txt
stringlengths
202
53.1k
# ไมโครซอฟท์ประกาศปรับฟีเจอร์สแกนเอกสารทีละหลายหน้าบนแอพ OneDrive ให้ใช้งานฟรี OneDrive แอพบริการสตอเรจออนไลน์ของไมโครซอฟท์ ประกาศปรับฟีเจอร์สแกนเอกสารทีละหลายหน้า ให้ผู้ใช้ทั่วไปซึ่งมีแอคเคาท์ OneDrive แบบฟรีสามารถใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้แล้ว จากเดิมที่เคยเป็นฟีเจอร์พรีเมี่ยมซึ่งใช้งานได้เฉพาะสมาชิกบริการ Microsoft 365 เท่านั้น ไมโครซอฟท์บอกว่าการตัดสินใจปรับบริการครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องทำงานจากที่บ้านและไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆ ได้เหมือนอยู่ที่ทำงาน จึงตั้งใจปล่อยฟีเจอร์สแกนเอกสารทีละหลายหน้าให้ใช้งานได้ฟรี เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีเครื่องสแกนไว้ใช้งาน อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ข้างต้นก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ กล่าวคือผู้ใช้จะสามารถรวมภาพเอกสารจากการสแกน เข้ามาอยู่ในไฟล์เอกสาร PDF เดียวกันได้สูงสุดเพียง 10 หน้าเท่านั้น ถ้ามากกว่านั้นต้องแยกเป็นอีกไฟล์ (ผู้เขียนเข้าใจว่าถูกจำกัดด้วยความสามารถของแอพในปัจจุบัน - อ้างอิงจากซัพพอร์ตของแอพบน Android) ท่านใดสนใจเข้าไปดาวน์โหลดแอพ OneDrive ได้ที่ Google Play (ใช้ได้กับแอพเวอร์ชัน 6.5 ขึ้นไป) และที่ App Store (ใช้ได้กับแอพเวอร์ชัน 11.31.5 ขึ้นไป) ครับ ที่มา - OneDrive Blog via MSPoweruser ภาพแสดงขั้นตอนการใช้งานฟีเจอร์ทีละหลายหน้า จากวิดีโอของไมโครซอฟท์
# ยาน Crew Dragon ของ SpaceX เชื่อมต่อเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติสำเร็จแล้ว เมื่อเวลา 21:16 น. ที่ผ่านมา ยาน Crew Dragon ของ SpaceX ได้เชื่อมต่อเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS ได้สำเร็จแล้ว หลังจากทะยานออกจากแผ่นดินสหรัฐอเมริกาเมื่อเวลา 2:22 น. ของวันที่ 31 พฤษภาคม ตามเวลาประเทศไทย โดยไปถึง ISS เร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย การเดินทางจากโลกถึง ISS ใช้เวลาเกือบ 19 ชั่วโมง โดยไม่นานก่อนถึง ISS นักบินอวกาศทั้งสองคนคือ Robert Behnken และ Douglas Hurley ได้ทดลองควบคุมยาน Dragon ด้วยมือ ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่ต้องทำ เพราะปกติยานจะทำงานแบบอัตโนมัติทุกอย่าง แต่การควบคุมด้วยมือก็ยังจำเป็นหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ทั้งสองคนก็ได้นอนหลับพักผ่อนเป็นเวลา 8 ชั่วโมง รวมถึงกินอาหารด้วย ยาน Crew Dragon ขณะอยู่ห่างจาก ISS ราว 30 เมตร ขณะที่กำลังเขียนข่าวนี้ ยาน Crew Dragon กำลังรอเปิดประตูยานอยู่ ซึ่งต้องมีการปรับความดันของ ISS และยานให้เท่ากันก่อน คาดว่าจะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง อัพเดต: ล่าสุดประตูเชื่อมระหว่างยาน Dragon กับ ISS ได้เปิดออกแล้ว และนักบินอวกาศทั้งสองคนก็เข้าประจำการบน ISS อย่างเป็นทางการเพื่อปฏิบัติหน้าที่บนสถานีต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยทั้งคู่ได้รับการต้อนรับจากนักบินอวกาศอีก 3 คนที่ประจำการอยู่ก่อนแล้ว คือ Chris Cassidy ชาวอเมริกัน, Ivan Vagner และ Anatoli Ivanishin สองนักบินอวกาศชาวรัสเซีย จากซ้ายไปขวา Anatoli Ivanishin, Ivan Vagner, Chris Cassidy, Robert Behnken และ Douglas Hurley ทั้งนี้ นักบินอวกาศทั้งสองคนมีกำหนดอยู่บน ISS ราว 1 ถึง 4 เดือน ที่มา - SpaceX Live ยาน Crew Dragon ขณะอยู่ห่างจาก ISS ราว 1 เมตร ยาน Crew Dragon หลังเชื่อมต่อกับ ISS แล้ว
# พบเซิร์ฟเวอร์ Sign in with Apple ปล่อยกุญแจยืนยันตัวตนของผู้ใช้ใดๆ แอปเปิลจ่ายรางวัลนักวิจัย 100,000 ดอลลาร์ Bhavuk Jain นักวิจัยความปลอดภัยรายงานถึงช่องโหว่ของบริการ Sign in with Apple โดยกระบวนการล็อกอินคล้าย OAuth 2.0 ที่ผู้ใช้ต้องยื่นขอกุญแจ JWT จากเซิร์ฟเวอร์แอปเปิล เพื่อไปส่งต่อให้กับบริการภายนอกโดยบริการภายนอกเช่นเว็บหรือแอปสามารถตรวจสอบความถูกต้องของ JWT ได้ และอนุญาตให้ผู้ใช้ล็อกอิน อย่างไรก็ดี Jain พบว่าเซิร์ฟเวอร์ appleid.apple.com ปล่อยกุญแจของอีเมลใดๆ เพียงแค่ส่ง HTTP POST เข้าไปเท่านั้น ช่องโหว่นี้ทำให้แฮกเกอร์ที่ได้รับกุญแจไปสามารถขอกุญแจ JWT ของผู้ใช้อื่นๆ แล้วนำไปล็อกอินยึดบัญชีของบริการต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น Dropbox, Spotify, หรือ Airbnb ทางด้านแอปเปิลรับรายงานและสอบสวนภายใน ยืนยันว่าไม่มีการโจมตีด้วยช่องโหว่นี้มาก่อนหน้าที่ Jain จะรายงานช่องโหว่ แล้วจ่ายเงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์เนื่องจากเป็นช่องโหว่ที่ผลกระทบสูง ที่มา - Bhavuk Jain
# เมื่อนักบิน NASA นำตุ๊กตาไดโนเสาร์ ขึ้นจรวดไปด้วย, ขายบนเว็บ SpaceX ตัวละ 25 ดอลลาร์ ในภารกิจส่งนักบินอวกาศ NASA ของ SpaceX เมื่อคืนนี้ อาจมีคนเห็นว่านักบินอวกาศหยิบ "ตุ๊กตาไดโนเสาร์" ขึ้นจรวดไปด้วย (และวางไว้ที่นั่งข้างนักบิน ใส่เข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย) ตุ๊กตาตัวนี้เป็นสินค้าที่ระลึกของ SpaceX มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Demo 2 Dinosaur Plush Toy ขายผ่านหน้าเว็บของ SpaceX ในราคาตัวละ 25 ดอลลาร์ ตอนนี้สินค้าถูกถอดออกจากหน้าเว็บแล้ว น่าจะมีสาเหตุมาจากความโด่งดังในข้ามคืน จนสินค้าขายหมดนั่นเอง (เพิ่มเติม: มีตุ๊กตาแบบเดียวกันขายบน Walmart แต่ก็ของหมดแล้วเช่นกัน)
# Netflix ยกเลิกการบีบทราฟิคข้อมูลและลดคุณภาพวิดีโอในประเทศไทยแล้ว หลังจาก Netflix บีบทราฟฟิคลง 25% ทั่วโลกเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม ทำให้คุณภาพวิดีโอลดลงไปด้วย เบื้องต้นมีผล 30 วัน โดยยุโรปเริ่มมีการยกเลิกไปแล้วก่อนหน้านี้ ทีมงาน Blognone สอบถามไปยังตัวแทนของ Netflix ในสิงคโปร์ได้ความว่าการบีบทราฟฟิคในประเทศไทยถูกยกเลิกเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว โดย Netflix บอกด้วยว่านอกจากการบีบทราฟฟิคข้อมูลแล้ว ได้ปรับปรุงให้ให้ระบบหลังบ้านรองรับปริมาณทราฟฟิคมากกว่าปกติถึง 4 เท่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
# ซีอีโอ Take-Two ผิดหวังกับ Google Stadia ผู้เล่นเติบโตช้า, เทคโนโลยีคุยเกินจริง Strauss Zelnick ซีอีโอของ Take-Two Interactive ค่ายเกมยักษ์ใหญ่เจ้าของ 2K และ Rockstar ไปพูดที่งานสัมมนา Bernstein Annual Strategic Decisions Conference ยอมรับว่า Google Stadia ทำผลงานได้น่าผิดหวัง Zelnick เล่าว่า Take-Two ตัดสินใจเข้าร่วม Stadia เพราะมองเห็นศักยภาพของเทคโนโลยีเกมสตรีมมิ่ง ที่จะกลายมาเป็นกระแสหลักของวงการในอนาคต ตัวเขาเองเชื่อว่าสตรีมมิ่งจะเกิดแน่ๆ เพราะขยายตลาดไปจับคนที่อยากเล่นเกมแต่ไม่อยากซื้อคอนโซล อย่างไรก็ตาม เขามองว่า Stadia เติบโตช้ากว่าที่คิด และกูเกิลโฆษณาเกินจริงไป (overpromising) เรื่องเทคโนโลยีเกมสตรีมมิ่ง เขายังแยกแยะประเด็นว่า การเล่นเกมผ่านสตรีมมิ่ง กับ โมเดลธุรกิจแบบเหมาจ่าย (subscription) เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งตัวเขาสนับสนุนเกมสตรีมมิ่ง แต่ไม่เห็นด้วยกับการเหมาจ่ายเพื่อเล่นเกม Take-Two นำเกมบางเกมมาให้เล่นบน Stadia มีทั้งเกมฟอร์มยักษ์อย่าง Red Dead Redemption II, เกมกีฬาตระกูล 2K อย่าง NBA 2K20 และเกมกอล์ฟ PGA 2K21 รวมถึง Borderlands 3 ที่ 2K เป็นผู้จัดจำหน่าย ที่มา - Gamespot, DualShockers
# Sony ยืนยัน PS5 ออกขายตามกำหนด, ราคาไม่ถูกที่สุด, ไม่สนใจนำเกม PS5 มา PS4 Jim Ryan ซีอีโอของ Sony Interactive Entertainment ให้สัมภาษณ์กับ GamesIndustry.biz ให้ข้อมูลเพิ่มเติมของ PS5 ดังนี้ PS5 จะวางขายตามกำหนดสิ้นปีนี้ เกมของ Sony เองพัฒนาตามกำหนด แต่ก็ยอมรับว่ามีความยากลำบากจากปัญหา COVID-19 เช่น วิศวกรไม่สามารถเข้าไปที่โรงงานในจีนได้ ราคาของ PS5 ไม่จำเป็นต้องถูกที่สุด (lowest price) แต่ต้องสะท้อนคุณค่าของมัน เขายืนยันว่า เกม PS5 จะไม่สามารถนำมาเล่นบน PS4 ได้ (สวนทางกับนโยบายของ Xbox Series X) โดยให้เหตุผลว่า Sony เชื่อมั่นในความก้าวหน้าของ generations ของคอนโซล เขาประเมินว่า ฐานลูกค้า PS4 ประมาณ 100 ล้านคน จะมีคนย้ายมา PS5 ประมาณ 15-25 ล้านคนในช่วงปีแรกๆ ซึ่ง Sony จะยังซัพพอร์ต PS4 ต่อไป ในมุมกลับกัน เว็บไซต์ Eurogamer รายงานข่าวว่า Sony แจ้งนักพัฒนาเกมแล้วว่า เกมบน PS4 ที่ส่งตรวจสอบคุณภาพและรอการรับรองจาก Sony หลังวันที่ 13 กรกฎาคม 2020 เป็นต้นไป จะต้องผ่านการทดสอบว่าเล่นบน PS5 ได้ด้วย ที่มา - GamesIndustry.biz, Eurogamer
# VS Code ออกเวอร์ชัน ARM64, ใช้งานบน Surface Pro X ได้แล้ว ไมโครซอฟท์ออก Visual Studio Code สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows on ARM แล้ว ทำให้อุปกรณ์อย่าง Surface Pro X เริ่มน่าสนใจมากขึ้นสำหรับคนที่อยากซื้อมาเขียนโค้ดนอกสถานที่ เว็บไซต์ The Register วิเคราะห์ว่า VS Code เวอร์ชัน ARM มาช้า เพราะตัวมันพัฒนาขึ้นบน Electron (ที่พัฒนาต่อจาก Chromium อีกที) ซึ่งว่า Electron จะรองรับ ARM64 ก็ต้องรอถึงปี 2019 และต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าไมโครซอฟท์จะพัฒนา VS Code ARM ตามมา ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เพิ่งออก Edge Chromium เวอร์ชัน ARM64 หลังการวางขาย Surface Pro X เช่นกัน ทำให้ Surface Pro X โดนวิจารณ์ว่าไม่ค่อยพร้อมในเรื่องแอพที่รองรับ แม้แต่แอพของไมโครซอฟท์เองก็ตาม VS Code เวอร์ชัน ARM64 เริ่มเปิดให้ทดสอบกับกลุ่ม Insiders ก่อน ที่มา - The Register
# SpaceX นำส่งนักบินอวกาศขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จ กู้คืนจรวด Falcon 9 ได้ SpaceX เดินหน้าภารกิจ Demo-2 ได้สำเร็จหลังจากเลื่อนภารกิจมาจากวันพฤหัสที่ผ่านมา โดยวันนี้แม้อากาศจะไม่เป็นใจนัก แต่ช่วงครึ่งชั่วโมงก่อนกำหนดยิงก็ยืนยันว่าอากาศดีพอที่จะยิงได้ หลังจากยิงขึ้นไปแล้วตัวจรวด Falcon 9 ก็ลงจอดบนเรือ Of Course I Still Love You ได้สำเร็จ หลังจากนำยาน Dragon ขึ้นสู่วงโคจรเรียบร้อยแล้วภารกิจ Demo-2 จะมีเวลาอีก 19 ชั่วโมงเพื่อเตรียมเชื่อมต่อเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ โดยนักบิน Robert Behnken และ Douglas Hurley ได้นำ "เครื่องตรวจการเข้าสู่ภาวะไร้น้ำหนัก" เป็นตุ๊กตาไดโนเสาร์เข้าไปในตัวยาน Dragon ด้วย ภารกิจ Demo-2 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่สหรัฐฯ ส่งนักบินอวกาศขึ้นจากฐานยิงในสหรัฐฯ หลังจากปิดโครงการกระสวยอวกาศไปเมื่อปี 2011 โดยหากการตรวจสอบในภารกิจนี้สำเร็จก็จะใช้ Falcon 9 และ Dragon ในการนำส่งนักบินอวกาศในภารกิจต่อๆ ไป ส่วนตัว SpaceX เองมีกำหนดการว่าจะเริ่มนำนักท่องเที่ยวขึ้นสู่อวกาศได้ในปี 2021 ที่จะถึงนี้ ที่มา - YouTube: SpaceX
# Microsoft Edge เริ่มใช้ระบบหน่วยความจำแบบใหม่ Segment Heap ลดการใช้แรมลง 27% ไมโครซอฟท์อธิบายของใหม่ใน Windows 10 May 2020 Update (v2004) มีประเด็นที่น่าสนใจคือ ระบบจัดการหน่วยความจำแบบใหม่ที่เรียกว่า segment heap เดิมที ระบบหน่วยความจำของ Windows มีแบบเดียว เรียกว่า NT heap ใช้กันมาตั้งแต่ Windows NT แต่พอถึงยุคของ Windows 10 ก็เริ่มมีระบบ segment heap ที่จัดการหน่วยความจำก้อนเล็กๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพียงแต่จำกัดเฉพาะแอพแบบ UWP เท่านั้น (ถ้าเป็นแอพ Win32 จะยังใช้ NT heap) พอมาถึง Windows 10 v2004 ไมโครซอฟท์ตัดสินใจเริ่มใช้ segment heap กับแอพ Win32 ด้วย และแอพตัวแรกที่ได้ใช้คือ Microsoft Edge ผลพบว่าการใช้งานหน่วยความจำลดลงไปสูงสุดถึง 27% (การใช้งานจริงขึ้นกับกรณี) ไมโครซอฟท์ระบุว่าจะเปิด segment heap ให้นักพัฒนารายอื่นๆ ใช้งานเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้ ที่มา - Microsoft
# StackOverflow สำรวจตลาดแรงงาน: DevOps เงินเดือนลดปีที่สอง, Rust เงินเดือนขึ้นเกือบเท่า Go StackOverflow ออกรายงานสำรวจตลาดแรงงานต่อเนื่อง (ข่าวเก่าปี 2018, 2019) โดยภาพรวมตำแหน่งงานที่ร้อนแรงอย่าง DevOps Specialist นั้นมีรายได้ต่ำลงเล็กน้อย โดยปีนี้รายได้เฉลี่ยเหลือ 68,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยในปี 2018 อยู่ที่ 72,000 ดอลลาร์ และปี 2019 อยู่ที่ 71,000 ดอลลาร์ แนวโน้มนี้สวนทางกับตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ที่รายได้ตำแหน่งนี้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนตำแหน่งงาน Site Reliability Engineer (SRE) ก็มีแนวโน้มรายได้ลดลงเช่นกัน เหลือ 80,000 ดอลลาร์ต่อปีจากปีที่แล้ว 85,000 ดอลลลาร์ ส่วนในสหรัฐฯ รายได้ 140,000 ดอลลาร์ไม่เปลี่ยนแปลง ในมุมมองภาษาโปรแกรม ภาษา Rust รายได้ขึ้นมาอยู่ที่ 74,000 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนภาษา Go รายได้กลับลดลงจาก 79,000 ดอลลาร์ลงมาเหลือพอๆ กับ Rust เท่านั้น ภาษา Rust ยังคงเป็นภาษาที่นักพัฒนาให้ความสนใจสูงสุด 86.1% ตามมาด้วย TypeScript และ Python 67%, 66% ตามลำดับ ส่วนภาษาที่นักพัฒนาอยากเลิกใช้สูงๆ เช่น VBA ที่ 80.4%, Objective-C 76.6%, และ Perl 71.4% ที่มา - StackOverflow
# แจ้งเตือน root CA ของ AddTrust หมดอายุ เว็บจำนวนมากอาจมีปัญหากับไคลเอนต์เก่า วันนี้ (30 พฤษภาคม 2020) ใบรับรอง root CA ของ AddTrust (หมายเลขประจำตัวบน crt.sh เป็น 1) ถึงกำหนดหมดอายุหลังใช้งานมาแล้ว 20 ปี อาจส่งผลกระทบถึงใบรับรองจำนวนมากที่ cross-sign กับทาง AddTrust ไม่สามารถใช้งานได้กับไคลเอนต์เก่าๆ เช่น Ubuntu Trusty 14.04 เป็นต้น กระบวนการ cross-sign เป็นกระบวนการที่ root CA รับรองใบรับรองที่ออกโดย root CA อื่น ผ่านการรับรอง intermediate CA หรือ CA ระดับกลางที่มีหน้าที่เซ็นรับรองใบรับรองเว็บต่างๆ โดยตรง (ดูภาพประกอบ) กรณีเช่นนี้แม้ root CA ตั้งใหม่จะยังไม่เป็นที่รู้จักโดยเบราว์เซอร์หรือระบบปฎิบัติการต่างๆ แต่ก็สามารถไปขอ cross-sign กับ root CA เดิมที่เป็นที่รู้จักก่อนหน้าแล้วได้ เช่น กรณีของ Let's Encrypt ที่ออกใบรับรองฟรีทุกวันนี้ก็เริ่มจากการ cross-sign โดย IdenTrust กรณีของ AddTrust มีผู้ออกใบรับรองรายใหญ่อย่าง Sectigo หรือ Comodo เดิมใช้บริการ cross-sign ไว้ และใบรับรองสำหรับการ cross-sign ก็หมดอายุไปพร้อมกัน กรณีเช่นนี้ทาง Sectigo ออกใบรับรองที่ cross-sign โดย "AAA1 Certificate Services" ที่ยังใช้งานได้ถึงปี 2028 อย่างไรก็ดีไคลเอนต์ที่มีปัญหากับเหตุการณ์นี้แทบทั้งหมดเป็นไคลเอนต์ที่หมดอายุซัพพอร์ตไปนานแล้ว ผู้ดูแลระบบก็อาจจะพิจารณาหยุดซัพพอร์ตอุปกรณ์เหล่านั้น ที่มา - Sectigo
# Duolingo ย้ายแอพ Android จาก Java เป็น Kotlin ทั้งหมดแล้ว จำนวนโค้ดลดลงไป 30% Duolingo แอพสอนภาษาต่างประเทศชื่อดัง เล่าประสบการณ์การย้ายแอพเวอร์ชัน Android จากที่เขียนด้วยภาษา Java มาเป็น Kotlin เสร็จสมบูรณ์แล้ว 100% Duolingo ระบุว่าใช้เวลาย้ายจาก Java เป็น Kotlin ทั้งหมด 2 ปี (เริ่มทำช่วงต้นปี 2018) เหตุผลที่ย้ายเป็นเพราะ Kotlin เขียนง่ายกว่า ดูแลโค้ดง่ายกว่า ตัดข้อกังวลเรื่องปัญหาแครช (Duolingo บอกว่าข้อความ commit ยอดฮิตช่วงก่อนหน้านี้คือ Fix NullPointerException crash ซึ่งตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว) ทีมพัฒนาของ Duolingo เคยมีประสบการณ์ย้ายแอพ iOS มาเป็น Swift และย้ายเว็บมาเป็น TypeScript มาก่อนแล้ว จึงเข้าใจปัญหาและความเสี่ยงของการย้ายระบบเป็นอย่างดี กระบวนการทำงานเริ่มต้นจากการศึกษา Kotlin จากเอกสารต่างๆ แล้วนำมาพรีเซนต์กันในทีม จากนั้นเริ่มแจกงานย้ายโค้ด Java เป็น Kotlin ให้โปรแกรมเมอร์ทุกคนแบบเจาะจง และกำหนดตำแหน่ง "Kotlin checker" ให้คนที่มีประสบการณ์เขียน Kotlin ช่วยแนะนำคนอื่นๆ ในทีมด้วย ทีม Duolingo ยังแชร์เทคนิคการแปลง Java เป็น Kotlin อีกหลายอย่าง เช่น การแปลงไฟล์หนึ่งไฟล์ให้แยกเป็น 3 commit เพื่อให้ตรวจสอบข้อผิดพลาดในแต่ละขั้นตอนได้ง่าย, การกำหนดว่าไฟล์ไหนควรแปลงก่อนหลัง ตามความถี่ที่ใช้บ่อย, การทำตารางคะแนนแข่งกันภายในทีมเพื่อดูว่าใครแปลงโค้ดได้เยอะกว่า เป็นต้น ผลของการแปลงโค้ด Java เป็น Kotlin ทำให้จำนวนบรรทัดลดลงไปเฉลี่ยราว 30% และในบางกรณีอาจลดลงถึง 90%, ทีมงานมีความสุขมากขึ้น และมีประสบการณ์ Kotlin มากพอจนสามารถเขียน Kotlin สำหรับงาน backend ควบคู่ไปกับ Python และ Java ได้ด้วย ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ของ Duolingo เป็นคนไทย ชื่อคุณ Art Chaidarun ที่มา - Duolingo, Android Developers
# ไมโครซอฟท์จับมือกูเกิล พัฒนา Chromium ให้รองรับตัวตรวจสะกด Windows Spellcheck ไมโครซอฟท์เผยความร่วมมือกับกูเกิล พัฒนาให้เว็บเบราว์เซอร์สาย Chromium ทั้งหมด (รวมถึง Chrome และ Edge) รองรับตัวตรวจสะกด Windows Spellcheck เมื่อใช้งานบนวินโดวส์ เดิมที Chromium