txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Quantic Dream นำ Detroit: Become Human, Beyond, Heavy Rain ลง Steam 18 มิ.ย. นี้
ก่อนหน้านี้ Quantic Dream นำ 3 เกมดังของค่ายตัวเองคือ Heavy Rain, Beyond: Two Souls และ Detroit วางขายบนพีซีผ่าน Epic Games Store จากเดิมที่ให้เล่นเอ็กซ์คลูซีฟผ่าน PlayStation เท่านั้น ล่าสุด ทั้งสามเกมก็เตรียมลง Steam แล้ว เปิดให้เล่น 18 มิ.ย. นี้
Steam ยังไม่เผยราคาเกม แต่ผู้เล่นสามารถไปดาวน์โหลดเดโม่ทั้งสามเกมตามลิงค์ทวิตเตอร์ด้านล่างได้
ที่มา - IGN |
# เรียกร้องกันมานาน Excel เพิ่มฟีเจอร์ Import from PDF ให้แล้ว
ปัญหาที่พบบ่อยในโลกของเอกสารคือ ได้ตารางข้อมูลมาเป็นไฟล์ PDF ที่นำไปแก้ไขต่อได้ยาก ไมโครซอฟท์รับฟังปัญหานี้ และเพิ่มฟีเจอร์ Import from PDF เข้ามาใน Excel แล้ว
ฟีเจอร์นี้จะอยู่ในปุ่ม Get Data > From File ที่เดิมทีสามารถนำเข้าข้อมูลจาก Excel, CSV, XML, JSON และล่าสุดเพิ่มไฟล์ PDF เข้ามา
ตอนนี้ผู้ที่ใช้ได้ยังต้องเป็นผู้ทดสอบ Office Insider เท่านั้น คาดว่าไมโครซอฟท์จะอัพเดตให้ผู้ใช้ทั่วไปในเดือนมิถุนายนนี้ (เลขเวอร์ชันเป็น Excel v2006)
ฟีเจอร์อื่นที่เพิ่มมาใน Office v2006 คือ แสดงภาพ GIF เป็นแอนิเมชันแล้ว (เลือกปิดได้) จากเดิมที่แสดงเป็นภาพนิ่งอย่างเดียว, PowerPoint รองรับ Surface Earbuds และหน้าจอเซฟไฟล์ของ Office สามารถปักหมุดโฟลเดอร์ที่ใช้บ่อยๆ ได้แล้ว
ที่มา - Microsoft, MSpoweruser |
# WhatsApp ทดสอบฟีเจอร์เพิ่มเพื่อนด้วยการสแกน QR code
เว็บไซต์ WABetaInfo รายงานพบว่า WhatsApp กำลังทดสอบฟีเจอร์เพิ่มเพื่อนด้วยการสแกน QR code ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้กันในแอปแชทใหญ่อย่าง WeChat และ LINE ตอนนี้เริ่มเปิดเป็นเวอร์ชั่นเบต้าทั้ง iOS และแอนดรอยด์
ผู้ใช้งานเบต้าจะเจอฟังก์ชั่นสร้าง QR code ของตัวเองในเมนูตั้งค่า การใช้งานเรียบง่ายคือ แสดง QR ของตัวเองให้เพื่อนสแกน หรือกดเปิดกล้องเพื่อสแกนของเพื่อนก็ได้ ถือเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ชีวิตผู้ใช้งาน WhatsApp ง่ายขึ้นเพราะเดิมให้เพื่อมเพื่อนผ่านเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น
ที่มา - SCMP |
# ซัมซุงเปิดตัว Exynos 880 ชิปสำหรับมือถือระดับกลาง มีโมเด็ม 5G ในตัว
ซัมซุงเปิดตัว Exynos 880 หน่วยประมวลผลสำหรับมือถือระดับกลางปี 2020 ที่มีจุดเด่นคือผนวกชิปโมเด็ม 5G มาให้ในตัว
ซีพียู Cortex-A77 2.0GHz 2 คอร์ + Cortex-A55 1.8GHz 6 คอร์
จีพียู Mali-G76 MP5
ชิปโมเด็ม LTE Cat.16/Cat.18 + 5G NR Sub-6GHz
มีชิปประมวลผล AI NPU มาให้ในตัว
รองรับกล้องความละเอียดสูงสุด 64MP หรือกล้องคู่ 20MP+20MP
รองรับแรม LPDDR4X, สตอเรจ UFS 2.1 และ eMMC 5.1
Wi-Fi 802.11ac, BLuetooth 5.0
ผลิตที่ 8nm FinFET
ตอนนี้ลูกค้า Exynos 880 ที่เปิดตัวแล้วคือ Vivo Y70s และอีกสักพักเราน่าจะได้เห็นสมาร์ทโฟนของซัมซุงออกตามมา
ที่มา - Samsung, SamMobile |
# Google Translate เปิดให้ใช้ระบบแปลเว็บฟรี ถ้าใช้แบบไม่เชิงพาณิชย์
Google Translate เปิดให้ใช้ระบบแปลเว็บ หรือ Google Translate Website Translator ฟรี เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลในช่วง COVID-19 ได้ดีขึ้น สามารถแปลหน้าเว็บเป็นภาษาต่างๆ ได้กว่า 100 ภาษา จากที่ก่อนหน้านี้กูเกิลถอนปลั๊กอินตัวนี้ออกไป ตอนนี้ให้ใช้ฟรีแล้วแต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่ใช้ในเชิงพาณิชย์
กูเกิลให้ผู้ที่ต้องการใช้ปลั๊กอินต้องกรอกฟอร์มนี้ก่อน การใช้งานฟรีจำกัดเฉพาะเว็บไซต์ของรัฐบาลที่ไม่หวังผลกำไรและ/หรือที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ (เช่นสถาบันการศึกษา) เน้นการตอบสนองและให้การศึกษาเกี่ยวกับ COVID-19 ถ้าเป็นเว็บไซต์ที่ไม่อยู่ในขอบข่ายดังกล่าวต้องเข้าไปใช้งานที่ Google Cloud Translation API
ที่มา - Google Webmaster Central Blog, Search Engine Journal |
# ไมโครซอฟท์ยืนยันไม่ทิ้ง Skype และ Yammer แม้บางส่วนซ้อนทับกับ Teams
นับจากที่ไมโครซอฟท์ซื้อ Skype ในปี 2011 มาจนถึงวันนี้ คงต้องยอมรับว่า Skype ไม่ใช่การซื้อกิจการที่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก และช่วงหลังไมโครซอฟท์เองกก็หันมาผลักดัน Teams ในตลาดคอนซูเมอร์มากขึ้น จนเกิดคำถามว่าชะตากรรมของ Skype จะเป็นอย่างไรต่อไป
Jeff Teper ผู้บริหารฝ่าย Microsoft 365 ออกมาให้สัมภาษณ์กับ VentureBeat ยืนยันว่าไมโครซอฟท์จะยังพัฒนา Skype ต่อไป โดยเราจะได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ๆ และการเชื่อมต่อระหว่าง Skype กับ Teams มากขึ้น
Teper ยอมรับว่าเราจะเห็นคนเลือกใช้ Teams มากขึ้นเรื่อยๆ แต่คนก็ยังรัก Skype อยู่ ไมโครซอฟท์จะไม่ทิ้ง Skype แน่นอน เขายังเปรียบเทียบกับ Facebook ที่มีบริการซ้อนทับกันหลายตัว (เช่น Messenger กับ WhatsApp) และบอกว่าไมโครซอฟท์จะใช้ยุทธศาสตร์เดียวกัน ไม่บังคับผู้ใช้ย้ายโปรแกรม แต่จะพัฒนาให้ทั้งสองโปรแกรมเชื่อมต่อกันได้
Teper ยังตอบคำถามเรื่องการซ้อนทับกันของ Teams กับ Yammer บริการโซเชียลสำหรับองค์กรที่ซื้อมาในปี 2012 โดยอธิบายว่า Yammer เป็นบริการฝั่งองค์กรที่ไมโครซอฟท์จะไม่นำมาทำตลาดฝั่งคอนซูเมอร์ โดย Yammer เน้นการสื่อสารกับคนทั้งองค์กร ส่วน Teams เป็นการสื่อสารเฉพาะในทีมของตัวเอง มีวัตถุประสงค์แตกต่างกัน ไม่จำเป็นต้องใช้ร่วมกัน และเขาให้ข้อมูลว่า Yammer มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ที่มา - VentureBeat |
# NASA/SpaceX เตรียมส่งนักบินอวกาศขึ้นสถานีอวกาศนานาชาติจากสหรัฐฯ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2011
NASA และ SpaceX เตรียมเดินหน้าภารกิจ Demo-2 นำนักบินอวกาศขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติจากฐานยิงในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกนับแต่สหรัฐฯ ยกเลิกโครงการกระสวยอวกาศไปเมื่อปี 2011 ทำให้สหรัฐฯ สามารถส่งนักบินอวกาศขึ้นสู่อวกาศได้อีกครั้งในรอบ 9 ปี
