txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Canon เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในแอป image.canon อัพโหลดภาพจากกล้องขึ้น Google Photos โดยไม่ต้องเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
Canon และ Google ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่เป็นการเพิ่มฟีเจอร์อัพโหลดรูปจากกล้อง Canon ขึ้น Google Photos ผ่าน Wi-Fi โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ SD card เข้ากับคอมพิวเตอร์อีกต่อไป
วิธีเชื่อมต่อกล้อง Canon กับ Google Photos คือจะต้องใช้แอป image.canon เวอร์ชันล่าสุด พร้อมกับกล้องรุ่นที่รองรับ image.canon (รายชื่อ) และสมาชิก Google One
วิธีใช้คือ ผู้ใช้จะต้องกดเชื่อมต่อ Google Photos ในแอป image.canon เพื่อล็อกอินด้วยบัญชีสมาชิก Google One ก่อน และเชื่อมต่อกล้องผ่าน Wi-Fi เข้ากับแอป image.canon เพื่อให้ระบบอัพโหลดภาพโดยตรง ไม่ต้องเชื่อมต่อ SD card เข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่ออัพโหลดภาพขึ้น Google Photos อีกต่อไป
ที่มา - Google, Engadget |
# Sony เปิดหน้าเว็บลงทะเบียนพรีออเดอร์ PS5 แม้ยังไม่ประกาศราคา-วันขาย
Sony เปิดหน้าเว็บให้ลงทะเบียน เพื่อสั่งซื้อเครื่อง PlayStation 5 ล่วงหน้าแล้ว แม้ยังไม่ประกาศราคา-วันวางขาย
หน้าเว็บนี้เปิดให้ลูกค้า PlayStation ในปัจจุบัน (ต้องมี PlayStation Online ID) ลงทะเบียนเพื่อขอรับคำเชิญ pre-order ซึ่ง Sony ระบุว่าจะส่งคำเชิญให้ลูกค้าเพียงบางส่วน (some of our existing consumers) เท่านั้น เพราะมีเครื่องจำนวนจำกัดในช่วง pre-order
แคมเปญนี้ยังเปิดรับเฉพาะลูกค้าในสหรัฐเท่านั้น
ที่มา - Ars Technica |
# Fortnite ยืนยัน ผู้เล่นบน iOS/macOS ไม่ได้อัพเดตต่อ เล่นกับแพลตฟอร์มอื่นไม่ได้แล้ว
Epic Games ประกาศว่า จากการที่แอปเปิลบล็อคไม่ให้อัพเดตเกม Fortnite บนอุปกรณ์ของแอปเปิลทั้งหมด ส่งผลให้เกมเวอร์ชัน v13.40 เป็นเวอร์ชันสุดท้ายบน iOS/macOS
ด้วยธรรมชาติของเกมยุคใหม่ที่มีระบบ Season เปลี่ยนเนื้อหาธีมไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้เล่นที่อัพเดตแอพเป็น v13.40 จะเล่นได้ถึง Chapter 2 Season 3 ที่จะสิ้นสุดลงในวันนี้ (27 สิงหาคม) เท่านั้น พอถึงจุดเริ่มเนื้อหาใหม่เป็น Chapter 2 Season 4 (v14.00) ซึ่งเป็นธีมฮีโร่ Marvel ก็ไม่มีสิทธิเล่นแล้ว
เหตุการณ์นี้ทำให้จักรวาล Fortnite แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ แพลตฟอร์มแอปเปิลจะหยุดที่ Season 3 และต้องเล่นมัลติเพลเยอร์กันเองเท่านั้น ไม่สามารถ cross-play กับผู้เล่นบนแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ก้าวไปสู่ Season 4 แล้ว (Android ยังลงได้แบบ sideload หรือผ่าน Galaxy Store)
ที่มา - Epic Games, The Verge |
# Xiaomi รายงานผลประกอบการไตรมาส แม้ตลาดสมาร์ทโฟนท้าทาย แต่รายได้รวมยังเติบโต
Xiaomi รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนมิถุนายน 2020 รายได้รวม 5.354 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.1% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 4.49 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 129.8%
บริษัทระบุว่าแม้สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนมีความท้าทายสูง แต่บริษัทยังมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 3.163 หมื่นล้านหยวน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลก 10.1% ในอันดับที่ 4 ตามข้อมูลของ Canalys นอกจากนี้ยอดขายสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมยังเพิ่มขึ้นถึง 99.2% สำหรับตลาดต่างประเทศ
กลุ่มธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์และ AI มีรายได้ 1.525 หมื่นล้านหยวน โทรทัศน์ขายได้ 2.8 ล้านเครื่อง นอกจากนี้ซีอีโอ Lei Jun ยังประกาศให้กลยุทธ์หลักของบริษัทเป็น Smartphone x AIoT เพื่อเน้นย้ำการให้สมาร์ทโฟนเป็นหัวใจสำคัญ และมีสินค้าไลฟ์สไตล์ (Xiaomi เรียกรวมว่า AIoT) คอยส่งเสริม
ที่มา: Xiaomi |
# Musk เผยเตรียมเดโม Neuralink อินเทอร์เฟสเชื่อมสมองกับคอม เช้าวันเสาร์นี้
Elon Musk เปิดเผยรายละเอียดของ Neuralink บริษัทใหม่ของเจ้าตัว ที่พัฒนาอินเทอร์เฟสเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์เมื่อปีที่แล้ว
ล่าสุด Musk เปิดเผยผ่านทวีตว่า Neuralink จะโชว์เดโมผ่านไลฟ์สตรีมวันศุกร์นี้เวลาบ่าย 3 ตามเวลาแปซิฟิกหรือประมาณตี 5 วันเสาร์ตามเวลาในประเทศไทย
ที่มา - @elonmusk |
# ไอบีเอ็มเปิดบริการ RoboRXN ห้องแล็บเคมีแบบคลาวด์ ช่วยนักวิทยาศาสตร์ผลิตโมเลกุลตามต้องการ
ไอบีเอ็มเปิดตัวบริการ RoboRXN ห้องแล็บเคมีอัตโนมัติ ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าถึงห้องแล็บเพื่อสร้างสารเคมีที่ต้องการได้จากที่บ้าน
RoboRXN เปิดให้นักวิทยาศาสตร์วาดโครงสร้างโมเลกุลที่ต้องการ จากนั้นปัญญาประดิษฐ์จะแนะนำว่ากระบวนการสังเคราะห์โมเลกุลต้องทำอะไรบ้าง เมื่อนักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบขั้นตอนที่ปัญญาประดิษฐ์เสนอให้แล้ว สามารถสั่งให้หุ่นยนต์สังเคราะห์โมเลกุลจากห้องแล็บได้ทันที ทางไอบีเอ็มระบุว่าทดสอบความแม่นยำจากผู้ใช้ที่ทดสอบระบบ 15,000 คน รวมออกแบบสูตรสังเคราะห์เคมี 760,000 สูตร
นักวิทยาศาสตร์ของไอบีเอ็มเปรียบเทียบกระบวนการออกแบบสูตรเคมีเช่นนี้เป็นเหมือนการสั่งอาหารที่เราเพียงสั่งเมนู แล้วปัญญาประดิษฐ์จะแยกย่อยกระบวนการปรุงและส่วนประกอบให้อัตโนมัติ
ทางไอบีเอ็มเปิดเว็บไซต์ Labcast ให้คนภายนอกเข้าชมการทำงานของหุ่นยนต์ในห้องแล็บ อย่างไรก็ดีทางไอบีเอ็มยังไม่ระบุว่าจะเปิดบริการนี้ให้คนทั่วไปใช้งานเมื่อใด
ที่มา - IBM |
# ASUS เปิดตัว Zenfone 7, 7 Pro กล้องพลิกได้มีเลนซูม เริ่มต้นประมาณ 23,490 บาท
วันนี้ Asus เปิดตัว Zenfone 7 และ 7 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเรือธง แต่ไม่ได้เน้นด้านเกมมิ่งแบบตระกูล ROG ทั้งสองรุ่นมีกล้องสามตัว เพิ่มเลนส์ซูมเข้ามาจากที่เคยมีแค่เลนส์ปกติและอัลตร้าไวด์ ใน Zenfone 6
Zenfone 7 Pro ใช้แพแนลจอ AMOLED จากซัมซุง ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080p+ อัตราส่วน 20:9 รีเฟรชเรต 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 865+ แรม LPDDR5 เริ่มต้นที่ 8GB หน่วยความจำภายใน 256GB แบบ UFS 3.1 รองรับ 5G (แค่ sub-6GHz ไม่รองรับ mmWave) ใส่สองซิมได้ (แต่ไม่รองรับซิมคู่แบบ 5G+5G) รองรับ microSD card ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม ประกบด้วย Gorilla Glass 6 ด้านหน้า และ Gorilla Glass 3 ด้านหลัง
กล้องสามตัวแบบพลิกใช้เป็นกล้องหน้าได้ เพิ่มความแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม มอเตอร์เล็กลงแต่มีแรงบิดมากขึ้น ASUS ระบุว่าพลิกได้วันละ 100 ครั้ง ถึง 5 ปี เต็ม ทนแรงกดได้กว่า 35 กิโลกรัม กล้องหลัก 64MP เซ็นเซอร์ Sony IMX686 มี OIS กันสั่น ถ่าย 8K 30fps และ 4K 120fps ได้ กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP เซ็นเซอร์ Sony IMX363 มี Dual Pixel AF มีออโต้โฟกัสในโหมดอัลตร้าไวด์ และใช้เป็นเลนส์ถ่ายมาโครที่ระยะโฟกัส 4 เซ็นติเมตรได้ด้วย ส่วนกล้องใหม่ที่เพิ่มมา เป็นเลนส์เทเล 80 มิลลิเมตร ความละเอียด 8MP ซูมได้ 3x มี OIS เหมือนกล้องหลัก
ส่วน Zenfone 7 ธรรมดา ต่างจาก 7 Pro ตรงที่ภายในใช้ชิป Snapdragon 865 กล้องหลักและกล้องซูมไม่มีกันสั่น OIS แรมมีรุ่นเริ่มต้นที่ 6GB และหน่วยความจำภายในเริ่มต้นที่ 128GB ทั้งสองรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W ควบคุมการชาร์จให้หยุดแค่ 80 หรือ 90 เปอร์เซ็นต์เพื่อถนอมแบตได้ ไม่รองรับชาร์จไร้สาย แสกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่อง ไม่มีรูหูฟัง และยังไม่มีข้อมูลเรื่องกันน้ำ
Zenfone 7 ทั้งสองรุ่นเริ่มจำหน่ายในไต้หวันแล้ววันนี้ มีสองสี คือขาวและดำ แม้รุ่นธรรมดาจะมีขนาด 6GB + 128GB แต่ที่วางขายในไต้หวัน เริ่มที่ 8GB + 128GB ราคา 21,990 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 23,490 บาท) ส่วนรุ่น 7 Pro ความจุ 8GB + 256GB อยู่ที่ 27,990 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 29,990 บาท)
รุ่น global เตรียมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในยุโรป 1 กันยายนนี้ ราคา global จะประกาศในสัปดาห์หน้า ส่วนราคาและวันวางจำหน่ายในบ้านเราต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา - The Verge, GSMArena |
# หลุด Screenshot จาก iPhone 12 Pro Max โชว์รีเฟรชเรต 120 Hz มี LiDAR ช่วยถ่ายรูป
Jon Prosser บล็อกเกอร์สายเทคโนโลยี ปล่อยภาพหลุดพร้อมวิดีโอเมนูตั้งค่าที่อ้างว่ามาจากอุปกรณ์ทดสอบก่อนผลิต (PVT) ของ iPhone 12 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว ที่เป็น เผยให้เห็นเมนูเปิดปิดเซ็นเซอร์ LiDAR ที่ระบุว่ามีส่วนช่วยในการหาโฟกัสสำหรับวิดีโอ และการถ่ายภาพ Night Mode รวมถึงเมนูเปิดปิด High Refresh Rate และ Adaptive Refresh Rate ที่ปรับค่าอัตโนมัติระหว่าง 60 Hz และ 120 Hz
Prosser ระบุว่าเครื่อง PVT บางเครื่องมีหน้าจอ 120 Hz แต่บางเครื่องก็ไม่มี ซึ่งอาจเกี่ยวกับข่าวที่ระบุว่า Apple มีปัญหากับซัพพลายหน้าจอ 120 Hz
อย่างไรก็ตาม ภาพหน้าจอที่หลุดมาของ Prosser ยังมีพิรุธในการใช้ตัวอักษรเล็กใหญ่หลายจุดที่ Apple ไม่ค่อยใช้ เช่นคำว่า “behaviour” ที่สะกดแบบมีตัว u ตัวอักษร Hz ที่เป็น h ตัวเล็ก "Zoom Capabilities"ที่สะกดผิด และคำว่า “Slow Mo” ที่ปกติ Apple จะสะกดว่า “Slo Mo” นอกจาก Prosser ยังโชว์วิดีโอ ที่มีภาพหน้าจอแบบเต็มๆ แสดงให้เห็นขนาดรอยแหว่งด้านบน (notch) ที่ไม่ได้เล็กลงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีภาพหลุดเพิ่มเติมจากทวิตเตอร์ EverythingApplePro ที่มีจุดพิมพ์ผิดและตัวสะกดแบบเดียวกันกับของ Prosser พร้อมโชว์รอยแหว่งขนาดเท่าเดิมเช่นกัน แต่ตัวเลขแสดงเวลากลับมีตัวอักษร AM แสดงอยู่ด้วย พร้อมระบุว่าหน้าจอมีความละเอียด 2788 x 1284 พิกเซลต่อนิ้วอยู่ที่ 458 ppi และจะไม่แถมหัวชาร์จมาในกล่อง
ที่มา - MacRumors |
# ธนาคารไทยพาณิชย์กลับมาเปิดให้บัตรเดบิตจ่ายอีคอมเมิร์ชได้อีกครั้ง ระบุกระทบวงจำกัด
ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดให้บัตรเดบิตกลับมาใช้บริการได้ทุกประเภทอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ปิดบริการรูดผ่านเว็บอีคอมเมิร์ชไป เนื่องจากมีรายงานการจ่ายที่ไม่ได้รับอนุญาตจำนวนมาก
ทางธนาคารระบุว่าได้ปิดบริการกับลูกค้าบางส่วนเท่านั้น และตอนนี้ก็กลับมาเปิดทั้งหมดแล้ว โดยธนาคารมีระบบตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง
เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ใช้จำนวนมากถูกจ่ายผ่านบัตร โดยระบุชื่ออ้างอิงในรายการว่า FACEBK ทางธนาคารไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นข้อมูลหลุดออกมาจากที่ใดจึงเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้
ที่มา - Facebook: SCB Thailand |
# พุทธิพงษ์เชื่อ เฟซบุ๊ก ไม่ฟ้องไทยแต่พร้อมสู้ถ้าฟ้องจริง จะลงทุนหรือไม่เป็นเรื่องของบริษัท
จากกรณีที่ CNN รายงานว่าเฟซบุ๊กเตรียมฟ้องรัฐไทยเรื่องปิดกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส ฐานปิดกั้นการแสดงออกทางการเมือง พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงในวันนี้ เชื่อว่า เฟซบุ๊กจะไม่ฟ้อง เพราะที่ผ่านมา มีคำสั่งศาลขอให้เฟซบุ๊กลบเนื้อหา 1,129 URL เฟซบุ๊กยอมลบให้ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า เฟซบุ๊กเข้าใจและเคารพกฎหมายไทย
จากประเด็นที่เฟซบุ๊กแถลงการต่อไทยว่าคำสั่งลบกระทบสิทธิมนุษยชนและการแสดงออก พุทธิพงษ์บอกว่า ในเมื่อเราดำเนินการตามคำสั่งศาล ส่งจดหมายเตือนสองครั้ง ให้เวลาและโอกาสเฟซบุ๊กในการพิจารณา หลังจากนั้นก็ลบเนื้อหาทั้งหมด 1,129 URL แสดงให้เห็นว่าเฟซบุ๊กให้ความร่วมมือกับเรา โดยกระบวนการของไทยคือ ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ พร้อมคำสั่งศาลขอให้ลบเนื้อหาออกภายใน 15 วัน โดยอ้างตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 27 ซึ่งมีโทษปรับ 200,000 บาท หรือวันละ 5,000 บาท โดยจะดำเนินการทั้งคดีทางอาญาและเปรียบเทียบปรับ
(ใน CNN รายงานด้วยว่า เฟซบุ๊กจะถูกไทยดำเนินคดีอาญา หากไม่ลบเนื้อหาตามที่ไทยร้องขอ)
รูปประกอบจาก ทวิตเตอร์ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
เมื่อถูกถามว่าหากเฟซบุ๊กฟ้องขึ้นมาจริงๆ กระบวนการจะเป็นอย่างไรต่อไป พุทธิพงษ์บอกว่า ตัวเองยังไม่เห็นเอกสารจากเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ เห็นแต่ข่าวที่แชร์กัน หรือถ้ามีการฟ้องเกิดขึ้นจริง เราก็มีทีมกฎหมายที่จะศึกษาและสู้ไปตามกระบวนการยุติธรรมในไทย แต่ก็ยังคงย้ำความเชื่อเดิมที่ว่า การฟ้องร้องจะไม่เกิดขึ้น เพราะจากที่ยื่นเรื่องมา เฟซบุ๊ก, ยูทูบ, TikTok ก็ให้ความร่วมมือทั้งหมด
พุทธิพงษ์ยังบอกด้วยว่า คนเข้าร่วมกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส มีหลายคนโดนดำเนินคดีไปแล้ว เป็นคนที่โพสต์เพราะถือว่าผิดในข้อกฎหมายที่ว่านำเข้าข้อมูลผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ มีขึ้นศาลไปแล้วด้วย และในจำนวน 1,129 URL ก็มีกลุ่มบุคคลเหล่านี้ที่โพสรวมอยู่ด้วย แต่พุทธิพงษ์ไม่ได้บอกว่ามีกี่ราย
ด้านแถลงการณ์จากเฟซบุ๊กที่ระบุว่าการแทรกแซงบริษัทจะบั่นทอนการลงทุน พุทธิพงษ์บอกว่า ก็เป็นสิทธิของบริษัทนั้น อีกเรื่องคือ เฟซบุ๊กมีการลงทุนทั่วโลกอยู่แล้ว การที่เขาจะลงทุนในไทยหรือไม่ เขาคงศึกษามาดีแล้ว ห้ามเข้าไม่ได้ว่าจะอยู่หรือไป แต่ถ้าอยู่ก็อยากให้ทำตามกฎหมายไทย
ด้านกลุ่มใหม่ที่เปิดขึ้นมา คือ รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง พุทธิพงษ์บอกว่าก็จะดำเนินการตามกระบวนการเดิมคือส่งไปยังศาลและส่งจดหมายไปยังแพลตฟอร์มต่อไป |
# Chrome โหลดแท็บเร็วขึ้น 10%, จัดกลุ่มและพรีวิวแท็บ และเติมข้อความใน PDF ได้แล้ว
Google เตรียมอัพเดต Chrome เพิ่มความเร็วให้การโหลดหน้าเว็บใหม่บนแท็บถึง 10% ด้วย Profile Guided Optimization (PGO) บน Chromium ช่วยปรับคอมไพเลอร์ให้เลือกโฟกัสเพื่อรันโค้ดในส่วนที่จำเป็นได้ไวขึ้น
ถัดมาคือเพิ่มฟีเจอร์ Tab groups จัดประเภทให้แท็บ และรวบแท็บไปอยู่ในหัวข้อเดียวไม่ให้เกะกะหน้าจอได้ หรือถ้าใครยังใช้แท็บปกติอยู่ Chrome ก็มีฟีเจอร์ Tab previews เลื่อนเม้าส์ไปวางบนแท็บ แล้วจะมีตัวอย่างหน้าเว็บแสดงขึ้นมาให้ดู ช่วยให้หน้าแท็บที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเติมข้อความและเซฟ PDF บน Chrome โดยตรงได้ทันที โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมภายนอกแล้ว
ส่วนบนแอนดรอยด์ และแท็บเล็ต Chrome เพิ่มระบบจัดการแท็บบนอุปกรณ์ทัชสกรีนแบบใหม่ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น มีการแนะนำให้ไปยังหน้าแท็บที่เปิดไว้แล้วเมื่อพิมพ์ URL ที่เกี่ยวข้อง และยังเพิ่มความสามารถในการสร้าง QR Codeเพื่อให้แชร์ URL ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ที่มา - Google Blog |
# DiceKeys ลูกเต๋าสร้างกุญแจเข้ารหัสสำหรับเก็บรักษาระยะยาว
กระบวนการสร้างกุญแจเข้ารหัสเป็นส่วนสำคัญของระบบเข้ารหัสลับทั้งหมด โดยทั่วไปเรามักใช้ฟังก์ชั่นสร้างเลขสุ่มในคอมพิวเตอร์ที่ไปรวบรวม "ความยุ่งเหยิง" (entropy) ในคอมพิวเตอร์มาสร้างเลขสุ่มให้ แต่ทีมพัฒนา DiceKeys จากเกาหลีใต้เสนอแนวทางการใช้ลูกเต๋า 25 ลูกเพื่อสร้างกุญแจเข้ารหัสแทน
DiceKeys เป็นชุดลูกเต๋าที่ไม่ซ้ำกัน ระบุด้วยตัวอักษรประจำลูกเต๋า A ถึง Z มีเลข 1 ถึง 6 แต่ละหน้าเหมือนลูกเต๋าทั่วไป แต่เมื่อทอยลูกเต๋าลงในกล่อง 25 ช่องอย่างสุ่ม จะทำให้อ่านค่าความสุ่มได้ตั้งแต่ การเรียงลำดับของลูกเต๋า, หน้าของลูกเต๋าที่หันขึ้น, ทิศทางของลูกเต๋าแต่ละลูก ทำให้ความยุ่งเหยิงโดยรวมประมาณ 2196 ใช้สร้างกุญแจเข้ารหัสขนาด 196 บิตได้ โดยโครงการนี้มี Bruce Schneier นักวิทยาการเข้ารหัสลับเป็นที่ปรึกษา
กุญแจเลขสุ่มมีการใช้งานในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้ารหัสจำนวนมาก เช่น กุญแจล็อกอินแบบ FIDO ก็มีเลขสุ่มอยู่ภายใน ทีมงาน DiceKeys เปิดตัวชุดลูกเต๋านี้พร้อมกับกุญแจ FIDO อีกสามรุ่นที่สามารถทำสำเนาขึ้นใหม่หากกุญแจ FIDO แบบ USB นั้นเสียหาย เนื่องจากเป็นลูกเต๋าและกล่องพลาสติกธรรมดาทำให้อายุการใช้งานนานกว่า 50 ปี และซอฟต์แวร์สำหรับอ่านค่ากุญแจจากลูกเต๋าใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ทีมงานจะเปิดโครงการภายหลัง
ราคาชุดลูกเต๋า 25 ดอลลาร์ หากซื้อคู่กับกุญแจ FIDO จะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ เริ่มส่งสินค้าต้นปี 2021
ที่มา - CrowdSupply, Bruce Schneier |
# Settings ของ Windows 10 เพิ่มฟีเจอร์ Disk Management ใช้จัดการพาร์ทิชันได้
ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าทยอยย้ายฟีเจอร์จาก Control Panel หรือแอพตั้งค่ายุคเก่า มาอยู่ในแอพ Settings ยุคใหม่ (แม้ทำงานค่อนข้างช้าก็ตาม หลายปีแล้วไม่เสร็จสักที)
รอบนี้เป็นคิวของ Disk Management เครื่องมือที่ใช้จัดการดิสก์และพาร์ทิชัน ถูกเขียนขึ้นใหม่ใน Settings แล้ว ไมโครซอฟท์บอกว่ามันทำงานกับฟีเจอร์ยุคใหม่ๆ อย่าง Storage Spaces ได้ด้วย (แม้หน้าตาอาจไม่สวยเท่ากับของเดิมก็ตาม)
ฟีเจอร์นี้เริ่มเปิดใช้แล้วใน Windows 10 Insider Preview Build 20197 ส่วน Disk Management ตัวเดิมก็ยังคงอยู่ไม่ไปไหน
ที่มา - Microsoft |
# Firefox 80 ออกแล้ว ตั้งเป็นตัวอ่าน PDF ของระบบปฏิบัติการได้
Firefox ออกเวอร์ชัน 80 ซึ่งบางคนอาจรู้สึกว่าออกเร็วขึ้นกว่าเดิม (ตามหลังเวอร์ชัน 79 ไม่ถึงเดือน) เป็นผลมาจากนโยบายปรับรอบการออกเป็นทุก 4 สัปดาห์ ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ต้นปีนี้
รอบการออกที่เร็วขึ้น แลกมากกับการที่บางเวอร์ชันมีฟีเจอร์ใหม่ไม่เยอะนัก ซึ่งรวมถึงเวอร์ชัน 80 นี้ด้วย
ตั้งค่า Firefox เป็นตัวอ่าน PDF หลักของระบบปฏิบัติการได้แล้ว
เพิ่มระบบ add-on blocklist ทำให้ Firefox บล็อคการติดตั้งส่วนขยายที่ทำงานช้าหรือแครชง่าย เพื่อไม่ให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมแย่ลง
ปรับการทำงานของโหมด recuded motion ลดแอนิเมชันลงจากเดิม เพื่อให้คนที่มีปัญหาเรื่องนี้ใช้งานได้ดีขึ้น
ที่มา - Mozilla |
# เปิดตัว Fitbit Sense มี ECG และVersa 3 มี GPS ในตัว มี Google Assistant ทั้งสองรุ่น
Fitbit สมาร์ทวอทช์สายฟิตเนส ออกรุ่นใหม่สองรุ่นคือ Firbit Sense และ Versa 3 กับสมาร์ทแบนด์เน้นการออกกำลังกาย Inspire 2
