txt
stringlengths
202
53.1k
# Minecraft ธีมใหม่ Jurassic World DLC มาพร้อม 21 สกินและไดโนเสาร์ 60 สายพันธุ์ Minecraft เปิดให้ดาวน์โหลดธีมใหม่ Jurassic World DLC แล้วบน Minecraft Marketplace ผู้เล่นสามารถผจญภัยสวนสนุกไดโนเสาร์ และได้รับบทเป็นตัวละครหลักจากเรื่อง Jurassic World ทำหน้าที่ตามหา DNA ขยายพันธุ์ จัดการสวนสนุก เผชิญหน้าวิกฤตเมื่อถูกไดโนเสาร์ตามล่า ตัวเกมมาพร้อม 21 สกิน และไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ 60 ตัว รวมถึงสายพันธุ์ไฮบริดด้วย ตัวเกมวางขายในราคา 7.99 ดอลลาร์ หรือใช้เหรียญ Mincraft 1340 เหรียญ ที่มา - Minecraft
# Zoom เพิ่มการรองรับไปยังหน้าจออัจฉริยะทั้ง Google Nest Hub Max, Echo Show, Facebook Portal Zoom เผยว่าได้รับการรองรับในหน้าจออัจฉริยะของแบรนด์ต่างๆ ทั้ง Portal from Facebook, Amazon Echo Show และ Google Nest Hub Max โดย Zoom จะใช้งานได้บน Facebook Portal ในเดือนกันยายนนี้ ส่วน Amazon Echo Show และ Nest Hub Max จะใช้งานได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ผู้ใช้งาน Echo สามารถใช้คำสั่งเสียง Alexa, join my Zoom meeting หรือถ้าลงปฏิทินการประชุมไว้ในแอป Alexa ระบบก็จะเริ่มการประชุมตามนัดหมายโดยไม่ต้องใช้มือแตะหน้าจอเลย Zoom จะเริ่มใช้งานได้บน Echo Show 8 ก่อนทยอยไปยังรุ่นต่อไป สำหรับผู้ใช้งานหน้าจอของกูเกิลสามารถใช้คำสั่งเสียง Hey Google, join my Zoom meeting หรือลงปฏิทินไว้ก็สามารถแจ้งเตือนการใช้งานประชุมได้เช่นกัน ที่มา - Zoom
# Call of Duty ภาคใหม่ปีนี้ชื่อ Black Ops: Cold War เหตุการณ์ช่วงสงครามเย็น Activision เปิดตัวทีเซอร์ของเกม Call of Duty ภาคใหม่ประจำปี 2020 คือ Call of Duty Black Ops: Cold War ที่จับเอาเหตุการณ์ในยุคสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกา-สหภาพโซเวียต ตามระบบวนคิว 3 ปีของ Call of Duty ปีนี้ต้องเป็นเกมของสตูดิโอ Sledgehammer ที่ทำภาค WWII ในปี 2017 แต่เนื่องจากปัญหาภายในกันเอง ทำให้ Activision ตัดสินใจดันสตูดิโอ Treyarch เจ้าของซีรีส์ Black Ops มาเป็นทีมหลักแทน และให้สตูดิโอ Raven Software เข้ามาช่วยสนับสนุนเหมือนเกมทุกๆ ภาคในช่วงหลังมานี้ ตอนนี้ยังไม่มีภาพใดๆ ของเกมออกมาให้เห็น ยกเว้นโลโก้ของเกม และทีเซอร์ที่เป็นฟุตเตจข่าวฝั่งสหภาพโซเวียตในอดีตเท่านั้น เกมจะเปิดเผยข้อมูลในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ ที่มา - IGN
# Facebook Portal เตรียมรองรับแอปวิดีโอคอลภายนอกด้วย มี Zoom, Webex, GoToMeeting และ BlueJeans Facebook มีฮาร์ดแวร์ Facebook Portal หน้าจออัจฉริยะเพื่อการทำวิดีโอคอลมาก่อนแล้ว และเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมใหม่ที่คนพึ่งพาการสื่อสารผ่านวิดีโอคอลมากขึ้น Facebook Portal จึงเตรียมเพิ่มการรองรับแอปภายนอกที่ได้รับความนิยมอย่าง Zoom, Webex, GoToMeeting และ BlueJeans ใช้งานได้ใน Portal Mini, Portal และ Portal+ ในเดือนกันยายนนี้ ส่วน Portal TV จะเพิ่มเข้ามาในรายการในอนาคต บน Facebook Portal มีการรองรับฟังก์ชั่นเพื่อการทำงานมาระยะหนึ่งแล้วคือ Workplace on Portal ช่วยให้ผู้ใช้งานจัดการประชุมงานได้ ทั้งแบบกลุ่ม, 1:1 และเร็วๆ นี้ ผู้ใช้งานจะสามารถใช้ Workplace Login for Portal ได้เลย โดยไม่ต้องล็อกอิน Facebook หรือ WhatsApp เพื่อจะใช้งานฟรี ที่มา - Facebook
# Airbnb ยื่นเอกสารเตรียม IPO เข้าตลาดหุ้นแล้ว Airbnb ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ว่าบริษัทได้ยื่นเอกสารลงทะเบียนต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เพื่อเตรียมไอพีโอนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น ซึ่งเป็นไปตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ Airbnb ไม่ได้เปิดเผยว่าข้อมูลทางการเงิน ตลอดจนจำนวนหุ้นที่จะเสนอขายเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ Airbnb เคยวางแผนจะนำบริษัทไอพีโอให้ได้ภายในปีนี้ แต่สถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบต่อรายได้ของบริษัท ทำให้มีการประเมินกันว่าบริษัทอาจต้องเลื่อนแผนไอพีโอออกไปก่อน แต่ในที่สุดบริษัทก็เดินหน้านำบริษัทเข้าตลาดหุ้นตามแผนเดิมนั่นเอง ที่มา: Airbnb ผ่าน CNBC
# NVIDIA ไตรมาสล่าสุด รายได้ทำสถิติใหม่สูงสุด ลูกค้า Data Center ทำเงินมากกว่าลูกค้ากลุ่มเกมเป็นครั้งแรก NVIDIA รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ตามปีการเงินบริษัท สิ้นสุดวันที่ 26 กรกฎาคม 2020 รายได้รวมยังเติบโตทำสถิติใหม่ เพิ่มขึ้น 50% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เป็น 3,866 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 622 ล้านดอลลาร์ ซีอีโอ Jensen Huang กล่าวว่าสินค้าของ NVIDIA มีการนำไปใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นมาก จึงทำให้บริษัทมีรายได้ที่เติบโตก้าวกระโดด ทั้งการ์ดจอสำหรับเกม ไปจนถึง GPU สำหรับลูกค้ากลุ่มศูนย์ข้อมูลและผู้ให้บริการคลาวด์ กลุ่มธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ตอนนี้เป็นรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของ NVIDIA แล้ว เติบโตถึง 167% ที่ 1,752 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่มธุรกิจเกมเติบโต 26% เป็น 1,654 ล้านดอลลาร์ ที่มา: NVIDIA
# Apple มีมูลค่ากิจการตามราคาหุ้น ทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์ แล้ว จากราคาซื้อขายหุ้นของแอปเปิลเมื่อคืนนี้ ทำให้บริษัทผ่านหลักสำคัญ โดยมีมูลค่ากิจการตามราคาหุ้น (Market Cap) สูงกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรก ถือเป็นบริษัทอเมริการายแรก ที่มีมูลค่ากิจการสูงระดับนี้ (บริษัทแรกคือ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย) แอปเปิลมีมูลค่ากิจการ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2018 เท่ากับว่ามูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ นั้น แอปเปิลใช้เวลาเพียง 2 ปี เท่านั้น ทั้งนี้อ้างอิงตามราคาหุ้นของแอปเปิลหลังปิดการซื้อขายล่าสุด มูลค่ากิจการของแอปเปิลได้ลดลงมา โดยอยู่ที่ 1.98 ล้านล้านดอลลาร์ ที่มา: The Verge
# Rancher k3s เข้าเป็นโครงการ CNCF Sandbox k3s ดิสโทรขนาดเล็กจาก Rancher Labs เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว และได้รับความนิยมอย่างสูง มีผู้กดดาวบน GitHub ถึง 13,700 ราย ได้เข้าเป็นโครงการใน CNCF Sandbox อย่างเป็นทางการ หลังจากกรรมการกำกับด้านเทคนิค (Technical Oversight Committee - TOC) ลงคะแนนเสียงยอมรับเกือบทั้งหมด โดย Saad Ali จากกูเกิลงดออกเสียง และกระบวนการรับ k3s เข้าเป็นโครงการ CNCF นั้นมีข้อถกเถียงกันค่อนข้างมาก ตัว CNCF เองเป็นดิสโทรของ Kubernetes ที่ตัดโค้ดส่วนที่ไม่จำเป็นออก และออกแบบให้รันบนคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวได้โดยง่ายเพราะมีไฟล์ไบนารีเพียงไฟล์เดียวเท่านั้น และไม่ต้องการฐานข้อมูลกระจายตัวอย่าง etcd แต่เปลี่ยนไปใช้ SQLite แทน การที่เป็นดิสโทรทำให้มีความเห็นว่า k3s ไม่ควรเป็นโครงการของ CNCF โดยตรง แต่ควรเป็นโครงการย่อยของ Kubernetes เท่านั้น โดยปัจจุบันมีดิสโทร Kubernetes เฉพาะที่ได้รับการรับรองจาก CNCF เกือบร้อยโครงการ Darren Shepherd CTO ของ Rancher Labs ออกมาพูดถึงการถกเถียงระหว่างการลงคะแนนรับ k3s เข้า CNCF ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเขาเองที่บ่นว่า (rant) ต่อโครงการ Kubernetes บ่อยครั้ง และแม้ Rancher จะเป็นผู้ผลิต Kubernetes เพื่อการค้ารายใหญ่แต่ตัว Darren เองก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับ Kubernetes นัก ทำให้ถูกมองว่าไม่ช่วยแต่ยังบ่นว่า โดยเขาเองยอมรับผิดและเชื่อว่าโครงการจำนวนมากของ Rancher ที่เสริมกับชุมชน Kubernetes จะเป็นหลักฐานว่าเขามีเจตนาดี CNCF Sandbox เป็นจุดเริ่มต้นของการนำโครงการเข้าในโดยทาง CNCF จะเข้ามาวางมาตรฐานการทำงานร่วมกันและโครงการต้องปรับเงื่อนไขด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้เป็นมาตรฐาน ทำให้โครงการใน CNCF มักได้รับความสนใจในการใช้งานหรือร่วมพัฒนาก่อนโครงการอื่นๆ โครงการใน CNCF Sandbox แต่ได้รับความสนใจสูง เช่น KubeVirt ระบบจัดการ virtual machine ที่ OpenShift นำไปรวมเป็น OpenShift virtualization หรือ Virtual Kubelet ที่บริการคลาวด์หลายรายให้บริการกันแล้ว ที่มา - Darren Shepherd, CNCF Sandbox
# ไต้หวันเตรียมแบนแอปวิดีโอจีน iQiyi, Tencent Video ห้ามขายโฆษณา หรือให้บริการลูกค้า กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน (Ministry of Economic Affairs - MOEA) ประกาศแผนการแบนแอปวิดีโอ iQiyi และ Tencent Video ของจีนภายในวันที่ 3 กันยายนนี้ โดยแนวทางของไต้หวันไม่ได้บล็อคแอปทั้งสองโดยตรงแต่ห้ามไม่ให้ธุรกิจในไต้หวันทำหน้าที่ตัวแทนใดๆ ทั้งการให้ความช่วยเหลือการใช้งานหรือการเก็บค่าโฆษณาแทน ไต้หวันมีกฎควบคุมการให้บริการ OTT ที่ต้องขออนุญาตล่วงหน้า และทาง iQiyi ก็เคยพยายามขออนุญาตแต่ถูกปฎิเสธจากกฎห้ามบริษัทจีนทำกิจการสื่อในไต้หวัน อย่างไรก็ตาม iQiyi ยังคงให้บริษัทไต้หวันเก็บค่าบริการแทนได้ โดยตอนนี้มีบริษัท OTT Entertainment เป็นผู้เก็บค่าบริการ แนวทางการแบนจะออกเป็นประกาศของกสทช. ไต้หวัน ให้สามารถปรับตัวแทนเก็บค่าบริการ ไปจนถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต, ศูนย์ข้อมูล, และบริการคลาวด์ ที่ให้บริการกับ iQiyi และ Tencent Video โดยค่าปรับอยู่ระหว่าง 500,000 ถึง 5,000,000 ดอลลาร์ไต้หวัน ที่มา - Focus Taiwan ภาพเมืองไทเปเมื่อปี 2018 โดย Heeheemalu
# ไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส สตาร์ตอัพเกาหลีร้องตรวจสอบค่าธรรมเนียม In-App ของกูเกิลและแอปเปิลว่าไม่เป็นธรรม กลุ่มสตาร์ทอัพเกาหลีได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการสื่อสารของเกาหลีหรือ KCC เพื่อขอให้มีการตรวจสอบว่า แอปเปิล, กูเกิลละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อในแอปหรือไม่ ทางกลุ่มสตาร์ทอัพระบุว่าแอปเปิลได้บังคับให้นักพัฒนาใช้ระบบการซื้อในแอปเฉพาะของตนตั้งแต่ปี 2011 ที่ซึ่งต้องเสียค่าคอมมิชชั่นให้แอปเปิล 30% ทางฝั่งกูเกิลนั้นไม่ได้บังคับใช้ระบบจ่ายเงินของสินค้าในแอปผ่านทาง ระบบ In-App ของตัวเองยกเว้นเกม แต่ก็มีข่าวระบุว่ากูเกิลอาจจะขยายการบังคับใช้ In-App Purchase กับทุกหมวดต่อไป Choi Sung-jin ประธานกลุ่ม Korea Startup Forum บอกว่า ในขณะที่การเก็บค่าคอมมิชชั่น 30% นั้นเป็นการตั้งราคาสูงเกินไปอยู่แล้ว การบังคับใช้บริการจ่ายเงินของแพลตฟอร์มโดยไม่มีทางเลือกอื่นยิ่งเป็นปัญหา นอกจากนี้นักพัฒนาจากบริษัทรายใหญ่อาจมีอำนาจต่อรองเรื่องราคาคอมมิชชั่น แต่สำหรับรายเล็กนั้นเป็นไปได้ยาก และเป็นค่าใช้จ่ายเยอะกว่าจะแบกรับไหว และสุดท้ายอาจนำไปสู่การขึ้นราคาค่าธรรมเนียมการซื้อในแอป ภาพจาก Korea Startup Forum การเก็บค่าธรรมเนียม App Store ของแอปเปิลกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ตั้งแต่ Epic ทำระบบจ่ายเงินของ Fortnite บนมือถือเอง เลี่ยงจ่ายส่วนแบ่ง 30% ให้ร้านค้าแอป จนถูก App Store แบนและ Epic ก็ฟ้องกลับฐานผูกขาด, Facebook เองก็ออกมาบอกให้แอปเปิลลดภาษี App Store ด้วยเพื่อให้ผู้ใช้งานโดยเฉพาะคนทำธุรกิจ ครีเอเตอร์ทำเงินผ่าน Facebook ได้เต็มๆ แต่ถูกปฏิเสธ ที่มา - Korea Herald
# Microsoft Flight Simulator คะแนนรีวิวดีเยี่ยม เฉลี่ย 93/100 สื่อหลายสำนักให้คะแนนเต็ม Microsoft Flight Simulator เวอร์ชันปี 2020 วางขายแล้ววันนี้บนพีซี (รวมถึง Xbox Game Pass for PC สามารถเล่นได้ทันทีตั้งแต่วันแรก) และคะแนนรีวิวออกมาดีเยี่ยม คะแนนเฉลี่ยจาก Metacritic ขณะที่เขียนข่าวนี้ได้ 93/100 และมีสื่อเกมชื่อดังหลายสำนักให้คะแนนเต็ม หมายเหตุ: เกมจะออกเวอร์ชัน Xbox One และ Xbox Series X ด้วยแต่ยังไม่ประกาศวันวางขาย IGN ให้คะแนน 10/10 โดยระบุว่าเป็นประสบการณ์อันยอดเยี่ยม มีความสมจริงระดับหาใครสู้ได้ยาก (unparalleled realism) และความอิสระที่ให้เราบินได้ทั่วโลกจริงๆ ช่วยให้เล่นซ้ำได้ตลอดเวลา VG24/7 เป็นอีกรายที่ให้ 5 ดาวเต็ม โดยบอกว่า Microsoft Flight Simulator ไม่ได้เป็นเกมสำหรับแฟนการบินแบบฮาร์ดคอร์ แต่ออกแบบมาให้ใครๆ ก็เล่นได้ ถึงแม้เกมมีรายละเอียดในระดับสูงมาก แต่ก็เข้าถึงง่ายเช่นกัน สามารถเล่นได้ด้วยจอย Xbox, เมาส์-คีย์บอร์ด หรือจะทุ่มทุนซื้อจอยขับเครื่องบินเต็มรูปแบบก็ได้ The Guardian ให้ 5 ดาวเต็ม ระบุว่า Flight Simulator ภาคนี้ต่างจากภาคเก่าๆ ที่เน้นแฟนการบินเท่านั้น ต่อให้ไม่เคยเล่นเกมขับเครื่องบินมาก่อนเลยก็เล่นได้ทันที เกมมีตัวช่วยขับเครื่องบินให้มากมาย จากนั้นผู้เล่นค่อยๆ เรียนรู้วิธีควบคุมเครื่องบินไปทีละขั้นได้ DualShockers ให้ 9/10 ผู้รีวิวบอกว่าตัวเองเป็นคนกลัวการนั่งเครื่องบิน แต่สามารถเล่นเกมนี้ได้สบาย และช่วยลดอาการกลัวเครื่องบินลงได้ด้วย ในรีวิวยังชมอิสระของเกมที่ไม่บังคับให้เราทำอะไรที่ไม่ชอบ เช่น ถ้าไม่ชอบการนำเครื่องบินขึ้นจากรันเวย์ ก็สามารถลัดขั้นตอนนี้ นำเครื่องไปลอยอยู่บนฟ้าได้เลย Eurogamer รีวิวแบบไม่มีคะแนน บอกว่านี่คือหนึ่งในเกมซิมูเลเตอร์ที่ดีที่สุด (one of the best sims yet) ผู้รีวิวเล่นเกมนี้ติดต่อกันทุกวันมาเป็นเดือนแล้ว และถือว่าเกมประสบความสำเร็จในแง่เทคนิค (technical achievement) ที่สร้างความสมจริงได้ขนาดนี้
# Netflix ทดสอบปุ่ม Shuffle Play ไม่รู้จะดูอะไรก็ให้ระบบเลือกมาให้เลย Netflix ทดสอบปุ่มใหม่ Shuffle Play ไว้ที่หน้า Home Screen ใต้รูปโปรไฟล์ของเรา เมื่อกดแล้ว Netflix จะเล่นเนื้อหาที่คาดว่าผู้ใช้งานจะชอบ ซึ่งอาจเป็นเนื้อหาที่ดูค้างไว้ หรือกด favorite ไว้ ผู้ใช้งานที่ได้รับการทดสอบมองเห็นปุ่ม Shuffle Play ได้ผ่าน Netflix บนสมาร์ททีวี โดย Netflix บอกแนวคิดเบื้องหลังฟีเจอร์นี้ว่า ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาสิ่งที่อยากดูได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายของ Netflix มาระยะหนึ่งแล้ว เพราะคนใช้เวลาบนหน้าจอหลักมากเกินไปเพื่อหาสิ่งที่จะดู ซึ่ง Netflix ก็พยายามแก้ปัญหาด้วยการเล่น trailer อัตโนมัติ, โปรโมทเนื้อหาบนหน้าจอหลัก จัดอันดับเนื้อหายอดนิยมในพื้นที่ เป็นต้น ผู้ใช้งานบางรายยังมองเห็นปุ่มที่มีไอคอนแบบ Shuffle Play แต่ระบุว่า Play Something ไว้ที่แถบซ้ายบนทีวีด้วย ที่มา - TechCrunch
# Asus เปิดตัว Zenbook 14, VivoBook Flip14 และ all-in-one รุ่น Vivo M241 และ V222 ในไทย Asus เปิดตัวโน้ตบุ๊ก ZenBook 14 (UM425) โน้ตุบ๊กตระกูล Zenbook ขนาด 14 นิ้วรุ่นใหม่ โน้ตบุ๊ก VivoBook Flip14 (TM420) แบบพับได้ 360 องศา และคอมตั้งโต๊ะ all-in-one ในตระกูล Vivo AiO รุ่น M241 และ V222 รายละเอียดดังนี้ Zenbook 14 (UM425) โน้ตบุ๊กขนาด 14 นิ้ว บาง 14 มม. น้ำหนักเพียง 1.22 กก. แต่ยังมีพอร์ทเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง HDMI, USB Type A, USB Type-C และ microSD card reader อัตราส่วนขนาดจอต่อตัวเครื่องที่ 90% พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 22 ชม. มาในสีใหม่ สีเทา (Pine Grey) และซีพียูรุ่นล่าสุดฝั่ง AMD 4000 series สูงสุดที่ AMD Ryzen 7 4700U, แรม 16 GB, 512 GB PCle, รองรับ Wi-Fi 6 (802.11ax), Windows 10 Home และ Microsoft Office Home and Student 2019 ราคาเริ่มต้น 24,990 บาท Vivo Flip 14 (TM420) โน้ตบุ๊กบานพับ 360 องศา หน้าจอใหญ่ขนาด 14 นิ้วบนตัวเครื่องขนาดเท่ากับโน้ตบุ๊ก 13 นิ้ว พับได้ 360 องศา พร้อมจอสัมผัสที่ใช้งานเป็นกึ่งแท็บเล็ตได้ ผ่านการทดสอบเปิด-ปิดบานพับกว่า 20,000 ครั้ง มาพร้อมปากกาสไตลัส สีใหม่ Bespoke Black บางเพียง 18.2 มม. น้ำหนัก 1.5 กก. ซีพียู AMD สูงสุด Ryzen 7 4700U แรม DDR4 สูงสุด 8 GB + 8 GB มี Windows 10 Home และ Microsoft Office Home and Student 2019 มาให้ วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 22,990 บาท M241 และ V222 เครื่องคอมพิวเตอร์ออลอินวัน ขนาด 24 และ 22 นิ้ว จอแบบ Full HD ขอบจอบาง 3 ด้านพร้อม wide-view ให้มุมมองจอกว้างถึง 178 องศา สะดวกในการแชร์ภาพและวีดีโอ แสดงผลสีได้ 100% sRGB มีลำโพง 6 วัตต์ในตัว M241 ซีพียูสูงสุด AMD Ryzen 7, Windows 10 HOME, แรม DDR4 4GB และ 1TB HDD ราคาเริ่มต้น 12,990 บาท V222 ซีพียูสูงสุด Intel Core i3 พร้อม Windows 10 HOME/ แรม DDR4 4GB/ 1TB HDD วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 11,990 บาท Asus ZenBook 14 (UM425), VivoBook Flip (TM420) และ Vivo AiO (M241, V222) วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# Google Maps ปรับปรุงใหม่ใช้ช่วงสีแบ่งพื้นที่ป่ารก, ทะเลทราย, ทะเลสาบออกมาชัดเจนขึ้น Google Maps ปรับปรุงการมองเห็นใหม่ ลงรายละเอียดแยกพื้นที่สีเขียว,ทะเลทราย,ถนนออกมาชัดเจน ให้เห็นแผนที่ใกล้เคียงกับสภาพพื้นที่จริงที่สุด โดยอาศัยเทคโนโลยี color-mapping กูเกิลระบุว่าได้ใช้ computer vision ระบุลักษณะทางธรรมชาติจากภาพถ่ายดาวเทียม โดยเฉพาะในพื้นที่แห้งแล้ง พื้นที่น้ำแข็ง ป่าและภูเขา และนำข้อมูลมากำหนดช่วงสี ตัวอย่างเช่น พื้นที่ป่าที่มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่นก็จะใช้สีเขียวเข้ม พื้นที่ที่มีต้นไม้น้อยกว่าใช้สีเขียวอ่อน ทะเลทรายใช้สีน้ำตาลอ่อน เป็นต้น จากรูปภาพจะเห็นได้ว่า ภาพแผนที่มีความละเอียดขึ้น มีการใช้เฉดสีแบ่งแยกประเภทพื้นที่ชัดเจน กูเกิลบอกด้วยว่า แผนที่เวอร์ชั่นใหม่จะใช้งานได้ใน 220 ประเทศและเขตพื้นที่ที่ Google Maps รองรับ นอกจากนี้กูเกิลยังปรับปรุงการนำทางบนถนนใหม่ในบางพื้นที่ แบ่งถนนสำหรับรถยนต์, ทางคนเดิน, เกาะกลางถนนให้เห็นชัดเจน ตอนนี้ยังใช้งานได้เฉพาะในนิวยอร์กและลอนดอน ที่มา - กูเกิล
# Dynabook Portégé X30L-G โน้ตบุ๊กสายธุรกิจ เบาสุด 870 กรัม ทนระดับ Military Grade Dynabook แบรนด์โน้ตบุ๊กสายธุรกิจที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่คุ้น เพราะเพิ่งรีแบรนด์มาจาก Toshiba Client Solutions หลัง SHARP เข้าถือหุ้นธุรกิจฝั่ง PC ของ Toshiba ในช่วงกลางปี 2018 จึงเปลี่ยนชื่อโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตสายธุรกิจเป็นชื่อนี้ ไลน์ย่อยของ Dynabook แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ Business Premium รุ่นสูงสุด ใส่ฟีเจอร์จัดเต็ม แถมยังเด่นเรื่องความเบาและทนทาน Business Enhance รุ่นกลางที่ใส่ความสามารถของโน้ตบุ๊กธุรกิจมาครบถ้วน Business Essential รุ่นเล็ก เน้นความคุ้มค่า แต่ยังมีฟีเจอร์ที่สำคัญๆ Dynabook Portégé X30L-G รุ่นนี้ เปิดตัวไปในงาน CES 2020 ถือเป็นรุ่นสูงสุดในไลน์ Business Premium มีจุดขายอยู่ที่ความบางเบา ทนทาน และประสิทธิภาพ เป็นโน้ตบุ๊กธุรกิจขนาด 13.3 นิ้ว ซีพียู Intel Core 10th Gen ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลกเพียง 870 กรัมเท่านั้น แต่ก็ยังให้พอร์ตเชื่อมต่อมาครบครัน และทนทานระดับมาตรฐาน Military Grade (MIL-STD 810G) อีกด้วย บาง เบา แต่อึดกว่าที่คิด บอดี้ของ Portégé X30L-G เป็นแมกนีเซียมอัลลอยคุณภาพสูงที่งานประกอบแน่นหนา บางเพียง 1.79 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 870 กรัม แต่ผ่านการทดสอบ MIL-STD 810G มาตรฐานความทนทานสำหรับอุปกรณ์ในการใช้งานทางทหาร เมื่อผนวกกับคีย์บอร์ดที่กันน้ำกระเด็นได้ ยิ่งทำให้ผู้ใช้งานสายธุรกิจวางใจได้ว่าเครื่องจะไม่พังง่ายๆ แม้ต้องพกออกไปทำงานที่ไซต์งาน ด้านแบตเตอรี่ Portégé X30L-G ใช้แบตเตอรี่ขนาด 42WHr ที่ Dynabook ระบุว่าใช้งานได้ถึง 14.5 ชั่วโมง (อาจมากน้อยกว่านี้ตามการใช้งาน) มาพร้อมกับระบบชาร์จเร็ว ที่ชาร์จแค่ 30 นาที ก็ใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมง ประสิทธิภาพครบครับทั้งหน้าจอ ซีพียู กล้อง Portégé X30L-G ใช้หน้าจอพาเนล SHARP IGZO ความละเอียด Full HD แบบ anti-glare มีค่าความสว่างสูงสุด 470 NITS ฝังกล้องเว็บแคมความละเอียดระดับ HD และไมโครโฟนคู่ สำหรับใช้ในการประชุม พร้อมทำงานทั้งในออฟฟิศ ที่ไซต์งาน หรือจะทำงานจากบ้านก็ได้ ตัวเลือกซีพียูเป็น Intel Core 10th Gen เลือกได้หลายรุ่น สามารถอัปเกรด RAM ได้สูงสุดถึง 24GB อัปเกรด SSD แบบ NVMe ได้สูงสุดถึง 1TB และระบบปฏิบัติการเป็น Windows 10 Professional 64-bit โดยซีพียูที่มีให้เลือกมีดังนี้ Intel® Core™ i5-10210U Quad Core Processor (1.6GHz up to 4.2GHz, 6M Cache) Intel® Core™ i7-10510U Quad Core Processor (1.8GHz, up to 4.9GHz, 8M Cache) Intel® Core™ i5-10310U Quad Core vPRO Processor (1.7Hz, up to 4.4GHz, 6M Cache) Intel® Core™ i7-10610U Quad Core vPRO Processor (1.8Hz, up to 4.9GHz, 6M Cache) Intel® Core™ i7-10810U 6 Cores vPRO Processor (1.1GHz, up to 4.9GHz, 12M Cache) ถึงบางก็ให้พอร์ตมาครบถ้วน แถมรองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0 โน้ตบุ๊กรุ่นบางเบาหลายๆ รุ่น มักใช้วิธีตัดพอร์ตต่างๆ ที่ใหญ่เทอะทะ เช่น พอร์ต HDMI, USB-A หรือพอร์ต Ethernet ออกไป แล้วใช้พอร์ต USB-C พอร์ตเดียวแทน ทำให้ผู้ใช้ต้องพก dongle ไปด้วย ไม่สะดวกหากต้องไปพรีเซนต์งาน หรือต่ออุปกรณ์อื่นๆ นอกสถานที่ แต่ Portégé X30L-G ให้พอร์ตมาครบถ้วนแบบไม่ลดไม่ตัดใดๆ โดยเครื่องน้ำหนัก 870 กรัม กลับยังมีพอร์ตและการเชื่อมต่อทั้งหมดดังนี้ รองรับ Wi-Fi 6 แบบ Dual Band 2x2 รองรับ Bluetooth 5.0 พอร์ต RJ-45 สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายผ่านสาย LAN 1 ช่อง พอร์ต USB 3.0 ให้มา 2 ช่อง เป็นแบบรองรับ Sleep & Charge ได้ 1 ช่อง USB 3.1 Type-C Gen 1 ให้มา 1 ช่อง ใช้ชาร์จไฟได้ด้วย พอร์ต HDMI-out 1 ช่อง ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรแบบรวมหูฟังและไมโครโฟน (combo jack) ช่องอ่าน microSD Security ครบ พร้อมความสามารถทางธุรกิจอีกเพียบ นอกจากเรื่องความบางเบา คงทน และประสิทธิภาพแล้ว ในด้านความปลอดภัยสำหรับโน้ตบุ๊กธุรกิจ Portégé X30L-G ก็ไม่น้อยหน้า เพราะมีทั้งการใช้ Native System BIOS เพิ่มความปลอดภัยในระดับฮาร์ดแวร์ รองรับการใช้งาน Trusted Platform Module (TPM) v2.0 มีเซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือ ที่รวมมาไว้บน Touchpad เลยทำให้สะดวกต่อการใช้งานยิ่งขึ้น และยังมีตัวเลือกเสริมฮาร์ดแวร์สำหรับการยืนยันตัวตน เช่นกล้องอินฟราเรด สำหรับใช้การล็อกอินด้วยใบหน้าผ่าน Windows Hello หรือจะเลือกเสริมตัวอ่านสมาร์ทการ์ด ไว้ใช้ล็อกอินด้วยก็ได้ สรุป ในยุคที่การทำงานภายนอก กลายมาเป็นเรื่องธรรมดาของแทบจะทุกออฟฟิศ โน้ตบุ๊กธุรกิจคุณภาพดี เริ่มจะกลายมาเป็นของจำเป็นของทุกบริษัทแล้ว ยิ่งบางเบา ทนทาน และปลอดภัยแค่ไหน ก็ยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงผู้ใช้ไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องข้อมูลเสียหาย หรือโน้ตบุ๊กใช้งานไม่ได้ ที่ทำให้การทำงานติดขัด ทำให้ Dynabook Portégé X30L-G เป็นอีกตัวเลือกที่ตอบโจทย์ครบทุกด้านในการใช้งาน ทั้งความคล่องตัว ความทนทาน และความปลอดภัย ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊กธุรกิจที่น่าสนใจอีกรุ่นในยุคนิวนอร์มอลแบบนี้ ผู้ที่สนใจ Dynabook Portégé X30L-G หรือโน้ตบุ๊คสำหรับธุรกิจรุ่นอื่นๆ สามารถติดต่อทีมงาน Dynabook ได้ทันทีที่อีเมล์ [email protected] หรือโทร 0816328922 หรือติดต่อผ่านทางเว็บไซต์ได้ที่ asia.dynabook.com/contact
# Apple เปิดตัวรายการวิทยุบน Apple Music เน้นงานเพลงเก่าและคันทรี่ Apple เปิดตัวรายการวิทยุใหม่บน Apple Music จัดรายการโดยคนดัง นักจัดรายการมืออาชีพและโชว์ศิลปิน เปลี่ยนชื่อรายการจาก Beats 1 เป็น Apple Music 1 และมีสองรายการใหม่คือ Apple Music Hits และ Apple Music Country Apple Music 1 จะเป็นรายการเพลงในรูปแบบรายการวิทยุจากสตูดิโอในพื้นที่ต่างๆ ของสหรัฐฯ พร้อมโชว์เพลงสดๆ จากศิลปินดัง, Apple Music Hits เป็นรายการเพลงย้อนยุค เน้นเพลงช่วง 80, 90 และช่วงปี 2000 เปิดเพลงให้ฟังพร้อมเล่าเรื่องราวเบื้องหลังเพลงดังในอดีต และรายการ Apple Music Country คือการเสนอเพลงใหม่ควบคู่ไปกับเพลงคันทรี่ซึ่งเป็นแนวเพลงที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ที่มา - Apple
# มาร์คอยู่ทุกที่ แว่น Oculus บังคับใช้บัญชี Facebook ล็อกอิน หลัง 1 มกราคม 2023 เป็นต้นไป Facebook ซื้อ Oculus ไปในราคา 2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2014 และล่าสุด เตรียมผนวกระบบ Facebook เข้ากับ Oculus และประกาศในวันนี้ว่า ผู้ใช้งาน จะต้องนำบัญชี Facebook เพื่อล็อกอิน Oculus เพื่อให้ใช้งานแว่น VR นี้ “ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” ตั้งแต่ 1 มกราคม 2023 เป็นต้นไป เสียงตอบรับจากชุมชน Oculus ก็เป็นไปตามคาด มีคนก่นด่า ต่อต้านมากมาย เช่นกระทู้ที่พูดถึงเรื่องนี้บนเว็บไซต์ Reddit ก็เต็มไปด้วยคอมเม้นต์ไม่เห็นด้วย ยาวไปจนมีการพูดถึงเรื่องขอเงินคืน และหาช่องทางในการฟ้องร้อง Facebook ในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจาก Facebook มีข้อครหาเรื่องการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหลายครั้งในหลายปีที่ผ่านมานี้ และมีความกังวลว่าเซ็นเซอร์รวมถึงกล้องต่างๆ ของ Oculus ที่ต้องเก็บข้อมูลห้องของผู้ใช้ จะถูกส่งให้กับ Facebook ด้วย Oculus กล่าวว่ามีช่องทางเดียวในการล็อกอินโดยใช้บัญชีและรหัสผ่านของ Facebook จะทำให้ผู้ใช้ค้นหา ติดต่อ และเล่นเกมร่วมกับเพื่อนคนอื่นได้ง่ายขึ้น และทำให้สามารถเชื่อมต่อฟีเจอร์ต่างๆ ของ Facebook เข้ากับ Oculus ได้ง่ายขึ้นด้วย ผู้ใช้จะสามารถใช้งาน Oculus ได้ปกติจนกว่าจะถึง 1 มกราคม 2023 แต่หลังจากนั้นบางแอปอาจจะไม่รองรับการใช้งานด้วยบัญชี Oculus อีกต่อไป แต่ยังสามารถ sideload แอปได้อยู่ ที่มา - Kotaku
# Google Meet ใช้งานบน Chromecast ได้แล้ว ใช้ไมค์และกล้องจากคอมพิวเตอร์ได้ กูเกิลเผยฟีเจอร์ใหม่ของ Google Meet สามารถใช้งานได้บน Chromecast หรืออุปกรณ์ที่มี Chromecast built-in เข้ามาในตัวอย่าง Android TV, smart TV Google Meet บน Chromecast ทำงานผ่านเบราว์เซอร์ Chrome บนคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก ใช้ไมค์และกล้องของโน้ตบุ๊ก และได้ประสบการณณ์การประชุมบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เมื่อเข้าประชุม จะเห็นตัวเลือก “Cast this Meeting” และเลือกอุปกรณ์ที่จะแคสต์ขึ้นไปได้ ที่มา - 9to5Google
# โครงการภาษา Rust เตรียมตั้งองค์กรแยก Rust Foundation แยกจาก Mozilla ทีมพัฒนาภาษาโปรแกรม Rust ออกมาประกาศแผนในอนาคต หลัง Mozilla ปลดพนักงาน 250 คน และทีมงาน Rust ถูกปลดด้วย ว่าจะตั้งมูลนิธิ Rust Foundation เป็นองค์กรแยกต่างหาก เพื่อมารับผิดชอบการพัฒนา Rust โดยไม่ต้องขึ้นกับ Mozilla Rust Foundation จะกลายเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า Rust และรับผิดชอบการลงทุนเพื่อพัฒนา Rust ต่อไป คาดว่ามูลนิธิจะจดทะเบียนเสร็จและเริ่มทำงานภายในปี 2020 นี้ เมื่อปี 2018 ทางทีมพัฒนาภาษา Kotlin ซึ่งประกอบด้วย JetBrains และกูเกิล ก็ประกาศตั้ง Kotlin Foundation ขึ้นมาเป็นองค์กรกลางลักษณะเดียวกัน ที่มา - Rust
# บริการเกมเหมาจ่าย EA Access และ Origin Access รีแบรนด์เป็น EA Play, ลง Steam ด้วย EA ประกาศเปลี่ยนชื่อบริการเกมเหมาจ่าย EA Access (คอนโซล) และ Origin Access (พีซี) มาเป็นชื่อใหม่ EA Play ทั้งบนคอนโซลและพีซี รูปแบบของบริการ EA Play ยังคงเป็นการเหมาจ่ายเพื่อเล่นเกมในไลบรารีของ EA เหมือนเดิมทุกประการ (เดือนละ 4.99 ดอลลาร์ ราคาในไทยคือ 150 บาท) เปลี่ยนแค่ชื่อเท่านั้น บริการระดับพรีเมียมที่เปิดให้เล่นเกมใหม่ๆ ก่อนใคร และเกมเวอร์ชัน Deluxe จะเปลี่ยนชื่อจาก Origin Access Premier เป็น EA Play Pro ร้านขายเกมบนพีซีจะยังชื่อ Origin เหมือนเดิม (แปลว่าเราจะเห็นบริการ EA Play ไปวางขายบนร้าน Origin) EA ยังมีงานอีเวนต์ออนไลน์ที่เปิดตัวเกมประจำปีชื่อ EA Play อีกเหมือนกัน งานนี้จะถูกเปลี่ยนชื่อเล็กน้อยเป็น EA Play Live แทน นอกจากนี้ EA Play ยังจะไปลง Steam ตามที่เคยประกาศไว้ ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ที่มา - EA, GamesIndustry
# Sea ไตรมาส 2/2020: Free Fire มีผู้เล่นวันเดียวเกิน 100 ล้านบัญชี, Shopee โต 187% Sea กลุ่มบริษัทที่มี Garena และ Shopee อยู่ในเครือ รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 รายได้รวมทั้งหมด เพิ่มขึ้น 93.4% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เป็น 1,287.2 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 393.5 ล้านดอลลาร์ กลุ่มสื่อบันเทิงดิจิทัล (Garena) รายได้เพิ่มขึ้น 61.6% เป็น 716.2 ล้านดอลลาร์ มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 61.0% เป็น 499.8 ล้านบัญชี และเกม Free Fire ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง โดยมีผู้เล่นเกมภายในวันเดียวกันรวมมากกว่า 100 ล้านบัญชี ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (Shopee) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 187.7% เป็น 510.6 ล้านดอลลาร์ จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 615.9 ล้านคำสั่ง และมียอดขายสุทธิ (GMV) แตะ 8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 109.9% ที่มา: Sea
# SpaceX ระดมทุนเพิ่ม 60,000 ล้านบาท ที่มูลค่าบริษัท 1.4 ล้านล้านบาท SpaceX ระดมทุนรอบใหม่ ได้รับเงินมูลค่า 1,901,446,920 ดอลลาร์ หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท จากจำนวนเสนอขายทั้งหมด 2,066,446,620 ดอลลาร์ จากเอกสารที่ SpaceX ยื่นต่อกลต. สหรัฐฯ โดยมูลค่าบริษัทในการระดมทุนรอบนี้ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แม้ว่าทาง Bloomberg จะอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวว่ามูลค่าบริษัทที่ระดับทุนอยู่ที่ 46,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ SpaceX ระดมทุนมาแล้ว 27 รอบ รวมมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านดอลลาร์ และการระดมทุนรอบนี้นับเป็นรอบใหญ่ที่สุด SpaceX ยังคงยิงดาวเทียมในโครงการ Starlink อย่างต่อเนื่อง วันนี้เองก็เพิ่งนำส่งดาวเทียม Starlink 58 ดวงพร้อมดาวเทียมสำรวจโลก Planet Skysats อีก 3 ดวง โดยสามารถใช้จรวด Falcon 9 ซ้ำรอบที่ 6 ได้สำเร็จ ที่มา - Reuters
# Lenovo เปิดตัว Yoga 7 และ 7i ซีพียู Intel Tiger Lake, Yoga 6 ฝาหลังทำด้วยผ้า Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊ก 2-in-1 แบรนด์ Yoga ชุดใหญ่ 5 รุ่น มีทั้งซีพียู Ryzen 4000 Mobile และ Intel Tiger Lake ที่ยังไม่เปิดตัว (โน้ตบุ๊กเปิดตัวก่อนซีพียู) รุ่นรหัส i คือซีพียู Intel Tiger Lake โดยทั้งหมดจะวางขายเดือนพฤศจิกายน 2020 Lenovo Yoga Slim 7i หน้าจอ 13.3", เน้นดีไซน์บางเบา, หนัก 1.23kg, ซีพียู Tiger Lake, แบต 50WHr 16 ชม., ราคาเริ่มต้น 999 ยูโร Lenovo Yoga Slim 7i Pro หน้าจอ 14" 90Hz, ซีพียู Tiger Lake, เลือกใส่จีพียู GeForce MX ได้ด้วย, แบต 61WHr 18 ชม., ราคาเริ่มต้น 899 ยูโร Lenovo Yoga 7i รุ่นมาตรฐานไม่ Slim, มีสองขนาดหน้าจอ 14" และ 15.6", ซีพียู Tiger Lake, ราคาเริ่มต้น 999 ยูโร (14") และ 1,099 ยูโร (15.6") รุ่นที่ไม่มี i คือซีพียู AMD Ryzen 4000 Mobile Lenovo Yoga Slim 7 Pro หน้าจอ 14" ซีพียู Ryzen 4000 Mobile ใส่ได้สูงสุด Ryzen 9 4900H, หนัก 1.45kg, แบต 17 ชม., ราคาเริ่มต้น 799 ยูโร เริ่มขายเดือนสิงหาคม Lenovo Yoga 6 หน้าจอ 13.3" ซีพียู Ryzen 4000 Mobile ใส่ได้สูงสุด Ryzen 7 4700U, แบต 60WHr 18 ชม. มีจุดเด่นคือฝาหลังใช้วัสดุเป็นผ้าแทนโลหะแบบที่คุ้นเคยกัน, ราคาเริ่มต้น 899 ยูโร เริ่มขายเดือนตุลาคม Lenovo Yoga 6 ฝาหลังผ้า Lenovo Yoga Slim 7i Pro Lenovo Yoga Slim 7i ที่มา - Lenovo
# Mediatek เปิดตัว Dimensity 800U ชิปรุ่นกลาง อัพคล็อก ใส่ซิม 5G ได้สองซิม หลังเปิดตัว Dimensity 800 ชิประดับกลางที่รองรับ 5G ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว วันนี้ Mediatek เปิดตัวรุ่นอัพเกรด Dimensity 800U แล้ว ตัวชิปยังเป็นซีพียูแบบแปดคอร์เช่นเคย ประกอบด้วย Arm Cortex-A76 จำนวน 4 คอร์ และคอร์ Arm Cortex-A55 อีก 4 คอร์เหมือนรุ่น 800 แต่คอร์ A76 เพิ่มสัญญาณนาฬิกาเป็น 2.4Ghz ขณะที่คอร์ A55 ยังมีสัญญาณนาฬิกา 2Ghz เท่าเดิม แต่จีพียูถูกลดสเปกลงเป็น Arm Mali-G57 MC3 จากเดิมเป็น Mali-G57 MC4 ในรุ่น 800 แต่ยังรองรับหน้าจอ 120 Hz และความละเอียด FHD+ อยู่ จุดเด่นของ Dimensity 800U คงเป็นการรองรับซิม 5G ได้สองซิม เหมือนกับ Dimensity 820, Dimensity 1000 และ Dimensity 1000+ นอกจากนี้ยังมี APU สำหรับประมวลผล machine learning รองรับกล้อง 64MP ตัวเดียว หรือกล้องคู่ 20MP/16MP รองรับ Bluetooth 5.1, การถ่ายวิดีโอแบบ 4K และรองรับหน่วยความจำ UFS 2.2 แต่ยังไม่รองรับ Wi-Fi 6 ที่มา - Mediatek via Android Authority
# ใบอนุญาตชั่วคราวหมดอายุ มือถือ Huawei ที่ยังมี GMS อยู่ อาจไม่ได้รับอัพเดตจาก Google อีกต่อไป ใบอนุญาตชั่วคราวจากรัฐบาลสหรัฐ ที่อนุญาตให้ Huawei ยังดำเนินการกับบริษัทบางแห่งได้แม้จะถูกแบน ทำให้มือถือรุ่นที่วางจำหน่ายก่อนเดือน