txt
stringlengths
202
53.1k
# ประธาน Nintendo ยอมรับ ปัญหา Nintendo Switch ขาดตลาด ยังแก้ไขไม่ได้เร็ว ๆ นี้ ในการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีของนินเทนโดที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับ Nintendo Switch ที่มีปัญหาสินค้าขาดตลาดมาหลายเดือน ว่านินเทนโดจะแก้ไขปัญหานี้ให้ดีขึ้นได้เมื่อใด Shuntaro Furukawa ซีอีโอและประธานนินเทนโด ตอบคำถามดังกล่าวว่า Switch เป็นสินค้าที่มีสินค้าจำหน่ายปกติ และสินค้าก็ขาดตลาดสลับไปมาระยะหนึ่งแล้ว แต่สินค้าเริ่มขาดแคลนมากขึ้นหลังเกม Animal Crossing: New Horizons วางจำหน่าย ซึ่งมีผลกระทบจากโรงงานชิ้นส่วนในจีนช่วงการระบาดของไวรัสเพิ่มเข้ามาอีก อย่างไรก็ตามการผลิตคอนโซลตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว แต่เนื่องจากสินค้าอยู่ในภาวะขาดตลาดเป็นเวลานาน ทำให้ภาพรวมความต้องการสินค้าอยู่ในระดับที่สูงมากกว่าที่บริษัทผลิตได้ ในตอนนี้บริษัทก็ยังตอบไม่ได้ว่าสถานการณ์จะเป็นปกติเมื่อใด นอกจากนี้นินเทนโดยังตอบคำถามประเด็นการระบาดของโควิด-19 จะส่งผลต่อการออกเกมใหม่หรือไม่ ว่ายังไม่เห็นผลกระทบสำหรับเกมที่มีกำหนดออกในปีนี้ แต่เป็นไปได้ว่าในอนาคตเกมอาจออกไม่ได้ตามแผน ถ้ามีการระบาดระลอกใหม่ ที่มา: Kyodo News และ Nintendo Everything
# ฮ่องกงเริ่มบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของจีน ตำรวจสั่งให้เปิดเผยหรือลบข้อมูลได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งศาล หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนออกกฎหมายด้านความมั่นคงของประเทศฉบับใหม่ ซึ่งมีผลครอบคลุมถึงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงด้วย ตามกฎหมายแล้วตำรวจมีอำนาจในการขอให้ “ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง” ทำการลบข้อมูลหรือช่วยในการสืบสวนได้โดยไม่ต้องใช้คำสั่งจากศาลอีกต่อไป ตามกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของจีน อนุญาตให้ตำรวจค้นหาข้อมูลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อาจมีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมายความมั่นคง และรัฐบาลฮ่องกงสามารถกระทำตามมาตรการที่จำเป็นเพื่อตรวจตราและกำกับดูแลความมั่นคงของประเทศบนอินเทอร์เน็ตได้ ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ระบุชัดเจนว่าผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องคือใครบ้าง แต่เชื่อมั่นว่าจะรวมถึงโซเชียลมีเดียรายใหญ่ด้วย โดย Francis Fong ประธานกิตติมศักดิ์ของสหภาพเทคโนโลยีสารสนเทศฮ่องกงระบุว่า ทุกวันนี้บริษัทโซเชียลมีเดียรายใหญ่มีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง แต่สำนักงานใหญ่และเซิร์ฟเวอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นถ้าตำรวจขอข้อมูลหรือสั่งให้กระทำการใด ๆ สำนักงานที่นี่คงจะตัดสินใจให้ไม่ได้ ก็ต้องรดูกันต่อไปว่าโซเชียลมีเดียรายใหญ่อย่าง Facebook จะดำเนินการต่อคำขอเหล่านี้อย่างไร Simon Young จาก University of Hong Kong ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้ปลดปล่อยอำนาจให้ตำรวจ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีเกณฑ์ที่ระบุชัดว่าข้อมูลอะไรควรลบหรือไม่ควร ปัจจุบัน ฮ่องกงถือเป็นฮับด้านอินเทอร์เน็ตของภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยมีศูนย์ข้อมูลของผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่จำนวนมาก ซึ่งคาดว่าผู้ให้บริการที่เก็บข้อมูลอยู่ที่ฮ่องกงทั้งหมดจะต้องทำตามกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่นี้ โดยเมื่อปีที่แล้ว สมาคม ISP ฮ่องกงก็เคยเตือนตอนที่กำลังจะประกาศใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินที่ให้อำนาจรัฐบาลในการควบคุมต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการเซนเซอร์หรือจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตว่าจะเป็นการทำลายการเป็นฮับการสื่อสารของฮ่องกง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเสาหลักความสำเร็จของการเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลก ที่มา - SCMP ภาพจาก Shutterstock
# Samsung ยังเป็นเจ้าตลาดชิปหน่วยความจำมือถือ ครองส่วนแบ่งถึง 50% ใน Q1/2020 Strategy Analytics เปิดเผยว่า Samsung ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดชิปหน่วยความจำมือถือมากที่สุดในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่มีมูลค่ารวมทั้งหมด 9.4 พันล้านเหรียญ โดยมีส่วนแบ่งตลาดถึง 50% ตามมาด้วยบริษัท SK Hynix และ Micron เป็นอันดับสองและสาม โดยสามบริษัทนี้รวมกัน ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 84% เมื่อแยกเป็นตลาดชิปแบบ NAND ฝั่ง Samsung Memory ครองส่วนแบ่ง 43.8% ตามมาด้วย Kioxia ที่ 21% และ SK Hynix ที่ 16% ภาพรวมของตลาดเติบโตขึ้น 4% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว จากราคาของชิป NAND ที่ทรงตัวขึ้น บวกกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของชิปหน่วยความจำประเภทแฟลช ส่วนในตลาด DRAM Samsung Memory ครองส่วนแบ่งรายได้ 54.7% ตามมาด้วย SK Hynix ที่ 25% และ Micron ที่ 19% ภาพรวมของตลาดมีหดตัวลง 4% เนื่องจากความต้องการชิปหน่วยความจำเปลี่ยนไปเป็นแบบอื่นแทน นอกจากนี้ Strategy Analytics ยังกล่าวอีกว่าตลาดชิปหน่วยความจำมือถือยังจะเจอปัญหาอีก เนื่องจากปัญหาในการผลิต และยอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของมือถือในช่วงนี้ ที่เป็นผลมาจากวิกฤตโรค COVID-19 แต่อย่างไรก็ตาม ชิปหน่วยความจำมือถือแบบ UFS 3.0 และ LPDDR5 ก็ยังคงเป็นที่ต้องการจากผู้ผลิตมือถือแบรนด์ต่างๆ อยู่ ที่มา - Strategy Analytics
# Chrome 85 บนแอนดรอยด์จะเป็นเวอร์ชัน 64-bit แล้ว รองรับเฉพาะ Android 10 ขึ้นไป แม้ Google จะเริ่มบีบนักพัฒนาเรื่องการส่งแอป 64-bit ขึ้น Play Store มาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่แอปของตัวเองอย่าง Chrome ที่รองรับ 64-bit บนพีซีมานาน กลับยังคงเป็น 32-bit บนแอนดรอยด์เท่านั้น ล่าสุด Android Police พบว่า Chrome 85 บนแอนดรอยด์ที่ยังอยู่ในแชนแนล Dev เริ่มรองรับเวอร์ชัน 64-bit แล้ว อย่างไรก็ตาม เวอร์ชัน 64-bit กลับรองรับเฉพาะเครื่องที่รัน Android 10 ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งสัดส่วนถือว่ายังค่อนข้างน้อย ที่มา - Android Police
# Facebook, Instagram แสดงคำเตือนให้สวมหน้ากากอนามัย หลังสหรัฐฯ มีคนติดเชื้อพุ่งสูง สหรัฐฯ มีผู้ติดโรค COVID-19 เพิ่มสูงอีกครั้ง จนดารา, นักการเมืองออกมาโพสต์รูปสนับสนุนให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยผ่านทางโซเชียลมีเดีย ล่าสุด Facebook, Instagram ก็จะแสดงคำเตือนในโพสต์แรกของหน้าฟีด เตือนให้ผู้ใช้งาน​สวมใส่หน้ากากอนามัยเสมอ พร้อมลิงค์ข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสจาก CDC ด้วย โดยการแสดงคำเตือนนี้จะมองเห็นเฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐฯ เท่านั้น ที่มา - CNET
# GoJek รวมแบรนด์และแอปในภูมิภาคเป็นชื่อเดียว เลิกใช้แบรนด์ GET GoJek สตาร์ทอัพเรียกรถและบริการ O2O จากอินโดนีเซีย ที่เปิดให้บริการในเวียดนามในชื่อ GoViet และไทยในชื่อ Get ประกาศเปลี่ยนชื่อใน 2 ประเทศหลังให้เป็นชื่อเดียวเหมือนชื่อบริษัทแม่ ผู้ก่อตั้ง GoJek บอกว่าตอนขยายตลาดไปเวียดนาม บริษัทไม่ต้องการบังคับใช้ชื่อแบรนด์ต่างประเทศ และต้องการให้บริษัทลูกผลักดันและกำหนดตัวตนของตัวเอง อย่างไรก็ตามแนวคิดกล่าวกลายเป็นปัญหาเรื่องทำงานข้ามแพลตฟอร์ม รวมถึงการต้องดาวน์โหลดแอปแยกในแต่ละประเทศ (เทียบกับ Grab ที่เป็นแอปเดียว ไม่ว่าจะประเทศไหน) ทำให้ GoJek จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทาง หันมารวมแบรนด์และเทคโนโลยี เพื่อให้การบริการและการสร้างซุปเปอร์แอปมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การรวมแบรนด์และแอปของ GoJek ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างองค์กรของบริษัทลูกในเวียดนามและไทยอย่างใด ที่มา - Nikkei, GET
# ทัวร์นาเมนต์เกมต่อสู้ Evo ปลดซีอีโอ หลังถูกแฉล่วงละเมิดทางเพศ ค่ายเกมถอนตัว เกิดปัญหาขึ้นใน Evolution Championship Series หรือ Evo ทัวร์นาเมนต์เกมไฟติ้งชื่อดัง เมื่อ Joey Cuellar ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งทัวร์นาเมนต์ ถูกแฉว่าล่วงละเมิดทางเพศเด็กวัยรุ่นผู้ชายหลายคน (เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต ช่วงปี 2001-2002) หลังมีข่าวนี้ออกมา ค่ายเกมไฟติ้งอย่าง Capcom, Bandai Namco, NetherRealm (Mortal Kombat) ประกาศถอนตัวจาก Evo 2020 ที่จะจัดเป็นงานออนไลน์ รวมถึงโปรเพลเยอร์ชื่อดังหลายๆ คนในวงการเกมไฟติ้งด้วย Evo ประกาศปลด Joey Cuellar ออกจากตำแหน่งซีอีโอและภาระงานใน Evo ทั้งหมด โดย Tony Cannon ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนจะมาเป็นซีอีโอแทน ส่วน Cuellar ก็แถลงขอโทษผ่านทวิตเตอร์ ยอมรับความผิดพลาดในอดีต และบอกว่าตอนนั้นเขายังเด็ก มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายอย่าง ตอนนี้ทัวร์นาเมนต์ Evo Online 2020 ถูกยกเลิกไปแล้ว ข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ระบุว่างานจะกลับมาอีกครั้งในปี 2021 ส่วนค่ายเกมต่างๆ จะกลับมาเข้าร่วมกับ Evo หรือไม่นั้นต้องรอดูกันต่อ ที่มา - Kotaku, Kotaku
# บริษัทวิเคราะห์คาด บริษัทเกมหลายเจ้ากำลังพิจารณาขึ้นราคาเกมตามรอย NBA 2K21 Yoshio Osaki ซีอีโอของ IDG Consulting บริษัทวิเคราะห์ตลาดให้สัมภาษณ์กับ GameIndustry เปิดเผยว่าบริษัทจัดจำหน่ายเกมหลายเจ้ากำลังพิจารณาขึ้นราคาเกมที่จะวางขายบน PlayStation 5 และ Xbox Series X หลังราคาขายปลีกปัจจุบัน (ราว 59.99 เหรียญ) นิ่งมาตั้งแต่ราวปี 2005 Osaki บอกว่าครั้งสุดท้ายที่ราคาปลีกเกมมีการปรับราคาจาก 49.99 มาเป็น 59.99 เหรียญคือช่วงเข้าสู่ยุค Xbox 360 และ PlayStation 3 ขณะที่การปรับราคาขายปลีกขึ้นมาอีก 10 เหรียญที่ 69.99 เหรียญอย่างที่ NBA 2K21 เริ่มนำร่องไปแล้ว คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเพียง 17% จากปี 2005 ซึ่งน้อยมาก เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นอย่างภาพยนตร์ ที่ราคาตั๋วขยับขึ้นมาจากช่วงเวลาเดียวกันราว 39%, Netflix ขึ้นมา 100% หรือเคเบิลทีวีที่เพิ่มขึ้นมา 105% ภาพจาก Shutterstock ซีอีโอ IDG บอกด้วยว่าการปรับราคาดังกล่าว (10 เหรียญ) ไม่สะท้อนต้นทุนของอุตสาหกรรมเกมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเขาคาดว่าต้นทุนพัฒนาเกมสำหรับคอนโซลเจนใหม่จะเพิ่มขึ้นราว 200%-300% ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ Shawn Layden ที่บอกว่าต้นทุนการพัฒนาเกมแพงขึ้นเรื่อยๆ และจะไม่ยั่งยืนหากยังขายราคาเท่าเดิม ที่มา - GameIndustry
# Ubisoft เปิดตัว Hyper Scape เกม Battle Royale แนวไซไฟ เล่นฟรี Ubisoft เปิดตัว Hyper Scape เกม Battle Royale เล่นฟรีอีกเกม ในท้องตลาดที่เต็มไปด้วยเกมแนวเดียวกันนี้ แต่คราวนี้ Ubisoft พยายามสร้างความแตกต่างด้วยความไซไฟ และเกมการเล่นที่เน้นการยิงต่อสู้ในแนวดิ่ง กระโดดขึ้นตึก ยิงจากด้านบนลงล่าง (verticality) แผนที่ในเกมจะเป็นเมืองในโลกเสมือน “Neo Arcadia” ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า แท่นกระโดด และอาวุธมากมาย ตัวเกมจะมี AI Game Master คอยเปิด “Battle Events” พิเศษในการเล่นช่วงระยะหนึ่ง เช่น กระสุนไม่จำกัด, ลดแรงดึงดูดให้ผู้เล่นโดดสูงได้ และอื่นๆ โดย AI จะทำงานร่วมกับระบบคอมเม้นต์ และการเปิดโหวตจากคนดูใน Twitch ด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบสกิลให้เก็บในฉาก เรียกว่า “Hacks” เช่น แดช, หายตัว, เปลี่ยนตัวเองเป็นลูกบอลลอยได้, เปิดเผยศัตรูในระยะใกล้ เก็บได้สองชนิดพร้อมกัน และสามารถอัพเลเวลให้กับสกิลหรือปืนที่มีโดยการเก็บปืนหรือสกิลแบบเดิมซ้ำอีกรอบได้ด้วย แผนที่รองรับผู้เล่นได้สูงสุด 100 คน โดยมีระบบปิง ชี้และปักหมุดในแผนที่ (เหมือนเกม MOBA) เพื่อบอกจุดหมาย หรือระบุตำแหน่งไอเท็มให้เพื่อนเห็น คล้ายกับ Apex Legends ถ้าเล่นแบบ Squads เมื่อผู้เล่นตาย จะสามารถกลายเป็นร่าง “Echo” วิ่งอยู่ในฉาก และสามารถกลับเกิดมาใหม่ได้ โดยเพื่อนต้องฆ่าศัตรูอย่างน้อยหนึ่งคนเพื่อสร้างจุดชุบชีวิต เมื่อเหลือผู้เล่นกลุ่มสุดท้าย เกมจะเข้าสู่ ช่วง Showdown ที่จะมีมงกุฎทองปรากฎขึ้น และหากเก็บมงกุฎมาถือได้ 45 วินาที หรือฆ่าผู้เล่นคนอื่นจนหมด ก็จะชนะในเกมนั้นไป Hyper Scape เปิดให้ทดสอบ technical testing phase เฉพาะบน PC ในโซนอเมริกาเหนือและยุโรปเท่านั้น วิธีการได้รับคีย์คล้ายคลึงกับ Valorant คือสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ Hyper Scape หรือจากการดูช่อง Twitch ที่เปิด Twitch Drop ขอเกมนี้ ส่วนตัวเกมเวอร์ชั่นเต็ม จะเปิดให้เล่นภายในปีนี้บน PC, PS4 และ Xbox One โดยยังไม่ระบุวันที่แน่นอน ที่มา - Neowin
# Capcom ย้ำ Resident Evil: Village ไม่ใช่ RE8 แต่เป็นบทสรุปเรื่องราวภาค 7 นับตั้งแต่ภาพหลุด วิดีโอเปิดตัวไปจนถึงโลโก้ของเกม Resident Evil: Village มีการเน้นตัวสีเหลืองที่ออกมาเป็นเลขโรมัน VIII ซึ่งสื่อไปถึงการเป็นเกมภาคที่ 8 ออกมาอยางชัดเจน อย่างไรก็ตามโปรดิวเซอร์เกม บอกว่าอยากให้เรียกเกมนี้ว่า RE: Village ไม่ใช่ RE8 (เหมือนสื่อว่ามันไม่ใช่ภาค 8 เป็นภาคต่อของ 7 มากกว่า) Tsuyoshi Kanda และ Peter Fabiano โปรดิวเซอร์ของ RE: Village ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่ไม่มีชื่อภาคในไตเติล (Resident Evil: Village ไม่ใช่ Resident Evil 8: Village) ระบุว่า Village เหมือนเป็นตัวละครเอกอีกตัวในเกม (แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเลย) และที่ตั้งชื่อภาคก็เพื่อต้องการสื่อไปแบบนั้น รวมถึงย้ำด้วยว่า แม้จะไม่มีตัวย่อของชื่อเกมอย่างเป็นทางการ แต่ทีมงานก็อยากให้เรียกว่า Village มากกว่า RE8 โปรดิวเซอร์บอกด้วยว่าเรื่องราวใน RE: Village เป็นภาคต่อและบทสรุปของเรื่องราวที่เริ่มเอาไว้ใน RE7 ของ Ethan Winters โดยตอนนี้ตัวเกมพัฒนาไปราว 60% แล้ว และโปรเจ็คนี้ก็ดำเนินมาแล้วกว่า 3 ปีครึ่ง ขณะที่การพัฒนาเกมบนคอนโซลยุคใหม่นั้น ช่วยให้นำเสนอเกมได้แปลกใหม่มากขึ้น อย่างเวลาโหลดที่น้อยจนแทบไม่มีหรือทำให้ระดับของเกมมีความลึกขึ้น (deeper level of immersion) ที่มา - Kotaku, GameSpot
# The Mom Project สตาร์ทอัพหางานคุณแม่ที่อยากกลับมาทำงานอีกครั้ง ระดมทุนเพิ่ม 25 ล้านดอลลาร์ The Mom Project สตาร์ทอัพสร้างแพลตฟอร์มหางานให้คุณแม่ ระดมทุนใน Series B ได้เพิ่ม 25 ล้านดอลลาร์ บริษัท VC ที่เข้าร่วมการระดมทุนและ คือ 7GC (ลงทุนใน Jio ผู้ให้บริการเครือข่ายในอินเดีย), Citi, Synchrony, SVB และ High Alpha The Mom Project เป็นสตาร์ทอัพจากชิคาโก ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ทำแพลตฟอร์มหางานโดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ คุณแม่ที่อยากกลับมาทำงานเลี้ยงชีพอีกครั้ง จนถึงตอนนี้มีผู้ใช้งาน 275,000 รายแล้ว และมีบริษัทที่เข้ามาโพสต์ตำแหน่งงานแล้วราว 2,000 แห่ง รวมถึงบริษัทเทคใหญ่อย่าง Facebook, Nike, Uber, Apple, Google และ Twitter Allison Robinson ซีอีโอ The Mom Project ระบุว่า ทางบริษัทดำเนินธุรกิจในสองส่วนใหญ่ คือ ทำงานกับบริษัทที่มาโพสต์หาคนทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทที่อยากจะสร้างความหลากหลายในองค์กร และอีกส่วนคือทำงานกับกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นผู้หญิง มีลูกและครอบครัว การระดมทุนรอบนี้จะไปเสริมทัพในสองส่วนนี้ เช่น เครื่องมือใหม่ๆ สำหรับองค์กรเพื่อจะสร้างส่วนร่วมของชุมชน The Mom Project ที่ดีขึ้น รวมถึงขยายช่องทางฟอรั่มสำหรับผู้ใช้งานคุณแม่ในการแชร์ประสบการณืและความยากลำบากในการหางานทำ ที่มา - TechCrunch
# พบโค้ดใน Chrome OS กูเกิลเตรียมยัด Ubuntu มาทั้งตัว พ่วง Steam ด้วย เมื่อต้นปีนี้ เราเห็นข่าวจากผู้บริหารกูเกิลว่า Chrome OS จะรัน Steam ได้ แล้วเงียบหายไปพักใหญ่ๆ ล่าสุดเว็บไซต์ 9to5google ไปค้นพบโค้ดใน Chromium OS อ้างถึงโครงการโค้ดเนม "Borealis" ที่เกี่ยวข้องกับ Steam แล้ว Chrome OS เริ่มรองรับการรันโปรแกรมจากลินุกซ์มาตั้งแต่ปี 2018 โดยใช้โค้ดเนมว่า "Crostini" มันเป็นการนำลินุกซ์ทั้งตัว (ในที่นี้คือ Debian) มารันใน VM อีกทีหนึ่ง 9to5google ขุดพบว่า Borealis มีแนวทางคล้ายกัน แต่เปลี่ยนดิสโทรเป็น Ubuntu แทน (เป็น Ubuntu 18.04 LTS) ความน่าสนใจอยู่ที่อิมเมจ Ubuntu ของโครงการ Borealis ติดตั้ง Steam มาให้ด้วยเลย 9to5google วิเคราะห์ว่ากูเกิลตัดสินใจเปลี่ยนจาก Debian มาเป็น Ubuntu เพราะเป็นดิสโทรที่เข้ากันได้กับ Steam เวอร์ชันลินุกซ์มากที่สุด และเป็นดิสโทรที่ Valve เองก็แนะนำให้ใช้งาน ส่วนกูเกิลจะเปลี่ยนดิสโทรในโครงการ Crostini จาก Debian มาเป็น Ubuntu ด้วยหรือไม่ (หรือจะมีทั้งคู่ขนานกันไป) เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - 9to5google ภาพจาก Google
# Worms Rumble หนอนบ้าสงครามกลับมาในเกมยิง Battle Royale แบบเรียลไทม์ Worms เกมซีรีส์หนอนบ้าสงครามที่เกมเมอร์วัยเดอะน่าจะเคยเล่นกันมาไม่มากก็น้อย ในรูปแบบเดิมเป็นเกมผลัดกันยิงแบบ turn-based เลือกอาวุธจัดการทีมคู่ต่อสู้ แต่คราวนี้เหล่าหนอนกลับมาในเกมยิงแบบเรียลไทม์แล้ว กราฟฟิกยังเป็น 3D จากมุมมองด้านข้าง แต่จะไม่มีการสลับกันเล่นหรือเวลานับถอยหลังอีกต่อไป เพราะคราวนี้เราจะได้บังคับเหล่าหนอน ออกไปบู๊กันแบบสดๆ แมพละ 32 หนอน โดยจะเล่นเดี่ยว ตายแล้วจบ หรือแบบทีม ทีมละ 3 หนอน ที่สามารถให้เพื่อนมาชุบชีวิตได้ คล้ายกับเกม Battle Royale ทั่วไปอย่าง PUBG หรือ Fortnite แต่ก็จะมีโหมด Deathmatch ที่เหมือนในเกมยิงทั่วไปให้เช่นกัน Team17 ทีมพัฒนาบอกว่าภาคนี้เหล่าหนอนจะไม่เดินกระดึ้บแบบอืดอาดแล้ว แต่จะสามารถ กระโดด ม้วนตัว ไต่กำแพงได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ก็จะมี stamina bar ที่ต้องให้เหล่าหนอนพักให้หายเหนื่อยก่อนจะพลิ้วต่อได้ เพื่อจำกัดสมดุลในเกมเช่นกัน