โครงการ Commercial Crew Program เป็นการเปิดให้ภาคเอกชนให้บริการนำส่งนักบินอวกาศ โดยเริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2010 โดยผู้ได้รับงานคือ SpaceX และ Boeing แต่ SpaceX สามารถดำเนินภารกิจสาธิตก่อนหน้านี้ได้สำเร็จ ขณะที่ Boeing ดำเนินภารกิจทดสอบนำส่งสัมภาระขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติไม่สำเร็จจนต้องเลื่อนการทดสอบกับนักบินออกไปจนปี 2021
นักบินที่จะบินขึ้นไปกับภารกิจ Demo-2 คือ Robert Behnken และ Douglas Hurley โดยจรวดจะยิงขึ้นจากแท่นยิง 39A ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคมนี้ ในเวลา 3:33 ก่อนรุ่งเช้าตามเวลาประเทศไทย ทางกองทัพอากาศสหรัฐฯ คาดว่ามีโอกาส 40% ที่สภาพอากาศจะเอื้อให้ดำเนินภารกิจได้
ที่มา - NASA |
# เราไม่ทิ้งกัน Galaxy S7 ได้อัพเดตแพตช์ปิดช่องโหว่ร้ายแรง แม้ครบระยะซัพพอร์ต 4 ปี
Galaxy S7 มือถืออายุ 4 ปีเต็ม หมดระยะซัพพอร์ตของซัมซุงแล้วในเดือนเมษายน 2020 แต่ซัมซุงก็สัญญาเอาไว้ว่าจะอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยร้ายแรงให้เป็นพิเศษ
ล่าสุด ซัมซุงเพิ่งออกแพตช์ให้ Galaxy S7/S7 Edge เป็นกรณีพิเศษ โดยเป็นช่องโหว่ SVE-2020-16747 ความปลอดภัยระดับร้ายแรง (critical) ที่แก้ในแพตช์ความปลอดภัย Android รอบเดือนพฤษภาคม 2020
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ของซัมซุงที่หมดระยะซัพพอร์ตไปแล้วจะได้อัพเดตแพตช์ตัวนี้หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณอันดีว่า Galaxy S7 ยังไม่ถูกทอดทิ้งแต่อย่างใด
ที่มา - 9to5google |
# Apple สั่งอัพเดตแอปซ้ำอีกครั้งใน App Store ย้อนหลังถึง 10 วัน คาดเกี่ยวกับปัญหาเปิดแอปไม่ได้ก่อนหน้านี้
ในวันนี้ ผู้ใช้ iOS อาจสังเกตว่าแอปที่ขึ้นแจ้งเตือนให้อัพเดตใน App Store มีจำนวนมากกว่าปกติ หลายแอปอาจเพิ่งอัพเดตไปไม่กี่วันก่อน แต่ก็ขึ้นมาให้อัพเดตอีกครั้ง ย้อนหลังไปถึง 10 วัน
แม้ไม่มีการชี้แจงอย่างเป็นทางการจากแอปเปิล แต่คาดว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับปัญหาที่ผู้ใช้งานบัญชี Family Sharing ไม่สามารถเปิดแอปได้ โดยแสดงข้อความเตือน "This app is no longer shared with you" จึงคาดว่าเป็นปัญหาใบรับรองยืนยันการซื้อแอปถูกต้องหมดอายุ ซึ่งการดาวน์โหลดแอปใหม่เป็นการอัพเดตข้อมูลใบรับรองดังกล่าวนั่นเอง
ที่มา: MacRumors |
# Tencent ซื้อหุ้นสตูดิโอ Marvelous ผู้พัฒนา Story of Seasons สัดส่วน 20%
Tencent เข้าซื้อหุ้น 20% ของ Marvelous Inc. สตูดิโอผู้พัฒนา Story of Seasons เป็นมูลค่าราว 65 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้หลังจากนี้เราน่าจะได้เห็น Tencent ให้บริการเกมที่พัฒนาโดย Marvelous ซึ่งก่อนหน้านี้ Tencent กับ Marvelous เคยร่วมงานกันแล้ว โดย Tencent ซื้อลิขสิทธิ Story of Seasons ไปพัฒนาเองและขายในประเทศจีน
ที่ผ่านมา Tencent เองก็ลงทุนในบริษัทเกมใหญ่ ๆ หลายแห่งมาเรื่อย ๆ บ้างถือหุ้นส่วนเดียว บ้างถือหุ้นใหญ่ เช่นซื้อหุ้น Riot Games ผู้พัฒนา LoL และ Valorant ทั้งหมด 100%, ถือหุ้น 40% ใน Epic Games, 84% ใน Supercell สตูดิโอพัฒนา Clash of Clan, 80% ใน Grinding Gear Games ทีมพัฒนา Path of Exile, 11.5% ใน Bluehole ทีมพัฒนา PUBG, ถือหุ้นราว 5% ใน Activision Blizzard และ 5% ใน Ubisoft
ที่มา - Bloomberg
ภาพจาก Marvelous Games |
# สรุปรีวิว Surface Book 3 ประสิทธิภาพและวัสดุดี แต่ดีไซน์เริ่มตกยุค แบตอยู่ได้น้อยลง
Microsoft Surface Book 3 โน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ถอดหน้าจอมาเป็นแท็บเล็ตได้ของ Microsoft เริ่มมีรีวิวออกมาจากสื่อหลายเจ้าแล้ว ส่วนใหญ่จะชื่นชมในเรื่องของหน้าจอ PixelSense อัตราส่วน 3:2 ที่มีคุณภาพสีและความสว่างดีเช่นเคย คุณภาพของคีย์บอร์ด ทัชแพด และคุณภาพของวัสดุ ที่ยังแข็งแรงทนทาน คงมาตรฐานไว้ได้ดี
นอกจากนี้ตัวเลือกการ์ดจอทั้ง Geforce GTX 1650 Max-Q ในรุ่น 13.5 นิ้ว และ GTX 1660 Ti Max-Q ในรุ่น 15 นิ้ว ก็เพิ่มประสิทธิภาพให้ Surface Book 3 ประมวลผลโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ แต่งภาพ เล่นเกม หรืออื่นๆ ที่ใช้การ์ดจอได้เร็วยิ่งขึ้น และถึงแม้รุ่น 13.5 นิ้ว แบบจัดสเปกเต็ม จะแพงกว่าคู่แข่งอย่าง MacBook Pro 13 แบบจัดสเปกเต็ม อยู่ถึง 100 เหรียญ แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า สำหรับคนที่ต้องใช้งานการ์ดจอ เพราะได้การ์ดจอ GTX 1650 Max Q และฟังก์ชั่นหน้าจอถอดได้ โดยสามารถอ่านข้อเปรียบเทียบรุ่น 13.5 นิ้ว กับ Macbook Pro 13 นิ้ว ได้ในบทความนี้
ข้อติที่คล้ายคลึงกัน เป็นเรื่องของดีไซน์ ที่ถึงแม้ทั้งสีและความสว่างจะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หน้าจอที่ยังมีขอบที่ค่อนข้างหนา เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กรุ่นอื่นในปี 2020 หรือแม้แต่เทียบกับ iPad Pro และในเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อ ที่แม้จะให้ USB-A มาสองช่องด้วย แต่ก็ยังไม่ยอมให้พอร์ต Thunderbolt 3 มาเสียที มีแค่พอร์ต USB-C ธรรมดาช่องเดียว
นอกจากนี้ ดีไซน์แบบ 2-in-1 ถอดจอได้ แม้จะเป็นข้อดีสำหรับคนที่ต้องการใช้งานในโหมดแท็บเล็ต แต่ก็สร้างข้อจำกัดในด้านหน่วยประมวลผล และการระบายความร้อน ทำให้อาจเป็นสาเหตุที่ Surface Book 3 ยังต้องใช้ซีพียู Intel 10th Gen รุ่นประหยัดพลังงานหรือ U-Series อยู่ แทนที่จะเป็นรุ่น H ที่ประสิทธิภาพสูงกว่าในระดับราคานี้
แถมเมื่อถอดหน้าจอ Surface Book 3 มาใช้เป็นแท็บเล็ต ก็จะไม่มี kick stand แบบใน Surface Pro 7 ทำให้การใช้งานค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะในรุ่น 15 นิ้ว และข้อพับพับแบบพิเศษ (ที่ไมโครซอฟท์ยังใช้ดีไซน์เดิม) ก็ทำให้ Surface Book 3 หนากว่าโน้ตบุ๊กปกติเช่นกัน (รุ่น 15 นิ้ว หนา 23 มิลลิเมตร เทียบกับ Macbook Pro 16 นิ้ว ที่หนา 16.3 มิลลิเมตร)