พฤษภาคมปี 2019 (เดือนที่คำสั่งแบนออก) เช่น Huawei P30 ยังสามารถอัพเดตเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ หรืออัพเดตความปลอดภัยต่างๆ จาก Google ที่เป็นบริษัทสหรัฐได้อยู่ และใบอนุญาตนี้ ได้หมดอายุลงไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อใบอนุญาตนี้หมดอายุ อาจแปลว่าการอัพเดตจาก Google ทั้งตัวแอนดรอยด์และแอปต่างๆ ของ Google อาจต้องหยุดลงด้วยเช่นกัน แต่มือถือที่ใช้ HMS (Huawei Mobile Service) จะยังได้รับการอัพเดตต่อตามปกติ เพราะใช้แอนดรอยด์เวอร์ชั่น open-source ที่ได้รับอัพเดตโดยตรงจาก Huawei ไม่ใช่จาก Google Huawei P30 Pro หนึ่งในรุ่นที่อาจจะไม่ได้ไปต่อ เว็บไซต์ Android Authority รายงานว่า Huawei "กำลังติดตามและประเมินสถานการณ์อยู่" ส่วน Google ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนในกรณีนี้ แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาปล่อยแพตช์ให้ Huawei โดยอาศัยใบอนุญาตชั่วคราวข้างต้น แปลว่าเมื่อใบอนุญาตนั้นหมดอายุ การอัพเดตของมือถือ Huawei รุ่นเก่า ก็อาจจะหมดอายุไปด้วยเช่นกัน คงต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - Android Authority
# Chrome 85 beta เพิ่มการแปะป้ายกำกับ Fast page ให้เว็บไซต์ที่โหลดไว กูเกิลเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Chrome 85 beta บนมือถือแอนดรอยด์ ติดป้ายกำกับ Fast page ให้เว็บไซต์ที่โหลดไว โดยอาศัยตัวชี้วัดจาก Core Web Vitals ที่ประเมินประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ Chrome ประเมินความสามารถในการใช้งานเว็บไซต์ ระยะเวลาโหลด การตอบสนอง ความเสถียรของเนื้อหาระหว่างดาวน์โหลด เป็นต้น ป้ายกำกับ Fast page จะแสดงให้เห็นเมื่อแตะค้างที่ลิงค์ URL และจะโผล่เป็นป๊อบอัพ และเห็นเครื่องหมายถูกพร้อมคำว่า Fast page ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนทดสอบกับคนบางกลุ่ม กูเกิลเปิดตัวโครงการ Web Vitals เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้ผู้ใช้เห็นว่าเว็บไซต์ใดทำงานได้ดี และเป็นตัวชี้วัดให้แก่ผู้พัฒนาเว็บไซต์ต่อไปด้วย ที่มา - Engadget
# LINE MAN มี MINI App ในแอป LINE แล้ว สั่งอาหารไม่ต้องโหลดแอปเพิ่ม ทุกวันนี้ผู้ใช้บริการ LINEMAN ต้องโหลดแอปพลิเคชั่นแยกเพิ่มต่างหากเพื่อใช้สั่งอาหาร ล่าสุด LINEMAN อัพเดตใหม่ เพิ่มมินิแอปเข้าไปในแอป LINE หลัก ให้ใช้สั่งอาหารได้ไม่ต้องโหลดแอปเพิ่ม LINE MAN MINI App จะอยู่ในหน้า Hone ของ LINE เห็นเป็นไอคอน LINEMAN สำหรับผู้ใช้งานที่เคยใช้แอป LINEMAN และมีประวัติร้านอาหารที่เคยสั่ง ข้อมูลก็จะซิงค์กันด้วยเวลาใช้งาน LINE MAN MINI App ยังรองรับเฉพาะการจ่ายด้วยเงินสด ข้อมูลเปิดเผย LINE MAN ประกาศควบรวมกับบริษัท Wongnai ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Blognone หลังเข้าซื้อบริษัทตั้งแต่ปี 2017
# รถยนต์ไฟฟ้า Polestar 2 ของ Volvo ติดตั้ง Android Automotive OS มาในตัว การเชื่อมต่อระบบแอนดรอยด์เข้ากับรถยนต์ นอกจากแอป Android Auto ของ Google แล้วยังมี Android Automotive OS ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์โดยเฉพาะ ที่เปิดตัวไปในปี 2017 และเปิดให้นักพัฒนาเริ่มทำแอปเมื่อปีก่อน และตอนนี้มีให้ใช้งานใน Polestar 2 รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบของ Volvo ที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และเปิดให้จองในสหรัฐอเมริกาแล้ว Android Automotive OS เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นมาเพื่อรถยนต์ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์แอนดรอยด์อื่นเพิ่มเติม ผู้ใช้สามารถสั่งการต่างๆ ของเครื่องได้โดยใช้ Google Assistant และใช้งานแอปของ Google เช่น Google Maps และ Play Store ได้ Polestar 2 จะใช้งาน Android Automotive OS รุ่นปรับปรุงร่วมกับ Volvo บนหน้าจอสัมผัสขนาด 11.15 นิ้ว ที่ให้ผู้ใช้ควบคุมทั้งการนำทาง แอปความบันเทิงต่างๆ ไปจนถึงระบบปรับอากาศ และระบบอื่นๆ ของตัวรถได้โดยตรง ผ่านคำสั่ง “Hey Google.” Polestar 2 เปิดจองในราคาเริ่มต้น 59,900 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) มาพร้อมกับสัญญาใช้งานเครือข่าย AT&T ฟรีสามปี สำหรับอินเตอร์เน็ตและการอัพเดต OTA ส่วนในไทย ถึงแม้ Polestar จะมีโรงงานผลิตหลักอยู่ในเฉิงตู ประเทศจีน แต่เรื่องนำเข้าและภาษีต่างๆ คงต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - Android Community, Polestar
# [Financial Times] Oracle ร่วมเจรจาเข้าซื้อ TikTok ด้วย Financial Times รายงานว่า Oracle ได้เข้าร่วมการเจรจากับ ByteDance เพื่อเข้าซื้อ TikTok ในส่วนการดำเนินกิจการในสหรัฐ, นิวซีแลนด์, แคนาดา และออสเตรเลีย หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศแบนแอป และล่าสุดได้ยืดเวลา TikTok ขายกิจการจาก 45 เป็น 90 วัน แหล่งข่าวบอกด้วยว่าตอนนี้ Oracle กำลังทำงานและพูดคุยกับนักลงทุนในสหรัฐฯ ที่มีหุ้นใน ByteDance อยู่แล้ว รวมถึง General Atlantic และ Sequoia Capital ด้วย ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ประกาศว่ากำลังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อ TikTok และมีรายงานด้วยว่าพยายามเจรจาเพื่อเข้าซื้การดำเนินกิจการ TikTok ทั่วโลก ไม่เฉพาะใน สหรัฐ, นิวซีแลนด์, แคนาดา และออสเตรเลีย ซึ่ง ByteDance ไม่เห็นด้วยกับการขายสินทรัพย์ใดๆ นอกเหนือจากประเทศดังกล่าว Larry Ellison ซีอีโอ Oracle คือหนึ่งในไม่กี่คนในซิลิคอนวัลเล่ย์ที่สนับสนุนทรัมป์ ทำให้ไม่แน่ใจว่าทำเนียบขาวจะสนับสนุนการเข้าซื้อของใครมากกว่าระหว่างไมโครซอฟท์ และ Oracle ซึ่งตอนนี้ ทั้ง Oracle และบริษัทลงทุน General Atlantic และ Sequoia Capital ยังไม่ออกมาพูดอะไรเพิ่มเติม ที่มา - Financial Times
# Kotlin ออกเวอร์ชัน 1.4 เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพ-คุณภาพ JetBrains ออก Kotlin เวอร์ชัน 1.4 ซึ่งทิ้งช่วงห่างจากเวอร์ชัน 1.3 เกือบ 2 ปี ธีมหลักของเวอร์ชันนี้คือการปรับปรุงคุณภาพ และแก้บั๊กด้านประสิทธิภาพของ Kotlin กว่า 60 ตัว ทำให้การเปิดโปรเจค Kotlin ขนาดใหญ่ หรือการไฮไลท์ซอร์สโค้ดรวดเร็วขึ้นมาก (ต้องใช้กับ IntelliJ IDEA 2020.1+ หรือ Android Studio 4.1+ ขึ้นไป) ฟีเจอร์อื่นๆ ของ Kotlin 1.4 ได้แก่ ตัวภาษา Kotlin รองรับ SAM (Single Abstract Method) conversion ใน Kotlin interface ตัวภาษา Kotlin รองรับ trailing comma (การใส่ comma ปิดท้ายลิสต์แล้วไม่พัง) เพื่อให้ก็อปวางทีละบรรทัดง่ายขึ้น ไม่ต้องห่วงว่าใส่ comma ในบรรทัดสุดท้ายแล้วจะมีปัญหา Kotlin Project Wizard ตัวใหม่ รองรับคอนฟิกของโปรเจคทุกประเภท คอมไพเลอร์ตัวใหม่ของ Kotlin ที่ทยอยออกฟีเจอร์มาทีละส่วน เช่น backend ใหม่ที่ Kotlin/JVM และ Kotlin/JS จะใช้ร่วมกัน ตอนนี้เข้าสถานะอัลฟ่าและเปิดให้ทดสอบ ปรับปรุงไลบรารีมาตรฐานของ Kotlin เพื่อให้แชร์โค้ดจากไลบรารีร่วมกันได้ ระหว่างคู่ JVM/JS และ Android/iOS Project Wizard trailing comma ที่มา - Kotlin, JetBrains
# Samsung ยืนยัน อุปกรณ์ Galaxy เกือบทุกรุ่น ได้อัพเกรดแอนดรอยด์อย่างน้อย 3 เวอร์ชั่น ในงาน Galaxy Unpacked เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา Samsung กล่าวว่าจะอัพเกรด OS ให้มือถือ Galaxy อย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ชัดเจนว่า Samsung พูดถึง One UI หรือเวอร์ชั่นแอนดรอยด์จริงๆ กันแน่ แต่ในวันนี้ Samsung ยืนยันแล้วว่ามือถือและแท็บเล็ต Galaxy ส่วนใหญ่ จะได้อัพเกรดเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ อย่างน้อย 3 เวอร์ชั่นแน่นอน Samsung กล่าวว่าการตัดสินใจครั้งนี้มาจากการที่ผู้ใช้ใช้มือถือเครื่องเดิมนานขึ้น การอัพเกรดซอฟต์แวร์ให้ยาวนานขึ้น จะเพิ่มความคุ้มค่าให้กับมือถือแอนดรอยด์ที่มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ลดความจำเป็นในการซื้อมือถือใหม่ลงไปและช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ มือถือที่จะได้อัพเดตเวอร์ชั่นแอนดรอยด์สามปี ครอบคลุมย้อนไปถึงรุ่น Galaxy S10, Galaxy S10 Lite, Galaxy S20 ทุกรุ่น Galaxy Note 10, Galaxy Note 10 Lite, Galaxy Note 20, Galaxy Z Fold 2, Galaxy Z Flip, Galaxy Z Flip 5G และ Galaxy Fold รุ่นแรกก็ได้รับอัพเดตด้วย ส่วนในฝั่งมือถือระดับกลาง ครอบคลุมย้อนไปถึง Galaxy A71 5G, A71, Galaxy A51 5G, A51 และ Galaxy A90 5G ส่วนแท็บเล็ตเป็นรุ่น Galaxy Tab S6, S6 5G, S6 Lite และ Galaxy Tab S7, S7+ หลังจากนี้อุปกรณ์ Galaxy S, Galaxy Note และ Galaxy Z ทุกรุ่นที่ออกจะได้อัพเกรดเวอร์ชั่นแอนดรอยด์อย่างน้อยสามเวอร์ชั่น ส่วน Galaxy A และ Galaxy Tab จะได้รับอัพเกรดสามเวอร์ชั่นเป็นบางรุ่น ที่มา - Sammobile
# Telegram มีวิดีโอคอลกับเขาแล้ว คุยได้ 1 ต่อ 1 เตรียมทำคอลกลุ่มในอนาคต แอปแชท Telegram เพิ่มฟังก์ชั่นการคุยวิดีโอคอลกับเขาแล้วทั้งบนอุปกรณ์​ iOS และ แอนดรอยด์ แต่ยังคุยวิดีโอคอลแบบกลุ่มไม่ได้ ผู้ใช้งานกดที่โปรไฟล์เพื่อนที่ต้องการโทรคุย สลับระหว่าง audio และ video ได้ รองรับคุณสมบัติภาพซ้อนภาพ คือสามารถคุยไปด้วยได้ และพิมพ์ตอบแชทคนอื่นด้วยได้ Telegram ระบุว่าการแชท การโทรคุยมีการเข้ารหัสไว้ทั้งหมด ส่วนการคุยแบบกลุ่มคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานในเดือนถัดไป ภาพจาก Telegram ที่มา - Engadget
# Unity Technologies ซื้อ Codice Software เจ้าของซอฟต์แวร์จัดการเวอร์ชัน Plastic SCM Unity Technologies บริษัทเจ้าของเอนจิน Unity ประกาศซื้อกิจการ Codice Software บริษัทซอฟต์แวร์จากสเปน เจ้าของซอฟต์แวร์จัดการเวอร์ชันโค้ด Plastic SCM ในโลกที่คนจำนวนมากนิยมใช้ Git ก็ยังมีซอฟต์แวร์จัดการเวอร์ชันยี่ห้ออื่นๆ ให้เลือกใช้กันอยู่ โดย Plastic SCM เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2005 เพื่อเป็นทางเลือกแทน Subversion (SVN) ที่นิยมในช่วงเวลานั้น (เกิดปีเดียวกับ Git) ตัวมันเองแตกต่างจาก Git แต่ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้ทั่งไคลเอนต์-เซิร์ฟเวอร์ Unity ให้เหตุผลที่ซื้อ Codice ว่าต้องการซอฟต์แวร์ทำงานเป็นทีมและจัดการโครงการ มาเชื่อมระหว่างนักพัฒนาและนักวาด เพื่อให้กระบวนการพัฒนาเกมรวดเร็วและคล่องตัวขึ้น (ใช้คำว่า realtime 3D workflow) ปัจจุบันเอนจิน Unity มีฟีเจอร์ชื่อ Collaborate อยู่แล้ว แต่ถูกออกแบบมาสำหรับโครงการขนาดเล็ก ส่วน Plastic SCM เน้นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูง ซอฟต์แวร์ทั้งสองตัวจะยังอยู่คู่กันต่อไป เพราะจับกลุ่มผู้ใช้ต่างกัน ส่วนลูกค้าของ Plastic SCM ที่ใช้จัดการโครงการอื่นๆ ที่ไม่ใช่งานด้านเกม ก็ยังใช้งานได้ตามปกติ บริษัท Codice จะยังคงอยู่ที่เมือง Valladolid ในสเปนเช่นเดิม ที่มา - Unity, Codice
# Bethesda แจกฟรีเกม Quake III Arena แบบจำกัดเวลา Bethesda แจกฟรีเกม Quake III Arena ในช่วงเทศกาล QuakeCon at Home 2020 แบบจำกัดเวลา 72 ชั่วโมง (จนถึง 5 ทุ่มของวันที่ 20 สิงหาคม) Quake III Arena ออกขายในปี 1999 โดยเป็นเกม FPS รุ่นแรกๆ ที่เน้นการเล่นมัลติเพลเยอร์ และถือเป็นจุดเริ่มต้นแรกๆ ของวงการอีสปอร์ตด้วย ราคาที่ขายอยู่ในปัจจุบันคือ 9.99 ดอลลาร์ วิธีการรับสิทธิคือล็อกอินเข้า Bethesda Launcher เพียงเท่านั้นก็เรียบร้อย ก่อนหน้านี้ Bethesda เพิ่งแจก Quake และ Quake II เสร็จไปแล้วเช่นกัน Quake ภาคล่าสุดคือ Quake Champions ที่เปิดให้เล่นแบบ free-to-play มาตั้งแต่ปี 2018 ที่มา - PC Gamer
# บริษัทไอทีเกาหลีใต้เริ่มกลับมาใช้นโยบายทำงานที่บ้าน หลังผู้ป่วย COVID-19 ในกรุงโซลเริ่มสูง รัฐบาลเกาหลีใต้กลับมาใช้มาตรการเว้นระยะห่างระดับสองจากสามระดับในเขตกรุงโซลและพื้นที่โดยรอบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูง และตอนนี้บริษัทไอทีขนาดใหญ่ก็ประกาศนำนโยบายทำงานที่บ้านมาใช้งานอีกครั้ง นโยบายแต่ละบริษัทต่างกันไป เช่น Kakao Corp อนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วโดยไม่รอรัฐบาลประกาศยกระดับ Naver บริษัทแม่ของ LINE ก็เริ่มใช้มาตรการทำงานที่บ้านบางส่วนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน โดยใช้ระบบทำงานที่สำนักงานสองวันแล้วทำงานที่บ้านสี่วัน ทำให้เหลือพนักงานในสำนักงานเพียง 1 ใน 3 บริษัทเกม Nexon ให้ทำงานในสำนักงาน 2 วันต่อสัปดาห์ ขณะที่ฝั่งบริษัทสื่อสารทั้ง SK Telecom และ KT ระบุว่าจะเริ่มใช้มาตรการทำงานที่บ้านในสัปดาห์หน้าเริ่มวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ที่มา - The Korea Herald
# Chrome จะปิด autofill พร้อมแจ้งเตือนผู้ใช้หากกำลังกรอกฟอร์มที่ไม่ได้ส่งผ่าน HTTPS Google เตรียมยกระดับความปลอดภัย Chrome ขึ้นไปอีกขั้นให้แสดงว่าไม่ปลอดภัยหากกำลังกรอกฟอร์มประเภท mixed forms ที่ไม่ได้ส่งผ่าน HTTPS ปัจจุบัน เมื่อ Chrome เจอ mixed form จะใช้วิธีหยุดแสดงไอคอนกุญแจที่ใช้กับ HTTPS แต่ทีมความปลอดภัยของ Chrome เห็นว่ายังไม่เพียงพอเพราะว่าข้อมูลที่ส่งยังเป็นแบบไม่ปลอดภัย จึงต้องยกระดับการแจ้งเตือนให้ชัดเจนกว่านี้ ทีมงาน Chrome ระบุว่า ตั้งแต่ build M86 ตัวเบราว์เซอร์จะปิดระบบ autofill ใน mixed form ผู้ใช้จะต้องคลิกและกรอกข้อมูลเองเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลไปสู่ไซต์แบบไม่ปลอดภัย ถ้ากำลังเริ่มกรอกข้อมูลลง mixed form ตัว Chrome จะแจ้งเตือนว่าไม่ปลอดภัยแทนไอคอนรูปกุญแจ และตอนกดส่งฟอร์ม Chrome ก็จะแจ้งเตือนความเสี่ยงในการส่งฟอร์มที่ไม่ปลอดภัยอีกครั้งเป็นหน้าเต็ม เพื่อให้ผู้ใช้คอนเฟิร์มว่าจะส่งฟอร์มหรือไม่ ที่มา - Engadget
# ไมโครซอฟท์หยุดอัพเดต Microsoft Edge ตัวเก่าปี 2021, เลิกซัพพอร์ต IE11 กับบางแอพ Microsoft Edge ตัวใหม่พลังเอนจิน Chromium เริ่มกระจายให้ผู้ใช้ Windows ในวงกว้างผ่าน Windows Update มาสักพัก ก็ได้เวลาที่ไมโครซอฟท์ประกาศแผนการหยุดซัพพอร์ตเบราว์เซอร์ตัวเก่า ทั้ง Edge Legacy และ Internet Explorer 11 กรณีของ Microsoft Edge Legacy จะหยุดอัพเดตแพตช์ความปลอดภัย ในวันที่ 9 มีนาคม 2021 ซึ่งถือเป็นวัน end of life ส่วน IE11 ที่ยังต้องใช้เปิดเว็บแอพองค์กรรุ่นเก่าๆ ไมโครซอฟท์ยังไม่กำจัดทิ้ง แต่แนะนำให้ใช้ Edge แล้วเปิด IE mode แทน เพื่อประสบการณ์และความปลอดภัยที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ประกาศว่าแอพของตัวเองคือ Microsoft Teams และ Microsoft 365 จะหยุดซัพพอร์ต IE11 แล้ว โดยเว็บแอพ Microsoft Teams อาจรันใน IE11 ไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 ส่วน Microsoft 365 จะหยุดซัพพอร์ตในวันที่ 17 สิงหาคม 2021 ที่มา - Microsoft
# SoftBank เข้าซื้อหุ้นหลายบริษัทเพื่อการลงทุน มีทั้ง Amazon, Netflix และ Tesla กลุ่ม SoftBank ได้ส่งรายงานต่อหน่วยงานกำกับดูแลของญี่ปุ่น เผยว่าบริษัทได้ใช้เงินราว 1,200 ล้านดอลลาร์ ซื้อหุ้นของ Amazon ซึ่งถือเป็นการลงทุนกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นอยู่แล้ว จากเดิมที่ SoftBank มักลงทุนกับสตาร์ทอัพที่ยังไม่เข้าตลาดหุ้น ก่อนหน้านี้ Masayoshi Son ซีอีโอ SoftBank เผยว่าบริษัทได้ตั้งหน่วยงานลงทุนใหม่ เพื่อบริหารเงินสดที่บริษัทมีนำไปลงทุนในหุ้นซึ่งมีสภาพคล่องในการซื้อขาย โดยวงเงินลงทุนส่วนนี้มีราว 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจากเอกสารที่รายงานนั้น นอกจาก Amazon แล้ว SoftBank ยังซื้อหุ้นของ Netflix, Tesla, Microsoft, Alphabet (บริษัทแม่ Google) รวมทั้งบริษัทวิดีโอออนไลน์ของจีนอย่าง Bilibili และ iQIYI อีกด้วย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว SoftBank ยังเปิดเผยว่าได้ซื้อหุ้น NVIDIA ไปราว 220 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก็มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า NVIDIA อาจเป็นผู้ซื้อกิจการ Arm จาก SoftBank ที่มา: Reuters
# Grafana ระดมทุนซีรีส์ B เพิ่ม 50 ล้านดอลลาร์ ขยายตลาดซอฟต์แวร์มอนิเตอร์ข้อมูล Grafana Labs บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มอนิเตอร์ชื่อดัง Grafana ประกาศระดมทุนซีรีส์ B จำนวน 50 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทลงทุนหลายราย นำโดย Lightspeed Venture Grafana Labs เพิ่งระดมทุนซีรีส์ A จำนวน 24 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยเงินก้อนนี้จะนำไปใช้พัฒนาซอฟต์แวร์ในชุด เช่น Grafana (dashboard), Loki (logging), Prometheus (metrics) รวมถึงเปิดโครงการ Grafana Accelerator Program (GAP) สนับสนุนสตาร์ตอัพมาสร้างซอฟต์แวร์บนแพลตฟอร์มของ Grafana ด้วย โมเดลธุรกิจของ Grafana Labs เหมือนกับบริษัทโอเพนซอร์สอื่นๆ คือนำ Grafana มาขายเป็นแพ็กเกจ Enterprise ที่มีฟีเจอร์และบริการหลังขาย ตอนนี้บริษัทมีพนักงาน 170 คน ที่มา - Grafana
# JD.com รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2020 JD.com อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2020 รายได้รวม 28,457 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33.8% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2019 และมีกำไรสุทธิ 2,328 ล้านดอลลาร์ Sandy Xu ซีเอฟโอ JD.com กล่าวว่าการลงทุนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุน และสามารถมอบข้อเสนอที่ดึงดูดลูกค้าได้ในเทศกาลลดราคาวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา รวมกับสถานการณ์การระบาดของโควิดที่ผ่านมา จึงทำให้ผลประกอบการออกมาดีทุกส่วน จำนวนลูกค้าของ JD.com มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 417.4 ล้านบัญชี จำนวนผู้ใช้งานบนมือถือเพิ่มขึ้น 40% ที่มา: JD.com
# กลุ่มทรู ไตรมาส 2/2563 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 0.9% มีกำไรสุทธิ 1,060 ล้านบาท ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2563 มีรายได้รวม 33,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2562 ส่วน EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ย-ภาษี-ค่าเสื่อมราคา-ค่าใช้จ่ายตัดจ่าย) อยู่ที่ 7,905 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,060 ล้านบาท ผลการดำเนินงานแยกตามกลุ่มธุรกิจเป็นดังนี้ ทรูมูฟ เอช รายได้รวมเพิ่มขึ้น 3.6% จำนวนลูกค้าสุทธิ 30.16 ล้านเลขหมาย ทรูออนไลน์ รายได้เพิ่มขึ้น 3.2% มีลูกค้า 4.0 ล้านราย ทรูวิชั่นส์ รายได้ลดลง 12.8% ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากโควิด-19 ทั้งลูกค้าโรงแรม และการจัดกิจกรรมอีเวนต์ กีฬาต่าง ๆ ที่มา: ทรู
# แอปเปิลเตรียมแบนบัญชีนักพัฒนา Epic Games ส่งผลกระทบต่อเกมที่ใช้ Unreal Engine Epic Games เปิดเผยว่าแอปเปิลแจ้งแบนบัญชีนักพัฒนาของ Epic บนทุกแพลตฟอร์มของแอปเปิลในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะทำให้แอพของ Epic ทุกตัวบน iOS/macOS ถูกแบนตามไปด้วย (รวมถึง Unreal Engine) Epic บอกว่าการแบนครั้งนี้จะส่งผลใหญ่หลวง เพราะเกมจำนวนมากบน iOS/macOS ที่เรียกใช้เครื่องมือของ Unreal Engine (เช่น SDK หรือ API) อาจทำงานไม่ได้เช่นกัน Epic ได้ยื่นให้ศาลคุ้มครองเรื่องนี้ โดยระบุว่าการแบนบัญชีนักพัฒนาของแอปเปิลจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Epic อย่างมหาศาล ที่มา - Ars Technica, VentureBeat
# น่าจะเป็นไลฟ์โค้ชได้ นักวิจัยพบปัญญาประดิษฐ์ GPT-3 เขียนบทความต้องใช้ตรรกะไม่ดีนัก แต่เขียนบทความพัฒนาตัวเองได้ดี OpenAI เปิดให้นักวิจัยทดสอบปัญญาประดิษฐ์ GPT-3 ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เป็นการทดสอบแบบวงปิด ล่าสุด Liam Porr นักศึกษาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จาก UC Berkeley ก็สาธิตให้เห็นว่า GPT-3 สามารถเขียนบทความแนะนำในเชิงปรับปรุงตัวเอง (self-help) และพัฒนาประสิทธิภาพ (productivity) ได้ดี เพราะบทความสองแบบนี้ไม่ต้องต้องการตรรกะนัก Porr เขียนสคริปต์ขนาดเล็กให้รันกับ GPT-3 เพื่อฝึกให้มันเขียนบล็อกเต็มจากหัวข้อและช่วงต้นบทความ เขาพบว่า GPT-3 สามารถบรรรยายด้วยภาษาสวยๆ ได้ดี แต่กลับไม่สามารถไล่ตรรกะหรือความเป็นเหตุเป็นผลได้ดีนัก เขาจึงสร้างบล็อกในชื่อ alolos แล้วให้ GPT-3 เขียนบล็อกหัวข้อการพัฒนาตัวเอง โดยใส่หัวข้อกว้างๆ เช่น "รู้สึกไม่มีประสิทธิภาพใช่ไหม? บางทีคุณอาจจะต้องหยุดคิดมากเกินไป" จากนั้น GPT-3 เขียนบล็อกเต็มแล้ว Porr จึงแก้ไขเพิ่มเติมเล็กน้อยก่อนนำไปโพสบน Hacker News จนติดที่หนึ่งและมีคอมเมนต์พูดคุยกันอย่างจริงจัง แม้จะมีบางคอมเมนต์จับได้ว่าเป็นบล็อกที่สร้างจาก GPT-3 ตัว Porr เองยังไม่ได้บัญชีทดสอบ GPT-3 อย่างเป็นทางการแต่ยืมบัญชีจากนักศึกษาปริญญาเอกใน Berkeley อีกคน โดยเขาเองก็ยังรอได้รับอนุมัติทดสอบใช้งานอยู่ OpenAI เคยระบุว่าจะไม่เปิดโมเดล GPT-2 เพราะคนร้ายอาจนำไปสร้างข่าวปลอมที่ดูคล้ายมนุษย์เขียนมาก่อน แต่การเปิดให้ใช้ GPT-3 ก็อาจจะส่งผลคล้ายกัน โดย OpenAI ระบุว่าหากมีการใช้งานที่เป็นอันตรายจะตัดบริการ ที่มา - MIT Technology Review
# MEV-2 ดาวเทียมซ่อมบำรุงดาวเทียม กำลังบินไปเติมเชื้อเพลิงยืดอายุดาวเทียมสื่อสารไปอีก 5 ปี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Northrop Grumman บริษัทด้านอากาศยานของสหรัฐฯ ได้ยิงยาน MEV-2 (Mission Extension Vehicle) หุ่นยนต์อัตโนมัติที่จะทำหน้าที่ยืดอายุดาวเทียมสื่อสารที่กำลังใช้งานเป็นครั้งแรก โดยน่าจะยืดอายุดาวเทียม Intelsat 1002 ออกไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ยาน MEV เป็นยานที่จะขึ้นสู่วงโคจรและไปเกาะกับดาวเทียมสื่อสารที่เชื้อเพลิงหมดไปแล้ว แล้วทำหน้าที่ควบคุมวงโคจรแทนเครื่องยนต์เดิมของดาวเทียมสื่อสาร ทำให้ตัวดาวเทียมสามารถรักษาวงโคจรได้ต่อไป โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมายาน MEV-1 สามารถเชื่อมต่อเข้ากับดาวเทียม Intelsat 901 ได้สำเร็จแม้ตัวดาวเทียมจะอยู่ในวงโคจรสุสานที่ใช้สำหรับทิ้งดาวเทียมหมดอายุไปแล้วก็ตาม เมื่อ MEV-1 เชื่อมต่อได้สำเร็จก็สามารถดึง Intelsat 901 กลับมาสู่วงโคจรค้างฟ้าและให้บริการได้อีกครั้งตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา MEV-2 ที่กำลังเชื่อมต่อกับ Intelsat 1002 ในต้นปี 2021 นี้มีความพิเศษคือตัวดาวเทียมหลักยังคงให้บริการต่อเนื่อง โดยคาดว่าระหว่างการเชื่อมต่อสัญญาณจะขาดหายไปไม่เกิน 20 นาทีเท่านั้น หลังจากเชื่อมต่อแล้วเชื้อเพลิงของ MEV-2 จะทำให้ Intelsat 1002 ให้บริการต่อไปได้อีก 5 ปีเป็นอย่างน้อย หลังจากนั้นยาน MEV จะถอดตัวเองออกจากดาวเทียม Intelsat 1002 และไปให้บริการดาวเทียมดวงอื่นๆ ที่เชื้อเพลิงเหลือน้อยต่อไป ธุรกิจยืดอายุดาวเทียมนับเป็นธุรกิจใหม่ที่เจ้าของดาวเทียมเดิมอาจจะต้องการยืดอายุดาวเทียมออกไปแทนที่จะยิงดาวเทียมใหม่ ทาง Intelsat จะจ่ายเงินค่าใช้เชื้อเพลิงของ MEV ปีละ 13 ล้านดอลลาร์ Northrop Grumman วางแผนขยายธุรกิจซ่อมบำุรงดาวเทียมต่อไปในอนาคตเป็นยาน MRV (Mission Robotic Vehicle) ที่สามารถขนอะไหล่เช่นโมดูลเชื้อเพลิงขึ้นไปเติมให้กับดาวเทียมในอวกาศ หรืออาจจะซ่อมแซมบางส่วน ที่มา - The Verge, Northrop Grumman ยาน MEV-2 วิดีโอสาธิตการเชื่อมต่อ MEV-1 เข้ากับดาวเทียม Intelsat 901
# Microsoft Edge บน Android และ iOS ได้รับอัพเดต, ใช้งานฟีเจอร์ Collections ได้แล้ว หลังจากที่ได้ประกาศว่าจะเพิ่มฟีเจอร์เก็บรวบรวมหน้าเว็บหรือ Collections ให้กับ Microsoft Edge บนมือถือมาตั้งแต่เดือนมีนาคม เมื่อปลายเดือนที่เพิ่งผ่านมาไมโครซอฟท์ก็ได้ปล่อยอัพเดตฟีเจอร์ดังกล่าวให้กับ Edge บนระบบปฏิบัติการ Android และ iOS เป็นที่เรียบร้อย ในส่วนของการใช้งานบนมือถือก็ไม่ต่างไปจากบน Edge เวอร์ชันเดสก์ทอปเท่าไรนัก กล่าวคือ Collections จะมีฟังก์ชันหลักเป็นสมุดโน้ตสำหรับเก็บรวบรวมหน้าเว็บ ที่สามารถจัดเป็นหมวดหมู่ได้ที่ผู้ใช้ตามต้องการ และแม้ว่าจะยังไม่สามารถจัดเก็บข้อมูลเป็นข้อความหรือรูปภาพได้อย่าง Edge เวอร์ชันเดสก์ทอป แต่เท่าที่ทดลองใช้งาน Collections บนมือถือก็ยังสามารถซิงก์ข้อความหรือรูปภาพที่บันทึกไว้บนเดสก์ทอปมาแสดงผลได้อย่างถูกต้อง ท่านที่ได้รับ Microsoft Edge อัพเดตเวอร์ชันล่าสุดแล้ว สามารถเข้าใช้งาน Collections บนมือถือได้ผ่านเมนู "..." > Collections และสามารถเพิ่มหน้าเว็บที่ต้องการเก็บได้ผ่านเมนู "..." > Add to collection ครับ ที่มา - Windows Blogs via MSPoweruser
# เปิดตัว Ghost of Tsushima: Legend โหมด Co-op มัลติเพลเยอร์ 4 คน เป็นอัพเดตฟรี Sony เปิดตัว Ghost of Tsushima: Legends โหมดออนไลน์แบบ co-op ของเกมซามูไร Ghost of Tsushima ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในแง่รายได้และเสียงวิจารณ์ Legends เป็นโหมดแยกต่างหากของเกม Ghost of Tsushima โดยเราไม่ได้รับบทเป็น Jin พระเอกของเกมภาคหลัก แต่เป็นซามูไร 4 คนที่เป็นตำนานของชาวเกาะ Tsushima มาช้านาน (มี 4 คลาสคือ Samurai, Hunter, Ronin, Assassin) ศัตรูของโหมดนี้จะอิงจากตำนานปรัมปราญี่ปุ่น ดูเหนือจริงและเน้นความหลอนๆ อยู่บ้าง รูปแบบเกมเพลย์เน้นการร่วมมือกัน (cooperative) สามารถเล่นได้ตั้งแต่ 2-4 คน มีทั้งโหมดเนื้อเรื่อง (Story) โหมดเอาชีวิตรอด (Survival) และโหมด Raid ที่ต้องเล่นเป็นทีม 4 คน ซึ่งจะตามมาในภายหลัง เกมมีกำหนดออกช่วงฤดูใบไม้ร่วงปลายปีนี้ และจะเป็นอัพเดตฟรีสำหรับคนที่ซื้อ Ghost of Tsushima ภาคหลักไปแล้วด้วย
# หลุดภาพ Galaxy S20 Fan Edition 5G ลดกล้องเหลือ 12MP เริ่ม 750 เหรียญสหรัฐ Onleaks นักปล่อยข้อมูลมือถือ ทวิตรูปภาพพร้อมลงลิงก์ข้อมูล Galaxy S20 Fan Edition (FE) จากเว็บไซต์ Pricebaba ว่า S20 FE เป็นมือถือรุ่นที่ลดสเปกด้านวัสดุ กล้อง และแรมลงมาจาก Galaxy S20 เล็กน้อย เพื่อให้ยังได้ใช้ชิป Snapdragon 865 และรองรับ 5G อยู่ นอกจากนี้ยังมีวิดีโอโชว์ภาพเรนเดอร์แบบ 360 องศาอีกด้วย Galaxy S20 FE หน้าจอขนาดประมาณ 6.4-6.5 นิ้ว แบบ 120Hz กล้องหน้าแบบเจาะรูกึ่งกลางจอความละเอียด 32MP ส่วนกล้องหลังจะใช้เซ็นเซอร์ IMX555 ของ Sony ความละเอียด 12MP แต่ยังมีเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP กับเลนส์ซูม 3x ความละเอียด 8MP อยู่ ฝาหลังของเครื่อง เปลี่ยนจากกระจกบน S20 เหลือเป็นวัสดุพลาสติก (น่าจะคล้ายคลึงกับ Note 20 รุ่นธรรมดา) รันบนแอนดรอยด์ 10 ครอบด้วย One UI 2.5 ใช้แบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh ชาร์จผ่าน USB-C ไม่มีรหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และคาดว่าใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้จอ มีรุ่นแรม 6GB และ 8GB คาดว่าจะเปิดตัวภายในเดือนตุลาคม ราคาเริ่มต้น 750 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 23,400 บาท) ถูกกว่า Galaxy S20 ที่เปิดตัวด้วยราคา 999 เหรียญ (ราคาในไทยเริ่มต้น 28,900 บาท) ที่มา - Onleaks, Pricebaba
# ไอบีเอ็มเปิดตัวซีพียู POWER10 ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7nm เพิ่มวงจรเร่งความเร็วเข้ารหัส, ปัญญาประดิษฐ์ ไอบีเอ็มเปิดตัวซีพียู POWER10 ที่ใช้เวลาพัฒนานานกว่า 5 ปี มีประสิทธิภาพต่อพลังงานดีกว่า POWER9 สูงสุด 3 เท่าตัว และจุดน่าสนใจคือรอบนี้ไอบีเอ็มร่วมมือกับซัมซุงใช้ให้ผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี 7nm ให้หลังจากวิจัยร่วมกันตั้งแต่ปี 2015 จุดเด่นสำคัญของ POWER10 ได้แก่ รองรับหน่วยความจำระดับเพตาไบต์ โดยไอบีเอ็มเรียกว่าเทคโนโลยี Memory Inception เปิดทางให้โปรเซสเซอร์อ้างถึงหน่วยความจำของเครื่องอื่นในคลัสเตอร์เดียวกัน ทำให้อ้างอิงหน่วยความจำได้ขนาดใหญ่ระดับเพตาไบต์ รองรับงานที่ต้องใช้หน่วยความจำสูงๆ ทั้งระบบ ERP เช่น SAP และงานประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ ตัวเร่งความเร็วเข้ารหัส วงจรเร่งความเร็วเข้ารหัส AES เร็วขึ้น และเพิ่มจำนวนชุดเข้ารหัสต่อคอร์ขึ้นสี่เท่าตัวจาก POWER9 รองรับข้อมูลแบบใหม่ เพิ่มวงจร Matrix Math Accelerator รองรับข้อมูลแบบแมททริกซ์ที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์ โดยชนิดข้อมูลก็รองรับทั้ง FP32, bfloat16, และ INT8 ที่นิยมใช้งานในปัญญาประดิษฐ์ทำให้พลังประมวลผลเพิ่มขึ้น 20 เท่าตัวสำหรับข้อมูลแบบ INT8 ระบบป้องกันข้อมูลสำหรับคลาวด์ เพิ่มฟีเจอร์เข้ารหัสหน่วยความจำ, แยกส่วนคอนเทนเนอร์ที่ระดับฮาร์ดแวร์เพื่อป้องกันกรณีที่บางคอนเทนเนอร์ถูกแฮก ตัว registry ภายในซีพียูสามารถควบคุมการรันคำสั่งได้ เปิดทางสร้างระบบความปลอดภัยจำกัดความเสียหายเพิ่มเติม ไอบีเอ็มยังคงอาศัยความเป็นเจ้าของ Red Hat ระบุว่า POWER10 ออปติไมซ์สำหรับ OpenShift มาแล้ว โดยซีพียูจะวางขายจริงครึ่งหลังของปี 2021 นี้ ที่มา - IBM
# กูเกิลเตือนชาวออสเตรเลีย กฎหมายจ่ายค่าข่าวเปิดทางให้สื่อเข้าถึงข้อมูลค้นหา, ทำร้ายบริการฟรี สงครามระหว่างองค์กรสื่อในออสเตรเลียและแพลตฟอร์มใหญ่อย่างกูเกิลและเฟซบุ๊กปะทุขึ้นอีกครั้งในวันนี้ โดยกูเกิลเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงชาวออสเตรเลียระบุว่ากฎการเจรจาส่วนแบ่งค่าเนื้อหาให้สำนักข่าวนั้นเป็นอันตรายต่อความเป็นส่วนตัวและทำร้ายบริการฟรีของกูเกิลที่แบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้สำนักข่าวอยู่แล้ว หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในออสเตรเลีย (Australian Competition and Consumer Commission - ACCC) ผู้ร่างกฎนี้ออกมาตอบโต้ทันทีว่าตัวกฎไม่ให้บังคับให้กูเกิลหรือยูทูปต้องเลิกให้บริการฟรีแล้วหันไปคิดค่าบริการ และไม่ได้บังคับให้ต้องแชร์ข้อมูลการค้นหาแต่อย่างใด กฎของทาง ACCC วางแนวทางการเจรจาต่อรองระหว่างองค์กรสื่อในออสเตรเลียและแพลตฟอร์มในแบบเหมารวม (collectively bargain) เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง แม้ว่าตัวกฎจะไม่ได้บังคับว่าต้องจ่ายค่าใช้เนื้อหาเท่าใด (ซึ่งหากสูงเกินไปก็จะทำให้ให้บริการฟรีไม่ได้) หรือบังคับแชร์ข้อมูลผู้เข้าชมเพื่อให้เว็บข่าวขายโฆษณาได้แพงขึ้น แต่เอกสารแนวทางการเจรจาก็มีประเด็นเจรจาขอข้อมูลผู้ค้นหา และขอข้อมูลการเรียงลำดับผลการค้นหาเพื่อให้องค์กรสื่อตรวจสอบได้ว่าทำไมทราฟิกจึงลดลงอย่างมากในบางช่วง Mel Silva ผู้บริหารของกูเกิลออสเตรเลียระบุว่าบริษัทจะมีข่าวเพิ่มเติมต่อประเด็นนี้ในไม่กี่วันข้างหน้า ที่มา - Google
# แลปทอปราคาไม่แพงเริ่มขาดตลาดในอเมริกา เพราะนักเรียนต้องใช้เรียนออนไลน์ Axios รายงานว่าแลปทอปราคาถูก อย่างพวก Chromebook ขาดตลาดในอเมริกา เพราะเปิดเทอมแล้ว แต่นักเรียนยังต้องเรียนออนไลน์อยู่ ยอดขายแลปทอปในอเมริกาเริ่มพุ่งสูงขึ้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่มีมาตรการล็อกดาวน์ เพราะทั้งผู้ใหญ่และเด็กต่างต้องใช้เพื่อการทำงานและเรียนออนไลน์ Stephen Baker นักวิเคราะห์เทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคของ The NPD Group กล่าวว่า ยอดขายแลปทอปเพิ่มขึ้น 20 - 40% ทุกสัปดาห์ตั้งแต่ช่วงมีนาคม - เมษายน และไม่ชะลอตัวลง ด้าน Gregg Prendergast ประธาน Acer America ยังยอมรับว่าสินค้าคงคลังอาจไม่พอต่อความต้องการขณะนี้ เฉพาะสัปดาห์ที่แล้ว Acer ได้รับคำขอสั่งซื้ออุปกรณ์ใหม่เป็นจำนวนหลายแสนเครื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐทั้งในแคลิฟอร์เนียและเนวาดา ใน Best Buy มีการแสดงสินค้า Chromebook 28 รุ่นในราคาต่ำกว่า 400 ดอลลาร์ และจนถึงตอนนี้ก็ขายหมดแล้ว 24 รุ่น การผลิตและการขนส่งสินค้าที่ล่าช้าเป็นอุปสรรคสำคัญในช่วงนี้ จึงอาจนำไปสู่ภาวะที่นักเรียนไม่มีแลปทอปไว้เรียนหนังสือ บีบให้ต้องซื้อรุ่นราคาสูงขึ้น ภาพจาก Google Chromebook ที่มา - Axios
# จีนกระตุ้นร้านอาหารและเดลิเวอรี่ให้เสิร์ฟอาหารน้อยลง ลดขยะ Ele.me และ Meituan Dianping เข้าร่วมด้วย Ele.me และ Meituan Dianping สองแพลตฟอร์มส่งอาหารเดลิเวอรี่รายใหญ่ของจีนเข้าร่วมแคมเปญของรัฐบาลจีนว่าด้วยการหยุดและลดขยะอาหาร โดย Meituan ยื่นข้อเสนอไปยังร้านอาหารให้หยุดสร้างขยะ และปลูกฝังนิสัยการกินใหม่ เช่น ใช้ช่องทางโซเชียลของตัวเองโปรโมท เปิดทางเลือกให้คนสั่งอาหารสั่งอาหารที่พอกิน ปริมาณอาหารน้อยลง China Cuisine Association ประกาศว่าได้ร่วมมือกับ Ele.me ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดส่งอาหารของ Alibaba เพื่อเปิดตัวแผนอาหารครึ่งจานโดยกระตุ้นให้ร้านอาหารเพิ่มทางเลือกการสั่งอาหารในปริมาณที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม แคมเปญดังกล่าวมีคนวิจารณ์ว่าจะนำไปสู่ค่าอาหารที่แพงขึ้นหรือไม่ บ้างก็ว่า ลำพังขนาดอาหารปกติก็แทบกินไม่อิ่ม ถ้าทำแคมเปญอาหารครึ่งจานเท่ากับว่าต้องสั่งอาหารมากขึ้นเพื่อให้กินอิ่ม ภาพจาก Meituan Dianping แคมเปญมาพร้อมกับคำสั่งของ สี จิ้นผิง ที่แสดงความผิดหวังกับการจัดการขยะอาหารในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโรคระบาด จนถึงตอนนี้มี Cuisine Association จาก 17 จังหวัดในจีนเข้าร่วมแคมเปญแล้ว ร้านอาหารแห่งหนึ่งในฉางชาทางตอนกลางของมณฑลหูหนาน เปิดตัวแคมเปญ "ชั่งน้ำหนักก่อนสั่งซื้อ" แนะนำให้ลูกค้าชั่งน้ำหนักตัวเองและสั่งอาหารตามนั้น แต่แคมเปญถูกวิจารณ์มากเกินไปจนต้องเลิกทำ ที่มา - SCMP
# พนักงาน TikTok เตรียมฟ้องศาลสหรัฐ ให้ทรัมป์แก้ไขคำสั่ง เพื่อให้พนักงานยังรับเงินเดือนได้หลังแอปโดนแบน