Fitbit Sense มาแทนตระกูล Fitbit Ionic เป็นรุ่นเรือธงใหม่ของ Fitbit หน้าจอ AMOLED พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงเพื่อปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ มี GPS ในตัว มีไมค์และลำโพงไว้รับโทรศัทพ์ได้ผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth มีเซ็นเซอร์ EDA (elctro dermal activity) ใช้วัดความเครียดจากค่าความเหนี่ยวนำไฟฟ้าใต้ผิวหนังที่เกิดจากเหงื่อ มาพร้อมฟีเจอร์วัดความเครียดแบบใหม่ในแอป
Fitbit Sense มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ และ ECG พร้อมแอป ECG ตัวใหม่ วัดการเต้นหัวใจเพื่อหาสัญญาณหัอาการหัวใจเต้นพริ้ว (atrial fibrillation - AFib) ได้ มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนังเพื่อตรวจสอบอาการเจ็บป่วย หรือการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่เป็นสัญญาณของรอบเดือนได้ กันน้ำลึกถึง 50 เมตร ลงเพลงได้จากแอป Deezer และ Pandora รวมทั้งควบคุมการเล่นเพลงจาก Spotify ได้ แบตเตอรี่อยู่ได้มากกว่า 6 วัน รองรับ Fitbit Pay (ใช้งานได้ในไทย) มาพร้อมตัวเลือก Google Assistant หรือ Alexa
Fitbit Sense เปิดจองแล้วในอเมริกาแล้ว ราคา 330 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,350 บาท)
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ Fitbit Versa 3 มาพร้อม GPS ในตัว จากเดิมที่มีเพียงในรุ่น Ionic เท่านั้น โดย Versa 3 ยังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ มี Fitbit Pay มีไมค์และลำโพงในตัว เก็บเพลงได้ ควบคุม Spotify ได้ รับโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ได้ มี Google Assistant เช่นกัน และกันน้ำลึก 50 เมตรเหมือนเคย แบตเตอรี่อยู่ได้มากกว่า 6 วัน และใช้ที่ชาร์จแบบเดียวกับ Sense 3 ได้ แต่ไม่มีเซ็นเซอร์ ECG, EDA และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนัง
Fitbit Versa 3 เปิดจองแล้วในอเมริกาแล้ว ราคา 230 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7,250 บาท)
รุ่นสุดท้าย Fitbit Inspire 2 ตัดฟังก์ชั่นสมาร์ทวอทช์เช่นการรับโทรศัพท์ เก็บเพลง หรือ Fitbit Pay ออกไป แต่ยังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และแสดง notifications ได้อยู่ แบตเตอรี่อยู่ได้ 10 วัน หน้าจอเป็นแบบขาวดำ กันน้ำได้ 50 เมตรเช่นเคย
Fitbit Inspire 2 เปิดจองแล้วในอเมริกาแล้ว ราคา 100 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,150 บาท)
ที่มา - Venturebeat |
# ARM ยกเลิกแผนโอนย้าย 2 ธุรกิจ IoT ให้ SoftBank
เดือนที่แล้วมีรายงานว่า ARM ประกาศแผนโอนย้าย 2 ธุรกิจ IoT ให้ SoftBank เพื่อโฟกัสที่ธุรกิจออกแบบชิปมากขึ้น ล่าสุด ARM ยืนยันว่ายกเลิกแผนการณ์ดังกล่าวแล้ว
โฆษกระบุว่าการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังการพิจารณาตัวเลือกต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนแล้วและพบว่าประโยชน์ที่จะเกิดกับบริษัทไม่แตกต่างจากการโอนย้ายให้ SoftBank เลยเลือกที่จะเก็บเอาไว้ แต่บริษัทก็จะแยก 2 ธุรกิจ IoT ให้อยู่คนละส่วนกับธุรกิจออกแบบชิป ทั้งส่วนดำเนินธุรกิจและงานด้านบัญชี อย่างไรก็ตามโฆษกปฏิเสธว่าการตัดสินใจนี้เกี่ยวข้องกับการขาย ARM ของ SoftBank หรือไม่
ที่มา - Wall Street Journal |
# Word เพิ่มฟีเจอร์ Transcribe แปลงไฟล์เสียงเป็นข้อความ แยกเสียงคนพูดหลายคนได้
ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ให้ Microsoft Word สามารถแปลงเสียงพูดหรือไฟล์เสียงทั้งไฟล์เป็นข้อความได้แล้ว (Transcribe)
Word รองรับการสั่งพิมพ์ข้อความด้วยเสียง (Dictate) มานานแล้ว แต่ต้องเปิดโหมด Dictate แล้วสั่งพิมพ์เป็นประโยคๆ ไป ฟีเจอร์ Transcribe ต่างออกไป เพราะสามารถพูดยาวๆ แบบไม่ต้องหยุดแล้วค่อยมาสั่งแปลงเป็นข้อความทีหลัง หรือจะอัดเสียงไว้ล่วงหน้าแล้วค่อยมาอัพโหลดให้แปลงเป็นข้อความก็ได้ (รองรับไฟล์ .mp3, .wav, .m4a, .mp4 ขนาดไม่เกิน 200MB)
ฟีเจอร์ Transcribe ยังรองรับเสียงพูดที่เป็นการสนทนาแบบหลายคน โดยสามารถแยกแยกเสียงของแต่ละคนเป็น Speaker 1, Speaker 2, ... ได้ด้วย จึงเหมาะกับการถอดเทปการประชุมที่มีคนพูดหลายคน
ฟีเจอร์นี้เปิดใช้แล้วบน Microsoft Word เวอร์ชันเว็บ (ต้องเป็นลูกค้า Microsoft 365) และยังรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น ไมโครซอฟท์สัญญาว่าจะรองรับภาษาอื่นๆ ในอนาคต และจะใช้ได้บน Office Mobile ช่วงปลายปีนี้
ไมโครซอฟท์ยังประกาศฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียง (Dictate) สำหรับ Word เวอร์ชันเว็บและ Office Mobile ด้วย จากเดิมที่รองรับเฉพาะเวอร์ชันเดสก์ท็อปเพียงอย่างเดียว
ที่มา - Microsoft |
# [Gartner] ยอดขายสมาร์ทโฟนไตรมาส 2 ทั่วโลกลดลง 20%, ซัมซุงลด 27.1%
Gartner เผยรายงานการส่งมอบสมาร์ทโฟนในไตรมาส 2 ปี 2020 อยู่ที่ 295 ล้านเครื่อง ลดลงจากปีที่แล้วถึง 20.4% สาเหตุก็หนีไม่พ้นโควิด-19 โดยซัมซุงกระทบหนักที่สุด ยอดส่งมอบลดลงจากปีที่แล้วถึง -27.1% อยู่ที่ 5.4 ล้านเครื่องจาก 7.5 ล้านเครื่อง
แม้ส่วนแบ่งตลาดซัมซุงในไตรมาสนี้ยังเป็นเบอร์ที่ 1 อยู่ที่ 18.6% แต่ Huawei ก็ไล่บี้มาติด ๆ ที่ 18.4% โดยยอดส่งมอบของ Huawei ลดลงจากปีที่แล้วเพียง -6.8% โดยได้ตลาดในจีนที่เริ่มฟื้นตัวจากโรคระบาดช่วยเอาไว้ไม่ให้ดิ่งหนัก อันดับ 3 ยังคงเป็นแอปเปิลที่ส่วนแบ่ง 13% เติบโตลดลง -0.4% ส่วนหนึ่งจากตลาดจีนและ iPhone SE
อันดับ 4 เป็น Xiaomi ส่วนแบ่ง 8.9% เติบโตลดลงจากปีที่แล้วค่อนข้างเยอะ -21.5% ส่วนอันดับ 5 เป็น Oppo ส่วนแบ่ง 8% เติบโตลดลง -15.9%
ที่มา - Gartner |
# Facebook รวมทีม VR/AR เป็นหน่วยงานใหม่ Facebook Reality Labs (FRL)
Facebook ประกาศปรับโครงสร้างทีมพัฒนาด้าน VR/AR ใหม่ โดยตั้งหน่วยงานชื่อ Facebook Reality Labs (FRL) ขึ้นมาเป็นร่มใหญ่สำหรับดูแลโครงการด้าน VR/AR ทั้งหมดในสังกัด
Oculus สำหรับฮาร์ดแวร์ VR ระดับสูง
Portal สำหรับเชื่อมต่อเพื่อนและครอบครัว
Spark AR สำหรับฟีเจอร์ AR ในแอพในเครือ Facebook
หัวหน้าทีม Facebook Reality Labs คือ Andrew Bosworth ที่อยู่กับบริษัทมายาวนานตั้งแต่ปี 2006 (เขาเป็นผู้คิดค้น News Feed ด้วย) และดูแลโครงการ VR/AR อยู่แล้วในปัจจุบัน
Facebook ยังประกาศเปลี่ยนชื่องานสัมมนา Oculus Connect เป็น Facebook Connect เพื่อให้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างนี้ โดยงานปีนี้จะเป็นงานออนไลน์ จัดวันที่ 16 กันยายนนี้
ที่มา - Facebook |
# Facebook เพิ่มปุ่ม Shop ในแอปสหรัฐฯ ดูแคตตาล็อกสินค้าและกดซื้อได้
Facebook เปิดตัวปุ่มใหม่ Facebook Shop ดูแคตตาล็อกสินค้าจากแบรนด์ที่ชอบ และกดซื้อได้ใน Facebook เลยโดยตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างเปิดทดสอบใช้งานในสหรัฐฯ
วิธีการเข้าใช้งานคือกดที่ปุ่มสามขีดตรงด้านขวาบนของหน้าจอมือถือ จะเห็นเมนู Shop อยู่เป็นเมนูแรก เมื่อกดเข้าไปจะแสดงสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ ในรูปแบบแคตตาล็อก และสามารถกดเข้าตะกร้าเพื่อทำการซื้อของได้
นอกจากนี้ Facebook ยังขยาย Shops หรือฟังก์ชั่นการสร้างหน้าร้านบน Facebook และ Instagram ได้ฟรีไปทั่วโลก เลือกเลย์เอาท์หน้าร้านและดูพรีวิวหน้าร้านตัวเองได้เรียลไทม์
สุดท้ายคือ Instagram Checkout ที่ให้แบรนด์สินค้าทำธุรกรรมการขายจบได้ภายใน Instagram เลย โดยกำลังขยายไปยังผู้ขายที่มีสิทธิ์ทั้งหมดในสหรัฐ และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจะได้รับการยกเว้นจนถึงสิ้นปี
ที่มา - Facebook |
# ข่าวลือรอบใหม่ Nintendo Switch เวอร์ชันอัพเกรดมาปีหน้า 2021
Bloomberg อ้างแหล่งข่าวในญี่ปุ่นว่า นินเทนโดเตรียมออก Nintendo Switch เวอร์ชันอัพเกรดในปีหน้า 2021
ตามข่าวบอกว่า นินเทนโดยังไม่ตัดสินใจเรื่องสเปกของ Nintendo Switch ตัวใหม่ แต่ก็สนใจอัพเกรดพลังประมวลผล และกราฟิกระดับ 4K
ในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา มีข่าว Switch เวอร์ชันใหม่อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง คราวนี้ Bloomberg รายงานว่านินเทนโดถูกบีบจากสภาพตลาด เพราะคู่แข่งทั้งโซนี่-ไมโครซอฟท์ต่างออกคอนโซลใหม่ช่วงปลายปีนี้ ทำให้นินเทนโดต้องอัพเกรดด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าวยังบอกว่านินเทนโดจะมีเกมออกใหม่เป็นจำนวนมากในปีหน้า ในช่วงไล่เลี่ยกับ Switch ตัวใหม่ ซึ่งสังเกตได้ว่าตารางการออกเกมของนินเทนโดค่อนข้างเงียบๆ ในปีนี้
Bloomberg อ้างความเห็นจาก Hideki Yasuda นักวิเคราะห์จาก Ace Research Institute ว่าปัจจุบัน Switch ขายได้ 61 ล้านเครื่องแล้ว และถ้าไม่อัพเกรดอะไรเลย ก็น่าจะขายแซง Wii (102 ล้านเครื่องได้) แต่ถ้ามีการอัพเกรดที่เหมาะสม ก็อาจดันยอดขายจนแซง Nintendo DS (154 ล้านเครื่อง) ได้ด้วย
ที่มา - Bloomberg |
# Firefox for Android อัพเดตเวอร์ชันใหม่ ยกเครื่องใหม่หมด ย้าย URL มาอยู่ด้านล่าง
Mozilla เริ่มทยอยปล่อย Firefox for Android ตัวใหม่ (โค้ดเนม Fenix) มาแทน Firefox ตัวปัจจุบัน (โค้ดเนม Fennec) ที่หยุดพัฒนามาสักระยะแล้ว
Firefox ตัวใหม่หรือ Fenix มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจากเดิมหลายอย่าง ที่สำคัญได้แก่
เปลี่ยนมาใช้เอนจินตัวใหม่ GeckoView ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น
หน้าตา UI แบบใหม่ รองรับ Dark Mode ย้าย URL Bar มาไว้ด้านล่างเพื่อให้เอื้อมไปกดง่ายขึ้น (ปรับไปอยู่บนเหมือนเดิมได้)
ฟีเจอร์ Collections ที่อยู่ตรงกลางระหว่างการบันทึกเว็บลง Bookmarks (ถาวร) กับ Tab (ชั่วคราวแต่กินทรัพยากร) เหมาะกับการบันทึกเว็บไว้ใช้เฉพาะกิจ
ฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัว การบล็อคโฆษณาและการตามรอย ที่ดีกว่าเดิม แบบเดียวกับเวอร์ชันเดสก์ท็อป
Firefox for Android ตัวใหม่เริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดตั้งแต่เวอร์ชัน 79 แต่เริ่มทยอยปล่อยอัพเดตผ่าน Play Store ให้ผู้ใช้เดิมในวันนี้เป็นต้นไป ต้องการ Android เวอร์ชัน 4.1 ขึ้นไป
ที่มา - Mozilla |
# Nokia เปิดตัว Nokia C3 ในอินเดีย มือถือรุ่นเล็กราคาถูก รันแอนดรอยด์ 10 ถอดแบตเตอรี่ได้
Nokia C3 เพิ่งเปิดตัวไปในประเทศจีนเมื่อช่วงต้นเดือน และเปิดตัวในอินเดียแล้ววันนี้ โดยเป็นมือถือรุ่นเล็ก หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.99 นิ้ว ใช้ชิป Unisoc SC9863A พร้อมแรม 3GB มีกล้องเดี่ยว 8 MP ด้านหลัง และกล้องหน้า 5MP มีรุ่นความจุ 16 GB และ 32 GB สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง มีปุ่ม Google Assistant รันแอนดรอยด์ 10 แบตเตอรี่ 3,040 mAh ถอดได้ ชาร์จผ่าน micro USB รองรับ Bluetooth แค่ 4.2 และไม่รองรับ 5G หรือ WiFi-6 เช่นเดียวกัน มีสองสีคือน้ำเงิน Cyan และสีทราย Sand เริ่มจองได้ในวันที่ 10 กันยายน และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในอินเดีย 17 กันยายนนี้
รุ่น 2GB + 16GB ราคา 7,499 รูปี (ประมาณ 3,190 บาท)
รุ่น 3GB + 32GB ราคา 8,999 รูปี (ประมาณ 3,890 บาท)
ที่มา - Gadgets 360 |
# Nokia เปิดตัว Nokia 5.3 มือถือเพียว Android 10 (Android One) ในอินเดีย
หลังเปิดตัว Nokia 5.3 เวอร์ชั่น global ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา วันนี้ Nokia เปิดตัว Nokia 5.3 ในอินเดียแล้ว
Nokia 5.3 เป็นมือถือหน้าจอขนาด 6.55 นิ้ว ชนิด IPS LCD ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล อัตราส่วน 20:1 ใช้ชิป Snapdragon 665 พร้อมแรม LPDDR4x มีรุ่นแรม 4GB และ 6GB มี 4 กล้องหลัก คือกล้องหลัก 13MP กล้องอัลตร้าไวด์ 5MP, depth sensor 2 MP กล้องมาโคร 2MP และกล้องหน้า 5 MP
Nokia 5.3 มีแค่รุ่นความจุ 64GB เท่านั้น แต่รองรับ microSD card รองรับ 4G รองรับ Bluetooth แค่ 4.2 แต่มีรูหูฟัง สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง รันแอนดรอยด์ 10 (Android One) มีปุ่ม Google Assistant แบต 4,000 mAh ไม่รองรับ 5G หรือ WiFi-6 วางจำหน่ายสามสี คือสีน้ำเงิน Cyan สีทราย Sand และสีดำ Charcoal เริ่มจองได้วันนี้ วางจำหน่ายในอินเดียอย่างเป็นทางการวันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป
รุ่น 4GB ราคา 13,999 รูปี (ประมาณ 5,990 บาท)
รุ่น 6GB ราคา 15,499 รูปี (ประมาณ 6,190 บาท)
ที่มา - Gadgets 360 |
# เผื่อจะคิดถึงอารมณ์นี้ Airplane Mode เกมรับมือความน่าเบื่อบนเครื่องบินเตรียมเปิดให้เล่นในปีนี้
เกม Flight Simulator ของไมโครซอฟท์กำลังได้รับความนิยม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศได้ หรืออาจจะโหยหาการเดินทาง ล่าสุดมีอีกเกมที่สร้างมาเพื่อผู้เล่นที่คิดถึงบรรยากาศจริงของการเดินทางคือ Airplane Mode จากผู้จัดจำหน่ายเกม AMC เป็นเกมที่ให้ผู้เล่นรับมือสถานการณ์น่าเบื่อและความยุ่งยากต่างๆ บนเที่ยวบินขนาดยาวร่วม 6 ชั่วโมง
Airplane Mode ให้ผู้เล่นเป็นผู้โดยสารที่นั่งริมหน้าต่างในช่วงเวลาเรียลไทม์ของเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ระยะไกล บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก สำรวจประสบการณ์ต่างๆ ทั้งการเดินทางถึงสนามบิน, เครื่องบินเทคออฟ, อ่านนิตยสารบนเครื่อง, เล่นเกมอักษรไขว้ในนิตยสาร เลือกอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงมีสถานการณ์สุ่มให้ผู้เล่น เช่นการรับมือเสียงเด็กร้องไห้, เครื่องบินดีเลย์, wifi บนเครื่องล่าช้า ฯลฯ
AMC เปิดตัวเกมนี้มาตั้งแต่ปี 2019 ผลิตโดย Hosni Auji และกำลังเปิดให้เล่นผ่าน Steam ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
ที่มา - Engadget |
# Google เลิกบันเดิลสติ๊กเกอร์ AR Playground ในมือถือ Pixel แล้ว
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ Google ใช้โชว์พลัง AR Core และการประมวลผลแบบออฟไลน์บน Pixel คือ AR Playground ที่เป็นสติ๊กเกอร์แบบ AR วางซ้อนเข้าไปในภาพหรือวิดีโอที่ถ่าย ซึ่ง Google บันเดิลเข้ามาตั้งแต่ Pixel 3 โดยจะปรากฎอยู่ในตัวเลือก More ของกล้อง
ล่าสุด Google ยืนยันว่าจะไม่บันเดิลแอป Playground เข้ามาในมือถือ Pixel อีกแล้วเริ่มตั้งแต่ Pixel 4a ที่เพิ่งเปิดตัวไป ขณะที่ Pixel รุ่นที่ผ่านมาจะยังคงสามารถใช้งาน Playground ได้เหมือนเดิม โดย Google ยังคงยืนยันเรื่องการผลักดันเทคโนโลยี ARCore และประสบการณ์การใช้งาน AR บนมือถือให้เข้าถึงผู้ใช้วงกว้างมากขึ้น ซึ่งก็อาจหมายถึงการทยอยเพิ่มฟีเจอร์ AR บน Search ในระยะหลัง
ที่มา - 9to5Google |
# แอปเปิลยอมความเกาหลี จ่ายแสนล้านวอนชดเชยการบีบให้ค่ายมือถือจ่ายค่าโฆษณาให้
กรรมการการค้าเป็นธรรมของเกาหลีใต้ (Fair Trade Commission - FTC) ประกาศข้อตกลงกับแอปเปิลเกาหลีใต้ชดเชยการบีบบังคับให้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือออกค่าโฆษณาให้ รวมถึงการออกค่าซ่อมในกรณีลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์นำเครื่องมาเคลมประกัน
ข้อตกลงยอมความนี้ทางแอปเปิลตกลงจะลบข้อความตั้งเป้ายอดเงินโฆษณา ลบข้อความในสัญญาที่ระบุให้ผู้ให้บริการเครือข่ายรับผิดชอบค่าซ่อมโทรศัพท์ที่อยู่ในประกัน และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหากผู้ใช้ยกเลิกสัญญา
นอกจากการแก้ไข ทางแอปเปิลจะจ่ายเงินสนับสนุนโครงการต่างๆ อีกแสนล้านวอน หรือ 2,650 ล้านบาท ได้แก่ ค่าตั้งศูนย์วิจัยร่วมกับกิจการ SME, สร้างศูนย์ฝึกอบรมนักพัฒนา หลักสูตรยาว 9 เดือนปีละ 200 คน, เงินช่วยเหลือการศึกษาอื่น เช่น ห้องสมุด ศูนย์วิทยาศาสตร์ตามโรงเรียน, และส่วนลดค่าซ่อมเครื่องหรือคืนเงินค่าสมัคร AppleCare
ข้อตกลงนี้ยังเป็นข้อตกลงระหว่าง FTC และแอปเปิลเท่านั้น ทาง FTC เปิดรับฟังความเห็นของคนทั่วไปจนถึงวันที่ 3 ตุลาคมนี้
ที่มา - FTC.go.kr |
# กูเกิลทดสอบแสดงวิดีโอสั้นแบบ TikTok ในหน้า Discover
กูเกิลทดสอบแสดงผลวิดีโอใน Google Discover หรือฟีดข่าวในหน้าแรกของกูเกิลบนมือถือในรูปแบบวิดีโอสั้นเหมือน TikTok โดยใช้คลิปสั้นจาก Trell แอปวิดีโอสั้นในอินเดีย และ Tangi แอปวิดีโอสั้นจาก Area 120 ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพภายในกูเกิลเอง
ผู้ใช้งานสามารถปิดการแสดงวิดีโอ และตั้งค่าให้เล่นเสียงอัตโนมัติหรือไม่ก็ได้ ยังพบทดสอบในกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเท่านั้น และไม่มีข้อมูลว่าจะเปิดให้ใช้งานทั้งหมดเมื่อไร
ภาพประกอบจาก กูเกิล
ที่มา - 9to5Google |
# แบนไปแล้วไง กลุ่มใหม่ รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส มีสมาชิกเกิน 5 แสนคนแล้ว
จากกรณี Facebook โดนรัฐบาลไทยกดดันให้แบนกลุ่ม "รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส" (แถลงการณ์ของ Facebook)
นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการไทยที่เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มนี้ ก็ได้ตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมาทดแทน โดยใช้ชื่อว่า "รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง" ซึ่งตอนนี้มีสมาชิกเข้ามาร่วมกลุ่มเกิน 5 แสนรายแล้ว (ขณะที่เขียนข่าว 15:20 น. ตัวเลขอยู่ที่ 5.3 แสนราย) ข้อมูลในหน้าเพจของกลุ่มบอกว่าเริ่มตั้งเมื่อวานนี้คือ 24 สิงหาคม
ตัวเลขสมาชิกของกลุ่มเดิมที่โดนแบน มีมากกว่า 1 ล้านราย การที่รัฐบาลไทยกดดันให้ Facebook ปิดกลุ่มเดิม และการเปิดกลุ่มใหม่สามารถมีสมาชิกมาทดแทนได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้นๆ (ในที่นี้คือประมาณครึ่งหนึ่งของกลุ่มเดิมในเวลาประมาณหนึ่งวัน) ย่อมก่อให้เกิดคำถามว่า มาตรการสั่งให้แพลตฟอร์มปิดกลุ่มมีประสิทธิภาพแค่ไหน และน่าติดตามต่อว่ารัฐบาลไทยจะตามไปกดดันให้ปิดกลุ่มอีกรอบหรือไม่ |
# Call of Duty เปลี่ยนตัวอย่างภาค Black Ops: Cold War เพราะมีภาพเหตุการณ์จตุรัสเทียนอันเหมิน
Call of Duty เพิ่งเปิดตัวภาค Black Ops: Cold War จากค่าย Treyarch ไปเมื่อ 20 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ แต่อยู่ดีๆ คลิปตัวอย่างแรกความยาว 2.03 นาทีบนแชนแนล Youtube ของ Call of Duty ก็ถูกตั้งเป็น Private โดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อน South China Morning Post จะรายงานว่าคลิปตัวอย่างนั้นถูกบล็อกในประเทศจีน เพราะมีฉากเหตุการณ์ประท้วงที่จตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นภาพกลุ่มนักศึกษากำลังทุบรถถัง ซึ่งปรากฎประมาณ 1-2 วินาทีในช่วงนาทีที่ 1.05 ของคลิปเท่านั้น