เรื่องแบตเตอรี่ก็เป็นอีกข้อติหนึ่ง โดย DigitalTrends พบว่าใช้ดูวิดีโอบนเครื่องได้เพียง 13 ชั่วโมง 42 นาทีเท่านั้น เมื่อเทียบกับ Surface Book 2 ที่ทำได้ถึง 20 ชั่วโมง ถือว่าลดลงเยอะพอสมควร แถมเมื่อใช้งานในโหมดแท็บเล็ตโดยไม่มีแบตเตอรี่ในคีย์บอร์ดมาเสริม ก็ใช้งานได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ในด้านราคา หลายๆ เว็บไซต์ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าค่อนข้างแรง เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กวินโดวส์เครื่องอื่นที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน เช่นเมื่อเทียบกับ DELL XPS 15 ที่ได้การ์ดจอ GTX 1650 Ti Max-Q และซีพียูรุ่นประสิทธิภาพสูงอย่าง Core i7-10750H แต่มีราคาเพียง 1,749 เหรียญสหรัฐ ถูกกว่า Surface Book 3 รุ่น 15 นิ้วที่เริ่มต้นในราคา 2,299 เหรียญ แต่ได้เปรียบในด้านการ์ดจอที่เป็น GTX 1660 Ti Max-Q และการถอดจอได้เท่านั้น
สรุป
Microsoft Surface Book 3 ยังเป็นโน้ตบุ๊กที่ดีสำหรับคนรัก Windows และชอบฟังก์ชั่นถอดจอไปใช้เป็นแท็บเล็ตได้ ส่วนซีพียูกับการ์ดจอที่เพิ่มมาในรุ่นนี้ ก็ยังมีประสิทธิภาพสูงพอสมควร แม้จะมาในระดับราคาพรีเมี่ยมที่สูงกว่าโน้ตบุ๊กวินโดวส์รุ่นอื่นในระดับประสิทธิภาพเดียวกัน แต่ก็ต้องทำใจไว้ว่าแบตเตอรี่ก็อยู่ได้น้อยลง ดีไซน์ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ขอบจอยังหนาอยู่ และบานพับแบบพิเศษก็กินพื้นที่กระเป๋ากว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป
คะแนนรีวิวจากสื่อต่างๆ
Engadget - 80 / 100
PCWorld - 4 / 5
Digital Trends - 3.5 / 5 |
# Huawei กำลังพูดคุยกับ Samsung, SK Hynix สำหรับซัพพลายชิปเมมโมรี่ในระยะยาว
นอกจากชิปเซ็ตสมาร์ทโฟนที่ Huawei กำลังหาทางหนีทีไล่หลังถูกรัฐบาลสหรัฐบีบ ยังมีเรื่องของชิปเมมโมรี่ที่มีรายงานว่า Huawei กำลังพูดคุยอยู่กับ Samsung และ SK Hynix ผู้ผลิต 2 ค่ายเกาหลีเพื่อซัพพลายชิปให้ในระยะยาว
Huawei เป็นลูกค้า Samsung กับ SK Hynix สำหรับการสั่งชิปแฟลช NAND และ DRAM อยู่แล้วด้วยมูลค่าราว ๆ 8.1 พันล้านเหรียญทุกปี ขณะที่การพูดคุยครั้งนี้ก็เพื่อทำให้ซัพพลายเชนของตัวเองมีความหลากหลายมากขึ้น
ที่มา - Huawei Central
ภาพจาก Getty Images |
# AIS ระบุข้อมูลทราฟิกที่รั่วไหลไม่มีข้อมูลส่วนบุคคล
หลังจากเมื่อเช้านี้มีรายงานถึงข้อมูล dashboard การจัดการทราฟิกของ AIS หลุดสู่อินเทอร์เน็ต ตอนนี้ทาง AIS ออกแถลงข่าวนี้ระบุว่าไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าแต่อย่างใด โดยแถลงฉบับเต็มมีดังนี้ |
# Manchester United ยื่นฟ้อง SEGA ฐานเอาชื่อทีมไปใช้ในเกม FM คู่กับโลโก้ที่ไม่ใช่ตราสโมสร
สโมสรฟุตบอล Manchester United ยื่นฟ้องบริษัท SEGA และ Sports Interactive (SI Games) ผู้จัดจำหน่ายและผู้พัฒนาเกม Football Manager ฐานละเมิดเครื่องหมายการค้า นำชื่อสโมสรไปใช้คู่กับโลโก้สีขาวแดง ไม่ใช่โลโก้สโมสร
ด้าน SEGA และ SI โต้แย้งว่าชื่อ Manchester United เป็นการอ้างถึงทีมที่ถูกต้องอยู่แล้วในบริบทฟุตบอล และบริษัทก็ใช้งานในลักษณะนี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยยังเป็นเกม Championship Manager ในปี 1992 และที่ผ่านมาทางสโมสรก็ไม่เคยฟ้องร้องอะไรเลย
Simon Malynicz ทนายของสโมสรระบุว่า Manchester United เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีมูลค่าและได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลกและสโมสรก็มีรายได้ทางหนึ่งจากการไลเซนส์แบรนด์ตัวเอง การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของสโมสร
นอกจากนี้ Malyznicz ระบุด้วยว่าผู้บริโภคก็คาดหวังว่าจะเห็นตราสโมสรอยู่คู่กับชื่อ Manchester United ด้วย และการไม่ปฏิบัติตามความคาดหวังดังกล่าวก็นับว่าเป็นการใช้แบรนด์ในทางที่ผิด แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่าข้อโต้แย้งนี้จะค่อนข้างใหม่ แต่ก็ฟังได้
ขณะที่ตัวแทนจาก SEGA และ SI โต้แย้งว่าสโมสรได้ยอมรับไปแล้วเรื่องการใช้ชื่อ Manchester United ในเกม แถมที่ผ่านมา ทีมงานสโมสรก็ติดต่อขอเข้าถึงฐานข้อมูลเกมกับ SI เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์และหาผู้เล่น (scout) จะมาโวยวายตอนนี้ก็ไม่น่าได้ ขณะที่การใช้งานคู่กับตราขาวแดง ก็เป็นการสุ่มตราของเอนจินตัวเกมทุกครั้งที่เล่น เพื่อแสดงออกว่าเกมไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โลโก้สโมสร พร้อมยืนยันว่าการใช้ชื่อ Manchester United ในเกมไม่น่ามีความเป็นไปได้ในการสร้างความสับสนหรือความเสียหาย ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ของ EU ด้วย
ที่มา - The Guardian |
# คุยกับคุณกิตติพงศ์ ทุมนัส ผู้จัดการ F5 ประเทศไทยกับยุคที่ F5 ไม่ได้เป็นแค่ load balancer แต่เป็นแพลตฟอร์มครบวงจรสำหรับแอปพลิเคชั่น
F5 เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่คนทำงานดูแลโครงสร้างไอทีระดับองค์กรอาจจะรู้จักในฐานนะผู้ผลิต Load Balancer ชื่อดังจากความนิยมในตัว BIG-IP โดยเป็นสินค้าตัวแรกของบริษัทตั้งแต่ช่วงก่อตั้งกว่า 20 ปีมาแล้ว ขณะคนทำงานไอทีทั่วไปน่าจะได้ยินชื่อ F5 มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากบริษัทเข้าซื้อบริษัท NGINX ไปเมื่อปีที่แล้ว ผู้ผลิตเว็บเซิร์ฟเวอร์ชื่อดังที่เว็บจำนวนมากใช้งานกันมานาน
นอกจากชื่อที่เราได้ยินกันบ่อยๆ แล้วที่จริง F5 ยังสะสมซอฟต์แวร์ระดับองค์กรเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริการขยายออกไปกว่าการเป็นบริษัท Load Balancer อย่างเดิมมาก และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา F5 ประเทศไทยก็ได้คุณกิตติพงศ์ ทุมนัส เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการประจำประเทศไทย (country manager) ในโอกาสนี้เราก็จะได้พูดคุยกับคุณกิตติพงศ์ถึงความท้าทายของการรับตำแหน่งในครั้งนี้
จากการรับตำแหน่งแล้วพบกับ COVID-19 พอดี มีความท้าทายอะไรต้องรับมือในช่วงนี้บ้าง
