txt
stringlengths
202
53.1k
# ให้บริการคอนเทนต์อย่างลื่นไหลด้วย HUAWEI CLOUD CDN ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในชีวิตประจำวันของเรา เราดูวีดีโอ เล่นเกมส์ อ่านข่าว และซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตแทบทุกวัน ในช่วงหลายปีนี้การศึกษาผ่านทางอินเทอร์เน็ต การทำงานทางไกล และการให้บริการสุขภาพแบบออนไลน์ (eHealth) ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่อยู่เบื้องหลังบริการออนไลน์เหล่านี้ก็คือ Content Delivery Network หรือ CDN ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยส่งคอนเทนต์ประเภทต่างๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าเราอาจไม่สนใจหรือไม่รู้ว่ามี CDN ทำงานอยู่เบื้องหลังก็ตาม หน้าที่หลักของ CDN คือ การเร่งความเร็วของการส่งคอนเทนต์ถึงผู้ใช้บริการ ถ้าไม่มี CDN ผู้ใช้จะต้องดึงคอนเทนต์จากไฟล์ต้นฉบับบนเซิร์ฟเวอร์ที่คอนเทนต์นั้นเก็บอยู่ ซึ่งจะก่อให้เกิดความล่าช้าในการส่งคอนเทนต์อย่างมากและทำให้ผู้ใช้ต้องรอเป็นเวลานาน CDN จะนำคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เสียง วีดีโอ รูปภาพ หรือแอปพลิเคชั่น มาเก็บไว้ในรูปแบบไฟล์สำรองตามจุดต่างๆ และคอนเทนต์ที่ต้องการจะถูกดึงจากจุดที่ใกล้ผู้ใช้มากที่สุด ทำให้เราดึงคอนเทนต์มาใช้ได้เร็วขึ้น เว็บเพจจึงแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว และไลฟ์วีดีโอมาที่หน้าจอของเราอย่างลื่นไหลไม่ติดขัด สามคำให้กับข้อดีของ HUAWEI COULD CDN เร็ว ถูกต้อง และ น่าเชื่อถือ บริการ HUAWEI CLOUD CDN ทำให้ผู้ใช้บริการได้ผลลัพธ์จากการส่งข้อมูลที่รวดเร็ว ทำไม HUAWEI CLOUD CDN จึงพิเศษ ก็เพราะว่า HUAWEI CLOUD CDN มี node (โหนด)สำหรับเก็บข้อมูลมากกว่า 2,500 จุด กระจายอยู่ในกว่า 70 ประเทศ ทุกภูมิภาคใน 6 ทวีป หัวเว่ยมี CDN node หลายจุดในประเทศไทย โดยผ่านระบบเน็ตเวิร์กที่ดีที่สุดของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในไทย ด้วยเครือข่ายที่มี Latency ต่ำและแบนด์วิชท์ที่ไม่จำกัด ทั้งนี้ HUAWEI CLOUD CDN ยังมีทรัพยากรสำหรับเชื่อมต่อข้ามทวีปโดยตรง และยังมี Central CDN node ของแต่ละทวีปอีกด้วย HUAWEI CLOUD CDN ยังได้รับการยอมรับในงานประชุม APAC CDN SUMMIT ว่าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ CDN ที่ดีที่สุด เพราะหัวเว่ยมีแบนด์วิชท์สำหรับให้บริการ CDN สูงมาก HUAWEI CLOUD CDN ใช้เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลแบบชาญฉลาด เพื่อนำคอนเทนต์ ของผู้ใช้บริการมาเก็บตาม node ต่างๆที่มีอยู่จำนวนมาก ผู้ใช้สามารถดึงคอนเทนต์ได้จาก node ที่อยู่ใกล้ที่สุด ทำให้ผู้ใช้พึงพอใจในการให้บริการคอนเทนต์ที่รวดเร็ว บริการ HUAWEI CLOUD CDN ทำให้ผู้ใช้บริการได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอาจเข้าถึงคอนเทนต์จากที่ใดก็ได้ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่ผู้ให้บริการจะส่งคอนเทนต์ให้ผู้ใช้บริการจาก node ที่อยู่ใกล้ผู้ใช้มากที่สุด จะทำเช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่อผู้ให้บริการมีระบบส่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง HUAWEI CLOUD CDN ใช้ระบบ Global Server Load Balance หรือ GSLB ช่วยในการกระจายคอนเทนต์ ซึ่ง GSLB สามารถเลือกใช้ CDN Node ได้อย่างถูกต้องแม่นยำถึง 99 เปอร์เซ็นต์ เพราะหัวเว่ยมีระบบ Big data platform และมีระบบจัดการ IP Address ทั่วโลก ระบบนี้จะรับข้อมูลเกี่ยวกับการโหลดข้อมูลของแต่ละ node ตลอดเวลา เพื่อรับรู้ถึงปริมาณการโอนถ่ายข้อมูล จำนวนการเชื่อมต่อ ระยะห่างระหว่างผู้ใช้กับ node หรือระยะเวลาการเข้าถึงข้อมูล และอื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้จะอัพเดตตลอดเวลาทำให้ GSLB สามารถส่งคำขอคอนเทนต์ของผู้ใช้ไปที่ node ที่อยู่ใกล้ผู้ใช้ที่สุด ช่วยให้คอนเทนต์ส่งถึงผู้ใช้เร็วขึ้น และลดโอกาสในการส่งข้อมูลล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากระบบเครือข่าย สิ่งนี้ทำให้เว็บไซต์หรือคอนเทนต์ต่างๆ ส่งถึงผู้ใช้ได้อย่างทันทีทันใด ให้บริการคอนเทนต์ด้วย HUAWEI CLOUD CDN ผลลัพธ์คือ ความน่าเชื่อถือ ภายใต้สถานการณ์วิกฤตบางอย่าง เช่น บางครั้งมีการเรียกใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างเร่งด่วน ระบบให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจติดขัดล่าช้า และอาจทำให้ผู้ใช้บริการไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ CDN เป็นตัวช่วยลดโอกาสในเกิดสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เช่นนี้ HUAWEI CLOUD CDN สามารถจัดสรรแบนด์วิชท์ได้มากพอที่จะรับมือกับการใช้งานจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นพร้อมกันอย่างฉับพลันของการเข้าถึงข้อมูล HUAWEI CLOUD CDN Node จะออนไลน์อยู่ตลอดเวลาถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อ node บางจุดใช้งานไม่ได้ node อื่นๆ จะทำหน้าที่แทนโดยอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดปัญหาในการเข้าถึงข้อมูล ข้อดีอย่างหนึ่งที่มีเฉพาะใน HUAWEI CLOUD CDN คือระบบตรวจสอบที่ชาญฉลาดหรือ Intelligent Monitoring System ระบบนี้จะคอยตรวจสอบความสามารถของเน็ตเวิร์กตลอดเวลา เช่น ตรวจสอบความล่าช้าในการเข้าถึงข้อมูล อัตราการสูญเสีย package ในระหว่างการส่งข้อมูล แบนด์วิชท์ที่ใช้ได้ และความเร็วในการรับส่งข้อมูล ระบบตรวจสอบนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเน็ตเวิร์กจะสามารถให้บริการได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งในยามวิกฤตเมื่อมีผู้ใช้จำนวนมหาศาลเข้าถึงข้อมูลในเวลาเดียวกัน HUAWEI CLOUD CDN ทำให้เข้าถึงคอนเทนต์ออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ และเชื่อถือได้ สิ่งนี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผู้ใช้บริการพึงพอใจ เมื่อเลือกใช้ CDN ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย HUAWEI CLOUD CDN เป็น CDN platform สำหรับให้บริการคอนเทนต์อย่างรวดเร็ว ที่เหมาะสำหรับธุรกิจ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล HTTPS ระบบป้องกันการขโมยข้อมูลและแบนด์วิชท์ ซึ่งระบบความปลอดภัยนี้จะช่วยให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้บริการ HUAWEI CLOUD CDN มาจากหลายภาคส่วน เช่น ผู้ให้บริการ Video on Demand, Online Games, อีคอมเมิรซ์, การเงิน, บริการสุขภาพ, และส่วนราชการ หัวเว่ยตั้งเป้าที่จะลงทุนในด้าน CDN ทั่วโลก เพื่อที่จะพัฒนาระบบCDN ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทย เราจะช่วยให้ลูกค้าต่างชาติเข้าสู่ตลาดของประเทศไทยได้มากขึ้น และส่งเสริมธุรกิจไทยให้ขยายไปยังต่างประเทศ ทั้งยังสามารถส่งคอนเทนต์ไปยังผู้ใช้ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย คลิกที่นี่เพื่อรับชมวิดิโอแนะนำบริการ CDN ใน Webinar - Cloud Diary คลิกไลค์เพจ Facebook page : @HuaweiCloudTH เพื่อรับทราบบริการและกิจกรรมของ HUAWEI CLOUD HUAWEI CLOUD กำลังจัดงาน Go Cloud Festival ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม ถึง 28 กันยายน 2563 ในงานยังมีบริการ CDN กับส่วนลดสูงสุดถึง 55 เปอร์เซ็นต์ กดที่นี่เพื่ออ่านรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ CDN
# Amazon เปิดตัว Luxury Stores มาร์เกตเพลสสำหรับเสื้อผ้าแบรนด์หรู Amazon เปิดตัว Luxury Stores มาร์เกตเพลสสำหรับเสื้อผ้าแบรนด์หรูโดยเฉพาะ เป็นทางเลือกใหม่สำหรับแบรนด์เสื้อผ้าที่อยากนำเสนอความหรูหรา ของตัวเองให้ต่างจากเสื้อผ้า fast fashion โดยตอนนี้มีพาร์ทเนอร์แบรนด์แรกคือ Oscar de la Renta Luxury Stores จะช่วยให้แบรนด์หรูสร้างประสบการณ์การซื้อที่ Amazon ใช้คำว่า store within a store ให้อำนาจแบรนด์ในการจัดการร้านค้า กำหนดราคาสินค้า โดยที่ยังเข้าถึงปริมาณผู้ใช้งานของ Amazon ที่มีอยู่มหาศาลได้ คนซื้อเมื่อเข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าใน Luxury Stores จะสองเห็นเสื้อผ้าแบบ 360 องศาได้ด้วย จนถึงตอนนี้ มีเฉพาะผู้ใช้งาน Prime ในสหรัฐฯ เท่านั้นที่เข้าดู Luxury Stores ได้ และต้องกด request access ก่อนด้วย ที่มา - The Verge
# Google ร่วมกับ Lenovo เปิดตัวฮาร์ดแวร์ Series One ใช้เพื่องานประชุมโดยเฉพาะ โรคระบาดทำให้งานประชุมทางไกลมีความสำคัญมากขึ้น ล่าสุด Google ร่วมกับ Lenovo เปิดตัวฮาร์ดแวร์เพื่อการประชุมทางไกลใช้งานสำหรับสำนักงานโดยเฉพาะ คือ Series One Series One ใช้งานผ่านระบบ Chrome OS และแน่นอนว่าใช้งาน Google Meet ได้ด้วย ตัวฮาร์ดแวร์มาพร้อม Smart Camera 12 เมกะพิกเซล และกล้อง Smart Camera XL ความละเอียด 20.3 เมกะพิกเซล สามารถตรวจจับใบหน้าและจำนวนคนในห้องประชุมได้ มีระบบแพนกล้องไปหาและซูมคนได้อัตโนมัติ ในชุดฮาร์ดแวร์ยังมี Smart Audio Bar ที่มาพร้อมลำโพงเสียงต่ำขนาด 2.5 นิ้ว ไมโครโฟน 8 ตัวที่ Google อ้างว่าสามารถประมวลผลได้ถึง 44 ช่องพร้อมกัน และยังสามารถปรับปรุงเสียงของมนุษย์ กรองเสียงที่ไม่สำคัญออก เช่น เสียงแป้นพิมพ์ เสียงถุงขนม โดยใช้เทคโนโลยี TrueVoice นอกจากนี้ยังมีรีโมททัชสกรีนขนาด 10.1 นิ้ว ชาร์จได้ ใช้คำสั่งเสียงได้ ราคาขายมีสองขนาดคือ Small Room Kit มี Smart Camera, Smart Audio Bar, Compute System และรีโมท ขายที่ 2,699 ดอลลาร์, Medium Room Kit ราคา 2,999 ดอลลาร์ และราคา 3,999 ดอลลาร์ สำหรับ Large Room Kit ที่จะมีฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม โดย Google จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าเร็วๆ นี้ ที่มา - The Verge
# Amazon CloudFront รองรับการบีบอัดข้อมูลแบบ Brotli ที่เล็กกว่า Gzip แล้ว Amazon CloudFront บริการ content delivery network (CDN) ของ AWS ประกาศรองรับการบีบอัดข้อมูลแบบ Brotli โดยเปิดใช้งานเป็นดีฟอลต์ (ก่อนหน้านี้ต้องเปิดตัวเลือกเอง) Brotli เป็นฟอร์แมตการบีบอัดข้อมูลที่กูเกิลพัฒนาขึ้นในปี 2015 เพื่อใช้ทดแทน gzip ซึ่งนิยมใช้กันแพร่หลายในวงการเว็บเซิร์ฟเวอร์ ค่าเฉลี่ยแล้วอาจบีบอัดไฟล์ได้เล็กลงถึง 24% เทียบกับ gzip ปัจจุบันเว็บเบราว์เซอร์ทุกตัว เว็บเซิร์ฟเวอร์รายสำคัญๆ (เช่น Apache, nginx, IIS) และบริการ CDN อย่าง Cloudflare รองรับ Brotli กันหมดแล้ว การที่ CloudFront ซึ่งเป็นบริการ CDN ยอดนิยมจากส่วนแบ่งตลาดของ AWS มารองรับเพิ่มเติมด้วย ก็ยิ่งช่วยให้ Brotli แพร่หลายมากขึ้น ที่มา - Amazon
# Gojek เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย ให้บริการ GoFood, GoRide และ GoSend วันนี้ Gojek Thailand เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแทนที่แอป GET เดิม โดยบริการที่ให้มี GoRide บริการรับส่งด้วยรถจักรยานยนต์, GoFood บริการรับส่งอาหารและ GoSend บริการรับส่งพัสดุ พร้อมกับแอปฝั่งคนขับและร้านค้าอย่าง GoPartner และ GoBiz ภายในแอป Gojek เวอร์ชันใหม่จะมีฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือแชท สำหรับส่งรายการร้านอาหารให้กับเพื่อนและ Wishlist สำหรับปักหมุดร้านอาหารเอาไว้สั่งในอนาคต นอกจากนี้ GoFood ยังมีฟีเจอร์ pickup สำหรับสั่งอาหารก่อนและเดินไปรับเองกับตัวด้วย ขณะที่โปรโมชันหลังเปิดตัว ส่วนของ GoFood มีคูปองส่วนลดมูลค่ารวมสูงสุด 2,500 บาทกับผู้ใช้ใหม่ พร้อมดีลส่วนลดค่าอาหารต่าง ๆ ขณะที่ GoRide ผู้ใช้สามารถกดเก็บคูปองส่วนลด 12 บาทได้ 5 ใบ เพื่อทดลองใช้บริการเรียกรถ Disclaimer: บริษัทแม่ของ Blognone คือ LINE MAN Wongnai เป็นคู่แข่งของ Gojek
# xCloud เปิดบริการแล้ว เล่นเกมคอนโซลบนมือถือผ่านสตรีมมิ่ง ความฝันที่ยังไม่มาไทย ไมโครซอฟท์เปิดบริการคลาวด์เกมมิ่ง xCloud วันที่ 15 กันยายน ตามที่ประกาศไว้ กับลูกค้า Xbox Game Pass Ultimate ใน 22 ประเทศ (ไม่มีไทย) ไมโครซอฟท์ระบุว่ามีเกมบน xCloud ให้เล่นมากกว่า 150 เกม (และจะมีเกมจาก EA Play ตามมาอีกชุดใหญ่) ตัวอย่างเกมคอนโซล-พีซีดังๆ ที่เล่นได้บนมือถือคือ The Outer Worlds, The Witcher 3, Sea of Thieves, Resident Evil 7, Nier Automata, No Man’s Sky, Metro 2033 Redux และเกมตระกูล Halo เป็นต้น (รายชื่อเกมทั้งหมดดูได้ตามที่มา) เกมเด่นที่นำมาโชว์คือ Minecraft Dungeons ที่เดิมมีเฉพาะเวอร์ชันคอนโซล-พีซี ก็สามารถนำมาเล่นได้บน Android โดยไมโครซอฟท์ปรับแต่งเกมให้ UI และการควบคุมเหมาะกับจอสัมผัสด้วย ที่มา - Xbox (1), Xbox (2)
# Spotify เพิ่ม My Forever Favorites เพิ่มเพลงและพอดคาสต์ที่ชอบ 5 อันดับเข้าเพลย์ลิสต์ได้ Spotify เพิ่มคุณสมบัติใหม่ My Forever Favorites ให้แก้ผู้ใช้งานทั้งฟรีและพรีเที่ยม สามารถเพิ่มเพลงหรือพอดคาสต์ที่ชอบที่สุด 5 อันดับเข้าไปในเพลย์ลิสต์ได้ และแชร์ทางโซเชียลได้ด้วย คุณสมบัติใหม่เปิดใช้งานแล้วทั้งแอป iOS, แอนดรอยด์ และแอปบนเดสก์ทอป หรือสามารถพิมพ์ spotify:forever-favorites ได้ที่ช่องค้นหา ที่มา - Spotify
# Apple Watch รุ่นใหม่ จะไม่ให้หัวชาร์จไฟมาในกล่อง ยกเว้นรุ่น Edition กับ Hermès ในงานแถลงข่าว Time flies เมื่อคืนนี้ แอปเปิลอธิบายการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Apple Watch รุ่นใหม่ ทั้ง Apple Watch Series 6 และ Apple Watch SE ด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะหยุดให้อะแดปเตอร์ 5W มาในกล่อง เนื่องจากผู้ใช้งานส่วนมากต่างมีอะแดปเตอร์กันอยู่แล้ว (แต่สายชาร์จแบบแม่เหล็กยังให้มา) อย่างไรก็ตามมีผู้พบว่าแอปเปิลไม่ได้หยุดให้อะแดปเตอร์มีผลกับทุกรุ่นทันที เพราะหากเป็นการซื้อรุ่น Apple Watch Edition ที่มีตัวเรือนแบบไทเทเนียม (ส่วนเซรามิกยกเลิกไปแล้ว) หรือรุ่น Apple Watch Hermès ซึ่งมีราคาสูง จะยังคงให้อะแดปเตอร์ 5W มาในกล่องเหมือนเดิม ทั้งนี้ The Verge ได้สอบถามแอปเปิลในประเด็นนี้แต่ยังไม่ได้คำตอบ แอปเปิลให้ข้อมูลในงานแถลงข่าว ว่าการหยุดให้อะแดปเตอร์ 5W นี้ จะช่วยลดปริมาณคาร์บอนต่อปีได้เทียบเท่ากับรถยนต์ 50,000 คัน ที่มา: The Verge
# Java 15 ออกแล้ว เพิ่ม Garbage Collector ใหม่สองตัว ZGC และ Shenandoah ออราเคิลออก Java 15 ตามรอบการออกรุ่นทุก 6 เดือน ของใหม่ที่สำคัญในรุ่นนี้คือ ZGC ซึ่งเป็น GC (garbage collector) ตัวใหม่ที่ทำงานเร็ว (low-latency) ลดระยะการหยุดทำงานของ GC ที่เป็นปัญหาเรื้อรังของ Java มาตั้งแต่แรกลง นอกจาก ZGC แล้ว Java 15 ยังมี GC อีกตัวให้เลือกใช้งานคือ Shenandoah ที่เน้นการเป็น low-latency เช่นกัน (แต่ใช้คนละวิธีกับ ZGC) อย่างไรก็ตาม Java ยังคงใช้ GC หลักเป็นตัวเดิมคือ G1 ของใหม่อย่างอื่นได้แก่ Text Blocks การเขียนสตริงยาวๆ ในโค้ด ที่ทดสอบมาตั้งแต่ Java 13 Hidden Classes คลาสลับที่ไม่สามารถเรียกใช้ได้โดยตรง แต่ให้เฟรมเวิร์คเรียกใช้งานตอนรันไทม์ผ่าน reflection มันถูกสร้างขึ้นมาแทน sun.misc.Unsafe::defineAnonymousClass ซึ่งไม่ได้เป็น API มาตรฐาน รองรับอัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบ Edwards-Curve Digital Signature Algorithm (EdDSA) หยุดรองรับสถาปัตยกรรม SPARC และระบบปฏิบัติการ Solaris แล้ว Java 16 มีกำหนดออกช่วงเดือนมีนาคม 2021 จากนั้นจะเป็นคิวของ Java 17 ที่จะเป็นรุ่น LTS ตัวต่อไป ถัดจาก Java 11 ซึ่งเป็น LTS รุ่นปัจจุบัน ในประกาศเปิดตัว Java 15 ออราเคิลยังให้ข้อมูลว่าหลังเปลี่ยนมาใช้รอบการออกรุ่นทุก 6 เดือน เราก็ได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ต่างจากยุค Java 8/9 ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะออกได้แต่ละรุ่น และการมีฟีเจอร์มากๆ ในรุ่นเดียวทำให้บริหารจัดการได้ยากกว่ามาก สัดส่วนบริษัทที่เข้ามาร่วมพัฒนา Java ยังมาจากออราเคิลเป็นหลัก อันดับสองคือ Red Hat ตามด้วย SAP, Arm, กลุ่มนักพัฒนาอิสระ (นับทั้งหมดรวมกัน) และ Tencent ที่มา - JDK, Oracle, Oracle Blog
# โซนี่แถลงปฏิเสธรายงาน Bloomberg ที่บอกว่าโซนี่สั่งลดการผลิต PlayStation 5 เมื่อวาน Bloomberg รายงานว่าโซนี่สั่งลดการผลิต PlayStation 5 ลงเพราะชิปเซ็ตผลิตไม่ทัน ล่าสุดโซนี่แถลงปฏิเสธข้อมูลดังกล่าวของ Bloomberg แล้ว ซึ่งผิดจากทุกครั้งที่มีข่าวหลุด คาดว่าน่าจะเพราะข่าวนี้ทำราคาหุ้นโซนี่ตกลงทันที โซนี่แถลงว่า "ปกติเราจะไม่แถลงรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการผลิต แต่รายงานที่ออกมาจาก Bloomberg นั้นไม่จริง เราไม่เคยสั่งปรับจำนวนการผลิต PlayStation 5 ตั้งแต่เริ่มการผลิตแบบแมส" ที่มา - Bloomberg
# Samsung เตรียมเปิดตัวมือถือ Galaxy F เน้นกล้อง ราคาต่ำหมื่นเดือนหน้าในอินเดีย 91mobiles.com รายงานว่า Samsung เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นกลางซีรีส์ F ซึ่งจะเป็นซีรีส์มือถือรุ่นกลางที่เน้นประสิทธิภาพกล้อง ในประเทศอินเดีย ระดับราคาจะอยู่ที่ 15,000 ถึง 20,000 รูปี (ราว 6,400-8,500 