คลิปนี้โดนบล็อกในประเทศจีน ขณะที่บนแชนแนลของ Call of Duty และ Xbox ก็ปิดคลิปนี้เป็น private เรียบร้อย แต่ยังสามารถดูได้ในแชนแนลของ IGN ด้านล่างนี้ ส่วนในแชนแนล Call of Duty ก็โพสต์ตัวอย่างใหม่ชื่อ “Know Your History” ความยาวประมาณ 1 นาที โดยเป็นตัวอย่างเดียวที่เหลือของภาค Black Ops: Cold War บนแชนแนล Call of Duty ในตอนนี้
ที่มา - Kotaku, South China Morning Post |
# เฟซบุ๊กออกแถลงการณ์ต่อประเทศไทย ระบุการแทรกแซงเกินขอบเขตบั่นทอนการลงทุน
หลังเฟซบุ๊กระบุกับ CNN ว่าเตรียมต่อสู้กับคำสั่งแบนกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เกตเพลสจากประเทศไทย ตอนนี้ทางเฟซบุ๊กก็ส่งแถลงการณ์ถึงสื่อมวลชนในไทย แสดงความกังวลว่าการเรียกร้องเช่นนี้ขัดต่อสิทธิมนุษยชน และบั่นทอนความสามารถในการลงทุนของเฟซบุ๊ก โดยแถลงเต็มมีดังนี้
เฟซบุ๊กยังระบุว่าโดยปกติเมื่อมีการร้องขอจากรัฐ ทางเฟซบุ๊กจะตรวจสอบว่าเนื้อหานั้นขัดต่อมาตรฐานชุมชนหรือไม่ และหากไม่ขัดก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทางกฎหมาย แล้วออกรายงานการทำตามกฎหมายท้องถิ่นเป็นรายงานเพื่อความโปร่งใสทุก 6 เดือน
ที่มา - จดหมายข่าวเฟซบุ๊ก
(Photo by Alex Wong/Getty Images)
b |
# ศาลสหรัฐสั่งคุ้มครอง Epic ห้ามแอปเปิลแบน Unreal Engine แต่ยังแบน Fortnite ได้
จากกรณี Epic ฟ้องแอปเปิลข้อหาผูกขาด จากการแบน Fortnite และ แอปเปิลเตรียมแบนบัญชี Epic ส่งผลต่อ Unreal Engine
ล่าสุดผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez Rogers มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามไม่ให้แอปเปิลแบนบัญชีนักพัฒนาของ Epic จนส่งผลกระทบต่อ Unreal Engine คำสั่งนี้มีผลทันทีและมีผลไปจนกว่าศาลจะสั่งเปลี่ยนแปลง เหตุผลของศาลคือการแบน Unreal Engine จะส่งผลกระทบต่อนักพัฒนารายอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงอีกมาก
Epic ยังขอให้ศาลมีคำสั่งชั่วคราว ห้ามแบนเกม Fortnite ระหว่างที่คดียังไม่สิ้นสุดด้วย แต่ศาลปฏิเสธคำขอนี้ ด้วยเหตุผลว่าเป็นสิ่งที่ Epic เลือกเองโดยรู้ผลตั้งแต่แรกว่าจะโดนแบน
ที่มา - คำสั่งศาล (Scribd), MSpoweruser, Seeking Alpha |
# EA เตรียมเพิ่ม Achievement กว่า 1,000 รายการ ให้เกมของตัวเองบน Steam
วันนี้ EA เปิดให้นำ Achievement จากเกมของค่ายบน Origin ข้ามมายัง Steam ได้แล้ว และเพิ่ม Achievement ให้ผู้เล่นบน Steam กว่า 1,000 รายการ โดยผู้เล่นที่เคยได้ Achievement จาก Origin จะไม่ต้องเก็บใหม่แต่อย่างใด แค่ต้องดาวน์โหลด และลงเกมบน Steam เท่านั้น (แต่ถ้าไม่มีเกมอยู่บน Steam ก็ต้องซื้ออีกรอบ ไม่สามารถโอนเกมมาได้แต่อย่างใด) โดย Achievement ที่เพิ่มเข้ามา เป็นของเกมต่อไปนี้
A Way Out
Battlefield 1,3,4,V, Hardline
Burnout Paradise Remastered
Dead Space 3
Dragon Age Inquisition
Fe
Jedi Fallen Order
Mass Effect 3
Mass Effect Andromeda
Mirror's Edge Catalyst
Need for Speed
Need for Speed HEAT
Need for Speed Payback
Plants vs Zombies Battle for Neighborville
Sea of Solitude
Star Wars: Battlefront, Battlefront II
Titanfall 2
Unravel, Unravel 2
Madden 21
EA เลิกขายเกมบนแพลตฟอร์มอื่นเพื่อผลักดัน Origin แพลตฟอร์มขายเกมของตัวเองมาสักพัก ก่อนจะพบว่าไม่เวิร์ค แล้วกลับมาลงขายบน Steam และแพลตฟอร์มอื่นอีกครั้ง กับเกม Star Wars: Jedi Fallen Order นอกจากนี้ ล่าสุดยังเตรียมให้บริการ EA Play (Origin Access เดิม) บน Steam อีกด้วย
ที่มา - Engadget |
# ทำไมธุรกิจ Digital ถึงต้องใช้ AI ป้องกันภัยคุกคาม กลโกงและ การแก้ปัญหา Fraud และ BOT, F5 ชวนทุกคนเรียนรู้การป้องกันภัย ในยุคที่ทุกธุรกิจอยู่บนอินเทอร์เน็ต
เวลาที่เราพูดถึงภัยไซเบอร์ เรามักจะพูดถึงช่องโหว่เจาะระบบอย่างการที่แฮกเกอร์แอบเข้ามารันโปรแกรมขุดเงินคริปโตในเซิร์ฟเวอร์, เข้ารหัสไฟล์ในเครื่องเพื่อเรียกค่าไถ่, หรือขโมยไฟล์ออกไปจากเซิร์ฟเวอร์ แต่ภัยอีกกลุ่มหนึ่งที่สร้างความเสียหายได้ต่อเนื่องไม่แพ้กันกลับเป็นการอาศัยบอททดสอบบริการออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการใช้ล็อกอินจากเว็บไซต์ที่ข้อมูลรั่วไหล หรือคู่แข่งอาจสร้างบอทดึงเอาข้อมูลการการค้าเพื่อไปแข่งขัน ข้อมูลที่คนร้ายได้จากบอทเหล่านั้นอาจสร้างความเสียหายได้อย่างต่อเนื่องเป็นมูลค่ามหาศาล แม้จะไม่เป็นข่าวใหญ่นักก็ตาม
ทาง F5 กำลังจัดงานสัมมนาออนไลน์ หัวข้อ “การป้องกันบอท กับการฉ้อโกงบนโลกออนไลน์ ด้วยเทคโนโลยี AI และ ML” และเราก็ได้พูดคุยกับทีมงาน F5 ถึงความสำคัญของประเด็นนี้
การโจมตีด้วยบอทสร้างความเสียหายให้กับองค์กรได้อย่างไรบ้าง
ความเสียหายมีตั้งแต่ภาระค่าบำรุงรักษาโครงสร้างไอทีที่อาจจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เพราะเซิร์ฟเวอร์ต้องมาประมวลผลในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ขณะเดียวกันลูกค้าจริงกลับไม่ได้รับบริการอย่างรวดเร็ว
บางกรณีที่บอทเริ่มเข้ามาทำธุรกรรมได้ซับซ้อนขึ้น เราอาจจะเห็นบอทสร้างบัญชีโดยอัตโนมัติ แล้วเข้ามาใช้สิทธิ์ต่างๆ ของผู้ใช้ เช่นการจองที่นั่งการแสดงต่างๆ ปิดกั้นโอกาสการขายสินค้าให้กับลูกค้าจริงทำให้ธุรกิจเสียโอกาสไป
การฉ้อโกงออนไลน์เคยเป็นเรื่องเฉพาะของบริการทางการเงิน ทำไมธุรกิจอื่นจึงควรมาสนใจมากขึ้น
ธุรกิจการเงินอาจจะเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ต้องรับมือกับความเสียหายทางการเงินโดยตรงหากมีความผิดพลาด แต่ธุรกิจอื่นๆ ในทุกวันนี้ก็ให้บริการออนไลน์กันแทบทั้งหมด และหากมีความผิดพลาดขึ้นจริงก็สร้างความเสียหายได้ไม่ต่างกัน
ตัวอย่างเกมทุกวันนี้ที่ก็มีไอเท็มในเกมมีการแลกเปลี่ยนของในเกม สิ่งเหล่านี้สร้างแรงจูงใจให้มีบอทเข้ามาอยู่ในเกมและมีการฉ้อโกงกันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หรือร้านค้าทั่วๆ ไปที่อาจจะมีการสะสมแต้มออนไลน์ หรือแจกคูปองออนไลน์ หากไม่ได้ป้องกันดีพอคนร้ายก็อาจโจมตีจนสร้างความเสียหายให้ธุรกิจได้เช่นกัน
ทำไม AI/ML จึงสำคัญสำหรับการป้องกันบอทและการฉ้อโกงเหล่านี้
จุดสำคัญของบอทเหล่านี้คือคนโจมตีเองเปลี่ยนเทคนิคและรูปแบบการโจมตีตลอดเวลา บอทรูปแบบเดิมๆ อาจจะแยกจากผู้ใช้จริงได้โดยง่าย แต่บอทสมัยใหม่มีการปรับเปลี่ยนแนวทาง หารูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้เข้าใช้งานระบบได้โดยที่ระบบไม่เคยตรวจเจอมาก่อน (zero day attack) AI/ML มีความสามารถตรวจจับการโจมตีรูปแบบเหล่านี้ จึงจำเป็นต่อบริการที่ต้องการปรับตัวรับมือกับการโจมตีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ข้อจำกัดของการใช้ AI/ML มาป้องกันบอทมีอะไรบ้าง
เทคโนโลยี AI/ML จำเป็นต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง และต้องอาศัยการตั้งค่าจากนักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรที่มีประสบการณ์ จึงจะสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ และถูกต้อง ซึ่งเราอาจต้องยอมรับว่าผู้ชำนาญการเหล่านี้ยังมีน้อยมาก ไม่แค่เฉพาะน้อยในประเทศไทย ประเทศอื่นก็เช่นกัน ทำให้วิธีการหนึ่งที่เราจะใช้เทคโนโลยี AI/ML ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ก็คือ การรวบรวมผู้ชำนาญการเหล่านี้จากทั่วโลก ไปไว้บน Cloud ในรูปแบบของ Managed Security Services
ก่อนหน้าที่จะมีเทคโนโลยี AI/ML กระบวนการรับมือการฉ้อโกงออนไลน์ใช้อะไรมาก่อน
ในอดีตการฉ้อโกงในโลกออนไลน์ มีไม่เยอะนัก ส่วนหนึ่งมาจาก Business Transaction ในอดีตไม่ได้อยู่บนโลกดิจิทัลมากนัก ซึ่งหากโชคร้ายเกิดเหตุฉ้อโกงออนไลน์ขึ้นมา องค์กรก็มักใช้วิธีการทางธุรกิจ มาชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ เพราะเกิดไม่บ่อย และความเสียหายน้อยเมื่อเทียบกับรายได้รวมขององค์กร
แต่ในปัจจุบัน หลังจากที่ธุรกิจส่วนใหญ่ ย้ายมาอยู่บนโลกออนไลน์ การโจมตีตรงนี้เพิ่มขึ้นมาก และความเสียหายสูงเมื่อเทียบกับรายได้รวมขององค์กร ทำให้องค์กรหลายๆ แห่งเริ่มมองหาวิธีการรับมือการฉ้อโกงที่มีประสิทธิภาพสูง
รับฟังข้อมูลเต็มในงานสัมมนาออนไลน์ วันที่ 2 กันยายนนี้
F5 ขอเชิญทุกท่านที่สนใจ โดยเฉพาะคนทำงานในสายเทคโนโลยี, ความปลอดภัย, และผู้ดูแลความเสี่ยงทั้งภัยไซเบอร์และความเสี่ยงทางการเงิน เข้าร่วมฟัง TechTalk Webinar หัวข้อ "การป้องกันบอท กับการฉ้อโกงบนโลกออนไลน์ด้วยเทคโนโลยี AI และ ML โดย F5 Networks" ใน วันพุธที่ 2 กันยายน 2020 เวลา เวลา 10.00 น. – 12.00 น. (เริ่มสัมมนาออนไลน์ 10.30 น.)
ภายในการสัมมนา ทุกท่านจะได้เรียนรู้รายละเอียดรูปแบบการโจมตี และวิวัฒนาการของการโจมตีแบบใหม่ๆ, แรงจูงใจที่ผู้โจมตีก่อเหตุ และโดยเฉพาะเทคนิคการใช้ AI/ML ในการวิเคราะห์ข้อมูลและป้องกันการโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ
สนใจเข้าร่วมสัมมนาสามารถลงทะเบียนได้ฟรี (คลิ๊ก) ตั้งแต่วันนี้ จำกัดเฉพาะ 100 ท่านแรกเท่านั้น (ทีมผู้จัดงานขอให้ท่านที่สนใจลงทะเบียนด้วยชื่อองค์กรเต็ม เพื่อลดความสับสนในการจัดการข้อมูล) |
# Tesco อังกฤษจ้างงานถาวรเพิ่ม 16,000 ตำแหน่ง รองรับการซื้อออนไลน์
โรคระบาดส่งผลให้การค้าขายออนไลน์โตสูงโดยเฉพาะสินค้าจำเป็นจำพวกของสด ของใช้ในบ้าน Tesco ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ในอังกฤษ ถึงกับจ้างงานเพิ่ม 16,000 ตำแหน่งเพื่อรองรับการซื้อออนไลน์
Tesco ระบุว่า ช่วงล็อกดาวน์ซึ่ง COVID-19 กำลังระบาดในช่วงแรก Tesco อังกฤษมีการจ้างงานเพิ่มไปแล้ว 4,000 ตำแหน่ง ส่วนใหญ่เป็นงานชั่วคราว และล่าสุดจะจ้างเพิ่มอีก โดยเป็นพนักงานจัดการสินค้า 10,000 ราย และคนขับรถ 3,000 ราย
อย่างไรก็ตาม คนอังกฤษตกงานกันมากจากวิกฤตโรคระบาด เฉพาะภาคการค้าปลีกก็มีคนตกงานแล้วราว 35,000 ราย
ภาพจาก Tesco
ที่มา - Bloomberg |
# Unity ยื่นเอกสารเตรียมขายหุ้น IPO แล้ว ใช้ตัวย่อ "U"
Unity Technologies บริษัทเจ้าของเอนจินเกม Unity เป็นอีกรายที่ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SEC) เพื่อขายหุ้น IPO เข้าตลาด
ธุรกิจของ Unity แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่
Create Solutions ธุรกิจดั้งเดิมของบริษัท หารายได้จากเอนจินเกมจากค่า subscription เป็นรายเดือน และการเทรนนิ่ง-ที่ปรึกษา
Operate Solutions ธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นหลังปี 2015 เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับเอนจินเกม เช่น เกมเซิร์ฟเวอร์, โฆษณา, in-app purchase และเครื่องมือสร้างรายได้อื่นๆ ให้นักพัฒนาใช้งาน ทำเงินด้วยวิธีแชร์ส่วนแบ่งรายได้กับนักพัฒนาเกม
Unity บอกว่าครองตลาด 53% ของเกมมือถือ 1,000 อันดับแรก และประมาณ 50% ของเกมทุกแพลตฟอร์มรวมกัน (ตอนนี้ Unity รองรับเกมประมาณ 20 แพลตฟอร์ม) และมีแผนขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่เกมด้วย เช่น สถาปัตยกรรม ออกแบบ ภาพยนตร์
รายได้ของ Unity เติบโตอย่างก้าวกระโดด จาก 380.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 มาเป็น 541.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 ส่วนครึ่งแรกของปี 2020 มีรายได้แล้ว 351.3 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีสถานะการเงินขาดทุนอยู่ ตัวเลขขาดทุนในปี 2019 คือ 163.2 ล้านดอลลาร์
Unity จะขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก NYSE โดยใช้ตัวย่อว่า "U"
ที่มา - SEC, GamesIndustry, ภาพจาก Unity |
# [ลือ] ซัมซุงอาจเพิ่มปากกาให้ Galaxy S21 Ultra และเลิกทำ Galaxy Note
Sammobile รายงานข่าวจากสำนักข่าวเกาหลี THE ELEC ว่าซัมซุงเตรียมใส่ปากกามาให้มือถือตระกูล Samsung Galaxy S21 ที่ยังอยู่ในการพัฒนา ชื่อรหัส “Unbound” ซึ่งถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องชื่อ รุ่นย่อยทั้งหมดก็น่าจะมี Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra โดยปากกาจะมาพร้อมรุ่น Ultra เท่านั้น และซัมซุงอาจเลิกผลิตไลน์มือถือตระกูล Galaxy Note และออก Galaxy Z Fold 3 แบบมีปากกาแทนในปีหน้า
ข่าวนี้ดูจะเป็นข่าวที่ยังไม่ค่อยน่าเชื่อมากนัก เพราะปกติแล้วซัมซุงจะสามารถจำหน่าย Galaxy Note ได้ถึงประมาณ 10 ล้านเครื่อง ภายในปีที่เปิดตัว แถมซัมซุงก็สามารถผลิตกระจกแบบบางพิเศษ สำหรับหน้าจอแบบพับได้ของมือถือ Galaxy Z Fold ได้เดือนละประมาณ 600,000 แผ่นเท่านั้น แม้ซัมซุงอาจผลิตได้ถึง 1 ล้านแผ่นภายในต้นปีนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถผลิตได้เยอะเท่า Galaxy Note แน่นอน
แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจริง แปลว่าซัมซุงอาจมองว่าการเลิกผลิต Galaxy Note และเพิ่มปากกาให้ Galaxy Z Fold รุ่นต่อไป อาจดึงคนมาซื้อมือถือรุ่นจอพับได้ของบริษัทมากขึ้น แม้จะมีราคาแพงกว่าพอสมควร โดย Galaxy Z Fold 2 รุ่นล่าสุด เริ่มต้นที่ 69,900 บาท ส่วน Galaxy Note 20 Ultra 5G รุ่นแพงสุด ยังมีราคา 46,900 บาท
ที่มา - Sammobile |
# Windows 95 อายุครบ 25 ปีแล้ว
Windows 95 มีอายุครบ 25 ปีแล้วเมื่อวานนี้ (ออก 24 สิงหาคม 1995) ถือเป็นก้าวสำคัญของระบบปฏิบัติการสำหรับพีซี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดหลายอย่าง เช่น Start Menu, Task Bar, Recycled Bin ที่ยังใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้
เนื่องในโอกาส Windows 95 ครบ 25 ปี ไมโครซอฟท์จึงทำคลิปฉลองมาให้ดูกัน
ที่มา - Microsoft |
# บริษัทฐานข้อมูล Snowflake ยื่นเอกสารเตรียมขายหุ้น IPO แล้ว
Snowflake Inc. บริษัทซอฟต์แวร์ data warehouse ชื่อดัง ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) เพื่อเตรียมขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) โดยใช้ตัวย่อว่า SNOW
Snowflake ก่อตั้งในปี 2012 โดยเป็นซอฟต์แวร์ด้านคลังข้อมูล (data warehouse) ที่รันบนคลาวด์เท่านั้น ใช้โมเดลรายได้แบบ subscription
การยื่นเอกสารของ Snowflake ทำให้เราเห็นข้อมูลการเงินของบริษัท มีรายได้ 97 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 และเพิ่มอย่างก้าวกระโดดเป็น 264.7 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 แต่บริษัทยังขาดทุนอยู่ โดยขาดทุน 178 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 และขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 348.5 ล้านดอลลาร์ในปี 2020
เมื่อต้นปีนี้ Snowflake เพิ่งระดมทุน 479 ล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทมีมูลค่า 12.4 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.9 แสนล้านบาท
ที่มา - Snowflake, Business Insider |
# Facebook เตรียมฟ้องรัฐบาลไทยฐานกดดันให้แบนกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส ปิดกั้นการแสดงออกทางการเมือง
เว็บไซต์ Business Insider และ CNN รายงานว่า Facebook กำลังดำเนินการกระบวนการทางกฎหมาย ฟ้องรัฐบาลไทยเรื่องพยายามจะแบนกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส มีสมาชิกเข้าร่วมราว 1 ล้านราย
"หลังจากการตรวจสอบอย่างรอบคอบ Facebook ได้พิจารณาแล้วว่าเราถูกบังคับให้จำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่รัฐบาลไทยถือว่าผิดกฎหมาย " โฆษกของ Facebook กล่าว โฆษก Facebook ยังบอกด้วยว่า คำขอเช่นนี้ขัดต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และขัดต่อการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน
โฆษก Facebook บอกด้วยว่าได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลไทยให้ จำกัดเนื้อหาทางการเมืองบางประเภทในประเทศโดยรัฐบาลขู่ว่าจะดำเนินคดีอาญากับตัวแทนของ Facebook ในประเทศไทยด้วย
กลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส ก่อตั้งขึ้นโดย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการไทยที่ตอนนี้กำลังพำนักอาศัยลี้ภัยที่ญี่ปุ่น
(Photo by Alex Wong/Getty Images)
ที่มา - Business Insider, CNN |
# Microsoft Flight Simulator กลายเป็นมาตรฐานใหม่เบนช์มาร์ค พีซียุคปัจจุบันรัน 60 fps ไม่ได้
Microsoft Flight Simulator กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการเบนช์มาร์คพีซี (คล้ายกับ Crysis ของยุคสมัยหนึ่ง) เพราะพีซียุคปัจจุบัน จัดสเปกแบบสุดตัวแล้วยังไม่สามารถทำเฟรมเรตแตะ 60 fps ที่เซ็ตติ้งกราฟิกของเกมระดับ High/Ultra
เว็บไซต์ DSO Gaming ทดสอบโดยใช้พีซีทรงพลัง ซีพียู Intel Core i9-9900K, แรม DDR4 16GB 3600MHz, จีพียู GeForce RTX 2080 Ti, สตอเรจ Samsung 970 Pro NVMe ซึ่งรวมๆ แล้วถือเป็นสเปกที่แรงมากแล้วในท้องตลาด แต่ก็ยังไม่สามารถไปถึง 60 fps บนความละเอียด 1440p ได้อยู่ดี (สูงสุดทำได้ที่ 50 fps, เฉลี่ยแล้วได้ที่ 30-50 fps)
เกม Microsoft Flight Simulator ไม่มีโหมดเบนช์มาร์คเหมือนกับเกมยอดนิยมบางเกม ทำให้ทีมงานตัดสินใจเลือกเส้นทางบินวนเหนือนครนิวยอร์ก ที่มีรายละเอียดของเมืองในระดับสูงมาก และเป็นการท้าทายพลังของซีพียู-จีพียูอย่างมากด้วย
ทีมงาน DSO Gaming ระบุว่าคอขวดของเกมไปอยู่ที่ซีพียู ในขณะที่แรมและจีพียูไม่ได้ใช้จนหมด
ก่อนหน้านี้เพิ่งมีข่าว บริษัทวิจัยคาด Microsoft Flight Simulator กระตุ้นตลาดอัพเกรดพีซีครั้งใหญ่ ด้วยเหตุผลเดียวกัน
ที่มา - DSO Gaming, DualShockers |
# แอพสมาร์ทวอทช์ Amazfit เปลี่ยนชื่อเป็น Zepp เตรียมรองรับอุปกรณ์อื่นๆ ในอนาคต
Amazfit แบรนด์สมาร์ทวอทช์จากจีนในเครือ Huami บริษัทลูกของ Xiaomi อีกที เปลี่ยนชื่อแอพทั้งบน Google Play และ App Store จากเดิมชื่อ Amazfit เป็น Zepp แล้ว โดย Zepp เป็นชื่อบริษัทสร้างเซ็นเซอร์วัดค่าต่างๆ ในการเล่นกีฬาที่ Huami ซื้อกิจการมาในปี 2018
การรีแบรนด์ครั้งนี้ Huami ระบุว่าเป็นไปเพื่อการพัฒนาแอพนี้เพื่อเตรียมรองรับอุปกรณ์เพิ่มเติมหลายชนิดในอนาคต และเพื่อมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพระดับมืออาชีพที่ใช้งานง่ายให้กับผู้ใช้ และใน change log ของแอพ ก็ระบุว่าตอนนี้แอพรองรับนาฬิกา Zepp E ของบริษัท Zepp เพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว ส่วน Amazfit จะมีอุปกรณ์อะไรวางจำหน่ายอีก คงต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา - Android Authority |
# ไต้หวันสั่ง Alibaba จดทะเบียนเว็บ Taobao ใหม่เป็นธุรกิจจีน หลังก่อนนี้จดเป็นบริษัทอังกฤษ
กรรมการการลงทุนกระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันสั่งเว็บ Taobao Taiwan ให้จดทะเบียนใหม่เป็นธุรกิจจีนภายในหกเดือน พร้อมสั่งปรับ 410,000 ดอลลาร์ไต้หวัน หลังจากก่อนหน้านี้ Taobao Taiwan จดทะเบียนว่าดำเนินการโดย Claddagh Venture Investment ในอังกฤษ โดยบริษัทนี้ก็ถือหุ้นโดย Alibaba ในจีนอีกที