Worms Rumble เตรียมลง PS4, PS5 และ Steam ปลายปีนี้ และรองรับการเล่น cross-play ข้ามแพลตฟอร์ม ที่มา - Engadget
# Walmart เปลี่ยนลานจอดรถร้านค้า 160 แห่งทั่วสหรัฐฯ ให้เป็นโรงหนัง Drive-in Walmart ปรับตัวในช่วงโรคระบาดที่คนมาเดินซื้อของน้อยลง ร่วมมือกับผู้จัดเทศกาลหนัง Tribeca Film Festival เปลี่ยนลาดจอดรถร้านค้าปลีก 160 แห่งทั่วสหรัฐฯ ให้เป็นโรงหนังแบบ Drive-in เริ่มเดือนสิงหาคมนี้ คนเข้ามาดูหนังสามารถซื้อสิ่งของจำเป็นแบบ pick up ก่อนดูหนังได้ เช่นข้าวของเครื่องใช้ อาหารไว้กินระหว่างดู อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องราคา, รายชื่อหนัง และสถานที่ที่แน่นอนว่า 160 แห่งนั้นมีที่ไหนบ้าง ประสบการณ์ดูหนังแบบ Drive-in เริ่มได้รับการพูดถึงมากขึ้นในช่วงโรคระบาด เพราะการไปดูหนังในโรงกลายเป็นกิจกรรมต้องห้าม ส่งผลให้บรรดาหนังใหญ่ที่ตั้งใจจะมาฉายโกยรายได้ต้องเลื่อนฉายอย่างไม่มีกำหนด หรือไปลงขายทางออนไลน์แทน ที่มา - Hollywood Reporter
# เปิดตัว Mi TV Master Series สมาร์ททีวี 65 นิ้วจอ OLED 120Hz ราคาราว 60,000 บาท Xiaomi เปิดตัว Mi TV Master Series ขนาด 65 นิ้ว ที่ Xiaomi บอกว่าทำมาเพื่อเกมคอนโซลโดยเฉพาะ ใช้แพแนล OLED จาก LG ความละเอียดระดับ 4K 120Hz ค่า Response Time อยู่ที่ 1ms สามารถแสดงเฉดสีได้ 98.5% ตามมาตรฐาน DCI-P3 ทั้งยังรองรับการแสดงผล HDR มาตรฐานทุกรูปแบบ (Dolby Vision, HDR10+, HDR และ HLG) Mi TV Master Series ยังจะมาพร้อมลำโพงระบบเสียง Dolby Atmos 5 ชาแนล กำลังขับ 65 วัตต์ และพอร์ต HDMI 2.1 อีกด้วย Mi TV Master Series สนนราคาอยู่ที่ 12,999 หยวน (ประมาณ 58,000 บาท) วางขายในจีนแล้วบนเว็บไซต์ Xiaomi ที่มา - Engadget
# ไมโครซอฟท์เริ่มปล่อยอัพเดต Windows 10 v2004 ให้ Surface หลังแก้บั๊กเสร็จแล้ว จากข่าว Windows 10 v2004 มีปัญหากับฮาร์ดแวร์หลายรุ่น รวมถึง Surface ของไมโครซอฟท์เอง จนต้องบล็อคการปล่อยอัพเดตบน Surface ไปก่อน ล่าสุดไมโครซอฟท์แก้บั๊กเสร็จและเริ่มปล่อยอัพเดต v2004 ให้อุปกรณ์กลุ่ม Surface แล้ว โดยตัวแก้อยู่ในแพตช์หมายเลข KB4557957 สาเหตุเกิดจากบั๊กของฮาร์ดแวร์ที่มีมีอินเทอร์เฟซเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ Always On, Always Connected มากกว่า 1 ตัว (เช่น Surface Pro 7 หรือ Surface Laptop 3) จะรีสตาร์ตตัวเอง ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เพิ่งออกแพตช์แก้บั๊กพรินเตอร์มีปัญหา และ Windows 10 v2004 ยังมีบั๊กที่ไม่ได้แก้อีกจำนวนหนึ่ง เช่น ปัญหา variable refresh rate (VRR) บนการ์ดจออินเทล, ปัญหาไดรเวอร์การ์ดจอ NVIDIA รุ่นเก่า, ปัญหา Thunderbolt dock เป็นต้น ที่มา - PCWorld
# Amazon ลงทุนสร้าง Fallout รูปแบบซีรีส์ สร้างโดยทีมโปรดิวเซอร์ Westworld Fallout เกม RPG คลาสสิคของค่าย Bethesda กำลังจะถูกสร้างเป็นซีรีส์ ลงทุนสร้างโดย Amazon Studios และสร้างโดย Jonathan Nolan และ Lisa Joy ทีมโปรดิวเซอร์ซีรีส์ไซไฟ - ดิสโทเปียชื่อดัง Westworld Bethesda Game Studios จะเข้ามามีส่วนช่วยสร้าง Fallout ฉบับซีรีส์ด้วย โดย Todd Howard ผู้อำนวยการผลิตจาก Bethesda จะมาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างซีรีส์ชุดนี้ ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องพลอต และนักแสดง ที่มา - IGN
# NBA 2K21 เปิดตัว เวอร์ชัน PS5, Xbox Series X ขึ้นราคาเป็น 69.99 ดอลลาร์ 2K Games เปิดเผยรายละเอียดของเกมบาสเก็ตบอล NBA 2K21 โดยมีประเด็นสำคัญคือ ขึ้นราคา จาก 59.99 ดอลลาร์เป็น 69.99 ดอลลาร์ NBA 2K21 มีทั้งหมด 4 เวอร์ชันย่อย โดยแบ่งเป็น 2 editions ตามฟีเจอร์ และ 2 generations ตามยุคคอนโซล ปกติแล้วซีรีส์ NBA 2K แยกเป็นรุ่นมาตรฐาน standard edition และรุ่นพิเศษ Legend Edition ที่เพิ่มเงินในเกมและของแถมอื่นๆ แต่ปีนี้ NBA 2K21 เปลี่ยนชื่อจาก Legend Edition มาเป็น Mamba Forever Edition เพื่อเป็นเกียรติแก่ Kobe Bryant นักบาสเก็ตบอลชื่อดังที่เพิ่งเสียชีวิตไป ส่วนตัวเอนจินเกมภาคนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อคอนโซลยุคหน้า PS5 และ Xbox Series X ด้วย แต่ก็ยังมีเวอร์ชันสำหรับคอนโซลยุคปัจจุบัน ได้แก่ PS4, Xbox One, Switch, PC (Steam) และ Stadia เช่นกัน เมื่อรวมกันแล้ว เกมจึงมีทั้งหมด 4 เวอร์ชันย่อย (ตามภาพปก) ได้แก่ NBA 2K21 สำหรับคอนโซลยุคนี้ วางขาย 4 กันยายน 2020 รุ่นมาตรฐาน ปก Damian Lillard จากทีม Portland Trail Blazers ราคา 59.99 ดอลลาร์ Mamba Forever Edition ปก Kobe Bryant เกมที่ทำ 81 แต้ม ราคา 99.99 ดอลลาร์ NBA 2K21 สำหรับคอนโซลยุคหน้า ยังไม่ระบุวันขาย (น่าจะเปิดตัวพร้อมเครื่อง) รุ่นมาตรฐาน ปก Zion Williamson จากทีม New Orleans Pelicans ราคา 69.99 ดอลลาร์ Mamba Forever Edition ปก Kobe Bryant ตอนเล่นเกมสุดท้าย ราคา 99.99 ดอลลาร์ อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการรองรับฟีเจอร์ smart delivery หรือ dual-access (ซื้อบนคอนโซลยุคนี้ เล่นบนคอนโซลยุคหน้าโดยไม่ต้องซื้อใหม่) จะทำได้เฉพาะเวอร์ชันแพงคือ Mamba Forever Edition เท่านั้น ถ้าซื้อรุ่นมาตรฐานไม่สามารถอัพเกรดข้ามยุคคอนโซลได้อีกต่างหาก (แถมการเล่นบนคอนโซลยุคหน้าก็ไม่อัตโนมัติ แต่จะได้โค้ดมาให้ดาวน์โหลดซ้ำเองแทน) การประกาศทำลายกำแพงราคา 59.99 ดอลลาร์ที่เป็นราคามาตรฐานของเกมวางขายใหม่มายาวนาน เป็นสัญญาณว่าค่ายเกมต้องการรายได้มากขึ้น เพื่อมาชดเชยต้นทุนพัฒนาเกมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ (ตามที่ Shawn Layden อดีตหัวหน้าสตูดิโอ PlayStation เพิ่งออกมาชี้ประเด็นก่อนหน้านี้) และเราอาจได้เห็นบริษัทเกมอื่นๆ ขึ้นราคาเกมใหม่ๆ ตามแนวทางของ 2K ก็เป็นได้ ตัวแทนของ 2K Games ให้เหตุผลของการขึ้นราคามาอีก 10 ดอลลาร์ว่าเป็นการสะท้อนมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเกม ที่พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากพลังของคอนโซลยุคใหม่เท่านั้น ที่มา - 2K Games, Ars Technica
# AWS เปิดตัว App2Container แปลงแอป Java/.NET เป็นคอนเทนเนอร์พาขึ้นคลาวด์ ทั้ง Kubernetes และ ECS AWS เปิดตัวโปรแกรม App2Container โปรแกรมสำหรับแปลงแอป Java และ .NET ที่อาจจะรันบน VM ให้กลายเป็น แอปแบบคอนเทนเนอร์อัตโนมัติ พร้อมสร้างคอนฟิกสำหรับการย้ายแอปขึ้นคลาวด์ไม่ว่าจะเป็น Kubernetes หรือ AWS ECS App2Container รองรับแอปแบบ ASP.NET (.NET 3.5 ขึ้นไป) ที่รันบน IIS 7.5 ขึ้นไป หรือแอป Java ทั้งที่รันบน JBoss, Apache Tomcat, Spring Boot, IBM WebSphere, Oracle WebLogic หรือเซิร์ฟเวอร์อื่น การติดตั้งต้องมี AWS CLI ก่อนจึงติดตั้งได้ และหากต้องการติดต่อกับคลาวด์ AWS ก็ต้องมีคอนฟิก IAM เมื่อติดตั้งแล้ว App2Container สามารถหาแอป Java หรือ .NET ที่รันอยู่ในเครื่อง วิเคราะห์การทำงาน โปรแกรมจะแยกไฟล์ของแอปพลิเคชั่นออกมาแล้วสร้าง Dockerfile, อิมเมจของคอนเทนเนอร์, คอนฟิก ECS task, Kubernetes Deployment, CloudFormation template เรียกว่าหากทำงานได้ตามที่วางไว้ก็ย้ายขึ้นคลาวด์ได้ทันที ที่มา - AWS Blog
# ไมโครซอฟท์ปล่อย Git Credential Manager Core ระบบล็อกอินเข้าบริการ Git เตรียมพอร์ตลงลินุกซ์ ไมโครซอฟท์ปล่อยโครงการ Git Credential Manager Core (GCM Core) ซอฟต์แวร์จัดการการล็อกอินสำหรับบริการโฮสต์ Git โดยตอนนี้รองรับ GitHub, Bitbucket, และ Azure Repos พร้อมกับเตรียมรองรับบริการโฮสต์อื่นๆ เช่น GitLab GCM รุ่นแรกเป็นโปรแกรมที่ไมโครซอฟท์ปล่อยมาตั้งแต่ปี 2015 เพื่อแก้ปัญหา Azure Repos (ชื่อเดิม Visual Studio Online) ที่ตอนนั้นไม่รองรับการ push/pull ด้วยกุญแจ SSH แถมการล็อกอินบัญชีองค์กรหลายครั้งก็ถูกบังคับให้ใช้การล็อกอินแบบสองขั้นตอนทำให้การล็อกอินด้วย Git ทำได้ลำบาก GCM Core พัฒนาใหม่โดยใช้ .NET Core ทำให้รองรับได้ทั้งวินโดวส์และแมคพร้อมกันทัน โดยเตรียมรองรับลินุกซ์อยู่ในแผน (แต่ก็ใช้กุญแจ SSH ทำงานได้อยู่แล้ว) โดยที่รองรับแมคด้วยเพราะทีม Office นั้นเตรียมจะหันมาใช้ Git เช่นกันแต่ต้องคอมไพล์บนแมคพร้อมกับวินโดวส์ ที่มา - GitHub Blog
# Twitch ทำลายสถิติ มีคนดูคอนเทนต์รวมเกิน 5 พันล้านชั่วโมง ใน Q2/2020 Twitch แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชั้นนำของโลก ดูเหมือนจะได้ผลประโยชน์จากช่วงที่คนอยู่บ้านเพราะโควิดแบบเต็มๆ เพราะหลังจากทำลายสถิติมียอดคนสตรีมเกมรวมกันกว่า 2 พันล้านชั่วโมง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน และทำสถิติจำนวนชั่วโมงที่คนดูรวมกันในไตรมาสแรก ทะลุ 3 พันล้านชั่วโมง ล่าสุดก็ทำสถิติใหม่ทะลุ 5 พันล้านชั่วโมงไปแล้ว Streamlabs บริษัทซอฟต์แวร์สตรีมมิ่งเจ้าดัง เปิดรายงานใหม่ว่า Twitch ทำลายสถิติเดิม มีจำนวนชั่วโมงคนดูรวมกัน เพิ่มขึ้นถึง 62.7% จากไตรมาสที่แล้ว เป็นกว่า 5 พันล้านชั่วโมงและเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่สองของปีที่แล้ว ถึง 83.1% ครองตำแหน่งผู้นำตลาดสตรีมมิ่ง มีส่วนแบ่งตลาดถึง 67.6% ส่วนในด้านจำนวนชั่วโมงสตรีมบนแพลตฟอร์ม ก็เพิ่มขึ้นถึง 58.7% จาก 121.4 ล้านชั่วโมงในไตรมาสแรก เป็น 192.7 ชั่วโมงในไตรมาสที่สอง ส่วนจำนวนแชนแนลเพิ่มขึ้น 63.9% จาก 6.1 ล้าน เป็น 10 ล้านแชนแนล และยอดคนดูโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 63.4% เป็น 2.4 ล้านคน นอกจากนี้ Mixer แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของ Microsoft ที่เตรียมปิดตัวในวันที่ 22 กรกฎาคม ก็อาจทำให้ Twitch ได้ส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นอีกด้วย ส่วน YouTube Gaming Live ก็มียอดชั่วโมงที่มีคนดูรวมกันในไตรมาสที่สองของปี เพิ่มขึ้น 39.6% จากไตรมาสก่อน แตะที่ 1.5 พันล้านชั่วโมงแล้ว โดยเป็นผลจากการซื้อตัวสตรีมเมอร์ดังๆ อย่าง Jack “CouRage” Dunlop และ Rachell “Valkyrae” Hofstetter ส่วนปัญหาที่ Twitch กำลังเผชิญในปัจจุบัน น่าจะเป็นเรื่องระบบการลบคอนเทนต์ผิดลิขสิทธิ์ ที่แจ้งผู้ใช้งานแค่เบื้องต้นเท่านั้น ที่เหลือเจ้าของแชนแนล ต้องไปตามหาวิดีโอนั้น และลบเอาเอง อีกประเด็นคือคุณภาพของชุมชนในแพลตฟอร์ม ที่มีทั้งปัญหาการคุกคามทางเพศ และการที่สตรีมเมอร์บางราย ใช้วาจาหยาบคาย หรือกลั่นแกล้งผู้ชมที่เป็นเด็ก ปัญหาสุดท้ายอาจจะดูจริงจังที่สุด เพราะปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ เริ่มตีตัวออกห่างจาก hate speech และประเด็นปัญหาทางสังคมมากขึ้น โดยล่าสุดมีแบรนด์ชั้นนำกว่า 400 แบรนด์ แห่บอยคอต ไม่ลงโฆษณาบน Facebook เนื่องจากปัญหาการจัดการข้อความเหยียดผิว และยั่วยุ ซึ่งปัญหาคล้ายคลึงกันในด้านการจัดการพฤติกรรม toxic ของสตรีมเมอร์และคนดู ก็อาจทำให้รายได้จากการโฆษณาของ Twitch ไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร แม้จำนวนชั่วโมงและยอดคนดูโดยรวมจะเพิ่มขึ้นก็ตาม ที่มา - TechCrunch, Streamlabs
# Google เลิกขาย Pixel 3a และ 3a XL แล้ว แม้จะยังไม่เห็นเงา Pixel 4a Google ยืนยันแล้วว่าเลิกผลิตและเลิกขายสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กอย่าง Pixel 3a และ 3a XL โดยแสดงบนหน้า Google Store ว่า out of stock แล้ว และหากใครยังสนใจซื้อ ก็ยังคงพอมีช่องทางจากพาร์ทเนอร์ตราบเท่าที่สต๊อคเครื่องจะเหลือเท่านั้น Pixel 3a เป็นรุ่นที่ทำให้ยอดขาย Pixel เติบโตถึง 2 เท่า ขณะที่รุ่นต่ออย่าง Pixel 4a ที่แม้จะมีภาพหลุดออกมามากมาย แต่วันเปิดตัวและวางขายก็ยังไม่มีออกมาอย่างเป็นทางการ นอกจากข่าวลือที่ว่าจะเปิดตัวในช่วงระหว่างเดือนนี้ไปจนถึงเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ Pixel 3 ก็เลิกวางขายไปแล้ว ทำให้ตอนนี้มีแค่ Pixel 4 รุ่นเดียวเท่านั้นที่วางขายอยู่ ที่มา - Android Police
# Sharp เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Dynabook ในไทย นำรุ่น Protege, Tecra, Satellite มาขาย จากที่ Sharp Thailand ประกาศนำโน้ตบุ๊กแบรนด์ Dynabook (Toshiba เดิม) เข้ามาทำตลาดไทย วันนี้มีรายละเอียดแล้วว่านำสินค้ามาขาย 3 รุ่น ได้แก่ Satellite Pro L40 สำหรับคอนซูเมอร์ จอ 14" แรม 8GB สตอเรจ NVMe 256GB แบ่งเป็นรุ่น Core i5 ราคา 29,900 บาท, Core i7 ราคา 32,990 บาท Protege X30 สำหรับลูกค้าองค์กร จอ 13.3" ซีพียู Core i7-8565U แรม 8GB สตอเรจ 512GB ราคา 57,990 บาท Tecra X40 สำหรับลูกค้าองค์กร จอ 14" ซีพียู Core i5-8265U แรม 8GB สตอเรจ 256GB ราคา 47,990 บาท โน้ตบุ๊กแบรนด์ Dynabook เกิดจาก Toshiba ที่ประสบปัญหาการเงินในช่วงปี 2015 ขายธุรกิจนี้มาให้ Sharp ในปี 2018 ซึ่ง Sharp เองก็มี Foxconn เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบัน Dynabook Protege X30 ซีรีส์ท็อปสุด
# PlayStation ร่วมบอยคอต ถอนโฆษณาจาก Facebook, Instagram จนถึงสิ้นเดือนนี้ PlayStation เป็นรายล่าสุดที่เข้าร่วมแคมเปญ #StopHateForProfit และประกาศบอยคอตศการจ่ายเงินโฆษณาบน Facebook และ Instagram โดยนอกจากโฆษณาแล้ว PlayStation ยังระงับการทำกิจกรรมบนทั้ง 2 แพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึงการโพสต์คอนเทนท์ปกติด้วย และการบอยคอตของ PlayStation จะมีไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ แม้ตอนนี้ Facebook จะกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากแบรนด์ใหญ่ไม่น้อยกว่า 400 แบรนด์ จากการเพิกเฉยต่อโพสต์ Hate Speech ของทรัมป์โดยอ้าง Free Speech ทว่า The Information รายงานอ้างอิงพนักงาน Facebook ระบุว่า Mark Zuckerberg มองว่าการบอยคอตนี้จะสิ้นสุดและโฆษณาจากบริษัทเหล่านี้จะกลับมาในไม่ช้า ที่มา - GameIndustry
# กูเกิลนำ SmartReply มาให้เจ้าของช่อง YouTube ใช้ตอบคอมเม้นท์แฟนๆ แล้ว SmartReply ฟีเจอร์ใช้ AI ของกูเกิล ที่สามารถเดาคำตอบอัตโนมัติ ที่เปิดใช้งานมาพักใหญ่แล้วใน Gmail, Android Messages ฯลฯ ล่าสุด กูเกิลกำลังจะเปิดใช้งานใน YouTube ด้วย ให้เจ้าของช่อง, ครีเอเตอร์ สามารถกดตอบคอมเม้นท์แฟนๆ ได้ง่ายขึ้น SmartReply จะเปิดใช้งานใน YouTube Studio แดชบอร์ดหลังบ้านที่ครีเอเตอร์ใช้จัดการคอนเทนต์, ดูสถิติ และโต้ตอบสร้าง engagement กับแฟนๆ ตัวอย่างข้อความตอบกลับอัตโนมัติคือ “Thank you!” และ “More to come!” เป็นต้น SmartReply ใน YouTube จะต่างจากที่ใช้งานใน Gmail ตรงที่มีความหลากหลายในการใช้คำมากกว่า มีอีโมจิ คำแสลง คำย่อ หรือศัพท์วัยรุ่นต่างๆ เริ่มใช้งานในภาษาอังกฤษและสเปน ที่มา - กูเกิล
# Facebook พบแอปนอกเข้าถึงข้อมูลได้ แม้ผู้ใช้ไม่ได้เข้าแอปเลย 90 วัน ล่าสุดแก้ไขแล้ว Facebook แถลง พบแอปพลิเคชั่นภายนอกยังสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานได้ แม้ผู้ใช้จะไม่ได้เข้าใช้แอปภายนอกนั้นๆ มาเกิน 90 วัน และทางบริษัทแก้ไขปัญหาแล้ว Facebook ได้เปลี่ยนกฎใหม่มาตั้งแต่ปี 2018 ให้แอปพลิเคชั่นภายนอกที่เชื่อมการใช้งานกับ Facebook จะไม่สามารถรับข้อมูลใดๆ จากผู้ใช้งานได้ ถ้าผู้ใช้ไม่เข้าแอปพลิเคชั่นภายนอกนั้นๆ นานเกิน 90 วัน อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทไม่ได้บอกว่ามีผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบกี่ราย แต่ยกตัวอย่างกรณีเจาะจง เช่นผู้ใช้แอปออกกำลังกายที่เคยอนุญาตให้แอปเข้าถึงข้อมูลแต่ไม่ได้ใช้แอปนั้นเป็นเวลานานแล้ว แต่เพิ่งได้รับคำชวนออกกำลังกายจากเพื่อนระบบของเฟซบุ๊กก็จะไม่ตระหนักว่าผู้ใช้ไม่ได้ใช้แอปนานแล้วและแอปไม่ควรเข้าถึงข้อมูลใดๆ ได้อีก จากการประเมิน Facebook พบว่ามีนักพัฒนาราว 5,000 รายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานได้ เช่น ชื่อ เพศ แต่ไม่พบว่ามีการแชร์ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับสิทธิ์ที่ผู้ใช้ให้เมื่อพวกเขาลงชื่อเข้าใช้ผ่าน Facebook ที่มา - Facebook
# Lasso แอปที่ Facebook ตั้งใจปั้นมาท้าชน TikTok กำลังจะปิดตัวไปอีกหนึ่ง Facebook ซุ่มพัฒนาและเปิดตัวแอปพลิเคชั่น Lasso แอปลิปซิงค์ที่ตั้งใจปั้นมาแข่งกับ TikTok ได้ปีครึ่ง ล่าสุด Facebook จะปิดแอปนี้ลงในวันที่ 10 ก.