ก่อนหน้าทรัมป์จะขยายระยะเวลาออกคำสั่งแบนแอป TikTok ในสหรัฐจากกำหนดเดิมวันที่ 20 กันยายน ไปเป็นวันที่ 12 พฤศจิกายน Patrick Ryan หนึ่งในพนักงานแอป TikTok ในแคลิฟอร์เนีย ได้เริ่มแคมเปญระดมเงินทุน เพื่อฟ้องทรัมป์ให้แก้ไขคำสั่งประธานาธิบดี ที่ส่วนหนึ่งระบุว่า ห้ามไม่ให้ใช้ทรัพย์สินไม่ว่าอยู่ที่ใด สนับสนุนการดำเนินการของ TikTok ของบริษัท ByteDance หลังเส้นตายในคำสั่ง ซึ่งแปลว่าพนักงานกว่า 1,500 คน อาจไม่สามารถรับเงินเดือนหรือเงินชดเชยจากบริษัทได้ หาก Microsoft ไม่สามารถปิดดีลซื้อ TikTok ได้ทันเวลา ปัจจุบันแคมเปญนี้ระดมเงินทุนได้เกือบ 12,000 เหรียญสหรัฐ จากการบริจาคกว่า 40 ครั้ง และมีเป้าหมายเงินทุนเพื่อใช้ในกระบวนการศาลอยู่ที่ 30,000 เหรียญ โดย Mike Godwin นักกฎหมายสายนโยบายเทคโนโลยี กล่าวว่าคำสั่งแบน TikTok นี้ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการปกป้องทรัพย์สินของประชาชนสหรัฐ และเป็นคำสั่งที่ไร้ซึ่งเหตุผล ทำเนียบขาวยังไม่อธิบายถึงเนื้อหาในคำสั่ง ว่าการห้ามทำธุรกรรมนี้ หมายรวมถึงการจ่ายเงินเดือนหรือเงินชดเชยให้กับพนักงานหรือไม่ ส่วน Reuters รายงานว่าอาจมีการสั่งห้ามซื้อโฆษณาบนแอป และห้ามไม่ให้มีแอปบน App Store ต่างๆ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินเดือน ส่วน TikTok ยืนยันว่าจะดำเนินการทุกทาง เพื่อให้พนักงานและผู้ใช้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และคาดว่าจะยื่นฟ้องศาลเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป ที่มา - Financial Times
# Mi 10 Ultra เลิกใช้เซ็นเซอร์กล้อง 108MP Samsung ไปใช้รุ่นที่ถูกกว่า แต่ปัญหาน้อยกว่า เมื่อปีที่แล้ว มือถือ Xiaomi ตระกูล Mi Note 10 และ Mi 10 กับ Mi 10 Pro ใช้เซ็นเซอร์กล้อง ISOCELL Bright HMX ของ Samsung มีจำนวนพิกเซล 108MP แต่ในรุ่น Mi 10 Ultra ตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว Xiaomi ปรับมาใช้เซ็นเซอร์ OmniVision 0V48C ที่มีจำนวนพิกเซล 48MP แทน เว็บไซต์ Notebookcheck ให้ข้อมูลว่าเมื่อเปรียบเทียบเซ็นเซอร์สองยี่ห้อนี้แล้ว ขนาดเซ็นเซอร์ของ OmniVision อยู่ที่ 1/1.32 นิ้ว ใหญ่กว่าของ Samsung ที่มีขนาน 1/1.33 นิ้ว เล็กน้อย แต่การที่ไม่ต้องอัดพิกเซลจำนวนมากเข้ามา ทำให้ขนาดพิกเซลของ OmniVision 0V48C อยู่ที่ 1.2μm ซึ่งมีขนาดเท่ากับเซ็นเซอร์ ISOCELL GN1 อีกรุ่นของ Samsung ที่มีจำนวนพิกเซล 50MP และมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับ 0.8μm บน ISOCELL Bright HMX นอกจากนี้ ISOCELL Bright HMX ของ Samsung ยังราคาแพงกว่า OmniVision 0V48C แถมยังมีปัญหาระบบออโต้โฟกัสที่ทำงานค่อนข้างช้า บวกกับจำนวนพิกเซลที่มากถึง 108MP ทำให้ตัวประมวลสัญญาณภาพ (Image Signal Processor) ทำงานหนักจนเกินไป เพราะต้องประมวลผลภาพความละเอียดสูงอีกด้วย ดูเหมือนว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะ Mi 10 Ultra สามารถทำคะแนนรีวิวของ DXOMark ได้ถึง 130 คะแนน ขึ้นอันดับหนึ่งกล้องมือถือไปเรียบร้อยแล้ว ที่มา - Notebookcheck
# SAP ทดลองสร้างแอปแนว Tinder ไว้ใช้ในกลุ่มพนักงาน ลดความโดดเดี่ยวช่วง WFH Bloomberg รายงานว่า SAP บริษัทซอฟต์แวร์ใหญ่จากเยอรมนี ทดลองสร้างแอปโซเชียลแนว Tinder ไว้ใช้กันเองในกลุ่มพนักงานที่มีกว่าแสนคน จาก 180 ประเทศ จากภาวะที่พนักงานต้องแยกกันอยู่ เข้าสำนักงานไม่ได้ เมื่อผู้ใช้งานปัดแมทช์กันกับพนักงานอีกคนก็สามารถเข้าร่วมวิดีโอคอลคุยกันต่อได้ Nina Strassner เจ้าหน้าที่ด้านความหลากหลายของ SAP กล่าวกับนักข่าวว่า ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทเห็นว่า พนักงานหลายคนขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่พวกเขามักจะมีในเวลาทำงานปกติ และรู้สึกเป็นหน้าที่ที่จะต้องจัดการกับความโดดเดี่ยวของพนักงาน Bloomberg บอกด้วยว่า ที่ SAP มีกิจกรรมเชื่อมสังคมในกลุ่มพนักงานมาตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ ไม่ว่าจะเป็น การฉายหนังให้ดู, การแข่งเล่นวิดีโอเกมส์กัน, กิจกรรมชิวไวน์ที่บ้าน ซึ่งเป็นไวน์ที่บริษัทส่งไปให้ มีพนักงานกว่า 1,700 คนเข้าร่วมกิจกรรมกินบาร์บีคิวทางออนไลน์ หรือ SAP ในภูมิภาคอเมริกาเหนือก็จัดกิจกรรม Tour de SAP เป็นต้น ภาพการประชุมประจำปีของ SAP เมื่อปี 2019 ที่มา - Business Insider
# ขุนทองชนปาร์ตี้หาร กสิกรเพิ่มฟีเจอร์หารค่าบริการรายเดือนในแชทขุนทอง ระบุมีคนใช้เกิน 200,000 คนแล้ว บริการแชทบอทขุนทองของธนาคารกสิกรไทยประกาศเพิ่มฟีเจอร์หารบิลรายเดือน นับเป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับแอป PartyHaan (ปาร์ตี้หาร) ของทางฝั่ง SCB ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้สมาชิกจับกลุ่มหารค่าบริการรายเดือนร่วมกัน โดยติดตามว่าใครจ่ายเงินในเดือนไหนแล้วบ้าง หากขาดจ่ายไปขุนทองจะทบยอดเดือนต่อไปอัตโนมัติ กระบวนการจ่ายเงินไม่จำเป็นต้องใช้ธนาคารกสิกรไทยแต่ใช้แอปธนาคารใดก็ได้ สามารถส่งสลิปจากแอปเพื่อให้ขุนทองยืนยันการจ่ายเงินอัตโนมัติ ทางธนาคารกสิกรไทยระบุว่าตอนนี้มีผู้ใช้ขุนทองแล้วกว่าสองแสนราย และคาดว่าจะมีผู้ใช้รวมเกินหกแสนรายภายในสิ้นปีนี้ ที่มา - จดหมายข่าวธนาคารกสิกรไทย
# Razer เปิดตัวเม้าส์สำหรับคนถนัดมือซ้ายโดยเฉพาะ ในวันคนถนัดซ้ายสากล เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันคนถนัดซ้ายสากล Razer ใช้โอกาสนี้เปิดตัวเม้าส์เกมมิ่ง Razer Naga Left-Handed Edition หรือ Razer Naga สำหรับคนถนัดซ้าย เพื่อเอาใจคนถนัดซ้ายที่มีอยู่กว่า 10 เปอร์เซ็นต์บนโลกนี้ Razer Naga Left-Handed Edition เป็นเม้าส์ที่ออกแบบมาใช้กับมือซ้ายโดยเฉพาะ ไม่ใช่เม้าส์แบบใช้ได้ทั้งสองมือ (ambidextrous) มีปุ่มฟังก์ชั่นอยู่ด้านขวามือ 12 ปุ่ม เพื่อให้กดได้ด้วยนิ้วโป้งซ้าย ซึ่ง Razer คาดว่าจะมีประโยชน์ในการใช้สกิลและเวทมนตร์ในเกม MMORPG บนเม้าส์มีปุ่มที่ปรับแต่งได้ถึง 20 ปุ่ม ใช้เซ็นเซอร์ Focus+ ของ Razer ที่มีความแม่นยำ 99.6 ที่ 20,000 dpi มีระบบ smart tracking ที่จะตั้งค่าเม้าส์อัตโนมัติเมื่อเจอพื้นผิวใหม่ จดจำการตั้งค่าได้บนตัวเม้าส์เอง (on-board memory) และเป็นเม้าส์แบบมีสาย เชื่อมต่อผ่านสาย “Speedflex” ยาว 7 ฟุตของ Razer Razer เคยประกาศในปี 2019 ว่าจะทำ Razer Naga สำหรับคนถนัดซ้าย แต่ก็ล่าช้ามาสักพัก เพราะการสร้างเม้าส์มือซ้าย ต้องปรับทั้งการออกแบบ เครื่องจักรในการผลิตและอุปกรณ์ตรวจสอบคุณภาพใหม่ ซึ่งมีต้นทุนค่อนข้างสูง ในตลาดที่มีดีมานด์ต่ำ และจะวางขาย Razer Naga Left-Handed Edition ในราคา 99.99 เหรียญ หรือประมาณ 3,115 บาท ที่มา - PC World
# Data Wow บริษัททำโมเดลสอน AI รับสมัครงานพร้อมโอกาสเรียนรู้งานสาย Deep Tech ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตโรคระบาดอาจอยู่กับเรานานกว่าที่คิด แต่งานสาย tech ก็ยังคงเป็นที่ต้องการเสมอ Blognone Workplace พูดคุยกับ Data Wow ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มตรวจสอบและกรองข้อมูลด้วย AI เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่กำลังรับสมัครทีมงานสาย tech ที่พร้อมจะเรียนรู้งานเทคโนโลยีเชิงลึกอย่าง deep tech ซึ่งมีไม่กี่บริษัทในไทยที่ทำ Data Wow ให้บริการอะไรบ้าง ความเป็นมาของ Data Wow คือเป็นสตาร์ทอัพไทยที่แยกออกมาจากบริษัท Nanameue (นานาเมะอุเอะ) ของญี่ปุ่น เป็นบริษัทพัฒนาแอปโซเชียลมีเดียสำหรับกลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม โดย Data Wow ก่อตั้งขึ้นในไทยในปี 2016 ปัจจุบัน Data Wow มีบริการด้านข้อมูลโดยเน้นที่การสร้างและเทรนโมเดล Machine Learning / Deep Learning ไม่ว่าจะเป็น Data Validation ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ทำให้บริษัทแม่เป็นหลัก, บริการ Micro-Task Platform, บริการจัดหมวดหมู่ข้อมูล Data Categorisation และบริการยืนยันตัวตนลูกค้าหรือ Know-Your-Customer (KYC) เป็นต้น คุณเจษฎากร สมิทธิอรรถกร (คุณต้น) CEO ของ Data Wow เล่าถึงพัฒนาการของบริษัทในช่วงสองปีที่ผ่านมาว่า มีการขยายฐานลูกค้าในไทยมากขึ้น และมีบริการที่ออกแบบเพื่อคนไทยโดยเฉพาะด้วยเช่นกัน ตัวอย่างแรกคือ AI Services พัฒนาโมเดล AI ให้ลูกค้า และมีเครื่องมือ Data Labelling Tool เป็นเครื่องมือช่วยทำข้อมูลสอน AI โดยเฉพาะ เช่นลูกค้าป้อนข้อมูลรูปภาพสอน AI ให้รู้จักว่าวัตถุในรูปภาพคืออะไร ลูกค้าของ Data Wow เป็นใครบ้าง กลุ่มลูกค้ามีหลากหลายกระจายกันไป ทั้งฝั่ง retail, automobile, manufacturing ก่อนหน้านี้ถ้าบริษัทไทยต้องการบริการสอน AI ต้องจ้างบริษัทต่างชาติ ซึ่งมีด้วยข้อจำกัดมากมายทั้งทางภาษาหรือความต่างเวลา เมื่อ Data Wow เข้ามาช่วยลูกค้าไทยลดปัญหาตรงนี้ได้ เพราะเราสามารถให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า และคุยกันง่ายกว่า Data Wow ถือเป็นบริษัทที่อนาคตไกลและมีโอกาสโตสูง เพราะนอกจากรองรับลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้มีราว 5-6 รายแล้ว ยังมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ในไทยด้วย จึงเป็นที่มาของการพยายามสร้างทีม รับสมัครเพื่อนร่วมงานโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำงานสาย deep tech, AI โดยเฉพาะ Data Wow กำลังมองหาคนที่เก่ง และมี passion ไปในทางเดียวกันที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปด้วยกันได้ ตำแหน่งที่ต้องการตอนนี้มีฝั่ง Data Science, Web Developer ต้องการคนมีทักษะเขียน Python, TensorFlow, Ruby on Rails และต้องการคนที่มีทัศนคติรองรับการทำงานที่เปลี่ยนแปลงเร็วได้ คนมีความยืดหยุ่นสูง ชอบลองเทคโนโลยีใหม่ และทำงานเร็ว ที่นี่เราทำงานกันแบบคนที่คุยกันรู้เรื่อง อยู่ด้วยกันแบบเพื่อนพี่น้อง ส่วนความสะดวกสบายต่างๆ ทั้งอาหาร, ขนม, มุมสันทนาการ, คอร์สเรียนพัฒนาทักษะทั้งที่เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับงานโดยตรง การทำงานที่ Data Wow ยังช่วยให้เจอลูกค้าหลากหลายทั้งไทยและต่างชาติ พร้อมรับมือความต้องการของลูกค้าหลายแบบ ถือเป็นความท้าทายและช่วยพัฒนาทักษะคนทำงานได้อย่างรอบด้าน การทำงานที่ Data Wow คือการได้ลงมือทำด้วยตัวเองอย่างแท้จริง คุณเอม CDO (Chief Data Officer) ทำหน้าที่คุมทีม Data Science ทำงานที่นี่มากว่าสามปีแล้ว ปัจจุบันทำหน้าที่ดูแลเรื่องการสร้างโมเดล AI หรือการ Modelling นำข้อมูลมาฝึก AI ซึ่งกว่าเราจะเอา AI ไปใช้งานจริงได้ต้องผ่านหลายขั้นตอน และต้องทดสอบจนแน่ใจว่า scale ได้และไม่มี downtime ทักษะคนที่อยากได้เข้ามาร่วมทีมคือ มีประสบการณ์ AI และ Deep Learning ซึ่งแตกต่างจาก Machine Learning เพราะเป็นการจับสัญญาณจาก Raw Data พวกรูปภาพ, เสียง หรือข้อมูลในรูปแบบที่เป็น Unstructured Data เนื่องจากเราเป็นสตาร์ทอัพ จึงเน้นการทำงานเร็ว เพราะเราต้องการสร้างโมเดลที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อให้ออกมาใช้งานและเก็บฟีดแบคเพื่อนำไปพัฒนาต่อได้ทันท่วงทีในขณะที่ยังคงคุณภาพไว้ได้ด้วย จากประสบการณ์ของคุณเอมแล้ว มองว่า Data Wow มีความเป็นเอกลักษณ์เรื่องเทคโนโลยี ส่วนตัวเคยอยู่องค์กรใหญ่มาก่อน มองว่าบริษัทใหญ่มีความเคลื่อนตัวช้า มีทีมใหญ่และคนเยอะก็จริงแต่ประสบการณ์การ Hands-On อาจยังไม่เท่ากับบริษัทเล็กหรือ Outsource อย่างพวกเรา ดังนั้นการทำงานที่ Data Wow คือการได้ลงมือทำจริงๆ ได้พัฒนา Solution ขึ้นมาเองจริง ได้พัฒนาโครงสร้างขึ้นมาจริงๆ ที่ Data Wow สนับสนุนให้คนเรียนรู้ทักษะใหม่ ในทีมเองก็มีงบจากทีม Management ให้ไปเรียนได้หลายรูปแบบทั้งคอร์สออนไลน์ คอร์สที่เกี่ยวข้องกับงาน หรือคอร์สพัฒนาตนเองที่อาจไม่เกี่ยวกับงานโดยตรง บริษัทก็สนับสนุนงบประมาณให้ เชิญชวนคนที่สนใจ AI อยากเรียนรู้ อยากชาเลนจ์ตัวเองก็อยากให้ลองเข้ามาสมัครงานที่นี่ รับรองว่าได้ทำงานกับ Cutting-Edge Technology อย่างแน่นอน เสียงสะท้อนทีมงาน คุณวัชร์ เอี่ยมสุรีย์ software developer ทำงาน Data Wow มากว่า 1 ปี มองว่าการทำงานที่ Data Wow มันท้าทายความสามารถตัวเองมากๆ เนื่องจาก Data Wow มี AI มีกระบวนการประมวลผล ทำให้ฝั่งเทคนิคต้องทำอะไรที่ยากกว่าปกติ บรรยากาศการทำงานของทีมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ Data Wow คือตอนเช้ามี Standup Meeting พวกเราสามารถคุยกันได้ตลอด เพื่อนร่วมงานดี ทำงานด้วยสนุก ในทีมค่อนข้างสนใจในเรื่องเดียวกันคือ Academic, งานวิจัย ช่วยพัฒนาทักษะงานไปด้วยกัน ที่ Data Wow ยังมีให้พนักงานได้นวดฟรีทุกวันศุกร์, มุมอาหาร ของว่างและเครื่องดื่ม คุณไอซ์ วิวรรธน์ ชินานุพันธ์ Software Developer ทำในส่วนของ Backend และ Frontend ให้มุมมองในฐานะคนที่ทำงานที่นี่เป็นที่แรก มองว่างานที่นี่ท้าทายมากๆ และมีหลายอย่างให้เรียนรู้แบบที่ตำราไม่ได้สอน เพราะตอนเรียนก็เรียนแค่ทฤษฎี โลกการทำงานคือการสัมผัสกับประสบการณ์จริง ปัญหาลูกค้าจริงๆ ที่นี่ใช้ภาษา Ruby แต่ที่มหาวิทยาลัยไม่เคยสอนมาก่อน ที่นี่ก็เปิดโอกาสให้เรียนรู้ มีเทรน 1 เดือนเต็มๆ ก่อนจะเริ่มงานจริง นอกจากนี้ยังได้ทำ API, ระบบ Payment ซึ่งตอนเป็นนักศึกษาเราไม่เคยได้ลองทำมาก่อนเลย สรุป คุณต้น ซีอีโอ กล่าวทิ้งท้ายให้ฟังว่า สุดท้ายแล้วแม้ว่าโรคระบาดและภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะนำมาซึ่งการลดคน แต่งานสาย Tech จะยังมีอยู่ต่อไปและยิ่งทวีความสำคัญด้วย เพราะเทคโนโลยีคือสิ่งที่ช่วยทำให้แต่ละองค์กรลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นการลงทุนเทคโนโลยีรวมถึงบุคลากรด้านนี้คือการลงทุนที่คุ้มค่าและไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน สมัครงาน Data Wow ได้ที่ Blognone Jobs
# Amazon Braket บริการเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมของ AWS เข้าสถานะ GA Amazon Braket บริการเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมของ AWS เข้าสถานะ GA (generally available) เรียบร้อย หลังเปิดทดสอบมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2019 Amazon Braket รองรับทั้งการรันควอนตัมบนซิมูเลเตอร์ และบนเครื่องจริงๆ (QPU หรือ Quantum Processing Unit) จากผู้ให้บริการ 3 รายคือ D-Wave, IonQ, Rigetti ซึ่งมีแนวทางแตกต่างกัน โดย IonQ และ Rigetti เป็นแนวทาง circuit-based ส่วน D-Wave เป็นแนวทาง quantum annealing Amazon บอกว่าเป้าหมายของ Braket คือเพิ่มช่องทางให้คนเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างควอนตัมได้ง่ายขึ้น เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมทำอะไรได้บ้าง วิธีการใช้งานจะสร้างอัลกอริทึมผ่านโน้ตบุ๊ก Jupyter ด้วยภาษา Python แล้วรองไปรันบนซิมูเลเตอร์หรือ QPU จริงๆ ที่มา - AWS
# Surface Duo การันตีอัพเดต Android นาน 3 ปี, ไม่ล็อค Bootloader ตัวแทนของไมโครซอฟท์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมของ Surface Duo ดังนี้ การันตีอัพเดตระบบปฏิบัติการ Android นาน 3 ปี (เริ่มต้นที่ Android 10 แปลว่าไปได้ถึง Android 13) ไม่ล็อค bootloader ยังไม่มีแผนวางขายนอกสหรัฐในตอนนี้ ที่มา - XDA, MSpoweruser
# แอพ Spotify บน Windows/Mac ได้รับอัพเดต, สั่ง Chromecast เปิดเพลงได้แล้ว นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ตระกูล Chromecast เมื่อแอพ Spotify desktop บนระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac ได้รับอัพเดตใหม่ ซึ่งได้ปรับปรุงให้ฟีเจอร์ Spotify Connect ของตัวแอพ Spotify desktop สามารถค้นหาและเลือกเชื่อมต่อกับ Chromecast เพื่อสั่งเปิดเพลงได้โดยตรง เพียงแค่คลิกที่ปุ่ม Devices Available ที่ใช้สำหรับสั่งเปิดเพลงบนอุปกรณ์อื่นตามปกติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเลี่ยงไปใช้วิธี เชื่อมต่อกับ Chromecast ด้วยแอพมือถือ แล้วค่อยเปลี่ยนมาควบคุมการเปิดเพลงด้วย Spotify desktop อย่างแต่ก่อนอีกต่อไป ความสามารถข้างต้นใช้งานได้แล้วบนแอพ Spotify desktop เวอร์ชัน 1.1.38 ขึ้นไปครับ ที่มา - The Verge ภาพแอพ Spotify desktop จาก Microsoft Store
# รู้จัก Intel Xe จีพียูใหม่อินเทล สถาปัตยกรรมเดียวครองพิภพ ตั้งแต่โน้ตบุ๊กจนถึงซูเปอร์คอม ในงาน Intel Architecture Day 2020 เมื่อวันก่อน นอกจากการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยประมวลผล Tiger Lake อินเทลยังเปิดเผยข้อมูลของจีพียูซีรีส์ Xe ที่จะจับตลาดทุกระดับ ตั้งแต่การ์ดจอแบบออนบอร์ดไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Xe (อ่านว่า เอ็กซ์อี) เป็นความพยายามครั้งใหญ่ของอินเทลในการกลับเข้าสู่ตลาดจีพียูอีกครั้ง หลังจากล้มเหลวมาตลอด (ถ้ายังจำ Larrabee กันได้) และถึงขั้นต้องดึง Raja Kouduri อดีตหัวหน้าฝ่าย