txt
stringlengths
202
53.1k
# แอพแชท Viber ร่วมบอยคอต Facebook ทั้งถอดโฆษณาและถอดฟีเจอร์ Facebook จากแอพ Viber แอพแชท-วิดีโอคอลล์ยอดนิยมอีกตัว (เป็นบริษัทลูกของ Rakuten มาตั้งแต่ปี 2014) เข้าร่วมการบอยคอต Facebook แต่ไม่ใช่แค่เพียงถอดโฆษณาออกจาก Facebook/Instagram เหมือนแบรนด์อื่นๆ เท่านั้น เพราะ Viber ถึงขั้นถอดฟีเจอร์หรือการเชื่อมต่อ Facebook ทั้งหมดออกจากแอพตัวเองด้วย Viber บอกว่าก่อนหน้านี้ใช้เทคโนโลยีของ Facebook หลายอย่าง เช่น Facebook Connect, Facebook SDK รวมถึง GIPHY ที่ Facebook เพิ่งซื้อกิจการมาหมาดๆ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้จะถูกถอดออกจากแอพ Viber ทั้งหมด เหตุผลที่ Viber ตัดสัมพันธ์ทุกอย่างกับ Facebook เป็นเพราะปัญหาหลายเรื่อง ทั้งข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ และการไม่ปกป้องผู้ใช้จากความรุนแรงต่างๆ ในโซเชียล Viber ยอมรับว่าการตัดฟีเจอร์เหล่านี้ย่อมมีผลกระทบ ทั้งผู้ใช้ที่ล็อกอินผ่าน Facebook Connect หรือฝ่ายการตลาดของบริษัทเองที่ยิงโฆษณาผ่าน Facebook แต่ก็ต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง ที่มา - Guardian
# Facebook ทยอยปล่อย dark mode ให้ใช้บนมือถือ iOS แล้ว รอกันมานานสำหรับ Facebook dark mode บนมือถือ ล่าสุดเริ่มปล่อยให้ใช้บนมือถือ iOS แล้ว หลังจากเปิดให้ใช้บนเวอร์ชั่นเดสก์ทอปมาร่วมเดือน อย่างไรก็ตาม ยังมีแค่ผู้ใช้ iOS จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ได้ใช้ dark mode โดยสามารถมองเห็นได้ที่เมนู Settings & Privacy ก่อนหน้านี้ Facebook ปล่อย dark mode ใน WhatsApp มือถือ และ Messenger แล้ว ที่มา - Digital Trends
# Microsoft เปิดตลาดจับคู่จ้างออกแบบพรีเซ้นเทชั่นโดยมืออาชีพ Microsoft เปิดให้ทดสอบบริการออกแบบพรีเซ้นเทชั่นโดยผู้เชี่ยวชาญ ส่งมอบงานภายใน 3 ชั่วโมง ในเว็บไซต์ https://experts.microsoft.com/ คาดว่าไมโครซอฟต์จะหันมาลองเล่นตลาดระบบบุคคล หรือให้บริการจับคู่ Freelance กับลูกค้าในอนาคต วิธีการทำงาน ก่อนอื่นเราต้องอัพโหลดไฟล์งานของเราและเขียนอธิบายรายละเอียดที่ต้องเรา Microsoft จะจับคู่ผู้เชี่ยวชาญมาให้ ในขั้นตอนนี้จะเป็น Live Consult คุยกับผู้เชียวชาญเพื่ออธิบายเพิ่มเติม ผู้เชียวชาญกลับไปทำงานให้เรา รับมอบงานและให้คะแนนประเมิน ในช่วงทดสอบระบบให้บริการฟรีครั้งละไม่เกิน 20 สไลด์/โปรเจค และฟรี 5 โปรเจคต่อเดือน ที่มา - https://experts.microsoft.com/
# นี่ยังมิถุนายนอยู่เลย Galaxy S20 ได้อัพเดตแพตช์เดือนกรกฎาคม 2020 แล้ว ซัมซงออกอัพเดตเฟิร์มแวร์รอบเดือนกรกฎาคม 2020 ให้กับ Galaxy S20, S20+, 20 Ultra โดยรวมแพตช์ความปลอดภัย Android ประจำเดือนกรกฎาคมมาให้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการปรับปรุงซอฟต์แวร์กล้อง และเพิ่มฟีเจอร์ให้แอพ Voice Recorder รองรับไมโครโฟนแบบ Bluetooth ช่วงหลัง ซัมซุงปรับปรุงเรื่องการอัพเดตซอฟต์แวร์ประจำเดือนที่ทำได้เร็วขึ้นมาก (แถมซัพพอร์ตยาวนานขึ้นด้วย) และมีบางเดือนที่สามารถออกแพตช์ความปลอดภัย Android ได้ก่อน Google Pixel ด้วยซ้ำ ที่มา - SamMobile
# FF Crystal Chronicles Remastered มีเวอร์ชัน Lite เล่นฟรี 3 ด่าน ถ้าเล่นกับเพื่อนที่จ่ายเงิน เล่นฟรีทุกด่าน Final Fantasy Crystal Chronicles Remastered เกมเก่าปี 2003 ที่นำมารีมาสเตอร์ขายอีกครั้ง ประกาศทำเวอร์ชัน Lite ให้เล่นฟรี 3 ดันเจี้ยนแรก (จากทั้งหมด 13 ดันเจี้ยน) Final Fantasy Crystal Chronicles ออกครั้งแรกบน GameCube โดยเป็นเกม RPG ตะลุยดันเจี้ยนแบบ co-op ที่เล่นพร้อมกันสูงสุดได้ 4 คน (ตามจำนวนจอยของ GameCube) จะนำมารีมาสเตอร์บน PS4, Switch, iOS, Android โดยรองรับการเล่น cross-play ข้ามแพลตฟอร์มด้วย วางขาย 27 สิงหาคม 2020 สิ่งที่น่าสนใจคือเวอร์ชัน Lite (ชื่อเต็มๆ คือ Final Fantasy Crystal Chronicles Remastered Edition Lite ) เปิดให้ทุกคนเล่นฟรีเฉพาะ 3 ดันเจี้ยนแรก แต่ถ้าหากเล่นออนไลน์กับเพื่อนที่มีเวอร์ชันเต็ม เราสามารถเล่นเกมครบทั้ง 13 ดันเจี้ยนได้ฟรีด้วยเช่นกัน เกมเวอร์ชัน Lite จะออกให้เล่นทั้งบน 4 แพลตฟอร์มด้วย ที่มา - Square Enix, Dsetructoid
# Starbucks ร่วมบอยคอตหยุดลงโฆษณาบนโซเชียลทุกแพลตฟอร์ม จากปัญหา Hate Speech Starbucks คือแบรนด์ใหญ่ล่าสุดที่ร่วมบอยคอตโซเชียลมีเดียจากปัญหา Hate Speech โดยประกาศหยุดลงโฆษณาบนโซเชียลทุกแพลตฟอร์ม ไม่ใช่แค่ Facebook เท่านั้น Starbucks เขียนในคำแถลงการณ์ว่า เราต้องทำมากกว่านี้ เพื่อที่จะสร้างชุมชนออนไลน์ที่เป็นมิตร ผู้นำธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง ทางบริษัทจะหยุดการโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหมดชั่วคราว และจะพูดคุยกับพันธมิตรสื่อ, องค์กรณ์สิทธิต่างๆ เพื่อหาทางหยุดยั้ง Hate Speech ภาพจาก Starbucks การร่วมบอยคอต Facebook เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Stop Hate for Profit” ก่อตั้งจากกลุ่มสิทธิ เช่น Anti-Defamation League, NAACP และ Color Of Change เรียกร้องให้ Facebook นำนโยบายการจัดการเนื้อหามาใช้อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเนื้อหาเหยียดเชื้อขาติ สีผิว รวมถึงเรียกร้องให้แบรนด์สินค้าหยุดซื้อพื้นที่โฆษณาบน Facebook แคมเปญบอยคอต เริ่มจาก Facebook และลามไปยังโซเชียลแพลตฟอร์มอื่นด้วย จนถึงตอนนี้มีแบรนด์ใหญ่ตบเท้าเข้าร่วมบอยคอตโซเชียลมีเดียแล้วคือ The North Face, Eddie Bauer แบรนด์เสื้อผ้า, ค่ายหนัง Magnolia Pictures, แบรนด์ไอศครีม Ben & Jerry, Patagonia, REI, Verizon, Unilever, Coca-Cola, Diageo ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชื่อดัง Guinness ที่มา - CNBC, Starbucks
# แอปเปิลรองรับ DNS เข้ารหัสแบบ DoH/DoT บน iOS 14 และ macOS 11 แอปเปิลเพิ่มฟีเจอร์รักษาความเป็นส่วนตัวผู้ใช้จากการถูกดักฟังว่ากำลังเข้าเว็บอะไรบ้าง โดยเพิ่มการรองรับ DNS-over-HTTPS (DoH) และ DNS-over-TLS (DoT) บน iOS 14 และ macOS 11 Big Sur ทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตระหว่างทางไม่สามารถดักฟังว่าไคลเอนต์กำลังเข้าโดเมนอะไรบ้าง การรองรับ DoH/DoT นี้สามารถแยกคอนฟิกทั้งระบบ, แยกเฉพาะแอป, หรือแยกตามโดเมนก็ได้ ทำให้บน iOS 14 และ macOS 11 จะคิวรีโดเมนของแอปเปิลด้วยเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิลเอง นอกจากการรองรับ DoH/DoT แล้วแอปเปิลยังระบุว่ากำลังร่วมมือกับ IETF ในการออกแบบมาตรฐาน ESNI ที่จะทำให้ผู้ที่เห็นทราฟิกไม่สามารถบอกได้อีกว่าทราฟิกนี้เป็นของโดเมนใด โดยแอปเปิลไม่ได้ระบุว่าจะเริ่มทดสอบในเวอร์ชั่นนี้เลยหรือไม่ ที่มา - Apple: WWDC2020
# Linux Mint 20 "Ulyana" ออกแล้ว เพิ่มระบบแชร์ไฟล์ข้ามเครื่องแบบง่าย ไม่ต้องคอนฟิกเอง Linux Mint ออกเวอร์ชัน 20 โค้ดเนม Ulyana ที่อิงจาก Ubuntu 20.04 LTS โดยเป็นรุ่นสนับสนุนระยะยาวไปจนถึงปี 2025 Linux Mint 20 มีทั้ง 3 เวอร์ชันตามระบบเดสก์ท็อป 3 รูปแบบคือ Cinnamon (GNOME 3), MATE (GNOME 2) และ Xfce ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญได้แก่ Warpinator แอพตัวใหม่สำหรับแชร์ไฟล์ในเครือข่ายแบบง่ายๆ โดยผู้ใช้ไม่ต้องคอนฟิก FTP, NFS, Samba เองให้ยุ่งยาก แอพตัวนี้จัดการให้อัตโนมัติ กดแชร์ปั๊บใช้ได้เลย ปรับปรุงการทำงานของ NVIDIA Optimus สลับจีพียูที่ใช้งานได้สะดวกขึ้นจากทาสก์บาร์ XAppStatusIcon ปรับปรุงไอคอนใน system tray ใหม่ ปรับกราฟิกใหม่ให้รองรับจอความละเอียดสูง HiDPI Cinnamon 4.6 ปรับปรุงความเร็วของตัวจัดการไฟล์ Nemo MATE 1.24, Xfce 4.14, เคอร์เนลลินุกซ์เวอร์ชัน 5.4 ปิดการทำงานของ Snapd เป็นค่าดีฟอลต์ หน้าตาของ Linux Mint 20 Cinnamon หน้าตาของ Warpinator ที่มา - Linux Mint Blog
# ผู้กำกับ The Last of Us Part 2 ยืนยันไม่ทำ DLC แต่จะมีมัลติเพลเยอร์แยกต่างหาก Neil Druckmann ผู้กำกับเกม The Last of Us Part 2 ไปให้สัมภาษณ์พ็อดคาสต์รายการ Kinda Funny ยืนยันว่า Naughty Dog ไม่มีแผนทำ DLC หรือเนื้อหาเสริมใดๆ ให้กับเกมภาคนี้ ใน The Last of Us ภาคแรกที่ออกเมื่อปี 2013 มีเนื้อหาเสริม DLC ที่เป็นแผนที่ Map Pack สำหรับการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ และ Left Behind ที่เป็นเนื้อเรื่องเสริมซึ่งเกิดก่อนเหตุการณ์ในเกมภาคแรก การที่ผู้กำกับออกมาปฏิเสธไม่ทำ DLC สำหรับภาคสองจึงเป็นเรื่องเซอร์ไพร์สอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม Druckman ยืนยันว่าเราจะได้เห็นโหมดมัลติเพลเยอร์ของ The Last of Us Part 2 (ที่เรียกว่าโหมด Factions) ซึ่งจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของเกม Part 2 แต่เขายังไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าเราจะได้เห็นมันอย่างไร และเมื่อไร เว็บไซต์ Eurogamer คาดว่า Factions น่าจะมาในรูปของ standalone expansion ที่เป็นภาคแยกต่างหาก (แปลว่าต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม) ส่วน IGN คาดว่าโซนี่น่าจะเก็บไว้รอเปิดตัวพร้อม PS5 เลยทีเดียว ที่มา - Eurogamer, IGN
# สวนสนุก Super Nintendo World ใน Universal Studios Japan ประกาศเลื่อนเปิดให้บริการออกไปไม่มีกำหนด สวนสนุก Universal Studios Japan (USJ) เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เผยว่ากำหนดการเปิดตัวพื้นที่เครื่องเล่นโซนใหม่ Super Nintendo World ตอนนี้ได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เดิมโซนเครื่องเล่นใหม่ Super Nintendo World นั้น มีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งการก่อสร้างล่าสุดก็เกือบเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ว บนงบลงทุนราว 560 ล้านดอลลาร์ และคาดกันว่าจะเป็นสถานที่ยอดนิยมแห่งใหม่ ที่ดึงดูดให้มีผู้มาเข้าชมสวนสนุกจำนวนมาก ปัจจุบันสวนสนุก USJ ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้วตั้งแต่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่จำกัดจำนวนลูกค้าต่อวัน และต้องเป็นบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในภูมิภาคคันไซ ที่ตั้งของสวนสนุกเท่านั้น ที่มา: NHK World
# Lazada ประกาศแต่งตั้ง Chun Li ประธาน Lazada อินโดนีเซีย ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ กลุ่ม Alibaba ประกาศแต่งตั้ง Chun Li ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ของ Lazada กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเครือ ที่ทำตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2020 เป็นต้นไป ประวัติของ Li เคยทำงานที่ Paypal และ eBay ก่อนมาร่วมงานกับ Alibaba ในปี 2014 ในตำแหน่งซีทีโอ (Chief Technology Officer) ของฝ่ายธุรกิจ B2B จากนั้นย้ายมาดูแล Lazada ในปี 2017 ด้วยตำแหน่งประธานและซีอีโอของ Lazada ในอินโดนีเซีย ส่วนซีอีโอคนปัจจุบัน Pierre Poignant จะย้ายไปเป็นผู้ช่วยโครงการพิเศษ ขึ้นตรงกับ Daniel Zhang ประธานและซีอีโอของ Alibaba ที่มา: Alizila
# แบรนด์ใหญ่เอาด้วย Unilever, Coca-Cola ระงับโฆษณาบนโซเชียล เพราะปัญหา Hate Speech สัปดาห์ที่ผ่านมาเราเห็นข่าว แบรนด์สินค้าหลายราย เช่น North Face, Patagonia, Verizon ระงับการลงโฆษณาใน Facebook ประท้วงที่ไม่สามารถจัดการปัญหา hate speech ได้ รอบวันที่ผ่านมา มีอีก 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของโลกคือ Unilever และ Coca-Cola ที่ประกาศหยุดลงโฆษณาในโซเชียลทั้งหมด (ไม่ใช่แค่ Facebook) เพื่อประท้วงเช่นกัน Unilever ใช้มาตรการแรงคือจะหยุดจ่ายเงินโฆษณาบนโซเชียล (ที่ระบุชื่อคือ Facebook, Instagram, Twitter) ไปจนถึงอย่างน้อยสิ้นปีนี้ (มีผลเฉพาะงบโฆษณาของ Unilever ในสหรัฐ) โดยจะนำงบโฆษณาเหล่านี้ย้ายไปลงสื่อประเภทอื่นแทน ส่วน Coca-Cola ประกาศมาตรการแบบเดียวกันคือระงับโฆษณาบนโซเชียล แต่เป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าคือ 30 วัน โดยบริษัทแถลงว่าจะขอดูผลก่อนปรับนโยบายโฆษณาในระยะยาวต่อไป แคมเปญรณรงค์บอยคอตโฆษณาบน Facebook ในเดือนกรกฎาคม มีชื่อว่า Hit Pause on Hate ที่ตั้งมาสู้กับนโยบายของ Facebook ตรงๆ หลังมีคลิปเสียงของ Mark Zuckerberg ตอบคำถามพนักงานหลุดออกมา ที่มา - Unilever, Adweek
# [ลือ] Ubisoft สั่งพักงานผู้บริหารอีก 2 คน หลังถูกร้องเรียนพฤติกรรมไม่เหมาะสม ต่อจากข่าว Ashraf Ismail หัวหน้าครีเอทีฟเกม Assassin's Creed Valhalla ลาออก เพราะปัญหาครอบครัว โดยมีรายละเอียดว่าเขามีสัมพันธ์กับบุคคลอื่น แต่โกหกว่าตัวเองยังไม่ได้แต่งงาน ล่าสุด Bloomberg รายงานว่า Ubisoft ขยายผลจากเรื่องร้องเรียนทางเพศหลายเคส โดยสั่งพักงานผู้บริหารอีก 2 คนคือ Maxime Béland และ Tommy François ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในเรื่องลักษณะนี้ (แต่ยังไม่มีรายละเอียดของเหตุการณ์) จนกว่าจะสอบสวนเสร็จ Ubisoft ออกแถลงการณ์สั้นๆ โดยไม่เจาะจงกรณีใด ว่าตอนนี้มีคำร้องเรียนมายังพนักงานของ Ubisoft ซึ่งบริษัทก็ขอโทษทุกคนที่ได้รับผลกระทบ และบอกว่ากำลังตั้งทีมสอบสวนโดยมีที่ปรึกษาจากภายนอกเข้าร่วมด้วย ประเด็นเรื่องเพศในอุตสาหกรรมเกม เคยมีกรณีใหญ่ๆ เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง (เช่น Gamergate ในปี 2014) และช่วงปี 2020 ก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งลุกขึ้นมาเปิดเผยปัญหารอบใหม่เช่นกัน ที่มา - Ubisoft, Bloomberg, ภาพจาก Ubisoft
# ยอมแล้ว Facebook แปะป้ายเตือนโพสต์ที่ผิดกฎ แต่เลือกไม่ลบเพราะควรค่าแก่การเป็นข่าว หลังจาก Mark Zuckerberg ยืนยันเสียงแข็งไม่ลบโพสต์ของ Donald Trump มานานเกือบเดือน โดยอธิบายแนวทางของ Facebook ว่ามีแค่ 2 ทางคือลบ-ไม่ลบเท่านั้น ไม่มีแปะป้ายเตือนแบบ Twitter วันนี้ Zuckerberg ประกาศนโยบายใหม่ของ Facebook ว่าจะแปะป้ายให้กับคอนเทนต์ที่มีปัญหา แต่บริษัทตั้งใจไม่ลบเพราะเป็นคอนเทนต์ที่ควรค่าแก่การเป็นข่าวให้สาธารณชนรับทราบ (newsworthy content) ถือเป็นทางการเลือกตรงกลางระหว่างการลบ-ไม่ลบ ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก Zuckerberg ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากคอนเทนต์นั้นมีโอกาสร้างความรุนแรงหรือทำให้ไม่เกิดการลงคะแนนเลือกตั้ง (violence or suppresses voting) บริษัทจะลบโพสต์นั้นทันทีโดยไม่มีการแปะป้ายเตือน ตอนนี้ยังไม่มีภาพตัวอย่างการแปะป้าย newsworthy content ให้เห็น แต่ในโอกาสเดียวกัน Facebook ก็ประกาศฟีเจอร์ Voting Information Center เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา โดยจะแปะท้ายโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในแอพ Facebook/Instagram ตามภาพ ที่มา - Facebook
# Mozilla ยอมรับให้ Comcast ใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS-over-HTTPS ของตัวเอง มอซิลล่ารับเซิร์ฟเวอร์ DNS ของ Comcast เข้าโครงการ Trusted Recursive Resolver (TRR) ซึ่งทำให้ลูกค้าของ Comcast ที่ใช้เบราว์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์จะใช้งานเซิร์ฟเวอร์ DNS ของ Comcast ต่อไป จากเดิมที่การเปิด DNS-over-HTTPS (DoH) จะทำให้เบราว์เซอร์ใช้เซิร์ฟเวอร์ภายนอก เช่น Cloudflare หรือ NextDNS ทันที TRR เปิดให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแสดงความโปร่งใส โดยสามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้ได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง และห้ามนำข้อมูลไปขายหรือมอบให้บุคคลภายนอก รวมถึงการบล็อคโดเมนนั้นหากผู้ใช้ไม่ได้เป็นผู้ร้องขอเอง ผู้ดำเนินการเซิร์ฟเวอร์ DNS จะต้องเปิดเผยข้อมูลว่าบล็อคโดเมนอะไรไปบ้าง ไฟร์ฟอกซ์เปิด DoH เป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาหลังจากทดสอบมาตั้งแต่ปี 2018 นับเป็นโปรโตคอลที่มีข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเนื่องจากตัวผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะมีข้อมูลน้อยลงมากว่าลูกค้าของตัวเองใช้งานอะไรบ้าง จนกระทั่งสมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในสหราชอาณาจักรถึงกับระบุว่ามอซิลล่าเป็นวายร้ายอินเทอร์เน็ต ที่มา - Mozilla
# TikTok และอีกหลายแอปถูกจับได้ว่าแอบเก็บข้อมูลบนคลิปบอร์ด จากแบนเนอร์แจ้งอ่านข้อมูลคลิปบอร์ดใน iOS 14 ใน iOS 14 เวอร์ชันเบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนตัวจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแบนเนอร์แจ้งว่าแอปกำลังสั่งวางข้อมูลจากคลิปบอร์ด สำหรับแอปทั่วไปอาจไม่พบปัญหาอะไร แต่แอปที่แอบเก็บข้อมูลผู้ใช้โดยที่ไม่แจ้งให้ทราบก็โดนจับได้ทันที อย่างเช่นแอป TikTok ที่มีคนใช้งานบน iOS 14 แล้วพบว่า TikTok สั่งวางข้อมูลจากคลิปบอร์ดตลอดเวลาที่เปิดแอป (ดูจากคลิปด้านล่าง) TikTok ให้ข้อมูลกับ Telegraph ว่าแอปไม่ได้เก็บข้อมูลจากคลิปบอร์ด แต่ที่เห็นมีการวางข้อมูลจากคลิปบอร์ดเนื่องจากเป็นฟีเจอร์จัดการพฤติกรรมสแปมคอนเทนต์ซ้ำ ๆ บนแพลตฟอร์ม และตอนนี้ TikTok ส่งแอปเวอร์ชันใหม่ขึ้น App Store ที่ปิดฟีเจอร์นี้ไปแล้วเพื่อลดความสับสนในอนาคต Telegraph รายงานว่า ไม่ใช่แค่ TikTok ที่แอบอ่านคลิปบอร์ดของผู้ใช้อยู่ประจำ เพราะแอปอื่นอย่าง AccuWeather, Overstock, AliExpress, Call of Duty Mobile, Patreon และ Google News ก็มีพฤติกรรมลักษณะนี้เช่นกัน แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าพฤติกรรมเบื้องหลังการแอบอ่านข้อมูลคลิปบอร์ดผู้ใช้คือจะเก็บไปทำอะไร ที่มา - 9to5Mac, The Telegraph ภาพจาก Pixabay
# The Last of Us Part II ขายได้ 4 ล้านชุดใน 3 วันแรก เป็นเกมเปิดตัวดีที่สุดของ Sony Sony ประกาศยอดขายของ The Last of Us Part II ในรอบ 3 วันแรกที่วางขาย (นับรวมทุกช่องทาง) ทำได้มากกว่า 4 ล้านชุด ถือเป็นเกมเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Sony เอง (เรียกได้ว่าเป็น first-party ที่ขายได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ PlayStation ทั้งหมด) สถิติเดิมก่อนหน้านี้ของ Sony คือ God of War PS4 ทำได้ 3.1 ล้านชุด และ Spider-Man ทำได้ 3.3 ล้านชุด ในช่วงเวลา 3 วันแรกที่วางขายเช่นกัน ตัวเลขนี้ยังสามารถชนะ The Last of Us ภาคแรกที่ขายในปี 2013 โดยทำได้ 3.4 ล้านชุดในช่วง 3 สัปดาห์แรก และเป็นเกมเอ็กซ์คลูซีฟที่เปิดตัวดีที่สุดของยุค PS3 ด้วย เกมภาคแรกทำยอดขายรวมไว้ที่ 17 ล้านชุด (จากการออกทั้งบน PS3/PS4) ต้องมารอดูกันว่าภาคสองจะทำได้ดีแค่ไหน เจ้าของสถิติเกมขายช่วงเปิดตัวสูงสุดยังเป็น GTA V (ซึ่งขายบนหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน) ทำไว้ที่ 16.5 ล้านชุดใน 3 วันแรก ที่มา - PlayStation Blog, CNET, VentureBeat
# Huawei P40 Pro+ วางขายในไทยแล้ว ราคา 40,900 บาท Huawei ประกาศราคาขายของ Huawei P40 Pro+ (หรือบางที่ก็เขียน Pro Plus) รุ่นท็อปสุดของซีรีส์ P40 ที่ 40,900 บาท ความแตกต่างของ P40 Pro+ กับ P40 Pro อยู่ที่กล้องหลังเพิ่มมาเป็น 5 ตัว (ชื่ออย่างเป็นทางการยาวสักนิด Ultra Vision Leica Penta Camera) โดยเพิ่มเลนส์ซูมมาเป็น 2 ตัว ทำให้ซูมได้สูงสุด 100 เท่า รุ่นที่ขายมีสีเดียวคือ White Ceramic โดยเป็นแรม 8GB และสตอเรจ 512GB วางขายแล้ววันนี้ผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงร้านออนไลน์ Huawei Online Store ที่มา - Huawei Online Store
# เจาะลึกรายละเอียด Apple Silicon เมื่อ Mac เปลี่ยนผ่านจาก x86 สู่ซีพียูออกแบบเอง ข่าวใหญ่ของวงการไอทีสัปดาห์นี้ย่อมเป็นเรื่อง แอปเปิลย้าย Mac จากสถาปัตยกรรม x86 มาเป็น ARM โดยเปลี่ยนมาใช้ซีพียูออกแบบเองที่มีชื่อเรียกรวมๆ ว่า Apple Silicon (ยังไม่มีข้อมูลของซีพียูตัวที่จะใช้จริงๆ) ประกาศของแอปเปิลทำให้เกิดคำถามตามมามากมาย ซึ่งแอปเปิลเองก็ตอบคำถาม (บางส่วน) ไว้ในเซสซันย่อยของงาน WWDC 2020 เราจึงรวบรวมรายละเอียดมาให้อ่านกันครับ ทำไมต้องย้ายจาก x86 เป็น ARM แอปเปิลอธิบายเรื่องนี้ไว้ใน Keynote ตอนเปิดงาน WWDC 2020 ว่าเหตุผลที่เปลี่ยนจากซีพียูสถาปัตยกรรม x86 มาเป็น ARM มีทั้งหมด 3 ประการ ได้แก่ ประสิทธิภาพต่อพลังงาน ฟีเจอร์ด้านฮาร์ดแวร์ compatibility ของฮาร์ดแวร์ทั้งหมดของบริษัท ถึงแม้แอปเปิลสร้างชื่อขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ตระกูล Macintosh มายาวนานหลายสิบปี แต่ในรอบ 10 ปีให้หลังก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพระเอกกลายเป็น iPhone ที่มียอดขายสูงกว่ากันหลายเท่า จนหลายคนอาจรู้สึกว่า Mac ถูกทอดทิ้ง ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะแอปเปิลหันไปโฟกัสที่ iPhone มากกว่าจริงๆ ประสิทธิภาพต่อพลังงาน การที่แอปเปิลหันไปโฟกัสที่ iPhone (และขยายมายังอุปกรณ์ข้างเคียงอย่าง iPad และ Apple Watch) ทำให้นวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์บน iPhone พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะตัว SoC ตระกูล Apple A ที่ต้องยอมรับว่าแอปเปิลทำได้ดีมาก ในแง่ประสิทธิภาพก็สามารถเอาชนะคู่แข่งรายอื่นในท้องตลาด (เช่น Snapdragon) ได้สบายๆ พัฒนาการที่ต่อเนื่องของชิปตระกูล Apple A (ที่สามารถ "เป็นไปได้" ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจคือยอดขาย iPhone/iPad รวมกันหลักพันล้านเครื่อง) ทำให้มิติเรื่อง "ประสิทธิภาพต่อพลังงาน" (ไม่ใช่ "ประสิทธิภาพ" เพียงอย่างเดียวที่ x86 ยังทำได้ดีกว่า) ดีขึ้นมากจนถึงระดับที่สามารถใช้ทดแทนซีพียูเดสก์ท็อปแล้ว จากแผนภาพของแอปเปิลเองก็แสดงให้เห็นว่าชิป Apple Silicon เหนือกว่าชิปในท้องตลาด ตรงที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเดสก์ท็อป ในอัตราการใช้พลังงานใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊ก (ในแง่การใช้งานก็ตีความได้ว่า MacBook จะมีแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นมาก ในประสิทธิภาพเท่าเดิม) นอกจากเรื่องประสิทธิภาพต่อวัตต์แล้ว ซีพียูสาย ARM ที่ใช้กันบนมือถือยุคหลังๆ ยังมีแนวคิดเรื่อง asymmetric cores ที่มีคอร์หลายรูปแบบสำหรับงานแต่ละประเภท (ที่เราคุ้นกันในชื่อ big.LITTLE บ้าง คอร์แบบ 4+4 หรือ 6+2 บ้าง) ทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่าซีพียูแบบ x86 ที่ทุกคอร์มีสมรรถนะเท่ากัน แอปเปิลจึงให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนมาใช้ซีพียูที่ออกแบบเอง จึงมีประสิทธิภาพต่อพลังงานดีกว่าเพราะปัจจัยนี้ด้วย งานเล็กๆ ก็ให้คอร์เล็กๆ ทำ ไม่ต้องเปลืองไฟใช้คอร์ใหญ่ทำแบบ x86 ในปัจจุบัน (หมายเหตุ: อินเทลเพิ่งเปิดตัว Lakefield ที่ใช้แนวคิดคอร์เล็ก-ใหญ่ แต่คงต้องรออีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะได้เห็นการใช้งานจริง) ตรงนี้คงต้องรอชิป Apple Silicon วางขายจริงๆ ภายในปีนี้ว่าทำได้ตามที่โม้ไว้แค่ไหน แต่จากฮาร์ดแวร์ทดสอบของแอปเปิลเอง (DTK) ที่ใช้ A12Z SoC ตัวเดียวกับใน iPad Pro 2020 ก็คิดว่าผลิตภัณฑ์จริงไม่น่าจะต่างกันมากนักในเชิงสถาปัตยกรรม เปลี่ยนเพราะฟีเจอร์จาก SoC ที่ออกแบบเอง นอกจากปัจจัยเรื่องประสิทธิภาพ/พลังงานแล้ว วงการสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพาในช่วงหลังๆ ยังมีชิปหรือนวัตกรรมอื่นๆ ที่เข้ามาทำงานเฉพาะทางบางอย่าง เช่น ชิปถอดรหัสวิดีโอ ชิปเร่งความเร็วคริปโต ชิปประมวลผล AI ฯลฯ ดังที่เห็นในรูปแรกสุดของบทความนี้ แอปเปิลอธิบายว่าเครื่อง Mac ในปัจจุบันประกอบด้วย CPU+GPU ตามมาตรฐาน และชิปพิเศษที่ออกแบบเองคือชิป T2 ที่เอาไว้เก็บข้อมูลลับ (secure enclave) และช่วยประมวลผลงานเฉพาะทางบางอย่าง เช่น สัญญาณภาพหรือความเคลื่อนไหว แผนการของแอปเปิลคือต้องการรวมทุกอย่างไว้บน SoC ชิ้นเดียว เพื่อประโยชน์ในเชิงสถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ (เท่าที่ยกตัวอย่างมาคือการทำ unified memory ไม่ต้องแยกแรม CPU/GPU แล้วส่งข้อมูลวิ่งไปมา) และต่อยอดฟีเจอร์เฉพาะทาง (เช่น ตัวถอดรหัสวิดีโอ หรือชิปประมวลผล AI) โดยนำชิปที่มีอยู่แล้วบน iPhone/iPad มาใช้ในเครื่อง Mac ด้วย ไม่ต้องลงทุนใหม่ ฟีเจอร์อื่นที่แอปเปิลพูดถึงคือ ความปลอดภัยที่ระดับฮาร์ดแวร์ ซึ่งมีอยู่แล้วบน iPhone เช่น การคุ้มครองเคอร์เนล ไม่อนุญาตให้รันส่วนขยายของเคอร์เนล (kernel extension) โดย Mac ยุคใหม่จะต้องเขียนไดรเวอร์ผ่าน DriverKit ที่อยู่ใน user space แทน Device isolation การแยก input–output memory management unit (IOMMU) สำหรับฮาร์ดแวร์แต่ละชิ้น ไม่ต้องมาใช้ IOMMU เดียวกัน ป้องกันสถานะของหน่วยความจำเป็น write (W) หรือ execute (X) พร้อมกัน ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของแรม แต่อาจมีปัญหากับ JIT compiler บางตัวที่ต้องใช้งานฟีเจอร์นี้ ซึ่งแอปเปิลแก้ปัญหาด้วยการสลับสถานะ R/X ให้อย่างรวดเร็วแทน ถ้าลองสังเกตประกาศของแอปเปิลแทบไม่มีคำว่า "เปลี่ยนเป็น ARM" เลยนะครับ แอปเปิลใช้คำว่า "Apple Silicon" ทั้งหมด เพราะความหมายของมันคือการเปลี่ยนจากซีพียู x86 ทั่วไป (Intel) มาเป็นซีพียูที่แอปเปิลออกแบบเอง (ได้ประโยชน์จากเรื่องพลังงาน+ฟีเจอร์) ไม่ใช่การเปลี่ยนมาใช้ซีพียู ARM ทั่วไป (ที่ได้ประโยชน์เฉพาะเรื่องพลังงานอย่างเดียว) หมายเหตุ: เอาเข้าจริงแล้ว ไมโครซอฟท์ก็มีแนวทางคล้ายกัน เห็นได้จาก Surface Pro X ที่ชิปพิเศษ Microsoft SQ1 ที่ออกแบบร่วมกับ Qualcomm เพียงแต่ไมโครซอฟท์ไม่ได้ลงทุนกับซีพียูของตัวเองมายาวนานเท่ากับแอปเปิล ผลที่ได้รับกลับคืนมาจึงไม่ชัดเจนเท่า ความเข้ากันได้ของ macOS และ iOS ปัจจัยสุดท้ายคือเรื่อง compatibility เมื่อแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ทั้งหมดของแอปเปิลกลายเป็น ARM การพอร์ตโค้ด ฟีเจอร์ หรือแอพจาก iOS (ซึ่งปัจจุบันถือเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่กว่า macOS มากๆ ในแง่จำนวนผู้ใช้และจำนวนแอพ) จึงทำได้ง่ายขึ้นมาก แอปเปิลเองก็ไม่ต้องมาคอยพะวง ดูแลแยก 2 สถาปัตยกรรมขนานกันไป (และทำให้ Mac ถูกทอดทิ้งมานานเพราะ iOS สำคัญกว่า ได้ทรัพยากรไปมากกว่า) พอยุบเหลือสถาปัตยกรรมเดียว ฟีเจอร์ของ Mac ย่อมใกล้เคียงกับ iOS มากขึ้น หรืออย่างน้อยก็ไม่ถูกทิ้งห่างเหมือนเดิม ขั้นตอนการเปลี่ยนผ่าน การเปลี่ยนผ่านจาก x86 มาสู่ ARM รอบนี้ไม่ใช่เรื่องเจ็บปวดมากนัก เพราะแอปเปิลมีประสบการณ์ตรงจากการเปลี่ยน PowerPC มาเป็น x86 เมื่อ 15 ปีก่อน ขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านจึงไม่ต่างกัน แนวทางเปลี่ยนผ่านของแอปเปิลมี 2 แบบขนานกันไปเช่นเดิม ได้แก่ Universal Binary การคอมไพล์โปรแกรมเป็นทั้ง x86 และ ARM รองรับฮาร์ดแวร์ทั้งสองแบบ Rosetta การแปลงไบนารี ARM ไปรันบนฮาร์ดแวร์ x86 จำลอง แอปเปิลย่อมอยากให้นักพัฒนาแอพเลือกใช้วิธี Universal มากกว่า เพราะคอมไพล์เป็น ARM แบบเนทีฟโดยตรง ซึ่งต้องอาศัยนักพัฒนาปรับแก้แอพใหม่ด้วย Xcode 12 ขึ้นไป แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ (เช่น ซอฟต์แวร์ตัวนั้นไม่พัฒนาต่อแล้วแต่ยังมีคนใช้) ก็ยังมีทางออกคือ Rosetta แม้ประสิทธิภาพจะด้อยลงไปบ้าง ผมคิดว่าการเปลี่ยนผ่านของแอปเปิลรอบนี้น่าจะราบรื่นกว่ารอบที่แล้วมาก เพราะแอปเปิลมีประสบการณ์แล้ว รู้ว่าอุปสรรคอยู่ตรงไหน, คอมพิวเตอร์ยุค 15 ปีให้หลังพัฒนาขึ้นมาก มีทรัพยากรเหลือเฟือสำหรับการรันอีมูเลเตอร์ และที่สำคัญคือตัวสถาปัตยกรรม ARM มีความต่างจาก x86 น้อยกว่า x86 ต่างจาก PowerPC ตัวอย่างที่แอปเปิลยกมาคือลำดับการวางตำแหน่งเลข (endian) ของ x86 เหมือนกับ ARM ทำให้ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องสลับตำแหน่งไบต์เหมือนตอนย้ายจาก PowerPC มาเป็น x86 แต่การเปลี่ยนผ่านก็ย่อมไม่ราบรื่นทั้งหมด 100% เพราะความแตกต่างระหว่างสถาปัตยกรรมย่อมมีอยู่ เช่น Rosetta ไม่รองรับชุดคำสั่งประมวลผลเวกเตอร์ (AVX) ที่มีในซีพียูอินเทล (เพราะ ARM ไม่มีชุดคำสั่งนี้โดยตรง) หรือขนาดของ page file ที่ไม่เท่ากัน (4kB บนซีพียูอินเทล, 16 kB บนซีพียูแอปเปิล) คำแนะนำของแอปเปิลคือ พยายามอย่าใช้โค้ดที่ระบุสถาปัตยกรรมของซีพียูโดยตรง (เช่น กำหนดเงื่อนไข if ตามสถาปัตยกรรม x86/arm64) หรือเรียกใช้ชุดคำสั่งของซีพียูโดยตรง (เช่น ประมวลผลคำสั่งทางคณิตศาสตร์ด้วย AVX) โดยให้ทำงานผ่านเฟรมเวิร์คของ OS แทน แอปเปิลบอกว่าพยายามแก้ปัญหาการข้ามสถาปัตยกรรมด้วยเฟรมเวิร์คให้มากที่สุด เช่น งานกราฟิกให้รันผ่าน Metal หรืองานปัญญาประดิษฐ์ให้เรียก Core ML แล้วเฟรมเวิร์คจะไปจัดการเรื่องสถาปัตยกรรมซีพียูให้เอง โดยที่นักพัฒนาไม่ต้องสนใจว่าข้างใต้เป็น x86 หรือ ARM เพราะช่วงแรกๆ จะต้องรองรับทั้งสองสถาปัตยกรรมอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่น่าจะเจอแน่ๆ คือการเรียกใช้ไลบรารีที่คอมไพล์เป็นไบนารีมาแล้ว (pre-compiled binary) ซึ่งนักพัฒนาอาจไม่มีทางเลือกมากนัก ในช่วงแรกๆ คงไม่มีไบนารีเวอร์ชัน arm64 ให้ใช้งาน ตรงนี้คงต้องอาศัยระยะเวลาในการค่อยๆ เปลี่ยนผ่านไลบรารีไปสู่ ARM สุดท้าย แอปเปิลย้ำว่าการพอร์ตแอพจาก x86 เป็น ARM จำเป็นต้องรันทดสอบบนฮาร์ดแวร์ Apple Silicon จริงๆ เสมอ แปลว่านักพัฒนาควรต้องหาฮาร์ดแวร์มาทดสอบกัน ไม่ว่าจะเป็นชุด DTK ในช่วงแรก (ที่มีค่ายืม 500 ดอลลาร์) หรือซื้อ Mac เครื่องใหม่ที่เป็น Apple Silicon เมื่อวางขายจริงแล้ว กล่าวโดยสรุปคือ การเปลี่ยนผ่านน่าจะค่อนข้างราบรื่น สำหรับแอพทั่วๆ ไปที่ไม่มีชุดคำสั่งพิเศษที่โยงกับซีพียู แอพเฉพาะทางหน่อยหรืออิงกับซีพียูมากหน่อย เช่น เกม แอพสายวิทยาศาสตร์ หรือแอพที่เก่ามากๆ ไม่ได้อัพเดตต่อแล้ว ก็คงมีปัญหาอยู่ดี แอปเปิลย่อมจับมือกับผู้พัฒนาแอพสำคัญๆ อย่าง Microsoft Office หรือ Adobe ดังที่เห็นเดโมใน Keynote รายละเอียดของ Apple Silicon ยังมีไม่เยอะนักในตอนนี้ คงต้องรอช่วงที่สินค้าจริงเปิดตัว การเปลี่ยนผ่านย่อมใช้เวลาพอสมควร ใครที่มีประสบการณ์ซื้อ Mac Intel ในช่วงแรกๆ มาแล้วคงรู้ซึ้งกันดีว่า "รอนานอีกสักหน่อยแล้วค่อยซื้อของใหม่จะดีกว่า" ข้อมูลเพิ่มเติม นักพัฒนาแอพสาย Mac สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก เซสชัน Explore the new system architecture of Apple Silicon Macs จาก WWDC 2020 เซสชัน Port your Mac app to Apple Silicon จาก WWDC 2020 หน้ารวมเอกสาร Apple Silicon บนเว็บไซต์ Apple Developer บทความ Porting Your macOS Apps to Apple Silicon
# Amazon ซื้อบริษัทรถยนต์ไร้คนขับ Zoox มูลค่าประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ Amazon ประกาศซื้อกิจการบริษัทเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ Zoox โดยไม่เปิดเผยมูลค่า (Financial Times รายงานตัวเลขไม่เป็นทางการที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์) ตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ Zoox ก่อตั้งเมื่อปี 2014 โดย Jesse Levinson ลูกชายของ Arthur D. Levinson อดีตซีอีโอของ Genentech และประธานบอร์ดแอปเปิลคนปัจจุบัน แนวทางของ Zoox คือพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเพื่อใช้ในแท็กซี่หรือบริการเรียกรถแบบ ride-hailing (ไม่ได้ผลิตรถยนต์เพื่อขาย) อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าช่วงหลัง Zoox เริ่มประสบปัญหาทางธุรกิจ เพราะรถยนต์ไร้คนขับเกิดได้ช้ากว่าที่คาดไว้ (ซึ่งเป็นปัญหาของบริษัทสายนี้ทุกราย รวมถึง Waymo ของ Alphabet ที่เปิดบริการช้ากว่าแผน และยังจำกัดพื้นที่มากๆ) เมื่อบวกกับสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก จนต้องมองหาผู้ซื้อกิจการ Amazon บอกว่า Zoox จะยังดำเนินธุรกิจของตัวเองต่อไปเช่นเดิม โดยจะสนับสนุนให้ Zoox ไปถึงฝั่งฝัน ให้บริการรถยนต์ไร้คนขับได้ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ แต่ไม่ได้ระบุว่าจะนำเทคโนโลยีของ Zoox ไปใช้ภายในเครือหรือไม่ ก่อนหน้านี้ Amazon เพิ่งลงทุนในบริษัทรถตู้ไฟฟ้า Rivian และสั่งซื้อรถถึง 1 แสนคันเพื่อใช้ในการขนส่งสินค้า ที่มา - Amazon
# ไมโครซอฟท์ปิดร้าน Microsoft Store เกือบทุกสาขาทั่วโลก ย้ายไปขายออนไลน์แทน ไมโครซอฟท์ประกาศปิดร้านค้าปลีก Microsoft Store เกือบทุกแห่งทั่วโลก ด้วยเหตุผลว่าปรับยุทธศาสตร์ค้าปลีกไปขายผ่านออนไลน์แทน ร้านสาขาที่ไม่ถูกปิดมี 4 แห่งคือลอนดอน ซิดนีย์ นิวยอร์ก และในสำนักงานใหญ่เมือง Redmond แต่จะปรับรูปแบบเป็น Microsoft Experience Centers ที่เน้นให้บริการลูกค้าทั่วไปแทนการขายของ ไมโครซอฟท์ระบุว่าการปิดร้านชั่วคราวจากปัญหา COVID-19 ทำให้โยกพนักงานในร้านค้าปลีกไปเป็นพนักงานด้านเทรนนิ่งลูกค้า SME และลูกค้าภาคการศึกษาอยู่ก่อนแล้ว หลังปิดร้านถาวร พนักงานกลุ่มนี้จะไม่ถูกปลดออกเลย แต่จะย้ายไปทำงานด้านเทรนนิ่งแทนอย่างถาวร การตัดสินใจปิดร้านค้าปลีก Microsoft Store จะทำให้ไมโครซอฟท์มีค่าใช้จ่ายสำหรับปิดร้านประมาณ 450 ล้านดอลลาร์ (1.4 หมื่นล้านบาท) โดยรวมค่าตัดจำหน่ายทรัพย์สิน (write-off) และการด้อยค่าทรัพย์สิน (impairment) แล้ว ที่มา - Microsoft ภาพร้าน Microsoft Store สาขา Oxford Circus ที่ลอนดอน ซึ่งเป็นสาขาที่ไม่ถูกปิด - Microsoft
# AWS Outpost เริ่มขายในไทยโดยร่วมกับพันธมิตร, ตัวเซิร์ฟเวอร์ใช้ไฟกระแสตรงทั้งหมด, กุญแจเข้ารหัสจะถูกทำลายเมื่อถอดเครื่องออก เมื่อวานนี้ AWS Outpost เริ่มทำตลาดในประเทศไทย วันนี้ทาง AWS โดยคุณ Paul Chen, Head of Solutions Architect ASEAN ก็แถลงข่าวในประเด็นนี้เพิ่มเติม Paul ระบุถึงสถาปัตยกรรมในตู้เซิร์ฟเวอร์ว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดในตู้ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง โดยมีตัวแปลงไฟกระแสสลับไปยังกระแสตรงที่ศูนย์กลาง ทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูง และลดจุดสร้างความเสียหาย (point of failure) จากเดิมที่ตู้เซิร์ฟเวอร์มักปล่อยให้เซิร์ฟเวอร์ทุกตัวมีตัวแปลงไฟจากกระแสสลับมาเป็นกระแสตรงสำหรับเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวกันเอง นอกจากนี้ภายในเซิร์ฟเวอร์ยังมีชิ้นส่วนที่เป็นระบบสำรอง (hot spare) เตรียมรองรับความเสียหายในอนาคต ตัวตู้เซิร์ฟเวอร์มีระบบตรวจจับการดัดแปลง โดยข้อมูลทั้งหมดในดิสก์จะถูกเข้ารหัสเอาไว้ และตัวเซิร์ฟเวอร์นั้นจะมีชิปเข้ารหัสอยู่ การถอดฮาร์ดแวร์ออกต้องไขกุญแจที่เป็นน็อตเพื่อถอดเซิร์ฟเวอร์ออกมาซึ่งจะทำลายชิปไปในตัวเพื่อไม่ให้อ่านข้อมูลได้ AWS Outpost มีสัญญาการใช้งาน 3 ปี อย่างไรก็ตาม