การลงทุนจากจีนในไต้หวันถูกจำกัดไม่ให้ลงทุนในธุรกิจหลายประเภท เช่น การรับชำระค่าสินค้าให้บุคคลอื่น (third-party) และธุรกิจโฆษณา แม้เว็บ Taobao จะเป็นเว็บอีคอมเมิร์ช แต่ข้อจำกัดเช่นนี้ก็น่าจะทำให้การดำเนินกิจการทำได้ลำบากมาก
ไต้หวันเพิ่งสั่งแบนธุรกิจ (แต่ไม่บล็อคเว็บ) iQiyi และ Tencent Video ทำให้บริษัทไต้หวันไม่สามารถเก็บค่าบริการให้กับบริการทั้งสองนี้ได้
ที่มา - Reuters
ภาพเมืองไทเปเมื่อปี 2018 โดย Heeheemalu |
# มือที่มองไม่เห็น? WSJ เผย Zuckerberg เคยล็อบบี้ทรัมป์และ สว. เรื่อง TikTok เป็นภัยคุกคาม
การเติบโตของ TikTok โดยเฉพาะในสหรัฐก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นเพียงภัยคุกคามด้านความมั่นคง (ในมุมมองรัฐบาลสหรัฐ) แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นภัยคุกคามกับ Facebook ที่จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดและเม็ดเงินโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย และดูเหมือนว่าการเตะตัดขา TikTok ในสหรัฐที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้จะมี Mark Zuckerberg อยู่เบื้องหลังด้วย
Wall Street Journal รายงานโดยอ้างข้อมูลจากคนที่เกี่ยวข้องว่า Mark Zuckerberg ได้พูดคุยและล็อบบี้ทั้ง Donald Trump จากการพบกันในเดือนกันยายนปีกลาย และวุฒิสมาชิกจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันหลายรายช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ถึงภัยคุกคามจากบริษัทอินเทอร์เน็ตจีนและ TikTok นำไปสู่การสืบสวนและตรวจสอบ TikTok จนในท้ายที่สุดนำมาสู่คำสั่งประธานาธิบดีเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
นอกจากการล็อบบี้แล้ว WSJ รายงานด้วยว่า Zuckerberg ได้ตั้งกลุ่ม American Edge ขึ้นมาเพื่อโฆษณา(ชวนเชื่อ)และยกย่องบริษัทเทคของอเมริกัน ว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ, ความมั่นคงและอิทธิพลทางวัฒนธรรมของอเมริกัน
อย่างไรก็ตามต้นเดือนที่ผ่านมา มีรายงานว่า Zuckerberg แสดงความเห็นต่อประเด็นการแบน TikTok ในการประชุมกับพนักงาน Facebook ไปในทางไม่เห็นด้วยว่าการแบนจะส่งผลเสียในระยะยาวมากกว่า ทว่า Instagram ก็ปล่อยฟีเจอร์ Reel ที่ก๊อป TikTok ทันทีหลังคำสั่งแบนไม่นาน
ก่อนหน้านี้ Kevin Mayer ซีอีโอของ TikTok เองเคยพูดถึง Facebook ในแถลงการณ์กรณีที่ TikTok โดนแบน ว่า Facebook มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบน TikTok ในสหรัฐโดยอ้างเหตุผลด้านชาตินิยม
ขณะที่ Josh Howley วุฒิสมาชิกของสหรัฐพรรครีพับลิกันก็เคยออกมาแสดงความเห็นในระหว่างการสืบสวนกรณี TikTok ละเมิดข้อมูลส่วนตัวเด็กเมื่อปีที่แล้วว่า "ขณะที่ชาวอเมริกันกำลังกลัว TikTok ในเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่สิ่งที่ Facebook กลัวคือการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดโซเชียลมีเดียไป" ก่อนที่ Kelli Ford โฆษกของ Howley จะย้ำว่าสิ่งที่ Howley กังวลคือ Facebook จะอ้างถึงภัยคุกคามจีนเป็นแท็กติกด้าน PR เพื่อสร้างภาพบวกให้กับตัวเอง
ที่มา - Wall Street Journal |
# Bletchley Park พิพิธภัณฑ์คอมพิวเตอร์และการถอดรหัสลับสมัยสงครามโลกขาดทุนหนัก ต้องลดพนักงาน 1 ใน 3
Bletchley Park หรือโรงเรียนการเข้ารหัสของรัฐบาลอังกฤษสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โด่งดังขึ้นมาในฐานศูนย์วิจัยของกองทัพอังกฤษที่ Alan Turing และทีมงานสร้างเครื่องถอดรหัส Enigma ได้สำเร็จ ปัจจุบัน Bletchley Park กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดำเนินการโดยกองทุน Bletchley Park Trust และกองทุนกำลังขาดทุนอย่างหนักจากเหตุ COVID-19 จนต้องปรับลดพนักงาน
ทาง Bletchley Park Trust ระบุว่ารายได้ในช่วงเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคมที่ผ่านมารายได้ลดลงถึง 95% ทำให้ปีนี้ทั้งปีคาดว่าจะขาดทุน 2 ล้านปอนด์ จากที่ทางพิพิธภัณฑ์ต้องปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา และเมื่อกลับมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 4 กรกฎาคม จำนวนผู้เข้าชมก็ลดลงอย่างมาก
ตอนนี้ Bletchley Park หยุดจ่ายเงินเดือนพนักงาน 85% และขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากกองทุน National Lottery Heritage แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ที่มา - Bletchley Park
ภาพโดย Draco2008 จาก Wikipedia |
# กูเกิลเตรียมเพิ่มฟีเจอร์ Chrome OS ให้เว็บเปิดซ็อกเก็ตตรงได้ ทั้ง TCP/UDP ไม่ต้องเรียก HTTP
ทีมพัฒนาเอนจิน Blink ที่เป็นพื้นฐานของเบราว์เซอร์ Chrome ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Raw Sockets API ที่จะเพิ่ม API ในจาวาสคริปต์ให้เปิดซ็อกเก็ต TCP หรือ UDP ตรงได้ จากเดิมที่จาวาสคริปต์จะติดต่อโลกภายนอกได้ทาง HTTP/HTTPS เท่านั้น
ก่อนหน้านี้มีความพยายามทำให้เว็บสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้เหมือนกับ TCP หรือ UDP เรื่อยมา แต่มักจำกัดแอปพลิเคชั่นที่ใช้งาน เช่น WebSocket ที่มักใช้กับการแชต หรือ WebRTC ที่ใช้กับการโทรศัพท์หรือวิดีโอคอล โดยตัวเซิร์ฟเวอร์ต้องรองรับโปรโตคอลให้ตรงตามเบราว์เซอร์ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นเช่น SSH หรือ RDP บนเว็บได้
ข้อเสนอ Raw Sockets API จะเปิดใช้งานเฉพาะ Chrome OS ในช่วงแรก แม้ว่าตัว API จะไม่มีข้อจำกัดว่าต้องใช้งานบน Chrome OS เท่านั้น
เมื่อเว็บแอปพลิเคชั่นต้องการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ เบราว์เซอร์จะแจ้งเตือนผู้ใช้และต้องขออนุญาตเป็นรายกรณี ความกังวลหนึ่งคือคนร้ายอาจจะหลอกให้เหยื่ออนุญาตเซิร์ฟเวอร์ที่ดูเหมือนเซิร์ฟเวอร์ภายนอก เช่น ชื่อโดเมน malware.example.com แต่ที่จริงแล้วเป็นไอพีภายในที่คนร้ายต้องการสแกนพอร์ต ทีมงานของกูเกิลจึงไม่อนุญาตให้เว็บเชื่อมต่อกับไอพีภายใน เว้นแต่ผู้ใช้จะพิมพ์หมายเลขไอพีด้วยตัวเอง
ที่มา - blink-dev
ภาพเลย์เยอร์ต่างๆ ของโปรโตคอลในอินเทอร์เน็ต โดย Jsoon eu |
# ลองจับ OnePlus Nord ฟีเจอร์ครบ จอ 90Hz รองรับ 5G, เขย่าตลาดมือถือระดับกลาง
หลัง OnePlus Nord เปิดราคาอย่างเป็นทางการในไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานและได้ลองจับเครื่องจริงทั้งสองสี คือ Blue Marble และ Gray Onyx มาด้วย จึงลองมาเล่าเป็นพรีวิวภาพรวมของเครื่องคร่าวๆ ให้ผู้ที่สนใจซื้อได้เห็นภาพเครื่องจริงมากขึ้น
พระเอกของงานในครั้งนี้ น่าจะเป็นรุ่นสี Blue Marble ที่อยู่บนรูปโปรโมตส่วนใหญ่ และเป็นสีตีมของงานเปิดตัว แต่ก็ยังมีรุ่นสี Gray Onyx อีกรุ่น ที่เป็นโทนสีดำเทาเมทัลลิก สำหรับคนที่อยากได้รุ่นที่เคร่งขรึม เหมาะสำหรับการทำงาน รุ่นสี Blue Marble ถ้ามองด้วยตาเปล่าจะสีเข้มกว่าในรูปเล็กน้อย เนื่องจากไฟสีขาวที่ค่อนข้างสว่างในโซนทดลองเครื่อง อาจทำให้สีในรูปดูอ่อนลง
OnePlus Nord มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 ใต้กระจก Gorilla Glass 5 สีสด รองรับ HDR10+ การสไลด์ไปมาทำได้ลื่นไหลสบายตา เพราะเป็นจอ 90Hz มีสแกนรอยนิ้วมือใต้หน้าจอแบบออพติคัล มีข้อดีอีกข้อคือขอบหน้าจอไม่โค้งมากนัก จับถนัดมือได้โดยไม่ต้องกลัวสัมผัสโดนด้านข้าง และน่าจะติดฟิล์มบนจอได้ง่ายขึ้น
บอดี้ด้านหลังเป็นพลาสติก ความมันวาวทำให้ดึงดูดรอยนิ้วมือพอสมควร ยังเช็ดออกได้ง่าย แต่ก็ต้องระวังรอยขีดข่วนเช่นเดียวกับมือถือฝาหลังพลาสติกอื่นๆ สี Blue Marble จะเห็นรอยนิ้วมือได้ชัดกว่าสี Gray Onyx
ตัวเครื่องค่อนข้างบาง และน้ำหนักเบา น่าจะเพราะวัสดุด้านหลังที่เป็นพลาสติก ด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง ด้านซ้ายมี Alert Slider ปรับเสียงเป็นโหมดสั่นหรือปิดเสียงได้โดยไม่ต้องเปิดเมนูลงมา คู่กับปุ่มพาวเวอร์
ด้านล่างเป็นลำโพงเดี่ยว พร้อมช่องชาร์จด้วย USB Type-C มาพร้อมที่ชาร์จ Warp Charge 30W และไม่มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร รวมทั้งไม่รองรับ microSD
กล้องหลัง 4 กล้อง กล้องหลัก 48MP เซ็นเซอร์ Sony IMX586 กล้องอัลตร้าไวด์ 119 องศา ความละเอียด 8MP มี depth sensor สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ 5MP และกล้องไมโครที่โฟกัสใกล้วัตถุได้ถึง 4 เซ็นติเมตร ความละเอียด 2MP กล้องหน้าคู่ เป็นกล้องธรรมดา 32MP และมีกล้องอัลตร้าไวด์ 8MP มาให้ด้วย
สรุป ดีไซน์สวย ฟีเจอร์ครบครัน พร้อมรองรับ 5G แม้ต้องตัดบางอย่างไปบ้าง
OnePlus Nord เป็นมือถือราคาไม่เกินสองหมื่นอีกรุ่นที่ได้ฟีเจอร์ใช้งานครบครัน ชิป Snapdragon 765G และรองรับ 5G ทำให้น่าจะเป็นมือถือที่ใช้งานได้ยาวๆ ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับแอนดรอยด์ 10 ครอบทับด้วย Oxygen OS โดยในงาน OnePlus ระบุว่าการันตีอัพเดตเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ 2 ปี และแพทช์ความปลอดภัย 3 ปี
แม้จะมีองค์ประกอบภายในที่ถูกตัดไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานระยะยาวได้บ้าง เช่น หน่วยความจำภายในที่เป็น UFS 2.1 และไม่สามารถใส่ microSD card เพิ่มได้ ทำให้ถ้าเป็นคนชอบถ่ายรูป ควรเลือกรุ่นความจุ 256GB ดีกว่า กับส่วนฝาหลังพลาสติก ที่อาจมีรอยขีดข่วนมากกว่าแบบกระจกเมื่อใช้ไปนานๆ แต่ในระดับราคานี้ (รุ่นแรม 8GB + หน่วยความจำ 128GB ราคา 14,990 บาท, แรม 12GB + หน่วยความจำ 256GB ราคา 17,990 บาท) ก็ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ข้อมูลเพิ่มเติม: OnePlus Nord รองรับคลื่น 5G ช่วงคลื่น n1, n3, n7, n28, n78 ส่วนคลื่น 5G ในไทย จะมีช่วงคลื่น n28 (700 MHz) , n41 (2600 MHz) และ n258 (26 GHz) ซึ่ง OnePlus Nord จะรองรับแค่ n28 หรือ 700 MHz เท่านั้น อาจเสียเปรียบรุ่นอื่นบ้างในอนาคต เมื่อ 5G ใช้งานได้ครบทุกช่วงคลื่น |
# Android ออก ConstraintLayout 2.0 ตัวจริง เพิ่ม MotionLayout ให้สร้างแอนิเมชันง่ายขึ้น
ข่าวสำคัญของวงการนักพัฒนา Android ในรอบสัปดาห์คือ กูเกิลออก ConstraintLayout 2.0.0 ตัวจริงแล้ว หลังพัฒนามานานกว่า 2 ปี
ConstraintLayout เป็นระบบการจัดการเลย์เอาท์แบบใหม่ของ Android ที่เริ่มใช้ใน Android Studio 2.2 ตั้งแต่ปี 2016 และหลังจากนั้นกูเกิลก็พยายามอัพเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.0 มาตั้งแต่ปี 2018 แต่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์
ของใหม่ที่สำคัญในเวอร์ชัน 2.0 คือ MotionLayout ซึ่งเป็นซับคลาสใหม่ของ ConstraintLayout ที่ช่วยให้นักพัฒนาแอพสร้างแอนิเมชันได้ง่ายขึ้น และใช้ได้กับ Motion Editor ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใน Android Studio 4.0 ด้วย
ที่มา - Android Studio |
# กลุ่มผู้ใช้ WeChat ในสหรัฐฯฟ้องรัฐบาลทรัมป์เรื่องแบนแอป ขัดต่อเสรีภาพ
จากประเด็น โดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งบริหารแบนแอปจากจีนด้วยข้อกังวลเรื่องความมั่นคงของชาตินั้น ไม่ใช่แค่ TikTok ที่โดน แต่ยังรวมถึง WeChat เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่นิยมใช้งานกันในกลุ่มคนจีนทั่วโลก ในเนื้อหาคำสั่งระบุถึงขนาดที่ว่า WeChat เปิดทางให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนติดตามพลเมืองจีนที่ได้มาเยือนสหรัฐฯ และได้สัมผัสสังคมเสรีเป็นครั้งแรกในชีวิต
ล่าสุดกลุ่มผู้ใช้งาน WeChat ในสหรัฐฯรวมกันฟ้องรัฐบาลทรัมป์ โดยยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางในซานฟรานซิสโก อ้างว่าคำสั่งเป็นการละเมิดสิทธิ์เสรีภาพการพูดซึ่งถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และยังเป็นการเลือกปฏิบัติโดยมีเรื่องของเชื้อชาติเข้ามาด้วย ซึ่งล่าสุดกลุ่มพนักงานและ TikTok ก็ยื่นฟ้องไปแล้ว
กลุ่มผู้ใช้งาน WeChat รวมตัวกันในกลุ่ม US WeChat Users Alliance ระบุว่า ทรัมป์พยายามแบนแอปจีนในระหว่างที่การเลือกตั้งสหรัฐฯรอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้น และอยู่ในช่วงที่ทรัมป์โจมตีจีนและคนจีนมากเป็นพิเศษ ซึ่งอยู่นอกบริบทความมั่นคงแห่งชาติ ด้าน Gang Yuan ทนายความจากนิวยอร์กและหนึ่งในผู้ก่อตั้งพันธมิตรกล่าวว่าผู้ใช้ควรมีอิสระในการตัดสินใจว่าจะใช้บริการใด รัฐบาลสามารถพูดได้ว่าแอปใดมีความปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย แต่ไม่มีสิทธิ์ไปบอกกับผู้ใช้ว่าต้องลบแอปออกเดี๋ยวนี้
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - Financial Times |
# Ubisoft ประเทศอังกฤษ เริ่มไม่ให้แผ่นเกมมาในกล่อง Collector’s Edition ของ Xbox
Ubisoft ประเทศอังกฤษระบุในหน้าซัพพอร์ต ว่าจะเริ่มไม่แถมแผ่นของเกมใหม่ที่กำลังจะออกในช่วงนี้ เช่น Watch Dogs: Legion, Assassin’s Creed Valhalla และ Far Cry 6 มาในกล่อง Collector’s Edition แล้ว และจะให้มาเป็นคีย์ที่ผู้เล่นต้องนำไป redeem เอง แต่การไม่แถมแผ่นเกมจะเป็นเฉพาะบน Xbox เท่านั้น ส่วนบน PlayStation 4 และ 5 ยังมีแผ่นอยู่เหมือนเดิม
Watch Dogs: Legion เตรียมวางจำหน่ายวันที่ 29 ตุลาคมนี้ Assassin’s Creed Valhalla วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ และ Far Cry 6 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ปีหน้า ทั้งสามเกมลงทั้ง Google Stadia, PlayStation 4, PlayStation 5, Windows PC, Xbox One และ Xbox Series X และมี Collector’s Edition ที่มีราคาแพงและมาพร้อมของแถมมากมาย แต่การไม่แถมตัวเกมหลักมาด้วยในแพ็คเกจราคาแพงแบบนี้ ก็อาจสร้างความไม่พอใจให้กับผู้เล่นได้เช่นกัน
เว็บไซต์ Polygon ติดต่อไปถาม Ubisoft และได้คำตอบว่าการไม่แถมแผ่นในกล่อง Collector’s Edition ของ Xbox เป็นนโยบายเฉพาะประเทศอังกฤษเท่านั้น ไม่มีผลกับเกมเวอร์ชั่นที่วางขายในอเมริกาเหนือ ส่วนในบ้านเรา ต้องติดตามข้อมูลจากตัวแทนจำหน่ายต่อไป
ที่มา - Polygon |
# รีวิว Galaxy Note 20 Ultra 5G มือถือเรือธงที่ยังน่าใช้แต่อาจยังไม่น่าอัพเกรดมาใช้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนเรือธงอิ่มตัวมาหลายปีแล้ว และในแต่ละครั้งที่แบรนด์สมาร์ทโฟนเปิดตัวรุ่นใหม่ กระแส ความน่าสนใจไปจนถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่แทบจะไม่มีหรือมีก็น้อยมาก กล่าวอีกอย่างคือตลาดสมาร์ทโฟนเรือธงขาด wow factor มาหลายปีแล้ว
ซัมซุงที่ยังครองตลาดสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกก็ประสบปัญหาไม่ต่างกัน Galaxy Note 20 Ultra 5G (หลังจากนี้ขอเรียกสั้น ๆ ว่า Note 20 Ultra) เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์เรื่องนี้ อย่างน้อยก็เห็นได้จากกระแสช่วงเปิดตัวที่ค่อนข้างเงียบ ขณะที่เมื่อผมมีโอกาสได้ใช้งานจริง แม้จะยอมรับว่า Note 20 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่สมบูรณ์และน่าใช้รุ่นหนึ่ง แต่ด้วยปัจจัยเรื่องราคา และการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Note 10 Plus ที่ไม่มากขนาดสร้างความแตกต่าง ทำให้รู้สึกว่าอาจยังไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักสำหรับคนที่อยากอัพเกรดมาจากเรือธงปลายปีที่แล้ว
ตัวเครื่องและหน้าจอ
วัสดุ Note 20 Ultra เป็นอะลูมิเนียม บอดี้และงานประกอบของ Note 20 Ultra ต้องยอมรับว่าค่อนข้างดี ให้ความรู้สึกพรีเมียม น้ำหนักกำลังดีมือ (208 กรัม เบากว่า S20 Ultra ที่หนัก 222 กรัม) ไม่หนักไปไม่เบาไป ขณะที่สี Mystic Bronze ส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างสวยกว่าหลาย ๆ ตัวเลือกสีที่ซัมซุงทำในหลายรุ่นที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม Note 20 Ultra ไม่มีเคสแถมมาให้ในกล่อง ต้องหาซื้อเอง ขณะที่แม้งานประกอบจะออกมาดี สัมผัสของตัวเครื่องดี สีสวย สมควรจะใช้งานได้ดีสำหรับคนที่ไม่อยากใส่เคส แต่ทว่า Note 20 Ultra กลับเป็นสมาร์ทโฟนที่เหมือนถูกออกแบบมาให้ใส่เคส เพราะใช้งานแบบไม่ใส่เคสได้ค่อนข้างยาก จากทั้งตัวกล้องที่นูน วางเครื่องบนโต๊ะแล้วเอาปากกาเขียนไม่ได้ เครื่องจะกระดก และขอบจอที่โค้ง ทำให้การใช้งาน 2 มือไม่ว่าจะไถหน้าจอหรือพิมพ์คีย์บอร์ด จะมีบางส่วนของมือไปโดนจออยู่ตลอดเวลา ซึ่งน่ารำคาญ (มากกกก)
หน้าจอ Note 20 Ultra สวยงาม สดใสและสู้แสงแดดได้ดีตามสไตล์ซัมซุง ตรงนี้ไม่มีปัญหา หนึ่งในอัพเดตด้านหน้าจอที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการอัพเกรดจริง ๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องการรองรับ 120Hz แต่ทว่ามันมาในรูปแบบของ Adaptive Motion กล่าวคือตัวมือถือไม่ได้แสดงผล 120Hz ตลอดเวลา แต่จะปรับรีเฟรชเรทขึ้นลงตามการใช้งาน เช่นหากเป็นแอปอ่านหนังสือก็อาจปรับรีเฟรชเรทลง แต่หากเป็นช่วงที่เราไถฟีดเฟซบุ๊ก หรือไถหน้าแอปก็จะปรับรีเฟรชเรทเป็น 120Hz ให้ดูลื่น แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็เพื่อประหยัดแบต
อย่างไรก็ตาม รีเฟรชเรท 120Hz จะรองรับแค่ที่ความละเอียดต่ำกว่าอย่าง FHD+ และ HD+ เท่านั้น ส่วนความละเอียด WQHD+ (1440p) รองรับแค่ 60Hz ซึ่งส่วนตัวไม่มีปัญหา เพราะคิดว่าความละเอียดระหว่าง 1080p และ 1440p บนหน้าจอ 6.9 นิ้ว ไม่น่าจะแตกต่างขนาดรู้สึกได้เท่าไหร่นัก (แต่ OnePlus 8 Pro ยอมทำ 120Hz ที่ QHD+ นะ)
S Pen และกล้อง - การอัพเกรดระดับซอฟต์แวร์
ถ้าไม่นับการปรับลดความหน่วงของ S Pen จาก 42ms เหลือ 9ms และการอัพเกรดฮาร์ดแวร์กล้อง การใช้งานรวม ๆ ของ 2 ส่วนนี้แทบไม่แตกต่างจาก Note 10 หรือแม้แต่ S20 มากนัก
เรื่องการใช้งานปากกา รีเฟรชเรทหน้าจอ 120Hz อาจช่วยให้รู้สึกลื่นขึ้นเล็กน้อยเวลาเขียน ขณะที่ฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น Air Gesture ใหม่, Samsung Notes ที่รองรับการแก้ไข PDF ในตัว, รองรับการอัดเสียงพร้อมจดโน้ต, AI Neat Note แปลงโน้ตที่เขียนเอียงๆ ปรับมาเป็นแนวนอนและแปลงโน้ตไปเป็น Powerpoint หรือแม้แต่ Samsung Dex ที่เป็นแบบ wireless ก็ล้วนเป็นฟีเจอร์ที่อัพเกรดในเชิงซอฟต์แวร์เท่านั้น ไม่ได้สร้างความแตกต่างระหว่างตระกูล Note 20 กับ Note 10 มากขนาดนั้น และรายหลังก็มีแนวโน้มจะได้รับอัพเดตแบบเดียวกันด้วย หลัง S20 ได้แล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องยอมรับว่า Samsung Notes น่าจะเป็นแอปจดโน้ตที่ดีพร้อมและสมบูรณ์แบบที่สุดในตลาดแล้ว เมื่อเทียบกับ OneNote หรือแม้แต่ EverNote ยิ่งฟีเจอร์ใหม่อย่างการแก้ไขและเขียนทับ PDF ไปจนถึงการแปลงโน้ตให้เป็น Powerpoint ค่อนข้างมีประโยชน์มาก ๆ
