txt
stringlengths
202
53.1k
# เอกสารแสดงกรมควบคุมโรคขอข้อมูลพิกัดโทรศัพท์ย้อนหลัง 14 วันทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เข้าพื้นที่เสี่ยง ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน คุณสฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านการเงิน เผยแพร่เอกสารการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงกลาโหม, กสทช., และตัวแทนบริษัทโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ AIS, dtac, Truemove H, TOT, และ CAT โดยเป็นการประชุมเพื่อขอข้อมูลพิกัดโทรศัพท์มือถือ ข้อมูลที่กรมควบคุมโรคร้องขอนั้นมี 3 กลุ่ม ได้แก่ ข้อมูลพิกัดผู้ติดเชื้อ เป็นการขอพิกัดทุกๆ 10 นาทีย้อนหลัง 14 วัน ข้อมูลผู้เข้าพื้นที่เสียง เป็นข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ทุกหมายเลขที่เข้าในกรอบพื้นที่เสี่ยง ในช่วงเวลาที่กำหนด ข้อมูลกลุ่มเสี่ยงสูงและต้องกักตัว เป็นข้อมูลรายชั่วโมงย้อนหลัง 24 ชั่วโมง ข้อมูลทั้งหมดเป็นการขอแบบ batch โดยกำหนดช่วงเวลาส่งรายการให้และช่วงเวลาที่ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ต้องส่งข้อมูลผ่านทาง SFTP รูปแบบการส่งข้อมูลแบบนี้เป็นรูปแบบเดียวกับเกาหลีใต้ที่ใช้สอบสวนโรคมาก่อนหน้านี้ ทำให้เกาหลีใต้สามารถแจ้งเตือนและตามคนมาตรวจเชื้อ SARS-CoV-2 ได้เป็นวงกว้าง โดยเกาหลีใต้นั้นยังใช้ข้อมูลการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตและภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม แต่เอกสารที่เปิดเผยมานี้พบว่าการใช้ภาพกล้องวงจรปิดนั้นทำได้ยากโดยเฉพาะเมื่อประชาชนส่วนมากใส่หน้ากากอนามัย ที่มา - Facebook: Sarinee Achavanuntakul, Scribd
# SEGA เสนอไอเดีย Fog Gaming ใช้ตู้เกมอาเขตเป็นศูนย์ข้อมูลให้บริการ Cloud Gaming สัปดาห์ที่แล้วนอกจาก Game Gear Micro แล้ว Sega ยังเสนอไอเดียในการให้บริการคลาวด์เกมมิ่ง โดยอาศัยตู้เกมอาเขตของ Sega ที่มีอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นมาใช้เป็นกึ่ง ๆ ศูนย์ข้อมูล ไอเดียนี้มีชื่อว่า fog gaming แค่เปลี่ยนจากศูนย์ข้อมูลที่รวมการประมวลผลทุกอย่างอยู่ที่เดียว มาเป็นตู้อาเขตในลักษณะ edge node ขณะที่ตู้อาเขตของ Sega จะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและอยู่บนแพลตฟอร์ม ALL.Net สำหรับการแข่งแบบออนไลน์อยู่แล้ว ไอเดียของ fog gaming อาจเป็นการต่อยอดจากแพลตฟอร์มที่มีอยู่ โดยเป้าหมายก็คือนำตู้อาเขตมาใช้งานและสร้างรายได้ในช่วงนอกเวลาให้บริการของร้านเกม ตอนนี้ fog gaming ยังเป็นแค่ไอเดียคร่าว ๆ เท่านั้น ยังไม่มีรายละเอียดหรือข้อมูลใด ๆ เป็นรูปธรรม ที่มา - ArsTechnica ภาพจาก shutterstock
# Amazon ยกเครื่องเกม Crucible หลังเปิดตัวแล้วยังไม่ดัง ปรับเหลือโหมดเดียว เกมที่น่าจับตาของปี 2020 คือ Crucible เกมยิงออนไลน์ของยักษ์ใหญ่ Amazon ที่เริ่มบุกเข้าสู่วงการเกม (หลังพยายามมานาน) และเพิ่งเปิดให้เล่นบน Steam เมื่อปลายเดือนที่แล้ว หลังเปิดตัวมาไม่นาน และยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ทีมงาน Crucible ประกาศว่าจะเลือกโฟกัสที่โหมดการเล่นเพียงโหมดเดียว (จากทั้งหมด 3 โหมด) คือ Heart of the Hives ซึ่งเป็นการแบ่งทีมฝั่งละ 4 คน แย่งหัวใจจากการฆ่าบอสมอนสเตอร์ในฉาก ส่วนอีก 2 โหมดคือ Harvester Command ที่แบ่งทีมละ 8 คนแล้วแข่งกันเปิดเครื่องจักรในแมป และ Alpha Hunters จับคู่สู้กันเองเป็นคู่ จะถูกยกเลิกไปในอนาคตอันใกล้นี้ วิดีโอเกมเพลย์ทั้ง 3 โหมด ทีมงาน Crucible ยังบอกว่าเมื่อตัดสินใจแล้วว่าเลือก Heart of the Hives เป็นโหมดการเล่นเดียว จะพัฒนาเกมไปในทิศทางนี้ โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกจะเติมฟีเจอร์สำคัญๆ ที่ต้องมีให้ครบ เช่น แชทคุยด้วยเสียง, การกดยอมแพ้ก่อนเกมจบ, mini-map, ระบบแก้ปัญหาผู้เล่นที่ไม่ทำอะไรในเกม (AFK หรือ away from keyboard) และแก้ปัญหาเรื่อง ping ส่วนระยะที่สองเป็นการปรับปรุงเกมเพลย์และเนื้อหาในเกม เช่น เปิดให้ปรับแต่งแผนที่ได้ ปรับปรุงมอนสเตอร์ และฟีเจอร์ด้านโซเชียลอื่นๆ ในเกม ที่มา - Crucible
# อินเทลเริ่มโปรโมทซีพียูรุ่นหน้า Tiger Lake ส่งบัตรเชิญนักข่าว เปิดตัวช่วงกลางปีนี้ เมื่อเดือนมกราคม 2020 อินเทลเริ่มโชว์ข้อมูลของ Tiger Lake ซีพียูโน้ตบุ๊กรุ่นหน้าที่จะเป็นผู้สืบทอด Ice Lake ในปัจจุบัน (และน่าจะใช้ชื่อ Core 11th Gen ทำตลาด) เวลาผ่านมาประมาณครึ่งปี อินเทลเริ่มโหมโฆษณา Tiger Lake โดยส่งของขวัญ (เป็นเมล็ดดอกลิลลี่สีส้ม ที่บางคนเรียก tiger lily) และบัตรเชิญไปยังนักข่าวสายไอทีในต่างประเทศแล้วว่า "พบกันช่วงกลางปีนี้" (This Summer ซึ่งหมายถึงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม) ถึงแม้ในบัตรเชิญยังไม่มีข้อมูลอะไรของ Tiger Lake รวมถึงวันแถลงข่าว แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าการเปิดตัว Tiger Lake ใกล้เข้ามาทุกที ถ้าดูจากรอบการเปิดตัวของ Ice Lake เมื่อปีที่แล้ว เปิดตัว 1 สิงหาคม 2019 Tiger Lake ยังใช้กระบวนการผลิตแบบ 10 นาโนเมตรเหมือน Ice Lake แต่มีของใหม่ที่สำคัญคือ สถาปัตยกรรมคอร์ซีพียู Willow Cove (ต่อจาก Sunny Cove) และจีพียูโค้ดเนม Xe ที่คุยว่าจะทัดเทียมกับจีพียูของ AMD/NVIDIA แผนการของสถาปัตยกรรมซีพียู Sunny Cove (2019) -> Willow Cove (2020) -> Golden Cove (2021) ที่มา - Wccftech
# พบ Ransomware ใหม่ปลอมตัวเป็นตัวถอดรหัส Ransomware ซ้ำเติมเหยื่อให้ต้องจ่ายซ้ำ Michael Gillespie นักวิจัยมัลแวร์เข้ารหัสเรียกค่าไถ่ หรือ ransomware รายงานถึงมัลแวร์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Zorab เป็นมัลแวร์ที่เข้ารหัสข้อมูลซ้ำหลังจากข้อมูลของผู้ใช้ถูกเข้ารหัสจากมัลแวร์ตัวอื่นไปแล้ว ตัวอย่างมัลแวร์ตัวนี้ที่พบปลอมตัวเป็นตัวถอดรหัสมัลแวร์ STOP Djvu ที่มี Michael เองเคยพบจุดอ่อนและเผยแพร่ตัวถอดรหัสได้ฟรีมาก่อนหน้านี้แล้ว แม้ว่าจะมีเวอร์ชั่นใหม่ๆ ที่ยังไม่มีตัวถอดรหัสออกมา โดยตัว Zorab เมื่อรันแล้วจะเข้ารหัสไฟล์ธรรมดาที่ยังไม่เข้ารหัสด้วย ตอนนี้มัลแวร์เพิ่งมีรายงานออกมา ยังต้องรอการวิเคราะห์อีกระยะว่าจะมีช่องโหว่ในการเข้ารหัสทำให้ถอดรหัสได้เองหรือไม่ ที่มา - Bleeping Computer
# แอพ MS Remote Desktop บน iOS ได้รับอัพเดต, รองรับการควบคุมเครื่องรีโมทด้วยเมาส์และแทรกแพด ไมโครซอฟท์ยังคงทยอยปรับปรุงความสามารถของแอพ Microsoft Remote Desktop บนอุปกรณ์ตระกูล iOS อยู่เรื่อยๆ โดยในเวอร์ชัน 10.1.0 ซึ่งเป็นอัพเดตล่าสุด ทางไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่ผู้ใช้หลายท่านน่าจะรอกันมานาน อย่างรองรับการควบคุมเครื่องรีโมทด้วยเมาส์และแทรกแพด โดยผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ที่รันระบบปฏิบัติการ iPadOS 13.4 หรือใหม่กว่า จะสามารถใช้เมาส์และแทรกแพดเข้าควบคุมเครื่องพีซีปลายทางได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในส่วนของการคลิกขวา, การกดคีย์บอร์ดร่วมกับการคลิก ไปจนถึงการ scroll wheel รายละเอียดทั้งหมดมีดังนี้ รองรับ Apple Magic Mouse 2 และ Apple Magic Trackpad 2 (คลิกซ้าย/ขวา, คลิกซ้าย/ขวาค้างแล้วลากเมาส์, scroll แนวตั้ง/แนวนอน และการซูม) รองรับเมาส์ทั่วไป (คลิกซ้าย/ขวา, คลิกซ้าย/ขวาค้างแล้วลากเมาส์, คลิกกลาง และการ scroll แนวตั้ง) รองรับการกดคีย์ CTRL, ALT และ SHIFT ร่วมกับการคลิกเมาส์หรือแทรกแพด รองรับการแตะเพื่อคลิก (Tap-to-Click) บน TrackPad ส่วนปรับปรุงการใช้งานอื่นๆ ที่น่าสนใจในเวอร์ชั่นนี้พอสรุปได้ดังนี้ เพิ่มตัวเลือกปิดการบังคับใช้งาน NLA เข้าไปตั้งค่าได้ที่ iOS Settings > RD Client รองรับการกดคีย์ CTRL+SHIFT+ESC บนเครื่องรีโมท โดยจะใช้งานได้ทั้งคีย์ Escape ที่ได้รับการ remap จากคีย์อื่นและคีย์ Escape จากการกดคีย์ Command+. ช่วยแปลงการกดคีย์จาก Command+F เป็น CTRL+F ท่านใดสนใจเข้าไปดาวน์โหลดแอพ Microsoft Remote Desktop ได้ที่ App Store ครับ ที่มา - MSPoweruser
# Itch.io ขายบันเดิลเกมอินดี้ชุดใหญ่ 742 เกมในราคา 5 ดอลลาร์ ระดมทุนให้องค์กรคนดำ หลายคนอาจเคยเห็นการขายเกมบันเดิลเป็นชุด และนำรายได้เข้าองค์กรการกุศลแบบที่ Humble Bundle ทำ แต่จำนวนเกมในชุดอย่างมากที่สุดก็ประมาณ 10-20 เกมเท่านั้น ล่าสุดจากกระแส Black Lives Matter ทำให้เว็บไซต์ขายเกมอินดี้ Itch.io ประกาศออกชุดบันเดิลสุดอลังการ Bundle for Racial Justice and Equality รวมเกมอินดี้มากถึง 742 เกม รวมมูลค่า 3,400 ดอลลาร์ มาขายในราคาเพียง 5 ดอลลาร์ และรายได้ทั้งหมดจะมอบให้องค์กรกุศล NAACP Legal Defense and Educational Fund กับ Community Bail Fund อย่างละเท่าๆ กัน บันเดิลชุดนี้จะขายเป็นเวลา 9 วัน และตั้งเป้าระดมเงิน 2 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้ทำได้แล้ว 1.7 ล้านดอลลาร์ (ผู้ซื้อเกมสามารถบริจาคเงินเพิ่มเติมได้ ซึ่งค่าเฉลี่ยคือ 11.68 ดอลลาร์ต่อออเดอร์) รายชื่อเกมทั้งหมดดูได้จาก Itch.io ที่มา - Kotaku
# ทีมซอฟต์แวร์ SpaceX ตอบข้อสงสัย: หน้าจอยาน Dragon ใช้ Chromium+JS, มีดิสโทรลินุกซ์ของตัวเอง, ซีพียูบนยานแรงเท่าโทรศัพท์ 5 ปีก่อน ทีมงานซอฟต์แวร์ของ SpaceX ตั้งกระทู้ตอบคำถามบน Reddit ให้คนทั่วไปตั้งคำถามใดๆ ก็ได้ ทำให้ทีมงานมีโอกาสเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม โดยประเด็นที่สำคัญคือหน้าจอสัมผัสของยาน Dragon นั้นรันอยู่บน Chromium โดยมีไลบรารีจาวาสคริปต์แบบ reactive ที่พัฒนาขึ้นเองเป็นการภายใน โดยหน้าจอนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหน้าจอรถของ Tesla ทีมงานยืนยันว่าหน้าจอบนยานไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเกมจำลองการเชื่อมต่อแคปซูลเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ แม้จะพัฒนาโดยทีมงานเดียวกันแต่ก็เป็นโปรเจคทำเอาสนุกของทีมงานบางคนและสุดท้ายบริษัทตัดสินใจพัฒนาต่อเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาเล่น ยังมีข้อมูลอีกหลายส่วน โดยข้อที่น่าสนใจเช่น ทีมงานมีหน้าจอแบบเดียวกันกับบนยานรันอยู่ในห้องบังคับการบิน แต่เนื่องจากไม่สามารถส่งข้อมูลเซ็นเซอร์ลงมาได้ทั้งหมด ข้อมูลก็จะไม่ครบเท่ากับบนยาน โดยข้อมูลแต่ละภารกิจของ SpaceX นั้นมีปริมาณข้อมูลเซ็นเซอร์นับร้อยกิกะไบต์เลยทีเดียว หน้าจอคอนโซลของห้องบังคับการบินบางส่วนพัฒนาด้วย LabVIEW โครงการใหม่เปลี่ยนเป็น JavaScript/HTML/CSS ทั้งหมดแล้ว ลินุกซ์ที่ใช้บนยานเป็นดิสโทรเฉพาะที่ SpaceX พัฒนาไว้ใช้งานเอง มีแพตช์บ้างเล็กน้อย แต่ส่วนสำคัญคือใช้แพตช์ CONFIG_PREEMPT_RT เพื่อทำให้เคอร์เนลทำงานแบบเรียลไทม์ แต่ก็ยังไม่ตรงกับความต้องการเสียทีเดียว ส่วนที่เหลือเป็นการพัฒนาไดรเวอร์สำหรับฮาร์ดแวร์เฉพาะของ SpaceX ซอฟต์แวร์ที่รันบนยานจริงเป็น C/C++ ส่วนเครื่องมือทดสอบใช้ Python ในห้องแชตของทีมพูดถึง Rust อยู่บ้างแต่ยังไม่ได้นำมาใช้งาน โดยซอฟต์แวร์ส่วนมากเป็นเธรดเดียว เนื่องจากต้องการความคาดเดาได้ กระบวนการทดสอบซอฟต์แวร์เริ่มตั้งแต่ unit test และทดสอบในคอนเทนเนอร์ที่นักพัฒนาทดสอบในเครื่องตัวเองได้ จากนั้นจะไปทดสอบกับฮาร์ดแวร์จริงในระบบจำลองการบิน เรียกว่า hardware-in-the-loop หรือ HITL โดยกระบวนการจำลองการบินสามารถจำลองได้ทั้งภารกิจ รวมถึงจำลองเมื่อเกิดเหตุผิดพลาด ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์บนยาน Dragon ออกแบบให้ทนทานต่อความผิดพลาดแบบ 2 fault tolerant โดยยังหยุดภารกิจได้อย่างปลอดภัย เช่นถอนตัวออกจากสถานีอวกาศได้ในกรณีภารกิจขนส่งธรรมดา และต้องพานักบินกลับโลกได้ในภารกิจมีนักบินไปด้วย โดยคอมพิวเตอร์บนยานนั้นแรงพอๆ กับโทรศัพท์มือถือที่ออกมา 5 ปีแล้ว ระบบอัตโนมัติบนยาน Dragon ที่เทียบท่าสถานีอัตโนมัติ และระบบลงจอดอัตโมัติของ Falcon 9 ไม่ได้ใช้ซอฟต์แวร์แบบ machine learning แต่อย่างใด ทีมงานยังตอบถึงการทำงานว่าโดยทั่วไปมีสมดุลชีวิตที่ดี ทีมงานสองคนเพิ่งมีลูก แม้ว่าจะมีบางช่วงที่งานหนักมากๆ ต้องทำงานดึกและทำงานเสาร์อาทิตย์ เช่นก่อนภารกิจ Demo-2 และการพัฒนายาน Starship ตอนนี้ ที่มา - Reddit AMA
# Linux Mint ประกาศไม่ใช้แพ็กเกจ Snap ตาม Ubuntu เพราะแอบยัด Snap ใน APT Linux Mint เป็นดิสโทรลินุกซ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตัวมันพัฒนาต่อมาจาก Ubuntu อีกทีหนึ่ง แต่ล่าสุดทีมพัฒนา Linux Mint ประกาศไม่ใช้ ระบบแพ็กเกจแบบ Snap ที่ Ubuntu พยายามผลักดันแล้ว เหตุผลของทีมพัฒนา Linux Mint คือแนวคิดแพ็กเกจซอฟต์แวร์แบบ Snap (รวมถึงคู่แข่งอย่าง Flatpak ของฝั่ง Red Hat) เป็นเรื่องดี ปัญหาคือแนวทางของบริษัท Canonical ที่พยายามผลักดัน Snap มาใช้แทนระบบแพ็กเกจแบบ APT เดิม ตัวอย่างคือ Ubuntu 20.04 ตัวล่าสุด ที่สั่งติดตั้ง Chromium ผ่าน APT จะได้แพ็กเกจเปล่าๆ มา แล้วเป็นการติดตั้ง Chromium ผ่าน Snap แทน (นั่นแปลว่าจะบังคับลง Snapd ในเครื่องด้วย) Linux Mint บอกว่านโยบายแบบนี้เป็นการบังคับลง Snap โดยผู้ใช้ไม่ยินยอม และเชื่อมต่อเครื่องของเราไปยัง Ubuntu Store โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงไม่สามารถติดตั้งแพ็กเกจจากสโตร์อื่นได้ด้วย ทำให้ Mint ตัดสินใจว่าในเวอร์ชันหน้า (Linux Mint 20) จะห้าม Snap ติดตั้งตัวเองอัตโนมัติ และปรับวิธีการติดตั้ง Chromium ให้เป็นแพ็กเกจปกติเมื่อทำงานผ่าน APT ที่มา - Linux Mint, ZDNet
# สรุปฟีเจอร์ HUAWEI P40 Series ทั้ง 3 โมเดล P40, P40 Pro, P40 Pro+ ต่างกันอย่างไร ในที่สุดหัวเว่ย ก็เปิดตัว HUAWEI P40 Pro+ สมาร์ทโฟนตัวท็อปของ HUAWEI P40 Series ที่ต่อยอดจาก HUAWEI P40 และ HUAWEI P40 Pro ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ วันนี้ผู้เขียนขอรวบรวมจุดเด่นของสมาร์ทโฟนในซีรีส์ HUAWEI P40 Series ทั้ง 3 รุ่น มาสรุปให้ฟัง เผื่อใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ใช้ได้หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน จะได้เลือกถูกว่า P40, P40 Pro และ P40 Pro+ รุ่นไหนที่เหมาะกับเราที่สุด มือถือที่บล็อกเกอร์หลายคนให้สมญานามว่า “กล้องที่โทรได้” สมาร์ทโฟนตระกูล P Series ของหัวเว่ยเป็นที่ยอมรับเรื่องนวัตกรรมการถ่ายภาพ ทั้งระบบกล้องและเลนส์ที่ร่วมพัฒนาโดย Leica ผสานกับอุปกรณ์ภายในและระบบ AI ของหัวเว่ย ส่งผลให้ HUAWEI P40 Series กลับมาทวงบังลังก์ผู้นำด้านการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนอีกครั้ง โดย HUAWEI P40 Pro กลับมาครองอันดับหนึ่งด้านกล้องถ่ายภาพของเว็บไซต์ DxOMark ได้คะแนนสูงทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและเคลื่อนไหว ส่วน HUAWEI P40 ที่เปิดตัวพร้อมกันก็ติดอันดับ Top 10 เช่นเดียวกัน สมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Series โดดเด่นเรื่องระบบกล้องหลังที่แข็งแกร่ง Ultra Vision Leica Camera โดย HUAWEI P40 มีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว, HUAWEI P40 Pro มีกล้องหลัง 4 ตัว และ HUAWEI P40 Pro+ มีกล้องหลังสูงสุดถึง 5 ตัว ทุกรุ่นมีกล้องครบทุกระยะ ทั้งเลนส์กว้าง (wide-angle) เลนส์กว้างพิเศษ (ultrawide-angle) และกล้อง Telephoto เลนส์ซูมที่ทรงพลัง HUAWEI P40 มีเลนส์ซูมออพติคัล 3 เท่า, HUAWEI P40 Pro มีเลนส์ซูมออพติคัล 5 เท่า และดิจิทัลได้สูงถึง 50 เท่า แถมมาพร้อมกล้อง ToF ที่สามารถเก็บระยะของภาพได้อย่างแม่นยำ HUAWEI P40 Pro+ ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการรวมเอากล้อง Telephoto สองระยะเข้าไว้ด้วยกัน สามารถซูมแบบออพติคัลได้สูงสุดถึง 10 เท่า และแบบดิจิทัลไปไกลถึง 100 เท่า มาพร้อมระบบกันสั่น ทั้งแบบออพติคัล (OIS) และแบบควบคุมด้วย AI (AIS) เมื่อมีคนนำมาทดลองถ่ายภาพดวงจันทร์ด้วยการซูม ก็ทำได้ดีเทียบเท่ากล้องดิจิทัลเลยทีเดียว นอกจากนวัตกรรมกล้องและเลนส์สุดล้ำจาก Leica มือถือหัวเว่ยยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ประเภท RYYB ขนาดใหญ่ที่เก็บแสงได้มากกว่ากล้องมือถือทั่วไป เมื่อทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์อุณหภูมิสีและระบบการปรับแสงขาวอัตโนมัติ (white-balance) ช่วยให้สมาร์ทโฟนของ HUAWEI P40 Series ทุกรุ่น สามารถถ่ายภาพได้สวยคมชัดทุกสภาพแสง ทุกที่ ทุกเวลา ฟีเจอร์กล้อง AI Golden Snap ช่วยให้เก็บภาพความประทับใจได้ทุกจังหวะ ไม่มีพลาด แก้ปัญหาการถ่ายภาพที่พบได้บ่อย เช่น หากมีคนเดินติดเข้ามาในเฟรม ก็สามารถลบได้อัตโนมัติด้วย AI Remove Passerby หรือการลบแสงสะท้อนจากกระจกด้วย AI Remove Reflection เป็นต้น HUAWEI P40 Series ยังแสดงศักยภาพอีกขั้นด้วยการจับมือกับ Vogue สื่อแฟชั่นชั้นนำระดับโลก ถ่ายทำคอลเล็คชันพิเศษ Salute To Classic รวมถึงวิดีโอเบื้องหลังการถ่ายแฟชั่นด้วยสมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Pro ซึ่งทำให้ช่างภาพ บรรณาธิการแฟชั่นและผู้ชมตื่นตะลึงกับผลลัพธ์-คุณภาพภาพที่เทียบเคียงได้กับกล้อง DSLR อย่างแท้จริง เชื่อมต่อฉับไว เต็มประสิทธิภาพ บนความเร็วระดับ 5G ที่สมบูรณ์แบบ HUAWEI P40 Series รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ความเร็วระดับ 5G ในทุกโมเดล ทั้ง 3 โมเดลใช้ชิปเซ็ตเรือธง Kirin 990 5G ที่รวมเอาโมเด็ม 5G ไว้กับโปรเซสเซอร์เลย