Paul ระบุว่าเมื่อครบสัญญาแล้วลูกค้าจะมีทางเลือกว่าจะอัพเดตฮาร์ดแวร์ใหม่ตามรอบ หรือจะใช้งานต่อไปก็ได้ โดย AWS จะซัพพอร์ตต่อไป การทำตลาดในช่วงแรกนี้ มีพันธมิตร 3 รายเข้าร่วม คือ TrueIDC, Dailitech, และ CAT ที่มา - งานแถลงข่าวออนไลน์ AWS
# Cyberpunk 2077 รองรับ Ray Tracing, DLSS 2.0 เล่นได้บน Geforce NOW ทันทีที่ขาย CD Projekt Red เผยว่า Cyberpunk 2077 จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Ray Tracing ระบบแสงเงาแบบสมจริง กับ DLSS 2.0 ระบบลบรอยหยักด้วย Deep Learning และสามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์มเล่นเกมแบบสตรีมมิ่ง Geforce NOW ที่ความละเอียด 1080p 60FPS ตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่าย เทคโนโลยี Ray Tracing เป็นเทคโนโลยีประมวลผลแสง โดยคำนวณทิศทางการสะท้อนของลำแสงจากแหล่งกำเนิดแสงจริงในฉาก ทำให้การกระจายของแสง การสะท้อน และการตกกระทบบนตัวละครและวัตถุชนิดต่างๆ เป็นไปอย่างธรรมชาติและสมจริงมากขึ้น แต่ใช้พลังประมวลผลของการ์ดจอค่อนข้างมาก ส่วน DLSS 2.0 เป็นระบบลบรอยหยักด้วย Deep Learning ของ NVIDIA โดยใช้ tensor core ตัวประมวลผล AI ของการ์ดจอตระกูล RTX ช่วยในการเรนเดอร์ ลบรอยหยักของภาพ ทำให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมในความละเอียดต่ำลง กินสเปกน้อยลง แต่ได้ภาพที่มีรอยหยักน้อยเกือบเท่าการเล่นในความละเอียดสูงๆ และเปิดใช้งานพร้อมกับฟีเจอร์ Ray Tracing ที่ค่อนข้างกินสเปก เพื่อช่วยลดภาระของการ์ดจอได้ แต่ถ้าไม่มีการ์ดจอ RTX และอยากเล่นบน Geforce NOW อาจต้องรอไปก่อน เพราะ Geforce NOW ยังไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย และยังไม่มีกำหนดการว่าจะเปิดเมื่อไร สามารถดูรายชื่อประเทศที่เปิดให้บริการในปัจจุบันได้ที่นี่ ที่มา - NVIDIA Blog
# จีนเปิดศูนย์อาหารไร้ พนง. ในกวางตุ้ง ใช้หุ่นยนต์ปรุงและเสิร์ฟเองทั้งหมด Country Garden บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้เปิดตัวศูนย์อาหารหุ่นยนต์ล้วนแห่งแรกในเขตชุ่นเต๋อ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ทำให้เป็นศูนย์อาหารแห่งแรกที่ไม่มีคนเกี่ยวข้องในกระบวนการให้บริการเลย ใช้หุ่นยนต์ทั้งหมดตั้งแต่การปรุงอาหารไปจนถึงการเสิร์ฟ หุ่นยนต์ที่ใช้ศูนย์อาหารถูกพัฒนาและผลิตโดย Qianxi Robot Catering Group ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือ Country Garden อีกที ตัวศูนย์อาหารมีขนาดราว 2,000 ตารางเมตร มีการแบ่งโซนตามประเภทอาหาร ขณะที่หุ่นยนต์ทำอาหารก็ถูกออกแบบมาให้แตกต่างกันตามแต่ประเภทร้านอาหาร เช่น ร้านอาหารจีน ร้านก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น สามารถให้บริการลูกค้าได้เกือบ 600 คนในครั้งเดียว และสามารถเสิร์ฟเมนูที่มีให้เลือกถึง 200 รายการได้ภายในเวลาเพียง 20 วินาที Qianxi Group บอกด้วยว่าบริษัทสามารถสร้างและควบคุมซัพพลายเชนหลังบ้านได้ทั้งหมด ตั้งแต่ครัวส่วนกลาง (เตรียมส่วนประกอบ เตรียมอาหาร), การปรุงอาหารด้วยหุ่นยนต์ ไปจนถึงการการดำเนินงานของร้านอาหารและการจัดการหุ่นยนต์ โดยบริษัทมีแผนจะขยายครัวส่วนกลางเพิ่มอีกในพื้นที่เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊าและจะผลิตหุ่นยนต์เพิ่มให้ได้อีกราว 5,000 ตัวต่อปี ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# แฟนเกมโวย FIFA 21 เวอร์ชันพีซี ได้กราฟิกและฟีเจอร์เท่า PS4 ไม่ใช่ PS5 นอกจากข่าวหงส์คว้าแชมป์แล้ว วันนี้ยังมีข่าวน่าสนใจอีกข่าวสำหรับคอบอล หลัง EA กล่าวว่าจะนำ FIFA 21 เวอร์ชันพีซีมาลงขายใน Steam (ก่อนหน้านี้มีแค่บน Origin) แต่ใน FAQ ของเกม กลับมีข้อมูลวันวางจำหน่ายที่ชี้ว่าเกมเวอร์ชั่น PC วางจำหน่ายพร้อมกับเวอร์ชั่น PS4 และ Xbox One ไม่ใช่เวอร์ชั่นที่มาพร้อมคอนโซลเจ็นใหม่อย่าง PS5 และ Xbox Series X ในหน้าโฆษณาเกมเวอร์ชั่น PS5 ของ EA กล่าวไว้ว่า เกมเวอร์ชั่น PS5 จะได้เปรียบในด้านเวลาโหลดที่เร็วขึ้น การตัดภาพจากสนามไปยังเตะมุม หรือลูกทุ่มทำได้แบบทันทีกว่าเดิม ระบบแสงเงาในสนามแบบใหม่ที่สมจริงมากขึ้น (คาดว่ามาจากฟีเจอร์ ray tracing) รูปร่างหน้าตาและเสื้อผ้าของนักเตะที่สมจริงขึ้น แอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วทันใจมากขึ้น พฤติกรรมต่างๆ ของนักเตะที่สมจริงขึ้น ทั้งการตะโกนบอกเพื่อนตอนทุ่มลูก จัดเสื้อผ้า สนับเข่า และรีแอคชั่นของนักเตะข้างสนามกับแฟนๆ ในสนามที่สมจริงตามสถานการณ์ คาดว่าการตัดให้เวอร์ชั่น PC เท่ากับแค่ PS4 และ Xbox One เป็นการตัดสินใจด้านการตลาดของ EA เพราะในความจริงแล้ว ไม่ใช่เกมเมอร์ทุกคนมี PC ขั้นเทพ แฟนเกมฟุตบอลส่วนใหญ่อาจจะมีแค่ PC ระดับกลางๆ เท่านั้น และอาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าผู้ใช้ PC ทั่วไป จะมีสเปกที่สามารถรันเกมที่กินสเปกเท่าบนเครื่องคอนโซลเจ็นใหม่ได้ ที่มา - Eurogamer
# AMD พิชิตเป้าหมายประสิทธิภาพพลังงานดีขึ้น 25 เท่าในปี 2020 ของจริงทำได้ 31.7 เท่า เมื่ออดีตอันไกลโพ้นปี 2014 AMD เคยประกาศแผน 25x20 ที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงาน (energy efficiency) ให้ได้ 25 เท่าภายในปี 2020 บัดนี้ถึงปี 2020 แล้ว AMD ออกมาประกาศว่าแผนการสำเร็จลุล่วง หลัง Ryzen 4000 Mobile หรือโค้ดเนม "Renoir" หน่วยประมวลผลสำหรับโน้ตบุ๊ก (เป็น APU ที่รวม CPU+GPU) สามารถเพิ่มค่าประหยัดพลังงานได้ 31.7 เท่าเมื่อเทียบกับตัวเลขปี 2014 วิธีการวัดค่าของ AMD ใช้ Ryzen 7 4800H (2020) เทียบกับ AMD FX-7600P (2014) โดยดูจากค่าพลังงาน Energy Star และคะแนนเบนช์มาร์ค 3DMark 2011 P-Score / Cinebench R15 nT อย่างละครึ่งๆ เท่ากัน ถ้านับเฉพาะเบนช์มาร์คอย่างเดียว AMD ปี 2020 มีสมรรถนะเพิ่มขึ้น 5 เท่า ส่วนค่าการใช้พลังงาน Energy Star น้อยลงจากเดิม 84% AMD ระบุว่าความสำเร็จนี้มาจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเรื่องสถาปัตยกรรม Zen, การเชื่อมโยง CPU+GPU ไว้บน SoC เดียวกัน, เทคโนโลยีด้านการผลิตที่ดีขึ้น, เทคนิคการจัดการพลังงานที่พัฒนาขึ้น ฯลฯ ที่มา - AMD
# Waymo จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ Volvo พัฒนารถไฟฟ้าไร้คนขับสำหรับบริการเรียกรถ Waymo ประกาศเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทรถยนต์อีกรายอย่าง Volvo เพื่อนำ Waymo Driver เทคโนโลยีไร้คนขับไปใส่เอาไว้ในรถยนต์แบรนด์ภายใต้ Volvo ซึ่งรวมถึง Polestar และ Lynk & Co. โปรเจ็คแรกที่ Waymo จะทำกับ Volvo คือรถไฟฟ้าไร้คนขับรุ่นใหม่ สำหรับบริการเรียกรถ (ride-hailing service) โดยนอกจาก Volvo แล้ว ตอนนี้พาร์ทเนอร์ผู้ผลิตรถยนต์ของ Waymo ที่ยังเหลืออยู่ก็มี Fiat Chrysler Automobile, Jaguar Land Rover และกลุ่มพันธมิตร Renault Nissan Mitsubishi ที่มา - Waymo
# Google ปล่อย Android 11 Dev Preview สำหรับ Android TV Google เริ่มปล่อย Android 11 Developer Preview สำหรับ Android TV ให้นักพัฒนาแล้ว โดยการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ จะอยู่ที่การจัดการความเป็นส่วนตัว, ประสิทธิภาพการใช้งาน, การเชื่อมต่อและฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการเป็นหลักมากกว่า ฝั่งผู้ใช้งานจะไม่ค่อยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง Android 11 Developer Preview บน Android TV ตอนนี้รองรับเฉพาะ ADT-3 ชุด Dev Kit ของ Android TV รุ่นล่าสุดเท่านั้น โดยนักพัฒนาจะต้องดาวน์โหลดและแฟลชรอมเอง ซึ่งเมื่อแฟลชแล้วจะไม่สามารถย้อนกลับไปเป็น Android 10 ได้ ที่มา - Android Devleoper
# Opera Desktop ออกเวอร์ชัน 69 รองรับการใช้ Twitter ได้จากเบราว์เซอร์ Opera Desktop ออกเวอร์ชัน 69 มาพร้อมฟีเจอร์สำคัญคือใช้งาน Twitter ได้ในตัว (จากแถบ sidebar ข้างซ้าย) มาทั้ง timeline หลัก, ระบบข้อความ direct messages และการค้นหาข้อความ แนวทางของ Opera ในช่วงหลังคือผนวกบริการออนไลน์ที่คนใช้บ่อยๆ เข้ามาในแถบ sidebar เพื่ออำนวยความสะดวก บริษัทบอกว่าก่อนหน้านี้เพิ่ม Instagram แล้วประสบความสำเร็จอย่างมาก (Opera GX สำหรับเกมเมอร์ก็มี Twitch และ Discord ส่วนบริการอื่นที่มีอยู่ก่อนแล้วคือ Facebook Messenger, Telegram และ WhatsApp) ของใหม่อย่างอื่นใน Opera 69 คือปรับหน้าจอ Ctrl+Tab ใหม่ให้แสดงภาพใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และปรับปรุงฟีเจอร์ Workspaces ที่ใช้จัดกลุ่มแท็บ ให้คลิกขวาแล้วเลือกเปิดลิงก์ใน Workspace ที่ต้องการได้ตั้งแต่แรก ที่มา - Opera
# เกาหลีใต้เตรียมปล่อยคลื่น 6GHz ให้ใช้ Wi-Fi 6E ในปี 2022 กระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีเกาหลีใต้ประกาศเตรียมปล่อยคลื่นย่าน 5,925 MHz ถึง 7,125 MHz หรือย่าน 6GHz ให้เป็นคลื่นที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เพื่อรองรับการใช้งาน Wi-Fi ความเร็วสูงในอาคาร โดยคลื่นจะว่างลงในปี 2022 นี้ โดยคลื่นตรงกับย่าน Wi-Fi 6E คลื่นย่าน 6GHz ที่เกาหลีใต้เตรียมปล่อยออกมานี้ความกว้างใกล้เคียงกับของสหรัฐฯ ที่ปล่อยคลื่บแถบกว้าง 1.2GHz ให้ใช้งานเสรีเช่นกัน โดย FCC หรือกสทช. สหรัฐฯ นั้นนำคลื่นย่านนี้มาจากคลื่นแบบขออนุญาตสำหรับการเชื่อมต่อจุดต่อจุด โดย Wi-Fi Alliance ขานรับการปล่อยคลื่นเสรีว่าจำเป็นต่อการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แถมยังระบุว่า Wi-Fi นั้นต้องการคลื่นเสรีอีกถึง 1.8GHz ทางเกาหลีใต้หวังว่าคลื่นย่านใหม่นี้จะทำให้อินเทอร์เน็ตมีความเร็วสูงขึ้นถึง 5 เท่าตัวและเปิดทางให้พัฒนาโรงงานที่มีการเชื่อมต่อไร้สายได้ในต้นทุนที่ต่ำลง ที่มา - The Korea Herald ภาพโดย Republica
# WordPress 5.5 เพิ่มฟีเจอร์สร้าง XML sitemaps ได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอิน เมื่อปีก่อนชุมชนนักพัฒนาของ WordPress ได้ยื่นขอให้เพิ่ม XML sitemaps เข้าเป็นส่วนหนึ่งของชุดโค้ดในอนาคต ซึ่งมีนักพัฒนาของ Google ร่วมมือกับทีมพัฒนาปลั๊กอิน SEO ชื่อดังอย่าง Yoast และนักพัฒนาคนอื่นๆ ในชุมชนร่วมกันพัฒนาฟีเจอร์นี้ขึ้น การเริ่มต้นของโปรเจคนี้ ทีมพัฒนาทำฟีเจอร์ออกมาในรูปแบบปลั๊กอินก่อนเพื่อลองทดสอบความเข้ากันกับชุดโค้ดในเวอร์ชัน 5 จนล่าสุดก็ได้ประกาศออกมาเป็นทางการว่าปลั๊กอินทำงานเข้ากันได้สมบูรณ์และได้เปลี่ยนให้ปลั๊กอินนี้เข้าเป็นส่วนเสริมของชุดโค้ดในเวอร์ชัน 5.5 เรียบร้อยแล้ว จุดประสงค์หลักของฟีเจอร์นี้มาจากผู้ใช้งาน WordPress บางคนต้องการใช้งาน sitemaps เป็นหลัก แต่ปลั๊กอินส่วนใหญ่จะพ่วงเข้ากับฟีเจอร์อื่นๆ เช่น SEO หรือการจัดการระบบ schema ต่างๆ รวมไปถึง sitemaps อาจจะมีโครงสร้างไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนั้นมันจะช่วยให้ผู้ใช้งานหรือนักพัฒนาเว็บไซต์ด้วย WordPress ใช้งาน sitemap ได้ทันทีโดยไม่ต้องลงปลั๊กอินเสริมใดๆ รวมไปถึงนักพัฒนาเองก็สามารถเพิ่มเติมหรือแก้ไขโครงสร้างหรือการทำงานผ่าน filter ที่กำหนดให้ได้เช่นกัน ที่สำคัญโครงสร้างของ sitemaps ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นไปตามมาตรฐานที่ถูกต้องอีกด้วย ทีมพัฒนาได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หากผู้ใช้ติดตั้งปลั๊กอินที่มีการใช้งาน sitemaps ไว้อยู่แล้วและเมื่อมีการอัพเดต WordPress ในเวอร์ชัน 5.5 มันจะไม่กระทบการทำงานของปลั๊กอินดังกล่าวและไม่ส่งผลกระทบต่อผลการค้นหาแต่อย่างใด และชุมชนนักพัฒนาของ WordPress ก็เชื่อมั่นว่าส่วนเสริมนี้จะทำงานได้ดีกว่า sitemaps ที่มาจากปลั๊กอิน แต่หากผู้ใช้งานไม่ต้องการใช้งานฟีเจอร์ตั้งต้นนี้ก็สามารถปิดการใช้งานได้ที่การตั้งค่าด้วยตัวเอง สำหรับ WordPress เวอร์ชัน 5.5 มีกำหนดการปล่อยอัพเดตออกมาในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ที่มา: WordPress Tavern, Make WordPress Core
# ROG เปิดตัว Zephyrus, Strix เกมมิ่งแล็บท็อปรุ่นใช้ Intel 10th Gen ASUS ROG เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นใหม่ Zephyrus Duo 15, ROG Strix SCAR III, และ Strix G15/G17 โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง พร้อมคีย์บอร์ด RGB และไฟ RGB ระบบ ROG Aura Sync ระบบระบายความร้อนโลหะเหลวจาก Thermal Grizzly ใช้ Intel Core Gen 10th ทุกรุ่น เริ่มจำหน่ายแล้ววันนี้ผ่านตัวแทน ASUS ทั่วประเทศ หรือ ASUS Official Store บน Shopee และ Lazada แต่ละรุ่นมีสเปกและราคาดังนี้ Zephyrus Duo 15 โน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอคู่ มีจอด้านล่างแบบ touchscreen หน้าจอ 15.6 นิ้ว มีตัวเลือก 4K 60Hz, Full HD 300Hz จอ touchscreen ด้านล่างขนาด 14.1 นิ้ว ความละเอียด 3840 x 1100 ซีพียู Intel Core i7-10875H / Core i9-10980HK แรม DDR4 3200 MHz สูงสุด 32GB SSD M.2 PCIe ขนาด 512GB การ์ดจอสูงสุด NVIDIA Geforce RTX 2080 Max-Q รองรับ WiFi 6 Windows 10 Home ราคา รุ่น Core i7-108750H + แรม 16GB + 1TB M.2 PCIe + RTX 2070 ราคา 109,990 บาท รุ่น Core i9-10980HK + แรม 32GB + 1TB NVMe + RTX 2080 Super Max-Q ราคา 149,990 บาท ROG Strix SCAR III 15/17 โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง หน้าจอสองขนาด 15.6 และ 17.3 นิ้ว คีย์บอร์ด RGB ทำงานเชื่อมกับไฟ RGB รอบตัวเครื่อง หน้าจอ 15.6 Full HD 240Hz / 17.3 นิ้ว Full HD 300Hz ซีพียู Intel Core i7-10875H / Core i9-10890HK แรม DDR4 3200 MHz สูงสุด 16GB (8GB x2) SSD M.2 PCIe ขนาด 1TB (512GB x2 RAID 0) การ์ดจอสูงสุด NVIDIA Geforce RTX2080 Super รองรับ WiFi 6 Windows 10 Home ราคา รุ่น 15.6 นิ้ว Core i7-10875H + แรม 16GB + 512GB M.2 PCIe + RTX 2060 ราคา 59,990 บาท รุ่น 15.6 นิ้ว Core i7-10875H + แรม 16GB + 1TB M.2 PCIe (RAID 0) + RTX 2070 Super ราคา 74,990 บาท รุ่น 17.3 นิ้ว Core i9-10890HK + แรม 16GB + SSD 1TB M.2 PCIe (RAID 0) + RTX 2070 Super ราคา 84,990 บาท รุ่น 17.3 นิ้ว Core i9-10890HK + แรม 16GB + SSD 1TB M.2 PCIe (RAID 0) + RTX2080 Super ราคา 99,990 บาท ROG STRIX G15/17 โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง หน้าจอ 15.6 และ 17.3 นิ้ว เช่นกัน รุ่นเล็กลงมาจาก SCAR เล็กน้อย หน้าจอ 15.6 / 17.3 นิ้ว Full HD 144Hz ซีพียู Intel Core i5-10300H / Core i7-10750H แรม DDR4 2933 MHz สูงสุด 16GB (8GB x2) SSD M.2 PCIe ขนาด 512GB (มี PCIe อีก 2 ช่อง ไว้ใส่เพิ่มทำ RAID 0 ได้) การ์ดจอสูงสุด NVIDIA Geforce RTX 2070 รองรับ WiFi 6 Windows 10 Home ราคา รุ่น 15.6 นิ้ว Core i5-10300H + แรม 8GB + 512GB M.2 PCIe + GTX 1650Ti ราคา 32,990 บาท รุ่น 15.6 นิ้ว Core i7-10750H + แรม 8GB + 512GB M.2 PCIe + GTX 1650Ti ราคา 36,990 บาท รุ่น 15.6 นิ้ว Core i7-10750H + แรม 16GB + 512GB M.2 PCIe + GTX 1660Ti ราคา 42,990 บาท รุ่น 15.6 นิ้ว Core i7-10750H + แรม 16GB + 512GB M.2 PCIe + RTX 2060 ราคา 46,990 บาท รุ่น 17.3 นิ้ว Core i7-10750H + แรม 16GB + 512GB M.2 PCIe + RTX 2060 ราคา 49,990 บาท รุ่น 17.3 นิ้ว Core i7-10750H + แรม 16GB + 512GB M.2 PCIe + RTX 2070 ราคา 54,990 บาท ROG Zephyrus S17 (GX701) โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง 17 นิ้ว คีย์บอร์ด RGB ทำงานเชื่อมกับไฟ RGB รอบตัวเครื่อง หน้าจอ 17 นิ้ว Full HD 300Hz (มี G-Sync) ซีพียู Intel Core i7-10875H แรม DDR4 3200 MHz 32GB SSD M.2 PCIe ขนาด 1TB การ์ดจอสูงสุด NVIDIA Geforce RTX 2080 Max-Q รองรับ WiFi 6 Windows 10 Home ราคา 119,990 บาท ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# ไม่มีแล้ว Boot Camp แอปเปิลยืนยัน Mac ARM ไม่ให้บูต OS อื่น, ต้อง Virtualization แทน ประเด็นที่หลายคนอยากรู้ ในข่าวการเปลี่ยนผ่านจาก x86 ไปสู่ ARM ของแอปเปิล (ที่แอปเปิลเรียกว่า Apple Silicon) คืออนาคตของ Boot Camp และการรันวินโดวส์บนฮาร์ดแวร์แมค ล่าสุด Craig Federighi ผู้บริหารฝ่ายซอฟต์แวร์ของแอปเปิลที่เราคุ้นหน้ากันดี ไปคุยในรายการ Daring Fireball podcast ยืนยันว่าเครื่องแมคยุค Apple Silicon จะไม่รองรับการบูตไปยังระบบปฏิบัติการอื่น (we’re not direct booting an alternate operating system) และแนะนำให้ใช้ virtualization แทนหากต้องการใช้ระบบปฏิบัติการอื่น Federighi ยังบอกว่าปัจจุบันเทคโนโลยี hypervisor มีประสิทธิภาพมากขึ้นมาก ความจำเป็นในการบูตเข้า OS อื่นโดยตรงจึงไม่ค่อยมีแล้ว ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เพิ่งยืนยันว่าจะไม่ขายไลเซนส์ Windows on ARM แบบขายปลีกให้ติดตั้งกันเองผ่าน Boot Camp เมื่อแอปเปิลยืนยันว่าจะไม่มี Boot Camp ให้บูตเข้าระบบปฏิบัติการอื่น ก็น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายว่าเราจะรันวินโดวส์บนแมคตรงๆ ไม่ได้อีกแล้ว ที่มา - Daring Fireball via The Verge
# Google Meet เบลอฉากหลัง-เปลี่ยนภาพฉากหลังได้แล้ว, เตรียมรองรับหน้าจอ 7x7 คน Google Meet เปิดตัวฟีเจอร์เบลอฉากหลัง และเปลี่ยนภาพฉากหลังอย่างเป็นทางการ (ก่อนหน้านี้ ระบุในหน้าฟีเจอร์ G Suite แต่ยังไม่ได้ประกาศ) พร้อมฟีเจอร์ใหม่อีกจำนวนหนึ่งสำหรับการควบคุมห้องประชุม (moderation) ปรับกระบวนการขอเข้าห้องประชุม (knock) ให้กดได้ทีเดียว ไม่สามารถกดซ้ำได้อีก ปรับหน้าจอขอเข้าห้องไม่ให้รบกวนคนอื่นในห้องประชุม ผู้ควบคุมห้องจะได้ปุ่มจบการประชุมให้ทุกคน ไม่มีคนตกค้างเหลืออยู่ในห้อง บล็อคผู้เข้าประชุมที่ไม่แสดงตัว (anonymous) เป็นค่าดีฟอลต์ เพิ่มปุ่มปิดไมโครโฟนของทุกคนในห้อง (mute all), ปิดการแชทระหว่างประชุม กูเกิลยังบอกว่าจะเพิ่มฟีเจอร์ยกมือถาม (hand raising), ไวท์บอร์ดในระหว่างการประชุม และเพิ่มหน้าจอ tiled view เป็น 49 คน (7x7) เท่ากับ Zoom และ Microsoft Teams ซึ่งจะตามมาในระยะถัดไป นอกจากนี้ กูเกิลยังประกาศว่า Nest Hub Max หน้าจออัจฉริยะที่ออกขายเมื่อปี 2019 รองรับการคุยวิดีโอคอลล์แล้ว (ทั้ง Google Meet และ Duo) โดยเราสามารถสั่ง Hey Google, make a group call หรือ Hey Google, join my next meeting ได้เลย ที่มา - Google, Google (Education), Google (Nest)
# Steam เริ่มเทศกาล Summer Sale ลดเพิ่ม 70 บาทเมื่อซื้อครบ 400 บาท Steam เริ่มเทศกาลดองเกมอย่าง Steam Summer Sale แล้ว พร้อมโปรโมชันลดเพิ่ม 70 บาท เมื่อซื้อครบ 400 บาท และรอบนี้มีมินิเกมเป็นระบบเก็บแต้มจากการซื้อเกม และนำมาแลกเป็นของตกแต่งบนโปรไฟล์ Steam Steam Summer Sale จะมีไปจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคมนี้เวลาตี 4 บ้านเรา ที่มา - Steam
# Google เริ่มเซ็นสัญญาจ่ายค่าไลเซนส์คอนเทนต์คุณภาพสูงให้สำนักข่าว, เตรียมเปิดตัวบริการอ่านข่าวแบบรูปใหม่ปีนี้ Google ประกาศจะจ่ายค่าไลเซนส์ใช้งานข่าวให้สำนักข่าวที่ผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูงสำหรับบริการอ่านข่าวรูปแบบใหม่ โดยตอนนี้ Google เริ่มเซ็นสัญญากับสำนักข่าวในออสเตรเลีย, เยอรมนี และบราซิลแล้ว ภายใต้โครงการนี้ Google ระบุว่าจะช่วยให้ผู้ผลิตคอนเทนต์สามารถทำเงินจากคอนเทนต์ของตัวเองได้ ซึ่งจะอยู่ภายใต้โครงการอ่านข่าวรูปแบบใหม่ (Google ใช้คำว่า new news experience) ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้ เพื่อช่วยให้วงการสื่อสารมวลชนยังคงทำเงินผ่านคอนเทนต์ต่าง ๆ และโครงการนี้จะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต Google ระบุว่า ทางบริษัทจะจ่ายค่าใช้งานคอนเทนต์ให้สำนักข่าวและนำคอนเทนต์คุณภาพสูงไปเผยแพร่ เพื่อให้คอนเทนต์ที่อยู่ภายใต้ paywall (ข่าวที่ต้องจ่ายเงินก่อนอ่าน) มีผู้อ่านจำนวนมากขึ้น และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้อ่านคอนเทนต์ประเภทวิเคราะห์เจาะลึกที่ไม่อาจเห็นได้ทั่ว ๆ ไป นอกจากเรื่องการจ่ายเงินไลเซนส์ใช้งานข่าวให้สำนักข่าวแล้ว Google ก็ยังไม่ได้เผยรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับ news experience แบบใหม่ ซึ่งก็รอดูกันต่อไป แต่จากข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็คาดการณ์กันว่า Google อาจจะทำบริการสมัครสมาชิกลักษณะเดียวกับ Apple News+ ที่มา - Google, Engadget, The Next Web ภาพจาก Google
# Safari 14 จะรองรับระบบล็อกอินแบบไม่ใช้รหัสผ่านตามมาตรฐาน WebAuthn ในปีนี้ Apple ปล่อยวิดีโอเซสชั่นใน WWDC 2020 โดยมีตอนหนึ่งโชว์ฟังก์ชันการล็อกอินเว็บไซต์บน Safari 14 แบบ frictionless experience ซึ่ง FIDO Alliance ระบุว่าเป็นการใช้เทคโนโลยี WebAuthn ระบบล็อกอินโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่านที่ทาง W3C รับเข้าเป็นมาตรฐานเว็บในปีที่แล้ว เทคโนโลยี WebAuthn หรือ Web Authentication API เป็นมาตรฐานกลางในการยืนยันตัวตนแบบใหม่ที่ให้นักพัฒนาเว็บไซต์เลือกเปิดใช้งาน ซึ่งระบบนี้พัฒนาโดย FIDO Alliance โดยกรณีของ iOS และ macOS คือ Apple จะเปิดให้ใช้ Touch ID หรือ Face ID ในการยืนยันตัวตนบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ดังนั้นผู้ใช้จึงล็อกอินได้โดยไม่ต้องใส่ชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านเหมือนเดิม ตอนนี้ Safari เวอร์ชันรองรับ WebAuthn ยังอยู่ระหว่างการทดสอบ คาดว่าจะปล่อยพร้อมกับ macOS และ iOS ปลายปีนี้ ส่วนเบราว์เซอร์อื่นอย่าง Edge, Chrome, Firefox ได้รองรับมาตรฐาน WebAuthn ไปสักระยะหนึ่งแล้ว ที่มา - TechCrunch ภาพจาก Apple Newsroom
# Verizon ร่วมบอยคอตไม่ลงโฆษณาใน Facebook ประท้วงการจัดการ Hate Speech Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ในอเมริกาเข้าร่วมขบวนการบอยคอต ระงับการลงโฆษณาบน Facebook ประท้วงที่ Facebook ไม่จัดการ Hate Speech ได้ดีพอ โดย Verizon ถือเป็นบริษัทรายล่าสุด และเป็นรายใหญ่ที่สุดที่เข้าร่วมบอยคอต โดยก่อนหน้านี้ที่บอยคอต Facebook ไปแล้วมี The North Face, Eddie Bauer แบรนด์เสื้อผ้า, ค่ายหนัง Magnolia Pictures, แบรนด์ไอศครีม Ben & Jerry, Patagonia, REI John Nitti ผู้บริหารฝ่ายสื่อของ Verizon เผยว่า เรามีนโยบายที่เข้มงวด และจะไม่อดทนต่อการละเมิดนี้ จึงขอระงับการลงโฆษณาใน Facebook ชั่วคราว จนกว่า Facebook จะมีทางแก้ปัญหาที่เรายอมรับได้ การร่วมบอยคอต Facebook เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Stop Hate for Profit” ก่อตั้งจากกลุ่มสิทธิหลายภาคส่วน เช่น Anti-Defamation League, NAACP และ Color Of Change เรียกร้องให้ Facebook นำนโยบายการจัดการเนื้อหามาใช้อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเนื้อหาเหยียดเชื้อขาติ สีผิว เรียกร้องให้แบรนด์สินค้าหยุดการใช้จ่ายการโฆษณาไปกับ Facebook ทางกลุ่มผู้สนับสนุนแคมเปญระบุว่า Facebook ล้มเหลวในการแก้ไขข่าวปลอมบนแพลตฟอร์ม ทำให้ Breitbart News เป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้แม้ Breitbart จะมีประวัติการทำงานกับกลุ่มชาตินิยมผิวขาวและกลุ่มนีโอนาซีก็ตาม ที่มา - The Guardian
# Google Photos เปลี่ยนโลโก้ใหม่ เรียบง่ายมากขึ้น เพิ่ม Map View ในหน้าค้นหา แอป Google Photos ออกอัพเดตใหญ่มีผลทั้งผู้ใช้ iOS และ Android โดยการเปลี่ยนแปลงแรกที่สังเกตได้คือโลโก้ใหม่ ที่ดูเป็นรูปใบพัดโค้งมนชัดเจนมากขึ้น แถบการใช้งานปรับเปลี่ยนอีกครั้ง แบ่งเป็น 3 หัวข้อ คือ Photos ที่แสดงผลรูปภาพใหญ่ขึ้น, Search เนื่องจากฐานข้อมูลรูปภาพผู้ใช้แต่ละคนมีขนาดใหญ่มากขึ้น ไฮไลท์สำคัญคือตัวช่วยค้นหารูปภาพแบบ Map View ที่นำข้อมูลพิกัดภาพจาก EXIF มาแสดง และ Library หน้ารวมรูปภาพแยกตามอัลบั้ม เวอร์ชัน 5.0 นี้ สามารถอัพเดตได้ตั้งแต่วันนี้ทาง App Store และ Play Store แต่การใช้งานรูปแบบใหม่ในแอปจะทยอยได้อัพเดตภายในสัปดาห์หน้า ที่มา: 9to5Google
# Facebook จะแสดงคำเตือน หากแชร์ข่าวเก่ากว่า 3 เดือน Facebook ออกฟีเจอร์ใหม่ จะแสดงหน้าต่างแจ้งเตือน หากกำลังจะแชร์บทความที่มีอายุมากกว่า 3 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้มีข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับเนื้อหานั้นๆ ก่อนที่จะแชร์ออกไปจริงๆ Facebook ยังบอกด้วยว่าในอนาคตจะทดสอบฟีเจอร์ที่หากผู้ใช้แชร์บทความที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 จะแสดงหน้าจอการแจ้งเตือนถึงแหล่งข้อมูลข่าว แสดงลิงค์จากหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ ทวิตเตอร์ก็ทดสอบฟีเจอร์แสดงหน้าต่างให้อ่านบทความก่อนจะรีทวีตออกไป ที่มา - Facebook
# Gartner คาดในปี 2022 องค์กรร้อยละ 75 จะรันแอปพลิเคชั่นแบบ Container Gartner ออกรายงานคาดการณ์การใช้ซอฟต์แวร์จัดการระบบคอนเทนเนอร์ ชี้ว่าการใช้งานคอนเทนเนอร์ในองค์กรจะสูงขึ้นมาก และอัตราการใช้จ่ายค่าซอฟต์แวร์จัดการคอนเทนเนอร์ก็จะมากขึ้นด้วย โดยคาดว่าปี 2020 ตลาดซอฟต์แวร์จัดการคอนเทนเนอร์จะมีมูลค่า 465.8 ล้านดอลลาร์ และขึ้นไปถึง 944 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ขณะที่องค์กรระดับโลกที่รันแอปพลิเคชั่นเป็นคอนเทนเนอร์บนระบบโปรดักชั่นปีนี้อยู่ที่ต่ำกว่า 30% แต่ภายในปี 2022 น่าจะขึ้นไปถึง 75% โดยตอนนี้แม้จะมีองค์กรจำนวนมากแสดงความสนใจ แต่การใช้งานบนโปรดักชั่นจริงก็ยังน้อยอยู่ แต่หากนับเฉพาะซอฟต์แวร์ระดับองค์กร ตอนนี้มีการใช้รันบนคอนเทนเนอร์น้อยกว่า 5% และปี 2024 ก็ยังน่าจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 15% เท่านั้น จากข้อจำกัดด้านเทคนิคและงบประมาณขององค์กรที่จำกัด ประมาณการมูลค่าซอฟต์แวร์จัดการคอนเทนเนอร์เหล่านี้ไม่รวมรายได้จากซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ หรือค่าฮาร์ดแวร์ที่องค์กรวางระบบใหม่เพื่อวางแพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์ในองค์กร ที่มา - Gartner ภาพโดย Pexels
# PHP ปล่อยรุ่น 8.0 Alpha 1 เวอร์ชั่นทดสอบแรกก่อนออกตัวจริงปลายปีนี้ PHP ปล่อยไบนารี PHP 8.0 Alpha 1 เป็นรุ่นทดสอบแรกตามตารางการพัฒนา ที่จะออกทั้งหมด 11 เวอร์ชั่นก่อนออกตัวจริง PHP 8.0 ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกันว่าฟีเจอร์ใดจะรวมเข้าไว้ในเวอร์ชั่นนี้บ้าง โดยมีกำหนดปิดรับฟีเจอร์ใหม่วันที่ 4 สิงหาคมนี้ ระหว่างนี้ก็มีฟีเจอร์จำนวนหนึ่งที่จะได้เข้ามาในเวอร์ชั่นนี้แน่นอน เช่น Attributes ข้อมูลเสริมสำหรับฟังก์ชั่นหรือคลาสที่สามารถเรียกจากโค้ดด้วย Reflection Union ชนิดข้อมูลใหม่ที่สามารถกำหนดชนิดตัวแปรชื่อหนึ่งๆ เป็นหลายชนิดพร้อมกันได้ หรือจะกำหนดเป็น mixed ที่แปลว่าเป็นอะไรก็ได้ในกลุ่ม scalar ValueError exception ใหม่เมื่อพบค่าในอาร์กิวเมนต์ผิดพลาดจนทำงานไม่ได้ เช่น อ้างอิงตำแหน่งของสตริงที่ยาวเกินสตริง รูปแบบนี้คล้ายในไพธอน JSON กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาษา PHP 8.0 ไม่ต้องตรวจว่ามีฟังก์ชั่น json_decode หรือไม่อีกต่อไป สามารถดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ที่มา - PHP.net ตัวอย่างโค้ดฟีเจอร์ Attributes
# Dell ออก XPS 13 Developer Edition รุ่นปี 2020 ใช้ Ubuntu 20.04 LTS Dell มีโน้ตบุ๊ก XPS 13 Developer Edition รุ่นที่ใช้ Ubuntu มาตั้งแต่ปี 2012 และตามอัพเดตให้เรื่อยมา ล่าสุด Dell เปิดตัว XPS 13 รุ่นปี 2020 ที่เป็น Developer Edition โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Ubuntu 20.04 LTS รุ่นใหม่ที่สุดด้วย (ก่อนหน้านี้เคยขายมาแล้ว แต่เป็น Ubuntu 18.04 LTS) ในแง่ฮาร์ดแวร์คงไม่มีอะไรต่างจาก XPS 13 (2020) รุ่นปกติ ที่ใช้ดีไซน์ใหม่ขอบบาง, หน้าจอ 16:9, ซีพียู Intel 10th Gen เปิดให้สั่งซื้อได้แล้วในราคาเริ่มต้น 1,099.99 ดอลลาร์ ที่มา - Ubuntu
# ซัมซุงเผยช่วง มี.ค.-เม.ย. แท็บเล็ตขายดีขึ้น 30% คาดเพราะคนต้องทำงานและเรียนออนไลน์ ซัมซุงเผยผลสำรวจการวิจัยตลาดแท็บเล็ตในไทย พบว่ามีการเติบโตต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2019 และหดตัวลงในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ปี 2020 จนกระทั่งกลับมาเติบโตในเชิงปริมาณช่วงเดือนเดือนมีนาคมและเมษายน คาดว่ามาจากโรคระบาด ทำให้คนมองหาแท็บเล็ตเพื่อมาใช้ทำงานและเรียนออนไลน์ และเมื่อเปรียบเทียบยอดขายแท็บเล็ตของซัมซุงในช่วงเวลาเดียวกัน (มกราคม-เมษายน) ของปี 2019 พบว่าในปีนี้มียอดขายโตขึ้นกว่า 30% โดยแท็บเล็ตในเซกเมนต์เริ่มต้น-กลาง เป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สะท้อนความต้องการของตลาดที่มองหาแท็บเล็ตในราคาที่คนเริ่มทำงานและนักเรียนนักศึกษาเข้าถึงได้ ซัมซุงระบุเพิ่มด้วยว่า จากการศึกษาประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ตเซกเมนต์กลาง พบว่า Pain Points ของผู้บริโภค คือ สเปคและฟีเจอร์ที่ไม่สมบูรณ์เมื่อเทียบกับรุ่นแฟลกชิป โดยเฉพาะการที่ไม่มีปากกาแถมมาให้ในกล่อง ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# Amazon จัดตั้งหน่วย Counterfeit Crimes ตรวจสินค้าปลอมและแจ้งจับเจ้าของร้าน Amazon ประกาศจัดตั้งหน่วย Counterfeit Crimes ซึ่งประกอบไปด้วยอดีตอัยการรัฐ นักสืบที่มีประสบการณ์ รวมไปถึงนักวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อตรวจจับสินค้าลอกเลียนแบบที่วางขายบนเว็บไซต์ และดำเนินคดีกับผู้ที่ค่าขายสินค้าลอกเลียนแบบเหล่านี้ให้ถึงที่สุด ที่ผ่านมา Amazon มีมาตรการป้องกันสินค้าปลอมมาโดยตลอด อย่างปีที่แล้ว Amazon บอกว่าบล็อกแอคเคาท์ที่น่าสงสัยว่าจะขายสินค้าปลอมกว่า 2.5 ล้านแอคเคาท์และป้องกันสินค้าที่น่าสงสัยกว่า 6 พันล้านรายการ แต่การจัดตั้งหน่วย Counterfeit Crimes ก็เพื่อทำงานเชิงรุกมากขึ้น เพื่อนำผู้ขายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะขายจากที่ไหนก็ตาม หน่วย Counterfeit Crimes จะมีหน้าที่ฟ้องดำเนินคดีทางแพ่ง, ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานสอบสวนทั่วโลก เพื่อติดตามจับกุมผู้ที่ขายของปลอม ที่มา - Amazon ภาพจาก Amazon
# รายงานเผย บริษัทไอทียังล้มเหลวกับความหลากหลายทางเชื้อชาติในด้านบุคลากร ปัญหาเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติของบุคลากรในบริษัทไอทีนับเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามมาโดยตลอด และยิ่งถูกจับตามองมากขึ้นหลังจากเหตุการณ์ของ George Floyd แม้ว่าบริษัทไอทีพยายามโปรโมทความหลากหลายของบุคลากรในบริษัท รวมไปถึงประกาศเพิ่มพนักงานผิวดำมาหลายครั้ง แต่หากพิจารณาจากรายงานความหลากหลายทางเชื้อชาติของแต่ละบริษัท เราจะพบว่า สัดส่วนคนผิวดำในบริษัทไอทียังถือว่าน้อย โดยเฉพาะในตำแหน่งระดับสูง รูปจาก Pexels Apple - จากรายงานความหลากหลายปี 2018 พบว่า พนักงานในบริษัทกว่าครึ่งนึงเป็นคนผิวขาว ตามมาด้วยพนักงานชาวเอเชีย อยู่ที่ 23% และพนักงานเชื้อสายละติน 14% ส่วนพนักงานผิวดำอยู่ที่ 9% ในขณะที่พนักงานผิวดำด้านเทคนิคตั้งแต่ปี 2014 จนถึง 2018 อยู่ที่ 6% อย่างไรก็ตาม Apple เป็นบริษัทไอทีท็อป 5 รายเดียวที่ยังไม่เปิดเผยรายงานความหลากหลาย ของปี 2019 อนึ่ง Tim Cook ซีอีโอแอปเปิลก็เพิ่งเปิดตัวโครงการสนับสนุนความยุติธรรมและความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและบริจาคเงินไป 100 ล้านเหรียญเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาด้วย Google - จากรายงานความหลากหลายฉบับล่าสุด พบว่า พนักงานผิวดำในตำแหน่งผู้บริหารอยู่ที่ 2.6% เท่ากับปีก่อนหน้า ในขณะที่สัดส่วนพนักงานผิวดำทั้งหมดในบริษัทอยู่ที่ 5.5% ขึ้นมาจากปีก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 4.8% อย่างไรก็ตาม Sundar Pichai ซีอีโอบริษัท เพิ่งออกประกาศเพิ่มจำนวนผู้บริหารคนดำอีก 30% ภายในปี 2025 พร้อมทั้งยังจะแก้ปัญหาเรื่องสัดส่วนตัวแทนจาก underrepresented group (กลุ่มคนที่ไม้รับโอกาสในสังคม) อีกด้วย Amazon - มีพนักงานผิวดำเยอะที่สุดในบรรดาบริษัทไอที ด้วยสัดส่วน 26.5% เเป็นอันดับสองจากคนผิวขาวที่ 34.7% ทว่าพนักงานผิวดำในตำแหน่งผู้บริหารอยู่ที่ 8.3% ตามหลังชาวเอเชียที่ 20.8% ส่วนคนผิวขาวในตำแหน่งเดียวกันอยู่ที่ 59% Facebook - จากรายงานความหลากหลาย ปี 2019 พบว่าสัดส่วนพนักงานด้านเทคนิคผิวดำอยู่ที่ 1.5% ขึ้นมาจาก 1% ในปี 2014 ขณะที่สัดส่วนคนผิวดำในตำแหน่งผู้นำอยู่ที่ 3.1% อย่างไรก็ตาม Facebook เพิ่งประกาศว่าจะเพิ่มคนผิวดำ 30% ในตำแหน่งผู้นำภายในปี 2025 และจะเพิ่มสัดส่วนบุคลากรจากกลุ่ม underrepresented ให้ขึ้นมาอยู่ที่ 50% ภายในปี 2023 นอกจากนี้ ยังบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนองค์กรและกิจการของคนดำอีกด้วย Microsoft - จากรายงานความหลากหลาย ปี 2019 พบว่า มีพนักงานผิวดำทั้งหมด 4.5% เทียบกับผิวขาว 53.2% ส่วนพนักงานฝั่งเทคที่มีผิวดำอยู่ที่ 3.3% ขึ้นมาจากปี 2016 ซึ่งอยู่ที่ 2.4% ในขณะที่ตำแหน่งผู้จัดการมีสัดส่วนคนผิวดำอยู่ที่ 2.7% และผู้อำนวยการที่ 2.5% Microsoft ระบุว่าจะเพิ่มสัดส่วนคนดำในตำแหน่งสูงอย่างผู้จัดการ ตำแหน่งงานอาวุโส ให้ได้สองเท่าภายในปี 2025 และจะลงทุนเพิ่ม 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อผลักดันประเด็นความหลากหลายในองค์กร อันที่จริงประเด็นความหลากหลายของบุคลากรในที่ทำงานไม่ได้มีแค่เรื่องของกลุ่มคนผิวสี แต่ยังมีกลุ่มคนละติน คนเอเชีย หรือแม้แต่เรื่องของเพศหญิงที่มีสัดส่วนหรือได้โอกาสน้อยกว่าชาย (ทั้งที่หากวัดที่ความสามารถอาจเท่ากันหรือมากกว่า) เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมา วงการเทคโนโลยีเป็นวงการที่ถูกครอบครองโดยคนขาวเพศชายเป็นหลัก ซึ่งก็น่าสนใจว่าบริษัทไอทีเหล่านี้จะสามารถสร้างความหลากหลายของบุคลากรตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน อ้างอิง - ITPro Today
# Huawei เปิด Flagship Store ใหญ่ที่สุดในโลก สาขาเซี่ยงไฮ้อย่างเป็นทางการ Huawei เปิด Flagship Store สาขาใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยตั้งอยู่ในย่าน Nanjing East นครเซี่ยงไฮ้ กินพื้นที่อาคารสามชั้น รวมเนื้อที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ภายในเป็นพื้นที่จำหน่ายอุปกรณ์ Huawei ทั้งมือถือ แท็บเล็ต และอื่นๆ กว่า 500 ชนิด รวมถึงเป็นศูนย์ให้บริการลูกค้าด้วย ในร้านมีมีการจัดแสดงโซน Smart Life แบ่งเป็น 5 โซน จำลองพื้นที่ต่างๆ ของบ้านแบบ Smart Home ที่ใช้อุปกรณ์ของ Huawei ใช้เจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้ากว่า 200 คน มีเค้าเตอร์ให้บริการ 19 เค้าเตอร์ และโซนบริการหลังการขายอีก 12 โซน การเปิด Flagship