Radeon จาก AMD เข้ามาทำงานด้วย (Raja เป็นคนพรีเซนต์หลักของงานรอบนี้) Xe จีพียูสถาปัตยกรรมเดียวสำหรับงานทุกระดับ แนวคิดหลักของ Xe คือคำว่า scalability เพราะอินเทลจำเป็นต้องดีไซน์จีพียูเพียงครั้งเดียว แล้วใช้ได้ตั้งแต่ในโน้ตบุ๊กไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ จึงต้องออกแบบให้สามารถนำมาต่อกันเป็นจำนวนมากๆ แล้วสเกลได้ อินเทลให้เหตุผลว่าเลือกแนวทางนี้ เพราะพบว่าซอฟต์แวร์เป็นเรื่องสำคัญมากของวงการกราฟิก เพราะจีพียูจะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ (เช่น เกม, กราฟิก, วิดีโอ, AI) คอยสนับสนุนด้วย แต่อินเทลถือว่าเป็น "ผู้มาช้า" สำหรับตลาดนี้ การที่จะออกจีพียูแล้วได้รับความสนใจจากนักพัฒนา จำเป็นต้องมี "สเกล" หรือฐานผู้ใช้ที่ใหญ่มากพอ ซึ่งจุดแข็งที่อินเทลมีคือฐานผู้ใช้กลุ่ม integrated GPU จำนวนหลัก 100 ล้านคนต่อปี จีพียูแขนงใหม่ๆ ที่อินเทลกำลังจะทำคือ discrete GPU และจีพียูสำหรับตลาดคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (HPC) จึงจำเป็นต้องใช้สถาปัตยกรรมเดียวกัน เพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุนพัฒนาซอฟต์แวร์ อินเทลแบ่ง Xe ออกเป็น 4 ระดับชั้นตามภาพ ได้แก่ Xe-LP รุ่นล่างสุดสำหรับการ์ดจอแบบ integrated Xe-HPG สำหรับตลาดเกมมิ่ง (เพิ่งประกาศเพิ่มในงานรอบนี้) Xe-HP สำหรับตลาดศูนย์ข้อมูล Xe-HPC สำหรับตลาดคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง Xe-HPC รุ่นท็อปสุด เปิดตัวมาเป็นตัวแรกตั้งแต่ปลายปี 2019 ใช้โค้ดเนมว่า Ponte Vecchio มันจะถูกใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ของกระทรวงพลังงานสหรัฐ มีกำหนดเสร็จในปี 2021 Xe-LP จีพียูสำหรับโน้ตบุ๊กและเซิร์ฟเวอร์ Xe-LP รุ่นล่างสุด ตามมาเป็นรุ่นที่สองในซีรีส์ โดยจะเริ่มใช้ใน Tiger Lake หน่วยประมวลผลสำหรับโน้ตบุ๊ก (น่าจะนับเป็น Core 11th Gen) ที่จะเปิดตัวเดือนกันยายน ในงานรอบนี้จึงมีเรื่องของ Xe-LP มากที่สุด อย่างไรก็ตาม Xe-LP ไม่ได้มีเฉพาะใน Tiger Lake เท่านั้น แต่อินเทลยังมีแผนจะออกสินค้ากลุ่มนี้อีก 2 ตัว ได้แก่ DG1 จีพียูแยก (discrete) สำหรับโน้ตบุ๊กที่เน้นงานสร้างสรรค์ (ไม่ใช่เกมมิ่งที่เป็นตลาดของ Xe-HPG) และจีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ ใช้โค้ดเนมว่า SG1 ซึ่งทั้งสองตัวจะเปิดตัวภายในปีนี้ อินเทลนำสถาปัตยกรรมของ Xe-LP มาโชว์ให้ดูกัน องค์ประกอบพื้นฐานคือตัวเอนจินประมวลผล ที่อินเทลเรียกว่า execution unit หรือ EU (บางคนอาจคุ้นกับ CUDA core ของ NVIDIA หรือ stream processor ของ AMD) โดย Xe-LP มี EU จำนวน 96 ตัว (Iris Plus Gen11 ตัวท็อปสุดของอินเทลตอนนี้มี 64 EU เรียกได้ว่าใหญ่ขึ้น 1.5 เท่า) ถ้าเจาะดูที่ตัว EU แต่ละตัว อินเทลปรับดีไซน์ให้แตกต่างจาก EU ของ Gen11 พอสมควร เช่น การแยกตัวคำนวณคณิตศาสตร์ (Extended Math ALU หรือ EM) ออกมาจากตัวประมวลผลจำนวนเต็ม/ทศนิยม (FP/INT) หรือการแชร์ thread control ระหว่าง EU สองตัว หน่วยความจำของ Xe-LP ก็ปรับปรุงแคชและแบนด์วิดท์ใหม่หลายจุด ฟีเจอร์อื่นๆ ของ Xe-LP ยังมีด้านการประมวลผลสื่อ เช่น รองรับ codec แบบ AV1 แล้ว ฟีเจอร์ด้านการแสดงผลสมัยใหม่ เช่น รองรับ DisplayPort 1.4, HDMI 2.0, HDR10, Dolby Vision ผลคือ Xe-LP มีสมรรถนะเพิ่มขึ้นจาก Intel Gen11 ประมาณ 2 เท่า (ที่พลังงานเท่าเดิม) หรือถ้าเทียบสมรรถนะระดับเท่ากัน Xe-LP จะใช้พลังงานน้อยกว่า โดยอินเทลเดโมการรันเกม Battlefield 1 ที่ Gen11 ต้องใช้ TDP ระดับ 25 วัตต์ เทียบกับ Xe-LP ใช้ 15 วัตต์ เป็นต้น Xe-HP จีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูล ถัดมา อินเทลให้ข้อมูลของ Xe-HP จีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูล (data center) ที่พยายามเน้นงานด้านประมวลผลสื่อหรือวิดีโอ แนวคิดของ Xe-HP คือเน้นเรื่องสเกล โดยอินเทลประกาศชัดว่าเราจะเห็น Xe-HP แบบ 1 tile, 2 tile, 4 tile ออกมาทำตลาดแยกกัน อินเทลนำ Xe-HP แบบ 1 tile ตัวจริงๆ มาโชว์ให้ดูกัน Xe-HPG จีพียูสำหรับเกมมิ่ง ตัวสุดท้ายในซีรีส์คือ Xe-HPG ที่เน้นตลาดเกมมิ่ง จีพียูซีรีส์นี้อินเทลเพิ่งมาประกาศในงานรอบนี้ ในขณะที่อีก 3 ซีรีส์นั้นเคยประกาศมาก่อนแล้ว ตอนนี้ยังมีข้อมูลของ Xe-HPG ไม่เยอะนัก มีเพียงบอกว่ามันจะรองรับ ray-tracing (ซึ่งเคยประกาศไปแล้ว) เช่นเดียวกับคู่แข่งทั้ง NVIDIA และ AMD Radeon Navi 2X ด้วย จ้างโรงงานอื่นช่วยผลิต ประเด็นสุดท้ายที่น่าสนใจของ Xe ทั้ง 4 ซีรีส์คือ กระบวนการผลิตจีพียูแต่ละซีรีส์ที่แตกต่างกัน (คอลัมน์ขวาสุดในภาพ) Xe-LP ใช้เทคโนโลยี 10nm รุ่นที่สองของอินเทลเอง ที่เรียกว่า 10nm SuperFin Xe-HPG สำหรับเกมมิ่ง ยืนยันแล้วว่าจะใช้โรงงานภายนอก (external) ช่วยผลิตให้ แต่ยังไม่ระบุว่าที่ไหน Xe-HP ระบุว่าจะใช้ 10nm Enhanced SuperFin ซึ่งน่าจะหมายถึง 10nm รุ่นที่สาม Xe-HPC ใช้กระบวนการผลิตหลากหลายแยกตามชิ้นส่วน โดยมีบางส่วนต้องจ้างโรงงานอื่นช่วยผลิตเช่นกัน ตามที่เคยประกาศไว้ รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้จากคลิปนำเสนอฉบับเต็ม
# นักวิจัยสาธิตยิงคำสั่งเข้าลำโพง Google Home, Amazon Echo เปิดประตูบ้านด้วยเลเซอร์จากระยะไกลนับร้อยเมตร ที่งานประชุมวิชาการ USENIX ปีนี้ ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย The University of Electro-Communications ในญี่ปุ่นและมหาวิทยาลัยมิชิแกน รายงานถึงการใช้เลเซอร์ยิงคำสั่งเข้าลำโพงอัจฉริยะ เช่น Google Home หรือ Amazon Echo เพื่อส่งคำสั่งจากนอกบ้าน นับเป็นการสาธิตถึงความเสี่ยงที่คนร้ายอาจจะควบคุมบ้านได้จากนอกบ้าน งานวิจัยอาศํยโครงสร้างของไมโครโฟนแบบ MEMS ที่ใช้งานกันเป็นปกติ โดยชิปไมโครโฟนเหล่านี้ออกแบบให้ตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของค่าการเก็บประจุของแผ่นไมโครโฟน แต่วงจรของชิปเองก็มีความไวต่อแสง เมื่อยิงแสงความเข้มสูงเข้าไปยังตัวชิปก็จะสามารถกระตุ้นให้เกิดสัญญาณในวงจร โดยวงจรอ่านค่าเสียงก็มักอ่านค่าแล้วส่งเข้าไปยังซอฟต์แวร์เหมือนเป็นสัญญาณเสียงปกติ ทีมวิจัยทดสอบด้วยคำสั่งมาตรฐาน เช่น ถามเวลา, ปิดเสียงลำโพง, สั่งซื้อสินค้า, และสั่งเปิดประตู ผลการทดสอบพบว่าสามารถส่งคำสั่งไปยังลำโพงรุ่นต่างๆ ด้วยเลเซอร์กำลัง 60 มิลลิวัตต์ด้วยระยะทางไกลหลายสิบเมตร หากใช้เลเซอร์ 5 วัตต์ก็อาจจะส่งคำสั่งไปได้เกิน 110 เมตร โดยใช้เลเซอร์ที่วางขายทั่วไปราคาไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น ทีมวิจัยเสนอแนวทางป้องกันการโจมตีเช่นนี้ไว้หลายแนวทาง เช่น ต้องทักทายผู้ใช้ด้วยคำถามแบบสุ่มก่อนรับคำสั่งเพราะคนร้ายจากระยะไกลจะฟังเสียงโต้ตอบไม่ได้, ไปจนถึงการใช้ไมโครโฟนหลายตัวเพื่อยืนยันว่าเสียงมาจากในห้องจริง ไปจนถึงออกแบบฮาร์ดแวร์ใหม่ให้มีส่วนกั้นแสงให้ไมโครโฟนรับเฉพาะเสียงอย่างเดียว ที่มา - USENIX
# Mozilla เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับกูเกิลอีก 3 ปี คาดมีรายได้ 400-450 ล้านดอลลาร์ เมื่อไม่กี่วันมานี้ Mozilla เพิ่งประกาศปลดพนักงานมากถึง 250 คน พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ แต่ล่าสุดเว็บไซต์ The Register ได้ข้อมูลมาว่า Mozilla เพิ่งเซ็นสัญญาส่วนแบ่งรายได้กับกูเกิลฉบับใหม่ ได้เงินมาราว 400-450 ล้านดอลลาร์ตลอดอายุสัญญา 3 ปี (จนถึงปี 2023) โฆษกของ Mozilla ยืนยันข่าวว่าเซ็นสัญญาต่อกับกูเกิลจริง แต่ไม่ให้ข้อมูลตัวเลขว่า Mozilla มีรายได้เท่าไร ที่ผ่านมา Mozilla เปิดเผยรายได้ขององค์กรเป็นระยะ ตัวเลขของปี 2018 มีรายได้ทั้งหมด 451 ล้านดอลลาร์ (เกือบทั้งหมดคือ 430 ล้านดอลลาร์มาจากสัญญากับ search engine) ส่วนรายจ่ายในปี 2018 เฉพาะเงินเดือนพนักงานอยู่ที่ 286 ล้านดอลลาร์ สำหรับพนักงานประมาณ 1,000 คน การต่อสัญญารอบนี้น่าจะให้ Mozilla อยู่ต่อได้อีก 3 ปี แต่องค์กรก็จำเป็นต้องปลดพนักงาน ปิดบางโครงการ และลดค่าตอบแทนซีอีโอ-ผู้บริหารลงจากเดิม หนึ่งในโครงการที่โดนปิดคือ Servo ซึ่งเป็นการเขียนเอนจินใหม่ด้วยภาษา Rust และทีมเว็บ Mozilla Developer Network ก็โดนลดคนเป็นจำนวนมาก ที่มา - The Register ภาพจาก Mozilla
# [ลือ] กูเกิลเตรียมรวม Duo เข้ากับ Meet เพราะมองว่าซ้ำซ้อนกัน เว็บไซต์ 9to5google รายงานข่าวลือว่า Javier Soltero หัวหน้าทีม G Suite ที่ปัจจุบันดูแลแอพสื่อสารของกูเกิลทั้งหมด (ตัวเขาเคยคุมทีม Outlook และเพิ่งย้ายมาอยู่กูเกิลช่วงปลายปี 2019) มองว่าแอพวิดีโอคอลล์อย่าง Google Duo และ Google Meet เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทับซ้อนกัน และมีแผนจะรวมมันเป็นตัวเดียวกัน โครงการรวม Duo กับ Meet เข้าด้วยกันมีโค้ดเนมภายในว่า "Duet" (มาจาก "Du"o + Me"et") โดยแหล่งข่าวระบุว่าท้ายที่สุดแล้วแบรนด์ Duo จะหายไป และเหลือเพียง Meet แบรนด์เดียว เนื่องจากกูเกิลมองว่า Meet เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงกว่า และเติบโตดีกว่ามากในช่วง COVID-19 อย่างไรก็ตาม กระบวนการเปลี่ยนผ่านอาจใช้เวลานานถึง 2 ปี และแผนการอาจยังเปลี่ยนแปลงได้อีก ที่มา - 9to5google
# Facebook เริ่มรวมแชท Messenger และ Instagram เข้าไว้ด้วยกันแล้ว นักข่าว The Verge ไปเจอว่า Facebook เริ่มอัพเดตใหม่ รวมแชท Facebook Messenger และ Instagram เข้าไว้ด้วยกันแล้ว โดยเห็นเป็นป๊อบอัพเวลาเข้าใช้งาน Instagram ตรงป๊อบอัพระบุว่า วิธีใหม่ในการส่งข้อความบน Instagram มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ สไตล์ใหม่ของข้อความแชท สีและอีโมจิ, swipe-to-reply หรือปัดเพื่อตอบแชท และแชทคุยกับเพื่อนบน Facebook คนที่ได้อัพเดตแล้วจะพบไอคอน DM ของ Instagram ตรงช่องขวาบนเปลี่ยนเป็นไอคอนแบบเดียวกับ Facebook Messenger Facebook มีแผนจะรวมโครงสร้างของสามแอป Facebook, Instagram, WhatsApp ไว้ด้วยกันมานานแล้ว และยังบอกด้วยว่าจะทำให้เป็นแชทเข้ารหัสทั้งหมด ที่มา - The Verge
# Facebook ให้ธุรกิจรับเงินผ่านอีเว้นท์แล้ว และขอ Apple ลดภาษี App Store ด้วย แต่ถูกปฏิเสธ Facebook เปิดให้ธุรกิจ ครีเอเตอร์ เจ้าของเพจสร้างรายได้ผ่านอีเว้นท์ออนไลน์บน Facebook ได้ โดยสามารถสร้างอีเว้นท์, ตั้งราคาเข้าชม, โปรโมท และให้กดจ่ายเงินได้ในเพจอีเว้นท์นั้นๆ เลย เปิดใช้งานใน 20 ประเทศ ยังไม่มีไทย Facebook บอกด้วยว่าธุรกิจกำลังต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ Facebook จึงไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆ เลยจากการจ่ายเงินผ่านอีเว้นท์อย่างน้อยก็จนถึงปีหน้า ในขณะเดียวกันก็ได้ร้องขอไปยัง Apple ให้ช่วยลดภาษี App Store 30% หรืออนุญาตให้ใช้งาน Facebook Pay เพื่อให้ธุรกิจได้รับเงินเต็มๆ แต่ Apple ปฏิเสธคำร้องขอ เท่ากับผู้ใช้งาน Facebook บน iOS จะได้เงินที่ควรได้น้อยลง Facebook ยังแนบรูปที่ใช้ส่งคำร้องไปยัง Apple มาด้วย Facebook ระบุด้วยว่าว่าได้ทดสอบการจ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมอีเว้นท์ออนไลน์ผ่าน Messenger Rooms หรือช่องทางประชุมของ Facebook แล้ว พบว่ามีการใช้งานเข้าร่วมอีเว้นหลายประเภททั้ง งานพูด, งานสอนทำอาหาร, พอดคาสต์, การแข่งขันต่างๆ ธุรกิจสามารถรับจ่ายเงินผ่านอีเว้นทออนไลน์ได้แล้วใน 20 ประเทศคือ ออสเตรเลีย, เบลเยียม, บราซิล, แคนาดา, สาธารณรัฐเช็ก, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ฮังการี, อินเดีย, อิตาลี, เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, สิงคโปร์, สเปน, สวีเดน, ยูเครน, ประเทศอังกฤษ, สหรัฐ ที่มา - Facebook Newsroom
# Trump เซ็นคำสั่งฉบับใหม่ ขยายเวลา TikTok ขายกิจการจาก 45 เป็น 90 วัน ประธานาธิบดี Donald Trump เซ็นคำสั่งบริหารฉบับใหม่ ระบุให้ ByteDance ต้องแยกธุรกิจ TikTok ในสหรัฐอเมริกาออกมาภายใน 90 วัน ก่อนหน้านี้ Trump เพิ่งเซ็นคำสั่งลักษณะคล้ายกันแต่ให้เวลาเพียง 45 วัน มิฉะนั้น TikTok จะโดนแบนจากร้านขายแอพต่างๆ คำสั่งฉบับใหม่จึงถือเป็นผลดีกับ ByteDance และ TikTok ที่ได้เวลานานขึ้นในการเจรจาหาผู้ซื้อ คำสั่งฉบับใหม่ยังระบุว่า TikTok ต้องทำลายสำเนาข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐทิ้ง หลังการขายกิจการมาให้เจ้าของรายใหม่แล้ว ที่มา - CNBC, The Hill
# Google ยืนยันจะไม่ส่งข้อมูลให้ตำรวจฮ่องกงโดยตรงตามกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ Google ประกาศหยุดการตอบสนองต่อคำขอข้อมูลจากตำรวจฮ่องกงแล้ว หลังจากที่กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่เริ่มบังคับใช้งาน โดยจะให้ตำรวจต้องใช้วิธีทางการทูตในการเจรจาแทน ประเด็นสำคัญของการใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฮ่องกง คือตำรวจมีอำนาจที่จะขอค้นข้อมูลในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ ทำให้บริษัทไอทีหลายแห่งต้องใช้เวลาในการทบทวนสาระสำคัญของกฎหมายฉบับใหม่นี้ก่อน ล่าสุด Washington Post ระบุว่า Google ได้แจ้งไปยังตำรวจฮ่องกงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ทบทวนสาระสำคัญของกฎหมายแล้ว Google ยืนยันว่าจะส่งคำขอต่อไปให้ผ่านสนธิสัญญาความช่วยเหลือทางกฎหมายร่วมกันกับสหรัฐฯ แทน Craig Choy Ki นักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายความเป็นส่วนตัวจากสหรัฐฯ ระบุว่า การประกาศจาก Google หมายความว่าหน่วยงานของฮ่องกงถ้าจะขอข้อมูลส่วนตัวจะต้องผ่านศาล แต่เขาก็รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของ Google เพราะควรจะให้พิจารณาในระดับรัฐ ยิ่งกับกฎหมายความมั่นคงที่ตอนนี้เป็นประเด็นกันระหว่างรัฐบาลฮ่องกงและรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ควรจะทำตามกระบวนการนี้ ที่มา - SCMP ภาพจาก Shutterstock
# Phil Spencer รับ Halo Infinite คุณภาพไม่ถึง คิดจะขายเกมแยกส่วน แต่ตัดสินใจเลื่อนทั้งหมด Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox พูดถึงประเด็นการเลื่อนวางขายของเกม Halo Infinite ในรายการ Animal Talking (รายการเดียวกับที่พูดเรื่อง PS5) ว่าเขาได้หารือกับ Matt Booty หัวหน้า Xbox Game Studios และ Bonnie Ross หัวหน้าของ 343 Industries แล้ว และเห็นตรงกันว่าคุณภาพของ Halo Infinite ยังไม่ถึงระดับที่ต้องการ ทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้คือ แบ่ง Halo Infinite ออกเป็นส่วนๆ แล้วออกขายทีละส่วน แต่สุดท้ายทางเลือกนี้ถูกปัดตกไป เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมกับ Halo ที่ควรจะเป็น เขารู้ว่าการเลื่อนเกมทั้งหมดเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับทุกคน เพราะไมโครซอฟท์เองก็รอวันที่จะได้ขาย Xbox พร้อม Halo อีกครั้ง นับจาก Xbox รุ่นแรกและ Halo ภาคแรก Spencer บอกว่าต้องการสร้างความโปร่งใส จึงรีบประกาศเรื่องนี้กับแฟนๆ เพื่อจะได้วางแผนการตัดสินใจซื้อเครื่องคอนโซลในช่วงปลายนี้ได้ ที่มา - Eurogamer
# Ubisoft ไล่หัวหน้าครีเอทีฟ Assassin's Creed Valhalla ออกจากบริษัทแล้ว Ubisoft เป็นบริษัทเกมที่มีปัญหาภายในสูงในช่วงหลัง โดยมีผู้บริหารต้องลาออกไปหลายคน จากปัญหาเรื่องคุกคาม-เลือกปฏิบัติทางเพศที่ถูกเปิดเผยขึ้นมา ก่อนหน้านี้ Ashraf Ismail หัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟของเกม Assassin's Creed Valhalla ประกาศลงจากตำแหน่งในโครงการ โดยยังคงเป็นพนักงานของ Ubisoft อยู่ แต่หลังจาก Ubisoft สอบสวนข้อมูลเป็นการภายใน ล่าสุดก็ปลดเขาออกจากสถานะพนักงานแล้ว Ubisoft ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของกรณี Ismail แต่มีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่า เขาโกหกเรื่องสถานะการแต่งงาน เพื่อคบกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งนอกบริษัท Ubisoft ยืนยันว่าการพ้นสถานะของ Ismail ไม่มีผลกระทบต่อเกม Assassin's Creed Valhalla และเกมยังพัฒนาต่อไปตามเดิม มีกำหนดวางขาย 17 พฤศจิกายน ที่มา - IGN
# Google Search อัพเดตผลค้นหาที่เที่ยว แสดงเปอร์เซนต์ของโรงแรมและเที่ยวบินที่เปิด ก่อนหน้านี้กูเกิลอัพเดตผลการค้นหาให้สอดคล้องกับ COVID-19 เช่น แสดงจุดตรวจ COVID-19 ใน Google Maps, แสดงคำแจ้งเตือนเกี่ยวกับ COVID-19 ล่าสุดหลังบางเมืองสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์และเปิดให้ท่องเที่ยวได้ กูเกิลจะแสดงผลการค้นหาว่า ปลายทางที่จะไปมีโรงแรมเปิดอยู่และเที่ยวบินที่เปิดให้บริการกี่เปอร์เซนต์ โดยอาศัยข้อมูลจาก Google Flights และ Hotels นอกจากนี้ กูเกิลยังจะแสดงผลหากโรงแรมมีนโยบายเรื่องยกเลิกที่พักด้วย เช่นถ้าที่พักมีโนยบายยกเลิกได้ฟรี กูเกิลก็จะแสดงผลบนหน้า Search เช่นกัน ที่มา - กูเกิล
# สงสัยเทรนมาไม่ดี พนักงานศูนย์เทรนนิ่งด้านความปลอดภัย SANS โดนฟิชชิ่งทำข้อมูลผู้ใช้หลุด 28,000 ราย สถาบัน SANS องค์กรที่ให้บริการด้านความปลอดภัยไซเบอร์และออกใบรับรองด้านความปลอดภัยรายงานถึงเหตุการณ์ข้อมูลหลุดเนื่องจากทางองค์กรถูกโจมตีแบบฟิชชิ่ง ทำให้บัญชีของพนักงานที่ถูกโจมตีส่งต่ออีเมลไปยังคนร้าย โดยรวมมีข้อมูลถูกส่งออกไป 28,000 รายการ คนร้ายอาศัยการหลอกว่าเป็นไฟล์ Excel แชร์มาทาง Office 365 แต่เมื่อเปิดดาวน์โหลดจะกลายเป็นการติดตั้งส่วนขยาย Office 365 แล้วตั้งฟิลเตอร์สำหรับส่งต่ออีเมล ฟิลเตอร์ตั้งหามุ่งเน้นหาข้อมูลการจ่ายเงิน โดยกรองคำสำคัญเช่น ธนาคาร (bank), โอนเงิน (transfer), การจ่ายเงิน (payment) ฯลฯ จนคนร้ายได้รับอีเมลทั้งหมด 513 ฉบับ จากพนักงานของ SANS คนเดียว ทาง SANS ระบุว่าคนร้ายได้รับข้อมูล ได้แก่ อีเมล, ตำแหน่งงาน, ชื่อ-นามสกุล, หมายเลขโทรศัพท์, ชื่อบริษัท, อุตสาหกรรมที่ทำงานอยู่, ที่อยู่, และประเทศ ที่มา - SANS Data Incident 2020, SANS Blog
# iQiyi สตรีมมิ่งใหญ่ของจีนโดน SEC สอบสวนว่าโกหกตัวเลขรายได้และผู้ใช้หรือไม่ iQiyi (อ้ายฉีอี้) สตรีมมิ่งใหญ่เปรียบได้กับ Netflix แห่งจีน ผู้ลงทุนเบื้องหลังคือ Baidu กำลังถูกสอบสวนโดย กลต.