ค. นี้ Lasso เปิดใช้งานมาแล้วหลายประเทศ คือ โคลอมเบีย, เม็กซิโก, สหรัฐอเมริกา, อาร์เจนตินา, ชิลี, เปรู, ปานามา, คอสตาริก้า, เอลซัลวาดอร์, เอกวาดอร์และอุรุกวัย ข้อมูลจาก Sensor Tower ยังระบุด้วยว่า Facebook ยังเพิ่มการรองรับภาษาฮินดีที่พูดกันมากในอินเดียเข้าไปใน Lasso ด้วย แสดงให้เห็นว่ามีแผนจะขยายอินเดีย ซึ่ง Facebook ยังไม่ออกมาพูดอะไรถึงสาเหตุที่ปิดแอป Brady Voss คือนักพัฒนาที่มีบทบาทนำในการพัฒนา Lasso ลาออกจาก Facebook ไป หลังเปิดตัวแอป Lasso ได้เพียงวันเดียว ที่มา - TechCrunch
# MIT ถอนชุดข้อมูลฝึก AI หลังพบภาพถูกบรรยายด้วยคำหยาบและดูถูก, ขอให้นักวิจัยอื่นเลิกใช้งาน MIT ถอนชุดข้อมูล Tiny Images ออกจากเว็บหลังจากมีรายงานว่าภาพหลายพันภาพถูกบรรยายด้วยคำหยาบและดูถูก เช่น โสเภณี, พวกล่อลวงเด็ก (child molester), ไอ้มืด (nigger) รวมถึงมีภาพไม่เหมาะสม จนทำให้ให้วิจัย Computer Science and Artificial Intelligence Lab (CSAIL) ตัดสินใจถอดชุดข้อมูลออกจากเว็บ และขอให้นักวิจัยกลุ่มอื่นเลิกใช้ชุดข้อมูลนี้และลบออกจากเว็บเช่นกัน Tiny Images เป็นชุดข้อมูลภาพ 80 ล้านภาพที่มีขนาดเพียง 32x32 พิกเซล โดยเป็นภาพที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตแล้วย่อลงมา โดยชุดข้อมูลสร้างจากการใช้คำค้นใน WordNet นำคำในรายการไปค้นจาก search engine หาภาพแล้วนำมาจับคู่กับคำค้น ศาสตราจารย์ Antonio Torralba จาก CSAIL ระบุว่าทีมวิจัยควรตรวจสอบภาพด้วยมือก่อนใส่ในชุดข้อมูล แต่ภาพที่ย่อไปแล้วนี้มีขนาดเล็กจนตรวจสอบได้ยาก (ทีมวิจัยไม่ได้เก็บภาพขนาดเต็มไว้) จึงตัดสินใจถอดชุดข้อมูลออกไปทั้งชุด ที่มา - The Register
# Tencent ตั้งสตูดิโอเกมใหม่ในสหรัฐ ป้อนคอนโซล นำโดยอดีตโปรดิวเซอร์ Rockstar Games Lightspeed & Quantum Studio Group บริษัทลูกของ Tencent ประกาศตั้ง LightSpeed LA สตูดิโอเกมใหม่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ LightSpeed LA จะนำโดย Steve Martin อดีตผู้อำนวยการสตูดิโอและโปรดิวเซอร์จาก Rockstar Games ที่เคยดูแลเกมอย่าง GTA V และ RDR2 ที่จะมาดูแลในฐานะหัวหน้าสตูดิโอและโปรดิวเซอร์บริหาร โดย LightSpeed LA เริ่มดึงทีมงานจากสตูดิโอใหญ่ ๆ อย่าง Rockstar Games, Respawn Entertainment, 2K Games และ Insomniac โปรเจ็คแรกของ LightSpeed LA จะเป็นเกมระดับ AAA แบบโอเพนเวิลด์ลงบน PlayStation 5 และ Xbox Series X ที่มา - GameIndustry
# ซัมซุงเปิดตัว SSD 870 QVC รุ่นใหม่ชิป QLC อินเทอร์เฟส SATA III ความจุสูงสุด 8TB ซัมซุงเปิดตัว SSD 870 QVO ใหม่เป็นชิป 4-bit (quad-level cell - QLC) รุ่นใหม่ อินเทอร์เฟส SATA III ฟอร์มแฟ็คเตอร์ขนาด 2.5 นิ้ว มี 4 ความจุคือ 1TB, 2TB, 4TB และ 8TB ความเร็วอ่านเขียนแบบลำดับอยู่ที่สูงสุด 560/530 MB/s แบบสุ่มอยู่ที่สูงสุด 98K/88K IOPS ประกัน 3 ปีค่า TBW อยู่ที่ 360TB (1TB), 720TB (2TB), 1,440TB (4TB) และ 2,880TB (8TB) เริ่มขายแล้ว ราคารุ่น 1TB เริ่มที่ 129.99 เหรียญหรือราว 4,000 บาท ที่มา - Samsung
# หน่วยกำกับดูแลอังกฤษชี้ รายได้โฆษณาดิจิทัล 80% ไปอยู่กับ Google และ Facebook หมด หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหราชอาณาจักร (Competition and Markets Authority หรือ CMA) ออกรายงานผลการศึกษาแพลตฟอร์มออนไลน์และโฆษณาดิจิทัล (online platforms and digital advertising) พบว่า Google และ Facebook มีอำนาจเหนือตลาดโฆษณาดิจิทัล แต่กฎหมายในปัจจุบันไม่สามารถจัดการได้ รายงานของ CMA ระบุว่าตลาดโฆษณาดิจิทัลของสหราชอาณาจักรในปี 2019 มีมูลค่า 14 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 5.4 แสนล้านบาท) ซึ่ง 80% ของเม็ดเงินธุรกิจนี้ถูกครอบครองโดย Google และ Facebook หากแยกย่อยตามประเภทธุรกิจ Google ครองสัดส่วนโฆษณา search ราว 90% (มูลค่าตลาด 7.3 พันล้านปอนด์) และ Facebook ครองสัดส่วนโฆษณาแบบแสดงผล (display ads) ราว 50% (มูลค่าตลาด 5.5 พันล้านปอนด์) CMA ระบุว่าบริการของ Google และ Facebook มีประโยชน์ต่อธุรกิจขนาดเล็กให้เข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนมาก แต่ฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของทั้งสองบริษัท กลายเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่ไม่มีใครแข่งขันได้ เมื่อตลาด search/social ไม่มีผู้เล่นรายอื่นเข้ามา ย่อมทำให้การแข่งขันน้อยลง ตัวเลือกน้อยลง เกิดนวัตกรรมน้อยลง ประเด็นหนึ่งที่ CMA ยกมาเป็นตัวอย่างคือ Google จ่ายเงินให้ Apple จำนวนมหาศาลเพื่อให้เป็น default search engine บน iOS (ตัวเลขเฉพาะในสหราชอาณาจักรคือ 1.2 พันล้านปอนด์) ทำให้รายอื่นเข้ามาแข่งขันได้ยาก CMA ยังให้ข้อมูลว่ากฎหมายด้านการแข่งขันในปัจจุบันไม่สามารถใช้กับกรณีแบบนี้ได้ และเรียกร้องให้รัฐบาลสหราชอาณาจักรตั้งหน่วยงาน "Digital Markets Unit" ขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลธุรกิจดิจิทัล เช่น ออกแนวปฏิบัติที่ควรทำ, สั่งให้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนให้คู่แข่ง ในเบื้องต้น CMA จะตั้งคณะทำงาน Digital Markets Taskforce เพื่อนำเสนอแนวทางกำกับดูแลตลาดดิจิทัลให้รัฐบาลภายในสิ้นปี 2020 ที่มา - CMA
# Google ลบ 25 แอปมัลแวร์ออกจาก Play Store เหตุ phishing ขโมยรหัสล็อกอินเฟสบุ๊ก Google ได้ลบแอปมัลแวร์ออกจาก Play Store 25 แอปที่ถูกพัฒนาโดย Rio Reader LLC มียอดดาวน์โหลดรวมกัน 2.34 ล้านครั้ง หลัง Evina บริษัทวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบว่าแอปเหล่านี้ แม้จะใช้งานได้และมีฟังก์ชันที่แตกต่างกันไป แต่เบื้องหลังคือแอปมัลแวร์ที่มีเป้าหมายขโมยข้อมูลล็อกอินเฟซบุ๊ก แอปเหล่านี้สามารถตรวจจับได้ว่ากำลังเปิดแอปอะไรอยู่ และหากเหยื่อเปิดเฟสบุ๊ก แอปเหล่านี้จะเปิดหน้า phishing ที่เหมือนหน้าล็อกอินเฟซบุ๊กขึ้นมาบน foreground แทน และเมื่อเหยื่อกรอกอีเมลพาสเวิร์ด ข้อมูลเหล่านี้ก็จะถูกส่งไปยังโดเมน airshop.pw (ที่ตอนนี้ถูกปิดไปแล้ว) ภาพจาก Evina Evina รายงานเรื่องนี้ไปยัง Google เมื่อปลายเดือนที่แล้วก่อนแอปจะถูกลบไม่กี่วันถัดมา โดยทาง Google สั่งปิดการใช้านแอปเหล่านี้ที่ผู้ใช้โหลดและติดตั้งไปไว้บนเครื่อง พร้อมแจ้งเตือนผู้ใช้งานผ่าน Play Protect แล้วเช่นกัน รายชื่อแอปและแพ็คเกจไอดีของแอปดูได้จากท้ายข่าว ที่มา - ZDNet **ภาพจาก Evina*
# เปิดเหตุผล ทำไม KBTG จึงสร้าง Eatable แพลตฟอร์มสำหรับร้านอาหาร 4.0 KBTG สร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้งด้วยการเปิดตัว Eatable บริการสั่งอาหารรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ทั้งกินที่ร้านและเดลิเวอรี่ ช่วยให้ร้านอาหารปรับตัวได้ในยุคหลังโควิด และให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยถ้าจะกลับมากินที่ร้านอีกครั้ง หลังจากเปิดตัว Eatable ก็สร้างความฮือฮาในวงกว้าง เพราะ Eatable มีจุดเด่นหลายอย่างที่อาจเป็นทางออกของร้านอาหารในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบสั่งอาหารผ่านการสแกน QR Code ลดต้นทุนจ้างพนักงานร้าน ลดความผิดพลาดในการสั่งอาหาร ลดโอกาสสัมผัสเชื้อโรค, และยังรองรับการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ที่กลายเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยด้วยว่า เพราะอะไร KBTG บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทย ถึงหันมาพัฒนาแพลตฟอร์มร้านอาหารที่ดูไม่เกี่ยวข้องกับบริการธนาคารโดยตรง เปิดเหตุผล ทำไม KBTG ถึงสร้าง Eatable ขึ้นมา คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG ระบุว่าเป้าหมายของ KBTG รวมถึงธนาคารกสิกรไทย คือต้องการมอบอำนาจทางการเงินและเทคโนโลยีสู่มือลูกค้า นำบริการและเทคโนโลยีของบริษัทเข้าไปอยู่ในทุก ecosystem ของผู้คน อันจะเห็นได้จากที่ผ่านมา KBTG พัฒนาแอปพลิเคชั่นและบริการใหม่ให้แทรกซึมเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Contactless Technology ​ฉายภาพการทำธุรกรรมไร้สัมผัสแห่งอนาคต, ขุนทอง แชทบอทไลน์ช่วยให้การหารค่าข้าวในกลุ่มเพื่อนเป็นเรื่องง่าย, แอปพลิเคชั่น CU Nex แอปพลิเคชั่นใช้งานในภาคการศึกษาสำหรับนิสิต, อาจารย์และบุคลากรในรั้วจุฬาฯ, GrabPay อีวอลเลตที่ KBTG พัฒนาขึ้น, Loan Book บน Shopee เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า วงการร้านอาหารได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และการล็อกดาวน์ทั่วประเทศทำให้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ร้านอาหารไม่สามารถเปิดให้ลูกค้าเข้าไปนั่งทานอาหารภายในร้านได้ และถึงแม้มีการคลายล็อกในภายหลัง ก็พบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว พวกเขาหันมาสั่งเดลิเวอรี่มากขึ้น ส่วนการออกไปรับประทานอาหารข้างนอก แม้เริ่มกลับมาเป็นปกติ แต่ผู้บริโภคบางส่วนก็ยังรู้สึกกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย รวมไปถึงมาตรการการเว้นระยะห่างที่ทำให้จำนวนที่นั่งในร้านลดลง ผลกระทบตกมาอยู่ที่ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ต้องเร่งปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อความอยู่รอด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ KBTG จึงได้ออกแบบและพัฒนาโซลูชั่นและร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนให้ร้านอาหารสามารถปรับตัวได้ในระยะยาว และยังสอดคล้องกับพันธกิจของ KBTG และธนาคารกสิกรไทยที่อยากสร้างผลิตภัณฑ์ให้แทรกซึมในทุก ecosystem ของคนไทย Eatable ทางรอดของร้านอาหาร คุณสุรศักดิ์ จันทศิริโชติ จาก KBTG เล่าว่าจากการเข้าไปศึกษาพฤติกรรมการทานอาหารของผู้บริโภค พบว่ายังไม่มีโซลูชั่นในไทยที่ช่วยให้การเข้าไปทานอาหารในร้านได้รับทั้งความสะดวกและปลอดภัย รวมไปถึงเลี่ยงการสัมผัสและลดโอกาสติดเชื้อ ในขณะเดียวกัน จากการลงไปเป็นพาร์ทเนอร์กับร้านอาหาร ทำให้ได้ทราบว่าร้านอาหารเองก็ต้องการโซลูชั่นที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจของคนทานให้มากขึ้น และช่วยให้ร้านบริหารจัดการได้ดียิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล ทาง KBTG จึงพัฒนา Eatable ขึ้นมาในรูปแบบ Web App เพื่อให้ร้านอาหารและลูกค้าสามารถเข้าใช้งานได้ง่าย จุดเด่นของ Eatable Dine in QR Ordering สแกนคิวอาร์โค้ดที่โต๊ะอาหารเพื่อดูเมนู สั่งอาหารได้โดยไม่ต้องเรียกพนักงาน ลดการสัมผัสและประหยัดเวลารอพนักงานมารับออเดอร์ที่โต๊ะ รองรับการสั่งอาหารจากมือถือหลายเครื่องในโต๊ะเดียวกัน หรือ Order Along มองเห็นได้ว่าใครสั่งเมนูใดบ้าง ใช้งานได้ทันทีทั้งฝั่งร้านอาหารและลูกค้า ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเพิ่ม เพราะเป็นแพลตฟอร์มแบบ Web App ใช้งานได้ทุกอุปกรณ์ Inspirer Menu ร้านอาหารแชร์เรื่องราวเบื้องหลังเมนูอาหาร หรืออัพโหลดวิดีโอและรูปอาหารสวยๆ ลงในแพลตฟอร์มได้ เพิ่มความน่ากินและเชิญชวนให้สั่งอาหารมากขึ้น ร้านอาหารสร้างคิวอาร์โค้ดหรือ Online Order Link ลงในโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ลูกค้ากดสั่งอาหารได้โดยตรง One Click Copy Address ร้านค้ากดครั้งเดียวเพื่อก๊อปปี้ที่อยู่จัดส่งอาหารไปลงแพลตฟอร์มจัดส่งต่างๆ ได้ภายในคลิกเดียว ซึ่งทำให้ร้านค้าสามารถเลือกวิธีจัดส่งให้ลูกค้าได้เอง เจ้าของร้านอาหารและผู้ประกอบการ ลงทะเบียนใช้งานฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม และไม่เสียค่าบริการ เลือกภาษาได้ ทั้งเมนูภาษาไทย อังกฤษ จีน ฟีเจอร์รองรับการชำระเงินไร้เงินสด ใช้งานได้เดือนกันยายนนี้ รองรับการชำระเงินแบบพร้อมเพย์ และบัตรเครดิต นอกจากนี้ Eatable ยังจะมาในรูปแบบมินิแอปบน WeChat ใช้ชื่อว่า Kai Tai Dian Cai จะสามารถใช้งานได้ภายในปีนี้ รองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเข้ามาเที่ยวไทยในอนาคต สำหรับร้านอาหารที่สนใจ สามารถลงทะเบียนใช้งาน Eatable ได้ที่ https://eatable.kasikornbank.com/
# Instagram ทดสอบแสดง Stories ของเพื่อนๆ แบบเต็มหน้าจอ Stories ใน Instagram มีคนใช้งานเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถึงวันละ 500 ล้านราย ล่าสุดเว็บไซต์ TechCrunch ไปพบว่า Instagram กำลังทดสอบการแสดงผล Stories ของเพื่อนๆ แบบเต็มหน้าจอ จากภาพหน้าจอด้านล่าง จะเห็นได้ว่า Instagram แสดงผล Stories ของเพื่อนๆ ไว้ที่ด้านบนเพิ่มจาก 1 เป็น 2 บรรทัด และมีปุ่ม See All Stories สามารถกดเพื่อแสดง Stories ทั้งหน้าจอเลย และยังเลื่อน scroll เพื่อจะได้เลือกดู Stories ของคนที่เราอยากดูได้ง่ายขึ้น ทาง Instagram ยืนยันว่ากำลังทดสอบฟีเจอร์ดังกล่าวจริง และทดสอบในกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ที่มา - TechCrunch
# แบรนด์แห่บอยคอต Facebook จากปัญหา Hate Speech ร่วม 400 แบรนด์แล้ว จนถึงตอนนี้ มีธุรกิจแห่บอยคอต Facebook จากปัญหา Hate Speech ร่วมกว่า 400 แบรนด์แล้ว ตัวอย่างแบรนด์ใหญ่ๆ คือ Coca-Cola, Starbucks, Verizon ชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดการบอยคอตในวงกว้างคือ Facebook นิ่งเฉยต่อโพสต์คุกคามผู้ประท้วงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ลบออก และไม่แปะป้ายเตือนว่าเป็นเนื้อหารุนแรง การบอยคอต Facebook มาจากแคมเปญ Stop Hate for Profit ก่อตั้งโดยกลุ่มสิทธิพลเมืองหลายกลุ่ม ตั้งขึ้นหลังการตายของ George Floyd เป้าหมายของแคมเปญคือร่วมกันกดดัน Facebook ให้แก้ไขปัญหา Hate Speech อย่างจริงจัง และเรียกร้องให้แบรนด์หยุดซื้อพื้นที่โฆษณาบน Facebook ด้วย Reuters ยังรายงานว่า ผู้บริหารใหญ่ใน Facebook อย่าง Sheryl Sandberg, Chris Cox และอาจจะรวมถึงตัวมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก จะนัดพูดคุยกับกลุ่มก่อตั้งแคมเปญ Stop Hate for Profit (Photo by Alex Wong/Getty Images) ด้าน Facebook ออกมาโต้ข่าวยืนยันว่า บริษัทไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากความเกลียดชัง มีเนื้อหามากมายถูกส่งเข้ามายัง Facebook และทางแพลตฟอร์มก็มีการลบเนื้อหาเกลียดชังอยู่ตลอด แต่ในบางครั้งการตรวจจับเนื้อหาเกลียดชังก็เหมือนหาเข็มในกองหญ้า นอกจากนี้ยังอ้างรายงานของคณะกรรมาธิการยุโรปที่ระบุว่า Facebook สามารถประเมินเนื้อหาเกลียดชังได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่า YouTube และ ทวิตเตอร์ ที่มา - Reuters, Facebook
# เปิดตัว Start Menu ดีไซน์ใหม่ ไม่มีพื้นหลังใน Tiles เปลี่ยนเป็นสีโปร่งใส ปรับตามธีม ไมโครซอฟท์ออก Windows 10 Insider Preview Build 20161 ในรุ่นทดสอบ Dev Channel มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ Start Menu โฉมใหม่ที่เคยโชว์มาก่อนหน้านี้ Start Menu แบบใหม่ปรับมาใช้แนวทางดีไซน์ Fluent Design ยุคใหม่ และตัดสีพื้นหลังของช่อง Tiles ออกไป เปลี่ยนเป็นสีเกือบโปร่งใส (partially transparent) ที่ปรับตามธีม dark/light แทน หากผู้ใช้งานต้องการสีสันสดใสขึ้น สามารถเปิดตัวเลือก accent color on the following surfaces ให้ Start Menu เปลี่ยนโทนสีตามสีของธีมได้ด้วยเช่นกัน (สีชมพูตามภาพ) ของใหม่ใน Build นี้ยังมีการแสดงแท็บทั้งหมดของ Microsoft Edge ในหน้าจอ Alt + TAB (สามารถเลือกปิดกลับคืนได้ถ้าไม่ชอบ) นอกจากนี้ สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows ใหม่และเปิดใช้งานเป็นครั้งแรก ไมโครซอฟท์จะเลือกไอคอนมาตรฐานบนทาสก์บาร์ให้ตรงกับพฤติกรรมผู้ใช้ (อิงจากข้อมูลใน Microsoft Account) เช่น หากผู้ใช้รายนั้นใช้มือถือแอนดรอยด์ จะมีไอคอน Your Phone โผล่มาให้, หากผู้ใช้มีบัญชี Xbox Live ก็จะเป็นไอคอน Xbox เป็นต้น หน้า Settings > System > About ที่เป็นข้อมูลสเปกฮาร์ดแวร์ของพีซีเครื่องนั้น ยังเพิ่มปุ่ม Copy ข้อมูลสเปกเพื่อให้นำไปใช้ต่อได้ง่ายขึ้น ตามนโยบายการออกรุ่น Windows 10 ที่รุ่นหน้า 20H2 จะเป็นอัพเดตเล็ก มีของใหม่ไม่เยอะ เราน่าจะได้ใช้ Start Menu โฉมใหม่กันในเวอร์ชัน 21H1 ของปีหน้าเลย ที่มา - Microsoft
# เพิ่งมีกับเขาบ้าง WhatsApp ทำระบบสแกน QR เพื่อแอดเพื่อน, สติ๊กเกอร์เคลื่อนไหวได้ WhatsApp ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ดังนี้ Animated Stickers ส่งสติ๊กเกอร์ที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ QR code สแกน QR code เพื่อแอดเป็นเพื่อน ที่เพิ่งทดสอบไปก่อนหน้านี้ รองรับ dark mode ในเวอร์ชันเดสก์ท็อปและเวอร์ชันเว็บ ปรับปรุง video call ให้รองรับการคุยพร้อมกัน 8 คน แตะเพื่อเลือกได้ว่าจะดูหน้าใคร แอพเวอร์ชันฟีเจอร์โฟน KaiOS รองรับการแชร์สถานะ (status) ที่มา - WhatsApp Blog
# ภาพ Galaxy Note 20 Ultra อย่างเป็นทางการ ซัมซุงเผลอหลุดขึ้นเว็บเอง ไม่ต้องรอภาพเรนเดอร์ หรือภาพหลุดแอบถ่ายจากบรรดานักปล่อยของชื่อดังให้เสียเวลา เพราะซัมซุงเผลออัพโหลดภาพของ Galaxy Note 20 ขึ้นเว็บไซต์ซัมซุงรัสเซีย (และมีคนไปเจอเข้า) ทำให้เราได้เห็นหน้าตาของ Note 20 กันเนิ่นๆ ก่อนงานเปิดตัวที่ปกติจัดในช่วงเดือนสิงหาคม ภาพที่หลุดออกมาเป็น Galaxy Note 20 Ultra รุ่นท็อปสุดสีบรอนซ์ Mystic Bronz จากภาพเราเห็นกล้องหลัง 3 ตัวหลัก พร้อมเลนส์ซูม Periscope ในโมดูลกล้องที่ปูดขึ้นมาแบบเดียวกับ S20 Ultra ที่มา - Android Police
# BYD บุกยุโรป ส่งรถยนต์ SUV ไฟฟ้า Tang EV ขายในนอร์เวย์เป็นที่แรก BYD ผู้ลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีนประกาศบุกตลาดยุโรปแล้ว โดยเลือกประเทศนอร์เวย์เป็นที่แรกในการเปิดตลาดด้วย Tang EV รถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ซึ่งเหตุผลที่เลือกนอร์เวย์ก็เพราะเป็นประเทศที่ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่า 50% ของรถยนต์ทั้งหมด ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับ Tang EV ออกมามากนัก แต่ผู้บริหารของ BYD ระบุว่ารถรุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่แบบใหม่ที่เรียกว่า Blade Battery โดยมีความปลอดภัยกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปตรงที่ไม่ติดไฟและทนแรงระเบิดได้ นอกจากนี้ยังลดปริมาตรของตัวแบตเตอรี่ได้ถึง 50% จริงๆ แล้ว BYD ขายรถบัสไฟฟ้าในยุโรปอยู่ก่อนแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะมาเปิดตลาดรถยนต์บ้าน Tang EV เวอร์ชันยุโรปจะเริ่มผลิตในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะเริ่มส่งมอบได้ราวเดือนมกราคมปีหน้า ที่มา - CleanTechnica ภาพโดย BYD
# สมาคมธนาคารรับระบบพร้อมเพย์ล่มสองรอบ รวม 1 ชั่วโมง 17 นาที วันนี้หลังมีรายงานระบบโอนเงินข้ามธนาคารล่มพร้อมกันเป็นวงกว้าง ทางสมาคมธนาคารก็ออกมาระบุว่าระบบโอนเงินข้ามธนาคารที่ให้บริการทั้งพร้อมเพย์และการโอนผ่านเลขบัญชีนั้นล่มไปสองรอบ คือ 16:30 ถึง 17:30 และ 18:25 ถึง 18:42 รวมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 17 นาที และตอนนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว สำหรับผู้ที่เงินโอนไปไม่ถึงปลายทาง ทางธนาคารจะปรับปรุงยอดให้ภายในทุ่มตรงวันที่ 2 กรกฎาคม หรือค่ำพรุ่งนี้ ที่มา - @SCB_Thailand
# ไมโครซอฟท์ออกแพตช์ความปลอดภัยนอกรอบ อุดช่องโหว่ Windows Codecs Library ไมโครซอฟท์ออกแพตช์ความปลอดภัยพิเศษ นอกรอบ Patch Tuesday ตามปกติ อุดช่องโหว่ระดับวิกฤต (critical) และระดับสำคัญ (important) อย่างละหนึ่งตัวของ Windows 10 (ย้อนไปตั้งแต่ v1709) และ Windows Server 2019 ช่องโหว่ทั้งสองตัวอยู่ในส่วน Windows Codecs Library ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน่วยความจำ หากผู้ใช้รันไฟล์มีเดียที่มีช่องโหว่ และแอพพลิเคชันที่เปิดไฟล์เรียกใช้ Windows Codecs Library ก็อาจได้รับผลกระทบได้ หมายเลขของช่องโหว่รอบนี้คือ CVE-2020-1425 และ CVE-2020-1457 สามารถอัพเดตกันได้ผ่าน Windows Update ตามปกติ ที่มา - Threatpost
# แอปแชร์จักรยานในจีน พร้อมเชื่อมต่อระบบดาวเทียมบอกพิกัด BeiDou แล้ว หลังจากจีนปล่อยดาวเทียมระบุพิกัด BeiDou (เป่ยโตว แปลว่า ดาวไถ) ดวงสุดท้าย มีรัศมีทำงานครอบคลุมทั่วโลกแล้ว บริษัทแอปแชร์จักรยานต่างๆ ก็ออกมาขานรับ พร้อมใช้งานระบบระบุพิกัด BeiDou ของรัฐบาลจีนเพื่อเพิ่มความแม่นยำให้กับการระบุตำแหน่ง ร่วมกับระบบ GPS ที่รัฐบาลสหรัฐเป็นเจ้าของ Hellobike (ของ Alibaba) หนึ่งในแอปแชร์จักรยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ออกมายืนยันว่าจักรยานทุกคันในแอป