ลดระยะการสื่อสารระหว่างโมเด็มและโปรเซสเซอร์ ประหยัดพลังงาน ไม่เปลืองแบตเตอรี่ เครื่องร้อนช้าแม้จะสตรีมข้อมูลออนไลน์ด้วยความเร็วสูงระดับ 5G ระบบ 5G ของสมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Series รองรับทุกย่านความถี่ 5G ที่มีให้บริการในประเทศไทย และครอบคลุมทุกเครือข่าย การออกแบบที่ชาญฉลาด ตอบรับการใช้งานจริงตามคอนเซ็ปท์ Visionary แนวคิดเบื้องหลังการดีไซน์สมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Series ไปไกลกว่าเรื่องความสวยงามและหรูหรา แต่ยังมองถึงการแก้ไขปัญหาการใช้งานที่ผู้บริโภคพบเจอ เช่น การจับมือถือที่ไม่ถนัดมือ หรือไม่สามารถดูหน้าจอได้อย่างเต็มตา สมาร์ทโฟนของ HUAWEI P40 Series ถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่เหมาะสม จับได้ถนัดมือ หน้าจอเป็นแบบ FullView Display เสมือนไร้ขอบจอ ในรุ่น HUAWEI P40 Pro และ HUAWEI P40 Pro+ มาพร้อมหน้าจอดีไซน์ Quad-curve Overflow Display ที่โค้งมนทั้ง 4 มุม เหมือนหยดน้ำที่กำลังไหลริน แสดงภาพได้เต็มตาและใช้งานได้ลื่นไหล ตัวบอดี้ยังมีสีและวัสดุหลายแบบ สะท้อนตัวตนของผู้ใช้ HUAWEI P40 และ HUAWEI P40 Pro มีให้เลือก 3 สี คือ Silver Frost, Blush Gold และ Deep Sea Blue ส่วน HUAWEI P40 Pro+ มีแบบสีขาว Ceramic White ทำจากวัสดุเซรามิกเคลือบเทคโนโลยีนาโน HUAWEI P40 และ HUAWEI P40 Pro วางจำหน่ายแล้วในราคา 22,990 บาท และ 31,990 บาทตามลำดับ สำหรับ HUAWEI P40 Pro+ ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดนี้ ราคา 40,990 บาท เปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 4-26 มิถุนายน 2563 โดยผู้ที่สั่งจองจะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวม 12,200 บาท และจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ณ หัวเว่ย แบรนด์ช้อปและร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สามารถคลิกดูได้ที่เว็บไซต์ของ Huawei
# Dropbox ออกแอพจัดการรหัสผ่าน Dropbox Passwords ยังทดสอบในกลุ่มปิด Dropbox ลุยเข้ามายังตลาดแอพจัดการรหัสผ่านแบบเงียบๆ ด้วย Dropbox Passwords ที่ตอนนี้ยังทดสอบแบบ Beta เฉพาะบนแอนดรอยด์ จำกัดการใช้งานเฉพาะผู้ได้รับเชิญ และยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากบริษัท ในแง่ฟีเจอร์คงไม่ต่างอะไรจาก password manager ตัวอื่นๆ ทั้งการเก็บรหัสผ่าน การซิงก์ข้อมูล การสร้างรหัสผ่านแบบสุ่ม และช่วยเติมรหัสผ่านให้อัตโนมัติ ที่มา - Play Store, Android Police
# ผู้ร่วมก่อตั้ง Reddit ลาออกจากบอร์ด เพื่อเปิดทางให้ตั้งบอร์ดใหม่เป็นคนดำ Alexis Ohanian ผู้ร่วมก่อตั้ง Reddit (และสามีของนักเทนนิสชื่อดัง Serena Williams) ประกาศลาออกจากบอร์ดบริหารของ Reddit เพื่อเปิดทางให้แต่งตั้ง "คนดำ" เข้ามาเป็นบอร์ดแทน นอกจากนี้เขายังประกาศว่าถ้ามีกำไรจากการขายหุ้น Reddit ในอนาคต เขาจะนำเงินก้อนนี้มาช่วยแก้ปัญหาแบ่งแยกสีผิว โดยเริ่มจากบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ให้แคมเปญ Know Your Rights Camp ของนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล Colin Kaepernick ฝั่งของตัวบริษัท Reddit เอง ซีอีโอ Steve Huffman (ซึ่งร่วมก่อตั้ง Reddit กับ Ohanian) ก็ประกาศสนับสนุนความเคลื่อนไหวนี้ โดยประกาศจะตั้งบอร์ดคนดำ และปรับนโยบายด้านเนื้อหาของ Reddit เพื่อแบนเนื้อหาที่สร้างความเกลียดชังและการเหยียดผิวด้วย เหตุการณ์ประท้วงในสหรัฐ และแคมเปญ Black Lives Matter ทำให้บริษัทไอทีหลายรายออกมาสนับสนุนคนดำด้วยวิธีการต่างๆ เช่น บริจาคเงินให้องค์กรการกุศลที่เกี่ยวข้องกับคนดำ แต่การลาออกของ Ohanian เพื่อเปิดทางให้บอร์ดคนดำ น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมที่สุดแล้ว ที่มา - Alexis Ohanian, Reddit
# Google Currents ร่างใหม่ของ Google+ สำหรับ G Suite เตรียมเปิดให้ใช้งาน 6 ก.คนี้ หลังจากเปิดตัว Google Currents ไปเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ล่าสุด Google เผยว่า Google Currents สำหรับ G Suite จะเปิดให้ใช้งานในวันที่ 6 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ Google Currents สำหรับ G Suite จะมาพร้อมกับหน้าตาที่อัพเดทจากเดิม พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ให้สอดคล้องกับการใช้งานภายในองค์กรมากยิ่งขึ้น เช่น การสร้างโพล, การแชร์ไฟล์ผ่าน drive, การปักหมุดเนื้อหา,การค้นหาไฟล์ผ่านระบบ tags & streams เป็นต้น Google ยังเผยอีกว่า บัญชีและเนื้อหาทั้งหมดที่อยู่เคยใน Google+ จะย้ายไปอยู่ใน Google Currents โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ แอป Google+ บน iOS และ Android ก็จะได้รับการอัพเดทให้เป็นแอป Google Currents เช่นเดียวกัน ที่มา - 9to5google
# Xiaomi เปิดตัว Haylou LS05 Solar สมาร์ทวอทช์แบตอึด มีเซ็นเซอร์วัดหัวใจ ราคาราว 800 บาท Xiaomi Youpin เปิดตัว Haylou LS05 Solar สมาร์ทวอทซ์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่แสตนบายได้ถึง 30 วันพร้อมทั้งโหมดออกกำลังกาย 12 แบบ ในราคาที่จับต้องได้ Haylou LS05 Solar มีหน้าจอแบบ TFT ขนาด 1.28 นิ้ว ความละเอียด 240x240 มาพร้อมกับตัวเครื่องโลหะและสายซิลิโคน กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 นอกจากนี้ ยังจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 340 mAh สแตนบายได้สูงสุด 30 วัน Haylou LS05 Solar ยังมีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งโหมดออกกำลังกายแบบใหม่ 12 โหมด Haylou LS05 Solar สนนราคาอยู่ที่ 179 หยวน (ประมาณ 800 บาท) วางขายแล้วบนเว็บไซต์ Xiaomi Youpin ที่มา - GizmoChina
# Valorant กำลังทดสอบเวอร์ชั่นคอนโซล แต่ไม่ยืนยันว่าจะลงหรือไม่ Valorant เกม FPS แนว Counter-Strike ผสมการใช้สกิลตัวละครแบบ Overwatch ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีเพียงเวอร์ชั่น PC เท่านั้น แต่ล่าสุด Anna Donlon โปรดิวเซอร์บริหารของเกม Valorant จาก Riot Games ให้สัมภาษณ์กับ Gamespot ว่าตัวเกมเวอร์ชั่นเครื่องคอนโซล กำลังอยู่ในขั้นทดสอบ แต่ทางทีมงานยังไม่แน่ใจนักว่าประสบการณ์การเล่น จะเปลี่ยนแปลงและถูกส่งผ่านบนเครื่องคอนโซลได้แค่ไหน Donlon อธิบายว่าหัวใจหลักของเกม Valorant คือการแข่งขันที่ยุติธรรม และไม่อยากให้ผู้เล่นบนคอนโซล ที่อาจต้องมีการเล่นข้ามแพลตฟอร์มรู้สึกว่ามีการได้เปรียบเสียเปรียบกันเกิดขึ้น (แต่บน PC ที่สเปกต่าง หรือหน้าจอ refresh rate ต่างกัน ก็มีความได้เปรียบเสียเปรียบเกิดขึ้นอยู่ดี) และอยากถ่ายทอดประสบการณ์การเล่น Valorant ออกมาได้เต็มรูปแบบมากที่สุด และคงไม่คุ้มที่ทำ ถ้าหากต้องปรับลด หรือตัดอะไรออกไปเพื่อนำเกมมาลงเครื่องคอนโซล Donlon ไม่ได้ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่าตัวเกมจะไม่ลงเครื่องคอนโซล และบอกว่าเกมดีไซเนอร์บางคนในทีม ก็อยากจะพิสูจน์ความสนุกของ Valorant บนเครื่องคอนโซลเช่นกัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ Riot Games โฟกัสอยู่ในตอนนี้ ที่มา - Gamespot
# สิงคโปร์สนับสนุน e-payment จ่ายเงินอัดฉีดร้านค้า 34,000 บาท ที่หันมารับจ่ายอิเล็กทรอนิกส์ The Infocomm Media Development Authority (IMDA) หรือหน่วยงานรัฐที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องสารสนเทศของสิงคโปร์ ออกโครงการแจกเงิน 1,500 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 34,000 บาท ให้ร้านค้า ร้านอาหารที่เปลี่ยนมารับ e-payment เลี่ยงการสัมผัสเงินสด ป้องกันเชื้อโรค และเพื่อเตรียมให้พร้อมกับยุคหลัง COVID-19 โดยร้านค้าจะได้รับเงินเป็นรายเดือนละ 300 ดอลลาร์สิงคโปร์ติดต่อกัน 5 เดือน โครงการนี้มีเงื่อนไขว่าร้านค้าต้องมีธุรกรรมการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 20 รายการ มูลค่าขั้นต่ำธุรกรรมละ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และเป็นร้านค้าที่ดำเนินการในเขตพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนดไว้ โบนัสนี้ครอบคลุมทั้งร้านค้าที่มีระบบ e-payment อยู่แล้วไปจนถึงร้านค้าใหม่ที่เข้ามาสมัครในโครงการและติดตั้งระบบ e-payment ภายในสิ้นปี 2020 นี้ ภาพจาก IMDA นอกจากโบนัสร้านค้าแล้ว ทาง IMDA ยังกระตุ้นให้ผู้ค้าปลีก ด้วยการให้เงินแก่ร้านอาหาร, ร้านค้าปลีก ที่ใช้ e-payment และ e-invoice สูงถึง 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ บริษัทห้างร้านนั้นๆ ต้องนำระบบมาใช้จริงภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2021 หรือปีหน้า ถึงจะมีสิทธิ์ได้โบนัสจาก IMDA IMDA ยังออกโครงการ Seniors Go Digital ให้ผู้สูงอายุมีความสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีด้วยการอบรมผู้สูงอายุเรื่องการใช้สมาร์ทโฟน แอปแชท วิดีโอคอล รวมถึงการใช้แอปพลิเคชั่นต่างๆ ของรัฐบาล และการใช้ e-payment และมีแผนจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายสำรับผู้สูงอายุรายได้น้อยไม่สามารถจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตได้ ที่มา - IMDA 1, 2
# โควิด-19 ทำพิษ IDC คาดยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนลดลงปีนี้ 12% International Data Corporation (IDC) เผยรายงานการคาดการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนในปี 2020 เบื้องต้นคาดว่ายอดส่งมอบสมาร์ทโฟนจะลดลงถึง 11.9% เหตุจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น IDC คาดการณ์ว่ายอดส่งมอบสมาร์ทโฟนในปีนี้จะอยู่ที่ 1.2 พันล้านเครื่อง สืบเนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟนในไตรมาสแรกที่ลดลง 11.7% ซึ่งเป็นผลมาจากไวรัสโคโรน่าที่ทำยอดอุปสงค์และอุปทานชะลอตัวลง โดยยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนจะลดลงถึง 18.2% ในครึ่งปีแรกและไม่มีวี่แววสูงขึ้นจนกว่าจะถึงไตรมาสแรกของปี 2021 IDC คาดว่าตลาดในจีนจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเนื่องด้วยสถานการณ์ไวรัสที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตลาดในยุโรปยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม IDC คาดว่าบริษัทที่ครองตลาดในยุโรปจะออกกลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดได้เหมือนเดิม นอกจากนี้ IDC ยังมองว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนและหันมาซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ไม่เน้นการพกพามากขึ้น เช่น คอมพิวเตอร์ มอนิเตอร์ เกมคอนโซล ซึ่งจะทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม IDC คาดการณ์ว่าการมาของเทคโนโลยี 5G จะทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนในปี 2021 กลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง ที่มา - IDC , Bloomberg
# POCO F2 Pro มือถือสเปกเรือธง Snapdragon 865 เปิดราคาไทย เริ่ม 17,999 บาท POCO F2 Pro มือถือรุ่นใหม่จาก POCO มาพร้อมสเปกเรือธง Snapdragon 865 รองรับ 5G และ Wi-Fi6 พร้อม 4 กล้องหลังและกล้องหน้าป๊อปอัพ เปิดราคาในไทยแล้ว ดังนี้ POCO F2 Pro แรม 6GB + ความจุ 128GB ราคา 17,999 บาท POCO F2 Pro แรม 8GB + ความจุ 256GB ราคา 20,999 บาท ถ้าจองรุ่น 6GB + 128GB ในวันที่ 6 มิถุนายน ถึงวันที่ 17 มิถุนายน ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์คือ Shopee, JD Central และ Lazada จะได้รับของแถมดังนี้ จองผ่าน Shopee ได้ Xiaomi True Wireless Earphone มูลค่า 2,399 บาท จองผ่าน JD Central ได้ Mi Compact Bluetooth Speaker มูลค่า 299 บาท Mi Casual Daypack ราคา 299 บาท และ Mi Fidget Cube ราคา 139 บาท จองผ่าน Lazada ได้ Harman / Kardon Onyx Studio 4 มูลค่า 8,990 บาท (จำกัดเพียง 300 ออเดอร์แรกเท่านั้น) ทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายในประเทศไทย บน Shopee, JD Central และ Lazada ในวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# EA ทยอยเพิ่มเกมบน Steam, EA Access ใกล้มาแล้ว หลังประกาศกลับมาเป็นพาร์ทเนอร์กันเมื่อปลายปีที่แล้ว EA ยังคงทยอยเพิ่มเติมเข้าไปในไลบรารีตัวเองบน Steam และเกมล่าสุดที่เพิ่งเพิ่มเข้าไปก็มี Dragon Age: Inquisition, Mirror's Edge: Catalyst, Need for Speeds, Crysis 3 และ PvZ: Battle for Neighborville รวมถึงเกมใหม่อย่าง C&C Remastered Collection ขณะเดียวกัน EA Access บริการเล่นเกมแบบสมาชิกรายเดือนของ EA ที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะให้บริการผ่าน Steam ก็ใกล้จะมาแล้วด้วย หลัง Steam เริ่มโฆษณา EA Access และระบุ coming soon แล้ว ที่มา - Steam via Venturebeat
# AMD ยืนยัน การ์ดจอ Radeon Big Navi สำหรับพีซีจะขายก่อนคอนโซล PS5, Xbox Series X ฮาร์ดแวร์ที่น่าจับตาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คือ AMD Radeon "Big Navi" หรือ Navi 2X สถาปัตยกรรม RDNA 2 ซึ่งเป็นจีพียูที่ใช้ในคอนโซลยุคถัดไป PS5 และ Xbox Series X ด้วย ที่ผ่านมา AMD บอกคร่าวๆ เพียงว่า Big Navi จะออกภายในปี 2020 แต่ไม่ระบุช่วงเวลาแน่ชัด ล่าสุด Devinder Kumar ซีเอฟโอของ AMD ไปพูดที่งานสัมมนาของ Bank of America ให้ข้อมูลเพิ่มเติม (อีกนิด) ว่าจีพียู Big Navi จะวางขายก่อนหน้าคอนโซลรุ่นใหม่แน่ๆ ทำให้เราสามารถจำกัดช่วงเวลาได้แคบลงว่า Big Navi จะวางขายช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมเป็นอย่างช้าที่สุด เพราะเกมคอนโซลมักวางขายในเดือนพฤศจิกายน Kumar ยังให้ข้อมูลว่า Big Navi จะเป็นผลิตภัณฑ์ระดับเรือธง (halo product) ของบริษัท จากนั้น AMD จะทยอยออกจีพียูสถาปัตยกรรม RDNA 2 ให้ครบทุกระดับราคาตามมา อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ Kumar ยืนยันว่าซีพียูตัวใหม่สถาปัตยกรรม Zen 3 จะออกช่วงปลายปี 2020 เช่นกัน (late 2020) แต่ยังไม่ได้ระบุช่วงเวลาชัดเจน ที่มา - Videocardz
# ศัตรูของศัตรูคือมิตร! Slack ตกลงเป็นพาร์ทเนอร์กับ Amazon นำ Slack มาใช้ทั้งองค์กร Slack ประกาศลงนามเป็นพาร์ทเนอร์กับยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ภายใต้ข้อตกลงที่กินระยะเวลาหลายปี ทำให้ Amazon จะนำ Slack มาใช้งานภายในทั้งองค์กร (แต่ไม่ได้บังคับพนักงานทุกคนให้ใช้) ทำให้ Amazon ที่พนักงานกว่า 8 แสนคน กลายเป็นลูกค้าองค์กรรายใหญ่ที่สุดของ Slack กลาย ๆ หลังจากก่อนหน้านี้มี IBM เป็นลูกค้าองค์กรรายใหญ่ที่สุดอยู่ ขณะที่ฝั่ง Slack ที่ใช้ AWS อยู่แล้วก็จะพึ่งพิงกับโครงสร้างพื้นฐานของระบบหลังบ้านกับ AWS มากยิ่งขึ้น เช่น Slack Calls จะใช้ SDK ของ Amazon Chime ซึ่งน่าจะช่วยแก้ปัญหาวิดีโอคอลที่เป็นเหมือนจุดอ่อนของ Slack โดย Slack มีแผนจะเพิ่มฟีเจอร์ transcript แปลงบทสนทนาผ่านวิดีโอคอลออกมาเป็นตัวหนังสือให้อัตโนมัติด้วย ขณะที่เรื่อง UI ก็เป็นปัญหาของ Amazon Chime การคอลผ่าน Slack ที่ UI ดีกว่าจึงเป็นอีกทางเลือกของ Amazon Chime นอกจากนี้ Slack ก็จะใช้ระบบ EKM จาก AWS Key Management Service สำหรับเข้ารหัส, เชื่อมกับ AppFlow สำหรับถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง Slack และ S3 หรือ Amazon Redshift เป็นต้น ความร่วมมือครั้งนี้น่าจะส่งแรงกระเพื่อมไปยังคู่แข่งของทั้ง 2 ค่ายอย่างไมโครซอฟท์โดยตรง (Azure + MS Teams) โดย Brad Armstrong รองประธานด้านธุรกิจของ Slack ให้สัมภาษณ์ว่า Slack ไม่เคยใช้คลาวด์ Azure มาก่อนและบริการส่วนใหญ่ของ Slack ก็รันอยู่บน AWS มานาน ดังนั้นในอนาคตจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่ Slack จะไปใช้คลาวด์ของไมโครซอฟท์ ที่มา - Business Wire, The Verge, CNBC
# ลองจับของจริง Huawei Mate Xs มือถือจอพับได้ราคาเหยียบแสนของ Huawei หลังจาก Huawei Mate Xs เปิดตัวด้วยราคา 89,990 บาท จนทำคนร้องอู้หู้ไปตามๆ กันเมื่อวานนี้ วันนี้ผู้เขียนจะมาบอกเล่าประสบการณ์ที่ Huawei เชิญไปลองสัมผัส Huawei Mate Xs ที่ศูนย์ พร้อมกับมีรูปหน้าตาและขนาดที่ได้สัมผัสจริงมาให้ชมกัน ด้านหน้าของตัวเครื่องเป็นจอขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2480 x 1148 พิกเซล เมื่อกดปุ่มใช้งานปกติโดยไม่ได้กางจอออกมา จอนี้จะเป็นจอหลัก มองจากมุมตรง จะเห็นว่าขนาดกำลังพอดีมือ แต่ตัวเครื่องจะมีความหนามากกว่ามือถือทั่วไปตามลักษณะของมือถือจอพับ ด้านหลังจะเป็นหน้าจอขนาด 6.38 นิ้ว ความละเอียด 2480 x 892 ที่แคบกว่าเพราะจะอยู่ข้างกลไกสำหรับกางหน้าจอ และกล้อง 4 กล้อง ปุ่มสีแดงใต้กล้องและโลโก้ LEICA คือปุ่มสำหรับเปิดหน้าจอให้กางออกมา เมือกดจะมีสปริงให้จอเด้งออกมาเล็กน้อย ส่วนการแสดงผลหน้าจอด้านหลัง Huawei ยังไม่ได้เปิดให้ทดสอบในครั้งนี้ เมื่อกางหน้าจอออกมา Huawei Mate Xs จะกลายเป็นมือถือกึ่งแท็บเล็ตที่มีขนาดจอ 8 นิ้ว ความละเอียด 2480 x 2200 พิกเซล ส่วนสิ่งที่หลายๆ คนสงสัยกัน คือรอยพับจะเห็นได้ชัดหรือไม่ คงต้องบอกว่าช่วงที่หน้าจอเปิดอยู่ แทบจะมองไม่เห็น หรือไม่รู้สึกขัดใจกับรอยพับเลย เพียงแค่ถ้าหน้าจอดับ อาจจะพอมองเห็นรอยจางๆ ได้ ตัวบานพับ Falcon Wing ที่ Huawei บอกว่าทำจากวัสดุ Zirconium แข็งแรงกว่า Titanium 30% ก็ดูแข็งแรงดี จากการทดสอบกางและหุบหลายครั้งก็รู้สึกแน่นหนา ไม่มีอาการโยกเยกแต่อย่างใด