอฟต์แวร์ซัพพอร์ตที่เป็นแบบ implicit สำหรับเทคโนโลยี SLI ในการ์ดจอรุ่น RTX 2xxx หรือก่อนหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021 เป็นต้นไป
การซัพพอร์ต SLI แบบ implicit หมายถึงการซัพพอร์ตที่มาจากไดรเวอร์ของ NVIDIA ที่ใช้บน DirectX 11 และเวอร์ชั่นก่อนหน้า ทำให้เหลือเพียงการซัพพอร์ตแบบ explicit คือผู้พัฒนาต้องออกแบบโปรแกรมให้ซัพพอร์ตเองเท่านั้น
เนื่องจากคนที่ใช้ SLI เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของตลาด รวมถึงการ์ดจอตระกูล Ampere ก็มีเพียงแค่รุ่น RTX 3090 เท่านั้นที่มีตัวเชื่อมต่อ SLI จึงอาจไม่คุ้มนักที่ผู้พัฒนาจะใช้เวลาไปกับการรองรับฟีเจอร์นี้ และอาจทำให้การใช้งาน SLI ค่อยๆ หายไปในอนาคต
ในอดีตที่ผ่านมา ประสิทธิภาพที่ได้จาก SLI ดูจะไม่ค่อยคุ้มค่า เพราะบางคนก็พบว่าแทนที่ประสิทธิภาพจะมากขึ้น กลับทำให้การ์ดจอทำงานได้ไม่เต็ม 100% ทั้งสองตัว เพราะการแบ่งหน้าที่ให้การ์ดจอสองตัวนั้นยากกว่าการ์ดจอตัวเดียวมาก และคงไม่คุ้มที่จะซื้อการ์ดจอสองตัวมาพ่วงกันแล้วทำงานช้าลงทั้งคู่
ส่วนจะมีเทคโนโลยีการใช้งานการ์ดจอสองใบใหม่ๆ ที่ได้รับการซัพพอร์ตออกมาในอนาคตจาก NVIDIA หรือ AMD อีกหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา - NVIDIA via Extremetech |
# กูเกิลเล่าประสบการณ์ เขียนแอพ Google Pay ขึ้นมาใหม่ด้วย Flutter อย่างไร
Flutter เป็นเฟรมเวิร์คเขียน UI แบบข้ามแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่สนใจนำ Flutter มาใช้งานอาจสงสัยว่ามีแอพดังๆ ตัวไหนบ้างที่นำมาใช้
ในฐานะผู้สร้าง กูเกิลย่อมเป็นองค์กรที่นำ Flutter มาใช้งานอย่างแพร่หลาย ล่าสุดกูเกิลเขียนบล็อกอธิบายการพัฒนาแอพจ่ายเงิน Google Pay เวอร์ชันใหม่ ที่เขียนใหม่ด้วย Flutter เพื่อให้รองรับกับฐานผู้ใช้จำนวนมากขึ้น
เดิมทีแอพ Google Pay เปิดตัวในอินเดียในชื่อว่า Tez ก่อน และประสบความสำเร็จอย่างมาก มีผู้ใช้มากถึง 67 ล้านคน กูเกิลจึงต้องการต่อยอดความสำเร็จนี้ในประเทศอื่นๆ แต่ก็พบปัญหาว่าแอพเดิมไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับสเกลระดับโลก จึงตัดสินใจเขียนแอพ Google Pay ขึ้นมาใหม่โดยวางรากฐานให้ดีพอ ตั้งแต่เรื่อง OS, โครงสร้างพื้นฐาน และวิธีการจ่ายเงินในแต่ละประเทศ
ทีมงานของกูเกิลตัดสินใจเลือก Flutter ด้วยเหตุผล 3 ข้อ
ทำงานข้ามแพลตฟอร์ม เขียนทีเดียวใช้ได้ทั้งบน Android/iOS
คอมไพล์แบบ just-in-time พร้อมฟีเจอร์ hot reload ตอนเขียนโค้ดที่เปลี่ยน UI บ่อยๆ จึงทำงานได้เร็ว
คอมไพล์แบบ ahead-of-time ได้ด้วย ในการใช้งานจริงจึงมีประสิทธิภาพสูง
กระบวนการพัฒนาเริ่มจากทีมเล็กๆ แค่ 3 คน แล้วค่อยๆ ขยายจำนวนทีมงานขึ้น เพื่อให้ทีมงานแต่ละคนมีเวลาคุ้นเคยกับ Flutter ซึ่งผลออกมาดี ตอนนี้แอพ Google Pay เวอร์ชันใหม่เริ่มทดสอบ Beta แล้วในสิงคโปร์และอินเดีย
นอกจาก Google Pay แล้ว กูเกิลยังใช้งาน Flutter กับแอพอีกหลายตัว เช่น Google Assistant ในหน้าจออัจฉริยะ Google Home Hub, Google Ads, Stadia
อีกประเทศที่ Flutter ได้รับความนิยมสูงคือจีน โดยยักษ์ใหญ่ทั้ง Tencent, Alibaba, Baidu, ByteDance ต่างก็มีแอพหลายตัวที่เขียนด้วย Flutter เช่นกัน
ที่มา - Google Developers |
# Google Play ถอดแอปรับชำระ Paytm ในอินเดียชั่วคราว จุดประเด็นกีดกันขึ้นมาอีกครั้ง
TechCrunch รายงานว่าช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ย.) Play Store ในอินเดีย ถอดแอป Paytm บริการการเงินคู่แข่งของ Google Pay ที่ได้รับความนิยมในอินเดียออก เนื่องจากแอปละเมิดกฎของแพลตฟอร์มว่าด้วยเรื่องการพนัน แต่ในอีก 8 ชั่วโมงต่อมา แอป Paytm ก็กลับเข้ามาอยู่ใน Play Store ตามเดิม เรื่องนี้ทำให้เกิดความกังวลเรื่องการผูกขาดและกีดกันแอปพลิเคชั่นอื่น เหมือนกรณี Apple และ Epic
Paytm เขียนบล็อกพูดถึงเบื้องหลังการที่ Google ถอดแอปออกจาก Play Store ว่า ตอนเย็นของวันที่ 11 กันยายน Paytm เปิดตัวแคมเปญที่ผู้ใช้สามารถสะสมสติกเกอร์เกมกีฬาคริกเก็ต และการ์ดขูดจากการทำธุรกรรมตามปกติ เพื่อรับ UPI cashback หรือเงินคืนเข้ามาที่วอลเล็ตของ Paytm
ในบล็อกเล่าต่อว่า เมื่อวันที่ 18 กันยายน Paytm ได้รับอีเมลจากฝ่ายสนับสนุนของ Google Play แจ้งว่าแอป Paytm สำหรับ Android ถูกลบออก เนื่องจากแอปมีเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายการพนัน เนื่องจากนำเสนอเกมที่มีคะแนนสะสม (loyalty) โดยกระตุ้นการซื้อด้วยเงินจริงเพื่อแลกกับรางวัล หลังจากนั้นก็พบว่า Paytm ถูกลบออกโดยที่ทางบริษัทไม่มีโอกาสชี้แจงเพิ่ม
Paytm ยังบอกด้วยว่า Google Pay ก็มีคุณลักษณะแบบเดียวกันเลย คือแคมเปญ Tez Shots และยังเกี่ยวข้องกับเกมกีฬาคริกเก็ตเหมือนกันด้วย ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่าสามารถทำคะแนนเพื่อรับรางวัลที่มั่นใจได้มูลค่าสูงถึง 1 แสนรูปี และระบบโฆษณาของ Google อินเดียยังอนุมัติการซื้อโฆษณาของ Paytm ด้วย ดังนั้นการล่ารางวัล cashback ก็ไม่ควรผิดกฎแพลตฟอร์มใช่หรือไม่? และถ้าผิด ก็ควรผิดทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะ Paytm
Play Store ในอินเดียมีนโยบายห้ามแอปคาสิโน การพนันกีฬามานานแล้ว และ Google เคยแจ้งข้อกังวลเกี่ยวกับ Paytm First Games แอปเกมหลากหลายทั้งไพ่, คริกเก็ต ที่ Paytm ดำเนินการ เป็นเกมที่ผู้เล่นใส่เงินเข้าไปได้ โดยทางบริษัทระบุในเว็บไซต์ว่าเป็นแอปถูกกฎหมาย 100% แต่ปัจจุบันตัวแอปถูกถอดจาก Play Store ไปแล้ว
ที่มา - TechCrunch 1, 2, Paytm |
# GitHub ประกาศเปลี่ยนชื่อ Master เป็น Main มีผล 1 ตุลาคม เฉพาะ Repository ใหม่
จากที่ประกาศไว้ในเดือนมิถุนายน GitHub ประกาศเปลี่ยนชื่อกิ่ง master มาเป็น main มีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2020
ในวันที่ 1 ตุลาคม 2020 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ repository ที่สร้างขึ้นใหม่จะใช้ชื่อ main เป็นค่าดีฟอลต์ (สามารถเปลี่ยนเป็นคำอื่นได้ถ้าต้องการ)
ส่วน repository เดิมจะยังไม่ถูกบังคับให้เปลี่ยนชื่อ แต่ถ้าผู้ใช้อยากเปลี่ยน GitHub ก็ระบุว่าจะพัฒนาวิธีการ redirect ใหม่ให้กระทบน้อยที่สุด ซึ่งจะประกาศข้อมูลเพิ่มเติมภายในปีนี้
ที่มา - GitHub |
# ศาลสหรัฐสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามรัฐบาลแบน WeChat ในสหรัฐ
TikTok อาจอยู่รอดชั่วคราว ระหว่างรอรัฐบาลสหรัฐอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างเจ้าของ ร่วมกับ Oracle และ Walmart แต่ในคำสั่งแบนของกระทรวงพาณิชย์ ยังมี WeChat อีกหนึ่งรายที่จะโดนแบนในวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน
ล่าสุดเมื่อคืนนี้ ศาลเขตแคลิฟอร์เนียมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำร้องของกลุ่มผู้ใช้ WeChat เพื่อให้ WeChat ยังสามารถใช้งานในสหรัฐอเมริกาต่อไปได้ และไม่ถูกถอดจาก App Store หรือ Play Store จนกว่าคดีจะได้ข้อยุติ
ที่มา - CNBC, BBC, ภาพจาก WeChat Facebook |
# รีวิว CHUWI LarkBox mini PC ที่ขนาดเล็กที่สุดในโลก?
CHUWI LarkBox เป็นคอมพิวเตอร์จิ๋วสัญชาติจีนตัวหนึ่งที่เปิดระดมทุนใน Indiegogo โดยผมเห็นว่าน่าสนใจดี ดูแล้วใช้งานทั่ว ๆ ไปได้จริงและถูกด้วยในช่วงเปิดระดมทุน (149 ดอลลาร์) ผมจึงระดมทุนไปในช่วงเดือนเมษายน โดยตัวเครื่องผมได้รับมาช่วงกลางเดือนกันยายน ว่าแล้วก็แกะกล่องมาดูกัน
แกะกล่อง
ในช่วงระดมทุน ผู้ระดมทุนจะได้รับของแถมด้วยเป็นที่ชาร์จ 35W แบบ 4 หัว รองรับ QC 3.0
Larkbox มาในกล่องกระดาษสีน้ำตาลคุณภาพดีหุ้มพลาสติกใสมาอีกชั้นหนึ่ง ข้างกล่องบอกเพียงแค่ใช้ CPU Intel J4115 2.5GHz ทำงานที่ 4 Core 4 Thread (CPU รหัสนี้ผมมักพบบ่อย ๆ กับพวก NAS) นอกจากนี้ยังระบุว่ามาพร้อมกับ Windows 10 ตัวเต็มด้วย
แกะกล่องมาจะพบถุงหุ้มตัวเครื่องมาอีก 1 ชั้น หลังจากแกะแล้วจะพบกับตัว LarkBox ที่วัสดุเป็นพลาสติกสีดำด้าน ด้านบนมีช่องระบายอากาศกินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของเครื่อง
ด้านหน้าเครื่องมีปุ่ม Power สีเงินสวยงาม แต่ก็เห็นชัด ๆ ว่านี่มันก็พลาสติกเหมือนตัวเครื่องนั่นเอง
หมุนตัวเครื่องมาด้านขวาจะพบกับช่องเสียบ micro-SD Card และช่องเสียบหูฟัง 3.5
หมุนเครื่องต่อไปอีกจะพบกับช่องเสียบ USB-C ที่มีสัญลักษณ์ชัดเจนว่าเอาไว้เสียบ Power Adapter นั่นเอง ถัดไปจะเป็นช่อง HDMI 2.0 และ USB-A 3.0 อีก 2 ช่อง
หมุนไปอีกด้านจะไม่พบอะไร เปลี่ยนใจมาดูใต้เครื่องดีกว่า จะพบสติกเกอร์ Intel Inside สีโดดเด่น พร้อมกับตรงกลางเครื่องที่เขียนไว้ว่า M.2 SSD ซึ่งเจ้าตัวนี้สามารถเสียบ SSD เพิ่มได้ด้วย โดยจะเป็น M.2 2242 แบบ SATA ตัวเล็ก ๆ กว่าปกติที่จะพบได้ใน Notebook บางรุ่นครับ
รูสีทอง ๆ จากภาพด้านบนมีไว้สำหรับ VESA Mount ในกล่องจะมีแผ่นเหล็กยาว ๆ สำหรับแขวนไว้หลังจอภาพหรือ TV มาให้ด้วย
มาดูในส่วน Power Adapter กันบ้างจะเห็นได้ว่าขนาดเล็กกว่าเครื่องเล็กน้อยพับขาได้ สายยาว 2 เมตร โดยตัวมันเองเขียนไว้ว่าจ่ายไฟที่ 12V 2A ที่ 24W ครับ
สรุปหลังจากการแกะกล่องคือ LarkBox มีขนาดเล็กมาก หนักประมาณขีดนิด ๆ
CPU เป็น Intel J4115 วิ่งที่ 1.8–2.5GHz 4 Core 4 Thread ถือว่าเป็น CPU ที่ใหม่พอสมควรเพราะเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2019 นี้เอง มาพร้อมกับ GPU UHD Graphics 600 รองรับการเล่น Video แบบ 4K ใช้ทำงานทั่ว ๆ ไปได้สบาย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแรม LPDDR4 ถึง 6GB ด้วย ว่าแต่ทำไมไม่ 8GB?
มี Storage แบบ eMMC ที่ไม่ได้เร็วเท่า SSD มาให้อีก 128GB พร้อม Wi-Fi และ Bluetooth มาให้ แต่ที่ผมเสียดายที่สุดคือไม่มีช่องเสียบ LAN มาให้ แต่ก็แก้ได้ด้วยการหาแบบ USB มาเสียบล่ะนะ
หากมองถึงตรงนี้จะเห็นว่าสิ่งที่ LarkBox ให้มาถือว่าพร้อมใช้งานได้เลยทันที ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้ว
เปิดเครื่อง
หลังจากเปิดเครื่องก็เข้าขั้นตอนปกติ Activate Windows เรียบร้อยก็อัพเดทต่อ โดยใช้เวลานานนิดนึงเพราะต้องโหลดเยอะมาก หลังจากอัพเดททุกอย่างจนไม่มีอะไรขึ้นแล้ว รวมถึงอัพเดทใน Windows Store ด้วย ล้างขยะอะไรเรียบร้อยหมดแล้วจะเห็นว่าพื้นที่ Harddisk เหลือประมาณ 85GB ครับ
ต่อไปก็มาดูความเร็ว SSD 128GB แบบ eMMC ที่ให้มาครับ ความเร็วถือว่าใช้ได้เลย ดีกว่าที่คิดไว้ เพราะปกติเท่าที่เห็นผลทดสอบของ mini PC พวกนี้ write จะต่ำมากครับไม่ถึง 100 ด้วยซ้ำ
Wi-Fi ผมต่อเข้ากับ Mesh ที่บ้าน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกาะที่ 2.4 หรือ 5GHz ความเร็วออกมาประมาณนี้ครับ เพราะผมทดสอบในช่วงเย็น ๆ ที่ Traffic หนาแน่น ถ้าในช่วงอื่น ๆ จะอยู่ที่ 300/300 ครับ ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของ Internet บ้านผมพอดี
ทดลอง Copy ไฟล์ Video ขนาด 12GB จาก Server ผมเองภายในบ้าน ถ้าช่วงโล่ง ๆ ไม่มีใครใช้อะไรอยู่จะได้แถว ๆ 35MB/s ครับ
Benchmark
มาดูเรื่องความแรง CPU และ GPU กันบ้างกับ 3D Mark โดยผมได้ทำการทดสอบทั้งหมด 2 ครั้ง คือครั้งแรก Benchmark โดยเปิดโปรแกรม Stream หน้าจอไว้ไปที่ PC อีกเครื่องหนึ่งเพราะผมต้องการบันทึกหน้าจอไว้ด้วย (ผมไม่มี HDMI Capture) และครั้งที่ 2 ไม่ได้เปิด
ผลการทดสอบทั้ง 2 ครั้ง Performance จะเห็นว่า CPU ได้คะแนนสูงขึ้น 10% ส่วน GPU อยู่ที่ 6% ครับ โดยรายละเอียดไปดูได้ใน link ครับ
https://www.3dmark.com/compare/spy/13943714/spy/13943322
3D Mark ไม่รู้จัก CPU ซะอย่างงั้น
Cinebench หลังจาก Benchmark เรียบร้อยแล้ว จะได้ CPU Score ที่ 568 ครับ ซึ่งความแรงจะสูงกว่า i5–5300U นิดหน่อย
ความร้อนและอัตรากินไฟ
ในระหว่างที่ Benchmark Cinebench ผมก็เปิด HWMonitor ไปด้วย ความร้อนจะขึ้นไปสูงสุดถึง 91–92 องศา โดย idle จะอยู่แถว ๆ ต่ำกว่า 50 องศาลงไป (3D Mark ขึ้นไปถึง 95 องศา) อัตรากินไฟสูงสุดก็ที่ 13W ครับ
เรื่องพัดลมเครื่องก็ทำงานแบบติด ๆ ดับ ๆ ครับ เหมือนเมื่อความร้อนขึ้นถึงจุดหนึ่งก็จะเปิด ไม่ได้ทำงานตลอดเวลา ส่วนเสียงรบกวนมีเล็กน้อยครับเพราะพัดลมมันเล็ก
ส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันร้อนมากไปหน่อยจึงได้ลองค้น ๆ รายละเอียดดูว่ามันมีปัญหาเหมือนพวกเครื่องทดสอบก่อนการระดมทุนหรือไม่โดยการรื้อเครื่องดูเลยครับ
ปัญหาของเครื่องทดสอบช่วงระดมทุนที่สื่อบางเจ้าได้ไปลอง จะมีปัญหาเรื่องตัว thermal pad หน้าสัมผัสไม่แปะไปถึงตัว CPU ครับ ซึ่งจากที่ผมแกะแล้วลองหมุน ๆ ส่องดูก็พบว่าสัมผัสได้สนิทดีไม่มีช่องว่างให้เห็น ดังนั้นตัดเรื่องนี้ไปสรุปมันร้อนจริง ๆ เมื่อทำงานเต็มที่สุด ๆ โดยตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าเพราะผมทดสอบโดย Cinebench ก่อนแล้ว 3D Mark ต่อหรือไม่ มันเลยร้อนพุ่งไปขนาดนั้น เพราะจากการใช้งานปกติผมไม่พบว่าความร้อนจะทะลุเกิน 70 เลยด้วยซ้ำครับ
การใช้งาน
4K Video เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจว่าจะทดสอบไปทำไมเหมือนกัน เพราะเครื่อง Intel Gen เก่า ๆ 2–3 ปีก่อนมันก็รองรับใช้งานได้หมดแล้ว แต่ก็ลองดูครับ ไม่พบเรื่องการ drop frame เล่นได้ปกติ โดย CPU จะวิ่งอยู่แถว ๆ 6–15% ส่วน GPU ก็ 30% ครับ เหลือ ๆ ไปทำอย่างอื่นได้อีก
ถ้าจะเอาไปเล่นเกมก็ควรจะเป็นเกมที่เก่า ๆ สักหน่อย ปรับไม่ต้องสุดมากก็พอไหว ผมเองก็เทสไป 2–3 เกมตามด้านล่าง ส่วนเกมอื่น ๆ ลองหาดูจาก Youtube ก็ได้ครับ keyword พวก Intel HD 500 Gaming แต่ส่วนตัวผมไม่แนะนำเท่าไรครับสงสารเครื่อง
Gameplay ด้านล่างถูก capture โดยตัวเครื่องพร้อม ๆ กับการเล่น ดังนั้น FPS จริง ๆ จะสูงกว่าที่เห็น 10–15 FPS
Cat Quest เล่นที่ความละเอียด 1600 x 900
Torchlight 2 เล่นที่ความละเอียด 720p เดิม ๆ
Half Life 2 เล่นที่ความละเอียด 1600 x 900
ส่วนการใช้งานอื่น ๆ ถ้าเอาไปใช้งานทั่วไปไม่น่ามีปัญหา พิมพ์งานเอกสารนี่เหลือ ๆ อยู่แล้ว เพราะ CPU ตัวนี้เทียบกับ Notebook พวก Pentium Gold ก็เร็วพอ ๆ กัน แถม Core ของ LarkBox ยังเยอะกว่าด้วย
สรุป
LarkBox เป็น mini PC ที่เหมาะสำหรับคนที่อยากได้คอมเล็ก ๆ ตั้งไว้หน้าคอมหรือ TV (หรือจะแขวนไว้ข้างหลังก็ได้) ไว้ทำงานพิมพ์เอกสาร ดูหนังฟังเพลงทั่วไป หรือจะตั้งไว้เป็นไฟล์ Server, Media Server โหลดบิทอะไรก็ได้ ไม่ก็พกพาเป็นคอมสำรองได้ (เพื่อ?) ด้วยอัตรากินไฟที่ต่ำเหมือนเปิดไฟ LED ไว้สักหลอด ทำให้เปิดทิ้งเปิดขว้างได้เลย ราคาที่ผมได้มาจากช่วงระดมทุนจะอยู่แถว ๆ 5000 บาท สเปคแบบแกะกล่องใช้ได้เลย ถือว่าดีครับ
จุดที่ชอบ
เล็กมากเบามาก
ราคาถูกจ่ายทีเดียวจบในตัว ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเพื่อให้ใช้งานได้เหมือน NUC
เพิ่มพื้นที่ได้ด้วยช่อง M.2 ที่เผื่อมาไว้ให้ (ขนาด SSD หายากและรองรับแค่ SATA)
จุดที่ไม่ชอบ
ไม่มีช่องเสียบสาย Lan
แรมให้มาแค่ 6GB รู้สึกขาด ๆ
ร้อนมากที่การทำงานหนัก ๆ
พัดลมเล็ก มีเสียงดังรบกวนนิดหน่อย
อื่น ๆ
ราคาขายจริงประมาณ 239 ดอลลาร์ (7400 บาท) รวมส่งจาก Indlegogo หรือราคาพร้อมส่วนลด 199 ดอลลาร์ (6200 บาท) ไม่รวมส่งในเว็บหลัก
ราคาแถวนี้ถ้าอยากพกพาด้วยลองไปดูพวก Notebook Pentium Gold ก็ได้ครับได้จอด้วย
ภาพช่วงทดสอบครับเล็กจิ๋วดีจริง ๆ
Video Review
ที่มา: รีวิว CHUWI LarkBox mini PC ที่เล็กที่สุดในโลก? |
# แอพ Remote Desktop บน Windows 10 ได้รับอัพเดตครั้งใหญ่, เพิ่มฟีเจอร์แบ็คอัพการเชื่อมต่อ / รองรับ ARM 64
เมื่อประมาณปลายเดือน ส.ค. ที่เพิ่งผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตใหม่ให้กับแอพ Remote Desktop บน Windows 10 เพื่อยกเครื่องแอพครั้งใหญ่
โดยเช่นเดียวกับแอพเวอร์ชัน Android ที่เพิ่งได้รับอัพเดตมาก่อนหน้านี้ แอพบน Windows ได้เปลี่ยนแกนหลักของ RDP (Remote Desktop Protocol) ไปใช้เอนจินเดียวกันกับแอพ Remote Desktop บน iOS และ macOS ซึ่งก็น่าจะช่วยให้แอพฝั่ง Windows 10 ได้รับอัพเดตฟีเจอร์ที่ทัดเทียมกันกับแอพบนระบบปฏิบัติการอื่นเร็วกว่าเดิม
และยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่พร้อมปรับปรุงการใช้งานไปหลายอย่างพอสรุปได้ดังนี้
เพิ่มการรองรับสถาปัตยกรรม x64 และ ARM64
เพิ่มการตั้งค่าให้สามารถปรับธีมของแอพ เป็นธีมสว่างหรือธีมมืด
เพิ่มความสามารถในการ backup การเชื่อมต่อที่บันทึกไว้ภายในแอพออกมาเป็นไฟล์ ซึ่งสามารถนำไป restore ในภายหลังหรือจะนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นก็ทำได้
ภาพตัวอย่างเมนู backup/restore การเชื่อมต่อบนแอพ Remote Desktop
แก้ไขบั๊กที่เกิดขึ้นเมื่อก็อปปี้ไฟล์เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ฝั่งรีโมท
แก้ไขปุ่มที่เคยมีปัญหากับฟังก์ชันช่วยเหลือผู้พิการ (accessibility)
ปรับปรุงและเพิ่มการรองรับบริการ Windows Virtual Desktop หลายอย่าง (อ่านรายละเอียดได้ที่นี่)
ทางไมโครซอฟท์ได้ปล่อยอัพเดตแอพ Remote Desktop ข้างต้นให้กับผู้ใช้กลุ่ม Windows Insider มาได้ระยะหนึ่ง และน่าจะเริ่มทยอยปล่อยอัพเดตให้กับผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว
ปัจจุบันตัวผู้เขียนข่าวเองได้รับแอพเวอร์ชันล่าสุดบนคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้เข้าร่วม Windows Insider Program บางเครื่องแล้ว ท่านใดใช้งานอยู่ลองเข้าไปเช็กอัพเดตได้ที่ Microsoft Store ครับ
ที่มา - Windows Central |
# Alibaba เปิดตัวโรงงานดิจิทัลต้นแบบแนวคิดใหม่ Xunxi นำร่องที่การผลิตเสื้อผ้า
Alibaba เปิดตัวโรงงานดิจิทัลนำร่อง Xunxi ในเมืองหางโจว ซึ่งบริษัทระบุว่าเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ Five New ที่ผู้ก่อตั้ง Jack Ma วางไว้ ได้แก่ New Retail, New Manufacturing, New Finance, New Technology และ New Energy ซึ่งโรงงาน Xunxi นี้ ก็คือ New Manufacturing
โรงงาน Xunxi มีเป้าหมายเป็นโรงงานผลิตสินค้าที่เน้นตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน โดยนำโซลูชันดิจิทัลมาช่วยทั้งคลาวด์, IoT และ AI บนแนวคิดให้โรงงานสามารถผลิตสินค้าซึ่งตลาดกำลังต้องการ และผลิตออกไปขายได้ทันที ไม่ต้องสต็อกสินค้าไว้ก่อน
เพื่อทดสอบแนวทางดังกล่าว โรงงาน Xunxi จึงนำร่องด้วยการผลิตสินค้าประเภทเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้ลูกค้ามักมีความต้องการสินค้าที่ออกแบบเฉพาะสำหรับแต่ละคน (personalize) อีกทั้งระยะเวลานับจากเปิดตัวแบบเสื้อ จนถึงเริ่มจำหน่ายถึงมือลูกค้าก็ใช้เวลานาน
Alibaba ระบุว่าโรงงานต้นแบบ Xunxi สามารถลดระยะเวลาคำสั่งซื้อได้ 75% และด้วยโครงสร้างสายการผลิตที่ยืดหยุ่น ทำให้รองรับออเดอร์ต่ำที่สุดได้ถึง 100 ชิ้น เหมาะกับลูกค้าห้องเสื้อขนาดเล็ก-กลาง รวมทั้งลดปริมาณวัตถุดิบและสต็อกได้อีกด้วย
แผนงานในอนาคตของโครงการนี้ Alibaba บอกว่ามีทั้งรวมการขนส่งสินค้า, เก็บสต็อกสินค้า ไปจนถึงการจัดหาวัตถุดิบในการผลิตเข้ามา ทำให้เป็นโซลูชันที่ครบวงจรในห่วงโซ่สำหรับบริษัทที่ต้องการผลิตสินค้า
ดูวิดีโออธิบายโรงงานต้นแบบนี้เพิ่มเติมได้ด้านล่าง
ที่มา: Alizila |
# Picture-in-Picture ใน iOS 14 ใช้งานไม่ได้สำหรับ YouTube บน Safari ถ้าไม่ใช่ผู้ใช้ Premium
ฟีเจอร์เด่นอย่างหนึ่งใน iOS 14 คือความสามารถ Picture-in-Picture (PiP) สำหรับ iPhone ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถเล่นคลิปวิดีโอได้ ระหว่างทำอย่างอื่นในโทรศัพท์ไปได้พร้อมกัน (iPad ใช้งานได้ก่อนหน้านี้แล้ว) อย่างไรก็ตาม YouTube ดูเหมือนจะจำกัดความสามารถนี้
โดยมีรายงานว่าก่อนหน้านี้ YouTube เวอร์ชันเว็บไซต์ที่เปิดผ่าน Safari สามารถใช้งาน PiP ได้ใน iOS 14 รุ่นทดสอบ แต่หลังแอปเปิลออก iOS 14 สำหรับผู้ใช้ทั่วไป เมื่อพยายามเรียก PiP หน้าวิดีโอจะเด้งกลับมาคืน ทำให้ไม่สามารถใช้ PiP ได้
ทั้งนี้พบว่าคุณสมบัติ PiP บนเว็บไซต์จะใช้งานได้ หากเป็นผู้ใช้ YouTube Premium หรือเป็นการใช้งานผ่าน iPad และยังพบว่าถ้าเป็นการเล่นวิดีโอ YouTube ที่ฝังในเว็บไซต์อื่นก็ยังสามารถเรียก PiP ได้ในตอนนี้
เพิ่มเติม: หากเลือกเป็น Desktop Website จะใช้ PiP ได้เช่นกัน
ที่มา: MacRumors |
# GeForce 3080 เอาอยู่ รันโหมด Can It Run Crysis? ที่ 4K ได้เฟรมเรต 37.46 FPS
ต่อจากข่าว หัวหน้าทีม Crysis Remastered บอกตอนนี้ไม่มีการ์ดจอไหนรันโหมด Can It Run Crysis? ที่ 4K@30 ไหว (ย้ำว่า "โหมด")
เว็บไซต์ PCGamer จึงทดสอบกับ GeForce RTX 3080 ตัวใหม่ล่าสุดว่าเอาอยู่หรือไม่ ผลคือสามารถรันได้
การ์ดที่ทดสอบเป็น Colorful RTX 3080 iGame Advanced รันโหมด Can It Run Crysis? ที่ความละเอียด 4K เปิด Ray Tracing สามารถทำเฟรมเรตเฉลี่ยได้ที่ 37.46 fps โดยกินไฟเฉลี่ย 319W และขึ้นไปสูงสุดที่ 386W (วัดเฉพาะไฟของการ์ดจอ ไม่ใช่ทั้งระบบ)
ที่มา - PCGamer |
# Trump อนุมัติหลักการ TikTok อยู่รอดในสหรัฐ ให้ Oracle กับ Walmart เข้ามาถือหุ้น 20%
ประธานาธิบดี Donald Trump ให้สัมภาษณ์ว่าเขาอนุมัติ "ในหลักการ" ของข้อเสนอเรื่อง TikTok กับ Oracle ("I approved the deal in concept.")
ภายใต้ข้อเสนอนี้
Oracle จะกลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์แก่ TikTok ในสหรัฐอเมริกา
Oracle จะเข้ามาถือหุ้น 12.5% ในบริษัทใหม่ที่จะเป็นเจ้าของ TikTok ในสหรัฐอเมริกา
Walmart ที่ก่อนหน้านี้ผนึกกำลังกับไมโครซอฟท์ จะเข้ามาซื้อหุ้นอีก 7.5%
เท่ากับว่า ByteDance จะถือหุ้น 80% ที่เหลืออยู่ของบริษัทใหม่
บริษัทใหม่มีแผนจะขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐปีหน้า เพื่อให้คนอเมริกันมีโอกาสเป็นเจ้าของมากขึ้น
ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ จะเลื่อนการแบน TikTok ไปอีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อรอดีลนี้ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการ ส่วนกรณีของการแบน WeChat ในคำสั่งเดียวกันยังไม่แน่ชัดว่าเลื่อนตามไปด้วยหรือไม่
ที่มา - CNBC |
# Sumo Logic บริษัทจัดการล็อกไฟล์ผ่านคลาวด์ ขายหุ้น IPO ราคาหุ้นพุ่ง 22%
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีบริษัทเทคโนโลยีขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์หลายราย เช่น Snowflake, Unity, JFrog
Sumo Logic บริษัทด้าน log management และ monitoring เป็นอีกรายที่ขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq โดยใช้ตัวย่อว่า "SUMO" ตั้งราคาหุ้นที่ 22 ดอลลาร์ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี ราคาหุ้นวันแรกปิดที่ 26.88 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22% จากราคาขาย
Sumo Logic เรียกตัวเองว่าเป็นบริการแขนงใหม่ที่เรียกว่า continuous intelligence เน้นการเก็บข้อมูลล็อกจากแอพพลิเคชันต่างๆ (รองรับแอพยอดนิยมมากกว่า 150 ตัว ตั้งแต่ระดับ OS ไปจนถึง SaaS) แล้วนำมามอนิเตอร์-วิเคราะห์แบบเรียลไทม์ แจ้งเตือนได้ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง
คู่แข่งโดยตรงของ Sumo Logic ได้แก่ Splunk ที่ขายหุ้น IPO อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2012 อย่างไรก็ตาม โมเดลธุรกิจของ Splunk มีทั้งแบบ on premise และ on cloud ในขณะที่ Sumo Logic ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2010 เป็น on cloud ล้วนๆ มาตั้งแต่ต้น
เทียบขนาดบริษัทแล้ว Splunk ที่อยู่มานานกว่า ถือว่าใหญ่กว่า Sumo Logic มาก (30 พันล้านดอลลาร์ vs 2 พันล้านดอลลาร์) และรายได้ส่วนใหญ่ของ Splunk มาจากตลาดล็อกด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นความท้าทายของ Sumo Logic ที่ต้องเจาะฐานเดิมของ Splunk ให้ได้
ที่มา - Sumo Logic, Forbes, VentureBeat |
# Microchip ประกาศความร่วมมือบริษัท AI ออกชุดพัฒนา AI บนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
Microchip ประกาศความร่วมมือกับบริษัทปัญญาประดิษฐ์สามบริษัท ได้แก่ Cartesiam, Edge Impulse, และ Motion Gestures ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้เครื่องมือของทั้งสามบริษัทได้ใน MPLAB X IDE ของทาง Microship เอง
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กสามารถใช้งานกับข้อมูลบางประเภท กรณีนี้ทาง Microchip ออกชุดพัฒนา EV18H79A บอร์ดพัฒนาพร้อมตัววัดการเคลื่อนไหว 6 แกนของ TDK และ EV45Y33A ชุดพัฒนาติด BOSCH IMU และบริษัทที่เข้ามาเป็นพันธมิตรด้วยก็เป็นบริษัท AI ที่เน้นงานด้านแปลข้อมูลความเคลื่อนไหว ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถแปลผลของเซ็นเซอร์ออกมาเป็น gesture ต่าง ว่าผู้ใช้ต้องการสั่งงานอะไร
บอร์ดพัฒนาเริ่มวางขายในจำนวนจำกัดแล้ว ราคาเริ่มต้น 39.95 ดอลลาร์
ที่มา - Microchip, CNX Software |
# Vue.js ออกรุ่น 3.0 ชื่อเล่น One Piece เล็กลง, เร็วขึ้น, ประหยัดแรม
Vue.js เฟรมเวิร์คจาวาสคริปต์ยอดนิยมอีกตัวประกาศออกรุ่น 3.0 One Piece หลังจากพัฒนามานานถึงสองปี มีการปรับปรุงตามข้อเสนอทั้งหมด 37 รายการ นักพัฒนาที่เกี่ยวข้องรวม 99 คน
โครงสร้างภายในของ Vue 3.0 ถูกแตกออกเป็นโมดูลย่อยๆ จำนวนมากเพื่อให้ระยะเวลาโหลดน้อยลงและการดูแลง่ายขึ้น รวมถึงการใช้ API ระดับล่างสำหรับงานเฉพาะทางก็ทำได้แล้วในเวอร์ชั่นนี้
จุดเด่นคือประสิทธิภาพการรัน Vue ดีขึ้นทุกกรณีเทียบกับ Vue 2 และการใช้แรมก็ลดลงเหลือครึ่งเดียวเท่านั้น
ตัว Vue 3.0 ออกตัวจริงแล้วแต่ก็ยังไม่พร้อมใช้งานเต็มที่เพราะโครงการย่อยยังไม่พอร์ตตามมา เช่น router และ Vuex รวมถึงไม่รองรับ IE 11
ที่มา - GitHub: vuejs/vue-next
ตัวอย่าง Composition API ใน Vue 3.0 |
# Moment.js ประกาศหยุดพัฒนา แนะนำให้ใช้ไลบรารีอื่นทดแทน
Moment.js ไลบรารีแสดงวันและเวลาในภาษาจาวาสคริปต์ที่ได้รับความนิยมสูง (ดาวบน GitHub มากกว่า 44,000 ดาว และยอดดาวน์โหลดสัปดาห์ละ 12 ล้านครั้ง) ประกาศหยุดพัฒนาโดยระบุเหตุผลว่าโครงสร้างเดิมไม่เหมาะกับนักพัฒนาใหม่ และตัวจาวาสคริปต์เองก็มีออปเจก์ Intl เพื่อรองรับวิธีการแสดงวันและเวลาแล้ว แต่ Moment.js ไม่รองรับ
กระบวนการหยุดพัฒนาของ Moment.js จะแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงต่อไป และจะเพิ่ม timezone ใหม่ๆ ตามฐานข้อมูลของ IANA แต่จะไม่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใดๆ รวมถึงไม่มีการแก้ไขพฤติกรรมแปลกๆ (quirk) และไม่มีการออกเวอร์ชั่น 3 อีก
ทาง Moment.js แนะนำไลบรารีทดแทนหลายตัว ได้แก่
Luxon ไลบรารีที่ใช้ข้อมูล locale และ timezone จากออปเจกต์ Intl แต่รองรับ IE 10 ขึ้นไปเท่านั้น
Day.js ใช้ timezone จากออปเจกต์ Intl แต่ใช้ข้อมูล locale จากไฟล์ของตัวเอง ข้อดีคือต้องการ IE 8 ขึ้นไป
date.fns ไลบรารีประมวลข้อมูลวันเวลา ใช้ timezone จากออปเจกต์ Intl โดยต้องลงไลบรารีเพิ่ม แต่ใช้ข้อมูล locale จากไฟล์ของตัวเอง
js-Joda ไลบรารีพอร์ตมาจากไลบรารี java.time ที่ใช้ตั้งแต่ Java SE 8
ทางเลือกสุดท้ายคือการไม่ใช้ไลบรารีเลย โดยออปเจกต์ Intl เองก็มีฟีเจอร์ที่ใช้งานกันบ่อยๆ หลายอย่าง แต่ปัญหาคือการอิมพลีเมนต์หลายที่ไม่ครบตามสเปค เช่น Node.js เอง อีกทางคือ ECMA กำลังออกมาตรฐาน Temporal ที่รองรับความต้องการหลายกรณีขึ้น แม้ตอนนี้จะยังไม่ควรใช้งานบนโปรดักชั่น
ที่มา - Moment.js |
# ออสเตรเลียลงโทษคุมความประพฤติผู้ดูแลซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 15 เดือน หลังนำเครื่องไปขุดเงิน Monero
ศาลซีดนีย์ลงโทษคุมความประพฤติ 15 เดือน Jonathan Khoo เจ้าหน้าที่ไอทีที่นำซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของรัฐบาลสำหรับวิจัย ไปขุดเงิน Monero โดยช่วงเวลาเพียงเดือนเดียวในช่วงต้นปี 2018 เขาขุดเงินไปได้ถึง 9,422 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือกว่าสองแสนบาท
ศูนย์วิจัย CSIRO เจ้าของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ Khoo ดูแล ระบุว่าความเสียหายจากประสิทธิภาพเครื่องที่ลดลงรวมมูลค่า 76,668 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือกว่า 1.7 ล้านบาท
กฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ออสเตรเลียระบุโทษของการแก้ไขคอมพิวเตอร์จนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ มีโทษสูงสุดจำคุกสิบปี แต่กรณีนี้ Khoo สารภาพทันทีหลังถูกค้น
ที่มา - IT News
ภาพโดย pattyjansen |
# GNOME 3.38 ออกแล้ว เวอร์ชันหน้าจะเรียกว่า GNOME 40 แทน
GNOME ออกเวอร์ชัน 3.38 ตามรอบการออกทุก 6 เดือน ของใหม่ในเวอร์ชันนี้ได้แก่
สลับตำแหน่งแอพในหน้า Launcher ได้แล้ว
รองรับการล็อกอินด้วยลายนิ้วมือ
แอพตัวใหม่ Tour สอนการใช้งานหลังล็อกอินครั้งแรก (เขียนด้วยภาษา Rust)
Settings ปรับปรุงการตั้งค่า Parental Controls
ปรับปรุง API สำหรับการบันทึกวิดีโอหน้าจอ (Screen Recording)
รองรับการแสดงผลหลายหน้าจอ ที่มีอัตรารีเฟรชต่างกัน
เบราว์เซอร์ GNOME Web เพิ่มตัวป้องกันการตามรอย Intelligent Tracking Prevention
แอพ Screenshot และ Sound Recorder ปรับโฉมใหม่
ที่มา - GNOME, GNOME
นอกจาก GNOME 3.38 แล้ว อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ GNOME เวอร์ชันหน้าจะเปลี่ยนระบบเลขเวอร์ชันใหม่ เรียกว่า GNOME 40 แทน 3.40 จากนั้นจะเพิ่มเลขรุ่นไปเรื่อยๆ เป็น 41, 42, 43 เหมือนกับที่เราคุ้นกันในวงการเบราว์เซอร์ โดยยังคงรอบการออกทุก 6 เดือนเหมือนเดิม
เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงคือ GNOME 3 อยู่มานานเกือบ 10 ปีแล้ว และเลขเวอร์ชันห้อยท้ายเยอะขึ้นเรื่อยๆ มาจนถึง 38 แต่ก็ไม่สามารถขยับเลขขึ้นเป็น GNOME 4 ได้ เพราะมีนโยบายขยับเลขโดยอิงกับซอฟต์แวร์พื้นฐาน (ในที่นี้คือ GTK+ 4.0) และการยกเครื่องแพลตฟอร์มครั้งใหญ่น่าจะทำได้ยาก เพราะกระทบกับคนจำนวนมาก
โครงการ GNOME จึงตัดสินใจตัดเลขเวอร์ชันตัวหน้าออกแทน จาก 3.40 กลายเป็น 40 นั่นเอง
ที่มา - GNOME, OMG Ubuntu |
# กูเกิลประกาศอัพเกรดบ็อต Googlebot ที่ไล่เก็บข้อมูลหน้าเว็บ รันบน HTTP/2
HTTP/2 ประกาศเป็นมาตรฐานมาตั้งแต่ปี 2015 และตอนนี้ก็ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายแล้ว (หน้าเว็บ Blognone ที่เห็นตอนนี้ก็ควรเป็น HTTP/2 ถ้าไม่ได้ใช้เบราว์เซอร์ที่เก่าจัดๆ)
กูเกิลจึงได้ฤกษ์ประกาศว่า Googlebot ที่ไล่วิ่งเก็บข้อมูลหน้าเว็บเพจทั่วอินเทอร์เน็ต จะเปลี่ยนมาเป็น HTTP/2 ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2020 เป็นต้นไป
กูเกิลบอกว่าการเปลี่ยนบ็อตเป็น HTTP/2 จะช่วยประหยัดทรัพยากรของเว็บเซิร์ฟเวอร์ลง เพราะเปิดการเชื่อมต่อ TCP เพียงครั้งเดียว ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เจ้าของเว็บไม่ต้องทำอะไรเพิ่มหากเว็บเซิร์ฟเวอร์รองรับ HTTP/2 อยู่แล้ว หากเซิร์ฟเวอร์ยังเป็นแค่ HTTP/1.1 บ็อตก็จะยังทำงานได้ตามปกติเช่นกัน
อ่านบทความอธิบายความแตกต่างของ HTTP/1.0, HTTP/1.1, HTTP/2.0 และ HTTP/3.0 ประกอบ
ที่มา - Google Webmaster |
# Windows 10 October 2020 Update ออกรุ่นพรีวิว มาพร้อม Start Menu โฉมใหม่
ไมโครซอฟท์ประกาศ Windows 10 อัพเดต 20H2 รอบครึ่งหลังของปี 2020 เข้าสถานะเป็น Release Preview หรือพรีวิวรอบสุดท้าย ใกล้ออกเป็นตัวจริงในเร็วๆ นี้
ชื่ออย่างเป็นทางการของ Windows ตัวนี้คือ Windows 10 October 2020 Update (version 20H2) โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบเลขเวอร์ชันเป็น 20H2 แทน 2004 แบบรุ่นที่แล้ว
ตามนโยบายของไมโครซอฟท์ในรอบ 2-3 ปีหลัง Windows 10 รอบครึ่งหลังของปีจะไม่มีของใหม่มากนัก เน้นเสถียรภาพเพื่อให้กลุ่มลูกค้าองค์กรอัพเกรดได้ง่ายขึ้น โดยของใหม่ที่ประกาศไว้แล้วคือ
Microsoft Edge Chromium มาเป็นดีฟอลต์แทน Edge ตัวเดิม
Edge ได้ฟีเจอร์เพิ่มเล็กน้อย เช่น หน้าสลับแท็บ Alt+Tab หรือการปักหมุดเว็บบน Task Bar
Start Menu โฉมใหม่ เอาสีของ Tiles ออกไป
ที่มา - Windows Insider Blog |