ใช้ตัวตรวจสะกดโอเพนซอร์ส Hunspell ซึ่งใช้ในโครงการโอเพนซอร์สดังๆ หลายตัว (เช่น Firefox, LibreOffice) แต่ถ้าเทียบกันแล้ว Windows Spellcheck เหนือกว่ามากทั้งในแง่ฟีเจอร์ ภาษาที่รองรับ และความแม่นยำ สามารถตรวจสะกด URL, ที่อยู่อีเมล และตัวย่อต่างๆ ได้ (ในขณะที่ Hunspell จะมองว่าเป็นคำผิดทั้งหมด) ตัว Windows Spellcheck มาพร้อมกับ Windows 8.1 ขึ้นไปอยู่แล้ว ตอนนี้ Edge Chromium เวอร์ชัน 83 เปลี่ยนมาใช้ Windows Spellcheck เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเป็นพิเศษ หากต้องการเพิ่มภาษาที่ตรวจสะกดก็เข้าได้จากหน้า Settings ของ Edge ตามปกติ ที่มา - Microsoft
# เลื่อนรอบสอง กูเกิลเลื่อนวันออก Android 11 Beta ไม่มีกำหนด เพราะเหตุประท้วงในสหรัฐ กูเกิลประกาศเลื่อนออก Android 11 Beta ที่มีกำหนดออก 3 มิถุนายน (เลื่อนมารอบหนึ่งแล้วจากปกติช่วงเดือนพฤษภาคม) โดยยังไม่ระบุวันที่ใหม่ บอกเพียงว่าจะประกาศวันที่ใหม่อีกครั้ง ตามแผนเดิมของกูเกิลจะจัดงานแถลงข่าวออนไลน์ The Beta Launch Show เปิดตัวฟีเจอร์ทั้งหมด Android 11 พร้อมปล่อยเวอร์ชัน Beta ให้ดาวน์โหลด แต่กูเกิลให้เหตุผลว่าสถานการณ์ในช่วงนี้ไม่เหมาะกับการเฉลิมฉลองมากนัก ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ประท้วงในหลายเมืองของสหรัฐอเมริกานั่นเอง โฆษกของกูเกิลยืนยันกับ 9to5google ว่าการเลื่อนครั้งนี้มีผลเฉพาะ Android 11 Beta เท่านั้น ส่วน Android 11 ตัวจริงยังมีกำหนดออก (แบบกว้างๆ) ในช่วงไตรมาส 3/2020 เช่นเดิม ที่มา - 9to5google
# เผย Tencent เจรจาขอซื้อหุ้น Warner Music เงินลงทุนอาจสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ มีรายงานว่ากลุ่ม Tencent อยู่ในขั้นตอนการพูดคุยกับ Warner Music Group ค่ายเพลงรายใหญ่ของโลก เพื่อเข้าซื้อหุ้นของบริษัท ก่อนที่บริษัทจะไอพีโอเข้าตลาดหุ้น โดยเงินลงทุนอาจสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะประกาศเป็นทางการในสัปดาห์หน้า Warner Music ถือเป็นหนึ่งใน 3 ค่ายเพลงใหญ่ของโลก (อีก 2 บริษัทคือ Universal และ Sony) ปัจจุบันเป็นบริษัทในกลุ่ม Access Industries ที่เข้าซื้อกิจการและนำ Warner Music ออกจากตลาดหุ้นในปี 2011 ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนนำบริษัทกลับเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง จะทำให้ Tencent กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยี ที่เป็นผู้ถือหุ้นถึง 2 ค่ายเพลงใหญ่ โดยก่อนหน้านี้ได้ซื้อหุ้น 10% ใน Universal Music ตัวแทนของ Tencent และ Warner Music ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่มา: Variety ภาพ Facebook Warner Music Group
# Facebook ยืนยัน ไม่ลบ-ซ่อนโพสต์ของ Trump แบบเดียวกับ Twitter เพราะไม่ผิดกฎ จากกรณี Twitter ซ่อนโพสต์ของ Donald Trump เนื่องจากผิดข้อตกลงใช้งาน จนทำให้ Trump เซ็นคำสั่งละเว้นการคุ้มครองบริการโซเชียลมีเดียทั้งหมด ฝั่งของ Facebook ก็มีความเคลื่อนไหว โดย Mark Zuckerberg ออกมาโพสต์แสดงจุดยืนว่าจะไม่เซ็นเซอร์โพสต์ของ Trump แบบเดียวกับที่ Twitter ทำ Zuckerberg ยอมรับว่าโพสต์ของ Trump อ้างถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในอดีตจริง และมีคนไม่พอใจโพสต์นี้มาก แต่ในอีกด้าน ประชาชนก็มีสิทธิรับรู้ว่ารัฐบาลมีแผนการจะทำอะไรบ้าง (Trump โพสต์ว่าจะส่งทหาร National Guard ไปรักษาความสงบที่เมือง Minneapolis ที่มีเหตุประท้วง) และภายหลัง Trump ก็โพสต์อีกรอบ ขยายความว่าโพสต์แรกเรื่องการส่งทหารเป็น "คำเตือน" หากเหตุการณ์ควบคุมไม่ได้ โพสต์ต้นฉบับของ Trump (ข้อความเดียวกับใน Twitter) โพสต์ขยายความของ Trump จากปัจจัยทั้งหมด Facebook ตัดสินใจว่าโพสต์ของ Trump ยังไม่ละเมิดกฎของแพลตฟอร์มเรื่องความรุนแรง และควรให้ประชาชนรับทราบ อีกทั้ง Facebook ไม่มีนโยบายแปะป้ายเตือนแบบเดียวกับ Twitter เพราะมองว่าควรมีทางเลือกแค่เพียงลบหรือไม่ลบเท่านั้น Zuckerberg บอกว่าส่วนตัวแล้วเขาไม่เห็นด้วยกับที่ Trump โพส์ แต่ก็เชื่อว่าประชาชนควรมีสิทธิเห็นโพสต์นี้เพื่อตัดสินใจเอาเองว่าควรเชื่ออะไร เว็บไซต์ The Verge อ้างข้อมูลจากโพสต์ภายในบริษัท Facebook ที่หลุดออกมา ว่านโยบายของ Facebook ที่ยืนยันว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับเนื้อหาที่นักการเมืองโพสต์ ส่งผลให้พนักงานของบริษัทไม่พอใจ ก่อนหน้านี้ พนักงาน Facebook กลุ่มหนึ่งก็เคยเข้าชื่อกันประท้วงฝ่ายบริหารต่อนโยบายนี้ ที่มา - The Verge
# จีนชนะ รัฐบาลจีนอาจใช้แอป Contact Tracing ถาวรแม้จบ COVID-19 แอป Contact Tracing ที่ติดตามการเดินทางของประชาชน หรือเก็บข้อมูลการเข้าใกล้กันเริ่มมาจากประเทศจีนที่บังคับประชาชนให้แจ้งประวัติการเดินทาง พร้อมกับบังคับ "เช็คอิน" ตามจุดต่างๆ ที่ต้องเดินทางทุกวันผ่านทางลงทะเบียน QR ล่าสุดรัฐบาลเมืองหางโจว (Hangzhou) บ้านเกิดของ Alibaba เริ่มเสนอให้มีการตรวจสอบ "สุขภาพ" ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ข้อเสนอใหม่ของเมืองหางโจวจะพัฒนาแอปที่ตรวจสอบสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบได้เป็นคะแนนและสีบอกระดับความเสี่ยงแบบเดียวกับการติดตามโรค COVID-19 แต่จะใช้แจ้งระดับสุขภาพโดยรวม โดยคิดคะแนนจากทั้งพฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่, จำนวนก้าวที่เดิน, ชั่วโมงที่นอนหลับ คาดว่าเมืองหางโจวจะเปิดตัวแอปใหม่นี้ในเดือนหน้า โดยชูจุดเด่นว่าแอปนี้จะสร้างเกราะป้องกันให้กับสุขภาพของประชาชน สร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว ทางการจีนมีแนวทางการสอดส่องประชาชนอย่างหนักเสมอมา กล้องวงจรปิดถูกติดตั้งระบบตรวจจับใบหน้าเป็นวงกว้าง แม้จะมีการดูแลความปลอดภัยข้อมูลไม่ดีนัก และมีเหตุข้อมูลรั่วไหลอยู่เนืองๆ ในเขตที่มีประเด็นความมั่นคงเช่นซินเจียงมีรายงานว่าทางการบังคับประชาชนติดตั้งแอปในโทรศัพท์มือถือมาเป็นเวลานาน ที่มา - The Guardian
# โซนี่ประกาศโชว์เกมบน PlayStation 5 ครั้งแรกวันที่ 5 มิถุนายนนี้เวลาตี 3 ของไทย หลังจากหายเงียบไปนาน ล่าสุดโซนี่ประกาศงานอีเวนท์เกี่ยวกับ PlayStation 5 ในชื่อ PS5 Future of Gaming วันที่ 5 มิถุนายนนี้เวลาตี 3 ตามเวลาบ้านเรา (จะอยู่ดูกันได้สักที่คน) ทาง PlayStation ระบุว่าอีเวนท์นี้จะเปิดเผยเกมบน PS5 ให้ชมเป็นครั้งแรกและใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ทำให้คาดว่าเราน่าจะยังไม่ได้เห็นดีไซน์ตัวเครื่องจริง ๆ โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน PlayStation.com ขึ้นหน้าเพจของ PS5 ไปแบบเงียบ ๆ ด้วย ที่มา - PlayStation Asia, PlayStation Blog
# สรุปจุดเด่น MateBook X Pro และ MateBook D 14 แล็ปท็อปสายทำงาน พกพาสะดวก หลังจากเปิดตัว MateBook ทั้งสองรุ่น อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ถือว่าเป็นแล็ปท็อปที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กำลังมองหาคอมพิวเตอร์แบบพกพาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะรุ่นท็อปอย่าง MateBook X Pro หรือ รุ่นราคาเข้าถึงได้สำหรับคนรุ่นใหม่ MateBook D 14 มาดูกันว่าจุดเด่นอะไรบ้างที่สามารถทำให้แล็ปท็อปทั้งสองรุ่น กลายเป็นคำตอบของคนหลายๆ คน MateBook X Pro: สุดยอดประสบการณ์ไร้ขีดจำกัด MateBook X Pro แล็ปท็อปรุ่นเรือธงของ Huawei ให้ฟังก์ชั่นมาครบครัน ทั้งดีไซน์และคุณภาพการประกอบที่แน่นหนา และประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการพกพาได้เต็มรูปแบบ ดีไซน์สุดหรูหรา ประสิทธิภาพจัดเต็ม MateBook X Pro มาพร้อมจอ FullView Display ระบบสัมผัส ขอบจอบาง มีสัดส่วนหน้าจอกว้างถึง 91% ของตัวเครื่อง สัดส่วน 3:2 ให้ความละเอียดหน้าจอมาถึง 3K (3000 x 2000) ระบบสัมผัสแบบ Spectacular Touch-screen มาพร้อมลำโพง 4 ตัวรอบเครื่องแบบ quad speaker และ ไมโครโฟน 4 ตัว quad microphone เพื่อคุณภาพทั้งในฝั่งรับและส่งเสียง ตัวเครื่องเป็นวัสดุโลหะ มาในสี Space Grey ผิวสัมผัสแบบด้าน สไตล์เรียหรู บางเพียง 14.6 มม. และมีน้ำหนัก 1.33 กก. เท่านั้น พกพาสะดวก กล้องหน้าเป็น Recessed Camera ซ่อนไว้บนแถบฟังก์ชั่นบนคีย์บอร์ด มีแสกนรอยนิ้วมือบนปุ่มพาวเวอร์ ที่จะปลดล็อกเครื่องให้ทันทีเพื่อกดปุ่มเปิด ทั้งสะดวกและปลอดภัยไปพร้อมกัน ใช้งานร่วมกับมือถือ Huawei ผ่าน Huawei Share ได้ไม่มีสะดุด Matebook มาพร้อม Huawei Share ระบบเชื่อมต่อมือถือผ่าน NFC ที่ทำให้สามารถส่งต่อข้อมูลจากสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 และแชร์หน้าจอ (multi-screen sharing) ได้ โดยการแตะสองเครื่องเข้าด้วยกัน โดยสามารถลากไฟล์จากมือถือ ไปทำต่อบนแล็ปท็อปได้เลย และสามารถโทรเข้า-ออก หรือรับ-ส่ง SMS โดยใช้แล็ปท็อปในการพิมพ์ข้อความได้ด้วย แถมบน MateBook X Pro ยังมีฟังก์ชั่นอ่านข้อความจากภาพ อัดหน้าจอ และแชร์ Clipboard โดยสามารถทำ Screen Capture ได้ทันทีด้วยการใช้สามนิ้วปัดหน้าจอลงบนหน้าจอทัชสกรีนของ Matebook X Pro มาพร้อมซีพียู Intel Core 10th Gen และ Geforce MX 250 เร็ว แรง ไม่แพ้ใคร MateBook X Pro มาพร้อมซีพียู Intel Core i7-10510U เจ็นล่าสุด และแรม 16 GB และใช้การ์ดจอที่เลือกได้ระหว่าง NVIDIA GeForce® MX250 หรือ Intel® UHD Graphics ให้การเคลื่อนไหวบนจอภาพมีความลื่นไหล ไร้ที่ติ แบตเตอรี่ให้มาถึง 56 Wh ที่สามารถใช้เล่นอินเตอร์เน็ต ดูวีดีโอแบบ 1080p และทำงานได้ถึง 11, 13 และ 15 ชั่วโมงตามลำดับ โดยใช้สายชาร์จ Type C 65W และสามารถชาร์จสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ต่างๆ ได้จากผ่านตัวเครื่อง โดยไม่ทำให้เครื่องร้อน MateBook D 14 แล็ปท็อปรุ่นกลางสเปกสุดคุ้ม สำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานรุ่นใหม่ ที่อาจอยากได้แล็ปท็อปที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งในด้านการพกพา การทำงาน ดีไซน์ และมีราคาเข้าถึงได้ MateBook D 14 ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ดีไซน์เรียบหรู จอใหญ่เต็มตา MateBook D 14 มาพร้อมหน้าจอกว้างถึง 84% ของตัวเครื่อง ขอบจอเพียง 4.8 มม. ความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล มีโหมดถนอมสายตารับรองโดย TÜV Rheinland Certified หน้าจอเป็นแบบด้าน (anti-glare) ช่วยลดแสงสะท้อน เหมาะทั้งการใช้ทำงานในออฟฟิศ ไปจนถึงการดูหนังและความบันเทิง ตัวเครื่องเป็นโลหะ หนาเพียง 15.9 มม. มาพร้อมพอร์ตทั้ง USB 2.0, USB 3.0, USB Type-C, HDMI และ Audio Jack หนักเพียง 1.38 กก. เรียกได้ว่ามีความคุ้มค่า และใช้งานได้สะดวกทุกสถานการณ์ ประสบการณ์การทำงานไม่แพ้ใคร MateBook D 14 มี HUAWEI Share เช่นเดียวกับ Matebook X Pro โดยสามารถทำงานหรือเก็บข้อมูลรูปและวีดีโอในสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 และแชร์ขึ้นจอ MateBook D 14 เพียงแตะครั้งเดียว มีระบบสแกนรอยนิ้วมือบนปุ่มพาวเวอร์เช่นเดียวกัน ทำให้เปิด-ปิด และปลดล็อคเครื่องได้ในเวลาเดียวกัน ขุมพลังแรงที่เลือกได้ตามความถนัดในการใช้งาน MateBook D 14 สามารถเลือกโปรเซสเซอร์ได้ระหว่าง AMD Ryzen 7 3700U หรือ 10th Gen Intel® Core™ i7-10510U เพื่อรับมือทุกโจทย์การทำงาน ทั้งในด้านความเร็ว และด้านกราฟิค แถมยังพอเล่นเกม หรือใช้ในการตัดต่อวิดีโอเบื้องต้นได้ด้วย จุดเด่นที่แล็ปท็อปทั้งสองรุ่นมีร่วมกันอย่างหนึ่งคือการใช้ Huawei Share ซึ่งเป็นระบบบนอีโคซิสเต็มของ Huawei ที่สามารถเชื่อมต่อมือถือได้ โดยการแตะเพียงครั้งเดียว ตอกย้ำกลยุทธ์ 1+8+N ที่ต้องการให้อุปกรณ์ทุกชิ้นสามารถใช้งานเชื่อมต่อกันได้อย่างครบวงจร โดยเลข 1 หมายถึงสมาร์ทโฟน เลข 8 หมายถึงสมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ อย่างแท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก นาฬิกาสมาร์ทวอทซ์ หูฟัง เป็นต้น ในขณะที่ N หมายถึงอุปกรณ์ IoT ในอีโคซิสเต็มของหัวเว่ย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคสมาร์ทดีไวซ์ของหัวเว่ยในทุกกลุ่ม สำหรับคนที่กำลังมองหาแล็ปท็อปรุ่นแอ็ดวานซ์ MateBook X Pro สี Space Grey ราคา 59,990 บาท น่าจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด ส่วนคนที่ต้องการแล็ปท็อปราคาเข้าถึงได้ แต่ประสิทธิภาพคุ้มราคา ใช้งานได้หลากหลาย MateBook D 14 ซีพียู Ryzen 7 ราคา 21,990 บาท หรือ MateBook D 14 ตัว Core i7 ราคา 29,990 บาท ก็น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้ไม่แพ้กัน ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม และรายละเอียดช่องทางการจำหน่ายได้ที่ https://consumer.huawei.com/th/laptops/
# โดนไปอีกโพสต์ ทวิตเตอร์ซ่อนโพสต์ของทรัมป์ ด้วยเหตุผลสนับสนุนความรุนแรง ก่อนหน้านี้ ทวิตเตอร์แปะป้าย fact-check ตรงโพสต์ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นเรื่องการลงเสียงเลือกตั้งทางไปรษณีย์ โดยทวิตเตอร์แนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม เพราะเนื้อหาของทรัมป์อาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ล่าสุด ไม่ใช่แค่โดนแปะป้าย fact-check แต่โดนซ่อนโพสต์เลย ด้วยเหตุผลว่ามันไปสนับสนุนและสรรเสริญความรุนแรง เนื้อหาทวีตของทรัมป์ที่โดนซ่อน พูดถึงกรณีประท้วงที่ George Floyd ชายผิวสีโดนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำรุนแรงจนเป็นเหตุให้เขาเสียชีวิต ทรัมป์บอกว่า อันธพาลกำลังทำให้ความทรงจำที่มีต่อ George Floyd เสื่อมเสีย เมื่อการปล้นเริ่มขึ้น การยิงก็จะเริ่มขึ้น ซึ่งเป็นนัยการขู่ว่าจะส่งกองทัพเข้าไปควบคุม หลังจากนั้น 2 ชั่วโมง ทวิตเตอร์ก็ซ่อนโพสต์นี้ของทรัมป์ ที่มา - TechCrunch
# ทรัมป์ออกคำสั่งบริหารละเว้นกฎคุ้มครองโซเชียลมีเดีย ภายในวันเดียวหลังโดนทวิตเตอร์แปะป้าย fact-check เมื่อวาน (28 พ.ค.) WSJ รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมออกคำสั่งบริหาร ละเว้นกฎหมายคุ้มครองโซเชียลมีเดีย หลังโดนทวิตเตอร์แปะป้าย fact-check ล่าสุดก็มีแถลงการเป็นทางการจากทำเนียบข่าวว่าทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งดังกล่าวแล้ว ตัวคำสั่งบริหารที่ทรัมป์ลงนาม คือการละเว้นข้อกฎหมายที่คุ้มครองบริษัทโซเชียลมีเดียในหลายๆ ด้าน เปิดทางให้หน่วยงานภาครัฐและคณะกรรมการกำกับดูแลตีความอำนาจหน้าที่ของโซเชียลมีเดีย โดยทรัมป์บอกว่า ปัจจุบันโซเชียลมีเดียเช่นทวิตเตอร์ได้รับการปกป้อง ไม่ต้องรับผิดชอบบนพื้นฐานของทฤษฎีที่ว่าพวกเขาเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นกลาง ซึ่งมันไม่ยุติธรรม เขายังบอกด้วยว่า การลงนามเป็นไปเพื่อปกป้อง Free Speech ทุกวันนี้มีโซเชียลมีเดียไม่กี่รายที่ผูกขาดการสื่อสาร พวกเขามีอำนาจไม่จำกัดในการเซ็นเซอร์ แก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสื่อสารระหว่างประชาชนด้วยกัน กฎหมายที่คุ้มครองบริษัทโซเชียลมีเดียตอนนี้คือมาตรา 230 ของกฎหมายว่าด้วยการสื่อสารที่เหมาะสม (Communication Decency Act) ออกในปี 1996 ช่วยให้บริษัทออนไลน์ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของผู้ใช้งาน ซึ่งกฎหมายนี้มีการวิจารณ์จากทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ว่าตัวกฎหมายอนุญาตให้แพลตฟอร์มต่างๆ ปัดความรับผิดชอบทางสังคม ให้ข้อความเกลียดชังข้อมูลเท็จแพร่ออกไปได้ง่าย ในระยะหลังมานี้ ทรัมป์มีท่าทีโจมตีบทบาทหน้าที่โซเชียลมีเดียอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่ประเด็นความโน้มเอียง ปิดกั้นเสรีภาพทางความคิดโดยเฉพาะกับฝ่ายขวาและอนุรักษ์นิยม และเหตุการณ์ที่ดูเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายคือทวิตเตอร์แปะป้าย fact-check บนโพสต์ของเขาโดยตรง ที่มา - Axios, CNN
# Chrome 84 จะเริ่มบล็อคข้อความแจ้งเตือนของเว็บไซต์ที่หลอกข้อมูลหรือเป็นมัลแวร์ เมื่อต้นปี กูเกิลประกาศจะบล็อคข้อความแจ้งเตือนของ Chrome ที่ก่อให้เกิดความรำคาญ ตอนนี้กูเกิลประกาศแผนดำเนินงานแล้ว ว่าจะเริ่มใน Chrome 84 ที่มีกำหนดออก 14 กรกฎาคม 2020 เว็บไซต์ที่จะถูกบล็อคข้อความแจ้งเตือน จะต้องเข้าข่าย "abusive notifications" ซึ่งแยกเป็น 2 กรณีคือ permission request issues หลอกลวงหรือบังคับให้ผู้ใช้อนุญาตบอกรับการแจ้งเตือน เช่น ต้องกดอนุญาตแจ้งเตือนก่อนจึงเข้าไปอ่านเว็บไซต์ได้ notification issues ส่งข้อความปลอม ที่ดูเหมือนข้อความแชท หรือ ข้อความแจ้งเตือนของ OS รวมถึงข้อความ phishing เพื่อหลอกข้อมูลส่วนบุคคล และข้อความหลอกไปดาวน์โหลดมัลแวร์ กูเกิลบอกว่าเว็บไซต์เหล่านี้จำนวนน้อย แต่สร้างจำนวนข้อความแจ้งเตือนที่อันตรายจำนวนมาก จึงออกนโยบายนี้มาเพื่อลดผลกระทบต่อผู้ใช้ เจ้าของเว็บไซต์สามารถตรวจสอบว่าเว็บตัวเองเข้าข่าย Abusive Notifications ได้จากหน้า Search Console หากเว็บไซต์เข้าข่าย abusive notifications ก็จะโดน Chrome