ที่จริงแล้วต้องบอกว่าเป็นโอกาส เพราะที่ผ่านมา F5 ทำได้ดีในตลาด ADC และ ความปลอดภัยโดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและหน่วยงานรัฐ แต่พอเกิด COVID-19 แล้วเราก็มีโอกาสได้เข้าไปช่วยเหลือหลายองค์กรให้ได้ใช้งาน SSL VPN ของเรา เพราะสินค้าตัวนี้ที่จริงแล้วเราก็นับว่าเป็นที่หนึ่งมานานมีลูกค้าที่ใช้งานทั้งธนาคารและหน่วยงานรัฐ ในช่วง COVID-19 โดยเราให้ลูกค้าใช้งานได้ฟรี 45 วันและมีลูกค้าหลายรายใช้งานไปแล้ว ที่ผ่านมาเราก็ออก Campaign F5 SSLVPN สำหรับการ Work From Home ราคาพิเศษให้กับลูกค้าเพื่อช่วยเหลือกับช่วงโควิด-19
งานที่คิดว่าจะเข้ามาทำหน้าที่ใน F5 คิดว่าจะทำอะไรเป็นหลัก
ลูกค้าของ F5 มักเป็นองค์กรที่ใช้งานมานานโดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร แต่คำถามที่ลูกค้าอาจจะถามกันมากคือเรามีอะไรมากกว่า Load Balancer บ้าง แต่ที่จริงแล้วเรามีสินค้ามากกว่า 20 ตัว โดยเราวางแนวทางการออกผลิตภัณฑ์ไว้ว่าจะให้บริการจากแอปไปจนถึงผู้ใช้ปลายทาง (end user) แนวทางนี้ทำให้องค์กรจำนวนมากใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ของเรากว้างขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นบริการแบบ B2B, B2C, Retail ไปจนถึงกลุ่มโรงงาน (manufacturing) โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยของแอปพลิเคชั่น
เราเข้าไปบอกตลาดว่าในระบบที่ดีนั้นการพัฒนาแอปเสร็จแล้วควรมีโซลูชั่นอะไรเข้ามาป้องกันแอปพลิเคชั่นให้ทำงานได้ต่อเนื่อง เช่น Web Application Firewall (WAF), Bot Protection, API Security การทำ High Availablity (HA) ให้กับแอป ไปจนถึงการ deploy แบบ multi-cloud
ยิ่งในปีที่ผ่านมาเราเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Shape Security ที่ปกป้อง fraud (การฉ้อโกง)และ Anti-Bot ในระบบอีคอมเมิร์ชไม่ว่าจะเป็น B2C หรือ B2B การแนะนำให้ลูกค้าเห็นถึงภาพรวมของ F5 ให้ครบถ้วนก็นับเป็นงานสำคัญ
แนวทางการลงทุนกับความปลอดภัยของระบบเพิ่มขึ้นมาในช่วงหลัง F5 อยู่ตรงไหนในภาพนี้
ผลิตภัณฑ์ของเราให้บริการด้านความปลอดภัยแอปพลิเคชั่นอยู่แล้ว แต่ความพิเศษของเราคือการทำงานร่วมกับผู้ผลิตรายอื่นๆ ในกรณีที่ลูกค้าต้องการใช้โซลูชั่นอื่นเพิ่มเติม ที่ผ่านมาลูกค้าหลายรายมีปัญหาว่าเมื่อเพิ่มโซลูชั่นความปลอดภัยเข้าไปแล้วทำให้ประสิทธิภาพบริการโดยรวมลดลลง บางครั้งเหลือไม่ถึงครึ่งของโหลดสูงสุดที่ออกแบบไว้ โดยเฉพาะในช่วงหลังที่ทราฟิกของเว็บทั้งหมดถูกเข้ารหัส โซลูชั่นแต่ละตัวต้องเข้ารหัสถอดรหัสใหม่ทุกรอบ แต่ F5 มีฟีเจอร์การถอดรหัส SSL Visibility ที่รับหน้าที่ส่งต่อทราฟิกให้กับโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยอื่นๆ โดยที่ประสิทธิภาพรวมของระบบไม่ได้ลดลง
อย่างตัว Shape Security เองที่เราบอกว่าเป็นการป้องกันการฉ้อโกง แต่ฟีเจอร์จริงๆ ของมันป้องกันการโจมตีได้หลากหลายกว่านั้นมาก นับตั้งแต่การป้องกันบอต, ป้องกันการดูดเว็บจากภายนอกเพื่อจับข้อมูลหรือชิงซื้อของช่วงลดราคาจนลูกค้าจริงซื้อไม่ได้ ไปจนถึงการป้องกันบัญชีลูกค้าบนเว็บของเราไม่ให้ถูกขโมยบัญชี
ความเปลี่ยนแปลงในแง่การพัฒนาแบบ DevOps ในช่วงหลัง F5 มีแนวทางอย่างไรบ้าง
เราพูดถึงแนวทาง Code to Customer มานานจากการที่เราอยู่ตรงกลางแล้วมองเห็นว่า DevOps และ SecOps หลายครั้งทำงานอยู่มุมตรงข้ามกัน เพราะ DevOps ต้องการนำโค้ดขึ้นไปเจอกับผู้ใช้ให้เร็วที่สุด ขณะที่ SecOps บอกว่าต้องมีการตรวจสอบให้แน่ใจ มีกระบวนการควบคุมตามมาตรฐานและข้อกำหนดต่างๆ ตามมาตร
ฐานความปลอดภัยให้ครบถ้วน
F5 เองมีเครื่องมีเชื่อมแนวทางเหล่านี้ให้ครบทั้งหมด เมื่อแอปมีการนำโค้ดใหม่ขึ้นไป SecOps ยังมีความสามารถในการควบคุมความปลอดภัยได้ และฝั่ง DevOps ก็มองเห็นประสิทธิภาพแอปที่ขึ้นไปแล้วมีประสิทธิภาพดีอยู่หรือไม่
การเปลี่ยนไปใช้งานคลาวด์ทำให้ลูกค้าใช้สินค้าของ F5 เปลี่ยนไปไหม
ลูกค้าจำนวนมากของเราใช้ผลิตภัณฑ์ของเราในรูปแบบ Appliance ที่ไปพร้อมกันทั้งเซิร์ฟเวอร์ แต่ที่จริงแล้วเรามีสินค้าในกลุ่มซอฟต์แวร์ที่ลูกค้าสามารถติดตั้งได้ทั้งในองค์กรเองและบนคลาวด์ ที่ผ่านมาเราก็สื่อสารไปยังลูกค้าว่าไม่ว่าจะซื้อรูปแบบไหนมาใช้งานประสิทธิภาพก็ไม่ได้ต่างกัน
จุดที่ต่างกันคือลูกค้ายังคงใช้ความชำนาญเดิม และชุดเครื่องมีอในการจัดการเดิมเข้าไปจัดการกับซอฟต์แวร์ของ F5 ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่บนคลาวด์หรือในองค์กรเอง อันนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะลูกค้าจำนวนมากกังวลว่าการทำ Digital Transformation จะทำให้เข้าต้องหาบุคตลากรความสามารถใหม่ๆ หรือกระทั่งแยกทีมงานเป็นหลายทีม แต่ F5 ยืนยันว่าลูกค้ายังคงทำงานต่อเนื่องจากระบบเดิมได้แม้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปก็ตาม ตอนนี้เองก็มีองค์กรขนาดใหญ่ที่ปรับตัวไปใช้คลาวด์แล้ว และยังใช้งาน F5 อยู่ หลายรายไปลองแบรนด์อื่นมาแล้วและก็พบว่าความต่างมันไม่คุ้ม
ปีที่แล้ว F5 รวม NGINX เข้ามามีผลยังไงในเมืองไทยบ้าง
ปีที่แล้วเราก็มีการสำรวจตลาดว่าในประเทศไทยว่ารู้จัก NGINX หรือไม่เราก็พบว่านักพัฒนา 70-80% รู้จักหรือใช้งานกันอยู่แล้ว ก็นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อแข็งแกร่งในวงการโอเพนซอร์ส
เราก็เตรียมจะเข้าไปบอกกับตลาดว่าสามารถใช้เวอร์ชั่นแอดวานซ์กว่านั้น คือ NGINX Plus ได้หากจะนำแอปพลิเคชั่นขึ้นไปทำงานในระดับองค์กร เพราะ NGINX Plus เอง มีฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่าง API Security, Protect App, Load Balancing ที่แอดวานซ์ขี้น , NGINX Controller, หรือการทำ side car
อันนี้เป็นความท้าทายของผมในการรับตำแหน่งครั้งนี้โดยตรง เพราะในตลาดเองหลายคนไม่รู้ว่ามี NGINX Plus ก็เป็นเรื่องที่ต้องเข้ามาปรับความรับรู้ในตลาด โดยล่าสุดเราก็เตรียมจัดงานสัมมนาออนไลน์ในเรื่องนี้ ก็ขอเชิญทุกคนที่สนใจไปร่วมกันได้
เตรียมพบกับสัมมนาออนไลน์จาก F5 Networks
ทาง F5 Networks ประเทศไทยกำลังจะจัดงานสัมมนาออนไลน์ภาษาไทย “NGINX App Delivery in the age of DevOps” ที่จะเล่าถึงการใช้ NGINX ในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับองค์กรในรูปแบบ DevOps ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมได้ในวันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2563 เวลา 14.00 – 15.30 น ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ทาง Zoom ฟรีสำหรับผู้สนใจทุกคน