# JFrog ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ CI/CD เข้าเทรดในตลาด Nasdaq แล้ว ราคาเปิดวันแรกพุ่ง 62%
JFrog ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เพื่อซัพพอร์ตงาน CI/CD ได้เข้าตลาดหุ้น Nasdaq เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยใช้สัญลักษณ์ซื้อขาย FROG ราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 71.27 ดอลลาร์ สูงกว่าราคาไอพีโอถึง 62% และปิดตลาดสุดสัปดาห์ในวันศุกร์ราคาอยู่ที่ 64.78 ดอลลาร์
JFrog เริ่มขายหุ้นไอพีโอโดยตอนแรกตั้งราคาไว้ที่ 33-37 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ภายหลังปิดการขายราคาไอพีโอของบริษัทอยู่ที่ 44 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำให้บริษัทมีมูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์หลังจำหน่ายหุ้นไอพีโอสำเร็จแล้ว
สำหรับบริษัท JFrog เป็นบริษัทที่เน้นพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อสนับสนุนการทำงานประเภท CI/CD โดยผลิตภัณฑ์ชูโรงมี Artifactory พื้นที่เก็บแพคเกจ, Xray เครื่องมือ DevSecOps สำหรับสแกนช่องโหว่ในแพคเกจ และ Pipelines บริการ CI/CD บนคลาวด์
รายได้บริษัท JFrog อยู่ที่ 69.3 ล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนของปีนี้ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 50% แต่บริษัทยังมีผลขาดทุนที่ 426,000 ดอลลาร์ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 79%
ที่มา - Crunchbase
ภาพจาก JFrog |
# หัวหน้าทีม Crysis บอกตอนนี้ไม่มีการ์ดจอไหนรันโหมด Can It Run Crysis? ที่ 4K@30 ไหว
Steffen Halbig หัวหน้าโครงการ Crysis Remastered ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงโหมด Can it Run Crysis? ที่อัดกราฟิกมาหนักๆ เพื่อทดสอบสมรรถนะเครื่อง ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีการ์ดจอรุ่นไหนสามารถรันโหมดนี้ ที่ความละเอียด 4K @ 30FPS ไหวเลย
เขาอธิบายว่าในกราฟิกที่นำมาโชว์ทางโซเชียล เบื้องหลังการเรนเดอร์คือมุมมองที่ไม่จำกัดระยะการมองเห็น (unlimited view distances), ไม่มีการนำกราฟิกโผล่มาแสดงผลทีหลัง (no pop ups of assets) และไม่มีการเปลี่ยนความละเอียดของวัตถุเมื่อเปลี่ยนระยะ (no level of detail changes) นั่นแปลว่าต้นไม้ที่อยู่ไกลมากๆ ก็จะถูกเรนเดอร์เต็มรูปแบบตั้งแต่แรกสุด ทำให้กินทรัพยากรมาก แต่นั่นก็คือสิ่งที่ผู้เล่นต้องการทดสอบเครื่องตัวเอง
เขายังพูดถึงที่มาของชื่อโหมด Can it Run Crysis? ว่าตอนแรกเป็นแค่มุขตลกที่พูดกันในห้องประชุม แต่เขายืนยันว่าเขาเอาจริงกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีทีมงานมาเสนอทันทีว่าเราควรสร้างโหมดนี้กันอย่างไร
ที่มา - PCGamer |
# หุ้น Unity เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กแล้ว ราคาเปิดพุ่งไป 31%
เมื่อคืนที่ผ่านมา Unity Technologies บริษัทเจ้าของเอนจินเกม Unity ได้นำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ยื่นเอกสารต่อ SEC เมื่อเดือนสิงหาคม
Unity เปิดขายหุ้นไอพีโอทั้งหมด 25 ล้านหุ้นที่ราคา 52 ดอลลาร์ต่อหุ้น และหลังจากเปิดตลาด หุ้นของ Unity ก็พุ่งไปที่ราคา 75 ดอลลาร์ หรือสูงกว่า 31% และเมื่อปิดตลาด ราคาของ Unity อยู่ที่ 68.35 ดอลลาร์
รายได้ของบริษัท Unity เติบโตจาก 380.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 มาเป็น 541.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 แต่บริษัทยังคงมีผลขาดทุนอยู่ในปี 2019 ที่ 163.2 ล้านดอลลาร์ โดย Unity เป็นอีกหนึ่งไอพีโอบริษัทที่น่าจับตามอง เพราะปัจจุบัน Unity ครองตลาดเกมกว่า 53% ของเกมมือถือ 1,000 อันดับแรก และทางบริษัทมีแผนจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ขยายตลาดไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย
ที่มา - TechCrunch
ภาพจาก Unity |
# GitHub CLI เครื่องมือสั่งงาน GitHub ผ่านคอมมานด์ไลน์ ออกเวอร์ชัน 1.0
GitHub ประกาศออก GitHub CLI เวอร์ชัน 1.0 โปรแกรมคำสั่งผ่านคอมมานด์ไลน์ที่เปิดตัวรุ่น Beta เมื่อตอนต้นปี
จุดเด่นของ GitHub CLI คือสั่งงานทุกอย่างได้จากเทอร์มินัล ตั้งแต่สร้างรายการบั๊ก issue ไปจนถึง release ซอฟต์แวร์ โดยไม่ต้องเปิดหน้าเว็บเลย รูปแบบการใช้งานจะขึ้นด้วยคำว่า gh ตามด้วยคำสั่งในระบบ GitHub เช่น gh issue list, gh pr create เป็นต้น
GitHub CLI เวอร์ชัน 1.0 ยังเพิ่มฟีเจอร์ alias สำหรับตั้งคำสั่งเอง (gh alias set), เชื่อมต่อกับ GitHub API (gh api) และเชื่อมกับเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น GitHub Enterprise Server ที่นิยมใช้ในองค์กร
GitHub ระบุว่าหลังเปิดตัว CLI ก็ประสบความสำเร็จในแง่ใช้งาน มีผู้ใช้สั่ง pull request ไปแล้ว 250,000 ครั้ง สั่ง merge อีก 350,000 ครั้ง และเปิด issue ใหม่จำนวน 20,000 รายการ
ที่มา - GitHub |
# Oracle ช่วยไม่ทัน ก.พาณิชย์แบน TikTok และ WeChat ในสหรัฐหลังวันอาทิตย์นี้
แม้ Oracle จะออกมายืนยันการเป็นพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยีกับ Bytedance แล้วรวมถึงมีรายงานเรื่องดีลและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำลังเจรจากับภาครัฐที่ออกมาเพื่อให้การเป็นพาร์ทเนอร์นั้นลุล่วง
ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐออกคำสั่ง ทว่าล่าสุด FT รายงานอ้างอิงผู้ที่เกี่ยวข้องว่า Donald Trump เตรียมจะออกคำสั่งบริหารเพื่อแบน TikTok พร้อมทั้ง WeChat ออกจาก App Store และ Play Store ของสหรัฐ ซึ่งจะมีผลวันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป ตามกำหนดเส้นตายวันที่ 20 กันยายนนี้ ที่ห้ามบริษัทสหรัฐยุ่งเกี่ยวกับ TikTok และ WeChat (แต่ ByteDance มีเวลา 90 วันถึง 12 พฤศจิกายนนี้เพื่อหาผู้ซื้อ)
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าข้อเสนอล่าสุดของ ByteDance และ Oracle คือตั้งบริษัท TikTok แยกออกมาต่างหากในสหรัฐ (ลือว่าจะชื่อ TikTok Global) มีบอร์ดอเมริกันและหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงที่ตั้งโดยรัฐบาล โดย ByteDance จะยังถือหุ้นใหญ่อยู่ในบริษัทนี้ และก็จะนำบริษัท TikTok Global ไอพีโอเข้าตลาดในอนาคต
ที่มา - FT, U.S. Department of Commerce |
# ลูกโตพอดี Thunderbird รองรับ OpenPGP หลังเปิดบั๊กมา 21 ปี
ทีมงานโปรแกรมอ่านอีเมล Thunderbird ปิดบั๊กขอเพิ่มฟีเจอร์หมายเลข 22687 ที่รายงานมาตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 1999 เพื่อให้ Thunderbird สามารถเข้ารหัสอีเมลแบบ PGP ได้ในตัว ล่าสุด Thunderbird รวมฟีเจอร์นี้เข้าในตัวในเวอร์ชั่น 78 ทำให้ปิดบั๊กนี้ได้เป็นทางการ
แม้จะเปิดบั๊กมาตั้งแต่ 21 ปีก่อน แต่ที่จริงแล้ว Thunderbird รองรับ PGP ผ่านทางปลั๊กอิน Enigmail มายาวนาน แต่บั๊กนี้เป็นการเรียกร้องให้ Thunderbird เข้ามาซัพพอร์ต PGP โดยตรง จุดเปลี่ยนคือการพัฒนา Thunderbird 78 ที่จะเปลี่ยนระบบปลั๊กอินทำให้ทีมงานตัดสินใจรวมฟีเจอร์นี้เข้ามาโดยตรง
Patrick Brunschwig ผู้พัฒนา Enigmail มา 17 ปีระบุว่าเป้าหมายหลักของโครงการคือฟีเจอร์ PGP ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Thunderbird อยู่แล้ว จุดจบของ Enigmail เช่นนี้จึงเป็นเรื่องน่ายินดี
ที่มา - Bugzilla
ภาพ Thunderbird 78 ใน dark mode |
# Let's Encrypt เพิ่ม Root CA ใหม่ใช้ลายเซ็นแบบ ECDSA ลดขนาดใบรับรองลง 350 ไบต์
Let's Encrypt ประกาศเพิ่ม Root CA และ Intermediate CA ชุดใหม่สำหรับใช้ลายเซ็นดิจิทัลแบบ ECDSA P-384 ที่มีขนาดกุญแจสาธารณะเพียง 48 ไบต์ และขนาดลายเซ็น 96 ไบต์ เทียบกับ RSA-2048 ที่มีขนาดกุญแจสาธารณะถึง 256 ไบต์ และขนาดลายเซ็น 400 ไบต์ ทำให้ใบรับรองแต่ละใบที่มีทั้งกุญแจสาธารณะและลายเซ็น จะมีขนาดลดลงประมาณ 350 ไบต์
Root CA ตัวใหม่จะใช้ชื่อ "ISRG Root X2" ได้รับรองจาก "ISRG Root X1" ที่ได้อยู่ในฐานข้อมูลส่วนมากอยู่แล้ว โดย Root CA ใหม่จะมีอายุถึงปี 2040 แต่การออกใบรับรองจริงจะใช้ Intermediate CA สองตัว ได้แก่ Let's Encrypt E1 และ Let's Encrypt E2 ที่มีอายุ 5 ปี
จุดเปลี่ยนสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือใบรับรอง ECDSA P-384 เหล่านี้จะไม่มีการ cross-signed โดย IdentTrust อีกแล้ว นับเป็นจุดเริ่มต้นของการออกใบรับรองที่ Let's Encrypt ต้องยืนด้วยตัวเองเต็มรูปแบบ
ISRG Root X2 สร้างคู่กุญแจสาธารณะและกุญแจลับเรียบร้อยแล้วจากพิธีสร้างกุญแจ (key ceremony) เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ตอนนี้กุญแจสาธารณะเปิดให้ดาวน์โหลดทั้งแบบ self-signed และ cross-signed จาก ISRG Root X1 ส่วนกระบวนการขอออกใบรับรองจริงต้องรอประกาศต่อไป
ที่มา - Let's Encrypt |
# นินเทนโดยืนยันครั้งแรกว่ากำลังทำคอนโซลใหม่ ออกปี 20XX, ยุทธศาสตร์เกมมือถือได้ผล
ถึงแม้เป็นเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่นินเทนโดเพิ่งยอมรับอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า กำลังพัฒนาคอนโซลตัวใหม่อยู่ โดยระบุช่วงเวลาวางขายแบบคร่าวมากๆ คือปี 20XX
นินเทนโดเอ่ยถึงเรื่องนี้ในงานแถลงยุทธศาสตร์ประจำปี โดยเน้นย้ำยุทธศาสตร์หลักของบริษัทที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยการสร้าง Integrated Hardware-Software Entertainment แบบที่ทำมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นจอคู่แบบ DS, รีโมทแบบ Wii หรือล่าสุดคือ Joy-Con ของ Switch
ในเอกสารไม่ได้ให้ข้อมูลของคอนโซลเครื่องใหม่มากไปกว่านี้ แต่ก็บอกว่านินเทนโดจะยังใช้ยุทธศาสตร์ Integrated Hardware-Software Entertainment เช่นเดิม
นินเทนโดยังพูดถึงยุทธศาสตร์การขยายฐานแฟนๆ คาแรกเตอร์ของบริษัทไปยังธุรกิจอื่นๆ เช่น สวนสนุก ภาพยนตร์ เกมมือถือ สินค้าที่ระลึก เพื่อสร้างแฟนกลุ่มใหม่ๆ ที่เมื่อรู้จักนินเทนโดแล้ว ก็ย่อมสนใจมาซื้อเกมของนินเทนโดง่ายขึ้น
ยุทธศาสตร์นี้ได้ผลไม่น้อย ตัวอย่างคือเกมมือถือที่ได้รับความนิยมสูงอย่าง Mario Kart Tour ช่วยให้จำนวนบัญชี Nintendo Account เพิ่มเป็น 200 ล้านบัญชีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งบัญชีเหล่านี้ถือเป็นการสร้างสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างนินเทนโดกับผู้เล่น ส่วนบัญชี Nintendo Switch Online ที่ต้องเสียเงิน ก็มีจำนวน 26 ล้านบัญชีแล้วเช่นกัน
ที่มา - Nintendo (PDF) |
# เปิดตัว Facebook Business Suite ตัวจัดการโพสต์ได้พร้อมกันทั้งบน Facebook และ Instagram
Facebook เปิดตัว Facebook Business Suite สำหรับโปรไฟล์ธุรกิจหรือเจ้าของร้านคาที่มีหน้าร้านบน Facebook และ Instagram ให้สามารถจัดการโพสต์ได้พร้อมกันทีเดียวทั้งสองแพลตฟอร์ม
ผู้ใช้งานสามารถทำได้หลายอย่างบน Facebook Business Suite ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโพสต์, ตั้งเวลาโพสต์, ส่งข้อความและตอบคอมเม้นท์หาลูกค้า, ยิง ad เป็นต้น และสามารถดูยอด reach, engagement ได้ เบื้องต้น Facebook เปิดให้ธุรกิจรายเล็กใช้งานก่อน และจะขยายให้รายใหญ่ใช้งานต่อไป และอนาคตจะสามารถเชื่อมการทำงานบน WhatsApp ได้ด้วย
ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Business Suite บนเดสก์ท็อปได้ที่ business.facebook.com หรือเข้าถึงบนมือถือผ่านแอป Pages Manager และอนาคตจะเปิดให้ดาวน์โหลดเป็นแอปแยกทั้งบน iOS และแอนดรอยด์
ที่มา - Facebook Newsroom |
# Capcom เปิดตัว Monster Hunter Rise บน Nintendo Switch วางจำหน่ายมีนาคม 2021
Capcom เปิดตัว Monster Hunter Rise เกมตั้งกลุ่มล่าสัตว์ประหลาดยักษ์ (แย้) สุดฮิตภาคใหม่ บนเครื่อง Nintendo Switch แล้ว หลังภาคเสริม Iceborne ของ Monster Hunter World ทำยอดขายได้กว่า 5 ล้านชุด โดยนำเกมเพลย์กลับมาแบบครบถ้วนบนกราฟฟิกใหม่ ไม่ใช่อัปเกรดภาคเก่าแบบภาค Generations และมาพร้อมกับโลก open-world แบบไร้รอยต่อ
ผู้เล่นจะได้ปกป้องหมู่บ้านคามุระ ล่าสัตว์ประหลาดหายาก พร้อมเก็บวัตถุดิบมาคราฟต์ของเช่นเดิม แต่คราวนี้จะมีระบบใหม่ในการเคลื่อนที่ด้วยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Wirebug ทำหน้าที่เหมือนเป็นสลิง ยิงไปยึดเกาะเพื่อเคลื่อนที่ไปบนภูเขาและพื้นที่ต่างๆ ได้ พร้อมน้องหมา Palamute ที่ให้เราขี่หลัง และช่วยในการต่อสู้
Monster Hunter Rise วางจำหน่ายบนเครื่อง Nintendo Switch วันที่ 21 มีนาคม 2021
นอกจากนี้ Capcom ยังเปิดตัว Monster Hunter Stories 2: Wings of Ruin เกมในโลก Monster Hunter แบบ RPG แนวเนื้อเรื่อง คล้ายคลึงกับเกมตระกูล Zelda ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักขี่มอนสเตอร์ที่สามารถเชื่อมจิตกับสัตว์ประหลาดได้ วางจำหน่ายในช่วงฤดูร้อน ปี 2021
ที่มา - Android Authority |
# SCB 10X เปิดตัว เหมา-เหมา มาร์เกตเพลสรวมผู้ผลิตของค้าส่ง ตั้งเป้าเป็นเถาเป่าเมืองไทย
SCB 10X ประกาศเปิดตัวเว็บไซต์ เหมา-เหมา แพลตฟอร์มรวมแบรนด์และผู้ผลิตสินค้าส่ง ให้คนขายของออนไลน์มาเลือกซื้อของไปขายต่อได้ ตั้งเป้าหมายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนคนขายออนไลน์กว่า 500,000 คน ที่มาหาซื้อสินค้าจาก เหมา-เหมา และตั้งเป้าระยะยาวให้ เหมา-เหมา เป็นศูนย์รวมแบรนด์และผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดในไทย
มาโนช พฤฒิสถาพร ผู้ก่อตั้ง เหมา-เหมา พูดถึงแนวคิดการก่อตั้งว่าเกิดจาก คนขายของออนไลน์บางส่วนไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นสั่งของมาขายจากที่ไหน บางส่วนก็สั่งของจากจีน ติดต่อโรงงานผู้ผลิตด้วยตัวเอง หรือเดินหาซื้อตามตลาดค้าส่งต่างๆ และจากการพูดคุยศึกษาพบว่า pain point ที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ การสั่งของจากจีนมีความล่าช้าในการจัดส่ง, แบรนด์จีนมาลงขายสินค้าในมาร์เกตเพลสอย่างลาซาด้า, ช้อปปี้ เอง เป็นต้น
ด้าน pain point ฝั่งผู้ผลิตสินค้าพบว่า ต้องขายของออนไลน์มากขึ้น เกิดปัญหาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญการขายออนไลน์นั้นหาไม่ง่าย, การขายออนไลน์เป็น red ocean ต้องยิงโฆษณาแพง ทาง SCB 10X จึงเริ่มต้นสร้าง เหมา-เหมา ขึ้นมาตอบโจทย์ คือให้ทั้งคนขายเลือกซื้อของในราคาส่งไปขายต่อได้ และให้แบรนด์มีโอกาสขายสินค้าผ่านตัวแทนมากขึ้นเพิ่มเติมจากช่องทางออนไลน์และหน้าร้านของตัวเอง
ในเว็บไซต์ เหมา-เหมา มีระบุประเภทสินค้าอยากขาย ผู้ผลิตกำหนดราคาได้ ในภาพรวมแล้วแบรนด์ที่มาลงขายจะกระตุ้นให้ซื้อทีละเยอะๆ เพื่อราคาถูกลง ด้านการสมัครเป็นผู้ขายของบน เหมา-เหมา นั้น คุณมาโนชระบุว่าทางทีมงานจะต้องตรวจสอบร้านค้า ว่าเป็นร้านที่ผลิตหรือขายสินค้าดังกล่าวจริง หากมีการนำเข้าสินค้าก็ต้องมีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ และมีระบบแบนการขายแบบตัดราคา
ทาง SCB 10X ระบุว่าได้เปิดให้ทดลองใช้งาน 1 เดือนในวงจำกัด มีแบรนด์ที่เข้าร่วมแล้วคือ ADVICE IT, AMADO, ANELLO, ANITECH, BODUM, BOSSINI, ESPRIT, ETAM, FN OUTLET, JOSEPH JOSEPH, MALEE, RADLEY, ZWILLING และดอยคำ ตลอดจนร้านค้าส่งรายย่อยต่าง ๆ และมีคนขายลงทะเบียนแล้วหลายพันคน
SCB 10X ระบุว่าตอนนี้เปิดให้คนมาลงขายของฟรีก่อน และอนาคตจะใช้โมเดลปล่อยกู้ให้คนขายของบนแพลตฟอร์ม และเน้นเฉพาะคนขายที่มีรายได้ดี มีเครดิตบนแพลตฟอร์มดี
ที่มา - งานแถลงข่าว |
# ransomware ทำผู้ป่วยตายในเยอรมนี เพราะโรงพยาบาลช่วยเหลือและรักษาไม่ได้
แม้โรงพยาบาลสระบุรีที่ถูก ransomware โจมตี จะไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายแรงใด ๆ แต่กับเหตุที่เพิ่งเกิดกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยดุสเซลดอร์ฟ (Düsseldorf University Hospital) ในเยอรมนีถึงกับทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตเลย
สำนักข่าว AP และสำนักข่าวท้องถิ่นเยอรมนีรายงานว่าโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยดุสเซลดอร์ฟจำเป็นต้องปฏิเสธการรับรักษาผู้ป่วยสตรี (ที่น่าจะอยู่ในอาการสาหัสหรือฉุกเฉินพอสมควร) เธอเลยต้องไปอีกโรงพยาบาลนอกเมืองที่ห่างไปราว 30 กิโลเมตร ก่อนจะเสียขีวิต เพราะถึงมือหมอช้าไปรวมแล้วราว 1 ชม.