บล็อคข้อความแจ้งเตือนให้อัตโนมัติ โดยเห็นเป็นรูปกระดิ่งโดนขีดฆ่า และถ้าผู้ใช้กดดูข้อมูล Chrome จะแนะนำให้ผู้ใช้บล็อคข้อความแจ้งเตือนต่อไป (Continue Blocking) ตอนนี้ การบล็อคข้อความของ Chrome 84 จะบล็อคเฉพาะคำขอใหม่เท่านั้น หากผู้ใช้เคยอนุญาตให้เว็บไซต์นั้นๆ ไปแล้วจะไม่มีผล ต้องไปตามบล็อคเอง แต่กูเกิลก็บอกว่าในอนาคตอาจเพิ่มระบบบล็อคข้อความของเว็บไซต์ที่เคยอนุญาตไปแล้วได้เช่นกัน ที่มา - Chromium Blog
# NTT ถูกแฮกเซิร์ฟเวอร์ AD ข้อมูลลูกค้าอาจรั่วไหล NTT Communications ผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบริการคลาวด์รายงานว่าเซิร์ฟเวอร์ Active Directory ของบริษัทถูกแฮก และใช้เป็นจุดเจาะระบบอื่นต่อ แฮกเกอร์เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา และทางบริษัทตรวจพบในวันที่ 11 พฤษภาคม โดยเซิร์ฟเวอร์นี้อาจเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของลูกค้าได้ทั้งหมด 621 รายในโซนนี้ ทาง NTT ระบุว่าปิดช่องโหว่นี้แล้วและจะสอบสวนต่อเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยต่อไป ที่มา - NTT, The Register
# The Witcher ทำยอดขายทุกภาครวมกันได้แล้วกว่า 50 ล้านก๊อปปี้ CD Projekt Red ประกาศว่าเกมชุด The Witcher ทั้ง 3 ภาคสามารถทำยอดขายรวมกันทั้งหมดได้แล้วกว่า 50 ล้านก๊อปปี้ และหากนับเฉพาะ The Witcher 3 มียอดขายอยู่ที่ราว 28.3 ล้านก๊อปปี้ ก่อน The Witcher 3 ออกวางจำหน่าย นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายรวมของเกมชุดนี้อยู่ที่ราว 5 ล้านก๊อปปี้เท่านั้น ขณะเดียวกัน The Witcher 3 ก็เพิ่งกลับมาฮิตอีกครั้งหลังซีรีส์ออกฉาย และก็ด้วยความสำเร็จของ The Witcher 3 นี้เองที่ส่งให้ CD Projekt Red กลายเป็นสตูดิโอที่มีมูลค่าอันดับ 1 ในยุโรปแซงเจ้าใหญ่อย่าง Ubisoft ของฝรั่งเศส ที่มา - @witchergame
# Rony Abovitz ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Magic Leap ประกาศลงจากเก้าอี้ Rony Abovitz ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Magic Leap ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ โดยยังไม่มีผลทันทีแต่ยังไม่กำหนดวัน และหลังจากออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ Abovitz จะมีตำแหน่งมีในบอร์ดเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศผู้ที่มานั่งเก้าอี้ซีอีโอ Magic Leap คนต่อไป ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีการหาตัวแทนเอาไว้แล้วแต่ยังไม่ประกาศหรือยังอยู่ระหว่างกระบวนการ เส้นทางของ Magic Leap ค่อนข้างกระท่อนกระแท่น โดยที่ผ่านมาระดมทุนไปได้กว่า 3 พันล้านเหรียญ ก่อนจะออกผลิตภัณฑ์ได้แค่ชิ้นเดียวคือ Magic Leap One ซึ่งก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก ไม่รวมข่าวฉาวเรื่องคลิปเดโมตัวแรก ๆ ที่เคยปล่อยออกมาว่าเป็น VFX ไม่ใช่ภาพจากผลิตภัณฑ์จริง ที่มา - The Verge
# Apple Store สาขาไอคอนสยาม กลับมาเปิดให้บริการวันที่ 1 มิถุนายนนี้ แอปเปิลประเทศไทย ประกาศผ่านเว็บไซต์ ว่า Apple Store สาขาไอคอนสยาม จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563 นี้ โดยปรับเวลาเปิดให้บริการเป็น 11.00-20.00น. ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แอปเปิลได้ประกาศปิด Apple Store เกือบทั่วโลกเป็นการชั่วคราว แต่ได้เริ่มทยอยกลับมาเปิดแล้วในหลายประเทศ ก่อนหน้านี้แอปเปิลระบุว่าจะมีมาตรการความปลอดภัยในร้าน อาทิ จัดพื้นที่ในร้านใหม่, จำกัดจำนวนผู้เข้าร้าน, ทีมงานและลูกค้าต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันใบหน้า, มีการวัดอุณหภูมิที่หน้าทางเข้า ที่มา: แอปเปิล ผ่าน @spin9
# Android Studio 4.0 ออกแล้ว เพิ่ม Motion Editor ตัวช่วยสร้างแอนิเมชัน กูเกิลเปิดตัว Android Studio 4.0 ที่มีของใหม่หลายอย่าง ฟีเจอร์สำคัญมีดังนี้ Motion Editor ตัวช่วยสร้างแอนิเมชันในแอพ เป็น GUI พร้อมทำงาน ไม่ต้องแก้ XML เองอีกแล้ว Layout Inspector ปรับปรุงใหม่ เพิ่มโหมด live อัพเดตหน้าจอต่อเนื่อง แสดงโครงสร้างลำดับชั้นของวัตถุบนจอได้ Layout Validation ตัวแสดงหน้าตาของแอพบนอุปกรณ์ขนาดต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพเบื้องต้นว่าแอพของเราแสดงผลได้ถูกต้องหรือไม่ CPU Profiler ปรับปรุง UI ใหม่ ใช้ง่ายขึ้น ดูเข้าใจง่ายขึ้น แสดงข้อมูล Thread Activity timeline ทุกเธร็ด Android Gradle plugin 4.0.0 รองรับ Java 8 API โดยไม่จำกัดตามเวอร์ชัน minSdkVersion ของโปรเจคต์ อัพเกรดตัวฐาน IDE มาเป็น IntelliJ IDEA 2019.3.3 ประสิทธิภาพดีขึ้น Motion Editor Layout Inspector Layout Validation CPU Profiler วิดีโอแนะนำของใหม่ใน Android Studio 4.0 ที่มา - Android Developers Blog
# Chrome จะกลับมาใช้ SameSite Cookie เดือน ก.ค. หลังหยุดพักชั่วคราวช่วง COVID-19 ต่อจากข่าว Chrome ยกเลิกบังคับใช้คุกกี้ SameSite ชั่วคราว ป้องกันเว็บพังในช่วง COVID-19 เมื่อเดือนเมษายน ล่าสุดกูเกิลประกาศแล้วว่า Chrome จะกลับมาบังคับ SameSite Cookie อีกครั้งในวันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันออก Chrome 84 รุ่นเสถียร แต่นโยบายจะบังคับใช้กับ Chrome 80 ขึ้นไปด้วย นโยบาย SameSite Cookie ออกแบบมาให้นักพัฒนาเว็บต้องกำหนดคุณสมบัติ SameSite ของคุกกี้ ซึ่งมีได้ 3 แบบคือ Strict (ใช้ได้เฉพาะเว็บ URL เดียวกันเท่านั้น), Lax (ข้ามเว็บได้แต่ผู้ใช้ต้องเป็นคนเปลี่ยนเว็บเอง เช่น กดลิงก์), None (ฝังคุกกี้ในเว็บอื่นได้ทุกกรณี) โดยค่าดีฟอลต์จะเป็น Lax หากไม่ได้กำหนดไว้ รายละเอียดอ่านได้จาก web.dev ที่มา - Chromium Blog
# Epic Games แจกฟรี Borderlands: The Handsome Collection ถึงวันที่ 4 มิถุนายน เกมแจกฟรีเกมที่สามของ Epic Games ช่วงเทศกาล Mega Sales คือ Borderlands: The Handsome Collection ของ Gearbox/2K Games ซึ่งเป็นชุดรวมเกม Borderlands สองภาค Borderlands 2 ออกครั้งแรกในปี 2012 Borderlands: The Pre-Sequel ออกครั้งแรกในปี 2014 เป็นเรื่องที่เกิดหลัง Borderlands ภาคแรก แต่ก่อน Borderlands 2 ชุด Borderlands: The Handsome Collection ออกในปี 2015 โดยเป็นการพอร์ตเกม Borderlands 2 มาลงคอนโซลยุคปัจจุบัน (ภาค Pre-Sequel มีทั้งเวอร์ชัน PS3/Xbox 360 และ PS4/Xbox One อยู่แล้ว), รีมาสเตอร์กราฟิก และรวมเนื้อหาเสริม DLC ทั้งหมดมาให้ เกมขายราคาเต็ม 42.99 ดอลลาร์บน Epic Store (ราคาไทยบน Steam คือ 1,434.94 บาท) แจกฟรีถึงวันที่ 4 มิถุนายนนี้ ที่มา - Epic Store
# Dell Technologies ไตรมาสล่าสุด ยอดขายโน้ตบุ๊คองค์กรเติบโตสูง Dell Technologies รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดวันที่ 1 พฤษภาคม 2020 รายได้รวม 21,897 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 182 ล้านดอลลาร์ ซีโอโอ Jeff Clarke กล่าวว่าลูกค้าต้องการเทคโนโลยีที่จำเป็นมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อได้ โดยเห็นการเติบโตระดับ 15-20% จากลูกค้าในหลายกลุ่ม อาทิ ธนาคาร การเงิน หน่วยงานรัฐ รายได้จากกลุ่ม Client Solutions เพิ่มขึ้น 2% โดยมีไฮไลท์คือ รายได้และจำนวนขายของโน้ตบุ๊คลูกค้าองค์กรเติบโตเป็นเลขสองหลัก นอกจากนี้เดลล์ยังระบุว่าด้วยการจัดการซัพพลายเชน ทำให้เดลล์เป็นผู้ผลิตพีซีรายเดียวในกลุ่ม Top 5 ที่มียอดขายเติบโต ส่วนกลุ่ม VMware รายได้เพิ่มขึ้น 12% และกลุ่ม Infrastructure Solutions รายได้ลดลง 8% ที่มา: Dell Technologies
# Xbox Series X จะมีเกม "หลายพันเกม" ในวันเปิดตัว เกมเก่าเพิ่มเฟรมเรต, HDR ให้อัตโนมัติ ไมโครซอฟท์เผยรายละเอียดของ Xbox Series X เพิ่มเติม ว่าจะเป็นเกมคอนโซลตัวแรกที่มีเกมให้เล่นเป็น "หลายพันเกม" (thousands of games) ในวันเปิดตัว เหตุผลเพราะ Xbox Series X จะรองรับเกมเก่าจาก Xbox สามรุ่นก่อนหน้าคือ Xbox รุ่นแรก, Xbox 360, Xbox One นั่นเอง ไมโครซอฟท์เริ่มโครงการ Xbox 360 Backwards Compatibility บน Xbox One มาตั้งแต่ปี 2015 แล้วตามด้วย Xbox รุ่นแรกบน Xbox One ในปี 2017 และยุติโครงการในปี 2019 รวมแล้วมีเกมเก่าประมาณ 600 เกม บวกกับเกมเก่าของ Xbox One อีกจำนวนมาก ประเด็นที่น่าสนใจคือ ไมโครซอฟท์บอกว่าทดสอบเกมเก่าเหล่านี้บน Xbox Series X เรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 200,000 ชั่วโมง เพื่อการันตีว่าเกมเหล่านี้เล่นบน Xbox Series X ได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องมีโหมดพิเศษที่เร่งหรือลดคล็อคเพื่อให้เกมเก่าๆ เล่นได้ แถมการนำมาเล่นบน Xbox Series X ยังทำให้เกมเหล่านี้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น (ทั้งในแง่ความละเอียด, เฟรมเรต, ระยะเวลาโหลดเกม) กว่าเวอร์ชันต้นฉบับด้วยซ้ำ เกมบางเกมอาจได้เฟรมเรตเพิ่ม 2 เท่า เช่น จาก 30fps เป็น 60fps หรือจาก 60fps เป็น 120 fps นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังพัฒนาเทคนิคใหม่ที่เปิดใช้การแสดงภาพแบบ HDR กับเกมเก่าๆ ที่สร้างมาก่อนยุค HDR ให้อัตโนมัติ และรองรับ Quick Resume หรือการเล่นหลายเกมแล้วสลับไปมา โดยยังคงเกมไว้ที่ตำแหน่งเดิมได้ด้วย ทั้งหมดนี้ Xbox Series X จัดการให้โดยที่นักพัฒนาเกมไม่ต้องทำอะไรเลย ที่มา - Xbox Wire
# Huawei เปิดตัวแท็บเล็ต Matepad 10.4 นิ้ว ราคา 9,990 บาท, Matepad T8 เริ่ม 3,690 บาท Huawei เปิดตัวแท็บเล็ตอีกสองรุ่นอย่างเป็นทางการในไทย คือ Matepad แท็บเล็ตรุ่นกลาง ขนาด 10.4 นิ้ว หน้าจอ IPS LCD ความละเอียด 2000 x 1000 พิกเซล ชิป Kirin 810 แรม 6 GB สตอเรจ 128 GB รองรับ MicroSD Card 512 GB กล้องหลังและกล้องหน้าความละเอียด 8 MP แบตเตอรี่ 7,250 mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W รันบน Android 10 ครอบด้วย EMUI 10.1 ไม่มี Google Mobile Services โหลดแอปผ่าน Huawei App Gallery มีเฉพาะรุ่น WiFi เท่านั้น ราคา 9,990 บาท พร้อมของแถม Huawei Matepad Flip Cover, Huawei Video Benefit, Huawei Mobile Cloud Benefit และสมาชิก WPS Office ฟรี 3 เดือน มูลค่า 2,260 บาท ส่วน Matepad T8 รุ่นเล็ก หน้าจอ IPS LCD 8 นิ้ว ความละเอียด 800 x 1280 พิกเซล ชิป Mediatek MT8768 Octa Core แบตเตอรี่ 5,100 mAh มีรุ่น WiFi แรม 2 GB สตอเรจ 16 GB ราคา 3,690 บาท และรุ่น LTE แรม 2 GB สตอเรจ 32 GB ราคา 4,690 บาท พร้อมของแถม Sandisk SD Card 64GB, Huawei Video Benefit, Huawei Mobile Cloud Benefit และสมาชิก WPS Office ฟรี 3 เดือน มูลค่า 1,600 บาท ทั้งสองรุ่นสั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 12 มิถุนายน เริ่มส่งมอบเครื่อง 13 มิถุนายนนี้ ที่มา - Huawei Mobile Thailand Live
# NVIDIA เลือกใช้ซีพียู AMD Epyc ในเซิร์ฟเวอร์ DGX เพราะคอร์เยอะกว่า มี PCIe Gen4 ถ้ายังจำกันได้ เมื่อกลางเดือนนี้ NVIDIA เปิดตัวจีพียูใหม่ Ampere โดยเริ่มจากจีพียูเซิร์ฟเวอร์รุ่น A100 ที่เปิดตัวพร้อมเซิร์ฟเวอร์ DGX-A100 ที่ประกอบด้วยการ์ด A100 จำนวน 8 ใบ คู่กับซีพียู AMD Epyc 7742 ประเด็นนี้สร้างความสงสัยให้หลายๆ คนว่าทำไม NVIDIA ถึงเลือกใช้ซีพียูจากคู่แข่งจาก AMD ในเซิร์ฟเวอร์รุ่นท็อปของตัวเอง และถ้าย้อนดูเซิร์ฟเวอร์ DGX รุ่นก่อนๆ ก็เลือกใช้ Intel Xeon มาโดยตลอดด้วย เรื่องนี้ Charlie Boyle ผู้จัดการฝ่าย DGX ของ NVIDIA ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ CRN ว่าเป้าหมายของบริษัทคือต้องการดึงพลังของจีพียู A100 ออกมาให้มากที่สุด จึงต้องเลือกซีพียูที่เร็ว มีจำนวนคอร์และเลน PCI มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจเลือก AMD Epyc ที่มี 64 คอร์, มีเลน PCI มาก และรองรับ PCIe Gen4 ด้วย ประเด็นเรื่อง PCIe Gen4 ถือเป็นปัจจัยสำคัญ โดย Boyle บอกว่าเครื่อง DGX A100 เป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นแรกที่มี PCIe Gen4 ล้วน ไม่ว่าจะเป็นซีพียู จีพียู ไดรฟ์ SSD NVMe และการ์ดเครือข่าย Mellanox CX6 ด้วย Xeon ที่แรงที่สุดของอินเทลตอนนี้คือ Xeon Platinum 9282 มีจำนวน 56 คอร์ (Epyc มี 64 คอร์) และยังรองรับ PCIe 3.0 เท่านั้น ที่มา - CRN
# Square Enix ประกาศทำเกม Dragon Quest ภาคไดตะลุยแดนเวทมนตร์ ออกปี 2021 Square Enix ประกาศทำเกม Dragon Quest ชุดใหม่ 3 เกม ที่อิงจากการ์ตูน The Adventure of Dai / Dai no Daibōken (ชื่อภาษาไทยอย่างเป็นทางการคือ "ไดตะลุยแดนเวทมนตร์") ที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Shonen Jump ยุค 90s และเพิ่งประกาศทำอนิเมซีรีส์ฉบับใหม่ เริ่มฉายในเดือนตุลาคม 2020 เกมในชุดมีทั้งหมด 3 เกม Infinity Strash - Dragon Quest: The Adventure of Dai เกมหลักบนคอนโซล ออกปี 2021 แต่ยังไม่ระบุว่าเครื่องไหนบ้าง Dragon Quest: The Adventure of Dai – Spirit of Bonds เกมมือถือ Android/iOS ออกปี 2021 Dragon Quest: The Adventure of Dai – Xross Blade เกมการ์ดบนเครื่องอาเขต ออกปี 2020 ที่มา - Square Enix, Gamespot Infinity Strash - Dragon Quest: The Adventure of Dai Dragon Quest: The Adventure of Dai – Spirit of Bonds Dragon Quest: The Adventure of Dai – Xross Blade
# Huawei เปิดตัว Matebook X Pro ราคา 59,990 บาท, Matebook D 14 เริ่ม 21,990 บาท Huawei Mobile ประเทศไทย เปิดตัวโน้ตบุ๊กตระกูล Matebook ผ่านไลฟ์ 3 รุ่นด้วยกัน คือรุ่นท็อป Matebook X Pro และรุ่น D 14 ที่เป็นรุ่นรองลงมา 2 รุ่นย่อย Matebook X Pro หน้าจอ FullView 13.9 นิ้ว ความละเอียด 3000 x 2000 (อัตราส่วน 3:2) แสดงผลมาตรฐานสี sRGB 100% ความสว่าง 450 nits กล้องหน้าอยู่บนแถบปุ่ม Function สามารถคลิกให้กล้องเด้งขึ้นมาได้ สแกนรอยนิ้วมือที่ปุ่มเปิดบนตัวเครื่อง ใช้ระบบ NFC เชื่อมมือถือ Huawei ผ่าน Huawei Share แสดงหน้าจอมือถือบนโน้ตบุ๊ก และส่งไฟล์แบบลากลงโน้ตบุ๊กหรือลากไฟล์ใส่มือถือได้ทันที น้ำหนักตัวเครื่อง 1.33 กิโลกรัม และมีสเปกดังนี้ ซีพียู Intel Core i7-10510U การ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 แรม 16 GB LPDDR3 2133 MHz SSD m.2 PCIe 1TB พอร์ต USB-C 2 ช่อง USB 3.0-A 1 ช่อง, รูหูฟัง 3.5 มม. แบตเตอรี่ 56 Wh Camera : 1MP OS : Windows 10 Home Matebook X Pro สั่งจองได้แล้ววันนี้ ถึง 12 มิถุนายน ในราคา 59,990 บาท แถมหูฟัง Huawei Freelace, Huawei MateDock, กระเป๋าเป้ เม้าส์ ซองผ้าจาก Huawei และไลเซนส์ Microsoft 365 Personal มูลค่า 8,540 บาท Huawei Matebook D 14 หน้าจอ Full HD 14 นิ้ว น้ำหนัก 1.38 กิโลกรัม เปิดหน้าจอได้กว้างถึง 180 องศา แบตเตอรี่ 56Wh รองรับ QuickCharge ชาร์จ 15 นาทีใช้งานได้ 3 ชั่วโมง มี Huawei Share เช่นเดียวกับ X Pro มีสองรุ่นดังนี้ รุ่นซีพียู Ryzen 7 3700U การ์ดจอ Radeon Vega 10 แรม 8 GB DDR4 SSD m.2 PCIe 512 GB พอร์ต USB-A 3.0 1 ช่อง, USB-A 2.0 1 ช่อง, USB-C 1 ช่อง, HDMI, รูหูฟัง 3.5 มม. แบตเตอรี่ 56Wh OS : Windows 10 Home ราคา 21,990 บาท รุ่นซีพียู Core i7-10510U การ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 แรม 16 GB DDR4 SSD m.2 PCIe 512 GB พอร์ต USB-A 3.0 1 ช่อง, USB-A 2.0 1 ช่อง, USB-C 1 ช่อง, HDMI, รูหูฟัง 3.5 มม. แบตเตอรี่ 56Wh OS : Windows 10 Home ราคา 29,990 บาท D 14 ทั้งสองรุ่น สั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 12 มิถุนายนเช่นกัน มีของแถมเป็น หูฟัง Huawei Freelace เม้าส์ และ กระเป๋าเป้จาก Huawei มูลค่า 4,070 บาท ที่มา - Huawei Mobile Thailand Live
# ศาลแคนาดาตัดสินเดินหน้ากระบวนการส่งตัวรอง ปธ. Huawei ที่ถูกจับ ข้ามแดนไปสหรัฐ หนึ่งในจุดแตกหักแรก ๆ ระหว่างรัฐบาลสหรัฐและ Huawei คือการแจ้งให้รัฐบาลแคนาดาจับ Wanzhou Meng รองประธาน, ซีเอฟโอและลูกสาวของ Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ข้อกล่าวหาคือ Meng มีส่วนเกี่ยวกับกับการทำธุรกรรมและหลอกให้สถาบันการเงินในสหรัฐทำธุรกิจกับประเทศอิหร่าน ซึ่งสหรัฐคว่ำบาตรอยู่ ล่าสุดศาล British Columbia มีคำตัดสินว่าให้กระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องด้วยศาลเห็นว่า Meng มีมูลความผิดตามกฎหมายของทั้งสหรัฐและแคนาดา (Double Criminality) ทำให้เข้าหลักเกณฑ์การส่งผู้ร้ายข้ามแดน ในกระบวนการไต่สวน ทีมทนายของ Meng โต้แย้งว่ากรณีของ Meng ไม่เข้าข่าย Double Criminality เพราะแคนาดาไม่ได้มีมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเหมือนสหรัฐ ทว่าอัยการของรัฐบาลแคนาดาที่ยื่นฟ้อง Meng โต้กรณีที่ความผิดที่ Meng โกหกธนาคาร HSBC ว่า Skycom เป็นเพียงพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ทั้งที่ในความเป็นจริงเป็นบริษัทลูกของ Huawei (อ่านรายละเอียดข้อกล่าวหาเต็ม ๆ) ศาลจึงเห็นว่าเป็นมูลความผิดฐานฉ้อโกงและทำให้ HSBC มีความเสี่ยงทั้งในทางธุรกิจและชื่อเสียง ซึ่งผิดกฎหมายแคนาดา อย่างไรก็ตาม Meng ยังมีอีกคดีที่ต้องไต่สวน คือเธอยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแคนาดา ฐานละเมิดสิทธิของเธอหลังเธอถูกควบคุมตัวและสอบถามราว 3 ชั่วโมง ถูกยึดโทรศัพท์ ถามรหัสปลดล็อกและค้นกระเป๋าเดินทางของเธอก่อนถูกจับ ขณะที่อัยการแย้งว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ ตม. แม้รองหัวหน้าผู้พิพากษาของศาล British Columbia จะยืนยันว่าคำตัดสินดังกล่าวอิงกับตัวบทกฎหมายล้วน ๆ แต่การตัดสินครั้งนี้ก็น่าจะยิ่งบั่นทอนความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างแคนาดาและจีนลงไปอีก โดยหลัง Meng ถูกจับกุม รัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการจับคุมชาวแคนาดา 2 คนโดยอ้างว่าเป็นสปาย และจับขังคุกลับ ซึ่งก็ถูกชาวแคนาดานำไปเปรียบเทียบกับชีวิตความเป็นอยู่ของ Meng ที่ประกันตัวด้วยเงิน 10 ล้านดอลลาร์แคนาดาและชีวิตความเป็นอยู่สุขสบาย หรูหรา มีเพียงแค่ GPS ติดข้อเท้าเธอเท่านั้น ที่มา - The New York Times
# ทีมพัฒนาใน Facebook ปล่อยทดสอบ Collab แอปวิดีโอสั้นให้เราเล่นดนตรีกับเพื่อนได้ ทีม NPE (new product experimentation) ของ Facebook ปล่อยของใหม่ออกมาอีกแล้ว เป็น Collab แอปวิดีโอสั้นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก TikTok ผู้ใช้งานสามารถเล่นดนตรีหรือทำอะไรประกอบเพลงกับเพื่อนๆ ได้ โดยตอนนี้เปิดเป็นเวอร์ชั่นทดลองบน iOS สามารถเข้าไปทดลองขอใช้งานได้ที่ ลิงค์นี้ Collab สามารถซิงค์หน้าจอกับเพื่อนได้ทีเดียว 3 คน 3 หน้าจอ แต่ละคนเล่นเครื่องดนตรีต่างกัน และมาซิงค์หน้าจอประกอบกันให้เป็นเพลง ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่นักดนตรีหลายรายใช้เวลาเล่นดนตรีอยู่ที่บ้านและไลฟ์ให้แฟนๆ ดูในช่วงปิดเมืองจากโรคระบาด วิธีการใช้งานจะต้องมีผู้ใช้คนหนึ่ง เริ่มเล่นดนตรีและอัดเป็นวิดีโอโพสต์ลงมาที่หน้าฟีดของ Collab ก่อน และผู้ใช้คนอื่นสามารถนำคลิปไปสร้างวิดีโอในฉบับของตัวเองได้ หรือจะเอาหลายๆ วิดีโอมารวมกันมิกซ์ใหม่เป็นฉบับตัวเอง เช่น นำท่อนร้องของคลิปหนึ่ง มาผสมกับท่อนเปียโนของอีกคลิปหนึ่งเป็นต้น ก่อนหน้านี้ทีม NPE ก็ปล่อยแอป CatchUp แอปคุยโทรศัพท์ออกมาด้วย ที่มา - The Verge, NPE
# มีคนสังเกตไม่พบลิงค์พรีออเดอร์ The Last of Us Part II ในตะวันออกกลาง คาดถูกแบนเพราะมีตัวละคร LGBT ใกล้จะเปิดให้เล่นเต็มทีสำหรับเกม The Last of Us Part II (19 มิ.