บาท) และจะเน้นจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนวางขายตามร้านทั่วไป ในข่าวยังไม่มีข้อมูลมากนัก แต่ระบุว่าซีรีส์ Galaxy F จะเป็นรุ่นกลางที่คล้ายคลึงกับตระกูล Galaxy M แต่จะมีประสิทธิภาพกล้องที่เหนือกว่า ในระดับราคาใกล้เคียงกัน (แต่อาจจะปรับลดส่วนอื่นแทน) น่าจะอยู่ในระดับราคาที่ต้องชนกับมือถือค่ายจีนเช่น Xiaomi, OPPO, POCO และอื่นๆ ส่วนจะวางจำหน่ายในบ้านเราหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - 91mobiles via Android Community
# แอปเปิลเปิดตัว Fitness+ คอร์สเทรนเนอร์ออกกำลังกายด้วย Apple Watch เดือนละ 7.99 ดอลลาร์ เก็บตกงานแถลงข่าวของแอปเปิลเมื่อคืนนี้ นอกจากฮาร์ดแวร์กลุ่ม Apple Watch และ iPad แล้ว ยังมีบริการตัวใหม่ด้านฟิตเนสชื่อ Apple Fitness+ รวมอยู่ด้วย Fitness+ เป็นบริการกลุ่ม + ของแอปเปิล (แปลว่าคิดเงิน) ราคาเดือนละ 9.99 ดอลลาร์ หรือปีละ 79.99 ดอลลาร์ (สามารถซื้อเหมาร่วมในแพ็กเกจ Apple One ได้ถ้าต้องการ) ฟีเจอร์ของ Fitness+ เน้นไปที่คอร์สการออกกำลังโดยเทรนเนอร์ชื่อดัง พร้อมเพลงประกอบจากศิลปินดัง มีคอร์สรองรับการออกกำลังกายทุกระดับตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญ รองรับรูปแบบการออกกำลังกายหลากหลาย เช่น ลู่วิ่ง จักรยาน โยคะ มีฟีเจอร์ด้าน personalization แนะนำคอร์สให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน จุดเด่นของ Fitness+ คือการใช้งานบน Apple Watch อย่างแนบแน่น (ต้องใช้กับ Apple Watch Series 3 ขึ้นไป) เพราะฝังอยู่ในแอพ Fitness โดยตรง รวมถึงส่งข้อมูลไปแสดงบนอุปกรณ์อื่นๆ ทั้ง iPhone, iPad, Apple TV แบบเรียลไทม์ได้ทันที (เช่น วิ่งบนลู่โดยใส่ Apple Watch พร้อมดูสถานะจากจอ iPad ที่ตั้งไว้ หรือต่อขึ้นจอใหญ่ผ่าน Apple TV) นอกจากนี้ คนที่เป็นสมาชิก Apple Music ด้วยยังสามารถนำเพลงจาก Fitness+ เซฟมาฟังต่อบน Apple Music ได้เช่นกัน Fitness+ จะเปิดบริการก่อนสิ้นปี 2020 แค่เพียงไม่กี่ประเทศคือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย แคนาดา ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ ผู้ที่ซื้อ Apple Watch ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะได้บริการทดลองฟรี 3 เดือน บริการ Fitness+ ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Peloton App (12.99 ดอลลาร์ต่อเดือน) รวมถึง Fitbit Premium ที่มีเนื้อหาด้านการออกกำลังกายรวมอยู่ด้วย ที่มา - Apple
# คาดเพราะ Apple One ทำให้ Spotify ออกแถลงการณ์ว่าแอปเปิลกำลังทำลายการแข่งขันในตลาด หลังแอปเปิลแถลงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึง Apple One รวมบริการสมาชิกรายเดือน ราคาเดียวใช้งานได้ทั้ง Apple Music, Apple TV+, Apple Arcade, iCloud, Apple News+, Apple Fitness+ นั้น Spotify ก็ออกแถลงการณ์ถึงแอปเปิล แสดงความผิดหวัง ว่าแอปเปิลมีท่าทีต่อต้านการแข่งขันในตลาด ในข้อความแถลงการณ์ระบุว่า เป็นอีกครั้งที่ แอปเปิลใช้อำนาจครอบครองตลาดของตัวเองที่มีอยู่ ที่ส่งผลให้คู่แข่งเสียเปรียบและยังกีดกันผู้บริโภค ทางบริษัทขอให้หน่วยงานตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อ จำกัดพฤติกรรมผูกขาดของแอปเปิล เพราะหากปล่อยไว้ จะส่งผลกระทบต่อชุมชนนักพัฒนาและนักสร้างสรรค์ รวมถึงคุกคามเสรีภาพในการรับสื่อ และการเรียนรู้สิ่งใหม่ อย่างไรก็ตาม Spotify ไม่ได้ระบุอย่างแน่ชัดว่า บริการไหนของแอปเปิลที่ทำให้ Spotify ต้องออกแถลงการณ์นี้ออกมา แต่คาดว่าเป็นบริการ Apple One ที่อาจกระทบบริการสตรีมมิ่งเพลงของ Spotify โดยตรง Spotify เคลือบแคลงใจในอำนาจการควบคุม App Store ของแอปเปิลมานานแล้ว ในเดือนมีนาคม 2019 Spotify ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรปเรื่องการเก็บภาษี App Store 30% ซึ่งเป็นไปในทำนองเดียวกับไมโครซอฟท์และ Epic Games ที่กำลังวิจารณ์แอปเปิลอย่างหนักในตอนนี้ อ่านบทความย้อนหลังได้ ที่นี่ ที่มา - Engadget
# โซนี่ประกาศราคา Xperia 1 II ในไทย 35,990 บาท วางขาย 2 ตุลาคม โซนี่ไทยประกาศราคา Xperia 1 II สมาร์ทโฟนเรือธงประจำปี 2020 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และวางขายในต่างประเทศเดือนมิถุนายน ด้วยราคา 1,199 ดอลลาร์ ราคาไทยที่ประกาศคือ 35,990 บาท มีให้เลือกสองสีคือม่วงกับดำ ลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าจะได้ของแถมเป็น Wireless Noise Cancelling Headphone รุ่น WF-1000XM3 สีดำ มูลค่า 6,990 บาทด้วย เปิดให้จอง 17 กันยายนนี้ สินค้าวางขายจริงในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ Sony Thai
# ยืนยัน AMD Radeon RX 6000 มีตัวถอดรหัส AV1 ที่ระดับฮาร์ดแวร์ ตอนนี้เรายังไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับ AMD Radeon RX 6000 Series นอกจากการใช้สถาปัตยกรรม RDNA 2, รองรับ ray tracing และภาพตัวการ์ดที่ AMD นำมาโชว์ ก่อนงานแถลงข่าว 28 ตุลาคม แต่จากแพตช์ล่าสุดในไดรเวอร์จีพียูโอเพนซอร์ส ก็พบข้อมูลชัดเจนว่า Radeon RX 6000 (โค้ดเนมในไฟล์คือ Sienna Cichlid) มีตัวถอดรหัสไฟล์วิดีโอแบบ AV1 เช่นเดียวกับคู่แข่ง GeForce RTX ซีรีส์ 30 ที่เปิดตัวไปแล้ว เท่ากับว่าจีพียูยุคหน้าจากทั้ง 3 ค่ายคือ NVIDIA, AMD, Intel ต่างมีตัวถอดรหัส AV1 กันพร้อมหน้า ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ AV1 แพร่หลายขึ้นได้อีกมากนั่นเอง ที่มา - Freedesktop via Phoronix
# พ่อของบิล เกตส์ เสียชีวิตด้วยวัย 94 ปี บุคคลสำคัญที่ช่วยตั้งมูลนิธิการกุศลให้บิล เกตส์ William H. Gates Sr. (หรือเรียกสั้นๆ Bill Gates Sr.) พ่อของบิล เกตส์ เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 94 ปี Bill Gates Sr. ไม่ได้เป็นเพียงแค่พ่อของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก เพราะมีบทบาทในมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation ของลูกชาย และองค์กรการกุศลอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก บิล เกตส์ เล่าว่าปรึกษาพ่อเสมอในเรื่องธุรกิจ โดยเฉพาะประเด็นกฎหมายเนื่องจากพ่อเป็นทนายความ ซึ่งพ่อของเขาก็ยังให้คำปรึกษาแบบเดียวกันกับ Howard Schultz อดีตซีอีโอของ Starbucks ด้วยเช่นกัน ส่วนการตั้งมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation ก็เกิดจากไอเดียของพ่อเขาเช่นกัน เกตส์เล่าว่าตอนนั้นตัวเขา พ่อ และภรรยา คุยกันระหว่างยืนรอคิวเข้าโรงภาพยนตร์ เขาและภรรยาคุยกันว่าได้รับคำขอเงินบริจาคมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพ่อเขาได้ยิน ก็เสนอตัวเข้ามาช่วยตั้งมูลนิธิให้ ที่มา - Bill Gates
# iOS 14, iPadOS 14, watchOS 7 จะเปิดให้อัพเดตตั้งแต่คืนวันนี้ ในงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้าใหม่ของแอปเปิล Time flies วันนี้ ซีอีโอ Tim Cook ยังกล่าวปิดท้ายว่า ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์แอปเปิลจะเปิดให้อัพเดตเวอร์ชันใหม่ในวันนี้ (16 กันยายน) ซึ่งเป็นช่วงกลางคืนตามเวลาในไทย เข้าสู่วันที่ 17 กันยายน โดยระบบปฏิบัติการที่จะออกอัพเดตเวอร์ชันใหม่ได้แก่ iOS 14, iPadOS 14, watchOS 7 และ tvOS 14 แต่ไม่มีการระบุถึง macOS Big Sur สำหรับ iOS 14 มาพร้อมการปรับการแสดงผล อาทิ การจัดกลุ่มแอปแบบใหม่ App Library และยังมี Widget ตลอดจนฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้น ดูรายละเอียด iPhone, iPad, Apple Watch รุ่นที่จะได้อัพเกรดได้ที่นี่ ที่มา: MacRumors
# เปิดตัว iPad รุ่นที่ 8 อัพเกรดชิปเป็น A12 ยังใช้ Pencil รุ่นที่ 1 ราคา 10,900 บาทเท่าเดิม แอปเปิลเปิดตัว iPad รุ่นที่ 8 โดยรูปร่างเหมือนรุ่นก่อนหน้าแทบทุกประการ แต่เปลี่ยนไปใช้ชิป A12 Bionic (จากเดิมเป็น A10 Fusion) ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 40% แอปเปิลเทียบกับโน้ตบุ๊กวินโดวส์ "รุ่นยอดนิยม" ว่า iPad ตัวนี้ประสิทธิภาพดีกว่าสองเท่าตัว iPad รุ่นนี้ยังคงเป็นพอร์ต Lightning และใช้งานร่วมกับ Pencil รุ่นที่ 1 มาพร้อมกับ iPadOS 14 เริ่มจำหน่ายวันศุกร์ที่ 18 กันยายนนี้ ราคาเริ่มต้น 10,900 บาทสำหรับรุ่น Wi-Fi และ 15,400 บาทสำหรับรุ่นเซลลูลาร์ ที่มา - Apple
# เปิดตัว iPad Air ใหม่ดีไซน์ iPad Pro ขนาด 10.9 นิ้ว มี Touch ID ที่ปุ่มล็อกและ USB-C แอปเปิลเปิดตัว iPad Air ที่มีดีไซน์ใหม่ตามที่หลุดคือเหมือน iPad Pro มากขึ้น ขนาดหน้าจอที่ 10.9 นิ้ว (2360 x 1650) แพแนลเป็น LCD แบบ Truetone และเคลือบด้วยสารกันสะท้อน ขณะที่ Touch ID ย้ายมาอยู่ที่ปุ่มล็อกหน้าจอด้านบนตัวเครื่องแทน ชิปเซ็ตเป็น A14 Bionic ตัวใหม่ 6 แกน (2 big 4 little) จีพียู 4 แกน ใช้สถาปัตยกรรมการผลิต 5 นาโนเมตร พร้อมชิปเร่งความเร็วการประมวลผล machine learning ภายใน ที่สำคัญคือมาพร้อม USB-C (หัวชาร์จ 20W) และรองรับ Apple Pencil 2 แล้ว โดยสามารถชาร์จได้ที่ขอบด้านข้างตัวเครื่องเหมือนบน iPad Pro และลำโพงเป็นแบบคู่บนล่าง ขณะที่กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอ FHD 60FPS กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอได้ 4K 60FPS และสโลวโม 240fps มี 5 สีให้เลือกคือ Sky Blue, Green, Rose Gold , Space Grey และ สีเงิน ราคาเวอร์ชัน 64GB เริ่มที่ 19,990 บาทและ 24,400 บาทสำหรับเซลลูลาร์ ส่วนขนาด 256GB เริ่มที่ 24,900 และ 29,400 บาท เริ่มจำหน่ายเดือนหน้า
# Apple Watch เพิ่มคุณสมบัติ Family Setup เด็ก-ผู้สูงอายุ ใช้งานได้ โดยไม่ต้องมี iPhone ที่ผ่านมาการใช้งาน Apple Watch จำเป็นต้องมี iPhone เพื่อใช้งานร่วมกัน ในงานแอปเปิลคืนนี้ได้เปิดตัวคุณสมบัติใหม่บน watchOS 7 เรียกว่า Family Setup เพื่อให้ผู้ใช้งานเช่น เด็ก หรือผู้สูงอายุ ที่ไม่มี iPhone สามารถใช้งาน Apple Watch ได้เช่นเดียวกัน วิธีการใช้งานนั้น ต้องเปิดการตั้งค่าผ่าน iPhone ของผู้ปกครอง โดย Apple Watch สามารถทำงานได้ด้วยคุณสมบัติที่จำเป็น อาทิ โทรศัพท์, รับส่งข้อความ, Memoji, Activity และยังส่งข้อมูลพิกัดปัจจุบันผ่าน Maps ได้ด้วย ผู้ปกครองยังสามารถตั้งค่าเช่นกำหนดการเตือนเวลาทำการบ้าน ช่วงเวลาที่ห้ามรบกวน และอื่น ๆ ส่วนผู้สูงอายุสามารถตั้งค่าการเตือน SOS ได้ คุณสมบัติ Family Setup เริ่มเปิดให้ใช้งานตั้งแต่ 16 กันยายน เป็นต้นไป ผ่านซอฟต์แวร์อัปเดตเวอร์ชันล่าสุด รองรับ Apple Watch Series 4 ขึ้นไป หรือ Apple Watch SE เฉพาะรุ่น cellular โดยทำงานร่วมกับ watchOS 7 และ iOS 14 ในงานแถลงข่าวแอปเปิลระบุว่า 3 ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในไทยต่างรองรับคุณสมบัตินี้แล้ว ที่มา: แอปเปิล
# แอปเปิลเปิดตัว Apple Watch SE ชิปเดียวกับ Apple Watch 5 ราคา 279 ดอลลาร์ แอปเปิลเปิดตัว Apple Watch SE สมาร์ตวอชราคาประหยัดที่ใช้ชิปเซ็ต S5 ชุดเดียวกับ Apple Watch 5 แต่รูปร่างแบบเดียวกับ Apple Watch 6 ใส่สายรัดข้อมือแบบใหม่ได้ Apple Watch SE มาพร้อมกับ watchOS 7 ตัวเซ็นเซอร์ มี accelerometer, gyroscope, altimeter, motion sensor, และไมโครโฟน รองรับการตรวจจับการล้ม หรือเตือนเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเสียงดังเกินไป การเชื่อมต่อมีทั้ง GPS, Wi-Fi, Bluetooth 5.0 รุ่นเริ่มต้นราคา 279 ดอลลาร์ ราคาไทย 9,400 บาท รุ่นเซลลูลาร์เริ่มต้น 329 ดอลลาร์ ราคาไทย 10,900 บาท เริ่มขายวันศุกร์ที่ 18 กันยายนนี้ note: เวอร์ชั่นแรกของบทความนี้ระบุว่า Watch SE ไม่มีเซ็นเซอร์หัวใจ แต่เป็นความผิดพลาด ที่มา - Apple, Apple Store Thailand
# แอปเปิลเปิดตัว Apple One รวมบริการสมาชิกรายเดือน จ่ายทีเดียว ได้ทุกบริการ แอปเปิลเปิดตัว Apple One ตามข่าวลือ เป็นบริการที่รวมบริการสมาชิกรายเดือนทั้งหมดของแอปเปิลในทีเดียวทั้ง Apple Music, Apple TV+, Apple Arcade, iCloud, Apple News+ ไปจนถึง Apple Fitness+ ตัวใหม่ Apple One มี 3 ตัวเลือกคือ Individual ราคา 14.95 เหรียญ (ราคาไทย 225 บาท) ต่อเดือน ได้ Apple Music, Apple TV+, Apple Arcade และ iCloud 50GB ต่อเดือน Family ราคา 19.95 เหรียญ (ราคาไทย 295 บาท) ต่อเดือน ได้เหมือน Individual แต่ iCloud เพิ่มเป็น 200GB แชร์ได้สูงสุด 5 คน Premier ราคา 29.95 เหรียญต่อเดือน ได้เหมือน Individual แต่ iCloud เพิ่มเป็น 2TB และเพิ่ม Apple News+ และ Apple Fitness+ Apple One มีให้ทดลองใช้ฟรี 30 วัน เริ่มให้บริการราวฤดูใบไม้ร่วง (ราวเดือนกันยายน-ตุลาคม) โดย Individual และ Family จะให้บริการภายในปีนี้ แทบจะเกือบทุกประเทศที่แอปเปิลให้บริการอยู่แล้ว ส่วน Premier จะมีเฉพาะออสเตรเลีย, แคนาดา, สหราชอาณาจักรและสหรัฐที่ Apple News+ ให้บริการ ส่วน Apple Fitness+ จะตามมาภายในสิ้นปีนี้ ที่มา - Apple Event
# Apple เปิดตัว Apple Watch Series 6 มีตัววัดระดับออกซิเจนในเลือด เร็วขึ้น 20% สายรัดข้อมือแบบใหม่ แอปเปิลเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่ประจำปีนี้ Apple Watch Series 6 มาพร้อมตัวเลือกสีสันหลากหลายที่มากขึ้น และฟีเจอร์เด่นคือตัววัดระดับออกซิเจนในเลือด โดยขั้นตอนการวัดระดับออกซิเจนในเลือดนั้น จะใช้เซ็นเซอร์ตัวใหม่ และมีขั้นตอนการวัดเป็นเวลา 15 วินาที สามารถวัดค่าเพื่อบันทึกผลได้ในขณะนอนหลับ ทั้งนี้แอปเปิลระบุว่าได้ร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยหลายแห่ง เพื่อให้สามารถนำผลระดับออกซิเจนในเลือด ใช้ในการวิเคราะห์สุขภาพร่วมกับข้อมูลชีพจรอีกด้วย Apple Watch Series 6 มาพร้อมกับชิปรุ่นใหม่ S6 ประสิทธิภาพเหมือนชิป A13 แต่ปรับแต่งให้เข้ากับ Apple Watch ทำงานเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 20% หน้าจอเพิ่มความสว่าง 2.5 เท่า เมื่อใช้งานนอกบ้าน ดีไซน์ใน Apple Watch ยังมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเพิ่มตัวเรือนอลูมิเนียมสีน้ำเงิน, สีทองสแตนเลสแบบใหม่ และกราไฟต์สแตนลีส รวมทั้ง Product RED แอปเปิลยังเปิดตัวสายข้อมือแบบใหม่เรียกว่า Solo Loop ไม่มีส่วนเชื่อมต่อ เป็นสายรัดซิลิโคนเส้นเดียว มีความแน่นหนา ใส่เวลาว่ายน้ำได้ มีตัวเลือกความยาวหลากหลายขนาดสำหรับแต่ละคน ตัวเลือกมีทั้งหมด 7 สี และยังมีสายอีกแบบเรียกว่า Braided Solo Loop มีตัวเลือก 5 สี Apple Watch Series 6 ราคาเริ่มต้นที่ 13,400 บาท สำหรับหน้าปัด 40 มม. และ 14,400 บาท สำหรับหน้าปัด 44 มม. รุ่น cellular ราคาเริ่มต้นที่ 16,900 และ 17,900 บาท สำหรับ 2 ขนาดหน้าปัด เปิดให้จองแล้ววันนี้ และเริ่มส่งมอบสินค้าวันศุกร์ที่ 18 กันยายน ใน 29 ประเทศ โดยยังไม่มีประเทศไทยในกลุ่มแรก ที่มา: แอปเปิล, MacRumors
# Sony เปิดตัว A7C กล้อง mirrorless ฟูลเฟรมขนาดเล็กพกพาง่าย Sony เปิดตัวกล้อง mirrorless เซนเซอร์ฟูลเฟรมรุ่นเล็กใหม่ โดย Sony ยกฟีเจอร์หลายอย่างมาจาก A7 III ทั้งกันสั่น 5 แกน, ระบบถ่ายภาพรัวสุด 10 เฟรมต่อวินาทีในโหมดออโต้โฟกัส, ระบบอัดวิดีโอ 4K แบบ oversample ภายใต้บอดี้ที่มีขนาดเล็กกว่าราว 22% Sony A7C ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS 24.2 ล้านพิกเซลแบบฟูลเฟรม 35 มิลลิเมตร พร้อมหน่วยประมวลผลภาพ BIONZ ให้ไดนามิกเรนจ์สูงสุด 15 สต็อป ในด้านการแสดงผล Sony เลือกใช้ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ XGA OLED Tru-Finder 2.36 ล้านจุดเหมือนกับ A7 III แต่ด้วยขนาดที่เล็กกว่าทำให้กำลังขยายรวมแล้วเพียงแค่ 0.59x เท่านั้น ส่วนจอแอลซีดีเป็นแบบสัมผัสหมุนได้ 921,000 จุด มิติของตัวกล้อง Sony A7C อยู่ที่ 124 x 71.1 x 59.