แต่การทดสอบความคงทนของข้อพับเครื่องจริง คงต้องใช้เวลา และทดสอบจากการใช้งานจริงในแต่ละวัน เครื่องสามารถทำมุม 90 องศาค้างไว้ได้ด้วย โดยหน้าจอจะอยู่ในโหมดแท็บเล็ต ด้านหลังเครื่องเมื่อกางทำมุม 90 องศา สรุป Huawei Mate Xs ที่ใช้ชิป Kirin 990 และรองรับ 5G ทำให้มือถือจอพับได้ที่เน้นโชว์เทคโนโลยีใหม่อย่าง Mate Xs ขยับเข้าใกล้มือถือที่ใช้งานได้จริงไปอีกขั้น เพราะสเปกที่ไม่ด้อยกว่ามือถือเรือธง และความทนทานของข้อพับที่แข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม แต่ Mate Xs ก็ยังมีข้อด้อยอยู่ในด้านความหนาในโหมดมือถือ กับฟังก์ชั่นกันน้ำที่ยังทำได้ไม่เท่ามือถือเรือธงทั่วไป และอีกจุดหนึ่งที่สำคัญก็คือ ไม่มี Google Mobile Services และราคาที่พุ่งไปถึง 89,990 บาท ทำให้ Mate Xs อาจจะเหมาะกับผู้ที่มีใจรักใน Huawei และเทคโนโลยีใหม่จริงๆ
# กลุ่มอดีตพนักงาน Facebook ชี้ นิ่งเฉยต่อโพสต์ทรัมป์คือความขี้ขลาด ขอให้ทบทวนใหม่ กลุ่มอดีตพนักงาน Facebook ที่อยู่มาตั้งแต่ยุคแรกๆ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ต่อกรณีที่ Facebook นิ่งเฉยต่อโพสต์ที่ส่อไปในทางส่งเสริมความรุนแรงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน. สหรัฐฯ โดยมีคนลงนามราว 34 คน โดยเนื้อหาในจดหมายขอให้มาร์ค และผู้บริหารในบริษัททบทวนมาตรการเสียใหม่ เริ่มจากพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงจากโพสต์นักการเมือง และติดป้ายกำกับว่าเป็นเนื้อหาอันตรายให้ชัดเจน ในฐานะที่พวกเขาเคยทำงานที่ Facebook และร่วมสร้างมาตรฐานชุมชนที่สนับสนุนการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการแสดงออก เว้นแต่มันจะก่อให้เกิดอันตรายตามมา แม้พวกเขาจะไม่ใช่คนที่ทำงานใน Facebook อีกต่อไปแล้ว แต่พวกเขาก็ภูมิใจในสิ่งที่สร้างมา และไม่คิดปฏิเสธความรับผิดชอบ จึงต้องออกมาพูด เริ่มจาก Facebook บอกว่าจะไม่ทำตัวเป็นผู้ตัดสินข้อเท็จจริง ไม่เซนเซอร์คำพูดนักการเมือง สิ่งนี้ขัดกับหลักการที่ Facebook ที่อ้างว่าจะมอบกระบอกเสียงให้ประชาชน เพราะกลายเป็นว่ามันไปมอบกระบอกเสียงให้คนมีอำนาจแทน ซึ่งไม่ใช่จุดยืนเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก แต่แสดงถึงความขี้ขลาด การโพสต์ของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่เพียงแต่คุกคามและส่งเสริมความรุนแรงของรัฐต่อประชาชน แต่ยังส่งสัญญาณไปยังผู้คนนับล้านที่รับการชี้นำจากประธานาธิบดี ซึ่งการนิ่งเฉยนี่ไม่ใช่ความคิดที่เป็นกลาง การตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ใช่การเซ็นเซอร์ การปิดป้ายโพสต์ที่เรียกร้องความรุนแรงไม่ใช่อำนาจนิยม กลุ่มอดีตพนักงาน Facebook จึงเรียกร้องให้พิจารณามาตรการต่อโพสต์ของนักการเมืองเสียใหม่ อ่านเพิ่ม ทรัมป์ออกคำสั่งบริหารละเว้นกฎคุ้มครองโซเชียลมีเดีย ภายในวันเดียวหลังโดนทวิตเตอร์แปะป้าย fact-check โดนไปอีกโพสต์ ทวิตเตอร์ซ่อนโพสต์ของทรัมป์ ด้วยเหตุผลสนับสนุนความรุนแรง Facebook ยืนยัน ไม่ลบ-ซ่อนโพสต์ของ Trump แบบเดียวกับ Twitter เพราะไม่ผิดกฎ ที่มา - The New York Times
# ซีอีโอ Broadcom เผย iPhone รุ่นใหม่ปีนี้จะประสบปัญหาดีเลย์ Hock Tan ซีอีโอของ Broadcom ซัพพลายเออร์ชิปไร้สายของแอปเปิลเปิดเผยกับนักลงทุนว่า ผลิตภัณฑ์หลักที่ออกตามรอบของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของอเมริกาเหนือจะประสบปัญหาดีเลย์ ซึ่งชื่อดังกล่าว (ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของอเมริกาเหนือ) Tan มักใช้เรียกแอปเปิลเป็นปกติอยู่แล้ว ตามปกติผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอย่างแอปเปิล จะสั่งชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ล่วงหน้าก่อนการผลิตและการเปิดตัว ขณะที่ไทม์ไลน์การเปิดตัว iPhone ปกติคือราวเดือนกันยายน ทำให้ในช่วงไตรมาสนี้ Broadcom จะต้องเริ่มได้รับออเดอร์จากแอปเปิลแล้ว ทว่าปีนี้ Tan เผยว่ายังไม่มีออเดอร์เลย ปัญหาดีเลย์ดังกล่าวหนีไม่พ้นเป็นผลมาจาก COVID-19 โดยเฉพาะจากการที่วิศวกรแอปเปิลไม่สามารถเดินทางไปจีนได้ โดย Tan ระบุด้วยว่า Broadcom ก็จะได้รับผลกระทบเรื่องรายได้ไปด้วย ที่มา - Bloomberg ภาพจาก Shutterstock
# Facebook เริ่มแปะป้ายให้รู้ ถ้าโพสต์นั้นๆ มาจากสื่อของรัฐ หรือสนับสนุนโดยรัฐ Facebook เริ่มแปะป้ายกำกับให้รู้ หากโพสต์นั้นๆ มาจากสำนักข่าว, สื่อของรัฐ รวมถึงโฆษณาด้วยเพื่อความโปร่งใส และเพื่อรับมือการเลือกตั้งสหรัฐฯ เบื้องต้นตัวป้ายจะแสดงให้เห็นบนหน้าฟีดเฉพาะในสหรัฐฯก่อน และแสดงให้เห็นทั่วโลกบนหน้าเพจของผู้ผลิตเนื้อหา, Ad Library Page view และ Page Transparency และจะเริ่มแปะป้ายให้สำนักข่าวหรือผู้ผลิตเนื้อหาบางราย และจะค่อยๆ เพิ่มรายชื่อเข้ามาเรื่อยๆ ในการพิจารณาว่าโพสต์ไหน หรือผู้ผลิตเนื้อหารายใดเป็นของรัฐหรือได้รับการสนับสนุนจากรัฐนั้น Facebook ได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญและองค์กรที่เกี่ยวข้องภายนอก และดูจากปัจจัยหลายอย่างเพื่อพิจารณืว่าผู้ผลิตเนื้อหาเข้าเกณฑ์ได้รับการสนับสนุนจากรัฐหรือไม่ เช่น โครงสร้างเจ้าของ คณะผู้บริหารมีผู้ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลหรือไม่, แหล่งเงินทุนและรายได้, ความหลากหลายของที่มาแหล่งข่าว เป็นต้น หากมีสำนักข่าวใดที่ถูกแปะป้ายทั้งที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ก็สามารถส่งคำร้องเรียนได้ ที่มา - Facebook
# เยอรมนีเตรียมบังคับให้ปั๊มน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศ ติดตั้งแท่นชาร์จรถไฟฟ้า เยอรมนีเตรียมผลักดันและสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศไปอีกขั้น ด้วยการกำหนดให้ปั๊มน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศ ต้องติดตั้งแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อกระตุ้นดีมานด์ของรถยนต์ไฟฟ้าและแก้ปัญหาเรื่องสถานีชาร์จ แผนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกู้เศรษฐกิจของเยอรมนีมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านยูโร โดยนอกจากสถานีชาร์จแล้ว รัฐบาลยังช่วยออกเงินสนับสนุนให้ผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและเพิ่มภาษีรถยนต์สันดาปขนาดใหญ่อย่าง SUV ที่ปล่อยมลพิษปริมาณมากด้วย จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนีถือว่าค่อนข้างน้อย ข้อมูลจากกรมการขนส่งของเยอรมนีชี้ว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่มาจดทะเบียนรถใหม่มีเพียง 3.3% เท่านั้น ขณะที่ทั้งปี 2019 จำนวนรถไฟฟ้าที่ยื่นจดทะเบียนมีเพียงไม่ถึง 2% เท่านั้น โดยประธานบริษัทด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของพลังงานสะอาดมองว่า สาเหตุที่รถไฟฟ้าขายได้น้อย เพราะผู้คนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเรื่องระยะทางที่รถไฟฟ้าจะวิ่งได้ ซึ่งการสนับสนุนให้ปั๊มน้ำมันที่เปิด 24 ชม. มีแท่นชาร์จน่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ไปได้ ที่มา - Reuters ภาพจาก Shutterstock
# Signal เพิ่มตัวเลือกเบลอหน้าคนในเครื่องมือปรับแต่งรูป Signal แอปแชทที่เน้นความเป็นส่วนตัวประกาศออกฟีเจอร์เบลอหน้าคน ในเครื่องมือปรับแต่งรูป เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวให้กับคนในรูปที่ส่งหาคู่สนทนา โดย Signal บอกว่ากระบวนการตรวจจับใบหน้าของแอปเพื่อเบลอหน้าเกิดขึ้นในเครื่องทั้งหมด ฟีเจอร์ใหม่นี้มาพร้อมกับแอป Signal เวอร์ชันล่าสุดบน iOS และ Android ที่มา - Signal
# Epic Games Store แจก Overcooked ฟรีถึง 11 มิถุนายนนี้ ผิดไปจากที่หลุดเล็กน้อย เมื่อกำหนดการแจกเกมฟรีของ Epic Games Store วันนี้ควรจะเป็น Ark Survival Evolved ทว่ากลายเป็นเกม Co-op บ้านแตกอย่าง Overcooked แทน Overcooked มีกำหนดแจกฟรีถึงวันที่ 11 มิถุนายนนี้เวลา 4 ทุ่ม ขณะเดียวกัน Epic ก็ยังมีกำหนดปล่อยเกมฟรีอยู่ในสัปดาห์หน้า ซึ่งก็อาจจะเป็น Ark Survival Evolved ที่หลุดมาก็ได้ ที่มา - Epic Games Store
# ชื่อรุ่น Galaxy Note 20 Ultra โผล่บนฐานข้อมูล Bluetooth SIG ยืนยันมีรุ่น Ultra ด้วย ซัมซุงอาจไม่ประสบความสำเร็จมากนักกับ Galaxy S20 Ultra เพราะกล้องที่เป็นจุดขายหลัก ยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร มีปัญหาหลายอย่าง แต่บริษัทก็ดูจะไม่ยอมแพ้กับการออกเรือธงระดับ Ultra เพราะล่าสุดมีข้อมูลของ Galaxy Note 20 Ultra โผล่ขึ้นมาบนฐานข้อมูลของ Bluetooth SIG ว่ารองรับ Bluetooth 5.0 แล้ว (ล่าสุด URL นี้เข้าไม่ได้แล้ว) ตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลอื่นใด นอกจากรหัสรุ่น SM-N986U และชื่อรุ่นว่า Galaxy Note 20 Ultra เท่านั้น ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่า ซัมซุงจะออก Galaxy Note 20 เพียงสองรุ่นคือ รุ่นหน้าจอปกติ และรุ่นจอใหญ่ Note 20+ ที่มา - XDA สามพี่น้อง Galaxy S20
# Slack ไตรมาสที่ผ่านมา มีลูกค้าแบบเสียเงินเพิ่มขึ้น 12,000 ราย ผลจากคนทำงานที่บ้านมากขึ้น Slack รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นเดือนเมษายน รายได้รวมเพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 201.7 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 74.4 ล้านดอลลาร์ จำนวนลูกค้าแบบเสียเงินเพิ่มขึ้นเป็น 122,000 ราย โดยเพิ่มมาในไตรมาสนี้ 12,000 ราย และมีลูกค้ารายใหญ่ (จ่ายมากกว่า 1 แสนดอลลาร์ต่อปี) ถึง 963 ราย ทั้งนี้ Slack ไม่ได้เปิดเผยจำนวนผู้ใช้งาน แต่เคยประกาศว่ามีจำนวนผู้ใช้งานพร้อมกันสูงสุด 12.5 ล้านคน จากจำนวนหน่วยงานที่ใช้งานทั้งแบบฟรีและเสียเงินรวมกันกว่า 750,000 ราย Stewart Butterfield ซีอีโอ Slack เผยว่าผลกระทบจากไตรมาสที่ผ่านมาทำให้ Slack เติบโตสูงสุด ทั้งมองว่าวิธีการทำงานของผู้คนจะเปลี่ยนไป ซึ่งตอนนี้ยังเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ที่มา: Slack และ ZDNet
# เผย Amazon กำลังเจรจาซื้อหุ้น Bharti Airtel ผู้ให้บริการมือถือเบอร์ 3 ของอินเดีย สำนักข่าว Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เผยว่า Amazon อยู่ในขั้นต้นของการเจรจาเพื่อซื้อหุ้นใน Bharti Airtel ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับ 3 ของอินเดีย โดยมูลค่าหุ้นที่จะซื้อนั้นสูงถึงกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นราว 5% อินเดียกลายเป็นตลาดที่มาแรงจนบริษัทจากอเมริกาหลายแห่งเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในหมวดผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นการประกาศลงทุนใน Jio ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย นำโดย Facebook และตามด้วยกองทุนอีกหลายแห่ง ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานว่ากูเกิล ก็สนใจลงทุนใน Vodafone Idea ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่อันดับ 2 ของอินเดียเช่นกัน ตัวแทนของทั้ง Amazon และ Bharti Airtel ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่มา: Reuters ภาพ Facebook: Airtel India
# จีนประกาศความสำเร็จตรวจ COVID-19 ประชากรเมืองอู่ฮั่นเกือบสิบล้านคน พบผู้เป็นพาหะนำเชื้อไม่มีอาการ 300 คน จีนประกาศความสำเร็จในการตรวจ COVID-19 ให้กับประชากรเมืองอู่ฮั่น รวม 9.89 ล้านคน โดยระบุว่าเป็นมาตรการป้องกันการระบาดรอบที่สอง หลังจากเมืองอู่ฮั่นต้องปิดการเดินทางเข้าออกและการเดินทางในเมืองไปนานนับเดือน และพบผู้ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการรวม 300 คน กระบวนการตรวจหาเชื้ออาศัยเทคนิค pool testing ที่อาศัยการรวมตัวอย่างจากหลายๆ คนเข้าตรวจเชื้อพร้อมๆ กัน หากหลอดตัวอย่างใดพบเชื้อก็จะตรวจตัวอย่างรายคนซ้ำ ขณะที่หลอดตัวอย่างที่ไม่พบเชื้อจะถือว่าทุกคนในกลุ่มไม่พบเชื้อได้เลยทั้งหมด โดยทางการจีนไม่ได้เปิดเผยว่าการตรวจคนมากถึงสิบล้านคนเช่นนี้มีการรวมตัวอย่างทีละกี่คน แนวทางการรวมตัวอย่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจเป็นวงกว้างนี้ สสวท เคยเสนอไว้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่าน ที่มา - CGTN
# ราวกับคนละบริษัทกับที่ผลิตวินโดวส์ Visual Studio สรุปการรองรับลินุกซ์: เชื่อมต่อ gdbserver, รองรับ CMake, เชื่อมต่อ SSH Visual Studio 2019 16.7 Preview 2 ที่ปล่อยมาวันนี้ นอกจากการรองรับการทดสอบโค้ดบน Kubernetes แล้ว ยังปรับปรุงการพัฒนาซอฟต์แวร์บนลินุกซ์ชุดใหญ่ ทางไมโครซอฟท์ก็เขียนบล็อคแสดงแนวทางการพัฒนา Visual Studio อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการรองรับการพัฒนาซอฟต์แวร์บนลินุกซ์เต็มรูปแบบ ด้วยแนวทาง 3 แนวทาง คือการรองรับ CMake บนลินุกซ์, การเชื่อมต่อ gdbserver, และการปรับปรุงการเชื่อมต่อ SSH การรองรับ CMake บนลินุกซ์เริ่มรองรับตั้งแต่ Visual Studio 2019 version 16.6 Preview 3 ผ่านเอนจิน Ninja ข้อดีของมันคือทำงานได้เร็ว กระบวนการ build โครงการขนาดใหญ่ๆ อาจจะเร็วขึ้นถึงสามเท่าตัว ส่วน gdbserver นั้นรองรับตั้งแต่ Visual Studio 2019 version 16.6 Preview 2 โดยการรองรับนี้ Visual Studio สามารถแสดงผลจาก stdout และ stderr ได้ถูกต้อง ปิดการทำงาน gdbserver จากตัว IDE ได้ สุดท้ายคือการปรับปรุงการเชื่อมต่อ SSH ที่เพิ่งปล่อยออกมาใน Visual Studio 2019 16.7 Preview 2 รองรับการแก้ไขข้อมูลการเชื่อมต่อในกรณีที่เครื่องเปลี่ยนหมายเลขไอพี พร้อมกับสามารถอ้างตัวแปรการเชื่อมต่อ SSH ในไฟล์คอนฟิกได้ ที่มา - Microsoft Dev Blog
# Visual Studio เพิ่มฟีเจอร์ Local Process with Kubernetes รัน Microservice บนเครื่องโปรแกรมเมอร์เพื่อความง่ายในการดีบั๊ก ไมโครซอฟท์ปล่อย Visual Studio 2019 16.7 Preview 2 โดยมีฟีเจอร์น่าสนใจคือ Local Process with Kubernetes เป็นการโยก microservice ชิ้นที่กำลังพัฒนาอยู่มารันบนเครื่องนักพัฒนาเอง แต่ยังคงสามารถทดสอบร่วมกับ microservice อื่นๆ บนคลัสเตอร์ Kubernetes ได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดระยะเวลาการทดสอบโค้ดใหม่ จากเดิมที่นักพัฒนาจะต้องสร้างอิมเมจใหม่ไปวางบนรีจิสตรี แล้ว deploy ขึ้นคลัสเตอร์เพื่อทดสอบโค้ด มาเป็นการรันโค้ดบนเครื่องนักพัฒนาโดยตรง แล้วโยก Service ตัวที่กำลังพัฒนาอยู่มารันบนเครื่องแทน โดยมีเงื่อนไขว่าการพัฒนาแบบนี้ Service ที่ใช้งานต้องมี Pod เดียวเท่านั้น นอกจากความสะดวกในแง่ความรวดเร็ว ความง่ายในการพัฒนาดีบั๊กด้วยbreakpoint ก็ทำได้ด้วย ฟีเจอร์อื่นของ Visual Studio 2019 16.7 Preview 2 เช่น การจัดการการเชื่อมต่อ SSH, แสดงลิงก์ไปยังเอกสารที่เกี่ยวข้องเมื่อแสดงความผิดพลาดของโค้ด, ตัว merge โค้ดใหม่ช่วยสำรวจ conflict ระหว่าง branch ของ Git ที่มา - Microsoft Dev Blog 1, 2
# SpaceX ยิง Starlink เพิ่ม 60 ดวง ทดสอบดาวเทียมแบบมีม่านบังแสง VisorSat ดวงแรก หลังจาก SpaceX ส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติได้ไม่กี่วัน ก็กลับมาเดินหน้าภารกิจส่งดาวเทียม Starlink สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตต่อไป โดยยังคงส่งชุดละ 60 ดวงเช่นเดิม แต่รอบนี้มีดาวเทียมทดสอบ VisorSat ขึ้นไปด้วยอีกหนึ่งดวง VisorSat เป็นการทดลองแก้ปัญหาแสงสะท้อนจากดาวเทียม Starlink ที่รบกวนการทำงานของนักดาราศาสตร์ โดยทาง SpaceX พยายามลดแสงจากดาวเทียมด้วยวิธีการต่างๆ ตั้งแต่การทดสอบทาสีให้มืดลง หรือ DarkSat ที่พบปัญหาว่าสีที่ดำมืดทำให้ตัวดาวเทียมร้อนขึ้นและกลับสะท้อนแสงบางย่าน เช่นอินฟราเรด การทดสอบ VisorSat อาศัยม่านบังแสง (visor) สีดำที่จะบังไม่ได้แสดงเข้าไปถึงตัวดาวเทียม ทาง SpaceX ระบุว่าดาวเทียมชุดต่อๆ ไปจะเป็น VisorSat ทั้งหมด หลังจากยิงดาวเทียมที่สร้างมาก่อนหน้า 80 ดวงไปหมดแล้ว ซึ่งถ้ารวมที่ยิงรอบนี้ รอบหน้าก็น่าจะเป็น VisorSat เกินครึ่ง ภารกิจยิงดาวเทียม Starlink ครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี และรับจรวด Falcon 9 กลับสู่พื้นโลกโดยไม่มีปัญหา รอบนี้สัญญาณถ่ายทอดสดไม่ขาดหายระหว่างจรวดลงจอด สามารถไปชมได้ในวิดีโอท้ายข่าว ที่มา - Space.com แผนภาพ VisorSat จาก SpaceX
# เปิดตัว Huawei Mate Xs มือถือจอพับ ไม่มี GMS ราคาไทย 89,990 บาท วันนี้ Huawei ประเทศไทย เปิดตัว Huawei Mate Xs มือถือจอพับรุ่นที่สองต่อจาก Huawei Mate X หน้าจอเป็น OLED แบบ FullView Display ด้านหน้า 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2480 x 1148 พิกเซล ด้านหลัง 6.38 นิ้ว ความละเอียด 2480 x 892 พิกเซล เมื่อกางออกจะเป็นหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด 2480 x 2200 พิกเซล พร้อมข้อต่อที่ Huawei เรียกว่า Falcon Wing ทำจากวัสดุ Zirconium แข็งแรงกว่า Titanium 30% ส่วนหน้าจอเป็น Double Layer Optical Polyimide ที่ทนทานและมีราคาแพงกว่าทองคำถึงสามเท่า Huawei Mate Xs ใช้ชิป Kirin 990 รองรับ 5G แรม 8GB + หน่วยความจำภายใน 512GB แบตเตอรี่ 4,500mAh รองรับชาร์จไว Huawei SuperCharge 55W รันบน EMUI 10 บนพื้นฐาน Android 10 ไม่มี Google Mobile Services แต่เป็น Huawei Mobile Services เช่นเคย กล้องเป็นแบบ 4 กล้องจาก Leica ประกอบด้วย กล้องหลัก 40MP (f/1.8) เลนส์อัลตร้าไวด์ 16MP (f/2.2) เลนส์เทเลโฟโต้ 8MP (f/2.4, OIS) เลนส์ HUAWEI Time-of-Flight (TOF) มีกันสั่น OIS+AIS ทำ Optical zoom ได้ 3 เท่า, Digital zoom ได้ 30 เท่า ซูมแบบ Hybrid ได้สูงสุด 45 เท่า HUAWEI Mate Xs วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 89,990 บาท ที่ Huawei Experience Store ทั้ง 21 สาขา แถมเคสหนัง Premium Leather Case, Folding Protective Case, และบริการ Exclusive Services มูลค่ารวม 21,990 บาท ที่มา - Huawei Live
# Realme X3 เปิดราคาไทย 19,990 บาท Snapdragon 855+, จอ 120Hz, ซูมไฮบริด 60X Realme ประกาศราคาวางขายในไทยของ Realme X3 มือถือซูม 60 เท่า พลัง Snapdragon 855+ และจอ 120Hz ที่ 19,990 บาท เริ่มวางขายในไทย 6 มิถุนายนนี้ Realme X3 เป็นมือถือเรือธงของ Realme ประจำปีนี้ โดยให้แรม 12GB, กล้องหลังหลัก 64MP ใช้เลนส์ซูม Periscope ได้ซูมออปติคอล 5 เท่า และไฮบริดซูม 60 เท่า นอกจากนี้ Realme ยังประกาศวางขายนาฬิกาอัจฉริยะ Realme Watch ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือน หน้าจอ 1.4 นิ้ว วัดการเต้นของหัวใจได้ ใช้ OS ของ Realme เอง ราคา 2,499 บาท
# Tobii เปิดตัว Pro Glasses 3 แว่นจับการเคลื่อนไหวดวงตา ทรงแว่นตาทั่วไป Tobii ผู้ผลิตอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวของดวงตา (eye-tracking) ที่เคยร่วมมือกับ HTC ผลิต HTC Vive Pro Eye แว่น VR ที่มีฟังก์ชั่นตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตาว่ากำลังมองอะไรอยู่ และใช้ในการปรับการแสดงผลในเกม เช่น UI บอกพลังชีวิตที่จะหายไปและปรากฎขึ้นมาใหม่เมื่อผู้เล่นเหลือบตาไปมอง และยังอาจสามารถใช้ประโยชน์ในด้านอื่นได้ เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Tobii Pro Glasses 3 Tobii Pro Glasses 3 เป็นแว่นตา eye-tracking รุ่นที่ 3 ของ Tobii มีขนาดเท่าแว่นตาทั่วไปและมีความแม่นยำสูงกว่ารุ่นก่อน โดยมีกล้องตรวจจับดวงตา 4 ตัว และมีไฟอินฟราเรด 16 ดวงอยู่ในเลนส์ โดยไม่บดบังการมองเห็นของผู้ใช้จนเกินไป มีกล้องมุมกว้างบันทึกภาพด้านนอก และสามารถใส่ควบคู่กับหมวกกันน็อกได้แล้ว (รุ่นก่อนจะมีอุปกรณ์ยื่นมาบนขาแว่น ทำให้สวมหมวกกันน็อกได้ลำบากพอสมควร) Tobii Pro Glasses 3 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรเท่านั้น เช่นการนำไปปรับกับธุรกิจสื่อโฆษณาที่ต้องการตรวจจับการขยับของดวงตาผู้ใช้ หรือทดสอบการมีปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์ต้นแบบต่างๆ เช่นหน้าจอแสดงผลบนกระจกรถยนต์ หรือสำหรับผู้จัดการโรงงาน ใช้ติดตามการทำงานของพนักงาน เพื่อความปลอดภัย (แต่ในกรณีหลังนี้ น่าสนใจว่าจะมีปัญหาละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือไม่) หรือใช้ในการทดลองต่างๆ ในวงการวิทยาศาสตร์ Tobii Pro Glasses 3 วางจำหน่ายให้กับบริษัทต่างๆ แล้ววันนี้ ส่วนราคาต้องติดต่อสอบถามไปยังทีมเซลของ Tobii โดยตรง ที่มา - VentureBeat
# ปีหน้ามาแน่! CES 2021 ยืนยันจัดอย่างแน่นอน พร้อมมาตรการป้องกัน COVID-19 Consumer Technology Association (CTA) ผู้จัด CES ยืนยันผ่านเว็บไซต์ว่าปีหน้าพร้อมจัด CES 2021 วันที่ 6-9 มกราคม 2021 ที่ Las Vegas อย่างแน่นอน พร้อมทั้งเผยมาตรการเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น การขอให้ผู้ร่วมงานสวมหน้ากากอนามัย, ใช้ระบบ Cashless เพื่อลดการสัมผัส, จัดพื้นที่ในงานให้สอดคล้องกับมาตรการ Social Distancing, ทำความสะอาดสถานที่จัดงานอย่างสม่ำเสมอ, เตรียมทีมแพทย์เพื่อดูแลผู้ที่มาร่วมงาน ฯลฯ นอกจากนี้ CTA ยังจะมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมภายในงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ไวรัสที่เกิดขึ้น โดยจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทราบในภายหลัง ที่มา - CES
# iPhone ที่ถูกขโมยจากเหตุประท้วงในสหรัฐ จะถูกล็อกและติดตามได้โดย Apple เหตุการณ์การประท้วงกรณีของ George Floyd ในสหรัฐ ทำให้เกิดการขโมยของจากร้านค้าต่างๆ ซึ่ง Apple Store ในเมืองที่มีการประท้วง ก็เป็นหนึ่งในร้านค้าที่ถูกขโมยของไปด้วย ทำให้ Apple Store ทั่วสหรัฐที่เพิ่งเปิดหลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ต้องกลับมาปิดอีกครั้ง แต่หลังจากนั้น ก็เริ่มมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ ทวีตว่า iPhone ที่ถูกขโมยมา หรือซื้อต่อมานั้น ไม่สามารถใช้งานได้ พร้อมขึ้นข้อความบอกให้นำ iPhone ไปคืนที่ร้าน โดยตัวเครื่องจะถูกติดตาม และ Apple จะแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐในท้องที่อีกด้วย Apple เคยใช้ระบบความปลอดภัยคล้ายกันกับเครื่องตั้งโชว์ในร้านมาก่อนแล้ว โดยเครื่องตั้งโชว์จะมี OS เวอร์ชั่นพิเศษ ที่จำกัดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเช่นไม่ให้ตั้งพาสเวิร์ดล็อกหน้าจอได้ และมีตัวล็อกที่ทำให้เครื่องไม่สามารถใช้งานได้ หากถูกนำออกไปจากระยะ Wi-Fi ของร้าน การป้องกันการโจรกรรม ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ Apple ทำ ในกรณีการประท้วงนี้ โดยก่อนหน้านี้ Tim Cook ได้ออกจดหมายแสดงความเห็นใจในปัญหาการเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐ และจะทำการบริจาคให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาทางมนุษยชน และการเหยียดผิว พร้อมกับสมทบเงินบริจาคของพนักงานให้อีกสองเท่าในเดือนมิถุนายนอีกด้วย ที่มา - Ars Technica
# พลาดหนัก! Facebook และ Instagram บล็อก #sikh ด้วยความผิดพลาด ล่าสุดปลดบล็อกแล้ว Facebook และ Instagram ปลดบล็อก #sikh แล้วหลังจากบล็อกแฮชแท๊กดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน พร้อมทั้งขออภัยผู้ที่นับถือศาสนาซิกข์ในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น Facebook และ Instagram ทวิตข้อความผ่าน @InstagramComms ว่าได้บล็อก #sikh ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับแจ้งเกี่ยวกับแฮชแท็กดังกล่าว จึงทำให้ทีมงานบล็อกโดยมิได้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน และเมื่อได้รับแจ้งถึงข้อผิดพลาดดังกล่าวในวันพุธที่ผ่านมา ทางทีมงานก็ได้ปลดบล็อก #sikh บน Instagram ทันที และทำการปลดบล็อกแฮชแท๊กเดียวกันบน Facebook ในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา Facebook และ Instagram ขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่นับถือศาสนาซิกข์ และจะระวังไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นซ้ำอีก เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นความผิดพลาดครั้งที่สองในสัปดาห์นี้ หลังจากระบบตรวจจับสแปมของ Instagram บล็อกไม่ให้ผู้ใช้งานบางส่วนเข้าถึง #blacklivesmatter ที่มา - Engadget , Twitter
# ดีแทคเปิดตัวห้องเรียนเด็กล้ำ หลักสูตรออนไลน์เรียน AI, ความเป็นส่วนตัว, cyberbullying ฯลฯ ดีแทคเปิดตัวแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ในทักษะเทคโนโลยีในชื่อว่า "ห้องเรียนเด็กล้ำ" มีบทเรียนเกี่ยวกับ AI, การสร้าง data visualization, บทเรียนที่เน้นสร้างความเข้าใจและหาวิธีรับมือกับภัยร้ายในโลกออนไลน์ เป็นต้น ลงทะเบียนเข้าเรียนผ่าน learn.safeinternet.camp หลักสูตรในห้องเรียนเด็กล้ำมี 2 ส่วนหลัก ดังนี้ ส่วนแรกคือ หลักสูตรการสร้างทักษะในการแยกแยะภัยในโลกออนไลน์ผ่านระบบการคิดเชิงวิพากษ์ และวิธีรับมืออย่างเป็นระบบ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติตนที่เหมาะสมในโลกออนไลน์ Online Privacy & Sexual abuse เรียนรู้เรื่องลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล ความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล เรียนรู้เรื่องการละเมิดและแสวงหาประโยชน์ทางเพศ Diversity Respect to Stop Cyber Bullying เริ่มต้นจากการทำแบบสอบถาม เพื่อให้เข้าใจถึงความหลากหลายในสังคม จนเกิดทัศนคติที่ดีต่อความแตกต่าง เกิดความเคารพและยั้งคิดก่อนที่จะกลั่นแกล้งผู้อื่นให้เกิดความอับอายหรือเสียหาย โดยหลักสูตรนี้เป็นผลมาจากการวิจัยและศึกษาของดีแทคเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งล้อเลียนในโลกไซเบอร์ในกลุ่มเด็กนักเรียนในระดับมัธยมต้น – ปลายที่พบว่า กลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อในการกลั่นแกล้งรังแกมากที่สุดคือ นักเรียนที่เป็น LGBTQ เรื่องที่ล้อเลียนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวความแตกต่าง โดยเฉพาะความแตกต่างทางเพศ โดยงานวิจัยดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นว่า เยาวชนที่เป็น LGBTQ กว่า 80% เคยถูกล้อเลียน โดยเฉลี่ยจะถูกกระทำสัปดาห์ละครั้งและสถานที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ก็คือ ห้องเรียนของเด็กเอง Anatomy of Fake News เรียนรู้ความหมายและองค์ประกอบต่างๆ ของข่าวปลอม วิธีและเครื่องมือที่สามารถใช้ในการแยกแยะ และระบุข่าวปลอม ส่วนที่ 2 คือ หลักสูตรที่สอนให้เยาวชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญ เช่น แชทบอท, ปัญญาประดิษฐ์, การแสดงผลข้อมูลด้วยภาพ (Data Visualization) เทคนิคการเล่าเรื่อง (Story Telling) และการสร้างบอร์ดเกม เป็นต้น ดีแทคมีแผนที่จะนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์สำหรับบุคลากรครูและอาจารย์ที่ทำหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่นักเรียนที่มีความเสี่ยงหรือกำลังประสบกับภัยออนไลน์ ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# หลุดภาพ dongle ใหม่ของ Google ที่มี Android TV ในตัว มาพร้อมรีโมท โค้ดเนม Sabrina หลุดมาหลายรอบกับข่าวลือ Chromecast รุ่นใหม่ ที่น่าจะรองรับ Android TV มีรีโมท และน่าจะใช้แบรนด์ Nest ล่าสุด XDA ได้ภาพและวิดีโอโปรโมทของของ dongle ตัวใหม่ที่จะเป็นตัวต่อของ Chromecast มีโค้ดเนมว่า Sabrina ยังคงมีลักษณะเป็น dongle อยู่เหมือนเดิม แต่มีขนาดใหญ่ขึ้น มี 3 สีคือสีขาว, สีดำและสีชมพูอ่อน (ออกสีเนื้อ) มีรีโมทแยกสีขาว มีไมโครโฟน พร้อมปุ่ม Google Assistant ตามข่าวลือ Android TV ที่อยู่บน Sabrina มีการปรับปรุง UI ที่เน้นคอนเทนท์ภาพยนตร์และซีรีส์มากขึ้น เป็นเหมือนฟีดแสดงภาพยนตร์จากผู้ให้บริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix หรือ HBO Go และสามารถกดดูได้เลยโดยตรง รองรับการเชื่อมต่อและแสดงผลกับอุปกรณ์ Nest อย่างเช่นกล้องหน้าประตูบ้าน ส่วนราคาของ Sabrina ที่หลุดมาคาดว่าจะอยู่ที่ราว 80 เหรียญ (ราว 2,500 บาท) แพงกว่า Chromecast Ultra ที่ตอนนี้อยู่ที่ 69 เหรียญอยู่เล็กน้อย ที่มา - XDA
# Xiaomi ขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในไทย Q1/20 Xiaomi ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งทางตลาดเป็นอันดับหนึ่งในไทยด้วยสัดส่วน 16.2% และมียอดขายมือถือถึง 691,000 เครื่อง เพิ่มขึ้นจาก 629,000 เครื่องในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ตามการสำรวจของบริษัทวิจัยตลาด Gartner อันดับถัดมาเป็น Oppo ที่ 12.6%, Vivo ที่ 12.5%, Samsung 9.9% และ Apple อยู่อันดับท้ายสุด ที่ 7.2% ส่วน Huawei ไม่ติดอันดับท็อป 5 ภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนในไทยมียอดขายลดลงถึง 12.1% เหลือ 4.3 ล้านเครื่อง เทียบกับ 4.8 ล้านเครื่องในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว จากความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดย Xiaomi เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนเจ้าเดียวที่มีการเติบโตในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# Facebook Messenger ปรับมาใช้ Bubble API บน Android 11 Bubbles เป็น API ที่ Google เปิดตัวมาตั้งแต่ Android 10 Beta 2 โดยแต่เดิมยังเป็นตัวเลือก opt-in สำหรับนักพัฒนา แต่ล่าสุดใน Android 11 Dev Preview 1 API ตัวนี้ถูกเปิดให้ใช้งานเป็นดีฟอลต์แล้ว และ Facebook Messenger ก็น่าจะเป็นแอปที่ไม่ใช่ของ Google ตัวแรกที่รองรับ แอป Messenger บน Android 11 Dev Preview จะมีตัวเลือกแสดงผลแบบ Bubbles ในตัวเลือก Notifications แล้ว (โดยไม่ต้องเปิด Developer Option) ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะแสดงผลสำหรับคอนแท็คทุกคนหรือเฉพาะบางคน ในแง่ประสบการณ์ใช้งานแทบไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก โดยหากเครื่องรัน Android 11 ตัว Messenger ก็จะปรับมาใช้ Bubbles API อัตโนมัติ แต่หากเป็น Android 10 ก็จะยังใช้ System Alert Window API ตัวเดิม ที่มา - XDA
# NetApp ซื้อกิจการ Spot บริษัทวิเคราะห์ต้นทุน-ประสิทธิภาพการใช้คลาวด์ NetApp ประกาศซื้อกิจการ Spot บริษัทด้านจัดการระบบคลาวด์และทรัพยากรบนคลาวด์ให้ประหยัดค่าใช้จ่าย โดยไม่เปิดเผยมูลค่า ผลิตภัณฑ์หลักของ Spot เรียกว่า Cloud Analyzer เป็นซอฟต์แวร์วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานคลาวด์ และปรับแต่งวิธีการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (จากทรัพยากรที่จองไว้เกิน หรือจองไว้แต่ไม่ได้รันงานจริง) เพื่อประหยัดค่าคลาวด์ลง สามารถใช้ได้กับคลาวด์ข้ามค่าย ทั้ง AWS, Azure, GCP และเวิร์คโหลดหลายรูปแบบ Spot ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ autoscaling, reserved instance, serverless container ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ NetApp ในช่วงหลังที่เน้นตลาดซอฟต์แวร์คลาวด์มากขึ้น และหันมาทำตลาด Kubernetes เพิ่มเติมจากการขายสตอเรจเพียงอย่างเดียว NetApp ระบุว่าตัวเองมีบริการ cloud data อยู่แล้ว การซื้อ Spot จะช่วยเติมเต็มสายผลิตภัณฑ์ด้าน compute management และ cost optimization เข้ามาด้วย โดย NetApp เรียกวิสัยทัศน์นี้ว่า "Application Driven Infrastructure" (ADI) และจะช่วยขยายโมเดล CI/CD มาเป็น Continuous Optimization (CO) ที่เน้นการปรับแต่งโครงสร้างพื้นฐานให้ดีที่สุดสำหรับแอพพลิเคชันที่มารันบนนั้น ที่มา - NetApp, Spot
# [WSJ] โรคระบาดทำการวางระบบแตะจ่ายรถไฟใต้ดินนิวยอร์กต้องล่าช้าออกไปเป็นธันวาคม 2020 Wall Street Journal รายงานว่า รถไฟใต้ดินนิวยอร์ก มีแผนจะวางระบบแตะจ่ายหรือ contactless ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคมนี้ แต่ COVID-19 ทำให้การวางระบบโครงสร้างต่างๆ ต้องล่าช้าออกไป ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยทางการรถไฟ MTA ต้องระงับแผนการวางระบบ One Metro New York (OMNY) เพราะไม่อยากให้คนทำงานวางระบบเสี่ยงติดเชื้อ และนิวยอร์กเองก็ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงอยู่ MTA เริ่มวางระบบ OMNY มาตั้งแต่เดือน พ.ค. ปีที่แล้ว ตัว OMNY ช่วยให้คนเดินทางใช้อุปกรณ์แตะจ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ นาฬิกา บัตรเครดิตที่รองรับ contactless ไม่ต้องกดซื้อ MetroCard บัตรรถไฟที่ตู้ หรือใช้ MetroCard เสียบรูดที่ทางเข้าชานชาลาอีกต่อไป ภาพจาก OMNY ที่มา - Engadget
# Rancher Labs ซัพพอร์ตระบบสตอเรจ Longhorn เป็นทางการ ตัวซอฟต์แวร์ยังใช้ได้ฟรีต่อไป Rancher Labs ผู้ผลิตดิสโทร Kubernetes ชื่อดังพัฒนาระบบซอฟต์แวร์สตอเรจของตัวเองในชื่อ Longhorn มาตั้งแต่ปี 2017 และเข้าไปอยู่ในความดูแลของ CNCF เมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ทางบริษัทก็ประกาศให้ Longhorn เข้าสู่สถานะ GA พร้อมใช้งานบนโปรดักชั่นและสามารถซื้อซัพพอร์ตกับทาง Rancher ได้ แต่ตัวซอฟต์แวร์ยังคงดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีต่อไป Longhorn ใช้สำหรับการสร้างสตอเรจบน Kubernetes ใดๆ แต่เป็นตัวเลือกที่ติดตั้งได้ง่ายหากใช้กับ Rancher เอง โดยตัวมันมีฟีเจอร์หลักๆ ค่อนข้างครบ ไม่ว่าจะเป็นการทำ snapshot, ขยาย volume, กู้คืน volume ข้ามคลัสเตอร์, อัพเกรดซอฟต์แวร์โดยไม่กระทบโหลดงาน, รองรับการควบคุมทั้ง kubectl และเว็บคอนโซล ตัว Longhorn เองเป็นคู่แข่งกับระบบสตอเรจที่มีอยู่มากในตลาดและหลายบริษัทเป็นพันธมิตรกับ Rancher อยู่ แต่ทาง Rancher ระบุว่า Longhorn จะเป็นตัวเลือกราคาประหยัดและใช้งานได้ง่าย ทำให้องค์กรเริ่มใช้ซอฟต์แวร์จัดการสตอเรจได้ง่ายขึ้น ที่มา - Rancher
# Zoom เวอร์ชันฟรีจะไม่มี end-to-end เผื่อกรณีถูกใช้ในทางที่ผิดและต้องร่วมมือกับ FBI หนึ่งในประเด็นความปลอดภัยที่ Zoom น่าจะกำลังปรับปรุงอยู่คือกระบวนการเข้ารหัสแบบ end-to-end หลังจากที่ซื้อ Keybase ผู้ให้บริการคลาวด์แบบเข้ารหัส end-to-end ไป โดยตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น AES 256-bit GCM แทน TCP/UDP ในแบบเดิม อย่างไรก็ตาม เมื่อ Zoom ปล่อยการเข้ารหัสแบบ end-to-end ออกมาจริง กลุ่มผู้ใช้งานฟรีจะไม่ได้มีกระบวนการเข้ารหัสแบบนี้ โดย Eric Yuan ให้เหตุผลเอาไว้ว่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ Zoom ถูกเอาไปใช้ในทางที่ผิด และเผื่อกรณีที่จำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่าง FBI ตอนนี้ Zoom เจอสารพัดปัญหาในการใช้งานจากผู้ใช้บางรายเช่น hate speech, เนื้อหาที่มีการละเมิดสิทธิเด็ก โดยก่อนหน้านี้ Zoom และแพลตฟอร์มสตรีมวิดีโออื่น ๆ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการ abuse เด็ก ไปจนถึงพฤติกรรมผิดกฎหมายอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม Zoom ยืนยันว่า