ย.) แต่ดูเหมือนว่าคนตะวันออกกลางจะไม่สามารถเล่นได้ เมื่อผู้ใช้งาน Reddit รายหนึ่งไปเจอว่าไม่สามารถดูลิงค์พรีออเดอร์ของตัวเกมที่ PlayStation Stores ในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าที่ UAE และซาอุดิอาระเบียแบนเกมนี้เพราะมีเนื้อหารักร่วมเพศ โดยตัวละครหลักของเกมเป็น LGBT เกมอื่นๆ อย่าง Ghost of Tsushima ก็ยังสามารถหาเจอ และพรีออเดอร์ได้ได้บน PlayStation Stores ตะวันออกกลาง แต่ไม่มี The Last of Us Part II ที่มา - Android Central, vg247
# Raspberry Pi 4 รุ่นแรม 8GB เปิดตัวแล้ว ราคา 75 ดอลลาร์ วันนี้ทาง Raspberry Pi Foundation เปิดตัว Raspberry Pi 4 รุ่นแรม 8GB อย่างเป็นทางการ ในราคา 75 ดอลลาร์สหรัฐ หรือผ่านตัวแทน Cytron ราคา 2,652.40 บาท โดยทีมงานระบุว่าตั้งใจจะมีรุ่นแรม 8GB แต่แรก แต่เนื่องจากสมัยนั้นไม่มีชิปแรมที่ความจุสูงพอ โดยซีพียู BCM2711 ของ Raspberry Pi 4 นั้นรองรับแรมได้สูงสุด 16GB นอกจากนั้น ยังเปิดตัว Raspberry Pi OS รุ่น 64 บิตในสถานะเบต้า สำหรับผู้ที่ต้องการรันโปรเซสที่ใช้หน่วยความจำเกิน 4GB เปิดขายแล้ววันนี้ ที่มา: Raspberry Pi Blog
# ประกอบคอมสเปค Linus, เจ้าตัวเผยสเปคคอมใหม่แล้วหลังประกาศใช้ AMD แทน Intel หลังจากที่ Linus Torvalds เปิดเผยว่าเปลี่ยนมาใช้ซีพียู Threadripper 3970X ของ AMD แทน Intel ครั้งแรกในรอบ 15 ปี ล่าสุดเจ้าตัวก็เปิดเผยสเปคทั้งหมดของคอมชุดใหม่แล้ว พร้อมเผยด้วยว่าซีพียูเก่าคือ i9-9900k (ที่เจ้าตัวรู้สึกว่า Threadripper คอมไพล์เคอร์เนลทดสอบเร็วกว่า 3 เท่า) Linus บอกว่าเกณฑ์ในการเลือกซีพียูใหม่คือคุ้มค่าเงินที่สุด ซีพียูตอนแรกจะเลือก Ryzen 9 3950X แต่ก็รู้สึกว่าเป็นการอัพเกรดที่ไม่ต่างจากเดิมมาก ก่อนจะจบที่ Threadripper เพราะไหน ๆ ก็อัพเกรดแล้วก็เล่นใหญ่ไปเลย แม้จะกังวลเรื่องเสียง (จากระบบระบายความร้อน) แต่ก็ดูคุ้มค่ากว่า Xeon นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่าไม่แคร์ GPU เท่าไหร่ เลยไม่ได้ซื้อแยก ดังนั้นก่อนหน้านี้ที่เลือก Intel ส่วนหนึ่งก็เพราะมี GPU ในตัวด้วย ภาพจาก AMD ส่วนบอร์ด Linus เลือก Gigabyte Aorus TRX40 Master ด้วยเหตุผลเรื่องการจัดการพลังงานและควบคุมพัดลม เหตุเพราะเจ้าตัวเคยเจอปัญหาเรื่องพลังงานบนพีซีมาก่อน เลยอยากได้อุปกรณ์ที่รองรับการโอเวอร์คล็อกได้ดี (แต่ไม่ได้โอเวอร์คล็อก) ฮีทซิงก์เป็น Noctua NH-U14S พร้อมพัดลมเสริม NF-A15 ส่วนพัดลมที่เคสเป็น Noctua NF-A14 PWM, Premium Quiet Fan เพราะเงียบและประทับใจ Noctua อยู่แล้ว ส่วนคำถามว่าชอบเงียบ ๆ ทำไมไม่ใช้ชุดน้ำ Linus บอกว่ากังวลเรื่องความทนและไม่คิดว่าชุดน้ำปิดจะดีกว่าพัดลมเท่าไหร่ หรือถ้าเป็นระบบเปิดก็วุ่นวายอีก แถมกังวลเสียงจากปั๊มด้วย เคสยังคงเน้นเรื่องความเงียบเช่นกัน เลยเป็น Be Quiet Dark Base 700 และสั่งพัดลม Silent Wings 3 เพิ่มเพราะรู้สึกเคสดูดลมจากด้านหน้าได้น้อยกว่าลมที่ไหลออกด้านหลัง ภาพจาก Shutterstock สตอเรจเป็น Samsung EVO 970 1TB เขาบอกว่าเลิกมอง HDD จานหมุนมาน่าจะได้เกือบทศวรรษแล้ว และเลือก M.2 เพราะไม่ต้องวุ่นวายกับสายไฟ แรมใช้ทั้งหมด 64GB เป็น 16GB x 4 สล็อต DDR4-2666 เขาบอกว่าตัวเลือกแรมเป็นอะไรที่เขาพอใจน้อยที่สุด เพราะเขาอยากได้แรม ECC แต่หาอันที่ราคาสมเหตุสมผลไม่ได้ ส่วนที่เลือกถึง 64GB แม้จะไม่ได้ใช้แรมเยอะ เพราะอยากใช้งานเต็ม 4 แชนแนล และแรมเดี๋ยวนี้ถูก PSU เป็น Seasonic Focus GX-850 ซึ่ง Linus บอกว่านี่ไม่ใช่ตัวเลือกแรก แต่เพราะโควิดเลยหารุ่นที่อยากได้ยาก ส่วนวิธีการเลือกเขาดูแค่ว่าต้องใช้ไฟสูงสุดเท่าไหร่ ดูรุ่นที่ได้เรตติ้งดี ๆ ค่อยดูรีวิวและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ สุดท้ายซอฟต์แวร์ลินุกซ์เจ้าตัวใช้ Fedora 32 ส่วนแล็บท็อปเป็น Dell XPS 13 ที่มา - ZDNet
# สมาพันธ์ภาพยนตร์ร่วมกับ Netflix ทำกองทุนเยียวยาคนทำหนัง, ละคร 16 ล้านบาท ยื่นขอทางออนไลน์ หน้า Facebook ของสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เผยแพร่ประกาศระบุว่า สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติได้ประกาศความร่วมมือกับ Netflix เพื่อจัดตั้ง “กองทุนเยียวยาโควิด-19 สำหรับลูกจ้างอิสระในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และละครโทรทัศน์” เนื่องจากการถ่ายทำหยุดชะงัก คนทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังขาดรายได้ โดย Netflix สนับสนุนเงินทุน 16 ล้านบาท กองทุนนี้จะเปิดให้ลูกจ้างอิสระและผู้ที่ทำงานเป็นรายโปรเจกต์ เช่น ผู้ช่วยประจำกองถ่าย ผู้ช่วยนักตัดต่อ ผู้ควบคุมไมค์บูม และตำแหน่งอื่น ๆ ในกองถ่ายภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ในประเทศไทย ได้ยื่นขอรับ ความช่วยเหลือผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป เข้าไปดาวน์โหลดใบลงทะเบียนได้ ที่นี่ ผู้ที่ผ่านจะได้ยอดเงินบริจาค 15,000 บาท ต่อ 1 ผู้สมัคร อ่านคุณสมบัติผู้เข้าขอรับกองทุนและวิธีการสมัครที่โพสต์ Facebook ด้านล่าง ที่มา - สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ
# นี่มันโลกทุนนิยม League of Legends เตรียมใส่ป้ายโฆษณาในแมพ ให้เห็นเฉพาะคนดู League of Legends เกมแนว MOBA คู่แข่งหลักของ DOTA2 เตรียมเพิ่มป้ายโฆษณาเข้ามาในแมพ Summoner’s Rift สำหรับการถ่ายทอดสดการแข่งขัน eSports ของเกม โดยจะเริ่มในรายการ Summer Split ในเดือนหน้า ป้ายโฆษณานี้จะมองเห็นได้เฉพาะคนดูเท่านั้น เพื่อไม่ให้รบกวนผู้เล่นที่กำลังแข่งขันจนเกินไป และ Riot แถลงว่าการใส่ป้ายโฆษณานี้ มีเป้าหมายให้กีฬา eSports เทียบเคียงได้กับการแข่งกีฬาในโลกจริง (ที่ย่อมมีป้ายโฆษณาจากสปอนเซอร์ในสนาม) และเป็นก้าวสำคัญอีกก้าว เพื่อการเติบโตของทีมและการแข่งขันเกมนี้ สองบริษัทแรกที่จะลงโฆษณาในรูปแบบนี้คือ Mastercard และ Alienware โดยเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “ผลิตภัณฑ์ดิจิทัล” ที่ Riot กำลังทยอยเพิ่มเข้ามาเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะถูกเปิดเผย ก่อนการแข่งขัน Summer Split จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนหน้า ท่ามกลางท่าทีเสียงตอบรับที่แตกต่างกัน ก็มีแฟนๆ DOTA2 แอบแซวว่า League of Legends จะกลายเป็น Midas Mode หรือโหมดเงินซื้อได้ทุกอย่างในการแข่งขันแบบลีกสมัครเล่นของ Moonduck TV หรือเปล่า เป็นที่เฮฮากันไป ที่มา - gameindustry.biz, LOL
# Windows Server v2004 ออกแล้ว ลดขนาดอิมเมจเล็กลงได้อีก นอกจาก Windows 10 v2004 ไมโครซอฟท์ยังออก Windows Server v2004 มาพร้อมกัน ตามรอบการอัพเดตทุกครึ่งปี Windows Server version 2004 (ตั้งชื่อไม่ให้สับสนกับ Windows Server 2003) ถือเป็นระบบปฏิบัติการ Windows Server รุ่นออกทุกครึ่งปี Semi-Annual Channel (SAC) ที่เน้นฟีเจอร์ใหม่ๆ มากกว่าเสถียรภาพ และมีระยะซัพพอร์ตเพียง 18 เดือน (รุ่นเสถียรใช้ระยะยาวตัวล่าสุดตอนนี้คือ Windows Server 2019 ที่ซัพพอร์ตนาน 5+5 ปี) Windows Server v2004 แยกออกเป็น 3 อิมเมจ คือ รุ่นปกติตัวเต็ม, Server Core ขนาดเล็ก และ Nano Server ขนาดจิ๋วสำหรับรันในคอนเทนเนอร์ การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ v2004 คือตัว Server Core จะตัดส่วนปรับแต่งของ .NET ออกให้ไปอยู่ในอิมเมจ NGEN ของ .NET แทน ช่วยลดขนาดอิมเมจของ Windows Server v2004 ลงเหลือ 1.83GB จากของเดิม 2.25GB ในเวอร์ชันก่อน (v1909) ที่มา - Microsoft
# Docker จับมือไมโครซอฟท์ เชื่อม Docker Desktop/CLI กับ Azure โดยตรง บริษัท Docker Inc. ประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของทั้งสองบริษัทเชื่อมต่อกันแนบแน่นมากขึ้น Docker Desktop และ Docker CLI เชื่อมต่อ Azure ได้โดยตรง (เช่น docker login azure) สร้าง instance บน Azure Container Instances (ACI) ได้ทันที รองรับฟีเจอร์ Docker context สามารถสลับไปมาระหว่างเครื่อง local/cloud ได้ง่าย ส่วนขยาย Docker for VS Code รองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Docker Compose และเพิ่มตัวช่วยสร้างโปรเจคต์อัตโนมัติสำหรับบางภาษา (Node.js, Python, .NET Core/C#) ฟีเจอร์เหล่านี้จะเปิดใช้ใน Docker Desktop Beta ที่จะออกช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ไมโครซอฟท์บอกว่าความร่วมมือครั้งนี้ ทำให้ชุดเครื่องมือที่ประกอบด้วย Docker Desktop + Visual Studio + WSL2 + GitHub ช่วยให้นักพัฒนาทำงานราบรื่นขึ้น ตั้งแต่จากเดสก์ท็อปไปจนถึงคลาวด์ (ใครที่จินตนาการว่าไมโครซอฟท์จะซื้อ Docker เพิ่มอีกบริษัท ก็อาจไม่ไกลเกินฝันนัก) ที่มา - Docker, Microsoft
# AIS เพิ่มจุดรับทิ้งมือถือในห้างเครือเซ็นทรัล 34 แห่ง คาดเสร็จมิถุนายนนี้ เดือนตุลาคม 2019 ทาง AIS เปิดตัวโครงการ E-Waste ชวนคนไทยทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ ถังขยะ E-Waste ตามจุด AIS Shop และห้างในเครือเซนทรัล ซึ่งเดิมทำในห้างเครือเซนทรัล 8 แห่งคือ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, เซ็นทรัลพลาซา บางนา, เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2, เซ็นทรัลพลาซา พระราม 3, เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ,เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9, เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์, เซ็นทรัลเวิลด์ ล่าสุด AIS เตรียมขยายจุดรับไปยังห้างเครือเซ็นทรัลเพิ่มเติมเป็น 34 แห่ง รวมถึงอาคารดิออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ด้วย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้ AIS ยังระบุด้วยว่า ตั้งแต่ทำโครงการมา รวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกสส์ได้ทั้งสิ้น 49,952 ชิ้น โดยขยะที่รวบรวมคือ โทรศัพท์มือถือ/แท็บเล็ต, แบตเตอร์รี่มือถือ, พาวเบอร์แบงก์, สายชาร์จ หูฟัง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก อาทิ กล้องถ่ายรูป เครื่องเล่น MP3 Blognone เคยสัมภาษณ์ คุณนัฐิยา พัวพงศกร หัวหน้าแผนกงานพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน AIS ผู้จัดทำโครงการ AIS E-waste สามารถอ่านย้อนหลังได้ ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# ซอฟต์แวร์เปลี่ยนกล้อง Canon เป็น Webcam ออกเวอร์ชั่น MacOS แล้ว หลัง Canon ออกโปรแกรม EOS Webcam Utility เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนกล้อง DLSR, Mirrorless หรือ Powershots เป็นกล้อง Webcam ไว้ใช้งานช่วงต้องทำงานออนไลน์ได้ แต่มีแค่เวอร์ชั่น Windows เท่านั้น ตอนนี้ EOS Webcam Utility มีเวอร์ชั่น MacOS ให้ใช้งานแล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดได้บนหน้าเว็บไซต์ Canon USA เช่นเคย และถึงแม้โปรแกรมจะเขียนไว้ว่าสำหรับใช้งานเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ก็ไม่มีการล็อกการดาวน์โหลดจาก ip ประเทศอื่นแต่อย่างใด ผู้ใช้เพียงเลือกรุ่นกล้องที่ตัวเองมี จากนั้นเลือกดาวน์โหลดโปรแกรม EOS Webcam Utility Beta โดยระบบจะตรวจ OS ของผู้ใช้ และเลือกเวอร์ชั่นของโปรแกรมให้โดยอัตโนมัติ หากระบบตรวจไม่พบ OS หลังกดเลือกรุ่นกล้อง ให้คลิกที่ Software คลิกเลือก OS ที่ใช้ แล้วคลิก 'select' เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรมเวอร์ชั่นของ OS ตัวเอง ที่มา - Techradar, Canon USA
# Level Ex ผู้พัฒนาเกมฝึกแพทย์ Airway Ex และ Pulm Ex เพิ่มฟีเจอร์จำลองคนไข้ COVID-19 Level Ex ผู้พัฒนาเกมเพื่อพัฒนาความสามารถทางการแพทย์ ออกฟีเจอร์ใหม่ จำลองสถานการณ์ให้ผู้เล่นฝึกตรวจและดูแลรักษาคนไข้ COVID-19 เป็นเซสชั่นเพิ่มในเกมที่มีอยู่แล้วคือ Airway Ex และ Pulm Ex โดยก่อนเปิดตัวได้ทดสอบกับแพทย์หลายร้อยคน ฟีเจอร์ใหม่นี้มีกลุ่มเป้าหมายคือ แพทย์ระบบทางเดินหายใจ, แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน, วิสัญญีแพทย์และผู้ให้บริการด้านสุขภาพอื่นๆ ได้เตรียมพร้อมสำหรับการแก้ปัญหาในสถานการณ์ผู้ป่วย COVID-19 เพื่อจะได้ทำการตัดสินใจฉุกเฉินในนาทีนั้นได้ดีขึ้น โดยผู้เล่นจะได้เข้าถึงข้อมูลการแพทย์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องรู้ได้ในเกมเลย รวมทั้งสถานการณ์วินิจฉัยยากๆ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีหลายโรค เป็นต้น Level Ex ระบุว่าฟีเจอร์รักษา COVID-19 เป็นไปตามไกด์ไลน์ทางการแพทย์และข้อมูลเชิงลึกจากแพทย์ และหน่วยงานที่รับผิดชอบทางการแพทย์และโรคระบาด ที่มา - Venture Beat
# Instagram จะแบ่งรายได้โฆษณาบน IGTV ให้กับผู้ผลิตคอนเทนท์, เปิดตัวระบบ Badge หลังจากเปิดตัวมานานและไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก ล่าสุด Instagram เตรียมจะใส่โฆษณาเข้ามาใน IGTV แล้วและจะแบ่งรายได้จากโฆษณาบน IGTV ให้กับผู้ผลิตคอนเทนท์เป็นสัดส่วน 55% ตามมาตรฐานและเป็นจำนวนเดียวกับที่แบ่งให้ผู้ผลิตคอนเทนท์ Facebook Watch ขณะที่โฆษณาบน IGTV จะเริ่มปรากฎราวสัปดาห์หน้าบนแอคเคาท์พาร์ทเนอร์ที่ใช้ภาษาอังกฤษราว 200 แอคเคาท์ก่อน ความยาวสูงสุด 15 วินาที และจะมีโฆษณาก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานกดดู IGTV เท่านั้น จะไม่ปรากฎในพรีวิวบนฟีด ก่อนจะทดสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ของโฆษณาไปเรื่อย ๆ เช่นกดข้ามได้ นอกจากโฆษณา Instagram ยังเพิ่มวิธีหาเงินให้กับเจ้าของคอนเทนท์ด้วยระบบ Badge ขณะไลฟ์ ให้แฟน ๆ จ่ายเงินสนับสนุนและจะได้ Badge แปะเอาไปด้านหลังชื่อเวลาคอมเมนท์ ไม่รวมฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น อยู่ในรายชื่อผู้สนับสนุนหรือปุ่มไลค์ (หัวใจ) พิเศษซึ่งตัว Badge มี 3 ราคาคือ 0.99 เหรียญ, 1.99 เหรียญและ 4.99 เหรียญ ที่มา - Instagram, The Verge ระบบ Badge ขณะไลฟ์
# ทรัมป์เตรียมออกคำสั่งบริหาร ละเว้นกฎหมายคุ้มครองโซเชียลมีเดีย หลังโดนทวิตเตอร์แปะป้าย fact-check หลังทวิตเตอร์ออกฟีเจอร์ fact-check ที่ให้ผู้ใช้งานตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากทวีต ซึ่งคนแรก ๆ ที่โดนแปะป้ายนี้คือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องทวีตข่าวปลอมอยู่เนือง ๆ และเจ้าตัวก็วิจารณ์ทวิตเตอร์เรื่องฟรีสปีช ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมเอาคืนไปอีกขั้น เมื่อมีรายงานว่าทรัมป์เตรียมจะออกคำสั่งบริหาร (executive order) ละเว้นข้อกฎหมายที่คุ้มครองบริษัทโซเชียลมีเดียในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐและคณะกรรมการกำกับดูแลตีความหรือมองได้ว่าโซเชียลมีเดีย เช่น ทวิตเตอร์ เป็นผู้ผูกขาดและควบคุมการแสดงความคิดเห็น (เช่นการลบแอคเคาท์หรือลบโพสต์) ไม่ใช่เจ้าของแพลตฟอร์มที่เปิดให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างที่เป็นอยู่ กฎหมายที่คุ้มครองบริษัทโซเชียลมีเดียตอนนี้คือมาตรา 230 ของกฎหมายว่าด้วยการสื่อสารที่เหมาะสม (Communication Decency Act) ที่ออกเมื่อปี 1996 ช่วยให้บริษัทออนไลน์ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของผู้ใช้งาน รวมถึงมีสิทธิที่ค่อนข้างเยอะในการควบคุมเนื้อหา แม้คำสั่งบริหารจะยังอยู่ในกระบวนการร่างและยังไม่เรียบร้อย แต่คาดว่าน่ามีรายละเอียดยกเลิกความคุ้มครองตามมาตรา 230 หากโซเชียลมีเดียมีพฤติกรรมแบ่งแยกผู้ใช้งาน หรือจำกัดการใช้งานโดยไม่มีการไต่สวนที่เป็นธรรม หรือไม่มีการระบุในเงื่อนไขการใช้งาน (terms of service) ที่มา - WSJ
# เปิดตัว Cortana เวอร์ชันใหม่ เน้นพิมพ์แชทไม่เน้นพูด ผูกกับ Microsoft 365 ไมโครซอฟท์เปิดตัวแอพ Cortana ตัวใหม่ของ Windows 10 พร้อม Windows 10 May 2020 Update (v2004) ที่เปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อคืนนี้ ไมโครซอฟท์โชว์แอพตัวใหม่มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยปรับทิศทางของ Cortana ใหม่ 2 เรื่องคือ เน้นการพิมพ์คุยแทนการสั่งงานด้วยเสียง (ที่ไม่ค่อยมีใครใช้) และโฟกัสลูกค้าธุรกิจ Microsoft 365 แทนลูกค้าคอนซูเมอร์ (รายชื่อฟีเจอร์ทั้งหมด) ฟีเจอร์ของ Cortana จึงเปลี่ยนจากการเปิดเพลงหรือสั่งงานอุปกรณ์สมาร์ทโฮมในบ้าน มาเป็นการจัดตารางนัดหมาย, เพิ่มรายการงาน, อ่านอีเมลให้ฟัง เป็นต้น ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า ไมโครซอฟท์จะเปลี่ยนชื่อ Cortana เป็น Microsoft 365 Assistant ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นจริง และไมโครซอฟท์ใช้คำว่า Cortana in Microsoft 365 แทน ที่มา - Microsoft
# อัพกันหรือยัง? อัพเดต Zoom เป็นเวอร์ชัน 5.0 ก่อนวันที่ 30 พ.