โรงพยาบาลทวีตแถลงว่าถูกโจมตีจากช่องโหว่ซอฟต์แวร์ที่ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย และถูกโจมตีก่อนหน้าเหตุการณ์ข้างต้นราว 1 วัน ขณะที่รัฐมนตรียุติธรรมของมลรัฐ North Rhine-Westphalia ระบุว่า ransomware เข้ารหัสเซิร์ฟเวอร์ 30 ตัวของโรงพยาบาล พร้อมแสดงข้อความถึงมหาวิทยาลัย Heinrich Heine (มหาวิทยาลัยแม่ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยดุสเซลดอร์ฟสังกัด)
หลังจากนั้นตำรวจเลยติดต่อไปยังแฮกเกอร์ผ่านข้อความที่ให้ไว้ ระบุว่า ransomware กำลังสร้างความเสียหายให้โรงพยาบาลและขัดขวางการรักษาผู้ป่วย แทนที่จะเป็นมหาวิทยาลัยดังที่แฮกเกอร์ตั้งใจ ทำให้แฮกเกอร์ยกเลิกค่าไถ่และมอบกุญแจถอดรหัส ransomware ให้กับโรงพยาบาล
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยังทวีตด้วยว่าได้แจ้งไปยัง BSI หน่วยงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของเยอรมนีถึงการโจมตีนี้ ก่อนที่ BSI จะออกคำแนะนำให้บริษัทในเยอรมนีอัพเดต Citrix ซอฟต์แวร์ด้านเน็ตเวิร์คจากช่องโหว่ CVE-2019-19871 ที่ถูกใช้เป็นช่องทางสำหรับการโจมตีด้วย ransomware มาแล้วหลายเคส
ที่มา - ZDNet, ArsTechnica |
# จีนกังวลดีล NVIDIA / Arm สหรัฐจะปิดช่องทางการใช้ชิป Arm ในจีน, รัฐบาลจีนอาจไม่รับรองดีล
กลายเป็นว่าฝ่ายที่กังวลที่สุดในดีล NVIDIA / Arm ไม่น่าใช่แค่บริษัทผลิตชิปที่กังวลในแง่การแข่งขัน แต่เป็นจีน ที่เกรงว่า Arm จะถูกการเมืองแทรกแซงและเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับที่ Huawei โดน
รองประธานของสมาคมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนเปิดเผยว่าดีไซน์หรือเทคโนโลยีของ Arm ถูกใช้งานในการพัฒนาและออกแบบชิปกว่า 95% ในจีน และการที่สหรัฐเป็นเจ้าของ Arm เป็นอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ หากดูจากสิ่งที่สหรัฐทำกับ Huawei เช่นเดียวกับตัวแทนจาก HiSilicon หรือแม้กระทั่งสื่อของรัฐบาลจีนเองที่แสดงความกังวลในแบบเดียวกัน
ความกังวลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบให้ดีล NVIDIA / Arm ไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีน (หรืออาจเจอลูกเล่นอื่น ๆ ที่ยืดการรับรองออกไป) เพราะ Arm ไปลงทุนร่วมกับ Hopu บริษัท private equity ของจีนใน Arm China ทำให้การขาย Arm จะต้องได้รับการรับรองจากคณะกรรมการต่อต้านการผูกขาดก่อน แต่ถึงกระนั้น NVIDIA ก็ยังถือไพ่เหนือกว่า เพราะตลาดจีนต้องพึ่งพาทั้งชิป Arm และ NVIDIA
ก่อนหน้านี้ NVIDIA แถลงข่าวยืนยันว่า Arm เป็นสินค้าที่ถูกออกแบบในสหราชอาณาจักร ไม่เข้าข่ายข้อบังคับการแบนของสหรัฐ แม้บริษัทแม่อย่าง NVIDIA จะเป็นบริษัทสหรัฐก็ตาม
ที่มา - FT |
# iFixit แกะ Microsoft Surface Duo พบกาวเยอะ ถอดยากไปหมด ให้คะแนนซ่อม 2/10
iFixit รายงานการแกะมือถือจอคู่ Microsoft Surface Duo พบว่าถอดง่ายแค่เพียงกระจกครอบจอกับฝาหลังในขั้นแรกเท่านั้น หลังจากนั้นการถอดทุกอย่างในเครื่องเป็นไปอย่างยากลำบาก พอร์ต USB-C ถูกเชื่อมอยู่กับเมนบอร์ด และทุกจุดที่ใช้ในการแกะเครื่อง รวมไปถึงแบตเตอรี่ ใช้กาวยึดให้ติดอยู่กับที่
นอกจากนี้ จอ OLED ยังไม่ค่อยมีการปกป้องจากการโดนแกะเพื่อซ่อมเท่าไร ทั้งที่เป็นส่วนจำเป็นต้องถอดออก หากต้องการซ่อมอุปกรณ์ภายใน แถมยังต้องใช้ไขควงสามแฉกที่ต้องสั่งซื้อพิเศษในการถอด iFixit ให้คะแนนการซ่อมไปแค่ 2/10 เท่านั้น เรียกได้ว่าราคาขนาดนี้ ถ้าเสียก็อาจจะต้องซื้อใหม่อยู่ดี
ที่มา - iFixit |
# ไมโครซอฟท์เลิกทำสเปกกลาง .NET Standard หลังรวมแพลตฟอร์ม .NET เป็นหนึ่งเดียว
ก่อนหน้านี้โลกของ .NET เต็มไปด้วยความสับสน เพราะไมโครซอฟท์มี .NET ในมือถึง 3 เวอร์ชัน (.NET Framework, .NET Core, Xamarin - บทความอธิบายความแตกต่าง) ที่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องออก .NET Standard เป็นสเปกกลางที่การันตีว่าฟีเจอร์และ API บางตัวใช้ร่วมกันได้เสมอ (ตอนเขียนโค้ดก็ใส่ target เป็น netstandard เพื่อการันตีว่าใช้กับรันไทม์ไหนก็ได้)
ปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศทำ .NET 5 ที่เป็นการหลอมรวม .NET ทั้ง 3 เวอร์ชันเข้าด้วยกัน (แผนการจะสมบูรณ์ใน .NET 6 ที่ออกปี 2021) ทำให้ความจำเป็นของ .NET Standard หายไป เพราะเหลือ .NET เพียงเวอร์ชันเดียว
วันนี้ไมโครซอฟท์ประกาศเลิกทำ .NET Standard แล้ว
แผนภาพยุค .NET Core 3
แผนภาพยุค .NET 5
เหตุผลของไมโครซอฟท์คือ .NET Standard ทำหน้าที่ของมันเสร็จแล้ว แพ็กเกจยอดนิยม 770 ตัวจาก 1,000 ตัวรองรับ .NET Standard เรียบร้อยแล้ว ในอีกด้าน การกำหนดมาตรฐานที่ตายตัวทำให้การเพิ่ม API ใหม่ๆ ทำได้ยากขึ้น เพราะการออก .NET Standard เวอร์ชันใหม่จำเป็นต้องรอทั้ง ecosystem พร้อมก่อน
นอกจากนี้ยังมีประเด็นว่า การกำหนด API กลางสำหรับแอพข้ามแพลตฟอร์ม กลายเป็นจุดอ่อนให้ไม่สามารถสร้าง API เฉพาะแพลตฟอร์มได้ และเมื่อ .NET กำเนิดมาจาก Windows ทำให้ API ค่อนข้างอิงไปที่ Windows เป็นหลัก (เช่น การมี registry ซึ่งระบบปฏิบัติการอื่นไม่มี)
เมื่อ .NET 5 เป็นการรวมแพลตฟอร์ม .NET เป็นหนึ่งเดียว ทำให้ความจำเป็นของการมี .NET Standard หมดไป ตัวของ .NET 5 อิงอยู่บน .NET Standard 2.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชันสุดท้ายแล้ว ต่อจากนี้ไปเวลากำหนด target จึงเปลี่ยนมาเป็น net5.0 แทน netstandard
ไมโครซอฟท์ยังจะออก target แยกตามระบบปฏิบัติการด้วย ในกรณีที่แอพเขียนมาเฉพาะระบบปฏิบัติการนั้นๆ หรือต้องการเรียกใช้ฟีเจอร์บางอย่างของระบบปฏิบัติการ โดยจะเริ่มจาก net5.0-windows ใน .NET 5 ปีนี้ จากนั้นจะออก net6.0-android และ net6.0-ios ตามมาใน .NET 6 ปีหน้า
ตัวแพลตฟอร์ม .NET เองก็จะออกเวอร์ชันใหม่ให้เร็วขึ้น โดยมีแผนการชัดเจน คาดเดาการออกรุ่นได้ ตามแผนคือ .NET จะออกรุ่นใหม่ปีละครั้งในเดือนพฤศจิกายน และจะเป็นรุ่นซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) ปีเว้นปี รุ่น LTS คือรุ่นที่เวอร์ชันเป็นเลขคู่ (ตัวถัดไปคือ .NET 6.0 LTS)
ที่มา - Microsoft |
# ผลรีวิว Oculus Quest 2 ออกมาแย่ ลดต้นทุนจนทำให้ประสบการณ์แย่ลง
เว็บไซต์ Ars Technica รีวิวแว่น Oculus Quest 2 ตัวใหม่ของ Facebook และพบปัญหาว่าการหั่นราคาลงมาเหลือ 299 ดอลลาร์ (Quest รุ่นแรก 399 ดอลลาร์) ทำให้ต้องลดต้นทุนหลายด้านจนประสบการณ์ใช้งานแย่กว่ารุ่นแรกมาก
ปัญหาแรกที่พบได้ทันทีตั้งแต่ตอนสวมแว่นคือ Quest 2 เปลี่ยนมาใช้สายรัดหัวที่แย่ลง ไม่มีฟองน้ำหรือยางช่วยรองศีรษะเหมือนรุ่นแรก แต่เป็นเหมือนสายรัดกระเป๋าธรรมดาแทน ทำให้ใส่ไม่สบายและปรับขนาดยากกว่าเดิม หากผู้ใช้อยากได้สายรัดคล้ายๆ ของเดิมก็ต้องซื้ออุปกรณ์เสริม Elite Strap ในราคาอีก 49 ดอลลาร์ (เท่ากับว่ารวมกันเป็น 348 ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับรุ่นแรกแล้ว)
สายรัดของ Quest 2
อุปกรณ์เสริม สายรัด Elite Strap
คลิป Quest รุ่นแรก
ถัดมาคือประเด็นเรื่องจอภาพ โดยจอของ Quest 2 ละเอียดกว่าเดิมก็จริง แต่เปลี่ยนจากจอ OLED มาเป็นจอ LCD ทำให้เปลืองแบตเตอรี่กว่าเดิม อีกทั้งเป็นจอเดียวกันทั้งหมด ไม่แยกเป็น 2 จอสำหรับตาแต่ละข้าง ทำให้การปรับระยะ interpupillary distance (IPD) ทำได้ยากกว่าเดิมมาก อีกทั้ง Quest 2 เปลี่ยนวิธีการปรับ IPD จากเดิมเป็นแบบแถบเลื่อนที่ตั้งค่าได้ละเอียด มาเป็นการตั้งค่าแบบหยาบๆ ได้แค่ 3 ระดับ ซึ่งอาจไม่พอดีสำหรับสายตาของผู้ใช้บางคน
จอของ Quest 2 เป็นจอรีเฟรชสูงสุด 90Hz (ของเดิมสูงสุด 72Hz) แต่ต้องรอเกมให้อัพเดตเพื่อรองรับด้วย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีเกมไหนรองรับเลย แม้แต่ Beat Saber ของ Facebook เอง
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ Quest 2 ใช้งานได้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากการรันเบนช์มาร์คทดสอบแบตเตอรี่ของ Ars Technica พบว่าแบตเตอรี่อยู่ได้น้อยกว่า Quest รุ่นแรก (175 นาที vs 131 นาที) ซึ่งปัจจัยน่าจะมาจากจอภาพที่ละเอียดขึ้น
Facebook แก้ปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ด้วยการขยายอุปกรณ์เสริมเป็นสายรัด Elite Strap with Battery ในราคา 129 ดอลลาร์
คอนโทรลเลอร์ Oculus Touch รุ่นใหม่ของ Quest 2 ที่บอกว่าออกแบบให้ดีขึ้น กลับทำงานแย่ลง ทดสอบใช้งานแล้วแม่นยำน้อยลง (ตัวแทนของ Facebook บอกว่าตัดเซ็นเซอร์ออกให้ประหยัดแบต แต่ก็มีคนถ่ายภาพอินฟราเรดแล้วพบว่าเท่าเดิม) ในการใช้งานจริงยังไม่ประหยัดแบตอย่างที่เคลม และจับแล้วลื่นมือกว่าเดิม
ฝั่งซอฟต์แวร์ของ Oculus บังคับใช้ล็อกอินบัญชี Facebook ทำให้ขาดอิสระในการเลือกใช้งาน และน่ากังวลเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว
ข้อดีของ Quest 2 ยังมีอยู่บ้างคือ เปลี่ยนมาใช้สเปกเครื่องที่แรงขึ้นคือ Snapdragon XR2 (อิงจาก Snapdragon 865) และเพิ่มแรมเป็น 6GB (ของเดิม 4GB) ทำให้สลับแอพ VR ได้รวดเร็ว ไม่ต้องกดออกมาหน้าโฮมของ Oculus ก่อนเหมือนแว่น Quest รุ่นแรก
Ars Technica สรุปว่า "ไม่แนะนำ" ให้ซื้อ Oculus Quest 2 เพราะใช้งานยากกว่าเดิม อีกทั้งไม่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ (เช่น การต่อเชื่อมพีซีแบบไร้สาย) เพิ่มเข้ามา
ที่มา - Ars Technica |
# ยุคใหม่ ราคาใหม่ โซนี่เริ่มขึ้นราคาเกม PS5 บางเกมเป็น 69.99 ดอลลาร์แล้ว
เราเห็นค่ายเกมบางค่ายเริ่มขึ้นราคาเกมบนคอนโซลยุคใหม่จาก 60 ดอลลาร์เป็น 70 ดอลลาร์ เช่น 2K Games ประกาศขึ้นราคาของ NBA 2K21 และ Activision ประกาศราคาของ Call of Duty: Black Ops Cold War
ฝั่งของโซนี่เองในฐานะสตูดิโอ first party ก็ประกาศราคาเกมที่จะวางขายพร้อม PS5 แล้วเช่นกัน โดยเกมของโซนี่จะตั้งราคา 49.99-69.99 ดอลลาร์ขึ้นกับเกม
Marvel’s Spider-Man: Miles Morales ในฐานะเกมเด่นเปิดตัว PS5 ตั้งราคาที่ 49.99 ดอลลาร์ ถือว่าถูกเป็นพิเศษ (แม้เทียบกับเกมยุค PS4 ที่ขายกัน 59.99 ดอลลาร์) เหตุเพราะเกมเปรียบเสมือน "ภาคเสริมแยก" (standalone expansion) ของ Spider-Man ภาคแรก ไม่ใช่เกมตัวเต็ม แต่ก็มีเวอร์ชัน Ultimate Edition ที่รวมเกมภาคแรกเวอร์ชันรีมาสเตอร์ ขายราคา 69.99 ดอลลาร์ด้วย
จุดที่น่าสนใจคือ Demon’s Souls เวอร์ชันรีเมค (ที่พัฒนาโดย Bluepoint Games สตูดิโออิสระร่วมกับ SIE Japan Studio) และ Destruction AllStars จากสตูดิโอ Lucid Games แต่โซนี่เป็นผู้จัดจำหน่าย จะตั้งราคา 69.99 ดอลลาร์แล้ว
เกมอีกเกมที่เปิดตัวพร้อม PS5 คือ Sackboy A Big Adventure เกมในซีรีส์ LittleBigPlanet ยังตั้งราคา 59.99 ดอลลาร์อยู่ แต่เกมนี้ลง PS4 ด้วยจึงอาจไม่น่าแปลกใจนักที่ยังตั้งราคาเท่ากันไว้
ที่มา - PlayStation Blog |
# Mozilla ประกาศปิดบริการส่งไฟล์ Firefox Send อย่างถาวร
อัพเดตต่อจากข่าว Mozilla ระงับบริการส่งไฟล์ Firefox Send ชั่วคราว หลังถูกใช้เป็นแหล่งกระจายมัลแวร์
ล่าสุด Mozilla ประกาศปิดบริการ Firefox Send (ร่วมกับบริการอีกตัวคือ Firefox Note) อย่างถาวร ด้วยเหตุผลเดิมคือถูกใช้เป็นแหล่งปล่อยมัลแวร์ และปัจจัยเรื่อง Mozilla ต้องปรับโครงสร้างองค์กร ปลดคน คุมค่าใช้จ่าย ทำให้ต้องตัดสินใจปิดบริการที่ไม่สำคัญออกไป
Mozilla ยืนยันว่าจะยังคงบริการกลุ่ม VPN และ Firefox Monitor ตัวเฝ้าระวังรหัสผ่านหลุด-ข้อมูลรั่วไหล ต่อไป
ที่มา - Mozilla |
# Sony ยืนยัน PS5 เล่นได้เฉพาะเกมเก่า PS4 ไม่รองรับเกม PS1, PS2, PS3
หลังจากเลี่ยงตอบคำถามเรื่องนี้มานาน Jim Ryan ซีอีโอของ PlayStation ให้สัมภาษณ์กับ Famitsu สื่อเกมญี่ปุ่นหลังงานเปิดตัว PS5 ยืนยันข้อมูลอย่างเป็นทางการว่าเกมจาก PS1, PS2, PS3 ไม่สามารถเล่นได้บน PS5
Ryan ยืนยันว่าเกม PS4 สามารถเล่นได้บน PS5 เกือบหมด (เขาใช้คำว่า 99%) ส่วนเหตุผลที่โซนี่ไม่รองรับเกมรุ่นเก่าๆ บน PS5 เป็นเพราะต้องการโฟกัสไปที่เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง SSD หรือคอนโทรลเลอร์ DualSense ตัวใหม่นั่นเอง
แนวทางนี้ต่างจากฝั่ง Xbox Series X|S ที่รองรับเกมเก่าๆ ย้อนไปถึง Xbox รุ่นแรก แต่การนำเกมเก่าๆ ขนาดนั้นมาเล่นซ้ำก็อาจไม่ใช่เรื่องที่ทำกันบ่อยนัก และอาจไม่มีผลต่อการแข่งขันในตลาดเกมคอนโซลเท่าไรนักเช่นกัน
ที่มา - DualShockers |
# พบบั๊ก iOS 14 รีเซ็ตค่าแอป default ถ้าเปลี่ยนจาก Mail กับ Safari เป็นแอปอื่น เมื่อรีสตาร์ทเครื่อง
มีรายงานบั๊กที่ถูกค้นพบใน iOS 14 หลังจากที่แอปเปิลปล่อยอัพเดตเวอร์ชันใหม่ออกมาเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นบั๊กในฟีเจอร์ใหม่ ที่ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าแอปพื้นฐาน (Default) สำหรับแอปเมลหรือเบราว์เซอร์ได้
โดยปัญหาที่เจอนั้น หากผู้ใช้งานกำหนดค่าแอปพื้นฐาน สำหรับอีเมล หรือเบราว์เซอร์ เป็นแอปอื่นที่ไม่ใช่ Mail หรือ Safari จะสามารถใช้งานตามที่ตั้งค่าไว้ได้จนกระทั่งรีสตาร์ทเครื่อง ค่าต่าง ๆ ก็จะกลับคืนเป็น Mail กับ Safari ทำให้ต้องไปตั้งค่าใหม่ซ้ำอีกครั้ง
คาดว่าแอปเปิลจะออกอัพเดตเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวเร็ว ๆ นี้
ที่มา: Apple Insider |
# ทวิตเตอร์จะส่งคำแนะนำให้นักการเมือง, คนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ให้ใช้รหัสผ่านที่เดายากขึ้น
ทวิตเตอร์ประกาศว่า จะส่งคำเตือนผ่านแอปไปยังบัญชีนักการเมือง ผู้ว่าการรัฐ สำนักข่าว นักข่าวการเมือง หรือบัญชีผู้ใช้งานที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยตรง ให้เปลี่ยนรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยากขึ้น เพื่อความปลอดภัยในช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ ในต้นเดือนพฤศจิกายน และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์คนดังในทวิตเตอร์ถูกแฮ็กอย่างกว้างขวาง
ทวิตเตอร์บอกด้วยว่า ตั้งแต่วันนี้จะแจ้งข้อกำหนดและคำแนะนำด้านความปลอดภัยของบัญชี เช่น บัญชีจะต้องใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก และบัญชีที่มีรหัสผ่านที่ไม่รัดกุมจะต้องอัปเดตและใช้รหัสผ่านที่รัดกุมยิ่งขึ้นในครั้งถัดไปที่เข้าสู่ระบบ, ทวิตเตอร์จะเปิดใช้งานป้องกันการรีเซ็ตรหัสผ่านเป็นค่าเริ่มต้น ป้องกันการเปลี่ยนรหัสผ่านโดยไม่ได้รับอนุญาต และแนะนำให้ใช้การยืนยันตัวตนสองขั้น Two-factor authentication (2FA)
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ช้างหน้า ทวิตเตอร์จะดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น คือ การตรวจจับและการแจ้งเตือนที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองต่อกิจกรรมต้องสงสัยได้เร็ว, เพิ่มการป้องกันการเข้าสู่ระบบ, การสนับสนุนการกู้คืนบัญชีแบบเร่งด่วน
ที่มา - ทวิตเตอร์ |
# Evernote ยกเครื่องแอปใหม่ทั้งหมด เรียบง่าย เน้นที่การจดบันทึก เริ่มที่ iOS แพลตฟอร์มแรก
Evernote ประกาศยกเครื่องแอปใหม่ทั้งหมด โดยเริ่มการเปลี่ยนแปลงแล้วสำหรับ iOS เป็นแพลตฟอร์มแรก ส่วน Android, Windows และ Mac จะออกตามมาในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
แอป Evernote แบบใหม่บน iOS ดูเรียบง่ายสะอาดตามากขึ้นกว่าเวอร์ชันก่อนหน้า รวมทั้งปรับ UI หลายอย่าง พร้อมฟีเจอร์อย่างเช่น เสิร์ชเรียลไทม์, ระบบจัดการแท็ก และอื่น ๆ
Ian Small ซีอีโอ Evernote ให้สัมภาษณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดหมายสำคัญ ในการปรับยุทธศาสตร์ของ Evernote ที่จะกลับสู่พื้นฐานนั่นคือการเป็นแอปจดบันทึกที่ง่าย เร็ว และเสถียร ซึ่งเขายังเผยเบื้องหลังว่าที่ผ่านมา Evernote มีทีมพัฒนาแอปที่แยกกันถึง 5 แอป แบ่งเป็น 5 ทีม ใน 5 แพลตฟอร์ม ส่งผลให้แต่จะกลุ่มมีฟีเจอร์ การออกแบบ ตลอดจนปัญหาที่เฉพาะตัว และเมื่อนานไปปัญหาเหล่านี้ก็ติดในโค้ดจนแก้ไขได้ยากมากขึ้น แต่ในที่สุดก็สามารถจัดการปัญหานี้ได้ โดยเริ่มที่แอปบน iOS ก่อน
อ่านเพิ่มเติม: Evernote สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น และปัญหาที่กลับตัวก็ไม่ได้ จะไปต่อก็ไปไม่ถึง
ที่มา: Evernote และ The Verge |
# [ข่าวลือ] Surface Pro X2 หน้าตาเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนซีพียูเป็น Microsoft SQ2
เว็บไซต์ Windows Central รายงานข่าวลือของ Surface Pro X2 ที่น่าจะเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ โดยยังใช้ดีไซน์ภายนอกเหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือเพิ่มสีใหม่ Platinum (ของเดิมมีแค่สีดำ) และเปลี่ยนซีพียูใหม่มาเป็น Microsoft SQ2 ที่น่าจะเป็นรุ่นดัดแปลงจาก Snapdragon 8cx Gen 2 ที่เพิ่งเปิดตัวเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ Windows Central ยังคาดเดาว่าไมโครซอฟท์อาจประกาศรองรับการรันแอพ x86-64 บนซีพียู ARM ที่เป็นข้อจำกัดสำคัญของ Surface Pro X รุ่นแรกด้วย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมาพร้อม Surface Pro X2 หรือไม่
ที่มา - Windows Central |
# รีวิว Galaxy A01 Core สมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้น 2,499 บาท รัน Android Go
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนซัมซุงที่ทำตลาดในไทยมีอยู่ 4 ซีรีส์หลัก ๆ คือ Galaxy Z ที่เน้นจอพับ, Galaxy S เรือธง, Galaxy Note เรือธงมีปากกาและ Galaxy A ที่โพซิชันคลุมตั้งแต่รองท็อปไปจนถึงเริ่มต้น (แทนที่ Galaxy J ที่ถูกยุบไป) ไม่รวม Galaxy M ที่เน้นราคาประหยัด (ค่อนข้างทับซ้อนกับ Galaxy A อยู่ไม่น้อยในแง่สเปคและราคา บางรุ่นเทียบกันแล้วคุ้มค่ากว่าด้วย) แต่เป็นซีรีส์ที่เน้นทำตลาดออนไลน์เป็นหลักเท่านั้น