มีสมาร์ทล็อกที่เชื่อมต่อกับระบบ BeiDou และส่งข้อมูลพิกัดมายังแอปเรียบร้อยแล้ว โดยศูนย์ข้อมูลของ Hellobike สามารถรับข้อมูลพิกัดได้หลายร้อยล้านจุดต่อวัน ส่วน Qingju Bike ก็ยืนยันว่ามีจักรยานที่ใช้ชิประบุตำแหน่งของ BeiDou ให้บริการในเชินเจิ้น อู่ฮั่น และปักกิ่งแล้วเช่นกัน ส่วน Mobike แอปแชร์จักรยานเจ้าแรกที่ใช้ BeiDou ร่วมกับ GPS ตั้งแต่ปี 2015 ก็ถูกแอปส่งอาหาร Meituan Dianping ซื้อและนำระบบนี้ไปรวมกับเทคนิคการระบุตำแหน่งโดยใช้การคำนวณจุด (kinematic) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของแอปแล้ว แอปแชร์จักรยานในจีน ถูกรัฐบาลควบคุมอย่างหนักในปี 2017-2018 หลังผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก และทำให้การจราจรติดขัด และถูกเก็บทิ้งกว่า 4 แสนคันในปี 2019 แต่ในช่วงปีนี้ ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เนื่องจากผู้ขนไม่อยากไปแออัดบนระบบขนส่งสาธารณะในช่วงโรค COVID-19 ระบาด และการนำระบบ BeiDou มาใช้งาน น่าจะทำให้การระบุตำแหน่งของแอปในจีน แม่นยำ และมีสเถียรภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลอีกต่อไป หากในอนาคตอเมริกาจะแบนประเทศจีน ไม่ให้ใช้ระบบ GPS ที่มา - SCMp
# Spotify ออกแพ็กเกจคนมีคู่ Premium Duo เดือนละ 12.99 ดอลลาร์ ราคาไทย 169 บาท Spotify ออกแพ็กเกจใหม่ Premium Duo ใช้งานเป็นคู่ ราคาเดือนละ 12.99 ดอลลาร์ หรือราว 400 บาท ถือว่าราคาถูกกว่าแพ็กเกจจ่ายคนเดียวซึ่งอยู่ที่ราคา 9.99 ดอลลาร์ ส่วน Premium Duo ราคาในไทยอยู่ที่ 169 บาท ในแพ็กเกจ Premium Duo นั้น ทาง Spotify ระบุว่าต้องเป็นคนที่อาศัยอยู่ในที่อยู่เดียวกันถึงจะสมัครใช้งานได้ และยังมีเพลย์ลิสต์พิเศษให้ด้วยคือ Duo Mix เพลย์ลิสต์แนะนำเพลงอิงตามความชอบของผู้ใช้งานทั้งสอง ที่มาภาพและข่าว - Spotify
# บอร์ดเกม Catan จะมาในรูปแบบเกม AR พัฒนาโดย Niantic ผู้สร้าง Pokemon Go Niantic ผู้พัฒนาเกมดังอย่าง Pokemon Go และ Harry Potter: Wizards Unite พัฒนาเกมใหม่ คราวนี้ถึงคิวของบอร์ดเกมในตำนาน Catan ที่จะมาในรูปแบบเกม AR บนมือถือในชื่อว่า Catan: World Explorers Niantic ยังไม่เผยรายละเอียดเกี่ยวกับเกมมากนัก ระบุเพียงว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ ดูจากรูปภาพเกมก็พอจะเดาออกว่า ผู้เล่นสามารถเดินเพื่อเก็บสมบัติได้ และสร้างของได้เหมือนในเวอร์ชั่นบอร์ดเกม ความน่าสนใจคือ Niantic จะใส่รายละเอียดเนื้อเรื่องเกี่ยวกับจักรวาล Catan เข้าไปในเกมอย่างไร ซึ่งตอนนี้มีเว็บไซต์ให้คนทั่วไปเข้าไปลงทะเบียนล่วงหน้าแล้ว Catan เป็นเกมกระดานแบบหกเหลี่ยม ผู้เล่นต้องสะสมทรัพยากรจำเป็นต่างๆ ทั้งข้าว ไม้ อิฐ ฯลฯ เพื่อสร้างเมืองและสร้างอารยธรรมของเมืองตัวเอง ขยายอาณาจักรให้ใหญ่ขึ้น ที่มา - Dual Shockers
# พร้อมเพย์หลายธนาคารมีปัญหาพร้อมกัน มีทั้งโอนต่างธนาคารไม่ได้, เข้าแอปไม่ได้, โอนไม่ถึงปลายทาง ช่วงเย็นที่ผ่านมาบริการพร้อมเพย์มีปัญหาหลายธนาคาร โดยผมทดสอบทั้งธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพมีปัญหาไม่สามารถโอนต่างธนาคารได้แต่ยังใช้แอปได้ ขณะที่ทางธนาคารกสิกรก็ออกมาระบุว่ามีผู้ใช้ K PLUS มากและแนะนำให้เว้นระยะทำรายการเช่นกัน ไม่แน่ชัดว่าระบบพร้อมเพย์มีปัญหาจากศูนย์กลางหรือไม่จึงทำให้มีปัญหาเป็นวงกว้าง ผู้ใช้ทวิตเตอร์ Beamtuan_Onni ระบุว่าล่มพร้อมกันถึง 9 ธนาคาร หลายธนาคารขึ้นข้อความว่าไม่สามารถโอนไปยังบางธนาคาร ขณะที่ MyMo ของธนาคารออมสินไม่ได้เข้าแอปแต่แรก หรือผู้ใช้บางรายระบุว่าเงินไม่ถึงปลายทาง
# Paper Mario: The Origami King จะเป็นเกม Open-World แบบไม่มีโหลดฉาก กระแสเกม Open-World มาแรงซะจนแม้แต่ Paper Mario: The Origami King เกมมาริโอ้เวอร์ชั่น RPG ในรูปแบบกราฟฟิกสไตล์แผ่นกระดาษ 2.5D ภาคใหม่ จะทำเป็นแนว Open-World แผนที่ใหญ่แผนที่เดียวโดยไม่มีการโหลดฉาก (ยกเว้นตัดเข้าฉากต่อสู้) และไม่แบ่งเป็น chapter ต่อๆ กันแบบภาคเก่าๆ โดยผู้เล่นจะสามารถใช้เส้นกระดาษโอริกามิที่พันปราสาทของเจ้าหญิงพีชอยู่ เป็นเครื่องนำทางว่าจะไปทางไหนต่อ นอกจากนี้เกมยังมียานพาหนะเช่น รถและเรือรูปรองเท้า ที่ช่วยให้การเดินทางในแผนที่สะดวกขึ้น พร้อมกับมี Toads ที่ถูกพับเป็นโอริกามิซ่อนอยู่ทั่วแผนที่ เพื่อรอให้มาริโอ้ไปช่วยและ Toads ที่มาริโอ้ช่วยมา ก็อาจจะกลับไปตั้งร้านขายของในเมือง Toad Town หรือมาช่วยมาริโอ้สู้ได้ด้วย Paper Mario: The Origami King วางจำหน่ายบน Nintendo Switch 17 กรกฎาคมนี้
# [ลือ] Nikkei เผย iPhone รุ่นใหม่ดีเลย์แน่ ๆ, แอปเปิลทำทุกวิธีเพื่อให้ขายได้เร็วที่สุด Nikkei Asian Review รายงานอ้างอิงแหล่งข้อมูลวงในที่ไม่เปิดเผยตัวว่า iPhone รุ่นใหม่ 4 รุ่นที่จะรองรับ 5G และมีกำหนดการเปิดตัวในปีนี้ จะประสบปัญหาดีเลย์ออกไปราว 1-2 เดือน จากปัญหา COVID-19 ทำให้พนักงานต้องทำงานจากบ้านและโรงงานที่ต้องปิดตัว แหล่งข่าวของ Nikkei ระบุด้วยว่าแอปเปิลและซัพพลายเออร์พยายามทำทุกวิถีทางและทุกฝ่ายกำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อให้การเปิดตัวและวางขาย iPhone รุ่นใหม่ดีเลย์ออกไปให้ได้น้อยที่สุด และตอนนี้เคสที่แย่ที่สุดอย่างการต้องเปิดตัวในปี 2021 ที่เคยถูกคาดการณ์กันไว้เมื่อ 3 เดือนก่อนก็ไม่น่าเกิดขึ้นแล้ว ปัญหาของการดีเลย์ไม่ใช่แค่เกิดจากการปิดโรงงานของซัพพลายเออร์ แต่เกิดจากนโยบายทำงานที่บ้าน ทำให้โปรเจ็คด้านฮาร์ดแวร์ส่วนใหญ่ต้องชะงักลง เพราะการทดสอบหรือกระบวนการหลาย ๆ อย่างไม่สามารถทำที่บ้านได้ อีกแหล่งข่าวหนึ่งระบุกับ Nikkei ว่าสถานการณ์ iPhone รุ่นใหม่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพราะตอนนี้ดีไซน์สุดท้ายก็ยังไม่เรียบร้อย การทดสอบอะไรต่าง ๆ ก็ยังคงมีอยู่ ดังนั้นหากการเปิดตัวจะดีเลย์ออกไปอีกจากที่คาดการณ์หรือกำหนดเส้นตายเอาไว้ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก ข้อมูลนี้ตรงกับที่ซีอีโอ Broadcom เคยออกมาพูดก่อนหน้านี้ด้วย ที่มา - Nikkei Asian Review
# Google Sheets เพิ่มฟีเจอร์ Smart Fill ช่วยเติมข้อมูลอัตโนมัติ, เชื่อมต่อ BigQuery Google Sheets ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง อย่างแรกคือ Sheets Smart Fill เป็นระบบ autocomplete ที่ช่วยอ่านใจเราว่าอยากเติมข้อมูลใดลงในชีท โดยเลียนแบบแพทเทิร์นการทำงานของเรา ตัวอย่างที่กูเกิลนำมาโชว์คือมีคอลัมน์ที่ประกอบด้วยชื่อ+นามสกุล และคอลัมน์ที่กรอกคำว่า "Hi+ชื่อ" ซึ่ง Google Sheets จะเข้าใจว่าเราพยายามทำอะไร และกรอก "Hi+ชื่อ" ให้ครบทุกแถวโดยไม่ต้องใส่สูตรใดๆ (ดูภาพประกอบ) ฟีเจอร์ที่สองเรียกว่า Sheets Smart Cleanup ช่วยให้ทำความสะอาดข้อมูลในตารางง่ายขึ้น เช่น หาแถวที่มีข้อมูลซ้ำกัน, หาเซลล์ที่ใส่ฟอร์แมตตัวเลขผิด เป็นต้น ฟีเจอร์สุดท้ายเรียกว่า Connected Sheets เป็นการเชื่อมข้อมูลจาก Google Sheets ไปประมวลผลในบริการ BigQuery ต่อเพื่อประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่มากๆ จุดเด่นคือข้อมูลจะอัพเดตตามกันแบบเรียลไทม์ แถมสะดวกกว่าการทำสเปรดชีทเป็นไฟล์แล้วอัพโหลดขึ้น BigQuery ในภายหลัง (เรียกใช้ได้จากเมนู Data > Data connectors) ที่มา - Google
# ซัมซุงวางขายอุปกรณ์ฆ่าเชื้อสมาร์ทดีไวซ์ด้วย UV-C ฆ่าเชื้อได้ 99% ราคา 1,590 บาท ซัมซุงประเทศไทยประกาศวางขาย UV Sterilizer อุปกรณ์ฆ่าเชื้อสมาร์ทโฟน นาฬิกา หรือหูฟังแบบพกพาด้วย UV-C โดยซัมซุงเคลมว่าสามารถฆ่าเชื้อได้ 99% ในเวลาเพียง 10 นาที โดยไม่ทำลายผิวสัมผัสและชาร์จไร้สายให้ในตัว ตัวอุปกรณ์จะหยุดปล่อยแสง UV-C ที่ทำอันตรายต่อมนุษย์ให้อัตโนมัติเมื่อมีการเปิดฝาเครื่องออก ขนาดของตัว Sterilizer อยู่ที่ 22.8 x 12.8 x 4.9 ซม วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ราคา 1,590 บาทที่ Samsung Experience Store ร้านค้าที่ร่วมรายการและซัมซุงออนไลน์สโตร์ ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# กองทัพอากาศไทยบรรจุ RoV เป็นกีฬาอีสปอร์ตในการแข่งขันกีฬาภายในเป็นครั้งแรก กองทัพอากาศไทยร่วมกับ Garena นำเกม RoV มาเป็นหนึ่งในกีฬาของการแข่งขันกีฬาภายในกองทัพอากาศเป็นครั้งแรก ในชื่อ RTAF RoV ESPORTS DAY 2020 โดยถูกจัดเป็นกีฬาสาธิต ทำการแข่งขันในรูปแบบออนไลน์ และมีทีมจากหน่วยงานในสังกัดของกองทัพอากาศทั่วประเทศเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 24 ทีม ตั้งแต่วันที่ 23-29 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา โดยรอบชิงชนะเลิศจัดที่ การีนาอีสปอร์ต สตูดิโอ ทีมที่คว้าแชมป์ไป คือทีมกองบิน 7 จาก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนทีมอันดับสอง คือทีมสำนักงานผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง และอันดับสาม คือทีมกรมสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทหารอากาศ และหลังจากนี้ทีมชนะเลิศจะได้เป็นตัวแทนนักกีฬาอีสปอร์ตของกองทัพอากาศในการแข่งขันรายการต่างๆ ต่อไป และสามารถติดตามข่าวสารของทีมอีสปอร์ตกองทัพอากาศได้ที่เฟสบุ๊กเพจ RTAF E-Sports ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# Wear OS ยังไม่ตาย? Qualcomm เปิดตัวชิปสมาร์ทวอทช์ Snapdragon Wear 4100 และ 4100+ Qualcomm เปิดตัวชิป Snapdragon Wear 4100 และ 4100+ ลดขนาดกระบวนการผลิตจาก 28 นาโนเมตรในรุ่นก่อน (Snapdragon Wear 3100) เหลือ 12nm เล็กกว่า Exynos 7270 (14nm) ใน Galaxy Watch รุ่นล่าสุดแล้ว ภายในชิปประกอบด้วย Cortex A53 สี่แกน ที่ 1.7GHz เร็วกว่า 3100 ถึง 85% ส่วนความเร็วหน่วยความจำอยู่ที่ 750Mhz เพิ่มจาก 400MHz ใน 3100 รุ่น 4100+ นอกจาก Cortex A53 ยังมีชิป Qqualcomm QCC1110 Enhanced ที่ภายในมี Cortex M0 ร่วมกับตัว display และ memory controller ของตัวเอง รองรับการแสดงสีมากขึ้น การจัดช่องว่างของตัวเลข ระบบสั่น การขยับข้อมือเพื่อเปิดจอ ในขณะที่สมาร์ทวอทช์อยู่ในโหมด always-on ซึ่งในรุ่น 4100 ปกติจะไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้ ในตลาดสมาร์ทวอทช์ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า Apple Watch ที่ใช้ชิปตระกูล S ของ Apple (ล่าสุดคือ S5 ใน Apple Watch Series 5) ร่วมกับ Watch OS และ Galaxy Watch ที่ใช้ชิป Exynos ร่วมกับระบบปฏิบัติการ Tizen เป็นสองแบรนด์ และสองระบบปฏิบัติการที่เป็นผู้นำตลาด (ถ้าไม่นับสมาร์ทวอทช์สำหรับการเล่นกีฬาโดยเฉพาะ) ส่วนสมาร์ทวอทช์ตระกูล Wear OS ที่เป็นระบบปฏิบัติการของ Google นั้น แทบจะหารุ่นที่มาสู้ได้ยาก สาเหตุมาจากทั้งตัวซอฟต์แวร์เอง และจากประสิทธิภาพของ Snapdragon Wear 3100 ที่ “ยังไม่ถึงขั้น” ซึ่งการเปิดตัวของชิป Snadpragon Wear 4100, 4100+ อาจจะเป็นอีกก้าวหนึ่ง ที่ทำให้สมาร์ทวอทช์ Wear OS ลืมตาอ้าปากได้มากขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูว่าฝั่ง Google จะจริงจังกับการพัฒนา Wear OS มากแค่ไหน หรือ ที่ซื้อ Fitbit ไป จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ปัจจุบัน Qualcomm เริ่มจัดส่ง Snapdragon Wear 4100, 4100+ ให้กับผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์ Wear OS (ที่เหลือน้อยราย) เช่น Mobvoi ที่กำลังพัฒนาสมาร์ทวอทช์ที่ใช้ชิปนี้แล้ว และ Fossil ก็น่าจะพัฒนาสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ที่ใช้ชิปนี้ตามไปเช่นกัน ส่วน Google เจ้าของ OS จะลงมาทำสมาร์ทวอทช์เองแบบ Pixel ด้วยหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
# เฟซบุ๊กปิดบริการ Hobbi แอปทดลองที่คล้าย Pinterest เฟซบุ๊กออก Hobbi แอปทดลองที่เก็บงานศิลปะหรืองานอดิเรกต่าง ๆ คล้ายกับ Pinterest เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดเฟซบุ๊กปิดบริการแอปนี้ไปแล้ว แอปนี้ออกโดยทีม New Production Experimentation (NPE) และทดสอบให้บริการเฉพาะในสหรัฐ ทว่าข้อมูลจาก Sensor Tower บริษัทวิเคราะห์แอปมือถือคาดว่า Hobbi มียอดดาวน์โหลดแค่ราว 7,000 ครั้งเท่านั้น ขณะที่ Apptopia ระบุว่ายอดดาวน์โหลดแอปนี้ต่ำกว่า 1 หมื่นครั้ง ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กก็เคยออกมาบอกว่าผลิตภัณฑ์จาก NPE จะมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก และพร้อมจะปิดทิ้งหากเสียงตอบรับจากผู้บริโภคไม่ค่อยดี ที่มา - TechCrunch
# DHL Express ส่งเอกสาร,พัสดุเล็ก ด้วยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เริ่มใน 5 เขต กทม. DHL Express ร่วมมือกับ STROM บริษัทผู้ผลิต, ผู้จัดจำหน่ายและผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาให้บริการรับและส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีผู้ส่งหรือผู้รับอยู่ภายในประเทศไทย เริ่มจัดส่งเอกสารและพัสดุขนาดเล็ก ใช้งานใน 5 เขตพื้นที่ี กทม. คือ ย่านดอนเมือง, พระราม 9, พระราม 3 บางแคและบางนา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป การเปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการ GoGreen โดยด๊อยช์โพสต์ ดีเอชแอลกรุ๊ป (DPDHL) มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมลพิษทางอากาศสู่สังคม ด้านบริษัทSTROM เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทแบตเตอรี่ Oska ที่ได้พัฒนาและผลิตแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์ไอที อิเล็กทรอนิกส์และการใช้งานทางทหารมาเกือบ 25 ปี ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# YouTube TV ดูช่องทีวีและเคเบิลทีวีสดผ่านเน็ต ขึ้นราคาอีก เป็นเดือนละ 65 ดอลลาร์ YouTube เปิดบริการ YouTube TV ดูช่องทีวีและเคเบิลทีวีสดผ่านเน็ตมาตั้งแต่ปี 2017 ราคาเปิดตัวอยู่ที่เดือนละ 35 ดอลลาร์ และขึ้นราคาในปี 2019 เป็น 50 ดอลลาร์ ล่าสุด ขึ้นราคาอีกแล้ว เป็นเดือนละ 65 ดอลลาร์ Christian Oestlien รองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์สำหรับ YouTube TV เขียนในบล็อก ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่รับบริการ YouTube TV ตอนนี้ การขึ้นราคาสะท้อนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของเนื้อหา และสะท้อนคุณค่าของ YouTube TV ที่เปลี่ยนวิธีการรับชมทีวีของผู้ชม ปัจจุบัน YouTube TV มีฉายคอนเทนต์รวมจาก 70 ช่องเคเบิล และในวันนี้มีคอนเทนต์จากช่องใหม่เพิ่มขึ้นด้วยคือ BET, CMT, Comedy Central, MTV, Nickelodeon, Paramount Network, TV Land และ VH1 มีรายการดังๆ คือ The Daily Show with Trevor Noah, Drag Race และ SpongeBob SquarePants บน YouTube TV เป็นต้น การที่ YouTube TV พยายามเพิ่มช่องใหม่ๆ เข้ามาเยอะขึ้น ก็นำมาซึ่งราคาที่เพิ่มมากขึ้นด้วย จนถึงตอนนี้ YouTube TV ก็ยังใช้งานได้เฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น ภาพจาก YouTube TV ที่มา - Engadget
# Krungthai NEXT คนใช้หนาแน่น ผู้ใช้มีปัญหาเข้าแอปไม่ได้ ผู้ใช้แอป Krungthai NEXT รายงานปัญหาเข้าแอปและทำธุรกรรมไม่ได้ตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมา โดยทางธนาคารระบุว่าเกิดจากผู้ใช้จำนวนมาก และแนะนำให้ผู้ใช้เว้นระยะก่อนเข้าใหม่อีกครั้ง ปีนี้นับเป็นปีที่ธนาคารกรุงไทยปรับปรุงระบบขึ้นมามาก รายงานธนาคารล่มครั้งล่าสุดในไตรมาสแรกมีเหตุธนาคารล่มเพียง 1 ชั่วโมงใน 1 ครั้ง เทียบกับไตรมาสสองปีที่แล้วที่อัตราการล่มสูงถึง 7 ครั้ง ที่มา - Facebook: Krungthai Care
# รู้จักแอป Kept by krungsri ตัวช่วยคน Gen-Y ออมเงิน ให้การออมเป็นเรื่องสนุก เก็บเงินไม่อยู่ ปัญหาคลาสสิคสำหรับคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะคน Gen-Y ที่งานวิจัยเผยให้เห็นว่าติดหล่มอยู่กับการเก็บเงินไม่อยู่ ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจ, อาชีพไม่มั่นคงพอจะเก็บเงิน, การใช้จ่ายไปกับประสบการณ์และสิ่งเร้าต่างๆ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตถึงพฤติกรรมการออมของคนอายุน้อย พบว่ามีประเด็นที่น่ากังวล ผลการสำรวจด้านการวางแผนทางการเงินหลายชิ้นในไทยชี้ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen-Y ไทยมีการวางแผนทางการเงินในระดับต่ำโดยเฉพาะกลุ่ม first jobber ที่มักมีทัศนคติที่ให้ความสำคัญต่อการออมน้อยกว่าคนรุ่นก่อน กลุ่มคน Gen-Y ยังผูกพันกับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลมากๆ การซื้อของออนไลน์บนมือถือเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนกลุ่มนี้ ทำให้เงินไหลออกนอกกระเป๋าได้ง่ายเช่นเดียวกัน แต่ใช่ว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีความคิดริเริ่มที่จะออมเลย พวกเขาค่อยๆ เริ่มจากการออมทีละเล็กทีละน้อย ถ้าเป็นคนเพิ่งเริ่มทำงาน ก็จะมีเคล็ดการออม เช่น เก็บเศษเหรียญ, สะสมธนบัตร 50 บาท, เปิดบัญชีออมเงินแยกกับบัญชีที่ใช้ปัจจุบัน หากเป็นคนที่ทำงานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ก็จะเริ่มมองหาการออมที่ให้ผลตอบแทนมากขึ้นอย่างการเปิดบัญชีออมทรัพย์ การลงทุน การซื้อประกันเงินออม เป็นต้น จะดีแค่ไหน ถ้าการออมสามารถทำได้ง่าย สนุก เห็นผลตอบแทน และเริ่มต้นได้ง่ายบนมือถือ Kept by krungsri คือทางเลือกใหม่สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มต้นออมเงินด้วยวิธีที่ได้ผลมาพร้อมรูปแบบแอปพลิเคชั่นใช้ง่าย และตอบโจทย์พฤติกรรมการออมส่วนตัวในหลายรูปแบบ การทำงานของ Kept แบ่งออกเป็น 3 บัญชีที่ทำงานร่วมกันระหว่าง 1 กระเป๋า 2 กระปุก คือ กระเป๋า Kept, กระปุก Grow และกระปุก Fun ในบทความนี้จะค่อยๆ ไล่เรียงวิธีการทำงานของแต่ละส่วนพร้อมทั้งรีวิวฟีเจอร์ไปพร้อมๆ กัน กระเป๋า Kept ฟีเจอร์แรกของ Kept คือกระเป๋า Kept ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าสตางค์ของเรา ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินเข้ามาเก็บในกระเป๋าใบนี้ได้ ถอนออกได้, สแกนจ่ายตามร้านค้าได้ ทำหน้าที่เป็นบัญชีเงินฝากของเราตามปกติ แต่หน้าที่หลักของกระเป๋าใบนี้ ไม่ใช่การนำเงินมากองไว้ แต่เป็นการทำงานร่วมกับกระปุก Grow และกระปุก Fun ได้อย่างไร้รอยต่อ เริ่มจากกรอกจำนวนเงินที่จะใช้ในกระเป๋า Kept เช่น เดือนนี้จะใช้เงินไม่เกิน 1 หมื่นบาท ก็กรอกตามจำนวน 10,000 บาท จากนั้นโอนเงินที่อยากจะเก็บมาไว้ที่กระเป๋าก่อน สมมุติว่า โอนเงินมา 25,000 บาท วันรุ่งขึ้น