ค. นี้ มิฉะนั้นจะเข้าประชุมไม่ได้ เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา Zoom ได้ประกาศยกเครื่องความปลอดภัยแพลตฟอร์มตนเองครั้งใหญ่ โดยสิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนมาใช้การเข้ารหัสแบบ AES 256-bit GCM ที่ปลอดภัยขึ้นจากเดิมที่ใช้ AES 256-bit ECB ในการนี้ Zoom จึงออกอัพเดต Zoom 5.0 ในทุกแพลตฟอร์มทั้ง Windows, macOS, Linux, ChromeOS, Android และ iOS มาตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนแล้ว เพื่อรองรับการเข้ารหัสแบบใหม่ โดยจะเริ่มใช้การเข้ารหัสแบบใหม่ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ หากใครก็ตามที่ยังใช้ Zoom เวอร์ชันเก่าอยู่ เช่น 4.6 จะเข้าประชุมไม่ได้ ซึ่งในวันนั้นผู้ที่ยังไม่ได้อัพเดตและกดเข้าประชุมจะถูกบังคับให้อัพเดตก่อน อย่างไรก็ดี ปกติ Zoom จะเช็คอัพเดตอัตโนมัติและเด้งขึ้นมาให้อัพเดตเป็นระยะอยู่แล้ว แต่ก็อาจมีบางคนที่ยังไม่ได้กดอัพเดต ดังนั้นเพื่อไม่ให้ขลุกขลักเมื่อถึงเวลาประชุม ทุกคนจึงควรอัพเดตไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยวิธีการดังนี้ Windows ใน Windows สามารถอัพเดตได้ 2 วิธี หลังจากล็อกอินแล้วให้กดที่รูปโปรไฟล์ของเราด้านบนขวา และกด Check for Updates หลังจากนั้นทำตามขั้นตอนที่ปรากฎบนหน้าจอ อีกวิธีคือคลิกขวาที่ไอคอน Zoom บริเวณ system tray มุมล่างขวาใกล้ๆ นาฬิกา แล้วกด Check for Updates และทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ (วิธีนี้ไม่ต้องล็อกอินก่อนก็ใช้ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ join อย่างเดียวไม่มีบัญชี Zoom เป็นของตนเอง macOS เนื่องจากผมไม่ได้ใช้ Mac จึงทราบวิธีอัพเดตเพียงแบบเดียว คล้ายวิธีที่ 2 ของ Windows นั่นคือการกดอัพเดตจาก menu bar ด้านบน ตามรูป Android และ iOS สำหรับบนอุปกรณ์พกพาทั้งสองระบบปฏิบัติการ สามารถอัพเดตได้จาก Play Store และ App Store เหมือนแอพทั่วไป สุดท้ายหากอัพเดตด้วยวิธีปกติไม่ได้ อาจต้องดาวน์โหลดไฟล์ setup ไปติดตั้งทับของเดิมด้วยตนเอง ก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์ของทุกระบบปฏิบัติการได้ที่ Zoom installers
# กูเกิลเพิ่มปุ่ม ให้ลูกค้าสนับสนุนและบริจาคเงินแก่ธุรกิจรายเล็กใน 18 ประเทศ ก่อนหน้านี้กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ช่วยบรรเทาทุกข์โควิดแก่ร้านค้ารายย่อย ให้ธุรกิจเพิ่มลิงค์รับบริจาคเงินในหน้าโปรไฟล์ได้ และลิงค์นั้นจะปรากฏเมื่อผู้ใช้งานค้นหา ช่วยให้กดบริจาคเงินสนับสนุนได้ง่าย ล่าสุดกูเกิลขยายฟีเจอร์นี้ใน 18 ประเทศ เช่นญี่ปุ่น อิตาลี และมีเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ช่วยธุรกิจดังนี้ ร้านค้าที่ได้รับการยืนยันใน Google My Business จะสามารถเพิ่มคุณลักษณะเพื่ออธิบายตัวตนของธุรกิจเพิ่ม เช่นเป็น "คลาสออนไลน์" "การนัดหมายออนไลน์" ในกับโปรไฟล์ธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าทราบว่าพวกเขาทำงานอย่างไร โดยตัวเจ้าของธุรกิจต้องไปเพิ่มข้อมูลในหน้า Google My Business ก่อน และจะปรากฏในโปรไฟล์ของธุรกิจ ทั้ง Search และ Maps ในช่วงสัปดาห์ต่อไป ปกติกูเกิลมีระบบจองออนไลน์ให้ธุรกิจอยู่แล้ว หรือ Reserve with Google ลูกค้าสามารถใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อจองบริการร้าน และเชื่อมต่อไปยังปฏิทินของตัวเอง ล่าสุดกูเกิลขยายความร่วมมือไปยังผู้ให้บริการจองภายนอกด้วยคือ Booksy, Regis, WellnessLiving และ Zooty ร้านค้าที่ทำงานกับพันธมิตรรายใดรายหนึ่งเหล่านี้สามารถเสนอการจองออนไลน์โดยตรงบนกูเกิลเช่นกัน ที่มา - Google Blog
# ฟิลิปปินส์เสนอร่างเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ หวังนำเม็ดเงินมาช่วยฟื้นฟูประเทศ, ลงทุนดิจิทัล ฟิลิปปินส์เสนอร่างกฎหมาย เรียกเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ครอบคลุม กูเกิล, YouTube, Alphabet, Netflix, Facebook, Spotify เพื่อหาเม็ดเงินมาช่วยกอบกู้เศรษฐกิจที่หดตัวเพราะโรคระบาด คาดว่าตัวกฎหมายจะช่วยเพิ่มรายได้เข้าประเทศราว 571 ล้านดอลลาร์ “เราใช้ทรัพยากรไปกับการต่อสู้กับ COVID-19 และเราต้องการมากขึ้นในการต่อสู้และฟื้นฟูต่อไป” Joey Salced สมาชิกสภาคองเกรสผู้เสนอร่างกฎหมายกล่าว และยังบอกด้วยว่า เงินทุนจากภาษีใหม่จะถูกนำไปใช้สำหรับโปรแกรมดิจิทัลเช่น โครงการบรอดแบนด์แห่งชาติและการเรียนรู้ดิจิทัลเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางการศึกษาที่เกิดจากการปิดโรงเรียน ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียก็เคาะมาตรการเก็บภาษีบริษัทอินเทอร์เน็ต เช่น Netflix, Spotify 10% มีผล ก.ค. นี้ ภาพจาก Shutterstock ที่มา - Reuters
# HP ออกจอมอนิเตอร์ E-Series ที่ตัดแสงสีฟ้าตลอดเวลา การันตีสีไม่เพี้ยน ไม่ติดเหลือง HP ออกจอมอนิเตอร์ E-Series มีฟีเจอร์น่าสนใจคือ มีโหมด low-blue-light ตัดแสงสีฟ้า เปิดทำงานตลอดเวลาเพื่อถนอมสายตา โดย HP ระบุว่าไม่กระทบกับความแม่นยำของสี ไม่ทำให้ภาพติดเหลือง และเป็นมอนิเตอร์รุ่นแรกของโลกที่ได้มาตรฐาน TUV Low Blue Light Hardware Solution ด้วย มอนิเตอร์ชุดนี้จะเริ่มวางขายเดือนสิงหาคม มีขนาดหน้าจอให้เลือกตั้งแต่ 22, 23, 24, 27 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอทั้งแบบ FHD และ QHD ราคาเริ่มต้น 159 ดอลลาร์ นอกจากมอนิเตอร์แบบปกติแล้ว HP ยังมี HP E14 G4 Portable Monitor รุ่นพกพา เคลื่อนย้ายสะดวก ขนาด 14" น้ำหนักเพียง 640 กรัม ใช้ไฟสาย USB-C ขายในราคา 249 ดอลลาร์ และจอมอนิเตอร์ไร้สาย HP U27 4K Wireless Monitor ที่รองรับการแพร์กับพีซีผ่าน Bluetooth ได้สะดวก ขายราคา 479 ดอลลาร์ ที่มา - HP, Notebookcheck
# Samsung ร่วมกับ SoFi เปิดตัว Samsung Money บัตรเดบิตใช้งานร่วมกับ Samsung Pay ในสหรัฐฯ Samsung เผยรายละเอียดชุดใหญ่ของบัตรเดบิตที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ โดยผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ของ Samsung นี้จะใช้ชื่อว่า Samsung Money by SoFi Samsung Money เป็นบริการการเงินในสหรัฐฯ​ โดยจุดเด่นคือ Samsung เคลมว่าเป็นบัญชี cash management ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม และให้ดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคาร รวมถึงอินทิเกรตกับ Samsung Pay สามารถกดออกบัตรได้จากตัวแอป มีบัตรให้สองใบ คือบัตรเสมือนในแอปที่เมื่ออนุมัติแล้วสามารถใช้งานได้ทันที กับบัตรพลาสติกที่ต้องรอส่งมาที่บ้านจึงจะใช้งานได้ ภาพจาก Samsung ตัวแอป Samsung Pay สามารถใช้ตรวจสอบยอดเงินคงเหลือ, ดูรายการใช้จ่ายก่อนหน้า, สั่งล็อกบัตร หรือกำหนดว่าเป็นการซื้อสินค้าที่เกิดจากการฉ้อโกงได้ ส่วนคะแนนสะสม ทุกครั้งที่ใช้ Samsung Money ทางบริษัทจะให้ Samsung Rewards เพื่อนำไปใช้แลกซื้อสินค้า Samsung ได้ในอนาคต ส่วนตัวบัตรเป็น Mastercard ที่ออกโดย The Bancorp Bank และคุ้มครองเงินฝากโดย FDIC สูงสุดถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ และจากการเป็นพาร์ทเนอร์กับ SoFi ตัวบัตรจึงรองรับกับการใช้งานผ่านเอทีเอ็มภายใต้เครือข่าย Allpoint กว่า 55,000 ตู้ทั่วสหรัฐฯ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ที่มา - Samsung Newsroom US, The Verge ภาพจาก Samsung
# เปิดตัว Redmi 10X เริ่มต้น 7,200 บาท รองรับ 5G สองซิม ชิป Mediatek Dimensity 820 Xiaomi เปิดตัว Redmi 10X และ 10X Pro รองรับ 5G แบบใช้งาน 5G ได้สองซิมพร้อมกัน ใช้ชิป MediaTek Dimensity 820 หน้าจอ FHD+ AMOLED 6.57 นิ้ว รีเฟรชเรต 60Hz พร้อมระบบหน้าจอผัสผัสตอบสนองแบบ 180Hz แบตเตอรี่ 4,250 mAh แสกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และมีรูหูฟัง 3.5 มม. ทั้งสองรุ่น ต่างกันที่กล้องและสเปกอื่นๆ อีกเล็กน้อย Redmi 10X กล้องหลัง 3 กล้อง กล้องหลัก 48MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP เซ็นเซอร์ระยะชัดลึก 2MP และกล้องหน้า 16MP รองรับชาร์จเร็ว 22.5W รุ่นแรม 6 GB สตอเรจ 64 GB ราคา 1,599 หยวน (ประมาณ 7,200 บาท) รุ่นแรม 8 GB สตอเรจ 256 GB ราคา 2,399 หยวน (ประมาณ 10,700 บาท) Redmi 10X Pro กล้องหลัง 4 กล้อง กล้องหลัก 48MP กล้องเทเล 8MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP เซ็นเซอร์ระยะชัดลึก 2MP และกล้องหน้า 20MP รองรับชาร์จเร็ว 30W รองรับ NFC รุ่นแรม 8 GB สตอเรจ 128 GB ราคา 2,299 หยวน (ประมาณ 10,300 บาท) รุ่นแรม 8 GB สตอเรจ 256 GB ราคา 2,599 หยวน (ประมาณ 11,600 บาท) วางจำหน่ายในประเทศจีนในสัปดาห์หน้า ส่วนในประเทศไทยต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - Notebookcheck
# NASA/SpaceX เลื่อนภารกิจส่งมนุษย์ไปสถานีอวกาศนานาชาติ เพราะอากาศไม่เอื้ออำนวย ข่าวใหญ่ที่สุดในวงการอวกาศช่วงนี้คือภารกิจ Demo-2 ของ NASA และ SpaceX ที่จะส่งนักบินอวกาศสองคนไปยังสถานีอวกาศนานาชาติจากแผ่นดินอเมริกาเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี โดยมีกำหนดยิงจรวดออกจากฐานยิง 39A ที่แหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา เวลา 3:33 น. ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2020 ตามเวลาประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ราว 17 นาทีก่อนถึงเวลายิงจรวด ทีมงานได้ประกาศยกเลิกภารกิจเนื่องจากอากาศไม่เอื้ออำนวย และจะพยายามอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคมนี้ เวลา 2:22 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยสาเหตุที่ต้องเป็นเวลาใกล้เคียงเวลาเดิมเพราะต้องเป็นช่วงเวลาที่สถานีอวกาศนานาชาติเคลื่อนมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมในวงโคจร หลังการประกาศยกเลิกภารกิจในวันนี้ นักบินอวกาศสองคนคือ Robert Behnken และ Douglas Hurley ต้องนั่งรอในแคปซูล Dragon ต่ออีกระยะเวลาหนึ่งเพราะต้องรอให้ปล่อยเชื้อเพลิงออกจากจรวดเสียก่อน รวมระยะเวลาที่นักบินอวกาศนั่งในแคปซูลตั้งแต่แรกกว่า 3-4 ชั่วโมง ขั้นตอนทุกอย่างในวันอาทิตย์ก็จะเหมือนวันนี้ทั้งสิ้น ดังนั้นอาจถือได้ว่าเหตุการณ์วันนี้เป็นการซ้อมใหญ่ที่เหมือนจริงมากที่สุด ที่มา - SpaceX Live นักบินอวกาศทั้งสองคน ขณะก้าวกลับออกมาจากแคปซูล Dragon หลังยกเลิกภารกิจ
# OpenSSH ประกาศเตรียมเลิกรองรับกุญแจแบบ ssh-rsa เร็วๆ นี้ หลังพบแฮกเกอร์ปลอมกุญแจได้ในต้นทุน 1.5 ล้านบาท OpenSSH ออกเวอร์ชั่น 8.3 วันนี้โดยประกาศออกมาพร้อมกับอ้างถึงรายงานวิจัย "SHA-1 is a Shambles" ที่ตีพิมพ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมีต้นทุนการปลอมค่าแฮช SHA-1 แบบ chosen-prefix อยู่ที่ 45,000 ดอลลาร์ นับเป็นค่าที่ถูกเกินไปสำหรับการใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยสูง ทำให้ทาง OpenSSH เตรียมเลิกรองรับกุญแจล็อกอินแบบ ssh-rsa กุญแจแบบ ssh-rsa นับเป็นกุญแจแบบดั้งเดิมของ SSH ที่ใช้กุญแจเข้ารหัสในการล็อกอินกำหนดเป็นมาตรฐาน RFC4432 ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับมาตรฐานของโปรโตคอล SSH เอง RFC4251 และยังเป็นกุญแจที่ใช้กันกว้างขวางเนื่องจากก่อนหน้านี้เซิร์ฟเวอร์แทบทุกตัวรองรับกุญแจ ssh-rsa ทั้งสิ้น ตัวโครงการ OpenSSH เองรองรับกุญแจแบบอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่ามาเป็นเวลานาน เช่น ecdsa-sha2-nistp256 รองรับตั้งแต่ OpenSSH 5.7, ssh-ed25519 รองรับตั้งแต่ OpenSSH 6.5, และ rsa-sha2-256 ที่เปลี่ยนเฉพาะค่าแฮช รองรับตั้งแต่ OpenSSH 7.2 ทาง OpenSSH ระบุเพียงว่าจะเลิกรองรับกุญแจ ssh-rsa ในเวอร์ชั่นอันใกล้ โดยไม่ได้ระบุว่าอีกกี่เวอร์ชั่นแน่นอน แต่ทุกคนก็อาจจะควรเริ่มเปลี่ยนกุญแจกันได้ ที่มา - OpenSSH ภาพตัวอย่างกุญแจ ssh-rsa บน Red Hat Enterprise Linux 6.0 จาก Red Hat
# วินโดวส์ที่ไม่ใช่วินโดวส์ Windows 10 2004 รองรับเคอร์เนลลินุกซ์เป็นทางการ ไมโครซอฟท์ปล่อย Windows 10 รุ่น 2004 ตามรอบปล่อยอัพเกรดปีละสองครั้ง โดยเวอร์ชั่นนี้มีฟีเจอร์สำคัญคือ WSL2 ที่ทำให้วินโดวส์สามารถรันเคอร์เนลลินุกซ์เต็มรูปแบบผ่านทาง VM แบบพิเศษที่ไมโครซอฟท์พัฒนาขึ้นมาเฉพาะ WSL2 เป็นการเปลี่ยนแนวทางการทำงานร่วมกับลินุกซ์จากเดิมที่ไมโครซอฟท์พยายามจำลอง system call ของลินุกซ์ให้เรียกผ่านเคอร์เนลวินโดวส์ กลายเป็นการยกเคอร์เนลลินุกซ์มารันทั้งก้อน แก้ปัญหา WSL รุ่นแรกที่ประสิทธิภาพไม่ดีและไม่สามารถใช้งานบางอย่างได้ โดยเฉพาะ Docker และ Kubernetes ผลของการพัฒนา WSL2 ทำให้ทาง Docker Inc. ซัพพอร์ตฟีเจอร์นี้เมื่อใช้กับ Docker Desktop และสามารถใช้งานได้แม้จะเป็น Windows Home ก็ตาม นอกจาก WSL2 แล้ว เวอร์ชั่นนี้ยังปรับปรุงฟีเจอร์ของ Cortana, ปรับปรุงฟีเจอร์ช่วยให้เข้าถึงง่าย เช่นการปรับขนาดเคอร์เซอร์ หรือแว่นขยาย, แอปเครื่องคิดเลขมีประวัติการใช้งาน, รองรับการพิมพ์ Kaomoji ヘ(= ̄∇ ̄)ノ อ่านฟีเจอร์เต็มได้ในที่มา ที่มา - Windows IT Pro Blog
# GE ขายธุรกิจหลอดไฟแล้ว ธุรกิจแรกอายุเกือบ 130 ปี ตั้งแต่ โทมัส เอดิสัน GE หรือ General Electric กลุ่มบริษัทด้านอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลก ประกาศบรรลุข้อตกลงในการขายธุรกิจในเครือ GE Lighting ซึ่งผลิตสินค้าหลอดไฟ-แสงสว่าง ให้กับ Savant Systems บริษัทผู้พัฒนาโซลูชันสมาร์ทโฮม โดยไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของดีล แต่ The Wall Street Journal ระบุว่าอยู่ราว 250 ล้านดอลลาร์ ข้อตกลงของดีลนี้ Savant Systems จะสามารถใช้แบรนด์ GE กับสินค้าหลอดไฟต่อได้ด้วย การขายธุรกิจ GE Lighting นั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ GE เนื่องจากธุรกิจหลอดไฟ เป็นธุรกิจแรกเริ่ม อายุเกือบ 130 ปี ของผู้ก่อตั้ง โทมัส อัลวา เอดิสัน ก่อนจะควบรวมกิจการจนกลายมาเป็น GE ในปัจจุบัน การขายธุรกิจหลอดไฟออกไปทำให้ GE จากนี้จะเน้นกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมตามกลยุทธ์ปัจจุบันได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ GE Lighting อยู่ในแผนขายกิจการออกไปตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แต่เพิ่งได้ Savant Systems มาเป็นผู้ซื้อกิจการนั่นเอง ที่มา: GE ผ่าน Ars Technica ภาพ Facebook: GE Lighting
# macOS Catalina‌ ออกอัพเดต 10.15.5 เพิ่มตัวจัดการประสิทธิภาพแบตเตอรี่ แอปเปิลออกอัพเดตให้ระบบปฏิบัติการ macOS Catalina‌ เวอร์ชัน 10.15.5 โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญคือระบบจัดการประสิทธิภาพแบตเตอรี่ ซึ่งจะวิเคราะห์สภาพของแบตเตอรี่ แพทเทิร์นการชาร์จ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกเปิด-ปิดฟีเจอร์นี้ได้ ในอัพเดตนี้ยังแก้ไขปัญหา Finder ค้าง เมื่อมีการย้ายข้อมูลขนาดใหญ่ไปยัง RAID และเพิ่มตัวเลือกเวลา FaceTime แบบกลุ่ม ให้สามารถขยายหน้าจอผู้ที่กำลังพูดอยู่ได้ด้วย ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน Mac App Store ที่มา: MacRumors
# Niantic Labs เตรียมอัพเดต Pokemon Go โปเกมอนสามารถหลบหลังวัตถุจริงได้แล้ว Niantic Labs โพสต์อัพเดตฟีเจอร์ AR ใหม่บน Pokemon Go ที่เรียกว่า Reality Blending ทำให้ตัวโปเกมอนมีสามารถหลบหลังหรือถูกบดบังได้ด้วยวัตถุในโลกจริง แม้ Niantic Labs จะไม่ได้บอกเทคโนโลยีเบื้องหลัง แต่คาดว่าน่าจะเป็นการใช้งาน Depth API บน ARCore ของ Google Reality Blending จะเริ่มปล่อยเวอร์ชันเบต้าในเดือนหน้า ให้กับจำนวนผู้เล่นกลุ่มหนึ่งที่ใช้ Galaxy S9, S10, Pixel 3 และ Pixel 4 ก่อน (น่าจะเพราะเป็น 2 แบรนด์ที่รองรับ ARCore) ก่อนจะเพิ่มจำนวนผู้เล่นและอุปกรณ์ต่อไป นอกจาก Reality Blending แล้ว Niantic Labs ยังจะเปิดให้ผู้เล่นช่วยสร้างแผนที่ 3 มิติบน Pokemon Go ได้มากขึ้นด้วยการช่วยถ่ายวิดีโอตำแหน่งหรือวัตถุที่เป็น PokeStop เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาระบบแผนที่ 3 มิติของตัวเกม ที่จะช่วยทำให้โปเกมอนมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมได้สมจริงยิ่งขึ้น เช่น คาบิก้อนจะรู้ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นหญ้าสำหรับลงไปนอนหรือปิ๊ปปี้จะรู้ว่าตรงนี้คือต้นไม้ สำหรับวิ่งไปหลบ เป็นต้น Niantic บอกว่าบริษัทจะให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวในวิดีโอที่ถูกส่งเข้าไป อย่างการเบลอใบหน้า ทะเบียนรถและจะไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวใด ๆ จากวิธีนี้ ที่มา - Niantic
# บริการหาคู่ในสิงคโปร์ จัดเดทเสมือนจริงให้ลูกค้าผ่านวิดีโอคอล COVID-19 ทำให้การออกไปเดทในสถานที่ต่างๆ เช่นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ทำได้ยาก บริษัทหาคู่ในสิงคโปร์จึงหาทางออกด้วยการนำลูกค้ามาจัดเดทเสมือนจริงผ่านวิดีโอคอล และได้ผลตอบรับดี มีแนวโน้มการใช้งานเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Kopi Date บริการหาคู่ที่ให้คนมาเจอกันตามร้านกาแฟสวยๆ (ให้บริการทั้งคนโสดและคู่รัก) ก็หันมาเปิดบริการ Date From Home ให้ลูกค้าเดทผ่านวิดีโอคอล Whereby ซึ่งบริษัทจะมีไกด์ไลน์ให้ผู้ใช้งานเริ่มต้นการคุยวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นการจัดไมค์ การเตรียมกาแฟให้เข้ากับธีมของบริการ เป็นต้น ผู้ก่อตั้งพบว่ามีคนที่ต้องการใช้บริการ Date From Home เพิ่มขึ้น 30% และล่าสุดเปิดบริการใหม่เป็น Midnight HTHT เดทจากที่บ้านตอนกลางคืน ด้าน Lunch Actually อีกหนึ่งบริการหาคู่ของสิงคโปร์ก็จัดเดทผ่าน Zoom เนื่องจากใช้งานง่าย โดยบริษัทจะจัดประสานการเดทของลูกค้าเมื่อพบว่า match กันก็จะแนะนำลูกค้าให้ใช้งาน Zoom และปล่อยให้ทั้งสองคุยกัน ภาพจาก Kopi Date ที่มา - The Straits Times
# ซีอีโอ OnePlus เผยบริษัทไม่เกี่ยวข้องกับ Oppo ไม่ได้เป็นบริษัทลูก BBK ที่ผ่านมาเป็นที่เข้าใจว่า Oppo, Realme, Vivo และ OnePlus อยู่ภายใต้ BBK Electronics โดยเฉพาะกรณี OnePlus และ Oppo ที่อาจมีความเกี่ยวโยงกัน เพราะดีไซน์ของ OnePlus หลาย ๆ รุ่นที่ผ่านมาแทบจะใช้พิมพ์เดียวกัน ล่าสุด Pete Lau ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า OnePlus ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ BBK (Oppo ก็เคยออกมาปฏิเสธกับ The Verge เช่นกันนี้) ตัวเองเป็นบริษัทอิสระ ส่วนความสัมพันธ์กับ Oppo นั้นแค่มีนักลงทุนร่วมกันที่ชื่อ Oplus รวมถึงมีซัพพลายเชนและใช้ทรัพยากรณ์ในกระบวนการผลิตร่วมกันเท่านั้น ที่มา - Fast Company OnePlus 6 ที่แทบจะถอดแบบมาจาก Oppo R15 Pro
# Xiaomi เปิดตัวสมาร์ททีวี 4K Redmi Smart X50, X55 และ X60 ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 9,000 บาท Xiaomi เปิดตัวสมาร์ททีวี 4K สามรุ่นในตระกูล Redmi Smart X โดยมีสามขนาด คือ 50 นิ้ว (X50) 55 นิ้ว (X60) และ 60 นิ้ว (X60) มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องถึง 97% มีระบบ MEMC motion compensation เพิ่มเฟรมเรตภาพ ตัวจอภาพมีอัตรารีเฟรชที่ 60Hz และแสดงสีแบบ NTSC ได้ถึง 85% ในตัวเครื่องมีแรม 2 GB มีสตอเรจภายใน 32 GB และลำโพงกำลังขับ 12.5W รองรับการสั่งงานด้วยเสียง และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT อื่นๆ ได้ ไม่เปิดเผยระบบปฏิบัติการแต่คาดว่าน่าจะใช้ Android TV เป็นฐาน Redmi Smart X รุ่น X55 เริ่มจำหน่ายวันที่ 10 มิถุนายนนี้ ในราคา 2,299 หยวน (ประมาณ 10,300 บาท) รุ่น X65 ราคา 3,299 หยวน (ประมาณ 14,700 บาท) ส่วนรุ่น X50 ยังไม่เปิดเผยราคาที่แน่นอน นอกจากบอกว่าต่ำกว่า 1,999 หยวน (ประมาณ 9,000 บาท) ส่วนข้อมูลราคาและการวางจำหน่ายในไทยและประเทศอื่น ต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - Notebookcheck
# ความผิดพลาดทางเทคนิค YouTube เผลอลบคอมเม้นท์ดูถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนออก YouTube ลบคอมเม้นท์วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นคอมเม้นท์ภาษาจีนกลางออก โดยมีผู้ใช้งานชาวจีนโพสต์บนทวิตเตอร์ว่า YouTube ลบความคิดเห็นในภาษาจีนที่ว่า "Gongfei" ซึ่งหมายถึง "โจรคอมมิวนิสต์" ออกใน 15 วินาที ลองทำสามคร้งก็ให้ผลลัพธ์เหมือนเดิม ซึ่ง YouTube บอกว่าปัญหาดังกล่าวมาจากความผิดพลาดทางเทคนิค ไม่เกี่ยวกับนโยบายแพลตฟอร์ม กำลังเร่งสืบหาสาเหตุ อาจเป็นไปได้ว่าช่วงโรคระบาด คนช่วยคัดกรองเนื้อหาไม่ได้มาทำงาน การคัดกรองตอนนี้ใช้ระบบอัตโนมัติอย่างเดียว ก็อาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดนี้ขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม The Verge ไปสืบพบเพิ่มว่า YouTube มีการลบความคิดเห็นเชิงนี้ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2019 มีคนร้องเรียนในหน้าช่วยเหลือ ระบุว่า YouTube ลบคำ 五毛 (wu mao) ซึ่งหมายถึง 50-cent party ออก 50-cent party ในที่นี้เป็นการกล่าวโดยนัย หรือเป็นสแลงถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวถึงบรรดาหน้าม้าที่คอยคอมเม้นท์สนับสนุนพรรค หรือที่คนไทยคุ้นกับคำว่า IO นั่นเอง ซึ่งว่ากันว่าหน้าม้าเหล่านี้ได้ค่าจ้างให้คอมเม้นท์โพสต์ละ 50 เซนต์ ที่มา - The Verge
# Sony เปิดตัว ZV-1 กล้องสาย vlog มี Eye-AF ไมค์ตัดเสียงรบกวน ราคา 22,900 บาท Sony เปิดตัวกล้องคอมแพค ZV-1 ขนาดเล็ก น้ำหนัก 294 กรัม พกพาสะดวก สำหรับสายบล็อกเกอร์และ Vlogger มาพร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ 1.0-type Stacked Exmor RS CMOS ขนาด 1 นิ้ว เลนส์ ZEISS Vario-Sonnar T* ระยะโฟกัส 24-70mm f1.8-2.8 ถ่าย 4K แบบ XAVC S รองรับ Hybrid Log Gramma (HLG) ถ่าย slow motion ได้ 960 เฟรมต่อวินาที มีปุ่ม Background Bokeh สำหรับถ่ายบุคคลให้ฉากหลังเบลอ มี Real-time Eye AF โฟกัสวัตถุได้อย่างรวดเร็วแบบเดียวกับในตระกูล Alpha หรือ RX พร้อมระบบกันสั่น มีจอ LCD แบบพับได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน มีไมโครโฟนในตัว พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก รองรับการเชื่อมต่อไมโครโฟนแบบ 3.5 มม. และมี Clean HDMI รองรับการ Live Streaming ZV-1 พรีออเดอร์ได้ตั้งแต่ 28 พฤษภาคม ถึง 7 มิถุนายน นี้ ในราคา 22,990 บาท โดยผู้ที่สั่งจองล่วงหน้าจะได้ Shooting Grip รุ่น VCT-SGR1 มูลค่า 3,190 บาท และ SD Card 64GB มูลค่า 1,390 บาท ผู้ที่ซื้อหลังวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 8 มิถุนายนนี้ ใน Sony Store เว็บไซต์ หรือร้านตัวแทนจำหน่าย จะไม่ได้ Grip แต่ยังได้ SD Card 64GB อยู่ ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# FlowAccount ผู้ทำระบบบัญชี ขยายธุรกิจไปยังระบบเงินเดือนออนไลน์ ทำเงินเดือนพนักงานที่ไหนก็ได้ FlowAccount สตาร์ทอัพไทยผู้พัฒนาระบบบัญชีออนไลน์ผ่านระบบคลาวด์แบบ SaaS ขยายธุรกิจสู่ระบบเงินเดือน คือ FlowPayroll เป็นโปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ จัดการค่าใช้จ่ายระยะไกล ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ work from home ในช่วงนี้ โดย FlowPayroll มีฟังก์ชั่นดังนี้ แดชบอร์ด สรุปยอดค่าใช้จ่ายเงินเดือนแบบเรียลไทม์ ช่วยคุมค่าใช้จ่ายง่ายขึ้น ระบบบันทึกข้อมูลพนักงาน ช่วยให้มีข้อมูลประเมินพนักงานและเลื่อนตำแหน่ง ระบบสร้างรายการจ่ายเงินเดือน ทั้งแบบรายวันและรายเดือน คำนวณอัตโนมัติ ทั้งประกันสังคมและภาษี ออกสลิปเงินเดือน แชร์ได้ทางอีเมล เชื่อมต่อระบบจ่ายเงินเดือน K-Cash Connect Plus จากธนาคารกสิกรไทย ช่วยจ่ายให้พนักงานหลายคนได้ทีเดียว ไม่ต้องกดโอนจ่ายซ้ำๆ มีรายงานสรุปยอดเงินเดือน ไว้นำส่งภาษี และยื่นประกันสังคมออนไลน์ ใช้งานเดี่ยวๆ หรือใช้คู่ร่วมกับโปรแกรมบัญชี FlowAccount เพื่อทำบัญชีค่าใช้จ่ายเงินเดือนให้อัตโนมัติ FlowAccount ระบุว่าผู้สนใจสามารถเข้าไปทดลองใช้งานฟรีที่ FlowPayroll ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# Redmi เปิดตัว RedmiBook 13, 14, 16 โน้ตบุ๊ก Ryzen 4000 เริ่มต้นราว 17,000 บาท Xiaomi เปิดตัว RedmiBook โน้ตบุ๊กแบบบางเบา ราคาจับต้องได้ มี 3 ขนาด RedmiBook 13 น้ำหนัก 1.23 กิโลกรัม RedmiBook 14 หนัก 1.2 กิโลกรัม (เบากว่าตัว 13 อยู่ 3 กรัม แบบงงๆ) และ RedmiBook 16 หนัก 1.8 กิโลกรัม โดยทุกรุ่นมีพอร์ต USB-A สองพอร์ต USB-C สองพอร์ต พอร์ต HDMI รูหูฟัง 3.5 มม. และที่สแกนลายนิ้วมือ รุ่น 13,14 นิ้ว ใช้แบตเตอรี่ 40 Wh รุ่น 16 นิ้วแบตเตอรี่ 46 Wh และมีสเปกดังนี้ RedmiBook 13 ซีพียู Ryzen 5 4500U, แรม 8 GB, 512 GB SSD - 3,799 หยวน (ประมาณ 17,000 บาท) ซีพียู Ryzen 5 4500U, แรม 16 GB, 512 GB SSD - 3,999 หยวน (ประมาณ 18,000 บาท) ซีพียู Ryzen 7 4700U, แรม 16 GB, 1 TB SSD - 4,999 หยวน (ประมาณ 23,000 บาท) RedmiBook 14 ซีพียู Ryzen 5 4500U, แรม 8 GB, 512 GB SSD - 3,799 หยวน (ประมาณ 17,000 บาท) ซีพียู Ryzen 5 4500U, แรม 16 GB, 512 GB SSD - 3,999 หยวน (ประมาณ 18,000 บาท) ซีพียู Ryzen 7 4700U, แรม 16 GB, 512 GB SSD - 4,499 หยวน (ประมาณ 20,000 บาท) RedmiBook 16 ซีพียู Ryzen 5 4500U, แรม 8 GB, 512 GB SSD - 3,799 หยวน (ประมาณ 17,000 บาท) ซีพียู Ryzen 5 4500U, แรม 16 GB, 512 GB SSD - 3,999 หยวน (ประมาณ 18,000 บาท) ซีพียู Ryzen 7 4700U, แรม 16 GB, 512 GB SSD - 4,499 หยวน (ประมาณ 20,000 บาท) เปิดให้พรีออเดอร์เฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม วางจำหน่าย 1 มิถุนายนนี้ ส่วนในต่างประเทศและในบ้านเรา ยังไม่มีข้อมูลวันและราคาจำหน่าย ที่มา - Notebookcheck
# OnePlus มีแผนทำสมาร์ทโฟนราคาถูกอีกครั้ง ส่วนหนึ่งของแผนสร้างอีโคซิสเต็มตัวเอง จากจุดเริ่มต้นของนักฆ่าเรือธงก่อนจะค่อย ๆ กลายร่างมาเป็นเรือธงเสียเองจนหลายคนคิดว่า OnePlus สูญเสียเอกลักษณ์นักฆ่าเรือธงไปแล้ว แต่ Pete Lau ซีอีโอของ OnePlus เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนจะกลับไปยังจุดเริ่มต้นของบริษัทและทำสมาร์ทโฟนราคาถูกอยู่ Pete Lau ยืนยันว่าแม้จะราคาถูกแต่สมาร์ทโฟนจะยังคงมาตรฐานของ OnePlus เอาไว้ ขณะที่รุ่นท็อปก็จะยังคงมีอยู่เช่นเดิม เป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ใหญ่ของ OnePlus ที่ต้องการสร้างอีโคซิสเต็มฮาร์ดแวร์ของตัวเอง (เริ่มไปแล้วด้วยการทำ OnePlus TV) ที่มา - Fast Company
# เปิดตัว Realme X3 ซูม Hybrid ได้ 60x ชิป Snapdragon 855+ ราคา 570 เหรียญ Realme เปิดตัวมือถือ Realme X3 มือถือหน้าจอ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ใช้ชิปเรือธงของปีก่อน Snapdragon 855+ พร้อมแรมที่ให้มาถึง 12 GB หน่วยความจำ UFS 3.0 ความจุ 256 GB กล้องหน้าคู่ 32 MP + 8MP กล้องหลังหลัก 64MP กล้องซูมแบบ Periscope 5x ทำ Hybrid Zoom ได้ถึง 60x กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP และกล้องมาโคร 2MP แบตเตอรี่ 4,200 mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W รันบน Android 10 ครอบทับด้วย realme UI แต่ไม่มีรูหูฟัง ทั้งหมดนี้ในราคาประมาณ 570 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 18,200 บาท ถือเป็นมือถือรุ่นกลางที่ถ้าเปิดตัวในปีที่แล้วคงเทียบชั้นเรือธงได้เลยทีเดียว ส่วนราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยก็เตรียมประกาศในวันนี้บนเพจเฟสบุ๊กของ Realme ประเทศไทย ที่มา - Notebookcheck
# HP เปิดตัวพีซี All-in-One ที่ใช้ Windows 10 IoT กดปุ่มเดียวพร้อมประชุม Zoom ทันที นอกจาก HP เปิดตัวเวิร์คสเตชัน ZBook Firefly ที่ออกมาชน MacBook Pro และอัพเดตโน้ตบุ๊กธุรกิจแบรนด์ EliteBook ชุดใหญ่ ยังมีพีซีเดสก์ท็อปสำหรับลูกค้าธุรกิจอีกชุดด้วย (ทุกตัวเรียกเป็น G6 ตาม Gen 6) พีซีตัวที่น่าสนใจที่สุดคือ HP Collaboration All-in-One G6 with Zoom Rooms (ชื่อแบบนี้จริงๆ ไม่ได้เขียนผิด) มันเป็นพีซี All-in-One ที่จับมือกับ Zoom รับกระแสวิดีโอคอลล์บูม โดยฝังกล้องเว็บแคมแบบป๊อปอัป 5MP มุมมองกว้าง 88 องศาไว้ด้านบนของจอ มีไมโครโฟนและลำโพงให้พร้อมสรรพ พีซีตัวนี้ยังรันระบบปฏิบัติการ Windows 10 IoT Enterprise 64 เพื่อออกแบบมาให้ "กดปุ่มเดียวประชุมได้ทันที" ตามแนวคิด appliance สำหรับการประชุม ที่เดินมากดปุ่มแล้วใช้ได้เลย สเปกอย่างอื่นคือ ซีพียู Core 10th Gen, แรม 8GB, SSD 128GB, หน้าจอขนาด 27" แบบลดแสงสะท้อน (anti-glare) สินค้าจะเริ่มขายเดือนกันยายน ยังไม่ประกาศราคา พีซี All-in-One อีกตัวคือ HP EliteOne 800 All-in-One G6 PC ชูจุดเด่นเรื่องสมรรถนะสูง แต่ดีไซน์สวยงาม ขอบจอขนาดเล็ก มีขาตั้งจอหลายรูปแบบตามสไตล์การใช้งาน (หน้าตาเหมือนตัวข้างบน แต่ไม่มีเว็บแคมตัวใหญ่ และสเปกแรงกว่าเพราะเน้นใช้งานหลากหลาย) สเปกสามารถอัดไปสุดที่ Intel Core-i9 10th Gen, จีพียู NVIDIA GeForce RTX 2070 SUPER, แรม 64GB, สตอเรจ 2TB, หน้าจอมีให้เลือกทั้งแบบ 23.8 และ 27 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 1,249 ดอลลาร์ นอกจาก All-in-One สองตัวนี้แล้ว ยังมีพีซีรุ่นมาตรฐานซีรีส์ HP EliteDesk 800 G6 มีให้เลือกทั้งแบบ Tower, Mini PC, Small Form Factor และพีซีระดับรองลงมาคือ HP ProDesk 600 และ 400 ด้วย ที่มา - HP, Notebookcheck
# [ไม่ยืนยัน] Amazon กำลังพูดคุยเพื่อซื้อกิจการ Zoox สตาร์ทอัพพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับ ที่ผ่านมามีข่าวเรื่องการพัฒนาหรือลงทุนในเทคโนโลยีไร้คนขับของ Amazon ออกมาประปราย ล่าสุด Wall Street Journal รายงานว่า Amazon กำลังพูดคุยกับ Zoox สตาร์ทอัพพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับเพื่อเข้าซื้อกิจการ อย่างไรก็ตามดีลนี้ยังมีความไม่แน่นอน สามารถล้มได้ตลอดเวลา หรือหากจะมีข้อตกลงกันจริง ๆ ก็น่าจะอีกหลายสัปดาห์ ขณะที่ Zoox ก็ระบุว่าได้รับความสนใจจากหลายฝ่ายและกำลังประเมินข้อเสนอต่าง ๆ อยู่ โดยที่ผ่านมา Zoox กำลังประสบปัญหาด้านเงินทุนจากนักลงทุน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่ค่อนข้างช้า ทำให้เงินทุนหันไปลงกับรายใหญ่อย่าง Waymo หรือ Cruise มากกว่า ที่มา - WSJ ภาพจาก Zoox
# ARM เปิดตัว Cortex-X1 ซีพียูแรงที่สุดของบริษัท, คัสตอมให้ลูกค้าผ่านโครงการ Cortex-X ARM เพิ่งเปิดตัว Cortex-A78 ตามรอบปกติที่จะอัพเดตซีพียูปีละครั้ง โดยมีพลังประมวลผลดีขึ้น 20% จาก Cortex-A77 รุ่นของปีที่แล้ว แต่ปีนี้ ARM มีของพิเศษเพิ่มมาอีกอย่างคือโครงการ Cortex-X Custom (CXC) สำหรับลูกค้า (ระดับใหญ่ๆ อย่าง Qualcomm หรือ Samsung) ที่อยากได้ซีพียูแบบคัสตอมไปใช้งาน ให้แตกต่างจากแปลนซีพียู Cortex-A รุ่นปกติทั่วไปที่ทุกเจ้าใช้เหมือนกัน เพื่อให้เห็นทิศทางของโครงการ Cortex-X ว่าเป็นอย่างไร ARM จึงเปิดตัวซีพียู Cortex-X1 ซึ่งเป็นซีพียูของ ARM ที่แรงที่สุดในตอนนี้ แรงขึ้นจาก Cortex-A77 ถึง 30% และถ้าเทียบกับ Cortex-A78 รุ่นใหม่ ก็แรงขึ้นอีก 22% (วัดจากการประมวลผล integer แบบเธร็ดเดียว) ARM อธิบายโครงสร้างของ SoC ที่จะใช้ซีพียู Cortex-X1 ว่าใช้การจัดกลุ่มซีพียู (ที่ ARM เรียกชื่อเองว่า DynamIQ cluster) แบบ 1+3+4 คอร์ โดยจะเป็น Cortex-X1 ตัวแรง 1 คอร์ + Cortex-A78 3 คอร์ + ซีพียูรุ่นเล็ก Cortex-A55 อีก 4 คอร์ ทำให้รับโหลดได้หลากหลายรูปแบบ แต่ก็ต้องแลกมากับพื้นที่ซิลิคอนที่ใหญ่ขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้ Cortex-A78 ล้วน 4 คอร์ + Cortex-A55 4 คอร์ตามมาตรฐาน ด้วยรูปแบบการใช้งานที่ต่างกัน ทำให้ Cortex-X1 กับ Cortex-A78 ถูกวางตัวไว้เป็นผลิตภัณฑ์คู่ขนานกัน