และหลังจากนั้นในวันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2563 เวลา 9:00 น. - 11:00 น. ทาง F5 ยังมีงานประชุมสัมมนาออนไลน์ ASEAN Customer Engagement Summit 2020 เป็นการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญและผู้นำ ด้านการพัฒนาแอปพลิเคชั่นมัลติคลาวด์มาให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพัฒนาแอปพลิเคชั่นสมัยใหม่ โดยอาศัยแนวทาง API, DevOps, Site Reliability Engineering, และ Microservices
งานบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ผู้สนใจดูตารางการบรรยายและลงทะเบียนร่วมงานได้ในเว็บไซต์ F5 |
# Transmission ออกเวอร์ชัน 3.0, ปรับปรุง IPv6 และรองรับ Dark Mode บน macOS
Tranmission โปรแกรม Bittorrent โอเพนซอร์สยอดนิยมอีกตัว ออกเวอร์ชัน 3.0 ซึ่งทิ้งห่างเวอร์ชัน 2.0 นาน 10 ปีพอดี และเป็นการออกเวอร์ชันใหม่ครั้งแรกในรอบ 2 ปีด้วย (เวอร์ชันก่อนหน้านี้คือ 2.94 ออกเดือนพฤษภาคม 2018)
ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือปรับปรุงการรองรับ IPv6, รองรับ Dark Mode บน macOS และปรับปรุงฟีเจอร์เล็กๆ น้อยๆ รวมถึงแก้บั๊กอีกจำนวนมาก
Transmission มีไคลเอนต์หลากหลายแพลตฟอร์มทั้ง Windows, Mac, GTK+, Qt, เว็บ และรันในเทอร์มินัล โดยเวอร์ชัน 3.0 ปรับเวอร์ชันขั้นต่ำของ macOS มาเป็น 10.10 และ Qt เป็น 5.2
ที่มา - Transmission, OMG Ubuntu |
# Huawei หันไปหา MediaTek และ UNISOC เพื่อแก้ปัญหาชิปสมาร์ทโฟนหลังถูกสหรัฐแบน
หลัง Huawei ถูกบีบมากขึ้นเรื่อย ๆ จากรัฐบาลสหรัฐเพราะไม่เพียงแต่ Qualcomm แต่รวมถึง TSMC ที่ผลิตชิปให้ HiSilicon ด้วย ล่าสุด Nikkei รายงานว่า Huawei กำลังพูดคุยอยู่กับ MediaTek และ UNISOC เพื่อแก้ปัญหานี้
เดิม Huawei ใช้ชิป MediaTek ในสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงล่าง ขณะที่การพูดคุยครั้งนี้ก็เพื่อซื้อชิป 5G ระดับกลางจนถึงบน ขณะที่ MediaTek ก็กำลังประเมินว่ากำลังการผลิตและพัฒนาของตัวเองเพียงพอต่อความต้องการของ Huawei หรือไม่เพราะมียอดสั่งเพิ่มขึ้นจากปกติถึง 300%
ขณะเดียวกันดีลนี้ก็น่าจะช่วยให้ UNISOC ได้ลูกค้ารายใหญ่ หลังจากที่ผ่านมาชิปของ UNISOC ถูกใช้ในอุปกรณ์ขนาดเล็ก หรือสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตราคาถูกในตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก
ที่มา - Nikkei |
# Razer Blade Pro 17 นิ้ว รุ่นใหม่ จอ 300Hz การ์ดจออัพได้ถึง RTX 2080 Super Max-Q
Razer เปิดตัว Razer Blade Pro 17 โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง 17 นิ้วรุ่นใหม่ มีสามตัวเลือก สองรุ่นล่างเป็นหน้าจอ Full HD สว่าง 300 nits ตัวเลือกการ์ดจอเป็น RTX 2070 Max-Q หรือ RTX 2080 Super Max-Q และมีตัวเลือกหน้าจอแบบ 300Hz ส่วนรุ่นท็อป เป็นหน้าจอ 4K สว่าง 400 nits กับ RTX 2080 Super Max-Q แต่จะไม่มีตัวเลือกหน้าจอ 300Hz
Blade Pro 17 มาพร้อมกับซีพียู Core i7-10875H ความเร็วคล็อก 2.3GHz ความเร็วบูสต์ ถึง 5.1GHz (แต่น่าจะร้อนจี๋) พร้อมแรม DDR4 ความเร็วบัส 2,933MHz เริ่มต้นที่ 16 GB อัพได้ถึง 64 GB รุ่น Full HD มาพร้อม SSD PCIe NVMe ขนาด 512 GB รุ่น 4K มาพร้อมกับขนาด 1 TB และมีตัวเลือกเพิ่มเป็น 2 TB และทุกรุ่นจะมีสล็อต M.2 ว่างไว้อีกหนึ่งสล็อต สามารถใส่ SSD เพิ่มได้อีก 2 TB
ตัวเครื่องมีขนาดและน้ำหนักเท่ารุ่นก่อน (2.74 กิโลกรัม) พร้อมพอร์ต Thunderbolt 3 x1 USB-C 3.2 Gen 2 ที่ใช้ชาร์จได้ด้วย x1 USB-A 3.2 x3 ช่องเสียบสาย LAN x1, HDMI 2.0b x1 และมี SD card reader รองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0
Razer Blade Pro 17 เริ่มต้นที่ 2,600 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 83,200 บาท) สำหรับรุ่นจอ Full HD + RTX 2070 Max-Q ส่วนรุ่น Full HD + RTX 2080 Super Max-Q อยู่ที่ 3,200 เหรียญ (ประมาณ 102,300 บาท) และรุ่น 4K + RTX 2080 Super Max-Q อยู่ที่ 3,800 เหรียญ (ประมาณ 121,500 บาท) วางจำหน่ายภายในเดือนนี้ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ส่วนในภูมิภาคอื่นมีระบุไว้เพียง “เร็วๆ นี้”
ที่มา - arstechnica |
# Lenovo เปิดตัว IdeaPad Slim 3 แล็บท็อปบางเบา ราคาเริ่ม 11,900 บาท
Lenovo ประเทศไทยเปิดตัว IdeaPad Slim 3 แล็บท็อปสายบางเบาราคาถูกมี 2 ขนาดคือ 14 และ 15 นิ้ว สเปคต่างกันดังนี้
ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด FHD ซีพียู Ryzen 5 3250U แรม DDR4 2400 4GB การ์ดจอ Radeon RX Vega 3 สตอเรจ SSD PCIe M.2 256GB Windows 10 Home น้ำหนัก 1.5 กก. ราคา 11,900 บาท
ส่วน 15 นิ้ว ความละเอียด FHD เหมือนกัน ซีพียู Ryzen 5 4500U แรม DDR4 2666 8GB การ์ดจอ Radeon RX Vega 6 สตอเรจ SSD PCIe M.2 256GB Windows 10 Home พร้อม Office 2019 ราคา 15,490 บาท
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ |
# Animal Crossing: New Horizons ขายได้อีก 3.6 ล้านชุด เป็นเกม Nintendo Switch ที่ขายดีที่สุด
Animal Crossing: New Horizons (ต่อไปขอย่อว่า AC:NH) เกมแต่งเกาะกับผองเพื่อนสุดดูดเวลา ที่ทำเอาเครื่อง Nintendo Switch ขาดตลาดในช่วงกักตัว ยังคงขายดีไม่มีหยุด และทำลายสถิติใหม่อีกเพียบ
SuperData บริษัทวิจัยตลาด เปิดเผยข้อมูลว่า AC:NH ทำยอดขายเพิ่มได้อีก 3.6 ล้านชุด ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แม้จะลดลง 27% จากเดือนมีนาคม แต่ก็ยังเป็นเกมขายดีอันดับหนึ่งบนคอนโซล เอาชนะ Final Fantasy VII: Remake ที่ขายได้ 2.7 ล้านชุดบน PS4 และกลายเป็นเกมบนเครื่อง Nintendo Switch ที่ขายดีที่สุด ทั้งยอดขายแบบตลับ และแบบดิจิทัล
นอกจากนี้ยอดขายเกมและการใช้จ่ายเงินบนเกมแบบดิจิทัลก็เติบโตขึ้นมาก League of Legends ทำเงินสูงสุดตั้งแต่กุมภาพันธ์ ปี 2017 และ Grand Theft Auto 5 ก็มียอดขายคอนเทนต์ออนไลน์สูงสุดในหนึ่งเดือนตั้งแต่เปิดตัว (ยอดขายเดือนเมษายน ยังไม่ได้รับผลจากการแจกเกมฟรีของ Epic ในเดือนนี้) โดยรวมแล้ว ยอดจำหน่ายเกมแบบดิจิทัลในเดือนเมษายน ทำเงินไปกว่า 10.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตถึง 17% เทียบกับปีที่แล้ว