เงินในกระเป๋า Kept จะเหลือ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 15,000 บาท จะถูกย้ายไปอยู่ที่กระปุก Grow ที่ดอกเบี้ยสูงกว่าโดยอัตโนมัติ ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินในกระเป๋ามากเกินไป แถมยังได้เก็บเงินก้อน และได้ดอกเบี้ยดีดีทุกวัน สมมุติเกิดเหตุไม่คาดฝัน มีเรื่องต้องใช้เงิน และเงินในกระเป๋าเหลือ 1,000 บาท แต่เราจำเป็นต้องใช้เงิน 3,500 บาท แทนที่เราจะต้องไปโอนเงินจากกระปุก Grow มาใส่กระเป๋า Kept เราก็ให้แอปทำงานให้ ด้วยการเปิดฟีเจอร์โอนออกอัตโนมัติไว้ ระบบจะทำการดึงเงินจากกระปุก Grow ออกมาให้เอง 2,500 บาท เพื่อให้เราทำรายการโอน 3,500 บาทนั้นได้สำเร็จ แต่ถ้าเรากลัวเผลอใช้เพลินจนเงินหมดกระปุก ก็สามารถตั้งค่า เตือนก่อนใช้ ไว้ด้วย ระบบจะขอให้เรายืนยันก่อนที่จะเอาเงินออกจากกระปุก Grow มาใช้ เป็นการเรียกสติให้คิดทบทวนอีกครั้งก่อนจะเอาเงินจากกระปุกมาใช้นั่นเอง กระปุก Grow กระปุก Grow คือแหล่งเก็บเงินที่ยิ่งเก็บเยอะ ยิ่งได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย 1.6 %* ในปีแรกและสูงขึ้นเป็น 1.8 %* ในปีที่สอง คิดดอกเบี้ยทุกวัน จ่ายดอกเบี้ยทุกวันที่ 28 ของเดือน แต่มีข้อแม้ว่า การเก็บเงินเข้ากระปุก Grow ต่อ 1 รายการ ต้องไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท (*ทั้งนี้ ดอกเบี้ย และเงื่อนไขเป็นไปตามประกาศของธนาคาร) แต่เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันคนออมเงินจนเกินไป เงินในกระปุก Grow สามารถโอนเงินจากกระปุกมาคืนในกระเป๋า Kept ได้ในกรณีที่เงินไม่พอใช้จริงๆ สำหรับคนที่มีวินัยเคร่งครัด หรือมีความมุ่งมั่นในการเก็บเงินก้อนโต ก็สามารถล็อกกระปุกด้วยการปิดใช้งานฟีเจอร์โอนออกอัตโนมัติ (Allow money out) ไม่ให้โอนออกได้ด้วย และยังมีระบบแจ้งเตือนก่อนใช้ (Alert before money out) เพื่อเตือนผู้ใช้งานว่า คุณกำลังเอาเงินจากกระปุกที่ตั้งใจออมไว้ไปใช้นะ เป็นการเตือนสติอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจ กระปุก Fun ฟีเจอร์กระปุก Fun ช่วยให้การออมเงินสนุกและดูเป็นชาเลนจ์แข่งกับตัวเองมากขึ้น เหมาะกับคนที่สบายใจกับการออมแบบเก็บเล็กผสมน้อย หรือยังไม่มีเงินก้อนมากพอที่จะออมกับกระปุก Grow กระปุก Fun ขับเคลื่อนการทำงานด้วยฟีเจอร์เด็ดสองอย่างคือ แอบเก็บและสั่งเก็บ ให้แอปช่วยเก็บเงินให้โดยที่เราไม่รู้ตัว แอบเก็บ หรือ Auto grab ช่วยแอบเก็บเงินเข้ากระปุก Fun ให้อัตโนมัติในทุกครั้งที่มีการโอนเงินออกจากบัญชี Kept หรือใช้จ่ายผ่าน QR เราสามารถตั้งค่าได้เองว่าจะให้ช่วยแอบเก็บกี่บาท โดยตั้งค่าได้ 3 แบบคือ ระบุจำนวนเงินไปเลยว่าถ้ามีการจ่ายเมื่อไหร่ จะเก็บให้ … บาท ตั้งค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 10% ระบบจะแอบเก็บให้ 10% ของยอดที่โอนออก ตั้งค่าแบบปัดเศษ ให้ระบบแอบเก็บให้เป็นจำนวนเต็มไปเลย เช่นซื้อรองเท้าไป 1,720 บาท ปัดเศษ 80 บาทจะเท่ากับ 1,800 บาท เศษ 80 บาทนั้นจะถูกนำไปแอบเก็บที่กระปุก Fun อัตโนมัติ สั่งเก็บ หรือ Regular save คือการตั้งค่าให้ระบบเก็บเงินเราจากกระเป๋า Kept เข้ากระปุก Fun โดยอัตโนมัติ สั่งเก็บเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนก็ได้ ตั้งจำนวนเงินที่จะสั่งเก็บได้ตามใจชอบ เหมาะสำหรับคนขี้ลืมโดยเฉพาะ กระปุก Fun ยังให้ดอกเบี้ยตอบแทนด้วย ถ้าแอบเก็บครบ 10 ครั้งจะได้ดอกเบี้ย 1% ในเดือนถัดไปเป็นการทำระบบให้ดูเป็นชาเลนจ์ เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกสนุกที่ได้ออมเงิน ไม่ต้องมีบัญชีธนาคารกรุงศรีก็ใช้งานได้ ทำการสมัครผ่านแอป แล้วเลือกว่าจะไปยืนยันตัวตนที่จุดบริการที่สะดวกผ่านช่องทาง Krungsri i-CONFIRM ซึ่งเป็นจุดบริการยืนยันตัวตนที่ติดตั้งไว้ที่สาขาของธนาคารกรุงศรีทุกสาขาทั่วประเทศ และจะขยายจุดบริการอื่นให้มากขึ้นในอนาคต วิธีนี้ ทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจาก ดาวน์โหลดแอป Kept: สมัครใช้งาน กรอกข้อมูล และสแกนบัตรประชาชน ยืนยันตัวตน: เลือกช่องทาง Krungsri i-CONFIRM จะได้ QR code เพื่อใช้ในการไปติดต่อจุดบริการ Krungsri i-CONFIRM พร้อมนำบัตรประชาชนไปด้วย หลังจากยืนยันตัวตนสำเร็จ จะได้รับข้อความทางมือถือ ให้กลับไปสมัครต่อ กลับมาที่แอป Kept: ทำการสมัครต่อพร้อมถ่ายเซลฟี่ กรอกรหัสแนะนำเพื่อน(ถ้ามี) สามารถกรอกรหัสได้ตอนสมัคร แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นตั้งค่าใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ในอนาคต Kept ยังเตรียมแผนรองรับการยืนยันตัวตนผ่านระบบ NDID (National Digital ID) หรือการยืนยันตัวตนดิจิทัลข้ามธนาคาร ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารแห่งใหม่ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคาร โดยใช้การพิสูจน์และยืนยันตัวตนจากธนาคารที่ตนเองเคยมีบัญชีเงินฝากอยู่แล้ว ด้วยเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ไม่ต้องเดินทางมาแสดงตนที่สาขา และลดการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน ซึ่งขณะนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ทดสอบระบบแล้ว ทำไมต้อง Kept จากฟีเจอร์ต่างๆ ข้างต้น ทำให้รู้ว่าแอปพลิเคชั่น Kept ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยคำนึงถึง pain point ในการออมเงินของคนรุ่นใหม่อย่างถี่ถ้วน และถ้าสังเกตที่โลโก้ Kept ดีๆ จะเห็นเหรียญที่หยอดลงกระปุกด้วย Kept by krungsri พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ต้องการเก็บออมเงินอย่างเป็นระบบ มีการพัฒนาฟีเจอร์ที่ดูเป็นการใช้เทคโนโลยีไม่ซับซ้อน แต่ได้ผลที่นำไปใช้งานได้จริง ตอบโจทย์พฤติกรรมดิจิทัลของคนรุ่นใหม่ ช่วยเป็นอีกแรงผลักดันสำคัญให้คนรุ่นใหม่เริ่มต้นออมเงินได้ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ดาวน์โหลดแอป Kept ได้แล้วทั้งสองช่องทางทั้ง iOS : Kept for iOS Android : Kept for Android พิเศษ สมัคร Kept และโอนเข้าขั้นต่ำ 1,000 บาท ภายใน 7 วันนับจากวันสมัคร ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. - 30 ก.ย. นี้ รับ (e-coupon) คูปองสตาร์บัคส์ฟรี 100 บาท โดยจะส่งให้ทางอีเมลที่ลงทะเบียน และยืนยันอีเมลแล้ว แนะนำเพื่อนต่อ รับสูงสุด 500 บาท! เมื่อเพื่อนสมัคร Kept ด้วยรหัสแนะนำเพื่อนของคุณสำเร็จ รับเลย 50 บาทต่อคน (สูงสุด 10 คน ตลอดรายการ) ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. - 30 ก.ย. นี้ รายละเอียดเพิ่มเติม www.keptbykrungsri.com หรือสอบถาม Kept help center โทร. 02-296-6299
# Amazon ปรับสถานะเกม Crucible กลับเป็น Closed Beta หลังเปิดตัวแล้วแป๊ก Crucible เกมฟอร์มใหญ่เกมแรกของ Amazon Game Studios เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนทีมงานต้องประกาศแผนปรับรูปแบบเกมครั้งใหญ่ ให้เหลือเกมเพลย์เพียงโหมดเดียว ล่าสุด ปัญหาของ Crucible ดูเยอะกว่าที่คิดไว้ จนทีมพัฒนาต้องประกาศปรับสถานะของเกมจาก Beta กลับเป็น Closed Beta อีกครั้ง (หรือที่เรียกว่า unrelease คือถอนการเปิดตัวเกม) ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในอุตสาหกรรมเกม สำหรับผู้เล่นเดิมของ Crucible คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะยังสามารถเล่นเกมได้เหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือทีมพัฒนาเกมจะเข้ามารับฟังความเห็นจากผู้เล่นอย่างใกล้ชิดกว่าเดิม และจะเข้าร่วมเล่นเกมกับผู้เล่นเป็นประจำทุกสัปดาห์ด้วย ส่วนผู้เล่นหน้าใหม่คาดว่าจะปิดรับชั่วคราวในเร็วๆ นี้ (ตอนนี้ยังสามารถดาวน์โหลดผ่าน Steam ได้อยู่) กรณีของ Crucible แสดงให้เห็นว่าวงการเกมในปัจจุบันแข่งขันสูง ผู้เล่นมีตัวเลือกเกมแนว team FPS จำนวนมาก และต่อให้มีทรัพยากรเหลือเฟือแบบ Amazon ก็ไม่สามารถเข้ามาสู่วงการเกมได้ง่ายนัก ที่มา - Crucible, Kotaku
# The Last of Us Part 2 เป็นเกมที่คนพิการเล่นได้, ค่าย Naughty Dog จะแชร์ความรู้ให้สตูดิโอเกมอื่นด้วย The Last of Us Part 2 นอกจากจะเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดเกมหนึ่งแล้ว ตัวเกมยังได้รับคำชื่นชมเรื่องฟีเจอร์ Accessibility หรือการที่ผู้พิการสามารถเล่นเกมจนจบได้ โดยก่อนที่เกมจะเปิดตัว Matthew Gallant หัวหน้าฝ่ายดีไซเนอร์ของ Naughty Dog เขียนรายละเอียดฟีเจอร์ Accessibility ในเกมว่ามีมากกว่า 60 จุด และทางค่ายเกมก็เตรียมจะแชร์ความรู้ให้สตูดิโอเกมอื่นด้วย เพื่อสร้างยกระดับอุตสาหกรรมเกมให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น ตัวอย่างฟีเจอร์ Accessibility ที่ Gallant เขียนไว้ในบล็อกคือ ตั้งค่าการควบคุมปุ่มสำหรับการเข้าถึงไว้ล่วงหน้าหรือ preset สามค่า สำหรับผู้มีปัญหาการมองเห็น, การได้ยิน และผู้พิการทางกาย preset สำหรับผู้มีปัญหาการมองเห็นคือ รองรับ Text-to-Speech, จอแสดงผลมีโมชั่นแยกความแตกต่างระหว่างตัวละครและศัตรูแบบชัดเจน, คำบรรยายใหญ่, ซูมเช้าออกได้, การเล็งเป้าหมายอัตโนมัติ, มีเสียงสำหรับการสำรวจเส้นทาง ส่วน preset สำหรับผู้มีปัญหาทางการได้ยิน เช่น Awareness Indicators, มีแจ้งเตือนให้หยิบของ, แสดงคำบรรยายสม่ำเสมอ, แสดงชื่อตัวละครที่กำลังพูดอยู่, ใช้การสั่นสะเทือนเมื่อจะต้องเล่นกีต้าร์ในเกม และ preset สำหรับผู้พิการทางร่างกาย มีปัญหาการใช้มือ ล็อกเป้าหมายอัตโนมัติ สลับอาวุธอัตโนมัติ เพิ่มทางเลือกการ์ดป้องกันความปลอดภัย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มทางเลือกการควบคุมเกมไปยังคอนโทรลเลอร์อื่นที่ผู้พิการใช้ง่ายกว่าจอยเกม เช่น คอนโทรลเลอร์แบบทัชแพดหรือแบบที่ใช้การสั่นสะเทือนได้ เพราะการกดค้างและกดซ้ำๆ ติดกัน อาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้เล่นบางกลุ่ม ผู้อ่านสามารถอ่านรายละเอียดฟีเจอร์ผู้พิการเพิ่มใน PlayStation Blog ที่มา - Dual Shocker, PlayStation Blog
# Nearby Sharing ฟีเจอร์แชร์ไฟล์แบบ AirDrop บนแอนดรอยด์เริ่มทดสอบเบต้าแล้ว หลังมีข่าวมานาน ล่าสุด Google เริ่มทดสอบ Nearby Sharing ฟีเจอร์แชร์ไฟล์แบบ AirDrop เวอร์ชันเบต้าแล้ว โดยฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Google Play Service ผู้ที่สนใจจะต้องลงทะเบียน beta tester ก่อน Nearby Share จะเพิ่มขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกเวลาเรากดแชร์ (share sheet) ไม่ว่าจะรูปภาพ วิดีโอ URLs ฯลฯ เมื่อกด Nearby Share หากใช้งานครั้งแรกจะมีหน้าต่างให้กดเปิด และสามารถเลือกได้แบบ AirDrop ว่าใครจะเห็นเครื่องเราได้ (device visibility) ซึ่งก็เลือกได้ว่าเฉพาะผู้ติดต่อ ทุกคนหรือซ่อนเอาไว้เลย โดย Nearby Share จะถูกเพิ่มเข้ามาเป็น shortcut บนแถบ notification panel ด้านบน เพื่อเปิดหรือปิดรับไฟล์ด้วย ดูตัวอย่างการใช้งานได้จากที่มา ที่มา - Android Police
# Discord รีแบรนด์จากแพลตฟอร์มเกมเมอร์ สู่พื้นที่พูดคุยอิสระ, อัพเดตแก้บั๊คชุดใหญ่ Discord ชูโรงด้านการเป็นบริการติดต่อสื่อสารระหว่างเกมเมอร์มาตั้งแต่จุดประสงค์แรกเริ่มโดยมีจุดเด่นที่ใช้งานง่ายและฟรี ทั้งยังมีดีเลย์ในขณะเล่นเกมน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง TeamSpeak ล่าสุดสิ่งนี้เปลี่ยนไปแล้วเมื่อ Discord ตอนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สำหรับชาวเกมเมอร์ ทาง Discord จึงรีแบรนด์เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ของแอปในตอนนี้ด้วย Tagline ใหม่อย่าง Your place to talk สำหรับเป็นพื้นที่พูดคุยอิสระ ไม่ว่าจะเป็นที่ๆ สำหรับการพูดคุยกันของกลุ่มเพื่อน และชุมชนต่างๆ จากยอดผู้ใช้งานต่อเดือนกว่า 100 ล้าน มีการสนทนาต่อวัน 4 พันล้านนาที ใน 6.7 ล้านเซิฟเวอร์ที่ยังใช้งานอยู่ นอกจากนี้ยังปรับปรุงให้ผู้ใช้งานใหม่ใช้งานได้ง่ายมากขึ้นอย่างเพิ่มเซิฟเวอร์วิดีโอ เพิ่มเทมเพลตเซิฟเวอร์ แก้บัคกว่าร้อยอย่าง เพิ่มความจุของการพูดคุยด้วยเสียงและวิดีโอกว่า 200% ลดการอ้างอิงเกี่ยวกับเกมเพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแอปได้ เพิ่มศูนย์ความปลอดภัยของ Discord ช่วงหลังๆเราก็เห็นการพยายามเข้ามาในตลาดที่ไม่เกี่ยวกับเกมเมอร์อย่างเช่น มาชวนเปิดห้องเรียนออนไลน์ หรือการพูดคุยกับเพื่อนในช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่มา - Discord
# SAP เชิญร่วมงาน Forward Together 2020 เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีรับมือวิกฤติ SAP ขอเชิญผู้สนใจร่วมงาน Forward Together 2020 งานสัมมนาออนไลน์ ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้รับฟังประสบการณ์ข้อมูลเบื้องลึกของอุตสาหกรรมต่างๆ พร้อมคำแนะนำถึงการใช้เทคโนโลยีมาช่วยรับมือกับวิกฤติ ตั้งแต่การจัดการเมื่อพนักงานต้องทำงานจากที่บ้าน ไปจนถึงการปรับรูปแบบธุรกิจที่อาจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ประสบการณ์ที่จะได้รับจากงานนี้มีตั้งแต่การรับมือกับผลกระทบจาก COVID-19 ในธุรกิจและบริการทั้ง ภาคการเงินธนาคาร, ประกันภัย, ภาคการผลิต, สินค้าอุปโภคบริโภค, ธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจน้ำมัน, สาธารณูปโภค, หรือภาครัฐ ที่วิทยากรจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ว่าได้รับมือและปรับตัวอย่างไร ลงทะเบียนได้ฟรีวันนี้ที่ SAP.com Forward Together 2020 - an SAP Southeast Asia Virtual Event 14 – 16 July 2020 8:30 AM (TH time) The New Reality of Business During this unprecedented time of uncertainty, SAP is committed to helping you with the myriad of challenges that we are all facing. Our virtual event – Forward Together 2020 will provide you with relevant industry insights, intelligent solutions and innovative technologies to guide and to support businesses, governments and communities with the challenges ahead across South East Asia. Why attend Virtual FORWARD TOGETHER 2020? MOST IMPORTANT VIRTUAL PLATFORM IN SEA: Expect likeminded peers across our base of customers, prospects, and partners from 6 countries – Singapore, Thailand, Indonesia Malaysia, Philippines & Vietnam. This makes FORWARD TOGETHER 2020 the foremost virtual platform for insights, networking, and learning. TAILORED LEADERSHIP INSIGHTS: Designed with business and functional leaders in mind, FORWARD TOGETHER 2020 provides decision-makers with the most relevant insights to immediately strengthen the business. CROSS-INDUSTRY PERSPECTIVES: There’s something for everyone to take away regardless of your industry or company size. Industries covered at FORWARD TOGETHER 2020 include manufacturing, consumer, financial services, energy & natural resources, and public services. IMMERSIVE 3D EXPERIENCE: Get ready for a fully immersive 3D experience across all 3 days of FORWARD TOGETHER 2020 at our conference & interactive tradeshow! Don’t miss out on the key takeaways spanning across the 3 days! Day 1: Leadership Executive Sessions Collective Leadership Creativity: Forward Together Curated for Business Leaders, this day features: Thought-Provoking Live Discussions on tough business decisions the executive leadership needs to make NOW. Including how our partners and customers can stabilize operations, revitalize revenue streams, and renew the business through SAP technology. Expert Perspectives from Guest Speakers on navigating the way forward. Day 2: Industry Focused Sessions – TechTalks! Deep Industry Insights: Technology & Ideas Collide Whether you are in Banking, Insurance, Manufacturing, Consumer Products, Retail, Oil and Gas, Utility, Public Services, or other industries, you’ll leave with INSPIRED INDUSTRY INSIGHTS to stabilize, revitalize, and renew your business. Including new business models and processes for your industry in the way forward. Day 3: Business Function Sessions Applied Innovation: Drive Targeted Business Outcomes For both the C-Suite & Functional Leaders: Sessions covering 8 pillars – Digital Workforce, Customer Experience, Intelligent Finance, Intelligent Spend Management, Resilient Supply Chain, Innovate to Thrive, Digital SMEs and Collaborative Ecosystems – will help weave resilience into every aspect of your business NOW. Who will be attending? By Job Functions: Finance, Human Resource, Operations, Digital Transformation, Procurement, Operations, Supply Chain/Logistics By Industries: Manufacturing, Public Services, Financial Services, Energy & Natural Resources, Consumer Products By Job Level: C-suite, Vice Presidents, Directors, Head of Departments, Managers, Business Owners Find out more at SAP
# รายงานธนาคารล่มมกราคม-มีนาคมออกแล้ว ธนาคารกรุงเทพสูงสุด 22 ชั่วโมง ธนาคารแห่งประเทศไทยออกรายงานธนาคารล่มไตรมาสแรกเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมที่เดิมมีกำหนดเผยแพร่ภายในเดือนเมษายนแต่เลื่อนโดยระบุว่ากระทบจาก COVID-19 โดยระบบธนาคารผ่านโทรศัพท์ของธนาคารกรุงเทพมีระยะเวลาล่มรวมถึง 22 ชั่วโมงแม้จะล่มเพียงสองครั้งเท่านั้น ระบบอื่นๆ ที่ล่มเกิน 4 ชั่วโมง เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีทั้งธนาคารผ่านโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต, ธนาคารผ่านโทรศัพท์ของธนาคารไทยพาญิชย์, บริการเอทีเอ็มของธนาคารยูโอบี, และบริการที่สาขาของธนาคารอาร์ เอช บี โดยรวมนับว่าอัตราการล่มสูงขึ้นกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศเลื่อนออกรายงานนั้น ข้อความประกาศขอให้ประชาชนมั่นใจว่าธนาคารได้ดูแลระบบบริการทุกช่องทางเพื่อให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ที่มา - 1213.or.th
# Red Hat ประกาศเลิกใช้คำ Master/Slave, Whitelist/Blacklist กับซอฟต์แวร์ทั้งบริษัท Red Hat เป็นบริษัทล่าสุดที่ออกมาประกาศเลิกใช้คำว่า master/slave และ whitelist/blacklist ที่อาจกระทบต่อเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ โดยตั้งคณะทำงานตรวจสอบโค้ดและเอกสารทั้งหมดของบริษัท (โอเพนซอร์สทุกโครงการที่ทำ) เพื่อดูว่ามีคำที่มีปัญหาหรือไม่ แนวทางของ Red Hat คือเปลี่ยนคำที่มีปัญหาทั้งหมดเท่าที่ทำได้ ยกเว้นในกรณีเป็นคำในโค้ด ที่เปลี่ยนแล้วจะกระทบต่อ API ก็จะนำเสนอแผนการเปลี่ยนผ่านในระยะยาวต่อโครงการนั้นๆ (ที่ Red Hat อาจไม่ได้เป็นเจ้าของหรือดูแล) โครงการโอเพนซอร์สที่ทำไปแล้วคือ Ansible ที่เปลี่ยนคำว่า master เป็น main และคำว่า whitelist/blacklist เป็น allowlist/denylist Red Hat บอกว่าการเปลี่ยนแปลงคำเหล่านี้ย่อมมีเสียงวิจารณ์ว่า "จะเปลี่ยนทำไม" หรือ "คนตั้งชื่อ/เลือกคำตอนแรกไม่ได้มีเจตนาเหยียด" แต่ก็อยากให้เข้าใจคนที่ได้รับผลกระทบจากคำที่อ่อนไหวเหล่านี้ด้วย ที่มา - Red Hat
# Bethesda เผย เลื่อนขาย Doom Eternal เพื่อปรับปรุงคุณภาพ ไม่อยากซ้ำรอย Fallout 76 ช่วงหลังๆ เราเห็นการเลื่อนวันวางขายของเกมบิ๊กเนมจำนวนมาก ด้วยเหตุผลว่าต้องการเวลาเพิ่มเพื่อปรับปรุงคุณภาพของเกม เรื่องนี้ Pete Hines หัวหน้าฝ่ายการตลาดของบริษัทเกม Bethesda อธิบายเบื้องหลังการตัดสินใจเลื่อนวันขาย Doom Eternal จากเดิม พ.