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 509 กรัม ใกล้เคียงกับกล้อง APS-C อย่าง A6600 นับได้ว่า A7C เป็นกล้องฟูลเฟรมพร้อมกันสั่น 5 แกนขนาดเล็กที่สุด โดยตัวกล้องใช้แมกนีเซียมอัลลอยที่ให้ความแข็งแรง และแบตเตอรี่ NP-FZ100 ที่ถ่ายภาพสูงสุดได้ถึง 740 ภาพเมื่อใช้จอแอลซีดี หรือ 680 ภาพเมื่อใช้ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ Sony จะเริ่มวางจำหน่ายกล้อง A7C ที่ราคา 1,799.99 ดอลลาร์ หรือราว 56,000 บาท ที่มา - dpreview
# รวมข่าวลือสินค้าที่คาดว่าจะเปิดตัวในงานอีเวนต์ Apple คืนนี้ ก่อนงานอีเวนต์ของแอปเปิล Time Flies จะเริ่มต้นในคืนนี้ ก็มีรายงานโค้งสุดท้ายออกมา ว่าแอปเปิลน่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใดบ้าง และผลิตภัณฑ์ใดที่อาจจะยังไม่เห็นในงานคืนนี้ รวบรวมมาให้ดูกันดังนี้ โดยเป็นข้อมูลจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg และ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำ Apple Watch Series 6 มีรุ่นและขนาดเหมือน Series 5 เพิ่มเติมคือฟีเจอร์ตัววัดออกซิเจนในเลือด (spO2) Apple Watch รุ่นราคาถูก ซึ่งตอนนี้หลายสื่อเรียกกันว่า Apple Watch SE iPad Air รุ่นใหม่ ดีไซน์แบบเหมือน iPad Pro นั่นคือเป็นหน้าจอเต็มตัวเครื่อง แต่ใช้ Touch ID ที่ปุ่มด้านข้าง แทนที่จะเป็น Face ID รวมทั้งเปลี่ยนมาใช้ USB-C ส่วนสินค้าอื่นที่คาดว่าจะเปิดตัวในอีเวนต์เดือนถัดไป ได้แก่ iPhone 12, Macs รุ่นใหม่ใช้ Apple Silicon และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่มา: MacRumors [1], [2]
# Xiaomi กับ Modernform ร่วมออกแบบเฟอร์นิเจอร์ เช่น เก้าอี้ฝังลำโพงบลูทูธ, โซฟาฝังเต้าเสียบชาร์จอุปกรณ์ Xiaomi กับ Modernform แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ ร่วมกันออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ผสานเอาพฤติกรรมคนใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลเข้ามาด้วย เปิดตัวเป็นคอลเลกชั่นใหม่ Modernspace Series ตัวอย่างสินค้าคือ M Easy Chair เก้าอี้ทำงานรับสรีระหลัง ที่มาพร้อม Sound Hood ครอบไว้ตรงที่พิงศีรษะ สามารถใส่ลำโพงบลูธเข้าไปได้ (ราว 15,000 บาท) M Multifunctional Table โต๊ะทำงานที่ออกแแบบมาให้ใช้งานได้ในกรณีที่ผู้ใช้งานใช้หลายอุปกรณ์ เช่น แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก พีซี ลดปัญหาโต๊ะทำงานรก และมี Smary Socket ช่องวางมือถือที่เชื่อมต่อกับ Sound Hood ใน M Easy Chair ได้ (16,900 บาท) M Bed เตียงนอนคิงไซส์ ที่มีช่องว่างด้านบนเพื่อวางหนังสือ โทรศัพท์ แท็บเล็ตได้ และใต้เตียงฝังไฟ LED แสงนวลที่จะสว่างทันทีเมื่อมีคนเดินรอบๆ เตียง (ราว 30,000 บาท) M Sofa ที่มีช่องเสียบ USB เพื่อชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และยังมีเต้าเสียบปลั๊กด้านใต้ เสียบชาร์จหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้ ชุดเฟอร์นิเจอร์ครัว ที่ออกแบบมาให้รองรับอุปกรณ์ทำครัวไฟฟ้า ตัดแหว่งช่องตรงพื้นด้านหลังเพื่อจะได้รวบสายไฟได้ ไม่รกตา (135,000 บาท) กิติพัฒก์ เนื่องจำนงค์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท โมเดิร์นฟอร์ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุว่า นี่ไม่ใช่การร่วมมือกันเชิงการตลาดเท่านั้น แต่เป็นก้าวแรกสำคัญที่สามารถต่อยอดพัฒนาสิ่งใหม่ได้อีกในอนาคต ด้าน มร. โจนาธาน คัง ผู้จัดการใหญ่ Xiaomi ประเทศไทย ระบุว่า สมาร์ทโฮม และผลิตภัณฑ์ AIoT ของ Xiaomi มีความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และในไทยก็มองเห็นว่า smart living จะเติบโตขึ้นได้อีกมาก ทางโมเดิร์นฟอร์มก็มีแนวคิดไปในทางเดียวกันคือต้องการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิต จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกัน ที่มา - งานแถลงข่าว
# เปิดตัว LG Wing สมาร์ทโฟน 2 จอแบบบิดเป็นรูปตัว T มาพร้อมกันสั่นแบบ Gimbal LG เปิดตัวมือถือ 2 หน้าจอ แบบบิดเป็นรูปตัว T ตรงตามข่าวหลุดก่อนหน้านี้ทุกประการ ในชื่อรุ่น LG Wing โดยหน้าจอด้านหน้าจะสามารถบิดเป็นแนวนอน เผยให้เห็นหน้าจอที่เล็กกว่าด้านหลัง ทำให้รูปทรงมือถือโดยรวมดูคล้ายรูปตัว T ได้ โดย LG ทดสอบและระบุว่าหมุนได้มากกว่า 200,000 ครั้ง มีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ กล้องหน้าแบบป็อปอัพ LG Wing เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ LG Explorer ที่เน้นสร้างมือถือรูปแบบใหม่ ที่ให้ประสบการณ์แตกต่างจากมือถือทั่วๆ ไป มีสเปกดังนี้ ชิป Snapdragon 765G หน้าจอหลัก 6.8 นิ้ว P-OLED ความละเอียด 2,460 x 1,080 พิกเซล หน้าจอเล็ก 3.9 นิ้ว G-OLED ความละเอียด 1,240 x 1,080 พิกเซล แรม 8GB หน่วยความจำ 256GB รองรับ MicroSD card แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ Quick Charge 4.0+ กล้องหลัง 64MP f/1.8 กล้องอัลตร้าไวด์ 13MP f/1.9 และกล้องอัลตร้าไวด์พร้อม Gimbal 12MP f/2.2 กล้องหน้า 32MP รองรับ Bluetooth 5.1, NFC ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบด้วย LG UX มีสองสีคือ Aurora Gray และ Illusion Sky จะวางจำหน่ายในสหรัฐผ่านค่ายมือถือ Verizon ก่อน ตามมาด้วย AT&T และ T-Mobile ส่วนราคาและวันวางจำหน่ายยังไม่เปิดเผย และในบ้านเราคงต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - XDA Developers
# แบบเบิ้มๆ หลุด Xiaomi เตรียมจำหน่ายทีวี 82 นิ้ว ความละเอียด 4K และ 8K มีโมเด็ม 5G ในตัว Digital Chat Station เว็บไอทีในประเทศจีน โพสต์บน Weibo ระบุว่า Xiaomi เตรียมจำหน่ายทีวี ขนาด 82 นิ้ว ความละเอียด 8K ซึ่งจะมีราคาแพงพอสมควร โดยยังไม่ระบุว่าราคาเท่าไร แต่จะถูกกว่า Mi TV Lux รุ่นจอใส ที่มีราคา 49,999 หยวน (ราว 225,000 บาท) แน่นอน และในใบขออนุญาตรับรองผลิตภัณฑ์ของประเทศจีน (3C) ยังระบุว่ามีรุ่นรหัส L82M6-4K ซึ่งน่าจะเป็นรุ่นความละเอียด 4K ที่ออกมาควบคู่กันด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นจะมีโมเด็ม 5G มาในตัว ซึ่งแม้ไม่ใช่ทีวีรุ่นแรกที่มีโมเด็ม 5G ในตัว เพราะโดนบริษัทจีนอีกบริษัทชื่อ ChiQ ตัดหน้า ประกาศไปแล้ว แต่ก็จะเป็นรุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่มา - GizmoChina via Notebookcheck
# Bungie ปฏิเสธข่าวเจรจาขายสตูดิโอให้ไมโครซอฟท์ (อีกรอบ) Pete Parsons ซีอีโอสตูดิโอเกม Bungie ออกมาปฏิเสธข่าวลือว่า Bungie กำลังเจรจาเพื่อขายกิจการให้ไมโครซอฟท์ (อีกครั้ง) ข่าวลือการซื้อกิจการครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะไมโครซอฟท์เคยเป็นเจ้าของ Bungie มาแล้วรอบหนึ่งระหว่างปี 2000-2007 โดยสิทธิความเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ Halo ที่ Bungie เป็นฝ่ายเริ่มสร้างยังอยู่กับไมโครซอฟท์ (และไมโครซอฟท์ตั้งสตูดิโอ 343 Industries มารับช่วงต่อแทน) ในขณะที่ Bungie ก็ออกมาทำเกมตระกูล Destiny แทน ต้นตอของข่าวไมโครซอฟท์ซื้อ Bungie มาจากเว็บไซต์เกมหลายแห่งที่มีแหล่งข่าวน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรมเกม เช่น VentureBeat หรือ Eurogamer ต่างก็ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายมีการเจรจากัน แต่ยังตกลงเรื่องราคากันไม่ได้ ปัจจัยสำคัญมาจาก Bungie ต้องการระดมทุนเพิ่ม แม้เพิ่งได้มา 100 ล้านดอลลาร์จาก NetEase ของจีน ที่มา - Eurogamer
# กูเกิลเปิดตัว Business Application Platform สำหรับสร้างแอพองค์กรแบบไม่ต้องโค้ด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Google Cloud เปิดตัวบริการใหม่ที่ชื่อน่าเบื่อสักหน่อยว่า Business Application Platform แท้จริงแล้วมันคือแพลตฟอร์มพัฒนาแอพพลิเคชันภายในองค์กรแบบ no-code/low-code ที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงหลัง และเกิดจากการผนวกธุรกิจที่กูเกิลซื้อมา 2 ตัว ได้แก่ Apigee บริการสร้าง API ที่ซื้อมาในปี 2016 กับ AppSheet บริการสร้างแอพแบบ no code ที่ซื้อมาต้นปี 2020 กูเกิลบอกว่าในช่วงที่ผ่านมาได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่บนฐานของ Apigee และ AppSheet หลายอย่าง เช่น API Gateway บริการสร้างช่องทางสื่อสารผ่าน API บนแพลตฟอร์ม Google Cloud ที่ให้บริการและมอนิเตอร์โดยกูเกิล (fully managed API gateway) Apigee data source for AppSheet เปิดให้ฝั่ง AppSheet ดึงข้อมูลจาก Apigee ได้ เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ดึงข้อมูลจาก G Suite, Salesforce, MySQL AppSheet Automation ฟีเจอร์ใหม่ของ AppSheet สำหรับเขียนงานสั่งการอัตโนมัติต่างๆ ตลาดพัฒนาแอพแบบ No Code เป็นตลาดที่เริ่มร้อนแรงในช่วงหลัง มีผู้เล่นเข้ามาทำตลาดมากมาย รวมถึงยักษ์ใหญ่ทั้ง Microsoft ที่ทำแพลตฟอร์ม Power และ AWS ที่เพิ่งออก Honeycode ที่มา - Google
# Krungthai NEXT อัปเดตหน้าตาใหม่ เพิ่มระบบสแกนใบหน้าบน Android แอป Krungthai NEXT ของธนาคารกรุงไทย ออกอัปเดตใหม่, เปลี่ยนหน้าตาทั้ง UX/UI ให้ใช้งานสะดวกขึ้น ดีไซน์แอปใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “Design for Scale” พัฒนาแอปให้เป็นแอป native สำหรับคลาวด์แบบเต็มตัว โดยระบุว่าแอปเวอร์ชั่นใหม่จะสเถียร ไวขึ้น ปลอดภัยขึ้น รองรับการขยายตัวของผู้ใช้ที่มากขึ้นในปัจจุบัน Krunthai NEXT เวอร์ชั่นใหม่ สามารถล็อกอินด้วยระบบแสกนใบหน้าบน Android ได้แล้ว สามารถสไลด์เมนูลงเพื่อดูยอดเงินคงเหลือได้รวดเร็วชึ้น จัดหมวดหมู่และสลับตำแหน่งรายการโปรดได้ 12 รายการ มีระบบ Smart Transanction เรียนรู้รายการโอนหรือจ่ายเงินที่ใช้บ่อยและแสดงขึ้นมาในหน้าแรก มี Smart Banner แสดงโปรโมชั่นต่างๆ ที่เกี่ยวกับผู้ใช้ หรือบัตร KTC ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ และเปิดให้อัปเดตทั้งบน iOS และ Android แล้ววันนี้ ที่มา - รายการอัพเดตผ่าน Google Play Store
# นักวิเคราะห์คาดดีล NVIDIA/Arm อาจส่งผลกระทบกับบริษัทผลิตชิป โดยเฉพาะแอปเปิล หลังดีล NVIDIA ซื้อ Arm เมื่อวานนี้ Jack Gold นักวิเคราะห์จาก J. Gold Associates มองว่าดีลนี้อาจส่งผลกระทบกับหลายบริษัทที่ไลเซนส์ชิป Arm ไปใช้ ไม่ว่าจะ Qualcomm, Broadcom แม้กระทั่งแอปเปิล เพราะกลายเป็นว่าโมเดลไลเซนส์ชิปเซ็ตแบบเปิด ถูกบริษัทผลิตชิปคู่แข่งซื้อกิจการ แม้ NVIDIA จะยืนยันว่า Arm จะยังเหมือนเดิมและคงโมเดลความเปิดกว้างในการขายไลเซนส์ของ Arm ให้กับคู่แข่ง NVIDIA ไว้เหมือนเดิม แต่ในระยะยาวบริษัทเหล่านี้จะกังวลถึงความได้เปรียบในการแข่งขันของ NVIDIA เนื่องจากไม่ต้องจ่ายค่าไลเซนส์หรือค่าใช้งานสิทธิบัตร Arm เลย ไม่รวมโอกาสที่ NVIDIA จะขึ้นค่าไลเซนส์หลังจากนี้ รวมถึงว่าการจ่ายเงินให้ Arm จะเป็นการช่วยเหลือคู่แข่งทางอ้อมหรือไม่ Jack Gold บอกด้วยว่าบริษัทอย่างแอปเปิลน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความลับทางการค้าของตัวเอง และแอปเปิลอาจกังวลว่าการดัดแปลงชิปตระกูล A ของตัวเองจากไลเซนส์ของ Arm จะเป็นอย่างไรหลัง NVIDIA มาเป็นเจ้าของ Arm ก่อนหน้าดีลนี้จะถูกประกาศอย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาแสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า หาก NVIDIA เข้าซื้อ Arm จริง อาจส่งผลเสียกับอีโคซิสเต็มที่อิสระของ Arm และในท้ายที่สุดอาจส่งผลให้หลายบริษัทเปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรม RISC-V ที่เป็นโอเพนซอร์สแทน ที่มา - Fierce Eletronics, Computer World
# นักวิเคราะห์ Bloomberg คาด PS5 อาจตั้งราคาที่ 450 เหรียญ, รุ่นดิจิทัลที่ 400 เหรียญ หลังจากที่ Xbox เปิดเผยราคา Xbox Series S ที่ 299 เหรียญและ Series X ที่ 499 เหรียญ ที่ค่อนข้างต่ำ (โดยเฉพาะ Series S) สร้างความกดดันเรื่องราคาให้กับ PlayStation 5 เข้าไปอีกขั้นหลังมีข้อมูลจากคนวงในว่าต้นทุนก็ปาเข้าไป 450 เหรียญแล้ว ล่าสุดนักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence คาดการณ์ว่าโซนี่อาจจะเปิดราคาของ PlayStation 5 รุ่นดิจิทัลที่ 400 เหรียญและรุ่นใส่แผ่นที่ 449 เหรียญ ซึ่งก็น่าจะยอมเข้าเนื้อช่วงแรกก่อนเพื่อสู้กับ Xbox นอกจากนี้ Bloomberg ระบุด้วยว่าโซนี่สั่งลดยอดการผลิตของ PlayStation 5 ในช่วงงบการเงินปีนี้ (สิ้นสุดมีนาคม 2021) เหลือราว 11 ล้านเครื่อง ลดลงจาก 15 ล้านเครื่อง เนื่องจากชิปเซ็ตผลิตไม่ทัน สามารถผลิตได้จริงแค่ราว 50% จากเป้าเท่านั้น ที่มา - Bloomberg
# AWS เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ T4g ซีพียู Arm เริ่มต้นเดือนละไม่ถึงร้อยบาท แจกโปรโมชั่นใช้ฟรีถึงสิ้นปี AWS เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ EC2 แบบใหม่ T4g ที่ใช้ซีพียู Graviton2 ที่เป็นซีพียูสถาปัตยกรรม Arm ที่ AWS พัฒนาเอง T4g ราคาถูกกว่า T3 20% ทำให้ราคาเครื่อง t4g.nano แรม 0.5GB มีค่าใช้งานเพียงเดือนละ 3.024 ดอลลาร์ ที่ราคาศูนย์ข้อมูล US East (Ohio) หรือประมาณ 95 บาทต่อเดือนเท่านั้น นับเป็นเครื่องรุ่นแรกของ AWS ที่ค่าบริการไม่ถึงเดือนละร้อย T4g คิดค่าใช้งานแบบเครดิตซีพียู โดย AWS จะรับประกันประสิทธิภาพพื้นฐาน (baseline performance) เพียงบางส่วนของประสิทธิภาพคอร์จริง และหากใช้งานไม่เกินก็จะได้เครดิตสำหรับใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพคอร์ ช่วงเปิดตัวครั้งนี้ AWS แจกเครดิตให้ทดสอบเครื่อง t4g.micro (2 vCPU ที่ 10% พร้อมแรม 1GB) ให้ใช้งานได้ฟรีเดือนละ 750 ชั่วโมงจนถึงสิ้นปีนี้ โดยเครื่องมีให้ใช้ในสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, อินเดีย, เยอรมัน, และไอร์แลนด์ ที่มา - AWS
# ไมโครซอฟท์นำศูนย์ข้อมูลใต้น้ำขึ้นบกหลังทดสอบจมไว้สองปี เตรียมวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลไร้คนดูแล ไมโครซอฟท์นำศูนย์ข้อมูลใต้น้ำ Project Natick ขึ้นจากพื้นทะเลสกอตแลนด์หลังจากจมไว้ใต้ทะเลตั้งแต่ปี 2018 โครงการนี้ต้องการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างศูนย์ข้อมูลที่ไม่มีคนซ่อมบำรุง ที่ทีมงานคาดว่าการสร้างศูนย์ข้อมูลปิดใต้น้ำอาจจะมีเสถียรภาพที่ดีกว่าศูนย์ข้อมูลทั่วไปเสียอีก ตัวศูนย์ข้อมูลเป็นท่อขนาดใหญ่ใส่ตู้เซิร์ฟเวอร์ไว้จำนวนมาก และอัดก๊าซไนโตรเจนไว้ภายใน เมื่อนำศูนย์ข้อมูลขึ้นฝั่งแล้วทีมงานไมโครซอฟท์ทำความสะอาดและเก็บตัวอย่างก๊าซภายใน จากนั้นนำชิ้นส่วนไปวิเคราะห์ เบื้องต้นพบว่ามีอุปกรณ์และเคเบิลที่เสียหายเพียง 1 ใน 8 ของศูนย์ข้อมูลปกติเท่านั้น ไมโครซอฟท์ยังไม่เปิดเผยว่ามีแผนการนำ Project Natick ไปสร้างบริการจริงสำหรับ Azure หรือไม่ แต่รายงานเบื้องต้นก็ระบุศักยภาพของโครงการว่าประชากรโลกครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ห่างจากชายฝั่งไม่เกิน 120 ไมล์ (ประมาณ 200 กิโลเมตร) หากสามารถวางศูนย์ข้อมูลตามจุดเหล่านี้ได้ก็จะทำให้คนจำนวนมากเข้าถึงบริการคลาวด์ที่มี latency ต่ำ ที่มา - Microsoft
# ทีมพัฒนา Fall Guys เผยเคยเปิดเซิร์ฟเวอร์ให้มีแต่คนโกงเล่นด้วยกัน, เตรียมใช้ anti-cheat ของ Epic Fall Guys เกมแซนด์บ็อกซ์แบทเทิลรอยัลที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากหลังเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม ทว่าแม้แต่เกมปั่น ๆ และเบาสมองแบบนี้ก็ยังหนีไม่พ้นคนใช้โปรแกรมโกงจนทำลายบรรยากาศการเล่นในแต่ละแมตช์ไปค่อนข้างเยอะ ล่าสุดทีมพัฒนาเกมทวีตเธรดเกี่ยวกับการตรวจจับและรับมือคนโกงเป็นครั้งแรก ค่อนข้างยาว (และกวน**) ทีมพัฒนาระบุว่าตัวเกมมีระบบตรวจจับคนที่ใช้โปรแกรมโกงมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำอะไรเพราะต้องการเก็บข้อมูลและมั่นใจว่าการตรวจจับถูกต้อง 100% เมื่อทีมงานมั่นใจว่าระบบตรวจจับแม่นยำแล้ว ก็เปิดเซิร์ฟเวอร์แยกและตั้งชื่อว่า Cheater Island ที่จะให้เฉพาะคนที่โกง matchmaking เข้ามาเจอกัน ซึ่งหากจำนวนคนไม่พอจะเปิดห้อง (40+ คนขึ้นไป) ก็จะได้แต่รอในหน้าหาห้องไปเรื่อย ๆ ทีมพัฒนาบอกด้วยว่าคนโกงเหมือนเริ่มรู้ว่าตัวเองโกงแล้วหาห้องไม่ได้ ก็พยายามหลบเลี่ยงไม่ว่าจะการเล่นกับเพื่อนที่ไม่โกงหรือใช้ระบบ Family-Sharing ก่อนที่ในท้ายที่สุดจะมีคนอัพโหลดวิดีโอที่เหมือนเล่นกันใน Cheater Island ที่มีแต่คนโกงออกมา ซึ่งกลายเป็นว่านักพัฒนามองว่าคลิป Cheater Island เหล่านี้ (ที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นการเล่นบน Cheater Island จริงหรือไม่ด้วย แต่มันเหมือนมาก) ทำให้ภาพลักษณ์เกมดูแย่ลงไป เลยเลือกจะปิดระบบ Cheater Island และบล็อกไม่ให้แอคเคาท์ที่ถูกตรวจจับว่าโกงล็อกอินเข้าเกม ทีมงานแสดงความมั่นใจว่าระบบตรวจจับของตัวเองดี แต่ก็ยอมรับว่ามันเหมือนเกมแมวไล่จับหนูที่คนโกงก็จะหาวิธีหลบเลี่ยงใหม่ไปเรื่อย ๆ เลยจำเป็นต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญจาก Epic และในการอัพเตดรอบหน้าที่ทีมงานเรียกว่า "BIG YEETUS AND ANTI-CHEATUS" ตัวเกมจะใช้ระบบตรวจจับการโกงของ Epic แล้ว ส่วน Yeetus จะถูกเปิดเผยในภายหลัง ทั้งนี้ที่ผ่านมาที่ทีมพัฒนาไม่เคยออกมาพูดเรื่องระบบตรวจจับหรือการจัดการคนโกงเพราะรู้ว่า ยิ่งพูดก็เหมือนเปิดช่องให้คนโกงเหล่านี้ เลยเลือกจะทำทุกอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเปิดเผยออกมาหลังปิดระบบ Cheater Island ไปแล้ว ที่มา - @FallGuysGame
# ไม่ได้จับผิด ศุลกากรสหรัฐยืนยัน OnePlus Buds ละเมิดเครื่องหมายการค้า AirPods ต่อเนื่องจากข่าวศุลกากรสหรัฐยึด OnePlus Buds ที่สนามบิน JFK เพราะนึกว่า AirPods ปลอม ล่าสุดกรมศุลกากรสหรัฐแถลงยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเข้าใจผิด แต่ยึด OnePlus Buds เพราะละเมิดเครื่องหมายการค้าในแง่รูปลักษณ์สินค้าตามที่แอปเปิลเคยแจ้งเอาไว้ กรมศุลกากรระบุว่าแอปเปิลได้ยื่นข้อมูลเรื่องเครื่องหมายการค้าด้านรูปลักษณ์ (configuration trademark) ของ AirPods เอาไว้กับกรมศุลกากร ซึ่งเจ้าหน้าที่มีสิทธิยึดตามกฎโดยไม่จำเป็นต้องสนว่ากล่องหรือแบรนด์ข้างกล่องจะระบุว่าอะไร และไม่จำเป็นต้องแปะแบรนด์แอปเปิลข้างกล่อง ถึงจะเข้าข่ายการละเมิดเครื่องหมายการค้านี้ กรมศุลกากรยืนยันว่า OnePlus ยังมีโอกาสในกระบวนการวินิจฉัยอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ละเมิดเครื่องหมายการค้าดังกล่าว ที่มา - Android Authority
# IKEA ร่วมกับ ROG สร้างเฟอร์นิเจอร์เกมมิ่งและอุปกรณ์เสริมราคาเข้าถึงได้ IKEA ร่วมกับแบรนด์เกมมิ่ง ROG ของ ASUS เตรียมจะเปิดตัวเฟอร์นิเจอร์เกมมิ่งที่ราคาเข้าถึงได้ มีสินค้าในไลน์ 30 ชิ้น ทั้งเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์เสริม จะเริ่มเปิดตัวในจีนช่วงกุมภาพันธ์ 2021 และในเดือนตุลาคม 2021 จะเปิดตัวในตลาดประเทศอื่นๆ ต่อไป โดย IKEA ได้มีเวิร์กชอปร่วมกับ ROG และพูดคุยกับเกมเมอร์ในเซี่ยงไฮ้ เพื่อสำรวจความต้องการด้านการตกแต่งบ้านสำหรับเกมเมอร์ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่จำเป็นสำหรับพวกเขา นำไปสู่การพัฒนาเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์เสริมที่ IKEA ระบุว่าจะมีราคาไม่แพง และจะมาพร้อมการออกแบบที่สามารถเข้ากันได้กับมุมอื่นๆ ของบ้าน การร่วมมือของแบรนด์เกมมิ่งและแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ Herman Miller ร่วมกับ Logitech ทำเก้าอี้เกมมิ่ง ภาพจาก IKEA ที่มา - Engadget
# EA รีแบรนด์แอพ Origin บนพีซี มาเป็นแอพชื่อ "EA" เดือนที่แล้ว EA เพิ่งประกาศรีแบรนด์บริการเกมเหมาจ่าย EA Access และ Origin Access มาเป็น EA Play ล่าสุดชะตากรรมของแบรนด์ Origin น่าจะสิ้นสุดลงแล้ว เพราะ EA ประกาศรีแบรนด์แอพ Origin บนพีซี มาเป็นแอพชื่อ "EA" เฉยๆ ไม่มีสร้อยใดๆ ห้อยท้าย Mike Blank ผู้บริหารของ EA ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ให้สัมภาษณ์ว่าต้องการจัดระเบียบแบรนด์ในเครือใหม่ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่แบรนด์ EA เป็นหลักแทน นอกจากการเปลี่ยนชื่อแล้ว แอพ EA เวอร์ชันใหม่จะปรับปรุงใหม่ UI ใช้ง่ายขึ้น คลิกน้อยลง รองรับการอัพเดตแบบแบ็คกราวนด์ มีระบบจัดการแพตช์ที่ดีขึ้น ดาวน์โหลดเร็วกว่าเดิม (แอพตัวนี้เริ่มทดสอบมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่ยังใช้ชื่อว่า Origin Beta) Blank ยังเล่าถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของ EA ที่จะเน้นการเล่นเกมข้ามแพลตฟอร์ม (cross-play หรือ cross-platform play) มากขึ้น โดยเกมใหม่ๆ ที่ออกหลังจากช่วงนี้จะเล่น cross-play ได้เป็นดีฟอลต์ตั้งแต่แรก ที่มา - GamesIndustry, VentureBeat
# ยืนยันแล้ว Oracle ไม่ได้ซื้อกิจการ TikTok แต่เป็น "พาร์ทเนอร์เทคโนโลยี" แทน Oracle ออกมายืนยันข่าวเรื่องการซื้อ TikTok ว่า ตกลงไม่ได้เป็นการซื้อกิจการทั้งหมด แต่ Oracle จะเข้าไปเป็น "trusted technology provider" ให้กับ TikTok (ที่ไม่มีใครรู้ว่าความหมายจริงๆ คืออะไร) โดย Oracle เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ ByteDance เสนอไปยังกระทรวงการคลังสหรัฐ ตอนนี้ยังไม่มีคนอื่นได้เห็นแผนที่ว่านี้ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Steven Mnuchin ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะรีวิวแผน และหารือกับฝั่ง Oracle ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ คาดว่าการเป็น technology partner หมายถึงการย้ายข้อมูลทั้งหมดของ TikTok ในสหรัฐขึ้นคลาวด์ Oracle เพื่อการันตีว่ารัฐบาลจีนจะเข้าไม่ถึงข้อมูลเหล่านี้ แต่ Oracle จะได้สิทธิในการเข้าถึงซอร์สโค้ดของ TikTok หรือไม่ (รวมถึงหุ้นใน TikTok ด้วย) ยังต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - Oracle, CNBC ภาพจาก Oracle
# AMD โชว์ภาพแรกของ Radeon RX 6000 ใช้ระบบระบายอากาศแบบใหม่ พัดลม 3 ตัว AMD โชว์ภาพแรกของจีพียู Radeon RX 6000 สถาปัตยกรรม RDNA 2 ที่จะเปิดตัววันที่ 28 ตุลาคมนี้ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ยกเว้นระบบระบายอากาศแบบใหม่ที่ใช้พัดลม 3 ตัว และมีตัว R โลโก้ของ Radeon อยู่ตรงกลางของพัดลมเท่านั้น AMD ยังนำโมเดลของ Radeon RX 6000 ตัวนี้ไปโชว์ในเกม Fortnite ด้วย ที่มา - @Radeon
# กูเกิลจะเปิดตัว Pixel 4a 5G, Pixel 5, Chromecast และ Google Home รุ่นใหม่ 1 ตุลาคมนี้ หลังจากกูเกิลเปิดตัวสมาร์ทโฟน Pixel 4a ไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม พร้อมกับปล่อยภาพด้านข้างของ Pixel 4a 5G และ Pixel 5 ออกมาด้วย ล่าสุดกูเกิลได้ประกาศวันเปิดตัวสมาร์ทโฟนสองรุ่นดังกล่าวแล้ว คือวันที่ 30 กันยายน เวลา 11.00 น. (แปซิฟิก) หรือตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม เวลาตีหนึ่ง ตามเวลาประเทศไทย แน่นอนว่างานเปิดตัวจะจัดในรูปแบบออนไลน์ โดยกูเกิลใช้ชื่องานว่า Launch Night In และนอกจากโทรศัพท์ Pixel อีกสองรุ่นแล้ว ในงานยังจะเปิดตัว Chromecast รุ่นใหม่ที่น่าจะเป็น Sabrina อย่างที่มีข่าวลือออกมาหลายครั้ง รวมถึง Google Home หรือ Nest ลำโพงอัจฉริยะรุ่นใหม่อีกด้วย ข่าวลือของ Pixel 5 ว่าที่เรือธงตัวใหม่ก็มีออกมาบ้างประปราย เช่นลือว่าจะเปลี่ยนมาใช้กล้อง Ultrawide, ไม่แยกรุ่น XL แล้ว และบางแหล่งก็บอกว่าจะมีชื่อรุ่น Pixel 5s ด้วย ภาพหลุด Pixel 5 ที่มา - Android Authority
# ศึกคลิปสั้นระอุ YouTube เปิดตัว YouTube Shorts สร้างคลิปสั้น 15 วินาที เริ่มที่อินเดีย YouTube เปิดตัว YouTube Shorts ฟีเจอร์สร้างคลิปสั้น 15 วินาที พร้อมเครื่องมือตัดต่อภาพ, ใส่เสียงเพลง, ระบบตั้งเวลา, นับถอยหลัง, เร่งความเร็ว , multi-segment camera หรือการเพิ่มมุมกล้องหลายๆ มุมเข้าไปในคลิป ซึ่งสามารถทำได้เหมือน TikTok เลยออกมาให้ใช้งาน YouTube Shorts เริ่มเปิดใช้งานผ่านแอปแอนดรอยด์ก่อน และเริ่มเปิดใช้งานที่อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่รัฐบาลเพิ่งแบน TikTok ไป และยังเปิดตัวมาพร้อมกับกระแสข่าวว่า TikTok จะถูกเข้าซื้อโดย Oracle แทนไมโครซอฟท์ ด้าน Facebook ก็ทยอยเปิดใช้ Reels ฟีเจอร์สร้างคลิปสั้นใน Instagram ในบางประเทศไปแล้ว ที่มา - TechCrunch
# Facebook เปิดใช้งาน Watch Together ดูวิดีโอพร้อมเพื่อนใน Messenger ก่อนหน้านี้ Facebook เปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่ Watch Party ในแอปหลักไปแล้ว ล่าสุด เพิ่มคุณสมบัตินี้เข้ามาในแชท Facebook Messenger และ Messenger Room ด้วย โดยใช้ชื่อว่า Watch Together คุณสมบัตินี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดูวิดีโอจาก Facebook Watch ได้พร้อมกันในช่องแชท เริ่มจากโทรวิดีโอคอล > กด Watch Together จากนั้น Facebook จะแนะนำวิดีโอมาให้ หรือสามารถเลื่อหาตามประเภทวิดีโอได้ Facebook ระบุว่า จนถึงตอนนี้ มีคนใช้งานวิดีโอคอลบน Facebook Messenger 150 ล้านรายต่อวัน และมีการส่งวิดีโอให้คนอื่นดูอีก 200 ล้านคลิปต่อวัน จากโรคระบาดและการล็อกดาวน์ ส่งผลให้การดูวิดีโอพร้อมกันแม้อยู่คนละสถานที่ กลายเป็นของที่ต้องมีบนแพลตฟอร์มต่างๆ ตั้งแต่ Facebook, Disney Plus, Netflix, Hulu, Amazon, Twitch ภาพจาก Facebook Newsroom ที่มา - The Verge
# [ลือ] Alibaba เตรียมเข้าลงทุนใน Grab เป็นเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ สำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่ากลุ่ม Alibaba กำลังเจรจาเพื่อเข้าลงทุนใน Grab เป็นเงินถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ รายงานระบุว่า Alibaba จะเป็นนักลงทุนเพียงรายเดียว ที่ทำดีลเข้าลงทุนในรอบนี้ โดยเป็นการซื้อหุ้นต่อจาก Uber และจะทำให้เป็นดีลการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่การลงทุนใน Lazada เมื่อปี 2016 ดีลถือเป็นดีลขนาดใหญ่มาก เนื่องจากมูลค่ากิจการของ Grab ตามที่มีการรายงานล่าสุดอยู่ราว 14,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ตัวแทนของ Grab และ Alibaba ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่มา: Bloomberg
# ข้ามเลขอีกแล้ว OPPO เปิดตัว ColorOS 11 ให้พ้อง Android 11, เน้นปรับแต่งได้ หลัง OPPO เปิดตัว ColorOS 7 และอัปเดตจนเป็นเวอร์ชั่น 7.2 วันนี้ OPPO ข้ามมาเปิดตัว ColorOS 11 แล้ว โดยตั้งชื่อให้พ้องกับ Android 11 ที่เป็นฐานของ OS เวอร์ชั่นนี้ พร้อมคอนเซปต์ “Make Life Flow” เน้นความเรียบง่าย ลื่นไหล ให้ผู้ใช้ปรับแต่ง UI และ Always-on Display บนมือถือรุ่นที่ใช้หน้าจอ AMOLED ได้อีกด้วย ColorOS 11 มาพร้อม Dark Mode ปรับแต่งได้สามระดับ ดำเข้ม ดำกลางๆ หรือออกดำเทาก็ได้ มี OPPO Relax 2.0 ตัวเล่นเสียง white noise ช่วยผ่อนคลาย มีระบบ Three-Finger Translate แคปเจอร์หน้าจอแล้วแปลผ่าน Google Traslate ได้ทันที ฟีเจอร์ Flexdrop ย่อหน้าจอให้เล็กลงเพื่อใช้งานมัลติแทสก์ มี Super Power Saving Mode ประหยัดพลังงาน แต่ยังเลือกแอปที่ยังต้องการใช้งานได้ 6 แอป ด้านประสิทธิภาพ OPPO ระบุว่า ColorOS 11 จัดการแรมได้ดีขึ้น 45% การตอบสนองของระบบดีขึ้น 32% ความสเถียรของเฟรมเรตดีขึ้น 17% นอกจากนี้ยังเน้นด้านความปลอดภัย โดยมีระบบ Private System สามารถสร้างอีกระบบแยกไว้บนเครื่องได้ โดยมีแอปและข้อมูลต่างกัน สามารถสับเปลี่ยนได้โดยการสแกนลายนิ้วมือ ช่วยในการแยกชีวิตการทำงานออกจากชีวิตส่วนตัว (หรือไม่ก็เอาใจพ่อบ้านใจกล้า) มีระบบล็อกแอปด้วยลายนิ้วมือ พาสเวิร์ด หรือใบหน้าได้ ColorOS 11 จะเริ่มอัปเดตให้ใช้งานบนมือถือตระกูล OPPO Find X2 และ Reno 3 ก่อนในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลังจากนั้นจะอัปเดตให้ใช้งานได้บนมือถือตระกูล OPPO Find, Reno, F, K, และ A ในอนาคต ที่มา - XDA Developers
# NVIDIA ระบุ Arm จะช่วยขายไลเซนส์ให้ NVIDIA ด้วย, ยืนยัน Arm เป็นสินค้าอังกฤษ ไม่ถูกห้ามขายให้บริษัทจีน วันนี้หลัง NVIDIA ประกาศเข้าซื้อ Arm ก็มีการแถลงข่าวผ่านทางโทรศัพท์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาระบุรายละเอียดเพิ่มเติมถึงการเข้าซื้อครั้งนี้ โดย Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ระบุถึงเหตุผลของการซื้อว่า Arm เป็นแพลตฟอร์มสำหรับ Edge Computing ที่ใหญ่ที่สุดและ NVIDIA ก็เป็นแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์สำคัญ การรวมตัวตัวจะสร้างโอกาสในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น รถไร้คนขับ, หุ่นยนต์, และ IoT ความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือพนักงานของ Arm ที่ถนัดการขายไลเซนส์ชิปอยู่แล้วจะเข้ามาช่วย NVIDIA ขายไลเซนส์เพิ่มเติม น่าสนใจว่าทาง Arm เองก็มีวงจรเร่งความเร็วกราฟิกและปัญญาประดิษฐ์อยู่ก่อนแล้ว การขายไลเซนส์ของ NVIDIA ซ้อนไปด้วยจะอยู่ในรูปแบบใด สำหรับข้อห้ามที่สหรัฐฯ ห้ามขายสินค้าให้บริษัทจีนบางบริษัท ทาง Arm ระบุว่าได้วิเคราะห์อย่างละเอียดว่าสินค้าแต่ละตัวออกแบบที่ใดบ้าง เนื่องจากวิศวกรทำงานกระจายกันไปหลายประเทศทั่วโลก ทำให้บริษัทต้องวิเคราะห์ว่าชั่วโมงทำงานของแต่ละฝ่ายอยู่ที่ใดบ้าง และจากการวิเคราะห์ก็ยังยืนยันว่าซีพียู Arm เป็นสินค้าที่ออกแบบในสหราชอาณาจักร ทำให้ไม่เข้าข่ายข้อบังคับของสหรัฐฯ แม้ว่า NVIDIA จะเป็นบริษัทสหรัฐฯ ก็ตาม การเข้าซื้อครั้งนี้ทำให้ NVIDIA/Arm กลายเป็นคู่แข่งกับคู่ค้าเดิมจำนวนมาก เช่น อินเทลที่แข่งกับ NVIDIA ในตลาดซูเปอร์คอมพิวเตอร์อย่างหนัก หรือ Qualcomm ที่มีชิปเซ็ตสำหรับรถไร้คนขับเหมือน NVIDIA ที่มา - งานแถลงข่าวทางโทรศัพท์ NVIDIA/Arm
# JAXA ร่วมกับ NHK พัฒนากล้องถ่ายภาพดาวอังคาร ความละเอียด 8K องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (The Japan Aerospace Exploration Agency: JAXA) ประกาศความร่วมมือกับสมาคมแพร่ภาพกระจายเสียงแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ NHK เพื่อพัฒนากล้องถ่ายภาพในอวกาศที่ความละเอียดระดับ 4K และ 8K สำหรับจับภาพดาวอังคาร JAXA ระบุว่ากล้องดังกล่าวเป็นกล้อง Super Hi-Vision ที่ใช้ในปฏิบัติการ Martian Moons eXploration (MMX) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการเก็บภาพดาวอังคาร และดวงจันทร์ที่ความละเอียดสูงในระดับนี้ โดยภาพทั้งหมดจะเก็บไว้ในตัวอุปกรณ์ มีเพียงบางส่วนที่ส่งข้อมูลกลับมายังโลกก่อน เพื่อนำมารวมกับชุดข้อมูลภายหลังยานสำรวจเดินทางกลับมาที่โลก ปฏิบัติการ MMX มีกำหนดออกเดินทางในปี 2024 และจะเดินทางถึงดาวอังคารในปี 2025 ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควรจึงจะสามารถเก็บและนำเสนอภาพดาวอังคารได้ ที่มา: JAXA ผ่าน Gizmodo
# [ไม่ยืนยัน] Grab และ Gojek กลับมาคุยดีลรวมกิจการอีกครั้ง, SoftBank อยู่เบื้องหลัง ช่วงต้นปีมีข่าวลือว่า Grab และ Gojek เจรจากันเพื่อควบรวมกิจการก่อนที่ทั้งสองแบรนด์จะออกมาปฏิเสธอย่างเป็นทางการ โดย SoftBank มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการควบรวม ทว่าล่าสุด Financial Times รายงานการเจรจาถูกนำกลับมาขึ้นโต๊ะอีกครั้งแล้วและ SoftBank ก็เป็นหนึ่งในคนที่ผลักดันเรื่องนี้อีกครั้ง สาเหตุของการเจรจาควบรวมกิจการรอบนี้ก็เกิดจากวิกฤติ COVID ที่ทำให้ทั้งสองบริษัทได้รับผลกระทบด้านการเงิน ขณะที่ Masayoshi Son ซีอีโอ SoftBank รอบนี้ค่อนข้างเป็นตัวตั้งตังตีให้เกิดการควบรวมกิจการ เพราะมองว่าการร่วมมือกันและการลดต้นทุนจากการรวมกิจการ จะช่วยให้มูลค่าของ 2 บริษัทเพิ่มขึ้นไปพร้อม ๆ กัน จากที่คราวก่อนเขามองว่า ตลาดแอปเรียกรถและส่งอาหารในท้ายที่สุดจะเหลือเพียงรายที่มีเงินให้เผาเยอะที่สุดเพียงรายเดียว เลยคัดค้านการควบรวม ที่มา - FT
# ศุลกากรสหรัฐยึด OnePlus Buds ที่สนามบิน JFK เพราะนึกว่า AirPods ปลอม ความเหมือน AirPods ของ OnePlus Buds ไม่ได้จบแค่การล้อเลียนเฉย ๆ แล้วเมื่อศุลกากรของสหรัฐที่สนามบิน JFK แถลงยึด OnePlus Buds จากฮ่องกงว่า 20,000 ชิ้น เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็น AirPods ปลอม ศุลกากรสหรัฐแถลงบนหน้าเว็บไซต์ว่า "CBP at JFK Seizes Counterfeit Apple Airpod Earbuds" คิดเป็นมูลค่า (AirPods) กว่า 400,000 เหรียญ พร้อมโชว์รูปกล่อง OnePlus Buds ที่มีชื่อสินค้าและโลโก้ OnePlus ชัดเจน โดยศุลกากรระบุในแถลงด้วยว่า การยึดของปลอมครั้งนี้ เป็นภาพสะท้อนของความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ขณะที่ทวิตเตอร์ OnePlus USA ทวีตตอบข่าวนี้ด้วยว่าให้คืนสินค้าเหล่านี้มา ที่มา - U.S. Customs and Border Protection via TechCrunch
# [ไม่ยืนยัน] ซัมซุงชนะประมูลเหนือ TSMC เป็นผู้ผลิตชิป Snapdragon 875 เพียงรายเดียว เว็บไซต์ Hankyung ของเกาหลีรายงานว่าซัมซุงชนะการประมูลเหนือ TSMC และจะเป็นซัพพลายเออร์ผลิตชิป Snapdragon 875 ทั้งหมดแต่เพียงรายเดียวให้ Qualcomm โดยจะใช้กระบวนการผลิต 5 นาโนเมตร EUV สาเหตุที่ทำให้ซัมซุงชนะประมูลก็หนีไม่พ้นราคาที่เสนอให้ถูกกว่า รวมถึงมีโดยมูลค่าของดีลนี้คาดว่าอยู่ที่ราว 844 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ Snapdragon 875 น่าจะถูกเปิดตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และเริ่มใช้ในสมาร์ทโฟนช่วงต้นปีหน้า ที่มา - Hankyung via SamMobile
# EMUI 11 ยังพัฒนาจาก Android 10 แต่เพิ่มฟีเจอร์ที่มีบน Android 11 Huawei เพิ่งเปิดตัว EMUI 11 เวอร์ชันใหม่ ที่น่าสนใจคือมันไม่ได้พัฒนาขึ้นจากซอสโค้ด Android 11 ตามชื่อเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ยังคงพัฒนาจาก Android 10 เหมือน EMUI 10 แค่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่บน Android 11 เข้ามา โฆษก Huawei บอกว่าที่ EMUI 11 ยังใช้ซอสโค้ดจาก Android 10 เพราะคำสั่งแบนของสหรัฐ ทำให้ Huawei เพิ่งได้เข้าถึงซอสโค้ด Android 11 (AOSP) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ที่ผ่านมาทีมพัฒนาเลยต้องอาศัยการเพิ่มฟีเจอร์ที่มีมาให้ Android 11 เข้าไปแทน และการพัฒนา EMUI บนฐานของซอสโค้ด Android 11 จริง ๆ น่าจะกินเวลาอีกหลายเดือน การเปลี่ยนแปลง EMUI 11 หลัก ๆ คือการปรับแต่ง Always-on-Display, Multi-windows ที่ดีขึ้นและการปรับปรุงความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ Huawei บอกด้วยว่าสมาร์ทโฟนที่ได้อัพเดต EMUI 11 จะสามารถอัพเกรดไปใช้ HarmonyOS ได้ในอนาคตด้วย ที่มา - XDA
# ตายตั้งแต่ยังไม่เกิด NVIDIA ไม่ใส่ VirtualLink พอร์ตเชื่อมต่อ VR มาบน RTX 30 FE แล้ว VirtualLink มาตรฐานการเชื่อมต่อแว่น VR กลาง (ผ่าน consortium ที่มี NVIDIA, Oculus, Valve, AMD และไมโครซอฟท์เป็นสมาชิก) ในรูปพอร์ต USB-C ที่เพิ่งออกมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว (และยังไม่ทันได้เกิดอย่างจริงจัง) วันนี้ก็เหมือนจะตายแล้ว เมื่อ NVIDIA ไม่ใส่พอร์ตนี้มาใน RTX 30 Founder Edition แล้ว ขณะที่เว็บ VirtualLink ก็เหมือนปิดตัวลงไปแล้ว นอกจาก NVIDIA ที่ใส่พอร์ต VirtualLink มาใน RTX 20 Founder Edition ก็มีแค่ผู้ผลิตแว่น VR เพียง StarVR กับ XTAL เจ้าเล็กๆ เท่านั้น ที่ผลิตแว่น VR ที่ใช้การเชื่อมต่อนี้ออกมา ขณะที่พาร์ทเนอร์ที่ทำการ์ดจอของ NVIDIA ไม่มีเจ้าไหนสนใจผลิตการ์ดจอที่มี VirtualLink ออกมา เช่นเดียวกับ AMD และ Oculus ก็ไม่ทำอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อระบบนี้ รวมถึง Valve ที่ตอนแรกเปิดให้มีการพรีออเดอร์ตัวแปลง VirtualLink สำหรับแว่น Valve