ที่มา - gameindustry.biz, Superdata |
# Sony Xperia 10 II สมาร์ทโฟนระดับกลาง จอ 21:9 เปิดตัวในไทย ราคาเริ่ม 12,990 บาท
Sony เปิดตัว Sony Xperia 10 II ในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สมาร์ทโฟนระดับกลาง หน้าจอ OLED ขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วน 21:9 ความละเอียด 2520 x 1080 พิกเซล ใต้กระจก Gorilla Glass 6 ทั้งด้านหน้าและหลัง กับชิป Snapdragon 665 แรม 4 GB หน่วยความจำ 128 GB กันน้ำ IP 65/68 พร้อมรูหูฟัง 3.5 มม. และระบบเสียง Hires แบตเตอรี่ 3600 mAh รองรับชาร์จเร็ว
วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย วันที่ 27 พฤษภาคมนี้ มีสามสี คือสีเขียวมิ้นต์ สีน้ำเงิน และสีดำ ในราคา 12,990 บาท ผู้ที่ซื้อ 70 เครื่องแรก จะได้รับของแถมเป็นลำโพงบลูทูธไร้สาย Extra Bass Portable Bluetooth Speaker รุ่น XB22 ราคา 3,999 บาท จำหน่ายที่โชว์รูม Sony Store ทุกสาขา
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# AIS พลาด เปิดข้อมูลทราฟิกอินเทอร์เน็ตและ DNS Query เป็นสาธารณะ ปิดแล้วหลังได้รับแจ้ง
update: แถลงจาก AIS
นักวิจัยพบล็อก DNS และ Netflow ของ AIS หลุดออกสู่อินเทอร์เน็ต พบ dashboard เจาะจงตรวจสอบการใช้เฟซบุ๊ก
Justin Paine นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์รายงานการพบฐานข้อมูล Elasticsearch และหน้าจอ dashboard Kibana ที่มีฐานข้อมูลการใช้งาน DNS และข้อมูลทราฟิกอินเทอร์เน็ตแบบ Netflow รวม 8,300 ล้านรายการ
Paine ตรวจพบฐานข้อมูลนี้จากเว็บค้นหา BinaryEdge และ Shodan โดย BinaryEdge พบว่าฐานข้อมูลเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนตัวเขาเองเข้าไปพบฐานข้อมูลนี้ในวันที่ 7 โดยฐานข้อมูลมีปริมาณเอกสาร 8,300 ล้านรายการ ขนาด 4.7TB และมีข้อมูลเพิ่มเข้ามาวันละ 200 ล้านรายการ โดยได้มีการแจ้งทาง AIS และ ThaiCERT ไปจนทาง AIS ดำเนินการปิดการเข้าถึงไปแล้วเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ฐานข้อมูลเก็บทราฟิกอินเทอร์เน็ต ระบุการเชื่อมต่อว่าหมายเลข IP ใดเชื่อมต่อไปที่ใดบ้าง และมีข้อมูลการเรียกใช้งาน DNS ว่ามีการขอ lookup ไปยังชื่อโดเมนอะไรอีกบ้าง โดยส่วนข้อมูลการใช้งาน DNS มีข้อมูลประมาณ 8 วัน (30 เมษายน ถึง 7 พฤษภาคม) รวมจำนวนการเรียกใช้ทั้งสิ้นสามพันล้านครั้ง ซึ่งจากเฉพาะข้อมูลการใช้งาน DNS นี้สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ถึงจำนวน ยี่ห้ออุปกรณ์ รวมถึงซอฟต์แวร์และรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของเจ้าของ IP นั้นๆ และเมื่อรวมกับข้อมูล Netflow แล้ว สามารถทำให้เห็นปริมาณการใช้งานได้อย่างละเอียด
ทางนักวิจัยยังพบอีกว่า ในระบบยังมีการทำหน้าดูข้อมูลการใช้งาน Facebook ไว้อย่างเฉพาะ อย่างไรก็ตาม จากที่ผู้เขียนตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลหลังจากผ่านการ NAT มาแล้ว ทำให้มีหลาย IP ที่มีการใช้งานสูงๆ ที่น่าจะเป็น NAT Pool ใหญ่ๆ จากผู้ใช้งานหลายคน ทำให้อาจลดความจำเพาะเจาะจงของข้อมูลลงไปได้ "บ้าง"
การปล่อยให้ข้อมูลในฐานข้อมูล Elasticsearch และ Kibana รั่วไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากค่าเริ่มต้นของซอฟต์แวร์ดังกล่าวไม่มีการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลใดๆ แม้แต่ Microsoft ก็เคยพลาดมาแล้วเช่นกัน
ที่มา: rainbowtabl.es
หมายเหตุ: Blognone สอบถามไปยัง AIS แล้ว และได้รับคำตอบว่ากำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ |
# NVIDIA ใช้ AI สร้างเกม PAC-MAN ขึ้นใหม่จากการเล่น 50,000 ครั้ง โดยไม่ต้องมีเอนจินเกม
ในการฉลอง 40 ปี PAC-MAN มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ Bandai Namco จับมือกับ NVIDIA Research ใช้ AI ลองเล่นเกม PAC-MAN แล้วสร้างเกมขึ้นมาใหม่จากศูนย์ โดยไม่ต้องมีเอนจินของเกมเลย
โครงการวิจัยของ NVIDIA เทรน AI ด้วยการให้เล่นเกม PAC-MAN จำนวน 50,000 ครั้ง แล้วสร้างเกมขึ้นมาใหม่ โดยที่ AI ไม่จำเป็นต้องเข้าใจกฎของเกมเลยด้วยซ้ำ เทคนิคนี้มีชื่อว่า GameGAN (GAN ย่อมาจาก generative adversarial networks ซึ่งเป็นชื่อเทคนิค AI ที่ใช้งาน)
Seung-Wook Kim หัวหน้าทีมวิจัยของ NVIDIA ระบุว่า GameGAN ใช้วิธีศึกษาภาพหน้าจอและแพทเทิร์นการกดปุ่ม แล้วสร้างเกมขึ้นมาใหม่โดยไม่ต้องมีเอนจินเกมเลย (ต้องดูเฟรมของเกมจำนวนหลายล้านเฟรม) จากนั้นค่อยๆ เรียนรู้กฎของเกมด้วยตัวเอง เช่น PAC-MAN ต้องกินจุด, เดินทะลุกำแพงไม่ได้, ถ้าเดินทะลุขอบจอแล้วจะไปโผล่อีกด้าน เป็นต้น
จากภาพของ PAC-MAN เวอร์ชัน AI จะเห็นว่ามันถูก GameGAN วาดหน้าจอขึ้นมาใหม่ และจะมีความบิดเบี้ยวของพิกเซลอยู่บ้าง
นอกจาก PAC-MAN แล้ว NVIDIA ยังนำ GameGAN ไปเทรนกับเกม Doom ภาคแรก (ใช้เวอร์ชัน ViZDoom ที่เป็นโอเพนซอร์สสำหรับเทรน AI) และระบุว่าเทคนิคนี้สามารถนำไปใช้กับการพัฒนาเกมได้ เช่น ใช้ออกแบบเลเวลใหม่ให้เกมเดิม รวมถึงใช้งานด้านซิมูเลเตอร์อื่นๆ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์ขนของในโกดัง เป็นต้น
รายละเอียดโครงการดูได้จาก GameGAN
ที่มา - NVIDIA |
# ออฟฟิศใหม่ Facebook ที่ Willow Campus ลดขนาดลง 29% จากนโยบายทำงานที่ไหนก็ได้
ก่อนจะเกิดเหตุโรคระบาด Facebook เคยผุดโครงการใหญ่ Willow Campus พื้นที่สำหรับทำงาน อยู่อาศัย ร้านค้าและสวนสาธารณะ เป็นการขยายพื้นที่สำนักงานใหญ่ Menlo Park แต่เมื่อโรคระบาดเข้ามา บริษัทพิจารณามาตรการ social distancing ลดความแออัดในสำนักงานในระยะยาว Facebook จึงเตรียมปรับลดขนาด Willow Campus ลง 29%
การปรับลดขนาดจากเดิม 1.75 ล้านตารางฟุต จะเหลือ 1.25 ล้านตารางฟุต เท่ากับว่าจะมีพนักงานจำนวนน้อยลง 2,550 รายจากจำนวนแรกที่คาดการณ์ไว้ถึงหมื่นราย ซึ่งคาดว่าจะเหลือราวๆ 7,000 คน