ไม่ได้คอยสอดส่องการประชุมของผู้ใช้งานและไม่แอบบันทึกการประชุมเอาไว้เองโดยไม่แจ้ง ที่มา - The Next Web, The Verge
# Apple News+ บน iOS 13.5.5 beta มีฟังก์ชั่นอ่านข่าวให้ฟังด้วย Apple News+ คือแอปรวมข่าวสารและนิตยสารในรูปแบบเสียเงินในราคาเดือนละ 9.99 ดอลลาร์ โดยเว็บไซต์ 9to5mac ไปพบว่าใน iOS 13.5.5 เวอร์ชั่น beta นั้น บนแอป Apple News+ มีฟังก์ชั่นอ่านข่าวให้ฟัง โดยจะมีปุ่ม Audio ตรงรูปปกข่าว สามารถกดเข้าไปฟังเนื้อหาทั้งหมดได้ กดข้าม กดหยุด และเลือกระดับความเร็วในการอ่านให้ฟังได้ด้วย สำหรับผู้ใช้งานเสียเงินของ Apple News+ จะได้ฟังข่าวทั้งหใด ผู้ใช้งานทั่วไปจะได้ฟังแค่พรีวิวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีฟังก์ชั่น Audio ในทุกเนื้อหาบน Apple News+ หรือไม่ ที่มา - Engadget, 9to5mac
# Snapchat จะหยุดโปรโมทเนื้อหาของทรัมป์ แต่ไม่ลบหรือแปะป้ายใดๆ บนเนื้อหา ในขณะที่ Facebook และทวิตเตอร์ต่างมีท่าทีชัดเจนเรื่องโพสต์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน. สหรัฐฯ ที่พูดถึงการปราบปรามผู้ประท้วงด้วยการส่งกองกำลัง โดยทวิตเตอร์ชี้ว่ามีเนื้อหาส่งเสริมความรุนแรง ส่วน Facebook มองว่าไม่ผิดกฎแพลตฟอร์ม ล่าสุด Snapchat ก็ออกมาแสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้ ว่าจะไม่โปรโมทโพสต์ของทรัมป์บนแพลตฟอร์ม เท่ากับผู้ใช้งานจะหาโพสต์ของทรัมป์ได้ยากกว่าเก่า เว้นแต่จะค้นหาชื่อของเขาตรงๆ ในขณะเดียวกัน Snapchat จะไม่ลบหรือทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อเนื้อหาโพสต์ของทรัมป์ โฆษก Snapchat ระบุว่า ทางบริษัทจะไม่ขยายเสียงที่ยุยงให้เกิดความรุนแรงและความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ ด้าน Brad Parscale ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ ออกมาโต้ชุดใหญ่ บอกว่า Snapchat พยายามจำกัดการเลือกตั้ง 2020 ใช้เงินทุนของบริษัทอย่างผิดกฎหมายเพื่อส่งเสริม Joe Biden ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครต นอกจากนี้ Snapchat ก็ค่อนข้างจะโปรโมตวิดีโอจลาจลของฝั่งซ้าย และกระตุ้นให้ผู้ใช้งานแอปทำลายประเทศตัวเอง มากกว่าจะช่วยแชร์คำพูดของทรัมป์ในด้านการบริหารประเทศ Snapchat ยังไม่ชอบที่จะให้ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มของตัวเองดูหรืออ่านเนื้อหาจากประธานาธิบดี "ถ้าคุณเป็นอนุรักษ์นิยม เขาจะไม่ฟังคุณ ไม่ต้องการให้คุณอยู่บนแพลตฟอร์ม" Parscale กล่าว อ่านเพิ่ม ทรัมป์ออกคำสั่งบริหารละเว้นกฎคุ้มครองโซเชียลมีเดีย ภายในวันเดียวหลังโดนทวิตเตอร์แปะป้าย fact-check โดนไปอีกโพสต์ ทวิตเตอร์ซ่อนโพสต์ของทรัมป์ ด้วยเหตุผลสนับสนุนความรุนแรง Facebook ยืนยัน ไม่ลบ-ซ่อนโพสต์ของ Trump แบบเดียวกับ Twitter เพราะไม่ผิดกฎ ที่มา - Engadget
# Drupal 9 ออกแล้ว อัพเกรดจาก Drupal 8 มาได้ตรงๆ Drupal ออกเวอร์ชัน 9.0 โดยชูจุดเด่นเรื่อง "อัพเกรดง่าย" สามารถอัพเกรดจาก Drupal 8.x มาได้ตรงๆ เหมือนเป็นเวอร์ชันเดียวกัน ไม่มีปัญหาการย้ายข้อมูลแบบเดียวกับตอน Drupal 7 มาเป็น Drupal 8 หลังจากเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่ตอน Drupal 8 ที่สร้างปัญหาเรื่องการอัพเกรดมากมาย โครงการ Drupal จึงหันมาโฟกัสเรื่องการอัพเกรดข้ามเวอร์ชันให้ง่ายขึ้น โดย Drupal เวอร์ชันใหญ่จะออกบ่อยขึ้น (ทุก 2 ปี Drupal 10 จะออกกลางปี 2022) และจะออกรุ่นย่อยทุก 6 เดือน เพื่อให้มีระยะเวลาชัดเจน (Drupal 9.1 จะออกเดือนธันวาคม 2020) ตัวของ Drupal 9 เองไม่มีฟีเจอร์ใหม่ จริงๆ แล้วมันคือ Drupal 8.9 ที่ อัพเกรดเฟรมเวิร์คโอเพนซอร์ส Symfony จากเวอร์ชัน 3.4 ที่จะหมดระยะซัพพอร์ตในปี 2021 มาเป็นเวอร์ชัน 4.4 ที่ใหม่กว่าเดิม ตัด API เก่าบางตัวออก ซึ่งเป็น API ที่ประกาศเลิกใช้งาน (deprecated) มาแล้วตั้งแต่ Drupal 8 โครงการ Drupal ระบุว่าระบบการออกรุ่นแบบใหม่ ที่รักษาความเข้ากันได้ของรุ่นเก่า (ยกเว้น API ส่วนที่ deprecated ซึ่งจะประกาศล่วงหน้า ไม่มีเซอร์ไพร์ส), รอบการออกรุ่นใหม่ที่คาดเดาระยะเวลาได้, การทดลองฟีเจอร์ใหม่ๆ ผ่านโมดูลหรือธีมที่มีสถานะ experimental (Drupal กำลังจะมีธีมใหม่คือ Claro หลังบ้าน และ Olivero หน้าบ้าน) จะช่วยให้ Drupal เสถียรขึ้น เหมาะกับการใช้งานในระดับองค์กรมากขึ้น หากใช้งาน Drupal 8 อยู่แล้ว ให้อัพเกรดเป็น Drupal 8.8 หรือ 8.9 ก่อน แล้วสามารถอัพเกรดมาเป็น 9.0 ได้ตรงๆ ส่วนเว็บไซต์ที่เป็น Drupal 7 สามารถย้าย (migrate) มาเป็น Drupal 9 ได้เช่นกัน (เพราะ Druapl 9.0 คือ Drupal 8.9) แต่ก็จำเป็นต้อง "เจ็บปวดครั้งหนึ่ง" เช่นเดียวกับการย้ายจาก Drupal 7 เป็น Drupal 8 โครงการ Drupal ระบุว่าโมดูลยอดนิยม 200 ตัวแรก มี 81% ที่ใช้งานกับ Drupal 9 ได้ทันที และโมดูลที่เหลือก็เพียงแต่รอนักพัฒนาอัพเดตตัวไฟล์ info.yml/composer.json เท่านั้น (รายชื่อโมดูลทั้งหมด) ที่มา - Drupal, State of Drupal 9
# ไมโครซอฟท์เริ่มปล่อย Microsoft Edge ตัวใหม่ผ่าน Windows Update แล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศเริ่มปล่อย Microsoft Edge Chromium ให้ผู้ใช้ Windows 10 ผ่าน Windows Update ก่อนหน้านี้ คนที่อยากใช้ Microsoft Edge ตัวใหม่ที่เป็น Chromium ต้องดาวน์โหลดเองเท่านั้น และยังสามารถใช้ Edge ตัวเก่า-ใหม่ควบคู่กันไปได้ ตอนนี้ไมโครซอฟท์จะเริ่มปล่อย Edge ตัวใหม่ผ่าน Windows Update โดยจะมีผลกับ Windows 10 v1803 ขึ้นไป เมื่อติดตั้งแล้ว ข้อมูลใน Edge ตัวเก่าจะถูกย้ายมายัง Edge ตัวใหม่ให้อัตโนมัติ และ Edge ตัวเก่าจะถูกซ่อนไม่ให้มองเห็น (แต่ยังไม่ถูกลบออกจากระบบ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของ OS) ที่มา - Microsoft
# Firefox 77 ออกแล้ว Mozilla ออก Firefox 77 รุ่นเสถียร ซึ่งเวอร์ชันนี้ไม่ค่อยมีของใหม่มากนัก เพิ่มหน้า about:certificate สำหรับแสดงข้อมูลใบรับรองดิจิทัล ขยายเอนจิน WebRender ให้ผู้ใช้บนวินโดวส์มากขึ้น ตอนนี้เริ่มเปิดให้โน้ตบุ๊กที่ใช้จีพียู NVIDIA แล้ว หน้า New Tab เริ่มแสดงบทความแนะนำ Recommended by Pocket เฉพาะผู้ใช้ในสหราชอาณาจักร ที่มา - Mozilla
# เว็บไซต์ Microsoft Q&A เปิดให้ใช้งานจริงแล้ว, มาแทนที่ MSDN และ TechNet Forum เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Microsoft Q&A เว็บไซต์ถาม-ตอบทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับบริการและผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ ซึ่งจะมาแทนที่ MSDN Forum เว็บถาม-ตอบสำหรับนักพัฒนา และ TechNet Forum เว็บถาม-ตอบสำหรับผู้เชี่ยวชาญไอทีเดิม โดยในขณะนั้นตัวเว็บไซต์ใหม่ยังอยู่ในสถานะทดลองใช้งาน (preview) แต่เมื่อกลางเดือนที่แล้ว ไมโครซอฟท์ก็ได้ประกาศให้เว็บไซต์ Microsoft Q&A เข้าสู่สถานะใช้งานจริง (general availability) เป็นที่เรียบร้อย และเริ่มใช้เป็นเว็บไซต์ถาม-ตอบสำหรับบริการ Azure อย่างเป็นทางการ ภาพกระทู้บนเว็บไซต์ Microsoft Q&A เมื่อครั้งเปิดตัว ฟีเจอร์สำคัญที่เพิ่มเข้ามาพร้อมกับการประกาศครั้งนี้ มีดังนี้ Instant answers ฟีเจอร์แนะนำคำตอบจากกระทู้เก่าระหว่างกำลังเขียนคำถามใหม่ ได้รับการปรับปรุงให้การแนะนำครอบคลุมคำตอบจากทั้ง Microsoft Q&A และ MSDN Forum เดิม หน้าโฮมใหม่ แสดงบริการและผลิตภัณฑ์ที่เว็บไซต์ Microsoft Q&A รองรับการตั้งกระทู้ถาม-ตอบ ปรับปรุงโปรไฟล์และการ์ดแสดงข้อมูลผู้ใช้ ช่วยระบุผู้ใช้ที่เป็นพนักงานไมโครซอฟท์และผู้ใช้ที่ได้รับสถานะเป็น Microsoft MVP สำหรับแผนการต่อไปของเว็บไซต์ Microsoft Q&A นอกเหนือจากการย้ายบริการถาม-ตอบของผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากฟอรั่มเดิมมายังเว็บไซต์ใหม่แล้ว ทางไมโครซอฟท์ยังมีแผนที่จะปล่อยฟีเจอร์ใหม่อย่าง private message, draft คำถาม และระบบ badge สำหรับผู้เข้ามาช่วยตอบคำถาม เพิ่มเติมให้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอีกด้วย เข้าชมเว็บไซต์ใหม่ได้ที่ Microsoft Q&A ครับ ที่มา - Microsoft Docs, MSPoweruser
# กองทัพอากาศสหรัฐฯ เริ่มรัน Kubernetes บนเครื่องบินทิ้งระเบิด B-21 Will Roger ผู้ช่วยเลขาธิการกองทัพอากาศสหรัฐฯ โพส LinkedIn แจ้งความคืบหน้าการปรับปรุงซอฟต์แวร์บนเครื่องบินรบ B-21 ที่ปรับรูปแบบซอฟต์แวร์ให้เป็นคอนเทนเนอร์ โดย Northrop Grumman ผู้พัฒนา B-21 เอง โครงการนี้อยู่ภายในโครงการ DevStar ที่เป็นโครงการปรับปรุงซอฟต์แวร์ในกองทัพอากาศเพื่อลดเวลาการปรับปรุงซอฟต์แวร์จากเดิมที่ใช้เวลาหลายเดือนเนื่องจากต้องมีกระบวนการทดสอบความปลอดภัย, ความเหมาะสมต่อการบิน (airworthiness), และความเข้ากันได้กับระบอาวุธ โดย DevStar จะพยายามทดสอบขั้นตอนต่างๆ ให้เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น B-21 เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่อยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะประจำการได้ในปี 2025 ที่มา - The Register
# Sega คืนชีพ Game Gear Micro เครื่องเกมพกพาย้อนยุค ฉลองบริษัทครบรอบ 60 ปี Sega ฉลองครบรอบ 60 ปีของบริษัท (เปิดกิจการปี 1960) ด้วยการออก Game Gear Micro เครื่องเกมย้อนยุคตามสมัยนิยม Game Gear Micro เป็นเครื่องเล่นเกมพกพาขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ (ย่อส่วน Game Gear เดิมให้เล็กลงอีก) มีให้เลือก 4 สี โดยแต่ละสีจะพรีโหลดเกมที่แตกต่างกัน (สีละ 4 เกม) เช่น เครื่องสีดำมีเกม Sonic ภาคแรก, สีน้ำเงินเป็น Sonic & Tails, สีเหลืองเป็นเกมตระกูล Shining Force, สีแดงเป็นเกมตระกูล Megami Tensei: Last Bible เป็นต้น รายชื่อเกมทั้งหมดดูได้จาก Game Gear Micro เครื่อง Game Gear Micro ใช้ถ่าน AAA 2 ก้อน หรือถ้าต้องการเล่นนานกว่านั้น สามารถต่อสาย Micro USB ได้ด้วย (สายไม่รวมมาให้ในชุด) ราคาขายเครื่องละ 4,980 เยน (ประมาณ 1,500 บาท) เริ่มขาย 6 ตุลาคม 2020 มีอุปกรณ์เสริมเป็นจอแว่นขยาย เลียนแบบตัวรับสัญญาณทีวีของ Game Gear ในอดีตด้วย ที่มา - Sega
# HP เปิดตัว Pavilion Gaming 16 โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง จับตลาดคนอยากได้หน้าจอ 16" นอกจากโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง HP Omen 15 ที่เป็นแบรนด์ Omen แล้ว HP ยังมีโน้ตบุ๊กเกมมิ่งอีกตัวคือ HP Pavilion Gaming 16 ที่ใช้แบรนด์ HP ทำตลาด และจับตลาดราคาถูกลงมา HP Pavilion Gaming 16 เป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งหน้าจอ 16" (1080p 144Hz) ในบอดี้ขนาดใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊ก 15" ซีพียูใส่ได้สูงสุด Core i7 10th Gen, จีพียูสูงสุด GeForce RTX 2060 Max-Q, รองรับ Wi-Fi 6, ราคาเริ่มต้น 799.99 ดอลลาร์ สิ่งที่น่าสนใจคือ HP มีโน้ตบุ๊กแบรนด์ Pavilion Gaming รุ่น 15" และ 17" ที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมอยู่แล้ว การออกโน้ตบุ๊กจอ 16" มาเพิ่มจึงอาจสะท้อนว่า ตลาดมีความต้องการโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่ขนาดหน้าจอนี้ (ใหญ่กว่า 15" แต่ไม่ต้องใหญ่ถึง 17") มากขึ้นด้วย ที่มา - HP, Notebookcheck
# Facebook ลงทุนใน Gojek ตั้งเป้าสนับสนุนธุรกิจเล็ก, การชำระเงินดิจิทัลในอินโดนีเซีย Facebook ประกาศลงทุนใน Gojek แอปสารพัดประโยชน์ทั้งเรียกรถ ส่งอาหาร รับชำระเงินในอินโดนีเซีย ทาง Facebook ไม่ได้บอกรายละเอียดการลงทุน ระบุเพียงว่า มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนธุรกิจรายเล็กในอินโดนีเซีย Facebook บอกด้วยว่า ตั้งแต่ Gojek เปิดตัวในปี 2015 มีคนค้าขายนับแสนเข้าสู่ระบบแพลตฟอร์ม เข้าถึงผู้ใช้งาน 170 ล้านคนทั่วอาเซียน และมีธุรกรรมหลายพันล้านรายการในแต่ละปี แต่ธุรกิจส่วนใหญ่ในอินโดนีเซียยังพึ่งพาการใช้จ่ายเงินสดเป็นช่องทางหลัก ซึ่งมีความปลอดภัยน้อยกว่าการชำระผ่านดิจิทัล Facebook บอกด้วยว่า การชำระเงินแบบดิจิทัลช่วยให้ผู้คนมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจมากขึ้นและให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงเครดิตซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเติบโตของธุรกิจ นอกจาก Facebook แล้ว ยังมี PayPal ที่ลงทุนใน Gojek ด้วย ที่มา - Facebook Blog
# HP เปิดตัว Omen 15 เวอร์ชันปี 2020, หน้าจอ 300Hz, เพิ่มรุ่นซีพียู AMD เป็นครั้งแรก HP เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นใหม่ HP Omen 15 เวอร์ชันปี 2020 หน้าตาเรียบง่ายกว่า Omen 15 รุ่นปี 2019 ตามแนวทางดีไซน์ใหม่ของ Omen ที่เปลี่ยนตั้งแต่โลโก้แบรนด์ ไปจนถึงทิศทางการออกแบบเครื่อง HP Omen 15 ปรับดีไซน์ให้มีขนาดเล็กลงจากรุ่นก่อน แต่ยังคงขนาดหน้าจอ 15.6" พับราบได้ 180 องศา ความละเอียดเลือกได้เป็น UHD 120Hz หรือ FHD 300Hz รองรับ G-SYNC ในตัว, ซีพียูมีทั้งรุ่น Core i7-H 10th Gen หรือ AMD Ryzen 7 4800H (ถือเป็นครั้งแรกของ AMD บนโน้ตบุ๊ก Omen ด้วย), จีพียูใส่ได้สูงสุด GeForce RTX 2070 Super Max-Q แรมใส่ได้สูงสุด 32GB DDR4, สตอเรจสูงสุด 1TB PCIe SSD หรือจะเป็น SSD คู่ต่อ RAID 0, ระบบระบายความร้อนมีเซ็นเซอร์อินฟราเรด IR thermopile sensor คอยปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม, พัดลม 12V และช่องระบายความร้อน 3 ช่องรอบเครื่อง ปรับขนาดช่องได้หากต้องการระบายความร้อนเป็นพิเศษ, แบตเตอรี่อยู่ได้นานสุด 12.5 ชั่วโมง HP Omen 15 เริ่มวางขายแล้วเมื่อวานนี้ (2 มิ.ย.) ราคาเริ่มต้น 999.99 ดอลลาร์ ทั้งรุ่นซีพียู Intel/AMD ที่มา - HP
# Remove China Apps แอปลบแอปจีนที่กำลังเป็นไวรัลอินเดียถูกถอดจาก Google Play แล้ว เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักพัฒนาชาวอินเดียจาก OneTouch AppLabs ปล่อยแอปที่ชื่อว่า Remove China Apps บน Google Play โดยจุดประสงค์ของแอปนี้ก็ตามชื่อ คือลบแอปจีนออกจากมือถือ Android แอปนี้เกิดขึ้นมาในช่วงนี้เนื่องจากชายแดนจีน-อินเดียในแถบหิมาลัยกำลังอยู่ในช่วงความตึงเครียด ทำให้แอปนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาก็มียอดดาวน์โหลดถึง 5 ล้านครั้งแล้ว โดยข้อมูลจาก App Annie ระบุว่าแอปนี้มียอดติดตั้งสูงสุดในอินเดีย แต่แอปนี้ก็ได้รับความสนใจในออสเตรเลียด้วยเช่นกัน วิธีใช้แอปก็ไม่ได้ซับซ้อน เพียงเปิดขึ้นมาแล้วกดสแกน ตัวแอปก็จะสแกนหาแอปจีนในเครื่อง ถ้าไม่พบแอปจีนเลยก็จะขึ้นข้อความแสดงความยินดีว่าเครื่องคุณไม่มีแอปจีนแล้ว แต่ถ้าพบก็จะแสดงรายการแอปจีนขึ้นมาให้ลบ ซึ่งตัวแอปจะมีรายการแอปจีนที่อ้างอิงตามข้อมูลวิจัยการตลาด แต่ไม่มีขอบเขตของการระบุแอปจีนที่ชัดเจนนัก และอาจพลาดแอปจีนที่มากับสมาร์ทโฟนด้วย ซึ่งแบรนด์ที่ทำยอดขายได้อันดับหนึ่งของตลาดสมาร์ทโฟนอินเดียประจำไตรมาสแรกปีนี้คือ Xiaomi ตอนนี้แอปดังกล่าวถูก Google นำออกจาก Google Play เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากตามนโยบาย Deceptive Behaviour Policy ของ Google Play กำหนดไว้ว่าห้ามแอปเปลี่ยนการตั้งค่าอุปกรณ์ของผู้ใช้หรือฟีเจอร์นอกแอปโดยที่ผู้ใช้ไม่รับทราบ และห้ามชักชวนให้ผู้ใช้ลบหรือปิดการใช้งานแอปจากบุคคลอื่น ที่มา - TechCrunch (1, 2)
# อดีตแก้ได้ถ้าลบทัน Facebook เปิด Manage Activity ให้ลบโพสต์และรูปเก่าๆได้ง่าย Facebook เปิดฟีเจอร์ใหม่ Manage Activity ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานลบโพสต์และรูปภาพเก่าของตัวเองได้ในที่เดียว ผู้ใช้งานมีทางเลือกว่าจะเก็บมันไว้ใน archive หรือเอาลงถังขยะได้ ถ้าเอาลงถังขยะ ข้อมูลเหล่านั้นจะอยู่ในถังขยะ 30 วันก่อนถูกลบถาวร ผู้ใช้งานสามารถกรองข้อมูลที่จะลบโดยใช้วันที่, ประเภทข้อมูลว่าเป็นโพสต์เฉยๆ หรือเป็นโพสต์ที่มากับรูปภาพ, เป็นโน้ต, หรือโพสต์ที่เช็กอินสถานที่ หรือเป็นโพสต์จากแอปอื่น เป็นต้น Manage Activity เปิดใช้งานเฉพาะแอปบนมือถือและ Facebook Lite และจะเปิดใช้บนเดสก์ทอปในอนาคต ที่มา - Facebook Blog
# Lenovo ประกาศ ThinkStation และ ThinkPad P ทุกรุ่นจะรองรับลินุกซ์ RHEL และ Ubuntu เมื่อไม่นานมานี้ เราเพิ่งเห็น Lenovo ออก ThinkPad Fedora Edition ล่าสุด Lenovo ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการประกาศว่าพีซี ThinkStation ทุกรุ่น และโน้ตบุ๊ก ThinkPad P Series จะผ่านการรับรองว่าใช้งานลินุกซ์ได้ ดิสโทรที่ Lenovo รับรองมีทั้ง Red Hat Enterprise Linux (RHEL) และ Ubuntu LTS ซึ่งเป็นดิสโทรยอดนิยมในโลกองค์กรอยู่แล้ว Lenovo บอกว่าในอดีต บริษัทรองรับลินุกซ์กับฮาร์ดแวร์เพียงบางรุ่น แต่คราวนี้ตั้งใจรองรับทั้งซีรีส์ (ทุกตัวที่เป็นสินค้ากลุ่มเวิร์คสเตชันคือ ThinkStation และ ThinkPad P) เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าลงทุนกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้แล้วใช้ได้ยาวๆ สินค้ากลุ่มเวิร์คสเตชันชุดนี้จะสามารถคอนฟิกสเปกได้เหมือนสินค้าปกติ เลือกพรีโหลด Ubuntu LTS หรือ RHEL มาจากโรงงานได้เลย มีบริการซัพพอร์ตผ่านเว็บ และผู้ใช้สามารถพูดคุยได้ผ่าน Linux Forum ของ Lenovo นอกจากตัวสินค้าที่รับรองว่าใช้ลินุกซ์แล้ว Lenovo ยังประกาศว่าจะร่วมส่งไดรเวอร์ไปยังเคอร์เนลของลินุกซ์โดยตรง เพื่อการันตีเรื่องความเข้ากันได้ในระยะยาวด้วย ที่มา - Lenovo
# Mark Zuckerberg ตอบคำถามพนักงาน ยืนยันการตัดสินใจไม่ลบโพสต์ของ Trump