Index สุดท้ายก็ยกเลิกพรีออเดอร์อุปกรณ์นี้เช่นกัน ที่มา - Notebookcheck.net ภาพจาก NVIDIA
# วงการสมาร์ทโฮม ไปถึงพัดลมเพดานแล้ว กับ Hunter Cavera II มาพร้อม Google Assistant วงการสมาร์ทโฮม เริ่มมีอุปกรณ์หลากหลายชนิดขึ้นเรื่อยๆ อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะสมาร์ทได้ สุดท้ายก็ได้เห็น อย่างเช่น พัดลมเพดานรุ่น Hunter Cavera II ขนาด 52 นิ้ว ที่มาพร้อมกับ Google Assistant ทำให้สามารถปรับความเร็วของพัดลมได้ด้วยคำสั่งเสียงแม้จะอยู่คนละห้อง แต่จะมีบางคำสั่ง เช่น การสั่งให้พัดลมหมุนกลับทาง ที่ต้องทำผ่านแอป “SimpleConnect” ของพัดลมรุ่นนี้อยู่ และยังไม่สามารถใช้คำสั่งเสียงได้ การติดตั้งพัดลมและรีโมตก็ทำผ่านแอป SimpleConnect เช่นกัน โดยใช้การแสกน QE code บนคู่มือที่แถมมา แล้วใส่ข้อมูล Wi-Fi และตั้งชื่อห้องที่พัดลมอยู่ หลังจากนั้นก็ล็อกอินเข้าใช้งานผ่านบัญชีของพัดลม ในแอป Google Home ได้ โดยพัดลมกับหลอดไฟที่ติดบนพัดลม จะเป็นคนละอุปกรณ์กัน 9to5google ระบุว่าตัวแอปค่อนข้างแย่ ดีไซน์ล้าสมัย และไม่ค่อยสเถียร แต่โชคดีที่แอปนี้ใช้แค่ตอนเริ่ม กับบางคำสั่งเฉพาะเท่านั้น แต่นอกจากนี้ตัวพัดลมเอง ก็ทำหน้าที่พัดลมได้ดี โดยสามารถพัดอากาศหมุนเวียนได้ถึง 5,778 คิวบิกฟุตต่อวินาทีในระดับ High มีบนเว็บไซต์ Hunter สีดำ ขาว และนิกเกิล ราคาบนเว็บไซต์ อยู่ที่ 199 เหรียญ (ราว 6,300 บาท) ที่มา - 9to5Google
# Facebook ทำแบนเนอร์รับสมัครคนช่วยงานเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะขาดกำลังคน Facebook ทำแบนเนอร์รับสมัครคนนับคะแนนในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนที่กำลังจะถึงนี้ ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ที่อายุ 18 ปีขึ้นไปจะเห็นแบนเนอร์สีฟ้าเขียนว่า "Become a Poll Official" ตรงด้านบนสุดของหน้า Feed กดเข้าไปแล้วจะเชื่อมไปยังเว็บไซต์รับสมัครของแต่ละรัฐเพื่อทำการสมัครออนไลน์ นอกจากนี้ Facebook ยังเปิดให้แต่ละรัฐลงโฆษณารับสมัครคนนับคะแนนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่ถือว่าเป็นโฆษณาการเมือง ทำให้สามารถลงโฆษณาฟรีได้ แม้จะเป็นช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง (Facebook แบนไม่รับโฆษณาการเมืองชิ้นใหม่ช่วงสัปดาห์ก่อนเลือกตั้ง) ข่าวจาก ABC ระบุด้วยว่า กำลังแรงงานการจัดการเลือกตั้งและนับคะแนนยังขาดแคลนอยู่มาก ภาพจาก มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ที่มา - Mashable
# เผย Oracle ชนะดีลซื้อกิจการ TikTok ในอเมริกา แต่เน้นไปที่บริการคลาวด์จัดเก็บข้อมูล หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ TikTok ในอเมริกา ชั่วโมงถัดมา The Wall Street Journal ก็รายงานข่าวต่อเนื่อง โดยระบุว่าออราเคิลได้รับเลือกจาก TikTok ให้เป็นพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยี ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะไม่ใช่การขายธุรกิจให้ แต่น่าจะเป็นการสนับสนุนโครงสร้างคลาวด์สำหรับลูกค้าในอเมริกา ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าออราเคิลก็ได้เข้าร่วมเจรจาซื้อกิจการ TikTok ด้วยเช่นกัน จนถึงตอนนี้ออราเคิลยังไม่ได้ออกมาประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ และสำนักข่าวในอเมริกาหลายแห่งก็มีข้อมูลที่ต่างกันออกไป บ้างก็ว่ามีขายธุรกิจจริง แต่แยกเป็นบางส่วนเท่านั้น ทั้งนี้แม้ดีลนี้จะได้ข้อยุติ ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากทางรัฐบาลอเมริกาและจีนก่อน ที่มา: The Verge, Reuters และ CNBC
# NVIDIA ซื้อกิจการ Arm มูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์, ให้สัญญาจะเปิดกว้างเหมือนเดิม อัพเดต NVIDIA ประกาศข่าวเป็นทางการแล้ว การซื้อกิจการจะเสร็จสิ้นในเดือนกันยายน 2021 หรืออีก 1 ปีถัดจากนี้ NVIDIA ระบุว่าจะยังคงโมเดลความเปิดกว้างในการขายไลเซนส์ของ Arm แก่ลูกค้าทุกรายเหมือนเดิม แม้แต่คู่แข่งของ NVIDIA ก็ตาม ส่วนสำนักงานใหญ่ของ Arm จะยังอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ในอังกฤษเช่นเดิม และ NVIDIA ยังประกาศจะตั้งศูนย์วิจัยด้าน AI ขนาดใหญ่ที่เคมบริดจ์เพิ่มเติมด้วย ข่าวเดิม Financial Times รายงานข่าวว่า NVIDIA ใกล้ปิดดีลซื้อกิจการ Arm ต่อจาก SoftBank ในมูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์ โดยใช้วิธีจ่ายด้วยเงินสดและหุ้น ซึ่งจะทำให้ SoftBank กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ NVIDIA ด้วย SoftBank ซื้อกิจการ Arm ในปี 2016 ด้วยมูลค่าประมาณ 32 พันล้านดอลลาร์ การขายให้ NVIDIA ด้วยราคา 40 พันล้านดอลลาร์ถือว่าได้กำไร แต่ในอีกด้าน การที่มูลค่ากิจการแพงขึ้นมา 8 พันล้านดอลลาร์ในเวลา 4 ปี อาจสะท้อนว่ามูลค่าของ Arm ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเยอะนักภายใต้การดูแลของ SoftBank เช่นกัน ที่มา - Financial Times, NVIDIA
# TikTok บอกปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการของไมโครซอฟท์แล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศยุติการเจรจาเข้าซื้อธุรกิจ TikTok ในสหรัฐ หลังบริษัทแม่ ByteDance ปฏิเสธข้อเสนอซื้อของไมโครซอฟท์แล้ว ไมโครซอฟท์บอกว่ามั่นใจในข้อเสนอของตัวเอง ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ TikTok ในปัจจุบัน และตอบโจทย์เรื่องความมั่นคงของชาติ แต่เมื่อ TikTok ปฏิเสธก็คงต้องยุติการเจรจา ก่อนหน้านี้ Trump ให้เวลา TikTok หาผู้ซื้อถึงวันที่ 15 กันยายน มิฉะนั้นจะโดนแบนในสหรัฐ ต้องรอดูว่าเมื่อ TikTok ปฏิเสธข้อเสนอของไมโครซอฟท์แล้ว ยังจะพิจารณาข้อเสนออื่นหรือไม่ (เช่น Oracle ตามที่มีข่าว) หรือสุดท้ายเรื่องจะจบด้วยการที่ ByteDance ยอมปล่อยให้ TikTok โดนแบน หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลจีนเองก็ไม่ยอมให้ขายกิจการ ที่มา - Microsoft
# ไมโครซอฟท์โอเพนซอร์สโครงการ Fluid Framework สร้างเว็บแอปทำงานร่วมกันแบบเดียวกับ Google Docs ไมโครซอฟท์เปิดโครงการ Fluid Framework เฟรมเวิร์คสำหรับสร้างเว็บแอปที่เปิดทางให้ผู้ใช้ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์โดยอาศัยระบบข้อมูลกระจายตัว (distributed data structure - DDS) ที่เปิดทางให้เบราว์เซอร์แต่ละตัวแจ้งเซิร์ฟเวอร์ว่าแก้ไขเอกสารไปอย่างไรบ้าง จากนั้นเบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ จะนำข้อมูลนั้นไปรวม (merge) กับเอกสารที่อยู่ในตัวเพื่อให้เบราว์เซอร์ทุกตัวเห็นเอกสารตรงกัน ทางไมโครซอฟท์เปิดโครงการนี้พร้อมกันโครงการตัวอย่าง เช่น Brainstrom สำหรับการแชร์กระดานป้ายกระดาษ post it, แชร์เอกสารให้แก้ไขได้พร้อมกับ, และเกม Sudoku แบบช่วยกันเล่น ไมโครซอฟท์เตรียมเพิ่มฟีเจอร์การทำงานร่วมกันด้วย Fluid Framework นี้เข้ากับส่วนต่างๆ ของ Microsoft 365 ทั้ง Microsoft Teams, Outlook และบริการอื่นๆ ต่อไป ที่มา - Microsoft
# Razer ทำฐานข้อมูลหน้าร้านออนไลน์หลุดกระทบ ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์, รายการสินค้า Razer ผู้ผลิตอุปกรณ์อีสปอร์ตรายใหญ่ทำฐานข้อมูล Elasticsearch หลุดสู่อินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้ล็อกรหัสผ่าน โดยฐานข้อมูลนี้พบโดย Volodymyr "Bob" Diachenko นักวิจัยความปลอดภัย ข้อมูลใน Elasticsearch รวมทั้งหมดประมาณหนึ่งแสนรายการ ตัวอย่างข้อมูลจาก Bob แสดงกระบวนการสั่งซื้อสินค้า และข้อมูลมีทั้งชื่อ, ที่อยู่ลูกค้า, หมายเลขโทรศัพท์, รายการสินค้า, สถานะการส่งสินค้า โดยทาง Razer ยืนยันว่าไม่มีข้อมูลสำคัญกว่านั้น เช่น รหัสผ่านหรือหมายเลขบัตรเครดิต ทาง Razer ล็อกเซิร์ฟเวอร์ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ก่อน Bob จะเปิดเผยเรื่องนี้ในวันที่ 10 กันยายน สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบอาจจะต้องระวังเมลล่อลวงหรือฟิชชิ่งที่ใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลครั้งนี้ ที่มา - Volodymyr "Bob" Diachenko, Bleeping Computer
# [ลือ] Chromecast รุ่นใหม่โค้ดเนม Sabrina จะมาพร้อม Google TV, ราคาถูกกว่า Chromecast Ultra เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเพิ่งจะมีภาพหลุดของ Chromecast พร้อม Android TV ออกมา ซึ่งเป็นการยืนยันว่า Google กำลังจะพัฒนา Chromecast รุ่นใหม่ภายใต้โค้ดเนมว่า Sabrina ที่สามารถลงแอปได้พร้อมกับมีรีโมทให้ใช้งาน (ปัจจุบัน Chromecast ควบคุมผ่านแอป) ล่าสุด Artem Russakovskii จากเว็บไซต์ Android Police ออกมารายงานข้อมูลเรื่อง Chromecast รุ่นใหม่ โดยเป็นข้อมูลจากระบบภายในของ Target ว่า Chromecast รุ่นใหม่จะมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Google Chromecast with Google TV และมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 59.99 ดอลลาร์ มีจำหน่าย 3 สี คือ Rocky Candy, Summer Melon และ Summer Blue และคาดการณ์ว่าจะเปิดตัววันที่ 30 กันยายนนี้ ข่าวนี้เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับรายงานที่ 9to5Google เคยออกมาเมื่อหลายเดือนก่อนว่า Google กำลังจะรีแบรนด์ Android TV โดยเปลี่ยนกลับเป็นชื่อเดิมคือ Google TV ด้วย ที่มา - Engadget ภาพจากข่าวเก่า
# Sony ประกาศจัดงาน PS5 Showcase โชว์เกม PS5 รอบสุดท้าย 16 กันยายน Sony ประกาศจัดงาน PlayStation 5 Showcase ในวันที่ 16 กันยายนนี้ (13.00 เวลาแปซิฟิก PDT ตรงกับเวลาตีสามบ้านเรา) โดยระบุว่าเป็นงานโชว์เกมของ PS5 เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเครื่องวางขายจริง Sony ให้ข้อมูลสั้นๆ แค่ว่าจะเล่าข้อมูลเกมจากทั้งสตูดิโอ Worldwide Studios ในสังกัด และสตูดิโอพันธมิตรอื่นๆ เป็นเวลานานประมาณ 40 นาที แต่ยังไม่ระบุว่าจะประกาศราคาและวันวางขายของ PS5 หรือไม่ (ซึ่งก็มีโอกาสสูงที่จะประกาศในงาน เพราะใกล้วันวางขายเข้ามาทุกที และคู่แข่งก็เปิดราคาหมดแล้ว) ที่มา - PlayStation Blog
# เปิดตัว Pac-Man Geo เล่นเกม Pac-Man บนแผนที่ถนนของจริงๆ ทั่วโลก ปีนี้ Bandai Namco ฉลองครบ 40 ปีเกม Pac-Man ผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์มากมาย เช่น ออกเกมตู้เวอร์ชันใหม่, จับมือกับ Tamagotchi หรือ Minecraft เป็นต้น ล่าสุด Bandai Namco จับมือกับกูเกิล ออกเกม Pac-Man Geo ที่ให้เราเล่นเป็น Pac-Man บนแผนที่ถนนจริงๆ ที่ใช้ฐานข้อมูลจาก Google Maps ใน 170 ประเทศทั่วโลก จากภาพหน้าจอของเกม เราสามารถนำถนนตรงไหนก็ได้ในโลกมาสร้างฉากใน Pac-Man Geo แต่ก็มีฉากแนะนำที่สร้างโดยคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน Pac-Man Geo เคยเป็นเดโมของ Bandai Namco Research ในงาน Game Developers Conference 2019 และได้รับความนิยมสูง จึงถูกพัฒนามาเป็นเกมจริงๆ บนมือถือ เกมมีกำหนดเปิดให้เล่นในปีนี้ (ยังไม่ระบุเวลา) และเปิดให้ลงทะเบียนแล้วทั้งบน Android/iOS ที่มา - Bandai Namco, Google
# Oracle ไตรมาสล่าสุด รายได้กลับมาเติบโตอีกครั้ง ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดเดือนสิงหาคม รายได้รวม 9,367 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,251 ล้านดอลลาร์ Safra Catz ซีอีโอออราเคิลกล่าวว่าออราเคิลมีลูกค้า Fusion ERP แล้ว 7,300 ราย และ NetSuite ERP 23,000 ราย บน Oracle Cloud นอกจากนี้ธุรกิจ Infrastructure ยังเติบโตอย่างรวดเร็วจาก Zoom รายได้แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ ค่าบริการบนคลาวด์และค่าสนับสนุนไลเซนส์ เพิ่มขึ้น 2% เป็น 6,947 ล้านดอลลาร์ รายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส อยู่ที่ 886 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% ส่วนฮาร์ดแวร์และรายได้ค่าบริการเป็น 814 และ 720 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ที่มา: ออราเคิล
# แอปเปิลยอมให้แอพเกมสตรีมมิ่งแบบ xCloud ขึ้นสโตร์ แต่ต้องส่งทุกเกมขึ้นตรวจแยก จากที่ก่อนหน้านี้ แอปเปิลยืนยัน บล็อคบริการเกมสตรีมมิ่งแบบ xCloud หรือ Stadia เพราะผิดกฎแพลตฟอร์ม วันนี้แอปเปิลกลับลำ ยอมเปลี่ยนเงื่อนไขของ App Store ยอมรับแอพตระกูลเกมสตรีมมิ่งแล้ว แต่ก็ยังมีเงื่อนไขคือ ผู้ให้บริการเกมสตรีมมิ่งจะต้องส่งเกมแต่ละเกมในระบบให้แอปเปิลตรวจแยกทีละเกมด้วย เงื่อนไขของแอปเปิลยังระบุว่า เกมที่ให้บริการในระบบสตรีมมิ่งจำเป็นต้องมีให้ดาวน์โหลดโดยตรงผ่าน App Store ด้วย เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างลูกค้าที่เป็นและไม่เป็นสมาชิก กฎข้อนี้แปลว่าบริการ xCloud ของไมโครซอฟท์จะไม่สามารถเปิดให้เล่นเกมอย่าง Halo ที่ไม่มีบนเวอร์ชัน iOS ได้เลย ไมโครซอฟท์ออกแถลงการณ์ตอบโต้แอปเปิลว่า การออกกฎลักษณะนี้ไม่ได้ช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าดีขึ้น แอปเปิลยังยอมอนุญาตให้มีแอพสตรีมมิ่งแบบ Netflix ที่ไม่ต้องตรวจว่ามีหนังซ้ำซ้อนกับ App Store หรือไม่ แต่พอเป็นเกม แอปเปิลกลับต้องการบังคับให้มีแอพของเกมทุกเกมแยกต่างหาก ส่วนผู้ให้บริการเกมสตรีมมิ่งรายอื่นๆ ทั้ง Google Stadia, NVIDIA GeForce Now, Sony PlayStation Now ยังไม่ให้ความเห็นในเรื่องนี้ ที่มา - CNET, ภาพจากไมโครซอฟท์
# แอปเปิลกำลังย้ายซอฟต์แวร์เชื่อมต่อคลาวด์จาก C เป็น Rust หาทีมงานเพิ่มเติม แอปเปิลประกาศรับสมัครงานวิศวกรซอฟต์แวร์ โดยระบุว่าทีม Apple Cloud Traffic ที่ทำหน้าที่พัฒนาซอฟต์แวร์เข้ารหัสทราฟิกในเครือข่าย กำลังย้ายโค้ดจากภาษา C ไปเป็นภาษา Rust หลังจากทดสอบแล้วประสบความสำเร็จดี จึงกำลังพอร์ตโค้ดไปยังภาษา Rust เพิ่มเติม ฟีเจอร์ที่ทีมงานนี้ทำงานอยู่มีตั้งแต่ระบบเข้ารหัสที่พัฒนาจาก IPSec, ระบบสื่อสาร RPC เพื่อจัดการ keying, ระบบยืนยันตัวตน (authentication) และยืนยันสิทธิ์ (authorization) วิศวกรที่สมัครตำแหน่งนี้ต้องมีประสบการณ์เขียนภาษา C มาแล้ว 3-5 ปี และหากมีประสบการณ์ภาษา Rust จะพิจารณาเป็นพิเศษ ภาษา Rust ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในวงการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จากฟีเจอร์ที่ลดบั๊กความปลอดภัยหน่วยความจำ แต่ยังมีประสิทธิภาพดีเทียบเท่าภาษา C ที่มา - Apple Jobs
# RIAA ออกรายงานครึ่งปี 2020: ยอดขายไวนิลแซงซีดี, สตรีมมิ่งคิดเป็น 85% ของทั้งอุตสาหกรรมเพลง สมาคมอุตสาหกรรมเพลงของอเมริกาหรือ RIAA ออกรายงานอุตสาหกรรมเพลงในสหรัฐฯ​ ครึ่งแรกของปี 2020 โดยเทรนด์ของอุตสาหกรรมเพลงก็ยังคงเป็นไปในทางเดิม คือสตรีมมิ่งยังคงเติบโตอยู่เรื่อย ๆ แต่มีจุดน่าสนใจคือยอดขายแผ่นไวนิลแซงซีดีเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปี 1980 RIAA รายงานว่า ยอดขายของเพลงเป็น physical อยู่ที่ 376 ล้านดอลลาร์ ลดลง 23% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเหตุผลหลักมาจาก COVID-19 ที่ส่งผลให้ผู้คนไม่เข้าร้านค้า, ศิลปินงดจัดงาน (จึงไม่มีการขายแผ่นในงาน) รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้คนลดการใช้จ่ายด้านความบันเทิงลง โดยยอดขายแผ่นไวนิลคิดเป็นสัดส่วน 62% สูงที่สุดในกลุ่ม physical ในทางกลับกัน ระบบฟังเพลงแบบสมัครสมาชิกยังคงเติบโตขึ้น โดยจำนวนสมาชิกของสตรีมมิ่งแบบคิดค่าบริการเติบโตขึ้น 24% และรายได้จากสตรีมมิ่งรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วมาอยู่ที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์ สวนทางกับสตรีมมิ่งแบบโฆษณาที่ลดลง 3% แต่โดยภาพรวมแล้ว สตรีมมิ่งแบบมีโฆษณาก็ยังสูงกว่ายอดขาย physical รวมกับยอดดาวน์โหลดผ่านช่องทางดิจิทัล หากคำนวณแล้ว สัดส่วนของรายได้บริการสตรีมมิ่งรวมแล้วคิดเป็น 85% ของรายได้อุตสาหกรรมเพลงทั้งหมด ตามมาด้วยยอดขาย physical ที่ 7% และยอดดาวน์โหลดผ่านช่องทางดิจิทัลที่ 6% ที่มา - RIAA, Engadget
# ออสเตรเลียเริ่มเปิดทดสอบแอปใช้ API กลางดึงข้อมูลธนาคาร เปิดทางฟินเทคเข้าถึงข้อมูลบัญชี กรรมการการแข่งขันทางการค้าและการปกป้องผู้บริโภคออสเตรเลีย (Australian Competition and Consumer Commission - ACCC) ปล่อยเอกสารลงทะเบียนทดสอบการเข้าถึงข้อมูลผู้บริโภคของทั้งธนาคารและธุรกิจฟินเทคอื่นๆ ที่ต้องการดึงข้อมูลออกจากธนาคาร ตามกฎหมายสิทธิการโอนย้ายข้อมูลผู้บริโภค (Consumer Data Right - CDR) กฎหมาย CDR เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2019 เป็นต้นมา บังคับให้ธุรกิจหรือผู้ถือข้อมูล (Data Holder - DH) ต้องเปิด API เพื่อให้ธุรกิจที่ได้รับการรับรองให้รับข้อมูล (Accredited Data Recipient - ADR) อื่นดึงไปใช้งานต่อได้ โดยที่ผ่านมามีการออกสเปคของของข้อมูลที่จะเปิดให้ดึงออกไปจากธนาคารได้ (Consumer Data Standard - CDS) และมีการปรับปรุงมาเรื่อยๆ จนถึงเวอร์ชั่น 1.4 แล้ว โดยหน่วยงานที่ได้รับรอง (accredited) จะสามารถขออนุญาตผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลได้ เช่น บริการฟินเทคแนะนำการลงทุนอาจขอข้อมูลบัญชี