txt
stringlengths
202
53.1k
# Adobe เพิ่มพื้นที่ให้ลูกค้า Creative Cloud แบบธุรกิจ จาก 100GB เป็น 1TB นอกจากโลโก้ใหม่ของ Creative Cloud และโปรแกรมในชุด Adobe ยังปรับเพิ่มพื้นที่สตอเรจของ Creative Cloud สำหรับลูกค้าธุรกิจ (Teams และ Enterprise) จาก 100GB เป็น 1TB โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม Creative Cloud for teams ผู้ใช้แต่ละคนจะได้พื้นที่เพิ่มเป็น 1TB อัตโนมัติ Creative Cloud for enterprise แบบปกติ ผู้ใช้แต่ละคนจะได้พื้นที่เพิ่มเป็น 1TB เช่นกัน Creative Cloud for enterprise ที่ใช้ Adobe Storage ด้วย โควต้าพื้นที่ขององค์กรจะเท่ากับจำนวนผู้ใช้คูณ 1TB (เช่น 100 ไลเซนส์ก็ได้ 100TB) การเพิ่มพื้นที่ครั้งนี้ไม่รวมถึง Creative Cloud สำหรับผู้ใช้ทั่วไป (individuals) และภาคการศึกษา (education) นอกจากนี้ Adobe ยังระบุว่าจะเปิดให้ซื้อพื้นที่เพิ่มได้ในช่วงปลายปี 2020 นี้ ที่มา - Adobe
# ผู้กำกับ Horizon Forbidden West บอกพลัง SSD ทำให้แทบไม่มีฉากรอโหลด, ขายปี 2021 Sony เผยคลิปของ Mathijs de Jonge ผู้กำกับเกม Horizon Forbidden West จากสตูดิโอ Guerrilla Games ในเนเธอร์แลนด์ มาเล่าเบื้องหลังสั้นๆ ของการพัฒนาเกม ชื่อภาค Forbidden West หมายถึงการเดินทางของตัวเอก Aloy ไปยังภาคตะวันตกของอเมริกา จาก Utah ไปจนถึงชายฝั่งทะเลแปซิฟิก (ฉากที่เห็นในเกมคือ San Francisco) เนื่องจาก Forbidden West เป็นเกมภาคต่อ แผนที่ย่อมกว้างใหญ่กว่าเดิม เพิ่มมอนสเตอร์ใหม่ๆ ทั้งบนฟ้าและใต้น้ำ ทีมงานต้องการสร้างฉากในเกมให้สวยงามอลังการที่สุด และพลัง SSD ของ PS5 ทำให้แทบไม่ต้องมีฉากโหลดเกมเลย (virtually no loading screens) ความรวดเร็วของ SSD ทำให้ fast travel เปลี่ยนฉากให้ทันทีไม่ต้องรอ และบูตเกมขึ้นมาก็พร้อมเล่นต่อได้เลย ประกาศแผนการวางขายภายในปี 2021 จากเดิมที่ไม่ได้ระบุชัดเจนตอนงานเปิดตัว PS5
# รวมรุ่นสมาร์ทโฟนที่จะได้เข้าร่วมทดสอบ Android 11 Beta Android 11 Beta เริ่มปล่อยออกมาให้ทดสอบกันในมือถือหลายๆ รุ่นแล้ว แต่เพราะในปีนี้ งาน I/O ของ Google ถูกยกเลิก และงาน Launch Beta ประกาศรายชื่อแค่เพียงตระกูล Pixel เท่านั้น แต่จากข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ ตอนนี้ เริ่มมีรายชื่อของมือถือ third party ออกมาเพิ่มเติมแล้ว ว่ารุ่นใดจะสามารถเข้าร่วมทดสอบอัพเดต Android 11 Beta ได้บ้าง ซึ่งมีดังนี้ ร่วมทดสอบ Android 11 Beta ได้แล้ว (ณ วันที่ 18 มิถุนายน) Pixel 2, Pixel 2 XL, Pixel 3, Pixel 3 XL, Pixel 3a, Pixel 3a XL, Pixel 4, Pixel 4 XL OnePlus 8, OnePlus 8 Pro iQOO 3 4G, IQOO3 5G, Vivo NEX 3S 5G Xiaomi Mi 10, Mi 10 Pro ได้เข้าร่วมแน่นอน เร็วๆ นี้ OPPO Find X2 OPPO Find X2 Pro POCO F2 Pro Realme X50 Pro อย่างที่รู้ๆ กันว่าเวอร์ชั่น Beta อาจมีบั๊กหรือมีฟีเจอร์ที่ยังไม่สมบูรณ์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอัพเดต และแบคอัพข้อมูลสำคัญในเครื่องไว้ก่อนทุกครั้ง ที่มา - Androidauthority, Android Central, XDA Developers
# Chrome เริ่มทดลองใช้ Heap แบบใหม่ของ Windows 10 แล้ว ใช้แรมน้อยลง "หลักร้อย MB" จากข่าวเก่า Microsoft Edge เริ่มใช้ระบบหน่วยความจำแบบใหม่ Segment Heap ลดการใช้แรมลง 27% ระบบหน่วยความจำแบบ Segment Heap เดิมทีใช้กับแอพที่เขียนแบบ UWP เท่านั้น โดยไมโครซอฟท์เพิ่งเปิดใช้แอพแบบ Win32 ใช้งานได้ด้วยใน Windows 10 v2004 โดยมี Edge เป็นแอพตัวแรกที่ใช้งาน การที่ Edge พัฒนาบน Chromium ทำให้เบราว์เซอร์ตระกูลนี้ตามมาใช้ Segment Heap ได้ไม่ยากนัก ที่สำคัญคือไม่ต้องรอกันนาน ไม่ต้องเรียกร้องอะไรให้เหนื่อย เพราะวิศวกร Chrome ประกาศแล้วว่าจะเปลี่ยนมาใช้ Segment Heap ด้วย จากข้อมูลในซอร์สโค้ดของ Chromium วิศวกรของกูเกิลระบุว่าทดลองเปลี่ยนมาใช้ Segment Heap แล้วสามารถลดการใช้แรมลงได้ "หลายร้อยเมกะไบต์" (hundreds of MB) แต่ค่าดีฟอลต์ heap ของ Windows 10 ยังปรับแต่งมาสำหรับงานเซิร์ฟเวอร์ และกระบวนการคอมไพล์ Chrome แบบเปิด Segment Heap ยังเจอปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งถึงจะสมบูรณ์ ที่มา - Chromium Bugs, Chromium Gerrit, MSpoweruser
# เราไม่ทิ้งกัน Sony เตรียมอัพเดต Android TV Bravia รุ่นปี 2015 จาก Nougat เป็น Oreo Sony เตรียมอัพเดตเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น v6.827 ให้แอนดรอยด์ทีวีตระกูล Bravia รุ่นปี 2015 จาก Android 7 Nougat เป็น Android 8 Oreo ได้ แม้จะยังไม่ใช่ Android 9 Pie ที่เป็นรุ่นล่าสุด แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ทีวีอายุ 5 ปี ยังได้รับการอัพเดตอยู่ ผู้ใช้จะได้ UI ใหม่ Google Play Store ที่ได้รับการอัพเดตใหม่ อัพเดตไฟล์ที่เล่นได้ผ่าน USB/DLNA ใช้งาน Google Assistant ได้ และได้แอพ Video, Music และ Photos ที่ปรับปรุงใหม่ ตอนนี้ Sony ออกอัพเดตให้กับทีวีรหัสขึ้นต้นด้วย KDL และเฉพาะรุ่นที่วางจำหน่ายใน Asia Pacific เท่านั้น และสามารถดูรายละเอียดรุ่นที่รองรับแบบเต็มๆ ได้ ที่ลิงก์นี้ ที่มา - Sony via Android Community
# Adobe เปลี่ยนโลโก้ Creative Cloud ใหม่ใส่สีสัน เพิ่มความเป็นครีเอทีฟ Adobe เผลี่ยนโลโก้ผลิตภัณฑ์ในเครือหลายตัว ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ Creative Cloud หรือโลโก้แทนกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับงานครีเอทีฟ จากเดิมโลโก้มีแค่สองสีคือขาวและแดง Adobe ได้ใส่สีสันเข้าไปเพิ่มมากมาย ให้ความรู้สึกสร้างสรรค์และดูมีความครีเอทีฟมากขึ้น มีการปรับเปลี่ยนโลโก้ในผลิตภัณฑ์ย่อยๆ ในกลุ่ม Creative Cloud ทั้งหมดคือ ตัดเส้นขอบสีด้านนอกออก และเปลี่ยนสีตัวอักษรย่อข้างในให้ดูเด่นขึ้น ส่วนโลโก้ Adobe Document Cloud แทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเอกสารเพื่อธุรกิจ ก็มีการตัดเส้นขอบด้านนอกออก ทำสัญลักษณ์ด้านในให้หนาเด่นขึ้น โลโก้ใหม่ Adobe Experience Cloud แทนกลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจ การตลาด ใช้ตัว A จากคำว่า Adobe พร้อมสีแดงโทนอุ่นขึ้น กรอบด้านนอกมนและไม่มีขอบ ที่มา - Adobe
# Zoom จะเริ่มทดสอบเข้ารหัส E2E เดือนหน้า, ผู้ใช้ฟรีก็จะได้ถ้าลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์ Zoom เปิดเผยว่าเตรียมจะทดสอบการให้บริการโดยการเข้ารหัส end-to-end ในเดือนหน้า โดยเป็นตัวเลือกการเข้ารหัสเสริม แอดมินหรือโฮสต์ต้องเป็นคนเลือกเปิดการเข้ารหัสแบบนี้ ขณะที่การเข้ารหัสดีฟอลต์จะยังคงเป็น AES 256 GCM อยู่ นอกจากนี้ Zoom ยังปรับปรุงเงื่อนไขการเข้ารหัส end-to-end สำหรับแอคเคาท์ฟรีด้วยว่าการใช้งานจะมีการเข้ารหัส ถ้าหากลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ จากก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าแอคเคาท์ฟรีจะไม่มีการเข้ารหัส end-to-end ให้เพราะป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด ที่มา - Zoom
# AMD ยืนยัน Zen 3 ออกตามกำหนดในปี 2020 แต่ไม่ระบุว่าเป็น Ryzen 4000 หรือไม่ จากข่าวลือว่า AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว Ryzen 4000 ไปปีหน้าเพราะไม่มีคู่แข่งสมน้ำสมเนื้อ โฆษกของ AMD ออกมาปฏิเสธข่าวนี้แล้ว โดยบอกว่าซีพียูที่ใช้แกน Zen 3 จะยังวางขายตามกำหนดเดิมภายในปี 2020 เว็บไซต์ ExtremeTech ชี้ประเด็นว่า AMD ใช้คำว่า "Zen 3" โดยไม่อ้างอิงชื่อผลิตภัณฑ์เจาะจง จึงอาจตีความได้ว่าซีพียู Zen 3 จะมาจริงๆ ภายในปีนี้ แต่หมายถึง Epyc Gen 3 โค้ดเนม Milan ที่เคยประกาศตัวไปแล้วว่าออกปี 2020 แทน Ryzen 4000 (โค้ดเนม Vermeer) อย่างที่เราเข้าใจกัน เว็บไซต์ Tom's Hardware ประเมินว่า AMD น่าจะยังไม่รีบอัพเดต Threadripper เพราะยังไร้คู่แข่งในตอนนี้ (จำนวนคอร์ซีพียูฝั่งอินเทลน้อยกว่ามาก) ส่วนซีพียู Ryzen สำหรับโน้ตบุ๊กก็เพิ่งอัพเดตไป จึงเหลือแต่ Epyc ที่เหมาะแก่การอัพเดตก่อนเพื่อน (และประกาศไว้แล้ว) ที่มา - Tom's Hardware, ExtremeTech
# Antonio Neri ซีอีโอ HPE ติด COVID-19 แต่อาการดีขึ้นแล้ว ทำงานแบบกักตัวที่บ้าน Antonio Neri ซีอีโอของ Hewlett Packard Enterprise (HPE) ออกมายอมรับว่าตรวจพบ COVID-19 แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นมาแล้ว เขาระบุว่าจะกักตัวอยู่ที่บ้าน แต่ก็ยังทำงานตามปกติ สัปดาห์หน้า HPE จะมีงานใหญ่ประจำปีคือ HPE Discover ซึ่งรอบนี้จัดเป็นงานออนไลน์ โดยโฆษกของ HPE ระบุว่า Neri ก็จะมีส่วนร่วมกับงานตามภารกิจของซีอีโอเช่นกัน Neri ถือเป็นผู้บริหารของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่คนแรกๆ ที่เป็น COVID-19 ที่มา - Business Insider ภาพจาก HPE
# Microsoft Edge ตัวใหม่เตรียมยกเครื่องฟีเจอร์ด้าน PDF ให้ทัดเทียม Edge ตัวเก่า ไมโครซอฟท์ประกาศแผนการพัฒนาฟีเจอร์ชุดใหญ่ให้ตัวอ่าน PDF ของ Microsoft Edge ตัวใหม่ที่อิงจากตัวอ่าน PDF ของ Chromium ซึ่งมีฟีเจอร์น้อยกว่า Edge ตัวเก่าอยู่พอสมควร ฟีเจอร์หลายอย่างเป็นการเขียนใหม่โดยอิงจากฟีเจอร์เดิมที่ผู้ใช้เรียกร้องกันเข้ามา ฟีเจอร์ที่ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะพัฒนา (แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลา) ได้แก่ Table of Contents รองรับการแสดงสารบัญของไฟล์ PDF Highlight mode เข้าโหมดนี้เพื่อเลือกข้อความที่จะไฮไลท์ได้เลย ไม่ต้องกดปุ่มปากกาไฮไลท์ให้เสียเวลา Text notes เพิ่มโน้ตที่เป็นข้อความ ฝังลงในไฟล์ PDF ได้เลย Protected PDF files รองรับไฟล์ PDF ที่จำกัดสิทธิการเข้าถึง ด้วยเอนจิน Microsoft Information Protection Digital signatures รองรับลายเซ็นดิจิทัล ดูข้อมูลและตรวจสอบใบรับรอง Smoother scroll ปรับปรุงการเลื่อนหน้าจอแบบนุ่มลื่น ที่เคยมีใน Edge ตัวเก่า นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังจะปรับปรุงฟีเจอร์สำหรับคนพิการ (accessbility) เช่น การกรอกฟอร์มด้วยโปรแกรมอ่านหน้าจอ ซึ่งตอนนี้รองรับการอ่านออกเสียงจากเนื้อหาใน PDF เรียบร้อยแล้ว ที่มา - Microsoft Edge Insider
# Dropbox แบ็คอัพโฟลเดอร์อื่นของพีซีได้แล้ว ที่อยู่นอกโฟลเดอร์ Dropbox นอกจากแอพจัดการรหัสผ่าน Dropbox Passwords ทาง Dropbox ยังประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ให้แอพหลักของตัวเอง ดังนี้ Dropbox Vault พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเก็บรักษาไฟล์สำคัญๆ โดยมีรหัส PIN ช่วยป้องกันการเข้าถึงอีกชั้น และแชร์ให้คนสนิทที่ไว้ใจ (trusted contact) ได้ Computer Backup สั่งแบ็คอัพโฟลเดอร์สำคัญๆ ของคอมพิวเตอร์ เช่น Desktop, Documents, Downloads ลงใน Dropbox ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใส่ลงในโฟลเดอร์ Dropbox Dropbox Family ในที่สุด Dropbox ก็มีแพ็กเกจจ่ายเงินแบบครอบครัว สูงสุด 6 คน ได้พื้นที่ 2TB นับโควต้าร่วมกัน แต่แยกเก็บไฟล์ของตัวเองได้ ยังไม่ประกาศราคา HelloSign บริการเซ็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ซื้อมาเมื่อต้นปี 2019 เพิ่มเข้ามาในแอพ Dropbox แล้ว เซ็นเอกสารได้โดยไม่ต้องมีแอพแยก App Center หน้าจอรวมสิทธิการเข้าถึงจากแอพต่างๆ เช่น Zoom, Slack, Google ที่เข้ามาเรียกใช้ไฟล์บน Dropbox ของเรา ที่มา - Dropbox Blog
# [ลือ] เคราะห์ซ้ำกรรมซัด Samsung อาจไม่ผลิตชิปสมาร์ทโฟนให้ Huawei หลัง TSMC โบกมือลา แม้ชิป Kirin จะเป็นชิปแบรนด์ Huawei เอง แต่เพราะ Huawei ไม่มีโรงงาน จึงต้องพึ่งการผลิตจาก TSMC แต่ข้อกำหนดใหม่ของสหรัฐ ทำให้ TSMC ไม่สามารถผลิตชิปให้กับ Huawei ได้อีกต่อไป และจากข่าวล่าสุด ดูเหมือนว่า Samsung ก็จะไม่ผลิตชิปให้กับ Huawei เช่นกัน โดยสำนักข่าว DigiTimes อ้างผู้สังเกตุการณ์ในอุตสาหกรรมว่าซัมซุงไม่น่าจะเสี่ยงเข้ามารับงานนี้ แม้จะเป็นผู้ผลิตหน้าจอ OLED และชิปหน่วยความจำให้กับ Huawei อยู่แล้วก็ตาม และอาจจะยังผลิตชิปโมเด็มให้กับมือถือรุ่นกลางถึงล่างของ Huawei อีกด้วย Huawei อาจต้องหันไปใช้วิธีการผลิตแบบเก่า หรือก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่าพยายามซื้อชิปของ MediaTek แต่ถูก MediaTek ปฏิเสธข่าวภายหลัง หรืออาจใช้ชิปจาก Spreadtrum ที่่เป็นผู้ผลิตในจีนแทน แต่ก็จะทำให้ชิปในมือถือรุ่นถัดไปของ Huawei อาจมีประสิทธิภาพน้อยกว่าเดิม และไม่ประหยัดพลังงานเท่าชิปอื่นในตลาด แม้รัฐบาลจีนจะพยายามผลักดันโรงงานผลิตชิปให้คิดค้นกระบวนการผลิตใหม่ๆ และเร่งเพิ่มการผลิตมากขึ้น และแม้ Huawei จะเริ่มย้ายไปผลิตชิปกับ SMIC แล้ว แต่เทคโนโลยีการผลิตล่าสุดของ SMIC ยังเป็นขนาด 14nm อยู่ และเพิ่งเริ่มพัฒนากรรมวิธีการผลิตแบบ 7nm เท่านั้น ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการตามคู่แข่งอย่าง TSMC หรือ Samsung ให้ทัน ที่มา - SamMobile, Android Headlines, DigiTimes
# New Pokemon Snap เกมถ่ายรูปโปเกมอนจาก Nintendo 64 ทำเวอร์ชันใหม่ลง Switch นินเทนโดประกาศรีเมคเกม Pokemon Snap เกมถ่ายรูปโปเกมอนที่เคยลง Nintendo 64 ตั้งแต่ปี 1999 ลงเครื่อง Nintendo Switch Pokemon Snap เวอร์ชันต้นฉบับเป็นเกมแนว rail shooter (เกมยิงแบบเราไม่ต้องเคลื่อนที่เอง ยิงอย่างเดียว) ที่ตัวเอกเป็นช่างภาพ ต้องไปถ่ายรูปบนเกาะแห่งหนึ่งที่มีโปเกมอนอาศัยอยู่เต็มไปหมด และต้องถ่ายรูปโปเกมอนในอิริยาบถต่างๆ ให้สวยงาม เกมเวอร์ชันต้นฉบับมีเฉพาะโปเกมอน gen 1 เท่านั้น ส่วน New Pokemon Snap เวอร์ชันใหม่พัฒนาอิงตามแนวคิดของต้นฉบับ แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว มีโปเกมอนจากหลาย gen และฉากใหม่ๆ อีกมาก (รายละเอียดของเกมเพลย์ยังมีไม่เยอะนัก) เกมเวอร์ชันนี้จะพัฒนาโดย Bandai Namco และยังไม่ระบุวันวางจำหน่ายที่ชัดเจน บอกแค่ว่า "เร็วๆ นี้" ที่มา - IGN
# Gmail เวอร์ชันมือถือ เตรียมเพิ่มปุ่ม Google Meet ประชุมได้จากใน Gmail เลย ผู้ใช้ Gmail เวอร์ชันเว็บ เริ่มเห็นปุ่มเรียกประชุมผ่าน Google Meet กันมาได้สักระยะ ล่าสุดกูเกิลประกาศขยายปุ่ม Google Meet มายัง Gmail เวอร์ชันมือถือทั้ง Android และ iOS หน้าตาของแอพ Gmail จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยมีแท็บ Mail / Meet โผล่ขึ้นมาด้านล่าง (สามารถปิดแท็บได้ใน Settings) ผู้ใช้สามารถสร้างห้องประชุมไว้ล่วงหน้าตามตารางเวลาที่กำหนด หรือจะเข้าร่วมห้องประชุมของคนอื่นผ่านการกรอกโค้ดห้องประชุมก็ได้ และหากผู้ใช้กดลิงก์ที่เป็น meet.google.com ในอีเมล ก็สามารถเข้าร่วมประชุมจากแอพ Gmail ได้โดยตรงเลย ฟีเจอร์ Meet in Gmail จะเริ่มทยอยเปิดใช้ทั้งกลุ่มผู้ใช้ Gmail ทั่วไป และผู้ใช้ G Suite ที่มา - G Suite, Google
# Adobe Lightroom เพิ่มฟีเจอร์ Local Hue ดึงสีเฉพาะจุดได้โดยไม่ทำให้สีทั้งภาพเปลี่ยน Adobe Lightroom เพิ่มฟีเจอร์ Local Hue เพิ่มโทนสีหรือดึงสีเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งของรูปภาพได้ โดยไม่กระทบต่อโทนสีหรือค่า White Balance ในจุดอื่นๆ ของภาพ อัพเดตใน ACR (Adobe Camera Raw), Lightroom Classic, Lr Mac/Win, iOS, Android Local Hue จะช่วยให้ช่างภาพปรับแต่งสีผิวของคนได้ เช่น ปรับโทนที่ผิวไหม้แดงจากแดดออก จัดการสีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือเปลี่ยนสีดอกไม้ในพุ่มหญ้าให้มีหลายสีแทนที่จะมีสีเดียว เป็นต้น Adobe Lightroom บนแพลตฟอร์ม Mac/Win, iOS, Android ยังเพิ่ม Versions แสดงสำเนารูปในเวอร์ชั่นต่างๆ ของรูปที่แต่งออกมา เก็บไว้ในเมนู Versions เช่น เวอร์ชั่นสี เวอร์ชั่นขาวดำ เป็นประโยชน์เวลาที่ต้องการใช้รูปเดียวแต่ใช้ในหลายๆ แบบ ช่วยให้หารูปง่าย ผู้ใช้งาน Lightroom iPad สามารถส่งรูปไปแต่งต่อบน Photoshop for iPad ได้แล้วโดยแตะที่ปุ่ม Edit in Photoshop ที่มา - Adobe
# Facebook ยืนยันไม่จ่ายเงินให้กับสำนักข่าวในออสเตรเลีย ระบุไม่มีข่าวก็กระทบไม่มาก หลังจากรัฐบาลออสเตรเลียสั่งให้ หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในออสเตรเลีย (ACCC) ร่างกฎหมายบังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องจ่ายเงินให้สำนักข่าวหากใช้เนื้อหาข่าวบนแพลตฟอร์ม เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด Facebook ออกมายืนยันว่าจะไม่จ่ายเงินให้กับสำนักข่าวอย่างแน่นอน โดยก่อนหน้านี้ Google ก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนดังกล่าวเช่นเดียวกัน Facebook ให้เหตุผลว่า กฏหมายดังกล่าวเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม เพราะจะเป็นการบังคับให้อุดหนุนคู่แข่ง และอาจจะทำให้ค่าโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มสูงขึ้นได้ ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรให้ Facebook และ Google เป็นผู้รับผิดชอบต่อปัญหาทางการเงินที่สำนักข่าวในออสเตรเลียกำลังเผชิญแต่เพียงลำพัง นอกจากนี้ Facebook ยังระบุอีกว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักหากตัดการรายงานข่าวออกจากหน้าฟีด เพราะได้ปรับอัลกอริทึมให้เน้นแสดงโพสต์ที่มาจากเพื่อนและครอบครัวของผู้ใช้งานมากกว่าเพจมาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ก่อนหน้านี้ Facebook ได้บริจาคเงินกว่า 3 พันล้านบาทเพื่อช่วยเหลือสำนักข่าวท้องถิ่นที่ขาดรายได้จากการโฆษณา ที่มา - The Guardian
# Adobe Premiere Rush แอปตัดต่อวิดีโอเพิ่ม Auto Reframe กำหนดวัตถุให้อยู่ตรงกลางอัตโนมัติ Adobe เปิดตัวแอป Premiere Rush หรือแอปตัดต่อวิดีโอที่ไม่ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือมากเท่า Premiere Pro มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดอัพเดตฟีเจอร์ใหม่คือ Auto Reframe กำหนดวัตถุให้อยู่ตรงกลางอัตโนมัติในทุกสัดส่วน ทั้ง 16:9, 1:1, 9:16 อัพเดตในทุกอุปกรณ์ทั้ง iOS, แอนดรอยด์และเดสก์ทอป นอกจากนี้ยังเพิ่มเครื่องมือ Pan และ Zoom ในแถบเครื่องมือ Effects Panel ช่วยทำให้ภาพนิ่งธรรมดามีการเคลื่อนไหว สามารถกำหนดจุดที่จะเน้นในรูปภาพนิ่งได้ เมื่อนำภาพนิ่งมาต่อกับวิดีโอ จะช่วยให้ภาพมีการเคลื่อนไหวและดูกลมกลืนไปกับส่วนอื่นๆของวิดีโอมากขึ้น ที่มา - Adobe
# Photoshop อัพเดตเครื่องมือ Select Subject แยกคนออกจากพื้นหลังได้ละเอียดถึงระหว่างเส้นผม Adobe อัพเดต Photoshop เวอร์ชั่น 21.2 บนเดสก์ทอป เพิ่มความสามารถบนเครื่องมือ Select Subject หรือการแยกวัตถุออกจากพื้นหลัง โดยเวอร์ชั่นใหม่นี้ใช้ความสามารถของ AI Sensei แยกรายละเอียดระหว่างรูปบุคคลกับพื้นหลังได้ละเอียดถึงระหว่างเส้นผมเลย ซึ่งเวอร์ชั่นก่อนทำได้เต็มที่คือแยกคนออกมาเป็นก้อน ถ้ามีพื้นที่ระหว่างเส้นผมก็จะยังไม่สามารถแยกวัตถุที่ได้รายละเอียดถึงพื้นที่ระหว่างเส้นผม ซึ่งAdobe ใช้ AI ปรับปรุงส่วนนี้ให้ดีขึ้น ที่มา - Adobe
# 3BB ตั้งเป้าทำรายการผ่านแอป 100% เพิ่มความปลอดภัยช่วงคลายล็อค สถานการณ์โควิดทำให้ความชัดเจนของดิจิทัลแพลตฟอร์มมีมากขึ้น ส่งผลให้มีกลุ่มผู้ใช้งานแอป 3BB Member เพิ่มขึ้นไปในตัว 3BB พัฒนาช่องทางดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวัน เพื่ออำนวยความสะดวก ง่ายต่อการใช้งาน และสนับสนุนให้ลูกค้าใช้แอปเพื่อเพิ่มความปลอดภัยช่วงคลายล็อค 3BB Member Application แพลตฟอร์มที่ 3BB พัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองการใช้งานของลูกค้าในทุกเรื่องของงานบริการ เพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนไป ฟีเจอร์ต่างๆ ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงการใช้งานที่ง่าย สะดวก และทันสมัย นอกจากนี้ยังมีการนำคอนเทนต์บันเทิงที่อยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลมาเสริมให้แอป 3BB Member มีความหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้แบบตรงจุด จึงทำให้มียอดการใช้บริการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนใช้งาน 1.6 ล้านราย จากจำนวนลูกค้าที่มีทั้งหมด 3.32 ล้านราย 3BB Member แอปที่พร้อมอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในทุกด้าน 3BB Member Application มีฟีเจอร์เด่นๆ สามารถตอบรับได้ทั้งลูกค้าใหม่ที่ต้องการสมัครใช้บริการ และลูกค้าเดิม ที่สามารถเข้ามาตรวจสอบข้อมูลบริการต่างๆ ตลอดจนการรับสิทธิพิเศษในแคมเปญ Privilege & Reward นอกจากนี้แอป 3BB ยังอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถชำระค่าบริการได้ทันที โดยเฉพาะในช่วงสภาวะ Lockdown พบว่ามีการเข้าใช้งานสูง และเป็นอีกหนึ่งช่องทางชำระค่าบริการที่สำคัญอีกช่องทางนึง โดยจำนวนผู้ชำระค่าบริการเพิ่มสูงขึ้นกว่า 30% ในอนาคต 3BB มีแนวทางพัฒนาแอป 3BB Member ให้เป็นหนึ่งใน ecosystem สำคัญที่สามารถใช้งานควบคู่กับแอปในครอบครัวได้อย่างไร้รอยต่อ เพิ่มคุณค่าและประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการ เสมือนมีศูนย์บริการหรือคอลเซ็นเตอร์อยู่ในมือ ครบทั้งสาระ และบันเทิง จากเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แพลตฟอร์มดังระดับโลก ถึงแม้สถานการณ์โควิดกำลังเริ่มดีขึ้น แต่พฤติกรรมและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคปัจจุบันยังคงอยู่บนโลกออนไลน์เกือบตลอดเวลา ทั้งการติดตามข่าวสาร รับชมความบันเทิง และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แอป 3BB จึงได้เพิ่มแพลตฟอร์มความบันเทิงระดับเวิลด์คลาสอย่าง HBO GO ซึ่งเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับจากผู้ชมทั่วโลกยกให้เป็นหนึ่งในด้านคอนเทนต์บันเทิง ที่มีทั้งหนัง ซีรีส์ สารคดี รวมถึง MONOMAX ให้ลูกค้า 3BB GIGATainment สามารถรับเลือกรับชมได้แบบง่ายๆ สะดวกรวดเร็วจากแอป 3BB ที่เดียว ตอบสนองวิถีชีวิตใหม่จากออฟไลน์สู่ออนไลน์แบบไร้รอยต่อด้วย 3BB Member Application แอปที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า 3BB มีครบครันทั้งบริการและบันเทิงที่พร้อมให้ลูกค้าได้ครบจบในที่เดียว รองรับได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ชีวิตวิถีใหม่ ก้าวต่อไปของคนไทย ที่ 3BB พร้อมพาทุกคนเดินไปด้วยกัน
# Etsy เว็บขายของทำมือเปิดฟังก์ชั่น AR เอามือถือจ่อวางสินค้าในบ้านเสมือนจริง Etsy แพลตฟอร์มขายของทำมือ เพิ่มฟังก์ชั่น AR บนแอป iOS เอามือถือจ่อเพื่อดูว่าสินค้าเมื่อนำมาวางในบ้านแล้วเหมาะสมหรือไม่ โดยเริ่มใช้งานกับผลิตภัณฑ์จำพวก ภาพวาด, รูปถ่ายใส่กรอบ, รูป portrait แสดงผลเป็นภาพสองมิติ Etsy ระบุด้วยว่า สินค้าในหมวด Art and Collectibles มีขายกว่า 5 ล้านชิ้น การเปิดฟังก์ชั่น AR ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าสินค้าชิ้นไหน เหมาะกับผนังบ้านหรือที่ทำงานของเรา ทางบริษัทระบุว่าฟีเจอร์ AR จะเปิดใช้งานในแอนดรอยด์ด้วย เร็วๆ นี้ ที่มา - Etsy
# บันเดิลเกมอินดี้เพื่อคนดำของ Itch.io มีเกมเข้าร่วม 1,741 เกม ระดมทุนได้ 8.1 ล้านดอลลาร์ ต่อจากข่าว Itch.io ขายบันเดิลเกมอินดี้ชุดใหญ่ 742 เกมในราคา 5 ดอลลาร์ ระดมทุนให้องค์กรคนดำ ตอนนี้จบช่วงระดมทุน 9 วันตามแผนแล้ว สรุปว่าทำเงินได้ 8.1 ล้านดอลลาร์ ทะลุเป้าเดิม 2 ล้านดอลลาร์ (ตอนหลังปรับเป็น 5 ล้านดอลลาร์) ไปไกล สิ่งที่น่าสนใจคือบันเดิล Bundle for Racial Justice and Equality ชุดนี้เปิดให้ผู้พัฒนาเกมสามารถร่วมเพิ่มเกมของตัวเองเข้ามาได้ตลอดเวลาระหว่างการระดมทุน ทำให้จำนวนเกมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากตอนข่าวเก่าที่ 742 เกม มาจบที่ 1,741 เกม คิดเป็นมูลค่า 9,490 ดอลลาร์ ในราคาขั้นต่ำเพียง 5 ดอลลาร์ สถิติการซื้อชุดบันเดิลระบุว่าค่าเฉลี่ยของการจ่ายเงินอยู่ที่ 10.03 ดอลลาร์ มีคนจ่ายให้สูงสุด 5,000 ดอลลาร์ และมีคนร่วมซื้อบันเดิลทั้งหมดกว่า 8.1 แสนคน เงินทั้งหมดจะถูกบริจากให้สองหน่วยงานคือ NAACP Legal Defense and Educational Fund และ Community Bail Fund ในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งเท่ากัน ที่มา - Itch.io, GamesIndustry.biz
# Google เตรียมเปลี่ยนกระบวนการ 2FA ยืนยันผ่านมือถือที่ล็อกอิน แทนการส่ง SMS การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (two-factor authentication) ปกติใช้การส่ง OTP มาทางเบอร์โทรศัพท์ แต่ก็มีปัญหาการโคลนซิม หรือการขอซิมใหม่จากผู้ให้บริการมือถือที่เป็นช่องโหว่จนมีการโจมตีแฮกบัญชีผู้ใช้ไปแล้วหลายครั้ง Google เลยปรับค่าเริ่มต้นของการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน ในการล็อกอินเข้าใช้บริการของ Google ให้เป็นการส่ง notification บนมือถือแทนการส่ง SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ โดยเมื่อผู้ใช้ล็อกอินด้วยรหัสผ่านสำเร็จแล้ว กูเกิลจะส่งหน้าจอแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์ที่เคยล็อกอินบัญชีเดียวกันไว้ แสดงคำถามยืนยันว่าเป็นคนล็อกอินจริงหรือไม่ หรืออาจแสดงตัวเลขบนหน้าจอว่ามองเห็นตัวเลขตรงกันหรือไม่ การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มใช้ในวันที่ 7 กรกฎาคม ยกเว้นบัญชีนั้นใช้ระบบ security keys ของ Google อยู่แล้ว แต่ทุกบัญชีสามารถปรับกลับไปใช้ระบบส่ง OTP ทาง SMS ได้หากต้องการ ที่มา - Gsuite Updates Blog via Engadget
# T-Mobile ปลดพนักงาน Sprint หลายร้อยตำแหน่ง เพราะซ้ำซ้อนหลังควบกิจการ หลังจากประกาศควบกิจการไปเมื่อปี 2018 และเพิ่งจะควบเสร็จเต็มรูปแบบเมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมา ล่าสุด T-Mobile ประกาศปลดพนักงานในเครือ Sprint หลายร้อยคน เนื่องจากมีตำแหน่งซ้ำซ้อน ไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่า T-Mobile ปลดพนักงานไปทั้งหมดกี่คน แต่มีพนักงานของ Sprint กว่า 400 คนที่ฟังการแจ้งข่าวจาก James Kirby รองประธานบริษัท แผนกของ Sprint ที่คาดว่าได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ BISO ซึ่งดูแลเกี่ยวกับการขายให้กับธุรกิจขนาดเล็ก พนักงานที่ถูกปลดจะยังคงอยู่ในตำแหน่งอีก 2 เดือนและจะได้รับค่าชดเชย 2 สัปดาห์ต่อจำนวนปีที่ทำงาน นอกจากนี้ T-Mobile ก็เปิดรับสมัครพนักงานใหม่กว่า 200 ตำแหน่ง พร้อมทั้งขอให้พนักงานที่ถูกปลดเข้ามาสมัครอีกด้วย ที่มา - Android Authority
# Blued แอปหาคู่สำหรับเกย์จากจีน เตรียมเข้า IPO ตั้งเป้าขยายกลุ่มผู้ใช้งานไปทั่วโลก BlueCity Holdings บริษัทผู้พัฒนาแอปหาคู่สำหรับเกย์ที่ดังในจีน หรือ Blued เตรียมเข้า IPO ในตลาดหุ้น Nasdaq ตั้งเป้าระดมทุนได้ 50 ล้านดอลลาร์ โดยทางบริษัทยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Ma Baoli ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ BlueCity Holdings กล่าวว่าการเป็นบริษัทมหาชนจะช่วยส่งเสริมให้บริษัทยังคงขยายแบรนด์ไปทั่วโลก และช่วยปรับปรุงการกำกับดูแลกิจการรวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการของ BlueCity แก่ชุมชน LGBTQ BlueCity Holdings ก่อตั้งเมื่อปี 2011 ทางบริษัทระบุว่าตัวแอป Blued มีผู้ใช้งานทั้งหมด 49 ล้านคนใน 210 ประเทศ มีผู้ใช้งานแอคทีฟรายเดือน 6 ล้านรายต่อเดือน โดย 49% ของผู้ใช้งานเป็นผู้ใช้นอกเหนือจากประเทศจีน ในรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดระบุว่า มีรายได้ 29.3 ล้านดอลลาร์ ตัวแอปมีรูปแบบสมัครใช้งานพรีเมี่ยมด้วย โดยจ่าย $9.99/เดือน, $19.99/3 เดือน และ $49.99/ปี ที่มา - Reuters
# Facebook เตรียมให้ผู้ใช้งานปิดการมองเห็นโฆษณาการเมืองได้ ในบทความเปิดตัว Voting Information Center ของ Facebook มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ได้เปิดเผยด้วยว่าจะให้ผู้ใช้งาน เลือกปิดโฆษณาการเมืองได้ โฆษณาการเมืองก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ Facebook ถูกวิจารณ์ ในขณะที่โซเชียลมีเดียเจ้าอื่นบางราย เลือกจะไม่รับโฆษณาจากนักการเมือง พรรคการเมืองใดๆ เลย (กูเกิลรับ แต่จำกัดกลุ่มเป้าหมาย) แต่ Facebook ยังรับอยู่และยังยืนยันจะไม่ลบด้วยถ้าโฆษณานั้นๆ มีข้อมูลเท็จ ล่าสุด มาร์ค เผยแนวทางโฆษณาการเมืองเพิ่มเติมว่าจะให้สิทธิ์ผู้ใช้งานปิดโฆษณาการเมืองทั้งหมดไปเลย ด้านโฆษก Facebook เผยเพิ่มเติมว่าจะทยอยเพิ่มฟังก์ชั่นปิดโฆษณาการเมืองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่มา - Tech Insider
# แอปหาคู่ 9 แอป ทำข้อมูลหลุดกว่า 845 GB รวมข้อความ-ภาพในแชต เพราะคอนฟิก S3 ผิด นักวิจัยจาก vpnMentor เว็บไซต์เปรียบเทียบ vpn และลงข่าวข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต เปิดเผยว่าเข้าไปพบ AWS S3 bucket ที่คอนฟิกผิด และมีข้อมูลผู้ใช้แอปหาคู่ 9 แอป เช่น แนวเสี่ยหาเด็กเลี้ยงแบบ SugarD, หาคู่สำหรับผู้หญิงอายุเยอะกว่า CourgarD, แอปหาคู่เกย์สายหมี Gay Daddy Bear, แอปหาคู่ของคนที่เป็นโรคเริม Herpes Dating (อิหยังวะ) และอีกมากมาย ที่คาดว่ามีผู้พัฒนารายเดียวกัน ข้อมูลที่หลุดประกอบไปด้วยรูปภาพแนว 18+ ข้อมูลการสนทนา ข้อมูลบัญชีธนาคาร ไฟล์บันทึกเสียง และข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตนผู้ใช้ได้ มากว่า 845 GB จำนวนประมาณ 20 ล้านไฟล์ คาดมีข้อมูลของผู้ใช้ ราว 100,000 คน แต่ข้อมูลก็ถูกล็อกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังผู้ค้นพบแจ้งหนึ่งในเว็บไซต์ที่ข้อมูลหลุดไป ที่มา - vpnMentor via The Register ภาพจาก Shutterstock
# Facebook เปิดตัวศูนย์ข้อมูลเลือกตั้งสหรัฐฯ แสดงบนหน้าฟีด ตั้งเป้าให้คนอเมริกันกว่า 160 ล้านคนเห็นข้อมูลนี้ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เขียนบทความลง USA Today เผยฟังก์ชั่นใหม่บน Facebook เพื่อการเลือกตั้งสหรัฐฯที่กำลังจะมาถึงโดยเฉพาะ คือเปิดให้คนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งมาลงทะเบียนเลือกตั้งผ่านทาง Facebook ได้ ตั้งเป้าคนมาลงทะเบียน 4 ล้านราย และเปิดตัวตัวศูนย์ข้อมูลเพื่อการเลือกตั้งหรือ Voting Information Center โดยจะปรากฏบนโพสต์แรกของหน้าฟีดใน Facebook และ Instagram ตั้งเป้าว่าจะมีคนสหรัฐฯ 160 ล้านรายเห็นข้อมูลนี้ โดยใน Voting Information Center มีการรวมข้อมูลเลือกตั้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมข้อมูลวิธีการและช่วงเวลาเลือกตั้งในรูปแบบต่างๆ ทั้งเลือกตั้งผ่านไปรษณีย์, เลือกตั้งล่วงหน้าที่กินระยะเวลาตั้งแต่เดือน ก.ค. - พ.ย. รวมถึงระบบแจ้งเตือนนับถอยหลังสู่วันเลือกตั้งในรูปแบบต่างๆ คนที่ตามข่าว Facebook คงจะพอทราบกันว่า Facebook ถูกวิจารณ์หนักเรื่องเป็นแพลตฟอร์มแพร่ข่าวปลอมที่สร้างขึ้นเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 จากเหตุการณ์นั้นทำให้ Facebook ถูกสังคม, รัฐบาลและฝ่ายกฎหมายทั่วโลกเพ่งเล็งมาตลอด และรอดูทีท่าว่า Facebook จะปรับตัวอย่างไรเมื่อการเลือกตั้งรอบใหม่มาถึง ล่าสุดยังมีกรณีโพสต์ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีเนื้อหาส่งเสริมความรุนแรงและคุกคามประชาชน แต่ Facebook ก็นิ่งเฉย ไม่แปะป้ายเตือนหรือซ่อนโพสต์ ทำให้สังคมยิ่งเพ่งเล็งหนักเข้าไปอีกว่า บทบาทของ Facebook ในการเลือกตั้งจะมีความโน้มเอียงหรือไม่ ที่มา - USA Today
# Basecamp เปิดตัว Hey แอพอีเมลแนวคิดใหม่ ปีละ 99 ดอลลาร์, โดน App Store ขู่แบนทันที Basecamp แอพจัดการโครงการชื่อดัง (บริษัทของ David Heinemeier Hansson ผู้สร้าง Ruby on Rails) เปิดตัวบริการใหม่ Hey เป็นระบบอีเมลแนวคิดใหม่ ที่แก้ปัญหาความน่ารำคาญหลายเรื่องของอีเมล Hey มีแนวคิดใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ระบบป้องกันคนแปลกหน้าส่งอีเมลมารบกวน โดยทุกครั้งที่ได้รับอีเมลจากคนที่ไม่รู้จัก อีเมลจะเข้าไปอยู่ในกล่อง The Sreener ให้เรากดเลือกว่าจะรับอีเมลจากบุคคลนั้นอีกหรือไม่ เมื่อเราบอกรับอีเมลจากบุคคลนั้นแล้ว อีเมลจะถูกแยกเป็น 3 หมวด (แนวคิดคล้ายๆ Gmail/Inbox) ได้แก่ Imbox (ไม่ใช่ Inbox) อีเมลที่สำคัญจริงๆ The Feed จดหมายข่าว เมลประชาสัมพันธ์ เมลกลุ่มที่ไม่ต้องอ่านก็ได้ เก็บเข้าหมวเดเดียวกันให้อ่านยามว่าง The Paper Trail เมลที่เรามักไม่อ่าน แต่ต้องการเก็บไว้ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบยืนยันการสั่งสินค้า นอกจากการคัดแยกอีเมลเป็นหมวดหมู่ Hey ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจคือ Reply Later สำหรับการอ่านเมลแต่ไม่มีเวลาตอบ เราสามารถกดปุ่ม Reply Later เพื่อเก็บไว้ตอบในภายหลังรวดเดียวได้ ตรงนี้ Hey บอกว่าตั้งใจทำปุ่มนี้มาให้เฉพาะกิจ แตกต่างจากแพลตฟอร์มอีเมลอื่นๆ ที่ต้องใช้ปุ่ม Mark Unread หรือติดดาวไว้ให้รู้ว่าต้องมาตอบทีหลัง เมื่อมีเวลาตอบอีเมล (ซึ่งคนส่วนใหญ่มักตอบรวดเดียวชุดใหญ่) Hey จะมีหน้าจอ Focus & Reply เรียงอีเมลทั้งหมดที่ค้างไว้ใน Reply Later ให้อยู่ในหน้าจอเดียว เพื่อให้ไล่ตอบรวดเดียวจบโดยไม่ต้องสลับหน้าจอเลย Files เวลาค้นหาไฟล์ในอีเมล เราต้องนึกถึงอีเมลนั้นๆ ก่อนแล้วค่อยหาไฟล์ ซึ่ง Hey ทำหน้าจอ Files รวมไฟล์แนบทั้งหมดไว้ที่เดียวกัน และสามารถฟิลเตอร์ไฟล์ตามผู้ส่งหรือตามประเภทไฟล์ได้ Hey ยังมีฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ "ควบคุม" อีเมลได้ตามต้องการ เช่น กรณีที่ได้รับอีเมล Subject ไม่ชัดเจน เราสามารถแก้ชื่อ Subject ได้เองเพื่อมาตามค้นได้ในภายหลัง กรณีที่เป็นอีเมลคุยกันเป็นกลุ่ม (thread) เราสามารถกด Ignore เพื่อไม่ให้อีเมลนั้นแสดงผลได้, ถ้ามีใครสักคนอีเมลแยกมาถึงเราในหัวข้อที่คุยกันเป็นกลุ่ม จัดเมลเข้ากลุ่มได้, ตั้งค่า notification แยกเป็นรายคนหรือรายหัวข้อได้ Hey ยังบล็อคการตามรอย (tracking) จากเทคนิคการฝัง pixel มาในอีเมล ที่บรรดานักการตลาดชอบใช้กัน ฟีเจอร์ทั้งหมดจำเป็นต้องใช้ผ่านที่อยู่อีเมลอันใหม่ @hey.com และไคลเอนต์อีเมลของ Hey ซึ่งจะมีบนทุกแพลตฟอร์ม (Web, Mac, Windows, Linux, iPhone, iPad, Android) ในราคา 99 ดอลลาร์ต่อปี ได้พื้นที่เก็บข้อมูล 100GB แต่ตอนนี้ยังเปิดบริการเฉพาะคนที่ได้รับเชิญเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลังการเปิดตัว Hey ทาง Basecamp ก็มีปัญหากับแอปเปิลทันที ในประเด็นเรื่องการจ่ายเงินค่าสมาชิก 99 ดอลลาร์ที่ต้องเสียส่วนแบ่ง 30% ในแอปเปิล ("App Store Tax") โดยแอปเปิลแจ้งกับ Basecamp/Hey ว่าต้องให้ผู้ใช้จ่ายเงินผ่าน App Store เท่านั้น ไม่สามารถไปจ่ายนอกแอพได้ และถ้า Hey ไม่ทำตาม ก็จะถอดแอพ Hey ออกจาก App Store Hey ระบุว่าในแอพเวอร์ชัน iOS ไม่มีระบบจ่ายเงินผ่านแอพ และไม่มีลิงก์ให้ผู้ใช้กดไปจ่ายเงินนอกแอพด้วย ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ Netflix หรือ Spotify ทำอยู่ แต่ก็ไม่ทราบเหตุผลที่แอปเปิลออกมาขู่ Hey เพียงรายเดียว ทำให้ David Heinemeier Hansson ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้ทางทวิตเตอร์ โดยเรียกแอปเปิลว่าเป็น "แก๊งมาเฟีย" และเรียกร้องให้ EU เข้ามาสอบสวนแอปเปิลในเรื่องนี้ด้วย ที่มา - Hey, MacRumors
# รีวิว BenQ EW3280U จอคอม 4K HDR เป็นจอคอมก็ดี เล่นคอนโซลแทนทีวีก็ได้ ช่วงอยู่บ้านนานๆ แบบนี้ นอกจากการทำงานหรือเรียนผ่านหน้าจอทั้งวันแล้ว ความบันเทิง คลายเครียด ก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ดูซีรีส์ หรือเล่นเกม ซึ่งโดยปกติ หลายคนทำกิจกรรมเหล่านี้ผ่านจอทีวีเป็นส่วนใหญ่ วันนี้ผู้เขียนมีอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมาแนะนำ สำหรับคนที่อาจมีทีวีแค่เครื่องเดียวในบ้าน หรือไม่มีพื้นที่สำหรับวางทีวีเพิ่ม ลองหันมามองจอคอมแบบ 4K HDR ขนาด 32 นิ้วของ BenQ รุ่น EW3280U ดูได้ เพราะเป็นมอนิเตอร์ที่อัดฟีเจอร์มาแน่น ไม่แพ้กับทีวีจอใหญ่ๆ แถมมีลำโพง treVolo แบบ 2.1 ในตัว ไม่ต้องใส่หูฟัง หรือต่อลำโพงแยก EW3280U เป็นจอ 4K ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล ขนาด 32 นิ้ว ไม่ใหญ่เกินไปสำหรับใช้ทำงาน และเป็นขนาดที่กำลังดีในการใช้ดูหนัง 4K บน Netflix หรือเล่นเกมบน PS4 Pro ได้ชัดเจน เต็มตา นอกจากนี้ BenQ ยังใส่ฟีเจอร์มาให้ครบเทียบเท่าทีวีจอใหญ่ๆ ทั้งเทคโนโลยี HDRi การนำระบบภาพแบบ HDR มารวมกับ Eye-Care Brightness Intelligence Plus (B.I.