Store เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการโฟกัสตลาดในบ้านของ Huawei เพราะตลาดในประเทศจีนเป็นยอดขายส่วนใหญ่ที่ทำให้ Huawei ยังคงเติบโตในปีนี้ หลังเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 ก่อนประเทศอื่น และเพราะ Huawei กำลังประสบปัญหาการจำหน่ายในต่างประเทศจากการออกข้อจำกัดต่างๆ จากสหรัฐอเมริกา ที่มา - Huawei Central
# CD Projekt Red เอาใจแฟนๆ แจกอาร์ตเวิร์ค Cyberpunk 2077 กว่า 4GB ฟรี บน GOG หลัง CD Projekt Red ประกาศเลื่อน Cyberpunk 2077 ไปเป็นเดือนพฤศจิกายน และจะปล่อยวิดีโอ Night City Wire อัพเดตรายละเอียดใหม่ของเกมในวันพรุ่งนี้ วันนี้ GOG แพลตฟอร์มขายเกมของ CD Projekt Red เอง ก็จัดแคมเปญเอาใจคนรอ ด้วยอาร์ตเวิร์คและภาพกราฟฟิกจาก Cyberpunk 2077 แบบครบชุด ภายในชุดมีทั้งอาร์ตเวิร์คแสดงขั้นตอนการสร้างเกม ในรูปแบบไฟล์ภาพความละเอียดสูง วอลเปเปอร์สวยๆ แสดงถึงฝักฝ่ายต่างๆ อาร์ตบุ๊กความละเอียดสูงแบบ PDF ภาพปกของกล่อง SteelBook แบบเต็มตา ลายกราฟิตี้ และภาพสกรีนช็อตความละเอียดสูงจากในเกมที่อาจไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน มีขนาดรวมถึง 4GB ดาวน์โหลดได้ฟรี ถึง 4 กรกฎาคมนี้ วิธีโหลดคือต้องสมัครสมาชิก GOG.com และล็อกอินก่อน จากนั้นจึงคลิกที่ปุ่ม Get it FREE บนแบนเนอร์ ด้านบนสุดของเว็บไซต์ GOG และจะสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้จาก Library ของแอคเคาท์นั้น เหมือนดาวน์โหลดเกมจาก GOG ที่มา - GOG Twitter
# จีนส่งดาวเทียม BeiDou คู่แข่งระบบ GPS ครบ 30 ดวง ใช้งานได้ครอบคลุมทั่วโลกแล้ว BeiDou (เป่ยโตว ไม่ใช่ ไป่ตู้) เป็นเครือข่ายดาวเทียมระบุพิกัดของประเทศจีน สร้างมาใช้ทดแทนระบบ GPS ที่เป็นเป็นระบบระบุพิกัดที่รัฐบาลสหรัฐเป็นเจ้าของ รัฐบาลจีนพยายามพัฒนาเครือข่ายดาวเทียมระบุพิกัดของตัวเองมาตั้งแต่ปี 1990 เพื่อให้ใช้งานได้แม้เกิดข้อพิพาทกับสหรัฐ และเป็นการขยายการครอบคลุมของเทคโนโลยีจีนไปทั่วโลกอีกด้วย จีนเริ่มส่งดาวเทียมชุดแรกของเครือข่าย BeiDou ในปี 2000 มีระยะครอบคลุมแค่ในประเทศจีน ชุดที่สอง ในปี 2012 ใช้งานได้ในภาคทวีปเอเชียแปซิฟิก และล่าสุดชุด BeiDou-3 ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2015 ก็ส่งดาวเทียมดวงสุดท้ายสำเร็จ ทำให้มีดาวเทียมในเครือข่ายครบ 30 ดวง และมีพื้นที่ใช้งานครอบคลุมทั่วโลกแล้ว หลังกำหนดการรอบแรกถูกเลื่อนไปเนื่องจาก “ปัญหาขัดข้องทางเทคนิค” เมื่อกลางเดือน ปัจจุบัน สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เรือธง เช่น Samsung Galaxy S20 และสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ 5G จากแบรนด์จีน เช่น Huawei, Xiaomi และ OnePlus รองรับ BeiDou หมดแล้ว และจะถูกรวมอยู่ในระบบระบุตำแหน่งบนแผนที่กับ GPS, GLONASS และระบบอื่นโดยอัตโนมัติ ส่วน iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max ยังไม่รองรับระบบนี้ ที่มา - CNBC
# ฟีเจอร์ใหม่กูเกิลบนมือถือ แตะที่ไอคอนโปรไฟล์ค้าง เพื่อใช้ Incognito mode ได้ กูเกิลเปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่ ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ Incognito mode บนมือถือได้ง่ายขึ้น ด้วยการแตะค้างที่ไอคอนรูปโปรไฟล์ด้านขวาบนก็สามารถเข้าโหมดค้นหาแบบไม่ระบุตัวตนได้ ใช้งานฟีเจอร์แตะค้างได้ทั้งบนแอป Google Search, Maps และ YouTube เบื้องต้นสามารถใช้งานได้เฉพาะกูเกิลบน iOS ก่อนจะขยายไปยังผู้ใช้งานแอนดรอยด์ และจะเปิดใช้งานในแอปอื่นๆ ของกูเกิลด้วย ที่มา - กูเกิล
# แจกเกมฟรีได้ผล Epic Games มีผู้ใช้พร้อมกัน 13 ล้านคน เกินครึ่งหนึงของ Steam แล้ว หลัง Epic Games Store แจก GTA:V และเกมดังอื่นๆ เช่น Civilization 6, Borderlands: The Handsome Collection, และ Ark: Survival Evolved สร้างความฮือฮาในหมู่เกมเมอร์ทั่วโลกไม่น้อย แคมเปญนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ โดย Epic แถลงว่าทำให้มีผู้ใช้งานพร้อมกันสูงสุดถึง 13 ล้านคน และมียอดผู้ใช้งานรายเดือน ถึง 61 ล้านคนแล้ว แม้ยอดผู้ใช้งานสูงสุด เพิ่งทำได้ประมาณครึ่งหนึ่งของสถิติ 24.5 ล้านคนของ Steam และตามอยู่ประมาณ 34 ล้านคน ในด้านผู้ใช้งานรายเดือน ซึ่ง Steam มีเกือบถึง 95 ล้านคนในปีที่แล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นของบริการเกมสโตร์ ที่เพิ่งเปิดมาได้ประมาณ 2 ปี นอกจากนี้ Tim Sweeney ยังให้สัมภาษณ์กับ PC Gamer ไปเมื่อเดือนที่แล้ว ว่าปัจจุบัน Epic Games Store ดึงส่วนแบ่งตลาดร้านขายเกมออนไลน์มาได้ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์แล้วอีกด้วย ที่มา - PC Gamer
# กูเกิลตั้งลบกิจกรรมออนไลน์, สถานที่ ให้ผู้ใช้รายใหม่เป็นค่าตั้งต้น กูเกิลเปิดใช้งานฟีเจอร์ลบประวัติการค้นหา, กิจกรรมออนไลน์ และประวัติสถานที่ที่เคยไปให้อัตโนมัติ หรือ auto-delete มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้ลบอัตโนมัติภายใน 3 เดือน, 18 เดือน ล่าสุดกูเกิลประกาศว่าผู้ใข้งานรายใหม่ จะได้ใช้ฟีเจอร์ auto-delete ลบข้อมูลให้หลังเวลาผ่านไป 18 เดือนเป็นค่าตั้งต้นเลย ไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าเอง ด้านประวัติกิจกรรมออนไลน์บน YouTube ทางกูเกิลตั้งลบให้ผู้ใช้งานรายใหม่ หรือผู้ใช้ที่เพิ่งสร้างบัญชีใน YouTube เมื่อเวลาผ่านไป 36 เดือน ที่มา - กูเกิล
# Amazon Honeycode บริการสร้างแอพจากสเปรดชีตแนว VBA แต่ไม่ต้องเขียนโค้ดเลย AWS เปิดตัว Amazon Honeycode บริการสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันง่ายๆ ที่มักใช้บ่อยในฝั่งธุรกิจ ผ่านอินเทอร์เฟซแบบลากแล้ววาง โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว ("ง่ายเหมือนกินน้ำผึ้ง" ประโยคที่ AWS ไม่ได้กล่าวไว้) Amazon Honeycode จับตลาดการพัฒนาโปรแกรมแบบง่ายๆ (No-Code หรือ Low-code) ที่องค์กรมักต้องสร้างแอปพลิเคชันตอบโจทย์การใช้งานภายใน ดึงข้อมูลจากไฟล์สเปรดชีต ทำฟอร์มผ่านหน้าเว็บ ให้หัวหน้าอนุมัติเอกสาร ฯลฯ (หรือเรียกง่ายๆ คืองานที่เคยเขียนด้วย VBA ในอดีตนั่นเอง) Honeycode เน้นกลุ่มผู้ใช้ที่มีประสบการณ์จากสเปรดชีต จึงออกแบบ UI ให้คล้ายกับการใช้สเปรดชีตมากที่สุด รองรับการนำเข้าข้อมูลแบบ CSV, มีเทมเพลตมาตรฐานสำหรับแอพที่ใช้งานบ่อยๆ (เช่น แบบสำรวจภายในองค์กร ตารางจดสินค้าคงคลัง การอนุมัติใบสั่งซื้อหรือ PO) โดยเป็นบริการแบบ SaaS ที่ผู้ใช้ไม่ต้องสนใจระบบเบื้องหลัง เพราะ AWS จัดการให้ทั้งหมด ฟีเจอร์ของหน้าจอออกแบบแอพจะคล้ายกับ IDE ยุคปัจจุบันที่มีระบบลากฟอร์มไปวาง มีระบบ automation ให้ทำงานอัตโนมัติตามเงือนไขที่กำหนด แอพที่พัฒนาจาก Honeycode สามารถเป็นได้ทั้งเว็บแอพ (พร้อมระบบตรวจสอบตัวตนเพื่อนร่วมงาน) หรือบนอุปกรณ์พกพา Android/iOS โดยผู้ใช้ต้องติดตั้งแอพ Honeycode Player ก่อนแล้วค่อยเปิดเข้ามายังแอพขององค์กร (แก้ปัญหาเรื่องการแจกจ่ายแอพผ่าน Play Store/App Store ที่มีข้อจำกัดเยอะ) ตัวอย่างหน้าตาแอพ Tasks แบบง่ายๆ ที่สร้างด้วย Honeycode Honeycode คิดราคาตามจำนวนแถว (row) ของข้อมูล โดยรุ่นทดลองใช้ฟรี จำกัดข้อมูลที่ 2,500 แถว และเพื่อนร่วมงาน 20 คน รุ่นถัดมาคิดราคา 19.99 ดอลลาร์ต่อเดือน รองรับข้อมูล 10,000 แถว เพื่อนร่วมงาน 20 คน (ถ้าต้องการเพิ่ม จ่ายเพิ่ม 9.99 ดอลลาร์ต่อคน) คู่แข่งของ AWS มีบริการแบบ No-Code ลักษณะคล้ายๆ กันอยู่ก่อนแล้วคือ Google AppSheet และ Microsoft Power Apps ที่มา - AWS Blog
# SCB 10X เปิดตัว PartyHaan ปาร์ตี้หาร แอปช่วยหาคนหารค่าสินค้า, บริการ, เครื่องดื่ม เพิ่มเนื้อหาประเด็นหารบริการที่อาจผิดกฎท้ายข่าว SCB 10X บริษัทเทคภายในเครือ SCB ออกแอปพลิเคชั่นใหม่ PartyHaan (ปาร์ตี้หาร) เป็นแอปช่วยให้ผู้ใช้งานหาคนมาช่วยหารค่าสินค้าโปรโมชั่นได้ เข่น สินค้า 1 แถม 1, หาคนหารโปรโมชั่นเครื่องดื่ม, กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร หัวหน้าทีมนวัตกรรม SCB10X ระบุว่า PartyHaan เป็นโปรเจกต์ที่คิดค้นโดยคนรุ่นใหม่ในทีม SCB10X และชนะรางวัลในเวที LINE Hackathon มา ล่าสุดมีการพัฒนาต่อยอดเป็นแอปพลิเคชั่นและเปิดให้ดาวน์โหลดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้มียอดผู้ใช้งาน 3 หมื่นราย และมีผู้ใช้งานแอคทีฟรายสัปดาห์ราว 8,000 ราย เมื่อเข้าใช้งานแอป จะเห็นว่าผู้ใช้งานสามารถเลือกสินค้าบริการหรือปาร์ตี้ที่อยากร่วมหารได้ เช่น หมวดร้านอาหาร, หมวดท่องเที่ยว, หมวดซอฟต์แวร์, หมวดเดินทาง, หมวดคอร์สเรียน ผู้ใช้งานสามารถสร้างโพสต์เพื่อให้เพื่อนมาร่วมหารสินค้าบริการได้ด้วยเช่นกัน เริ่มจากกดสร้างโพสต์ ระบุรายละเอียดสินค้า ใส่รูปภาพสินค้า ระบุราคาที่คนมาเข้าร่วมหารจะต้องจ่าย ระบุพิกัดสถานที่ที่คนมาร่วมหารต้องมารับสินค้า (เช่น หารกาแฟ 1 แถม 1 ต้องไปรับกาแฟที่ร้าน) ระบุบัญชีธนาคารที่รับเงิน (สามารถใส่ได้ทุกธนาคาร) คนเข้าร่วมหารสามารถแชทไปคุยรายละเอียดกับคนสร้างโพสต์เพิ่มเติมได้ด้วย สำหรับคนเข้าร่วมหาร เมื่อเข้าที่หน้าหลักของแอปจะเห็นโพสต์ขึ้นไอคอนสีเขียว แปะป้าย "ว่าง" เป็นการแสดงให้รู้ว่ายังเปิดให้เข้าร่วมหารได้ ในกรณีที่โพสต์นั้นรับคนหารเต็มจำนวนคนแล้วจะขึ้นไอคอนสีแดงเขียนว่า "เต็ม" เมื่อกดเข้าร่วมหาร และกดยืนยันโอนเงิน เงินจะยังคงถูกเก็บไว้ที่ระบบกลางของแอปพลิเคชั่นก่อน เมื่อกดยืนยันรับสินค้าแล้ว ระบบจึงจะโอนเงินให้คนสร้างโพสต์ภายใน 72 ชั่วโมงทำการ ทางผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น PartyHaan ระบุว่า กลุ่มผู้ใช้งานเป็นผู้หญิง 85% และส่วนใหญ่ของผู้ใช้งานทั้งหมดมีอายุระหว่าง 15-24 ปี จนถึงตอนนี้ PartyHaan ยังไม่มีโมเดลสร้างรายได้เพิ่มเติม แต่อนาคตมีความเป็นไปได้สองทางคือ เก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจากคนเข้าร่วมหารบริการสินค้า และเก็บค่าโฆษณาจากแบรนด์ร้านค้าต่างๆ นอกจากนี้ยังเห็นความเป็นไปได้ที่จะต่อยอดเป็นมาร์เกตเพลสต่อไปด้วย ทางผู้พัฒนาระบุด้วยว่า ระบบเปิดให้ผู้ใช้รายงานเข้ามาได้ กรณีพบเจอสินค้าบริการที่อาจผิดกฎหมาย ทางผู้พัฒนาแอประบุว่า ในกรณีที่ผู้ใช้หาคนหารสตรีมมิ่ง ทางแพลตฟอร์มจะถือว่าเป็นการผิดกฎและจะดำเนินการระงับบัญชีในที่สุด
# อดีตวิศวกร Intel เผย สารพัดปัญหาของ Skylake เป็นเหตุที่แอปเปิลหันไปใช้ชิป ARM หนึ่งในข่าวใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในวงการนักพัฒนาคือการย้ายสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ของแอปเปิลจาก x86 ไป ARM ซึ่งก็มีการคาดการณ์กันไปว่า เพราะแอปเปิลต้องการรวมแพลตฟอร์มและสถาปัตยกรรมของทั้ง iPhone/iPad และ MacBook ให้ไปในทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม François Piednoël อดีตวิศวกรของ Intel ให้สัมภาษณ์กับ PCGamer เผยว่าหนึ่งในสาเหตุที่แอปเปิลเปลี่ยนไปใช้ ARM เพราะปัญหาเรื่องคุณภาพที่เกิดขึ้นกับซีพียูสถาปัตยกรรม Skylake ของ Intel (Comet Lake เป็น Skylake รุ่นที่ 4) ที่แอปเปิลต้องคอยแก้ เลยเป็นเหมือนฟางที่ค่อย ๆ ขาดในมุมของแอปเปิล โดย Piednoël ใช้คำว่า Skylake นั้นแย่แบบผิดปกติ (abnormally bad) ขณะที่แอปเปิลก็เป็น OEM ที่ยื่นเรื่องว่าเจอปัญหาเยอะที่สุดด้วย ที่มา - PCGamer
# AIS เตรียมขยาย 5G SA ครอบคลุมกรุงเทพ เดือนกรกฎาคม, ทั้งประเทศภายในเดือนสิงหาคมนี้ ในงานแถลงข่าวแบบออนไลน์ AIS 5G Forging Thailand’s Recovery นี้ AIS อัพเดตการพัฒนาโครงข่าย 5G เน้นที่การพัฒนาคลื่น 3600Mhz ที่ซัพพอร์ต 4G และ 5G ร่วมกันก่อน และจะพัฒนาการใช้งานคลื่น 900MHz 1800Mhz และ 2100MHz ตามมาในอนาคต AIS เปิดเผยว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ของโลกที่ใช้เทคโนโลยี 5G แบบ Dual Mode SA/NSA ที่สามารถใช้งานระบบผสมผสานระหว่าง เครือข่าย 5G แบบแยกเดี่ยว (Stand Alone) และเครือข่าย 5G ที่ทำงานร่วมกับ 4G (None Stand Alone) เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ผนวกกับระบบ 5G Network Slicing ที่สามารถสร้างเครือข่ายเสมือนแยกย่อยจากเครือข่ายหลักได้ เพื่อแยกประเภทการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น เครือข่ายมือถือ, เครือข่ายสำหรับการใช้งาน AR/VR, เครือข่าย IoT, เครือข่ายสำหรับยานพาหนะอัตโนมัติ และเครือข่ายสำหรับการแพทย์ หรืออุตสาหกรรม ปัจจุบัน AIS มีเสาสัญญาณ 5G ครบทั้ง 77 จังหวัดกว่า 3,700 จุดแล้ว แต่มีเฉพาะในเขตตัวเมือง สถานที่สำคัญ และเขตที่มีการใช้ 4G หนาแน่นเท่านั้น หลังจากนี้จะขยายให้ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ภายในเดือนกรกฎาคม และจะครอบคลุมทั่วประเทศไทยภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่เสาสัญญาณ 4,700 จุด เข้าถึงประชากร 13% ของประเทศ และ 50% ของประชากรในกรุงเทพภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ AIS ยังจับมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤต COVID-19 ทั้งภาคสาธารณสุข ด้วยเทคโนโลยี Telemedicine เทคโนโลยี AI CT Scan เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจพบโรค COVID-19 ในผู้ป่วย ภาคอุตสาหกรรม โฟกัสการพัฒนาในเขต EEC โดยจะจับมือกับ อมตะ คอร์ปอเรชัน, สหพัฒนา อินเตอร์โฮลดิ้ง และกลุ่ม WHA ในภาคพื้นดินด้วยเทคโนโลยี 5G Smart City รวมไปถึงในภาคพื้นอากาศกับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น ด้วยเทคโนโลยี 5G Smart Airport ภาคการค้าปลีก จับมือกับกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล สร้าง 5G Smart Retail และในภาค Multimedia ก็เตรียมสร้าง AR/VR Content ส่งเสริมการท่องเทียว Unseen Thailand และจะมี สตูดิโอ VR คือ Next Reality Studio ซึ่งเป็นสตูดิโอ AR/VR แห่งแรกของประเทศไทย เพื่อผลิตคอนเทนต์ VR อื่นๆ AIS ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมเทคโนโลยี 5G เข้ากับการพัฒนาแบบยั่งยืน สร้าง SDG Lab (Sustainable Development Goals) เพื่อการพัฒนา สิ่งแวดล้อม การเกษตร และพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ในอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี หรือสวนป๋วย ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตอีกด้วย ที่มา - AIS 5G Forging Thailand’s Recovery
# อดีตบอส PlayStation เผยโมเดลทำเกม AAA ไม่ยั่งยืนเพราะต้นทุนแพงแต่ราคาขายเท่าเดิม คนเล่นเกมจะอาจจะตั้งตารอเกมระดับ AAA ที่มีออกมาอยู่เรื่อย ๆ ในแต่ละปี แต่ทว่า Shawn Layden อดีตบอสใหญ่สตูดิโอเกมของ PlayStation ที่ลาออกเมื่อปีที่แล้ว กลับมองว่าโมเดลการทำเกม AAA ของสตูดิโอเกมกลับไม่น่าไม่ยั่งยืนเท่าไหร่นัก Layden ให้อธิบายว่าต้นทุนการทำเกมมีแต่จะแพงมากขึ้นเรื่อย ๆ และใช้ระยะเวลานานขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละยุคของคอนโซล โดยต้นทุนเฉลี่ยของเกม AAA ปัจจุบันจะอยู่ที่ราว 80 ล้านถึง 150 ล้านเหรียญ ไม่รวมงบการตลาด ขณะที่ระยะเวลาในการผลิตอาจสูงถึง 5 ปี อย่างไรก็ตามปัจจัยที่เขามองว่าการทำเกม AAA จะไม่ยั่งยืน ไม่ใช่เรื่องของต้นทุน ขนาดทีมหรือระยะเวลา แต่เป็นราคาขายเกมที่แทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยและ Layden ก็มองว่าโอกาสที่ราคาขายปลีกจะปรับขึ้นก็ต่ำมาก ๆ เพราะเกมเมอร์น่าจะต่อต้านและอ่อนไหวอยู่ไม่น้อย Layden ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มากว่า 25 ปีบอกว่ามันเป็นหนึ่งในความแปลกประหลาดของวงการเกม ไม่ว่าต้นทุนจะขึ้นไปแค่ไหน แต่ราคาขายดันเท่าเดิมที่ 59.99 เหรียญมาโดยตลอดตั้งแต่เขาเข้าสู่อุตสาหกรรมเกม (ในไทยก็ราว ๆ 1,800 - 2,000 บาท) และหากอุตสาหกรรมยังหาจุดลงตัวระหว่างต้นทุนและราคาขายที่สมดุลไม่ได้ โมเดลการทำเกมแบบนี้ก็จะยากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มา - GameIndustry Shawn Layden ภาพจาก Wikipedia (เผยแพร่ด้วยสัญญาอนุญาต CC 3.0)
# เปิดตัวโปรแกรม PlayStation Bug Bounty ช่องโหว่ระดับวิกฤติ เงินรางวัลเริ่ม 50,000 เหรียญ Sony Interactive Entertainment บริษัทแม่ของ PlayStation ประกาศเปิดตัวโครงการ PlayStation Bug Bounty ร่วมกับ HackerOne ให้นักวิจัยและแฮกเกอร์หมวกขาวค้นหาและรายงานช่องโหว่ความปลอดภัยบน PSN และ PlayStation 4 เงินรางวัลของ PlayStation Bug Bounty จากช่องโหว่ระดับวิกฤติเริ่มที่ 50,000 เหรียญ โดยโซนี่ระบุว่ารันโปรแกรม Bug Bounty เป็นการภายในกับนักวิจัยมาแล้วระยะหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดโครงการเป็นสาธารณะ รายละเอียดอื่น ๆ รวมถึงช่องทางการส่งรายงานสามารถดูได้จากหน้า HackerOne ที่มา - PlayStation Blog
# Huawei Pay เปิดบริการในไทยแล้ว ใช้ได้กับจุดจ่ายเงินที่รับ UnionPay Huawei Pay บริการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนยี่ห้อ Huawei และ Honor เปิดบริการในไทยอย่างเป็นทางการ หลังประกาศบุกตลาดนอกจีนมาตั้งแต่ปี 2018 พาร์ทเนอร์ของ Huawei Pay คือบริษัทด้านการเงินของจีน ทั้งธนาคาร ICBC และบริการบัตรเครดิต UnionPay นั่นแปลว่าร้านค้าในไทยที่รับการจ่ายเงินด้วย UnionPay จะรองรับการจ่ายด้วย Huawei Pay ด้วย (ทั้งแบบ NFC และ QR code) ตัวอย่างร้านค้าในไทยที่รองรับ Huawei Pay ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า: Central, Emporium, Emquartier, The Mall, Siam Paragon, Siam Takashimaya ร้านค้า: บุญถาวร (บางสาขา), Boots, Jaymart, King Power, Mr. DIY, หอแว่น (บางสาขา), HARNN, The Face Shop, Beauty Buffet, Beauty Cottage ร้านสะดวกซื้อ: Lemon Farm ซูเปอร์มาร์เก็ต: Gourmet Market ร้านอาหาร: S&P (บางสาขา), Sushi Hiro, Santa Fe, Jeffer Steak, Wavee Coffee, Shakariki 432, Neo Suki โรงภาพยนตร์: Major Cineplex
# AWS Outpost คลาวด์ตั้งในองค์กรขายในไทยแล้ว ราคาเริ่มต้น 7.7 ล้านบาท Amazon ประกาศเพิ่มประเทศที่ให้บริการ AWS Outpost เซิร์ฟเวอร์คลาวด์สำหรับติดตั้งในองค์กรเพิ่มขึ้นอีก 9 ประเทศ จากเดิมที่จำกัดประเทศที่ใช้งานได้ต้องเป็นประเทศที่มีศูนย์ข้อมูล AWS อยู่เท่านั้น โดยเพิ่ม บราซิล, อินเดีย, อิสราเอล, มาเลเซีย, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, แอฟริกาใต้, ไต้หวัน, และไทย ตรงตามที่ AWS ประเทศไทยเคยระบุมาก่อนหน้านี้ ตัว Outpost เป็นตู้เซิร์ฟเวอร์สำเร็จรูปที่จัดการภายในโดย AWS ทั้งหมด สำหรับองค์กรที่มีเงื่อนไขด้าน latency หรือติดกฎการคงข้อมูลไว้ในประเทศ แต่กระบวนการจัดการนั้นต้องเปิดทางให้ทาง AWS เข้าไปจัดการได้ และการสั่งงานต้องผ่านทางคอนโซลของ AWS อยู่ดี ตัวเครื่องเริ่มต้นที่ m5.12xlarge (ซีพียู 48 คอร์ แรม 192GB) จำนวน 4 เครื่อง พร้อมสตอเรจขนาด 2.7TB ราคาแบบจ่ายครั้งเดียวในประเทศไทย 249,109.