เมื่อไปถึงหน้าเว็บของธนาคาร ตัวผู้บริโภคต้องกดอนุญาตให้ธนาคารส่งข้อมูลให้บริการฟินเทค เอกสาร CDR Conformance Test Suite นี้จะแนะนำให้บริการที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลลงทะเบียนขอทดสอบ เมื่อทดสอบผ่านแล้วทาง ACCC จะให้สถานะ active ในพอร์ทัล CDR ว่าเป็นหน่วยงานที่เปิดให้แลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามหน่วยงานได้ ตอนนี้มีหน่วยงานผู้ถือข้อมูล 3 หน่วยงานเป็นธนาคาร และหน่วยงานรับข้อมูลอีก 2 หน่วยงาน เช่น Frollo แอปบริหารการเงินที่ดึงข้อมูลจากธนาคารอื่นๆ ได้ ออสเตรเลียมีแผนการเปิดข้อมูลตามกฎหมาย CDR จากวงการธนาคารก่อน จากนั้นจะเปิดข้อมูลวงการธุรกิจพลังงานต่อไป ที่มา - ACCC
# ไมโครซอฟท์ปล่อยซอสโค้ดเคอร์เนลของ Surface Duo แล้ว หลัง Surface Duo สมาร์ทโฟนฝาพับรันแอนดรอยด์ตัวแรกของไมโครซอฟท์เริ่มวางขายออกมาเมื่อวาน ไมโครซอฟท์ก็ได้ปล่อยซอสโค้ดเคอร์เนลของ Surface Duo ตามออกมาทันทีบน GitHub ในแง่เสียงตอบรับของ Surface Duo ถือว่าไม่น่าแปลกใจกับการเป็นอุปกรณ์รุ่นแรก ที่หลาย ๆ อย่างยังไม่พร้อมหรือยังไม่สมบูรณ์ คงต้องรอ Surface Duo อีกอย่างน้อย 1-2 รุ่น เพื่อให้ไมโครซอฟท์ปรับจูนหลาย ๆ อย่างรวมถึงรอนักพัฒนาแอนดรอยด์ทำแอปให้รองรับมากขึ้น สมาร์ทโฟน (หรือแท็บเล็ต?) จอพับรุ่นนี้น่าสมบูรณ์พร้อมมากขึ้น ที่มา - Android Police
# Motorola เปิดตัว Moto G9 Plus จอ 6.8 นิ้ว แบต 5,000 mAh ราคาประมาณ 14,800 บาท Motorola เปิดตัว Moto G9 Plus รุ่นต่อจาก Moto G9 และ Moto G9 Play ที่เพิ่มขนาดหน้าจอจาก 6.5 นิ้วจากสองรุ่นแรก เป็น 6.8 นิ้ว พร้อมกล้องหลัง 4 กล้อง แบตเตอรี่ 5,000 mAh แสกนลายนิ้วมือบนปุ่มข้างตัวเครื่อง และมีสเปกดังนี้ หน้าจอ IPS LCD 6.8 นิ้ว Full HD+ ชิป Snapdragon 730G แรม 4GB หน่วยความจำภายใน 128GB กล้องหลังหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 2MP และ depth sensor 2MP กล้องหน้าแบบเจาะรู 16MP แบตเตอรี่ 5,000 mAH รองรับชาร์จเร็ว 30W รองรับ Bluetooth 5.0 มี NFC และมีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร รัน Android 10 Moto G9 Plus มีสองสีคือ Rose Gold และ Indigo Blue วางจำหน่ายที่ประเทศบราซิลแล้ว ในราคา 2499.10 เรียล หรือประมาณ 14,800 บาท ส่วนราคา และวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา ต้องติดตามต่อไป ที่มา - XDA Developers
# สรุปรีวิว Surface Duo จอคู่แปลกใหม่ แต่สเปกล้าหลังและซอฟต์แวร์ยังไม่ดีพอ หลัง Surface Duo มือถือแอนดรอยด์แบบพับได้เครื่องแรกของ Microsoft ที่มาในรูปแบบบานพับและสองหน้าจอที่แยกกันอย่างชัดเจนแทน ไม่ได้พยายามทำหน้าจอ OLED แบบงอได้เช่นค่ายอื่น เริ่มมีรีวิวจากสื่อต่างๆ ออกมาแล้ว โดยภาพรวม เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานหลายแอปพร้อมกัน แต่เหมือนยังเป็นอุปกรณ์ในขั้นทดลอง อาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนใคร แต่ยังไม่เหมาะกับคนทั่วไปนัก คงต้องรอรุ่นถัดไปที่ปรับปรุงและแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ได้หมดแล้ว ทุกเจ้าเอ่ยชมเหมือนกันในด้านคุณภาพวัสดุและการประกอบ รวมไปถึงข้อต่อที่ทนทาน พับได้ลื่นไหล แต่ก็แน่นหนาพอที่จะสามารถรักษาองศาการกาง หรือหุบเครื่องให้อยู่กับที่ได้ แต่ The Verge ก็พบว่าข้อต่อสองฝั่ง มีความไม่สมมาตรอยู่เล็กน้อย สื่อหลายเจ้าชื่นชม Microsoft ที่สามารถทำตัวเครื่องได้บางกว่ามือถือพับได้รุ่นอื่นๆ แต่ก็ค้นพบว่าต้องแลกมาด้วยคุณภาพหลายๆ อย่างที่ถูกตัดไป เช่นกล้องที่ให้มาแค่ตัวเดียว และมีความละเอียดแค่ 11MP ซึ่งซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพของ Microsoft ก็ยังไม่ดีพอ และตำแหน่งกล้องที่อยู่เหนือหน้าจอ ทำให้ต้องพับกลับไปอีกด้านหากต้องการถ่ายรูปคนอื่น ส่วนลำโพงที่ให้มาแค่ตัวเดียว ก็คุณภาพค่อนข้างแย่ และเสียงเบากว่ามือถือทั่วไป รวมทั้งไม่มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งน่าจะมาจากข้อจำกัดด้านความบางเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ จอ OLED ขนาด 5.6 นิ้ว แม้คุณภาพสีจะค่อนข้างดี แต่ก็ยังเป็นจอ 60Hz ซึ่งในมือถือราคา 1,399 เหรียญ (ราว 43,800 บาท) ในปี 2020 อาจจะดูไม่ค่อยคุ้มนัก และผู้ที่ใช้มือถือ 90hz และ 120Hz ที่เปิดตัวออกมามากมายตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อมาใช้มือถือหน้าจอ 60Hz ก็อาจรู้สึกได้ถึงความหน่วง แถมขอบจอก็ยังใหญ่เทอะทะ มีพื้นที่ไม่ได้ใช้งานเยอะพอสมควร และ The Verge ยังพบการแสดงผลสีขาวระหว่างจอซ้ายกับขวา ต่างกันเล็กน้อยอีกด้วย ในด้านสเปกภายในและประสิทธิภาพ Surface Duo มาพร้อม Snapdragon 855 ที่ตกรุ่นไปแล้ว กับแรม 6GB ซึ่งคงไม่มีปัญหานักหากเป็นฮาร์ดแวร์ปกติทั่วไป แต่เมื่อเป็นฮาร์ดแวร์รูปแบบใหม่ การปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อให้เข้ากับการใช้งานสองหน้าจอจึงสำคัญ ปัจจัยสำคัญน่าจะอยู่ที่ความร่วมมือระหว่าง Microsoft, Google และผู้พัฒนาแอป ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ Surface Duo ยังไม่พร้อมนัก และสื่อทุกเจ้าก็เขียนระบุข้อเสียว่าซอฟต์แวร์ยังมีปัญหา บั๊กเยอะ และมีอาการกระตุก ค้าง เป็นระยะๆ โดยรีวิวของ Wired ถึงกับอุทานในฝั่งข้อเสีย ว่า “Holybugs Batman!” (ให้ตายเถอะแบทแมน บั๊กมันเยอะจริงๆ) สรุปแล้ว แม้จะเป็นมือถือจอคู่ที่คุณภาพวัสดุและการประกอบอยู่ในเกณฑ์ดี และน่าจะเหมาะกับการใช้งานแบบมัลติแทสก์ เปิดสองแอปพร้อมกัน แต่กลับถูกจำกัดด้วยสเปกที่ล้าหลัง ไม่รองรับ 5G หน้าจอรีเฟรชเรตแค่ 60Hz และความบางของตัวเครื่องที่ทำให้ต้องลดคุณภาพของกล้อง ลำโพง และด้านอื่นๆ ลงไป แถมราคา 1,399 เหรียญ ยังทำให้ผู้บริโภค น่าจะทำใจซื้อได้ยาก นอกเสียจากว่าคุณจะเป็นแฟน Microsoft ที่ชื่นชอบการใช้งานสองหน้าจอแบบจริงจัง และมีเงินเหลือใช้พอสมควร คะแนนจากสื่อเจ้าต่างๆ The Verge - 6/10 Wired- 4/10 Engadget - 71/100 TechRadar - 4/5
# ซัมซุงเคาะวันเปิดตัว Galaxy S20 FE แล้ววันที่ 23 กันยายนนี้ บอกใบ้สีเครื่อง 6 สี หลังมีข่าวหลุดภาพหลุดออกมาซักพัก วันนี้ซัมซุงประกาศวันเปิดตัว Galaxy S20 Fan Edition แล้วเป็นวันที่ 23 กันยายนนี้ ซัมซุงปล่อยโปสเตอร์โปรโมทงานเปิดตัวนี้ พร้อมน่าจะบอกใบ้สีของ Galaxy S20 FE บนโปสเตอร์ที่ประกอบไปด้วยสีน้ำเงินกรมท่า, สีฟ้าเขียว, สีชมพู, สีแดง, สีขาวและสีส้มอ่อน ขณะที่สเปคที่หลุดออกมาคร่าว ๆ คือหน้าจอ 6.4-6.5 นิ้ว จอ AMOLED รีเฟรชเรท 120Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 865 และ Exynos 990 แรม 6GB/8GB แบตเตอรี่ 4,500mAh มาตรการกันน้ำกันฝุ่น IP68 ราคาน่าจะอยู่ที่ราว 750-800 เหรียญ ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# Zoom เปิดใช้ยืนยันตัวตนสองชั้นแล้วในทุกบัญชีการใช้งาน Zoom เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (two-factor authentication) ในทุกบัญชีการใช้งานแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบ zoombombing หรือการที่คนอื่นเข้ามาป่วนการประชุมได้อีก เมื่อระบบใช้งานได้ Zoom จะให้กรอกรหัส OTP ที่ถูกส่งไปยัง SMS หรือผ่าน Google Authenticator, Microsoft Authenticator และ FreeOTP และยังรองรับวิธีการตรวจสอบสิทธิ์ต่างๆ รวมถึง SAML, OAuth วิธีการเปิดใช้งานคือ บัญชีที่เป็นแอดมินเข้าไปที่ Zoom Dashboard หาเมนู Advanced และกด Security จากนั้นเปิดการใช้งาน Two-Factor Authentication เลือกได้ว่าจะบังคับใครเข้าใช้โดยยืนยันตัวตนสองขั้น หรือบังคับทุกบัญชีที่เข้าร่วมประชุมได้ ที่มา - Zoom
# และแล้วก็มีวันนี้ Windows 10 สามารถอ่านไฟล์ ext4 จากลินุกซ์ในเครื่องเดียวกันได้แล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ใหม่ให้ WSL 2 ใน Windows 10 Insider Preview Build 20211 ให้สามารถเมานท์ระบบไฟล์จากดิสก์ที่เป็นลินุกซ์ในเครื่องเดียวกันได้ ตัวอย่างการใช้งานคือ หากเครื่องนั้นเป็นดูอัลบูททั้งวินโดวส์และลินุกซ์ ปกติแล้วฝั่งวินโดวส์จะไม่เห็นไฟล์จากฝั่งลินุกซ์ (เพราะวินโดวส์ไม่รองรับระบบไฟล์อย่าง ext4) แต่พอในวินโดวส์มีลินุกซ์ WSL 2 เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป วิธีการคือสั่ง wsl --mount <DiskPath> เท่านั้นก็เรียบร้อย (หาพาธด้วยคำสั่ง wmic diskdrive list brief) เมื่อเมานท์เสร็จแล้ว เราสามารถเข้าถึงไฟล์ได้ทั้งจากคอมมานด์ไลน์ หรือจะผ่าน File Explorer ก็ได้ ข้อจำกัดของฟีเจอร์นี้ ณ ตอนนี้คือ ฝั่งลินุกซ์ต้องเป็นดิสก์แยกอีกลูกเท่านั้น ยังไม่สามารถเมานท์พาร์ทิชันลินุกซ์ที่อยู่บนดิสก์เดียวกับวินโดวส์ได้ ที่มา - Microsoft
# คุยกับ M Intelligence สตาร์ทอัพสาย Customer Experience ที่ให้ความสำคัญกับทีมงานเป็นอันดับหนึ่ง การนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาออกแบบ ปรับปรุงและบริหารประสบการณ์ลูกค้า ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและเฉพาะตัว กลายเป็นสิ่งที่องค์กรธุรกิจยุคใหม่ขาดไม่ได้ เพราะมีส่วนสำคัญช่วยให้ลูกค้ามี Loyalty ต่อแบรนด์ รักษาฐานลูกค้าไว้ให้เหนียวแน่น ทั้งยังช่วยนำเสนอสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องของลูกค้าได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในบทความนี้ Blognone Workplace จะพาไปรู้จัก M Intelligence ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ระบบ CX และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี, การวิเคราะห์และเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อทำการตลาด สำหรับในทุกธุรกิจที่อยากจะทำ Digital Tranformation เรียกได้ว่าเป็น One Stop Service สำหรับองค์กรธุรกิจเลยทีเดียว M Intelligence ให้บริการลูกค้าบนโครงสร้างพื้นฐานจากผู้ผลิตที่ที่เชื่อถือได้ในระดับโลกอย่าง Salesforce, AWS, LINE Business Connect และยังมีลูกค้าจากหลากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้ M Intelligence เป็นสตาร์ทอัพที่โตเร็วและมีอนาคตไกล ตอนนี้ M Intelligence กำลังมองหาเพื่อนร่วมงานที่จะสานต่อเป้าหมายและเติบโตไปพร้อมกัน สวัสดิการไม่แพ้บริษัทรายใหญ่ในบรรยากาศการทำงานที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมและเป็นกันเอง ทีม Tech ของ M Intelligence ทำอะไรบ้าง ไพบูลย์ ตุ้มทองคำ หรือคุณต๊อบ ตำแหน่ง Developer Lead เล่าสิ่งที่ M Intelligence ทำให้ฟังว่า บริษัททำสองอย่าง อย่างแรกคือการดูแลลูกค้าเป็นที่ปรึกษา, แนะนำการใช้งานเทคโนโลยีให้ลูกค้าที่ใช้ Salesforce ส่วนอีกอย่างคือ Connect X เป็นผลิตภัณฑ์ CX ที่พัฒนาโดย M Intelligence เอง ลูกค้าที่ M Intelligence มีเยอะและมาจากหลากหลายอุตสาหกรรม เพราะทุกองค์กรจำเป็นต้องรักษาฐานลูกค้าให้คงอยู่กับเรานานๆ ซึ่งเป็นเรื่องยากกว่าการหาลูกค้ารายใหม่เสียอีก การใช้เทคโนโลยีเพื่อทำความรู้จักลูกค้าให้มากขึ้นจึงเป็นเรื่องสำคัญในหลายอุตสาหกรรมในตอนนี้ ทีมงาน Tech ต้องเจอความท้าทายอยู่เสมอเพราะเราต้องทำผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด และให้ลูกค้าเห็นความสำเร็จจากการใช้บริการของเรา มาที่เรื่องบรรยากาศและวัฒนธรรมการทำงาน คุณต๊อบ บอกว่า ที่ M Intelligence เน้นการทำงานแบบครอบครัว ไม่เน้นลำดับชั้นบริหาร ทุกคนเสนอความคิดเห็นได้ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงอะไรในองค์กร และไม่จำกัดว่าต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่งถึงจะสามารถออกความเห็นได้ พนักงานใหม่, เด็กจบใหม่ที่เขาได้มีโอกาสลองเทคโนโลยีใหม่กว่า ก็ช่วยเสนอความเห็นได้ จากนั้นเราก็จะมาระดมสมองกันว่าถ้านำมาใช้งานจริงจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทได้อย่างไร คุณต๊อบเน้นย้ำว่าที่ M Intelligence ให้ความสำคัญกับทีมงานมาก ที่นี่ยังมีสวัสดิการไม่แพ้บริษัทรายใหญ่ เครื่องดื่ม อาหาร ขนมครบครัน และมีเงินก้อนหนึ่งให้พนักงานนำไปจัดสรรเพื่อการพัฒนาตัวเองด้วย มีพาพนักงานไปเที่ยวสองครั้งต่อปีอีกด้วย ทุกเสียงสะท้อนจากทีมงาน M Intelligence มีความหมาย เบญจภรณ์ อินมูลน้อย หรือคุณบี ตำแหน่ง Solution Consultant เป็นพนักงานตัวแทนที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่สดๆ ร้อนๆ และร่วมงานกับ M Intelligence ไม่กี่เดือนเท่านั้น คุณบีเล่าให้ฟังว่าตอนนี้จับงานหลายอย่าง เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งตั้งแต่การเก็บ requirement จากลูกค้า, ทำ System Analysis คือมีโอกาสได้จับงาน ทั้งฝั่งธุรกิจที่ต้องประสานงานกับลูกค้าโดยตรง และงานฝั่งเทคนิคด้วย ซึ่งสอดคล้องกับสาขาที่เรียนจบมาคือคณะ ICT เอกวิศวกรรมซอฟต์แวร์ คุณบีเล่าให้ฟังถึงการตัดสินใจมาทำงานที่ M Intelligence ว่า ช่วงที่กำลังศึกษาอยู่มีโอกาสได้ฝึกงานสองที่ ทั้งบริษัทเล็กและบริษัทใหญ่ จึงเห็นความแตกต่างคือ บริษัทเล็กและกลาง จะให้โอกาสเราได้ implement งานจริงๆ ทั้งๆ ที่เราเป็นเด็กฝึกงาน จึงตัดสินใจมาสมัครงานที่ M Intelligence ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดไว้คือ ที่นี่ให้โอกาสเราได้ร่วมทำงานกับรุ่นพี่ๆในโปรเจคจริงกับลูกค้าเลย ซึ่งทำให้เราได้เรียนรู้บรรยากาศการทำงานในหลายๆมุม เลยทำให้เราเรียนรู้ได้เร็วมาก สนุกมาก ตอนทำงานใหม่ๆ M Intelligence มีคอร์สให้ปรับตัวและเพิ่มฐานความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บริษัทรวมถึงแพลทฟอร์มเทคโนโลยีต่างๆ ที่เราไม่มีโอกาสได้เรียนตอนอยู่มหาวิทยาลัยด้วย ที่นี่ยังให้โอกาสในการแสดงความคิดเห็นว่าเราอยากจะปรับปรุงส่วนงานตรงไหนแม้เราจะเป็นพนักงานใหม่ก็ตาม ทำให้รู้สึกประทับใจที่ได้ทำงานที่ M Intelligence สวัสดิการที่ชอบอันดับแรกคือ เวลาการทำงานยืดหยุ่น เราสามารถเลือกเข้างานตามเวลา project base ได้ หรือเข้ามาทำงานให้ทันตามเนื้องานของเรา แทนที่จะเข้างานตามเวลาปกติ เช้า-เย็น อันดับสองที่ชอบคือ ขนมนมเนยให้บริการตลอดเวลา รวมทั้งปาร์ตี้เล็กๆในวันศุกร์หลังเลิกงาน อันดับสามคือ Flexi Benefits คือเราสามารถนำเงินก้อนที่บริษัทให้เป็ยรายปีไปพัฒนาทักษะต่างๆ หรือดูแลสุขภาพของเราได้ เช่น ตัดแว่น, นวด เป็นต้น ปรวิทย์ เกือกแก้ว หรือคุณปอ ตำแหน่ง Senior Solution Consultant หน้าที่หลักคือ ให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า รับงานจากลูกค้าส่งต่อให้ทีม รับโจทย์ลูกค้ามาตีโจทย์ต่อเพื่อดูว่าเราทำอะไรให้ลูกค้าได้บ้าง ความท้าทายในการทำงานช่วงแรกๆ คือ เรายังใหม่กับการทำงาน และใหม่กับแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีต่างๆ แต่ที่บริษัทก็มีคอร์สออนไลน์ให้เรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่ง ความท้าทายต่อมาคือ การต้องตีโจทย์ของลูกค้าให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราจะส่งมอบต่อให้ลูกค้าได้นั้น เป็นทักษะที่อาศัยประสบการณ์ทำงานและการประสานงานลูกค้าสูง ซึ่งที่นี่ก็มีพี่ๆ และเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานมาก่อนคอยให้คำแนะนำเสมอ สิ่งที่ชอบที่ M Intelligence คือวัฒนธรรมการทำงาน ที่ไม่มีโครงสร้างผู้บริหารหรือลำดับชั้นมากทำให้ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงในการแสดงความเห็นได้ และคนรอบข้างคอยสนับสนุนกันเสมอในกรณีที่เราเจอปัญหาการทำงาน สมัครงานที่ M Intelligence M Intelligence ถือเป็นบริษัทขนาดกลางที่เติบโตไว ทำให้ทุกคนที่เข้ามาทำงานที่นี่ ได้มีโอกาสทำ Project ร่วมกับบริษัทใหญ่ๆมากมาย รวมไปถึงมีเป้าหมายในอนาคตคือการขยายบริการไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย จุดเด่น M Intelligence มีเงินสนับสนุน ในการพัฒนาตัวเองของพนักงานตลอดเวลา ไม่ใช่แค่เรื่องการศึกษา แต่รวมถึงด้านสุขภาพด้วย มี Macbook ให้ บรรยากาศออฟฟิศชิลๆ เป็นกันเอง มีหลายมุมให้นั่งทำงาน เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น บริหารเวลาเองได้ มีสิ่งใหม่ๆ ให้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ตลอด มีบาร์นั่งชิล ปาร์ตี้ มีขนม, เครื่องดื่ม หยิบฟรี ได้ทุกวัน ทำงานกันเป็นครอบครัว พร้อมช่วยเหลือกันตลอดเวลา ท่องเที่ยว 2 ครั้งต่อปี Provident Fund, ประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ ลาวันเกิด 1 วัน เทคโนโลยีที่คุณจะได้เล่นถ้ามาทำงานที่นี่ Node.js (NestJs) React Firebase Cloud Store Big Query + AI AWS GCP Heroku Salesforce LINE API, Facebook API, Pantip API เข้าถึง data มากมายมหาศาลลลลล เพื่อจะสร้าง Software ที่ทำให้ลูกค้าของเราสามารถเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น ตัวสำนักงาน M Intelligence ตั้งอยู่ใจกลาง กทม. ใกล้ตึกมหานคร ห่างจาก BTS ช่องนนทรี และ BRT สาทร เพียง 5-10 นาที เท่านั้น ดูรายละเอียดและกดสมัครงานที่สนใจได้ที่ jobs.blognone.com/ หรือส่งอีเมลล์พร้อมแนบเรซูเม่มาได้เลยที่ [email protected].