Galaxy A01 เลยเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้น (เริ่มสุด ๆ แล้วด้วยเลขที่ขึ้นด้วย 0) ของซัมซุง แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ A01 ที่เป็น One UI และ A01 Core ที่เป็น Android Go และมี One UI ครอบทับอีกที
สำหรับสเปคคร่าว ๆ คือหน้าจอ PLS TFT LCD 5.3 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1480×720) ใช้งานทั่วไป ดูหนังดู YouTube Go ได้ดี สีค่อนข้างสด แต่หากใช้งานกลางแจ้งก็แอบสู้แดดไม่ได้ จากทั้งความสว่างของหน้าจอที่ไม่พอและกระจกครอบจอที่สะท้อนแสง
บอดี้เป็นพลาสติก น้ำหนักตัวเครื่องที่ 150 กรัม ซึ่งเบาและเล็กพอดีมือ ชิปเซ็ตเป็น Mediatek MT6739WW แรม 1GB ความจุ 16GB รองรับ microSD สูงสุด 512GB
ตัวเครื่องรัน Android 10 (Go Edition) ครอบมาด้วย OneUI ซึ่งถือว่าค่อนข้างคลีน ถ้าไม่เปิดหน้า setting ก็คือไม่รู้ว่ามี OneUI ครอบอยู่ ขณะที่แอปที่มากับเครื่องก็มีแต่แอปพื้นฐาน รวมถึงแอปตระกูล Go และ Facebook Lite
การใช้งานในภาพรวมก็ถือว่าตามสภาพของสมาร์ทโฟนราคา 2 พันกว่าบาท อาจมีหน่วงมีกระตุกบ้าง (แม้ Google จะเคลมว่ารัน Android Go แล้วเร็วขึ้นลื่นขึ้นแล้วก็ตาม อาจจะเพราะชินกับการใช้เรือธงลื่น ๆ มาตลอด) รวมถึงไม่เคยใช้ Android Go มาก่อน เลยเปรียบเทียบไม่ถูกว่าอาการหน่วง ๆ กระตุกดังกล่าว เกิดจากการที่มี OneUI ครอบอยู่ หรือเป็นไปตามปกติของสเปคระดับนี้อยู่แล้ว
สิ่งเดียวที่แอบหงุดหงิดหรือคิดเผื่อคนใช้งานจริง คือการนำทางด้วย Google Maps Go (ที่เป็น PWA) ในแง่ความแม่นยำของ GPS ถือว่าค่อนข้างแม่น แต่ติดที่ตัวเครื่องไม่ได้มี Gyroscope เวลานำทาง แผนที่จะไม่ได้หันไปตามทิศทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไป (แต่ลูกศรขยับ) จะล็อคเอาไว้ที่ทิศเหนืออย่างเดียว อาจค่อนข้างลำบากในการนำทาง โดยเฉพาะสำหรับคนขับเดลิเวอรี่ต่าง ๆ
สำหรับกล้อง ไม่ได้มีลูกเล่นหรือฟีเจอร์ใด ๆ เลย (แหงล่ะ) มีเพียงฟิลเตอร์ให้ใส่เท่านั้น สำหรับคุณภาพก็ค่อนข้างตามราคา ถ่ายได้ กดชัตเตอร์แล้วชักภาพไม่ช้าเกินไป ออกมาภาพชัด ดูรู้เรื่อง อาจมีปัญหาแค่ในที่แสงน้อย ที่ noise จะเยอะหรือเบลอได้ง่ายมาก ๆ และเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ
แบตเตอรี่ Galaxy A01 Core ให้มา 3,000 mAh หัวชาร์จ micro USB และด้วยฟังก์ชันที่ไม่ได้มาก รวมถึงการรันด้วย Android Go ทำให้เพียงพอจะใช้งานได้ทั้งวัน
ในภาพรวมก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีตามสภาพราคาเครื่องหนึ่ง (decent) ในราคา 2,499 บาท |
# Medal of Honor กลับมาอีกครั้งในภาค Above and Beyond แบบเกม VR โดยทีมงานยุคแรกๆ
EA ประกาศวันวางขายเกม Medal of Honor: Above and Beyond ซึ่งเป็นเกม VR จากสตูดิโอ Respawn Entertainment ในวันที่ 11 ธันวาคม 2020
Above and Beyond ถือเป็นภาคที่ 15 ของเกมทหารซีรีส์ Medal of Honor และเป็นการกลับมาอีกครั้งในรอบ 8 ปีหลัง (เกมภาค 14 คือ Medal of Honor: Warfighter ออกปี 2012)
นอกจากประเด็นเรื่องการเป็นเกม VR แล้ว เกมภาค Above and Beyond ยังถือเป็นการ "กลับบ้าน" ของทีมพัฒนาเดิมที่เคยปั้นเกมภาค 3 (Allied Assault) ให้โด่งดังอีกด้วย
เกมซีรีส์ Medal of Honor เกิดจากไอเดียของผู้กำกับ Steven Spielberg หลังทำภาพยนตร์ Saving Private Ryan ที่อยากทำเกมเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองบ้าง เขาจึงตั้งสตูดิโอ DreamWorks Interactive ขึ้นมา (ร่วมทุนกับไมโครซอฟท์) พัฒนาเกม Medal of Honor สองภาคแรกในปี 1999 และ 2000 ให้กับเครื่อง PS1 โดยมี EA เป็นผู้จัดจำหน่าย
เกมภาคสามคือ Allied Assault ถูกโยกมาให้สตูดิโออิสระ 2015 Games รับผิดชอบการพัฒนาแทน เกมประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่พนักงานจำนวนหนึ่งของ 2015 Games ก็ลาออกไปตั้งสตูดิโอใหม่ชื่อ Infinity Ward ใต้สังกัด Activision ในปี 2002 (และกลายเป็นจุดกำเนิดของ Call of Duty ที่ใช้ไอเดียแบบเดียวกับ Medal of Honor)
อย่างไรก็ตาม ทีมบริหารของ Infinity Ward ก็มีความขัดแย้งกับ Activision ในปี 2010 จึงลาออกมาตั้งบริษัท Respawn Entertainment ทำเกมซีรีส์ใหม่ Tittanfall โดยมี EA เป็นผู้จัดจำหน่าย และ EA ก็ซื้อกิจการ Respawn ทั้งหมดในปี 2017 หลังจากนั้นเราจึงเห็น Respawn ทำเกมในซีรีส์อื่นๆ อย่าง Apex Legends หรือ Star Wars Jedi Fallen Order เพิ่มเติม
เมื่อสิทธิของ Medal of Honor ยังเป็นของ EA และทีมงาน Respawn ก็สร้างตัวขึ้นมาจากเกมนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ Respawn จะกลับมาทำเกม Medal of Honor อีกครั้ง (ผู้กำกับเกมภาคนี้คือ Peter Hirschmann เป็นโปรดิวเซอร์และผู้เขียนบทของ Medal of Honor ภาคแรกด้วย) เกมเปิดตัวครั้งในงาน Oculus Connect ปี 2019
ตอนแรก Medal of Honor: Above and Beyond ไม่ได้จะเป็นเกม VR แต่ภายหลังก็ได้รับคำชักชวนจาก Facebook ให้ทำเป็นเกม VR เต็มรูปแบบแทน อย่างไรก็ตาม Above and Beyond ออกทั้งบนแพลตฟอร์ม Oculus Rift และ Steam VR โดยไม่ได้เป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ Oculus แต่อย่างใด แถมยังรองรับการ cross-play ระหว่างทั้งสองแพลตฟอร์มอีกต่างหาก
ที่มา - Oculus |
# เกมผจญภัย Myst ประกาศรีเมคอีกครั้ง รองรับการเล่น VR ผ่าน Oculus ด้วย
Myst ตำนานของเกมผจญภัยกราฟิก 3D ยุคแรกๆ (ออกครั้งแรกปี 1993) ประกาศรีเมครอบใหม่ ใช้กราฟิกยุคใหม่และรองรับการเล่นแบบ VR บนแพลตฟอร์ม Oculus ด้วย
Myst เป็นผลงานของ Cyan Worlds ที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้องตระกูล Miller ผู้สร้างเกมเวอร์ชันแรก เกมในซีรีส์มีทั้งหมด 5 ภาค (และภาคแยกในชื่อเกมว่า Uru อีกจำนวนหนึ่ง) ปัจจุบัน Cyan ยังออกเกมผจญภัยลักษณะเดียวกันในฐานะสตูดิโออิสระ และเน้นการออกเกมบนสมาร์ทโฟนเป็นหลัก
Myst ภาคแรกเคยถูกรีเมคมารอบหนึ่งแล้วในปี 2000 โดยใช้ชื่อว่า realMyst แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะมีบั๊กในเกมเยอะ ปัจจุบันเราจึงมี Myst ทั้งหมด 3 เวอร์ชันคือ
Myst: Masterpiece Edition เวอร์ชันต้นฉบับ ที่อัพเดตครั้งสุดท้ายในปี 2000 มีบนพีซี, Android, iOS
realMyst: Masterpiece Edition เวอร์ชันรีเมคปี 2000 อัพเดตปี 2014 มีบนพีซี, Android, iOS, Switch
Myst เวอร์ชันล่าสุด (ยังไม่ประกาศวันวางขาย) มีบนพีซีและ Oculus Quest
Myst เวอร์ชันใหม่ เขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยยังคงเกมเพลย์และเนื้อเรื่องแบบเดิม สิ่งที่เพิ่มเข้ามานอกจากการเล่นแบบ VR ยังมีการสุ่มปริศนาในเกมใหม่ เพื่อให้คนที่เคยเล่นเวอร์ชันเดิมๆ ไปแล้วไม่จำเจ หากรู้วิธีแก้ปริศนาเดิมหมดแล้ว
เกมยังไม่ประกาศวันวางขาย แต่มีหน้าเพจบน Steam และ GOG
ที่มา - Myst, Oculus |
# Nintendo ประกาศยุติการผลิตสินค้าตระกูล 3DS แล้ว
นินเทนโดอัพเดตข้อมูลในเว็บไซต์ ระบุว่าสินค้าตระกูล 3DS ทุกรุ่น ได้ยุติการผลิตแล้ว รวมทั้งนำลิงก์ออกไปจากหน้าหลัก เหลือเฉพาะส่วนการสนับสนุนผลิตภัณฑ์
นินเทนโดเปิดตัว 3DS เมื่อปี 2010 แต่ช่วงแรกยอดขายไม่ดีนัก จนต้องประกาศลดราคาเฉียบพลัน และสร้างความไม่พอใจให้ลูกค้ากลุ่มแรก จนนินเทนโดต้องแจกเกมให้ฟรี 20 เกม
ตลอดช่วงเวลาของ 3DS นินเทนโดได้ออกเครื่องรุ่นใหม่มาต่อเนื่อง อาทิ 3DS LL จอใหญ่, 2DS ที่ลดราคาลงและตัดคุณสมบัติสามมิติ และ 2DS XL โดยเครื่องเกมตระกูล 3DS ถือว่าประสบความสำเร็จและทำเงินให้นินเทนโดได้พอสมควร เกมขายไปได้รวมกว่า 384 ล้านชุด
การประกาศยุติการผลิต 3DS นี้ เท่ากับว่าตอนนี้นินเทนโดจะมาโฟกัสเฉพาะ Switch เพียงอย่างเดียว แบบเป็นทางการนั่นเอง
ที่มา: The Verge |
# เทียบสเปกคอนโซลสายดิจิทัล PS5 Digital Edition VS Xbox Series S
ปีนี้สงครามคอนโซลดุเดือดเช่นเคยฝั่ง Xbox เปิดรายละเอียดนำมาก่อนเมื่อวันที่ 9 กันยาที่ผ่านมา ส่วน PS5 เพิ่งเปิดราคาไปสดๆ ร้อน เมื่อตอนตี 3 กว่าๆ ของวันที่ 17 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย
PS5 เปิดราคาถูกกว่าที่นักวิเคราะห์หลายๆ คนคาดไว้ จุดสำคัญคือ Digital Edition ราคาแค่ 399 เหรียญ (เท่า PS4) เหมือน Sony ยอมขายแบบเท่าทุนหรือขาดทุน เพื่อมาต่อกรกับรุ่นราคาถูกของอีกฝั่งอย่าง Xbox Series S ที่มีราคา 299 เหรียญสหรัฐ
ในบทความนี้ ผมจะมาชี้ให้เห็นข้อแตกต่างระหว่าง PS5 Digital Edition กับ Xbox Series S เครื่องรุ่นราคาถูกกว่าที่ตัดช่องใส่แผ่นออกไปของทั้งสองค่าย ว่าราคาที่ต่างกันอยู่ 100 เหรียญนั้น ต่างกันตรงไหนบ้าง ใครจะเป็นฝ่าย ได้เปรียบ-เสียเปรียบในรุ่นนี้ และฝั่งไหนจะเหมาะกับเกมเมอร์แบบไหนมากกว่ากัน
ในด้านซีพียู แทบไม่แตกต่าง
สเปกแรกคือซีพียูของทั้งสองฝั่ง ค่อนข้างใกล้เคียงกัน คือซีพียูสถาปัตยกรรม Zen 2 ของ AMD แบบ 8 แกน เหมือนกัน แม้ PS5 จะใช้เทคโนโลยี Variable Frequency ปรับเพิ่มหรือลดการกินพลังงานของซีพียูไปเพิ่มให้จีพียูได้ (ไม่ใช่ Turbo Boost แบบบน PC) แต่ความเร็วพื้นฐานยังอยู่ที่ 3.5GHz และความเร็วพื้นฐานของซีพียู Xbox Serie S ที่ใช้ตัวเดียวกัน Xbox Series X ยังอยู่ที่ 3.6 GHz และ 3.4 GHZ หากรันพร้อมกันทุกแกน (SMT) ซึ่งก็ถือว่าต่างกันในระดับ 0.1 เท่านั้น เวลาใช้งานจริง คงไม่ส่งผลเท่าไร
ความต่างเริ่มที่จีพียู ฝั่งหนึ่งสร้างมาเพื่อ 4K อีกฝั่งตั้งเป้าที่ 1440p
ข้อแตกต่างหลักๆ ของ PS5 กับ Xbox Series S จะอยู่ที่จีพียู เพราะ Xbox Series S นั้น เป็นรุ่นลดสเปก เป้าหมายคือนักเล่นเกมที่ไม่ได้ซีเรียสกับความละเอียดระดับ 4K แบบเนทีฟมากนัก พลังของการ์ดจอ RDNA2 แบบคัสตอม ถูกลดจำนวน Compute Unit ลงมาจาก 52 ยูนิต ความเร็ว 1.825 GHz ในรุ่น Series X เหลือ 20 ยูนิต ที่ความเร็ว 1.565 GHz และมีพลังประมวลผล ลดจาก 12 TFLOPS เหลือเพียง 4 TFLOPS เท่านั้น
ในด้าน PS5 รุ่น Digital Edition ยังคงสเปกจัดเต็มแบบรุ่นพี่ไว้ดังเดิม ต่างกันแค่ถอดช่องอ่านแผ่นออกไป แปลว่ายังมีจีพียู RDNA2 แบบคัสตอมที่มีจำนวน Compute Unit อยู่ที่ 36 ยูนิต ที่ความเร็ว 2.23 GHz พลังประมวลผล 10.28 TFLOPs มากกว่า Xbox Series S ถึงสองเท่าครึ่ง แม้จะมีเทคโนโลยีแบ่งความเร็วกับซีพียู Variable Frequency ที่กล่าวไปก่อนหน้า ที่อาจทำให้ความเร็วของ Compute Unit ของจีพียูลดลง ในเกมที่กินสเปกฝั่งซีพียู แต่ก็ยังถือว่าเร็วกว่า Xbox Series S อยู่มากพอสมควร
แรม Xbox Series S ลดเหลือ 10GB แบนด์วิธก็ลดลงเช่นกัน
อีกจุดที่ฝั่ง Xbox Series S ปรับลดต้นทุน ที่แม้จะใช้แบบ GDDR6 เช่นกัน แต่ก็ลดขนาดจาก 16GB ใน Series X เหลือ 10 GB และลดแบนด์วิธจาก 10GB ที่ 560 GB/s + 6GB ที่ 336 GB/s เหลือ 8GB ที่ 224 GB/s + 2 GB ที่ 56GB/s เท่านั้น
ในขณะที่ PS5 Digital Edition ยังมีแรม 16GB GDDR6 แบนด์วิธการส่งข้อมูล 448GB/s เช่นเดิม
สตอเรจ PS5 ยังคงกินขาดด้านความเร็ว
แน่นอน จุดขายของ PS5 ยังคงเป็นความเร็วของ SSD แบบคัสตอม ขนาด 825GB ที่ความเร็วในการรับส่งข้อมูลแบบ Raw ถึง 5.5GB/s ในขณะที่ Xbox Series S ลดขนาด SSD จาก 1TB ในรุ่น Series X ลงมาเหลือ 512GB แล้ว แม้จะยังไม่มีรายละเอียดความเร็ว แต่คงไม่น่ามีความเร็วมากกว่ารุ่น Series X ที่มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล Raw อยู่ที่ 2.4 GB/s ไปได้ ยังคงแพ้ PS5 อยู่
แถมจุดเด่นในข้อนี้ PS5 ยังมุ่งเป้าจะพัฒนาเกมที่มีความแตกต่างและใช้งาน SSD แบบคัสตอมในการโหลดเปลี่ยนฉากหรืออื่นๆ อย่างเต็มที่อีกด้วย ซึ่งน่าจะได้เห็นกันในเกม Exclusive ที่เป็นจุดเด่น และไม้ตายในการคว้าชัยของ Sony ในรุ่น PS4 ที่คงจะทยอยเปิดเผยข้อมูลออกมาเรื่อยๆ ต่อไป
ด้าน Backward Compatibility ฝั่ง Xbox Series S ยังได้เปรียบ
หากใครที่ต้องการกลับไปเล่นเกมเก่าๆ เช่นบน PS1-PS3 อาจต้องทำใจ เพราะ PS5 จะรองรับการเล่นย้อนหลังถึงเพียง PS4 เท่านั้น ส่วน Xbox ทั้ง Series S และ X จะรองรับการเล่นเกมย้อนหลังได้ถึงรุ่น Xbox รุ่นแรกเลยทีเดียว (แน่นอนว่าในแบบดาวน์โหลด) แต่ส่วนตัวคิดว่าในบ้านเรา มีผู้เล่นฝั่ง Xbox ค่อนข้างน้อย ในด้านนี้อาจไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจนัก
ข้อได้เปรียบที่แท้จริงของ Xbox Series S: Game Pass และ Project xCloud
เมื่อเป็นเครื่องรุ่นที่เล่นแผ่นไม่ได้ บริการออนไลน์และการเล่นเกมแบบดาวน์โหลดจึงค่อนข้างสำคัญ แม้ PS Plus จะแจกเกมฟรีอย่างน้อยสองสามเกมทุกเดือน แต่ก็มักจะเป็นเกมเก่า ส่วนบริการเล่นเกมผ่านคลาวด์อย่าง PS Now ก็ยังไม่เปิดให้บริการเต็มที่นัก และยังตามหลัง Project xCloud ของฝั่ง Xbox อยู่
รวมถึงฝั่ง Xbox ยังมี Xbox Game Pass ที่เป็นบริการเล่นเกมแบบเหมาจ่ายรายเดือน มีเกมให้เลือกโหลดมาเล่นได้มากมาย รวมถึงมักจะมีเกมใหม่ๆ มาให้เล่นด้วย แม้อินเตอร์เน็ตในบ้านเรา อาจจะเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในการเล่นเกมผ่าน Cloud อยู่บ้าง แต่ก็น่าจะเป็นอีกข้อได้เปรียบของฝั่ง Xbox เมื่อมองในระยะยาว
PS5 ถือแฟรนไชส์เกม Exclusive เด่นๆ อยู่ในมือมากกว่า
แน่นอนว่าในบ้านเราแฟนๆ ของเกมของฝั่ง PlayStation อย่าง God of War, Spider-Man หรือ Horizon Zero Dawn และเกมอื่นๆ คงจะหนีจาก PS5 ไปได้ยาก แถม Halo บนฝั่ง Xbox ก็ถูกเลื่อนไปปี 2021 อีก คงลืมไปไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วจุดประสงค์ของเครื่องเกม ก็คือซื้อมาเล่นเกม แม้บริการ xCloud หรือบริการ Game Pass จะดูน่าดึงดูดใจ แต่ก็คงต้องช่างใจอีกที ว่าคุ้มจริงๆ มั้ย หากต้องย้ายค่าย และไม่ได้เล่นเกมภาคต่อของแฟรนไชส์โปรดที่คุ้นเคย
สรุป
ค่อนข้างชัดเจนว่าข้อแตกต่างหลักระหว่างสองเครื่องนี้ในราคา 100 เหรียญ อยู่ที่ประสิทธิภาพด้านกราฟฟิก ที่ฝั่ง PlayStation Digital Edition ยังสามารถเล่นเกมแบบ 4K แท้ได้เต็มที่เหมือนกับรุ่นใส่แผ่น ใครที่มีทีวี 4K ขนาดยักษ์ที่รองรับ HDR แบบจัดเต็มอยู่ที่บ้าน น่าจะอยากได้เครื่องเกมที่จะรีดประสิทธิภาพของทีวีออกมาได้เต็มที่ และแม้ฮาร์ดดิสก์ SSD แบบคัสตอมของ PS5 จะมีความเร็วมากกว่า แต่ก็คงต้องรอดูต่อไปว่าผู้พัฒนาเกม Exclusive ของฝั่ง PlayStation จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้มากแค่ไหน
ส่วนฝั่ง Xbox Series S ปรับลดสเปกลงมาเพื่อลดต้นทุน และมุ่งเป้าไปที่การเล่นเกมแบบ 1440p เท่านั้น (ที่อาจได้เฟรมเรตสูงกว่า) หากใครที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องภาพ 4K และไม่ได้อินกับเกม Exclusives ของฝั่ง PlayStaion แถมกำลังอยากประหยัดเงิน 100 เหรียญ หรือประมาณ 3,200 บาทอยู่ รวมถึงพร้อมเปิดใจ และมองว่าบริการอย่าง Xbox Game Pass หรือ xCloud น่าจะเป็นเส้นทางแห่งอนาคตของวงการเกม เครื่อง Xbox Series S ก็ดูจะน่าสนใจอยู่ไม่น้อย |
# Facebook เปิดตัว Infinite Office สร้างพื้นที่สำนักงานเสมือนจริง พิมพ์และทำงานผ่านแว่น VR
Facebook เปิดตัว Infinite Office คุณสมบัติใหม่ สร้างพื้นที่สำนักงานเสมือนจริง โดยที่ยังสามารถทำงานของตัวเองได้ด้วยผ่านแว่น VR จากวิดีโอเปิดตัว พบว่าผู้ใช้งานสวมแว่นและทำงานของตัวเองบน Infinite Office ได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถมองเห็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจริงรอบตัว รองรับการใช้งานแป้นพิมพ์ (เช่น Logitech) เมื่อต้องทำงานเอกสารหรือพิมพ์ข้อความประสานกับคนอื่นๆ ระหว่างสวมแว่น
Facebook จะเปิดใช้งานคุณสมบัติใหม่ผ่านแว่น Oculus Quest 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไป เตรียมเปิดใช้งานช่วงปลายปีนี้ และจะเปิดให้นักพัฒนาภายนอกเข้ามาพัฒนาประสบการณ์ทำงานเสมือนจริง ก่อนหน้านี้ได้ทดลองเปิด Spatial ให้นักพัฒนาเข้ามาทดสอบการประชุมงานด้วยกันเสมือนจริง
ที่มา - Oculus |
# [ลือ] Huawei Mate 40 จะมาพร้อมชิป Kirin 9000 รองรับ 5G กล้องเทพ ชาร์จ 66W เปิดตัวตุลาคมนี้
Huawei Central รายงานข่าวที่แปลจากเว็บภาษาเยอรมัน Winfuture.de ว่ามือถือตระกูล Huawei Mate 40 จะมาพร้อมชิปที่มีโมเด็ม 5G ในตัว บนสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตรชิ้นแรกของโลก และจะใช้ชื่อว่า Kirin 9000
นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่ามือถือตระกูล Huawei Mate 40 จะมาพร้อมกล้องคุณภาพสูง และรองรับการชาร์จแบบ 66W รวมทั้งมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้การโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับระบบ UI ทำได้ง่ายขึ้น แต่ยังไม่เปิดเผยว่าคือเทคโนโลยีอะไร และจะเปิดตัวช่วงกลางเดือนตุลาคมในประเทศจีน ซึ่งตรงกับข่าวลือก่อนหน้านี้ แต่อาจวางจำหน่ายทั่วโลกในปี 2021 เลยทีเดียว
ที่มา - Winfuture.de via Huawei Central |
# Sony เปิดตัว Xperia 5 II กล้องเหมือน Xperia 1 II มีรูหูฟัง ราคา 949 เหรียญ
Sony เปิดตัว Xperia 5 II ที่เหมือนเป็นรุ่นขนาดกะทัดรัดของ Xperia 1 II มาพร้อมกล้องหลังสามกล้อง จอ 120Hz ตรงตามวิดีโอที่หลุดก่อนหน้านี้เป๊ะ และมีสเปกเบื้องต้นดังนี้
หน้าจอ OLED 6.1 นิ้ว FHD+ รีเฟรชเรต 120Hz
อัตราส่วน 21:9
ชิป Snapdragon 865
กล้องหลังหลัก 12MP f/1.4 กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2, กล้องเทเล 12MP f/2.4
แบตเตอรี่ 4,000 mAh
รองรับ NFC กันน้ำ IP68
มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร มีลำโพงคู่ด้านหน้า
ไม่มีชาร์จไร้สาย
Sony ยังไม่เปิดเผยข้อมูลบางส่วน เช่นสเปกกล้องหน้า แรม หน่วยความจำภายใน แต่เปิดเผยว่ากล้องที่แทบจะยกจาก Xperia 1 II มา จะถ่ายวิดีโอ 4K 120fps แบบ HDR และนำมาเล่นที่ 24fps แบบสโลว์โมชั่นได้ รวมถึงจะมี Photography Pro โหมดให้ปรับแต่งการถ่ายภาพแบบละเอียด เช่นเดียวกับบน Xperia 1 II (กล้องอาจจะยกจาก Xperia 1 II มาหมดเลยทั้งฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์)