ย. 2019 มาเป็น มี.ค. 2020 ว่าเป็นผลมาจากความล้มเหลวของ Fallout 76 ในช่วงเปิดตัว ที่เต็มไปด้วยปัญหามากมาย Hines เล่าว่าบทเรียนจาก Fallout 76 ทำให้ภายในบริษัท Bethesda ยอมรับกันว่าถ้าเกมไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งวางขาย เพราะไม่อยากผิดพลาดซ้ำอีก ถึงแม้การเลื่อนวันวางขายเป็นเรื่องเจ็บปวด และทำให้คนไม่ได้เล่นเกมนั้นในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปี แต่การตัดสินใจเลื่อน Doom Eternal ก็คุ้มค่า เพราะเกมดีขึ้นกว่าเดิมมาก นอกจาก Doom Eternal แล้ว ภาคเสริมของ Fallout 76 คือ Wastelanders ก็เลื่อนวันเปิดตัวด้วยเหตุผลเดียวกัน และส่งผลให้เสียงตอบรับดีขึ้นเช่นกัน ที่มา - Gamespot
# Firefox 78 ออกแล้ว เพิ่มปุ่ม Refresh ล้างข้อมูลแทนการ Uninstall Mozilla ออก Firefox 78 มีของใหม่ดังนี้ หน้า Protections Dashboard (เข้าได้จากเมนูหรือ about:protections) รวมข้อมูลการบล็อคคุกกี้ การตามรอย และปัญหารหัสผ่านรั่ว เพิ่มปุ่ม Refresh Firefox ในตัวถอนการติดตั้ง (uninstaller) เพื่อสร้างโพรไฟล์ใหม่แบบสะอาดๆ (แต่ยังคงเก็บข้อมูลบางอย่างไว้ ใช้ bookmarks, history, passwords) ช่วยแก้ปัญหาของ Firefox โดยไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งใหม่ ขยายฟีเจอร์ WebRender ที่ใช้จีพียูช่วยเรนเดอร์หน้าเว็บ มายังผู้ใช้วินโดวส์ที่ใช้จีพียูอินเทล Firefox 78 เป็นรุ่นซัพพอร์ตระยะยาว Extended Support Release (ESR) และเป็นรุ่นสุดท้ายที่ซัพพอร์ต macOS 10.9, 10.10, 10.11 ที่มา - Mozilla
# เผย Apple Arcade ปรับกลยุทธ์ แจ้งผู้พัฒนาให้ทำเกมที่คนจะติดและเล่นซ้ำบ่อย ๆ สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า แอปเปิลได้ปรับกลยุทธ์ของ Apple Arcade บริการ subscription สำหรับเล่นเกมรายเดือน โดยแจ้งผู้พัฒนาเกมหลายราย ว่าแอปเปิลต้องการเกมที่ผู้เล่นมีแนวโน้มจะติดและเล่นซ้ำบ่อยครั้ง ซึ่งน่าจะเหมาะกับแนวทาง subscription มากกว่า ผู้พัฒนาเกมบางรายเผยว่า แอปเปิลได้แจ้งยกเลิกสัญญาที่ให้พัฒนาเกมลงแพลตฟอร์ม เนื่องจากตัวเกมไม่เป็นไปตามกลยุทธ์ข้างต้น โดยจ่ายเงินให้ตามความคืบหน้าของโครงการ รวมทั้งแอปเปิลยังคงให้พัฒนาบางเกมที่เข้าเงื่อนไขต่อไป ทั้งนี้ตัวอย่างเกมที่ผู้เล่น เล่นแล้วจะติดซึ่งแอปเปิลยกตัวอย่าง คือเกม Grindstone เกมแนวเรียงสลับแถวให้ได้ครบ 3 ทั้งนี้แอปเปิลชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า บริษัทยังคงเน้นการเติบโตของแพลตฟอร์ม Apple Arcade และต้องการให้มีเกมที่หลากหลาย Apple Arcade มีค่าสมาชิก 99 บาทต่อเดือน มีเกมออกใหม่ทุกสัปดาห์ รวมแล้วตอนนี้มีมากกว่า 120 เกมแล้ว ที่ผ่านมาแอปเปิลไม่เคยเปิดเผยจำนวนผู้สมัครใช้บริการ ที่มา: Bloomberg ผ่าน MacRumors
# ลุยต่อกับ Google Glass? กูเกิลซื้อ North ผู้ผลิตแว่นอัจริยะ Focals กูเกิลประกาศเข้าซื้อ North บริษัทคอมพิวเตอร์สวมใส่ได้ในแคนาดา ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตแว่นตาอัจริยะ Focals 1.0 และกำไลควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยกล้ามเนื้อ Myo ตัวแว่นตา Focals นั้นมีความคล้ายกับ Google Glass พอสมควร โดยกูเกิลเลิกขาย Google Glass ให้คนทั่วไปตั้งแต่ปี 2015 แต่ยังคงขายระดับองค์กรอยู่ในราคา 999 ดอลลาร์ การเข้าซื้อบริษัทที่สินค้าใกล้เคียงกันเช่นนี้ก็น่าสนใจว่าดูเหมือนกูเกิลยังคงลงทุนเพิ่มเติมกับ Google Glass ต่อแม้เราจะไม่ค่อยได้ยินข่าวแล้วก็ตาม ทาง North จะเลิกขายสินค้าของตัวเอง ตอนนี้เว็บสินค้าทั้งหมดเข้าไม่ได้แล้วเหลือเพียงวิดีโอโฆษณาเดิมบน YouTube เท่านั้น (ฝังไว้ท้ายข่าว) ส่วนทางกูเกิลก็ไม่ได้ระบุว่าจะให้ทีมงาน North เข้ามาช่วยงานส่วนไหน แต่ระบุว่ากูเกิลให้ความสำคัญกับการพัฒนา ambient computing ที่คอมพิวเตอร์จะหายไปแต่รับคำสั่งจากเราอยู่เบื้องหลัง ที่มา - Google Blog, North
# บริการอีเมล HEY ใช้ AWS Spot Instance ร่วมกับ Kubernetes รับโหลดโปรดักชั่น ผู้ใช้ไม่รู้สึกแม้โดนปิดเซิร์ฟเวอร์ HEY ผู้ให้บริการอีเมลที่เพิ่งมีปัญหากับแอปเปิล เขียนบล็อกเล่าถึงการใช้คลาวด์ของบริษัท โดยการใช้ Spot Instance ของ AWS ที่มีค่าใช้ใช้งานเปลี่ยนไปตามปริมาณเครื่องคงเหลือของ AWS แต่ทาง HEY ก็ระบุว่ายังคงสามารถให้บริการโดยผู้ใช้อีเมลไม่รู้สึกอะไรแม้จะมีเครื่องถูกปิดไปตลอดเวลา Spot Instance เป็นแนวทางการใช้เซิร์ฟเวอร์คงเหลือในศูนย์ข้อมูลของ AWS โดยผู้ใช้สามารถกำหนดราคาสูงสุดที่ยอมจ่าย และหากมีเครื่องคงเหลือทาง AWS จะทำเครื่องเหล่านั้นมาให้บริการโดยคิดค่าบริการจากเครื่องที่เหลือพอให้บริการและปริมาณผู้ใช้ Spot Instance เอง โดยทั่วไปแล้ว Spot Instance จะราคาถูกกว่าเครื่องแบบ On-Demand ตามปกติมาก ทาง HEY ระบุว่าส่วนต่างนั้นทำให้ Spot ราคาถูกกว่าการซื้อเซิร์ฟเวอร์แบบจองล่วงหน้า (Reserved Instance - RI) เสียอีก แถมไม่ต้องวางแผนล่วงหน้าใดๆ ทำให้คุ้มที่จะเลือกทางนี้ แต่ข้อเสียคือทาง AWS สามารถดึงเครื่องแบบ Spot Instance คืนเมื่อใดก็ได้โดยแจ้งล่วงหน้าเพียงสองนาทีเท่านั้น บางครั้งเครื่องเพิ่งเปิดขึ้นมาแล้วโดนดึงกลับก็มี โลโก้ AWS Spot Instance จากเว็บ EC2 Spot Workshops เครื่องที่เป็น Spot Instance ของ HEY นั้นเป็นเครื่อง front-end และงาน asynchronous โดยไม่ได้ใช้งานกับฐานข้อมูลใดๆ ทั้ง SQL, Redis, หรือ Elasticsearch ระบบรันบน Kubernetes โดย HEY รับมือกับเซิร์ฟเวอร์ที่อาจถูกปิด ด้วย AWS Node Termination Handler ที่เป็น DaemonSet สำหรับรับข้อมูลจาก AWS ว่ากำลังมีเครื่องใดถูกปิดไปบ้าง เมื่อ AWS แจ้งว่ากำลังปิดเครื่องใดก็จะให้ Kubernetes ย้ายโหลดออกจากเครื่องนั้นให้ทัน จากนั้นควบคุมขนาดคลัสเตอร์ Kubernetes ด้วย Cluster Autoscaler ส่วนหนึ่งของโครงการ Kubernetes ที่รองรับ Spot Instance ได้โดยแก้ไขเล็กน้อย ข้อเสียของ Spot Instance คือเครื่องประเภทหนึ่งๆ อาจจะหมดจนไม่สามารถเปิดเครื่องใหม่ได้ ทาง HEY แนะนำว่าควรเตรียมพร้อมใช้เครื่องประเภทอื่นไว้ด้วย เช่นหากใช้เครื่อง C ที่เน้นประมวลผลเป็นหลักก็อาจจะต้องเตรียมพร้อมว่าหากต้องใช้เครื่อง M ที่เน้นหน่วยความจำหรือ T ที่เป็นเครื่องอเนกประสงค์ไว้ด้วย โดยเตือนว่า Cluster Autoscaler นั้นรับมือกับเครื่องไม่เท่ากันได้ไม่ดีนัก ควรใช้เครื่องขนาดเท่าๆ กันไว้ ที่มา - Signal v. Noise
# Palo Alto แจ้งเตือนช่องโหว่ PAN-OS ร้ายแรงสูงข้ามการล็อกอิน VPN, คาดจะมีการโจมตีเร็วๆ นี้ Palo Alto Networks รายงานช่องโหว่ของ PAN-OS ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถข้ามการยืนยันตัวตนในกรณีที่เปิดการยืนยันตัวตนแบบ SAML (Security Assertion Markup Language) เอาไว้ ทำให้แฮกเกอร์สามารถข้ามการล็อกอินทั้งหน้าเว็บอินเทอร์เฟซเอง และ GlobalProtect VPN ไปได้ กระบวนการยืนยันตัวตนผ่าน SAML จะมีตัวเลือก "Validate Identity Provider Certificate" หากเลือกไว้จะทำให้ช่องโหว่นี้ใช้การไม่ได้ อย่างไรก็ดีเซิร์ฟเวอร์ SAML จำนวนมากคอนฟิกด้วยใบรับรองแบบ self-signed ทำให้ผู้ดูแลระบบมักปิดคอนฟิกนี้เอาไว้ และหากเลือกขึ้นมาก็จะล็อกอินไม่ได้ ทางศูนย์ USCYBERCOM หน่วยบัญชาการความปลอดภัยไซเบอร์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แจ้งเตือนพร้อมกับระบุว่าน่าจะมีกลุ่มแฮกเกอร์ต่างชาติโจมตีเร็วๆ นี้ ทาง Palo Alto ระบุว่าพบข้อมูลช่องโหว่นี้จากภายนอกโดยเป็นช่องโหว่ที่ระบบตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลของระบบยืนยันตัวตน และความร้ายแรงของช่องโหว่นี้ทำให้คะแนน CVSSv3.1 สูงสุด 10/10 ตัวช่องโหว่กระทบ PAN-OS 8.0 ขึ้นมา (แต่เวอร์ชั่น 8.0 นั้นหมดอายุซัพพอร์ตแล้ว ต้องอัพเกรดเป็น 8.1) โดยทางบริษัทออกแพตช์ PAN-OS 8.1.15, 9.0.9, และ 9.1.3 แก้ไขแล้ว ที่มา - Palo Alto Networks
# Unity เปิดฟรีคอร์สสอนพัฒนาเกมทั้งหมด 350 ชม. ครอบคลุมเนื้อหา AR, VR, AI ด้วย Unity ประกาศแจกคอร์สสอนทำเกมแบบพรีเมียม Unity Learn Premium ที่เดิมทีต้องเสียเงินค่าเรียนเดือนละ 15 ดอลลาร์ มาเป็นคอร์สแบบฟรีทั้งหมด Unity บอกว่าทดลองเปิดคอร์ส Learn Premium เป็นคอร์สฟรีชั่วคราว 3 เดือนในช่วง COVID-19 และได้รับผลตอบรับล้นหลาม มีคนมาเข้าเรียนมากถึง 320,000 คน จึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นคอร์สฟรีแบบถาวร คอร์ส Unity Learn Premium มีบทเรียนออนไลน์ความยาวรวมกว่า 350 ชั่วโมง ครอบคลุมเนื้อหาด้านการพัฒนาเกมทุกประเภท และหัวข้อที่เกี่ยวข้องอย่าง AR, VR, AI รายละเอียดคอร์สดูได้จาก Unity ที่มา - Unity
# ยืนยันแล้ว OnePlus รุ่นถูกใช้ชื่อว่า OnePlus Nord, ราคาจะต่ำกว่า 500 ดอลลาร์ จากที่ OnePlus ยืนยันข่าวทำมือถือราคาถูกอีกครั้ง ล่าสุดบริษัทโพสต์วิดีโอสารคดีความยาวประมาณ 10 นาทีลง IGTV ของบัญชี @OnePlusLiteZThing (ซึ่งชัดเจนแล้วว่าเป็นชื่อหลอก) เปิดเผยชื่อซีรีส์ใหม่ว่า OnePlus Nord ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอื่นใดของ OnePlus Nord นอกจากข้อมูลราคาว่า "จะต่ำกว่า 500 ดอลลาร์" (เทียบกับราคาของ OnePlus 8 คือ 699 ดอลลาร์) เว็บไซต์ CNET คาดว่า OnePlus Nord จะเปิดตัววันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ที่มา - CNET
# สตาร์ตอัพไทยซื้อกันเอง Eko ซื้อ ConvoLab, ตั้งบริษัทแม่แบรนด์ใหม่ Amity Eko สตาร์ตอัพไทยที่พัฒนาแอพแชทสำหรับตลาดองค์กร (ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งคือ กรวัฒน์ เจียรวนนท์ บุตรชายของศุภชัย เจียรวนนท์ แต่เป็นกิจการส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับเครือ CP) ประกาศซื้อกิจการ ConvoLab บริษัทด้าน AI/NLP ที่ทำผลิตภัณฑ์ด้านแชทบ็อตขององค์กร การซื้อกิจการ ConvoLab ใช้วิธีผสมทั้งเงินสดและหุ้น คิดเป็นมูลค่าอยู่ใน "หลักสิบล้านดอลลาร์" (8-digit USD) แต่ไม่เปิดเผยตัวเลขแน่ชัด การซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้ Eko ตั้งบริษัทแม่ใหม่ชื่อ Amity มาดูแลผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในเครือ (Eko จะกลายเป็นแบรนด์หนึ่งของ Amity ควบคู่ไปกับ ConvoLab และผลิตภัณฑ์อีกตัวคือ Upstra ที่ใช้สร้างชุมชนภายในแอพ) โดย Amity มีสำนักงานใน 4 เมืองทั่วโลกคือ กรุงเทพ ลอนดอน ออสติน มิลาน Amity ระบุว่านับตั้งแต่เปิดบริษัทในปี 2012 มีเงินลงทุนในบริษัทแล้วมากกว่า 1 พันล้านบาท (ระดมทุนมาแล้ว 30 ล้านดอลลาร์ มีมูลค่าบริษัทอยู่ในหลัก "ร้อยล้านดอลลาร์") และเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีไทยรายแรกๆ ที่มีธุรกิจทั่วโลก โดยลูกค้ากระจายอยู่ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ จากซ้าย - ทัชพล ไกรสิงขร CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง ConvoLab และรองประธานกรรมการและหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี (Vice President, Head of Technology) ของ Amity - กรวัฒน์ เจียรวนนท์ ซีอีโอของ Eko/Amity - ณัฐพล ไกรสิงขร CFO และผู้ร่วมก่อตั้ง ConvoLab
# กูเกิลชี้ตัวเลือกลบข้อมูล 18 เดือนทำให้แนะนำข้อมูลให้ผู้ใช้ตามพฤติกรรมรอบปีได้ หลังจากกูเกิลปรับปรุงตัวเลือกในการเก็บข้อมูลส่วนตัวให้ลบข้อมูลประวัติการใช้งานที่เก่ากว่า 18 เดือนโดยอัตโนมัติ วันนี้กูเกิลก็จัดแถลงข่าวโดย Greg Fair ผู้จัดการสินค้าและบริการด้านความเป็นส่วนตัว โดยอธิบายเหตุผลที่กูเกิลเลือกตั้งค่าเริ่มต้นเป็น 18 เดือนว่าทำให้บริษัทแนะนำคอนเทนต์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น Greg ยกตัวอย่างเช่นการจ่ายภาษีที่เรามักจ่ายปีละรอบ และต้องการเห็นข้อมูลเฉพาะฤดูกาลจ่ายภาษีช่วงต้นปีเท่านั้น การที่กูเกิลมีประวัติการใช้งานเกินปีทำให้แนะนำคอนเทนต์ได้แม่นยำขึ้น ขณะที่การเก็บข้อมูลนานสามเดือนก็จะแนะนำได้น้อยลง แต่ช่วงเวลาสามเดือนก็ยังเพียงพอต่อการแนะนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้อยู่ นอกจากประเด็นการเก็บข้อมูลแล้ว Greg ยังพูดถึงความเชื่อผิดๆ ของผู้ใช้ที่มีต่อกูเกิล เช่น ว่ากูเกิลเก็บข้อมูลของผู้ใช้ตลอดไป โดยชี้แจงว่ากูเกิลเปิดให้เอาข้อมูลออกหรือลบข้อมูลได้มานานแล้ว หรือกูเกิลแอบฟังเสียงผู้ใช้โทรศัพท์ตลอดเวลา (เรื่องแบบนี้ในไทยมักพูดกันว่าเป็นเฟซบุ๊กมากกว่า) เขาก็ยืนยันว่ากรณี Google Assistant นั้นกูเกิลจะประมวลผลต่อเมื่อผู้ใช้พูดคำสำคัญอย่าง Hey Google แล้วเท่านั้น แต่หากยังไม่ได้พูดตัวที่ฟังเสียงจะเป็นซอฟต์แวร์ในโทรศัพท์ที่รอคำสำคัญอย่างเดียว ที่มา - งานแถลงข่าวออนไลน์กูเกิลเอเชียแปซิฟิก
# MIT สร้างหุ่นปล่อยรังสี UV ฆ่าเชื้อโควิดในโกดังเก็บของแบบอัตโนมัติ สหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาการระบาดของโรค COVID-19 อย่างหนัก ซึ่งนอกจากการป้องกันการแพร่ระบาดจากคนสู่คนโดยตรงแล้ว การฆ่าเชื้อที่ตกค้างอยู่บนพื้นผิววัตถุก็สำคัญเช่นกัน ล่าสุดห้องแล็บวิทยาการคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (Computer Science and Artificial Intelligence Laboratory) หรือ CSAIL ของมหาวิทยาลัย MIT ได้สร้างหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่โดยอัตโนมัติ พร้อมกับฆ่าเชื้อโรครวมไปถึงเชื้อ SARS-CoV-2 ที่เป็นไวรัสต้นกำเนิดของโรค COVID-19 ด้วยรังสี UV ไปพร้อมกัน ตัวหุ่นใช้ UV-C ซึ่งเป็นรังสี UV พลังงานสูง มีช่วงความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 280 ถึง 100 นาโนเมตร และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตมากกว่า UV-A และ UV-B (ที่ครีมกันแดดมักโฆษณาว่าป้องกัน) ซึ่งปกติ UV-C จะถูกดูดซับโดยชั้นบรรยากาศไว้เป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้านำมาสังเคราะห์โดยหลอดไฟ ก็จะเป็นรังสี UV ที่ฆ่าเชื้อโรคบนวัตถุได้ ตัวหุ่นดัดแปลงมาจากหุ่นสำหรับประชุมทางไกลของ Ava Robotics โดย CSAIL ถอดหน้าจอสำหรับประชุมออก แล้วติดชุดหลอดไฟปล่อยแสง UV แบบคัสตอมเข้าไป และนำไปทดสอบในโกดังอาหาร Greater Boston Food Bank (GBFB) ตอนไม่มีคนอยู่ภายใน (เพราะ UV-C เป็นอันตรายต่อมนุษย์) โดยการวางจุด waypoint ให้หุ่นเดินตาม ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ครอบคลุมพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร และฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัส และเชื้อโรคอื่นๆ ได้ถึง 90% ตอนนี้ทีมจาก CSAIL กำลังพัฒนาอัลกอริทึ่มสำหรับเพิ่มจำนวนหุ่นที่ใช้งานใน GBFB อยู่ และจะนำข้อมูลที่ได้ ไปพัฒนาระบบฆ่าเชื้อโรคในหอพัก โรงเรียน เครื่องบิน และร้านสะดวกซื้อต่อไป ที่มา - ExtremeTech
# SCB Connect เพิ่มบริการแจ้งเตือนรายการบัตร PLANET SCB แล้ว SCB Connect บริการแจ้งเตือนรายการจาก SCB ผ่านทาง LINE ที่ก่อนหน้านี้จำกัดอยู่ที่การแจ้งเตือนรายการบัตรเครดิตและบัญชีเงินฝาก ล่าสุดทาง SCB ได้เพิ่มการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของบัตร PLANET SCB แล้ว บัตร PLANET SCB เป็นบัตรเติมเงินที่สามารถใช้งานได้ในต่างประเทศ และสามารถแลกสกุลเงินต่างประเทศเก็บเอาไว้ก่อนได้ในบัตรคล้ายบัตรเดบิต ซึ่งก่อนหน้านี้บัตร PLANET SCB จะไม่มีการแจ้งเตือนรายการใดๆ ผู้ใช้ต้องกดเข้าไปดูด้วยตนเองทางแอพ SCB Easy เท่านั้น ผู้ที่ใช้ SCB Connect อยู่แล้วสามารถเข้าเมนูจัดการข้อมูลเพื่อเพิ่มการแจ้งเตือนได้ทันที โดยบัตรจะอยู่ในหมวด "บัตรเติมเงิน" ที่มา - SCB
# Google Photos เลิกแบ็คอัพรูปภาพจากแอปแชทโดยดีฟอลต์แล้ว, ยังเลือกแบ็คอัพได้เอง Google Photos จะหยุดแบ็คอัพรูปภาพจากโฟลเดอร์ที่ถูกสร้างโดยแอปแชทในเครื่องโดยดีฟอลต์ เพื่อประหยัดทรัพยากรอินเทอร์เน็ตในช่วงโรคระบาดที่มีการแชร์รูปภาพกันไปมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้งานยังต้องการแบ็คอัพรูปภาพจากแอปแชทไปยัง Google Photos ก็ยังสามารถไปที่ตั้งค่าเพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้เหมือนเดิม แอปแชทที่ Google จะหยุดแบ็คอัพรูปภาพโดยดีฟอลต์ติมีดังนี้ Facebook Instagram LINE Messages Messenger Snapchat Twitter WhatsApp Helo Viber ที่มา - Google via Android Police
# Disco Elysium เตรียมถูกผลิตเป็นซีรีส์จากโปรดิวเซอร์ Sonic the Hedgehog Disco Elysium เกมอินดี้ม้ามืดที่กวาดรางวัลจาก The Game Awards 2019 ไปถึง 4 รางวัลและติด 10 เกมยอดเยี่ยมประจำทศวรรษ 2010s ของ Times กำลังจะถูกสร้างเป็นซีรีส์แล้ว Variety เว็บไซต์นิตยสารสายภาพยนตร์รายงานว่า ZA/UM สตูดิโอที่พัฒนา Disco Elysium ได้จับมือกับ dj2 Entertainment บริษัทด้านโปรดักชันภาพยนตร์เพื่อสร้างซีรีส์ที่พัฒนามาจากตัวเกม โดยเจ้าของ dj2 คือ Dmitri M. Johnson โปรดิวเซอร์ที่เป็นโคโปรดิวซ์ภาพยนตร์จากเกมไม่กี่เรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่าง Sonic the Hedgehog ณ ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับตัวซีรีส์ (น่าจะยังไม่เริ่ม pre-production กันด้วยซ้ำ) ขณะที่ Disco Elysium เป็นเกมแนว RPG สวมบทบาทที่เน้นเนื้อเรื่องและบทสนทนา เนื้อเรื่อของเกมงเกิดขึ้นที่เมือง Revachol ในประเทศที่ระบอบคอมมิวนิสต์ล่มสลาย และกำลังถูกแทนที่ด้วยระบอบทุนนิยม แต่ก็ยังเกิดสุญญากาศทางอำนาจอยู่มาก ตัวเอกเป็นตำรวจที่ถูกส่งไปสอบสวนคดีฆาตกรรม แต่ตื่นขึ้นมาพบว่าความทรงจำของตัวเองหายไป ที่มา - Variety
# Lenovo เปิดตัวแท็บเล็ตต่ำหมื่นใหม่ 3 รุ่น: Tab M7,Tab M8 และ Tab M10 REL Lenovo เปิดตัวแท็บเล็ตใหม่สามรุ่น พร้อมวางจำหน่าย คือ Lenovo Tab M7, Lenovo Tab M8 และ Lenovo Tab M10 REL มีสเปกและราคาดังนี้ Lenovo Tab M7 (Gen 2) Lenovo Tab M7 หน้าจอ IPS ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1024x600 น้ำหนัก 236 กรัม ซีพียู MediaTek MT8321 A/D Processor 1.30GHz แรม LPDDR3 2GB ความจุ 32GB รองรับ microSD แบบ exFAT สูงสุด 2TB และแบบ FAT32 สูงสุด 128GB แบตเตอรี่ 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เน้นใช้งานด้านความบันเทิง กล้องหน้าและหลัง 2MP รันบน Android 9 ราคา 3,690 บาท Lenovo Tab M8 (Gen 2) Lenovo Tab M8 จอ HD IPS ความละเอียด 1280 x 800 ซีพียู MediaTek Helio A22 Tab 2.0GHz มี Dolby Audio ตัวเลือก แรม 2GB/3GB ความจุ 16GB/32GB รองรับ microSD แบบ exFAT สูงสุด 2TB และแบบ FAT32 สูงสุด 128GB มีกล้องหน้า 2MP กล้องหลัง 5MP แบตเตอรี่ 3,950 mAh ใช้งานบราวเซอร์ได้ ประมาณ 18 ชั่วโมง รันบน Android 9 ราคา 4,690 บาท Lenovo Tab M10 REL Lenovo Tab M10 REL หน้าจอ FHD และลำโพงด้านหน้าสองตัว ชิป Snapdragon 450 แรม 3GB ความจุ 32GB รองรับ microSD หน้าจอ 10.1 นิ้ว มี Dolby Audio™ บาง 8.1 มม. หนัก 520 กรัม แบตเตอรี่ 7000mAh ชาร์จผ่านพอร์ต microUSB มีรูหูฟัง 3.5 มม. รันบน Android 9 และรองรับ FM Radio ราคา 6,990 บาท ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# [ลือ] หมี่ไหน ไฟแรงเวอร์ Xiaomi เตรียมทำสมาร์ทโฟนรองรับชาร์จเร็ว 100W หลังจาก Xiaomi เปิดตัว Super Charge Turbo จ่ายไฟ 100W ไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีมือถือรุ่นไหนของ Xiaomi ได้ใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็วตัวใหม่นี้ ล่าสุด Gizchina เผยข้อมูลจากแหล่งข่าววงในที่โพสต์บน Weibo ว่า Xiaomi เตรียมเป็นแบรนด์แรกในตลาดที่มีมือถือรองรับชาร์จเร็ว 100W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 4,000 mAh จนเต็มได้ภายใน 17 นาที คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 100W นี้จะมาในมือถือรุ่นเรือธงที่จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปีนี้ คือ Xiaomi Mi Mix 4 ที่อาจจะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจนจาก Xiaomi ส่วนสิ่งที่น่ากังวล น่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย การระบายความร้อน และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ว่าจะสั้นลงแค่ไหน Xiaomi ไม่ใช่เจ้าเดียวในตลาดที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Vivo เอง ก็มีข่าวลือว่ากำลังทำระบบชาร์จ 120W ที่สามารถชาร์จแบต 4,000 mAh ได้เต็มภายใน 13 นาที ส่วน Samsung ก็เพิ่งเปิดตัวชิป ที่รองรับชาร์จเร็ว 100W ผ่าน USB-C ไป ที่มา Android Community, Gizchina
# Microsoft Teams เติบโตเยอะสุดนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ แซงหน้า Zoom ไปไกล แม้ Zoom จะเป็นม้ามืดที่ถูกพูดถึงมากที่สุดรายหนึ่งในฐานะผู้ให้บริการวิดีโอคอลในช่วง COVID-19 ที่เติบโตทั้งยอดผู้ใช้งานและมูลค่าบริษัท ทว่าข้อมูลจาก Aternity บริษัทพัฒนาโซลูชันองค์กรออกรายงานว่าด้วยเรื่อง Global Remote Work Productivity เผยข้อมูลว่า Microsoft Teams คู่แข่ง Zoom ที่ดูจะเติบโตได้สูงไม่แพ้กัน กลับมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นแซงหน้า Zoom ไปค่อนข้างเยอะ ตัวเลขผู้ใช้งาน Aternity นับตั้งแต่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึง 14 มิถุนายน โดย Microsoft Teams มียอดผู้ใช้งานเติบโตสูงสุดที่ 894% ส่วน Zoom มียอดเติบโต 677% และเคยเติบโตนำมาเป็นอันดับ 1 ก่อนจะถูก Microsoft Teams แซงราวเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อันดับ 3 คือ Webex ของ Cisco ที่เติบโต 451%, GoToMeeting ที่ 398%, Slack ที่ 395% อย่างไรก็ตามในแง่ส่วนแบ่งตลาดของแอป collaboration แอปที่องค์กรใช้งานเยอะสุดคือ Skype for Business ที่ข้อมูล ณ วันที่ 14 มิถุนายนมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 44.74% ลดลงจาก 17 กุมภาพันธ์ที่อยู่ 75.69% และ Skype ที่ลดลงก็เพราะ Teams เป็นหลักที่ส่วนแบ่งขึ้นมาอยู่ที่ 34.28% จาก 11.44% ส่วนอันดับ 3 คือ Webex 10.22%, Zoom 6.23%, Slack 4.33% และ GoToMeeting 0.20% ทั้งนี้คาดว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากลูกค้าของ Aternity เป็นหลัก แต่ก็อาจจะพอสะท้อนภาพรวมของตลาดแอป collaboration ในองค์กรได้อยู่ไม่น้อย ที่มา - TechRepublic
# Tencent อีกแล้ว Don't Starve: Newhome ภาคใหม่เปิดตัวเป็นเกมมือถือ Tencent ยังเดินหน้าซื้อไลเซนส์เกมแบรนด์ดังๆ มาทำเกมเวอร์ชันมือถืออย่างไม่หยุดยั้ง นอกจาก Metal Slug เวอร์ชันมือถือ ที่เพิ่งเปิดตัว ก็มี Don't Stave เกมเอาตัวรอดแนว survival sandbox ชื่อดังที่จะออกภาคใหม่บนมือถือด้วย Don't Starve เวอร์ชันต้นฉบับพัฒนาโดย Klei Entertainment สตูดิโออินดี้จากแคนาดา เกมภาคแรกออกขายบนพีซีในปี 2013 และออกเวอร์ชันคอนโซล-มือถือ (iOS/Android ซึ่ง Klei ทำเอง) ในเวลาถัดมา ตามด้วย Don't Starve Together เวอร์ชันมัลติเพลเยอร์ในปี 2016 ส่วน Don’t Starve เวอร์ชัน Tencent จะใช้ชื่อเกมว่า Don't Starve: Newhome เป็นเกมมือถือล้วนๆ ที่เน้นการเล่นออนไลน์ร่วมกับเพื่อนๆ โดยยังคงเกมเพลย์ที่เน้นคราฟต์สิ่งของ และสไตล์ภาพแนวการ์ตูนของเกมต้นฉบับเอาไว้ ตอนนี้เกมกำลังเปิดทดสอบแบบ closed beta สตูดิโอที่พัฒนา Don't Starve: Newhome คือ Shengqu Games บริษัทเกมจากเซี่ยงไฮ้ มีผลงานพัฒนาเกมออนไลน์หลายเกม (รวมถึง Dragon Ball Online) ส่วน Tencent รับผิดชอบด้านการจัดจำหน่าย ก่อนหน้านี้ Klei Entertainment เคยมีผลงานร่วมกับ Tencent มาแล้วคือเกม Oxygen Not Included ที่ขายผ่านแพลตฟอร์ม WeGame ของ Tencent และทำยอดขาย 60,000 ชุดในวันแรก ส่วน Don't Starve ก็เคยขายบน WeGame ได้เกิน 1 ล้านชุดเช่นกัน ที่มา - Don't Starve: Newhome, Engadget
# Twitch แบนแอคเคาท์ Trump เพราะมีพฤติกรรมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง Twitch ประกาศแบนแอคเคาท์ของ Donald Trump ไม่ให้ใช้แพลตฟอร์มตัวเองในการเผยแพร่วิดีโอสำหรับหาเสียง โดยอ้างเหตุผลว่า Trump มีพฤติกรรมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง (hateful conduct) Twitch อ้างอิงคลิปของ Trump 2 คลิป คลิปแรกเป็นคลิปหาเสียงในปี 2016 ที่เพิ่งเอามารีรันอีกครั้ง โดยมีส่วนที่กล่าวโจมตีเม็กซิโก ว่าส่งคนร้ายอย่างผู้ข่มขืนหรือพ่อค้ายาเข้ามาในสหรัฐ และคลิปการหาเสียงที่ Tulsa รัฐโอกลาโฮมาล่าสุด ที่สร้างเรื่องโจมตีคนเม็กซิกัน ว่าบุกขึ้นบ้านชาวอเมริกัน ซึ่ง Twitch ลบคลิปดังกล่าวทั้ง 2 คลิปแล้วพร้อม ๆ กับการแบนแอคเคาท์ โดยแอคเคาท์ Twitch ของ Trump ถูกเปิดตั้งแต่ราวตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวการรณรงค์หาเสียงของ Trump ทั้งนี้เจ้าของ Twitch คือ Amazon ที่ก็มีความขัดแย้งกับ Trump อยู่เช่นกัน ที่มา - The Verge, CNBC ภาพจาก Getty Images
# ผลทดสอบชี้ชิป A12Z รันโค้ด x86-64 ผ่าน Rosetta ได้ดีกว่า Surface Pro X รันโค้ด ARM ภายหลังงาน WWDC 2020 เริ่มมีนักพัฒนาได้รับชุด Developer Transition Kit (DTK) ซึ่งประกอบด้วยเครื่อง Mac Mini รุ่นพิเศษที่ใช้ชิป A12Z และสิทธิ์ในการเข้าถึงเครื่องมือในการพัฒนาแอปบน Apple Silicon และแม้ว่าข้อตกลงการยืมชุดพัฒนาจะไม่อนุญาตให้ทำการ benchmark ตัวเครื่องแต่ก็ได้มีนักพัฒนานำเครื่องไปรันโปรแกรม Geekbench ในเวอร์ชัน x86_64 ผลลัพธ์ที่ได้เป็นดังนี้ ผลทดสอบซีพียู A12Z ของ Mac Mini รุ่นพิเศษในชุด ฯ ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPad Pro 2018 (แตกต่างเพียงจำนวน GPU คอร์ที่เพิ่มขึ้น) ด้วยโปรแกรม Geekbench เวอร์ชัน x86_64 ที่ผ่านการแปลงโค้ดด้วย Rosetta สามารถทำคะแนนแบบคอร์เดียวได้ 811 คะแนนและแบบหลายคอร์ได้ 2,871 คะแนน (ทดสอบเพียง 4 คอร์ประสิทธิภาพสูงโดยไม่ได้ใช้อีก 4 คอร์ประหยัดพลังงาน) เปรียบเทียบกับ Surface Pro X ซึ่งใช้ซีพียู SQ1 รุ่นพิเศษจาก Qualcomm ทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench เวอร์ชัน ARM ในแบบเนทีฟที่สามารถทำคะแนนแบบคอร์เดี่ยวได้ 726 คะแนนและแบบหลายคอร์ได้ 2,831 คะแนน จะเห็นว่าซีพียูของแอปเปิลสามารถทำคำแนนได้สูงกว่าเล็กน้อยแม้เป็นการรันผ่าน Rosetta ซึ่งผลคะแนนที่ได้นั้นก็สูงกว่า Macbook Air (Late 2018) ที่ได้คะแนนคอร์เดี่ยว 803 คะแนนและหลายคอร์ที่ 1,549 คะแนนอีกด้วย จากผลการทดสอบก็น่าจะช่วยยืนยันในเรื่องประสิทธิภาพของ Apple Silicon ได้ ซึ่งซีพียูตัวจริงที่จะถูกนำมาใช้ใน Apple Silicon Mac รุ่นแรกในช่วงปลายปีก็น่าจะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่านี้มาก รวมถึงในด้านซอฟต์แวร์การที่แอปเปิลได้สาธิตโปรแกรมชุด Microsoft Office และโปรแกรมกราฟิกของ Adobe ที่ได้คอมไพล์มารันบน Apple Silicon แล้วและการที่ Rosetta สามารถรันโปรแกรม x86_64 ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดีเช่นนี้ก็น่าจะช่วยให้ผู้ใช้แมคสบายใจได้ยิ่งขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ที่มา - MacRumors และ MacRumors
# เอกสารหลุดไมโครซอฟท์เผย บอยคอตโฆษณา Facebook/Instagram ตั้งแต่เดือน พ.ค. เว็บไซต์ Axios อ้างว่าได้เห็นเอกสารภายในของไมโครซอฟท์ ที่ระบุว่าบอยคอตการลงโฆษณาใน Facebook มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว เอกสารนี้อ้างอิงโพสต์ของ Chris Capossela ประธานฝ่ายการตลาด (CMO) ของไมโครซอฟท์ที่โพสต์ในระบบ Yammer ภายในบริษัท ระบุว่าไมโครซอฟท์หยุดจ่ายเงินโฆษณาในสหรัฐอเมริกาให้ Facebook/Instagram ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และจะขยายนโยบายนี้ไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วย Capossela ยังระบุในโพสต์ว่าไมโครซอฟท์หารือไปยังฝ่ายบริหารของ Facebook ถึงวิธีแก้ไขปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ไมโครซอฟท์กลับไปลงโฆษณาอีกครั้ง ซึ่ง Capossela คาดว่าไมโครซอฟท์จะหยุดลงโฆษณาไปจนถึงอย่างน้อยเดือนสิงหาคม สิ่งที่น่าสนใจคือ Capossela บอกว่าไมโครซอฟท์จะไม่เข้าร่วมแคมเปญบอยคอต Facebook ต่อสาธารณะ (อย่างที่ Starbucks, Unilever, Verizon ทำ) เพราะมองว่าการเจรจาโดยตรงกับ Facebook เป็นวิธีการที่ดีกว่าในการผลักดันให้ Facebook ยอมเปลี่ยนแปลง สัปดาห์ที่แล้ว ไมโครซอฟท์เพิ่งแถลงความร่วมมือกับ Facebook เรื่องการย้ายฐานลูกค้า Mixer ไปยัง Facebook Gaming ที่มา - Axios ภาพจาก Microsoft
# รู้จัก Lenovo ThinkShield โซลูชันความปลอดภัยองค์กร end-to-end ที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ โซลูชันความปลอดภัยองค์กรเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ จากการเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกดิจิทัลขององค์กรที่มากขึ้น และรูปแบบการโจมตีของฝั่งแฮกเกอร์ที่หลากหลาย ซับซ้อน และเนียบเนียนมากขึ้น โจทย์ขององค์กร จึงอาจไม่ใช่แค่การหาโซลูชันมาป้องกันแต่เพียงอย่างเดียวแล้วจบ แต่ต้องหาโซลูชันที่สามารถรับมือภัยคุกคามในเชิงรุก และครอบคลุมมิติความปลอดภัยหลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่ง Lenovo ThinkShield เป็น โซลูชันความปลอดภัยครบวงจรแบบ end-to-end ทั้งบนฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการเสริม ที่มีทางเลือกให้องค์กรสามารถเลือกและปรับแต่ง ให้สอดคล้องกับนโยบายด้านความปลอดภัยได้ตามต้องการ ความปลอดภัยทั้งซัพพลายเชน ตั้งแต่การผลิตฮาร์ดแวร์ไปจนถึงการทำลาย ปัญหาการถูกโจมตีผ่านทางซัพพลายเชนไม่ใช่ของใหม่ และเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการติดตั้งเฟิร์มแวร์หรือฝังมัลแวร์ในชิ้นส่วนอุปกรณ์มาตั้งแต่โรงงาน หรือแอบยัดไส้ระหว่างทางจัดส่งสินค้า ที่คนร้ายใช้เวลาเข้าถึงตัวอุปกรณ์เพียงไม่กี่นาทีก็สับเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ นอกจากนี้ เมื่ออุปกรณ์หมดอายุขัย ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลในกระบวนการกำจัดหรือทิ้งฮาร์ดแวร์อายุการใช้งาน ในสถานการณ์เหล่านี้ องค์กรไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ได้โดยตรง แต่โซลูชันความปลอดภัยที่ดีก็ควรรักษาความปลอดภัยได้ตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิตฮาร์ดแวร์ไปจนถึงการทำลายทิ้ง Lenovo ThinkShield จึงมีโซลูชันที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์ด้านนี้ขององค์กร ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า Transparent Supply Chain ที่ปรับปรุงและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมาตั้งแต่กระบวนการผลิตอุปกรณ์และฮาร์ดแวร์ กระบวนการ Transparent Supply Chain ของ Lenovo เริ่มจากการเลือกใช้ซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบข้อมูลด้านความปลอดภัยย้อนกลับได้เสมอ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถเปิดแกะโดยไม่ทิ้งร่องรอย ไปจนถึงการรีไซเคิลและกำจัดขยะ ที่ไม่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลองค์กรรั่วไหลออกไปภายนอก ความปลอดภัยที่เลือกสรรได้ตามนโยบายองค์กร Lenovo ThinkShield มีทางเลือกให้กับองค์กรสามารถปรับแต่งโซลูชัน จากผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยระดับโลกที่ ThinkShield รวบรวมเอาไว้ให้ ให้สอดคล้องกับทั้งความต้องการและงบประมาณขององค์กรได้เอง ThinkShield มีโซลูชันให้เลือกมากมาย อาทิ BIOS ที่รองรับ HVCI Intel Boot Guard ในเครื่องติดตั้งโมดูล TPM 1.2/2.0 BitLocker สำหรับการทำ Full Drive Encryption Intel Remote Secure Erase ซอฟต์แวร์จัดการระยะไกล Lenovo Wi-Fi Security แจ้งเตือนหากใช้งานเครือข่ายหรือ AP ที่ไม่น่าไว้ใจ Bufferzone Sandboxing แยกแอปที่ใช้อินเทอร์เน็ตออกจากระบบ Intel Authenticate Multifactor รองรับการยืนยันตัวตนและความถูกต้องหลายปัจจัย นอกจากนี้อุปกรณ์ในตระกูล Think ของ Lenovo ทุกตัวยังรันอยู่บนแพลตฟอร์ม Intel vPro และสามารถเลือกติดตั้ง Windows 10 Pro ที่เป็นเสมือนฐานสำหรับโซลูชันด้านความปลอดภัย ช่วยให้องค์กรดำเนินธุรกิจได้อย่างปลอดภัยด้วย สรุป อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับองค์กรในการรับมือความปลอดภัย คือการเปลี่ยนวิธีคิดต่อการลงทุนด้านความปลอดภัย ที่ไม่ควรถูกมองว่าเป็นต้นทุนจมและไม่ได้อะไรกลับมา แต่เป็นการลงทุนเพื่อขจัดอุปสรรคในการทำงาน และช่วยให้องค์กรขับเคลื่อนต่อไปได้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น องค์กรใดสนใจหรือมีแผนจะเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ภายในองค์กรที่มาพร้อมโซลูชันความปลอดภัย สามารถดูรายละเอียดและขอคำปรึกษาจาก Lenovo ได้ที่นี่
# [ลือ] Uber เจรจาซื้อบริษัทเดลิเวอรี Postmates แทนดีล Grubhub ที่ล่มไป The New York Times รายงานข่าววงในว่า Uber กำลังเจรจาซื้อบริการส่งอาหารคู่แข่ง Postmates หลังจากพลาดดีลการซื้อ Grubhub ไปก่อนหน้านี้ สหรัฐอเมริกามีบริการส่งอาหารเดลิเวอรีรายใหญ่ 4 รายคือ Uber Eats, Grubhub, Postmates, DoorDash ซึ่งการควบรวมกันจะช่วยให้สภาพการแข่งขันที่ดุเดือด (จนขาดทุนหนัก) ลดลงไป การขายกิจการของ Grubhub ให้กับ Just Eat Takeaway ของยุโรปเป็นตัวอย่างของการควบรวมกิจการเพื่อแก้ปัญหาทางการเงินของ Grubhub ส่วนกรณีของ Postmates ย่อมช่วยเรื่องสถานะทางการเงินของบริษัท ที่เคยมีข่าวเมื่อปีที่แล้วว่าคุยกับ DoorDash และ Grubhub เรื่องการควบกิจการเช่นกัน ฝั่งของ Uber เองหลังจากพลาดดีล Grubhub เพราะเจรจากันไม่ลงตัว ก็เริ่มมองหาตัวเลือกอื่นแทน อีกทั้ง Uber ประสบปัญหาขาดรายได้จากธุรกิจเรียกรถแบบ ride-hailing ในช่วง COVID-19 จึงถูกบีบให้ต้องมาโตในธุรกิจเดลิเวอรีแทนด้วย ที่มา - The New York Times ภาพจาก @postmates
# Salesforce เปิดตัวแอพแชทองค์กร Anywhere คุยจากหน้าเว็บ Salesforce ได้เลย การมาถึงของยุค work from home ทุกหย่อมหญ้าทำให้ตลาดแอพแชทสำหรับองค์กรดุเดือด และมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาร่วมวงมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเป็นคิวของ Salesforce ยักษ์ใหญ่ของวงการแอพพลิเคชันองค์กร เปิดตัว Salesforce Anywhere ที่ทำให้ผู้ใช้แอพในตระกูล Salesforce ทั้งหมดสามารถแชทคุยกันเองได้ จุดเด่นของ Salesforce Anywhere ย่อมเป็นการเชื่อมกับระบบ CRM/ERP ของ Salesforce อย่างแนบแน่น เพราะมันฝังหน้าจอแชทเข้ามาในเว็บแอพของ Salesforce ได้โดยตรง (ขึ้นตรงมุมขวาล่างในภาพ) ลูกค้าองค์กรที่ใช้ Salesforce เป็นปกติอยู่แล้วก็สามารถปรับตัวมาแชทผ่าน Anywhere ได้ทันที (บนมือถือจะมีแอพ Anywhere แยกเฉพาะให้) Salesforce บอกว่า Anywhere ไม่จำเป็นต้องมีระบบแชร์หน้าจอระหว่างประชุม เพราะทุกคนเห็นหน้าจอของ Salesforce ขณะประชุมอยู่แล้ว นอกจากนี้ Anywhere ยังเชื่อมกับบริการอื่นๆ ในเครือ เช่น Quip โปรแกรมแก้เอกสารออนไลน์ และ Einstein ระบบ AI ช่วยแนะนำข้อมูลให้เหมาะกับแต่ละบุคคล สิ่งที่น่าสนใจคือ Salesforce เลือกใช้ระบบวิดีโอคอลล์ Amazon Chime ของ AWS แทนการทำเอง แต่ลูกค้าองค์กรก็สามารถเชื่อมต่อกับ Zoom แทนได้เช่นกัน Salesforce Anywhere เวอร์ชันเว็บและแอพ iOS จะเริ่มเปิดทดสอบ Beta ในเดือนกรกฎาคมนี้ ที่มา - Salesforce, Salesforce
# New York Times ไม่นำข่าวลง Apple News แล้ว อยากให้คนอ่านเข้าเว็บและแอปตัวเองมากกว่า The New York Times ประกาศไม่นำข่าวลง Apple News แล้ว