# [ลือ] แอปเปิลสั่งซื้อจอพับได้จากซัมซุง ใช้ทดสอบอุปกรณ์ต้นแบบ Ice Universe นักปล่อยข่าวหลุดฝั่งซัมซุงที่ค่อนข้างแม่นยำ เปิดเผยว่า Samsung Display ได้รับออเดอร์แพแนลจอพับ OLED จากแอปเปิลจำนวนมาก เพื่อเอาไปทดสอบกับอุปกรณ์ต้นแบบ เมื่อปีที่แล้วก็มีรายงานคล้าย ๆ กันว่า Samsung Display ก็เคยส่งมอบแพแนลจอพับตัวอย่างไปให้แอปเปิลแล้วจำนวนหนึ่ง อาจพอบอกได้ว่าแอปเปิลกำลังทดสอบ iPhone รุ่นจอพับอย่างจริงจังอยู่ แต่ยังไม่มีข้อมูลใดๆ หลุดออกมา ที่มา - SamMobile
# Instagram เผยหน้าจอหลักสามแบบ เน้นปุ่ม Reels และ Shopping Instagram เผยหน้าตา Home Screen ใหม่สามแบบ เพิ่มปุ่มเพื่อการช้อปปิ้งและดูวิดีโอสั้น Reels โดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้ Instagram ทดสอบฟีเจอร์ Reels หวังแข่งกับ TikTok ใน อินเดีย, บราซิล, ฝรั่งเศสและเยอรมนี และในหน้าตาการใช้งานใหม่นี้ เพิ่มปุ่ม Shopping เข้าไปด้วย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ Instagram ให้ความสำคัญมากในช่วงโรคระบาดนี้ หน้าตาทั้งสามแบบต่างกันเล็กน้อย แต่ที่มีเหมือนกันคือ ปุ่ม Reels และปุ่ม Shopping บางแบบย้ายปุ่มสร้างโพสต์ใหม่ไปไว้ด้านขวาบน ที่มา - Engadget
# กูเกิลทดสอบ Fundo ให้บล็อกเกอร์จัดแฟนมีตออนไลน์ รับเงินจากแฟนๆ ได้ด้วย Area 120 หน่วยงานสร้างนวัตกรรมใหม่ในเครือกูเกิลทดสอบ Fundo ให้ครีเอเตอร์และบล็อกเกอร์จัดอีเว้นท์ไลฟ์ผ่านแอป และสามารถรับเงินได้ด้วย ทั้งครีเอเตอร์และคนเข้าร่วมสามารถใช้งาน Fundo ผ่านเว็บไซต์ได้ ไม่ต้องโหลดแอปใหม่เพิ่ม Fundo ช่วยให้อินฟลูเอนเซอร์จัดเวิร์กช็อปหรือสร้างกลุ่มพูดคุยกับแฟนๆ ของตัวเองได้สดๆ (เหมือนประชุมวิดีโอคอล) โดยตัวโฮสต์สามารถกำหนดราคาเข้าร่วมอีเว้นท์ได้เอง และกำหนดตั๋วฟรีได้ด้วยถ้าโฮสต์ต้องการ ครีเอเตอร์บนยูทูบยังสามารถเพิ่มโอกาสให้แฟนๆ YouTube Channel Memberships ด้วยการให้พวกเขาเข้าร่วมไลฟ์ใกล้ชิดบน Fundo ได้ถ้าพวกเขาต้องการ ผู้ใช้งานที่เป็นแฟนๆ ทั่วไป สามารถดูตารางอีเว้นท์ได้ผ่านหน้าโฮมเพจ หรือกดที่ลิงค์ที่ครีเอเตอร์โพสต์ไว้บนช่องทางอื่นโดยตรง Fundo เริ่มเปิดใช้งานในสหรัฐฯและแคนาดาก่อน ที่มา - กูเกิล
# Ninja สตรีมเมอร์ดังกลับมาที่ Twitch แล้วอย่างเป็นทางการ เซ็นสัญญาหลายปี Ninja สตรีมเมอร์ดังกลับสู่อ้อมอก Twitch อีกครั้ง เซ็นสัญญาหลายปี และสตรีมให้ Twitch แบบ exclusive เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Mixer แพลตฟอร์มสตรีมของไมโครซอฟท์ที่ซื้อตัว Ninja ไปจาก Twitch ประกาศปิดตัว และย้ายผู้ใช้ไป Facebook Gaming ตัว Ninja เองก็กลับมาสตรีมในช่องยูทูบของตัวเองอยู่ระยะหนึ่ง ล่าสุดก็มีข่าวอย่างเป็นทางการว่า Ninja กลับไปสตรีมที่ Twitch Twitch ยังถือเป็นแพลตฟอร์มสตรีมเกมที่ใหญ่ที่สุด มีผู้ใช้งานรายวัน 17.5 ล้านราย ตัว Ninja เองก็มีฐานผู้ติดตามบน Twitch 15 ล้านราย ส่วนในช่องยูทูบมี 24 ล้านราย ที่มา - The Hollywood Reporter
# Huawei เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ Watch GT2 Pro แบต 14 วัน เริ่ม 329 ยูโร Huawei เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ Watch GT2 Pro รุ่นอัปเกรดจาก Watch GT2 มาพร้อม LiteOS ของ Huawei หน้าจอ AMOLED 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ ตัวเรือนขนาด 47 มิลลิเมตรเป็นไทเทเนียม ด้านหลังเรือนเป็นเซรามิก ทำให้ชาร์จไร้สายได้ผ่านระบบ Qi แบตเตอรี่สแตนด์บายได้ 14 วัน ชาร์จ 10 นาทีใช้งานเพิ่มได้ 5 ชั่วโมง มีลำโพงในตัว เก็บเพลงไว้บนหน่วยความจำภายในได้ 2GB มีระบบตรวจจับการนอนหลับ ตรวจจับการเต้นหัวใจผิดปกติ รวมไปถึงโหมดกีฬา เช่นวงสวิงกอล์ฟ ว่ายน้ำ ปีนเขา วิ่ง และกีฬาอื่นๆ กว่า 100 ชนิด Watch GT2 Pro มีสองแบบ คือ Classic สายหนัง ราคา 349 ยูโร และ Sport สายพลาสติก ราคา 329 ยูโร พร้อมวางจำหน่ายภายในเดือนนี้ ที่มา - Twitter: Huawei Mobile, 9to5Google
# Immortals Fenyx Rising เกมใหม่แนวโอเพนเวิลด์ ตำนานเทพเจ้ากรีกจาก Ubisoft Ubisoft เปิดตัวเกมใหม่ Immortals Fenyx Rising (ก่อนหน้านี้เคยเปิดตัวแล้วในชื่อ Gods and Monsters แต่เปลี่ยนชื่อ) เป็นเกมแนวฮีโร่กรีก ที่ต้องผจญภัย ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดในเทพนิยาย ตัวเอกของเกมคือ Fenix (ปรับแต่งหน้าตา ชุด และเพศได้ แต่ในภาพโปรโมทเป็นผู้หญิงผมแดง) จะต้องกอบกู้ดินแดน Golden Isle จากคำสาปร้ายของ Typhon เกมเป็นแนวโอเพนเวิลด์ ตัวเอกสามารถขี่ม้า ยิงธนูได้ (มีคนเปรียบเทียบว่าเหมือน Zelda: Breath of the Wild ทั้งรูปแบบและกราฟิก) จุดที่ต่างคือมีปีกสามารถบินไปบนฟ้า เกมนี้เป็นผลงานของ Ubisoft Quebec สตูดิโอที่พัฒนาเกม Assassin’s Creed Odyssey มีกำหนดวางขาย 3 ธันวาคม 2020 โดยลงพีซีและคอนโซลทุกแพลตฟอร์ม (Xbox One, Xbox Series X|S, Switch, PS4, PS5) รวมถึง Google Stadia ด้วย ที่มา - Ubisoft
# กลับสู่วันเก่า Facebook ทดสอบบริการ Campus ให้เฉพาะผู้เรียนมหาวิทยาลัยใช้คุยกัน เริ่มที่อเมริกา Facebook เปิดตัวบริการที่อยู่ในสถานะทดสอบบริการใหม่ชื่อว่า Campus เพื่อให้ผู้ใช้งาน Facebook ที่เรียนมหาวิทยาลัยใช้ติดต่อกันเฉพาะในกลุ่มผู้เรียน มี News Feed แยกเฉพาะ สามารถติดตามหรือเข้าร่วมอีเวนต์ภายในมหาวิทยาลัยได้ ฟีเจอร์สำคัญที่ทำให้ Campus แตกต่างออกไปคือ Campus directory ไว้ค้นหาเพื่อนและผู้เรียนคนอื่น รวมทั้งการสร้าง Profile ที่แยกจากบัญชี Facebook หลัก หากบอกว่านี่เป็นบริการรูปแบบใหม่ของ Facebook ก็คงไม่ถูกนัก เพราะแรกเริ่มที่เปิดให้บริการ Facebook ก็จำกัดกลุ่มผู้ใช้เฉพาะผู้เรียนมหาวิทยาลัยบางแห่งก่อน Facebook Campus เริ่มทดสอบให้บริการกับ 30 มหาวิทยาลัยในอเมริกา ซึ่งต้องยืนยันตัวตนด้วยอีเมลของมหาวิทยาลัย ที่น่าสนใจคือไม่มีมหาวิทยาลัย Harvard สถานที่ต้นกำเนิด Facebook ในรายชื่อกลุ่มแรก ที่มา: Facebook และ The Verge
# Ubisoft ประกาศรีเมค Prince of Persia: The Sands of Time ออกปี 2021 Ubisoft ประกาศรีเมค Prince of Persia: The Sands of Time เกมแอคชั่น 3D ในตระกูล Prince of Persia ที่ออกในปี 2003 โดยมีกำหนดออกวันที่ 21 มกราคม 2021 Ubisoft บอกว่าการรีเมครอบนี้เป็นการรีเมคทั้งเกม (fullscale remake) ปรับกราฟิกใหม่ ปรับระบบกล้อง จับภาพโมชั่นแคปเจอร์ใหม่ (ด้วยตัวแสดงคนเดิม Yuri Lowenthal) ปรับวิธีการต่อสู้และพัซเซิลในเกม และมีเกมต้นฉบับคือ Prince of Persia ฉบับปี 1989 ให้เล่นด้วย ธีมหลักของเกมภาคนี้เน้นเรื่องการควบคุมเวลา เพราะเจ้าชายตัวเอกของเรื่องมี Dagger of Time ที่ย้อนหรือหยุดเวลาได้ เกมเวอร์ชันต้นฉบับประสบความสำเร็จทั้งในแง่ยอดขาย (รวมทั้งหมด 14 ล้านชุดบนทุกแพลตฟอร์ม) และเสียงวิจารณ์ (คะแนนรีวิวเฉลี่ย 92/100) รวมถึงได้รางวัล Game of the Year จากสื่อหลายสำนักด้วย เกมเวอร์ชันรีเมคพัฒนาโดยสตูดิโอ Ubisoft Pune และ Ubisoft Mumbai ในอินเดีย จะลงพีซี (Epic, Uplay) และคอนโซลยุคปัจจุบัน PS4, Xbox One แต่สามารถนำไปเล่นบน PS5, Xbox Series X|S ได้เช่นกัน ที่มา - Ubisoft
# Android 11 (Go edition) เปิดตัว เรียกแอพเร็วขึ้น 20%, รองรับมือถือแรมเยอะขึ้นที่ 2GB หลังจากเปิดตัว Android 11 เวอร์ชันเต็ม กูเกิลก็ประกาศ Android 11 (Go edition) สำหรับมือถือสเปกต่ำตามมาทันที ฟีเจอร์หลักของ Android 11 (Go edition) ยังเหมือนกับ Android 11 เช่น conversations, one-time permission สิ่งที่พัฒนาขึ้นจาก Android Go เวอร์ชันก่อนคือ เรียกแอพได้เร็วขึ้น 20% และรองรับสมาร์ทโฟนที่แรมสูงสุด 2GB (ของเดิม 1.5GB) ช่วยให้รันแอพพร้อมกันได้เพิ่มขึ้นเป็น 3-4 ตัว กูเกิลบอกว่าเราจะเริ่มเห็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ Android 11 (Go edition) เริ่มเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ ที่มา - Google
# Huawei เปิดซอร์สโครงการ OpenHarmony ยังใช้ได้เฉพาะอุปกรณ์ IoT รองรับแรมสูงสุด 128MB วันนี้จากการประกาศแผนการพัฒนา HarmonyOS 2.0 ทาง Huawei ก็ประกาศโครงการฝั่งโอเพนซอร์สในชื่อ OpenHarmony ที่ตอนนี้ยังเป็นเพียงระบบปฎิบัติการสำหรับอุปกรณ์ IoT รองรับอุปกรณ์ที่มีแรมระหว่าง 128KB ถึง 128MB เท่านั้น เพราะยังเป็น lite kernel อยู่ ทาง Huawei ยอมรับตั้งแต่ปีที่แล้วว่า HarmonyOS ยังต้องใช้ชิ้นส่วนต่างๆ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียว โดยตอนประกาศเมื่อปีที่แล้วก็ระบุว่ามีการใช้งาน 3 เคอร์เนล ได้แก่ Linux, HarmonyOS microkernel, และ lite kernel และที่ผ่านมาซอร์สโค้ดจากทาง Huawei ที่เปิดต่อสาธารณะก็มีเพียง lite kernel สำหรับอุปกรณ์ IoT เท่านั้น ไม่มีการเปิดเผยความก้าวหน้าของโครงการส่วนอื่นต่อสาธารณะ ไลบรารี UI ของ OpenHarmony ยังจำกัดอยู่มากตามปกติของระบบปฎิบัติการสำหรับอุปกรณ์ IoT แต่เอกสารของโครงการก็พูดถึง API ในการสร้างบริการข้ามอุปกรณ์ หรือ Distributed Manager Service ที่เปิดทางให้อุปกรณ์เรียกใช้ฟีเจอร์ของกันและกัน เช่น เมื่อเรากดรายการโทรทัศน์แล้วพบว่ามีรายการน่าสนใจในอนาคตก็สามารถหาอุปกรณ์ใกล้ๆ ที่มีฟีเจอร์แจ้งเตือนแล้วส่งรายการแจ้งเตือนเข้านาฬิกาของเราได้ ทาง Huawei บริจาคโค้ด OpenHarmony เข้า OpenAtom Foundation โดยคาดว่าเดือนเมษายนปีหน้าจะเริ่มรองรับอุปกรณ์ระดับกลาง (แรมไม่เกิน 4GB) และภายในเดือนตุลาคมปีหน้าก็จะไม่มีข้อจำกัดเรื่องแรมอีกต่อไป ซึ่งจะไปตรงกับการปล่อย HarmonyOS 2.0 เป็นทางการพอดี แม้จะยังดูอีกไกลกว่าเราจะได้ใช้ HarmonyOS กันจริงจัง แต่แผนการตอนนี้ก็ยังใกล้เคียงกับที่บริษัทแถลงไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วอยู่ ที่มา - Telecom Paper ตัวอย่างโค้ดสำหรับรับการคลิกบนหน้าจอ OpenHarmony
# Motorola เปิดตัว Razr 5G มือถือจอพับรุ่นใหม่ ราคา 1,399 เหรียญสหรัฐ หลังเปิดตัว Motorola Razr รุ่น 2019 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ในราคา 1,500 เหรียญสหรัฐ (ราว 47,000 บาท) ผ่านมายังไม่ครบปีดี Motorola กลับมาอีกครั้งกับ Razr รุ่นปี 2020 ที่มาพร้อมกับ 5G และการอัพเกรดดังนี้ ชิป Snapdragon 765G หน้าจอหลักแบบพับได้ ขนาด 6.2 นิ้ว แบบ POLED ความละเอียด 2142 x 876 พิกเซล อัตราส่วน 21:9 หน้าจอ Quick View ด้านนอก 2.7 นิ้ว แบบ gOLED ความละเอียด 600 x 800 พิกเซล แรม 8 GB หน่วยความจำภายใน 256GB กล้องหลัง 48 MP, f/1.7 มี OIS กล้องหน้า 20 MP แบตเตอรี่ความจุ 2,800 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 15 W Android 10 ฟังก์ชั่นอื่น ๆ ของรุ่น 2020 แทบไม่ต่างจากที่รุ่น 2019 ได้ในอัปเดต Android 10 ทั้งการควบคุมมีเดีย แสดงการนำทางและตอบข้อความผ่านคีย์บอร์ดบน Quick View Motorola Razr วางจำหน่ายฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ (ช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน) ในราคา 1,399 เหรียญ (ราว 43,800 บาท) ถูกลงกว่ารุ่นปี 2019 ประมาณ 100 เหรียญ ที่มา - Motorola, Techradar
# HarmonyOS 2.0 เปิดทดสอบ Beta เดือนธันวาคม, โอเพนซอร์สทั้งหมด ตุลาคม 2021 เก็บตกรายละเอียดเพิ่มเติม (อีกนิด) ของ HarmonyOS 2.0 ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของ Huawei (เวอร์ชัน 1.0 ใช้กับสมาร์ททีวีที่ออกในปี 2019) Huawei จะออก HarmonyOS 2.0 Beta SDK สำหรับสมาร์ททีวีและสมาร์ทวอทช์ก่อน 10 กันยายน, SDK สำหรับสมาร์ทโฟนจะตามมาในเดือนธันวาคม 2020 สมาร์ทโฟนตัวแรกจะออกช่วงต้นปี 2021 HarmonyOS จะเปิดซอร์สโค้ดทั้งหมดในเดือนตุลาคม 2021 Huawei จะเปิดให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นๆ เข้ามาใช้งานด้วย รายละเอียดทางเทคนิคของตัว OS ยังมีไม่เยอะนัก เท่าที่บัญชีทวิตเตอร์ @HuaweiMobile โพสต์เอาไว้ ก็ยังเป็นแผนภาพที่แสดงข้อมูลกว้างๆ ไม่ลงรายละเอียดมากนัก ที่มา - @HuaweiMobile, Huawei Central
# Huawei เปิดตัวหูฟังไร้สาย มี ANC รุ่น FreeBuds Pro ราคา 199 ยูโร, FreeLace Pro ราคา 119 ยูโร Huawei เปิดตัวหูฟังไร้สายตระกูล Pro มี ANC สองรุ่น FreeBuds Pro แบบ TWS และ Freelace Pro แบบ neckband FreeBuds Pro มาพร้อมไดรเวอร์ขนาด 11 มิลลิเมตร ชิป Kirin A1 พร้อม ANC ที่บอกว่าลดเสียงได้ถึง 40 เดซิเบล มีไมโครโฟนสามตัวช่วยรับเสียง และมีระบบช่วยเร่งเสียงคนพูดรอบข้าง แบตเตอรี่ใช้งานได้ 4.5 ชั่วโมง รวมเคสได้ 20 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC และประมาณ 7 ชั่วโมง รวมเคส เป็น 30 ชั่วโมง เมื่อปิด ANC หูฟังชาร์จในเคสให้เต็มได้ภายในแค่ 40 นาที ดีไซน์โดยรวมค่อนข้างคล้ายคลึงกับ AirPods Pro การควบคุมใช้การลูบและบีบก้าน ไม่มีพูดถึงฟังก์ชั่นกันน้ำ ราคา 199 ยูโร (ราว 7,500 บาท) มีสามสี Silver Frost, Carbon Black และ Ceramic White วางจำหน่ายเดือนตุลาคมนี้ FreeLace Pro หูฟังไร้สายแบบ neckband มาพร้อมไดรเวอร์ 14 มิลลิเมตร มี ANC ทำงานร่วมกันไมค์คู่ในหูฟัง แต่ตอนคุยจะสามารถใช้ไมค์ที่แยกอยู่อีกตัวร่วมได้ รวมเป็นสามไมค์ แบตเตอรี่ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง ตัวสายถอดเสียบมือถือเพื่อชาร์จได้ ชาร์จ 5 นาที ใช้ได้ 5 ชั่วโมง มีระบบเชื่อมต่อเร็ว Huawei HiPair มีสามสี Graphite Black, Spruce Green และ Dawn White ราคา 119 ยูโร (ราว 4,450 บาท) วางจำหน่ายเดือนกันยายนนี้ ที่มา - Twitter: Huawei Mobile
# ไม่ได้อยู่แค่บนสไลด์แล้ว, Huawei เตรียมเปลี่ยนไปใช้ HarmonyOS แทน Android ในปีหน้า หลังจากแจ้งเบื้องต้นไปว่า HarmonyOS พัฒนาได้กว่า 70-80% แล้ว ล่าสุด Richard Yu ซีอีโอของ Huawei Consumer ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ในงานสัมมนาประจำปี Huawei Developer Conference 2020 ว่าจะเปิดให้ผู้พัฒนาทดสอบ HarmonyOS เวอร์ชั่นเบต้าได้ในเดือนธันวาคมปีนี้ และเตรียมนำมาใช้งานบนมือถือแบบเต็มรูปแบบในปีหน้า HarmonyOS หรือ หงเหมิง ในภาษาจีน (ที่แปลว่าจุดเริ่มต้นของโลก) คือระบบปฏิบัติการที่ Huawei พัฒนาขึ้นเพื่อมาแทนที่ Android พร้อมตั้งเป้าต่อยอดไปเป็น Ecosystem ที่ครอบคลุมทุกระบบในชีวิตประจำวัน หลังถูกสหรัฐแบนจนทำให้ไม่สามารถทำงานร่วมกับ Google หรือ Android ได้ และทำให้มือถือ Huawei ที่ไม่มี GMS ยอดขายตกลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม Huawei ยังประสบปัญหาในการผลิตชิปและชิ้นส่วนต่างๆ จากทั้ง TSMC, Qualcomm และ Mediatek แถมล่าสุดยังมีข่าวลือว่า ซัมซุงและ SK Hynix ก็เตรียมเลิกผลิตและส่งมอบชิปให้ Huawei เช่นกันด้วย คงต้องติดตามต่อว่า Huawei จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ที่มา - Reuters
# อาวุธลับไมโครซอฟท์ Xbox All Access ซื้อเครื่องผ่อน 24 เดือน ถูกลงไปอีก 50 เหรียญ ไมโครซอฟท์เปิดตัว Xbox รุ่นใหม่ด้วยราคาเร้าใจคือ Xbox Series S ที่ 299 ดอลลาร์ และ Xbox Series X ที่ 499 ดอลลาร์ สร้างแรงกดดันว่าฝั่ง Sony จะเปิดราคา PS5 อย่างไรให้แข่งขันได้ แต่กลยุทธ์ด้านราคาเครื่องอย่างเดียวอาจยังไม่พอ เพราะไมโครซอฟท์ยังมีท่า "ซื้อผ่อน" ที่ทำให้การซื้อ Xbox Series S/X คุ้มค่าเข้าไปอีก ไมโครซอฟท์มีโปรแกรมขายเครื่องแบบผ่อนชื่อ Xbox All Access มาตั้งแต่ยุค Xbox One โดยเป็นการผ่อนนาน 24 เดือนแล้วรับเครื่องเป็นสิทธิขาดไปเลย รอบนี้ Xbox Series S และ X มีโครงการ All Access มาตั้งแต่แรก โดยตั้งราคา 24.99 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ Series S และ 34.99 ดอลลาร์สำหรับ Series X จุดที่น่าสนใจคือการผ่อนในโครงการ All Access จะได้รวมค่าสมาชิก Xbox Game Pass Ultimate นาน 24 เดือนเท่ากับระยะเวลาที่ผ่อนด้วย หากเรานำค่าสมาชิก Ultimate ราคาขายปลีกปกติ เดือนละ 14.99 ดอลลาร์มาคำนวณด้วย ก็จะเหลือต้องจ่ายค่าเครื่อง Xbox Series S เดือนละ 10 ดอลลาร์เท่านั้น คูณ 24 เดือนคือ 240 ดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่าค่าเครื่องปกติ 299 ดอลลาร์ (ลดราคาลงไป 49.99 ดอลลาร์) หากคิดกรณีของ Xbox Series X จะเหลือจ่ายค่าเครื่องเดือนละ 20 ดอลลาร์ คูณ 24 เดือนคือ 480 ดอลลาร์ ถูกกว่าค่าเครื่องปกติ 499 ดอลลาร์เล็กน้อย (ลดราคาลงไป 19.99 ดอลลาร์) ดังนั้นหากมีแผนซื้อเครื่อง Xbox รุ่นใหม่อยู่แล้ว และเล่นเกมผ่าน Game Pass ที่คุ้มค่าขึ้นเรื่อยๆ (เพิ่มการเล่นเกมบนมือถือผ่าน xCloud และ ล่าสุดคือเพิ่มเกมของ EA เข้ามาอีกประมาณ 60 เกม) การซื้อผ่านโปรแกรม All Access ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และดีกว่าการซื้อขาดแต่แรกมาก ข้อจำกัดเดียวของ Xbox All Access คงเป็นจำนวนประเทศที่ยังจำกัดอยู่ ตอนนี้ยังมีโปรแกรมนี้เพียง 12 ประเทศเท่านั้น (นี่คือเพิ่งขยายแล้วในรอบนี้ ก็ยังได้แค่ 12 ประเทศ) ที่มา - Microsoft, Ars Technica
# มือถือกล้องหน้าใต้จอ ZTE Axon 20 ใช้วิธีลดพิกเซลจอเหนือกล้องเพื่อรับภาพ หลัง ZTE เปิดตัว Axon 20 มือถือกล้องหน้าใต้จอรุ่นแรก ไปเมื่อ 2 กันยายนที่ผ่านมา วันนี้แอคเคาท์ทวิตเตอร์ @StationChat ได้ปล่อยภาพรายละเอียดบริเวณหน้าจอเพิ่มเติม เพื่ออธิบายว่า ZTE ใช้วิธีไหนในการซ่อนกล้อง @StationChat รายงานว่าจำนวนเม็ดพิกเซลและความหนาแน่นของพิกเซลเหนือบริเวณกล้อง จะน้อยกว่าบริเวณอื่นบนหน้าจอ โดยอาจมีความละเอียดในระดับ 720p ในชณะที่หน้าจอโดยรวมอยู่ที่ระดับความละเอียด 1080p และเมื่อมีเม็ดพิกเซลน้อยกว่า ย่อมมีช่องว่างระหว่างเม็ดพิกเซลมากกว่า ในพื้นที่เท่ากัน ช่องว่าระหว่างเม็ดพิกเซลนี้เอง ที่ทำให้แสงสามารถตกกระทบกล้องที่ซ่อนอยู่ได้ โดยบริเวณที่มีเม็ดพิกเซลหนาแน่นน้อย จะอยู่บนแถบ status bar และเป็นเพียงบริเวณเล็กๆ เท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานทั่วไปแต่อย่างใด คงต้องมารอดูการใช้งานจริงอีกครั้งว่าจะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าบริเวณนั้นของหน้าจอ แตกต่างจากจุดอื่นหรือไม่ และคงต้องรอดูเทคนิคซ่อนกล้องของค่ายอื่น เช่น Xiaomi ที่น่าจะทำมือถือที่ซ่อนกล้องหน้าไว้ใต้จอออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในปีถัดๆ ไป ที่มา - Android Community, @StationChat ภาพความแตกต่างของความหนาแน่นพิกเซล ระหว่างบริเวณที่มีกล้อง และไม่มีกล้องอยู่
# แอป KTC Mobile ล่มยาว 5 ชั่วโมง บริษัทกำลังแก้ไข แอป KTC Mobile ของบริษัทบัตรกรุงไทยล่มยาวตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยทางธนาคารระบุว่ากำลังแก้ไข และแนะนำให้เข้าใช้งานบริการ KTC Online แทน KTC ไม่ได้เป็นธนาคารที่ต้องเปิดเผยข้อมูลล่มตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย
# LINE Pay ในญี่ปุ่นเตรียมรองรับ Apple Pay ด้วย LINE ประเทศญี่ปุ่น เผยในงาน LINE DAY 2020 ว่า LINE Pay จะสามารถรองรับ Apple Pay ได้ ภายในสิ้นปีนี้ เท่ากับว่าผู้ใช้งาน iPhone หรือ Apple Watch สามารถแตะจ่ายในจุดรับจ่ายที่รองรับการจ่ายผ่าน LINE Pay ได้ ปัจจุบัน LINE ในประเทศญี่ปุ่นสามารถรองรับ Google Pay, QR Code และ Visa LINE Pay จนถึงตอนนี้มีร้านค้าในญี่ปุ่นที่รับจ่าย LINE Pay มากกว่า 3.3 ล้านแห่ง และยังมีร้านค้าสมาชิกทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศที่รับจ่าย Visa LINE Pay ได้กว่า 61 ล้านแห่ง เป้าหมายของ LINE คือสร้างช่องทางรับจ่ายทั่วโลก 90 ล้านแห่ง ข่าวนี้เป็นข่าวประกาศจาก LINE ประเทศญี่ปุ่น ยังไม่ยืนยันว่า LINE ในไทยจะรองรับ Apple Pay ได้ ข้อมูลเปิดเผย LINE MAN ประกาศควบรวมกับบริษัท Wongnai ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Blognone หลังเข้าซื้อบริษัทตั้งแต่ปี 2017 ที่มา - CNET Japan
# เปิดตัว Lenovo Ideapad Gaming 3 ซีพียู Ryzen 4000 เริ่ม 23,990 บาท Lenovo เปิดตัว Ideapad Gaming 3 รุ่นใหม่ ในงานแถลงข่าว Lenovo Legion 2020 Episode 2 เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD รีเฟรชเรต 120Hz มีรุ่นการ์ดจอ GTX 1650 กับ GTX 1650Ti ส่วนสเปคอื่นๆ คือ ซีพียู Ryzen 5 4600H, แรม 8GB 3200MHz, SSD PCIe 512GB และราคาแบ่งตามการ์ดจอดังนี้ รุ่น GTX 1650 ราคา 23,990 บาท รุ่น GTX 1650Ti ราคา 25,990 บาท Ideapad Gaming 3 แถมประกัน Premium Care Advance 2 ปี ประกันอุบัติเหตุ 1 ปี กระเป๋าเป้ Gaming Backpack และเกม Assassin's Creed Valhalla ฟรี ที่มา - งานแถลงข่าว Lenovo Legion 2020 Episode 2
# Lenovo เปิดตัว Legion 5 ซีพียู Ryzen 4000 เริ่ม 36,990 บาท Lenovo ร่วมกับ AMD เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง Lenovo Legion 5 รุ่นใหม่ มาพร้อมซีพียู Ryzen 4000 รหัส H ในงานแถลงข่าวออนไลน์ Lenovo Legion 2020 Episode 2 ช่วงเช้าวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา Lenovo Legion 5 หน้าจอ IPS LCD ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD รีเฟรชเรต 144Hz แสดงผลสีมาตรฐาน sRGB 100% ความสว่างสูงสุด 300nits รองรับ HDR แบบ Dolby Vision สเปกภายในมีสองรุ่น ดังนี้ รุ่น GTX 1660Ti ซีพียู Ryzen 7 4800H แรม 16GB 3200Mhz SSD 512GB PCIe ราคา 36,990 บาท วางจำหน่ายเดือนพฤศจิกายนนี้ รุ่น RTX 2060 ตัวเลือกซีพียู Ryzen 5 4600H และ Ryzen 7 4800H แรม 16GB 3200HZ SSD 512GB PCIe รุ่น Ryzen 5 ราคา 36,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายแล้ว รุ่น Ryzen 7 ยังไม่เปิดเผยราคา วางจำหน่ายเดือนพฤศจิกายนนี้ Legion 5 รุ่นใหม่ทุกรุ่น แถมประกัน Unbeatable Protection 2 ปี (ทั้งซ่อม และอุบัติเหตุ) กระเป๋าเป้ Gaming Backpack และเกม Assassin's Creed Valhalla ฟรี นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่น เมื่อซื้อ Legion 5 รุ่นเก่าที่ใช้ซีพียู AMD และมีแรม 8GB เพิ่มแรมได้ฟรีอีก 8 GB ตั้งแต่วันที่ 10-30 กันยายนนี้ จำกัดจำนวน 500 เครื่องแรกที่ใช้สิทธิ์เท่านั้น ที่มา - งานแถลงข่าว Lenovo Legion 2020 Episode 2
# Apple Store เปิดสาขาใหม่ Marina Bay Sands วันนี้ที่สิงคโปร์ Apple Store เปิดให้บริการสาขาใหม่ล่าสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วันนี้ (10 กันยายน) ที่ประเทศสิงคโปร์ ชื่อสาขา Apple Marina Bay Sands ซึ่งเป็นสาขาที่ 3 ของที่นี่ จุดเด่นของ Apple Marina Bay Sands นั่นคือเป็นสาขาแรกที่ตั้งอยู่บนผืนน้ำของ Marina Bay ตัวอาคารเป็นรูปทรงกลม จึงให้บรรยากาศแบบ 360 องศา นอกจากนี้ยังมีชั้นล่างที่อยู่ใต้น้ำ Apple Marina Bay Sands เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 12.00น. จนถึง 20.00น. ตอนนี้ใครที่อยู่เมืองไทยแล้วอยากไปเยือน ก็คงต้องรอกันไปก่อน ที่มา: แอปเปิล
# Tile ผู้ให้บริการแท็กติดกระเป๋ากันของหาย เปิดตัวบริการจ่ายเงินชดเชยให้ถ้าหาของไม่เจอ Tile ผู้ให้บริการแท็กติดกระเป๋า ที่สามารถติดตามได้ผ่านบลูทูธและอาศัยการปิงกับอุปกรณ์ตัวอื่นเพื่อหาตำแหน่ง เปิดตัวบริการใหม่ที่เรียกว่า Premium Protect ซึ่งรวมเอาบริการในระดับ Premium (Smart Alerts, Unlimited Sharing, เปลี่ยนแบตฟรี ฯลฯ) และเสริมด้วยบริการ reimburse หรือการจ่ายเงินชดเชยหากหาแท็กไม่เจอ ผู้ใช้บริการ Premium Protect สามารถได้เงินชดเชยคืนสูงสุด 1,000 เหรียญต่อปี ตามมูลค่าของสินค้าที่หาย หาก Tile ไม่สามารถช่วยค้นหาได้ภายใน 7 วัน ซึ่งซีอีโอของ Tile ระบุว่าที่เปิดตัวบริการนี้ เพราะมั่นใจว่าด้วยจำนวนผู้ใช้และประสบการณ์ที่ให้บริการมาท 7 ปี จะช่วยตามหาแท็กที่หายไปได้ ขณะที่ Premium Protect ต้องเสียค่าบริการปีละ 99.99 เหรียญหรือราว 3,100 บาท (จาก Tile Premium ที่คิดปีละ 29.99 เหรียญ) ที่มา - PRNewswire
# Yubico เปิดตัว YubiKey 5C NFC หัวเป็น USB-C ราคา 55 เหรียญ Yubico เปิดตัวกุญแจ YubiKey 5C NFC ตัวใหม่ในไลน์ YubiKey 5 ที่เป็นการรวมเอารุ่น YubiKey 5C ที่เป็นหัว USB-C และ YubiKey 5 NFC ที่รองรับ NFC เข้าด้วยกัน YubiKey 5C NFC รองรับโปรโตคอลยืนยันตัวตนไม่ต่างจาก YubiKey 5 รุ่นอื่น ๆ คือ FIDO2, FIDO, WebAuthn, smart card (PIV) , Yubico OTP, OpenPGP, OATH-TOTP, OATH-HOTP และ Challenge-Response วางจำหน่ายที่ราคา 55 เหรียญ (ราว 1,700 บาท) ที่มา - Yubico
# ผลจากภาษีดิจิทัลของยุโรป Apple, Google, Amazon ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมตาม จากมาตรการจัดเก็บภาษีบริการดิจิทัลใหม่ (Digital Services Tax หรือ DST) ที่รัฐบาลอังกฤษเสนอให้สหภาพยุโรปเก็บเพิ่ม บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Apple และ Amazon เริ่มสื่อสารกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ว่าจะขึ้นค่าธรรมเนียมเพิ่มเช่นกัน มาตรการจัดเก็บภาษีดิจิทัลมาจากประเด็นว่าบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ เข้ามาสร้างรายได้จากประชาชนยุโรปได้มหาศาล แต่ยุโรปสามารถจัดเก็บภาษีน้อยนิด เพราะเก็บได้เฉพาะภาษีรายได้นิติบุคคลเท่านั้น (แถมบริษัทเหล่านี้ยังมีกลเม็ดในการเลี่ยงภาษีนี้อีกหลายทาง เช่น การตั้งบริษัทในประเทศที่ภาษีต่ำๆ อย่างไอร์แลนด์) ทำให้ในปี 2018 รัฐบาลอังกฤษ จึงได้เสนอให้จัดเก็บภาษีบริการดิจิทัลเพิ่ม โดยเป็นการเพิ่มภาษีจากรายได้ใดๆ ที่เกิดจากบริการดิจิทัลในยุโรป (เช่น ค้นหา, โซเชียลมีเดียและการค้าออนไลน์) และเป็นการเก็บเพิ่มเติมนอกเหนือจากภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องเสียอยู่แล้ว สำนักงาน Google แต่ละประเทศมีมาตรการเก็บภาษีบริการดิจิทัลเพิ่มไม่เท่ากัน และบังคับใช้ในช่วงเวลาต่างกัน อย่างภาษีบริการดิจิทัลของฝรั่งเศสเก็บเพิ่ม 3% มีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา, อิตาลีเก็บเพิ่ม 3% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม, ตุรกีเก็บเพิ่มที่ 7.5% บังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม, อังกฤษเก็บ 2% เริ่มในเดือนเมษายน สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นบริษัทเหล่านี้ประกาศเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้าหรือคู่ค้าเพิ่มเติม จึงอาจมองได้ว่าเป็นการผลักภาระภาษีไปที่ลูกค้าอีกที Google แจ้งกับลูกค้าผู้ลงโฆษณาว่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 เป็นต้นไป จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับโฆษณาที่แสดงบน Google และ YouTube เนื่องจากต้องจ่ายภาษีดิจิทัลในตุรกีและออสเตรีย 5% และในอังกฤษ 2% Amazon ก็เพิ่มค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ขายในอังกฤษอีก 2% เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น โดยมีผลในวันที่ 1 กันยายน Apple มีประกาศ เปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์บน App Store ในบางประเทศที่เคาะจัดเก็บภาษีเพิ่ม อย่างอังกฤษ เพิ่ม 2%, อิตาลีกับฝรั่งเศส เพิ่ม 3%, ตุรกีเพิ่ม 7.5% ที่มา - Business Insider , The Verge
# Google Maps เวอร์ชันบน Apple Watch กลับมาให้ใช้งานอีกครั้งแล้ว แอป Google Maps เวอร์ชันบน Apple Watch กลับมาให้ใช้งานอีกครั้ง ตามที่กูเกิลได้ประกาศไว้เมื่อเดือนที่แล้ว โดยผู้ใช้งาน iOS ต้องอัปเดตแอป Google Maps ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อน จากนั้นจึงสามารถเลือกเพิ่มแอปผ่านแอป Apple Watch บน iPhone Google Maps บน Apple Watch เคยเปิดตัวเมื่อปี 2015 แต่ผ่านไปสองปีกูเกิลก็ตัดสินใจถอดแอปออกไป โดยไม่ได้อธิบายเหตุผลอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ Google Maps บน Apple Watch ไม่ได้มีการทำงานที่เต็มรูปแบบ ผู้ใช้ไม่สามารถค้นหาแผนการเดินทางสถานที่ใหม่ผ่าน Apple Watch ได้โดยตรง แต่ต้องค้นหาจาก iPhone ก่อน เว้นแต่เป็นสถานที่ซึ่งเคยบันทึกเอาไว้ ก็จะสามารถค้นหาผ่าน Apple Watch ได้เลย ที่มา: The Verge