ขึ้นกับว่าลูกค้าจะใช้งานแบบใด หากต้องการงานพื้นฐานสำหรับสมาร์ทโฟนทั่วไป ก็เลือก Cortex-A78 แต่ถ้าต้องการใช้กับอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆ (เช่น foldable หรืออุปกรณ์สองจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น) ก็พิจารณา Cortex-X1 ได้ ตอนนี้พาร์ทเนอร์ที่ประกาศเข้าร่วมโครงการ Cortex-X Custom แล้วคือซัมซุง อีกไม่นานเราคงได้เห็นสินค้าซัมซุงที่ใช้ Cortex-X1 ออกวางตลาด ที่มา - ARM
# อย่าเอาแต่ปฎิเสธ ThaiCERT แนะนำการแจ้งข้อมูลรั่ว บอกให้ชัดว่ารั่ว, ระบุแนวทางแก้ไข หลังจากเมื่อวานนี้มีรายงานฐานข้อมูลทราฟิกของ AIS เปิดสู่สาธารณะและทาง AIS ได้แถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทาง ThaiCERT ศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของไทยออกข้อแนะนำการแจ้งข้อมูลรั่วไหล โดยระบุว่าการรั่วไหลข้อมูลเกิดได้หลายสาเหตุ แต่ตามกฎหมายหลายชาติรวมถึงของไทยเมื่อรั่วไหลแล้วก็ต้องแจ้งต่อหน่วยงานกำกับดูแลและสาธารณะ คำแนะนำของ ThaiCERT ระบุแนวทาง 6 ข้อ ที่ควรแจ้งเมื่อเกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล หัวข้อควรบอกให้ชัดว่าเป็นเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล จำนวนรายการข้อมูล หรือจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ ประเภทของข้อมูลที่รั่วไหล ความเสี่ยงของข้อมูลที่รั่วไหลออกไป แนวทางแก้ปัญหาหรือเยียวยา ช่องทางติดต่อผู้รับผิดชอบ คำแนะนำของ ThaiCERT เป็นการรวบรวมจากคำแนะนำอื่นๆ ก่อนหน้าซึ่งไปในทางเดียวกัน เช่น สหภาพยุโรป, VISA (แนะนำกรณีร้านค้าทำข้อมูลรั่ว), และคำแนะนำของกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไอร์แลนด์ ที่มา - ThaiCERT ภาพจาก Pixabay
# ครั้งแรกของทวิตเตอร์ แปะป้าย fact-check ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มบนโพสต์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตเตอร์เริ่มแปะป้าย fact-check หรือคำแนะนำให้ผู้ใช้งานทั่วไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพราะอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตรงโพสต์ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้ว โดยทรัมป์โพสต์ทวิตเตอร์เรื่อง Mail-In Ballots หรือการลงคะแนนเลือกตั้งผ่านไปรษณีย์ว่าจะทำให้เกิดการฉ้อโกง บัตรเลือกตั้งถูกขโมย ปลอมแปลง และทวิตเตอร์ก็แปะป้าย fact-check เพื่อให้เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมอ้างอิงแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ระบุว่า ผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกล่าวว่าไม่มีหลักฐานว่า Mail-In Ballots เชื่อมโยงกับการฉ้อโกงของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โซเชียลมีเดียถูกวิจารณ์เรื่องความสามารถในการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าไม่ลงมือแก้ปัญหามากพอ โดยเฉพาะข้อมูลที่มาจากนักการเมือง และทรัมป์ก็มีชื่อเสียงเรื่องชอบเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ทำให้เข้าใจผิดบนทวิตเตอร์อยู่เนืองๆ และทันทีที่ถูกแปะป้าย ทรัมป์ก็วิจารณ์ทวิตเตอร์กลับว่าปิดกั้นเสรีทางความคิดเห็น ที่มา - Axios
# Facebook รีแบรนด์กระเป๋าเงิน Calibra เป็นชื่อใหม่ Novi เพื่อไม่ให้สับสนกับสกุลเงิน Libra แผนเดิมของ Facebook คือสร้างสกุลเงิน Libra ที่ดูแลโดยองค์กรกลาง Libra Association และเปิดให้หน่วยงานต่างๆ มาสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับ Libra ซึ่ง Facebook เองจะทำด้วย และใช้ชื่อว่า Calibra ชื่อของ Libra กับ Calibra ที่คล้ายกันมาก ชวนให้คนสับสนว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร ล่าสุด Facebook จึงประกาศรีแบรนด์ Calibra ใหม่เป็น Novi ชื่อมาจากภาษาละตินว่า novus (new) และ via (way) สะท้อนถึงวิะีการใหม่ในการส่งเงินให้กัน (a new way to send money) โลโก้ใหม่ของ Novi ยังมีสัญลักษณ์ของ Libra อยู่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นกระเป๋าเงินสำหรับ Libra ส่วนกำหนดเปิดใช้งานจะต้องรอเครือข่าย Libra เริ่มเปิดทำงานก่อน หน่วยงานที่ดูแล Novi คือ Novi Financial ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทลูกของ Facebook และตั้งอยู่ที่ Menlo Park ในแคลิฟอร์เนียเหมือนกัน ในขณะที่ Libra Association จดทะเบียนที่สวิตเซอร์แลนด์ ที่มา - Facebook
# Facebook เปิดตัว CatchUp แอปคุยโทรศัพท์ ที่รู้ได้ว่าปลายสายว่างคุยกับเราหรือไม่ NPE Team ซึ่งเป็นทีมนักพัฒนาใน Facebook เปิดทดสอบ CatchUp เป็นแอปคุยแบบกลุ่มที่เน้นการคุยด้วยเสียงอย่างเดียว ไม่รวมวิดีโอ สามารถคุยกลุ่มได้สูงสุด 8 คน แสดงสถานะคนที่พร้อมคุย กับคนที่ไม่ว่างคุยได้ สามารถใช้ได้แม้ไม่มีบัญชี Facebook โดยใช้เบอร์โทรศัพท์แทน เริ่มเปิดตัวเฉพาะผู้ใช้บางกลุ่มในสหรัฐฯก่อน ผู้ใช้งานสามารถตั้งสถานะของตัวเองได้ว่า พร้อมคุย (Ready to Talk), ไม่ว่าง (Offline) ในบล็อกประกาศบอกว่า การโทรคุยแบบกลุ่มเป็นอีกทางเลือกนอกเหนือจากวิดีโอคอล เพราะบางครั้งคนไม่พร้อมคุยวิดีโอ แต่คุยด้วยเสียงได้ คุยแล้วรู้สึกสะดวกสบายทั้งสองฝ่าย การคุย CatchUp ยังต่างจากคุยโทรศัพท์ธรรมดาตรงที่เรารู้ว่าปลายสายว่างคุยหรือไม่ผ่านสเตตัสบนหน้าจอแอป ผู้ใช้งานสามารถสร้างกลุ่มแชทได้เหมือนใช้งานแอปแชททั่วไป เช่น กลุ่มเพื่อนสนิท กลุ่มครอบครัว ที่มา - TechCrunch, Facebook Blog
# Google Cloud Functions บริการประมวลผล Serverless รองรับ Java 11 LTS แล้ว Google Cloud Functions บริการประมวลผลแบบ serverless ของฝั่งกูเกิล ที่เปิดตัวครั้งแรกปี 2016 และออกรุ่นเสถียรปี 2018 ประกาศรองรับ Java 11 แล้ว (ยังมีสถานะเป็น Beta) Java 11 ถือเป็นแพลตฟอร์ม Java รุ่นซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) รุ่นต่อจาก Java 8 ที่นิยมใช้กันแพร่หลาย การที่ Cloud Functions รองรับ Java 11 ช่วยให้แอพพลิเคชันสำหรับลูกค้าองค์กร รองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ ของภาษารุ่นใหม่ด้วย กูเกิลยังบอกว่าเฟรมเวิร์คยอดนิยมของโลก Java อย่าง Spring Cloud Function และ Micronaut ก็รองรับ Cloud Functions เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ปัจจุบัน Cloud Functions รองรับการรันแอพพลิเคชันด้วยภาษา Java 8, Java 11, Node.js 8, Node.js 10, Python 3.7, Go 1.11 และ Go 1.13 ที่มา - Google
# HP เปิดตัว EliteBook G7 รุ่นปี 2020 มีทั้งรุ่น Core 10th Gen และ Ryzen 4000 HP เปิดตัวโน้ตบุ๊กสายธุรกิจเกรดพรีเมียมแบรนด์ EliteBook อีกชุดใหญ่ โดยอัพเดตซีพียูเป็น Core 10th Gen (Comet Lake-U) หรือ Ryzen 4000 Mobile ตามรอบประจำปี และเรียกชื่อรุ่นเป็น G7 (Gen 7) HP EliteBook x360 1030 G7 และ 1040 G7 โน้ตบุ๊กพับจอได้รุ่นท็อปสุด ขนาดตัวเครื่องเล็กลง 6.3%, ขอบจอบางลง (หน้าจอ 89% ของตัวเครื่อง), ซีพียู Core 10th Gen vPro, รุ่น 14" (1040 G7) แบตเตอรี่อยู่ได้สูงสุด 29 ชั่วโมง, เริ่มขายเดือนกรกฎาคม ยังไม่ประกาศราคา HP EliteBook x360 830 G7 โน้ตบุ๊กพับจอได้รุ่นรองลงมา ซีพียู Core 10th Gen vPro, มีช่องเสียบซิม LTE ในตัว ราคาเริ่มต้น 1,419 ดอลลาร์ เริ่มขายเดือนกรกฎาคม HP EliteBook 800 G7 Series โน้ตบุ๊กทรงมาตรฐาน อัพเกรดซีพียูเป็น Core 10th Gen vPro, มีให้เลือก 3 ขนาดหน้าจอคือ 13" (830), 14" (840), 15" (850) ราคาเริ่มต้น 1,399 ดอลลาร์ เริ่มขายเดือนมิถุนายน HP EliteBOok 805 G7 Series เหมือนตัวข้างบน แต่เปลี่ยนซีพียูมาเป็น Ryzen Pro แทน มีให้เลือก 3 ขนาดหน้าจอเหมือนกันคือ 835, 845, 855 เริ่มขายเดือนสิงหาคม ยังไม่ประกาศราคา หน้าตาของ EliteBook 835 G7 ที่มา - HP, Notebookcheck
# Blizzard ประกาศยกเลิกงาน BlizzCon 2020 Blizzard ประกาศเลิกจัดงานประจำปี BlizzCon 2020 ด้วยเหตุผลเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสที่ยังไม่แน่นอน Blizzard บอกว่าพิจารณาทุกทางเลือกที่เป็นไปได้แล้ว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยกเลิกงานไปเลย บริษัทเข้าใจถึงความผิดหวังของแฟนๆ โดยเฉพาะวงการ esport เพราะถือว่า BlizzCon เป็นงานใหญ่ของเกมสายนี้ ส่วนรูปแบบงานที่จะมาแทน BlizzCon จะขยับมาเป็นงานออนไลน์บางส่วน ซึ่งจะประกาศต่อไป ที่มา - Blizzard
# Arm เปิดตัวซีพียู Cortex-A78 แรงระดับพีซี, จีพียู Mali-G78, ชิปปัญญาประดิษฐ์ Ethos-N78 Arm เปิดตัวชิปรุ่นต่อไป ทั้งชุด ประกอบด้วยซีพียู, จีพียู, และชิปปัญญาประดิษฐ์เป็นต้นแบบสำหรับการสร้างชิปสำหรับโทรศัพท์รุ่นท็อปในตลาด Cortex-A78 เป็นซีพียูที่พลังประมวลผลดีขึ้น 20% หากคอนฟิกการใช้พลังงานเท่า Cortex-A77 โดยจุดหนึ่งที่ทาง Arm ชูคือประสิทธิภาพในแง่ "พื้นที่ชิป" โดยระบุว่า Cortex-A78 ยังรันได้ประสิทธิภาพค่อนข้างดีใกล้เคียง Cortex-A77 แม้จะลดแคช L1 ลงไปถึงครึ่งหนึ่ง ทำให้ผู้ผลิตสามารถลดต้นทุนชิปลงไปได้ Mali-G78 ประสิทธิภาพดีกว่า Mali-G77 ขึ้น 25% และสามารถคอนฟิกจำนวนคอร์ได้สูงสุด 24 คอร์เทียบกับ Mali-G77 ที่คอนฟิกได้ 16 คอร์ ทำให้ประสิทธิภาพรวมสูงขึ้นไปอีก สำหรับการใช้จีพียูมาประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ประสิทธิภาพก็ยังดีกว่า Mali-G77 ถึง 15% โดยส่วนต่างได้จากฟีเจอร์ใหม่ Asynchronous Top Level สำหรับอุปกรณ์รุ่นรองๆ ลงไปมี Mali-G68 ที่คอนฟิกได้เพียง 6 คอร์ แต่ฟีเจอร์ในวงจรเท่ากัน Ethos-N78 หน่วยประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ที่คอนฟิกได้ระหว่าง 1 TOPS ไปจนถึง 10 TOPS สามารถคอนฟิกรูปแบบชิปได้มากกว่า 90 รูปแบบ เช่น ขนาด SRAM ในตัวหรือความสามารถด้าน vector ในแง่พื้นที่ชิปจะใช้พื้นที่น้อยลง 30% หลังจาก Arm เปิดตัวพิมพ์เขียวซีพียูรุ่นต่อไปออกมา เราน่าจะได้เห็นผู้ผลิตชิปอย่าง Qualcomm, MediaTek, หรือ Samsung ออกชิปรุ่นต่อไปที่ใช้ชิปเหล่านี้เป็นฐาน จึงจะเห็นมันในโทรศัพท์หรือโน้ตบุ๊กกันต่อไปอีกทอด ที่มา - Arm
# HP ZBook Firefly โน้ตบุ๊กเวิร์คสเตชัน เบาเท่า MacBook Pro 13 แต่สเปกแรงกว่า แบตเยอะกว่า HP เปิดตัวโน้ตบุ๊กเวิร์คสเตชันตัวใหม่ HP ZBook Firefly ที่ปรับดีไซน์ให้บางเบากว่า ZBook รุ่นเดิมอีกพอสมควร และเพิ่มชื่อ "Firefly" ห้อยท้ายมาเพื่อแสดงถึงความเบา (น่าจะให้สอดคล้องกับ HP Elite Dragonfly ที่ออกมาก่อนแล้ว) HP ZBook Firefly แบ่งออกเป็นรุ่น 14" และ 15" โดย HP โฆษณาว่ารุ่น ZBook Firefly 14 เป็นเวิร์คสเตชันที่เบาที่สุดในโลก น้ำหนักประมาณ 1.4 กิโลกรัม เท่ากับ MacBook Pro 13 แต่ขนาดหน้าจอใหญ่กว่า สเปกแรงกว่า (จีพียูเป็น Quadro P520) แบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่า (17 ชม. vs 10 ชม.) สเปกคร่าวๆ คือ ซีพียู Intel Core 10th Gen สูงสุดคือ Core i7-10810U แบบ 6 คอร์, จีพียู Quadro P520 แรม 4GB GDDR5, ใส่แรมได้สูงสุด 64GB, สตอเรจสูงสุด 2TB, หน้าจอ FHD หรือ 4K HDR ความสว่าง 550 nits พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB 3.1 x2, USB-C Thunderbolt 3 x2, HDMI และมีตัวเลือกใส่ซิม LTE เพิ่มได้ ราคาเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ เริ่มวางขายเดือนสิงหาคม 2020 ที่มา - HP, Notebookcheck, Laptop Mag
# ซัมซุงเปิดตัว The Terrace ทีวี 4K QLED สำหรับการทำกิจกรรมนอกตัวบ้าน ซัมซุงเริ่มทำตลาดการทำกิจกรรมนอกบ้าน (outdoor) ด้วยการเปิดตัว The Terrace สมาร์ททีวี 4K QLED มี 3 ขนาดคือ 55 , 65 และ 75 นิ้ว พร้อมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานนอกบ้านโดยเฉพาะ The Terrace ได้รับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP55 หน้าจอมีเคลือบสารกันสะท้อน ความสว่างสูงถึง 2,000 nits ขณะที่การแสดงผลก็จะยังคงความสดของสี แม้จะใช้งานกลางแจ้งก็ตาม เช่นเดียวกับซาวด์บาร์ (The Terrace Soundbar ที่น่าจะขายแยก) ก็จะยังคงให้มิติและคุณภาพของเสียงเอาไว้ให้ได้มากที่สุด มีซับวูฟเฟอร์ในตัว รวมถึงมีเทคโนโลยีช่วยลดเสียงเพี้ยน ที่อาจเกิดจากการรบกวนของเสียงจากสภาพแวดล้อม The Terrace บางเพียง 59.8 มิลลิเมตร รันด้วย Tizen แต่ก็รองรับผู้ช่วยอัจฉริยะทุกเจ้าทั้ง Bixby, Alexa และ Google Assistant เริ่มขายในสหรัฐและแคนาดาก่อน ส่วนราคาผมเจอแต่รุ่น 65 นิ้วอยู่ที่ 4,999.99 ดอลลาร์ (ราว 1.6 แสนบาท) และ 75 นิ้วอยู่ที่ 6,500 ดอลลาร์ (ราว 2.1 แสนบาท) ที่มา - Samsung
# ซัมซุงเปิดตัวชิปความปลอดภัยบนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ได้มาตรฐาน CC EAL 6+ ซัมซุงเปิดตัวชิปความปลอดภัยบนสมาร์ทโฟนรุ่นที่ 2 (S3FV9RR) หลังรุ่นแรกเพิ่งเปิดตัวไปไม่นานและถูกใช้ใน Galaxy S20 ยังคงใช้เก็บรหัสผ่าน กุญแจดิจิทัล ไปจนถึงข้อมูลการทำธุรกรรมสกุลเงินคริปโต ซัมซุงระบุด้วยว่าชิปมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ระดับของฮาร์ดแวร์ (hardware root of trust) และได้รับการรับรองมาตรฐาน CC EAL 6+ เบื้องต้นคาดว่าชิปนี้จะถูกนำไปใช้งานบนอุปกรณ์ที่จะออกในราวไตรมาส 3 ของปีนี้ ที่มา - The Next Web ภาพจากซัมซุง
# [IDC] Huawei แซง Apple ขึ้นเบอร์ 1 ตลาดแท็บเล็ตจีนในไตรมาสแรกของปี IDC ออกรายงานตลาดแท็บเล็ตของจีนในไตรมาสแรกของปีนี้ว่าลดลง 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แน่นอนว่าผลมาจาก COVID-19 แต่ในเสียก็ยังพอมีดี เมื่อ Huawei กลายเป็นแบรนด์เดียวที่มียอดขายแท็บเล็ตเติบโตที่ 4.3% ส่งมอบไป 1.5 ล้านเครื่องและมีส่วนแบ่งตลาดขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แซง Apple แล้ว ยอดขายของ Apple ลดลงถึง 42.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ส่วนแบ่งตลาดลดลงมาอยู่ที่ 35.1% ขณะที่ Huawei แซงขึ้นไปที่ 40.2% ขณะที่อีก 3 แบรนด์ในท็อป 5 ที่เหลือคือ Xiaomi, Microsoft และ Lenovo ก็มียอดขายติดลบเช่นกันที่ 5.5%, 3.2% และ 1.7% ตามลำดับ นักวิเคราะห์ของ IDC จีนระบุว่าแม้ยอดขายโดยรวมจะตก แต่ที่ Huawei มียอดขายเพิ่มขึ้น เพราะได้อานิสงส์จากความต้องการแท็บเล็ตในประเทศเพื่อใช้ในการเรียนออนไลน์และทำงานที่บ้านที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นประสบปัญหาเรื่องโรงงานและกำลังการผลิต โดยในช่วง 10 วันแรกหลังหยุดยาวตรุษจีน (ที่รัฐบาลจีนเริ่มสั่งปิดเมือง) ยอดขายแท็บเล็ตบน JD.com เพิ่มขึ้นถึง 77% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มา - SCMP ภาพจาก Honor
# บั๊กแสดงปฎิทินจีนบน Always-On-Display ทำมือถือ Samsung ติด boot loop ในจีน ปฏิทินจันทรคติแบบจีน หรือ Lunar Calendar เป็นปฏิทินแบบใช้วิถีของดวงจันทร์ เพื่อบอกข้างขึ้นข้างแรมและบอกเดือน เป็นปฏิทินดั้งเดิมที่ชาวจีนใช้กำหนดเทศกาลต่างๆ แต่จะมีจำนวนวันต่อปี น้อยกว่าปฏิทินแบบเกรกอเรี่ยน (ปฏิทิน 12 เดือนทั่วไป) ประมาณทุกๆ 3 ปี ปฏิทินจีนจะมีปีที่มีเดือนเดียวกันซ้ำสองรอบ (Leap Month) คือมีจำนวนเดือนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเดือน แม้ประเทศจีนจะเปลี่ยนมาใช้ปฏิทินแบบเกรกอเรี่ยนนานแล้ว แต่ในสมาร์ทโฟนบางรุ่น ก็ยังมีตัวเลือกให้แสดงผลปฏิทินจีนในเทศกาลต่างๆ อยู่ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเริ่มเดือน 4 รอบสองของปีนี้ เกิดเหตุมือถือ Samsung ใช้งานไม่ได้เป็นจำนวนมาก จนเกิดแถวยาวหน้าศูนย์ Samsung หลายสาขา สาเหตุมาจากระบบ Always-On-Display ที่ถึงจะสามารถแสดงผลตามปฏิทินจีนได้ แต่ไม่สามารถหาคำว่า ‘leap’ หรือ ‘run’ ในภาษาจีน มาแสดงผลบอก Leap Month ได้ ทำให้ระบบเกิด boot loop จนเข้าหน้า recovery mode แม้ Samsung จะออกแพทช์มาแก้ไขบั๊กนี้ไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2019 แต่ก็มีผู้ใช้หลายคนที่ไม่ได้อัพเกรด ทำให้ยังเจอบั๊กนี้อยู่ และมือถือใช้งานไม่ได้ไปตามๆ กัน ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ Samsung Galaxy Note 7 เริ่มติดไฟในประเทศจีน และ Samsung ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ในช่วงแรก ทำให้ชื่อเสียงและตลาดมือถือของ Samsung ในจีน ลดลงอย่างมาก ประกอบกับการเข้ามาสู่ตลาดของแบรนด์เจ้าบ้าน อย่าง Huawei หรือ Xiaomi ก็ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ Samsung ลดลงจนเหลือเพียง 1% เท่านั้น ล่าสุด Samsung เพิ่งปิดโรงงานมือถือแห่งสุดท้ายในจีนไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเหตุการณ์นี้ ก็ทำให้ Samsung ดูไม่มีทีท่าว่าจะทำได้ดีขึ้นในตลาดจีนเลย ที่มา - South China Morning Post
# กูเกิลกำลังทดสอบ Google Assistant สั่งจ่ายเงินด้วยเสียง เว็บไซต์ Android Police พบกูเกิลทดสอบ Google Assistant ความสามารถสั่งจ่ายเงินด้วยเสียง โดยใช้ประโยชน์จาก Voice Match ระบบจดจำเสียงคนใดคนหนึ่งและการตอบสนองที่จะทำเฉพาะเสียงของคนๆ นั้น เมื่อต้องการใช้เสียงสั่งจ่าย กูเกิลจำเป็นต้องมีข้อมูล payment รวมถึง Voice Match ของผู้ใช้งาน ในหน้าสนับสนุนการใช้งานกูเกิลมีวิธีการตั้งค่า เปิดใช้งานสั่งจ่ายด้วยเสียง เริ่มจากพูด “Hey Google” หรือกดปุ่มโฮมค้าง, กด Explore ด้านล่างขวา, กดปุ่มตั้งค่าด้านขวาบน, กดแท็บ Payments, เปิดโหมด Verify it’s you before paying ให้เป็น On และ เปิด Confirm with Voice Match และสามารถปิดโหมดนี้ได้ทุกเวลา ในช่วงแรกของการทดสอบฟีเจอร์ ยังจำกัดอยู่แค่การซื้อแอปผ่าน Google Play ที่มา - Android Police
# OnePlus 5 และ 5T เริ่มได้อัพเดต Android 10 รุ่นเสถียร แม้ออกมานานแล้ว 3 ปี OnePlus 5 และ 5T เริ่มทยอยได้อัพเดตรอมเป็น OxygenOS 10 เวอร์ชันเสถียร หลังทดสอบ Beta มาตั้งแต่เดือนเมษายน OnePlus สัญญาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า OnePlus 5/5T จะได้อัพเดต OxygenOS 10 ที่เป็น Android 10 ด้วย ทำให้ OnePlus 5/5T ที่มีอายุครบ 3 ปี (OnePlus 5 ออกช่วงต้นปี 2017) ยังได้อัพเกรดเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดด้วย ส่วน OnePlus 6/6T ได้อัพเดต Android 10 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 ที่มา - xda
# ใหม่ถอดด้าม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ NVIDIA DGX A100 ชิป Ampere พลังประมวลผล 5 petaflops เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา NVIDIA เพิ่งประกาศจีพียู Ampere พร้อมเซิร์ฟเวอร์ DGX A100 ที่พลังประมวลผลในเครื่องเดียวสูงถึง 5 petaflops วันนี้ทาง NVIDIA ก็ประกาศว่าทาง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะเป็นหน่วยงานแรกในประเทศไทยที่ได้ใช้เซิร์ฟเวอร์นี้ หน่วยงานที่ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์นี้คือ Chulalongkorn University Technology Center (UTC) โดยศาสตราจารย์ยิ่งยศ อวิหิงสานนท์ ระบุว่าทาง UTC หาเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลด้านกราฟิกเพื่อฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์สำหรับภาพความละเอียดสูง โดยมีเงื่อนไขด้านการซ่อมบำรุงที่ต้องง่าย การติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ครั้งนี้เป็นความร่วมมือกับทาง NVIDIA AI Technology Centre ที่มีเครือข่ายกับมหาวิทยาลัยทั่วโลก ที่มา - จดหมายข่าว NVIDIA
# อดีตประธานกูเกิลจีนชี้ AI ยังไม่พร้อมใช้แก้ปัญหา COVID-19 แต่อาจช่วยป้องกันการระบาดในอนาคตได้ Kai Fu Lee ผู้เขียนหนังสือ AI Superpowers และอดีตประธานกูเกิลจีน เขียนบทความวิเคราะห์บทบาท AI ที่มีต่อ COVID-19 ลงในเว็บไซต์ Wired โดยสรุปคือการเข้ามาของ COVID-19 ช่วยเร่งการใช้งาน AI ในวงการแพทย์มากขึ้นในภาพรวม แต่ถ้ามองเฉพาะการแก้ปัญหา COVID-19 แล้ว AI ยังไม่ได้มีบทบาทมากขนาดนั้น โดย Lee ให้คะแนน AI ในการแก้ปัญหา COVID-19 ว่าอยู่ที่ B- เป็นอย่างมาก Lee ยกตัวอย่างเกาหลีใต้ ใช้การส่งข้อความตามพื้นที่เพื่อต่อสู้กับ COVID-19 ชาวเกาหลีใต้ 9 ใน 10 คนได้รับข้อความฉุกเฉินเมื่ออยู่ในสถานที่ใกล้กับผู้ติดเชื้อ ส่วนในจีนมี Alibaba ใช้ AI วินิจฉัย COVID-19 ภายใน 20 วินาที เร็วกว่าการตรวจจับโดยมนุษย์เกือบ 45 เท่า ด้วยความแม่นยำ 96% นอกจากนี้ ในมณฑลหูเป่ยและมณฑลกวางตุ้ง ใช้หุ่นยนต์ส่งข้าวส่งยาให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือคนที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อตามศูนย์กักกันต่างๆ และยังมี BlueDot สตาร์ตอัพแคนาดาพัฒนาระบบแจ้งเตือนโรคระบาดด้วย Big Data สามารถแจ้งเตือนการระบาดของไวรัสอู่ฮั่นได้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม ก่อน CDC และ WHO จะประกาศเตือนด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้เป็นการฉายภาพจุดเริ่มต้นของสมรรถภาพ AI ต่อวงการแพทย์ในอนาคต แต่ AI ไม่ได้ประสบความสำเร็จสูงสุดสถานการณ์ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เพราะข้อจำกัดของระบบสาธารณสุขหลายด้าน เช่น จำนวนเตียงขาดแคลน การแจกจ่ายเวชภัณฑ์ไม่เพียงพอ ซึ่ง AI ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้มากนัก แต่ Lee บอกว่าอนาคตยังเป็นบวก โดยมีสองปัจจัยสนับสนุน อย่างแรกคือ ปัญหา COVID-19 สร้างชุดข้อมูลเพิ่มขึ้นมหาศาล ซึ่งจะเปิดทางให้ AI ได้อีกมาก เช่น Kaggle แพลตฟอร์ม machine learning และวิทยาศาสตร์ข้อมูล เปิดชุดข้อมูล Open Research Dataset ของ COVID-19 หรือ CORD-19 และยังมีการตีพิมพ์มีบทความวิชาการมากกว่า 128,000 บทความเกี่ยวกับ Covid-19, coronavirus, SARS, MERS ฯลฯ ให้ AI นำไปวิเคราะห์ต่อ ปัจจัยที่สองคือ โลกการแพทย์และคอมพิวเตอร์กำลังทุ่มโฟกัสมาแก้ปัญหาโรคระบาด โดย Peter Diamandis ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ XPrize คาดว่าตอนนี้มีแพทย์, นักวิทยาศาสตร์, พยาบาล และวิศวกรมากถึง 200 ล้านคนกำลังช่วยกันแก้ปัญหาโรคระบาด มีการทดลองเป็นหลักหมื่นโครงการ และแชร์ข้อมูลกันในวงกว้างระดับที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน Lee คาดการณ์อนาคต 15 ปีข้างหน้าว่า เราอาจมีผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัวในบ้าน คอยตรวจจับอุณหภูมิร่างกายที่ผิดปกติ มีหุ่นยนต์หรือโดรนส่งยารักษาโรคถึงบ้าน มีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เป็นต้น ที่มา - Wired
# SIEMENS แต่งตั้ง สุวรรณี สิงห์ฤาเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและซีอีโอคนไทยในไทยคนแรก SIEMENS ประกาศแต่งตั้ง สุวรรณี สิงห์ฤาเดช เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและซีอีโอคนไทยคนแรกในประเทศไทย ดูแลธุรกิจซีเมนส์ อินดัสเทรียลมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา สุวรรณี ทำงานใน SIEMENS มากว่า 23 ปีในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจสื่อสาร โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไวร์เลส กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอาคารและการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้า และเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ SIEMENS ในประเทศเมียนมาร์ และกัมพูชา ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# เปิดราคาไทย Microsoft Surface Go 2 เริ่ม 14,999 บาท Surface Book 3 เริ่ม 54,900 บาท Microsoft Surface Go 2 และ Microsoft Surface Book 3 เปิดราคาในไทยแล้ว ราคาแต่ละรุ่น มีดังนี้ Surface Go 2 รุ่น Pentium Gold แรม 4GB หน่วยความจำ eMMC 64GB ราคา 14,999 บาท รุ่น Pentium Gold แรม 8GB หน่วยความจำ SSD 128GB ราคา 19,999 บาท รุ่น Core m3 แรม 8GB SSD 128GB รองรับ LTE ราคา 25,999 บาท Surface Book 3 รุ่น 13 นิ้ว Core i5, แรม 8GB, SSD 256GB Intel Iris Plus Graphics ราคา 54,900 บาท Core i7, แรม 16GB, SSD 256GB NVIDIA GeForce GTX 1650 Max-Q 4GB GDDR5 ราคา 70,900 บาท Core i7, แรม 32GB, SSD 512GB NVIDIA GeForce GTX 1650 Max-Q 4GB GDDR5 ราคา 88,900 บาท รุ่น 15 นิ้ว Core i7, แรม 32GB, SSD 512GB NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q 6GB GDDR6 ราคา 95,900 บาท Core i7, แรม 32GB, SSD 1TB NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q 6GB GDDR6 ราคา 105,900 บาท นอกจากนี้ Surface Dock 2 ที่ขายเฉพาะลูกค้าองค์กร ราคา 8,900 บาท และ Microsoft USB-C Travel Hub สำหรับลูกค้าทั่วไป ราคา 3,590 บาท ทุกรุ่นพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม Surface Go 2 วางจำหน่ายจริง 18 มิถุนายน ส่วน Surface Book 3 วางจำหน่าย 29 มิถุนายนนี้ ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# AIS เปิดตัวซิม GOMO เน็ต 50GB ราคา 299 บาท ออนไลน์ทั้งการสั่งซื้อและเปิดซิม AIS เปิดตัวซิม GOMO ซิมเน้นการใช้งานอินเทอร์เน็ต ที่อำนวยความสะดวกลูกค้าให้สามารถสั่งซื้อซิม, เปิดใช้ซิม, และจัดการแพ็กเกจและจ่ายค่าบริการผ่านทางบริการออนไลน์ทั้งหมด เข้ากับแนวทาง New Normal ที่ทุกคนไม่อยากออกไปเจอผู้คนโดยไม่จำเป็น ซิม GOMO มาพร้อมกับอินเทอร์เน็ตความเร็วเต็มสปีด 50GB (หลังจากนั้นใช้ความเร็วที่ 512kbps), โทรฟรีทุกเครือข่ายอีก 100 นาที, และ AIS SUPER WiFi ไม่จำกัด ในราคา 299 บาทต่อเดือนเท่านั้น นอกจากนี้ซิม GOMO ยังมาพร้อมกับบริการ YouTube Premium ดูแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 3 เดือน, แพ็กเกจ Unlimited Work Anywhere สำหรับการใช้ Office 365 และ Zoom โดยไม่คิดค่าเน็ตฟรี 3 เดือน, และยังมีประกันชีวิตไวรัสโคโรนา ระยะเวลาคุ้มครอง 45 วัน ผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปซื้อซิมได้ที่เว็บไซต์ gomo.th กรอกที่อยู่สำหรับจัดส่ง จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต/เดบิต หรือ Rabbit LINE Pay แล้วรอรับซิมที่บ้าน หลังจากได้รับซิมดาวน์โหลดแอป GOMO Thailand ได้ทั้ง App Store และ Play Store เพื่อเปิดซิมผ่านวิดีโอคอลในแอป (อย่าลืมเตรียมบัตรประชาชนให้พร้อม) เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานซิม GOMO ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านทีเดียว สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของซิม GOMO ได้ที่เว็บไซต์ gomo.th หรือเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/GOMOAIS
# นักแข่งมืออาชีพถูกจับได้ว่าจ้างเกมเมอร์มาแข่งอีสปอร์ต Formula E ให้ ผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้การแข่งขันกีฬาหลายชนิดย้ายขึ้นมาจัดการแข่งขันแบบอีสปอร์ต หนึ่งในนั้นคือการแข่งขัน Formula E ที่จัดซีรีส์ Race at Home Challenge ขึ้นและก็กลายเป็นช่องโหว่ให้นักแข่งรถมืออาชีพที่อาจจะด้วยความขี้เกียจ จ้างเกมเมอร์มาแข่งให้แทน Daniel Abt นักขับ Formula E ชาวเยอรมนีถูกจับได้ว่าจ้างเกมเมอร์มืออาชีพมาแข่งเก็บคะแนนให้ตัวเองแทน ทาง BBC ไม่ได้เล่าว่าทางทีมจัด Formula E จับได้อย่างไร นอกจากการที่ Stoffel Vandoorne อดีตนักขับ F1 ที่เข้าร่วมการแข่งขันด้วยสงสัยว่าทำไม Abt ไม่เปิดกล้องขณะแข่งขัน หลังถูกจับได้ Abt ถูกปรับ 8,900 ปอนด์เข้าการกุศลและถูกยึดคะแนนของการแข่งขันซีรีส์นี้ทั้งหมด ด้าน Abt ออกมาแสดงความเสียใจ ยอมรับว่าไม่ได้จริงจังกับการแข่งขัน แต่ที่ทำไปไม่ได้มีเจตนาไม่ดีใด ๆ ที่มา - BBC ภาพจาก Shutterstock
# ถึงกับจุก Sony เปิดราคา Xperia 1 II เริ่ม 1,199 เหรียญ แต่ยังแถมหูฟังไร้สาย Noise Cancelling หลัง Xperia 1 II เปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ วันนี้ Sony เปิดข้อมูลวันวางจำหน่าย และราคาอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยจะวางจำหน่ายในวันที่ 24 มิถุนายน ในราราคาเริ่มต้นที่ 1,199 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 38,400 บาท) เท่ากับราคาเปิดตัวของ Samsung Galaxy S20 Plus ถือได้ว่าแรงพอๆ กับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นของฝั่งแอนดรอยด์ แต่ยังถูกกว่า Galaxy S20 Ultra (1,399 เหรียญ) และ OPPO Find X2 Pro (1,239 เหรียญ) เปิดจอง 1 มิถุนายนนี้ในสหรัฐอเมริกา และถ้าซื้อก่อน 28 มิถุนายน จะได้หูฟังทรูไวร์เลสที่มี ANC รุ่น WF-1000XM3 แถมไปด้วย ต้องติดตามว่าถ้าเข้าไทย เราจะได้โปรนี้เหมือนกันหรือเปล่า Xperia 1 II เป็นมือถือรุ่นเรือธงตัวใหม่ของ Sony มาพร้อมหน้าจอ 4K HDR อัตราส่วน 21:9 ใช้ชิป Snapdragon 865 รองรับ 5G และมี 3 กล้องหลังที่ออกแบบโดยทีมวิศวกรกล้อง mirrorless รุ่นดังๆ ของ Sony เช่นรุ่น A7 III มีกล้องหลัก เลนส์อัลตร้าไวด์ และเลนส์ซูม ถ่ายแบบ burst mode ได้ถึง 20 รูปต่อวินาที มีระบบ Eye-AF กันน้ำ IP65/IP68 และรันบน Android 10 วันและราคาวางจำหน่ายในไทย ต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - Engadget
# Chrome พบช่องโหว่ร้ายแรงสูง 70% เป็นช่องโหว่หน่วยความจำ เตรียมหาทางแก้ระยะยาว อาจใช้ภาษา Rust โครงการ Google Chrome ออกรายงานวิเคราะห์ช่องโหว่ความร้ายแรงสูงถึงความร้ายแรงวิกฤติจำนวน 912 รายการ พบว่าในจำนวนนี้เป็นช่องโหว่หน่วยความจำถึง 70% แบ่งเป็นช่องโหว่ใช้หน่วยความจำหลังคืนค่าให้ระบบ (use-after-free) ถึง 36.1% และช่องโหว่หน่วยความจำอื่นๆ อีก 32.9% ทำให้ทีมงานเตรียมวางโครงการใหญ่เพื่อขจัดปัญหาในระยะยาว ทุกวันนี้ Chrome มีโครงสร้างความปลอดภัยหลักคือ sandbox ที่แยกโปรเซสของแต่ละเว็บออกจากกัน โดยแยกตัวเรนเดอร์หน้าเว็บตามแต่ละเว็บไซต์ แต่ sandbox ก็มีข้อจำกัดโดยบริการบางส่วนก็ต้องแชร์กันอยู่ดีเช่นระบบเน็ตเวิร์ค หากจับชิ้นส่วนเหล่านั้นแยกออกมาอีกก็จะพบปัญหาประสิทธิภาพ ทีมงานเตรียมหาทางปรับปรุงกระบวนการพัฒนาเพื่อลดช่องโหว่เหล่านี้ โดยเปิดทางเลือกไว้หลากหลาย ตั้งแต่การปรับไปใช้ไลบรารี C++ ที่ปลอดภัยมากขึ้น, อาศัยกระบวนการตรวจสอบของคอมไพล์เลอร์เพื่อห้ามใช้งาน pointer โดยตรง, หรือการใช้ภาษาอื่นที่ปลอดภัยกว่า C++ ในการพัฒนา เช่น Java/Kotlin, JavaScript, Rust, Swift แต่ภาษา Rust ถูกระบุเป็นพิเศษอยู่ในแผนภาพ แนวทางหลักที่เป็นไปได้ตอนนี้คือการปรับปรุงโค้ดเดิมให้เขียนในแนวทางที่ปลอดภัยขึ้น และการแยกบางส่วนออกมาพัฒนาในภาษาที่ปลอดภัย ความน่ากังวลหลักคือการเชื่อมระหว่างภาษา ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์ก็เคยแสดงความสนใจในการใช้ภาษา Rust มาพัฒนาบางส่วนเพื่อลดช่องโหว่หน่วยความจำ โครงการใหม่ๆ ที่ต้องการความปลอดภัยหลายโครงการก็หันมาใช้ภาษา Rust กันแล้ว เช่น 1Password, FIDO2 ของกูเกิล, VPN ของแอปเปิล, และ Deno โครงการที่เตรียมมาแทนที่ Nodejs ที่มา - chromium-security
# Wing ของ Alphabet เผยธุรกิจโดรนส่งของกำลังมาแรงและได้รับความสนใจทั่วโลก Wing ธุรกิจโดรนขนส่งภายใต้ Alphabet นอกจากทดลองให้บริการในรัฐเวอร์นิเจียแล้ว ยังมีไปให้บริการที่ออสเตรเลียและฟินแลนด์ด้วย และก็ด้วยผลจาก COVID-19 บริการขนส่งโดรนของ Wing กำลังไปได้สวยไม่ใช่แค่ในสหรัฐ หนึ่งในผู้บริหารของ Wing ออสเตรเลียเปิดเผยว่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา จำนวนยอดการขนส่งของ Wing ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือน ขณะที่จำนวนลูกค้าทั่วโลกที่ลงชื่อสนใจจะใช้บริการของ Wing ก็เพิ่มขึ้นถึง 350% แบบเดือนต่อเดือน โดยข้อดีของ Wing ไม่ใช่แค่เรื่องการขนส่งไม่ใช้คน แต่ยังค่อนข้างเร็วด้วย โดยความเร็วที่ Wing เคยส่งพัสดุได้เร็วที่สุดคือราว 2 นาที 47 วินาที ที่มา - DroneDJ
# Realme เปิดตัวสมาร์ททีวี Android TV ราคาเริ่มต้น 5,500 บาท, นาฬิกา Realme Watch Realme เปิดตัว Realme Smart TV รัน Android TV รองรับ HDR10 หน้าจอสว่าง 400 nits มีลำโพง 24W ระบบ Dolby Audio ใช้ชิป Mediatek กับจีพียู Mali 470 เป็นตัวประมวลผล มีสองขนาด คือ 32 นิ้ว เป็น HD (720p) ราคา 12,999 รูปี (ประมาณ 5,500 บาท) และ 43 นิ้วที่เป็น Full HD (1080p) ราคา 21,999 รูปี (ประมาณ 9,300 บาท) เริ่มจำหน่ายในอินเดียผ่านทางเว็บไซต์ของ Realme และ Flipkart 2 มิถุนายนนี้ นอกจากนี้ยังมี Realme Watch สมาร์ทวอทช์หน้าจอ 1.4 นิ้ว ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 380 nits ครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 3 แบบ 2.5D มาพร้อมหน้าปัด 12 แบบ รองรับ Bluetooth 5.0 และกันน้ำกันฝุ่นแบบ IP68 จับการเคลื่อนไหวจากการออกกำลังได้ 14 แบบ มีระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบต่อเนื่อง และวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SPo2) ได้ด้วย มาพร้อมระบบปฏิบัติการของ Realme เอง แสดง notifications ได้ แต่ตอบข้อความไม่ได้ ราคา 3,999 รูปี (ประมาณ 1,690 บาท) เริ่มจำหน่ายในอินเดียผ่านทางเว็บไซต์ของ Realme และ Flipkart 5 มิถุนายนนี้ และจะมีสายรัดข้อมือขายแยกในราคา 499 รูปี (ประมาณ 210 บาท) ตามมา Realme Buds Air Neo หูฟัง TWS ไดรเวอร์ขนาด 12 มม. ชาร์จด้วยพอร์ต USB-C รองรับ Bluetooth 5.0 และ Google Fast Pair แบตเตอรี่ใช้งานได้ 3 ชั่วโมงต่อชาร์จ ได้ถ้ารวมการชาร์จในเคส ใช้งานได้ 17 ชั่วโมง มีสามสี ขาว แดง และเขียว ราคา 2,999 รูปี (ประมาณ 1,265 บาท) สีขาววางจำหน่ายแล้วในอินเดีย บนเว็บ Realme และ Flipkart อีกสองสีจะตามมาภายหลัง Realme 10,000mAh Power Bank 2 พาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็ว 18W ทั้งเข้าและออก ชาร์จเร็วได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน มีทั้งพอร์ต USB-A และ USB-C มีโหมดจ่ายกระแสต่ำสำหรับอุปกณ์ AIoT ราคา 999 รูปี (ประมาณ 420 บาท) นอกจากนี้ในงาน Realme ยังแอบโชว์ Realme Soundbar ซาวด์บาร์ระบบเสียง 100W ด้วย แต่ยังไม่มีรายละเอียดหรือวันวางจำหน่าย ที่มา - TechRadar