Sony ไม่พูดถึงรายละเอียด 5G นัก แม้ชิป Snapdragon 865 จะรองรับ 5G ก็ตาม คาดว่ารายละเอียดคงแตกต่างไปในแต่ละประเทศและแต่ละผู้ให้บริการ
Xperia 5 II เริ่มเปิดจอง 29 กันยายนนี้ ในสหรัฐอเมริกา ที่ราคา 949 เหรียญสหรัฐ (ราว 29,600 บาท) ละจะเริ่มส่งมอบเครื่องในวันที่ 4 ธันวาคม 2020 หากสั่งจองในสหรัฐก่อน 29 พฤศจิกายน จะได้ของแถมเป็นหูฟังเกมมิ่ง แบตสำรอง 10,000 mAh แต้มในเกม Call of Duty: Mobile 21,600 แต้ม ส่วนในบ้านเรา ต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา - XDA Developers, The Verge |
# [ไม่ยืนยัน] เพื่อความอยู่รอด Oracle จะได้เข้าถึงซอสโค้ด TikTok ในเงื่อนไขดีลด้วย
หลัง Oracle ยืนยันดีล TikTok ว่าเป็นพาร์ทเนอร์เทคโนโลยีแทนซื้อกิจการ ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดทั้งในรายละเอียดและผลตอบรับจากรัฐบาลสหรัฐ แต่ Bloomberg ก็รายงานอ้างอิงคนใกล้ชิดกับดีลนี้ว่า Bytedance ยอมปล่อยซอสโค้ด TikTok ให้ Oracle เพื่อความโปร่งใสด้วยว่าไม่มี backdoor ใด ๆ แน่นอน
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารายละเอียดส่วนนี้ถูกเพิ่มเข้าไปทีหลัง หรือมีแต่แรกอยู่แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ Bloomberg รายงานว่าดีลนี้ยังไม่เป็นที่พอใจของรัฐบาลสหรัฐและมองว่ายังมีช่องโหว่เรื่องความปลอดภัยอยู่ ขณะที่ตัวทรัมป์เองก็แสดงความเห็นแรกสุดหลัง Bytedance ยังถือหุ้น TikTok เต็มว่าโดยไอเดียแล้วเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก
ที่มา - Bloomberg |
# Sony เปิดราคา Alpha 7C ในไทย 61,990 บาท พร้อมเลนส์ 72,990 บาท
Sony Thai ประกาศราคาของกล้องฟูลเฟรมขนาดเล็ก Alpha 7C ที่เปิดตัวเมื่อวานนี้ โดยราคาบอดี้อย่างเดียวคือ 61,990 บาท ถ้าเป็นบอดี้รวมกับ Kit Lens ด้วยคือ 72,990 บาท (เป็น FE 28-60 mm. F4-5.6 รุ่น SEL2860 ที่โฆษณาว่าเล็กและเบาที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน)
Sony เปิดให้สั่งจอง Alpha 7C ตั้งแต่วันนี้ (17 กันยายน) สินค้าจะวางขายจริงช่วงกลางเดือนตุลาคม บอดี้มีให้เลือกสองสีคือเงินและดำ
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ Sony Thai |
# Qualcomm ครองแชมป์ตลาดชิปมือถือ Q2/20, Samsung ลด 3%, HiSilicon เพิ่ม 4%
Counterpoint Research เปิดรายงานส่วนแบ่งตลาดชิปเซ็ตมือถือสมาร์ทโฟน (smartphone application processor) ในไตรมาสที่สอง Qualcomm ยังครองแชมป์ แม้ส่วนแบ่งตลาดลดลง จาก 33% ใน Q2 ปีที่แล้ว เหลือ 29% ในปีนี้ ส่วน Mediatek มาอันดับสอง ส่วนแบ่งเพิ่มจาก 24% เป็น 26%
ที่เติบโตที่สุดเห็นจะเป็น HiSilicon มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 12% ในปีที่แล้ว เป็น 16% ในปีนี้ ส่วนชิปของ Apple มีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 11% เป็น 13% เท่ากับ Samsung ที่ส่วนแบ่งตลาดลดลงมาจาก 16%
นักวิเคราะห์ Shobhit Srivastava จาก Counterpoint ระบุว่ามือถือ OPPO, vivo, Realme และ Xiaomi เป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ Qualcomm และ MediaTek เข้ามาชิงส่วนแบ่งจาก Huawei ที่อาจเสียพื้นที่ในตลาดชิปมือถือไปจากการแบนของสหรัฐ
Srivastava มองว่าภาพรวมของตลาดชิปมือถือกำลังเติบโต โดยเฉพาะการมาถึงของ 5G ที่จะทำให้การเล่นเกมบนคลาวด์ได้รับความนิยมมากขึ้น ตลาดมือถือราคาจับต้องได้ที่สามารถเล่นเกมได้ด้วย อาจมียอดการเติบโตรวมได้ถึง 1011% ในปี 2020 ทำให้ผู้ผลิตชิปได้โอกาสผลิตชิปที่มีความเร็วจีพียูสูงขึ้น และรองรับหน้าจอรีเฟรชเรต 90Hz, 120Hz หรือแม้แต่ 144Hz
เขามองว่ายิ่ง 5G เข้าถึงตลาดมือถือที่มีราคาถูกมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ตลาดการเล่นเกมบนมือถือเติบโตมากขึ้นเท่านั้น เราอาจได้เห็นชิปตระกูล MediaTek G หรือ Qualcomm G ที่เป็นชิปรุ่นที่เพิ่มความเร็วให้จีพียูเพื่อการเล่นเกมมากขึ้นอีก ตลาดชิปโดยรวมจะเติบโตต่อในปี 2021 และอาจยาวไปถึงอีกสามปีข้างหน้า เมื่อ 5G เริ่มเข้าถึงตลาดเกิดใหม่ที่กำลังเติบโตในอนาคต
ที่มา - Counterpoint Reseach |
# Google Shopping แสดงแผนที่ร้านค้าใกล้ๆ เมื่อค้นหาชื่อสินค้าบนมือถือ
Google Shopping ปรับปรุงผลการค้นหาสินค้าบนหน้า Search บนมือถือเมื่อกดตัวกรองสินค้าที่อยู่ใกล้พิกัดของเรา จะยังมองเห็นแผนที่ร้านค้าที่อยู่ใกล้เราตรงด้านบนสุดของผลการค้นหาด้วย เป็นการนำแผนที่บน Google Maps ขนาดเล็กมาแสดงผลบน Google Shopping เลย
อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ Google แสดงผลการค้นหาแบบที่กล่าวมา สามารถพิมพ์ค้นหาบน Google Search ธรรมดาได้ เช่น McDonalds nearby ก็จะแสดงผลแบบในรูปภาพเช่นกัน แต่คุณสมบัติใหม่นี้ไม่ได้อิงตามคีย์เวิร์ดสถานที่อย่างเดียว แต่อิงตามสินค้าด้วย
การ์ดแสดงผลการค้นหา Google ยังเพิ่มตัวกรอง curbside pickup และ safe shopping หรือเดลิเวอรี่ด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินทางหรือเดินเข้าไปในร้านค้า เลี่ยงการสัมผัสติดเชื้อ
ที่มา - Google |
# Ubisoft ประกาศทำ Assassin’s Creed และ Splinter Cell เวอร์ชัน VR ลง Oculus
Ubisoft ประกาศความร่วมมือกับ Oculus ออกเกมดังในซีรีส์ Assassin’s Creed และ Tom Clancy’s Splinter Cell เวอร์ชัน VR โดยเป็นเอ็กซ์คลูซีฟของแพลตฟอร์ม Oculus ด้วย
ทั้งสองเกมคือ Assassin’s Creed และ Splinter Cell จะเป็นเกมที่พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับการเล่น VR โดยเฉพาะ ทีมหลักที่รับผิดชอบการพัฒนาคือ Red Storm Entertainment สตูดิโอลูกของ Ubisoft ที่มีผลงานซีรีส์ Rainbow Six กับ Ghost Recon และเคยออกเกม VR มาแล้วสองเกมคือ Werewolves Within (2016) และ Star Trek: Bridge Crew (2017)
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดอื่นๆ ของเกม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง เกมเพลย์ และช่วงเวลาวางขาย
ที่มา - Ubisoft, Oculus |
# Kakao เปิดตัว Kakao Work แอปแชทในองค์กร พัฒนาบนคลาวด์ของบริษัทเอง
Kakao Enterprise หน่วยงานในเครือ Kakao ผู้ให้บริการแอปแชทในเกาหลีใต้ เปิดตัว Kakao Work แอปแชทในองค์กร ทำงานร่วมกับ Jira และ GitHub และมี AI ช่วยให้ค้นหาข้อมูลผ่านระบบเสิร์ชในแอปได้ ข้อมูลผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มจะถูกเข้ารหัสในเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง คือ Kakao Work E3 System
ปัจจุบัน Kakao Enterprise มีโซลูชั่นที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หลายอย่าง ได้แก่ บริการปัญญาประดิษฐ์ Kakao i Engine, บริการคลาวด์ Kakao i Cloud, แพลตฟอร์มบริการธุรกิจ Kakao i Connect, แพลตฟอร์มบริการข้อมูล AI Kakao i Insight และโซลูชันบ้านอัจฉริยะ AI Kakao i Home
ภาพจาก Kakao Enterprise
ที่มา - Korea Herald |
# AppleCare+ ปรับปรุงเงื่อนไข รองรับความเสียหายจากอุบัติเหตุ เป็น 2 ครั้งในช่วง 12 เดือน
แอปเปิลปรับปรุงเงื่อนไขแผนรับประกันเพิ่มเติม AppleCare+ โดยรองรับความเสียหายจากอุบัติเหตุ 2 ครั้ง ภายในช่วงเวลาทุก 12 เดือน จากเดิมกำหนดไว้ที่ภายใน 24 เดือน
การซื้อ AppleCare+ จะขยายระยะเวลารับประกันเป็นอย่างน้อย 2 ปี เงื่อนไขใหม่นี้จึงดีขึ้นกว่าเดิม
แผนการรับประกันใหม่นี้มีผลกับทุกอุปกรณ์แอปเปิลซื้อใหม่รวมทั้ง Apple Watch รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ตลอดจน iPhone, Mac และ iPad
ทั้งนี้การรับประกันยังคงมีค่าธรรมเนียมบริการซ่อมแซมจากอุบัติเหตุ ซึ่งแตกต่างไปตามอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น iPhone 1,000 บาท สำหรับความเสียหายกับหน้าจอ หรือ 3,300 บาท สำหรับความเสียหายอื่น ส่วน Apple Watch คิดค่าธรรมเนียมเริ่มต้น 2,300 บาท
ที่มา: MacRumors |
# ซีอีโอ PlayStation ยังยืนยันแนวทางเกมเอ็กคลูซีฟอยู่, เกม PS4 เล่นบน PS5 ได้ 99%
ยุทธศาสตร์ของ Xbox หลังจากนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าต้องการรื้อแนวทางการจัดจำหน่ายและนำเสนอเกมในแบบเดิม ๆ ที่ผ่านมา จากทั้งแนวคิดเรื่องการ "เล่นที่ไหนก็ได้" แทนที่จะผูกอยู่กับแค่คอนโซลหรือพีซีและ "จ่ายค่าสมาชิกทุกเดือนเพื่อเล่นเกมใหม่" แทนที่การจ่ายเงินเพื่อซื้อเกมใหม่ ผ่านทาง Game Pass และ xCloud
แนวทางดังกล่าวของ Xbox เรียกได้ว่าสวนทางกับแนวทางของ PlayStation อย่างสิ้นเชิง (บทวิเคราะห์สงครามเกมยุคหน้า กลายเป็น PS5 vs Xbox Game Pass) ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม, การเป็นเจ้าของคลาวด์ไปจนถึงเงินทุนก็ตาม ฝั่ง PlayStation ก็หนีไม่พ้นจะถูกตั้งคำถามว่าจะรับมืออย่างไรกับยุทธศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะในระยะสั้นหรือระยะยาว
James Ryan ซีอีโอและประธาน Sony Interactive Entertainment พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้สั้น ๆ (น่าจะครั้งแรก) กับ Washington Post เขายืนยันว่าแนวทางของ PlayStation (ที่เน้นเอ็กคลูซีฟ) ไม่ได้เพอร์เฟ็ค แต่มันก็เป็นแนวทางของเราและเราก็ชอบที่จะแตกต่างจากคนอื่น แม้จะเล็กน้อยก็ตาม โดย Ryan ยอมรับ (อย่างถ่อมตัว) ว่า SIE มี 4-5 สตูดิโอเกมที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในมือ
นอกจากนี้เขายังยืนยันด้วยว่า PlayStation 5 จะรองรับเกม PlayStation 4 ได้ถึง 99% และก็คาดหวังว่าคอนโซลเจนที่แล้วน่าจะยังอยู่ (มีเกมใหม่รองรับ / ชุมชนนักเล่นเกมยังแอคทีฟ) ไปอีก 3-4 ปี เขาเชื่อว่าผู้เล่นจำนวนมากจะย้ายมาสู่ PlayStation 5 แต่ก็จะมีผู้เล่นอีกหลายสิบล้านคนที่ยังคงเล่น PlayStation 4 อยู่
ที่มา - Washington Post |
# ซีอีโอ PlayStation บอก PS5 กำหนดราคาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ตั้งใจให้ไม่ต่างจาก PS4
ที่ผ่านมาเราเห็นรายงานข่าวจาก Bloomberg ไปจนถึงคนอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมพูดไปในทางเดียวกันว่า ต้นทุนของ PlayStation 5 แพงขึ้นมาก และกดราคายาก ก่อนที่ล่าสุดจะเปิดราคาที่ 399 และ 499 เหรียญ
ส่วนหนึ่งคาดว่าอาจเป็นเพราะถูกกดด้วยราคาของฝั่ง Xbox อย่าง Series S และ Series X ที่ 299 และ 499 เหรียญ ทำให้โซนี่ยอมเข้าเนื้อตัวเอง อย่างไรก็ตาม James Ryan ซีอีโอและประธานของ Sony Interactive Entertainment ให้สัมภาษณ์กับ Washington Post ระบุว่าบริษัทกำหนดราคาของ PlayStation 5 มาตั้งแต่ต้นปีแล้ว
Ryan บอกว่าโซนี่ต้องการจะนำเสนอ PlayStation 5 ให้อยู่ที่ราคาระดับเดียวกับ PlayStatation 4 ในปี 2013 นอกจากนี้จำนวนเครื่อง PlayStation 5 ที่เตรียมพร้อมวางจำหน่ายนั้นยังมากกว่า PlayStation 4 ตอนวางขายด้วย โดยยอดขายของ PlayStation 4 วันแรกเกิน 1 ล้านเครื่อง ก่อนจะทำยอดขายได้ราว 2.1 ล้านเครื่องทั่วโลก หลังผ่านไป 2 สัปดาห์
ที่มา - Washington Post |
# HUAWEI CLOUD เพิ่มขีดความสามารถของแพลตฟอร์มการสั่งอาหารแบบใหม่ของ KBTG ปูทางสู่นวัตกรรมที่ชาญฉลาดในอนาคต
ในวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน เวลา 15.00 น. HUAWEI CLOUD ประเทศไทย จะจัด Cloud Diary Special Session ซึ่งเป็นการสัมมนาออนไลน์ฟรีผ่านการสตรีมสดบนหน้า Facebook (@HuaweiCloudTH) หัวข้อนี้มีชื่อว่า “KBTG x HUAWEI CLOUD: Eatable by KBank Food Ordering Platform in the New Normal” โดยมีวิทยากรพิเศษคือ คุณเจนวิทย์ จันทรโชติ (โอ๊ต) หัวหน้าฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีของกลุ่มเทคโนโลยีธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย (KASIKORN Business-Technology Group) จะมาบรรยายเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการสั่งอาหารแบบใหม่ “Eatable” ซึ่งรองรับทางเลือกในการสั่งอาหารทุกประเภท ตั้งแต่การสั่งเพื่อจัดส่งไปรับประทานที่บ้านหรือในร้านอาหาร
ทั้งนี้เพื่อปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้าในยุค New Normal ร้านอาหารในปัจจุบันต้องปรับตัวเพื่อเสนอทางเลือกการสั่งอาหารสำหรับการจัดส่งไปรับประทานที่บ้านหรือในร้านอาหาร Eatable เป็นแพลตฟอร์มที่มีความโดดเด่นตรงที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน แต่สามารถใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ส่วนตัวได้ ด้วยการสแกน QR Code เพียงครั้งเดียวหรือคลิกลิงก์จากแชท และ Eatable ยังสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานดูเมนูอาหารได้โดยไร้การสัมผัส ด้วย QR Code และสามารถสั่งอาหารล่วงหน้าสำหรับการรับประทานอาหารที่บ้านหรือในร้านอาหารได้อีกด้วย
ตั้งแต่เริ่มแนวคิดจนถึงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ใช้ระยะเวลาเพียง 3 เดือน เพื่อเปิดตัว Eatable แพลตฟอร์ม ที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ในขณะเดียวกันก็สามารถมั่นใจได้ว่า แพลตฟอร์มนี้มีมาตรฐานความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการใช้งาน ซึ่งใน Cloud Diary ครั้งนี้ คุณเจนวิทย์จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ด้วย Microservice Architecture และ Public Cloud
ผู้ที่สนใจจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดใหม่ ๆ และการออกแบบ Eatable แพลตฟอร์มได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า สามารถเข้าไปที่ Facebook @HuaweiCloudTH เพื่อเข้าร่วมการสัมมนา Cloud Diary Special Session, KBTG x HUAWEI CLOUD: Eatable by KBank Food Ordering Platform in the New Normal
Cloud Diary เป็นบริการสัมมนาทางเว็บเพื่อการศึกษาที่นำเสนอโดย HUAWEI CLOUD ประเทศไทย โดยมุ่งเน้นไปที่การแบ่งปันความรู้ในหัวข้อที่น่าสนใจในด้านเทคโนโลยี Cloud Diary มีจุดมุ่งหมายให้ผู้ชมสามารถเพิ่มพูนทักษะดิจิทัลโดยผ่านการสอนรายละเอียดและการอภิปราย ตลอดจนการแสดงให้เห็นถึงวิธีการใช้ Cloud เพื่อการปรับใช้นวัตกรรมสำหรับการบริการต่าง ๆ |
# โซนี่เปิดตัว PlayStation Plus Collection รวมเกมหัวใหญ่จาก PS4 ให้เล่นบน PS5
โซนี่เปิดตัว PlayStation Plus Collection สำหรับบน PlayStation 5 ที่มัดรวมเอาเกมหัวใหญ่ AAA นับ 10 เกมจาก PlayStation 4 มาให้เล่น ให้บริการทันทีที่ตัวเครื่องวางจำหน่าย และน่าจะเป็นชุดที่แจกฟรีสำหรับสมาชิก PlayStation Plus คาดว่าน่าจะเอามาสู้ (แบบเขิน ๆ )กับ Xbox Game Pass
ตัวเกมที่เปิดเผยในเทรลเลอร์ก็มี
God of War
Bloodborne
Monster Hunder: World
Final Fantasy XV
Fallout 4
Mortal Combat X
Uncharted 4: A Thief's End
Ratchet & Clank
Days Gone
Until Dawn
Detroit: Become Human
Battlefield 1
inFamous: Second Son
Batman: Arkham Knight
The Last Guardian
The Last of Us Remastered
Persona 5
Resident Evil VII
ที่มา - PlayStation |
# Tencent Cloud ย้ำ Hybrid Multicloud จะเป็นปัจจัยสำคัญของการเป็น Digital Enterprise ในยุค New Normal
Cloud Computing แทบจะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีขององค์กรไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปแล้ว เพียงแค่รูปแบบการใช้งาน Cloud อาจแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละองค์กร
นอกจากประเด็นเรื่องความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานและเงื่อนไขขององค์กรในการเลือกประเภท Cloud แล้ว ความกังวลว่าองค์กรจะเอาโครงสร้างไปผูกไว้กับผู้ให้บริการรายเดียว (Vendor Lockdown) ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ Cloud จากผู้ให้บริการที่หลากหลาย ซึ่งกลายเป็นว่า Hybrid Multicloud กำลังจะกลายเป็นรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการปรับเปลี่ยนองค์กรเข้าสู่ระบบดิจิทัล
จากรายงานของ IDC ที่ร่วมกับเทนเซ็นต์ คลาวด์ ชี้ว่าไฮบริดมัลติคลาวด์จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับเปลี่ยนและสร้างโมเดลธุรกิจขึ้นมาใหม่ในโลกดิจิทัลในยุค New Normal รวมถึงจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการเติบโตขององค์กรด้วย
นอกจากนี้ 8 เมกะเทรนด์ในเอเชียแปซิฟิกจากรายงานนั้นคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทในการกำหนดกลยุทธ์องค์กรนั้น คลาวด์จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของการกำหนดทิศทางธุรกิจ และการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ระบบดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานที่สามารถปรับขนาด และมีความยืดหยุ่นจะเอื้อให้ธุรกิจสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้รวดเร็วทันท่วงที ซึ่งจะกลายเป็นข้อได้เปรียบของธุรกิจที่วางโครงสร้างเพื่อตอบรับการใช้งานในอนาคตได้
8 เมกะเทรนด์ในเอเชียแปซิฟิกจากการคาดการณ์ของ IDC
บทบาท Hybrid Multicloud ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัล
เมกะเทรนด์ข้างต้นเป็นตัวบ่งบอกว่าโลกดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็น และสำคัญกับองค์กร โดยในรายงานระบุว่าไฮบริดมัลติคลาวด์ จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักสำหรับการเปลี่ยนผ่าน เพราะทั้งเป็นตัวกลางที่เหมาะสม ตอบโจทย์กับการเป็นตัวกลางระหว่าง on-prem และ off-prem ไปจนถึงกระบวนการทำงานและ แอปพลิเคชันต่างๆ ขององค์กรที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยังอาจมีข้อจำกัดที่ต้องพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานแบบเก่าอยู่ ทาง IDC คาดการณ์ด้วยว่าภายในปี 2021 องค์กรกว่า 90% จะใช้คลาวด์แบบผสมผสาน ทั้งไพรเวทคลาวด์ พับลิกคลาวด์หลายๆ แห่ง และแพลตฟอร์มดั้งเดิม (Legacy Platform)