ขณะที่กล้อง รอบนี้เหมือนซัมซุงพยายามแก้ตัวและปรับปรุงข้อผิดพลาดหรือข้อด้อยจาก S20 ให้กล้อง Note 20 Ultra มีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นออโต้โฟกัสที่เป็นปัญหาใน S20 Ultra ก็ถูกแก้ด้วยเลเซอร์สำหรับออโต้โฟกัสโดยเฉพาะ
นอกจากนี้รอบนี้เหมือนซัมซุงจะรู้แล้วว่าการซูม 100 เท่า เป็นเพียงกิมมิคด้านการตลาด (ที่ก็คาดว่าไม่น่าจะประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก) และสามารถนำไปใช้งานจริงได้น้อยมาก รอบนี้เลยปรับลดว่าสามารถซูมได้สูงสุดแค่ 50 เท่าเท่านั้น (แค่นี้ก็รู้สึกว่าใช้งานยากแล้ว) และครั้งนี้ซัมซุงโปรโมทว่า Note 20 Ultra ทำออพติคัลซูมที่ 5 เท่า (เพิ่มจาก S20 Ultra ที่ออพติคัลแค่ 4 เท่า แต่โปรโมทด้วยคำว่า Hybrid Optical Zoom 10x ที่ผสานดิจิทัลซูมเข้าไปด้วย)
เซ็นเซอร์กล้องหลักของ Note 20 Ultra ยังคงเป็นตัวเดียวกับ S20 Ultra คือ ISOCELL Bright HMX 108MP ความละเอียดสูงสุด 108 ล้านพิกเซล เฉพาะสัดส่วน 4:3 ซึ่งแทบไม่แตกต่างจากกล้องของ S20 Ultra มากนักในภาพรวม
มุมว้าง (0.5x)
มุมปกติ (1x)
ซูม 4x
ซูม 10x
ซูม 20x
ซูม 50x
ซ้าย Night Mode | ขวา Auto HDR
Live Focus
กล้องหน้า
ส่วนที่พอจะน่าสนใจสำหรับกล้องของ Note 20 Ultra คือการถ่ายวิดีโอแบบ Pro Mode ที่ผู้ใช้งานสามารถปรับ ISO, Speed Shutter, รูรับแสง, ค่าชดเชยแสง, ไวท์บาลานซ์ ไปจนถึงโฟกัสได้เองทั้งหมด ที่สำคัญคือสามารถปรับทิศทางการรับเสียงจากไมโครโฟนได้ด้วยว่าจะรับจากทุกไมค์ (Omni) หรือเฉพาะทิศทางใดทิศทางหนึ่ง รวมถึงรองรับไมโครโฟนภายนอก ไม่ว่าจะพ่วงด้วย USB หรือบลูทูธ ที่ใช้งานได้แม้แต่หูฟังไร้สายอย่าง Galaxy Buds และ Buds Live ด้วย (ยี่ห้ออื่น ๆ ก็มีรายงานว่าใช้ได้เหมือนกัน)
Pro Mode น่าจะพอช่วยตากล้องมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพหลายคนสำหรับการถ่ายงานให้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพกกล้องหลาย ๆ ตัวได้ไม่มากก็น้อย (และอย่างที่เกริ่นไปว่า S20 ก็ได้ Pro Mode แล้วจากการอัพเดตซอฟต์แวร์)
การใช้งานทั่วไปและแบตเตอรี่
ด้วยสเปคระดับเรือธงและแรมถึง 12GB ทำให้ Note 20 Ultra แทบไม่มีปัญหาในการใช้งาน รอมเป็น OneUI 2.5 ที่มีฟีเจอร์ใหม่ฝั่งแอนดรอยด์อย่าง Nearby Share มาให้ในตัวและฝั่งไมโครซอฟท์อย่าง Your Phone ใหม่
การสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอค่อนข้างเร็วและแม่นยำ ขณะที่แบตเตอรี่ให้มา 4,500mAh (Note 20 มากกว่าที่ 5,000mAh) ใช้งานแรก ๆ อาจจะเพราะสังเกตแบตเตอรี่บ่อยไป รู้สึกแบตไหลเร็วมาก ตื่น 8 โมง ใช้แต่ Wi-Fi อยู่บ้าน ออกจากบ้านราว 11 โมง สังเกตแบตตอนเที่ยงเหลือราว 70%-80% แต่พอใช้งานจริงไปสักพัก รู้สึกแบต Note 20 Ultra สามารถอยู่ใช้งานได้เต็มวันแม้จะใช้งานหนักอย่างดู Netflix/YouTube หรือเปิดกล้องถ่ายรูปเยอะ ๆ ก็ตาม
สรุป
ผมกล้าพูดว่า Galaxy Note 20 Ultra 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์พร้อมเครื่องหนึ่ง จากการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ จาก Note 10+ และ S20 Ultra
อย่างไรก็ตามปัญหาของ Note 20 Ultra คงหนีไม่พ้นเรื่องราคาที่รุ่นเริ่มต้นก็ปาเข้าไป 38,990 บาทแล้ว ซึ่งถือว่าค่อนข้างแพงมาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจแบบนี้ และยิ่งเมื่อพิจารณาในรายละเอียดว่าจุดแตกต่างของ Note 20 Ultra กับ Note 10 Plus ถ้าไม่นับการอัพเกรดฮาร์ดแวร์ตามรอบปกติ สิ่งที่แตกต่างส่วนใหญ่ก็ล้วนอยู่ในซอฟต์แวร์ที่ Note 10 Plus ก็น่าจะได้ตามมาเร็ว ๆ นี้ด้วย
อีกประเด็นที่น่าส่ายหน้าให้กับซัมซุงคือการ “กั๊ก” ฟีเจอร์ของรุ่นเล็กอย่าง Note 20 ให้มีความแตกต่างจาก Note 20 Ultra ค่อนข้างมาก (ทั้งที่ Note 10 กับ 10+ ต่างกันไม่เยอะ) ไม่ว่าจะบอดี้เป็นพลาสติก, หน้าจอครอบด้วย Gorilla Glass 5 (Note 10 ยังใช้ Gorilla Glass 6), รีเฟรชเรทจอแค่ 60Hz, ความหน่วงปากกา 26ms (Ultra 9ms), ชิปเซ็ต Snapdragon 865, กล้องหลังไม่มี Laser AF
เรือธงรุ่นย่อยอย่าง Note 20 มันควรเป็นรุ่นที่เอาไว้รองรับคนที่อยากใช้ฟีเจอร์เรือธง แต่งบไม่ถึงและยอมลดความพรีเมียมหลายอย่างลง แต่การกั๊กฟีเจอร์ที่ค่อนข้างส่งผลต่อการใช้งาน (เช่นรีเฟรชเรทหน้าจอที่ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่สุด) อาจยิ่งตัดโอกาสคนที่จะเปลี่ยนมาใช้ Note 20 ลงไปอีกก็ได้ เพราะงบไม่ถึงรุ่น Note 20 Ultra แต่พอมามอง Note 20 (เทียบกับ Ultra) แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า |
# ประเมินตลาดเทคโนโลยียุโรปปี 2020 หดตัวจาก COVID-19 กระทบสตาร์ตอัพรายย่อย
บริษัทวิจัย Forrester Research ออกรายงานประเมินงบใช้จ่ายด้านไอที (tech budget ในที่นี้รวมทั้งภาครัฐ-เอกชน) ของ 3 ประเทศหลักในยุโรปคือ ฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากน้อยแค่ไหน
Forrester ประเมินว่างบใช้จ่ายด้านไอทีปี 2020 ของทั้ง 3 ประเทศจะลดลงแน่ๆ เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยแยกได้เป็น 2 สถานการณ์
กรณีดีที่สุด (best case) ลดลง 5-7% ในปี 2020 และกลับมาโต 4-6% ในปี 2021
กรณีแย่ที่สุด (worst case) ลดลง 8-9% ในปี 2020 และไม่เติบโตเลยในปี 2021
ตลาดซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีที่หดตัวลง จะกระทบกับบริษัทสตาร์ตอัพมากที่สุด เพราะลูกค้ายกเลิกสัญญา และบริษัทขนาดเล็กมีเงินสดน้อยกว่ายักษ์ใหญ่อย่าง SAP มาก คำแนะนำหนึ่งที่เป็นไปได้คือ บริษัทขนาดเล็กควรเสนอให้ลูกค้าใช้งานฟรี 1 ปีแทนการยกเลิกสัญญา ถึงแม้ไม่ได้เงินในปีนี้ แต่ก็ยังสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้
ที่มา - Forrester Research, Business Insider |
# [ลือ] Huawei Mate 40 มีสี่รุ่น จอ 90Hz รัน EMUI11 อาจเปิดตัวตุลาคมนี้
Ross Young ซีอีโอของ Display Supply Chain Consultants บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลจอแสดงผล เผยข้อมูลว่าหน้าจอของ Huawei Mate 40 เริ่มผลิตในเดือนนี้แล้ว เป็นหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล รีเฟรชเรต 90Hz นอกจากนี้ยังมีอีกสามรุ่นคือ Huawei Mate 40 Pro, Pro + และ รุ่นพิเศษ Mate 40 RS Porsche ที่ดีไซน์ร่วมกับบริษัทรถสปอร์ตชื่อดัง
สามรุ่นหลังจะใช้หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว รีเฟรชเรต 90Hz เช่นกัน แต่ยังไม่เปิดเผยความละเอียด ทุกรุ่นจะเป็นหน้าจอขอบโค้ง แต่รุ่นที่จอใหญ่กว่าจะมีส่วนโค้งมากกว่า เพราะเป็นจอแบบ Waterfall ของ Huawei
Huawei จะเปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ในงาน IFA 2020 วันที่ 3 กันยายนนี้ และ EMUI ในงาน HDC 2020 ในเดือนเดียวกัน แปลว่าเดือนตุลาคม น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดตัว Mate 40 ซึ่งทุกรุ่นจะใช้ชิป Kirin 9000 สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร และรันบนแอนดรอยด์ 11 ครอบทับด้วย EMUI11 มาจากโรงงาน
ที่มา - Huawei Central, Huawei Central
รูปเรนเดอร์ ของ Mate 40 |
# Mozilla ยืนยัน เว็บรวมเอกสาร MDN ยังอยู่ แม้ถูกปลดคน แต่ลดกิจกรรม-การอัพเดตลง
วงการนักพัฒนาเว็บคงคุ้นเคยกับ MDN Web Docs หรือชื่อเดิม Mozilla Developer Network เว็บไซต์รวมเอกสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีเว็บ ตัวอย่างการเขียนโค้ด และเครื่องมืออื่นๆ อีกมาก ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของคนเขียนเว็บ (ใช้ได้กับเบราว์เซอร์ทุกตัว ไม่ใช่แค่ Firefox)
แต่ MDN เป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกปลดคนออก ตามข่าว Mozilla ปรับโครงสร้างองค์กรรอบล่าสุด ปลดพนักงานออกถึง 250 คน ทำให้เกิดความสงสัยในหมู่นักพัฒนาเว็บว่า MDN จะถูกยุบโครงการไปอีกรายหรือไม่
ล่าสุดทีมงาน MDN ออกมาแถลงข้อมูลแล้วว่า MDN จะยังอยู่ต่อไป แต่จะปรับลดกิจกรรมต่างๆ ลงตามงบประมาณที่หายไป เช่น การจัดกิจกรรมแบบออฟไลน์ การสปอนเซอร์ให้นักพัฒนาไปพูดตามเวทีต่างๆ รวมถึงปริมาณงานเขียนของ MDN ที่จะลดลงด้วย
ที่มา - Mozilla |
# VMware รองรับ Kubernetes บน Workstation 16 และ Fusion 12
VMware อัพเดตซอฟต์แวร์ virtualization สำหรับเดสก์ทอป เวอร์ชั่นพีซีเป็น VMware Workstation 16 และเวอร์ชั่นแมคเป็น VMware Fusion 12 โดยมีฟีเจอร์สำคัญคือการรองรับคอนเทนเนอร์และ Kubernetes
การรองรับ Kubernetes อาศัย kind ที่เป็นดิสโทร Kubernetes สำหรับการทดสอบแอปบนเครื่องใดๆ ที่มี Docker รันอยู่ ส่วนคำสั่งในการรันคอนเทนเนอร์ก็ใช้ vctl ระบบรันคอนเทนเนอร์ที่ใช้แทน Docker ได้โดยตรง ทำให้ kind สามารถเชื่อมต่อเข้าไปยัง vctl แล้วให้บริการ Kubernetes ได้
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่จะรองรับ ได้แก่ DirectX 11, OpenGL 4.1, หน้าจอแบบ Dark Mode, และเชื่อมต่อรีโมตเข้าไปยัง vSphere 7 ที่เพิ่งออกมาปีนี้
VMware Workstation และ VMware Fusion รุ่น Player ราคา 149 ดอลลาร์ รุ่น Pro ราคา 199 ดอลลาร์
ที่มา - VMware |
# คอมแรงไปทำไม บริษัทวิจัยคาด Microsoft Flight Simulator กระตุ้นตลาดอัพเกรดพีซีครั้งใหญ่
บริษัทวิจัยตลาดฮาร์ดแวร์ Jon Peddie Research (JPR) ออกรายงานว่าเกมจำลองการบิน Microsoft Flight Simulator 2020 จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญผลักดันให้เหล่าเกมเมอร์ "อัพเกรด" ฮาร์ดแวร์เกมพีซีกันครั้งใหญ่ในอีก 3 ปีข้างหน้า
JPR ประเมินว่า Microsoft Flight Simulator ภาคนี้จะขายได้ทั้งหมด 2.27 ล้านชุดในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยเกมเมอร์เหล่านี้จะต้องอัพเกรดฮาร์ดแวร์เพื่อให้เข้าถึงประสบการณ์ดีที่สุดของเกม คาดว่าจะสร้างยอดขายฮาร์ดแวร์เป็นมูลค่าถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ยแล้วค่าอัพเกรดประมาณ 1,000 ดอลลาร์ต่อชุด
JPR บอกว่าอินเทลและ AMD จะเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุด เพราะเกมจำลองการบินแนวนี้ต้องพึ่งพาพลังซีพียูอย่างมาก แต่ตลาดจีพียู ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์อื่นๆ และผู้ขายพีซีก็จะได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน
ที่มา - JRR, VentureBeat |
# ทวิตเตอร์แปะป้ายโพสต์ทรัมป์ เพราะมีเนื้อหาชักนำให้ต่อต้านการเลือกตั้ง
ทวิตเตอร์แปะป้ายกำกับโพสต์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ระบุว่ามีเนื้อหาชักนำให้ต่อต้านการเลือกตั้ง
ทรัมป์โพสต์ว่า พรรคเดโมแครตกำลังใช้ Mail Drop Boxes ซึ่งเป็นภัยพิบัติด้านความปลอดภัยของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คนหนึ่งคนสามารถโหวตได้หลายครั้ง และนี่เป็นการฉ้อโกงครั้งใหญ่
ด้านทวิตเตอร์แปะป้ายกำกับระบุว่า ทวีตนี้ ละเมิดกฎของทวิตเตอร์ว่าด้วยความชอบธรรมของพลเมืองและการเลือกตั้ง แต่ทวีตนี้อยู่ในความสนใจของสาธารณชน ตัวเนื้อหาจึงยังปรากฏให้เห็นบนแพลตฟอร์มต่อไป
ทรัมป์โดนทวิตเตอร์แปะป้ายกำกับมาแล้ว เหตุการณ์สำคัญคือตอนที่ทรัมป์โพสต์ทวีตทีมีเนื้อหาออกไปในทางคุกคามความปลอดภัยของผู้ประท้วง Black Lives Matter นอกจากนี้ทรัมป์ยังได้ชื่อว่าต่อต้านระบบการเลือกตั้งผ่านไปรษณีย์มาตลอด และโดนทวิตเตอร์แปะป้ายฐานให้ข้อมูลที่อาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงกรณีเลือกตั้งผ่านไปรษณีย์มาแล้วสองครั้ง
ที่มา - New York Times |
# ไมโครซอฟท์ยื่นหนังสือต่อศาลหนุน Epic ให้แอปเปิลเลิกแบน Unreal Engine บน iOS/macOS
เมื่อคืนที่ผ่านมา Kevin Gammill ผู้จัดการทั่วไปฝั่ง Gaming Developer Experiences ของไมโครซอฟท์ได้ยื่นหนังสือต่อศาลแขวงแคลิฟอร์เนียเหนือ สนับสนุนท่าทีของ Epic จากกรณีที่แอปเปิลแบนบัญชีนักพัฒนา Epic ทำให้แอป Unreal Engine ไม่สามารถใช้งานบน iOS/macOS รวมถึงเข้าถึง SDK ของแอปเปิลได้
ก่อนหน้านี้ Epic เรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้แอปเปิลเลิกแบนและคืนการเข้าถึงแก่นักพัฒนาที่ใช้ Unreal Engine ทั้งหมด โดยระบุว่าการแบนนักพัฒนาที่ใช้ Unreal Engine ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือผลประโยชน์โดยตรงกับการฟ้องร้องครั้งนี้ รวมถึงตอกย้ำท่าทีการเป็นผู้ผูกขาดอย่างผิดกฎหมายของแอปเปิล ที่พร้อมจะบีบทุกคนที่กล้าลุกขึ้นมาแข็งขืน
นอกจากหนังสือต่อศาลฉบับดังกล่าว Phil Spencer หัวหน้าฝ่าย Xbox ยังทวีตสนับสนุนข้อเรียกร้องของ Epic ในประเด็นนี้ด้วย
ที่มา - The Verge |
# TikTok สู้กลับ ยืนยันจะฟ้องรัฐบาลทรัมป์เรื่องแบนแอป
TikTok ยืนยันว่าจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายฟ้องร้องรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเขาประกาศจะแบนแอป TikTok ในสหรัฐฯ คาดว่าจะมีการดำนเนินการทางกฎหมายต่อในสัปดาห์นี้
TikTok บอกด้วยว่า การฟ้องเป็นไปเพื่อให้แน่ใจว่าหลักการนิติธรรมจะไม่ถูกละเลย และ TikTok รวมถึงผู้ใช้งานถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งทำให้ TikTok ไม่มีทางเลือกจนต้องมาอาศัยกระบวนการยุติธรรม
โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหารหนึ่งในนั้นมีการห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมใดๆ กับ ByteDance บริษัทแม่ TikTok ซึ่งส่งผลกระทบต่อการรับเงินเดือนและเงินของพนักงาน กลุ่มพนักงานจึงร่วมระดมทุนเพื่อจะฟ้องร้องแล้ว
ด้านระยะเวลาการเจรจาซื้อบริษัท รัฐบาลทรัมป์นั้นขยายไปถึง 90 วันนับจากวันที่มีคำสั่ง (14 ส.ค.) ตอนนี้มีบริษัทที่เข้าร่วมเจรจาซื้อ TikTok คือ ไมโครซอฟท์, แอปเปิล, ทวิตเตอร์และอาจมี Oracle ร่วมด้วย
ที่มา - CNET |
# พบตึกประหลาดสูง 212 ชั้นในเกม Flight Simulator เพราะมีคนพิมพ์ผิดใน OpenStreetMap
ผู้เล่นเกม Flight Simulator ของไมโครซอฟท์พบตึกประหลาดเป็นแท่งสูงนับร้อยชั้นในเขตที่ประชากรไม่หนาแน่นนักในเมลเบิร์น ออสเตรเลีย
หลังจากเกมเมอร์สงสัยกันว่าตึกนี้คือตึกอะไร จึงพบว่ามีผู้ใช้ OpenStreetMap ชื่อบัญชี nathanwright120 แก้ไขข้อมูลบ้านสองชั้นหลังหนึ่งโดยพิมพ์เป็น 212 ชั้น และสตูดิโอ Asobo ก็ดึงข้อมูลข้อมูลไปทำแผนที่ในเกม Flight Simulator
ไม่แน่ชัดว่าไมโครซอฟท์จะลบตึกนี้ออกจากแผนที่เมื่อใด ใครมีเกมแล้วก็รีบไปบินวนชมตึกกันได้
ที่มา - Engadget |
# VS Code ออกเวอร์ชัน 1.48 เริ่มทดลองฟีเจอร์ซิงก์การตั้งค่าบนรุ่นเสถียร, ปรับเมนูรวมคำสั่ง Git ใหม่
เมื่อกลางเดือนสิงหาคมไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.48 ให้กับ Visual Studio Code โดยได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่และปรับปรุงการใช้งานหลายอย่าง
ของใหม่ที่สำคัญอย่างแรก คือการเพิ่มฟีเจอร์ซิงก์การตั้งค่าข้ามเครื่อง (Settings Sync) เข้ามาใน VS Code รุ่นเสถียรหลังจากที่เปิดให้ทดลองใช้เฉพาะ VS Code รุ่นสำหรับผู้ใช้กลุ่ม Insiders มาได้ระยะหนึ่ง
สำหรับประโยชน์ของฟีเจอร์ข้างต้นก็ตรงตามชื่อ กล่าวคือ Settings Sync จะช่วยอำนวยความสะดวกให้นักพัฒนาสามารถนำการตั้งค่า VS Code ที่ใช้งานเป็นประจำไปซิงก์ใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ เพียงแค่ Sign in เข้า VS Code บนเครื่องที่ต้องการใช้งานด้วย Microsoft Account หรือ GitHub Account
โดยจะสามารถเลือกซิงก์การตั้งค่าได้ทั้ง การตั้งค่าหลัก, คีย์ลัด, User Snippets, ส่วนขยายที่ติดตั้ง ไปจนถึงการปรับแต่ง UI (UI State) และหากเคยตั้งค่า VS Code บนแต่ละเครื่องไว้ต่างกัน Settings Sync ยังมาพร้อมกับตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถ merge การตั้งค่าเองได้อีกด้วย
การปรับปรุงที่น่าสนใจอีกอย่าง เป็นการปรับเมนูรวมคำสั่ง Git บนแผงควบคุม Source Control โดยอัพเดตนี้ได้เพิ่มคำสั่ง Git ซึ่งเดิมไม่สามารถเรียกใช้งานผ่านเมนูข้างต้นเข้ามาหลายคำสั่ง และยังได้จัดระเบียบเมนูใหม่ด้วยการแบ่งชุดคำสั่งเป็นเมนูย่อยๆ ตามหมวดหมู่อีกด้วย
ส่วนการปรับปรุงอื่นๆ ที่ไมโครซอฟท์ยกให้เป็นไฮไลท์ของอัพเดตครั้งนี้มีดังนี้
เพิ่มตัวเลือกกรองผลการค้นหาส่วนขยาย บนแผงควบคุม Extensions
เพิ่มคำสั่ง Debug: Open Link command เพื่อสั่งเปิดเว็บเพจขึ้นมาดีบักบนเบราว์เซอร์ได้โดยไม่จำเป็นต้องสร้างไฟล์ตั้งค่าการดีบัก (launch.json) ขึ้นมาก่อน สามารถเรียกได้ผ่าน command palette
เพิ่มตัวเลือกให้สามารถ publish โค้ดขึ้น GitHub public repository เพิ่มเติมจาก private repository ที่เป็นค่าตั้งต้น
ปรับปรุงการใช้งาน Notebook เพิ่มเมนู (...) ซึ่งสามารถเรียกคำสั่งสำหรับแต่ละ cell โดยเฉพาะ, ปรับปรุงการคลิกแล้วลากให้สามารถย้าย nested cell ทั้งชุด
เพิ่ม Java Lightweight Mode หรือโหมดเร่งความเร็วเมื่อเขียนโค้ด Java ซึ่งจะปิดการประมวลผลโค้ดบางอย่าง (เช่นการ build project ส่งผลให้ไม่สามารถสั่งรันหรือดีบักโปรแกรมได้) เพื่อแลกกับการทำให้ VS Code ทำงานกับโค้ด Java ได้เร็วขึ้น
เพิ่มคู่มือสอนการใช้งาน Remote Container บน VS Code
ที่มา - Visual Studio Code |
# แอปเปิลขอโทษ WordPress ที่ทำให้สับสน ไม่บังคับใช้ In-App Purchase แล้ว
หลังจาก Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ออกมารายงานว่าแอป WordPress ถูกบังคับให้รองรับบริการ In-App Purchase แม้จะไม่ให้นำเสนอบริการแบบเสียเงินโดยตรง วันนี้ทางแอปเปิลก็กลับคำตัดสิน พร้อมกับส่งแถลงไปยังสื่อว่าบริษัทขออภัยที่สร้างความสับสน
แถลงของแอปเปิลอ้างว่าทาง WordPress ยอมถอนลิงก์ไปยังบริการจ่ายเงินของตัวเอง อันเป็นต้นเหตุของการบังคับให้รองรับ In-App Purchase อย่างไรก็ดี ทาง The Verge ตรวจสอบพบว่าแอป WordPress ไม่ได้นำเสนอบริการเสียเงินมาหลายเดือนแล้ว โดยมีเพียงเวอร์ชั่นเก่ามากๆ ที่มีเมนู Plans เลือกให้ซื้อบริการเพิ่มเติมได้
Mullenweg เองยืนยันว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ไม่มีการเสนอบริการเสียเงินนอกเสียจากผู้ใช้จะเข้าเว็บทางหน้าจอพรีวิวแล้วกดเลือกลิงก์เว็บของ WordPress.com อีกที ซึ่งตัว Mullenweg เองก็เสนอว่าจะแบนเว็บเหล่านี้ในแอปแล้วเพื่อให้แอปไม่ต้องรองรับ In-App Purchase แต่ตัวแทนของแอปเปิลก็ยังไม่ยอม
ที่มา - The Verge |
# Suicide Squad: Kill The Justice League เกมใหม่จาก Rocksteady ผู้สร้างเกม Arkham
เกมใหม่อีกเกมที่เปิดตัวในงาน DC Fandome คือ Suicide Squad: Kill The Justice League ผลงานใหม่จากสตูดิโอ Rocksteady ในเครือ WB Games ที่พัฒนาเกมตระกูล Batman: Arkham ภาคหลักทั้ง 3 ภาค
ตัวละครหลักของเกมนี้คือแก๊งวายร้าย Suicide Squad ที่ประกอบด้วย Harley Quinn, Deadshot, King Shark, Boomerang โดยจะต้องต่อสู้กับบรรดาฮีโร่ The Justice League ที่ในเทรลเลอร์มี Superman โผล่มาให้เห็นแล้วหนึ่งราย
เกมมีกำหนดออกปี 2022 ลงเครื่อง PS5, Xbox Series X และพีซี ตอนนี้ยังมีแต่เทรลเลอร์เปิดตัว แต่ยังไม่เปิดเผยรูปแบบเกมเพลย์ |