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7.7 ล้านบาท ไล่ไปจนถึง r5d.24xlarge จำนวน 10 เครื่อง พร้อมสตอเรจ 11TB ราคา 1,581,161.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 49 ล้านบาท โดยราคาจะต่างกันไปตามแต่ละประเทศ และมีตัวเลือกจ่ายรายเดือนทั้งหมดหรือจ่ายรายเดือนครึ่งเดียว ลำพังตัวเซิร์ฟเวอร์ Outpost เองอาจจะไม่ได้ประโยชน์มากนัก แต่เมื่อติดตั้งแล้วจะทำให้องค์กรสามารถใช้บริการอื่น เช่น แพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์ (ECS/EKS), ระบบฐานข้อมูล RDS, หรือระบบวิเคราะห์ข้อมูล EMR ได้จากในศูนย์ข้อมูลขององค์กรเอง โดยบริการเหล่านี้ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไป ที่มา - AWS
# NVIDIA ออกไดรเวอร์ GeForce รองรับ DirectX 12 Ultimate เป็นเจ้าแรกบนพีซี ข่าวสำคัญของแวดวงกราฟิกปีนี้คือ DirectX 12 Ultimate ที่เป็น API กราฟิกเดียวกันของทั้ง Xbox Series X และพีซี (เริ่มใช้ใน Windows 10 v2004 ที่ออกเดือนที่แล้ว) ล่าสุด NVIDIA ออกไดรเวอร์ GeForce Game Ready เวอร์ชัน 451.48 ที่รองรับ DirectX 12 Ultimate เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นจีพียูค่ายแรกที่รองรับ DX12 Ultimate อย่างเป็นทางการ ฟีเจอร์ใหม่ของ DX12 Ultimate ได้แก่ Ray Tracing, Variable Rate Shading, Mesh Shading, Sampler Feedback ซึ่งแน่นอนว่ากว่าเราจะได้ใช้ DX12 Ultimate กันจริงจัง ก็ต้องรอเกมชุดใหม่ที่พัฒนาด้วย DX12 Ultimate ที่จะเปิดตัวพร้อม Xbox Series X ในช่วงปลายปีนี้ ของใหม่อื่นๆ ในไดรเวอร์ 451.48 รองรับฟีเจอร์ GPU scheduling ของ Windows 10 v2004 ช่วยลด latency ของ GPU รองรับ Vulkan 1.2 รองรับมอนิเตอร์ G-Sync รุ่นใหม่ๆ จากหลายแบรนด์ เช่น Samsung, LG, AOC, ASUS, Lenovo ปรับแต่งรองรับเกมใหม่ๆ เช่น Command & Conquer Remastered, Outer Wilds, Mafia II ฝั่ง AMD ก็ประกาศรองรับ DirectX 12 Ultimate ตอนงานเปิดตัวเช่นกัน และน่าจะอัพเดตไดรเวอร์ในเร็วๆ นี้ ที่มา - NVIDIA
# หลุดเอกสารไมโครซอฟท์ ระบุชื่อ Lockhart หรือ Xbox Series S รุ่นล่างของ Series X ตอนนี้เราเห็นข้อมูลของ Xbox Series X กันมาเกือบหมดแล้ว (ยกเว้นราคา) แต่ทุกคนก็คาดกันว่า ไมโครซอฟท์จะออก Xbox รุ่นถูกที่เรียกชื่อกันเล่นๆ ว่า Xbox Series S หรือโค้ดเนม Lockhart ที่มีข่าวอยู่เรื่อยๆ (ไมโครซอฟท์ไม่เคยยอมรับหรือปฏิเสธข่าวนี้ตรงๆ) ล่าสุดมีคนไปพบการอ้างอิงชื่อ Lockhart ในเอกสารของ Microsoft Game Development Kit (GDK) ของไมโครซอฟท์สำหรับพัฒนาเกมบน Xbox โดยชื่อ Lockhart เป็นหนึ่งใน profile mode ที่ใช้รันเกม (เอกสารเป็นเวอร์ชันเดือนมิถุนายน 2020) ในเอกสารของระบุว่าเกมที่สร้างด้วย GDK สามารถรันทดสอบกับคอนโซลได้ 3 โหมดคือ Xbox One S Xbox One X (ที่รองรับโหมด Xbox One S ด้วย) Scarlett (โค้ดเนมของ Xbox รุ่นหน้าทั้งซีรีส์) โดยแบ่งเป็น Anaconda Profile (หมายถึง Xbox Series X) และ Lockhart Profile ข้อมูลนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราเห็นการอ้างอิงชื่อ Lockhart หลุดออกมาสู่สาธารณะ และแสดงให้เห็นว่าโครงการ Scarlett ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ 2 ระดับจริงๆ (Anaconda กับ Lockhart) ในเอกสารยังระบุคำเตือนว่า GPU อาจทำงานในโหมด Lockhart ไม่ได้หากเกมใช้แรมเกินกำหนด สะท้อนให้เห็นว่า Lockhart จะสเปกต่ำกว่า Anaconda นั่นเอง ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า ไมโครซอฟท์หยุดพัฒนา Lockhart ไปแล้ว (และข่าวว่ากลับมาทำต่อ) การอ้างอิงชื่อ Lockhart ในเอกสารเวอร์ชันล่าสุดถือเป็นหลักฐานว่า Lockhart ยังอยู่ (แต่ก็ยังมีโอกาสไม่ถูกวางขายจริงอยู่ดี) ที่มา - Windows Central
# Amazon ตั้งกองทุน Climate Pledge Fund 6 หมื่นล้านบาท ลงทุนบริษัทเพื่อสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา Amazon ประกาศทุ่มงบ 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท) จัดตั้งกองทุน The Climate Pledge Fund เพื่อลงทุนในบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนผ่านโลกไปสู่การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การก่อตั้งกองทุนในครั้งนี้ต่อยอดจากโครงการ The Climate Pledge ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือ ให้บริษัทที่เข้าร่วมโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2040 (เร็วกว่าข้อตกลงในสนธิสัญญาปารีส 10 ปี) Amazon เองยังตั้งเป้าใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ 100% ภายในปี 2025 (เร็วกว่าแผนการเดิมถึง 5 ปี) ปัจจุบัน Amazon มีโครงการพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 91 โครงการ โดยเป็นโครงการพลังงานลมและแสงอาทิตย์ 31 โครงการ และโครงการหลังคาโซลาร์อีก 60 โครงการ สามารถผลิตไฟฟ้าให้ได้กว่า 680,000 ครัวเรือน นอกจากนี้ Amazon ยังจะจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับขนส่งสินค้าจาก Rivian 100,000 คัน โดยจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2021 ก่อนหน้านี้ Jeff Bezos ซีอีโอของบริษัทบริจาคทรัพย์สินส่วนตัว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จัดตั้งกองทุน Earth Fund เพื่อแก้ปัญหาสภาพอากาศ ที่มา - Amazon
# ซีอีโอ EA บอกจะลุยทำเกม Star Wars มากขึ้น หลังประสบความสำเร็จเรื่องรายได้ Andrew Wilson ซีอีโอของ EA ระบุว่าบริษัทจะทุ่มกำลัง (ใช้คำว่า double down) กับเกมตระกูล Star Wars อย่างเต็มที่ หลังความสำเร็จของเกม Star Wars ในช่วงหลังๆ Wilson ระบุว่า Star Wars: Battlefront ภาค 1-2 ถือเป็นเกม Star Wars ของ EA ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด มียอดขายรวมกัน 35 ล้านชุด, Star Wars Jedi Fallen Order ยอดขาย 10 ล้านชุด ส่วนเกมมือถือ Star Wars: Galaxy of Heroes ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก (extraordinary) EA เคยถูกวิจารณ์ว่า ได้สิทธิ์ทำเกม Star Wars แต่ผู้เดียวจาก Disney มาตั้งแต่ปี 2013 เป็นเวลา 10 ปี แต่กลับใช้สิทธินี้ไม่ค่อยคุ้มในช่วงแรกๆ เพราะโครงการเกมหลายตัวล้มเหลว (เช่น เกมของ Visceral ที่ถึงขั้นต้องปิดสตูดิโอ ส่วนเกมเรือธงคือ Battlefront ก็โดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่อง Loot Box เกม Star Wars ทั้งหมดของ EA (รวม The Old Republic ของ BioWare ที่ทำก่อนสัญญาปี 2013) ล่าสุด EA เพิ่งเปิดตัว Star Wars Squadrons เกมขับยานรบที่จะขายในเดือนตุลาคมนี้ โดย Wilson บอกว่าตลาดของ Squadrons จะเล็กกว่า Battlefront หรือ Jedi Fallen Order แต่เขาก็มั่นใจในยุทธศาสตร์เกม Star Wars ของ EA ที่เน้นความหลากหลายของรูปแบบเกม และความหลากหลายของแพลตฟอร์ม Wilson ยังชื่นชม Disney/Lucasfilm ที่ทยอยออกภาพยนตร์-ซีรีส์ Star Wars ชุดใหม่มาต่อเนื่อง ช่วยฐานแฟนรุ่นใหม่ๆ ที่จะกลายมาเป็นลูกค้าเกมของ EA เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ Blake Jorgensen ซีเอฟโอของ EA ที่พูดในงานเดียวกัน เสริมประเด็นว่า EA ยังมีสิทธิพิเศษ สามารถสร้างตัวละครหรือเรื่องราวใหม่ๆ ในจักรวาล Star Wars ได้เอง (โดยไม่ต้องอิงจากภาพยนตร์ของ Disney/Lucasfilm) ตัวอย่างเช่น Jedi Fallen Order ที่มีตัวละครใหม่ทั้งหมด หรือ Squadrons ที่เป็นการจับเนื้อเรื่องของ Star Wars ที่ไม่เคยปรากฏในภาพยนตร์หรือซีรีส์มาก่อน ที่มา - Gamespot
# Tencent ยืนยันเข้าซื้อกิจการ iFlix ใช้ขยายฐานบริการ WeTV ในเอเชียอาคเนย์ ต่อเนื่องจากที่มีรายงานว่า iFlix กำลังประสบปัญหาการเงิน ล่าสุดทุนใหญ่จากจีนอย่าง Tencent ประกาศซื้อกิจการ iFlix เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่า การซื้อกิจการ iFlix ก็เพื่อใช้เป็นฐานขยายตลาดของ WeTV บริการสตรีมมิ่งของ Tencent ที่ให้บริการนอกจีน โดยต่อยอดจากเทคโนโลยี เครือข่ายลูกค้ากว่า 25 ล้านคนและคอนเทนท์ของ iFlix ที่มีและเคยให้บริการเอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งจากแถลงของโฆษก Tencent ก็คาดว่าน่าจะใช้ชื่อ WeTV ทำตลาดในภูมิภาคนี้ไปเลย ที่มา - Campaign Asia ภาพจาก Shutterstock
# หัวหน้าครีเอทีฟเกม Assassin's Creed Valhalla ลาออก เพราะปัญหาครอบครัว Ashraf Ismail หัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟของเกม Assassin's Creed Valhalla (รวมถึงเกมภาคก่อนๆ คือ Black Flag และ Origins) ประกาศลาออกจากโครงการพัฒนา Valhalla (แต่ยังไม่ลาออกจาก Ubisoft) ด้วยปัญหาชีวิตส่วนตัว เขาโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่าตอนนี้ครอบครัวเขาแตกสลาย (The lives of my family and my own are shattered) และขอโทษทุกคนในเรื่องนี้ รวมถึงขอให้ทีมงาน Valhalla ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหา เดินหน้าต่อไปเต็มที่ (ภายหลังเขาลบบัญชีทวิตเตอร์ของตัวเองทิ้งไป) ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องแดงขึ้นมาว่า Ismail นอกใจภรรยา โดยโกหกผู้หญิงที่เดทด้วยว่าเขาไม่ได้แต่งงาน หลังเขาประกาศลงจากตำแหน่ง ต้นสังกัด Ubisoft ก็แถลงการณ์ว่าเขาหยุดพักงานชั่วคราว และบริษัทจะสอบสวนในเรื่องนี้ ที่มา - Eurogamer, IGN
# ไมโครซอฟท์บอกไม่ขายไลเซนส์ Windows 10 on ARM ให้ลูกค้าไปติดตั้งบน Mac จากประเด็น แอปเปิลย้าย Mac ไปสู่สถาปัตยกรรม ARM คำถามที่หลายคนสงสัยคือ Mac รุ่นใหม่จะยังลงวินโดวส์ได้หรือไม่ เว็บไซต์ The Verge สอบถามไมโครซอฟท์ในเรื่องนี้ และได้คำตอบว่าไมโครซอฟท์จะขายไลเซนส์ Windows 10 on ARM ให้กับผู้ผลิตพีซีแบบ OEM เท่านั้น (นั่นแปลว่าถ้าแอปเปิลจะขาย Mac แบบมี Windows 10 มาให้ก็สามารถทำได้ แต่ไมโครซอฟท์จะไม่ขาย Windows on ARM ให้คนทั่วไปมาติดตั้งเอง) The Verge ยังถามว่าไมโครซอฟท์จะรองรับ Boot Camp บน Mac สถาปัตยกรรม ARM หรือไม่ ซึ่งไมโครซอฟท์ตอบว่ายังไม่มีอะไรจะแถลงในตอนนี้ ที่มา - The Verge
# Slack เปิดตัว Slack Connect คุยงานข้ามบริษัทได้สูงสุด 20 แห่งภายใต้ channel เดียว Slack เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Slack Connect สำหรับให้ลูกค้าทำงานข้ามบริษัทได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วยการเชื่อมต่อ Slack ขององค์กรแต่ละแห่งเข้าด้วยกัน ซึ่งตอนนี้ฟีเจอร์ใหม่พร้อมให้ผู้ใช้ Slack แบบเสียเงินใช้งานแล้ว Slack Connect สามารถเชื่อมต่อองค์กรหลาย ๆ องค์กรเข้าใน channel เดียวกันได้สูงสุดถึง 20 องค์กร เหมาะสำหรับการคุยงาน, ส่งไฟล์ และแชร์นัดหมายปฏิทินร่วมกับลูกค้า, พาร์ทเนอร์ และเวนเดอร์ที่ทำงานร่วมกันโดยใช้ Slack เพียงบัญชีเดียว ซึ่ง Slack Connect ยังคงรักษาความปลอดภัยด้วยมาตรฐานของ Slack Slack ระบุว่า Slack Connect ช่วยแก้ปัญหา​การติดต่อระหว่างองค์กร จากเดิมที่จะติดต่อผ่านช่องทางภายนอกหรืออีเมลที่ควบคุมได้ยาก มาเป็นการติดต่อผ่าน Slack Connect ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของ Slack ที่ผู้ดูแลระบบสามารถมอนิเตอร์และควบคุมข้อมูลการสนทนาระหว่างองค์กรได้ ที่มา - Slack, Engadget ภาพจาก Slack
# บอสตันออกกฎห้ามหน่วยงานของเมืองและตำรวจใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า บอสตัน เมืองหลวงของรัฐแมสซาชูเซตส์ในสหรัฐฯ ออกกฎห้ามหน่วยงานของเมืองใช้งานระบบจดจำใบหน้าอย่างเป็นทางการ จากมติการลงคะแนนเป็นเอกฉันท์โดยสมาชิกสภาเมืองทั้งหมด 13 คน ตามกฎหมายของเมืองบอสตันนี้ คือกำหนดห้ามหน่วยงานของเมืองรวมถึงตำรวจใช้ระบบรู้จำใบหน้า ซึ่งรวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้จากบุคคลที่สามด้วย โดยจะมีข้อยกเว้นเฉพาะกรณีเกี่ยวกับอาชญากรรมบางกรณีเท่านั้น Michelle Wu หนึ่งในสมาชิกสภาเมืองบอสตันระบุว่า บอสตันไม่ควรจะใช้เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการแบ่งแยก ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวและสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้อาศัยในเมือง ปัจจุบัน ระบบรู้จำใบหน้ายังมีปัญหาเรื่องความแม่นยำขึ้นกับสีผิวอยู่มาก โดยงานวิจัยเมื่อ 2 ปีที่แล้วของ MIT พบว่าโปรแกรมรู้จำใบหน้าที่พร้อมใช้งานกันในเชิงพาณิชย์มีปัญหาเรื่องการระบุผู้หญิงผิวดำไม่แม่นยำมากถึง 34.7% ที่มา - ACLU Massachusetts, Engadget ภาพจาก Pixabay
# Apple ซื้อกิจการ Fleetsmith ผู้พัฒนาโซลูชัน MDM บน iPhone, iPad Fleetsmith ผู้พัฒนาโซลูชันสำหรับจัดการควบคุมอุปกรณ์แอปเปิล ให้กับลูกค้าระดับองค์กร (MDM - Mobile Device Management) ประกาศว่าแอปเปิลได้เข้าซื้อกิจการบริษัทแล้ว ซึ่งจากนี้ทีมงาน Fleetsmith จะเข้ามาร่วมพัฒนาโซลูชันสำหรับลูกค้าองค์กร ทั้งลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ในอนาคต ผ่านแอปเปิล ที่ผ่านมาลูกค้าระดับองค์กรมีการใช้งานอุปกรณ์ของแอปเปิลทั้ง iPhone, iPad และ Mac มากขึ้น แต่โซลูชัน MDM นั้นยังไม่มีที่มาจากแอปเปิลเองโดยตรง ดีลซื้อกิจการ Fleetsmith จึงเกิดขึ้น ที่มา: Fleetsmith ผ่าน 9to5Mac
# Apple เปิดเฟรมเวิร์ค Nearby Interaction ใน iOS 14 โทรศัพท์ชี้ทิศทางพร้อมบอกระยะของโทรศัพท์อีกเครื่องได้ Apple เปิดฟีเจอร์ Nearby Interaction ที่เป็นความสามารถในโทรศัพท์ที่มีชิป U1 ที่แอปเปิลใส่มาตั้งแต่ iPhone 11 (iPhone SE รุ่นใหม่ถูกตัดออก) ทำให้โทรศัพท์ที่มีชิป U1 นี้สามารถระบุทิศทางและระยะห่างของโทรศัพท์เครื่องอื่นๆ ที่มีชิปเหมือนกันได้ แนวทางการใช้งานฟีเจอร์นี้มีตั้งแต่การนัดพบกัน เช่น คนโดยสารกับรถแท็กซี่ที่สามารถหาตัวกันได้อย่างแม่นยำ หรือจะเป็นการระบุตัวเพื่อเล่นเกม AR เป็นต้น การใช้งานต้องขออนุญาตผู้ใช้ล่วงหน้าและใช้งานได้เฉพาะขณะแอปรันอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น โดยสามารถจับตำแหน่งของอุปกรณ์ได้หลายตัวพร้อมๆ กัน ฟีเจอร์ใช้งานได้ใน iOS 14 และเริ่มพัฒนาแอปด้วย Xcode 12 ได้แล้ว โดยมีตัวจำลองความใกล้ไกลมาให้ใน Xcode เลย ที่มา - MacRumors
# Perl ประกาศปรับเลขรุ่นเป็น Perl 7, เหมือน Perl 5.32 แต่ปิดฟีเจอร์เก่าทิ้ง Sawyer X หัวหน้าโครงการ Perl ประกาศโครงการ Perl 7 ที่เป็นเพียงการปิดฟีเจอร์จาก Perl 5.32 ที่เพิ่งออกมาเมื่อ 3 วันก่อน เพื่อบังคับให้โปรแกรมเมอร์หันมาใช้แนวทางการเขียนใหม่ๆ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการเตรียมการ แต่ฟีเจอร์ที่น่าจะหายไป เช่น indirect object notation, array หลายมิติปลอม, และโค้ดแบบ Perl 4 โดยก่อนหน้านี้ Perl มีแนวทางรักษาความเข้ากันได้กับโค้ดเก่าๆ มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งเป็นข้อดีที่โค้ดเก่าๆ ก็ยังคงทำงานกับ Perl เวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้ แต่ก็ทำให้โปรแกรมเมอร์สับสนกับโค้ดเก่าๆ โดย Perl 7 ยังคงทำงานร่วมกับโค้ดเก่าๆ ได้แต่จะต้องเปิดฟีเจอร์กลับขึ้นมาเอง สาเหตุที่ต้องข้าม จากเวอร์ชั่น 5 ไป 7 เพราะ Perl 6 นั้น พยายามยกเครื่องภาษาเสียใหม่แต่กลับทำให้ภาษาต่างกันออกไปจนแยกโครงการเป็น Raku ที่มา - Perl.com
# กูเกิลปรับนโยบายการเก็บประวัติพิกัดและการค้นหา จากนี้จะจำกัด 18 เดือนเป็นค่าเริ่มต้น, เข้าโหมด Incognito ง่ายขึ้น กูเกิลประกาศเปลี่ยนแนวทางการเก็บข้อมูลประวัติพิกัดและข้อมูลการใช้เว็บ โดยจะตั้งค่าเริ่มต้นเก็บข้อมูลไม่เกิน 18 เดือน จากเดิมค่าเริ่มต้นนั้นจะไม่มีการลบข้อมูลออกเลย แม้จะตั้งให้ลบข้อมูลเก่าเกิน 3 เดือน หรือ 18 เดือนได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว สำหรับผู้ใช้เดิมจะไม่เปลี่ยนค่าให้เองแต่จะเตือนให้ปรับคอนฟิกเสียใหม่ ข้อมูลสองประเภทที่เปลี่ยนค่าเริ่มต้นนี้ ได้แก่ Location History ที่รวมพิกัดของผู้ใช้จากบริการต่างๆ เช่น