ต่อเนื่องจากประเด็น Facebook ยืนยันไม่ลบ-ไม่ซ่อนโพสต์ของ Donald Trump จนทำให้พนักงานไม่พอใจ และนัดกันประท้วงหยุดงานผ่านออนไลน์ เมื่อคืนนี้ Mark Zuckerberg พูดคุยกับพนักงานเป็นการภายในผ่านวิดีโอคอลล์ (และมีคลิปเสียงหลุดออกมายังสื่อ) โดยเขายังยืนยันการตัดสินใจเดิม ว่าจะไม่ลบโพสต์ของ Donald Trump Zuckerberg ยอมรับว่ามีคนจำนวนมากไม่พอใจเรื่องนี้ แต่เขายืนยันว่าการตัดสินใจไม่ลบนั้นถูกต้องแล้ว เขาเล่าว่าตรวจสอบโพสต์ของ Trump ที่อ้างอิงเรื่องเหตุการณ์แบ่งแยกสีผิวในอดีตอย่างละเอียด และสรุปได้ว่าโพสต์นี้ยังไม่ละเมิดกฎของ Facebook อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่าการไม่ลบโพสต์นี้ ไม่ได้แปลว่า Trump จะโพสต์อะไรก็ได้ และ Facebook ยังมีสิทธิลบโพสต์อื่นของ Trump ได้ในอนาคต พนักงานรายหนึ่งถาม Zuckerberg ว่ามีคนผิวดำกี่คนที่ช่วยเขาตัดสินใจเรื่องนี้ ซึ่งเขาตอบว่ามีเพียงคนเดียวคือ Maxine Williams หัวหน้าฝ่ายความหลากหลายของบริษัท จากทั้งหมด 6 คนที่เขาหารือด้วย ที่มา - Vox, ภาพ Mark Zuckerberg
# Epic เตรียมแจกฟรี Total War Saga: Troy ตั้งแต่วันแรกที่วางขาย 13 สิงหาคม ปกติแล้วเราเห็นการแจกเกมฟรีของ Epic Games Store คือการแจกเกมเก่าที่ออกวางขายมาแล้วสักระยะหนึ่ง แต่ล่าสุด Epic ประกาศว่าจะแจกเกมใหม่ทันทีในวันที่วางขาย เกมที่ว่านี้คือ Total War Saga: Troy เกมใหม่ล่าสุดของซีรีส์ Total War (เป็นซีรีส์แยกที่เรียกว่า Total War Saga) เกมมีกำหนดออกวันที่ 13 สิงหาคม 2020 โดยจะแจกฟรีบน Epic Games Store เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ใครที่กลัวลืมกดรับสิทธิ สามารถเพิ่มเกมในหน้า wishlist กันได้ตั้งแต่วันนี้ ที่มา - PCWorld
# Microsoft Teams ยืนยัน จะขยายหน้าจอประชุมเป็น 7x7 จำนวนคนเท่ากับ Zoom Microsoft Teams เพิ่งอัพเดตหน้าจอประชุมแบบ 3x3 คนไปเมือเดือนเมษายน เพื่อไล่ให้ทัน Zoom ที่รองรับหน้าจอ 7x7 คน และได้รับความนิยมอย่างมาก ล่าสุดโฆษกของไมโครซอฟท์ยืนยันกับเว็บไซต์ CRN ว่าจะขยายหน้าจอเป็น 7x7 คนเท่ากับ Zoom แน่นอน แต่ยังไม่ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าเมื่อไร ตัวแทนของไมโครซอฟท์บอกว่า 3x3 เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี (เดิมคือ 2x2) แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และพยายามจะรองรับจำนวนผู้สนทนาในวิดีโอคอลล์มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ที่มา - CRN, MSPoweruser
# โอซาก้าเตรียมระบบลงทะเบียนแบบ QR คล้ายไทยชนะ แต่ใช้อีเมลลงทะเบียน, ไม่บังคับสแกน รัฐบาลจังหวัดโอซาก้ากลับมาอนุญาตให้เปิดร้านอาหาร, บาร์, คาเฟ่, โรงภาพยนตร์, พิพิธภัณฑ์, ไปจนถึงร้านปาจิงโกะ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับ QR ประจำร้านเพื่อไปติดให้ผู้ที่มาใช้บริการสามารถเช็คอินได้แบบเดียวกับไทยชนะของไทย กระบวนการทั้งหมดเป็นไปแบบสมัครใจ โดยตัวผู้ใช้บริการเองก็สามารถลงทะเบียนด้วยอีเมลเท่านั้น ทางรัฐยังไม่แจ้งว่าหากพบผู้ติดเชื้อไปใช้งานช่วงเวลาเดียวกันแล้วจะมีมาตรการอย่างไร แต่บอกเพียงว่าผู้ที่ใช้บริการเวลาเดียวกันจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมล เพื่อให้ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยกระบวนการแจ้งเตือนแบ่งออกเป็นการแจ้งเตือนธรรมดาที่ไม่บอกข้อมูลจุดที่พบผู้ติดเชื้อ, ชื่อสถานที่, หรือวันเวลา และการแจ้งเตือนแบบระวังการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ที่จะแจ้งชื่อสถานที่ พร้อมกับวันเวลามาด้วย ที่มา - Japan Times, Osaka Prefecture
# Cisco ประกาศเลื่อนงานสัมมนา Cisco Live! 2020 จากเหตุการประท้วงในสหรัฐ Cisco เป็นบริษัทล่าสุดที่ประกาศเลื่อนงานอีเวนต์ออกไป โดยงานใหญ่ประจำปี Cisco Live! 2020 ที่ต้องเลื่อนมาเป็นงานออนไลน์จากปัจจัย COVID-19 ก็ต้องเลื่อนอีกรอบเนื่องจากปัญหาประท้วงในสหรัฐอเมริกา Cisco ให้เหตุผลของการเลื่อนงานว่ามาจากสถานการณ์ยังไม่เหมาะ และยังไม่ประกาศว่าจะจัดงาน Cisco Live! 2020 เมื่อไร บอกเพียงว่าจะจัดภายในเดือนนี้ Chuck Robbins ซีอีโอของ Cisco บอกว่าการตัดสินใจเลื่อนงานเป็นสิ่งที่เหมาะสม เขาอยากให้พนักงาน พาร์ทเนอร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีเวลาหยุดคิดถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่
# ดีไซเนอร์ที่ออกแบบชุดอวกาศ SpaceX เคยออกแบบชุด Batman ของ Ben Affleck มาก่อน หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจของภารกิจ Demo-2 ที่ SpaceX พานักบินอวกาศของ NASA ขึ้นไปบนสถานีอวกาศนานาชาติ คือชุดอวกาศของ SpaceX ที่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกหลัง Musk โชว์ชุดมาตั้งแต่ปี 2017 ดีไซน์ของชุด SpaceX ค่อนข้างฉีกออกจากชุดอวกาศเดิม ๆ กลายเป็นชุดแบบมินิมอล เรียบหรูแต่ใช้งานได้จริง ซึ่งดีไซเนอร์ที่ออกแบบชุดนี้คือ Jose Fernandez ที่เป็นดีไซเนอร์ในฮอลลีวูด ออกแบบหรือมีส่วนร่วมกับชุดที่ใช้ในภาพยนตร์มาแล้วมากมายอย่างชุด Batman ของ Ben Affleck ใน BvS: Dawn of Justice, ชุด Wolverine ใน X-Men United (X2), Godzilla (1998), Ironman 2, The Avengers เป็นต้น ภาพจาก SpaceX Fernandez เล่าว่าเขาได้รับการติดต่อจาก SpaceX ในปี 2016 ให้ร่วมประกวดออกแบบ ซึ่งตอนแรกเจ้าตัวเข้าใจว่าเป็นการออกแบบชุดสำหรับภาพยนตร์ที่ชื่อ SpaceX ด้วยซ้ำ ไม่ได้คิดว่าเป็นชุดอวกาศที่จะใช้งานจริง ๆ Fernandez ได้โจทย์มาให้ออกแบบชุดภายใน 2 สัปดาห์ ทำให้เจ้าตัวบอกว่า 2 สัปดาห์ให้ออกแบบทั้งชุดคงไม่ทัน ถ้าจะทันคงได้แค่หมวก หนึ่งในความเชี่ยวชาญของ Fernandez คือการออกแบบหมวก (หมวก Black Panther, Thor และ Loki ก็เป็นผลงานของเขา) และนั่นก็ทำให้ Musk ชอบดีไซน์หมวกของชุดอวกาศนี้มาก การใช้งานจริงก็ดีกว่าหมวกชุดอวกาศเดิม ๆ ที่เคยมีมา Musk เลยให้เวลา Fernandez อีก 6 เดือนเพื่อออกแบบชุดที่เหลือทั้งหมด ที่มา - Forbes, Design World
# ซัมซุงอัพเดต Galaxy Wearable เพิ่ม widget สำหรับ Galaxy Buds+ ซัมซุงเริ่มปล่อยอัพเดตให้กับปลั๊กอินของ Galaxy Buds และ Galaxy Buds+ บนแอป Galaxy Wearable ให้สามารถเพิ่ม widget ของหูฟังไร้สายทั้ง 2 รุ่นได้ที่หน้าโฮมของสมาร์ทโฟนซัมซุง ตัว widget จะมี 2 แบบคือแค่แสดงผลแบตเตอรี่ของหูฟังและเคส หรือเป็นปุ่มเปิดปิด Ambient sound และล็อกทัชแพ็ดของหูฟัง เบื้องต้นคาดว่าซัมซุงน่าจะทยอยปล่อยอัพเดตให้แบบสุ่ม ยังไม่ได้พร้อมกันทีเดียวทุกคน ที่มา - Reddit
# Amazon หยุดให้บริการ Echo Look พร้อมนำฟีเจอร์ไปใช้ในแพลตฟอร์มอื่นแทน เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้งานบางส่วนได้รับอีเมลแจ้งจาก Amazon ว่าอุปกรณ์และแอป Echo look กำลังจะหยุดให้บริการในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ สืบเนื่องจากที่ Amazon หยุดจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าวไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Amazon เปิดตัว Echo look เมื่อปี 2017 โดยออกแบบให้เป็นกล้องอัจฉริยะที่ช่วยแนะนำการแต่งตัวให้กับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ ยังออกแบบมาเพื่อช่วยพัฒนาอัลกอริทึม Al ในด้านแฟชั่นให้กับฟีเจอร์อื่นๆอย่างเช่น Style by Alexa เป็นต้น ฟีเจอร์ Style by Alexa ซึ่งเคยใช้งานได้ในเฉพาะ Echo look สามารถใช้งานได้แล้วผ่านแอป Amazon โดยฟีเจอร์ดังกล่าวใช้ทั้งมนุษย์และ AI ในการให้คำแนะนำและเปรียบเทียบเสื้อผ้าให้กับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ ผู้ใช้งาน Alexa ยังสามารถขอคำแนะนำการแต่งตัวได้จากอุปกรณ์ทุกเครื่องที่รองรับ ซึ่งจะให้คำแนะนำโดยอาศัยปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น สภาพอากาศ รสนิยมในการช้อปปิ้ง เป็นต้น ในขณะเดียวกัน Amazon ได้ขอให้ผู้ที่มีอุปกรณ์ Echo Look นำอุปกรณ์มาเข้ารับบริการรีไซเคลของ Amazon โดยจะได้ส่วนลดอุปกรณ์ Echo Show 5 เป็นการตอบแทน นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้ใช้งานสร้างบัญชี Amazon Photos เพื่อจัดการรูปภาพที่อยู่ในอุปกรณ์ก่อนวันที่ 24 กรกฏาคมนี้ หากไม่สร้างบัญชีภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ใช้งานจะไม่สามารถเข้าถึงรูปภาพที่อยู่ในอุปกรณ์ได้อีก ที่มา - VentureBeat
# TikTok ให้คำมั่นจะสนับสนุนครีเอเตอร์คนดำ หลังโดนวิจารณ์ว่าไปเซนเซอร์คอนเทนต์คนดำ TikTok ออกแถลงการณ์ประเด็นครีเอเตอร์คนดำ หลังมีประเด็นอัลกอริทึมและระบบค้นหาใน TikTok มีความผิดพลาดเกี่ยวกับเนื้อหาจากครีเอเตอร์คนดำ โดยเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา (ก่อนเหตุการณ์ George Floyd) ผู้ใช้งาน TikTok จำนวนหนึ่งเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสัญลักษณ์กำปั้นสีดำ สนับสนุนชุมชนคนดำมีการชักชวนให้คนอื่นๆ ทำตามด้วย รวมถึงกดติดตามครีเอเตอร์คนดำเพิ่มคนละ 1 ราย และกดเลิกติดตาม 1 คนที่ไม่เข้าร่วมแคมเปญ เพื้่อเป็นการประท้วง TikTok ที่มีท่าทีเซนเซอร์เนื้อหาที่ผลิตโดยครีเอเตอร์คนดำ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ George Floyd และมีการประท้วงทั่วสหรัฐฯ ก็ดูเหมือนว่าจะเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคบน TikTok อีก โดยวิดีโอที่อัปโหลดโดยใช้แฮชแท็ก #BlackLivesMatter และ #GeorgeFloyd มียอดรับชมเป็นศูนย์ และเมื่อค้นหาคอนเทนต์ในแฮชแท็ก #acab และ #fuckthepolice ก็ไม่พบอะไร ทำให้สังคมตั้งคำถาม TikTok ว่า มีการเซนเซอร์และเลือกปฏิบัติหรือไม่ ภาพจาก Lex Scott บน TikTok TikTok ออกแถลงการณ์ ยืนยันว่า วิดีโอที่อัปโหลดโดยใช้แฮชแท็ก #BlackLivesMatter นั้นไม่ถูกปิดกั้น และมีคนดูร่วมพันล้านวิว แต่ในขณะเดียวกันทางบริษัทก็ต้องขอโทษที่ทำให้ชุมชนคนดำรู้สึกไม่ปลอดภัยในการใช้งาน TikTok และบริษัทจะแก้ไขข้อผิดพลาดและฟื้นฟูความเชื่อมั่น โดยบริษัทจะลงทุนในเทคโนโลยีและกระบวนการกลั่นกรองเนื้อหาให้ดีขึ้น รวมถึงออกแบบกระบวนการอุทธรณ์ที่ชัดเจนและใช้งานง่าย นอกจากนี้ TikTok จะก่อตั้งคณะทำงานเพื่อความหลากหลายของครีเอเตอร์และคนทำงานในองค์กร รวมถึงพัฒนา portal สำหรับครีเอเตอร์ เพื่อสร้างโอกาสและชุมชนครีเอเตอร์ให้กว้างขึ้น ที่มา - TikTok, The Verge
# รีวิว Galaxy Z Flip กับ form factor ของสมาร์ทโฟนฝาพับที่ใช้งานได้จริง ถ้าใครติดตามข่าวน่าจะพอเห็นพัฒนาการของเทคโนโลยีจอพับมาหลายปี ก่อนที่จะเริ่มออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคได้จริง ๆ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ คำถามต่อหน้าจอพับจึงหนีไม่พ้นความแข็งแรง ความทนทานและรูปแบบการใช้งานที่เหมาะสม อย่างสมาร์ทโฟนหน้าจอพับรุ่นแรก ๆ ที่ออกมาคือ Galaxy Fold และ Huawei Mate X ที่เป็นลูกครึ่งระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต มีความใหญ่และหนา อาจไม่เหมาะกับการพกเป็นสมาร์ทโฟนเท่าไหร่นัก และกลายเป็นว่าฝาพับเป็นเพียงกิมมิคของรุ่นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Galaxy Z Flip ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีและขายไปแล้วในไทย กลายเป็นสมาร์ทโฟนจอพับที่ไม่ใช่เป็นแค่กิมมิคแต่สามารถใช้งานได้จริง และที่สำคัญคือพอใช้ไป ผมกลับชอบกิมมิคจอพับแบบนี้ด้วยซ้ำ ทั้งที่ก่อนใช้คิดว่าก็คงเป็นแค่มือถือจอพับธรรมดา ๆ เครื่องหนึ่งเท่านั้น Form Factor แบบ (เก่าในคราบ) ใหม่ ตอนเปิดตัวซัมซุงบอกว่า Galaxy Z Flip เป็นสมาร์ทโฟน form factor แบบใหม่ แต่พอใช้งานจริงผมกลับนึกถึงมือถือโมโตโรลาฝาพับที่เคยได้ลองเล่นสมัยเด็ก ๆ มากกว่า ความรู้สึกเวลาเปิดฝาพับขึ้นมาแนบหูเพื่อโทรคุยในแบบเก่า ๆ มันกลับมาในยุคนี้อีกครั้ง Galaxy Z Flip ตอนพับค่อนข้างกะทัดรัด พอดีมือ กดปุ่มโฮมด้านขวาเพื่อดูเวลา ดูการแจ้งเตือนแบบคร่าว ๆ หรือเปลี่ยนเพลงก็ได้จากหน้าจอเล็ก ๆ ด้านหน้า ปัญหาคือเวลาฟังเพลงแล้วหันหน้าเอาหน้าจอเล็ก ๆ นี้เข้าตัว หน้าจอจะสัมผัสกับต้นขาทำให่เพลงเปลี่ยนเองบ่อยและง่ายกว่า Pixel 4 ที่ใช้อยู่มาก อาจจะด้วยหน้าสัมผัสน้อยกว่า การเปิดปิดฝาพับมือเดียวอาจจะลำบากหน่อย การปิดฝาพับมือเดียวยังพอทำได้ แต่การเปิดด้วยมือเดียว จะค่อนข้างยาก เมื่อเอานิ้วดันเข้าไปใต้หน้าจอให้เผยอออกมาแล้ว อาจต้องใช้หน้าท้องช่วยดันออกอีกแรง ส่วนฝาพับเมื่อกางออกมา จะอยู่ที่ขนาด 6.7 นิ้ว สัดส่วน 21.9:9 ส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างดีและถนัดมือมากกว่า เพราะความกว้าง (แนวนอน) แคบลง ขณะที่ความสูงก็ค่อนข้างยาว อ่านบทความ ข่าวหรืออะไรอะไรยาว ๆ ได้แบบเต็ม ๆ มากกว่า อาจจะมีข้อเสียแค่ตอนเวลาต้องเอื้อมนิ้วแตะพื้นที่ด้านบนของจอเท่านั้น ส่วนการใช้แนวนอน ด้วยความที่สัดส่วนใกล้เคียงกับโรงภาพยนตร์ (สัดส่วนโรงภาพยนตร์คือ 21:9) ทำให้เวลาดูหนังหลาย ๆ เรื่องบน Netflix ที่ใช้สัดส่วนนี้จะเต็มพื้นที่หน้าจอ ไม่มีขอบดำรบกวน และด้วย Form Factor จอพับแบบตลับแป้งแบบนี้ หลาย ๆ ครั้งก็พบว่าสามารถพับหน้าจอครึ่งบนขึ้น เพื่อให้ได้องศาที่เหมาะกับการวางสมาร์ทโฟนไว้บนโต๊ะ เพื่อวิดีโอคอล วางดู YouTube (ตอนนี้มีแค่ YouTube ที่ปรับการแบ่ง 2 หน้าจอให้อัตโนมัติเวลาพับ) หรืออ่านบทความต่าง ๆ ไปจนถึงแบ่งแอป 2 หน้าจอได้ง่ายขึ้นด้วย ขณะที่รอยข้อพับตรงกลางหน้าจอ ไม่เป็นปัญหาหรือรบกวนการใช้งานใด ๆ เลย (มีรอยที่จางมาก ๆ พอจะรู้สึกได้จากสีที่แตกต่างจากพื้นที่จอบริเวณอื่นเท่านั้น ซึ่งต้องเป็นพื้นหลังสีขาวและจ้องแบบเพ่ง ถึงจะพอสังเกตเห็น) อีกจุดหนึ่งที่พบว่ามีประโยชน์คือเวลาคุยโทรศัพท์ เราสามารถพับหน้าจอครึ่งล่างขึ้นมาทำมุมราว 90 องศา ให้ไมโครโฟนเข้ามาแนบกับปากได้ และสามารถเอามือป้องเพื่อคุยได้สะดวกมากขึ้น ส่วนหน้าจอ AMOLED ของ Z Flip ก็ถือว่าสวยงามสดใสตามมาตรฐานซัมซุง แต่พบปัญหาว่าใช้งานกลางแจ้งไม่ค่อยดีนัก ทั้งในแง่ความสว่างและการสะท้อนแสงแดด ปัญหาหนึ่งที่ขัดใจเล็ก ๆ คือ Z Flip มีระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มล็อกหน้าจอด้านขวา เพราะหากใช้งานมือขวา สามารถเอานิ้วโป้งไปแตะได้ง่าย แต่หากใช้มือซ้าย จะต้องเอื้อมนิ้วชี้ซ้ายไปแตะ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งก็มีหลุดบ้าง ต้องแตะหลายครั้งบ้าง ทำให้รู้สึกว่า form factor แบบนี้สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจออาจจะเหมาะสมกว่า (อาจเพราะปัญหาใน S20 ก็ได้ ซัมซุงเลยเลือกแบบนี้) ส่วนไบโอเมตริกอีกระบบที่ใช้ใบหน้าจากกล้องหน้า ไม่พบปัญหาอะไร ตัวเครื่องบางที่ต้องแลกมาด้วยความร้อน หนึ่งในจุดเด่นของ Z Flip คือเรื่องความบางโดยเฉพาะเวลากางหน้าจอออกมา ซึ่งบางในระดับที่ว่า ช่วงใช้งานแรก ๆ ยังไม่คุ้นกับความบางของสมาร์ทโฟนขนาดนี้ มีเสียวตก เสียวหล่นอยู่ตลอด โดยเฉพาะเวลาใช้งานมือเดียว และด้วยความบางนี้เองทำให้ตัวเครื่องร้อนง่ายมาก ไม่ว่าจะดู YouTube, วิดีโอคอลหรือถ่ายรูป โดยส่วนของชิปเซ็ตต่าง ๆ เข้าใจว่าอยู่บริเวณฝาครึ่งบนของตัวเครื่อง เพราะจะร้อนบริเวณนั้นเป็นหลัก เรื่องแบตเตอรี่ Z Flip อยู่ที่ 3300mAh และด้วยความบางขนาดนี้ถือว่ามากกว่าที่คิดเอาไว้ตอนแรก ในแง่การใช้งานจริงพบว่าอยู่ที่พฤติกรรมการใช้งานล้วน ๆ ถ้าใช้แอปที่ทำให้เครื่องร้อน เช่นตัวอย่างที่เกริ่นไปข้างต้น แบตเตอรี่จะหมดเร็วมาก อาจอยู่ได้แค่ราว ๆ ครึ่งวัน แต่หากใช้งานทั่วไป เปิดโซเชียล ตอนแชท เช็กอีเมล ถ่ายรูปบ้าง ก็พอจะอยู่ได้ทั้งวัน กล้อง กล้องอาจไม่ใช่จุดเด่นของ Z Flip เท่าเรือธงรุ่นอื่น ๆ ของซัมซุง (เช่นมีเพียง 3 เลนส์) แต่มันก็เพียงพอและคุณภาพก็ดีพอต่อการใช้งานในภาพรวม (อาจจะเพราะผมไม่ได้ตั้งความคาดหวังไว้สูงมากแต่แรก) รูปซ้าย สัดส่วน 9:22 เปิดโหมดโบเก้ | รูปขวา สัดส่วน 3:4 โหมดออโต้ กล้องหน้า (ดูรูปเต็ม - ซ้าย, ขวา) สรุป Galaxy Z Flip เป็น form factor ที่น่าจะเหมาะสมและใช้งานได้จริง (practical) กับสมาร์ทโฟนจอพับที่สุดแล้ว แถมช่วยให้เกิดการใช้งานที่ยืดหยุ่นมากกว่าด้วย (เช่นกางแบบพับหน้าจอครึ่งบนขึ้นเล็กน้อย) โดยตัว Z Flip เองก็ค่อนข้างเข้ามือไม่ว่าจะตอนพับหรือตอนกาง กล้องก็ถือว่าทัดเทียมเรือธงรุ่นอื่น ๆ ของซัมซุง อย่างไรก็ตามส่วนตัวคิดว่าหน้าจอเล็กบริเวณด้านหลังของเครื่อง (หรือด้านหน้าเวลาพับ) น่าจะใหญ่และมีพื้นที่มากกว่านี้เล็กน้อย แบบใน Motorola RAZR น่าจะช่วยให้การดูแจ้งเตือนหรือถ่ายรูปเวลาพับสะดวกขึ้นกว่านี้ ข้อเสียก็อาจจะมีเรื่องของความร้อนของเครื่องและแบตเตอรี่ที่ไม่ได้อยู่ได้ตลอดทั้งวันในทุก ๆ รูปแบบการใช้งาน ไม่กันน้ำกันฝุ่น รวมถึงราคาค่าตัวที่สูงกว่าปกติอยู่ไม่น้อย (แต่พอเข้าใจในแง่การตลาดได้อยู่ ว่าไม่ใช่รุ่นแมสและต้องการขายเทคโนโลยีก่อน)
# Spotify เพิ่มช่วงเวลาแห่งความเงียบ 8.46 นาทีในบางเพลย์ลิสต์ รำลึกถึง George Floyd Spotify เตรียมเพิ่มช่วงเวลาแห่งความเงียบ 8.46 นาทีในบางเพลย์ลิสต์เพลงและบางพอดคาสต์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรำลึกถึง George Floyd ชายผิวดำที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เข่ากดคอเป็นเวลา 8.46 นาที และเป็นเหตุให้เขาเสียชีวิต Spotify บอกด้วยว่าจะหยุดการโฆษณาสื่อโซเชียลทั้งหมดชั่วคราว และจะใช้รูปภาพสีดำพาดเป็นรูปปกของเพลย์ลิสต์ต่างๆ เช่น Today’s Top Hits และ RapCaviar เป็นเวลาชั่วคราวเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์น่าสลด และแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง และแสดงจุดยืนสนับสนุนชุมชนคนผิวดำ ภาพจาก Spotify การเคลื่อนไหวของ Spotify เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Blackout Tuesday ตรงกับวันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2020 ที่วงการเพลงจะแสดงจุดยืน ต่อต้านการเหยียดสีผิว และความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อคนดำ ซึ่งกรณี George Floyd เป็นตัวจุดประเด็นสำคัญ ที่มา - Spotify
# Xiaomi เตรียมเปิดตัว Mi Band 5 วันที่ 11 มิถุนายนนี้ แอคเคาท์ Weibo ของโรงงาน OEM ในจีน เผยว่า Xiaomi เตรียมเปิดตัว Mi Band 5 ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ และจะวางขายสมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ พร้อมทั้งเตรียมลดราคา Mi Band 4 ในจีนวันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งตรงกับเทศกาลช้อปออนไลน์ 618 ของจีน เบื้องต้นคาดว่า Mi Band 5 จะมีหน้าจอขนาด 1.2 นิ้วที่ยังคงไม่เต็มขอบแต่จะไม่มีรูบนจอตามรูปที่หลุดมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ Mi Band 5 ยังจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆเช่น เซนเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด SpO2, NFC, รองรับ Alexa จาก Amazon และสามารถใช้เป็นรีโมทคอนโทรลกล้องได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบข้อมูลราคาที่ชัดเจน คาดการณ์ว่าราคาในจีนน่าจะอยู่ที่ 200 หยวน (ประมาณ 800-1000 บาท) แต่ด้วยฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นจึงอาจทำให้ราคาเปิดตัว Mi Band 5 สูงกว่าทีคาดการณ์เอาไว้ ที่มา - NotebookCheck
# ไปอีกราย Call of Duty เลื่อนเปิดตัวเนื้อหา Season ใหม่ เพราะเหตุประท้วงในสหรัฐ Activision เป็นบริษัทเทคโนโลยีรายล่าสุดที่ประกาศเลื่อนเปิดตัวเกม จากเหตุการณ์ประท้วงในสหรัฐอเมริกา เกมที่ได้รับผลกระทบคือ Call of Duty ทั้ง 3 เกมหลักคือ Modern Warfare, Warzone, Mobile ที่เลื่อนการเปิดตัวเนื้อหาใหม่ (Modern Warfare Season 4, Mobile Season 7) ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ก่อนหน้านี้ Android 11 Beta, PlayStation 5, Madden NFL 21 ที่มีกำหนดเปิดตัวในสัปดาห์นี้ ต้องประกาศเลื่อนไปแล้ว ที่มา - Kotaku
# Samsung เปิดตัวบริการเช่ามือถือรายเดือน Samsung Access ในสหรัฐฯ แถม Samsung Care, Microsoft 365 และ OneDrive 1 TB Samsung เปิดตัว Samsung Access บริการเช่าโทรศัพท์แบบ subscription จ่ายรายเดือนเพื่อใช้งาน Samsung Galaxy S20/S20+/S20 Ultra และนำไปคืนเมื่อเลิกใช้งาน บริการนี้มีสัญญา 3 เดือน ถ้ายกเลิกก่อน ต้องจ่ายค่าปรับ 100 เหรียญ (3,160 บาท) เปลี่ยนรุ่นมือถือเป็นรุ่นใหม่ได้ทุก 9 เดือน หรือจะเปลี่ยนก่อนก็ได้หากจ่าย 100 เหรียญ ในบริการ แถม Samsung Care, แพ็คเกจ Microsoft 365 และ เนื้อที่ 1 TB บน OneDrive มาให้ด้วย ราคาอยู่ที่ 37 เหรียญต่อเดือน (ประมาณ 1,200 บาท) สำหรับ Galaxy S20, 42 เหรียญต่อเดือน (ประมาณ 14,00 บาท) สำหรับ Galaxy S20+ และ $48 เหรียญต่อเดือน (ประมาณ 1,600 บาท) สำหรับ Galaxy S20 Ultra ซึ่งค่อนข้างคุ้ม เพราะแพ็คเกจ Microsoft 365 ก็ราคาประมาณ 99 เหรียญ (ประมาณ 3,200 บาท) แล้ว และเนื้อที่ OneDrive 1 TB ก็มีมูลค่าตกประมาณเดือนละ 9.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณเดือนละ 315 บาท) ปัจจุบันยังมีสมาร์ทโฟนให้เลือกเพียงสามรุ่นเท่านั้น และยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีรุ่นอื่นหรือไม่ หรือเปิดตัวในประเทศอื่นเมื่อไร ที่มา - 9to5google
# ซีอีโอ Epic เผยการแจกเกมฟรีบน Epic Stores ทำให้ยอดขายเกมนั้น ๆ เพิ่มขึ้น Epic Stores ใช้กลยุทธแจกเกมฟรีเพื่อดึงคนเข้าแพลตฟอร์มมาตั้งแต่เปิดตัว ปรากฎว่าประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับแค่ Epic Games เท่านั้น โดย Tim Sweeney เผยว่าหลาย ๆ เกมสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นด้วยหลังแจกฟรีไปแล้ว Sweeney บอกว่าการแจกเกมฟรีเป็นการช่วยให้ผู้เล่นได้สัมผัสและสร้างการรับรู้ถึงเกมคุณภาพดี ๆ อีกทางหนึ่ง เมื่อผู้เล่นได้สัมผัสตัวเกมไปแบบฟรี ๆ แล้วเกิดชอบ ก็อาจบอกต่อหรือซื้อส่วนเสริมเพิ่ม ซึ่งนักพัฒนาเกมหลายรายพบว่ายอดขายเกมตัวเองเพิ่มขึ้น อาจจะในสโตร์อื่นอย่าง Steam หรือบนคอนโซล หลังนำเกมตัวเองไปแจกฟรีบน Epic Stores นอกจากนี้ซีอีโอ Epic ยังแง้ม ๆ ด้วยว่าจะนำ Epic Games Store ไปลง iOS และ Android ในอนาคตด้วย (คล้าย ๆ กับ Steam หรือ PSN ที่เป็นการกดซื้อเกมบนสโตร์ผ่านสมาร์ทโฟน) ที่มา - GamesSpot
# Pixel feature drops เดือนนี้เพิ่มฟีเจอร์ Bedtime, แอป Recorder สั่งด้วย Google Assistant Google ประกาศ Pixel feature drops เดือนนี้มีการปรับปรุงฟีเจอร์ Adaptive Battery ให้ดีขึ้น รวมถึงขยายการรองรับแอป Personal Safety ที่มีบน Pixel 4 ให้รองรับบน Pixel ทุกรุ่น ขณะที่ car crash detection ขยายการรองรับไปยัง Pixel 3 ด้วยเช่นกัน ส่วนของใหม่คือฟีเจอร์ Bedtime ที่จะอยู่ใน Clock สำหรับตั้งช่วงเวลานอนและจะบอกระยะเวลาที่เราใช้งานมือถือ ว่าเปิดแอปอะไรบ้าง เปิดไปกี่นาที ในช่วงระยะเวลานอนที่เราตั้งไว้ พร้อมฟีเจอร์ sleep sounds เพื่อกล่อมนอน นอกจากนี้แอป Recorder ยังรองรับการสั่งงานด้วย Google Assistant แล้ว ทั้งสั่งให้บันทึกเสียงหรือสั่งให้ค้นหาไฟล์บันทึกด้วยคีย์เวิร์ด เช่น "Hey Google, show me recordings about dogs" ส่วน transcript ที่ถอดบันทึกจากเสียงเอาไว้ก็สามารถเซฟลง Google Docs ได้แล้วด้วย สะดวกกับการแชร์มากขึ้น ที่มา - Google Blog
# Gartner รายงาน ยอดขายสมาร์ทโฟนไตรมาสแรกลดลงถึง 20% ผลจาก COVID-19 บริษัทวิจัยตลาด Gartner ออกรายงานยอดขายสมาร์ทโฟนโดยรวมของไตรมาสแรก ปี 2020 ว่าลดลงถึง 20.2% จากผลกระทบของ COVID-19 โดย Samsung ยังเป็นเบอร์หนึ่งเช่นเคย มีส่วนแบ่งตลาด 18.1% แต่ Huawei มีส่วนแบ่งตลาดเป็น 14.2% แซงขึ้นมาแทน Apple ที่อยู่อันดับสองในไตรมาสที่แล้ว ส่วน Apple มีส่วนแบ่งตลาด 13.7% ลดลงจาก 17.1% ในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้วและ 11.9 ในไตรมาสแรกของปีก่อน อันดับถัดมาเป็น Xiaomi มีส่วนแบ่งตลาด 9.3% OPPO 8.0% และอื่นๆ 36.3% โดยยอดขายสมาร์ทโฟนห้าอันดับแรก ลดลงทุกแบรนด์ยกเว้น Xiaomi เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว แต่แม้ Samsung จะมียอดขายลดลงถึง 22.7% ก็ยังมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 อยู่ ส่วน Huawei ยอดขายจะลดลงจากปีที่แล้วสูงสุดเป็นอันดับ 1 ลดลึงถึง 27.3% เป็นผลกระทบจากการไม่มีแอปจาก Google และ Google Mobile Services ส่วนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Apple ทำยอดขายช่วงเริ่มต้นปีได้ดี และน่าจะได้เห็นการเติบโตมากกว่านี้ หากไม่ถูกผลกระทบจาก COVID-19 ซะก่อน แต่การที่ Apple Store กลับมาเปิดในช่วงเดือนมีนาคม กับการจำหน่ายสมาร์ทโฟนในช่องทางออนไลน์ ก็ทำให้ Apple มียอดขายตกลงเพียง 8.2% ที่มา - Gartner
# พนักงาน Facebook ประท้วงหยุดงาน, กว่าพันรายโหวตไม่เห็นด้วยที่บริษัทนิ่งเฉยต่อโพสต์ของทรัมป์ จากประเด็น พนักงาน Facebook ไม่พอใจผู้บริหาร ที่ไม่จัดการโพสต์สนับสนุนความรุนแรงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุด The New York Times รายงานว่ามีการประชุมวิดีโอคอลภายในองค์กร Facebook พนักงานกว่าพันรายโหวตไม่เห็นด้วยกับท่าที Facebook ที่มีต่อโพสต์ทรัมป์ พนักงานเตรียมประท้วงหยุดงานแบบ virtual walkout และมีพนักงานอาวุโสบางรายจะลาออก ถ้ามาร์ค ซักเคอร์เบิร์กไม่ทบทวนมาตรการเสียใหม่ โพสต์ของทรัมป์ มีเนื้อหาเชิงว่าจะส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมการประท้วงจากกรณี George Floyd มีการพูดเรื่องยิงกลับและใช้คำว่า Thug ซึ่งแปลได้ว่านักเลง อันธพาล ซึ่งทวิตเตอร์แบนโพสต์นี้ของทรัมป์ไปแล้วด้วยเหตุผลว่ามันไปส่งเสริมความรุนแรง แต่ Facebook ปล่อยไว้ ไม่ลบหรือซ่อนโพสต์ ซึ่งสอดคล้องกับเจตนาของ มาร์ค ว่า Facebook จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโพสต์ของนักการเมือง เพราะเป็นสิทธิ์ของประชาชนทั่วไปที่จะรู้ว่านักการเมืองพูดอะไร ให้ประชาชนตัดสินใจเอง ไม่ใช่ให้บริษัทไปตัดสินใจให้ แต่ดูเหมือนว่าท่าทีดังกล่าวของมาร์ค จะทำให้พนักงาน Facebook ไม่พอใจอย่างมาก และเตรียมนัดประท้วงหยุดงานแบบเสมือนจริง โดยวิธีการประท้วงของพนักงาน Facebook ในช่วง work from home คือ ไม่ทำงาน และเขียนข้อความบนโปรไฟล์ดิจิทัลในช่องทางต่างๆ เพื่อแสดงออกว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับ Facebook พนักงานหลายรายจะลาออกถ้ามาร์คไม่ทบทวนมาตรการเรื่องโพสต์ของทรัมป์เสียใหม่ The New York Times ได้ตรวจสอบวิดีโอประชุมภายใน พบว่าพนักงานหลายร้อยคนส่งเสียงคัดค้าน และตั้งคำถามว่า การตัดสินใจไม่ทำอะไรกับโพสต์ของทรัมป์ คนดำมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือไม่ มีคอมเมนท์เป็นข้อความระหว่างการประชุมด้วยว่า Facebook ขาดกระดูกสันหลังและมีภาวะผู้นำอ่อนแอ, Hate speech ไม่ควรมีค่าเท่ากับ Free Speech ซึ่งตรงนี้มาร์คบอกว่าโพสต์ดังกล่าวของทรัมป์ต่างจากการคุกคามเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ อำนาจรัฐ นอกจากนี้ยังมีการสำรวจความคิดเห็นภายในระหว่างการประชุมด้วย พบว่าพนักงาน Facebook มากกว่า 1,000 คน ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของมาร์ค พวกเขายังแสดงออกบนทวิตเตอร์อย่างเปิดเผยด้วย ตัวอย่างเช่น Katie Zhu ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Instagram แชร์ภาพสกรีนช็อตลางาน และติดแฮชแท็ก #BLACKLIVESMATTER ในคำอธิบายลางาน Trevor Phillippi ผู้จัดการออกแบบผลิตภัณฑ์ โพสต์เชิงว่า Facebook ทำได้ดีกว่านี้ และติดแฮชแท็ก #TakeAction Andrew Crow ผู้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ Facebook Portal บอกว่าการใช้แพลตฟอร์มเพื่อปลุกระดมความรุนแรงและการบิดเบือนข้อมูลนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ Facebook เป็นอีกหนึ่งในบริษัทย่านซิลิคอนวัลเล่ย์ ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องความหลากหลายในองค์กร Mark Luckie คนผิวดำที่เคยทำงานใน Facebook แต่ลาออกไปเมื่อปี 2018 เคยวิจารณ์ว่า Facebook มีประวัติยาวนานว่าสังคมแวดล้อมไม่เอื้อต่อการทำงานพนักงานผิวดำ เมื่อบริษัทไม่มีกลุ่มคนที่หลากหลายมากพอ บริษัทจะไม่เข้าใจปัญหาที่เกี่ยวข้องหรือสาเหตุที่พนักงานอารมณ์เสีย ที่มา - The New York Times, CNET
# ไมโครซอฟท์บล็อคอัพเดต Windows 10 v2004 บนฮาร์ดแวร์จำนวนมาก รวมถึง Surface ไมโครซอฟท์บล็อคการอัพเดต Windows 10 v2004 บนฮาร์ดแวร์จำนวนมาก เนื่องจากพบปัญหาจากการอัพเดต ซึ่งรวมถึง Surface Pro 7 และ Surface Laptop 3 ของไมโครซอฟท์เอง เราทราบกันดีว่าการอัพเกรดเวอร์ชันใหญ่ของ Windows 10 (ที่เรียกว่า Feature Update) สร้างปัญหาตามมาทุกครั้ง รอบนี้ไมโครซอฟท์เลยตัดสินใจ "บล็อค" การอัพเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ที่ทราบล่วงหน้าว่าจะเปิดปัญหา เพื่อไม่ให้การใช้งานต้องสะดุดลง ฮาร์ดแวร์ที่ถูกบล็อคการอัพเดตจะเห็นข้อความแจ้งเตือนในหน้า Windows Update ว่า "your device isn't quite ready for it" และขอให้รอจนกว่าไมโครซอฟท์จะแก้ปัญหาเรียบร้อย เว็บไซต์ The Verge ทดสอบอัพเดตวินโดวส์บน Surface Book 3, Surface Laptop 3, Surface Pro X พบว่ายังไม่สามารถอัพเดตได้ สามารถทำได้เฉพาะจาก Surface Pro 6 เท่านั้น สำหรับรายชื่อของปัญหาที่พบจาก Windows 10 v2004 สามารถอ่านได้จาก หน้าสถานะการอัพเดตของไมโครซอฟท์ โดยมีทั้งปัญหาที่ไมโครซอฟท์แก้ไขบรรเทาไปแล้ว (mitigated) และปัญหาที่ไมโครซอฟท์กำลังศึกษาข้อมูลอยู่ (investigating) เช่น ปัญหาการเชื่อมต่อ Bluetooth กับชิป Realtek, ปัญหาไดรเวอร์ Conexant audio บางตัว ที่มา - The Verge, OnMSFT
# Apple ออกอัพเดต iOS 13.5.1 และระบบปฏิบัติการอื่น ปิดช่องโหว่เจลเบรก ในวันนี้ แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 13.5.1 และ iPadOS 13.5.1 ซึ่งเป็นอัพเดตย่อยต่อจากอัพเดต 13.5 ที่ออกมาสองสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้แบบ OTA โดยไปที่ Settings > General > Software Update แอปเปิลระบุว่าอัพเดตนี้เป็นการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย CVE-2020-9859: unc0ver ที่ทำให้สามารถเจลเบรกอุปกรณ์แอปเปิลได้จนถึง iOS 13.5 ใน iPhone ทุกรุ่น นอกจากนี้แอปเปิลยังออกอัพเดตระบบปฏิบัติการอื่นในเครือ ดังนี้ watchOS 6.2.6 ปรับปรุงด้านความปลอดภัย macOS Catalina 10.15.5 แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย tvOS 13.4.6 ปรับปรุงการทำงานทั่วไป HomePod 13.4.6 ปรับปรุงการทำงานทั่วไป ที่มา: MacRumors [1], [2], [3], [4], [5]
# Sony เลื่อนงานแถลงข่าว PS5 ไม่มีกำหนด จากเหตุประท้วงในสหรัฐอเมริกา Sony ประกาศเลื่อนงานแถลงข่าว PlayStation 5 วันที่ 4 มิถุนายนนี้ไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงในสหรัฐอเมริกา บริษัทจึงคิดว่าไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะสมสำหรับการเปิดตัวเกมใหม่ ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ประท้วงในสหรัฐ ส่งผลให้กูเกิลเลื่อนเปิดตัว Android 11 และ EA เลื่อนเปิดตัว Madden NFL 21 ไปแล้ว ที่มา - @PlayStation
# ไมโครซอฟท์ให้เครดิต AppGet ว่าเป็นต้นแบบของ WinGet หลังถูกโวยว่าก็อปแทบทั้งหมด ในงาน Build ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบจัดการแพ็กเกจ WinGet ที่ช่วยให้เราสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ผ่านคอมมานด์ไลน์อย่างเดียวเทียบเท่ากับระบบจัดการแพ็กเกจในลินุกซ์ แต่หลังจากงานเปิดตัว Keivan Beigi ผู้พัฒนาโครงการ AppGet ก็ออกมาเปิดเผยว่า WinGet ทำงานแทบเหมือนกับ AppGet และทีมงานของไมโครซอฟท์เองก็เคยไปพบกับเขาที่เมืองแวนคูเวอร์ และชวนเขาไปทำงานที่ไมโครซอฟท์จนถึงขั้นไปสัมภาษณ์ที่ซีแอตเทิลแต่ไมโครซอฟท์ก็เงียบไปหกเดือนจนกระทั่งเปิดตัว WinGet และเขายังพบว่าโครงสร้างของ WinGet นั้นคล้ายกับ AppGet อย่างมาก Andrew Clinick ผู้จัดการโครงการออกมาเขียนบล็อกถึงเรื่องนี้โดยให้เครดิตแนวคิดของ WinGet ว่ามาจาก AppGet หลายส่วน เช่น การติดตั้งโดยไม่ต้องตอบคำถามเพิ่มเติม, กระบวนการประกาศไฟล์ manifest, การรองรับตัวติดตั้งที่หลากหลาย, และการรองรับการอัพเดตแพ็กเกจ เขายังระบุว่าโครงการ WinGet จะเป็นโอเพนซอร์สและในอนาคตก็ทำงานร่วมกับ Keivan เพื่อพัฒนาระบบจัดการแพ็กเกจร่วมกันได้ ตัว Keivan ประกาศว่าจะหยุดพัฒนา AppGet และเก็บเซิร์ฟเวอร์ไว้ถึงเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้น ที่มา - Microsoft DevBlogs, ZDNet
# Zynga ทุ่ม 1,800 ล้านดอลลาร์ ซื้อกิจการ Peak สตาร์ทอัพตุรกี เจ้าของเกม Toon Blast และ Toy Blast Zynga ประกาศซื้อกิจการบริษัทผู้พัฒนาเกมมือถือจากตุรกี Peak ด้วยมูลค่า 1,800 ล้านดอลลาร์ โดยดีลดังกล่าวจะจ่ายเป็นเงินสด 900 ล้านดอลลาร์ และอีก 900 ล้านดอลลาร์ เป็นหุ้นของ Zynga เอง Peak เป็นเจ้าของเกมมือถือที่ได้รับความนิยมสูงอย่าง Toon Blast และ Toy Blast ซึ่งมีผู้เล่นเป็นประจำทุกวัน (DAUs) รวมมากกว่า 12 ล้านบัญชี ซึ่ง Zynga ก็บอกว่าการซื้อกิจการนี้ จะช่วยเพิ่มฐานผู้เล่นรวมได้อีก 60% เรื่องน่าสนใจของดีลนี้คือ Zynga เคยซื้อกิจการจาก Peak ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2017 โดยเป็นการซื้อเฉพาะแผนกพัฒนาเกมไพ่ ด้วยมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ ที่มา: Zynga และ TechCrunch
# พนง. Facebook ไม่พอใจผู้บริหาร ที่ไม่จัดการโพสต์สนับสนุนความรุนแรงจากทรัมป์ ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ ออกมาทวีตว่าการออกเสียงเลือกตั้งทางจดหมาย จะทำให้เกิดการโกงการเลือกตั้ง จนถูก Twitter แปะป้ายว่าอาจมีข้อความที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมไปรอบนึงแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากนั้นทรัมป์ยังออกมาทวีตโดยมีนัยยะสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงใน Minneapolis จากกรณีการใช้ความรุนแรงของตำรวจที่ทำให้ George Floyd ที่เป็นคนผิวดำเสียชีวิตอีก จนถูก Twitter ซ่อนโพสต์อีกครั้งเพราะมีเนื้อหาสนับสนุนความรุนแรง ข้อความเดียวกันทั้งสองข้อความ ถูกโพสต์บน Facebook ของทรัมป์เช่นเดียวกัน แต่ Facebook ไม่ได้ดำเนินการใดๆ กับโพสต์เหล่านี้ ทำให้เกิดคำถามบนโพสต์ภายใน Workplace (แพลตฟอร์มสำหรับสื่อสารภายในที่ทำงานของ Facebook) โดยพนักงานของ Facebook ถามว่าทำไมผู้บริหารถึงไม่จัดการใดๆ (เช่น ลบ หรือซ่อน) โพสต์เหล่านี้สักที และถ้าเกิดเหตุการณ์บานปลายกว่านี้ ประวัติศาสตร์คงไม่มอง Facebook ในแง่ดีแน่ๆ (“if we fail the test case here, history will not judge us kindly.”) ทำให้ Monika Bickert รองประทานฝ่าย Global Policy ของ Facebook ต้องออกมาชี้แจงบน Workplace