# เปิดตัว Gotham Knights เกมใหม่ในจักรวาล Batman ในยุคที่ไม่มี Batman
Warner Bros. Interactive หรือ WB Games เปิดตัว Gotham Knights เกมใหม่ของจักรวาล Batman ในงาน DC Fandome เมื่อคืนนี้
แฟนๆ Batman อาจคุ้นกับเกมซีรีส์ Arkham ของ WB Games ที่ออกมาทั้งหมด 4 ภาคในช่วงปี 2009-2015 โดยสตูดิโอหลักที่พัฒนาคือ Rocksteady Studios จากอังกฤษ แต่ก็มี WB Games Montréal จากแคนาดามารับผิดชอบเกมภาคที่ 3 (แต่เหตุการณ์เกิดก่อนภาคแรก) คือ Arkham Origins
Gotham Knights เป็นผลงานของ WB Games Montréal แต่ไม่นับเป็นซีรีส์ Arkham เพราะมีเนื้อเรื่องแยกเป็นของตัวเอง ใช้ฉากเหตุการณ์ในเมือง Gotham หลัง Batman เสียชีวิต ทำให้หน้าที่จัดการกับเหล่าวายร้ายเป็นของฮีโร่คนอื่นๆ 4 คนคือ Batgirl, Nightwing, Red Hood, Robin
เกมมีกำหนดออกปี 2021 ลงเครื่อง PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X และพีซี ตอนนี้มีเทรลเลอร์และคลิปเกมเพลย์ออกมาให้ดูกันแล้ว
ที่มา - Kotaku |
# กลุ่มสื่อถามแอปเปิล ต้องทำอย่างไรจึงได้ลดค่าธรรมเนียม 30% แบบ Amazon
Digital Content Next (DCN) กลุ่มสื่อที่รวมเอาสื่อรายใหญ่ เช่น The Washington Post, The New York Times, Financial Times ตั้งคำถามต่อแอปเปิลว่าองค์กรต่างๆ ต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถลดค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินผ่านแพลตฟอร์มที่แอปเปิลเก็บค่าธรรมเนียมถึง 30%
บทความของ DCN ในเว็บระบุว่าแอปเปิลอ้างว่านโยบายค่าธรรมเนียมนั้น "ไม่สามารถต่อรองได้" (non-negotiable) แต่ในความเป็นจริงแอปเปิลกลับลดค่าธรรมเนียมให้ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Amazon Prime Video นั้นคิดค่าธรรมเนียมเพียง 15% แถมหากผู้ใช้เป็นลูกค้าเดิมของ Prime Video มาก่อนก็ไม่คิดค่าธรรมเนียมเลย
กลุ่มสื่อ DCN นับเป็นกลุ่มล่าสุดที่ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อค่าธรรมเนียมของแอปเปิล หลังจาก Epic, Spotify, WordPress, กลุ่มสตาร์ตอัพเกาหลี ออกมาเรียกร้องกันก่อนหน้านี้แล้ว
ที่มา - Engadget, DCN |
# รัฐบาลจีนเลือก Gitee เป็นแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สแห่งชาติ ใช้ทดแทน GitHub
Gitee บริการจัดเก็บซอร์สโค้ดแบบเดียวกับ GitHub ประกาศชนะประมูลโครงการแพลตฟอร์มจัดเก็บซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สของรัฐบาลจีน
Gitee เพิ่งเปิดตัวมา 7 ปี โดยตอนนี้มีนักพัฒนามากกว่า 5 ล้านคน รวม 10 ล้าน repository บัญชีบริษัทกว่าแสนบัญชี ทำให้ Gitee ระบุว่าตนเองเป็นแพลตฟอร์มเก็บโค้ดอันดับสองของโลก แม้ว่านักพัฒนาจีนจะนิยม GitHub อย่างมากที่ผ่านมามีการประท้วงการใช้แรงงานไม่เป็นธรรม 996.ICU ก็เริ่มต้นบน GitHub
ฟีเจอร์ของ Gitee นับว่ายังตามหลัง GitHub พอสมควร เช่นฟีเจอร์ CI ที่ชื่อว่า Gitee Go นั้นเพิ่งเปิดให้คนนอกใช้งานในสถานะเบต้า
ที่มา - Gitee Blog |
# ธนาคารไทยพาณิชย์พบคนร้ายได้เลขบัตรเดบิตไปรูดเว็บอีคอมเมิร์ช ปิดให้บริการชั่วคราว
ธนาคารไทยพาณิชย์ตรวจพบการใช้บัตรเดบิตไปรูดบนเว็บอีคอมเมิร์ช แม้จะระบุว่า "ความเสียหายยังอยู่ในวงจำกัด" แต่ก็ประกาศปิดบริการชั่วคราวเพื่อแก้ไข
ทางธนาคารไม่ได้บอกชัดเจนว่าหมายเลขบัตรที่นำไปใช้กับเว็บอีคอมเมิร์ชนั้นตกไปอยู่ในมือคนร้ายได้อย่างไร โดยปกติแล้วการรูดบัตรทางออนไลน์นั้นมักตรวจสอบอีกชั้นด้วย SMS แต่หลายเว็บในต่างประเทศก็รองรับการจ่ายเงินผ่านเลขบัตรเพียงอย่างเดียว โดยในคอมเมนต์ประกาศของทางธนาคารมีลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อมาโพสรายการ พบว่าข้อความในรายการระบุว่าเป็น "FACEBK" ตามด้วยรหัสอ้างอิง ไม่ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊กหรือไม่
ทางธนาคารระบุว่าขอปิดบริการบัตรเดบิตทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ชั่วคราว (เฉพาะเว็บอีคอมเมิร์ช) อย่างไรก็ดีการใช้งานผ่านแอป รวมถึงการกดเงินสดไม่ใช้บัตรยังทำงานได้ต่อไป
note: เวอร์ชั่นแรกของบทความนี้ระบุว่าอาจจะไม่สามารถใช้กดเงินได้ แต่ทางธนาคารแจ้งเพิ่มเติมว่าจำกัดเฉพาะการใช้กับเว็บอีคอมเมิร์ชเท่านั้น การใช้กดเงินและใช้งานบนแอป SCB Easy ยังใช้งานได้ต่อไป
ที่มา - Facebook: SCB Thailand |
# ตู้เอทีเอ็มในสหรัฐฯ มีบั๊กจ่ายเงินเกินบัญชี ถูกคนร้ายไล่กดเงินเป็นวงกว้าง
FBI ร่วมกับตำรวจท้องถิ่นในสหรัฐฯ กำลังไล่ตามจับผู้ต้องสงสัยกดเงินจากตู้เอทีเอ็มธนาคาร Santander หลายสิบราย หลังจากมีช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ในตู้เอทีเอ็มของธนาคารทำให้คนร้ายสามารถกดเงินเกินบัญชีได้
ผู้ใช้นิรนามรายหนึ่งในเว็บไซต์ Slashdot ระบุว่าช่องโหว่คือการกดถอนเงินแล้วยกเลิก จากนั้นสั่งถอนเงินอีกครั้ง ตู้จะจ่ายเงินออกมาสองเท่าตัว คนร้ายสามารถกดซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าเงินจะหมดบัญชีหรือถึงเพดานการถอนเงิน คนร้ายบางกลุ่มหาบัญชีมาได้เป็นชุดทำให้ถอนเงินซ้ำเช่นนี้ได้ต่อเนื่องได้เงินนับหมื่นดอลลาร์
แหล่งข่าวระบุกับ ZDNet ว่ามีคนร้ายพบช่องโหว่นี้มาหลายวันแล้ว และขายช่องโหว่นี้กันในหมู่คนร้ายก่อนจะเริ่มกระจายเป็นวงกว้างทำให้อัตราการถอนเงินสูงผิดปกติและธนาคารพบช่องโหว่ จนตอนนี้ธนาคารต้องปิดบริการตู้เอทีเอ็มสำหรับผู้ใช้บัตรธนาคารอื่นไปก่อน
ที่มา - ZDNet |
# หลุดข้อมูลยื่นเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ Palantir รายได้ปี 2019 รวม 742 ล้านดอลลาร์ ขาดทุน 580 ล้านดอลลาร์
Palantir บริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ที่เน้นลูกค้าหน่วยงานรัฐกำลังเตรียมเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้โดยยื่นเอกสารงบดุลแบบเป็นความลับ แต่ล่าสุดทาง TechCrunch ได้เห็นหน้าจอเอกสารงบดุลทำให้ข้อมูลหลุดออกมาและพบว่าอัตราขาดทุนยังสูงมากอยู่
ในปี 2019 ทาง Palantir มีรายได้รวม 742 ล้านดอลลาร์ เติบโตกว่าปี 2018 อยู่ 25% แต่กลับขาดทุนถึง 580 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับปี 2018 โดยมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขายสูงถึง 450 ล้านดอลลาร์
สำหรับครึ่งแรกของปี 2020 บริษัททำรายได้ 481 ล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 49% และมีโอกาสว่าจะทำรายได้เกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ก่อนสิ้นปี
ความพิเศษของ Palantir คือเป็นบริษัทที่ทำงานกับหน่วยงานรัฐสูงมากประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้รวม และบริการหลายจำนวนมากก็เป็นความลับ เช่นการให้บริการช่วยตำรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ สร้างฐานข้อมูลบุคคลเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาบริษัทพยายามเพิ่มรายได้จากลูกค้าภาคธุรกิจมากขึ้นแต่รายงานงบดุลก็พบว่ารายได้ภาครัฐยังคงเติบโตเร็วกว่าอยู่ดี
ที่มา - TechCrunch |
# [ลือ] Ming Chi Kuo นักวิเคราะห์ Apple ชี้มือถือตระกูล iPhone 12 ปรับดีไซน์แบตถูกลง ลดต้นทุน สู้ราคาชิ้นส่วน 5G
Ming Chi Kuo นักวิเคราะห์ข่าวฝั่ง Apple เจ้าเก่า เปิดเผยว่าสิ่งหนึ่งที่ Apple ทำเพื่อลดต้นทุนของมือถือรุ่นที่มี 5G ในปีนี้ (ตระกูล iPhone 12) คือการปรับรูปแบบดีไซน์ของแบตเตอรี่ให้มีราคาถูกลง โดยลดจำนวนเลเยอร์บนบอร์ดแบตเตอรี่ลง และวางส่วนประกอบของเซลล์แบตตอรี่ไว้บนพื้นที่ที่เล็กลง ทำให้ลดต้นทุนของบอร์ดแบตเตอรี่ได้ถึง 40-50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ iPhone 11 และไอโฟนรุ่นต่อไปในปีหน้า ก็จะสามารถลดต้นทุนได้อีก 30-40 เปอร์เซ็นต์ จากการเปลี่ยนแปลงดีไซน์เพิ่มเติมเช่นกัน
Kuo เชื่อว่าการลดต้นทุนแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ยังไม่สามารถลดต้นทุนของ 5G ได้ทั้งหมด เพราะการใส่ตัวรับ 5G แบบ mmWave เข้ามา อาจเพิ่มต้นทุนให้ไอโฟนถึงเครื่องละ 125 ถึง 135 เหรียญสหรัฐ และต้องเพิ่มอีก 75-85 เหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับคลื่นความถี่ในย่านต่ำกว่า 6GHz (sub-6GHz) แต่นอกจากการปรับปรุงแบตแล้ว ยังมีข่าวลือว่า Apple จะตัดของแถมอื่น เช่นหัวชาร์จ และหูฟังแบบมีสายออกเพื่อลดต้นทุนเพิ่มเติม
นอกจากนี้ Kuo ยังเปิดเผยว่า Apple กำลังกดดันซัพพลายเออร์แผงวงจรของหูฟัง AirPods ในด้านราคาอยู่เช่นกัน โดยสามารถทำราคาให้แผงวงจรแบบแข็งและอ่อนบน AirPods 2 ลดลงได้ถึง 25–35% ในครึ่งปีแรกนี้ และ AirPods รุ่นสามที่อาจวางขายในปีหน้า อาจเปลี่ยนมาใช้การออกแบบแบบ SiP (system-in-package) หรือการออกแบบรวมวงจรทั้งหมดไว้บนแผงขนาดเล็ก เหมือนกับ AirPods Pro แทน surface-mount technology (SMT) แบบที่ใช้อยู่ใน AirPods 2
ที่มา - TheVerge |
# AWS เปิดตัว Operator บน Kubernetes เรียกบริการคลาวด์ได้จากในคลัสเตอร์
AWS เปิดตัว AWS Controllers for Kubernetes (ACK) ซอฟต์แวร์ Operator สำหรับ Kubernetes ที่จะทำให้บริการบนคลาวด์กลายเป็นบริการที่เรียกใช้งานได้จากใน Kubernetes โดยตรง จากเดิมที่ก่อนหน้านี้เคยมีโครงการ AWS Service Operator ที่ Chris Hein พัฒนาเป็นงานอดิเรกมาก่อน ตอนนี้ทาง AWS ก็นำโครงการมาพัฒนาต่อ
ACK ทำให้การเรียกใช้ทรัพยากรต่างๆ ของ AWS กลายเป็นคอนฟิก YAML บน Kubernetes ไป โดยตอนนี้รองรับบริการ API Gateway V2, DynamoDB, ECR, S3, SNS, และ SQS ส่วนฟีเจอร์ที่กำลังเพิ่มในเร็วๆ นี้คือการเรียกระบบฐานข้อมูล RDS และ ElastiCache นอกจากนี้ทาง AWS ยังพิจารณาว่าจะรองรับการสร้างคลัสเตอร์ Kubernetes (Amazon EKS) บน ACK เอง ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการคลัสเตอร์จากคลัสเตอร์ได้
ตอนนี้โครงการยังอยู่ในสถานะพรีวิว โดยโครงการจะเป็นโอเพนซอร์สเปิดให้ชุมชนผู้ใช้ AWS เข้ามาร่วมพัฒนาได้ และการเปิดตัวรอบนี้ก็ตรงกับงาน KubeCon EU เพื่อรับฟังความเห็นของชุมชน
ที่มา - AWS |
# IKEA ไต้หวันทำแคตตาล็อกสินค้าเฟอร์นิเจอร์ธีม Animal Crossing
IKEA ไต้หวันทำแคตตาล็อกสินค้าโฆษณาเฟอร์นิเจอร์ และใช้ตัวละครจากเกม Animal Crossing มาเป็นธีม ถือเป็นการออกแบบที่น่าสนใจและเข้ากันได้ดี เพราะตัวเกมก็เน้นการออกแบบบ้านและสวนของตัวเองด้วยเหมือนกัน
ในเนื้อหาแคตตาล็อกจะเป็นห้องต่างๆ พร้อมตัวละครเกมที่ใส่เสื้อผ้าสีที่เข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์ พร้อมทั้งระบุชนิดสินค้าและราคาไว้ ซึ่งสามารถดูได้บน Facebook Fan page ของ IKEA ในขณะเดียวกันทาง IKEA ก็โพสต์ลิงค์แคตตาล็อกที่เป็นสินค้าจริงแบบที่ไม่ถูกแปลงเป็นการ์ตูนแบบในเกมไว้ด้วย
IKEA 2021 全新型錄來啦!
https://bit.ly/3l0mCiL
Posted by IKEA on Thursday, August 20, 2020
ที่มา - The Verge |
# [อัพเดต] ผู้ก่อตั้ง WordPress บ่น Apple จะไม่ให้อัพเดตแอปถ้าไม่ใส่ฟีเจอร์เสียเงินผ่านแพลตฟอร์มของ Apple
อัพเดต 23 สิงหาคม 2563 เวลา 9:13: Mullenweg ระบุว่า Apple กลับคำตัดสินใหม่ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องใส่ฟีเจอร์ in-app purchase ให้ WordPress แล้ว
Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ออกมาทวีตบ่นเรื่อง Apple ไม่ยอมรับอัพเดตแอป WordPress บน iOS เนื่องจากประเด็นการซื้อสินค้าในแอปที่ไม่ผ่าน App Store
ตัวแอป WordPress เป็นแอปไว้สำหรับสร้างเว็บไซต์แบบฟรี โดยจะได้โดเมนของ WordPress พร้อมพื้นที่ 3GB และตัวแอปก็ไม่ได้ขายหรือใส่ความสามารถเกี่ยวกับฟีเจอร์เสียเงิน แต่เนื่องจากแอป WordPress ทำให้เห็นว่าแอปบน iOS มีระบบจ่ายเงิน (ผ่านหน้าซัพพอร์ตหรือเข้าพรีวิวบนเว็บไซต์) ทำให้ Apple ปฏิเสธไม่ให้อัพเดตแอป WordPress
แม้ว่า Mullenweg จะเสนอไปแล้วว่าจะใช้วิธีล็อกไม่ให้ผู้ใช้ WordPress บน iOS เห็นหน้าเสนอขายผลิตภัณฑ์ของ WordPress แต่ Apple ก็ไม่รับข้อเสนอนี้ หรืออธิบายง่าย ๆ คือ WordPress จำเป็นต้องใส่ฟีเจอร์เสียเงินเข้ามาในแอปบน iOS เพื่อให้ Apple อนุมัติแอปนี้ขึ้น App Store
Mullenweg บอกว่าหลักการทำงานของแอปนี้คือเรียก XML-RPC API ของ WordPress เพื่อจัดการเว็บไซต์ ที่มีทั้ง WordPress.com และ WordPress แบบโฮสต์เอง (และลงปลั๊กอิน Jetpack) เป็นเหตุผลที่ทำไมจึงใช้ชื่อว่า WordPress แทนที่จะเป็น WordPress.com หรือ Jetpack โดย Mullenweg คาดว่าอีกไม่ช้า Apple น่าจะบีบแอปที่มีลักษณะเดียวกับ WordPress ให้ทำระบบจ่ายเงินผ่าน Apple ด้วยเช่นกัน
The Verge ได้สอบถามไปยัง Apple ทางบริษัทยืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบนครั้งนี้จริง แอปจะต้องใส่ระบบซื้อในแอปที่จ่ายเงินผ่าน Apple ในกรณีที่เปิดให้เข้าถึงคอนเทนต์, การสมัครสมาชิก หรือฟีเจอร์ที่ใส่มาในแอปจากแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์อื่นที่ต้องเสียเงิน
แอปที่มีปัญหาเรื่อง in-app purchase กับ Apple ไม่ใช่แค่ WordPress โดยกรณีดัง ๆ ล่าสุดคือ Epic Games ที่มีปัญหา Fortnite โดน Apple แบนเพราะไม่ยอมจ่าย 30% แต่กับกรณีของ WordPress ค่อนข้างต่างออกไป คือตัวแอปเป็นเพียงเครื่องมือในการจัดการเว็บไซต์บนแพลตฟอร์ม WordPress เท่านั้น และจากที่ Mullenweg อธิบายก็ดูเหมือนว่าตัวแอปเองไม่ได้ใส่ฟีเจอร์พิเศษใด ๆ ที่เมื่อจ่ายให้ WordPress แล้วจะปลดล็อกฟีเจอร์นั้น ๆ ได้ด้วย
Mullenweg ระบุว่าเขาคงจะไม่ต่อรองอะไรกับ Apple อีกแล้ว WordPress เวอร์ชันใหม่บน iOS จะใส่ฟีเจอร์เสียเงินเข้ามาภายในระยะเวลา 30 วัน ดังนั้น Apple จึงยอมให้แอป WordPress ส่งอัพเดตขึ้น App Store
ที่มา - The Verge
ภาพจาก WordPress |
# Galaxy S20 ได้อัพเดต One UI 2.5 ตัวเดียวกับ Note 20 เพิ่มฟีเจอร์กล้อง, แอพจดโน้ต
ซัมซุงยุคใหม่อัพเดตเร็วไม่แพ้ใคร ล่าสุดประกาศอัพเดต One UI 2.5 ตัวเดียวกับที่ใช้ในซีรีส์ Galaxy Note 20 ให้กับมือถือรุ่นพี่คือซีรีส์ Galaxy S20 ทันที
ของใหม่ใน One UI 2.5 ได้แก่
Pro Mode ในแอพกล้อง รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K ที่สัดส่วน 21:9 เหมือนกับหนังโรง
Pro Mode ยังรองรับการเลือกเจาะจงอัดเสียงด้วยไมโครโฟนตัวไหนขณะถ่ายวิดีโอ เช่น ไมค์หน้า หลัง สองตัวพร้อมกัน หรือไมค์ภายนอกผ่าน USB/Bluetooth
Samsung Notes ตัวเดียวกับ Note 20 มีฟีเจอร์อัดเสียงไป เขียนไป ซิงค์จังหวะกันไป (Audio Bookmark), อิมพอร์ต PDF มาเขียน
DeX แบบไร้สาย เชื่อมต่อกับหน้าจอสมาร์ททีวีแบบไม่ต้องเสียบสายเลย
แสดงความเร็วของ Wi-Fi ในรัศมีที่มองเห็น (เช่น very fast, fast) และแชร์รหัสผ่าน Wi-Fi ให้เครื่องใกล้เคียงได้
ที่มา - Samsung |
# หลุดภาพ Pixel 5 ดีไซน์คล้าย Pixel 4a, Snapdragon 765G, เปลี่ยนมาใช้กล้อง Ultrawide
เริ่มมีภาพและข้อมูลหลุดของ Google Pixel 5 ออกมาบ้างแล้ว โดยกลุ่มนักปล่อยภาพหลุดมือถืออย่าง @OnLeaks ร่วมกับเพื่อนในแวดวงคือเว็บ Pricebaba จากอินเดีย โพสต์ภาพเรนเดอร์ของ Pixel 5 มาให้ดูกัน
หน้าตาของ Pixel 5 ที่หลุดออกมาคล้ายกับ Pixel 4a มาก ด้านหน้าใช้กล้องแบบเจาะรู punch-hole ที่มุมซ้ายบนเหมือนกัน ด้านหลังใช้โมดูลกล้องแบบเดียวกัน แต่มีจำนวนกล้องมากกว่า (Pixel 4a มีกล้องหลังตัวเดียว) ที่น่าสนใจคือกูเกิลกลับมาใช้ตัวสแกนนิ้วมือด้านหลังเครื่อง แทนการใช้เซ็นเซอร์ Soli แบบ Pixel 4
คาดว่า Pixel 5 มีให้เลือกเพียงขนาดเดียวเหมือน Pixel 4a คือไม่แยกรุ่นจอใหญ่ XL อีกแล้ว (เหตุผลน่าจะเหมือนกันเพื่อลดจำนวน SKU ที่ต้องเก็บสต๊อค) จากภาพที่หลุดออกมาคาดว่าขนาดหน้าจออยู่ราว 5.7-5.8 นิ้ว ซึ่งใกล้เคียงกับ Pixel 4 รุ่นจอเล็ก ตอนนี้ยังมีสีเดียวให้เห็นคือสีดำ เหมือนกับ Pixel 4a แต่ก็มีข่าวลือว่ามีรุ่นสีเขียวด้วย
ส่วนเว็บไซต์ Android Central อ้างว่าได้ข้อมูลสเปกของ Pixel 5 มาดังนี้
หน้าจอขนาด 6 นิ้ว OLED 90Hz
ขนาดเครื่องใกล้เคียงกับ Pixel 4a แต่ขอบจอของ Pixel 5 บางกว่า ทำให้จอใหญ่กว่าเล็กน้อย
กล้องหลัง 2 ตัว เป็นเลนส์ปกติกับ ultrawide ซึ่งต่างจาก Pixel 4 ที่ใช้เลนส์เทเล
แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นกว่า Pixel 4a แต่ยังไม่มีข้อมูลตัวเลข, รองรับชาร์จเร็วไร้สาย 15W
หน่วยประมวลผล Snapdragon 765G แรม 8GB สตอเรจ 128GB ถ้าข่าวนี้เป็นจริง ถือว่าน่าสนใจเพราะแปลว่า Pixel รุ่นเรือธงจะเลิกใช้ Snapdragon ตัวท็อปแล้ว (Pixel 4 ใช้ Snapdragon 855)
ที่มา - Pricebaba, Android Central |
# Dynamite เพลงใหม่วงบีทีเอสทำลายสถิติบน YouTube ไม่ถึง 24 ชม. 91 ล้านวิว
วงบีทีเอส เคป๊อบชื่อดังทำลายสถติบน YouTube อีกครั้ง ส่งเพลงใหม่ Dynamite ซิงเกิลเพลงภาษาอังกฤษ ทำลายสถิติมียอดดูสูงสุดบน YouTube ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็มียอดดูกว่า 91 ล้านครั้งแล้ว
ตัว MV ปล่อยออกมา 11.00 น. เวลาไทย เวลาสหรัฐฯเที่ยงคืน และ เขตเวลา ET/1 p.m. โดยเพลงก่อนหน้าที่สร้างสถิติไว้บน YouTube คือ How You Like That จากวง Blackpink เกิร์ลกรุ๊ปเคป๊อบชื่อดัง ที่ทำไว้ 86.3 ล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโมงแรก
ที่มา - Variety |
# หัวหน้าทีมจีพียู Xbox Series X ยอมรับ รองรับ Ray Tracing แล้วแต่นักพัฒนายังไม่ค่อยสนใจ
Mark Grossman หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมจีพียู Xbox Series X ไปพูดที่งานสัมมนาด้านหน่วยประมวลผล Hot Chips เล่าถึงสถาปัตยกรรมของ Xbox Series X
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Grossman ยอมรับว่าถึงแม้จีพียู Big Navi ของ Xbox Series X รองรับการประมวลผล ray tracing ที่ระดับฮาร์ดแวร์ แต่นักพัฒนาเกมในตอนนี้ยังอยากใช้วิธีการเรนเดอร์แบบเดิมๆ ที่คุ้นเคยมากกว่า ซึ่ง Grossman ก็เชิญชวนให้นักพัฒนาเกมลองใช้ ray tracing กับสภาพแวดล้อมบางส่วนไปก่อนก็ได้
การรองรับ ray tracing ที่เป็นเทคนิคใหม่ยังทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะในมุมของนักพัฒนาเกมก็มีฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าที่ยังต้องซัพพอร์ต และเกมที่ออกในช่วงนี้เป็นเกมที่ใช้เวลาพัฒนามาสักระยะหนึ่งแล้ว แม้แต่ NVIDIA ที่มีฮาร์ดแวร์ ray tracing วางขายมาแล้วถึง 2 ปี ก็ยังประสบปัญหาเรื่องเกมยังไม่รองรับ ray tracing กันมากนัก
ที่มา - PC Gamer |
# Fortnite จัดทัวร์นาเมนต์แข่ง เล่นได้ทุกอย่างยกเว้น iOS แจกของรางวัลล้อเลียนแอปเปิล
Epic Games ประกาศจัดแข่งทัวร์นาเมนต์เกม Fortnite โดยใช้ชื่อรายการว่า #FreeFortnite Cup โดยใช้ธีมเป็นการแอนตี้แอปเปิลอย่างชัดเจน
ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคนที่ทำแต้มได้ถึงกำหนด จะได้สกินมนุษย์แอปเปิล Tart Tycoon Outfit จากวิดีโอ 1984, ผู้เล่นที่ได้คะแนนสูงสุด 20,000 อันดับแรกจะได้หมวก Free Fortnite ที่ลายคล้ายโลโก้สีรุ้งของแอปเปิล และผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 1,200 อันดับแรก จะได้ฮาร์ดแวร์เกมหลากหลายชนิด เช่น PS4 Pro, Xbox One X, Nintendo Switch, Alienware, Galaxy Tab S7 เป็นต้น เพื่อแสดงออกว่า Fortnite เล่นได้บนอุปกรณ์หลากหลาย ยกเว้น iOS
ทัวร์นาเมนต์นี้ไม่สามารถเล่นได้บน iOS ซึ่ง Epic แนะนำว่าหากต้องการเล่นก็ควรใช้อุปกรณ์อื่นๆ แทน ส่วนผู้เล่นบน Android ยังสามารถเล่นได้อยู่ แต่ต้องติดตั้งแบบ sideload กันเอง
ที่มา - Epic Games |
# Pixel Buds อัพเดตฟีเจอร์ ปรับเสียงหูฟังแยกข้างเมื่อแชร์กับเพื่อน แปลสด-ถอดซับบนจอมือถือ
วันนี้ Pixel Buds หูฟัง True Wireless จาก Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลากหลายฟีเจอร์ผ่านการอัพเดตซอฟต์แวร์ ช่วยให้การใช้งานครอบคลุมและปรับแต่งได้มากขึ้น คล้ายกับการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ของมือถือตระกูล Pixel
ฟีเจอร์ bass boost ให้ผู้ใช้ปรับเพิ่มเสียงเบสได้ในช่องทางตั้งค่า ฟีเจอร์ sharing detection ที่ Pixel Buds จะสามารถรับรู้ได้อัตโนมัติ เมื่อเราแชร์หูฟังกับเพื่อนคนละข้าง และทำให้สามารถปรับระดับเสียงแยกข้างได้ด้วยระบบสัมผัสบนหูฟังข้างนั้น
นอกจากนี้ยังเปิดตัวฟีเจอร์ Transcribe mode ที่แปลภาษาและแสดงตัวหนังสือบนหน้าจอมือถือไปพร้อมกัน เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจยิ่งขึ้น (เหมือนมีซับไตเติ้ลส่วนตัว) รองรับการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และสเปน Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้จะใช้งานได้ดีที่สุดในสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบ และมีผู้พูดคนเดียว
ฟีเจอร์ Attention Alerts ที่ 9to5Google เคยพบอยู่ในโค้ด เปิดให้ใช้งานแล้ว เป็นฟีเจอร์ในขั้นทดลองที่จะเตือนผู้ใช้เมื่อตรวจพบเสียงอันตรายต่างๆ เช่น เสียงสุนัขเห่า เด็กร้อง หรือไซเรนของรถฉุกเฉิน
Find My Device สามารถระบุตำแหน่งสุดท้ายของ Pixel Buds ได้แล้ว แม้ไม่ได้เชื่อมต่อกับมือถืออยู่ และผู้ใช้สามารถใช้คำสั่งเสียง Google Assistant ปรับค่าต่างๆ ของหูฟัง เช่นเปิด-ปิด touch controls ปรับระดับเสียง และเช็คระดับแบตเตอรี่ได้แล้วเช่นกัน
ที่มา - Google Blog |
# Kali Linux เพิ่มฟีเจอร์ Win-KeX รันบนวินโดวส์ผ่าน WSL 2 แบบมี GUI ให้เสร็จสรรพ
Kali Linux ดิสโทรลินุกซ์สำหรับทดสอบความปลอดภัย ออกรุ่น 2020.3 มีฟีเจอร์สำคัญคือ Win-KeX (Windows + Kali Desktop EXperience) ที่ช่วยให้รัน Kali แบบ GUI บน Windows Subsystem for Linux (WSL 2) ได้ในคำสั่งเดียว
Kali บอกว่าการมาถึงของ WSL 2 ทำให้การรันลินุกซ์บนวินโดวส์มีประสิทธิภาพดีขึ้นมาก เพียงแต่การรัน GUI บน WSL 2 ยังมีความซับซ้อนอยู่ จึงพัฒนา Win-KeX มาช่วยแก้ปัญหานี้
ขั้นตอนการรัน Kali Linux แบบมี GUI จึงเหลือแค่เพียง
เปิดใช้ฟีเจอร์ WSL 2 บน Windows 10
ติดตั้ง Kali Linux จาก Microsoft Store
ติดตั้งแพ็กเกจด้วยคำสั่ง sudo apt install kali-win-kex
พิมพ์ kex จะได้ GUI โผล่ขึ้นมาทันที
ฟีเจอร์อื่นของ Kali Linux 2020.3 คือเชลล์ตัวใหม่ ZSH ที่จะเริ่มใช้เป็นดีฟอลต์ในเวอร์ชันหน้า 2020.4, เปิดโหมดความละเอียดหน้าจอสูง (HiDPI) ในคำสั่งเดียว kali-hidpi-mode, Bluetooth Arsenal เครื่องมือทดสอบการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เป็นต้น
ที่มา - Win-KeX, Kali Linux |
# Facebook เตือนผู้ใช้ เลย์เอาท์แบบเก่าจะใช้งานได้ถึงกันยายนเท่านั้น
หลายๆ คนเข้าใช้งาน Facebook วันนี้คงจะมองเห็นหน้าต่างแจ้งเตือนว่า Facebook เลย์เอาท์แบบเก่าจะใช้งานได้ถึงเดือนกันยายนนี้เท่านั้น หลังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถสลับสับเปลี่ยนระหว่างเลย์เอาท์แบบเก่าและแบบใหม่มาได้ระยะหนึ่ง
Facebook ระบุด้วยว่าเลย์เอาท์แบบใหม่มีหน้าตาเรียบง่ายขึ้น หาสิ่งที่ค้นหาเจอง่ายขึ้น ข้อความใหญ่ขึ้น ดาวน์โหลดเร็วกว่าเดิม และเพิ่ม dark mode เพื่อถนอมสายตา
Facebook เผยหน้าตาการใช้งานใหม่มาตั้งแต่ในงาน F8 ปี 2019 และเริ่มเปิดใช้งานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การเข้าใช้งาน Watch, Marketplace ไวขึ้น
ที่มา - Neowin |
# รายได้ตลาดสมาร์ทวอทช์ ครึ่งแรกปี 2020 โตถึง 20% Apple ยังครองที่ 1
Counterpoint Research เปิดข้อมูลว่าตลาดสมาร์ทวอทช์ เติบโตสวนทางตลาดมือถือในครึ่งปีแรกของปี 2020 เพราะปัจจัยความกังวลด้านสุขภาพของผู้คนทำให้ดีมานด์เพิ่มขึ้น และตลาดสมาร์ทวอทช์มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 20% จากครึ่งปีแรกของปี 2019 อันดับหนึ่งของตลาดยังเป็น Apple ที่ครองส่วนแบ่งรายได้ 51.4% ส่วนใหญ่มาจากดีมานด์ของ Apple Watch Series 5 ที่ยังสูงอยู่ รองลงมาเป็น Garmin ที่ 9.4%, Huawei 8.3%, Samsung 7.2% และ iMoo 5.1%
ในด้านจำนวน ยอดขายสมาร์ทวอทช์ครึ่งปีนี้ เพิ่มขึ้นถึง 57% ในอินเดีย 9% ในยุโรป และ 5% ในสหรัฐอเมริกา Apple ยังเป็นผู้นำในด้านจำนวนเช่นกัน โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 22% และตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดของ Apple คือยุโรปและอเมริกาเหนือ ส่วน Huawei มียอดขายในด้านจำนวนเติบโตขึ้น 57% จากปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็นอันดับสอง โดยรุ่น Watch GT2 มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 90% ในประเทศจีนและในเอเชีย
Garmin ยังเป็นแบรนด์อันดับสองในด้านรายได้ แม้ในด้านจำนวนจะตาม Huawei มาเป็นอันดับสาม แต่ยอดขายของตระกูล Forerunner และ Fenix ก็เพิ่มขึ้นถึง 31% และ Garmin ยังคงเป็นแบรนด์ที่มีสมาร์ทวอทช์หลากหลายรุ่นที่สุดในตลาด โดยมียุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด
อีกสองแบรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือแบรนด์ Amazfit เติบโตขึ้น 51% ส่วน Xiaomi เติบโตขึ้น 47% โดยมีตลาดประเทศจีน อินเดีย และเอเชียเป็นหลัก ส่วน Samsung ทำรายได้ได้ไม่ดีนักในครึ่งปีแรก แต่หลังจากเปิดตัว Galaxy Watch 3 น่าจะทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้ในครึ่งปีหลัง
ในด้านเทรนด์อื่นๆ Counterpoint ระบุว่าระบบปฏิบัติการ Wear OS ของ Google ยังแพ้ให้กับ Watch OS ของ Apple, Lite OS ของ Huawei และ Amazfit OS อยู่ โดยมีส่วนแบ่งเพียง 10% ของตลาดเท่านั้น สมาร์ทวอทช์ที่รับสัญญาณมือถือได้ในตัวเริ่มมีความนิยมมากขึ้น คิดเป็นหนึ่งในสี่ของสมาร์ทวอทช์ทั้งหมด ส่วน Heart Rate Monitor มีบนสมาร์ทวอทช์ถึง 60% แล้ว
ในอนาคต เซ็นเซอร์ SPO2 กับระบบตรวจจับการล้ม น่าจะมีใช้แพร่หลายมากขึ้น สมาร์ทวอทช์ทรงเหลี่ยมแพร่หลายกว่า คิดเป็นเกือบสองในสามของตลาด เพราะมีพื้นที่ในการใส่เซ็นเซอร์ต่างๆ และแบตเตอรี่มากกว่า ระบบแบตเตอรี่และชิปที่เร็วขึ้นทำให้การบันทึกด้านสุขภาพ เช่นการนอนหลับทำได้ต่อเนื่องขึ้น และเทรนด์แอปสุขภาพและฟิตเนสยังคงมาแรงที่สุดอยู่
ที่มา - Counterpoint Research |
# นักพัฒนา Android เข้าชื่อร่วมฟ้อง Google Play Store ผูกขาด แบบเดียวกับที่ Epic ฟ้อง
นอกจากคดี Epic Games ฟ้อง Google Play Store กรณีส่วนแบ่ง 30% ยังมีนักพัฒนาสาย Android อีกกลุ่มที่รวมตัวกันฟ้องกูเกิลข้อหาผูกขาดแบบเดียวกัน แถมยังเรียกค่าเสียหายจากกูเกิลด้วย (คำฟ้องของ Epic ไม่เรียกค่าเสียหายเป็นตัวเงินจากทั้งแอปเปิลและกูเกิล)
การฟ้องร้องแบบกลุ่มนี้ดำเนินเรื่องโดยบริษัททนาย Hagens Berman Sobol Shapiro LLP และเชิญชวนให้นักพัฒนารายอื่นๆ มาเข้าร่วมฟ้องด้วย (เพื่อรับค่าเสียหายจากกูเกิลด้วยกัน หากชนะคดี) เนื้อหาในคำฟ้องเป็นเรื่องการผูกขาดช่องทางการจัดจำหน่ายแอพบน Android ที่ถึงแม้สามารถทำ sideload ได้ แต่ก็โดนมาตรการ Google Play Protect กีดกัน ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกับที่ Epic เจอกับ Fortnite จนต้องยอมเอาขึ้น Play Store
ที่มา - Android Police |
# อินเทลบอก คะแนนเบนช์มาร์ค AMD ไม่สะท้อนการใช้งานจริง, Core 10th Gen ให้เฟรมเรตดีกว่า
ในการแถลงทางวิดีโอ Intel Platform Advantage Virtual Briefing เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา Intel พูดถึงการเลือกใช้เบนช์มาร์คต่างๆ วัดสมรรถนะของซีพียู
ปกติเบนช์มาร์คมี 2 แบบ คือแบบสังเคราะห์ จำลองงานบางอย่างมาให้ซีพียูทำ เช่น Cinebench หรือ 3DMark กับแบบที่เรียกรันแอพที่คนใช้จริงๆ เช่น Sysmark 25 หรือ MobileMark ที่รันแอพจริงบนเครื่อง เช่น Google Chrome, Microsoft Office และแอพตระกูล Adobe
อินเทลระบุว่า เบนช์มาร์คแบบรันแอพจริงสะท้อนประสิทธิภาพการใช้งานจริงได้ดีกว่าแบบสังเคราะห์ ที่ AMD ตระกูล Ryzen 4000 มีคะแนนนำอินเทลอยู่ในช่วงนี้
Cinebench R15 ฝั่ง Ryzen 7 4800H ได้ 2.12 คะแนน และ Core i7-10750H ได้ 1.5 คะแนน
Cinebench R20 ฝั่ง Ryzen 7 4800H ได้ 2.03 คะแนน และ Core i7-10750H ได้ 1.43 คะแนน
อินเทลยังโชว์ผลการทดสอบจากเกมชั้นนำ เช่น Assassin’s Creed Odyssey, Grand Theft Auto V, Dota2 และเกมอื่นๆ รวมกว่า 36 เกม พบว่าโน้ตบุ๊คที่ใช้ซีพียู Intel Core i7-10750H ได้เฟรมเรตมากกว่า Ryzen 4800H ของ AMD จำนวน 35 เกม แพ้แค่เกมเดียวคือ Rise of The Tomb Raider
อินเทลชี้ว่า แม้ Ryzen มีจำนวนคอร์มากกว่า แต่สัญญาณนาฬิกาที่สูงกว่าของอินเทล ก็ยังมีผลต่อการเล่นเกมมากกว่าอยู่ดี
นอกจากนี้ จากการทดสอบชิปซีรีส์ประหยัดพลังงาน (U) ของอินเทล เทียบกับซีรีส์ U ของ Ryzen 4000 ให้ผลว่าประสิทธิภาพตอนไม่ได้เสียบปลั๊กเครื่อง (ทำงานด้วยแบตเตอรี่อย่างเดียว) ซีพียูอินเทลยังนำ AMD อยู่
แม้โน้ตบุ๊กอินเทลมีมีชั่วโมงการใช้งานบนแบตเตอรี่สั้นกว่า แต่อินเทลเชื่อว่าประสิทธิภาพก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ จึงไม่ได้ลดสัญญาณนาฬิกาเพื่อให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น มากเท่ากับที่ AMD ทำ
อินเทลชี้ว่า AMD ลดประสิทธิภาพซีพียูมากพอสมควร เพื่อให้ใช้งานโน้ตบุ๊กบนแบตเตอรี่ได้นานขึ้น แถมจำนวนชั่วโมงการใช้งานบนแบตเตอรี่ของอินเทลก็ไม่ได้น้อยกว่ามากนัก ต่างกันประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
อินเทลยังแสดงประสิทธิภาพของเทคโนโลยี DL Boost (Deep Learning Boost) เทคโนโลยีเร่งการทำงานของ AI หรือ Deep learning บนโปรแกรมเช่น Nero AI Photo Tagger หรือ การใช้ AI Style Transfer บนแอป Cyberlink PowerDirector และยังโชว์ประสิทธิภาพในการเล่นเกม ของ CPU เดสก์ท็อปว่า Intel Core i7-10700K ราคา 387 เหรียญ ยังเหนือกว่า AMD Ryzen 9 3900XT ราคา 499 เหรียญอยู่อีกด้วย
สรุป
อินเทลเน้นย้ำว่า
ประสิทธิภาพของ Core 10th Gen เหนือกว่าบนโปรแกรมทดสอบที่เรียกใช้งานแอพจริง
การเล่นเกมบนโน้ตบุ๊ก ซีพียู Core 10th Gen ซีรีส์ H ทำเฟรมเรตได้ดีกว่า
ซีพียู Core 10th Gen รุ่นประหยัดพลังงาน ไม่ได้ลดสัญญาณนาฬิกาเท่ากับ AMD 4000 ซีรีส์ U ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าตอนไม่ได้เสียบปลั๊ก แม้ต้องแลกมาด้วยจำนวนชั่วโมงที่อยู่ได้น้อยกว่า |
# TypeScript ออกเวอร์ชันใหญ่ 4.0 ปรับตัวแปรชนิด Tuple, เพิ่มความเร็วคอมไพล์
ไมโครซอฟท์ประกาศออกภาษา TypeScript เวอร์ชัน 4.0 ซึ่งเป็นการออกเวอร์ชันใหญ่ในรอบ 2 ปี (เวอร์ชัน 3.0 ออกเดือนกรกฎาคม 2018) มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้
variadic tuple types เป็นการปรับวิธีใช้ตัวแปรชนิด tuple ให้เข้มงวดน้อยลง ทำให้ใช้ฟังก์ชันลักษณะเดียวกับ concat หรือ tail เพื่อต่อ tuple ทำได้ง่ายขึ้นมาก โดยไม่ต้องเขียน overload ต่อกันมากๆ
labeled tuple elements ไส้ในของตัวแปรชนิด tuple แต่ละตัวสามารถตั้งชื่อ (labels) ได้ แทนที่จะเรียก arg0, arg1 ไปเรื่อยๆ ก็สามารถเขียนเป็น first, second หรือ start, end ได้ ช่วยให้โค้ดอ่านรู้เรื่องมากขึ้น
รองรับ assignment operators ใหม่อีก 3 ตัวตามสเปกของ ECMAScript ได้แก่ &&= (logical and), ||= (logical or), ??= (nullish coalescing)
สามารถกำหนดชนิดตัวแปรของ catch จากเดิมเป็นชนิด any ตอนนี้เลือกกำหนดเป็น unknown ที่ปลอดภัยกว่า
ปรับปรุงความเร็วในการคอมไพล์ หากใส่ flag --noEmitOnError
ปรับปรุงฟีเจอร์ของ Editor บน VS Code และ Visual Studio อีกหลายจุด
ที่มา - Microsoft |
# ไมโครซอฟท์พอร์ต WSL 2 กลับมาให้ Windows 10 รุ่นเก่า v1903 และ v1909 ใช้ด้วย
ไมโครซอฟท์ประกาศพอร์ตฟีเจอร์ Windows Subsystem for Linux (WSL 2) กลับมาให้ Windows 10 เวอร์ชันเก่าคือ v1903 และ v1909 ด้วย จากเดิมที่เริ่มให้ใช้ใน v2004 เป็นต้นไป
เหตุผลที่พอร์ต WSL 2 กลับมาเป็นเพราะฟีเจอร์นีได้รับความนิยมสูง ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องการขยายฐานผู้ใช้งานให้กว้างยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม WSL 2 บน Windows 10 v1903/v1909 รองรับเฉพาะสถาปัตยกรรมซีพียู x64 เท่านั้น ในขณะที่บน v2004 รองรับสถาปัตยกรรม ARM64 เพิ่มด้วย
การใช้งาน WSL 2 บน Windows 10 v1903/v1909 สามารถทำได้แล้ววันนี้ โดยอัพเดตระบบปฏิบัติการให้ได้แพตช์ล่าสุด และดูเลขเวอร์ชันห้อยท้าย Build หลังจุดเป็น .1049 (เช่น Build 18362.1049) แล้วจึงติดตั้ง WSL 2 ตามกระบวนการปกติ
ที่มา - Microsoft |
# Elastic Stack 7.9 ออกแล้ว: Kibana ยกเครื่องใหม่ไม่ต้องรอโหลดนาน, Elastic Agent เข้าสู่สถานะเบต้า
Elastic ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ Elastic Stack (หรือที่รู้จักกันในชื่อ ELK Stack) ประกาศออกเวอร์ชัน 7.9 อย่างเป็นทางการ
ฟีเจอร์ที่สำคัญของ Elastic Stack ในรอบนี้คือการปรับปรุง Kibana ใหม่ โดยเป็นการยกเครื่องโครงสร้างหลักของ Kibana ที่ทำให้การสับเปลี่ยนระหว่างหน้าไม่ต้องรอโหลดนาน ๆ อีกต่อไป และทำให้การพัฒนาฟีเจอร์ใส่ให้ Kibana สามารถทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ส่วนถัดไปคือ Elastic Agent ซึ่งเป็น agent ที่พัฒนาขึ้นโดยนำฟีเจอร์ทุกอย่างของ Beats เข้ามารวมกันใน agent ตัวเดียว จึงไม่ต้องติดตั้ง Beats ที่ทำงานเฉพาะทางหลาย ๆ ตัวในโฮสต์เดียว สามารถคอนฟิกเองหรือจัดการผ่านระบบ Fleet ใน Ingest Manager ของ Kibana ก็ได้
Elastic Agent เปิดตัวครั้งแรกมาพร้อมกับ Elastic Stack 7.8 โดยครั้งนั้นยังเป็นฟีเจอร์ทดลอง (experimental) และในเวอร์ชัน 7.9 ได้ยกระดับขึ้นมาเป็นเบต้า
ฟีเจอร์อื่นใน Elastic Stack 7.9
Event Query Language (EQL) ภาษาใหม่ที่ใช้ในการคิวรี Elasticsearch ที่ปลอดภัยและยืดหยุ่นกว่า เปิดให้ใช้เป็น public preview
Elastic Cloud Kubernetes (ECK) เวอร์ชัน 1.2 รองรับการจัดการ Beats และ Enterprise Search ผ่าน Custom Resource Definition ของ Kubernetes
ฟีเจอร์ data streams บน Elasticsearch ที่จะคอยจัดการระบบ ingest ของข้อมูลประเภท time-series ให้อัตโนมัติ เบื้องหลังของ data streams จะมี backing indices รวม ๆ กัน ส่วนฝั่งผู้ใช้สามารถมองเสมือนว่าเป็น index เดียว สามารถคิวรีหรือ index ข้อมูลใหม่เข้าไปได้
Elasticsearch เปลี่ยนจากการใช้ ingest queue กำหนดตายตัว 200 documents มาเป็นคิวแบบเก็บในเมมโมรี่ (ค่าเริ่มต้นอยู่ที่ 10% ของ heap memory) โดยผลการทดสอบพบว่า throughput ของ Elasticsearch เพิ่มสูงขึ้นมากหลังเปลี่ยนมาใช้คิวแบบเมมโมรี่ โดยเฉพาะเมื่อมี client เขียนลง Elasticsearch จำนวนมาก
Elasticsearch เพิ่ม data type ใหม่ชื่อว่า wildcard ทำให้การเสิร์ชสตริงแบบเป็นส่วนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Elasticsearch ปรับค่าเริ่มต้นของ search.max_buckets จากเดิม 10,000 เป็น 65,535 เนื่องจากระบบ aggregation ทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและกินเมมโมรี่ต่ำลง จึงสามารถเพิ่ม threshold นี้ได้ (ค่านี้เป็น soft limit สามารถปรับเองได้อยู่แล้ว แต่ถ้าปรับสูงเกินไปอาจกระทบกับประสิทธิภาพโดยรวมของคลัสเตอร์ได้)
Logstash ปรับปรุงประสิทธิภาพการสตาร์ท pipeline ให้เร็วขึ้นราว 9 เท่า
ที่มา - Elastic
ภาพจาก Elastic |
# Alibaba รายงานผลประกอบการไตรมาส รายได้รวมโต 34%
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน 2020 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 34% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเป็น 21,762 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 5,587 ล้านดอลลาร์
Maggie Wu ซีเอฟโอของ Alibaba ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในจีน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักนั้น ตอนนี้กลับสู่สภาพปกติเหมือนกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 แล้ว
ข้อมูลตัวเลขผลการดำเนินงานอื่นที่น่าสนใจมีดังนี้
รายได้จากบริการ Alibaba Cloud เพิ่มขึ้น 59%
จำนวนลูกค้าที่ใช้งานผ่านมือถือมี 874 ล้านคนแบบ MAUs
Lazada ยังเติบโตสูงโดยมีจำนวนออเดอร์เพิ่มขึ้น 100%
ที่มา: Alibaba |
# Red Hat ระบุยอดขายแถบเอเชียมาจากพาร์ตเนอร์ถึง 83% สัญญาว่าจะเปิดเครื่องมือภายในให้ตัวแทนมากขึ้น
วันนี้ทาง Red Hat จัดงานสัมมนา Red Hat Asia Pacific Partner Conference 2020 เป็นงานสัมมนาออนไลน์สำหรับคู่ค้าของ Red Hat โดยเฉพาะ โดยในงานทาง Red Hat แสดงความสำเร็จในการเพิ่มยอดขายถึงระดับ 3.4 พันล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้ที่เกิดจากพาร์ตเนอร์มากกว่า 70% ขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นส่วนแบ่งรายได้ที่เกิดจากพาร์ตเนอร์สูงถึง 83%
ตอนนี้พาร์ตเนอร์ Red Hat ในแถบเอเชียแปซิฟิกมีมากกว่า 4,000 รายโดยทาง Red Hat ระบุว่าจำนวนพาร์ตเนอร์ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากไอบีเอ็มเข้าซื้อบริษัท ในปี 2018 แม้ว่าในตอนนั้นหลายคนจะกังวลว่าทีมงานของไอบีเอ็มที่มีอยู่ทั่วโลกจะกลายเป็นคนมาขายสินค้าของ Red Hat แทนพันธมิตรเดิม
สำหรับตลาดรวมไอทีหลังยุค COVID-19 Andrew Habgood ผู้อำนวยการฝ่ายพาร์ตเนอร์ของ Red Hat ยืนยันว่าองค์กรต่างๆ ยังคงเดินหน้าโครงการ Digital Transformation ต่อไป และแม้แต่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 สูงๆ ก็ต้องหาทางปรับตัวเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล
Andrew ระบุถึงโครงการความช่วยเหลือพันธมิตร เช่นการขยายโครงการ OpenShift Practice Builder ที่เป็นโครงการสนับสนุนพาร์ตเนอร์ให้ช่วยลูกติดวางระบบ OpenShift และการเปิดเครื่องมือภายใน เช่นระบบ dashboard ที่เคยใช้งานเฉพาะในบริษัทให้กับพาร์ตเนอร์มากขึ้นเพื่อให้พาร์ตเนอร์เข้าใจลูกค้าและทำงานได้ตรงจุด
ที่มา - Red Hat |