Google Maps และประวัติการการใช้เว็บ ซึ่งรวมถึงคำค้นหาที่เราค้นผ่านกูเกิล หรือแม้แต่ประวัติบนเว็บของผู้ให้บริการภายนอกที่ใช้บริการของกูเกิลด้วย YouTube เองก็สามารถตั้งให้ล้างประวัติอัตโนมัติได้เช่นกัน แต่กูเกิลยังคงไม่เปลี่ยนค่าเริ่มต้นในตอนนี้ และระบุว่ากำลังจะเปลี่ยให้ค่าเริ่มต้นกลายเป็นลบข้อมูลเก่าเกิน 36 เดือนโดยอัตโนมัติ โดยอธิบายเหตุผลที่ YouTube มีค่าเริ่มต้นนานกว่าเพราะข้อมูลยังมีประโยชน์กับผู้ใช้ในการแนะนำศิลปินที่อาจจะเพิ่งออกอัลบั้มใหม่ นอกจากการจำกัดการเก็บข้อมูลแล้วกูเกิลยังเปิดปรับหน้าจอของแอป Google Search บน Google Search, Maps, และ YouTube ได้ง่ายขึ้นด้วยการกดค้างภาพโปรไฟล์เท่านั้น และในอนาคตจะมีตัวเลือกให้อยู่ในโหมด Incognito ค้างไว้ได้ด้วย ที่มา - Google Blog
# Mastercard ซื้อกิจการ Fincity บริษัทฟินเทคด้านการวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน Mastercard ผู้ให้บริการเครือข่ายชำระเงินรายใหญ่ประกาศเข้าซื้อ Fincity บริษัทฟินเทคที่เชี่ยวชาญในด้านการวิเคราห์และจัดการข้อมูลด้านการเงิน ซึ่ง Fincity โซลูชั่นสำหรับงานด้านการเงินที่ครอบคลุม เพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ด้าน open banking ของ Mastercard ที่ถือเป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญของโลกยุคปัจจุบัน Mastercard ระบุว่า แพลตฟอร์มของ Fincity จะช่วยให้การประมวลผลตัดสินใจด้านเครดิตสำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยและธุรกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Mastercard จะนำเทคโนโลยีสำคัญอย่างการยืนยันเจ้าของ (owner verification) เข้าสู่ New Payment Platform ของ Mastercard เพื่อเพิ่มประสบการณ์จ่ายเงินแบบเรียลไทม์ให้ลูกค้าของ Mastercard ด้วย ที่มา - Seeking Alpha, The Street ภาพจาก Shutterstock
# Olympus บรรลุข้อตกลงกับ JIP ขายธุรกิจกล้องถ่ายภาพ Olympus ประกาศบรรลุข้อตกลงกับกองทุน Japan Industrial Partners (JIP) เพื่อขายส่วนธุรกิจกล้องถ่ายภาพ ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยคาดว่าดีลทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2020 นี้ สาเหตุของการขายธุรกิจนี้ออกไปนั้น Olympus บอกว่า ส่วนธุรกิจกล้องถ่ายภาพมีผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปี ปัจจัยสำคัญคือการเข้ามาทดแทนตลาดของสมาร์ทโฟน แม้บริษัทจะปรับโครงสร้างองค์กรหลายครั้งก็ยังไม่ดีขึ้น จึงทำข้อตกลงขายธุรกิจนี้ให้ JIP ซึ่งมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจให้ดีมากขึ้น ทั้งนี้ Olympus ปัจจุบันมีธุรกิจที่ทำเงินหลักคืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ข้อตกลงร่วมกับ JIP นั้น จะสามารถพัฒนาสินค้าของ Olympus เดิม ภายใต้แบรนด์ต่อไปได้ รวมทั้งแบรนด์ลูกอย่าง OM-D และ Zuiko ด้วย JIP เป็นบริษัทที่มีประวัติซื้อธุรกิจต่อจากบริษัทใหญ่ของญี่ปุ่น ถ้าหากจำกันได้ในปี 2014 บริษัทนี้ก็ได้ซื้อธุรกิจคอมพิวเตอร์ VAIO ต่อจากโซนี่นั่นเอง ที่มา: Olympus ผ่าน The Next Web
# เปิดตัว Pokemon Unite เกมแนว MOBA 5v5, พัฒนาโดย Tencent, ลง Switch/มือถือ The Pokemon Company สร้างเซอร์ไพร์สให้วงการเกม ด้วยการเปิดตัว Pokemon Unite เกม MOBA แบบ 5v5 ที่ร่วมพัฒนากับ Tencent Pokemon Unite เป็นเกมแนว MOBA แบบที่เราคุ้นเคยกัน แผนที่แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ผู้เล่นแต่ละฝ่ายเลือกโปเกมอน 5 ตัวมาต่อสู้กัน ใครที่ได้คะแนนสูงสุดตอนจบแมตช์เป็นฝ่ายชนะ ระหว่างเกม โปเกมอนของเราสามารถต่อสู้กับโปเกมอนในฉากเพื่อเก็บเลเวล วิวัฒนาการ และเลือกท่าไม้ตายที่ต้องการได้ เกมจะลงทั้ง Nintendo Switch และมือถือ Android/iOS โดยยังไม่ระบุวันเปิดบริการ โมเดลรายได้เป็นแบบ free-to-play เปิดให้เล่นฟรี สตูดิโอที่พัฒนาเกมนี้คือ TiMi Studios บริษัทลูกของ Tencent ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Honor of Kings / Arena of Valor (RoV ในบ้านเรา) และ Call of Duty: Mobile ด้วย ประสบการณ์ในการพัฒนาเกมแนว MOBA รวมถึงเกมบนมือถือคงไม่มีข้อกังขาใดๆ ที่มา - Pokemon, Gamespot
# PyThaiNLP รุ่น 2.2 ออกแล้ว เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2563 ไลบรารี PyThaiNLP ซึ่งเป็นไลบรารีประมวลผลภาษาไทยแบบโอเพนซอร์สในภาษาไพธอน ได้ออกรุ่น 2.2 โดยเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของไลบรารี โดยสรุปความเปลี่ยนแปลงได้ดังนี้ เพิ่มตัวตัดประโยค CRFCut เพิ่มการถอดเสียงภาษาไทยเป็น IPA ด้วย Deep learning เพิ่มเติมความสามารถให้กับฟังก์ชัน normalize หรือฟังก์ชันปรับปรุงข้อความ เช่น ลบช่องว่างซ้ำกัน, ลบวรรณยุกต์ซ้ำในข้อความ เป็นต้น ปรับปรุงโค้ด: ย้ายโค้ดออกจากไฟล์ __init__.py เป็นต้น ลดความต้องการไลบรารีภายนอก: Unigram POS tagger สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องการ NLTK สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ GitHub ที่มา : PyThaiNLP 2.2 : PyThaiNLP GitHub
# เปิดตัว Predator Orion 9000 เกมมิ่งเดสก์ท็อปมีล้อลากรุ่นใหม่ ราคาเริ่มเหยียบแสน Acer เปิดตัวแล็บท็อปเกมมิ่งรุ่นท็อปสุด Predator Orion 9000 รุ่นใหม่ ที่ยังคงมีกิมมิคอยู่ที่ล้อลาก 2 ล้อหลัง เพิ่มความง่ายในการเคลื่อนย้าย ส่วนของสเปค Orion 9000 มีตัวเลือกซีพียูเริ่มต้น Core i9-9900X สูงสุดที่ Core i9-10980XE แรม DDR4 สูงสุด 128GB (quad channel) การ์ดจอเริ่ม GeFroce RTX 2070 Super สูงสุด GeForce RTX 2080Ti ต่อ SLI หน่วยความจำ M.2 2280 NVMe PCIe สูงสุด 1TB, HDD 3.5 นิ้ว สูงสุด 3TB 3 ลูก, SSD 2.5 นิ้วสูงสุด 512GB มีชุดน้ำปิดของ CoolerMaster 2 ตอน รองรับ Wi-Fi 6 มีสล็อต PCIe x16 ให้อีก 3 สล็อต M.2 สำหรับ SSD อีก 2 และ M.2 สำหรับการ์ด Wi-Fi ให้ 1 สล็อต เริ่มขายในยุโรปเดือนตุลาคมนี้ ราคาเริ่ม 2,799 ยูโรหรือราว 98,000 บาท ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# ธ.ก.ส. เผย เว็บไซต์ "เยียวยาเกษตรกร" ใช้ Microsoft Azure, พัฒนาเสร็จใน 48 ชม. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะองค์กรผู้ดูแลโครงการ "เยียวยาเกษตรกร" เปิดเผยเบื้องหลังการพัฒนาเว็บไซต์ เยียวยาเกษตรกร.com ซึ่งเป็นช่องทางให้เกษตรกรลงทะเบียนรับเงินเยียวยาจากภาครัฐ ที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ธ.ก.ส. ระบุว่าเบื้องหลังของเว็บไซต์ เยียวยาเกษตรกร.com เลือกใช้แพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure ด้วยเหตุผลด้านการสเกลรองรับผู้ใช้จำนวนมาก และมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย-ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล กระบวนการพัฒนาเว็บไซต์ใช้เวลาทั้งหมดเพียง 48 ชั่วโมง เป็นความร่วมมือของทีมไอทีของ ธ.ก.ส., บริษัท Bluebik และไมโครซอฟท์ประเทศไทย หลังเปิดบริการแล้วมีสถิติการทำรายการข้อมูล (นับรวมรับ-ส่ง) จำนวนกว่า 30 ล้านรายการในวันแรก ในช่วงภาวะ COVID-19 หน่วยงานภาครัฐไทยมีเปิดเว็บไซต์หลายแห่งเพื่อให้บริการประชาชน เช่น เราไม่ทิ้งกัน.com และ ไทยชนะ.com ที่พัฒนาโดยทีมของธนาคารกรุงไทย ซึ่งทั้งสองเว็บไซต์ใช้ Google Cloud Platform
# เผยชื่อเกม EA ลง Switch อาจมี Need For Speed: Hot Pursuit และ Plants vs. Zombies จากข่าว EA จะออกเกมบน Switch 7 เกมในรอบ 12 เดือนข้างหน้า เว็บไซต์ VentureBeat ได้รายชื่อของเกมทั้งหมด (อย่างไม่เป็นทางการ) เกมที่ EA ยืนยันแล้วมีจำนวน 4 เกมคือ Apex Legends, Burnout Paradise Remastered, FIFA 21 Legacy Edition และ Lost in Random เกมผจญภัยแนวการ์ตูนที่ใช้เรื่อง "ลูกเต๋า" เป็นธีม พัฒนาโดยสตูดิโออิสระ Zoink! และเป็นเกม EA Originals ที่ EA เป็นผู้จัดจำหน่าย ส่วนอีก 3 เกมที่เหลือเป็น VentureBeat หาข่าวมาเอง ได้แก่ Need For Speed: Hot Pursuit เกมเวอร์ชันปี 2010 ที่จะนำมารีมาสเตอร์ใหม่ (ลงแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย), Plants vs. Zombies: Battle for Neighborville ที่ออกในปี 2019 และสุดท้ายคือเกมยังไม่ระบุชื่อจาก Velan Studios ที่จะแปะแบรนด์ EA Originals หากรายชื่อเกมทั้ง 7 เป็นจริง ก็คงพอเห็นภาพว่า EA ยังไม่นำเกมใหญ่ๆ ของตัวเองมาลง Switch อยู่ดี (มีแค่ Apex Legends เท่านั้น) เพราะเน้นที่เกมรีมาสเตอร์ เกมเก่า หรือเกมจากสตูดิโออิสระมากกว่า ที่มา - VentureBeat
# Acer เปิดตัว Predator Orion 3000 เดสก์ท็อปพีซีรุ่นเล็ก ราคาเริ่ม 999 เหรียญ นอกจากไลน์แล็บท็อปแล้ว Acer ยังอัพเกรดไลน์เกมมิ่งพีซีด้วย โดยรุ่นเล็กอย่าง Predator Orion 3000 ปรับมาใช้ซีพียู Intel 10th Gen ตัวเลือกยังไม่ได้ระบุรุ่นมี Core i5 และ Core i7 แรม DDR4 2666MHz ได้สูงสุด 64GB ดูอัลแชนแนล การ์ดจอสูงสุด RTX 2070 Super หน่วยความจำ M.2 2280 NVMe PCIe สูงสุด 1TB และ HDD 3.5 นิ้วสูงสุด 3TB 2 ลูก รองรับ Wi-Fi 6 และ Gigabit Ethernet Predator Orion 3000 เริ่มจำหน่ายในสหรัฐเดือนกันยายนนี้ ราคาเริ่มที่ 999 เหรียญหรือราว 30,000 บาท ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# Acer เปิดตัวแล็บท็อปเกมมิ่งรุ่นเล็ก Predator Helios 300 และ Triton 300 Acer เปิดตัวแล็บท็อปเกมมิ่งรุ่นเล็กอีก 2 รุ่นคือ Predator Helios 300 และ Triton 300 จุดแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นมีแค่เรื่องของดีไซน์ที่ Triton จะบางกว่าเล็กน้อย และสเปคที่แตกต่างกันเล็กน้อย สเปคแทบไม่แตกต่างกันคือหน้าจอ 15.6 นิ้ว FHD IPS มีตัวเลือกรีเฟรชเรทสูงสุด 240Hz (Triton 300 มีตัวเลือกเดียวคือ 240Hz เลยแพงกว่าเล็กน้อย) ซีพียูสูงสุด Core i7-10750H แรม DDR4 สูงสุด 32GB การ์ดจอสูงสุด GeFroce RTX 2070 Max-Q หน่วยความจำสูงสุด M.2 NVMe 2TB (1+1) ทำ RAID0 Predator Helios 300 เริ่มขายในสหรัฐเดือนกรกฎาคมนี้ราคาเริ่ม 1,199.99 เหรียญ ส่วน Predator Triton 300 เริ่มขายในสหรัฐเดือนกันยายนนี้ ราคาเริ่ม 1,299.99 เหรียญ ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ Helios 300 Triton 300
# Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตซีรีย์ Enduro สายอึดถึกลุย กันกระแทก กันน้ำกันฝุ่น Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตสายอึดในซีรีส์ Enduro หลายรุ่น เน้นความทนทาน พร้อมมาตรฐานกันกระแทก MIL- 810G และกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP65 เพื่อการใช้งานนอกสถานที่ โดยมีรุ่นต่างๆ ดังนี้ Acer Enduro N7 หน้าจอ 14 นิ้ว ความสว่างสูงสุดถึง 700 nits เพื่อการใช้งานกลางแจ้ง กันกระแทกมาตรฐาน MIL- 810G กันน้ำกันฝุ่น IP65 แบตเตอรี่คู่ ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง เป็นแบบ hot-swappable ถอดเปลี่ยนได้หนึ่งก้อน และแบบ built-in อยู่ภายในอีกหนึ่งก้อน มาพร้อมชิป Intel Core i5-8250U แต่ยังไม่เปิดเผยราคา และวันวางจำหน่าย อีกรุ่นคือ Acer Enduro N3 กันกระแทกมาตรฐาน MIL- 810G กันน้ำกันฝุ่น IP65 หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ครอบด้วย Gorilla Glass ซีพียู Intel Core Gen 10th แรมสูงสุด 32GB และ SSD สูงสุด 512GB พร้อมตัวเลือกการ์ดจอ Nvidia MX230 GPU Acer Enduro N3 พร้อมจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา เดือนสิงหาคม ราคาเริ่มต้นที่ 899 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 27,800 บาท) และวางจำหน่ายแล้วในยุโรป และตะวันออกกลาง ในราคาเริ่มต้นที่ 999 ยูโร (ประมาณ 35,000 บาท) นอกจากนี้ยังมีแท็บเล็ต Acer Enduro T5 วินโดวส์แท็บเล็ตขนาด 10 นิ้ว แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ มาพร้อมซีพียู Intel Core m3 Gen 7th มาพร้อมอุปกรณ์เสริม แท่นวาง มือจับ สายคล้องไหล่ 4 จุด สายพาดบ่า ที่ชาร์ตและที่ยึดในรถยนต์ และ Acer Enduro T1 แท็บเล็ตอีกสองรุ่นย่อย สองขนาด สองระบบปฏิบัติการ คือ Acer Enduro T1 (ET110-31W) วินโดวส์แท็บเล็ตขนาด 10 นิ้ว เลือกซื้อพร้อมคีย์บอร์ดเสริมได้ ใช้ซีพียู Intel Celeron หน่วยความจำภายใน eMMC 64 GB อีกรุ่นคือ Acer Enduro T1 (ET108-11A) แอนดรอยด์แท็บเล็ตขนาด 8 นิ้ว โดยทั้งสองรุ่น Acer บอกว่าใช้งานหน้าจอสัมผัสได้ แม้ใส่ถุงมืออยู่ แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่องราคา รายละเอียดเพิ่มเติม หรือวันวางจำหน่าย ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# Acer เปิดตัว Predator Helios 700 ปรับเลื่อนคีย์บอร์ดได้เหมือนเดิม อัพเกรดสเปค Acer เปิดตัวแล็บท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ 2 รุ่น Predator Helios 700 และ Helios 300 ปรับสเปคมาเป็น Intel 10th Gen และการ์ดจอ GeForce RTX Max-Q โดยรุ่นท็อป Helios 700 ยังคงสามารถเลื่อนคีย์บอร์ดและแทร็กแพ็ดได้เหมือนกับรุ่นปีที่แล้ว Predator Helios 700 เลือกซีพียูได้สูงสุด Core i9-10980HK, แรม DDR4 64GB, การ์ดจอ GeForce RTX 2080 Max-Q หน้าจอ 17.8 นิ้ว FHD IPS รีเฟรชเรท 144Hz รองรับ G-Sync Helios 700 เริ่มขายในสหรัฐเดือนตุลาคมนี้ ราคาเริ่ม 2,399.99 เหรียญหรือราว 74,000 บาท ที่มา - The Verge
# กลุ่มสิทธิฟ้องโรงเรียนในนิวยอร์ก ให้หยุดใช้ระบบจดจำใบหน้าละเมิดความเป็นส่วนตัวเด็ก New York Civil Liberties Union กลุ่มสหภาพเพื่อสิทธิพลเมือง จัดการฟ้องร้องหน่วยงานการศึกษาในนิวยอร์กหรือ New York State Education Department ที่ดำเนินการให้โรงเรียนในเขตการศึกษา Lockport City ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า เพราะกังวลว่าจะละเมิดความเป็นส่วนตัวเด็ก และต้องการให้โรงเรียนยกเลิกการติดตั้งระบบเสีย ตัวระบบจดจำใบหน้าที่ทางกลุ่มโรงเรียนติดตั้งตั้งมีมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ ใช้ระบบจดจำใบหน้า Aegis ของบริษัท SN Technologies ในแคนาดา เป้าหมายหลักของการติดตั้งเป็นไปเพื่อความปลอดภัย ตรวจจับบุคคลต้องสงสัยและปืนในโรงเรียน การฟ้องร้องนั้นยื่นในนามของผู้ปกครองนักเรียนเขตการศึกษา Lockport City ระบุว่าระบบจดจำใบหน้าที่ใช้ในโรงเรียนมีการเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์ของนักเรียน ละเมิดกฎคุ้มครองความเป็นส่วนตัวภายใต้กฎหมาย ภาพจาก Facebook Lockport City School District ที่มา - CNET
# ไมโครซอฟท์เลิกทำ Skype UWP, โฟกัสที่ Skype for Desktop เพียงตัวเดียว คนที่ใช้ Skype บนวินโดวส์ คงทราบกันดีว่าไมโครซอฟท์มีโปรแกรม 2 เวอร์ชันให้ใช้งาน ได้แก่ Skype for Desktop รุ่นดั้งเดิม ที่ใช้บนวินโดวส์รุ่นเก่าได้ด้วย และ Skype UWP (หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Skype for Windows 10) ที่แจกจ่ายทาง Microsoft Store หลังจากพัฒนาแยกเวอร์ชันขนานกันมานาน ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ประกาศเลิกทำ Skype UWP เรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุผลว่าพัฒนาเวอร์ชันเดียวง่ายกว่า ไม่มีปัญหาฟีเจอร์ของ 2 รุ่นไม่เท่ากัน ถัดจากนี้ ไมโครซอฟท์จะพยายามปรับปรุง Skype for Desktop ให้มีฟีเจอร์ของ Skype for Windows 10 และฟีเจอร์ของ Skype บนแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น ตัวเลือกการออกจากโปรแกรม Skype ถาวรหรือปิดไม่ให้รันตอนบูต, แชร์ไฟล์จาก Explorer ได้โดยตรง เป็นต้น จากนี้ไป ผู้ที่ดาวน์โหลด Skype จากทั้งบน Microsoft Store และเว็บไซต์ skype.com จะได้เป็น Skype for Desktop เพียงอย่างเดียว ที่มา - Microsoft, MSpoweruser
# NVIDIA ร่วมมือกับ Mercedes Benz ดีไซน์รถต้นแบบที่อัพเกรดระบบไร้คนขับได้ หนึ่งในความโดดเด่นของ Tesla ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ คือการทำให้รถยนต์อัพเกรดได้ ทั้งการเข้าศูนย์เปลี่ยนฮาร์ดแวร์และปล่อยอัพเดตซอฟต์แวร์ OTA ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายจึงน่าจะพยายามเดินตามแนวทางนี้บ้าง แต่ด้วยปัญหาแนวทางการพัฒนา การผลิตชิ้นส่วน การประกอบหรือแม้แต่ความรู้ด้านเทคโนโลยี Mercedes Benz เลยหันไปจับมือกับ NVIDIA ออกแบบแพลตฟอร์มรถยนต์ที่สามารถอัพเกรดระบบไร้คนขับได้ โดยระบบไร้คนขับจะใช้งาน Drive AGX Orion แพลตฟอร์มประมวลผลของ NVIDIA เป็นหลัก แนวทางของแพลตฟอร์มนี้คือนอกจากสามารถเปลี่ยนหรืออัพเกรดฮาร์ดแวร์ได้ตลอดเวลาแล้ว ออพชันหรือฟีเจอร์ต่าง ๆ บนรถก็สามารถซื้อหรือสมัครใช้บริการรายเดือน (subscription) ได้ตลอดเวลาเช่นกัน โดยแพลตฟอร์มรถไร้คนขับของ Mercedes Benz จะเริ่มใช้งานในราวปี 2024 ความร่วมมือระหว่าง Mercedes Benz และ NVIDIA มีขึ้นหลังจากฝ่ายแรกยกเลิกความร่วมมือกับ BMW ที่จะพัฒนารถไร้คนขับร่วมกัน โดยโฆษก Mercedes ระบุว่าเพราะความเห็นเรื่องไทมิ่งการใช้เทคโนโลยีไม่เหมือนกัน ที่มา - Axios, Diamler
# Firefox หยุดซัพพอร์ต macOS เวอร์ชันเก่า ตั้งแต่ 10.11 (El Capitan) ลงไป Mozilla ประกาศหยุดซัพพอร์ต Firefox เวอร์ชันหลักบน macOS 10.9 (Mavericks), 10.10 (Yosemite), 10.11 (El Capitan) Mozilla ระบุว่าแอปเปิลไม่มีนโยบายการซัพพอร์ตแพตช์ให้ OS เวอร์ชันเก่าออกมาชัดๆ แต่ปกติแล้วจะออกแพตช์ให้กับ OS 3 รุ่นล่าสุด (N, N-1, N-2) ซึ่งกรณีของ macOS 10.11 ออกแพตช์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 ปีก่อน (เดือนกรกฎาคม 2018) จึงถือว่าไม่มีการแพตช์อีกแล้ว Mozilla แนะนำให้อัพเกรดเป็น macOS 10.12 ขึ้นไป แต่ผู้ใช้ OS เหล่านี้ยังสามารถใช้ Firefox Extended Support Release (ESR) ที่เป็นเวอร์ชันเก่าและสนับสนุนยาวนานได้ต่อไป (เวอร์ชัน ESR ล่าสุดในตอนนี้คือ Firefox ESR 68.9.0 เทียบกับรุ่นปกติที่เป็นเวอร์ชัน 77 แล้ว) ที่มา - Mozilla
# เปิดตัว Acer Chromebook Spin 713 เริ่ม 629.99 เหรียญและ Spin 311 เริ่ม 259.99 เหรียญ Acer เปิดตัว Chromebook ซีรีส์ Spin รุ่นใหม่อีกสามรุ่น คือ Acer Chromebook Spin 713, Enterprise Spin 713 และ Spin 311 เป็นโน้ตบุ๊กที่ใช้ระบบปฏิบัติการ ChromeOS มาพร้อมซีพียู Intel Core Gen 10th Acer Chromebook Spin 713 เป็น Chromebook ใน Project Athena ของ Intel มาพร้อมซีพียู Intel Core Gen 10th แรมสูงสุด 16GB และ SSD 256GB หน้าจอพับได้แบบคอนเวอร์ทิเบิล IPS-LCD ครอบด้วยกระจก Gorilla Glass ขนาด 13.