โครงการที่อยู่อาศัยใน Willow Campus ตามแผนการเดิมคือสร้างอาคารที่พักอาศัย 1,500 แห่งในพื้นที่ โดย 15% ของที่อยู่อาศัยจะเสนอราคาต่ำกว่าท้องตลาดด้วย โดยแผนใหม่จะเพิ่มจำนวนเป็นราว 20% โดยกระบวนการทบทวนแผนการใหม่สำหรับ Willow Village คาดว่าจะขยายไปจนถึงกลางปี 2021
ก่อนหน้านี้ไม่นาน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวในวิดีโอคอลคุยกับพนักงาน เผยยุทธศาสตร์ใหม่ของ Facebook คือก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ให้พนักงานทำงานแบบ remotely โดยภายในปี 2030 คาดการณ์ว่า 50% ของพนักงานจะสามารถทำงานที่ไหนก็ได้แบบถาวร ไม่ต้องเข้ามาที่สำนักงานใหญ่ นอกจากนี้ยังจะพิจารณาจ้างงานคนที่อยู่ไกลจากเมืองหรือเขตสำนักงานใหญ่
ที่มา - Mercury News |
# 3BB ไปต่อ อัพเราเตอร์ให้ลูกค้าเป็น AC2100 เล่นมือถือผ่าน Wi-Fi แรงได้ใจกว่าเดิม
หลังจากยกมาตรฐานความเร็วขั้นต่ำในการให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตบ้านเป็น 1 Gbps ให้ลูกค้าทุกคนไปเมื่อเร็วๆนี้ ล่าสุด 3BB ยกระดับสัญญาณ Wi-Fi ภายในบ้าน ด้วยการอัพเราเตอร์ เป็น AC2100 ลูกค้าฟินกว่าเดิมเล่นเน็ตผ่าน Wi-Fi ได้แบบเต็มสปีด
นาย ยอดชาย อัศวธงชัย กรรมการ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS และรองประธานบริหาร สายงานปฏิบัติการ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB เปิดเผยว่า 3BB เริ่มเปลี่ยนเราเตอร์ให้กับลูกค้าเป็น AC2100 เพื่อให้ลูกค้าได้รับการใช้งานที่ดีขึ้น เราเตอร์คุณภาพ ช่วยให้ได้รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตเต็มประสิทธิภาพ
"คุณภาพการเชื่อมต่อ Wi-Fi ภายในบ้านขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ระยะห่างจากเราเตอร์เมื่อใช้งาน สัญญาณรบกวน ช่องสัญญาณความถี่ อุปกรณ์ที่รองรับ หรือจำนวนผู้ใช้งานขณะนั้น ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับตัวเราเตอร์ที่ใช้งาน ซึ่งทาง 3BB เอง ได้มีการปรับเวอร์ชั่น ของอุปกรณ์เราเตอร์ให้ลูกค้าตลอดเวลาอยู่แล้ว ตั้งแต่ยุค Single-Band Wi-Fi จนมาเป็น Dual-Band AC1200 ซึ่งเป็นเราเตอร์ที่สามารถรับส่งได้แบบสองคลื่นความถี่พร้อมกัน ทั้ง 2.4GHz และ 5.0GHz หลังจากที่ 3BB ได้ปรับความเร็วขั้นต่ำเป็น 1 Gbps เราจึงอยากให้ลูกค้าได้ใช้เน็ตแบบเต็มประสิทธิภาพจริงๆ จึงจะมีการเริ่มเปลี่ยนเป็นเราเตอร์ AC2100 ให้กับลูกค้า โดยตัวเลขนั้นหมายถึงความกว้างของ Bandwidth ยิ่งมีตัวเลขสูงขึ้น แปลว่ายิ่งเร็วขึ้น ซึ่งในทางเทคนิคแล้วเทคโนโลยี Wi-Fi ระดับ AC2100 จะมีการส่งสัญญาณ Wi-Fi คลื่น 5.0GHz จะเร็วกว่า AC1200 เกือบ 2 เท่า รวมถึงบางอุปกรณ์จะสามารถรองรับความเร็วสูงสุดที่ 1000 Mbps เช่น มือถือ Huawei Mate 20 Pro หรือ Huawei P30 ขึ้นไปที่รองรับช่องสัญญาณ 160MHz นับเป็นความเร็วที่ตอบรับกับแพ็กเกจ 3BB GIGAFiber ที่ให้ความเร็วระดับ 1 Gbps ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ต้องกังวลกับความแรงของสัญญาณอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป และยังสามารถใช้งานได้พร้อมกันหลายอุปกรณ์ในระยะทางที่ไกลขึ้น"
นายยอดชายได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเห็นได้ชัดเจนถึงการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็วและแรงขึ้น การที่ทุกคนต้องทำงานจากที่บ้าน หรือการใช้ชีวิตผ่านโลกดิจิทัลมากขึ้น สิ่งเหล่านี้นับเป็น New Normal ที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 3BB ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของการให้บริการอินเทอร์เน็ตมาอย่างต่อเนื่อง จึงไม่หยุดพัฒนาบริการเพื่อให้ลูกค้าทุกคนสามารถเชื่อมโลกออนไลน์ พร้อมทำงาน เรียนรู้ และใช้ชีวิต ทุกที่ ทุกเวลา อย่างไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป
ทั้งนี้ 3BB จะทยอยส่งมอบเราเตอร์ให้กับลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ 3BB GIGA Fiber ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. 1530 |
# Linus Torvalds ซื้อคอมใหม่ เลือกใช้ AMD Threadripper แทนซีพียูอินเทล
Linus Torvalds เล่าในอีเมลกลุ่มนักพัฒนาเคอร์เนลลินุกซ์ ว่าเขาเพิ่งซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ โดยเลือกซีพียูเป็น AMD Threadripper 3970X และเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่เขาไม่ได้ใช้ซีพียูอินเทล
Linus ยังเล่าว่าเครื่องใหม่ของเขาทำให้การคอมไพล์เคอร์เนลทดสอบเร็วขึ้นถึง 3 เท่าจากเดิม (ไม่ได้บอกว่าเครื่องเดิมใช้ซีพียูรุ่นใด)
Threadripper 3970X เป็นซีพียูรุ่นรองท็อปของ AMD ในปัจจุบัน มีจำนวน 32 คอร์ 64 เธร็ด เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 ส่วนรุ่นท็อปสุดตอนนี้คือ Threadripper 3990X ที่เป็น 64 คอร์ 128 เธร็ด เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2020
ที่มา - LKML via The Register, ภาพจาก AMD |
# Microsoft Lists เปิดตัว แอพวางแผนงานตามลิสต์ คู่แข่งของ Jira, Trello, Asana
ในงาน Build 2020 ไมโครซอฟท์เปิดตัวแอพใหม่ในตระกูล Microsoft 365 เพิ่มอีกตัวคือ Microsoft Lists
หากดูเผินๆ Microsoft Lists เป็นแอพจดรายการ ที่คล้ายกับ Microsoft To-Do ฝั่งคอนซูเมอร์ แต่จริงๆ แล้วมันมีฟีเจอร์สำหรับ issue tracking (คล้ายกับ Jira) และการวางแผนงานให้คนในทีม (คล้ายกับ Trello หรือ Asana) ในตัว มีระบบจัดหมวดด้วยสี, แจกงานให้เพื่อนร่วมทีม, คอมเมนต์ในรายการได้, กำหนดระยะเวลาพร้อมแสดงเป็นปฏิทิน
Microsoft Lists เปิดตัวมาพร้อมทั้งเว็บแอพและแอพมือถือ รวมถึงการเชื่อมต่อกับโปรแกรมอื่นของไมโครซอฟท์อย่างแนบแน่น เช่น สร้างและดูรายการจากใน Teams หรือ SharePoint ได้โดยไม่ต้องสลับแอพ, เชื่อมต่อกับแอพตระกูล Power เพื่อสั่งงานอัตโนมัติบางอย่างได้, สร้างลิสต์อัตโนมัติจากไฟล์ Excel ได้ เป็นต้น
Microsoft Lists จะเปิดให้ใช้งานช่วงกลางปีนี้
หน้าเว็บ Microsoft Lists
ระบบเทมเพลต แยกตามสี
แสดงผลใน Microsoft Teams ได้เลย
ที่มา - Microsoft |