ด้วยเหตุผลว่าตัวบริการไม่สอดคล้องกับยุทศาสตร์ของสำนักข่าวที่อยากสร้างสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างสื่อ และคนอ่านข่าวที่จ่ายเงิน อยากให้คนอ่านได้อ่านข่าวผ่านแอปและเว็บไซต์ของตัวเองมากกว่า Meredith Kopit Levien ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ The New York Times ระบุว่า ทั้งสำนักข่าวและ Apple News ต่างก็อยากจะสร้างความสัมพันธ์กับผู้อ่าน และให้ผู้อ่านอยู่ในแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งการที่เราไปอยู่บนแอปพลิเคชั่นแพลตฟอร์มข่าวมันไม่สอดคล้องกับแนวทางของสำนักข่าว โฆษกของ Apple กล่าวว่า The New York Times มีข่าวใหม่บน Apple News ไม่มาก ประมาณวันละ 2-3 เรื่อง ซึ่งทางแพลตฟอร์มยังคงให้ความสำคัญกับแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือจากสำนักข่าวและสำนักพิมพ์อื่นๆ ปัจจุบัน The New York Times มีสมาชิกที่จ่ายเงินมากกว่า 6 ล้านราย และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการสมัครสมาชิกผ่านดิจิทัล ภาพจาก Apple News ที่มา - Mac Rumors
# Facebook เปิดใช้งาน fan subscription ในไทย จ่ายเงินรายเดือนให้ครีเอเตอร์ที่ชอบ Facebook เปิดตัวบริการ fan subscription ในสหรัฐฯ และอังกฤษ มาสองปีแล้ว เป็นช่องทางสร้างรายได้เพิ่มให้บล็อกเกอร์และครีเอเตอร์ โดยแฟนๆ จ่ายค่าสมาชิกรายเดือน 4.99 ดอลลาร์ เพื่อเข้าถึงเนื้อหาพิเศษและได้ badge ติดบนโปรไฟล์ด้วย ล่าสุด Facebook ขยายบริการนี้ไปยังประเทศอื่นเพิ่มคือ ออสเตรเลีย, บราซิล, แคนาดา, เม็กซิโก และ ไทย บล็อกเกอร์ที่จะสมัครให้เพจตัวเองได้รับ fan subscription จะต้องผ่านเงื่อนไขมีผู้ติดตามมากกว่า 10,000 คนหรือมีจำนวน Return Viewers คนที่ย้อนกลับมาดูวิดีโอของเราอยู่เรื่อยๆ มากกว่า 250 รายขึ้นไป, มี 50,000 Post Engagements, มีผู้ชมคอนเทนต์ (watch minutes) รวมกัน 180,000 นาทีในช่วง 60 วันที่ผ่านมา และทาง Facebook จะหัก 30% จากค่าติดตาม ภาพจาก Facebook Facebook ขยายการใช้งาน Stars หรือสกุลเงินเสมือนจริงที่แฟนๆ กดให้บล็อกเกอร์ที่เขาชื่นชอบไปยังครีเอเตอร์ในหลายประเทศคือ ออสเตรเลีย, แคนาดา, โคลัมเบีย, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อิตาลี, สเปน, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, มาเลเซีย, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, เปรู, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, ไทย, อังกฤษ และสหรัฐฯ ที่มา - TechCrunch
# ผู้ก่อตั้ง Mixer เห็นด้วยที่ไมโครซอฟท์ปิดบริการ บอกการแข่งขันสูง ลงทุนเยอะ จากข่าว ไมโครซอฟท์ปิดบริการไลฟ์สตรีม Mixer ย้ายผู้ใช้ไป Facebook Gaming เว็บไซต์ GeekWire ไปสัมภาษณ์ Matt Salsamendi ผู้ร่วมก่อตั้ง Mixer (ช่วงก่อนหน้านั้นใช้ชื่อว่า Beam พอไมโครซอฟท์ซื้อแล้วจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Mixer) ว่าคิดอย่างไรในเรื่องนี้ Salsamendi ถือเป็นผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย เขาเริ่มสร้างกิจการเองตั้งแต่อายุ 13 และเริ่มพัฒนา Beam ตอนอายุ 16 เพื่อเป็นระบบไลฟ์สตรีมเกมระหว่างกลุ่มเพื่อนๆ ตอนที่ไมโครซอฟท์มาซื้อกิจการ เขาอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น (รายละเอียดในเว็บไซต์ไมโครซอฟท์) ปัจจุบันเขาอายุ 22 ปี ลาออกจากไมโครซอฟท์เมื่อปีที่แล้ว เพื่อ "ใช้ชีวิตวัยรุ่น" ที่ขาดหายไปในช่วงปลุกปั้นธุรกิจ และมองหาสิ่งที่จะทำต่อในอนาคต Salsamendi บอกว่าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของไมโครซอฟท์ที่ปิด Mixer เพราะวงการไลฟ์สตรีมแข่งขันสูง ต้องลงทุนมาก หากว่า Beam/Mixer เป็นสตาร์ตอัพอิสระคงไม่สามารถมาได้ไกลขนาดนี้ เขาพูดถึงการแข่งขันกับ Twitch ว่าเป็นเรื่องยาก เพราะ Twitch มีสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับบรรดาสตรีมเมอร์ที่เข้มงวด เช่น มีเงื่อนไขว่าคลิปต้องเอ็กซ์คลูซีฟบน Twitch เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ทำให้สตรีมเมอร์ย้ายมาแพลตฟอร์มอื่นได้ยาก แต่เขาก็ชี้ว่าเอาจริงแล้ว Twitch ยังถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับ YouTube Gaming ทั้งหมด (นับรวมคลิปแบบไลฟ์+ไม่ไลฟ์) ถ้า YouTube Gaming ใช้ประโยชน์จากจุดเด่นเรื่องคลิปแบบไม่ไลฟ์ มาผลักดันให้ฝั่งไลฟ์เติบโต ก็จะแข่งขันกับ Twitch ได้มากขึ้น เขาชื่นชมที่ไมโครซอฟท์ยังพยายามต่อสัญญาให้บรรดาสตรีมเมอร์ย้ายไป Facebook Gaming โดยได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับของเดิม เขายอมรับว่ามีสตรีมเมอร์จำนวนหนึ่งไม่ชอบหรือไม่อยากย้ายไป Facebook แต่อย่างน้อยไมโครซอฟท์ยังมีทางเลือกให้ เขายังพูดถึงเทคโนโลยีส่งข้อมูลแบบ latency ต่ำของ Mixer ที่เรียกว่า FTL (Faster Than Light) ว่ายังไม่มีคู่แข่งรายใดเทียบชั้นได้ เพราะ latency ของ Mixer ต่ำกว่า 1 วินาที คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดคือ YouTube ทำได้ประมาณ 1 วินาที ในขณะที่ Twitch ดีเลย์ขั้นต่ำ 3 วินาที และทั่วไปแล้วอยู่ที่ 7 วินาที ที่มา - GeekWire, ภาพจาก Microsoft
# อินเดียแบนแอปจีน 59 แอป TikTok, Alibaba, Baidu, Xiaomi, WeChat, Meitu โดนด้วย รํฐบาลอินเดียประกาศแบนแอปจีนจำนวน 59 รายการ โดยระบุว่ามีผลต่อความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อย หลังจากปัญหาพรมแดนระหว่างสองชาติสร้างความไม่พอใจระหว่างกันอย่างหนัก แอปที่ถูกแบนอาจจะจัดเป็นกลุ่มจากผู้ผลิตจีนหลักๆ เช่น Bytedance (TikTok), Baidu (DU Browser, DU Cleaner, DU News, DU Privacy, Baidu Translate, Baidu Map), Alibaba (UC Browser, UC NEws), Xiaomi (Mi Community, Mi Video Call), Tencent (WeChat, WeSync) แอปวิดีโอยอดนิยมเช่น TikTok หรือ Bigo Live ตลอดจนแอปแต่งหน้าอย่าง Meitu หรือ SelfieCity ก็อยู่ในรายการเช่นกัน แม้ดูเหมือนว่าประกาศครั้งนี้จะเกิดจากความขัดแย้งของสองประเทศ แต่ตัวประกาศก็ระบุเหตุผลว่าแอปเหล่านี้มีพฤติกรรมส่งข้อมูลผู้ใช้ออกไปนอกอินเดียโดยไม่ได้รับอนุญาต และทาง CERT-IN ก็ได้รับร้องเรียนหลายครั้ง ที่มา - India Express ภาพธงชาติจีน-อินเดีย โดย Simeon Scott
# ไมโครซอฟท์ปล่อย Windows File Recovery โปรแกรมกู้ไฟล์ให้ใช้งานฟรี ไมโครซอฟท์ปล่อยโปรแกรม Windows File Recovery (winfr.exe) อย่างเงียบๆ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยไม่พบการโปรโมทช่องทางใด จนรีวิวเก่าที่สุดคือสองวันที่ผ่านมาหลัง @h0x0d รายงานถึงโปรแกรมนี้ โปรแกรมทำงานใน 3 โหมด ได้แก่ โหมดเริ่มต้น จะใช้ master file table (MFT) ค้นหาไฟล์ที่ถูกลบไป, โหมด segment สแกนหาข้อมูล segments ที่ระบุชื่อไฟล์/ขนาดไฟล์/คลัสเตอร์ที่ใช้งาน, โหมด signature สแกนหาไฟล์ตามประเภทไฟล์ ที่มา - BleepingComputer
# พบ Microsoft Edge ดูดข้อมูลจาก Chrome/Firefox โดยผู้ใช้ไม่ทันอนุญาต, ไมโครซอฟท์ระบุจะลบทันทีหากกดไม่อนุญาต ผู้ใช้ Reddit ชื่อว่า orcusmorcus รายงานถึงพฤติกรรมของเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ว่าขณะที่กำลังติดตั้งและตัวติดตั้งขึ้นถามว่าต้องการดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์อื่นหรือไม่ เขากลับเห็นบุ๊กมาร์กจากไฟร์ฟอกซ์ของเขาประกฎขึ้นบนเบราว์เซอร์ทันที ทาง Windows Central สอบถามไปยังไมโครซอฟท์ถึงประเด็นนี้ โฆษกของไมโครซอฟท์ยืนยันว่าผู้ใช้มีสิทธิตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับข้อมูล และเมื่อรันครั้งแรกตัวติดตั้งจะถามว่าให้เก็บข้อมูลที่ดึงมาแล้วหรือไม่ โดยหากผู้ใช้ไม่ขอให้ดึงข้อมูลมาก็จะลบข้อมูลออก แต่บางกรณีเช่นผู้ใช้ปิดโปรแกรมด้วย Task Manager ก็อาจจะทำให้ข้อมูลหลงเหลืออยู่ได้ แนวทางนี้แสดงให้เห็นว่าไมโครซอฟท์เลือกที่จะดึงข้อมูลทันทีที่รัน Edge โดยการดึงข้อมูลนี้เป็นการดึงเข้ามาในเบราว์เซอร์เท่านั้น ยังไม่มีข้อมูลถึงการซิงก์ข้อมูลขึ้นเซิร์ฟเวอร์แต่อย่างใด โดยทั่วไปผู้ใช้ต้องล็อกอินบัญชีไมโครซอฟท์และเลือกตัวเลือกการซิงก์อีกครั้ง ที่มา - Windows Central
# VS Code ออกเวอร์ชัน 1.46 ปรับแต่งเลย์เอาต์ของ view ได้ยืดหยุ่นขึ้นมาก, ปักหมุดแท็บของ editor ได้ เมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายน ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.46 ให้ Visual Studio Code โดยได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงในส่วนของ UI หลายอย่าง การปรับปรุงที่สำคัญอย่างแรก คือการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการปรับแต่งเลย์เอาต์ ด้วยการเปิดให้ผู้ใช้สามารถย้ายตำแหน่งของ view ไปมา ระหว่าง side bar และ panel ได้เอง เพียงแค่คลิกที่ไอคอนหรือชื่อของ view แล้วลากไปยังตำแหน่งที่ต้องการ (หรือผ่านคำสั่ง View: Move View, View: Move Focused View หากใช้คีย์บอร์ด) ภาพตัวอย่างการลาก search view ไปยัง panel / ลาก problem view ไปยัง side bar และยังเปิดให้ปรับแต่งกลุ่มของ view บน side bar และ panel ใหม่ โดยจะสามารถลาก view ไปวางไว้ที่ตำแหน่งที่มี view อยู่ก่อนหน้า เพื่อสั่งให้ VS Code ช่วยจัดกลุ่ม view ที่วางซ้อนกัน ภาพตัวอย่างการลาก GitLens view และ Timeline view มาจัดกลุ่มบน side bar, ก่อนจะลากกลุ่มที่ได้ไปยัง panel อีกที การปรับปรุงด้าน UI อีกอย่างเป็นการเพิ่มคำสั่ง pin แท็บของ editor บนเมนูคลิกขวา (หรือผ่านคำสั่ง View: Pin Editor) เพื่อช่วยปักหมุดไฟล์สำคัญ แท็บที่ปักหมุดจะแสดงผลเป็นอันดับแรกๆ เสมอ ไม่ถูกบังจากสกรอลล์แท็บ ไม่ถูกปิดจากคำสั่ง Close Others และจะไม่ปิดตัวเองอัตโนมัติเมื่อเปิดแท็บไว้เกินจำนวนที่ได้จำกัดไว้ ภาพตัวอย่างการปักหมุดแท็บ ส่วนการปรับปรุงอื่นๆ ที่ไมโครซอฟท์ยกให้เป็นไฮไลท์ของอัพเดตครั้งนี้มีดังนี้ ปรับปรุงฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้พิการ เพิ่มคำสั่งและคีย์ลัดใหม่เพื่อช่วยให้การเลือก text ด้วยคีย์บอร์ดทำได้ง่ายขึ้น, เข้าถึง status bar ด้วยคีย์บอร์ดได้แล้ว ปรับปรุงคำสั่ง Git: Add Remote... ให้สามารถเพิ่ม GitHub เป็น remote repository ปรับปรุงคำสั่ง Debug: Select and Start Debugging ซึ่งจะช่วยตั้งค่าต่างๆ ก่อนเริ่มดีบักให้อัตโนมัติ ให้สามารถกดไอคอนฟันเฟืองเพื่อบันทึกการตั้งค่าเป็นไฟล์ launch.json ฟังก์ชั่น auto import บนภาษา JavaScript จะช่วยเติม require ให้แล้วเมื่อ import โมดูลที่เขียนในรูปแบบ CommonJS คำสั่ง refactor บนภาษา JavaScript และ TypeScript จะพยายามรักษาการเว้นบรรทัดไว้เมื่อสั่งย้ายโค้ดไปสร้างเป็น method (Extract to method) หรือย้ายไปไฟล์ใหม่ (Move to new file) ปรับปรุงฟีเจอร์ซิงก์การตั้งค่า (Setting Sync) เพิ่ม Synced Machines/Data view เพื่อใช้จัดการข้อมูลการตั้งค่าและเครื่องที่เปิดใช้งานฟีเจอร์ซิงก์ (ยังใช้งานได้เฉพาะ VS Code รุ่น Insider) ออก VS Code Insider เวอร์ขันรองรับ ARM64 ที่มา - Visual Studio Code
# Metal Slug ภาคใหม่ประกาศลงมือถือ พัฒนาโดย Tencent (อีกแล้ว) จากข่าวก่อนหน้านี้ว่า SNK กำลังพัฒนาเกม Metal Slug ภาคใหม่ มีทั้งคอนโซลและมือถือ วันนี้เกมมือถือเปิดเผยรายละเอียดแล้ว โดยสตูดิโอที่พัฒนาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น Tencent เกมภาคนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ใช้โค้ดเนมว่า Metal Slug Code: J โดยยังคงเกมเพลย์เป็นเกมยิง 2D แบบดั้งเดิมของซีรีส์ Metal Slug (แต่พัฒนากราฟิกให้ดูเป็น 3D มากขึ้น) ตอนนี้ยังไม่ระบุแพลตฟอร์ม (บอกแค่ว่าเป็นเกมมือถือ), โมเดลการหารายได้ และวันเปิดให้เล่น ทีมพัฒนาเกม Metal Slug Code: J คือ TiMi Studios บริษัทลูกของ Tencent ที่เพิ่งมีข่าวพัฒนาเกม Pokemon Unite และเป็นสตูดิโอเดียวกับที่สร้าง Arena of Valor/ROV รวมถึง Call of Duty Mobile นอกจาก Metal Slug แล้ว Tencent ยังประกาศเกมต่อสู้ซีรีส์ Mobile Dungeon & Fighter ภาคใหม่บนมือถือด้วย เกมนี้พัฒนาโดย Neople ของเกาหลีใต้ และทำตลาดโดย Tencent Tencent ระบุว่านี่คือยุทธศาสตร์การจับมือกับแฟรนไชส์เกมดังๆ ที่มีอยู่แล้ว (เช่น Call of Duty, Pokemon และล่าสุดคือ Metal Slug) โดย Tencent จะเป็นผู้พัฒนาและทำตลาดให้ ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ Tencent
# ThinkPad X1 Carbon Gen 8 และ ThinkPad X1 Yoga Gen 5 วางขายในไทยแล้ว Lenovo Thailand ประกาศเริ่มวางขาย ThinkPad X1 Carbon Gen 8 และ ThinkPad X1 Yoga Gen 5 อย่างเป็นทางการ หลังเปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2020 ช่วงต้นปี และเพิ่งมาวางขายจริงช่วงกลางปี การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ ThinkPad X1 Carbon Gen 8 และ ThinkPad X1 Yoga Gen 5 คืออัพเกรดมาใช้ซีพียู Intel Core 10th Gen ThinkPad X1 Carbon Gen 8 ราคาเริ่มต้นที่ 59,590 บาท ได้ซีพียู Core i5-10210U ThinkPad X1 Yoga Gen 5 ราคาเริ่มต้นที่ 59,220 บาท ได้ซีพียู Core i5-10210U วางขายแล้วผ่านหน้าร้านออนไลน์ของ Lenovo Thailand
# KBTG เปิดตัว Eatable แพลตฟอร์มจัดการร้านอาหารออนไลน์: รองรับทั้งสั่งอาหารในร้าน, สั่งกลับบ้าน, เดลิเวอรี่ KBTG เปิดตัว Eatable แพลตฟอร์มสำหรับการจัดการร้านอาหารที่รองรับทั้งการทานในร้าน, การสั่งนำกลับบ้าน, หรือการสั่งแบบเดลิเวอรี่ ทำให้กระบวนการสั่งทั้งหมดเป็นระบบออนไลน์ Eatable เป็นบริการบนเว็บที่เปิดให้ร้านอาหารลงทะเบียนสร้างเมนูสำหรับร้านอาหารได้หลายภาษา ผู้มาทานอาหารสามารถสแกน QR ที่ร้านดูเมนูแล้วสั่งอาหาร และหากมาพร้อมกันหลายคนก็ยังสามารถแชร์รายการสั่งอาหารให้สั่งร่วมกันได้ รวมถึงการกดเรียกพนักงานจากในแอป ในกรณีที่ลูกค้าต้องการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ Eatable จะเปิดให้ร้านค้าสามารถรับออเดอร์จากลูกค้าโดยตรงและเลือกใช้บริการส่งอาหารอื่นๆ เรียกว่า Express Link บริการเปิด Public Beta แล้ววันนี้ที่เว็บ eatable.kasikornbank.com โดยตอนนี้ยังไม่รองรับการจ่ายเงินแบบไร้เงินสด แต่ทาง KBTG ยืนยันว่าอยู่ในแผนการพัฒนาต่อไป ที่มา - จดหมายข่าว KBTG
# LG เปิดตัวหูฟังไร้สาย TONE Free รุ่นใหม่ มี Google Assistant เคสปล่อยแสง UV ฆ่าเชื้อโรคให้หูฟังได้ LG เปิดตัวหูฟังไร้สาย TONE Free รุ่น HBS-FN6 มี Google Assistant ในตัว เปลี่ยนจุกยางได้ มีก้านยื่นออกมาจากหูสไตล์ Air Pods มีสองสี ขาวกับดำ มีไมโครโฟนคู่ด้านนอกสำหรับใช้คุยโทรศัพท์ และใช้สั่งการ Google Assistant ได้ และรองรับ Bluetooth 5.0 แบตเตอรี่ อยู่ได้ 6 ชั่วโมงหากใช้ฟังเพลง 5 ชั่วโมงหากใช้คุยโทรศัพท์ ตัวเคสสามารถชาร์จหูฟังได้ 3 รอบ รองรับชาร์จเร็ว ชาร์จ 5 นาที ใช้ฟังได้ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ด้านในของเคสยังสามารถปล่อยแสง UV ที่ LG เรียกว่า “UVnano” สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย E. coli และ S. aureus ได้ถึง 99.9% โดยมีการใช้งานในหูฟังรุ่น TONE+ Free ในเกาหลีเป็นครั้งแรก เมื่อปลายปีที่แล้ว ฟีเจอร์ด้านเสียง หูฟัง TONE Free รุ่นใหม่ มีโหมด EQ สี่โหมด ที่ได้รับการปรับจูนจาก Meridian Audio บริษัทเครื่องเสียงชั้นนำ คือโหมด Natural, Immersive, Bass Boost, Treble Boost และยังมีโหมด Ambient Sound ที่เป็นการเปิดไมค์รับเสียงให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงจากภายนอกได้ และรองรับ Bluetooth Audio Codec แบบ SBC / AAC LG เตรียมวางจำหน่าย TONE Free (HBS-FN6) ในยุโรป และอเมริกาเหนือในเดือนหน้านี้ โดยยังไม่เปิดเผยราคา แต่ TONE Free รุ่นก่อนหน้า มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,150 บาท ส่วนในไทยมี Tone Free รุ่น HBS-FL7 วางจำหน่ายในราคา 6,990 บาท ซึ่งดีไซน์ไม่เหมือนกับ HBS-FN6 แต่ในเคสมี UVnano ฆ่าเชื้อโรคได้เช่นเดียวกัน แบตเตอรี่รวมเคสอยู่ได้ 21 ชั่วโมง ชาร์จ 5 นาที ฟังได้ 1 ชั่วโมง และกันน้ำ IPX4 ที่มา - XDA Developers
# พบธนาคารจีนบังคับลงแอปจ่ายภาษี แต่แอปติดตั้งมัลแวร์ด้วย Trustwave รายงานถึงมัลแวร์ GoldenSpy ที่แพร่กระจายผ่านโปรแกรม Intelligent Tax โดยธนาคารจีนบังคับให้ลูกค้าองค์กรต้องติดตั้งแอปนี้ โดย Trustwave ไม่ได้ระบุว่ามัลแวร์นี้พยายามทำอะไรมุ่งร้ายระบบบ้าง อย่างไรก็ดี GoldenSpy มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ โดย Intelligent Tax จะติดตั้ง GoldenSpy หลังตัว installer ทำงานเรียบร้อยแล้วสองชั่วโมง เมื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับการติดตั้ง, จากนั้น GoldenSpy จะติดตั้งตัวเองไว้สองตัวหากตัวใดตัวหนึ่งถูกลบอีกตัวก็จะดาวน์โหลดมารันใหม่ และตัว GoldenSpy จะรันในสิทธิ์ระดับ SYSTEM สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์อะไรมาติดตั้งก็ได้ ทาง Trustwave พบ GoldenSpy มาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่พบว่ามีมัลแวร์ตัวใกล้เคียงกันมาตั้งแต่ปี 2016 โดยพบว่า Aisino ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ Intelligent Tax ลงนามสัญญาร่วมมือด้าน big data กับ Chenkuo Technology ตั้งแต่ปี 2016 เช่นกัน โดยใบรับรองมัลแวร์ GoldenSpy ระบุชื่อบริษัท Chenkuo Network Technology ที่มา - Trustwave
# [ลือ] iPhone 12 จะไม่แถมอะแดปเตอร์ชาร์จไฟและหูฟังมาให้ในกล่อง Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์แอปเปิลขาประจำ ที่มีประวัติให้ข้อมูลแม่นยำมากที่สุด (ล่าสุดคือเรื่อง Mac ใช้ ARM) ออกบทวิเคราะห์ล่าสุด ระบุว่า iPhone 12 ที่จะวางจำหน่ายในปีนี้ อาจไม่ให้อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ และหูฟัง EarPods มาในกล่องด้วย โดยสิ่งจะมีในกล่องมีเพียง iPhone และสายชาร์จเท่านั้น Kuo เดาเหตุผลที่แอปเปิลตัดสินใจเช่นนี้ เพราะต้องการรักษาระดับราคา iPhone เอาไว้ให้เท่ากับปีก่อน แต่เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากชิป 5G จึงลดของแถมในกล่องลง ซึ่งก็ได้ประโยชน์ทางอ้อมคือกล่องที่เล็กลง ส่งผลให้ต้นทุนขนส่งต่อหน่วยลดลงด้วย รายงานยังระบุว่าแอปเปิลมีแผนจะหยุดการผลิตอะแดปเตอร์ 5W กับ 18W ภายในปีนี้ โดยเปลี่ยนมาจำหน่ายอะแดปเตอร์ 20W แทน ซึ่งปัจจุบัน อะแดปเตอร์ 5W มีแถมใน iPhone SE ส่วน 18W แถมมากับ iPhone รุ่นล่าสุด ที่มา: MacRumors