# Gmail มีช่องโหว่เปิดทางคนร้ายปลอมเมลว่ามาจากลูกค้า G Suite ทีมงานดองช่องโหว่นานกว่า 4 เดือนจนนักวิจัยเปิดเผย
Allison Husain นักวิจัยความปลอดภัยรายงานถึงช่องโหว่ระบบตรวจสอบที่มาอีเมล SPF และ DMARC และการส่งต่ออีเมลของบริการ G Suite ที่ทำให้คนร้ายสามารถปลอมอีเมลเป็นอีเมลจากเหยื่อที่เป็นลูกค้า G Suite ได้อย่างแนบเนียน Allison ระบุว่าได้รายงานช่องโหว่นี้ให้กูเกิลรับรู้ตั้งแต่ 3 เมษายนที่ผ่านมา แต่กูเกิลกลับทิ้งช่องโหว่นี้ไว้นานกว่าสี่เดือน ทำให้ Allison ตัดสินใจเขียนบล็อกเปิดเผยช่องโหว่และกูเกิลก็แพตช์ช่องโหว่นี้ในไม่กี่ชั่วโมง
SPF (Sender Policy Framework) และ DMARC (Domain-based Message Authentication, Reporting, and Conformance) เป็นมาตรฐานที่สามารถลดอัตราการสแปมและการโจมตีแบบฟิชชิ่งได้ ด้วยการเปิดช่องทางตรวจสอบว่าอีเมลที่อ้างว่ามาจากโดเมนหนึ่งๆ เช่น [email protected] มาจากโดเมนที่อ้าง (example.com) จริงหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วอีเมลที่ผ่านการตรวจสอบเช่นนี้มักได้รับความไว้วางใจเป็นพิเศษ ทำให้ไม่ถูกโยนลงถังสแปม ขณะที่ตัวโปรโตคอลอีเมลโดยทั่วไปเปิดทางให้ผู้ใช้แก้ไขชื่อบัญชีที่มา เช่น เราอยากส่งอีเมลว่ามาจาก [email protected] ก็ทำได้ตลอดเวลา แต่มักจะโดนจัดเป็นสแปมหรือเตือนฟิชชิ่งเสียก่อนถึงอินบ็อกผู้รับ
Allison พบช่องโหว่โดยอาศัยฟีเจอร์สองตัวของ G Suite คือ Default route หรือช่องทางรับอีเมลที่ไม่มีบัญชีอยู่จริง โดยฟีเจอร์นี้สามารถเปลี่ยนโดเมนที่มาของอีเมลได้ด้วย Allison พยายามโจมตีด้วยการเปลี่ยนโดเมนที่มาของอีเมลเป็นโดเมนของเหยื่อ แต่ก็พบว่าอีเมลถูกตรวจว่ายืนยัน SPF/DMARC ไม่สำเร็จ แต่ใช้ร่วมกับฟีเจอร์ inbound mail gateway ที่เปิดให้ผู้ใช้ G Suite ตั้งเซิร์ฟเวอร์เมลด้วยตัวเอง กลับสามารถส่งเมลออกเป็นโดเมนของเหยื่อได้
เมื่อเจ้าของโดเมนเหยื่อเป็นลูกค้า G Suite ตัวบริการ G Suite จะส่งเมลออกโดยระบุว่ามาจากโดเมนเหยื่ออย่างถูกต้อง ปลายทางจะตรวจสอบที่มาและเชื่อว่ามาจากเจ้าของบัญชีจริง
Allison ระบุว่าแจ้งช่องโหว่ไปตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา และแจ้งเตือนอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมว่ากำลังจะเปิดเผยช่องโหว่ แต่กูเกิลกลับตอบมาว่าจะแก้ไขช่องโหว่ในวันที่ 17 กันยายนนี้ ทำให้ Allison เลือกเปิดเผยวันที่ 19 สิงหาคมและกูเกิลก็แก้ไขช่องโหว่เบื้องต้นภายใน 7 ชั่วโมง รวมระยะเวลารายงานช่องโหว่ 137 วัน
แม้ว่าช่องโหว่นี้จะมีผลจำกัด (เปิดทางให้อีเมลเข้าอินบ็อกได้ง่ายขึ้นเท่านั้น) และที่ผ่านมาโดเมนที่คอนฟิก DMARC แบบหนาแน่นมากๆ อาจจะมีไม่มากนัก แต่บางวงการก็มีการคอนฟิกโปรโตคอลตรวจสอบที่มาอีเมลอย่างจริงจัง เช่นวงการธนาคาร การปล่อยให้อีเมลถูกปลอมแปลงได้ง่ายเช่นนี้ก็ถือเป็นความเสี่ยง ขณะที่ทีม Project Zero ของกูเกิลเองพยายามยืนยันแนวทางการรายงานช่องโหว่ต่อสาธารณะภายใน 90 วัน การที่กูเกิลเงียบต่อรายงานถึงตัวเองเช่นนี้จึงน่าสงสัยว่าทำไมกูเกิลจึงแก้ไขช่องโหว่ภายใน 90 วันไม่ได้บ้าง
ที่มา - ZDNet, Allison Husain |
# Hitman 3 เวอร์ชันพีซี เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ Epic Games Store, เตรียมแจกเกมภาค 1 ฟรี
IO Interactive สตูดิโอเกมจากเดนมาร์ก เจ้าของเกมมือสังหารซีรีส์ Hitman ประกาศข่าวว่าเกมภาคใหม่ล่าสุด Hitman 3 เวอร์ชันพีซี จะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ Epic Games Store (อีกแล้ว)
Hitman 3 มีกำหนดออกเดือนมกราคม 2021 โดยจะลงคอนโซล PS4/PS5, Xbox One/Series X, สตรีมมิ่ง Stadia และเวอร์ชันพีซีจะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ Epic
การเป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ Epic มีประเด็นน่าสนใจเพราะ IO Interactive เคยเป็นบริษัทลูกของ Square Enix มาตั้งแต่ปี 2004 (โดนซื้อโดย Eidos ที่โดน Square Enix ซื้ออีกที) แต่ในปี 2017 ทีมบริหารของสตูดิโอตัดสินใจซื้อหุ้นส่วนของ Square Enix เพื่อกลับมาเป็นบริษัทอิสระอีกครั้ง ส่งผลให้การจัดจำหน่ายเกมที่เคยผ่าน Square Enix ต้องเปลี่ยนไป
เกม Hitman 2 ที่ออกในปี 2018 เลือกใช้บริการ Warner Bros. Interactive Entertainment ช่วยจัดจำหน่าย แต่พอถึงภาค Hitman 3 ทาง IO ตัดสินใจเป็นผู้จัดจำหน่ายเอง (self-publishing) จึงไม่น่าแปลกใจที่ IO จะไปพึ่งพากำลังเงินของ Epic เพื่อช่วยให้การขายเกมไม่ยากจนเกินไป
ภายใต้ความร่วมมือกับ Epic รอบนี้ ทำให้เกม Hitman ภาคแรก (เวอร์ชันรีบูตปี 2016) จะแจกฟรีบน Epic Games Store ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้เป็นต้นไปด้วย
ที่มา - Epic Games, Eurogamer |
# OnePlus Nord เปิดราคาไทย ราคาเริ่มต้น 14,990 บาท OnePlus Buds 2,999 บาท
OnePlus Nord มือถือรุ่นกลางจาก OnePlus ชิป Snapdragon 765G หน้าจอ 90Hz พร้อม 4 กล้องหลัง 2 กล้องหน้า เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมหูฟัง OnePlus Buds
OnePlus Nord เปิดจอง 21-27 สิงหาคมนี้ พร้อมรับของสมนาคุณมูลค่า 10,990 บาท วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 28 สิงหาคมเป็นต้นไป
รุ่นแรม 8GB + หน่วยความจำ 128GB ราคา 14,990 บาท
รุ่นแรม 12GB + หน่วยความจำ 256GB ราคา 17,990 บาท
ส่วน OnePlus Buds หูฟัง True Wireless จาก OnePlus ใช้ไดนามิกไดรเวอร์ขนาด 13.4 มิลลิเมตร กันน้ำ IPX4 รองรับ Dolby Atmos แบตเตอรี่ใช้งานได้ 7 ชั่วโมง และ 30 ชั่วโมงเมื่อรวมกับเคส วางจำหน่าย 28 สิงหาคมนี้ ราคา 2,990 บาท
ที่มา - OnePlus Nord Launch Event |
# dtac เปิดทดสอบคลื่น 5G mmWave วาง Huawei Mate Xs ให้ทดสอบในศูนย์บริการ ยังไม่เปิดบริการทั่วไป
วันนี้ dtac เปิดทดสอบคลื่น 5G mmWave โดยเปิดให้คนทั่วไปสามารถไปลองใช้งานได้ที่ศูนย์บริการ dtac 7 สาขาทั่วประเทศ (รายชื่อสาขาอยู่ท้ายข่าว) โดยวางโทรศัพท์แบบพับ Huawei Mate Xs รุ่นพิเศษที่รองรับคลื่น mmWave ไว้ให้ทดสอบในร้าน แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะมีการให้บริการเป็นการทั่วไปเมื่อใด
คลื่น mmWave นับเป็นคลื่นที่จะเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ 5G ไปจากบริการ 4G ค่อนข้างมาก เพราะความกว้างแถบคลื่นถึงช่องสัญญาณละ 100MHz ทำให้สามารถให้บริการแบนด์วิดท์สูงมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดมากขึ้น โดยสัญญาณทำงานได้ดีเมื่ออยู่ในแนวสายตา (line of sight) จากตัวเครื่องถึงเสาสัญญาณ โดยไม่สามารถทะลุสิ่งกีดขวางได้ดีนัก
ทาง dtac ระบุว่ากระบวนการให้บริการคลื่น mmWave เป็นการทั่วไปอาจจะต้องทดสอบหาแนวทาง เนื่องจากจำนวนรุ่นโทรศัพท์ที่รองรับยังมีจำกัด แนวทางการใช้งานแทนบรอดแบนด์นั้นก็ยังมีต้นทุนค่าอุปกรณ์ในบ้านค่อนข้างสูง ความเป็นไปได้คืออาจจะมีการใช้งานในอุตสาหกรรมที่ติดตั้งในพื้นที่โรงงานก่อนเพื่อเชื่อมต่อเครื่องจักรเข้าเครือข่าย
ที่มา - จดหมายข่าว dtac |
# หลังอินเดียแบน TikTok คนหันไปใช้แอปที่ผลิตในประเทศ แต่เข็นไม่ขึ้น ไม่เสถียรพอ
เป็นเวลาร่วมสองเดือนแล้วที่อินเดียแบนแอป TikTok ซึ่งได้รับความนิยมทั่วโลกและคนอินเดียก็ใช้งานกันเยอะมากถึง 200 ล้านราย มีอินฟลูเอนเซอร์กว่า 2 แสนราย ถือเป็นตลาดใหญ่มากทีเดียวสำหรับ TikTok
ผู้ใช้งาน, อินฟลูเอนเซอร์แยกย้ายกันไปใช้แพลตฟอร์มโซเลียลอื่นอย่าง YouTube, Instagram ในอินเดียเองก็มีการพัฒนาแอปโซเชียลแนววิดีโอสั้นมากมาย เช่น Chingari, Mitron, Roposo และ Bolo Indya แต่ไม่มีแอปใดที่ประสบความสำเร็จมัดใจวัยรุ่นอินเดียได้เท่า TikTok บริษัทวิจัยตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูล YouGov เผยผลสำรวจว่าชาวอินเดียกว่า 60% ยังคงมีความหวังว่าการแบน TikTok จะสิ้นสุดลง
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแอปที่สร้างขึ้นในอินเดีย ยังมียุทธศาสตร์การทำแอปไม่ชัดเจน เน้นจุดขายแค่ว่าเป็นแอปที่สร้างโดยคนอินเดีย และยังรองรับจำนวนผู้ใช้ได้ไม่มากพอ พบปัญหาแอปไม่โหลด, หยุดทำงาน นอกจากนี้ หน้าตาและฟังก์ชันการทำงานของแอปเหล่านี้ส่วนใหญ่คล้ายกับ TikTok มากจนเห็นได้ชัดว่าไม่มีแอปใดที่มีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างอย่างแท้จริง ทำให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ Made in India นั้นไม่สามารถใช้ได้จริงเสมอไป ข้อมูลจาก Quartz ยังเผยให้เห็นด้วยว่าคนไปใช้งาน Reels ฟีเจอร์วิดีโอสั้นใหม่ใน Instagram มากกว่าแอปท้องถิ่น
ปัญหาความปลอดภัยยังเป็นอีกจุดบกพร่อง เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา นักวิจัยพบว่าแอป Chingari มีช่องโหว่ แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงบัญชีและรายละเอียดต่างๆ ได้ง่ายมาก ด้านแอป Mitron ตอนเปิดตัวใหม่ๆ ไม่มีนโยบายคามเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนจนต้องถูกนำออกจาก Play Store
ที่มา - Quartz |
# Lenovo จีนโชว์ภาพ Yoga Pro 13s Carbon โน้ตบุ๊กน้ำหนักเบากว่า 1 กิโลกรัม
นอกจาก Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊กแบรนด์ Yoga ชุดใหม่ 7/7i ที่มีทั้งซีพียู AMD Ryzen 4000 และ Intel Tiger Lake แล้ว
Lenovo ประเทศจีนยังโชว์ภาพแรกของ Yoga Pro 13s Carbon โน้ตบุ๊กบางเบา น้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม (990 กรัม) ผ่านทาง Weibo ด้วย
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลของ Yoga Pro 13s Carbon มากนัก เรารู้แค่ว่าใช้หน้าจอ 13.3", หน่วยประมวลผล Tiger Lake และน่าจะใช้วัสดุเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ตามชื่อรุ่น ยังไม่มีข้อมูลราคาและวันวางขายแม้แต่ในจีนเอง
ที่มา - IT Home, Notebookcheck |
# dtac Safe Internet เพิ่มหลักสูตรเรียนออนไลน์ ป้องกันการคุกคามเพศที่มาจากโซเชียลมีเดีย
โครงการ dtac Safe Internet ทำบทเรียนภูมิคุ้มดิจิทัลสู่เยาวชน เน้นเนื้อหาการกลั่นแกล้งออนไลน์, คัดกรองข่าวปลอมบนโซเชียลมีเดีย เรียนออนไลน์ได้ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ห้องเรียนเด็กล้ำ
ล่าสุดเพิ่มบทเรียนหลักสูตรใหม่ Data Privacy & Sexual Abuse เน้นการป้องกันความเป็นส่วนตัวในการใช้สื่อออนไลน์ รวมถึงเรียนรู้วิธีการป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเพศบนโลกออนไลน์
คำอธิบายหลักสูตรระบุว่า เรียนรู้เรื่องลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล ความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล และหากข้อมูลส่วนบุคคลหลุดไปยังผู้ไม่ประสงค์ดี จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมทั้งเรียนรู้เรื่องราวการละเมิดและแสวงหาประโยชน์ทางเพศออนไลน์ ผลกระทบของเด็กที่โดนละเมิดหรือแสวงหาประโยชน์ทางเพศ และวิธีการป้องกันตัวเราไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและการเก็บหลักฐานแจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ต.อ.มรกต แสงสระคู ผู้เชี่ยวชาญงานช่วยเหลือเด็กและเยาวชน จากคณะทำงานปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (TICAC) เป็นวิทยากรในหลักสูตร เล่าภาพรวมของสถานการณ์ว่า จากสถิติของ TICAC ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีการจับกุมดำเนินคดีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 212 คดี มีผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ จำนวน 245 คน ซึ่งผู้ต้องหา 1 คน สร้างความเสียหายให้แก่เหยื่อได้ตั้งแต่หลักหน่วยไปจนถึงหลักพันคน
พ.ต.อ.มรกต บอกด้วยว่า หนึ่งในรูปแบบการละเมิดทางเพศที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นมากที่สุดคือ Sextortion ใช้อำนาจที่ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจเหนือฝ่ายหนึ่ง บังคับ ข่มขู่หรือกรรโชกทางเพศ เพื่อหวังสิ่งตอบแทนที่อาจมาในรูปแบบของเงินหรือการผลิตสื่อทางเพศโดยใช้ช่องทางออนไลน์ในการกระทำผิด
ผู้กระทำจะเลือกเหยื่อบนโซเชียลมีเดีย เช่นแฟนเพจ จากนั้นเข้าไปสืบส่องดูความเคลื่อนไหวของเหยื่อที่ทิ้งร่องรอยไว้ผ่านการโพสต์โซเชียลมีเดีย เพื่อสืบดู “ความต้องการ” ของเหยื่อ ทำให้นักล่าสามารถเข้าถึงตัวและเข้าไปเติมเต็มความต้องการของเหยื่อได้ จากนั้นก็สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเหยื่อจนนำไปสู่กระบวนการละเมิด แอบถ่ายรูปลับและขู่ว่าจะปล่อยลงออนไลน์
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# Gmail และ Google Drive เกิดปัญหาใช้งานทั่วโลก อัพโหลดไฟล์ไม่ได้
ผู้ใช้งาน Gmail และ Google Drive เจอปัญหาการใช้งาน อัพโหลดไฟล์ไม่ได้ เว็บไซต์ downdetector.com และบนทวิตเตอร์มีการร้องเรียนจากผู้ใช้งานเป็นพันๆ ราย ล่าสุดกูเกิลรับรู้ปัญหาแล้ว และกำลังเร่งแก้ไข ติดตามสถานะการแก้ไขได้ ที่นี่
เพิ่มข้อมูล Google Meet, Google Docs ก็ใช้งานไม่ได้ด้วยเช่นกัน
ที่มา - Engadget |
# Android 11 เปลี่ยนให้แอพที่เรียกใช้กล้องบนมือถือ ใช้ได้แค่แอพกล้องตั้งต้นของเครื่องเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ แอพ Android จากผู้พัฒนาที่ต้องเรียกใช้กล้องบนมือถือ มี 2 ทางเลือก คือเขียนฟีเจอร์กล้องขึ้นมาเองหรือใช้คำสั่ง intent เรียกใช้แอพกล้องบนมือถือ ในกรณีหลัง หากบนมือถือมีแอพกล้องจาก 3rd party อยู่ จะมีลิสต์ขึ้นมาให้ผู้ใช้เลือก ว่าจะใช้แอพกล้องตัวไหน
แต่ล่าสุด Android 11 ตัดตัวเลือกกล้องนี้ออกแล้ว และบังคับให้ใช้ได้เพียงแอพกล้องตั้งต้น (pre-installed) บนมือถือเท่านั้น เลือกใช้แอพอื่นไม่ได้อีกต่อไป
สามคำสั่ง intent บนแอพที่จะมีการเปลี่ยนแปลงบน Android 11 คือคำสั่ง VIDEO_CAPTURE, IMAGE_CAPTURE, และ IMAGE_CAPTURE_SECURE จะเรียกแอพกล้องตั้งต้นของเครื่องโดยอัตโนมัติ และไม่ให้ผู้ใช้เลือกแอพกล้องอื่นได้อีก
ก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าไปแจ้ง บนหน้า Google Issue Tracker ว่าเป็นบั๊ก แต่ทีมงานกูเกิลมาตอบไว้ว่าเป็นสิ่งที่ตั้งใจ พร้อมระบุว่า “[ทางทีมงาน]เชื่อว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า เพื่อให้ผู้ใช้มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากขึ้น”
ตัวเลือกกล้องใน Android 10
Google อธิบายการเปลี่ยนแปลงนี้ไว้ในหน้า behavior changes ของ Android 11 นอกจากนี้ Google ยังป้องกันไม่ให้นักพัฒนาเขียนโค้ดมาสร้างลิสต์แอพกล้องเองแทนอีกด้วย โดยเว็บไซต์ Android Police ทดสอบด้วยการเขียนโค้ด query แอพกล้อง แล้วนำไปรันบน Android 10 เทียบกับ 11 ได้ผลออกมาว่าโค้ดที่เรียกแอพกล้องอื่นๆ บน Android 10 ได้ กลับเรียกแอพกล้องอะไรไม่ได้เลย แม้แต่แอพ Google Camera บน Android 11 เอง
ผล query แอพกล้อง บน Android 10
ผล query แอพกล้อง บน Android 11
การเปลี่ยนแปลงนี้มีการใช้งานแล้วใน Android 11 beta เวอร์ชั่นล่าสุด และจะใช้กับทุกแอพไม่ว่าจะเรียกใช้ API 30 หรือเวอร์ชั่นก่อนนี้ก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่า Android CTS (Compatibility Test Suite) จะบังคับใช้การเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่ หรือ OEM ผู้ผลิตจะสามารถกลับไปใช้แบบเก่าได้ แต่ก็คาดว่าน่าจะบังคับใช้เป็นมาตรฐานต่อไป แต่ผู้ใช้ก็ยังสามารถออกจากแอพเพื่อไปถ่ายรูปโดยใช้แอพที่ต้องการ แล้วจึงอัพโหลดเข้ามาในแอพได้ แต่แปลว่าจะเพิ่มความยุ่งยากให้กับผู้ใช้งาน และผู้ที่ใช้แอพ Google Camera แทนแอพกล้องหลักของมือถือตัวเองมากขึ้น
ที่มา - Android Police, CommomWares |
# ฉันยังไม่ตาย ฉันยังคงหายใจ Blackberry จะกลับมาพร้อมมือถือ 5G มีแป้นคีย์บอร์ด ในปี 2021
Blackberry แบรนด์สมาร์ทโฟนพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY จิ๋ว ที่เคยครองโลกธุรกิจและกุมตลาดนักแชท ที่ดูเหมือนจะสิ้นชื่อไปตอนต้นปีนี้ เมื่อ TCL หมดสัญญาใช้แบรนด์ แต่วันนี้ Blackberry กลับมาอีกครั้ง ด้วยสัญญาใช้แบรนด์ที่ทำคู่กับ OnwardMobility บริษัทผลิตมือถือและ FIH Mobile Limited บริษัทลูกของ Foxconn เพื่อผลิตมือถือ 5G ที่มาพร้อมคีย์บอร์ดบนแบรนด์ Blackberry ในปี 2021
ดีลนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นการผลิตเพียงรุ่นเดียว หรือเป็นดีลต่อเนื่อง และ OnwardMobility ก็ยังไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ ของตัวเครื่องรุ่นใหม่นี้ ส่วน John Chen ซีอีโอ Blackberry เอง ก็แถลงแสดงความยินดี และตื่นเต้นที่ OnwardMobility จะผลิตมือถือ BlackBerry 5G ที่มีคีย์บอร์ดจริงบนตัวเครื่อง พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยตามแบบฉบับของบริษัท แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นเพิ่มเติม
แฟนๆ เดนตายของ Blackberry และคนที่ชอบแป้นคีย์บอร์ดจริงบนมือถือ น่าจะได้มีอะไรให้กลับมารอคอยกันอีกครั้ง
ที่มา - 9to5Google |
# Lenovo ออกหูฟังตัดเสียงรบกวน Yoga ANC ในราคาแค่ 150 เหรียญ
หลายแบรนด์ไอที เริ่มลงมาทำตลาดหูฟังที่มี active noise cancellation หรือ ANC แล้ว ส่วน Lenovo เองก็เข้ามาทำหูฟัง Yoga ANC หูฟังตัดเสียงรบกวนแบบ over-ear ที่เปิดตัวสีครีมเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว และกำลังจะออกสีใหม่ Shadow Black ในราคา 149.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,700 บาท) เท่ากับราคาเปิดตัวของรุ่นสีครีม และถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับหูฟัง over-ear รุ่นอื่นที่มี ANC เหมือนกัน เช่น Sony WH-1000XM4 ราคา 349.99 เหรียญ (ประมาณ 11,000 บาท) หรือ Surface Headphones 2 ราคา 249.99 เหรียญ (ประมาณ 7,900 บาท)
หูฟัง Yoga ANC ใช้ระบบ Hybrid ANC ตัดเสียงรบกวนได้สูงถึง 30dB ปรับระดับ noise cancellation ได้สามระดับ (ปิด, ตัดเสียง 20dB, ตัดเสียง 30dB) ตัวไดรเวอร์เป็นแบบนีโอไดเมี่ยมขนาด 40 มิลลิเมตร มีค่าโอห์ม 32 ohms รองรับความถี่ตั้งแต่ 20 Hz ถึง 20 kHz รองรับ codecs ชนิด AAC, aptX, aptXLL และ HP1.7 น้ำหนัก 214 กรัม
แบตเตอรี่ชาร์จหนึ่งครั้งใช้งานได้ 14 ชั่วโมง (แบบไม่เปิด ANC) แต่ไม่เปิดเผยจำนวนชั่วโมงการใช้งานเมื่อเปิด ANC ใช้เวลาชาร์จแบตจาก 0-100 ผ่าน USB Type-C ถึง 3 ชั่วโมง น่าจะเป็นข้อเสียที่ต้องแลกในระดับราคานี้
หูฟัง Yoga ANC สี Shadow Black วางจำหน่ายเดือนตุลาคมนี้ ส่วนในบ้านเรา มีสีครีมจำหน่ายบนหน้าเว็บ Lenovo ประเทศไทย ในราคา 2,872.80 บาท ถูกกว่าราคาขายในสหรัฐพอสมควร ส่วนสีดำ คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีเข้ามาในเดือนไหน และราคาจะแตกต่างกันหรือไม่
ที่มา - Lenovo via Notebookcheck |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.