+) ที่จะปรับความสว่างของจอเข้ากับระดับแสงในห้องโดยอัตโนมัติ แถมเป็นจอแบบ Low Blue Light (ปล่อยแสงสีฟ้าที่ส่งผลต่อดวงตาออกมาน้อย) และไม่มีการกะพริบ (Flicker Free) ลดสาเหตุที่ทำให้ตาล้า จอเป็นแบบขอบบาง 3 ด้าน ขาตั้งและขอบด้านล่างออกโทนสีทอง จับดูแล้วแน่นหนา แข็งแรงทนทาน สามารถขยับก้มเงยได้ 15 องศา กินพื้นที่ไม่มาก จะตั้งบนโต๊ะคอม หรือตั้งบนชั้นวางทีวี ต่อกับเครื่องเกมคอนโซลหรืออุปกรณ์อื่นๆ ไว้ก็ทำได้สะดวก แถมยังเป็นจอคอมที่มาพร้อมรีโมตคอนโทลที่เปิด ปิด ปรับฟังก์ชั่นต่างๆ และตั้งค่าหน้าจอได้ ทำให้สามารถตั้งจอได้ไกลตัวกว่าเดิม ไม่ต้องลุกไปเปิดปิดด้วยตัวเองตลอดเหมือนจอคอมทั่วไป พอร์ตเชื่อมต่อ ตัวเครื่องให้พอร์ต HDMI 2.0 มา 2 พอร์ต DisplayPort 1.4 หนึ่งพอร์ต พอร์ต USB-C และมีรูหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรที่หลังเครื่องด้วย ทำให้ต่อใช้งานได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน ทั้งคอมพิวเตอร์ เครื่องเกมคอนโซล หรือโน้ตบุ๊ก ขาตั้งสามารถถอดฝาพลาสติก และใช้เป็นตัวซ่อนสายไฟและสายเชื่อมต่อด้านหลังให้ดูเป็นระเบียบมากขึ้นได้ นอกจากนี้ด้านหลังจอจะมีฝาพลาสติก ปิดรูน็อต VESA ไว้อยู่ สามารถเปิดออกมาแล้วใช้น็อต VESA สำหรับการยึดขาตั้งจอแบบอื่น เช่นแขวนบนกำแพง แทนการวางบนโต๊ะได้ด้วย ทดลองใช้งานจริง เรื่องภาพ เมื่อเป็นจอ 4K HDR ผู้เขียนจึงทำการทดสอบกับเครื่องเกมคอนโซล PS4 Pro ที่สามารถแสดงภาพแบบ 4K HDR ได้อย่างเต็มที่ พบว่าภาพที่ได้มีสีสันสวย สด และให้ความแตกต่างระหว่างส่วนที่มืดกับส่วนสว่างได้ดี พาเนลของจอ BenQ EW3280U ตัวนี้เป็นแพแนล IPS ระบบสี 10 bits สว่างได้ถึง 400 nits ในโหมด HDR มีระบบ Brightness Intelligence Plus (B.I.+) ปรับความสว่างหน้าจอและควบคุมอุณหภูมิสีให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมเพื่อถนอมสายตา ให้แสงบนหน้าจอไม่จ้าจนแสบตา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังได้ภาพที่สวยลงตัวอยู่ผู้เขียนทดสอบโดยเล่นเกมแบบ 4K HDR เป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง ก็ไม่มีอาการตาล้าหรือแสบตาแต่อย่างใด เรียกได้ว่าหายห่วงในด้านการถนอมสายตา หน้าจอสีสด จี้ดมาก *ทดสอบกับเกม Resident Evil 3: Remake แสดงสีแดงบนหน้าจอไตเติ้ลของ Red Dead Redemption 2 ได้แบบจัดจ้านมาก ทดสอบกับเกม Red Dead Redemption 2 ทดสอบกับเกม Final Fantasy VII: Remake คุณภาพเสียง จอ EW3280U มีลำโพง treVolo 2.1 เป็นลำโพงแบบ Electrostatic ของ BenQ ที่มีความบางเบากว่าลำโพงทั่วไปแต่มี Dynamic Range ค่อนข้างกว้าง ทำให้คุณภาพเสียงมีมิติมากกว่าจอมอนิเตอร์ทั่วไป เพียงพอที่จะเล่นเกมแอ็กชั่น หรือดูหนังฟังเพลงได้แบบเพลินๆ โดยไม่ต้องใส่หูฟังให้เกะกะ หรือไปหาลำโพงมาต่อเพิ่ม จบในอุปกรณ์เดียวไปเลย ข้อเสียคือความดังที่อาจไม่ได้เท่ากับทีวีเต็มรูปแบบ แต่ก็เพียงพอสำหรับใช้งานในห้องเล็กๆ ส่วนตัวได้ สรุป แม้ได้ชื่อว่าเป็นจอคอม แต่ BenQ EW3280U ก็มีฟีเจอร์และฟังก์ชั่นครบ แถมมีลำโพงในตัว ใช้งานแบบจบในจอเดียวได้ มีขนาดพอเหมาะที่ 32 นิ้ว ทำให้ตอนใช้ทำงานไม่ต้องกวาดตาจนเมื่อย แต่ใหญ่ใช้พอดูหนัง ดูซีรีส์ หรือเล่นเกมคอนโซลแบบ 4K HDR ได้ภาพชัดเจน มีไดนามิกของสีและความสว่างที่ดี และถนอมดวงตาด้วยระบบปรับอุณหภูมิสีอัตโนมัติ HDRi กับ Brightness Intelligence Plus (B.I.+) ทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้โดยไม่ทำให้ตาล้า ตอนนี้จอ 4K HDR BenQ EW3280U มีวางจำหน่ายที่ LAZADA, BenQ Official Store และร้าน NADZ Project ในราคา 27,900 บาท พร้อมกับการรับประกัน 3 ปี สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ BenQ เลย
# Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 690 ชิปเซ็ตระดับกลางรองรับ 5G Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 690 ชิปเซ็ตระดับกลาง ประสิทธิภาพซีพียูดีขึ้นกว่ารุ่นเก่าอย่าง Snapdragon 675 อยู่ 20% ส่วนเรื่องกราฟิคดีขึ้น 60% รองรับ 5G คลื่น sub-6GHz ด้วยชิป Snapdragon X51 ซีพียูเป็น Kryo 560 8 แกนแบบ 2+6 โดยใช้ Cortex-A77 2GHz 2 แกนและ Cortex-A55 1.7GHz 6 แกน ส่วนจีพียูเป็น Adreno 619L ใช้กระบวนการผลิต 8nm LPP รองรับกล้องความละเอียดสูงสุด 192 ล้านพิกเซล หน้าจอรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz รองรับ Wi-Fi 6 Snapdragon 690 จะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ที่มา - Anandtech
# Nintendo Switch เปิดตัวเกม Jump Rope Challenge กระโดดเชือกแบบ Virtual ดาวน์โหลดได้ฟรี นินเทนโดเปิดตัวเกมใหม่ Jump Rope Challenge ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีบน Nintendo Switch แบบจำกัดช่วงเวลาถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ โดยเกมนี้สร้างขึ้นโดยพนักงานนินเทนโดกลุ่มเล็ก ที่ต้องทำงานจากที่บ้านในญี่ปุ่น ในช่วงเวลาที่ผ่านมา รูปแบบเกมก็ตรงไปตรงมาตามชื่อ โดยผู้เล่นถือ Joy-Con สองข้างเหมือนกับการกระโดดเชือก เพียงแต่ไม่มีเชือกจริง แล้วกระโดดไปโดยเกมจะนับจำนวนครั้ง เป้าหมายเบื้องต้นคือ 100 ครั้งต่อวัน ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ นินเทนโดแนะนำว่ากรณีผู้เล่นอยู่ในพื้นที่ซึ่งการกระโดดทำได้ไม่สะดวก อาจใช้วิธีย่อเข่าขยับแขนแทนได้ ที่มา: นินเทนโด
# Parallels ร่วมกับ Google เพื่อพัฒนาโซลูชั่นอินทิเกรตแอป Windows ไปรันบน Chrome OS Parallels บริษัทพัฒนาโซลูชั่นสำหรับการอินทิเกรตระหว่าง OS ประกาศก้าวสำคัญคือการร่วมมือกับ Google เพื่อนำแอปบน Windows มารันบน Chrome Enterprise เพื่อให้ผู้ใช้งานองค์กรได้ใช้งานแอป Windows บน Chrome OS ได้อย่างเต็มรูปแบบ ก้าวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ Chrome OS เพราะองค์กรสามารถนำแอป legacy ที่ออกแบบสำหรับใช้งานบน Windows มารันบน Chrome OS ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่ง Parallels ระบุว่าจะทำให้แอปบน Windows ซึ่งรวมถึง Microsoft Office ใช้งานได้เต็มฟีเจอร์บนฮาร์ดแวร์ Chromebook Enterprise Parallels ระบุว่าการอินทิเกรตแอป Windows เข้ากับ Chrome OS จะได้เห็นจริงช่วงปลายปีนี้ ซึ่งในความร่วมมือพูดถึงฝั่งองค์กรที่รัน Chromebook ภายใต้ environment ขององค์กรเป็นหลัก ไม่ได้พูดถึงฝั่ง consumer แต่อย่างใด ที่มา - Parallels, Engadget ภาพจากข่าวเก่า
# Boston Dynamics เปิดขายหุ่น Spot ผ่านเว็บ เริ่มต้น 2.4 ล้านบาท ห้ามใช้ทำร้ายคน Boston Dynamics เปิดขายหุ่น Spot แบบออนไลน์แล้วหลังจากเปิดขายเฉพาะกลุ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยระบุว่าตอนนี้มีองค์กรซื้อไปใช้งานหรือวิจัยแล้วกว่า 150 ตัว ทางบริษัทระบุแนวทางการใช้งานหุ่น Spot ได้แก่ การสำรวจพื้นที่อันตรายที่คนอาจจะเข้าถึงได้ยาก, เก็บข้อมูลพื้นที่อัตโนมัติ, และการขนของในพื้นที่ที่ไม่มีโครงสร้างรองรับการขนส่งปกติหรือพื้นที่เข้าถึงยาก โดยตอนนี้ยังยังไม่รับรองให้ Spot ใช้งานในบ้านหรือทำงานใกล้คน ในการใช้งานจริงควรห่างจากคนอย่างน้อยสองเมตรเสมอ นอกนี้ยังห้ามไม่ให้ใช้ Spot ทำอันตรายต่อคนและสัตว์หรือใช้งานผิดกฎหมายอื่น หากพบทางบริษัทจะยกเลิกการรับประกันและอาจจะล็อกหุ่นยนต์ไม่ให้ทำงานต่อ แนวทางใช้งานที่มีใช้แล้ว เช่น การสำรวจไซต์ก่อสร้างที่บริษัทก่อสร้างสามารถสำรวจพื้นที่ขนาดใหญ่เก็บภาพและข้อมูลแผนที่สามมิติเพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการได้ต่อเนื่อง ชุดหุ่น Spot เริ่มต้น 74,500 ดอลลาร์หรือประมาณ 2.4 ล้านบาท มาพร้อมตัวหุ่น, แท่นชาร์จ, แบตเตอรี่สองชุด, เคสสำหรับตัวหุ่นและอุปกรณ์ นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเสริมให้ซื้อเพิ่มเติมเช่น พอร์ตเพิ่มเติม, โมดูลเซ็นเซอร์แบบต่างๆ ตั้งแต่กล้องภาพปกติไปจนถึง LIDAR, และหน่วยประมวลผลทั้งซีพียูและจีพียู ที่มา - Boston Dynamics
# Dropbox เปิดตัวแอพจัดการรหัสผ่าน Dropbox Passwords เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงิน Dropbox เปิดตัวแอพจัดการรหัสผ่าน Dropbox Passwords อย่างเป็นทางการ หลังเปิดทดสอบในกลุ่มปิดเมื่อต้นเดือน Dropbox บอกว่าภารกิจขององค์กรคือ "จัดระเบียบชีวิต" (keep life organized) จึงออกเครื่องมือจัดการรหัสผ่านมาเพิ่ม อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ Dropbox ที่เก็บทุกอย่างในชีวิตลง Dropbox อยู่แล้ว ไม่ต้องไปใช้งานแอพตัวอื่นแยกต่างหาก Dropbox Passwords ใช้งานได้บน 4 ระบบปฏิบัติการคือ Windows, Mac, iOS, Android โดยยังเปิดให้ใช้เฉพาะลูกค้า Dropbox Plus แบบเสียเงินเท่านั้น ที่มา - Dropbox
# Windows 10 รุ่นหน้าเรียก 20H2 ไม่มีเลขเวอร์ชันอิงเดือน, เป็นอัพเดตเล็ก เน้นเสถียรภาพ ไมโครซอฟท์ประกาศแผนการออก Windows 10 อัพเดตถัดไป โค้ดเนม 20H2 ที่จะใช้เลขเวอร์ชันว่า version 20H2 อีกเหมือนกัน เลิกใช้ระบบเลขเวอร์ชันแบบ "ปี+เดือน" (เช่น v1909 หรือ v2004) แล้ว แต่จะยังมีชื่อเรียกอัพเดตแบบยาวๆ (เช่น May 2020 Update) อยู่ ไมโครซอฟท์ให้เหตุผลว่า เลือกตั้งชื่อเวอร์ชันเป็น 20H2 เพียงอย่างเดียวเพื่อลดความสับสนของผู้ใช้และพาร์ทเนอร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีทั้งการเรียกแบบครึ่งปี (20H1) และแบบเจาะจงเดือนที่ออก (2004) Windows 10, version 20H2 จะยังคงนโยบายของไมโครซอฟท์ ที่แบ่งเป็นอัพเดต "ใหญ่-ย่อย" สลับกันไป โดยอัพเดตตัวครึ่งปีหลัง (H2) จะเป็นอัพเดตเล็ก มีฟีเจอร์ใหม่ไม่มาก เน้นปรับปรุงคุณภาพและเสถียรภาพ แบบเดียวกับที่เราเห็นมาจาก 19H2 (v1909) มาแล้ว และWindows 10 Enterprise/Education อัพเดต H2 จะยังได้ซัพพอร์ตนาน 30 เดือน ซึ่งเป็นรุ่นที่ไมโครซอฟท์แนะนำให้ลูกค้าองค์กรใช้งาน การที่ Windows 10 20H2 เป็นอัพเดตขนาดเล็ก กระบวนการอัพเดตจาก 20H1 จึงไม่ต่างอะไรจากอัพเดตแพตช์รายเดือน (ต่างจากตัว 20H1 ที่เป็นอัพเดตใหญ่) ระยะเวลารอติดตั้งอัพเดตจึงเร็วกว่ากันมาก ซึ่งตรงนี้เหมือนกับการอัพเดต 19H2 (แต่ถ้าอัพเดตมาจาก Windows 10 เวอร์ชันก่อนๆ 20H1 ก็จะยังต้องติดตั้งแบบเต็มกระบวนการอยู่ดี) ไมโครซอฟท์ยังไม่เผยรายละเอียดฟีเจอร์ของ Windows 10 20H2 มากนัก บอกเพียงว่ามันจะเป็นอัพเดตตัวแรกที่พ่วง Microsoft Edge Chromium เข้ามาด้วย นั่นแปลว่าผู้ที่ติดตั้ง Windows 10 20H2 แบบ clean install จะได้ใช้ Edge Chromium ทันที ในขณะที่ Windows 10 20H1 (v2004 ตัวปัจจุบัน) ยังเป็น Edge ตัวเก่าอยู่ ตอนนี้ไมโครซอฟท์เริ่มปล่อย 20H2 รุ่นทดสอบ Build 19042.330 ให้กับผู้ทดสอบกลุ่ม Beta Channel (Slow Ring เดิม) แล้ว ที่มา - Microsoft
# Oracle ไตรมาสล่าสุด รายได้ลดลงเล็กน้อย ผลกระทบจากลูกค้าหลายกลุ่มธุรกิจชะลอการลงทุน ออราเคิลรายงานผลประกอบการ ประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดเดือนพฤษภาคม รายได้รวม 10,440 ล้านดอลลาร์ ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,116 ล้านดอลลาร์ รายได้จากค่าบริการบนคลาวด์และค่าสนับสนุนไลเซนส์ เพิ่มขึ้น 1% เป็น 6,845 ล้านดอลลาร์ รายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส อยู่ที่ 1,959 ล้านดอลลาร์ Safra Catz ซีอีโอออราเคิล กล่าวว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 5% เป็นผลจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์ นำโดย Fusion Cloud ERP Suite ที่เติบโตถึง 35% ส่วน Fusion Cloud HCM Suite ก็เติบโต 29% ซึ่งตัวเลขจะดีกว่านี้ หากไม่ได้รับผลกระทบจากลูกค้ากลุ่มโรงแรม, ค้าปลีก และขนส่ง ที่ชะลอการลงทุนลงจากผลกระทบของการระบาดของไวรัส ที่มา: ออราเคิล
# ซิสโก้ประกาศเปิด SecureX แพลตฟอร์มความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สิ้นเดือนนี้ ซิสโก้เปิดตัว SecureX บริการคลาวด์ที่เป็นแพลตฟอร์มความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มาตั้งแต่งาน RSA Conference เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตอนนี้ทางบริษัทก็ระบุว่า SecureX พร้อมให้บริการจริงตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป SecureX เป็นบริการคลาวด์ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของซิสโก้ได้ทั้งหมด พร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อกับบริการด้านความมั่นคงปลอดภัยอื่นๆ อีกนับร้อยรายการ โดยสามารถสร้าง playbook สำหรับตอบสนองต่อความผิดปกติในเครือข่ายได้ โดยรวมนับว่าฟีเจอร์ต่างๆ ใกล้เคียงกับ Splunk อย่างมาก ก่อนเปิดให้บริการจริงทางซิสโก้เพิ่มฟีเจอร์ของ SecureX มาอีกสองรายการสำหรับรองรับการทำงานจากที่บ้าน ได้แก่ การปกป้องผู้ใช้และอุปกรณ์เพิ่มเติมผ่านระบบความปลอดภัยปลายทาง (endpoint security) ร่วมกับการล็อกอินหลายขั้นตอน และฟีเจอร์ Cloud Mailbox Defense for Office365 ปกป้องผู้ใช้จากอีเมลที่มุ่งร้ายไม่ว่าจะเป็นเมลฟิชชิ่ง, ransomware, อีเมลปลอมตัวหลอก (spoofing), หรือแม้แต่สแปม ที่มา - Cisco
# ซิสโก้ขยาย Webex ขึ้น 3 เท่าตัวในช่วง COVID-19 เตรียมจำกัดระยะเวลาประชุมเหลือ 50 นาทีเดือนกรกฎาคมนี้ ซิสโก้รายงานถึงการใช้งานบริการ Webex ในงาน Cisco Live ที่เป็นงานแถลงข่าวออนไลน์ของบริษัท โดยระบุว่าผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เฉพาะเดือนเมษายนที่ผ่านมามีการประชุมถึง 500 ล้านคนรวม 25,000 ล้านนาที มากกว่าสามเท่าตัวของการใช้บริการเฉลี่ยที่ผ่านมา และตอนนี้ทางซิสโก้ก็ขยายระบบที่สามเท่าตัวจากปกติ วันนี้เองทางซิสโก้ก็ส่งอีเมลไปยังผู้ใช้บริการฟรี ระบุว่าเดือนนี้จะเป็นเดือนสุดท้ายที่ให้บริการฟรีแบบไม่จำกัดเวลา และเดือนกรกฎาคมนี้จะจำกัดระยะเวลาประชุมเหลือ 50 นาที และไม่รองรับการโทรศัพท์เข้าร่วมประชุมอีกแล้ว โดยผู้ที่ใช้งานอยู่เดิมสามารถสมัครแบบเสียเงินได้ต่อไปโดยแพ็กเกจรายปีจะลดราคาลง 33% สำหรับฟีเจอร์ของ Webex เองกำลังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น เพิ่มการเข้ารหัสแบบ AES-256-GCM สำหรับการเข้ารหัสแบบ end-to-end และเพิ่มฟีเจอร์ให้ Cisco Webex Control Hub เพื่อให้ฝ่ายไอทีจัดการการประชุมได้ดีขึ้น นอกจากการทำงานจากที่บ้านโดยทั่วไปแล้ว Webex ยังทำงานร่วมกับบริษัท Epic ที่ให้บริการข้อมูลผู้ป่วยอิเล็กทรอนิกส์ในการให้บริการการแพทย์ระยะไกล โดยแพทย์สามารถตรวจสอบประวัติคนไข้, ปรับปรุงประวัติการรักษา, และพูดคุยกับคนไข้ในหน้าจอเดียว ที่มา - Cisco
# ASUS เปิดตัว ProArt StudioBook เจาะสายครีเอเตอร์ เริ่ม 64,990 บาท แพงสุด 4 แสนบาท ASUS เปิดตัวเวิร์คสเตชันซีรีส์ ProArt StudioBook จับกลุ่มสายครีเอเตอร์โดยเฉพาะ โดย ProArt นับเป็นแล็บท็อปคอนซูมเมอร์ซีรีส์ใหม่ที่เพิ่มจาก VivoBook สายบางเบาราคาถูกและ ZenBook ที่เน้นพรีเมียม มี 3 รุ่นย่อยคือ ProArt StudioBook One ตัวท็อปที่บอร์ดและชุดประมวลผลทุกอย่างจะอยู่หลังหน้าจอ, ProArt StudioBook Pro X รุ่นรองและรุ่นเล็กสุด ProArt StudioBook ส่วนสเปคและราคามีดังนี้ ProArt StudioBook One ซีพียู Intel Core i9-9980HK, การ์ดจอ Quadro RTX 6000 วีแรม GDDR6 24GB, แรม DDR4 2666MHz 64GB, M.2 PCIe Gen 3x4 1TB, หน้าจอ 15.6 นิ้ว UHD IPS ได้ Pantone รับรอง Adobe RGB 100% และ Delta E <1, Wi-Fi 6 (GIG+), Windows 10 Pro พอร์ทมีแค่ Thunderbolt 3 (รองรับ DisplayPort 1.4) 3 พอร์ท จุดเด่นด้านดีไซน์ของ StudioBook One คือบอร์ด ชุดประมวลผลและพัดลมจะอยู่หลังหน้าจอ เพื่อเปิดบานพับหน้าจอขึ้น ข้อพับหลังจอที่เอาไว้ระบายอากาศก็จะกางออกราว 4.6 องศาเพื่อระบายความร้อน ขณะที่ฐานของตัวเครื่องมีแค่คีย์บอร์ดเท่านั้น ราคา StudioBook One อยู่ที่ **399,990 บาท* ProArt StubioBook Pro X รุ่นรอง ใช้ซีพียู Xeon E-2276M, การ์ดจอ Quadro RTX 5000 วีแรม GDDR6 64GB, แรม EEC DDR4 2666MHZ 64GB, M.2 PCIe Gen 3x4 4GB (2+2 RAID0), หน้าจอ 17 นิ้ว 1920x1200 IPS ได้ Pantone รับรอง ความกว้างสี DCI-P3 97% และ Delta E <1.5 Windows 10 Pro for Workstations พอร์ทมี Thunderbolt 3 (รองรับ DP 1.4) x2, USB 3.1 Gen 2 x3, HDMI 2.0, UHS-II Card Reader, RJ45 ราคา 199,990 บาท ส่วน ProArt StudioBook รุ่นเล็กสุดมี 3 รุ่นย่อยอีกดังนี้ W500G5T Intel Core i7-9750H, Quadro RTX 5000 วีแรม GDDR6 16GB, แรม DDR4 48GB (32+16), M.2 PCIe Gen 3x4 2TB (1+1 RAID0), จอ 15.6 นิ้ว UHD IPS ได้ Pantone รับรอง 100% Adobe RGB และ Delta E <1.5, Wi-Fi 6, Windows 10 Home ราคา 149,990 บาท W700G3T Intel Xeon E-2276M, Quadro RTX 3000 วีแรม GDDR6 6GB, แรม EEC DDR4 32GB, M.2 PCIe Gen 3x4 1TB, จอ 14 นิ้ว 1920x1200 IPS Pantone รับรอง DCI-P3 97% Delta E < 1.5, Wi-Fi 6, Windows 10 Pro for Workstations ราคา 99,990 บาท H500GV Intel Core i7-9750H, GeForce RTX 2060 วีแรม GDDR6 6GB, แรม DDR4 16GB, M.2 PCIe Gen 3x4 1TB, จอ 15.6 นิ้ว UHD IPS ได้ Pantone รับรอง Adobe RGB 100%, Delta E < 1.5, Wi-Fi 6, Windows 10 Home ราคา 64,990 บาท รุ่น W700 รุ่น W500 และ H500 ภายนอกไม่แตกต่างกัน
# เปิดตัว Ryzen 3900XT, 3800XT, 3600XT บูสต์คล็อคเพิ่ม แรงขึ้น 4%, ไม่แถมพัดลมแล้ว จากข่าวลือที่ AMD จะออก Ryzen 3000 XT วันนี้ AMD เปิดตัวซีพียูรุ่นอัพเกรดอย่างเป็นทางการแล้ว Ryzen 9 3900XT 12 คอร์, บูสต์คล็อค 4.7GHz, TDP 105 วัตต์, ราคา 499 ดอลลาร์ Ryzen 7 3800XT 8 คอร์, บูสต์คล็อค 4.7GHz, TDP 105 วัตต์, ราคา 399 ดอลลาร์ Ryzen 5 3600XT 6 คอร์, บูสต์คล็อค 4.5GHz, TDP 95 วัตต์, ราคา 249 ดอลลาร์ สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม (Ryzen ซีรีส์ 3000X) คงมีแต่คล็อคเท่านั้น โดย Ryzen 9 3900XT คล็อคเพิ่ม 100MHz, Ryzen 7 3800XT เพิ่ม 200MHz และ Ryzen 5 3600XT เพิ่ม 100MHz AMD ระบุว่าการปรับเพิ่มคล็อค จะช่วยให้ประสิทธิภาพแบบเธร็ดเดียวเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับ Ryzen 3000 รุ่นเทียบเคียงกัน ซีพียูทั้ง 3 ตัวจะเริ่มวางขาย 7 กรกฎาคม 2020 อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ AMD จะไม่แถมพัดลมให้ซีพียู XT ตัวบน (3900XT และ 3800XT) อีกแล้ว โดยใช้เหตุผลเดียวกับอินเทลที่ไม่แถมพัดลมในซีพียูรุ่น K ว่าลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการเลือกพัดลมเองมากกว่า (รุ่น 3600XT ยังแถม Wraith Spire ให้อยู่) นอกจากนี้ AMD ยังเปิดตัวชิปเซ็ตใหม่ A520 สำหรับซ็อคเก็ต AM4 เน้นจับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป โดยเมนบอร์ด A520 จะเริ่มวางขายในเดือนสิงหาคม ที่มา - AMD, PCWorld
# ราวกับไฟเบอร์ Elon Musk ระบุ Starlink เวอร์ชั่นต่อไปจะโคจรที่ระดับต่ำลง ค่า ping เหลือแค่ 8ms เท่านั้น Elon Musk ตอบคำถามผู้ใช้ทวิตเตอร์ถึงบริการ Starlink โดยระบุถึงดาวเทียมเวอร์ชั่น 2 ที่จะโคจรในวงโคจรต่ำลง ทำให้สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตที่เวลาหน่วง (latency) หรือค่า ping นั้นเหลือแค่ 8ms เท่านั้น ขณะที่ดาวเทียมเวอร์ชั่น 1 ที่ Starlink กำลังยิงอยู่ตอนนี้จะให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ latency ประมาณ 20ms ดาวเทียม Starlink โคจรที่ระดับความสูง 550 กิโลเมตรหรือต่ำกว่านั้น ขณะที่ดาวเทียมที่วงโคจรต่ำที่สุดคือ Tsubame ของญี่ปุ่นโคจรที่ระดับความสูง 167.4 กิโลเมตร แต่ก็โคจรอยู่เพียง 7 วันเท่านั้น ส่วนสถานีอวกาศนานาชาตินั้นโคจรที่ระดับความสูง 340 กิโลเมตร อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมจากดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้า (ที่เรารับสัญญาณด้วยจานทีวีดาวเทียม) จะมี latency ไม่ต่ำกว่า 477ms จากความสูง 35,786 กิโลเมตร สำหรับการใช้งาน เช่นการโทรศัพท์ มักยอมรับ latency ได้ไม่เกิน 150ms ถึง 250ms ขณะที่การใช้งานบางประเภทเช่นเกมออนไลน์จะมีเงื่อนไขที่สั้นกว่ามากเนื่องจากภาพช้าไปเพียงเฟรมเดียวก็มีผล Starlink เตรียมเปิดให้บริการแบบจำกัดพื้นที่ภายในปีนี้ ที่มา - @elonmusk
# ไมโครซอฟท์เปลี่ยนวิธีทดสอบ Windows Insiders จากระบบ Ring มาเป็น Channel ไมโครซอฟท์ประกาศปรับรูปแบบโครงการทดสอบ Windows Insiders และ Office Insiders เล็กน้อย จากเดิมที่แบ่งกลุ่มผู้ทดสอบโดยเรียกเป็น "Ring" แยก 3 กลุ่มคือ Fast, Slow, Release Preview เปลี่ยนมาใช้ชื่อเรียกว่า "Channel" แทน ชื่อเรียก Channel แบบใหม่ของไมโครซอฟท์ใช้คำว่า Dev, Beta, Release Preview คล้ายกับที่เราคุ้นเคยในวงการเบราว์เซอร์ (เช่น Chrome หรือ Firefox และรวมถึง Edge) Fast Ring เปลี่ยนเป็น Dev Channel Slow Ring เปลี่ยนเป็น Beta Channel Release Preview Ring เปลี่ยนเป็น Release Preview Channel ไมโครซอฟท์อธิบายสาเหตุว่า เดิมทีโครงการ Windows Insiders เกิดขึ้นด้วยแนวคิดการแบ่งผู้ใช้เป็น "วง" โดยเริ่มจาก Fast Ring/Slow Ring และภายหลังเพิ่ม Release Preview Ring เข้ามา แนวคิดนี้คือการขยายกลุ่มผู้ทดสอบไปทีละ "วง" เมื่อซอฟต์แวร์เสถียรขึ้น แต่แนวคิดนี้เริ่มไม่เวิร์ค เมื่อไมโครซอฟท์มีซอฟต์แวร์ต้องทดสอบหลายตัวพร้อมกัน เช่น Windows 10 เองที่ภายหลังเปลี่ยนมาใช้รอบอัพเดตใหญ่-เล็กสลับกัน ทำให้บางช่วงเวลาไมโครซอฟท์ต้องทดสอบ Windows 10 ที่แตกต่างกันถึง 3 รุ่นพร้อมกัน เช่น 20H1 (Fast), 19H2 (Slow), 19H1 (Release Preview) จึงไม่สะท้อนวิธีคิดเรื่อง "วง" แบบที่ออกแบบไว้ ไมโครซอฟท์จึงเปลี่ยนแนวคิดของการทดสอบ จากอิงตามความถี่ในการออกรุ่น (frequency) มาเป็นระดับคุณภาพของซอฟต์แวร์ (quality) แทน ผู้ทดสอบสามารถเลือก Channel ได้ว่าต้องการคุณภาพของซอฟต์แวร์ที่ระดับใด (เช่น ต้องการของใหม่ๆ แต่อาจบั๊กเยอะก็เลือก Dev) และอยู่ที่ Channel นั้นได้ตลอด สิ่งที่เปลี่ยนมากที่สุดคือเลข build ของ Dev Channel จะไม่อิงกับ Windows เวอร์ชันใดเวอร์ชันหนึ่งอีกแล้ว และเน้นทดสอบฟีเจอร์ใหม่ๆ เป็นหลักแทน ส่วน Beta Channel จะยังอิงกับ Windows เวอร์ชันถัดไป (เช่น 20H1) เช่นเดิม ไมโครซอฟท์ยังปรับแนวคิดของ Release Preview Channel เล็กน้อยคือให้กลุ่มแอดมินองค์กรใช้ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Windows ก่อนเปิดให้พนักงานใช้งานในวงกว้าง และกลายเป็นเวอร์ชันที่ไมโครซอฟท์ให้บริการซัพพอร์ตด้วย การเปลี่ยนชื่อเรียกจาก Ring เป็น Channel ยังมีผลกับ Microsoft Office ด้วย โดย Office จะมีเฉพาะ Beta/Release Preview แต่ไม่มี Dev Channel ไมโครซอฟท์ระบุว่าจะใช้ระบบ Channel แบบนี้กับซอฟต์แวร์ตัวอื่นๆ ด้วย ที่ระบุชื่อคือ Microsoft Edge และ Microsoft Teams รวมถึงอาจเพิ่ม Channel อื่นเข้ามาอีกในอนาคต ที่มา - Microsoft
# ASUS เปิดตัว ExpertBook B9 แล็บท็อปธุรกิจที่เคลมว่าเบาที่สุดในโลก เริ่ม 38,990 บาท ASUS เปิดตัว ExpertBook B9 (B9450) แล็บท็อปสายธุรกิจที่ขายความบางเบา ด้วยความหนา 14.9 มม. และน้ำหนักเพียง 870 กรัม ที่ ASUS เคลมว่าเบาที่สุดในโลก (มีอีกรุ่นย่อย 995 กรัม แบตเยอะกว่าเล็กน้อย) ขณะที่บอดี้เป็นเป็นแมกนีเซียมผสมลิเทียมอัลลอย ได้มาตรฐานความทนทานทางทหารของสหรัฐ MIL-STD 810G ExpertBook B9 มีชิปความปลอดภัย TPM 2.0 มาให้ พร้อมเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ กล้อง IR และ Webcam shield หน้าจอ 14 นิ้ว FHD IPS แบบขอบบาง พร้อมยกตัวคีย์บอร์ดขึ้นเพื่อเปิดบานพับ (ErgoLift) ลำโพงปรับแต่งโดย Harman Kardon รองรับ Wi-Fi 6 พอร์ทมี Thunder 3 x2 (รองรับ DisplayPort), USB 3.1 Gen 2 x1, HDMI x1, RJ45 via micro HDMI x1 (มีสายแปลงแถมให้) ส่วนแบตเตอรี่มี 2 ขนาดคือ 33Whr (หนัก 870 กรัม) และ 66Whr (หนัก 995 กรัม) รุ่นย่อยที่จำหน่ายมีดังนี้ Intel Core i5-10210U, LPDDR3 8GB, M.2 PCIe Gen 3 x4 512GB, Windows 10 Home, แบต 33Whr ราคา 38,990 บาท Intel Core i5-10210U, LPDDR3 8GB, M.2 PCIe Gen 3 x4 512GB, Windows 10 Pro, แบต 33Whr ราคา 43,990 บาท Intel Core i7-10510U, LPDDR3 16GB, M.2 PCIe Gen 3 x4 1TB, Windows 10 Home, แบต 66Whr ราคา 44,990 บาท Intel Core i7-10510U, LPDDR3 16GB, M.2 PCIe Gen 3 x4 1TB, Windows 10 Pro, แบต 66Whr ราคา 49,990 บาท
# Tesla Model S รุ่น Long Range Plus เป็นรถ EV รุ่นแรกที่วิ่งได้เกิน 640 กม. ตามเกณฑ์ EPA โจทย์ยากของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกเจ้าคือเรื่องระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และเป็นตัวแปรสำคัญของผู้บริโภคที่จะตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน ล่าสุด Tesla Model S รุ่นย่อย Long Range Plus เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน EPA ของสหรัฐอเมริกาแล้วว่าวิ่งได้ระยะทางเกิน 400 ไมล์ หรือราว 643 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตัวเลขเป๊ะๆ คือ 402 ไมล์) Tesla ระบุว่าความสำเร็จนี้ไม่ได้ปรับปรุงแบตเตอรี่เลย แต่ปรับปรุงส่วนต่างๆ ของรถแทน โดยที่ยังใช้แบตเตอรี่แบบเดียวกับ Tesla Model S 100D รุ่นปี 2019 นั่นแปลว่ายังใช้แบตเตอรี่ขนาด 100 กิโลวัตต์ชั่วโมงเหมือนเดิม ส่วนต่างๆ ที่ปรับปรุงใหม่มีดังนี้ ลดน้ำหนักรวมของรถ Tesla บอกว่านำประสบการณ์การออกแบบ Model 3 และ Model Y มาใช้กับ Model S และ Model X ทำให้ลดน้ำหนักรวมของรถลงได้ อีกทั้งยังปรับให้เบาะนั่งเบาลงรวมถึงวัสดุในแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนก็เบาลงเช่นกัน ล้อและยางแบบใหม่ เมื่อตอนต้นปี Tesla ได้เปิดตัวล้อแบบใหม่ชื่อ Tempest โดยคำนึงถึงเรื่องอากาศพลศาสตร์ และใช้ยางที่ออกแบบเอง สามารถลดความต้านทานการหมุน (rolling resistance) และเพิ่มระยะทางวิ่งได้ 2% ปรับปรุงชุดขับเคลื่อน Tesla เปลี่ยนปั๊มน้ำมันหล่อลื่นชุดขับเคลื่อนด้านหลัง จากแบบกลไกเป็นไฟฟ้าเพื่อให้หล่อลื่นได้อย่างอิสระจากความเร็วรถ และยังปรับปรุงมอเตอร์ด้านหน้าด้วย เพิ่มระยะทางได้ 2% ปรับการทำงานของระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับ (regenerative braking) Tesla ปรับให้ระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับทำงานได้ดีขึ้นในช่วงความเร็วต่ำ ทำให้ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้มากขึ้น นอกจากนี้ Tesla ยังระบุว่าสถานี Supercharger V3 ใช้เวลาชาร์จรถสั้นลงถึง 50% เมื่อเทียบกับ V2 โดยเปิดตัวมาตั้งแต่ต้นปี 2019 จ่ายไฟสูงสุดถึง 250 กิโลวัตต์ ในขณะที่สถานี V2 จ่ายไฟเพียง 145 กิโลวัตต์ ด้าน Elon Musk ได้ทวีตว่าจริงๆ แล้ว Model S ที่ผลิตมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็วิ่งได้ 402 ไมล์อยู่แล้ว แต่เพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการตอนนี้ (น่าจะเพิ่งได้รับการรับรอง) Tesla บอกว่าแม้การปรับปรุงแต่ละจุดจะมีผลเพียงนิดเดียว แต่เมื่อรวมกันแล้วก็ให้ผลที่จับต้องได้ ที่มา - Tesla
# Samsung เปิดตัว Galaxy A21s ในไทย 4 กล้องหลัง แบต 5,000 mAh ราคา 7,799 บาท Samsung เปิดตัว Galaxy A21s สมาร์ทโฟนหน้าจอ 6.5 นิ้ว ดีไซน์ Infinity-O กล้องหน้าแบบเจาะรู ความละเอียด 13MP กล้องหลังหลัก 48MP f/2.0 กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP f/2.2 กล้องมาโคร 2MP f/2.4 และกล้องวัดระยะลึก (depth sensor) 2MP f/2.4 ใช้ชิป Exynos 850 มีแรม 3GB และ 6GB หน่วยความจำภายใน 32GB และ 64GB รองรับ micro SD card สูงสุด 512GB แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W ปลดล็อกด้วยใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง Samsung Galaxy A21s มีสามสี คือ ดำ ขาว และน้ำเงิน รุ่นแรม 6GB หน่วยความจำ 64GB วางจำหน่ายแล้วในราคา 7,799 บาทบนเว็บไซต์ของ Samsung พร้อมโปรผ่อน 0 เปอร์เซ็นต์ และดู Youtube Premium 2 ฟรีเดือน ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# ยังไม่หมด HTC เปิดตัวมือถือระดับกลางสองรุ่นในไต้หวัน HTC Desire 20 Pro และ U20 5G หลังจากเปิดตัว HTC Wildfire R70 มือถือรุ่นราคาถูกไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และอาจทำตลาดอินเดียและไทย (แต่ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม) วันนี้ HTC เปิดตัวมือถืออีกสองรุ่น คือ Desire 20 Pro และ U20 5G HTC Desire 20 Pro หน้าจอ LCD 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ใช้ชิป Snapdragon 665 แรม 6GB หน่วยความจำ 128GB แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับ Quick Charge 3.0 กล้องหน้าแบบเจาะรู ความละเอียด 25MP กล้องหลัง 4 กล้อง กล้องหลัก 48MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 2MP depth sensor 2MP สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง และยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. อยู่ รันบน Android 10 แต่ไม่รองรับ 5G ส่วน U20 5G มือถือที่รองรับ 5G เครื่องแรกของค่าย มาพร้อมหน้าจอ LCD เพิ่มมาเป็น 6.8 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ใช้ชิป Snapdragon 765G แรม 8GB หน่วยความจำ 256GB แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับ Quick Charge 4.0 18W กล้องหน้าแบบเจาะรู ความละเอียด 32MP กล้องหลัง 4 กล้อง เหมือน Desire 20 Pro เป๊ะ สแกนลายนิ้วมือด้านหลังอีกเช่นกัน แต่ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. รันบน Android 10 Desire 20 Pro จะวางขายในราคา 8,990 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 9,500 บาท) ส่วน U20 5G ราคา 18,990 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 20,000 บาท) โดย HTC บอกในงานเปิดตัวว่าทั้งสองรุ่นอาจวางขายนอกไต้หวันได้ แต่ยังไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการ ที่มา - XDA-Developers
# บริการจ่ายเงินผ่าน WhatsApp เปิดให้ใช้แล้วในบราซิล บริการจ่ายเงินผ่าน WhatsApp สามารถใช้งานได้แล้วในบราซิล ผู้ใช้งานสามารถจ่ายเงินและโอนเงินได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าแชท ต่อยอดจากจากระบบแคตตาล๊อกสำหรับร้านค้าที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ WhatsApp เผยว่าบริการนี้จะรองรับบัตรเครดิตและเดบิต Visa และ Mastercard จากธนาคาร Banco do Brasil, Nubank และ Sicredi พร้อมทั้งกำลังเจรจากับ Cielo ผู้ให้บริการการชำระเงินชั้นนำของบราซิลอีกด้วย WhatsApp หวังว่าบริการดังกล่าวจะสร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน และทำให้ธุรกิจขนาดเล็กเติบโตขึ้น อนึ่ง บริการโอนเงินผ่านแอปเปิดให้ใช้งานครั้งแรกในอินเดีย และล่าสุดก็เพิ่งทดสอบระบบซื้อของผ่านแอปในอินเดียเช่นเดียวกัน สำหรับประเทศอื่นๆยังต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - Facebook Newsroom
# AMD ออก Radeon Pro 5600M จีพียูที่แรงขึ้นอีกสำหรับ MacBook Pro 16, ใช้แรม HBM2 AMD เปิดตัว Radeon Pro 5600M จีพียูโน้ตบุ๊กรุ่นเฉพาะกิจ เพราะมีขายแต่ใน MacBook Pro รุ่น 16 นิ้วเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้ AMD มีทำ Radeon Pro 5000M อยู่แล้ว 2 รุ่นคือ Radeon Pro 5300M และ 5500M (ซึ่งเป็น "Navi 14" เปิดตัวพร้อม MacBook Pro 16 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019) การออก Radeon Pro 5600M เพิ่มเข้ามา จึงเป็นตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการจีพียูแรงขึ้น (เป็นชิปอีกตัวคือ "Navi 12") Radeon Pro 5600M มีจำนวน compute unit 40 ตัว, stream processor 2,560 ตัว, สมรรถนะสูงสุด 5.3 TFLOPS และใช้หน่วยความจำแบบ HBM2 สูงสุด 8GB ถ้าเทียบกับรุ่นรองลงมาคือ Radeon Pro 5500M มี CU 24 ตัว, stream processor 1,536 ตัว, สมรรถนะสูงสุด 4 TFLOPS และแรมแบบ GDDR6 ก็ถือว่าแรงขึ้นมาอีกพอสมควร ตอนนี้แอปเปิลเองก็เปิดให้สั่งซื้อ MacBook Pro 16 ที่ใช้จีพียู Radeon Pro 5600M แล้ว โดยเพิ่มราคาขึ้นมาอีก 800 ดอลลาร์ (ราคาไทย 28,000 บาท) จากรุ่นล่างสุดคือ Radeon Pro 5300M 4GB หรือ 600 ดอลลาร์ (21,000 บาท) เมื่ออัพเกรดจากรุ่นรองท็อปคือ 5500M 8GB ที่มา - AMD
# [ลือ] AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว Ryzen 4000 ไปปีหน้าเพราะไม่มีคู่แข่งสมน้ำสมเนื้อ จากที่ช่วงต้นปี AMD เคยยืนยันว่าจะเปิดตัวซีพียู Ryzen ที่ใช้แกน Zen 3 ภายในปีนี้ ล่าสุดเว็บไซต์ DigiTimes ของไต้หวันรายงานว่า AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว Ryzen 4000 ไปปีหน้า เพราะมองว่าซีพียูรุ่นล่าสุดของ Intel อย่าง Comet Lake-S ยังตามหลังอยู่และไม่มีความเร่งรีบอะไรที่จะต้องส่งตัวใหม่ลงไปแข่งด้วย (ประมาณว่าตัวเก่าก็เอาอยู่) DigiTimes อ้างว่า AMD มองว่า Intel ยังไม่น่าเปิดตัวซีพียู 10 นาโนเมตรได้ทันในปีนี้และจะต้องพึ่งสถาปัตยกรรมขนาด 14 นาโนเมตรไปอีกอย่างน้อยแทบจะทั้งปีหน้า ขณะที่ AMD ก็อยู่ที่ 7 นาโนเมตรอยู่แล้ว เลยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบ แถม AMD ก็กำลังจะเปิดตัว Ryzen ซีรีส์ 3000XT เร็ว ๆ นี้ด้วย ซึ่งก็น่าจะเพียงพอต่อการแข่งขันกับ Intel นอกจากนี้ DigiTimes รายงานด้วยว่า AMD อาจพิจารณาข้ามสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตรฉบับปรับปรุงที่ใช้ใน Zen 3 ตามแผนเดิมและออกขนาด 5 นาโนเมตรในปีหน้าไปเลย ที่มา - DigiTimes via Notebookcheck
# Android 11 Beta ปลดล็อก API ถ่ายวิดีโอได้เกินความจุ 4GB แล้ว Google ได้แก้ไข API ของกล้องใน Android 11 Beta ที่เพิ่งถูกปล่อยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอได้เกินความจุ 4GB แล้ว หลังเรื่องนี้ถูกร้องเรียนมานานตั้งแต่ปี 2015 เนื่องจาก API ตัวเก่าถูกเขียนขึ้นมาตั้งแต่สมัยแอนดรอยด์เวอร์ชัน 32-bit (ทำให้ติดลิมิตแค่ 4GB) ก่อนที่จะมีข่าวเรื่องการแก้ไข API มาเนืองๆ หลายปีและล่าสุด Google ก็แก้ไขแล้วใน Android 11 Beta อย่างไรก็ตาม แอปกล้องหลายแอปยังไม่ได้รองรับ API ใหม่เลยยังไม่สามารถถ่ายวิดีโอได้เกิน 4GB อยู่ (แม้กระทั่ง Google Camera) โดย Android Community ระบุว่ามีแอปกล้องอย่าง Open Camera ที่อัพเดต API ใหม่แล้ว ที่มา - Android Police, Android Community
# SoftBank เผยเตรียมขายหุ้น T-Mobile ออกบางส่วน เพื่อลดหนี้และเพิ่มเงินสด หลังขาดทุนครั้งใหญ่ SoftBank ขาดทุนครั้งใหญ่กว่า 1.3 หมื่นล้านเหรียญจากผลประกอบการปีที่แล้ว ทำให้บริษัทจำเป็นต้องหาทุนเพิ่ม หนึ่งในนั้นคือการขายหุ้น T-Mobile ส่วนหนึ่งที่ตัวเองถืออยู่ทั้งหมด 25% SoftBank มีแผนจะขายหุ้น T-Mobile มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งอาจจัดสรรให้ในวงจำกัด (private placement), ปล่อยขายให้สาธารณะหรือขายคืนให้กับ T-Mobile และผู้ถือหุ้นรายอื่นอย่าง Deutsch Telekom การขายหุ้น T-Mobile เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขายสินทรัพย์กว่า 4.1 หมื่นล้านเหรียญของ SoftBank เพื่อลดหนี้และเพิ่มเงินสดสำรอง ที่มา - Bloomberg ภาพจาก Getty Images
# Instagram จะปรับอัลกอริทึมและนโยบายของแอป ป้องกันการเลือกปฏิบัติต่อคนดำ หลัง Black Lives Matter กลายเป็นประเด็นอีกครั้งในสหรัฐ รวมถึงมีการประท้วงเกิดขึ้นในหลายๆ รัฐ ลามมาจนถึงประเด็นเรื่องการจัดการกับข้อความและเนื้อหาต่างๆ ของบริษัทโซเชียลมีเดีย ทั้งทวิตเตอร์ที่ซ่อนทวิตยุยงให้ใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วง BLM ของทรัมป์ และ Facebook ที่เลือกไม่ดำเนินการใดๆ กับโพสต์เดียวกันนั้น (และก็ได้รับเสียงก่นด่าจากพนักงานบริษัทเองไปมากมาย) วันนี้ Adam Mosseri ซีอีโอของ Instagram ได้ออกแถลงการยืนเคียงข้าง Black Lives Matter และจะทำการปรับปรุง 4 อย่างบนแอป เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อคนดำ โดย 4 สิ่งที่ Mosseri ให้คำมั่นว่าจะตรวจสอบและปรับปรุง มีดังนี้ ตรวจสอบนโยบายเกี่ยวกับการคุกคามและก่อกวน (harassment) ที่คนดำต้องเผชิญใน Instagram เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ การยืนยันตัวตน (verification) จะถูกตรวจสอบ และปรับปรุง เพื่อให้ครอบคลุมกับทุกคน และตรวจสอบข้อกำหนดในการยืนยันตัวตน ว่าเอื้อให้คนบางกลุ่มมากกว่ากลุ่มอื่นหรือไม่ การกระจายคอนเทนต์ (distribution) ตรวจสอบการเผยแพร่คอนเทนต์ผ่านฟีเจอร์ Explore และ Hashtag ว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะเกิดการเลือกปฏิบัติผ่านฟีเจอร์เหล่านี้ และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสมากขึ้นถึงปัจจัยที่ทำให้โพสต์ถูก “shadowban” หรือการโดนลด reach โดยไม่ทราบสาเหตุ การเลือกปฏิบัติที่เกิดจากอัลกอริทึม (algorithm bias) เพราะอัลกอริทึมมักมีต้นแบบมาจากการเรียนรู้รูปแบบ ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ในสังคม อาจทำให้อัลกอริทึมลอกเลียนพฤติกรรมเลือกปฏิบัติได้ จึงต้องมีการตรวจสอบเพื่อปรับปรุง โดยกระบวนการตรวจสอบและแก้ไขเหล่านี้ คาบเกี่ยวซึ่งกันและกัน เช่นอัลกอริทึม ย่อมมีผลต่อการเลือกกระจายคอนเทนต์ในหน้า Explore และ Instagram อาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการแก้ไขปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ แต่ก็เป็นการแสดงออกถึงการยืนเคียงข้าง Black Lives Matter ที่ชัดเจน ที่มา - Instagram Blog via TheNextWeb
# Grab ประกาศปลดคนราว 5% เซ่นพิษเศรษฐกิจจาก COVID-19 Anthony Tan ซีอีโอ Grab ประกาศปลดพนักงาน 360 คนคิดสัดส่วนเป็นราว 5% ของพนักงาน เซ่นผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก COVID-19 หลังจากก่อนหน้านี้ใช้มาตรฐานขออาสาพนักงานให้หยุดงานโดยไม่จ่ายเงินไปก่อนหน้านี้แล้ว Tan ยอมรับว่าโรคระบาดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างยาวนาน เช่นเดียวกับการฟื้นตัว บริษัทพยายามลดต้นทุนทุกส่วนแล้ว รวมถึงโปรเจ็คต่าง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในส่วนธุรกิจหลัก (non-core project) พร้อมยืนยันว่าการปลดคนครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ และจะไม่มีการปิดสำนักงานที่ไหนแน่นอน ที่มา - SCMP, Grab
# เปิดตัว ZTE Blade A3 Prime สมาร์ทโฟนถอดแบตได้ ในราคาราว 3000 บาท ZTE เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Blade A3 Prime สมาร์ทโฟนราคาถูก แรมแค่ 2GB รัน Android 10 (ทำไมไม่ใช้ Android Go?) และที่สำคัญ สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ สเปค ZTE Blade A3 Prime หน้าจอขนาด 5.45 นิ้วความละเอียด 720p ใช้ชิป MediaTek MTK6761 ควอดคอร์ แรม 2 GB ความจุ 32 GB รองรับ MicroSD card สูงสุด 2TB แบตเตอรี่ขนาด 2,666 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้ กล้องหน้า 5MP กล้องหลัง 8MP พร้อมแฟลชคู่ รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า ZTE Blade A3 Prime สนนราคาอยู่ที่ 99 ดอลลาร์ (ประมาณ 3000 บาท) วางขายแล้วบน Visible ที่มา - Android Community
# [ลือ] หลุดสเปก Galaxy Tab S7+ เตรียมเปิดตัวพร้อม Galaxy Tab S7 เร็วๆ นี้ ตลาดแท็บเล็ตปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าแท็บเล็ตตระกูล iPad ยังครองตลาดอยู่ทั้ง OS ที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนช่วงหลัง iPad Pro แทบจะใช้แทนโน้ตบุ๊กได้แล้วในหลายๆ กรณี ส่วนฝั่งแอนดรอยด์ก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ มีออกมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีตัวไหนเด่นมากนัก ล่าสุดมีข่าวหลุดว่า Samsung เตรียมเปิดตัวแท็บเล็ตอีกสองรุ่น คือ Galaxy Tab S7 และ Galaxy Tab S7+ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ Ice Universe ที่ปล่อยข่าวหลุดของ Samsung มาหลายครั้ง ทวิตว่าทั้ง Galaxy Tab S7 และ S7+ จะมาพร้อมกับหน้าจอ 120Hz และจากข้อมูลหลุดก่อนหน้านี้ คาดเดาว่า ทั้ง Galaxy Tab S7 และ S7+ จะเป็นแท็บเล็ตรองรับ 5G ทั้งสองรุ่น มาพร้อมชิป Snapdragon 865 และจากคะแนนทดสอบที่หลุดมาก่อนหน้านี้บน SamMobile ก็คาดว่า Tab S7+ จะมีแรม 6GB และอาจมีรุ่น 8GB ด้วย ภาพจาก Twitter @OnLeaks รายละเอียดอื่นๆ ที่หลุดมาคือ Galaxy Tab S7 จะมีขนาดหน้าจอ 11 นิ้ว ใช้แบตเตอรี่ 7,760 mAh รองรับ S Pen รันบน Android 10 มีราคาต่ำกว่า 700 เหรียญสหรัฐ และอาจเปิดตัวพร้อมกับ One UI 2.5 และ Galaxy Note 20 อย่างเร็วที่สุดคือในเดือนสิงหาคมนี้ ที่มา - Twitter @UniverseIce, SamMobile, Twitter @OnLeaks, Android Community
# กูเกิลออกแนวทางการเขียนเอกสาร อย่าใช้ man-hour หรือตัวแปร dummy, หลีกเลี่ยงคำแสดงความสงสาร กูเกิลออกแนวทางการเขียนเอกสารเพื่อให้ทุกคนใช้งานได้อย่างสบายใจ (inclusive document) โดยระบุแนวทางการใช้คำเพื่อให้สุภาพขึ้น แนวทางนี้ครอบคลุมตั้งแต่คำที่ไม่ได้ระบุถึงกลุ่มคนใดเป็นพิเศษแต่ใช้ภาษาดูถูก (ableist language) เช่น ตัวแปรดัมมี่ที่แปลว่าโง่, หรือเรียกข้อมูลนอกกลุ่มว่าบ้า (crazy) หรือการใช้ภาษารุนแรงโดยไม่จำเป็น เช่นการฆ่า นอกจากความรุนแรงภาษาแล้ว แนวทางนี้ยังระบุให้ควรใช้คำเรียกโดยไม่กำหนดเพศที่ในภาษาอังกฤษใช้งาน เช่น คำว่า man-hour ควรเปลี่ยนเป็น person-hour หรือ mankind ควรเปลี่ยนเป็น humanity สำหรับการใช้คำเรียกกลุ่มที่พิการควรหลีกเลี่ยงคำแสดงอารมณ์หรือสงสาร แต่ใช้คำอธิบายไปตรงๆ เช่น กลุ่มผู้ใช้รถเข็น หรือหากพูดถึงความลักษณะก็ให้ระบุไปตรงๆ แทนที่การระบุว่าเป็นคนปกติหรือไม่ปกติ เช่น คนสายตาสั้น เอกสารนี้ไม่ได้พูดถึงคำว่า master/slave ที่หลายโครงการเริ่มเปลี่ยนคำอย่างต่อเนื่อง แต่ระบุแนวทางไม่ใช้คำที่พูดถึงชนชั้น เช่น first-class แต่เปลี่ยนเป็นคำแสดงความสำคัญต่อระบบ เช่น ฟีเจอร์แกนกลาง, ฟีเจอร์ในตัว แนวทางนี้คงแสดงถึงค่านิยมที่เปลี่ยนไปในวงการไอทีฝั่งตะวันตกในช่วงหลัง ตัวภาษาเองมีความเฉพาะที่อาจจะปรับใช้กับภาษาไทยได้จำกัด ตัวเอกสารเองก็ระบุว่าเป็นแนวทางที่ดี (best practice) มากกว่าการบังคับโดยตรง โดยเราน่าจะได้เห็นการใช้ภาษาที่เปลี่ยนไปในการสัมมนาหรือเอกสารอื่นๆ ในอนาคต ที่มา - Google Developers
# GMM จัดคอนเสิร์ตออนไลน์ครั้งแรกผ่าน V Live แอปวิดีโอ K POP ของ Naver เกาหลีใต้ GMM ร่วมกับ V Live แพลตฟอร์มวิดีโอของ Naver เกาหลีใต้ ขนศิลปินไทย เช่น เป๊ก ผลิตโชค, วง Cocktail, วง Lomosonic ฯลฯ ทำคอนเสิร์ตออนไลน์ GMM Online Festival เป็นเทศกาลดนตรี 2 วัน คือ 4-5 ก.ค. ซื้อบัตรผ่าน V Coin ของแพลตฟอร์ม V Live ราคา 350 บาท ภาวิต จิตรกร ซีอีโอ GMM Music บอกว่า โรคระบาด ทำให้คอนเสิร์ตจัดไม่ได้ ทางบริษัทจึงริเริ่มอยากจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ และคิดว่าต้องจับมือกับแพลตฟอร์มอันดับโลกอย่าง V Live ในการจัดคอนเสิร์ตออนไลน์บน V Live เป็นครั้งแรก โดยคอนเสิร์ตจัดเป็น festival 2 วัน ตั้งแต่ 14.00 - 20.00 น. คนที่เข้าชมจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น V Live และผูกบัตรเครดิตในการซื้อเหรียญผ่านเมนู Store บนแอป ก็จะสามารถดูคอนเสิร์ตผ่านช่อง GMM บน V Live ได้ V Live ถือเป็นหนึ่งแพลตฟอร์มวิดีโอรายใหญ่ รวมคอนเทนต์จากศิลปิน K-Pop ดารา อินฟลูเอนเซอร์เกาหลี แต่จะต่างจาก YouTube ตรงที่ แชนเนลส่วนใหญ่บน V Live เป็นของดาราศิลปินเกาหลี ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถสมัครใช้งานได้เพื่อเข้าดูได้ แต่จะไม่สามารถสร้างแชนเนลของตัวเองได้ ซึ่งล่าสุดพบว่ามีช่อง GMM ของไทยบน V Live แล้ว คอนเทนต์ใน V Live มีหลายรูปแบบ เช่น รายการวาไรตี้, ไลฟ์พูดคุยกับแฟนๆ, คอนเทนต์รายการพิเศษที่ต้องซื้อเหรียญเพื่อเข้าดูซึ่งเรียกอีกอย่างว่า V Live+ ก่อนหน้านี้ Naver ประกาศว่า V Live จะเพิ่มการโฟกัสและทำตลาดในอีก 4 ประเทศของเอเชีย ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ด้วยเป็นประเทศที่มีฐานแฟนคลับ K POP มาก
# Microsoft 365 กุญแจสำคัญสำหรับการปรับตัวธุรกิจในยุคหลัง COVID-19 การปรับตัวให้ทันต่อเทรนด์และวิธีการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไป ผลักดันให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจให้ขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ แนวคิดเกี่ยวกับ Digital Transformation จึงถูกหยิบยกให้เป็นประเด็นสำคัญของยุคสมัย เนื่องจากพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนในสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลอยู่ตลอดเวลา การยกระดับธุรกิจให้สอดคล้องและตอบรับกับความเป็นดิจิทัลจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการตามกระแส แต่เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของการทำธุรกิจในปัจจุบัน โดยความสำคัญของ Digital Transformation ยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อโลกต้องเผชิญหน้ากับ COVID-19 ที่ไม่มีเวลาให้ปรับตัวแต่ต้องใช้และทำได้อย่างเชี่ยวชาญในทันที ทั้งการ Work from Home การประชุมออนไลน์ หรือการควบคุมการทำงานบนระบบคลาวด์ โดยเพื่อให้ได้โซลูชันที่เหมาะสม Microsoft 365 จึงถูกพัฒนาและออกแบบให้มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ของการทำงาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจและ SMEs จะขับเคลื่อนไปในยุค Digital Transformation ด้วยเครื่องมือที่ตอบสนองธุรกิจดังนี้ ยกระดับการทำงานร่วมกันและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ปรับปรุงวิธีการทำงานร่วมกันของพนักงานภายในองค์กรรวมถึงการทำงานกับบุคคลภายนอกเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด โดยมีจุดเด่นเป็น Microsoft Teams ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อการสื่อสารผ่านแชทและการประชุมออนไลน์กับผู้ใช้งานทั้งภายในและภายนอกองค์กร ส่วน SharePoint จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลและอำนวยความสะดวกใหผู้ใช้สามารถทำงานและแก้ไขเอกสาร Word, PowerPoint, Excel และ OneNote ร่วมกันได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความสะดวกด้วยการแก้ไขเอกสารแบบออนไลน์และการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ ลดความกังวลเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลทางธุรกิจและเอกสารที่ต้องใช้ในการทำงานด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลออนไลน์อย่าง OneDrive ขนาด 1 TB ที่ให้ผู้ใช้สามารถจัดการเอกสารและข้อมูล ได้อย่างเรียบร้อย ถูกต้อง ง่ายต่อการค้นหาและดึงไปใช้งานต่อ โดยมั่นใจได้ว่าผู้ใช้ทุกคนจะสามารถเข้าถึงไฟล์งานที่อัพเดตล่าสุด รวมถึงการอัพเดตไฟล์จากการแก้ไขในระหว่างที่ออฟไลน์อย่างอัตโนมัติเมื่อมีการเชื่อมต่อออนไลน์ ทั้งนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องกล่องเมลเต็มด้วยพื้นที่จัดเก็บเมลที่มากถึง 50 GB อีกด้วย ทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา จากทุกอุปกรณ์ โซลูชันในการทำงานที่ดีที่สุดเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางการทำงานที่สะดวกสบาย โดยเอื้อให้ผู้ใช้สามารถทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างหลากหลาย ทั้ง PCs, MACs และสมาร์ทโฟน ในทุกระบบปฏิบัติการไม่ว่าจะเป็น iOS, Android หรือ Windows ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกทำงานบนอุปกรณ์ได้มากถึงประเภทละ 5 ชิ้น รวมสูงสุด 15 ชิ้นต่อ 1 ผู้ใช้งาน ผสานการปกป้องข้อมูลให้ปลอดภัยด้วย Azure Active Directory และ Intune ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานยุคใหม่ที่นิยมใช้อุปกรณ์ส่วนตัว (BYOD) อย่างแล็บท็อป แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนในการทำงาน บนพื้นฐานการสร้างความปลอดภัยในการใช้งาน ด้วยการผสานการทำงานของ Azure Active Directory (Azure AD) ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการการยืนยันตัวตนและควบคุมการเข้าใช้งานคลาวด์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการใช้งานที่ถูกต้องตามบทบาทและสิทธิที่องค์กรกำหนดให้ และ Intune ที่ทำหน้าที่จัดการแอปพลิเคชันและปกป้องข้อมูลที่อยู่ในทุกอุปกรณ์ที่กำลังเข้าใช้งานเพื่อความปลอดภัยของธุรกิจ ปลอดภัยจากการคุกคามทางไซเบอร์ การป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ของ Microsoft 365 เริ่มต้นด้วยการทำงานของ Microsoft Exchange Online Protection ที่จะปกป้องผู้ใช้จากลิงก์ที่เป็นอันตรายและมัลแวร์ที่เป็นที่รู้จักทั้งหมด จากนั้น Office 365 ATP จะสร้างการป้องกันให้กับสิ่งที่อยู่ภายใต้ Office แอพพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นอีเมล, Microsoft Teams, Word, Excel, PowerPoint, Visio, SharePoint และ OneDrive for Business ปิดท้ายด้วย Windows Defender ATP ที่จะตรวจจับและบล็อกภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น โดยใช้การตรวจสอบไฟล์และการตรวจจับพฤติกรรมขั้นสูง ยืดหยุ่นและคุ้มค่าบนมาตรฐานที่ไว้วางใจ Microsoft 365 ได้รับการออกแบบมาให้ใช้แอปพลิเคชัน Office ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ด้านคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นด้วยการสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้ใหม่เมื่อธุรกิจมีการเติบโต นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการผสมผสานหรือจับคู่แผนการใช้งานต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมต่อลักษณะการใช้งานและความต้องการขององค์กร ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่เยี่ยมยอดสำหรับการก้าวสู่ Digital Transformation ของผู้ประกอบการ SMEs พบกับ Microsoft 365 Business Premium ได้ที่ https://www.microsoft.com/th-th/smb/talk-to-us
# Huawei แซง Samsung เป็นแบรนด์มือถืออันดับหนึ่งในเดือนเมษายน แม้ไม่มี GMS บริษัทวิจัยตลาด Counterpoint Research เปิดเผยข้อมูลที่ทำให้อ่านแล้วต้องขยี้ตาอีกที ว่าในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Huawei ทำยอดขายมือถือแซงหน้า Samsung ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งแบรนด์มือถือโลก แม้จะมีข้อจำกัดทางการค้าจากสหรัฐ และไม่มี Google Mobile Services โดย Neil Shah ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาดที่ Counterpoint Research ยืนยันกับ Gizmochina ว่า Huawei มีส่วนแบ่งตลาด 19% ส่วน Samsung มีส่วนแบ่งตลาด 17% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลาดมือถือจีนและทั่วโลกซบเซาเพราะผลกระทบจาก COVID-19 ในไตรมาสแรก แต่ยอดขายของ Huawei ในจีน กลับเติบโตขึ้น 6% ในขณะที่ iPhone ยอดขายตกลงเล็กน้อยที่ 1% ส่วนแบรนด์อื่น เช่น Vivo, OPPO และ Xiaomi ยอดขายลดลงถึง 27%, 30% และ 35% ตามลำดับ ภาพจาก Counterpoint Research แม้ยอดขายตลาดในจีนจะเพิ่ม แต่ยอดขายโดยรวมในไตรมาส Q1/2020 ที่ผ่านมาของ Huawei ไม่ได้เพิ่มขึ้น เพียงแค่ลดลงน้อยกว่าเจ้าอื่นเท่านั้น เพราะขายได้ 49 ล้านยูนิต ลดลง 17% เทียบกับ 59.1 ล้านยูนิตในปีที่แล้ว ฝั่ง Apple ลดลง 17% เช่นกัน โดยขายได้ที่ 40 ยูนิต จาก 42 ล้านยูนิตในปีก่อน ส่วน Samsung ยอดขายลดลงไป 18% จาก 72 ล้าน เหลือ 59 ล้านยูนิต ต้องติดตามกันต่อไปว่า Huawei จะคงยอดขายและส่วนแบ่งทางตลาดนี้ได้ตลอดช่วง Q2 ของปีนี้หรือไม่ น่าสังเกตว่ายอดขายของ Huawei ในประเทศจีน อาจเป็นตัวช่วยพยุงให้ยอดขายของบริษัทไม่ลดลงมากนัก เพราะจีนเป็นประเทศแรกๆ ที่เริ่มฟื้นตัวจาก COVID-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคม แม้ยอดขายในภูมิภาคอื่นของ Huawei จะลดลงเพราะไม่มี GMS ที่มา - Gizmochina via Huawei Central ภาพจาก Counterpoint Research
# นักพัฒนาเกมอินดี้บางรายนำเกมลงจาก Steam เนื่องจาก Valve นิ่งเฉยต่อกระแส Black Lives Matter จากกระแส Black Lives Matter มีหลายองค์กรออกมาแสดงออกในเรื่องนี้ แต่กับ Valve หรือ Steam ยังไม่มีการแสดงออกอย่างเป็นทางการ ทำให้มีนักพัฒนาเกมอินดี้บางรายไม่พอใจ ออกมารณรงค์นำเกมตัวเองออกจาก Steam โดยจะหันไปหาร้านค้าที่สนับสนุนเรื่องนี้แทน อย่างไรก็ตามถึงแม้ Valve จะยังไม่ได้ออกมาพูดอะไร แต่ในช่วงที่สถานการณ์ตึงเครียด หลายๆงานก็มีการประกาศเลื่อนรวมถึงงาน Summer Steam Game Festival (คนละเทศกาลกับ Steam Summer Sale) โดยที่ไม่ได้แจ้งสาเหตุ ที่มา - @glanderco, @GhostTimeGames, @danthaiwang
# เด็กฝึกงานไม่ได้เพราะ COVID กูเกิลให้ทำโอเพนซอร์สแทน แต่เด็กเยอะ โครงการมีไม่พอ กูเกิลแก้ปัญหาไม่สามารถรับนักศึกษาฝึกงานประจำปี 2020 มานั่งทำงานที่สำนักงานเนื่องจากวิกฤต COVID-19 ด้วยการให้เด็กฝึกงาน (สายเทคนิค) ร่วมพัฒนาโครงการโอเพนซอร์สแทน ด้วยเหตุผลว่าเป็นงานที่ทำแล้วมีความสำคัญ (impact) สามารถทำจากที่ไหนก็ได้ และไม่มีข้อจำกัดเรื่องการเข้าไม่ถึงทรัพยากรภายในบริษัท อย่างไรก็ตาม การที่กูเกิลรับเด็กฝึกงานเป็นจำนวนมาก (ประมาณ 1 พันคน) กลับเจอปัญหาใหม่คือมีจำนวนโครงการโอเพนซอร์สไม่เพียงพอให้ทำ จึงต้องประกาศเป็นการภายใน ให้พนักงานของตัวเองเสนอโครงการโอเพนซอร์สเพิ่มเติม ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี (กูเกิลบอกว่าพนักงานชอบโครงการฝึกงานอยู่แล้วด้วย) ได้โครงการเพิ่มมาอีกราว 200 โครงการ รวมเป็น 1 พันโครงการ นอกจากโครงการซอฟต์แวร์ของกูเกิลที่มีอยู่แล้ว (เช่น TensorFlow, Kubernetes, Istio, Chromium) นักศึกษาฝึกงานในปีนี้ยังได้ทำโครงการที่เกี่ยวกับ COVID-19 เช่น การจัดการข้อมูล COVID-19 หรือ การพยากรณ์เทรนด์ COVID-19 Severity Prediction ด้วย กูเกิลบอกว่าถึงแม้โครงการฝึกงานมีระยะเวลาเพียง 3 เดือน แต่การทุ่มทรัพยากรเข้ามาในโครงการโอเพนซอร์สครั้งใหญ่ น่าจะช่วยให้มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สนใจโอเพนซอร์สอีกมาก ที่มา - Google
# Microsoft Teams รองรับหน้าจอ 7x7 คน, เปลี่ยนภาพพื้นหลังได้, เพิ่มห้องประชุมย่อย รวมข่าวฟีเจอร์ใหม่ของ Microsoft Teams ในรอบสัปดาห์นี้ เปลี่ยนภาพพื้นหลังได้เองแล้ว เปิดให้ใช้งานแล้ว (สักที) เพิ่มโหมดการแสดงผล 7x7 ตามที่เคยประกาศไว้ ช่วงปลายปีจะเพิ่มห้องประชุมย่อย (Breakout Rooms) เอาไว้ให้คุยกันเองเป็นกลุ่มเล็ก เช่น เรียนออนไลน์พร้อมกันทั้งห้องใหญ่ แล้วแยกกลุ่มทำงานกันในห้องเล็ก มีปุ่มยกมือถาม (Raise Their Hands) ในระหว่างการประชุมได้ Microsoft Teams เวอร์ชันฟรี เพิ่มฟีเจอร์ลงตารางนัดประชุมล่วงหน้า (ก่อนหน้านี้ได้แต่ Meet Now) Microsoft Teams เวอร์ชันฟรี เพิ่มฟีเจอร์ Live Caption ขึ้นข้อความบรรยายให้อัตโนมัติ ที่มา - Microsoft (1), Microsoft (2)
# สหรัฐออกร่างแก้ไขกฎหมาย ยอมให้บริษัทสหรัฐทำงานด้านมาตรฐาน 5G กับ Huawei กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเพิ่งออกร่างแก้ไขคำสั่งแบน Huawei ที่อนุญาตให้บริษัทสหรัฐสามารถทำงานร่วมกับ Huawei ได้แต่เฉพาะกรณีการกำหนดมาตรฐานเครือข่าย 5G เท่านั้น Wilbur Ross รมต. พาณิชย์ออกมายืนยันว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ในการรักษาผลประโยชน์สหรัฐ พร้อมยืนยันว่าสหรัฐจะมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีใหม่ทั้ง 5G, รถไร้คนขับ, ปัญญาประดิษฐ์ ฯลฯ ร่างแก้ไขนี้เตรียมประกาศใน Federal Register (เทียบเท่าราชกิจจาฯ) ภายในพรุ่งนี้ตามเวลาบ้านเรา ที่มา - Reuters
# Star Wars: Squadrons เปิดตัว, เน้นมัลติเพลเยอร์ ขับยาน 5v5, ไม่มีการจ่ายเงินในเกม หลังจากเผยชื่อและภาพแรกของเกมไปวันก่อน เมื่อคืนนี้ EA เปิดตัวเกมยานรบ Star Wars: Squadrons อย่างเป็นทางการ พร้อมกำหนดวางขาย 2 ตุลาคม 2020 Star Wars: Squadron จับเหตุการณ์หลังภาพยนตร์ภาค Return of the Jedi (หลังดาว Death Star II ถูกทำลาย) ผู้เล่นสามารถรับบทเป็นนักบินรบของฝั่ง New Republic และ Imperial มีทั้งโหมดเล่นคนเดียวเน้นเนื้อเรื่อง และโหมดมัลติเพลเยอร์ทีม 5v5 (แต่จะเน้นมัลติเพลเยอร์เป็นหลัก) เกมมียานรบให้เลือกหลากหลาย นำโดยยานเด่นๆ อย่าง X-wing และ TIE Fighter มีระบบคัสตอมยาน และฉากที่ยืนยันแล้วคือดาว Yavin Prime กับ Galitan ตอนนี้ในเทรลเลอร์ยังมีเฉพาะวิดีโอเปิดเรื่อง (ที่เป็นการต่อกรของนักบินหญิงจาก New Republic และนักบินชายจาก Imperial) ส่วนเกมเพลย์จะตามมาในงาน EA Play Live วันที่ 18 มิถุนายนนี้ เกมนี้เป็นผลงานแรกของ Motive Studios สตูดิโอในสังกัด EA ที่เคยช่วยทำ Anthem (Bioware) และ Star Wars Battlefront II (DICE) โดยสตูดิโอ Motive ร่วมงานกับ Lucasfilm อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้รายละเอียดของยานรบที่สมจริง และตรงกับจักรวาล Star Wars มากที่สุด Motive Studios เผยว่าเกมจะไม่มีระบบ micro transaction จ่ายเงินเพื่อเอาชนะหรือซื้อของ แต่สามารถเก็บสะสมชิ้นส่วนตกแต่งยานได้จากการเล่นเกมเพียงอย่างเดียว ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่ดี เมื่อเทียบกับ Star Wars Battlefront II ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องนี้ Star Wars: Squadrons จะมีให้เล่นบนแพลตฟอร์ม PS4, Xbox One, PC รองรับการเล่นร่วมกันข้ามแพลตฟอร์ม (cross play) รองรับการใช้แว่น VR บน PS4/PC ด้วย เวอร์ชัน PC จะขายทั้งบน Origin, Steam, Epic Games Store ยังไม่ประกาศว่าจะลง PS5 และ Xbox Series X ด้วยหรือไม่ ที่มา - EA, Gamespot
# Epic Games ใกล้ระดมทุนเพิ่มอีก 750 ล้านเหรียญ มูลค่าแตะ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ Bloomberg รายงานว่า Epic Games กำลังระดมทุนเพิ่มละใกล้เปิดดีลได้อีก 750 ล้านเหรียญ และจะทำให้มูลค่าบริษัทขึ้นไปอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านล้านเหรียญ รายละเอียดของดีลยังไม่เป็นที่เปิดเผย รวมถึงสาเหตุที่ Epic ต้องระดมทุนเพิ่มเติม ขณะที่รายได้เมื่อปี 2017 อยู่ที่ 4.2 พันล้านเหรียญ กำไรก่อนดอกเบี้ย-ภาษี-ค่าเสื่อมราคา-ค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) อยู่ที่ 730 ล้านเหรียญและคาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 5 พันล้านเหรียญ ส่วน EBITDA คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 1 พันล้านเหรียญ ที่มา - Bloomberg, Venturebeat
# ดิสนีย์เปิดรับสมัครผู้จัดการ, ประชาสัมพันธ์ Disney+ ในตลาดโซนอาเซียน ทำงานที่สิงคโปร์ อาจใกล้มาเปิดตัวที่ไทยเต็มทีแล้วสำหรับ Disney+ เมื่อดิสนีย์เปิดรับสมัครงานในตำแหน่ง Senior Manager, Manager และ PR & Communications ของ Disney+ โดยรับผิดชอบในตลาดอาเซียน ทำงานที่สิงคโปร์ ในเว็บไซต์รับสมัครงานระบุว่า ในฐานะผู้นำการประชาสัมพันธ์ บทบาทสำคัญคือสร้างการรับรู้ในตัวตนของ Disney + เพื่อดึงดูดผู้ใช้หลายล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ และสนับสนุนด้านการสื่อสารสำหรับแคมเปญการตลาดบนแพลตฟอร์ม ที่มา - Disney Careers
# สิงคโปร์ยืนยันไม่ใช้ฟีเจอร์ Contact Tracing ของแอปเปิล/กูเกิล ชี้ข้อจำกัดมากเกินไป สิงคโปร์นับเป็นชาติแรกๆ ที่เสนอการใช้ Bluetooth ในโทรศัพท์เพื่อติดตามการเข้าใกล้กัน (contact tracing) เพื่อติดตามผู้เข้าใกล้ผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 (โรค COVID-19) แต่ก็พบข้อจำกัดว่าไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์บนไอโฟน ล่าสุด Vivian Balakrishnan ก็ออกมายืนยันว่าจะใช้แอป TraceTogether ที่สิงคโปร์พัฒนาเองต่อไปแม้แอปเปิลและกูเกิลจะออก Exposure Notification API ออกมาให้ใช้งานได้สมบูรณ์ทั้งไอโฟนและแอนดรอยด์แล้วก็ตาม Vivian ระบุว่าได้พิจารณา API ของแอปเปิลและกูเกิลแล้ว แต่กลับพบว่าข้อมูลที่ได้รับมาจะน้อยเกินไป โดยเฉพาะ "กราฟ" ของการติดต่อกัน ที่ Exposure Notification นั้นไม่มีให้ แอป TraceTogether และโปรโตคอล BlueTrace ของสิงคโปร์นั้นเปิดทางให้เซิร์ฟเวอร์กลางรู้หมายเลขประจำตัวของโทรศัพท์ทุกเครื่องที่ใช้งานแอปแม้ว่าหมายเลขประจำตัวที่กระจายไปรอบตัวจะเปลี่ยนไปตลอดเวลาก็ตาม ทำให้รัฐบาลสามารถรู้ได้ทันทีเมื่อได้โทรศัพท์จากผู้ติดเชื้อว่าไปเข้าใกล้ใครมาบ้าง ขณะที่ Exposure Notification นั้นทางรัฐบาลต้องเผยแพร่หมายเลขประจำตัวของผู้ติดเชื้อออกไปยังโทรศัพท์ทุกเครื่องให้ติดต่อกลับมายังรัฐบาลอีกครั้ง และรัฐบาลไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าใครติดผ่านใครมาบ้าง รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมแก้ปัญหาแอป TraceTogether ทำงานไม่สมบูรณ์บนไอโฟนด้วยการแจกโทเค็นอิเล็กทรอนิกส์ให้ประชาชนได้พกพากันแทน โดยตอนนี้ได้จ้างผลิตชุดแรก 300,000 ชิ้นที่ราคา 6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณชิ้นละ 450 บาท ที่มา - Strait Times
# เขินเลย วง BTS เผลอใช้ไอโฟนทวีตแม้ซัมซุงสปอนเซอร์ต่อเนื่อง ลบโพสใหม่แล้ว วันนี้ทางซัมซุงประกาศ Galaxy S20+ และ Galaxy Bud+ BTS Edition นับเป็นการสปอนเซอร์วง BTS ให้ช่วยโปรโมทโทรศัพท์ซัมซุงอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ก็เคยให้วง BTS โปรโมท Galaxy Z Flip มาก่อน แต่เหล่าแฟนๆ ก็พบว่าทางวงโพสทวีตครบรอบ 7 ปีผ่านทางไอโฟน แม้ว่าจะพลาดไปเพียงครู่เดียวก่อนจะลบแล้วโพสใหม่ด้วยแอนดรอยด์ ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มที่แสดงไคลเอนต์ที่ใช้งานทุกทวีตเสมอมา อาจจะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับการทำตลาด โดยบทเรียนจากการเผลอใช้ไอโฟนเพื่อทวีตจากแบรนด์ต่างๆ นั้นเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง เช่น เมื่อปีที่แล้วพนักงานหัวเว่ยก็พลาดใช้ไอโฟนโพสสวัสดีปีใหม่ ที่มา - South China Morning Post
# SpaceX ยิงดาวเทียม Starlink 58 ดวงพร้อมดาวเทียมตามโครงการ Rideshare ครั้งแรกอีก 3 ดวง SpaceX ยิงดาวเทียมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยภารกิจหลักคือการยิงดาวเทียม Starlink แต่ความพิเศษของรอบนี้คือการนำส่งดาวเทียม SkySat 16-18 รวมสามดวงขึ้นไปด้วยตามโครงการ Rideshare ที่เปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา SkySat เป็นดาวเทียมโดย Planet Labs บริษัทดาวเทียมเอกชนที่ให้บริการสำรวจพื้นที่ด้วยดาวเทียมภาพถ่ายดาวเทียมในย่านแสงสายตามองเห็นหรือย่ายใกล้อินฟราเรด หรือภาพขาวดำแบบ panchromatic ที่ไวต่อแสงทุกผ่านที่สายตามองเห็น โดยทาง Planet Labs มีกำหนดส่งดาวเทียม SkySat อีก 3 ดวง (รวม 6 ดวง) ไปกับโครงการ Rideshare ของ SpaceX โดยดาวเทียมชุดใหม่นี้จะใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 50 เซนติเมตร ค่าบริการ Rideshare ของ SpaceX เริ่มต้นที่ 1 ล้านดอลลาร์ที่น้ำหนัก 200 กิโลกรัม ในการส่งไปยังวงโคจร SSO จุดเด่นของ SpaceX คือมีแผนการยิงดาวเทียม Starlink ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถขายสล็อตดาวเทียมให้เข้าไปแทรกแทน Starlink ได้เรื่อยๆ ที่มา - Planet Labs, SpaceX
# โซนี่ยืนยัน PS5 จะเล่นเกม PS4 กว่า 4,000 เกมได้, ตั้งใจออกแบบเครื่องให้เตะตา เก็บตกข่าวการเปิดตัว PS5 โดย Jim Ryan ซีอีโอของ Sony Interactive Entertainment ให้สัมภาษณ์กับ CNET มีประเด็นที่น่าสนใจคือ เรื่องดีไซน์เครื่อง เขาบอกว่าต้องการออกแบบสิ่งที่กล้าหาญ (bold and daring) สิ่งที่มองไปข้างหน้า สะท้อนโลกอนาคตในยุค 2020s เขายังบอกว่าดีไซน์ของ PS5 ต้องการสะท้อนคุณภาพของกราฟิกภายในเกมที่ "เตะตา" (eye-catching) ทั้งข้างในและข้างนอกเครื่อง ให้ข้อมูลว่าโซนี่กำลังร่วมกับนักพัฒนาเกม ทดสอบเกมเก่าๆ ของ PS4 จำนวนกว่า 4,000 เกมว่าเล่นบน PS5 ได้ ซึ่งเป็นครั้งแรกๆ ที่โซนี่ออกมาให้ข้อมูลเรื่องการเล่นเกมเก่าจาก PS4 เขาปฏิเสธไม่แสดงความเห็นเรื่องราคาเครื่อง และอนาคตของ PSVR (ยกเว้นบอกว่า PSVR รุ่นปัจจุบันใช้กับ PS5 ได้ด้วย) โดยบอกว่าจะกล่าวถึงเรื่องเหล่านี้ในโอกาสถัดไป ที่มา - CNET
# Galaxy S9 และ Note 9 เริ่มได้อัพเดต One UI 2.1 มีฟีเจอร์บางส่วนจาก Galaxy S20 จากข่าวเมื่อเดือนเมษายนว่า Galaxy S9/Note 9 จะได้อัพเกรดเป็น One UI 2.1 ตัวเดียวกับใน Galaxy S20 ด้วย (ได้ฟีเจอร์บางส่วนอย่างโหมดถ่ายภาพ Single Take หรือ Quick Share) สัปดาห์ก่อน Galaxy Note 9 เริ่มทยอยได้อัพเดต One UI 2.1 กันไปแล้ว สัปดาห์นี้เริ่มมีรายงานว่า Galaxy S9/S9+ ในบางประเทศอย่างเกาหลีใต้หรือเยอรมนี เริ่มได้ One UI 2.1 แล้วเช่นกัน Galaxy S9 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่อายุครบ 2 ปีเรียบร้อยแล้ว หมดระยะการได้อัพเกรดเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ ดังนั้นการอัพเกรดเป็น One UI 2.1 น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของ S9 แต่ก็จะยังได้อัพเดตแพตช์ความปลอดภัยรายเดือนต่อไป ที่มา - SamMobile
# GitHub เตรียมเปลี่ยนคำว่า Master เป็นคำว่า Main เพื่อเลี่ยงการอ้างถึงเรื่องทาส GitHub เป็นองค์กรล่าสุดที่ออกมาเปลี่ยนคำว่า master/slave ที่อาจกระทบความรู้สึกของคนผิวดำ โดย Nat Friedman ซีอีโอของ GitHub ออกมาตอบสนองคำเรียกร้องให้เปลี่ยนผ่านทวิตเตอร์ ข้อเสนอนี้มาจาก Una Kravets นักพัฒนา Chrome ซึ่งเป็นพนักงานของกูเกิล เสนอให้เปลี่ยนคำว่า master เป็น main ซึ่ง Nat Friedman ก็เข้ามาตอบว่าเป็นไอเดียที่ดี และทางทีม GitHub กำลังทำเรื่องนี้กันอยู่ คำว่า master ของ GitHub มีที่มาจากตัวซอฟต์แวร์ Git ซึ่งหมายถึงตัวกิ่งหลักของเวอร์ชันโค้ด (master branch ซึ่งเป็นชื่อดีฟอลต์, ในระบบ Git ไม่มีคำว่า slave เพราะกิ่งอื่นตั้งชื่อเองได้) ตัวโครงการ Git เองก็มีการหารือเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะเปลี่ยนหรือไม่ และใช้คำว่าอะไร ก่อนหน้านี้ Chrome เลิกใช้คำว่า blacklist และ OpenZFS รวมถึงซอฟต์แวร์อีกหลายตัว เลิกใช้คำว่า master/slave ที่มา - The Register, ZDNet, ภาพจาก GitHub
# เนเธอร์แลนด์เตรียมให้ผู้ทำผิดคดีเกี่ยวกับสุรา ต้องใส่กำไลข้อเท้าวัดระดับแอลกอฮอล์ เนเธอร์แลนด์เตรียมให้ผู้ทำผิดคดีที่เกี่ยวกับการดื่มสุรา เช่นทะเลาะวิวาท เมาแล้วขับ และอื่นๆ ต้องใส่กำไลข้อเท้า ที่จะใช้วัดแอลกอฮอล์จากเหงื่อ และส่งผลรายงานหน่วยงานของรัฐวันละหนึ่งครั้ง ทำให้ผู้ใช้รู้สึกตัวว่ามีอุปกรณ์ตรวจวัดอยู่ตลอดเวลาและลดการดื่มสุราลง จากเดิมที่ใช้การตรวจเลือดและปัสสาวะ สัปดาห์ละสองครั้ง ในโครงการทดสอบนำร่องของรัฐ พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 71 เปอร์เซ็นต์ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ขณะสวมใส่กำไลข้อเท้านี้ แม้ผู้เข้าร่วมบางส่วนจะได้รับอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ก็ตาม และผู้เข้าร่วมโครงการประมาณครึ่งหนึ่ง งดดื่มแอลกอฮอล์ต่ออีกอย่างน้อยสามเดือน แม้จะถอดอุปกรณ์นี้ออกไปแล้ว กระทรวงยุติธรรมของเนเธอร์แลนด์ยังเปิดเผยการวิจัยที่พบว่าอาชญากรรมรุนแรงกว่า 26 ถึง 43 เปอร์เซ็นต์ มีเหตุเกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา และค่าเสียหายต่อสังคมเนเธอร์แลนด์จากอาชญากรรมที่เกิดจากสุรา อาจสูงถึง 6 พันล้านยูโรต่อปี ทำให้อุปกรณ์ตรวจวัดแอลกอฮอล์แบบสวมใส่นี้ ดูน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ ที่มา - The Straits Times ภาพจาก Shuttertstock
# Ratchet & Clank ภาคใหม่ เกมเพลย์เปลี่ยนฉากต่อเนื่องไม่ต้องรอโหลด โชว์ SSD ของ PS5 Ratchet & Clank เกมแพลตฟอร์มมิ่งสามมิติที่อยู่คู่กับ PlayStation มาตั้งแต่สมัย PS2 และเพิ่งเปิดตัวภาคใหม่ Ratchet and Clank: Rift Apart ไปพร้อมกับเครื่อง PS5 พร้อมรูปแบบการเล่นใหม่ เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้ Ratchet สามารถดึงประตูมิติเข้าหาตัวเอง แล้วเปลี่ยนฉากไปเป็นอีกมิติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงได้โดยไม่ต้องรอโหลด เช่นจากเมืองไปเป็นป่า หรือเรือโจรสลัด เพราะความเร็วของ SSD ของ PS5 ทำให้ดึงฉากมาใช้ได้ทันที นอกจากนี้โซนี่ยังพูดถึงระบบ haptic feedback ระบบสั่นสะเทือนแบบใหม่ กับ adaptive trigger ปุ่มด้านหลังที่สามารถปรับแรงต้านได้บนจอย DualSense ว่าจะช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับระบบการต่อสู้ในเกมได้มากกว่าเดิม ก่อนหน้านี้โซนี่ได้เปิดรายละเอียดประสิทธิภาพของ PS5 ไปในงาน GDC แบบออนไลน์ โดยมีจุดเด่นที่ SSD แบบคัสตอมที่โซนี่คุยไว้ว่าจะปฏิวัติวงการพัฒนาเกมเลยทีเดียว แถม Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic Games ยังเอ่ยปากชมว่าดีกว่า PC ซะอีก แถมฝั่งวิศวกรของ Epic ยังบอกว่าต้องเขียน Unreal Engine 5 ใหม่บางส่วน เพื่อให้ใช้งานความเร็ว SSD ของ PS5 ได้ดีขึ้นด้วย ที่มา - GameRant, PlayStation Blog
# ผู้บริหาร Riot Games ลาออกแล้ว หลังโพสต์เชิงลบเกี่ยวกับ George Floyd Ron Johnson หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณท์ของบริษัท Riot Games ยื่นหนังสือลาออกแล้ว หลังจากถูกสอบสวนกรณีโพสต์ข้อความกล่าวหา George Floyd ว่าเสียชีวิตเพราะมีวิถีชีวิตแบบอาชญากรลงใน Facebook เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Nicolo Laurent ซีอีโอของ Riot ยอมรับว่าการโพสต์ความคิดเห็นของ Johnson เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก และขัดแย้งกับจุดยืนของบริษัทที่ต่อต้านการเหยียดสีผิว ซึ่งตัว Johnson ก็เข้าใจและยอมรับ ก่อนจะยื่นหนังสือลาออก ในขณะเดียวกัน Riot Games ได้บริจาคเงินกว่า 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 31 ล้านบาท) เพื่อต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติและการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงสนับสนุนกิจการคนผิวดำ ที่มา - Gamesindustry
# ศึกสายเลือด Qualcomm แข่งกันเอง Realme X3 vs POCO F2 ชิปเรือธงคนละปี แต่ราคาใกล้กัน ปีนี้ชิป Snapdragon 865 ทำมือถือแอนดรอยด์ขึ้นราคาไปตามๆ กัน สร้างความลำบากให้กับค่ายมือถือสเปกเรือธงราคาประหยัดหลายๆ ค่าย เพราะ Snapdragon 865 ไม่มีชิปโมเด็ม 5G ในตัวและถ้าจะรองรับ 5G ต้องซื้อชิปโมเด็ม X55 จาก Qualcomm พ่วงมาด้วยจนกดราคาไว้ไม่อยู่ จนเหมือนว่าปีนี้จะเป็นปีที่ “นักฆ่าเรือธง” กลายเป็นเรือธงเต็มตัวไปตามๆ กัน และอาจต้องปรับตัวเนื่องจากโทรศัพท์รุ่นเรือธง ไม่ได้มีอะไรใหม่ๆ มากนัก และโทรศัพท์รุ่นหมื่นกลางๆ ก็มีฟังก์ชั่นพอใช้งานทั่วไปแล้ว เช่นที่ผู้เขียนเคยกล่าวในบทวิเคราะห์นี้ แต่เราก็ได้เห็นอีกวิธีประหยัดต้นทุนจาก Realme นั่นคือการนำชิปเรือธงของปีที่แล้ว Snapdragon 855+ มาใช้ใน Realme X3 ในปีนี้ ที่แน่นอนว่าประสิทธิภาพอาจจะด้อยกว่าการใช้ชิปตัวใหม่ล่าสุด แต่ก็ทำให้ Realme เหลืองบประมาณไปใส่ฟีเจอร์อื่น เช่น หน้าจอ 120Hz ใส่แรมมามากถึง 12GB และเลนส์เทเลโฟโต้แบบ Periscope ที่สเปกเหล่านี้มักจะมีในมือถือราคาแพงกว่าสองหมื่นกลางขึ้นไป แต่ Realme X3 ยังกดราคาลงมาอยู่ที่ 19,900 บาทได้ Realme X3 อย่างไรก็ตาม คู่แข่งสำคัญของ Realme X3 กลับกลายเป็น POCO F2 Pro ค่ายมือถือนักฆ่าเรือธงสุดคุ้ม ที่ไม่รู้ว่าไปทำยังไง สามารถใช้ชิป Snapdragon 865 และรองรับ 5G ในราคาเพียง 17,990 บาทได้ แถมมีเลนส์เทเลมาโคร 5MP (ซึ่งไม่ใช่เลนส์ซูม แต่เป็นเลนส์มาโครแบบซูมที่ตั้งชื่อแอบงง) ถ้าเทียบกับ Realme X3 แล้วมีกล้องหลังหลัก 64MP เท่ากัน แต่ไม่ได้หน้าจอ 120Hz หรือฟังก์ชั่นซูม 5 เท่า และไฮบริดซูม 60 เท่าแบบใน Realme X3 POCO F2 Pro คงต้องติดตามกันต่อว่าทิศทางของตลาดมือถือจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ดูจากข้อมูลของ Strategy Analytics ที่ชี้ว่ามือถือรุ่นที่ขายดีที่สุดในไตรมาส 1/2020 เป็น Galaxy A51 แล้ว อาจแปลว่าช่วงนี้ผู้บริโภคมองปัจจัยด้านประสิทธิภาพต่อราคาสำคัญที่สุด และมือถือรุ่นที่ราคาถูกกว่า แต่ใช้ชิป Snapdragon 865 และรองรับ 5G อย่าง POCO F2 Pro ที่กำลังจะวางขาย 18 มิถุนายนนี้ น่าจะได้เปรียบกว่า ส่วนฟีเจอร์ซูม หรือหน้าจอ 120Hz อาจเป็นปัจจัยรองสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
# ผู้บริหารโซนี่คุย เกมเปิดตัว PS5 เป็นไลน์อัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ PlayStation หลังเครื่อง PS5 เปิดตัวไปพร้อมกับเกมดังๆ อย่าง Spider-man: Miles Morales, Horizon: Forbidden West, Gran Turismo 7 และ Ratchet and Clank: Rift Apart เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ โซนี่มากมาย (แต่ก็ยังไม่เปิดเผยราคา) ล่าสุด Eric Lampel ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ของ PlayStation ให้สัมภาษณ์ใน พ็อดคาสต์ อย่างเป็นทางการของ PlayStation ระบุว่าไลน์อัพเกมที่เปิดตัวบน PS5 นั้น เป็นไลน์อัพยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ PlayStation เลยทีเดียว Lempel พูดต่อว่าเกมส่วนใหญ่ที่เปิดตัว เช่น Gran Turismo 7 และ Ratchet and Clank: Rift Apart เป็นเกมแฟรนไชส์ใหญ่ที่ผู้เล่นรู้จักมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้เขายังกล่าวชื่นชมเกม Horizon: Forbidden West, Spider-man: Miles Morales ที่จะวางจำหน่ายภายในปลายปีนี้ รวมถึง Demon’s Souls ภาครีเมค และเกม Returnal ของค่าย Housemarque ผู้สร้างเกม Stardust และ Resogun อีกด้วย ถ้าวัดกันที่จำนวน ตอนนี้มีเกมเปิดตัวของ PS5 ทั้งแบบ Exclusive อย่าง Horizon: Forbidden West จากค่ายเกมอินดี้อย่างเกมแมว Stray หรือค่ายเกม Third-party อย่าง RE:Village รวมกันทั้งหมด 20 เกม ซึ่งยังน้อยกว่าสมัย PS4 ที่มีเกมเปิดตัวถึง 26 เกม รวมแฟรนไชส์เกมดังๆ หลายเกม เช่น Killzone Shadow Fall, Assassin's Creed: Black Flag, Battlefield 4, Call of Duty: Ghosts และ Need for Speed: Rivals แต่ก่อนหน้านี้ Jim Ryan ซีอีโอของโซนี่ได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่ามีเกมที่กำลังถูกพัฒนาบน PS5 อีกมากมายที่ยังไม่ได้เปิดตัว โดยโซนี่ได้กล่าวใน Official Blog ของ PlayStation ว่ายังมีข้อมูลอัพเดตเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆ แปลว่าในวันวางจำหน่าย อาจมีเกมมากกว่านี้ก็เป็นได้ ที่มา - PlayStation Official Podcast, BBC via Gamingbolt, Playstation Official Blog
# AMD ไทยตอบคำถาม ทำไมราคาซีพียูไทยแพงกว่าเมืองนอก คนที่ตามข่าวชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์หรือชอบประกอบคอมในไทยน่าเคยบ่นหรือเห็นคนบ่นว่า ราคาของซีพียู AMD ในไทยมักสูงกว่าราคาเปิดตัวในสหรัฐอยู่ราว 20%-30% ผมมีโอกาสได้พูดถึงคุยกับคุณจิระวัฒน์ นันทปราโมทย์ ตำแหน่ง Channel Sales Manager, AMD ประเทศไทยถึงประเด็นเรื่องการกำหนดราคาและต้นทุนส่วนอื่น ๆ ที่กลายเป็นมาราคาขายปลีกของซีพียู AMD ในไทย ที่น่าจะช่วยตอบคำถามข้างต้นครับ คำตอบสั้น ๆ ว่าทำไมบ้านเราแพงกว่า ก็คือว่า ค่าซีพียูบ้านเราจำเป็นต้องบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (ไม่มีภาษีนำเข้า) ต้นทุนค่าขนส่งและเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเข้าไปจากราคาเปิดตัวด้วย แต่คุณจิระวัฒน์ก็ยืนยันว่าราคาของซีพียูที่ขายในประเทศไทยพยายามจะทำให้ใกล้เคียงกับราคาที่ขายในสหรัฐมากที่สุดแล้ว ประเด็นคือราคาเปิดตัวอย่าง Ryzen 3 3300X ที่ 120 ดอลลาร์ เป็นราคากลางที่ยังไม่มีการบวกภาษีในแต่ละมลรัฐของสหรัฐเข้าไป (ประมาณ 10%) นอกจากนี้ผู้ที่กำหนดราคาขายปลีกในประเทศไทยคือตัวแทนจำหน่ายที่เป็นคนนำเข้ามาเป็นหลัก ทาง AMD ประเทศไทยมีหน้าที่กำหนดราคากลางให้เท่านั้น โดยอิงจากราคาซีพียูแต่ละรุ่นบวกค่าขนส่ง (FOB) บวก VAT 7% และอัตราแลกเปลี่ยนที่บวกเอาไว้เล็กน้อย เผื่อความผันผวน เช่นอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่สินค้าชิปเข้ามาไทยอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์ ทาง AMD จะคำนวนให้คร่าว ๆ ที่ 31.5 บาท เป็นต้น คุณจิระวัฒน์บอกว่าหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ใช้โมเดลราคาแบบนี้ และก็ได้รับผลกระทบเรื่องการเปรียบเทียบเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งชี้แจงว่าหากเราสั่งซีพียู AMD จาก Amazon ที่ราคาตั้งต้นถูกกว่าในไทย แต่หากรวมค่าขนส่งและภาษีนำเข้าที่เราอาจจะต้องจ่ายให้ศุลกากร ราคาสุทธิอาจแตกต่างจากราคาขายปลีกในไทยไม่มาก อาจถูกกว่าไม่กี่พัน แต่สิ่งที่เราจะไม่ได้คือประกันนั่นเอง ส่วนประเด็นในช่วงก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าซีพียู AMD ในสหรัฐลดราคาลงมาเพื่อชนกับ Intel 10th Gen คุณจิระวัฒน์ยืนยันจากการตรวจสอบว่า ราคาที่ลดเป็นราคาโปรโมชันจากมาร์เก็ตเพลซอย่าง Amazon ไม่ใช่เป็นการลดราคาจาก AMD ลักษณะเดียวกับการจัดโปรโมชันโดย Lazada, Shopee ในบ้านเราที่ทำให้ผู้ขายบน 2 แพลตฟอร์มนี้สามารถขายซีพียูได้ในราคาที่ถูกกว่าตัวแทนจำหน่ายเจ้าอื่น ๆ นอกจากนี้ผมยังถามด้วยว่าช่วงโควิดที่ผ่านมา AMD ได้รับผลกระทบเรื่องซัพพลายเชนจากผู้ผลิตจาก TSMC มากน้อยแค่ไหนเพราะแทบไม่มีข่าวเลย คุณจิระวัฒน์ก็บอกว่าซัพพลายเชนแทบไม่มีผลกระทบ แถมดีมานด์ยังสูงกว่าปกติด้วย เพราะเป็นช่วง work from home ความต้องการพีซีกลับเพิ่มมากขึ้น (Q2 สูงกว่า Q1 ราว 30%) ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ก่อนหน้าที่คิดกันไว้ว่ายอดจะตก แต่ปัญหาของ AMD ช่วงโควิดมีแค่เรื่องการขนส่งเท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาของขาดในหลายประเทศ
# อาร์มมี่เตรียมกรี๊ด, Galaxy S20+ และ Galaxy Bud+ BTS Edition วางขาย 9 ก.คนี้ Samsung เปิดตัว Galaxy S20+ รุ่นพิเศษ BTS Edition พร้อมทั้ง Galaxy Buds+ BTS Edition เอาใจเหล่า Army ทั่วโลก Galaxy S20+ รุ่นพิเศษนี้ยังคงดีไซน์เดิมเอาไว้ แต่จะมาพร้อมตัวเครื่องสีม่วง สลักโลโก้ประจำวง ภายในติดตั้งธีม BTS พร้อมแอป Weverse ที่เหล่าแฟนคลับใช้คุยกับหนุ่มๆ BTS มาให้เรียบร้อย นอกจากนี้แฟนคลับยังจะได้กล่องดีไซน์พิเศษ แถมโฟโต้การ์ดและโปสเตอร์ลาย BTS ให้อีกด้วย โดยหากพรีออเดอร์จะได้รับส่วนลด 50% สำหรับ Galaxy Buds+ ในขณะเดียวกัน Samsung ก็เปิดตัว Galaxy Buds+ รุ่นพิเศษ BTS Edition มาพร้อมกับเคสสีม่วงเข้ากับ Galaxy S20+ โดยหากพรีออเดอร์จะได้รับ Wireless Charger ลาย BTS พร้อมทั้งโปสเตอร์อีกด้วย Galaxy S20+ BTS Edition จะเปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายนนี้ พร้อมวางขายจริง 9 กรกฏาคม ทั้งนี้ ยังไม่ได้ระบุราคาแต่อย่างใด ในขณะที่ Galaxy Buds+ BTS Edition เปิดพรีออเดอร์แล้วผ่านแอป Weverse สนนราคาอยู่ที่ 198 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,100 บาท) ที่มา - Samsung via The Verge
# Epic แจกฟรี ARK Survival Evolved และ Samurai Shodown ถึง 18 มิถุนายนนี้ Epic Games Store ที่แจก GTA V และ Civilization: VI ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนๆ กลับมาแจกเกมแบบเป็นคู่อีกแล้วในสัปดาห์นี้ เกมแรกที่แจกคือ ARK Survival Evolved เกมออนไลน์เอาตัวรอด คราฟต์ของในโลกต่างดาวที่เคยหลุดออกมาก่อนหน้านี้ และเกม Samurai Shodown เกมต่อสู้สุดคลาสสิกจากสมัยก่อน แบบยกคอลเล็กชั่นรวมทุกภาคบนเครื่อง NEOGEO มาบนพีซี โดยสามารถกดรับได้ที่ Epic Games Store ตั้งแต่วันนี้ ถึง เที่ยงคืนของวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ที่มา - Epic Games Store
# หน่วยงานด้านการแข่งขันของ UK ตรวจสอบการรวมกิจการของเฟซบุ๊กและ GIPHY หน่วยงานด้านการแข่งขันและตลาด (Competition and Markets Authotiry - CMA) ของสหราชอาณาจักรได้เข้ามาสอบสวนการควบรวมกิจการ GIPHY ของเฟซบุ๊ก ว่าจะส่งผลต่อการแข่งขันในกลุ่มผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียหรือไม่ เฟซบุ๊กบอกว่าทราฟิคหลัก ๆ ของ GIPHY มาจากแอปในเครือเฟซบุ๊ก แต่ GIPHY เองก็มีพาร์ทเนอร์รายอื่นอย่าง TikTok, Snapchat และ Twitter อยู่ด้วย ซึ่งเฟซบุ๊กก็ยืนยันว่าการควบรวมจะไม่ส่งผลกระทบต่อดีลกับพาร์ทเนอร์ CMA จะเปิดรับฟังความเห็นถึงวันที่ 3 กรกฎาคม และจนกว่าจะมีมติออกมา กระบวนการควบรวมต้องระงับไปก่อน ที่มา - BBC
# Sony ยืนยัน PS5 Digital Edition ต่างจากรุ่นปกติ แค่ไม่มีไดรฟ์อ่านดิสก์เท่านั้น ของใหม่ที่สำคัญในการเปิดตัว PS5 คือคอนโซลรุ่น Digital Edition ที่ไม่รองรับแผ่น Blu-ray Sony มีข้อมูลเพิ่มมา (อีกนิด) จาก Eric Lempel หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ PlayStation ที่ให้สัมภาษณ์ PlayStation Blog ระบุว่า PS5 Digital Edition เกิดจากการเติบโตของเกมแบบดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และผู้เล่นจำนวนมากก็ย้ายมาดาวน์โหลดเกมแบบดิจิทัลกันหมดแล้ว ส่วนความแตกต่างระหว่าง PS5 รุ่นปกติ (มีดิสก์) กับ PS5 Digital Edition มีเพียงเรื่องไดรฟ์สำหรับอ่านแผ่นดิสก์ และหน้าตาที่ต่างกันเล็กน้อยตรงช่องใส่ดิสก์เท่านั้น ฟีเจอร์อื่นๆ เหมือนกันทุกประการ ข้อมูลที่เรายังขาดอยู่คงมีเพียงแค่ "ราคา" ว่าสองรุ่นจะต่างกันเท่าไร ถ้าดูกรณีของ Xbox One S All-Digital Edition ที่บุกเบิกเรื่องนี้มาก่อน ไมโครซอฟท์ลดราคาลงมาจากรุ่นมีดิสก์ 50 ดอลลาร์ (จาก 299 เหลือ 249 ดอลลาร์) ที่มา - PlayStation Blog
# Google Play จะเริ่มบังคับใช้ Android App Bundle กับแอพใหม่ เริ่มปีหน้า 2021 ในคลิปแนะนำฟีเจอร์ใหม่ของ Google Play ปี 2020 (ที่ออกมาแทนประกาศในงาน Google I/O ซึ่งไม่ได้จัด) กูเกิลระบุว่าจะเริ่มบังคับใช้ Android App Bundle กับแอพใหม่ที่ส่งขึ้น Play Store ในปีหน้า 2021 แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน Android App Bundle คือเทคนิคใหม่ช่วยลดขนาดไฟล์ APK ลงได้สูงสุดถึง 50% เพราะเป็นการแบ่งดาวน์โหลดเฉพาะส่วนที่จำเป็น เปิดตัวครั้งแรกในงาน Google I/O 2018 และกูเกิลระบุว่าตอนนี้มีแอพกว่า 5 แสนตัวใช้งาน และแอพสัดส่วน 35% ที่ผู้ใช้ติดตั้งจริงๆ รองรับ App Bundle แล้ว ในมุมของผู้ใช้งานคงไม่มีอะไรเปลี่ยนจากเดิม แต่นักพัฒนาสาย Android จำเป็นต้องปรับตัวให้รองรับฟีเจอร์นี้กัน เอกสารเพิ่มเติมอ่านได้จาก Android App Bundle ที่มา - Android Police
# Stadia รองรับ OnePlus แล้ว, เปิดให้มือถือนอกรายชื่อซัพพอร์ตลองเล่นเกมได้ หลังจากกั๊กๆ มานาน ในที่สุด Google Stadia ก็เปิดให้สมาร์ทโฟน Android ที่อยู่นอกรายชื่อซัพพอร์ต สามารถลองเล่นเกมได้แล้ว (เป็นการให้เล่นแบบ Experiment ไม่การันตีว่าจะเล่นได้) ผู้ทดสอบจำต้องใช้มือถือรุ่นใหม่ๆ ที่สามารถติดตั้งแอพ Stadia ได้ก่อน (ซึ่งเมืองไทยยังใช้ไม่ได้เพราะ Stadia ไม่ซัพพอร์ตประเทศไทย) แล้วเข้าไปเปิดโหมด Experiment ในหน้า Settings เพื่อเริ่มเล่นเกม ปัจจุบัน Stadia ยังรองรับมือถือไม่มากนัก โดยมีแค่ Pixel ของกูเกิลเอง, Samsung S8/Note 8 ขึ้นไป, ASUS ROG Phone, Razer Phone และล่าสุดเพิ่งรองรับ OnePlus 5 ขึ้นไป (รายชื่อมือถือทั้งหมด) นอกจากนี้ แอพ Stadia เวอร์ชันมือถือ ยังเพิ่มฟีเจอร์ mobile touch control จำลองปุ่มของคอนโทรลเลอร์บนหน้าจอ สามารถเล่นเกมโดยไม่ต้องมีคอนโทรลเลอร์มาต่อกับมือถือแล้ว ที่มา - Stadia Blog
# บั๊กอีกแล้ว อัพเดตแพตช์ Windows เดือน มิ.ย. 2020 ทำให้พรินเตอร์หลายรุ่นใช้งานไม่ได้ ปัญหาอัพเดตรายเดือนของ Windows สร้างบั๊ก ยังเป็นปัญหาที่รุมเร้าไมโครซอฟท์เสมอมา ล่าสุดในแพตช์รอบเดือนมิถุนายน 2020 ก็มีแพตช์ที่สร้างปัญหาให้พรินเตอร์บางรุ่นใช้งานไม่ได้ สาเหตุเกิดจากแพตช์ KB4560960 และ KB4557957 ทำให้ระบบ printer spooler มีปัญหา โดยพรินเตอร์ที่ได้รับผลกระทบ มีรายงานทั้งยี่ห้อ HP, Canon, Brother, Ricoh, Kyocera รวมถึงอาจเกิดปัญหากับคำสั่ง Print to PDF ด้วย ไมโครซอฟท์บอกว่ารับทราบปัญหาแล้ว และกำลังหาทางแก้ไข โดยทางแก้ในตอนนี้คือต้องถอนอัพเดตเหล่านี้ออกชั่วคราว ที่มา - Microsoft, Bleeping Computers ภาพจาก HP
# ผู้บริหาร True Digital ชี้บริการหุ่นยนต์ในอนาคตอันใกล้จะเป็นการส่งของในอาคาร อาจเห็นตามคอนโดในเร็ววันนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทางบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ที่เป็นบริษัทในกลุ่มทรูที่เน้นบริการสำหรับองค์กร ได้เปิดบริการ True Digital RoboCore บริการหุ่นยนต์ที่ใช้งานเป็นบริการ (robot as a service - RaaS) คุณเอกราช ปัญจวีณิน กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัลโซลูชันส์ของบริษัทก็ได้เล่าถึงแนวทางการใช้งานตอนนี้ในอนาคตผ่านการสัมภาษณ์ออนไลน์ โดยระบุว่าการใช้บริการตอนนี้มักเป็นบริการแนะนำหรือต้อนรับลูกค้า หรือขยายไปยังบริการด้านความปลอดภัยตรวจสอบความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบการสวมอนากากอนามัยไปจนถึงพบผู้ประสบอุบัติเหตุล้มลง หรือตรวจสอบความหนาแน่นในอาคาร แต่การใช้งานในอนาคตเร็วๆ นี้น่าจะได้เห็นการใช้งานเพื่อส่งของกันมากขึ้น การส่งของนับเป็นแนวทางที่บริษัทหุ่นยนต์หลายแห่งเริ่มนำมาสาธิตกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง COVID-19 ที่หลายบริษัทนำหุ่นยนต์ไปสาธิตการส่งยาในโรงพยาบาล คุณเอกราชระบุว่าการใช้งานอาจจะไม่ได้ใช้ทั้งอาคารแต่เป็นการใช้งานในวอร์ดเฉพาะที่ต้องส่งของไปมาบ่อยกว่าปกติ หรืออาจจะต้องการสื่อสารกับผู้ป่วยระหว่างการส่งยา อย่างไรก็ดีแนวทางการใช้หุ่นยนต์ส่งของนั้นมีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยทางทรู ดิจิทัล กำลังทำงานร่วมกับคอนโดสองแห่งเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการใช้หุ่นยนต์เป็นบริการส่งของขั้นสุดท้ายไปยังห้องผู้พักอาศัยโดยไม่ต้องให้นิติบุคคลจัดการแจกจ่ายของแบบเดิมอีก คุณเอกราชเล่าถึงอุปสรรคการใช้หุ่นยนต์เพื่อการส่งของในอาคารก่อนหน้านี้ว่าการทำงานร่วมกับลิฟต์เป็นเงื่อนไขสำคัญ โดยก่อนหน้านี้การที่หุ่นยนต์จะสั่งงานลิฟต์ได้ต้องดัดแปลงลิฟต์จนมีต้นทุนที่แพงขึ้นมาก แต่ในช่วงหลังมีตัวแปลงอินฟราเรดทำให้หุ่นยนต์สามารถสั่งงานลิฟต์ได้ง่ายขึ้นมาก เปิดทางที่จะใช้หุ่นยนต์ในการเดินทางไปทั่วทั้งอาคาร อย่างไรก็ดีความยากของการประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนในการใช้งานหุ่นยนต์มาใช้งานยังคงมีปัจจัยหลายอย่างทั้งอัตราการใช้งานของแต่ละอาคารที่ไม่เท่ากัน ไปจนถึงระดับการบริการว่าของต้องไปถึงปลายทางในระยะเวลาเท่าใด
# แนะนำ Aruba RAP และ VIA โซลูชั่นเน็ตเวิร์คสำหรับ Work from Home ที่ไม่เพิ่มภาระฝ่ายไอที ฝ่ายไอทีในหลายๆ บริษัทอาจจะต้องรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อพนักงานจำนวนมากต้องทำงานจากที่บ้าน และพบปัญหาว่าไม่สามารถเชื่อมต่อได้เหมือนตอนทำงานอยู่ในสำนักงาน บางครั้งพนักงานยกอุปกรณ์เช่นพรินเตอร์กลับบ้านไปก็ไม่สามารถใช้งานได้เพราะคอนฟิกไว้ให้ทำงานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ในบริษัทเท่านั้น Aruba ผู้นำด้านเครือข่ายระดับองค์กร นำเสนอโซลูชั่นรับมือปัญหาเหล่านี้อย่างเต็มระบบ ด้วยสองโซลูชั่นสำคัญคือ Aruba RAP สำหรับการตั้ง Access Point ในบ้านพนักงานหรือในสำนักงานสำรอง และ Aruba VIA สำหรับการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์โดยตรง ทั้งพีซี, โทรศัพท์มือถือ, และแท็บเล็ต Aruba RAP พาเน็ตเวิร์คบริษัทไปให้พนักงานทุกที่ และ ที่สำคัญยังง่ายและปลอดภัยด้วย Aruba RAP คือโซลูชั่นสำหรับการพาเน็ตเวิร์คบริษัทขยายออกไปให้พนักงานถึงทุกที่ที่ต้องการทำงาน แทนที่จะต้องให้พนักงานต้องเปิดVPN ด้วยตัวเองทีละเครื่อง แต่ RAP จะทำหน้าที่ Access Point กระจายสัญญาณ Wi-Fi ในพนักงานโดยที่ฝ่ายไอทียังสามารถควบคุมความปลอดภัยและตรวจสอบการใช้งานได้เหมือน Wi-Fi ในองค์กรเอง การเซ็ตอัพ RAP เน้นจากการคอนฟิกฝั่ง Controller ที่ตั้งอยู่ในองค์กรเป็นหลัก โดยผู้ดูแลเครือข่ายสามารถกำหนดได้ว่าการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายที่ปลายทางของ RAP จะมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เช่น การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล LDAP ในองค์กร, การล็อกอินผ่านหน้าเว็บ (captive portal), หรือการใช้รหัสผ่าน Wi-Fi ร่วมกัน (Pre-Shared Key - PSK) ก็สามารถคอนฟิกไว้ล่วงหน้า ไปจนถึงการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเครือข่าย เช่น VLAN ของเน็ตเวิร์คที่พนักงานจะใช้งาน และการตั้งค่าไฟร์วอลล์ ค่าเหล่านี้สามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าตามนโยบายบริษัท จากนั้นเมื่อองค์กรได้รับ Access Point ของ Aruba รุ่นที่รองรับ RAP มาแล้ว ฝั่ง Controller ก็เพียงเพิ่ม MAC ของ Access Point เข้ามาในระบบ เพื่ออนุญาตให้ AP สามารถดึงค่าคอนฟิกจาก Controller ได้เอง ที่ฝั่ง AP นั้นเมื่อได้รับมาครั้งแรก แทนที่จะคอนฟิกตามปกติที่ใช้ในองค์กรให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แล้วเข้าเมนู Maintenance > Convert จากนั้นเลือกแปลง AP ให้เป็น “Remote APs managed by a Mobility Controller” และใส่หมายเลขไอพีหรือโดเมนของ Controller จากนั้นรอไม่กี่นาที AP ก็จะแปลงเป็น Access Point ที่จัดการโดยศูนย์กลาง พร้อมสำหรับการส่งมอบให้พนักงานไปติดตั้งในบ้าน กระบวนการเซ็ตอัพเช่นนี้ทำให้ฝ่ายไอทีสามารถเตรียม AP จำนวนมากๆ ภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องใช้เวลาคอนฟิก AP แต่ละตัวนานหลายสิบนาทีและทดสอบค่าคอนฟิกที่อาจจะมีความผิดพลาดได้เหมือนแต่ก่อน Aruba VIA เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าสำนักงาน สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าไปยังสำนักงานเพียงอุปกรณ์ตัวเดียว เช่น โน้ดบุ๊ก หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อเข้าถึงบริการบางอย่าง เช่น เว็บภายใน หรือระบบแชร์ไฟล์ Aruba VIA (Virtual Internet Access) เป็นบริการ VPN ที่เปิดให้ผู้ดูแลระบบไอทีจัดการจากศูนย์กลางได้ผ่านทาง Aruba Controller โดยตรง จุดเด่นของ Aruba VIA คือการจัดการคอนฟิกผู้ใช้ได้เหมือนกับการคอนฟิกการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่อยู่บน Aruba Controller อยู่แล้ว ลดงานการดูแลของฝ่ายไอทีลงไป ขณะที่โปรโตคอลของ Aruba VIA ออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่หลังไฟร์วอลล์หรือไม่ และ VIA จะตรวจสอบระดับความปลอดภัยของเครือข่ายว่าจำเป็นต้องเชื่อมต่อผ่าน VIA หรือไม่ เช่นถ้าอยู่ที่ Office VIA จะไม่ทำงานเพราะเครือข่ายปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ถ้าอยู่ข้างนอกหรือเชื่อมต่อผ่าน Mobile DATA VIA จะทำงานโดยอัตโนมัติ และเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งกลับมาที่ศูนย์ข้อมูล โดยรองรับทั้ง IPSec และ SSL VPN โดยหากเชื่อมต่อ IPSec สำเร็จไคลเอนต์ก็จะใช้งาน IPSec เป็นค่าเริ่มต้นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แต่หากเชื่อมต่อไม่ได้จะปรับเป็น SSL อัตโนมัติ เพื่อลดปัญหาที่ฝ่ายไอทีต้องตามไปซัพพอร์ตผู้ใช้ให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ถ้า Client ต้องการใช้ข้อมูล Internet โดยตรงเช่นดู Youtube VIA สามารถทำงานในโหมด Split Tunneling โดย VIA จะไม่ดูดข้อมูล Youtube ผ่านสำนักงานใหญ่ แต่จะดูดข้อมูลโดยตรงผ่าน Internet เลย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และ ลดภาระการใช้ Internet ที่สำนักงานใหญ่ไปได้มากทีเดียว Aruba VIA รองรับระบบปฎิบัติการหลักทุกตัวในท้องตลาด ทั้ง Windows, iOS, Android, และ Linux ครอบคลุมเวอร์ชั่นที่มีการใช้งานอยู่แทบทั้งหมด ทำให้แน่ใจได้ว่าผู้ใช้ทุกคนสามารถติดตั้งได้ ควบคุมความปลอดภัยทุกจุดด้วยไฟร์วอลล์ระดับเลเยอร์ 7 ในตัว สำหรับองค์กรที่ต้องการควบคุมการใช้งานเพิ่มเติม เช่น การจำกัดการเข้าถึงบางระบบภายใน หากผู้ใช้อยู่นอกสำนักงาน Aruba Mobility Controller นั้นสามารถทำหน้าที่ไฟร์วอลล์ในตัวได้โดยติดตั้งไลเซนส์ Policy Enforcement Firewall เพิ่มเติมในอุปกรณ์เดิม ทำให้องค์กรสามารถควบคุมการใช้งานผู้ใช้ได้อย่างครบถ้วน จัดสำดับความสำคัญของทราฟิก เช่น ผู้ใช้นำโทรศัพท์ VoIP กลับไปที่บ้านด้วยก็สามารถคอนฟิกให้แน่ใจว่าโทรศัพท์จะใช้งานได้ตลอดเวลา จนถึงการตรวจสอบการเข้าถึงเว็บว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ WebCC เพื่อตรวจสอบระดับลึกเพิ่มเติมได้เช่นกัน วางระบบสำหรับการทำงานที่บ้านและความพร้อมสำหรับการทำงานจากที่ใดๆ ในอนาคตให้มีความปลอดภัยสูงสุดด้วยโซลูชั่นจาก Aruba สนใจข้อมูลเพิ่มเติมอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Aruba Thai Partner หรืออีเมล [email protected]
# Persona 4 Golden ออกเวอร์ชันพีซี Steam, ครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่มีเวอร์ชันพีซี Persona เป็นซีรีส์ JRPG ที่ได้รับความนิยมสูงมากซีรีส์หนึ่ง แต่ที่ผ่านมา เกมในซีรีส์มักลงเฉพาะเครื่องเกมคอนโซลที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นอย่าง PlayStation และ PSP/Vita เท่านั้น ล่าสุดต้นสังกัด Atlus ประกาศนำเกม Persona 4 Golden ซึ่งเป็นเวอร์ชันอัพเกรดของ Persona 4 ที่เคยลง PS Vita ในปี 2012 (เกมต้นฉบับคือ Persona 4 ลง PS2 ในปี 2008) มาออกเวอร์ชันพีซี ขายบน Steam แล้ว (ราคาไทย 599 บาท) Persona 4 Golden ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่ซีรีส์ Persona มาลงพีซี นับจาก Persona ภาคแรกที่เคยพอร์ตลงพีซีในปี 1999 แล้วไม่เคยออกเกมเวอร์ชันพีซีอีกเลย และเป็นสัญญาณอันดีว่าเราอาจได้เห็น Persona 5 ตามมาลงพีซีได้ในอนาคต ที่มา - Steam
# ACM เปิดให้อ่านวารสาร ACM on Programming Languages ฉบับประวัติศาสตร์ภาษาโปรแกรมฟรี Association for Computing Machinery หรือ ACM สมาคมวิชาการด้านคอมพิวเตอร์ที่ตีพิมพ์วารสารงานวิจัยสำคัญๆ จำนวนมาก เปิดวารสาร Proceedings of the ACM on Programming Languages ฉบับเดือนมิถุนายนที่เป็นฉบับประวัติศาสตร์ภาษาโปรแกรมให้ทุกคนอ่านได้ฟรี บทความในวารสารฉบับนี้เริ่มส่งเข้ามาตั้งแต่ปี 2018 โดยตอนแรกมีทั้งหมด 22 บทความและกรรมการได้คัดเหลือ 19 บทความ โดยขณะเริ่มทำวารสารทางทีมงานได้ส่งจดหมายสนับสนุนให้ผู้พัฒนาภาษา 62 กลุ่มร่วมกันส่งบทความเข้ามา บทความทั้ง 19 บทความครอบคลุมภาษายุคแรกๆ อย่าง APL ตั้งแต่ยุคปี 1978, ภาษายอดนิยมอย่าง JavaScript, ไปจนถึงภาษาเฉพาะทางอย่าง LabVIEW และ Verilog แต่ละบทความอาจจะนับเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ได้เพราะยาวตั้งแต่ 17 หน้าไปจนถึงนับร้อยหน้า วารสารฉบับนี้มีกำหนดนำเสนอในงาน ACM SIGPLAN History of Programming Languages Conference (HOPL IV) ที่ลอนดอน แต่เนื่องจาก COVID-19 ทำให้ต้องเลื่อนงานไปเมือง Quebec ปีหน้าแทน ที่มา - ACM
# เป็นทางการแล้ว! Tencent เข้าซื้อหุ้น Warner Music มูลค่า 246 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า Tencent เตรียมเข้าซื้อหุ้น Warner Music Group ค่ายเพลงรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ล่าสุด Warner Music ได้ยื่นเอกสารไฟลิ่ง เพื่อเตรียมนำบริษัทไอพีโอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นอีกครั้ง ซึ่งเอกสารก็เผยว่า Tencent ได้ซื้อหุ้นคลาส A จำนวน 8 ล้านหุ้น ซึ่งเสนอขายให้ก่อนไอพีโอ คิดเป็นมูลค่าราว 246 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Access Industries ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลักของ Warner Music ผ่านการถือหุ้นคลาส B ที่มีสิทธิโหวตสูงกว่า ทำให้ Tencent ถือว่ามีหุ้นใน Warner Music ราว 1.6% ผลจากดีลดังกล่าวทำให้ Tencent ตอนนี้มีหุ้นอยู่ถึง 2 ค่ายเพลงใหญ่ระดับโลก นั่นคือ Warner Music และ Universal Music ที่มา: SCMP
# ผลสำรวจนักพัฒนา พบ JavaScript เป็นภาษาที่มีการใช้งานสูงสุด JetBrains ผู้พัฒนา IDE และสร้างภาษา Kotlin เปิดเผยผลสำรวจ The State of Developer Ecosystem ประจำปี 2020 ซึ่งเป็นการรายงานปีที่ 4 จากการสอบถามนักพัฒนา 19,696 คน ใน 18 ประเทศ มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ Python แซง Java ในแง่ภาษาที่มีการใช้งานในช่วง 12 เดือน แต่ถ้าวัดภาษาหลักที่ใช้งาน Java ยังสูงกว่า JavaScript ยังเป็นภาษาอันดับหนึ่งที่มีการใช้งาน (70% ของผู้ตอบแบบสำรวจ) Go, Kotlin และ Python เป็น 3 อันดับภาษา ที่นักพัฒนามีแผนจะใช้งานในอนาคตมากที่สุด แบบสำรวจนี้ยังมีคำถามเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตด้วย เช่น 90% ระบุว่าเข้าร่วมงานสัมมนาเพื่อหาความรู้เป็นหลัก, 20% ตอบว่าเลี้ยงสุนัข, อีก 20% ตอบว่าเลี้ยงแมว, 65% เลือกใช้แล็ปท็อป เป็นต้น ดูรายละเอียดผลสำรวจทั้งหมดได้ที่นี่ ที่มา: JetBrains ผ่าน Slashdot
# คนไทยโกอินเตอร์อีกหนึ่ง Bankyugi คว้าสิทธิ์เข้าแข่ง Hearthstone Grandmasters ฤดูกาลถัดไป ข่าวดีอีกครั้งสำหรับวงการ esports ของประเทศไทย เมื่อ ปรเมษฐ์ Bankyugi ปุจฉาการ คว้าสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน Hearthstone Grandmasters โซนเอเชีย-แปซิฟิค ในฤดูกาลที่ 2 ประจำปี 2020 จากการเป็นผู้เล่นที่ได้รับเงินรางวัลรวมสูงสุด 3 อันดับแรกของภูมิภาคในการแข่งขันรายการ Masters Tours ที่ผ่านมาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 โดย Bankyugi ได้อันดับที่ 2 ด้วยเงินรางวัลรวม 15,850 ดอลลาร์ สำหรับรายการ Hearthstone Grandmasters ถือเป็นรายการลีกสูงสุดของ Hearthstone จัดแข่งใน 3 ภูมิภาคเพื่อหาตัวแทนไปร่วมแข่งขันชิงแชมป์โลกในรายการ Hearthstone World Championship ที่มีเงินรางวัลรวม 500,000 ดอลลาร์ โดย Bankyugi ถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ร่วมเข้าแข่งขันในรายการนี้ ถือว่าเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในยามวิกฤติสำหรับ Bankyugi เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้รายการแข่งขันของ Hearthstone เปลี่ยนมาใช้ระบบการแข่งขันแบบออนไลน์แทนการต้องบินไปแข่งขันแบบออฟไลน์ จึงเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงฝีมือในรายการ Masters Tour Los Angeles และ Jönköping หลังจากที่ผ่านรอบคัดเลือกของรายการ Master Tours Arlington แต่ไม่ได้บินไปเข้าร่วมการแข่งขัน ที่มาภาพ: Bankyugi ที่มา: Hearthcore, HearthstoneWiki
# [ข่าวลือ] AT&T ไม่สนธุรกิจเกมแล้ว เตรียมขายแผนก Warner Bros. Games มีข่าวลือออกมาว่า AT&T ในฐานะเจ้าของ WarnerMedia ไม่สนใจทำธุรกิจเกมแล้ว และกำลังเจรจาขายฝ่าย Warner Bros. Interactive Entertainment (WBIE) ออกไป WBIE เป็นธุรกิจเกมของ Warner Bros. ที่ก่อตั้งในปี 2004 หลังเข้าซื้อสตูดิโอ Monolith Productions (เจ้าของผลงาน No One Lives Forever และภายหลังคือ Middle-earth: Shadow of Mordor) ปัจจุบัน WBIE มีสตูดิโอในสังกัดประมาณ 10 แห่งทั้งในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา และเป็นเจ้าของเกมซีรีส์ดังๆ อย่าง Batman, DC, Harry Potter, Game of Thrones, Lord of the Rings, Lego, Mortal Kombat เป็นต้น รวมถึงเป็นผู้จัดจำหน่ายเกมให้สตูดิโออื่น (เช่น เกม Hitman) ด้วย สำนักข่าว CNBC รายงานว่าบริษัทที่สนใจซื้อ WBIE ก็คือค่ายเกมยักษ์ใหญ่ที่เราคุ้นชื่อกัน ทั้ง EA, Activision Blizzard และ Take Two โดยราคาเสนอขายอยู่ประมาณ 2-4 พันล้านดอลลาร์ หากข่าวการขาย WBIE เป็นความจริง ผลกระทบต่อวงการคือบรรดาสตูดิโอภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่จะถอนตัวออกจากธุรกิจเกมทั้งหมดแล้ว เพราะ Warner Bros. เป็นสตูดิโอหนังรายสุดท้ายที่มีสตูดิโอเกมเป็นของตัวเอง ในขณะที่ Disney ปิดสตูดิโอเกมทั้งหมด และใช้วิธีให้ไลเซนส์กับสตูดิโอเกมรายอื่นแทน (เช่น ให้ EA ได้สิทธิทำเกม Star Wars แต่เพียงผู้เดียว) ที่มา - CNBC, VentureBeat
# อยู่บ้านก็ยืมหนังสือได้ บรรณารักษ์ในรัฐเวอร์จิเนียเริ่มส่งหนังสือถึงบ้านนักเรียนผ่านโดรน Wing ในช่วงนี้ที่โรงเรียนและห้องสมุดหลายแห่งในรัฐเวอร์จิเนียต้องปิดทำการหลายเดือน Kelly Passek บรรณารักษ์คนหนึ่งของห้องสมุดโรงเรียนมัธยมใน Montgomery County รัฐเวอร์จิเนียได้เริ่มส่งหนังสือผ่านโดรน Wing ซึ่งเป็นบริษัทโดรนภายใต้ Alphabet ให้นักเรียนที่อยู่บ้านได้อ่านหนังสือจากห้องสมุดตามที่ต้องการ Passek ระบุว่าหลังจากได้ทดลองสั่งสินค้าให้ Wing มาส่งที่บ้าน เธอก็มีไอเดียว่าบริการนี้สามารถใช้ส่งหนังสือให้เด็ก ๆ ในท้องถิ่นได้เช่นกัน Passek ใช้วิธีส่ง Google Forms ให้เด็กกรอกว่าต้องการหนังสือเล่มไหนในห้องสมุด เมื่อ Passek เห็นรายการหนังสือแล้ว เธอก็จัดเตรียมหนังสือให้ และนำไปส่งที่ฐานบินโดรนของ Wing เพื่อให้โดรนบินส่งหนังสือไปให้เด็ก ๆ ถึงที่บ้าน ตอนนี้นักเรียนใน Montgomery County ในระบบโรงเรียนรัฐบาลที่มีสิทธิ์ยืมหนังสือสามารถเลือกหนังสือเล่มใดก็ได้จากหนังสือทั้งหมดกว่า 150,000 เล่มในห้องสมุด และขนส่งไปทางอากาศถึงบ้านแบบฟรี ๆ ที่มา - Engadget ภาพจาก Wing
# GIMP ออกเวอร์ชัน 2.10.20 รองรับ Non-destructive Crop, ไฟล์ PSD 16 บิต GIMP ออกเวอร์ชันย่อย 2.10.20 (ช่วงหลังออกเวอร์ชันย่อยทุกประมาณ 4-5 เดือน โดยมีฟีเจอร์ใหม่ทุกเวอร์ชัน) มีของใหม่ดังนี้ ปรับแถบเครื่องมือ Toolbox ใหม่ ให้สามารถนำเมาส์ชี้ (hover) แล้วขึ้นเมนูย่อยโดยไม่ต้องคลิก เป็นการปรับปรุงจาก GIMP 2.10.18 ที่จัดกลุ่มแถบเครื่องมือให้สะอาดขึ้น มีจำนวนปุ่มน้อยลง แลกกับการต้องเปิดเมนูย่อย Non-destructive crop ซึ่งเป็นการสั่ง crop ที่ตัว canvas ไม่ใช่ตัวพิกเซลจริงๆ สามารถเซฟงาน ปิดโปรแกรม แล้วเรียกคืนภาพเดิมก่อน crop ได้แล้ว รองรับการเปิดไฟล์ PSD ของ Photoshop แบบ 16-bits-per-channel แล้ว รักษาคุณภาพสีต้นฉบับ เรียงลำดับสีตรง เพิ่มฟิลเตอร์ใหม่อีกหลายตัว Bloom, Focus Blur, Lens Blur, Variable Blur ที่มา - GIMP
# Cloudflare แชร์การออกแบบ Load Balancer แบบใหม่เลิกใช้ NAT แต่หันไปทำ tunnel ยิงเข้าเซิร์ฟเวอร์แทน Cloudflare เขียนบล็อกเล่าถึงประสบการณ์อัพเกรด load balancer แบบใหม่ จากเดิมอาศัย TCP proxy และ NAT ซ้อนกันไปมาหลายชั้น โดยระบุว่าช่วงหลังสถาปัตยกรรมแบบนี้ไม่เหมาะกับบริการที่เปลี่ยนไป ทำให้ต้องออกแบบใหม่ แล้วหันไปทำ tunnel จาก load balancer ไปยังเซิร์ฟเวอร์แทน เงื่อนไขการเปลี่ยนสถาปัตยกรรมของ Cloudflare ระบุว่า ต้องการให้เซิร์ฟเวอร์เห็นไอพีต้นทางที่ถูกต้อง โดยไม่ต้องใช้ท่าเฉพาะสำหรับโปรโตคอล เช่น X-Forwarded-For ใน HTTP หรือ PROXY TCP, ทราฟิกต้องวิ่งบนอุปกรณ์เน็ตเวิร์คเดิมที่ติดตั้งไปแล้วได้, เครื่องมือต้องพร้อมใช้งานมีการทดสอบมาเป็นอย่างดีแล้ว, ไม่เพิ่มการสื่อสารระหว่าง load balancer และเซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติมซึ่งจะทำให้ระบบซับซ้อนเกินไป, และกระบวนการย้ายไปยังระบบใหม่ทำได้ง่าย การออกแบบใหม่นี้อาศัย IP Virtual Server (IPVS) สร้าง tunnel จาก load balancer ไปยังเซิร์ฟเวอร์ โดยใช้โปรโตคอล Foo-Over-UDP (fou) หุ้มทราฟิกด้วย IP/UDP อีกชั้นทำให้ load balancer เลือกเซิร์ฟเวอร์ได้ตามที่ต้องการ ขณะที่กระบวนการเลือกเซิร์ฟเวอร์ใช้ Maglev ที่เสนอโดยกูเกิล (กูเกิลเองใช้เป็นการภายในมาตั้งแต่ปี 2008) และอยู่ในเคอร์เนลลินุกซ์ตั้งแต่เวอร์ชั่น 4.18 ขณะที่ต้องมีการปรับขนาด MTU เน็ตเวิร์คภายในเพื่อให้เติม header ของ IP/UDP ที่เพิ่มมาโดยไม่เกิด fragment ทาง Cloudflare ระบุข้อจำกัดการทำงานทุกวันนี้ เช่น iptables ไม่มี API โดยตรงทำให้ agent ของเซิร์ฟเวอร์ยังต้องคอนฟิกเครื่องด้วยการรันคำสั่ง iptables อยู่ ทำให้อนาคตน่าจะย้ายไปใช้ nftables แทน และอาจจะเปลี่ยนไปใช้ Lightweight Tunnels แทน Foo-Over-UDP ในอนาคต ที่มา - Cloudflare
# Game Bar บน Windows 10 ได้รับอัพเดต, เพิ่ม widget ใหม่บนสโตร์ / คลิกทะลุ widget ที่ปักหมุดไว้ได้แล้ว ไมโครซอฟท์ได้ปล่อยอัพเดตเพื่อปรับปรุงและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ให้กับ Xbox Game Bar แอพที่ช่วยให้เกมเมอร์เข้าถึงฟังก์ชั่นเสริมที่ Windows 10 มีให้ใช้งานขณะกำลังเล่นเกมผ่านการกดคีย์ลัด Windows + G การปรับปรุงและของใหม่ของอัพเดตประจำเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นอัพเดตเวอร์ชันล่าสุด มีดังนี้ เพิ่ม widget ใหม่ให้เลือกดาวน์โหลดได้จากสโตร์ (ข่าวเก่า) โดยมี widget จากนักพัฒนาอิสระที่น่าสนใจอย่าง Browser for Xbox Game Bar หรือเว็บเบราว์เซอร์ในรูปแบบ widget บน Xbox Game Bar ซึ่งน่าจะช่วยให้การเปิดเว็บระหว่างกำลังเล่นเกม (เช่นเปิดดูเฉลย/บทสรุป) ทำได้สะดวกขึ้นมาก เพิ่มตัวเลือกปรับแต่งความโปร่งใสของ widget เข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Personalization เพิ่มเมนูเปิดใช้งานโหมด click-through ทำให้สามารถคลิกทะลุ widget ที่ปักหมุดค้างไว้บนหน้าจอได้แล้ว ภาพตัวอย่างการปรับแต่งความโปร่งใสของ widget และปุ่ม Enable click-through บนแถบเมนูด้านบน เพิ่มตัวเลือกซ่อนหรือแสดง widget ที่ต้องการภายใต้ Widget menu เข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Widget menu ท่านใดสนใจ เข้าไปกดเช็กอัพเดตล่าสุดได้ที่ Microsoft Store ครับ ที่มา - MSPoweruser, Windows Central
# Samsung เผยอะแดปเตอร์ USB-C ตัวใหม่ ฝังซอฟแวร์คุมการจ่ายไฟ เน้นการประหยัดพลังงาน Samsung เผยผ่านทางเว็บไชต์เกี่ยวกับอะแดปเตอร์ USB-C รุ่นใหม่ โดยจะมาพร้อมกับซอฟแวร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมให้หยุดการทำงานเมื่อไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ ลดการใช้พลังงานอย่างสื้นเปลือง ซัมซุงเผยถึงสาเหตุในการออกแบบครั้งนี้ว่า ตามปกติแม้จะไม่ได้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แต่อะแดปเตอร์ก็ยังคงทำงานเพื่อให้พร้อมชาร์จตลอดเวลา จึงทำให้เสียพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันซัมซุงก็ยืนยันว่าอะแดปเตอร์ของตัวเอง แม้จะจ่ายไฟให้กับสมาร์ทโฟนได้รวดเร็ว แต่ก็ยังสามารถรักษา Energy Efficiency เอาไว้ พร้อมทั้งประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุดด้วย นอกจากนี้ ซัมซุงยังลดการใช้พลาสติกที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยหันมาใช้ PCM (Post-Consumer Material) ในการผลิตอะแดปเตอร์แทน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงดีไซน์ที่สวยงามเอาไว้อยู่ ซัมซุงหวังว่าผู้บริโภคจะคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวมากขึ้นเมื่อเลือกซื้อสมาร์ทโฟน เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ต่อไป ที่มา - Samsung via SamMobile
# Signal อัพเดต reactions ใหม่ เลือกอีโมจิแสดงอารมณ์ให้ข้อความได้หลากหลายกว่าเดิม Signal เตรียมออกอัพเดตใหม่ให้ reactions จากเดิมที่มีอีโมจิเป็นเซ็ทให้เลือกกดแสดงอารมณ์เพียงไม่กี่แบบ เป็นเลือกอีโมจิแบบไหนก็ได้ตามที่ต้องการ วิธีส่งอีโมจิก็จะยังคงเหมือนเดิม คือบน iOS หรือ Android ให้กดค้างที่ข้อความเพื่อเปิดหน้า reactions ส่วนบนเดสก์ท็อปให้เอาเมาส์ชี้ที่ข้อความ แล้วกดปุ่มเพิ่มอีโมจิเพื่อเปิดหน้า reactions โดยหน้า reactions นี้จะมีอีโมจิแสดงขึ้นมา 6 รูปแบบ พร้อมจุดสามจุดสำหรับเลือกอีโมจิแบบที่ต้องการจากอีโมจิคีย์บอร์ดได้ทันที ทั้งนี้ reactions ในรูปแบบอีโมจิของ Signal จะยังคงเข้ารหัสแบบ end-to-end เพื่อความปลอดภัยซึ่งเป็นจุดขายของ Signal เช่นเดิม ซึ่งทาง Signal จะทยอยอัพเดตฟีเจอร์นี้แอปทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง iOS, Android และเดสก์ท็อป ที่มา - Signal ภาพจาก Signal ภาพจาก Signal
# Facebook ทดสอบ Face ID ก่อนเข้าแชท Messenger กันคนนอกมาแอบดูแชท Facebook กำลังทดสอบระบบใหม่เพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน Facebook Messenger ให้สแกนหน้า Face ID ก่อนเข้าแอปแชทได้ เป็นการป้องกันสายตาคนรอบข้างเวลามีข้อความแชทเด้งเข้ามาตอนใช้งานมือถืออยู่ หรือป้องกันคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของเครื่องมาแอบดูแชท เบื้องต้นทดสอบในบางกลุ่มที่ใช้งานอุปกรณ์ iOS ก่อน เท่ากับว่าแม้หน้าจอจะไม่ได้ล็อก แต่ผู้ใช้งาน หรือคนรอบข้างเช่นคนที่นั่งติดกันบนรถไฟฟ้าจะมองไม่เห็นข้อความแชทที่เพิ่งเข้ามา เว้นแต่ตัวเจ้าของเครื่องจะล็อกอินเข้าไปดูในแชทก่อน โดยสามารถทำได้ทั้งสแกนหน้า Face ID, สแกนลายน้ำมือหรือกดเลขพิน ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าได้ด้วยว่าจะให้ Messenger ปิดล็อกหลังจากออกจากแอปนานเท่าไร 1 นาที, 15 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ที่มา - Engadget