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K ในอัตราส่วน 3:2 หมุนพับได้ 360 องศา แบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็ว เวอร์ชั่น Enterprise Spin 713 จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Chrome Enterprise ระบบปฏิบัติการสำหรับสำนักงานจาก Google Acer Chromebook Spin 713 วางจำหน่ายในยุโรป และตะวันออกกลาง เดือนมิถุนายนนี้ และในสหรัฐอเมริกา เดือนกรกฎาคมนี้ ราคาเริ่มต้น 629.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 19,500 บาท) ส่วนเวอร์ชั่น Enterprise Spin 713 วางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม ทั้งในสหรัฐ ยุโรป และตะวันออกกลาง ราคาเริ่มต้น 1,099 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 34,000 บาท) อีกรุ่นที่เปิดตัวคือ Acer Chromebook Spin 311 เป็น Chromebook จอพับได้เช่นเดียวกัน แต่ขนาดหน้าจอ 11.6 นิ้ว ใช้ชิป Mediatek MT8183 แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 15 ชั่วโมง วางจำหน่ายในยุโรป และตะวันออกกลาง เดือนมิถุนายนนี้ และในสหรัฐอเมริกา เดือนกรกฎาคมนี้ ราคาเริ่มต้น 259.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,100 บาท) ส่วนวันวางจำหน่าย และราคาในไทยของทุกรุ่น ต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# Netflix ให้ลบหนังตรงแถบ Continue Watching ออกได้ถ้าไม่อยากดูต่อ เริ่มใช้งานบนแอนดรอยด์ Netflix เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ลบหนังและซีรีส์ที่ดูค้างไว้ในแถบ Continue Watching ได้ในกรณีที่กดเข้าไปดูแล้ว แต่ไม่สนใจจะดูต่อโดยปุ่มเพิ่มเข้ามาคือ remove from row สามารถมองเห็นได้เมื่อกดที่ชื่อหนังหรือซีรีส์ตรงแถบ Continue Watching แถบ Continue Watching เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ของ Netflix ช่วยให้เราดูคอนเทนต์ที่ค้างไว้ต่อได้ แต่ในขณะเดียวก็ต้องมีหนังหรือซีรีส์บางเรื่อง ที่เราดูแล้วรู้สึกเบื่อ ไม่อยากดูต่อ แต่ที่ผ่านมาผู้ใช้งานจัดการคอนเทนต์เองไม่ได้ ทำให้หลายเรื่องแสดงในแถบนี้แม้ผู้ใช้จะเลิกสนใจแล้ว ไม่หายไปไหน จนกว่าเราจะดูหนังเรื่องใหม่ๆ จนคอนเทนต์ตกจากแถบไป ฟีเจอร์ใหม่นี้ เริ่มใช้งานได้บนแอปแอนดรอยด์ และจะขยายไปยังแอป iOS ต่อไป ที่มา - The Verge
# Segway ปิดโรงงานเลิกไลน์การผลิต Segway PT Segway ผู้ผลิตสกู๊ตเตอร์ส่วนตัว 2 ล้อที่เคยไฮป์กันอยู่ช่วงหนึ่งในทศวรรษที่แล้ว ประกาศปิดโรงงานของตัวเองในรัฐนิวแฮมป์เชียร์และยกเลิกการผลิต Segway PT สกู๊ตเตอร์ 2 ล้อที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและความปลอดภัยเป็นส่วนใหญ่ โรงงานจะถูกปิดในวันที่ 15 กรกฎาคม พนักงาน 21 คนถูกเลย์ออฟทันทีและจะเหลือพนักงานราว 12 คนเอาไว้ชั่วคราวสำหรับงานซัพพอร์ทและรับประกัน ช่วงแรก ๆ Segway ถูกคาดหวังหรือปั่นกระแสไว้ค่อนข้างสูงว่าอาจจะเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน และด้วยปัญหารูปแบบการใช้งานและการออกแบบด้านวิศวกรรม แม้จะมีรุ่นปรับปรุงออกมาใหม่หลายรุ่น แต่ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี Segway PT ทำยอดขายไปได้เพียง 140,000 คันเท่านั้น จากเดิมที่ทีมงานตั้งเป้า 100,000 คันใน 13 เดือนแรก Segway ถูก Ninebot ผู้ผลิตอุปกรณ์เคลื่อนที่ 2 ล้อสัญชาติจีนที่ Segway เคยกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบ ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2009 โดย Segway PT มีส่วนแบ่งรายได้ของ Ninebot เพียง 1.5% เท่านั้น ที่มา - Fast Company
# แบงค์ชาติบราซิลสั่งระงับบริการจ่ายเงินผ่าน WhatsApp เพราะต้องประเมินความเสี่ยง หลังจากเพิ่งเปิดให้ใช้งานไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ล่าสุด แบงค์ชาติบราซิลสั่งให้ระงับบริการจ่ายเงินของ WhatsApp ไปก่อน โดยให้ Mastercard และ Visa หยุดระบบการจ่ายเงินผ่านแอปในทันที และจะปรับหากไม่ให้ความร่วมมือ แบงค์ชาติบราซิลต้องการประเมินความเสี่ยงของบริการที่มีต่อระบบการจ่ายเงินของประเทศ และเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมในการแข่งขันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมทั้งตรวจสอบว่าระบบดังกล่าวตรงตามข้อกำหนดหรือไม่ ซึ่งหากปล่อยให้บริการโดยที่หน่วยงานกำกับยังไม่ตรวจสอบและอนุญาต อาจจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าได้ ทางด้านโฆษกของ WhatsApp เผยว่า ทางบริษัทรู้สึกแปลกใจกับการตัดสินใจของธนาคารในครั้งนี้ เนื่องจากมีการหารือกับทางแบงค์ชาติมาโดยตลอด แต่ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ทางบริษัทยังจะให้การสนับสนุน PIX ระบบจ่ายเงินออนไลน์ที่แบงค์ชาติบราซิลเปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอีกด้วย อนึ่ง บราซิลมีจำนวนผู้ใช้งาน WhatsApp กว่า 120 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่อันดับสองรองจากอินเดีย ที่มา - Bloomberg
# เปิดตัว Acer Swift 5 รุ่นใหม่ใช้ Intel Core Gen 11th ขายเดือนตุลาคม Acer เปิดตัว Acer Swift 5 รุ่นใหม่ หน้าจอ 14 นิ้ว ลดขนาดของขอบจอลง อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง ถึง 90% จะมาพร้อมซีพียู Intel Core Gen 11th สถาปัตยกรรม Tiger Lake ที่ยังไม่เปิดตัวพร้อมชิปกราฟฟิกออนบอร์ด Intel Xe และการ์ดจอแยก NVIDIA Geforce MX350 เคลือบสารต่อต้านแบคทีเรีย (antimicrobial) ที่ทัชแพด ตัวเครื่องทำด้วยวัสดุแมกนีเซียมลิเธียม และแมกนีเซียมอะลูมิเนียม มีน้ำหนักเบากว่า 1 กิโลกรัมเช่นเคย มีพอร์ต HDMI, USB-A สองช่อง, USB-C Thunderbolt หนึ่งช่อง และมีรูเสียหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร แบตเตอรี่ ชาร์จ 30 นาที ใช้ได้ถึง 4 ชั่วโมง มี 2 สี คือ Mist Green และ Safari Gold วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และในประเทศจีน เดือนตุลาคมนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 999.99 เหรียญ ส่วนในประเทศไทย ราคาและวันวางจำหน่าย ต้องรอติดตามต่อไป ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# Google Cloud เปิดศูนย์ข้อมูลในอินโดนีเซียเป็นทางการ กูเกิลเปิดบริการคลาวด์ในอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ ในชื่อ asia-southeast2 นับเป็นเขต (region) บริการที่ 24 และประเทศที่ 17 ของบริการกูเกิลคลาวด์ โดยศูนย์ข้อมูลตั้งอยู่บริเวณจาการ์ตา พันธมิตรชุดแรกที่ขึ้นเวทีเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใหม่ ได้แก่ ธนาคาร Bank Rakyat Indonesia (BRI) และสตาร์ตอัพอีคอมเมิร์ช Toklopedia โดยบริการที่เปิดในศูนย์ข้อมูลใหม่เป็นชุดมาตรฐาน ประกอบด้วย Compute Engine, Kubernetes Engine, Cloud SQL, Cloud Storage, Cloud Spanner, Cloud Bigtable, และ BigQuery ผมตรวจสอบราคาของ Compute Engine พบว่าราคาแพงกว่าสิงคโปร์เกือบ 10% สำหรับธุรกิจในไทยหากไม่มีเงื่อนไขพิเศษคงไม่มีเหตุให้ใช้งานกันมากนัก ที่มา - Google Cloud Blog
# รวมฟีเจอร์น่าสนใจของ iOS 14 ที่ไม่ได้พูดถึงในคีย์โน้ต ในงาน WWDC20 ซึ่งแอปเปิลได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 14 เวอร์ชันล่าสุด ที่มาพร้อมคุณสมบัติใหม่หลายอย่าง แม้บางฟีเจอร์อาจจะคุ้นเคยในผู้ใช้ระบบปฏิบัติการอื่น อย่างไรก็ตามมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง ซึ่งแอปเปิลไม่ได้พูดถึงในคีย์โน้ต แต่อาจระบุในสไลด์ หรือมีผู้คนพบจากเวอร์ชันทดสอบสำหรับนักพัฒนา ซึ่งรวบรวมมาดังนี้ แจ้งเตือน Apple Watch เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว คุณสมบัตินี้มีประโยชน์มากขึ้น เนื่องจากฟีเจอร์ใหม่ตรวจจับการนอน ทำให้ไม่สามารถชาร์จ Apple Watch ตอนกลางคืนได้แบบอดีต แจ้งเตือน AirPods เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด และถึงเวลาชาร์จ ปรับปรุงการชาร์จ AirPods โดยจะชาร์จให้แบตเตอรี่ค้างอยู่ที่ 80% และเริ่มชาร์จที่เหลือต่อเมื่อใกล้ถึงเวลาใช้งาน โดยดูจากพฤติกรรมในอดีต กล่องเสิร์ช Emoji ช่วยให้ค้นหาอีโมจิที่ต้องการเร็วขึ้น กดปุ่ม Back ค้าง เพื่อแสดงตัวเลือกหน้าที่ต้องการถอยกลับไป กรณีเข้าเมนูมาหลายชั้น เพิ่ม Privacy ใน Photos สามารถเลือกให้แอปเข้าถึงเฉพาะรูปภาพที่กำหนดได้ จากเดิมเข้าถึงได้ทั้ง Photo Library QuickTake กดปุ่มชัตเตอร์ค้างเพื่อเปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายวิดีโอ รองรับการทำงานเพิ่มใน iPhone XR และ Xs จากเดิมได้เฉพาะ iPhone 11 ขึ้นไป กลับรูปเซลฟี่ ตั้งค่าให้รูปถ่ายจากกล้องหน้า กลับข้างให้เลยทุกครั้งได้ แก้ไขดวงตาให้มองกล้อง ขณะใช้งาน FaceTime ฟีเจอร์นี้เคยมีใน iOS 13 เบต้า แต่ถูกถอดออกไป Back Tap อยู่ในส่วนการช่วยการเข้าถึง (Accessibility) สามารถกำหนดค่าให้เคาะด้านหลัง iPhone 2 หรือ 3 ครั้งต่อกัน เพื่อทำตามคำสั่งลัดที่กำหนด แจ้งเตือนเสียงสำคัญ อยู่ใน Accessibility เช่นกัน โดยเตือนเมื่อ iPhone ได้ยินเสียงสำคัญ อาทิ กระดิ่งเตือนไฟไหม้, ไซเรน, ตัวดักสัญญาณควัน, ออดประตูบ้าน, สุนัขร้อง ฯลฯ ซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้มีปัญหาการได้ยิน ที่มา: Engadget, 9to5Mac และ MacRumors [1], [2], [3], [4]
# Microsoft Defender ATP ออกเวอร์ชัน Android แล้ว, iOS ตามมาในปีนี้ เมื่อต้นปีนี้ Microsoft Defender ประกาศออกเวอร์ชันลินุกซ์, Android, iOS (เฉพาะเวอร์ชันวินโดวส์ที่ใช้ชื่อ Windows Defender) และออกรุ่นพรีวิวของลินุกซ์มาเป็นแพลตฟอร์มแรก คิวถัดมาคือ Microsoft Defender ATP for Android ที่มีสถานะเป็นรุ่นทดสอบ public preview ให้ใช้กันทั่วไป (ส่วนเวอร์ชัน iOS จะออกตามมาภายในปีนี้) และยังประกาศว่า Microsoft Defender ATP for Linux เข้าสถานะ GA (general availability) เรียบร้อยแล้ว ฟีเจอร์หลักของ Microsoft Defender ATP for Android ประกอบด้วย Anti-phishing ทั้งจากข้อความ SMS, อีเมล, แชท, เว็บ โดยใช้เอนจิน Microsoft Defender SmartScreen กรอง URL ประสงค์ร้าย ซึ่งเป็นเอนจินเดียวกับที่ใช้บนพีซีอยู่แล้ว บล็อคการเชื่อมต่อไม่ปลอดภัย โดยใช้เอนจิน SmartScreen เช่นกัน ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าเว็บนั้นต่อหรือไม่ สแกนมัลแวร์และแอพไม่พึงประสงค์ (potentially unwanted applications หรือ PUA) ภายในเครื่องแอนดรอยด์ บล็อคการเข้าถึงข้อมูลสำคัญในเครื่อง เช่น พบว่ามือถือเครื่องนั้นติดมัลแวร์ ก็บล็อคไม่ให้เข้าถึงข้อมูลอีเมลในแอพ Outlook โดยทำงานร่วมกับ Microsoft Endpoint Manager ถ้าสังเกตชื่อของ Microsoft Defender ATP for Android มีคำว่า ATP หรือ Advanced Threat Protection อยู่ด้วย ซึ่งแปลว่านี้เป็นฟีเจอร์แบบเสียเงินสำหรับลูกค้าองค์กรที่ซื้อบริการ Microsoft Defender Advanced Threat Protection อยู่แล้วนั่นเอง เนื่องจาก Microsoft Defender ATP for Android เป็นบริการสำหรับลูกค้าแบบเสียเงิน มันจึงเชื่อมต่อกับ Microsoft Defender Security Center เพื่อให้แอดมินขององค์กรมองเห็น "ภาพรวม" ความปลอดภัยทั้งระบบ ครอบคลุมอุปกรณ์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นพีซีหรือสมาร์ทโฟน ที่มา - Microsoft
# Facebook เลิกขายแว่น Oculus Go ให้ไปใช้แว่น Oculus Quest แทน Facebook ประกาศหยุดขาย Oculus Go แว่น VR ไร้สายรุ่นแรกของบริษัทที่เปิดตัวในปี 2017 (วางขายจริงปี 2018) ด้วยเหตุผลว่ามีแว่น Oculus Quest ที่เทคโนโลยีเหนือกว่ามาทดแทนแล้ว Facebook บอกว่าแว่น Oculus Quest มีฟีเจอร์เหนือกว่า Go มาก โดยเฉพาะการวัดตำแหน่งแว่นแบบ 6 แกน (6DOF คือ บน ล่าง ซ้าย ขวา หน้า หลัง) ในขณะที่ Oculus Go ทำได้แค่ 3 แกน (3DOF) เท่านั้น จึงตัดสินใจให้ Oculus Quest มาแทนที่ Oculus Go ทั้งหมด (แต่ราคาก็ต่างกันพอสมควร เพราะ Go ราคา 199 ดอลลาร์ ส่วน Quest 399 ดอลลาร์) Oculus Go จะหยุดวางขายภายในปีนี้ และ Facebook สัญญาว่าจะอัพเดตซอฟต์แวร์ แก้บั๊ก แพตช์ช่องโหว่ ให้จนถึงสิ้นปี 2022 การหยุดขาย Oculus Go ทำให้ Oculus เหลือแว่นเพียงสองซีรีส์คือ Oculus Quest แว่นไร้สาย ประมวลผลจบในตัวแว่น และ Oculus Rift แว่นมีสาย ต้องประมวลผลจากพีซี ที่มา - Oculus
# ไมโครซอฟท์จะเพิ่มสัดส่วนคนดำในตำแหน่งผู้จัดการ, ระดับอาวุโส เป็นสองเท่าภายในปี 2025 จากประเด็นเหยียดสีผิว ทำให้บริษัทไอทีตื่นตัวมากขึ้นเรื่องการสร้างความหลากหลายทางเชื้อชาติในองค์กรที่ถูกวิจารณ์กันมานานว่ายังไม่หลากหลายมากพอ ล่าสุดไมโครซอฟท์ตามรอยกูเกิล และ Facebook ออกมาให้สัญญาว่าจะเพิ่มสัดส่วนคนดำในตำแหน่งสูงอย่างผู้จัดการ ตำแหน่งงานอาวุโส ให้ได้สองเท่าภายในปี 2025 ไมโครซอฟท์ยังลงทุนเพิ่ม 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อผลักดันประเด็นความหลากหลายในองค์กร โดยในปีงบประมาณ​ 2021 ไมโครซอฟท์จะเพิ่มเนื้อหาเรื่องการทำความเข้าใจประสบการณ์ของชุมชนชาวอเมริกันผิวดำและชาวแอฟริกันอเมริกันให้แก่พนักงานทุกคน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนเข้าใจประสบการณ์ชีวิตของคนกลุ่มนี้ให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังให้สัญญาว่าจะทำงานร่วมกับธุรกิจ, ซัพพลายเออร์ที่เจ้าของเป็นคนดำเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในสามปีข้างหน้า รวมถึงลงทุนเป็นเงินเพิ่ม 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนธุรกิจคนดำ จากรายงานความหลากหลายของไมโครซอฟท์ประจำปี 2019 พบว่า 4.5% ของพนักงานทั้งหมดและ 2.7% ของผู้บริหาร เป็นคนดำ คนผิวขาวคิดเป็น 53.2% ของพนักงานทั้งหมด และพนักงานส่วนใหญ่ของไมโครซอฟท์ร้อยละ 72.3 เป็นผู้ชาย จะเห็นได้ว่าแม้แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังห่างไกลกับความหลากหลายในองค์กร ที่มา - Engadget, ไมโครซอฟท์
# เซ่นพิษเศรษฐกิจ Gojek ปลด 9% ของคนทำงานเท่ากับ 430 ราย พิษเศรษฐกิจจากโรคระบาดมาเยือน Gojek แอปเรียกรถแท็กซี่และบริการ O2O จากอินโดนีเซีย (เข้ามาทำตลาดในไทยด้วยแบรนด์ GET!) ประกาศปลดพนักงาน 9% ของพนักงานทั้งหมด หรือปลด 430 คน และปิดธุรกิจในส่วนของไลฟ์สไตล์หรือ GoLife นอกจากนี้ Gojek ยังจะปิดศูนย์อาหารที่ดำเนินการในชื่อว่า GoFood festivals ด้วย ก่อนหน้านี้ไม่นาน Facebook และ Paypal ประกาศลงทุนใน Gojek ด้วยจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจรายเล็กในอินโดนีเซีย และ Grab ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเรียกรถเองก็ปลดพนักงานด้วย ที่มา - Reuters
# Instagram ขยายสิทธิ์ร้านค้าที่มาใช้ Instagram Shopping ให้ครอบคลุมครีเอเตอร์ด้วย Instagram ประกาศเงื่อนไขสิทธิ์การเข้าถึง Instagram Shopping นอกจากร้านค้าแล้ว ให้ครอบคลุมไปยังครีเอเตอร์ด้วย ช่วยให้คนทำมาค้าขายได้มากขึ้นในช่วงโรคระบาดที่คนไม่เดินทางไปร้านค้า โดยครีเอเตอร์ที่มีคุณสมบัติและมีสินค้าที่ผ่านเกณฑ์ของ Instagram อย่างน้อยหนึ่งรายการจะสามารถใช้แท็กช้อปปิ้งเพื่อพาผู้คนไปยังเว็บไซต์ของตนเองเพื่อทําการซื้อขายต่อได้ มาตรการใหม่มีผล 9 ก.ค. นี้ Instagram สร้างฟีเจอร์เพื่อการช้อปปิ้งอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2018 เป็นแท็กช้อปปิ้ง, ใส่ลิงค์เพื่อให้คนกดไปซื้อสินค้าทั้งในรูปภาพและใน Stories และเพิ่มหัวข้อช้อปปิ้งในหน้า Explore ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่มาใช้งานฟีเจอร์ช้อปปิ้งก็จะมีแต่แบรนด์ กฎใหม่จะรวมถึงครีเอเตอร์หรือคนธรรมดาที่ขายสินค้าในแบรนด์ของตัวเอง เช่น คนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการอีคอมเมิร์ซ, นักดนตรีที่มีสินค้าในแบรนด์ของตัวเองออกขาย และบล็อกเกอร์ เป็นต้น นโยบายใหม่นี้กำหนดให้ธุรกิจต้องแท็กสินค้าบน Instagram จากเว็บไซต์ที่พวกเขาเป็นเจ้าของและเป็นเว็บไซต์ที่ใช้ขายสินค้าจริงๆ เมื่อสมัครใช้งาน Instagram Shopping ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนทันทีที่ได้รับอนุมัติ และเริ่มใช้งานการแท็กสินค้าได้ หากไม่ได้รับอนุมัติ ทาง Instagram จะให้เหตุผลที่ชัดเจนเพื่อให้พวกเขาสามารถดำเนินการที่จำเป็นหรือยื่นอุทธรณ์ต่อได้ ที่มา - Instagram