สหรัฐฯ หรือ SEC ว่ามีการโกงเลขรายได้และจำนวนผู้ใช้งานหรือไม่ การสืบสวนมาจากสำนักวิจัย Wolfpack Research กล่าวหาว่า iQiyi เพิ่มตัวเลขรายได้ในปี 2019 จากประมาณ 8 พันล้านหยวน (1.13 พันล้านดอลลาร์) เป็น 13 พันล้านหยวน (1.98 พันล้านดอลลาร์) หรือจาก 27% เป็น 44% และยังบอกด้วยว่าบริษัทโก่งตัวเลขผู้ใช้งานและค่าใช้จ่ายด้วย ด้าน iQiyi กล่าวว่า SEC กำลังทำการสอบสวนในบริษัท และค้นหาบันทึกทางการเงินและการดำเนินงานย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2018 และจากการที่ iQiyi ออกมาเปิดเผยว่าตนกำลังโดนสอบสวนส่งผลให้หุ้นบริษัทตกทันที 18% ที่มา - CNBC
# ศาลแคลิฟอร์เนียไม่ต่อเวลาให้ Uber, Lyft ต้องปฏิบัติต่อคนขับเทียบเท่าพนักงานภายใน 20 ส.ค. ผู้พิพากษาชาวแคลิฟอร์เนียปฏิเสธที่จะให้ Uber และ Lyft มีเวลามากขึ้นในการอุทธรณ์คำตัดสินที่กำหนดให้ บริษัทต้องจัดประเภทผู้ขับขี่ในรัฐแคลิฟอร์เนียให้ทัดเทียมกับพนักงาน ยังคงยืนยันตามเดิมว่าต้องทำให้เสร็จสิ้นภายใน 10 วันนับจากวันตัดสิน ซึ่งครบกำหนด 20 สิงหาคมนี้ เท่ากับตอนนี้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ Uber, Lyft ต้องปิดให้บริการในแคลิฟอร์เนียไปก่อน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบริษัทจะยังยื่นอุทธรณ์ต่อไป คำตัดสินศาลมาจากการฟ้องร้อง Uber, Lyft ว่าละเมิดกฎ AB5 หรือ Assembly Bill 5 ซึ่งกำหนดให้คนทำงานใน gig economy ต้องได้รับสวัสดิการเทียบเท่าพนักงานประจำ ซึ่งรัฐแคลิฟอร์เนียผ่านกฎหมายนี้ไปตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2019 ซึ่งที่ผ่านมา Uber, Lyft จัดประเภทคนขับเป็นคนรับงานอิสระหรือ independent contractor มาโดยตลอด เพราะจะได้หลีกเลี่ยงการจ่ายเงินเดือนขั้นต่ำและสวัสดิการต่างๆ ได้ John Zimmer ประธาน Lyft กล่าวในการประชุมผลประกอบการว่า การจัดประเภทคนขับรถกว่าหมื่นคนให้เป็นพนักงานนั้นเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งแม้ในยามปกติ และอาจเป็นไปไม่ได้เลยในช่วงโรคระบาดนี้ ก่อนหน้านี้ Uber เองก็ปลดพนักงานออกร่วม 3,700 รายเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโควิด ยอดเรียกใช้งานรถลดลงถึง 80% ที่มา - Business Insider
# Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox บอกชอบดีไซน์ PS5 และเคารพสิ่งที่ทีมวิศวกรโซนี่ทำ Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ไปให้สัมภาษณ์กับ Gary Whitta นักข่าวสายเกมของอังกฤษผ่านเกม Animal Crossing (รายการ Animal Talking) ซึ่งคำถามหนึ่งที่ Whitta ยกมาถาม Spencer คือความเห็นต่อดีไซน์ของ PlayStation 5 เมื่อเทียบกับดีไซน์ที่เป็นกล่องของ Xbox Spencer ยอมรับว่าตัวเขาชอบดีไซน์ของ PlayStation 5 รวมถึงเห็นใจและเคารพทีมวิศวกรออกแบบ เพราะแม้จะเลือกแนวทาง (การออกแบบ) คนละวิธีกับ Xbox แต่ทั้งคูุ่ต้องเผชิญปัญหาเดียวกันคือความยากในเรื่องของการระบายความร้อน การใช้พลังงานและการทำให้คอนโซลเงียบที่สุด แม้ PlayStation จะรันคล็อกจีพียูสูงกว่า ซึ่งทำให้เกิดความร้อนมากกว่า แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ปัญหาสำหรับโซนี่มากนัก ในส่วนของดีไซน์ Xbox Series X ทาง Spencer บอกว่าทีมงานดีไซน์แบบ form-follow-function เพราะต้องการเน้นไปที่การระบายความร้อนจากพัดลมขนาดใหญ่ และต้องเงียบที่สุดก่อน ที่มา - Gary Whitta
# Nutanix เปิดตัว Nutanix Clusters on AWS ใช้ไลเซนส์เดิมไปรันบนคลาวด์หรือซื้อเพิ่มตามการใช้งานจริงก็ได้ Nutanix ประกาศความร่วมมือกับ AWS ให้บริการ Nutanix Clusters บน AWS เปิดทางให้องค์กรที่ใช้งานอยู่แล้วสามารถย้ายโหลดขึ้นไปยังคลาวด์ได้ โดยรองรับงานทั้งการให้บริการ Virtual Desktop และงานที่ต้องการ I/O สูงๆ Nutanix Clusters ใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ bare metal บน AWS (รองรับ m5d.metal, i3.metal, i3em.metal, และ z1d.metal) และบริการนี้สามารถเลือกโหนดบน AWS โดยระบุให้โหนดอยู่คนละตู้เซิร์ฟเวอร์ (rack aware) เพิ่มความมั่นใจว่าระบบจะมีโอกาสดาวน์ต่ำ และหากโหนดมีปัญหาจริงก็สร้างเครื่องใหม่อัตโนมัติ ตัวคลัสเตอร์บนคลาวด์สามารถเชื่อมต่อกลับเข้ามาในศูนย์ข้อมูลขององค์กรเพื่อทำตัวเป็นระบบสำรอง ทาง Nutanix ระบุว่าการจัดการคลัสเตอร์ทั้งในศูนย์ข้อมูลและบนคลาวด์ยังจัดการผ่าน Prism Central ได้ทั้งระบบ ลูกค้าสามารถนำไลเซนส์เดิมย้ายมาใช้งานบนคลาวด์ได้ หรือหากซื้อไลเซนส์ใหม่สามารถซื้อแบบจ่ายตามจริง เริ่มต้นชั่วโมงละ 1.07 ดอลลาร์ หรือปีละ 9,361.60 ดอลลาร์ โดยมีส่วนลด 25% สำหรับการสัญญาว่าใช้เกิน 35,000 ดอลลาร์ต่อปี และ 40% สำหรับการสัญญาว่าใช้งานเกิน 100,000 ดอลลาร์ต่อปี ที่มา - Nutanix
# Google เคยบีบ OnePlus ล้มดีลกับ Epic พ่วง Fortnite มาในเครื่องแบบไม่ผ่าน Play Store ประเด็น Fortnite กำลังร้อนแรงหลัง Epic เริ่มสงครามด้วยการทำระบบจ่ายเงินเองบน Fortnite จนถูก Apple Store และ Play Store ถอดออกจากสโตร์ ก่อนที่ Epic จะฟ้องร้องทั้ง 2 บริษัททันที ล่าสุดเอกสารฟ้องร้องการผูกขาด Google ทาง Epic อ้างว่าเคยมีข้อตกลงกับ OEM มือถืออย่าง OnePlus และ LG ให้ติดตั้ง Fortnite รวมถึงแอปของ Epic Games (เป็นแอป launcher เพื่อการติดตั้งแอปอื่น ๆ ของ Epic อีกทีโดยไม่ผ่าน Play Store) มาในเครื่องตั้งแต่โรงงาน พร้อมปรับแต่งให้ Fortnite แสดงผลเฟรมเรทได้ดีกว่าบนเครื่องอื่น ก่อนที่ทั้งสองดีลจะถูก Google บีบไม่ให้ OnePlus ทำตามข้อตกลง โดยอ้างว่าแอป Epic Games อาจแอบติดตั้งหรืออัพเดตแอปหลังบ้านเงียบ ๆ โดยไม่ผ่านการตรวจสอบของ Play Store (ดีล OnePlus กลายเป็นว่า Google อนุญาตเฉพาะในอินเดีย) Epic อ้างด้วยว่าไม่สามารถพูดคุยกับ OEM เจ้าไหนเพื่อติดตั้งเกม Fortnite ลงสมาร์ทโฟน โดยไม่มีการกีดกันจากผู้ผูกขาดอย่าง Google ได้เลย ที่มา - The Verge
# Wear OS เตรียมได้อัพเดตย่อยปรับปรุง UI และประสิทธิภาพ, กำลังพัฒนาเวอร์ชัน Android 11 หลังจากเงียบหายไปนาน ล่าสุด Wear OS จะมีอัพเดตใหม่แล้วในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยหลัก ๆ เป็นการปรับปรุง UI, ปรับปรุงประสิทธิภาพโดยเฉพาะการใช้งานซีพียู ทำให้เปิดแอปได้เร็วขึ้นราว 20%, ปรับปรุงการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงทำให้ Wear OS รองรับชิปเซ็ตใหม่อย่าง Snapdragon Wear 4100 และ 4100+ นอกจากอัพเดตนี้ Google บอกด้วยว่ากำลังพัฒนาคอร์ของ Wear OS ใหม่บนฐานของ Android 11 หลังจากเวอร์ชันปัจจุบันพัฒนาขึ้นจาก Android 9 Pie ที่มา - Android Developers
# [ไม่ยืนยัน] อินเดียเอาด้วย สั่งแบนห้ามใช้อุปกรณ์ 5G จาก Huawei, ZTE South China Morning Post รายงานอ้างอิงข้อมูลที่ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลอินเดียเตรียมจะสั่งห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศสั่งชิ้นส่วนอุปกรณ์ 5G จาก Huawei และ ZTE โดยเรื่องนี้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการหลังนายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งนี้ อินเดียกับจีนอาจกระทบกระทั่งกันบ้างตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ความสัมพันธ์ของสองประเทศนี้อยู่ในช่วงวิกฤติหลังการปะทะกันของทหารบริเวณพรมแดนประเทศในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน โดยก่อนหน้านี้บริษัทเทคของจีนก็ได้รับผลกระทบไปแล้วจากการแบนแอป 2 ระลอกรวมกันกว่า 100 แอป ที่มา - SCMP ภาพจาก Flickr / CIAT (CC BY-SA 2.0)
# เมื่อค้นหาช่องถ่ายกีฬาบน Google Search ระบบจะแสดงคอลัมน์ช่องถ่ายทอดสดไว้บนสุด กูเกิลอัพเกรด Search บนมือถือในสหรัฐฯ ให้ผู้ใช้งานหาช่องทีวีที่ถ่ายสดกีฬาและรายการทีวีได้ง่ายขึ้น เมื่อผู้ใช้งานพิมพ์ค้นหารายการที่มองหาอยู่ ยกตัวอย่าง where to watch the Clippers game หรือ how to watch the A’s game ระบบจะแสดงการ์ดระบุช่องที่ถ่ายทอดสดไว้ด้านบนเหนือ Top Stories ผู้ใช้สามารถใช้คำค้นหาที่เรียบง่ายอย่างเช่น Dodgers game ระบบไม่เพียงแสดงคะแนนสดๆ เท่านั้น ยังมีปุ่ม Live on ให้ด้วย เมื่อกดเข้าไปก็จะแสดงช่องที่ถ่ายทอดสด Dodgers game ฟีเจอร์ใหม่ยังใช้งานได้เฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐฯ แสดงผลเฉพาะกีฬาไม่กี่ประเภท เช่นบาสเกตบอล ฟุตบอลและครอบคลุมแค่ช่องทีวี เคเบิล โดยกูเกิลบอกว่าจะทำให้ครอบคลุมช่องสตรีมมิ่งหรือช่องทางดิจิทัลมากขึ้น และจะให้ครอบคลุมกีฬาหลากหลายประเภทมากขึ้นด้วย ด้านรายการทีวีปกติ กูเกิลมีระบบแนะนำช่องรายการทีวีอยู่แล้ว ล่าสุดเพิ่มการแสดงเนื้อหาสด เช่นเมื่อค้นหา “what to watch” หรือ “good shows to watch” บนมือถือ ระบบจะแสดงรายการที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้เป็นทางเลือก และแสดงในรูปแบบคลิปให้เห็นชัดขึ้นว่าตอนนี้รายการออนแอร์ไปถึงไหนแล้ว ที่มา - Gizmodo, กูเกิล
# Epic Games แจกฟรีเกม Total War Saga: Troy แบบจำกัดเวลา 24 ชั่วโมง Epic Games Store แจกฟรีเกม Total War Saga: Troy เกมใหม่ล่าสุดของซีรีส์ Total War ตามที่สัญญาไว้ การแจกเกมฟรีรอบนี้มีระยะเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น (ถึง 2 ทุ่มของวันนี้ 14 สิงหาคม) ใครอ่านข่าวจบแล้วก็ควรกดรับสิทธิบนหน้าเว็บ Epic Games Total War Saga: Troy เป็นสงครามในยุคกรีกโบราณ ที่ฝ่ายกรีกรบกับกรุงทรอย โดยเราสามารถเล่นเป็นตัวละครดังๆ ในตำนานอย่าง Achilles, Hector, Paris ได้ด้วย ที่มา - PCWorld
# Civilization VI ลง Android แล้ว ลองเล่นได้ฟรี 60 เทิร์นแรก Civilization VI ลง Android แล้ว ตามหลังเวอร์ชัน iPad ที่ออกมาตั้งแต่ปลายปี 2017 แต่เป็นผลงานการพอร์ตของบริษัท Aspyr Media เช่นเดียวกัน เกมขายบน Play Store ในราคา 19.99 ดอลลาร์ มีให้ทดลองเล่นฟรี 60 เทิร์นแรก และผู้เล่นสามารถซื้อภาคเสริม Rise and Fall (29.99 ดอลลาร์) กับ Gathering Storm (39.99 ดอลลาร์) เพิ่มได้ถ้าต้องการ ตอนนี้ Civilization VI มีให้เล่นบนแทบทุกแพลตฟอร์มแล้ว นอกจากเวอร์ชันมาตรฐานบนพีซี-แมค ก็มี Linux, Nintendo Switch, PS4/Xbox One ที่มา - Civilization
# Instagram จะให้บัญชีต้องสงสัยจำพวกบ็อท ยืนยันตัวตนด้วยเลขประจำตัว Instagram ออกมาตรการใหม่เพื่อป้องกันคนใช้งาน Instagram ในทางที่ผิด เตรียมให้บัญชีผู้ใช้งานต้องสงสัย,บัญชีสแปมหรือบ็อท ต้องยืนยันตัวตนด้วยเลขบัตรประชาชน ไม่เช่นนั้นโพสต์ของพวกเขาจะถูกจัดอันดับให้อยู่ในที่ที่คนเห็นน้อย หรือ down-ranked Instagram ระบุว่าจะสังเกตจากหลายปัจจัย เช่นบัญชีที่มีผู้ติดตามเยอะแต่ไม่ได้เป็นผู้ติดตามที่มาจากประเทศที่ตนอาศัยอยู่ หรือพบสัญญาณของการทำงานอัตโนมัติอย่างเช่นบัญชีบอท ก็จะขอให้เขายืนยันตัวตน หลังจากนั้นก็จะสามารถใช้งานได้ปกติ เลขประจำตัวที่ทำการยืนยันเข้ามาจะถูกลบภายใน 30 วัน เอกสารยืนยันที่ Instagram รองรับเอกสารใดก็ได้ที่ระบุชื่อจริงของตัวเอง ถ้าในกรณีที่ไม่มีบัตรประชาชนที่แน่ชัดก็สามารถใช้ ใบขับขี่, ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ, กรีนการ์ด, บัตรผู้อพยพ ฯลฯ ดูเพิ่มได้ ที่นี่ Instagram ไม่ระบุชัดเจนว่าตัวอย่างพฤติกรรมต้องสงสัยบน Instagram นั้นมีอะไรบ้าง แต่คาดว่าเป็นการพยายามป้องกันการแทรกแซงในช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯที่กำลังใกล้เข้ามา ภาพจาก Instagram Brand Assets ที่มา - Business Insider
# Google ถอด Fortnite ออกจาก Play Store แล้วเช่นกัน กูเกิลตัดสินใจถอด Fortnite ออกจาก Play Store แล้วเช่นเดียวกับแอปเปิล หลังจากที่ Epic ได้ทำระบบจ่ายเงินขึ้นมาเองในเกม Fortnite บนมือถือ ซึ่งไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่งในระบบ In-App ให้กูเกิล ทั้งนี้กูเกิลออกแถลงการณ์ถึงเหตุผลด้วย โดยระบุว่าแอนดรอยด์เป็นระบบเปิด ที่นักพัฒนาสามารถเผยแพร่แอปได้หลายช่องทางในแต่ละ Store สำหรับนักพัฒนาเกมที่เลือก Play Store นั้น กูเกิลมีกฎที่เป็นธรรมต่อนักพัฒนาอยู่แล้ว และทำให้ผู้ใช้งานใช้ได้อย่างปลอดภัย กรณีของ Fortnite นั้น จึงต้องถอดแอปออกไปเพราะผิดข้อกำหนดการใช้งาน อย่างไรก็ตามกูเกิลจะเจรจากับ Epic เพื่อหาแนวทางนำเกมนี้กลับมา เรื่องนี้อาจไม่เซอร์ไพรส์มากนัก เพราะแรกเริ่ม Epic ก็ตั้งใจไม่นำ Fortnite ลง Play Store อยู่แล้ว และให้ดาวน์โหลดตรงจากเว็บไซต์แทน แต่ก็เพิ่งมาเปลี่ยนใจเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และก็จบที่เกมนี้ถูกถอดจาก Play Store ที่มา: 9to5Google
# Fortnite โดน App Store แบนตามคาด, Epic ฟ้องแอปเปิลผูกขาด ออกวิดีโอ 1984 ล้อเลียน ไม่กี่ชั่วโมงหลัง Epic ทำระบบจ่ายเงินของ Fortnite บนมือถือเอง เพื่อเลี่ยงจ่ายส่วนแบ่ง 30% ให้แอปเปิล-กูเกิล แอปเปิลก็แบนเกม Fortnite ออกจาก App Store ตามคาด แต่ดูเหมือนว่านี่เป็นแผนของ Epic อยู่แล้ว สิ่งที่ตามมาทันทีคือ Epic ยื่นฟ้องแอปเปิลต่อศาลแคลิฟอร์เนียในข้อหาผูกขาด (คำฟ้องเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว) ในคำฟ้องพูดถึงโฆษณา 1984 ที่สร้างชื่อให้แอปเปิลในยุค Macintosh ว่าตอนนั้นแอปเปิลต้องการเป็นผู้ทำลายการผูกขาดของ IBM แต่พอมาถึงปี 2020 แอปเปิลกลายเป็นผู้ผูกขาดยิ่งกว่า IBM ด้วยซ้ำ เท่านั้นยังไม่พอ Epic ยังปล่อยคลิปล้อเลียนโฆษณา 1984 แต่เปลี่ยนตัวละครจาก IBM เป็นแอปเปิล และเปลี่ยนจากแอปเปิลเป็น Fortnite ด้วย (ซึ่งก็แน่นอนว่าเตรียมคลิปไว้ล่วงหน้าแล้ว) Epic ระบุว่าเกม Fortnite ยังสามารถเล่นได้บนแพลตฟอร์มอื่นๆ และขอให้ผู้เล่นร่วมกันประท้วงแอปเปิลด้วยการติดแท็ก #freefortnite ด้วย ส่วนคนที่จ่ายเงินผ่าน App Store ไปแล้วต้องไปขอทำเรื่องคืนเงินจากแอปเปิลเอง ที่มา - Epic Games
# Docker Hub ประกาศลบอิมเมจที่ไม่มีการใช้งานนานเกินหกเดือน คาดลบอิมเมจได้ 4.5PB Docker Hub บริการเก็บอิมเมจคอนเทนเนอร์ของ Docker ที่นับได้ว่าเป็นจุดดาวน์โหลดอิมเมจหลักของแอปพลิเคชั่นจำนวนมาก ประกาศเปลี่ยนข้อตกลงการใช้งาน โดยหากอิมเมจไม่มีการ push หรือ pull เป็นระยะเวลา 6 เดือนจะถูกลบออกจากระบบ เงื่อนไขการใช้งานหกเดือนนี้ใช้กับบัญชีแบบฟรีเท่านั้น ส่วนบัญชีเสียเงินจะไม่มีการตั้งเวลาลบอิมเมจออกแต่อย่างใด ทาง Docker ระบุว่าตอนนี้ Docker Hub เก็บข้อมูลปริมาณสูงถึง 15 เพตาไบต์ และทีมงานพบว่ามีอิมเมจรวมถึง 4.5 เพตาไบต์ไม่ได้ใช้งานเลยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จึงปรับแนวทางครั้งนี้ Docker Inc. นับเป็นบริษัทที่ไม่ประสบความสำเร็จนักในทางธุรกิจ ทั้งที่เป็นผู้จุดกระแสคอนเทนเนอร์เป็นวงกว้าง โดยตอนนี้ธุรกิจทำเงินหลักของบริษัทคือ Docker Hub แบบเสียเงิน ส่วน Docker Desktop นั้นเป็นซอฟต์แวร์ฟรีที่ลูกค้า Docker Hub ขอซัพพอร์ตทางอีเมลได้ ที่มา - Docker
# กูเกิลเปิดเฟรมเวิร์คทดสอบปัญญาประดิษฐ์ควบคุมหุ่นยนต์ในโลกเสมือน ให้มีข้อจำกัดเหมือนโลกจริง ปัญญาประดิษฐ์ในกลุ่มปัญหาที่ใช้การฝึกฝน (Reinforcement Learning - RL) เป็นโจทย์สำคัญของวงการปัญญาดิษฐ์ นับตั้งแต่การสร้างปัญญาประดิษฐ์สำหรับเล่นเกม, ควบคุมหุ่นยนต์, หรือแม้แต่ควบคุมรถยนต์ในรถไร้คนขับ ที่ผ่านมาวงการวิจัยมักอาศัยการพัฒนาโมเดลจากโลกเสมือนเป็นโมเดลสามมิติ แต่โลกเสมือนก็ต่างจากโลกจริงหลายส่วน ล่าสุดกูเกิลเปิด Real-World RL (RWRL) เฟรมเวิร์คโอเพนซอร์สสำหรับการจำลองสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริง ข้อจำกัดที่เหมือนจริง เช่น ระบบความปลอดภัยที่ห้ามไม่ให้หุ่นเคลื่อนที่เร็วเกินไป, คำสั่งไปถึงหุ่นยนต์โดยใช้เวลานาน (delay), คำสั่งมีสัญญาณรบกวน, เซ็นเซอร์มีสัญญาณรบกวน, สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป (พื้นลื่น, หุ่นยนต์เปลี่ยนรูปร่างหรือน้ำหนัก) การจำลองข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้โมเดลที่กำลังพัฒนาใกล้พร้อมใช้งานมากขึ้น และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการทดสอบบนหุ่นยนต์จริงมากเกินไป ที่มา - Google AI Blog ภาพจากโครงการ Everyday Robot ของ X มุ่งสร้างหุ่นยนต์ที่สอนให้ทำงานตามมนุษย์ต้องการได้
# อินเทลเผยข้อมูล Tiger Lake ซีพียู Willow Cove, จีพียู Xe-LP, ผลิตแบบ 10nm SuperFIN อินเทลจัดงาน Architecture Day 2020 โดยหัวหน้าทีมสถาปัตยกรรม Raja Koduri นำทีมมาเล่าแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของอินเทลในอนาคตอันใกล้นี้ สินค้าหลักที่ทุกคนให้ความสนใจย่อมหนีไม่พ้นซีพียูโค้ดเนม Tiger Lake ที่จะใช้ชื่อ Core 11th Gen ทำตลาด อินเทลเริ่มให้ข้อมูลของ Tiger Lake มาตั้งแต่ต้นปี มันจะเป็น SoC สำหรับโน้ตบุ๊กที่มีทั้งซีพียูและจีพียูมาในตัว (อินเทลใช้คำเรียกว่า XPU) ของใหม่ใน Tiger Lake มีทั้งซีพียูสถาปัตยกรรมใหม่ Willow Cove, จีพียูตัวใหม่ Xe-LP และการผลิตแบบใหม่ 10nm SuperFIN Willow Cove ซีพียูสถาปัตยกรรม Willow Cove เป็นตัวต่อจาก Sunny Cove ที่ใช้ใน Ice Lake แต่ปรับปรุงให้ดีขึ้น อินเทลระบุว่าสามารถขยายขอบเขต (range) ของสัญญาณนาฬิกา/โวลต์ไปได้กว้างขึ้น และเราสามารถได้เห็น Willow Cove รันทะลุ 4.5GHz ได้แล้ว (แลกกับโวลต์ที่สูงขึ้นกว่า Sunny Cove หากต้องการ) อินเทลยังเผยแผนการพัฒนาคอร์รุ่นถัดไปว่า ปีนี้เราได้เห็น Willow Cove ที่เป็นคอร์ซีพียูเดสก์ท็อป ส่วนปีหน้า 2021 จะเห็นตัวต่อคือ Golden Cove และนอกจาก Golden Cove แล้วจะมีคอร์รุ่นเล็ก (Atom เดิม) คือ Grace Mont ที่จะนำไปผสมกันเป็นซีพียูแบบไฮบริดคือ Alder Lake ซึ่งเป็นตัวต่อของ Lake Field ซีพียูไฮบริดรุ่นแรก 4+1 คอร์ที่เพิ่งเปิดตัว Xe-LP Tiger Lake จะมาพร้อมจีพียูตัวใหม่จริงๆ ของอินเทลคือ Xe (อ่านออกเสียงว่า "เอ็กซ์อี") ที่โฆษณาว่าประสิทธิภาพเท่าจีพียูแบบ discrete Xe จะเป็นแบรนด์จีพียูทั้งหมดของอินเทล ซึ่งอินเทลเปิดตัว Xe ตัวแรกมาตั้งแต่ปลายปี 2019 แต่ยังเป็นจีพียูรุ่นท็อปสุดสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยใช้ชื่อแบรนด์ย่อยว่า Xe-HPC ใช้โค้ดเนมว่า Ponte Vecchio ส่วน Xe ที่มากับ Tiger Lake ซึ่งเป็นซีพียูโน้ตบุ๊ก จะเป็น Xe ตัวล่างสุดที่เรียกว่า Xe-LP และมีสมรรถนะสูงกว่าจีพียูรุ่นปัจจุบัน (Gen11) 10nm SuperFIN สุดท้ายคือเรื่องกระบวนการผลิต ชิป Tiger Lake ยังใช้กระบวนการผลิตแบบ 10 นาโนเมตรเช่นเดียวกับ Ice Lake แต่ถือเป็น 10nm รุ่นที่สองแล้ว คราวนี้อินเทลเลิกใส่เครื่องหมายบวกหลังชื่อ (10nm+ หรือ 10nm++) แบบที่เราเคยเห็นกันในยุค 14nm แต่เรียกมันว่า SuperFIN แทน SuperFIN ประกอบด้วยเทคนิค 2 อย่างคือ SuperMIM และ Redefined FinFET ผลของเทคนิค SuperFIN ทำให้ประสิทธิภาพของ 10nm รุ่นที่สองดีขึ้นจากรุ่นแรกราว 15-20% ซึ่งถือว่าพัฒนาขึ้นจากยุค 14nm ที่แต่ละ + ประสิทธิภาพดีขึ้นไม่เยอะนัก วิดีโองาน Architecture Day 2020 ที่มา - Intel, Intel (2)
# Epic ทำระบบจ่ายเงินของ Fortnite บนมือถือเอง เลี่ยงจ่ายส่วนแบ่ง 30% ให้แอปเปิล-กูเกิล Epic Games เพิ่มระบบจ่ายเงินของตัวเอง Epic Direct Payment เข้ามาในเกม Fortnite เวอร์ชันมือถือ ให้เป็นทางเลือกนอกจากการจ่ายผ่าน App Store และ Play Store ที่โดนหักส่วนแบ่ง 30% ระบบจ่ายเงินของ Epic ตัวนี้ใช้กับเกม Fortnite เวอร์ชันอื่นๆ อยู่แล้ว ถ้าเคยผูกบัญชีไว้บนแพลตฟอร์มอื่น ก็จะสามารถจ่ายเงินบนมือถือได้ทันที เท่านั้นยังไม่พอ Epic ยังลดราคาสินค้าในเกมลง 20% หากจ่ายผ่านระบบของ Epic เอง เช่น แพ็คเหรียญราคา 9.99 ดอลลาร์หากจ่ายผ่าน App Store/Play Store จะลดเหลือ 7.99 ดอลลาร์ และการลดราคา 20% ครั้งนี้มีผลกับ Epic Direct Payment ทุกช่องทาง รวมถึงเวอร์ชันพีซีและคอนโซล (PS4, Xbox One, Switch) ด้วย ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่า Epic แก้ปัญหาเรื่อง "กฎการห้ามทำระบบจ่ายเงินเอง" ของ App Store ได้อย่างไร และจะมีผลทำให้โดนแอปเปิล (รวมถึงกูเกิล) แบนด้วยหรือไม่ ที่ผ่านมา Epic โจมตีการหักส่วนแบ่ง 30% ของแอปเปิลและกูเกิลมาโดยตลอด และพยายามไม่เผยแพร่เกมผ่าน Play Store แม้ภายหลังต้องกลับลำก็ตาม ที่มา - Epic (1), Epic (2)
# [ลือ] แอปเปิลเตรียมเปิดตัว Apple One บริการ subscription แบบบันเดิลเดือนตุลาคมนี้ Bloomberg รายงานอ้างอิงคนที่เกี่ยวข้องว่าแอปเปิลเตรียมจะเปิดตัวบริการ subscription ใหม่แบบบันเดิลที่รวมหลาย ๆ บริการเข้าไว้ด้วยกัน ในเดือนตุลาคมนี้พร้อม ๆ กับการเปิดตัว iPhone และ iPad ใหม่ จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้บริการของแอปเปิลเข้าถึงคนได้มากขึ้นและถูกลงหากใช้บริการหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ตัวบริการจะมีชื่อว่า Apple One และมีหลายระดับแพ็กเกจให้เลือก ข้อมูลแพ็กเกจตอนนี้คือแพ็กเกจที่ถูกที่สุดจะมี Apple Music และ Apple TV+ ส่วนแพ็กเกจที่แพงขึ้นไปอีกก็จะเพิ่ม Apple Arcade ตามด้วยแพ็กเกจที่เพิ่ม Apple News+ ส่วนแพ็กเกจที่แพงที่สุดจะรวมทุกบริการพร้อมพื้นที่ iCloud เพิ่ม อย่างไรก็ตามรายละเอียดแพ็กเกจยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้จนกว่าจะเปิดตัว บริการเหล่านี้จะอยู่ในกลุ่ม Services ซึ่งแอปเปิลทำรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไตรมาสล่าสุดก็เติบโตถึง 15% ที่มา - Bloomberg
# Google ประกาศรองรับแอปนำทาง, หาที่จอดรถและหาที่ชาร์จรถไฟฟ้าบน Android Auto Google ประกาศขยายการรองรับแอปประเภทใหม่ ๆ บน Android Auto อย่างแอปนำทาง, หาที่จอดรถและหาที่ชาร์จรถไฟฟ้า พร้อมประกาศพาร์ทเนอร์ระดับ early access ที่พัฒนาแอปกลุ่มดังกล่าวชุดแรก นอกจากนี้ Google ยังออกไกด์ไลน์สำหรับการพัฒนาแอปบน Android Auto เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานบนรถที่สุด โดยแอปเบต้าในกลุ่มดังกล่าวจะเริ่มปล่อยให้ทดสอบภายในสิ้นปีนี้ ก่อนจะปล่อย APIs ให้นักพัฒนาแอปทั้งหมดต่อไป ที่มา - Android Developers พาร์ทเนอร์ชุดแรก
# WSJ รายงาน TikTok เคยใช้ช่องโหว่ Android แอบเก็บ MAC Address, ละเมิดนโยบาย Google ความควายกำลังเข้ามาแทรก TikTok ท่ามกลางสถานการณ์ความวัวที่ยังไม่หาย เมื่อ WSJ รายงานการค้นพบว่า TikTok เคยแอบใช้ช่องโหว่ของ Android เก็บเลข MAC Address ของผู้ใช้งาน เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 15 เดือน ก่อนจะเลิกเก็บไปในอัปเดตเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนปีที่แล้ว WSJ ระบุว่าได้ตรวจสอบแอป TikTok ทั้งหมด 9 เวอร์ชันที่ปล่อยขึ้น Play Store ตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 จนถึงมกราคม 2020 โดยตรวจสอบพฤติกรรมการเก็บข้อมูลของแอปหลังติดตั้งและเปิดใช้งานครั้งแรกเป็นหลัก ซึ่งนอกจาก MAC Address แล้ว WSJ บอกว่าไม่พบการเก็บข้อมูลอะไรที่ผิดปกติ นอกจากกระบวนการเข้ารหัสอีกขั้น (นอกจากเหนือจากโปรโตคอลเข้ารหัสในการส่งข้อมูลตามมาตรฐานเพื่อป้องกันการดักข้อมูล) ที่ครอบทับการส่งข้อมูลที่ถูกเก็บข้างต้น ซึ่ง WSJ ระบุว่ามันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ เพราะไม่ได้เพิ่มความปลอดภัยใด ๆ นอกจากเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบ ขณะที่ Google เองก็มีนโยบายห้ามไม่ให้นักพัฒนาแอป Android เก็บข้อมูล (เพื่อโฆษณา) ที่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้หรืออุปกรณ์ได้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ขณะที่ช่องโหว่ที่ TikTok ใช้เพื่อเก็บ MAC Address ก็ถูก Joel Reardon ผู้ช่วยศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย Calgary แจ้งไปยัง Google ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ทำให้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า TikTok ใช้วิธีไหนเพื่อเก็บ MAC Address โดย Google ระบุว่ากำลังตรวจสอบประเด็นการค้นพบของ WSJ อยู่ ทั้งนี้ข้อกล่าวหาของรัฐบาลทรัมป์ที่มี TikTok จนนำมาสู่การแบน คือกลัวการเก็บข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกันและถูกเข้าถึงโดยรัฐบาลจีน ซึ่ง TikTok ปฏิเสธหัวชนฝามาตลอด ที่มา - Wall Street Journal
# กูเกิลเปิดเว็บใหม่สอนพัฒนาแอพลง Chrome OS, รัน Android Emulator ตัวเต็มได้แล้ว กูเกิลเปิดเว็บใหม่ ChromeOS.dev เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับนักพัฒนาแอพที่สนใจ Chrome OS ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นมากในช่วงหลัง โดยกูเกิลให้สถิติว่าช่วงไตรมาส 2/2020 ที่ผ่านมา ยอดขาย Chromebook ในสหรัฐอเมริกาเติบโตถึง 127% จากปีก่อน เทียบกับตลาดโน้ตบุ๊กทั่วไปที่เติบโต 40% การพัฒนาแอพบน Chrome OS ใช้ได้ทั้งเว็บแอพ, Android, Flutter และแอพจากลินุกซ์ กูเกิลยังประกาศซัพพอร์ตการรัน Android Emulator ตัวเต็มบน Chrome OS ด้วย (Android Studio รันบน Chrome OS ได้ตั้งแต่เวอร์ชัน 3.5 แต่ตัว Emulator ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์จนกระทั่งวันนี้) ทำให้นักพัฒนาสามารถเขียนแอพบน Chrome OS เพื่อรันบน Chrome OS ได้เลย ที่มา - Android Developers
# Lookout by Google แอปใช้ AI ช่วยคนพิการทางตาเพิ่มโหมดอ่านเอกสารและฉลากอาหาร กูเกิลเปิดตัวแอป Lookout by Google ตั้งแต่ปี 2019 เป็นแอปที่ใช้ AI ช่วยผู้พิการทางสายตาตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวเพื่อช่วยการดำรงชีวิตประจำวัน ตอนแรกเปิดใช้งานเฉพาะผู้ใช้ Pixel ก่อนและขยายไปยังผู้ใช้งานแอนดรอยด์ทั่วไปในภายหลัง ล่าสุดขยายการใช้งานไปนอกสหรัฐฯ ด้วย ล่าสุดเพิ่มโหมดอ่านเอกสารและอ่านฉลากอาหาร Lookout by Google มีการใช้งาน 5 โหมดคือ Explore นำมือถือจ่อไปข้างหน้าเพื่อให้แอปบอกว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวของเรามีอะไรบ้าง แต่ยังเป็นสถานะเบต้าหรือทดลองการใช้งานอยู่ Use Currency ใช้แอปตรวจจับธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ ว่าเป็นธนบัตรอะไร มีค่าเท่าไร ยังตรวจจับธนบัตรได้สกุลเดียวและยังตรวจจับเหรียญไม่ได้ Use Quick Read ให้มือถืออ่านข้อความสัญญาณง่ายๆ ให้ เหมาะสำหรับวัตถุที่มีข้อความน้อย Scan Document เป็นโหมดใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาล่าสุด สามารถอ่านเอกสารให้ฟังได้ โดยใช้มือถือถ่ายรูปหน้าเอกสารนั้น จากวิดีโอการใช้งานพบว่า แม้ไม่ได้ถ่ายรูปตรงๆ ระบบก็จะตรวจจับข้อความได้ Food Label เป็นโหมดใหม่ล่าสุด ให้ระบบอ่านฉลากอาหารให้ฟัง ช่วยให้แบ่งแยกอาหารที่บรรจุมาในบรรจุภัณฑ์แบบเดียวกัน Lookout รองรับภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมันและสเปน บนอุปกรณ์แอนดรอยด์ทั้งหมดที่ใช้ Android 6 ขึ้นไปพร้อม RAM มากกว่า 2GB ทางกูเกิลยังแนะนำให้ผู้ใช้งานแขวนมือถือไว้ที่คอ หรือใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อที่จะช่วยให้หยิบง่าย ที่มา - กูเกิล
# Xiaomi เปิดตัวทีวี OLED จอใส รีเฟรชเรท 120Hz ราคาราว 225,000 บาท Xiaomi เปิดตัว Mi TV Lux Transparent Edition ทีวีจอ OLED แบบใส มองทะลุได้ ขนาดจอ 55 นิ้ว แสดงผลสีมาตรฐาน DCI-P3 ได้ 93% รีเฟรชเรท 120Hz อัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 150,000:1 ระบบเสียงรองรับ Dolby Atmos ตัวทีวีบางแค่ 5.7มม. Mi TV Lux Transparent Edition ไม่ใช่แค่การโชว์ต้นแบบเทคโนโลยี แต่เป็นทีวีจอใสที่วางขายจริงที่ราคา 49,999 หยวนหรือราว 225,000 บาท เริ่มขายวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ที่มา - Xiaomi Blog
# Cisco ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมารายได้ลด 9% คาดไตรมาสหน้ายังลดต่อไป 9-11% ซิสโก้ประกาศผลประกอบการไตรมาสสี่ของปีบัญชี 2020 ที่สิ้นสุดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยรายได้รวมลดลง 9% เหลือ 12.2 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ทั้งปีรายได้ลดลง 5% เหลือ 49.3 พันล้านดอลลาร์ แต่กำไรไตรมาสสี่เพิ่มขึ้นถึง 19% เป็น 2.6 พันล้านดอลลาร์ ธุรกิจที่กระทบหนักที่สุดคือกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Platform) ที่รายได้ลดลงถึง 16% เหลือ 6,626 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ฝั่งธุรกิจความมั่นคงปลอดภัยเติบโตถึง 10% เป็น 814 ล้านดอลลาร์ Chuck Robbins ระบุถึงแนวทางต่อจากนี้ว่าลูกค้าต้องการใช้งานเทคโนโลยีเป็นบริการ (technology-as-a-service) โดยที่ผ่านมาธุรกิจฝั่งซอฟต์แวร์ก็ขายแบบสมัครสมาชิกจนคิดเป็น 78% ของรายได้ซอฟต์แวร์แล้ว หลังจากนี้บริษัทจะหาทางให้บริการฮาร์ดแวร์ในแบบ as-a-service ด้วย ที่มา - The Register, Cisco ภาพจาก Cisco
# ไอบีเอ็มหยุดปรับเงินเดือนตามรอบถึงกลางปีหน้า ระบุ COVID-19 ทำเศรษฐกิจไม่แน่นอน เว็บไซต์ The Register อ้างถึงจดหมายเวียนจาก Diane Gherson รองประธานอาวุโสฝ่ายบุคคลของไอบีเอ็มประกาศหยุดการปรับเงินเดือนไปจนถึงครึ่งปีหน้า โดยระบุว่า COVID-19 ทำเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน มาตรการนี้ยกเว้นในบางประเทศที่มีกฎหมายบังคับปรับเงินเดือน และการปรับเงินเดือนจากการเลื่อนขั้นและการย้ายตำแหน่งงานยังมีต่อไป Gherson ระบุว่าการขึ้นเงินเดือนตามรอบปกติ หรือ Employee Salary Program นั้นดูจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสภาพเศรษฐกิจ, มูลค่าของความสามารถแต่ละประเภทในตลาด, และการแข่งขันของค่าแรง โดยปัจจัยเหล่านี้อยู่ในสภาพไม่แน่นอน และผู้บริหารเองก็จะไม่ได้ปรับเงินเดือนในปีนี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้บริษัทไอทีหลายบริษัทก็ออกมาตรการรับมือ COVID-19 เช่น HPE ถึงกับมีมาตรการลดเงินเดือน, หยุดปรับตำแหน่ง, และจำกัดการเพิ่มพนักงาน ที่มา - The Register สำนักงานไอบีเอ็มในอัมสเตอร์ดัม
# Mi 10 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับ Quick Charge 5 Qualcomm เปิดตัว Quick Charge 5 ระบบชาร์จเร็วรุ่นใหม่เมื่อปลายเดือนที่แล้วโดยมี Xiaomi เป็นรายแรกที่ประกาศใช้เทคโนโลยีนี้ และก็กลายเป็นว่า Mi 10 Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวก็เป็นรุ่นแรกที่รองรับเทคโนโลยีนี้ Quick Charge 5 รองรับกำลังไฟสูงสุด 100W ขณะที่ Mi 10 Ultra รองรับสูงสุด 120W โดย Xiaomi เพิ่งอธิบายการทำงานของระบบจ่ายไฟนี้ว่าหัวชาร์จจะจ่ายไฟที่ 20V/6A ก่อนจะแปลงเป็น 10V/12A 2 กระแสที่จ่ายให้กับเซลล์แบตเตอรี่ของ Mi 10 Ultra ก้อนละ 5V/12A (Mi 10 Ultra เป็นดูอัลเซลล์) ที่มา - @Qualcomm via XDA
# บริษัทชิปจีนดึงวิศวกร TSMC ไปร่วม 100 คน ดันโปรเจ็คพัฒนาชิปเอง อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนถือว่าตามหลังตะวันตกหรือแม้แต่ไต้หวันอยู่หลายปี และพอเกิดสงครามการค้ารอบนี้ก็ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้จีนต้องแก้ปัญหานี้ ซึ่ง TSMC เป็นเป้าหมายหลักที่จีนจะดึงวิศวกรเก่ง ๆ มาทำงานด้วย ล่าสุด Nikkei Asian Review รายงานว่า Quanxin Integrated Circuit Manufacturing (QXIC) และ Wuhan Hongxin Semiconductor Manufacturing Co. (HSMC) ไปจนถึงบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของจีนอีกหลายบริษัทต่างดึงวิศวกรจาก TSMC รวมกันกว่า 100 คน ซึ่งเกินครึ่งของจำนวนนี้ทำงานกับ QXIC และ HSMC ที่สำคัญคือ 2 บริษัทนี้ได้ผู้บริหารที่เคยทำงานกับ TSMC มาบริหารด้วย HSMC และ QXIC เพิ่งก่อตั้งในปี 2017 และ 2019 ตามลำดับ โปรเจ็คสำคัญตอนนี้คือการพัฒนากระบวนการผลิตชิปที่ 14 นาโนเมตรและ 12 นาโนเมตร อย่างไรก็ตาม Nikkei รายงานว่าสิ่งที่ TSMC กลัวไม่ใช่แค่การสูญเสียทรัพยากรบุคคล แต่รวมถึงความลับทางการค้าต่าง ๆ ว่าจะตกไปถึงบริษัทจีน จนถึงขนาดต้องให้ผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับผลิตชิปเซ็นสัญญาฉบับใหม่ ว่าจะไม่ขายแบบเครื่องจักรหรือเครื่องมือที่ TSMC สั่งผลิตให้กับจีน ที่มา - Nikkei Asian Review ภาพจาก TSMC
# Apple ออกอัพเดต iOS และ iPadOS 13.6.1 แก้ไขบั๊กหลายรายการ แอปเปิลออกอัพเดตย่อยของ iOS และ iPadOS เวอร์ชัน 13.6.1 ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตแบบ OTA ได้ที่ Settings > General > Software Update ในอัพเดตนี้แอปเปิลระบุว่าเป็นการแก้ไขบั๊กหลายรายการ อาทิ บั๊กไม่สามารถลบไฟล์ข้อมูลระบบได้อัตโนมัติ กรณีพื้นที่หน่วยความจำเหลือน้อย, แก้ปัญหาตัวจัดการความร้อน ที่ส่งผลให้จอแสดงสีเขียว, แก้ไขบั๊ก Exposure Notification อาจปิดการทำงาน ที่มา: MacRumors