สถาปัตยกรรมแบบ Hybrid Multicloud เปิดทางให้องค์กรสร้างความมั่นใจว่าจะใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าที่สุดในอนาคตโดยไม่ต้องกังวลว่าจะผูกกับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว เมื่อ แอปพลิเคชันในองค์กรต่างพร้อมสำหรับการรันบนคลาวด์อย่างเต็มที่ การเลือกรันแบบ on-prem ไม่ได้ติดสถาปัตยกรรมแอปพลิเคชันเองที่ไม่พร้อมต่อคลาวด์ แต่เกิดจากความเหมาะสม เช่น แอปพลิเคชันต้องการ latency ต่ำ หรือติดกฎหมายข้อบังคับบางประการ
ขณะเดียวกันการออกแบบรองรับ Multicloud แต่แรกทำให้องค์กรแน่ใจได้ว่าจะสามารถย้ายแอปพลิเคชันไปยังผู้ให้บริการคลาวด์ต่างๆ ตามความเหมาะสมอย่างแท้จริง เช่น มีผู้ให้บริการรายใหม่ผ่านเงื่อนไขกฎเกณฑ์ของอุตสาหกรรม หรือคลาวด์บางรายอาจจะให้บริการในพื้นที่เฉพาะจนแทนที่ on-prem ได้ องค์กรก็สามารถเปลี่ยนผ่านไปได้ทันที
บริการจาก Tencent Cloud ที่ช่วยตอบโจทย์การปรับองค์กรสู่ระบบดิจิทัล
Tencent Cloud เป็นบริการภายใต้บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด ซึ่งได้เข้ามาให้บริการอย่างเต็มตัวในประเทศไทย โดยมาพร้อมกับความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจเชิงลึกในด้านการให้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่จากบริษัทแม่ในประเทศจีน ซึ่งพิสูจน์แล้วจากผู้ใช้งานกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก ทั้งในเรื่องความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเทนเซ็นต์มอบบริการระบบปฏิบัติการคลาวด์ระดับเวิล์ดคลาส ที่มีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และยืดหยุ่น สามารถปรับได้ตามความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งสามารถมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม และยังมีจุดแข็งคือ การมีทีมสนับสนุนในประเทศไทยที่สามารถให้บริการและคำปรึกษากับลูกค้าคนไทยเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศ อีกทั้งการมีศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และปลอดภัยอีกด้วย นอกจากนี้ Tencent Cloud ยังมีฟังก์ชัน และบริการต่างๆ พร้อมสำหรับงานประเภทต่างๆ รวมถึงการทำไฮบริดคลาวด์
บริการด้านการประมวลผล
Cloud Virtual Machine คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง เพิ่มหรือลดทรัพยากรได้ง่าย และตามต้องการ
Tencent Kubernetes Engine ตัวบริการ TKE ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถใช้งานร่วมกับ API เดิมของ Kubernetes และสามารถเพิ่มปลั๊กอิน เช่น CBS และ CLB ได้ทันที
Auto Scaling สำหรับการจัดการทรัพยากรในการประมวลผลตามระยะเวลาที่ตั้งเอาไว้ เพิ่มหรือลดเครื่อง CVM ให้อัตโนมัติเมื่อความต้องการเพิ่มขึ้นหรือลดลง ไปจนถึงตรวจสอบทรัพยากรสำหรับการบริหารเครื่อง CVM
บริการเครือข่าย CDN มีแคชที่ประสิทธิภาพสู ช่วยให้การตอบสนองต่อคำขอได้รวดเร็ว ลดความหน่วงในการเข้าใช้เครื่องข่าย และเพิ่มความสามารถในการให้บริการ
บริการด้านการเก็บข้อมูล
Cloud Object Storage สามารถใช้งานร่วมกับ API ของ Amazon S3 รวมถึงรองรับคลาวด์รายอื่นๆ ด้วย
Cloud File Storage รองรับการทำงานร่วมกับบริการอื่น ๆ ของ Tencent อย่างคอนเทนเนอร์หรือการประมวลผลแบบหมู่ สเกลได้ง่าย และยืดหยุ่น ไม่กระทบการทำงานของแอปพลิเคชันหรือบริการ
บริการด้านฐานข้อมูล
TencentDB for Redis มีตัวเลือกโครงสร้างข้อมูลที่หลากหลาย มีบริการฐานข้อมูลที่ครบถ้วน เช่น การสำรองข้อมูลแบบเครื่อง master-slave, การเปลี่ยนระบบอัตโนมัติเพื่อกู้ข้อมูลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน การสำรองข้อมูล การเก็บข้อมูลกรณีที่อินเตอร์เน็ตถูกตัด การตรวจสอบเครื่อง การปรับระดับออนไลน์ และการเรียกข้อมูลย้อนหลัง
TencentDB for MongoDB มีฟังก์ชันการจัดการการตรวจสอบที่เสถียร และครอบคลุม, การปรับระดับการใช้งานที่ยืดหยุ่น การกู้ข้อมูลอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน ทำให้เหมาะเป็นฐานข้อมูลในหลายรูปแบบและลดความจำเป็นในการติดตั้งระบบกู้ข้อมูลกรณีฉุกเฉินและการจัดการการควบคุมข้อมูล
TencentDB for SQL Server สามารถใช้งานกับแอปพลิเคชันของ Windows ช่วยให้คุณสามารถใช้ฐานข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์ SQL Server ในระบบคลาวด์โดยไม่ลดทอนความเร็ว และความสะดวกในการใช้งานซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคลาวด์คอมพิวติ้ง
TencentDB for MySQL ฐานข้อมูลปรับระดับการใช้งานได้ มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่าย คุณสมบัติฮาร์ดแวร์ปรับระดับได้อย่างมากโดยไม่กระทบการดำเนินธุรกิจ
บริการด้านปัญญาประดิษฐ์ และข้อมูลขนาดใหญ่
Elasticsearch สามารถปรับระดับได้ รองรับการเข้าใช้จำนวนมาก และทำงานร่วมกับ ELK Elasticsearch
Facial Recognition เป็นเทคโนโลยีการวิเคราะห์ใบหน้าที่ปลอดภัย และเชื่อถือได้ ระบบสามารถตรวจจับ และวิเคราะห์ใบหน้า ส่วนประกอบใบหน้า ค้นหาใบหน้า เปรียบเทียบใบหน้า ยืนยันใบหน้า การตรวจหาวิดีโอไลฟ์
OCR ระบบจดจำข้อความในรูปแบบต่างๆด้วยความแม่นยำสูง เช่น การจดจำตัวพิมพ์ในการ์ด ใบรับรอง และเอกสาร บัตรประชาชน ใบขับขี่ ใบอนุญาตการทำธุรกิจ นามบัตร และใบแจ้งราคา ระบบสามารถจดจำลายมือ เช่น คำถามในข้อสอบ และรายการสินค้าที่ขนส่ง และสามารถจดจำตัวอักษรที่เขียนด้วยแม่แบบ
บริการด้านวิดีโอ
Video-on-Demand ครอบคลุมการอัพโหลดไฟล์วิดีโอ/ไฟล์เสียง บันทึกไลฟ์ การจัดการสื่อ การแปลงไฟล์อัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์เกี่ยวกับวิดีโอ การเพิ่มความเร็วในการส่งคอนเทนต์ และชุดพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับการเล่นไฟล์วิดีโอ/ไฟล์เสียง
Live Video Braodcasting ครอบคลุมฟังก์ชันต่าง ๆ ในที่เดียว เช่น การส่งไฟล์ไลฟ์ที่มีความเสถียร และคุณภาพสูงเพื่อการปฏิบัติงาน การแปลงไฟล์ การถ่ายโอนไฟล์ และการเล่นย้อนหลังตามความต้องการโดยใช้เวลาแฝงต่ำ ให้ภาพละเอียด และประสิทธิภาพสูงเพื่อสามารถให้บริการข้อมูลปริมาณมากเมื่อมีคำขอใช้งานในเวลาเดียวกันจำนวนมาก
Interactive Live Video Broadcasting สามารถถ่ายทอดไฟล์วิดีโอ/ไฟล์เสียง สามารถดูและเชื่อมต่อกันผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ด้วยชุด SDK สำหรับเล่นไฟล์วิดีโอ/ไฟล์เสียง รองรับการตอบโต้จากผู้ส่งคอนเทนต์คนเดียวไปสู่ผู้รับหลายคนหรือจากผู้ส่งคอนเทนต์หลายคนไปสู่ผู้รับหลายคนโดยไฟล์วิดีโอ/ไฟล์เสียงยังมีคุณภาพสูง
บริการส่ง SMS
รองรับการส่งบริการข้อความทั่วโลก (Global SMS) รองรับหลายภาษา และหลายรูปแบบในพื้นที่กว่า 200 ประเทศ และดินแดนทั่วโลก
Private Cloud
สามารถสร้างเครือข่ายที่แยกเป็นอิสระบนระบบคลาวด์ โดยสามารถกำหนดการจัดประเภทบนเครือข่าย ไอพีแอดเดรส และข้อกำหนดเส้นทางการใช้เครือข่าย คุณสามารถสร้างเครือข่ายระบบเสมือนส่วนตัว (VPN) ผ่านเครือข่ายสาธารณะหรือการเชื่อมต่อโดยตรงเพื่อเชื่อมเครือข่ายส่วนตัวของคุณเข้ากับแพลตฟอร์มคลาวด์อื่น
เทนเซ็นต์ คลาวด์มีข้อแนะนำองค์กรที่ต้องการจะสร้างแพลตฟอร์มคลาวด์ว่าต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน ดังนี้
วางโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมต่อการเพิ่มขยายหรือปรับลดได้ (Scalable Cloud Infrastructure): จัดการโหลดงานด้วย Kubernetes ที่รองรับการขยายทรัพยากรให้แอปพลิเคชันตามการใช้งานจริง และวางโครงสร้างแบบ Infrastructure as Code
วางแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน (Agile Distribution Platform): เปิดทางให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการผ่าน CDN เพื่อประสบการณ์ที่ดี, มีระบบมอนิเตอร์ที่ทำให้ผู้ดูแลระบบรับรู้สถานะตลอดเวลา เชื่อมต่อเน็ตเวิร์คเข้ากับคลาวด์ผ่าน VPC เพื่อให้การย้ายโหลดที่ราบรื่น
วางระบบเอดจ์คอมพิวติ้งที่เชื่อมต่อกัน (Connected Edge Intelligence): จัดการงานปัญญาประดิษฐ์ที่ต้องการชิปกราฟิกในแบบเดียวกับโหลดอื่นๆ เพื่อให้รองรับการจัดการข้อมูลปริมาณมากๆ เตรียมพร้อมสำหรับงาน IoT ที่จะมีการเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์จำนวนมาก
ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนสมัครขอรับสิทธิ์ใช้งานแพคเกจ Free Trial และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tencent.co.th/th/product/services |
# Facebook เปิด Portal และ Messenger ให้คนนอกมาพัฒนาเอฟเฟกต์ AR
จนถึงตอนนี้ Facebook เปิดให้คนนอกเข้ามาพัฒนาเอฟเฟกต์ AR ใน Instagram อย่างที่เราเห็นกันใน Instagram Stories ล่าสุดในงาน Facebook Connect มีการประกาศว่า Facebook จะเปิดให้เข้ามาพัฒนาเอฟเฟกต์ในฮาร์ดแวร์ Portal และ Facebook Messenger ด้วย ผ่านแพลตฟอร์ม Spark AR
โดย Facebook บอกว่าจะเริ่มเปิดให้นักพัฒนาและนักสร้างสรรค์เข้ามาพัฒนาเอฟเฟกต์เพิ่มเติมในปีหน้า ในงานยังมีประกาศความร่วมมือกับ New York Times เพื่อเสาะหาวิธีการใหม่ๆ สำหรับคนรับข่าวสาร ว่าจะสามารถผสาน AR กับเนื้อหาข่าวผ่านประสบการณ์รับข่าวบนมือถือได้อย่างไร และยังประกาศร่วมมือกับ Smithsonian ใช้ AR สำรวจโบราณวัตถุ
Facebook บอกว่า AR กลายเป็นหนึ่งในวิธีการที่ผู้ใช่้งานใช้สื่อสารกัน มีคนมากกว่า 600 ล้านคนใช้ AR บนแอปต่างๆ ของ Facebook และในแต่ละเดือนและขณะนี้มีครีเอเตอร์มากกว่า 400,000 รายจาก 190 ประเทศ สร้างเอฟเฟกต์ AR กว่า 1.2 ล้านเอฟเฟกต์บน Facebook และ Instagram และเกินครึ่งเป็นผู้หญิงด้วย
ภาพจาก Spark AR
ที่มา - Engadget |
# เปิดตัว Oculus Quest 2 จอ 90Hz ราคา 299 ดอลลาร์, เลิกขายแว่น Oculus Rift
Facebook เปิดตัวแว่น Oculus Quest 2 รุ่นต่อจาก Oculus Quest ที่เปิดตัวในปี 2018 (วางขายจริงกลางปี 2019) โดยตั้งราคา 299 ดอลลาร์ ถูกลงจากรุ่นแรกที่ราคาเปิดตัว 399 ดอลลาร์
Oculus Quest 2 อัพเกรดสเปกฮาร์ดแวร์ มาใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon XR2 ที่เปิดตัวช่วงปลายปี 2019, เพิ่มแรมเป็น 6GB (ของเก่าเป็น Snapdragon 835, แรม 4GB) เพิ่มความละเอียดหน้าจอเป็น 1832x1920 ต่อข้าง (ของเดิม 1440x1600) และเป็นหน้าจอรีเฟรช 90Hz, น้ำหนักตัวแว่นเบาลงจากรุ่นแรก 10% เพื่อให้สวมใส่สบายขึ้น
คอนโทรลเลอร์ Oculus Touch เป็นเวอร์ชันใหม่ ปรับเรื่อง ergonomics ให้ดีกว่าเดิม ปรับปรุงประสิทธิภาพเรื่องการตรวจจับเซ็นเซอร์ และยืดอายุแบตเตอรี่ให้ดีขึ้น 4 เท่า
Oculus Quest 2 มีให้เลือก 2 ขนาดความจุสตอเรจ โดยรุ่นเล็ก 64GB ราคา 299 ดอลลาร์ และรุ่นใหญ่ 256GB ราคา 399 ดอลลาร์ ตอนนี้เปิดพรีออเดอร์แล้ว สินค้าขายจริง 13 ตุลาคม
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Facebook ยังประกาศหยุดขายแว่น Oculus Rift แล้ว โดยแว่นรุ่นสุดท้ายคือ Oculus Rift S ที่วางขายพร้อม Oculus Quest รุ่นแรก จะหยุดขายตอนสิ้นปี 2021
ปัจจุบัน Facebook มีแว่น Oculus วางขายเหลืออยู่ 2 ซีรีส์คือ Oculus Quest แว่นไร้สายจบในตัว และ Oculus Rift ที่ต้องใช้พลังประมวลผลจากพีซี ส่วน Oculus Go แว่นไร้สายราคาถูก เลิกขายไปก่อนนี้แล้ว เพราะตลาดทับซ้อนกับ Oculus Quest ที่เป็นแว่นไร้สายแบบเดียวกัน
ทางออกของ Facebook คือใช้แว่น Oculus Quest 2 เพียงตัวเดียวกับการใช้งานทุกรูปแบบ โดยแว่น Quest/Quest 2 มีฟีเจอร์ Oculus Link เล่นเกมของ Oculus Rift จากพีซี โดยต้องใช้สายเคเบิล USB-C ยาวพิเศษ 5 เมตร ขายแยกในราคา 79 ดอลลาร์
ที่มา - Oculus |
# Bloomberg รายงาน Amazon เตรียมตั้งศูนย์กระจายสินค้า 1,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ
Bloomberg รายงาน อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดบอกว่า Amazon เตรียมตั้งศูนย์กระจายสินค้า 1,000 แห่ง ทั้งในเมืองและชานเมืองทั่วสหรัฐฯ เพื่อเร่งความเร็วในการจัดส่งสินค้าในภาวะโรคระบาด และเตรียมรับมือกับวันหยุดยาวช่วงสิ้นปีที่กำลังจะมาถึง
ก่อนที่จะเกิดโรคระบาด Amazon ก็พยายามโฆษณาเรื่องการจัดส่งเร็วใน 1 วันสำหรับสมาชิก Prime แต่โรคระบาดส่งผลให้ความเร็วในการจัดส่งสินค้า Amazon ลดลง เพราะมีความต้องการสูง บริษัทจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการจ้างพนักงานเพิ่ม 175,000 อัตรา และเพื่อรับมือกับวันหยุดยาวที่จะมาถึง ทางบริษัทจึงเตรียมลงทุนสร้างจุดแจกจ่ายสินค้าให้มากขึ้นเพื่อเข้าถึงคนทั่วสหรัฐฯ ในเวลาที่รวดเร็วกว่าเดิม
ปัจจุบันคู่แข่ง Amazon อย่าง Walmart และ Target ที่มีร้านค้าทั่วสหรัฐฯ ก็เร่งประสิทธิภาพ ยื่นข้อเสนอส่งเร็วภายใน 1 วันด้วย และ Amazon ยังไม่ออกมาตอบข้อสงสัยเรื่องการสร้างจุดแจกจ่ายสินค้า
ที่มา - Bloomberg |
# เปิดตัว Hogwarts Legacy เกมโลกผู้วิเศษ RPG โอเพนเวิลด์ เรื่องราวช่วงราวปี 1800s
Warner Bros เปิดตัวเกมในโลก Harry Potter ที่ลือและหลุดกันมานานในชื่อ Hogwarts Legacy พัฒนาโดยสตูดิโอ Avalanche Software
Hogwarts Legacy เป็นเกม RPG เล่นคนเดียวแบบโอเพนเวิลด์ เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปี 1800s ซึ่งถึงแม้จะยังไม่มีรายละเอียด แต่ก็คาดว่าน่าจะหนีไม่พ้นการได้เล่นเป็นพ่อมดแม่มดใน Hogwarts ตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 7 ได้เดินสำรวจประสาท พื้นที่รอบ ๆ ที่มีเควสต์และกิจกรรมต่าง ๆ จำนวนมาก โดยตัวเกมจะลงทั้ง PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox Series X, Xbox One และพีซี ยังไม่กำหนดวันวางจำหน่าย
ที่มา - Hogwarts Legacy |
# เผยโฉมเกมเพลย์ Spider-Man: Miles Morales วางขาย 12 พฤศจิกายนนี้ ราคา 49.99 เหรียญ
โซนี่เปิดเผยตัวอย่างเกมเพลย์แรกของ Spider-Man: Miles Morales ที่ในภาพรวมไม่แตกต่างจากภาคแรกใน PS4 มากนัก นอกจากสกิลใหม่และ UI ใหม่เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ส่วนกลุ่มตัวร้ายในภาคนี้เท่าที่เปิดเผยออกมาคือ the Tinkerer นักประดิษฐ์คู่ปรับของ Spider-Man และกลุ่มลิ่วล้อในเกมที่ชื่อว่า the Underground (ไม่เกี่ยวกับพวกกลายพันธุ์ในคอมมิกแน่ ๆ) โดยโซนี่ระบุว่าตัวเกมจะรันได้ที่ 60fps
Spider-Man: Miles Morales วางจำหน่ายในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ พร้อมกับ PS5 ในราคา 49.99 เหรียญ ทั้งเวอร์ชัน PS4 และ PS5 นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชัน Ultimate Edition ที่มาพร้อมตัวเกม Marvel's Spider-Man: Remastered เวอร์ชันรีมาสเตอร์ของภาคแรกบน PS5 ที่รวมเอา DLC The City That Never Sleep เข้าไปด้วย
ที่มา - PlayStation Blog |
# Adobe ไตรมาสล่าสุด เติบโตทำสถิติรายได้สูงสุดต่อไปอีกไตรมาส
Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดวันที่ 28 สิงหาคม 2020 รายได้รวมยังคงทำสถิติใหม่สูงสุดต่ออีกไตรมาสที่ 3,225 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 955 ล้านดอลลาร์
Shantanu Narayen ซีอีโอ Adobe กล่าวว่า Adobe ยังทำผลงานไตรมาสที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกมีความท้าทาย สะท้อนว่าความต้องการโซลูชันนวัตกรรมยังคงมีอยู่ และบริษัทจะต่อยอดไปตลอดปีการเงินนี้
กลุ่มธุรกิจ Digital Media มีรายได้รวม 2,340 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น Creative Cloud 1,960 ล้านดอลลาร์ และ Document Cloud 375 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่ม Digital Experience มีรายได้ 838 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Adobe และ ZDNet |
# สตูดิโอ Santa Monica ประกาศภาคต่อ God of War ลง PS5 ปี 2021
แฟน ๆ รอคอยกันมานาน ในที่สุดสตูดิโอ Santa Monica ประกาศภาคต่อของ God of War แล้ว โดยยังไม่มีรายละเอียดใด ๆ นอกจากโลโก้แบบเดียวกับภาคก่อนในสีฟ้า และแท็กไลน์ Ragnarok is Coming โดยตัวเกมจะลง PS5 ในปี 2021
ที่มา - @SonySantamonica |
# เปิดตัว Final Fantasy XVI ลง PS5, ใช้ทีมงานหลักจากภาค 14
หลัง Final Fantasy XV ที่ออกในปี 2016 ทาง Square Enix ก็เงียบหายไปนานว่าจะเอายังไงต่อกับซีรีส์ Final Fantasy ภาคหลัก
เมื่อคืนนี้ในงานแถลงข่าว PS5 เราก็ได้เห็นการเปิดตัว Final Fantasy XVI โดยผู้รับผิดชอบหลักคือ Naoki Yoshida ผู้กำกับเกมภาค 14 มารับบทเป็นโปรดิวเซอร์ให้เกมภาคนี้ ส่วนผู้กำกับของเกมภาค 16 คือ Hiroshi Takai ซึ่งเคยมีผลงานกำกับเกม The Last Remnant มาก่อน และอยู่ในทีมของภาค 14 ด้วย ทีมพัฒนาที่ขึ้นชื่อในเครดิตของเกมเรียกว่า Creative Business Unit III
ในเทรลเลอร์ของ FFXVI ใช้ธีมเหมือนประเทศในยุโรปยุคกลางที่มีสงคราม (คล้ายกับภาค Tactics) และเน้นเรื่อง "มนต์อสูร" (Summons) ที่เราคุ้นเคยกันจากภาคก่อนๆ โลโก้ของเกมเป็นการต่อสู้กันระหว่าง Phoenix และ Ifrit แต่ในเทรลเลอร์ก็มีมนต์อสูรตัวอื่นๆ อย่าง Shiva, Titan ด้วย
รูปแบบเกมเพลย์ของ FFXVI จากเทรลเลอร์ค่อนข้างคล้ายกับภาค FFXV ที่เน้นการต่อสู้ระยะประชิด เน้นความรวดเร็ว
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลวันวางขายของเกมภาค 16 ซึ่ง Square Enix บอกแค่ว่าจะประกาศข่าวเพิ่มเติมในปีหน้า 2021
เกมระบุว่าเป็น Console Exclusive ของ PS5 พร้อมดอกจันว่าจะยังไม่ลงแพลตฟอร์มอื่นจนกว่าพ้นระยะเวลาช่วงหนึ่งหลัง PS5 อีกที
ที่มา - Square Enix, PlayStation Blog, DualShockers |
# iOS 14 เปิดให้อัพเดตแล้ว - ปรับแต่งหน้า Home แบบใหม่ด้วย Widget
แอปเปิลปล่อยอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 14 และ iPadOS 14 แล้วในวันนี้ สำหรับผู้ใช้ iPhone, iPad และ iPod Touch รุ่นที่รองรับ (ดูรายละเอียดที่นี่)
ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตแบบ OTA ได้โดยไปที่ Settings > General > Software Update
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ iOS 14 มีหลายรายการ อาทิ การปรับหน้า Home ด้วย Widget, App Library ระบบจัดการแอปที่ลงไว้ในเครื่อง, สามารถตั้งค่าให้แอปอื่นเป็นเมลและเบราว์เซอร์พื้นฐานได้ และอื่น ๆ อีกมาก
นอกจากนี้แอปเปิลยังออกอัพเดต watchOS 7 ระบบปฏิบัติการของ Apple Watch และ tvOS 14 ระบบปฏิบัติการของ Apple TV ด้วยเช่นกัน
ที่มา: MacRumros |
# PS5 เปิดราคาที่ 499 ดอลลาร์, รุ่นไร้แผ่น 399 ดอลลาร์, วางขาย 12 พฤศจิกายน
Sony ประกาศราคา PlayStation 5 อย่างเป็นทางการ ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
รุ่นปกติมีไดรฟ์ Blu-ray ราคา 499.99 ดอลลาร์
รุ่น Digital Edition ไร้ช่องอ่านแผ่น ราคา 399.99 ดอลลาร์
การตั้งราคารุ่นปกติที่ 499 ดอลลาร์ ถือว่าเท่ากับคู่แข่ง Xbox Series X ส่วนการตั้งราคารุ่นไร้แผ่นที่ถูกกว่ากันถึง 100 ดอลลาร์ ก็น่าจะมาจากแรงกดดันของ Xbox Series S ที่ราคา 299 ดอลลาร์นั่นเอง
วันวางขายของ PS5 คือ 12 พฤศจิกายน ใน 7 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ จากนั้นจะวางขายในประเทศอื่นๆ สัปดาห์ถัดไปคือ 19 พฤศจิกายน
นอกจากตัวเครื่องแล้ว Sony ยังประกาศราคาของอุปกรณ์เสริมดังนี้
จอย DualSense Wireless Controller ราคา 69.99 ดอลลาร์
หูฟังไร้สาย PULSE 3D ราคา 99.99 ดอลลาร์
กล้อง HD Camera สำหรับสตรีมเมอร์ ราคา 59.99 ดอลลาร์
รีโมทสำหรับดูหนัง ราคา 29.99 ดอลลาร์
แท่นชาร์จจอย DualSense ราคา 29.99 ดอลลาร์
ที่มา - PlayStation Blog |
# นักวิจัยปล่อยตัวอย่างโค้ดโจมตีช่องโหว่ CVE-2020-1472 ที่ไมโครซอฟท์แพตช์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม เปิดทางยึด AD
ทีมวิจัยจากบริษัท Secura ปล่อยสคริปต์ตรวจสอบช่องโหว่ CVE-2020-1472 หรือชื่อเล่น Zerologon ที่ไมโครซอฟท์ปล่อยแพตช์มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม พร้อมกับรายงานวิเคราะห์ว่าการโจมตีช่องโหว่นี้ทำงานอย่างไร และทางบริษัท RiskSense Inc. นำไปแก้ไขต่อจนเป็นสคริปต์ทดสอบการโจมตี ทำให้ตอนนี้ช่องโหว่ CVE-2020-1472 นี้มีโค้ดต่อสาธารณะแล้ว หากใครยังไม่ได้แพตช์ควรรีบแพตช์โดยเร็ว
รายงานของ Secura แสดงให้เห็นว่าแฮกเกอร์สามารถอาศัยช่องโหว่ CVE-2020-1472 นี้เพื่อยึดสิทธิ์ Domain Admin ได้ ทำให้องค์กรที่ใช้ Active Directory ตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างร้ายแรง
ช่องโหว่นี้ต้องอาศัยการแก้ไขโปรโตคอล Netlogon ทำให้ไมโครซอฟท์วางแผนไว้เป็นสองขั้น คือการแพตช์เพื่อให้อุปกรณ์ที่แพตช์แล้วใช้โปรโตคอลเวอร์ชั่นปลอดภัย จากนั้นเตรียมออกแพตช์ปีหน้าเพื่อบังคับให้ใช้โปรโตคอลเวอร์ชั่นปลอดภัยเท่านั้น
ที่มา - ThreatPost |
# เฟซบุ๊กเปิดตัวโครงการวิจัย Project Aria แว่น AR สำรวจการเชื่อมโลกออนไลน์เข้ากับโลกความเป็นจริง
Facebook Reality Labs เปิดตัวโครงการวิจัย Project Aria แว่น AR คล้าย Google Glass เพื่อสำรวจแนวทางการใช้แว่น AR เพื่อ "ขยายความสามารถของผู้ใช้" เช่นการนำทางหรือแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม ไปจนถึงการหาสิ่งของ โดยสามารถถามเฟซบุ๊กผ่านแว่น Aria ได้ว่ากุญแจอยู่ที่ไหน เป็นต้น
โครงการนี้เป็นโครงการวิจัย ทางเฟซบุ๊กเปิดโครงการเพื่อแจ้งว่าจะมีพนักงานของเฟซบุ๊กเอง หรือพนักงานสัญญาจ้าง ใส่แว่น Aria เดินไปมาทั้งในสำนักงานเฟซบุ๊กและพื้นที่ภายนอก โดยพนักงานเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนระเบียบว่าพื้นที่ใดใช้แว่น Aria ได้ เช่นสามารถใช้งานในบ้านตัวเองหรือพื้นที่เปิด หากเป็นพื้นที่เฉพาะเช่นร้านค้าต้องได้รับอนุญาตก่อน รวมถึงห้ามใช้งานในพื้นที่ส่วนตัว เช่นห้องน้ำ โดยรวมมีพนักงานที่จะใส่แว่นนี้ประมาณร้อยคนและใช้งานแถบซานฟรานซิสโก และซีแอตเติล
ตัวแว่นจะมีไฟสีขาวแจ้งการทำงานตลอดเวลา พนักงานต้องใสสายคล้องคอแจ้งว่าอยู่ใน Project Aria ตัวพนักงานที่ร่วมโครงการจะมีแอปที่ขอลบข้อมูลตามช่วงเวลาที่ต้องการออกได้ แต่ไม่สามารถดังข้อมูลย้อนหลังกลับออกมาดูได้ อีกทั้งข้อมูลที่เก็บเข้าไปจะไม่มีการใช้งานเป็นเวลาสามวันเผื่อมีการแจ้งขอลบข้อมูล และสุดท้ายคือระบบจะลบข้อมูลใบหน้าและป้ายทะเบียนรถออกจากระบบก่อนใช้งาน
แว่นตามี GPS ในตัวพร้อมเซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหวของหัวผู้ใช้แบบเดียวกับแว่น VR มีกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง และไมโครโฟน
ที่มา - Facebook |
# แอปเปิลลดราคา iPad รุ่นที่ 7 (2019) ลงเหลือ 9,899 บาท
เมื่อวานนี้แอปเปิลเปิดตัว iPad รุ่นที่ 8 (2020) โดยตั้งราคาเท่าเดิมคือ 10,900 บาทสำหรับรุ่น Wi-Fi และ 15,400 บาทสำหรับรุ่นเซลลูลร์ วันนี้ที่ Apple Store ทางแอปเปิลก็ลดราคา iPad รุ่นที่ 7 (2019) ลงประมาณ 1,000 บาททุกรุ่นทันที
ราคารวมได้แก่ รุ่น Wi-Fi 32GB 9,899 บาท 128GB 12,899 บาท รุ่นเซลลูลาร์ 32GB 14,399 บาท 128GB ราคา 17,399 บาท
สำหรับคนที่อยากซื้อสินค้าใหม่ที่เปิดตัวเมื่อวานนี้ พนักงานหน้าร้านระบุว่าโดยทั่วไปมักขายทางเว็บแอปเปิลก่อน ก็ไม่ต้องรีบไปดูจนกว่าจะเห็นว่าเว็บสั่งได้แล้ว |
# Soccersuck ขายให้บริษัท บอลไทย 2020 แล้ว ยืนยันเป็น "เว็บโป๊ที่มีข่าวบอลบังหน้า" ต่อไป
เว็บข่าวฟุตบอลยอดนิยม Soccersuck ประกาศขายเว็บให้บริษัท บอลไทย 2020 จำกัด หรือเว็บ ballthai.com โดยไม่ระบุมูลค่า โดยคุณเบน ฟรีคิก ผู้ก่อตั้งเว็บระบุว่าเว็บยังคงแนวทางเดิมไว้ และทีมงานเดิมยังทำหน้าที่ต่อไป รวมถึงสโลแกน "เว็บโป๊ที่มีข่าวบอลบังหน้า"
Soccersuck นับเป็นเว็บที่ความนิยมสูงมากในไทย ตัวเลขผู้เข้าชมรายวันจาก Similarweb นับเป็นเว็บอันดับ 76 ของผู้ใช้ในไทย แม้จะนับรวมกับเว็บต่างประเทศ เช่น Google, Facebook, Netflix ฯลฯ ก็ตาม แถมยังมีอัตราการเข้าโดยตรง (direct) สูงถึง 89%
ที่มา - Soccersuck |
# Crysis Remastered โชว์คลิปกราฟิกระดับ 8K, ทำ ray tracing โดยไม่ต้องอิงจีพียู
ใกล้วันวางขาย Crysis Remastered บนพีซีและคอนโซล 18 กันยายนนี้ (เวอร์ชัน Switch ขายไปก่อนแล้วตั้งแต่ ก.ค.) ทำให้ Crytek ออกคลิปโปรโมทมา "โชว์ของ" ชุดใหญ่
ตัวหลักคือ Tech Trailer ที่โชว์ความละเอียดระดับ 8K (4320p @ 60 FPS ถ้าสามารถดูกันไหว) พร้อมฟีเจอร์กราฟิกของเกมยุคใหม่ๆ เช่น global illumination, real time reflections, ray tracing รวมถึง[โหมดความละเอียด 8K Can it Run Crysis? ที่เคยออกข่าวมาก่อนหน้านี้
อีกคลิปที่น่าสนใจเช่นกันคือ การโชว์ ray tracing โดยที่การ์ดจอไม่ต้องรองรับโดยตรง ทำให้เกมเวอร์ชัน Xbox One และ PS4 สามารถแสดงเอฟเฟคต์ ray tracing เช่น แสงสะท้อนน้ำหรือพื้น ได้ด้วย ถือเป็นเกมแรกที่ทำ ray tracing ได้บนคอนโซลยุคปัจจุบัน
เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจนัก เพราะ Crytek เคยโชว์เดโมการทำ ray tracing บนเอนจิน CryEngine มาตั้งแต่ต้นปี 2019 และผลของมันก็ออกมาให้เห็นใน Crysis Remastered นั่นเอง |
# ผลทดสอบ GeForce 3080 ชุดแรกมาแล้ว แรงขึ้น 20% จาก 2080 Ti, 60-70% จาก 2080
หลายคนอาจรอคอยผลการทดสอบ GeForce RTX ซีรีส์ 30 จากสื่อสำนักต่างๆ กันอยู่ วันนี้เริ่มมีรีวิวออกมากันแล้ว โดย Gamespot เป็นเว็บไซต์แรกๆ ที่ทดสอบ GeForce RTX 3080 เทียบกับ 2080 Ti และ 2080 (ทั้งหมดใช้การ์ดรุ่น Founders Edition จาก NVIDIA)
การทดสอบรันบนซีพียู Intel Core i7-10700, แรม 16GB ทดสอบกับเกมยอดนิยม 10 เกม ที่ความละเอียด 4K และ 1440p แล้ววัดค่า FPS เฉลี่ย โดยเปิดตัวเลือกกราฟิกสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ และเปิด Ray Tracing/DLSS หากเกมนั้นซัพพอร์ต
เกมที่ทดสอบได้แก่ Metro Exodus, Control, Shadow of the Tomb Raider, Wolfenstein: Youngblood, Final Fantasy XV, Final Fantasy XIV: Shadowbringers, Red Dead Redemption 2, Assassin's Creed Odyssey, Horizon Zero Dawn, Forza Horizon 4
ผลที่ได้แตกต่างกันตามแต่ละเกม แต่เฉลี่ยแล้ว
GeForce RTX 3080 แรงกว่า 2080 Ti ประมาณ 20%
GeForce RTX 3080 แรงกว่า 2080 ประมาณ 60-70%
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ การเปิดโหมด RTX เพื่อแสดงภาพแบบ ray tracing มีผลต่อเฟรมเรตอย่างชัดเจน แต่อีกปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือการเปิด DLSS ระหว่างเปิด RTX ก็ช่วยเรื่องเฟรมเรตได้เช่นกัน ตัวอย่างเกม Control ได้ผลดังนี้
ปิดโหมด RTX ไปเลย - เฟรมเรต 93 FPS
เปิด RTX โดยใช้ DLSS ช่วย - เฟรมเรต 64 FPS
เปิด RTX โดยปิด DLSS - เฟรมเรต 38 FPS
ประเด็นเรื่องอุณหภูมิ Gamespot ชี้ว่าค่อนข้างเย็น อุณหภูมิตอนไม่ได้รันงานอะไรอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิขณะรันงานเต็มที่ไม่เคยเกิน 75 องศาเลย ถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับ RTX 2080/2080 Ti แม้การ์ดรุ่นใหม่กินไฟเยอะกว่าก็ตาม (ค่า TDP 320W เทียบกับ 260W/225W ของรุ่นก่อน) ปัจจัยหลักน่าจะมาจากระบบระบายอากาศแบบใหม่ที่ NVIDIA ออกแบบมาได้ดี
ที่มา - Gamespot |
# ส่วนขยาย C/C++ ของ Visual Studio Code ออกเวอร์ชัน 1.0 แล้ว
ไมโครซอฟท์มีส่วนขยาย C/C++ ให้กับ Visual Studio Code มานานแล้ว (และเป็นส่วนขยายยอดนิยมอันดับ 2 ของ VS Code รองจาก Python) ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกเวอร์ชัน 1.0 ของส่วนขยายตัวนี้สักที
ของใหม่ที่สำคัญในเวอร์ชันนี้คือ รองรับการใช้งานบนลินุกซ์สถาปัตยกรรม ARM/ARM64 ทำให้สามารถใช้ VS Code เขียนแอพ C++ บนอุปกรณ์อย่าง Raspberry Pi ได้แล้ว, เพิ่มตัวปรับแต่งคอนฟิก C++ IntelliSense และตั้งค่าฟอร์แมตของโค้ด C++ แบบเดียวกับ Visual Studio ตัวเต็มได้
ไมโครซอฟท์บอกว่าปรับปรุงคุณภาพของส่วนขยาย C++ ไปหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมาก และยังออก C++ Extension Pack ที่รวมเอาส่วนขยายหลายๆ ตัวสำหรับงาน C/C++ มาให้ดาวน์โหลดไปใช้งานกันง่ายๆ ด้วย
ที่มา - Microsoft |
# ถอดรหัสเทคโนโลยียานยนต์ของ MG ที่จะทำให้คนไทยขยับเข้าใกล้เทรนด์ยานยนต์โลกมากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีของโลกยานยนต์เวลานี้ ทิศทางของทุกค่ายรถคือการพัฒนาโดยมุ่งเน้น “ยานยนต์ไฟฟ้า” (Electric Vehicle) เพื่อลดปัญหามลพิษ ที่คุกคามสุขภาพ และทำลายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอากาศที่เราต้องหายใจเข้าไปทุกวัน รัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลกจึงออกมาตรการทางกฎหมายสิ่งแวดล้อมมาบังคับใช้ เพื่อบรรเทาปัญหามลพิษที่กำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤต
ในปัจจุบัน หนึ่งในแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว คือการบังคับใช้มาตรฐานด้านไอเสียที่เข้มงวดมากขึ้น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จึงมีการพัฒนารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีการปล่อยไอเสียน้อยลง รวมทั้งหาวิธีการแก้ปัญหาระยะยาวและถือเป็นการลดมลพิษบนท้องถนนอย่างแท้จริง เช่นการพัฒนายานยนต์ที่ไม่มีการปล่อยไอเสีย ซึ่งทำให้หลายบริษัทหันมาพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแทนจากการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์
คำว่า รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) นั้นมีความหมายที่ค่อนข้างกว้าง ครอบคลุมถึงรถทุกชนิดที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องในระบบขับเคลื่อน แต่สามารถจำแนกแยกย่อยออกเป็น 3 ประเภทใหญ่
ได้แก่ รถไฮบริด (HEV) ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเป็นหลัก แต่มีระบบมอเตอร์และแบตเตอรี่ ที่สามารถใช้กระแสไฟฟ้าที่สร้างจากการเคลื่อนตัวของรถ มาช่วยขับเคลื่อนในบางช่วงได้ แบบที่สองคือ รถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าร่วมกับเครื่องยนต์เช่นกัน แต่ชาร์จไฟจากภายนอกได้ และอาจขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมดได้ระยะหนึ่ง และแบบสุดท้าย คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100% (BEV)
รถแบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดนั้น ยังต้องมีเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงถือเป็นเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบเท่านั้น ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าชนิดใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100% ที่ไม่มีมลพิษหรือไอเสียออกมาจากตัวรถเลยเรียกว่า Zero Emission
SAIC Motor บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในจีนมียอดขายรถยนต์รวมกว่า 7 ล้านคันต่อปี และยังเป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของโลก โดยมียอดขายรถไฟฟ้า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 จนถึงปัจจุบัน สูงถึง 270,000 คันทั่วโลก
ปัจจุบัน SAIC Motor ยังพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง มีรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวแล้ว 14 รุ่น แบ่งเป็น รถไฮบริด (HEV) 8 รุ่น และรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) อีก 6 รุ่น โดยได้เพิ่มขีดความสามารถทั้งในด้านของระยะทางการขับขี่ ระบบการควบคุมอัตโนมัติ ระบบขับเคลื่อน และระบบการเชื่อมต่อมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับประเทศไทย SAIC Motor ได้จับมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ก่อตั้ง SAIC Motor-CP ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวา ภายใต้แบรนด์ MG ทั้งยังสร้างจุดเปลี่ยนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกด้วย
โดย SAIC Motor-CP เป็นผู้ริเริ่มในการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ มาปรับใช้ในรถยนต์เอ็มจีทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยได้ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ที่โดดเด่นด้วยระบบช่วยขับขี่ Advanced Driver Assistance System (ADAS)
รวมถึงการเปิดตัว NEW MG ZS EV รถยนต์ไฟฟ้าชนิดที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100% รุ่นแรกของเอ็มจี ที่ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยคึกคักขึ้นอีกครั้ง และมาพร้อมกับนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่จะทำให้การใช้งานรถไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ “ง่าย” สำหรับทุกคน
NEW MG ZS EV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ากำลังสูงสุดถึง 110 kWh หรือเทียบเท่า 150 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่มีมากถึง 350 นิวตันเมตร ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน ทำให้ตอบสนองผู้ขับขี่ได้ทันที โดยใช้เทคโนโลยี Hair-Pin Winding Design Technology ช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังได้เต็มประสิทธิภาพ
แบตเตอรี่ของ NEW MG ZS EV เป็นแบบลิเธียม-ไอออน (Lithium-ion) ขนาด 44.5 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 337 กิโลเมตร ตามมาตรฐานความประหยัดพลังงานและมลพิษ New European Driving Cycle (NEDC) พร้อมระบบ Cooling System แบบ Liquid Cooling ระบบน้ำหล่อเย็นช่วยระบายความร้อนที่เกิดขึ้นในขณะใช้งาน เพื่อให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
SAIC Motor ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ Module โดยสามารถเปลี่ยนเฉพาะโมดูลที่เสียหายได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งหมด ช่วยลดค่าบำรุงรักษาในระยะยาว และยังรับประกันแบตเตอรี่ยาวนานถึง 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
แบตเตอรี่นั้นสามารถชาร์จง่ายๆ ได้ที่บ้าน ผ่าน MG Home Charger โดยเมื่อชาร์จไฟเต็ม 100% ระบบจะทำการตัดไฟอัตโนมัติโดยไม่ต้องถอดที่ชาร์จออก จึงสามารถชาร์จทิ้งไว้ได้ทั้งคืน ทำให้พร้อมออกเดินทางในตอนเช้าได้ทันที และในกรณีที่ต้องเดินทางไกล จะสามารถตรวจสอบสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะได้ผ่านระบบ i-SMART ซึ่งเมื่อแบตเตอรี่ต่ำ ระบบจะมีการเตือนอัตโนมัติผ่านทางหน้าจอของรถ พร้อมแนะนำจุดชาร์จที่ใกล้ที่สุด
ความโดดเด่นของ NEW MG ZS EV นอกจากการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษแล้ว NEW MG ZS EV ยังมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าอีกด้วย เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า มีจำนวนชิ้นส่วนน้อยกว่าระบบอื่นๆ ทำให้ดูแลรักษาง่าย และประหยัดได้มากขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายในการเช็คระยะรวม 100,000 กิโลเมตร เพียง 8,545 บาท ถูกกว่ารถยนต์สันดาปปกติถึง 3 เท่า
NEW MG ZS EV เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของแบรนด์รถยนต์เอ็มจี ที่มุ่งมั่นพัฒนาให้ได้มาซึ่ง “สิ่งที่ดียิ่งกว่า” (Passion to be Better) เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัส และเข้าถึงยนตรกรรมแห่งอนาคตได้ง่ายยิ่งขึ้น ในราคา 1,190,000 บาท มาพร้อมฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีที่อำนวยทั้งความสะดวกและระบบความปลอดภัยครบครัน ทำให้ NEW MG ZS EV ขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดรถพลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ในประเทศไทย ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 91.5% ในปีที่ผ่านมา
ผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.