เกี่ยวกับโพสต์เรื่องการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์จะทำให้เกิดการโกงการเลือกตั้งของทรัมป์ ว่าไม่ได้ขัดต่อกฎของ Facebook และไม่ได้ให้ข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับวิธีการลงทะเบียนและลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง พร้อมทั้งระบุว่าเธอไม่เชื่อว่าบริษัทเทคโนโลยนีเอกชนอย่าง Facebook จะมีสิทธิ์คัดกรองสิ่งที่นักการเมืองพูดในประเด็นที่เป็นเรื่องถกเถียงทางการเมือง และโพสต์ของนักการเมืองที่ประชาชนเลือกมา ย่อมถูกตรวจสอบ และถกเถียงเป็นวงกว้างอยู่แล้ว ประชาชนควรมีสิทธิ์ได้ฟังสิ่งที่นักการเมืองพูด และตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่หลังจากที่ทรัมป์ออกมาโพสต์ไปในทางยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ว่าถ้าผู้ประท้วงเริ่มขโมยของเมื่อไร ก็ให้ National Guard เริ่มยิงผู้ประท้วงได้ทันที (“when the looting starts, the shooting starts.”) พนักงาน Facebook ก็ออกมาตั้งข้อสงสัยอีกครั้ง ว่าตกลงผู้บริหารมีท่าทีอย่างไรต่อโพสต์สนับสนุนความรุนแรงกันแน่ หลังจากนั้น Mark Zuckerberg จึงได้ออกมาโพสต์ Facebook อธิบายว่าโพสต์ของทรัมป์นั้น เกี่ยวข้องกับ National Guard และเปรียบเสมือนเป็นการประกาศจากภาครัฐ โดยเขาคิดว่าประชาชนควรได้รับรู้ หากรัฐบาลเตรียมส่งกองกำลัง National Guard ลงพื้นที่ โพสต์จาก Zuckerberg สร้างความไม่พอใจให้กับผู้บริหารหลายคนของ Facebook เอง ทั้ง Jason Stirman ผู้จัดการฝ่ายดีไซน์ ที่ทวีตว่าไม่เห็นด้วยกับท่าทีของ Mark และคิดว่าโพสต์ของทรัมป์สนับสนุนความรุนแรงอย่างชัดเจน และ Jason Toff ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ก็ทวีตว่า แม้เขาจะทำงานที่ Facebook แต่เขาไม่รู้สึกภูมิใจกับท่าทีแบบนี้ของ Facebook เลย และเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ของเขาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ปัญหาเรื่องการประท้วงในสหรัฐตอนนี้ค่อนข้างเคร่งเครียด และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโซเชียลมีเดีย เป็นสื่อที่มีส่วนอย่างมากในการยั่วยุ และการให้ข้อมูลของทั้งสองฝ่าย ซึ่งการจัดการเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง และท่าทีของผู้บริหารที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ น่าจะเป็นตัวชี้วัดถึงความสามารถในการจัดการกับวิกฤตของบริษัทโซเชียลมีเดียเจ้าใหญ่ๆ ได้เป็นอย่างดี ที่มา - The Verge, Bloomberg
# นิวนอร์มอล, Honor Play 4 จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด Honor แบรนด์มือถืออีกไลน์ของ Huawei ออกมายืนยันพร้อมวิดีโอสาธิตแล้วว่า Honor Play 4 Pro ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีน ในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์อินฟราเรดที่สามารถวัดอุณหภูมิได้ Wei Xiaolong ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Honor ได้แชร์วิดีโอการสาธิตทำงานของตัวเซ็นเซอร์นี้บน Weibo โดยผู้ใช้จะต้องนำมือถือไปจ่อที่หน้าผากของคนที่ต้องการวัดอุณหภูมิ โดยสามารถวัดอุณหภูมิได้ทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ โดยในวิดีโอมีการสาธิตกับทั้งหน้าผากคน น้องแมว และไอศครีมด้วย ระบบการวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด (IR) ประกอบด้วยเซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ประเภท opto-mechanical หรือกลไกรับภาพด้วยการสะท้อนของแสง เพื่อรับรังสีอินฟราเรดที่ร่างกายหรือวัตถุต่างๆ ปล่อยออกมาในอุณภูมิที่แตกต่างกันไปให้ไปตกกระทบกับเซ็นเซอร์ และวัดค่าอุณหภูมิที่ชัดเจนออกมาและจะมีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมในงานเปิดตัว วันที่ 3 มิถุนายนนี้ ที่มา - HuaweiCentral
# อาลีบาบาเตรียมกวาดอินฟลูเอนเซอร์ทั่วโลกมากระตุ้นการช้อปปิ้งบน AliExpress AliExpress แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเครืออาลีบาบา ทำตลาดนอกจีน เตรียมกวาดอินฟลูเอนเซอร์ร่วมแสนราย มาเข้าโครงการ AliExpress Connect ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสื่อกลางจับคู่แบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์หรือครีเอเตอร์ที่เหมาะสมกับแบรนด์เข้าด้วยกัน โดยเป็นอินฟลูเอนเซอร์จากทั่วโลกและหลากหลายแพลตฟอร์มทั้ง YouTube, Instagram, TikTok ซึ่งเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จมาแล้วบน Taobao Yuan Yuan หน้าฝ่ายปฏิบัติการของ AliExpress บอกว่า social content บนแพลตฟอร์มไม่ได้สร้างรายได้ขนาดนั้น แต่การมีอินฟลูเอนเซอร์จะช่วยให้ผู้ใช้งานอยู่บนแพลตฟอร์มได้นาน แทนที่จะเข้ามาซื้อครั้งเดียวแล้วจบ อินฟลูเอนเซอร์สามารถเข้าร่วม AliExpress Connect โดยใช้บัญชี TikTok, Instagram, Facebook และบัญชีโซเชียลอื่นๆ โดยอินฟลูเอนเซอร์จะสร้างรายได้ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับแบรนด์ ทำได้หลายวิธีการ เช่นให้โพสต์โฆษณาบนช่องทางของตัวเอง หรือสร้างวิดีโอขึ้นมา เป็นต้น ที่มา - Bloomberg
# ตลาดแรงงานไอทีปี 2020 ผลจาก COVID ตำแหน่งงานลดลง 3 เท่า การสมัครงานเพิ่ม 2 เท่า Blognone มีบริการหางานด้านไอที Blognone Jobs มาประมาณหนึ่งปีกว่า ตัวบริการเปิดให้ใช้ฟรี และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีหน่วยงานเข้ามาใช้บริการประกาศหางานมากกว่า 1,200 แห่ง จากสถานการณ์ COVID-19 และปัญหาเศรษฐกิจที่ตามมา เราเห็นบริษัททั่วโลกออกมาตรการลดค่าใช้จ่าย ทั้งปลดพนักงาน ลดเงินเดือน รวมถึงหยุดการจ้างงานใหม่ด้วย Blognone Jobs เห็นข้อมูลเชิงสถิติแรงงานด้านไอทีในช่วงนี้ น่าจะสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดแรงงานได้พอสมควร จึงนำข้อมูลมากฝากกัน ตำแหน่งงานไอที ลดลง 3 เท่าในรอบ 3 เดือนล่าสุด ข้อมูลนับจาก 1 มีนาคม 2563 จนถึง 1 มิถุนายน 2563 จำนวนตำแหน่งงานว่างของสายงานไอทีที่ประกาศผ่าน Blognone Jobs ลดลงประมาณ 3 เท่า คือ จากประมาณ 1,300 ตำแหน่ง ลดลงเรื่อยๆ จนมาอยู่ที่ประมาณ 400 ตำแหน่งเท่านั้น ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นบริษัทจำนวนมากเริ่ม "หยุด" จ้างงานใหม่ (อย่างน้อยก็สายงานด้านไอที) ซึ่งอาจมีเหตุผลมาจากการประหยัดค่าใช้จ่าย หรือไม่มั่นใจในสถานการณ์เบื้องหน้า จำนวนการสมัครงานเติบโตสวนทาง ถ้าพิจารณาจากช่วงเวลาเดียวกัน จำนวนครั้งของการยื่นสมัครงานผ่าน Blognone Jobs กลับเติบโตเพิ่มขึ้นสวนทางกัน จากค่าเฉลี่ยที่แกว่งตัวอยู่ประมาณ 100-200 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นมาถึงระดับ 400 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ล่าสุด (ปลายเดือนพฤษภาคม 2563) หรือเพิ่มประมาณ 2 เท่า ข้อมูลตรงนี้อาจตีความได้ว่า มีแรงงานด้านไอทีจำนวนหนึ่งที่มองหางานใหม่ๆ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการตกงานจากนายจ้างเดิม, ถูกลดเงินเดือน หรือไม่มั่นใจในอนาคตเบื้องหน้าเช่นกัน ตกงานไม่ต้องตกใจ ยังมีตำแหน่งงานที่เปิดรับอยู่ ตำแหน่งงานน้อยลง คู่แข่งมีมากขึ้น ทำอย่างไรดี? ชีวิตไม่ได้ไร้หนทางไปทั้งหมด ยังมีบริษัทอีกไม่น้อยที่เปิดรับพนักงานสายไอทีอยู่ สามารถเข้าไปดูตำแหน่งงานล่าสุดได้ที่ Blognone Jobs ได้โดยตรง ทีมงาน Blognone Jobs ยังทยอยประกาศตำแหน่งงานใหม่ๆ ผ่านช่องทาง Facebook Page และ Twitter @BlognoneJobs รวมถึงเนื้อหาที่เหมาะสำหรับคนหางาน เช่น ทักษะด้านโปรแกรมเมอร์ที่นายจ้างต้องการ ทักษะสายโปรแกรมเมอร์ที่นักศึกษาจบใหม่ควรมี เป็นต้น
# ร่วมด้วยช่วยกัน Fujifilm ออก FUJIFILM X Webcam แอปเปลี่ยนกล้องเป็น Webcam บ้าง หลัง Canon เปิดตัว EOS Webcam Utility ซอฟต์แวร์เปลี่ยนกล้อง DSLR และ Mirrorless บางรุ่นเป็น Webcam ตอนนี้ Fujifilm ก็ออกประกาศ เปิดตัวแอปชื่อ FUJIFILM X Webcam เช่นกัน โดยระบุว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ใช้ หลังความต้องการการใช้งานกล้องเพื่อการประชุมทางไกลพุ่งสูงขึ้น กล้องที่จะสามารถนำมาใช้เป็นเว็บแคมได้ คือรุ่น GFX100, GFX 50S, GFX 50R, X-H1, X-Pro2, X-Pro3, X-T2, X-T3 และ X-T4 ตัวซอฟต์แวร์ใช้งานได้บน Windows 10 64-bit เท่านั้น ส่วนเวอร์ชั่น MacOS หรืออื่นๆ ต้องติดตามกันต่อไป และสามารถดาวน์โหลดได้ บนหน้าเว็บไซต์ของ Fujifilm ที่มา - TheVerge, FujiFilm
# ไลนัสเรียกร้องให้เลิกตัดบรรทัดที่ 80 ตัวอักษร ระบุใครๆ ก็ใช้จอกว้างกว่านั้นกันแล้ว ไลนัสแสดงความเห็นขนาดยาวหลังกลุ่มพัฒนาเคอร์เนลถกเถียงกันว่าควรจะขยายความกว้างไฟล์จาก 80 ตัวอักษรไปเป็น 100 ตัวอักษรหรือไม่ โดยระบุว่าเขาไม่อยากเห็นแพตช์เคอร์เนลที่ต้องเขียนให้อ่านยากกว่าเดิมเพราะต้องทำตามกฎ 80 ตัวอักษรอีกแล้ว และการตัดบรรทัดที่ 80 ตัวอักษรก็สร้างปัญหาหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อต้องการ grep ค้นหาโค้ด ความกว้าง 80 ตัวอักษรที่เป็นที่มาของมาตรฐานโค้ดจำนวนมากเกิดมาจากเทอร์มินัลในยุคก่อนสามารถแสดงเต็มหน้าจอที่ 80 ตัวอักษร 25 บรรทัด เป็นที่มาของจอแบบ 80x25 ไลนัสระบุว่าเทอร์มินัลของเขาใช้หน้าจอขนาด 100x50 และยังสามารถวางไฟล์ได้ 6 ไฟล์เรียงกัน ขณะที่ไม่มีใครใช้งานเทอร์มินัลกว้าง 80 ตัวอักษรอีกแล้ว เพราะโปรแกรมต่างๆ ล้วนต้องการหน้าจอกว้างกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ps ax, diff, หรือ top โดยหน้าจอหลักของไลนัสใช้หน้าจอ 142x76 ที่มา - LKML ภาพหน้าจอเครื่อง AT&T PC 7300 ที่ผลิตออกมาเมื่อปี 1985
# McLaren กับ OnePlus หมดสัญญาพาร์ทเนอร์กันแล้ว หลัง McLaren กับ OnePlus ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันมาตั้งแต่ปี 2018 โดย OnePlus ที่หันมาเน้นจุดขายในด้านความเร็วเช่นเดียวกับราคาที่จับต้องได้ ใช้แบรนด์ McLaren มาสร้างมือถือรุ่นพิเศษ เพื่อสื่อถึงความเร็ว และใช้วัสดุที่ได้แรงบันดาลใจจากเบาะหนังของ McLaren เช่นรุ่น OnePlus 6T McLaren Edition และ OnePlus 7T Pro รุ่น McLaren 5G วันนี้ ชื่อของ OnePlus หายไปจากรายชื่อพันธมิตรอย่างเป็นทางการ บนหน้าเว็บไซต์ McLaren แล้ว เมื่อ Android Police ติดต่อไปยัง McLaren เพื่อสอบถาม ก็ได้รับการยืนยันว่าสัญญาที่ทั้งสองค่ายทำกันตั้งแต่ปี 2018 สิ้นสุดลงไปแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่าเราคงไม่ได้เห็นมือถือ OnePlus รุ่น McLaren ไปอีกสักพัก แต่ก็ต้องติดตามว่า OnePlus จะพยายามต่อสัญญาในอนาคตหรือไม่ หรือจะทำสัญญาเป็นพันกับแบรนด์ใดอีก ต่อไป ที่มา - Android Police
# เกาหลีใต้ทดสอบระบบลงทะเบียนติดตาม COVID-19 บังคับเฉพาะพื้นที่เสี่ยง เช่น คลับ, คาราโอเกะ, โรงหนัง เกาหลีใต้เริ่มทดสอบระบบลงทะเบียนเข้าพื้นที่เพื่อติดตามกรณีมีผู้ติดโรค COVID-19 และต้องติดตามผู้เข้าใกล้มาตรวจ โดยจะเริ่มทดสอบในสถานที่ 19 แห่งในสัปดาห์แรกก่อนจะเปิดบริการทั่วไปในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ โดยรูปแบบการลงทะเบียนเป็นการสร้าง QR จากโทรศัพท์ผู้เข้าใช้บริการ และฝั่งร้านค้าเป็นผู้สแกน กระบวนการลงทะเบียนของเกาหลีใต้จะบังคับเฉพาะพื้นที่มีความเสี่ยงสูง เช่น คลับบาร์, คาราโอเกะ, คอนเสิร์ตฮอลล์, และยิมที่ให้บริการออกกำลังกายเป็นคลาส ส่วนร้านอาหารทั่วไปนั้นจะเป็นเพียงการแนะนำให้สแกนเท่านั้น ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด หลังจากก่อนหน้านี้คลัสเตอร์ใหญ่ของผู้ติดเชื้อมาจากคลับใน Itaewon ถึง 270 ราย เกาหลีใต้นับเป็นประเทศต้นแบบของการติดตามการเข้าใกล้การติดเชื้อหรือ contact tracing อย่างหนัก เพื่อตามให้ผู้เข้าใกล้ผู้ติดเชื้อได้มาตรวจว่าติดด้วยหรือไม่ โดยมีแนวทางการติดตามจากข้อมูลโทรศัพท์มือถือ, กล้องวงจรปิด, และข้อมูลการใช้บัตรเครดิต ที่มา - The Korea Herald, Aju Business Daily ภาพโดย 8minwoo
# Kojima เผย Death Stranding นับได้ว่าประสบความสำเร็จเพราะถึงจุดคุ้มทุนแล้ว Death Stranding นับเป็นเกม AAA เกมหนึ่งที่เสียงวิจารณ์แตกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน คนที่ชอบก็คือชอบไปเลย ส่วนคนที่ไม่ชอบรูปแบบเกมเพลย์ก็ยี้ไปเลยเช่นกัน คำถามหนึ่งที่ผุดขึ้นมาคือสรุปแล้วเกมนี้ประสบความสำเร็จแค่ไหน Hideo Kojima ผู้กำกับเกมได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ของญี่ปุ่น (ตั้งแต่มีนาคม) ในหลากหลายประเด็น หนึ่งในนั้นมีพูดถึงยอดขายของ Death Stranding โดย Kojima บอกว่า ณ ตอนนี้รายได้ของ Death Stranding ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว ดังนั้นเขาคงพอเรียกว่าประสบความสำเร็จแล้วก็ได้ แล้วเวอร์ชันพีซีก็เตรียมจะขายเร็ว ๆ นี้ด้วย และตอนนี้สตูดิโอก็พอจะมีทุนสำหรับแพลนในอนาคตแล้ว ที่มา - Livedoor News via DualShockers
# แอปเปิลปิด Apple Store ในสหรัฐฯ ชั่วคราว หลังการประท้วงลุกลาม Apple ปิดร้านค้าปลีกหรือ Apple Store ส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้า เพราะช่วงนี้มีการประท้วงจากการเสียชีวิตของ George Floyd ชายผิวดำที่เสียชีวิตจากการกระทำรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการประท้วงก็เกิดขึ้นในหลายเมืองของสหรัฐฯ รวมถึงมีจลาจล และปล้นร้านค้าด้วย ในสหรัฐฯมี Apple Store 271 แห่ง และมี 140 ที่เพิ่งกลับมาเปิดได้ไม่นานหลังสถานการณ์ COVID-19 ผ่อนคลายความตึงเครียดลง แต่ก็เกิดการประท้วงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะเหตุการณ์ George Floyd ภาพจาก Apple Store Fifth Avenue ที่มา - 9to5Mac
# ทีมพัฒนาใน Facebook ปล่อย Venue จัดการสร้างโพลล์, แชร์ความเห็นระหว่างไลฟ์แข่งขันกีฬา ทีมพัฒนาของใหม่ใน Facebook หรือทีม New Product Experimentation (NPE) ปล่อยของใหม่มาอีกแล้ว เป็นแอปพลิเคชั่น Venue มอบประสบการณ์การรับชมอีเว้นท์ และการแข่งขันกีฬาแบบหน้าจอที่สอง โดย Venue ไม่ใช่แพลตฟอร์มไลฟ์ แต่เป็นที่ๆ ให้ผู้ใช้งานที่เป็นคนจัดอีเว้นท์มาแสดงความคิดเห็น, สร้างโพลล์, แชร์ช่วงเวลาที่เป็นไฮไลต์ของการแข่งขันระหว่างที่อีเว้นท์นั้นๆ กำลังดำเนินอยู่ โดยคนทั่วไปก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมใน Venue ได้ เป็นการทดแทนที่คนดูไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันในสนามใดๆ ได้ในช่วงนี้ ตัวแอป Venue เปิดตัวเฉพาะในสหรัฐฯ ทั้ง iOS และแอนดรอยด์ ก่อนหน้านี้ทีม NPE ก็ปล่อยของออกไปหลายตัวคือ Hobbi ไว้บันทึกงานศิลปะ DIY สไตล์ Pinterest, Collab แอปวิดีโอสั้นให้เราเล่นดนตรีกับเพื่อนได้, CatchUp แอปคุยโทรศัพท์ ที่รู้ได้ว่าปลายสายว่างคุยกับเราหรือไม่ ที่มา - NPE Blog
# รู้จัก Fedora Silverblue กับแนวคิด OS แก้ไขไม่ได้ (Immutable OS) ที่ใช้ในเดสก์ท็อป Immutable OS เป็นแนวคิดใหม่ของวงการระบบปฏิบัติการ ที่พยายามสร้าง OS แบบอัพเดตแยกส่วนไม่ได้ (ป้องกันอัพเดตบางส่วนแล้วพัง) แต่หันมาใช้ระบบอัพเดตทั้งอิมเมจแทน (แล้วสลับอิมเมจเอา) หากอัพเดตแล้วมีปัญหาก็สามารถสลับคืนไปอิมเมจเก่าได้ทันที ตัวอย่างของ OS กลุ่มนี้คือ CoreOS ซึ่งมักใช้ในงานเซิร์ฟเวอร์-คอนเทนเนอร์ หรือ Android/Chrome OS ก็ใช้แนวทางการอัพเดตตัวระบบปฏิบัติการหลักแบบนี้เช่นกัน Fedora Silverblue (ชื่อเดิมคือ Fedora Atomic Workstation) เป็นโครงการย่อยของ Fedora ที่นำแนวคิด Immutable OS มาใช้กับงานเดสก์ท็อป-เวิร์คสเตชัน หลักการของมันคือตัว root filesystem เป็นแบบอ่านได้อย่างเดียว (read-only) เพื่อป้องกันการแก้ไข จากทั้งมัลแวร์ที่ตั้งใจประสงค์ร้าย และความผิดพลาดของผู้ใช้ Fedora Silverblue ใช้ระบบแพ็กเกจแบบ RPM/Flatpak เช่นเดียวกับ Fedora รุ่นปติ แต่เพิ่มเลเยอร์ของ OSTree ที่มองระบบปฏิบัติการเป็นต้นไม้ (tree) โดยดึงแพ็กเกจซอฟต์แวร์ต่างๆ เข้ามาประกอบร่างกันเป็นอิมเมจ (นั่นแปลว่าถ้าต้องการเพิ่มแพ็กเกจซอฟต์แวร์บางตัว ต้องสร้างอิมเมจใหม่ทั้งหมด) ปัจจุบัน Fedora Silverblue มีรอบการออกทุก 6 เดือนเหมือน Fedora รุ่นปกติ ทีมงานของ Silverblue ยอมรับว่าแนวคิด Immutable OS ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างในการใช้งานแบบเวิร์คสเตชัน เช่น การติดตั้งไดรเวอร์บางตัว หรือ การติดตั้งฟอนต์เพิ่มเติมในภายหลัง ที่มา - Fedora
# EA เลื่อนเปิดตัวเกม Madden NFL 21 จากเหตุประท้วงในสหรัฐอเมริกา EA ประกาศเลื่อนเปิดตัวเกมอเมริกันฟุตบอลภาคใหม่ Madden NFL 21 ที่มีกำหนดเปิดตัววันนี้ ด้วยเหตุผลเรื่องสถานการณ์ชุมนุมประท้วงในสหรัฐอเมริกา และยังไม่ประกาศว่าจะเลื่อนเปิดตัวเป็นวันไหน เหตุการณ์ประท้วงในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ กูเกิลเลื่อนเปิดตัว Android 11 Beta และคงต้องจับตาดู การเปิดตัวเกมบน PS5 ของโซนี่ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ว่าจะต้องเลื่อนด้วยหรือไม่ ที่มา - VentureBeat
# นักบินอวกาศเข้าปฎิบัติหน้าที่ในสถานีอวกาศนานาชาติจากยาน Dragon เป็นที่เรียบร้อย หลังจากยาน Dragon เชื่อมต่อเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติสำเร็จ สองนักบิน Robert Behnken และ Douglas Hurley ต้องรอกระบวนการปรับความดันอีกนับชั่วโมงตามแผนจนกระทั่งสามารถเคลื่อนย้ายเข้าไปยังสถานีอวกาศได้ เมื่อเวลาเที่ยงคืน 2 นาทีที่ผ่านมา กระบวนการทั้งหมดเรียบร้อยดี ระหว่างการทดสอบระบบมีปัญหาเสียงจากสถานีฐานไปยังยาน Dragon ไม่ชัดเจนบ้าง ที่มา - @NASA 1, 2