# [ข่าวลือ] AMD จะออก Ryzen 3900XT, 3700XT, 3600XT มาแทนรุ่น X เดิม เพิ่มคล็อค
เพิ่งมีข่าวลือของ "Matisse Refresh" ซีพียูรุ่นใหม่ของ Ryzen เดสก์ท็อปซีรีส์ 3000 (Matisse คือโค้ดเนมของ Ryzen ซีรีส์ 3000 บนเดสก์ท็อป) โดยตอนแรกคาดว่าจะใช้ชื่อ Ryzen 3750X และ 3850X
ล่าสุดมีข่าวลือของ Matisse Refresh รอบใหม่ที่บอกว่าชิปในชุดมีด้วยกัน 3 ตัว คือ
Ryzen 9 3900XT
Ryzen 7 3700XT
Ryzen 5 3600XT
ชิปชุดใหม่จะใช้ตัวห้อย XT และมาแทนชิปเลขเดียวกันที่ห้อย X เดิม คาดว่าจำนวนคอร์และเธร็ดจะเท่าเดิม แต่เพิ่มความเร็วคล็อค และปรับปรุงการโอเวอร์คล็อคให้ดีขึ้น โดยประสิทธิภาพน่าจะดีกว่าเดิมราว 5-10%
การเปิดตัวซีพียูชุดนี้จะเป็น Zen 2 ชุดสุดท้าย เพื่อต่อกรกับ Intel Core 10th Gen (Comet Lake-S) เดสก์ท็อปที่เพิ่งเปิดตัวและกำลังจะวางขาย ก่อนที่เราจะได้เห็น Ryzen ซีรีส์ 4000 ที่ใช้แกน Zen 3 ในช่วงปลายปี
ตามข่าวบอกว่า Matisse Refresh จะเปิดตัววันที่ 16 มิถุนายนนี้ และวางขายจริง 7 กรกฎาคม
ที่มา - Wccftech |
# [ข่าวลือ] ข้อมูลชิป Radeon รุ่นหน้า Navi 21 จำนวน 5120 คอร์, Navi 10 Refresh
rogame นักปล่อยข่าวหลุดสายฮาร์ดแวร์ชื่อดัง ให้ข้อมูลของจีพียูตัวใหม่ค่าย AMD คือ "Big Navi" หรือชื่ออย่างเป็นทางการ Navi 2X สถาปัตยกรรม RDNA2 ที่จะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และเป็นจีพียูสถาปัตยกรรมเดียวกับที่ใช้ใน PS5/Xbox Series X ด้วย
ชิปในตระกูล Navi 2X จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ตัวคือ Navi 21 รุ่นบนสุด, Navi 22 ตัวรองลงมา และ Navi 23 รุ่นล่างสุด
ชิป Navi 21 สายหลักสำหรับเกมเมอร์ จะแบ่งออกเป็นรุ่นย่อยอีก 4 ตัวตามระดับฟีเจอร์และราคา คือ
Navi 21 XTX เทียบเท่า RX 5700 XT 50th Anniversary
Navi 21 XT เทียบเท่า RX 5700 XT
Navi 21 XL เทียบเท่า RX 5700
Navi 21 XE เทียบเท่า RX 5600 XT
คาดว่า Navi 21 รุ่นบนสุดจะมีจำนวน compute unit (CU) สูงสุด 80 ตัว (ปัจจุบัน RX 5700 XT มี 40 ตัว) และมีจำนวนคอร์ 5120 คอร์ (ปัจจุบันสูงสุด 2560 คอร์)
นอกจากสายหลักแล้ว ยังมี Navi 21 Pro สำหรับตลาดเวิร์คสเตชันอีก 2 ตัว
Navi 21 Pro-XT เทียบเท่า Radeon Pro W5700X
Navi 21 Pro-XL เทียบเท่า Radeon Pro W5700
และรุ่นพิเศษ A สำหรับให้แอปเปิลใช้อย่างเดียวอีก 4 ตัว ที่น่าจะใช้กับ iMac/Mac Pro คือ
Navi 21 XTA สำหรับ iMac/Mac Pro
Navi 21 XLA สำหรับ iMac/Mac Pro
Navi 21 Pro-XTA สำหรับ Mac Pro
Navi 21 Pro-XLA สำหรับ Mac Pro
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลของ Navi 22 และ Navi 23 มากนัก แต่มีข้อมูลของ Navi 10 Refresh ที่เป็นเวอร์ชันอัพเกรดของชิป Navi 10 ในปัจจุบัน (ใช้ใน Radeon RX ซีรีส์ 5600 และ 5700) เพื่อมาจับตลาดล่างลงมา แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าเวอร์ชัน Refresh จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิมบ้าง (เช่น เพิ่มคล็อค)
Navi 10 XT+ มาแทน RX 5700 XT
Navi 10 XM+ มาแทน RX 5600M
Navi 10 XTE+ มาแทน RX 5600 XT
ที่มา - Hardware Leaks, Notebookcheck |
# พบหลักฐานในแอป Messages เผย Google กำลังพัฒนา RCS แบบเข้ารหัส end-to-end
เว็บไซต์ 9to5Google เผยรายละเอียดล่าสุดเกี่ยวกับแอป Messages ของ Google เวอร์ชัน 6.2 ว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนา RCS แบบเข้ารหัส end-to-end
เทคโนโลยี RCS ถูกผลักดันโดย Google มาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยตั้งเป้าหมายจะมาแทน SMS และ MMS พร้อมเพิ่มฟีเจอร์แชทสมัยใหม่เข้าไป แต่ก็ยังมีจุดอ่อนสำคัญคือ RCS ยังคงเป็นแชทไม่เข้ารหัสเหมือนกับ SMS ในขณะที่แอปแชทเข้ารหัสแบบ end-to-end ปัจจุบันมีให้เลือกจำนวนไม่น้อย ทำให้ Google ต้องพยายามหาโซลูชั่นแก้ไขข้อกังวลนี้ให้ได้
จากข้อมูลใน APK ของแอป Messages มีรายเอียดเกี่ยวกับการเข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับ RCS ระบุไว้อย่างชัดเจน ซึ่งระบบ RCS แบบเข้ารหัสจำเป็นต้องใช้ระบบการเชื่อมต่อที่เสถียร แต่หากเกิดเหตุการณ์ระบบเชื่อมต่อไม่เสถียร แอปจะถามว่าต้องการให้ส่งเป็น SMS ไม่เข้ารหัสแทนหรือไม่
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับฟีเจอร์เข้ารหัสของ RCS อย่างเป็นทางการ คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงทดลอง dogfood ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าที่ฟีเจอร์นี้จะพร้อมให้ใช้งานโดยทั่วกัน
ที่มา - 9to5Google
ภาพจาก Google |
# PAC-MAN ฉลองครบ 40 ปี ออกเวอร์ชัน Twitch, Minecraft, เพลงใหม่, เกมตู้ใหม่
Bandai Namco ประกาศฉลอง 40 ปีเกมคลาสสิค PAC-MAN ที่เปิดตัวเวอร์ชันเกมตู้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 1980 ด้วยการจับมือกับพาร์ทเนอร์อื่นๆ ในวงการเกมหลายราย
PAC-MAN Live Studio เกมเวอร์ชันเล่นร่วมกับเพื่อนบน Twitch ได้พร้อมกัน 4 คน แถมสร้างฉากเองได้
เพลงเวอร์ชันฉลอง 40 ปีชื่อ Join the PAC พร้อมมิวสิควิดีโอ และอัลบั้มรวมเพลงประกอบเวอร์ชัน 40 ปี
เกมตู้รุ่นฉลอง 40 ปี ร่วมกับ Arcade1Up ราคา 399 ดอลลาร์
สินค้าร่วมค่ายเดียวกัน Tamagotchi เวอร์ชันลาย PAC-MAN
นำเกม PAC-MAN เวอร์ชันโลโก้กูเกิลปี 2010 (ข่าวเก่า) กลับมาให้เล่นกันอีกครั้ง
PAC-MAN เวอร์ชันฉาก 3 มิติ ในเกม Minecraft
ที่มา - Bandai Namco
มิวสิควิดีโอ Join the PAC
PAC-MAN Live Studio
เกมตู้
Tamagotchi
PAC-MAN Minecraft |
# HPE เตรียมปลดพนักงาน, ลดเงินเดือนผู้บริหาร 25%, ลดค่าใช้จ่าย 1 พันล้านดอลลาร์
Hewlett Packard Enterprise (HPE) ประกาศแผนลดค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่รับมือปัญหาเศรษฐกิจหลัง COVID-19 หลังจากที่ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด รายได้ลดลง 16% และขาดทุน 821 ล้านดอลลาร์
HPE ระบุว่าจะลดเงินเดือนของซีอีโอและทีมบริหารลง 25%, ลดค่าตอบแทนของบอร์ดบริหารลง 25%, ประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทลงให้ได้ 1 พันล้านดอลลาร์ เป็นเวลานาน 3 ปีไปจนถึงปีการเงิน 2022
HPE ยังจะปรับโฟกัสธุรกิจใหม่ทั้งหมด ซึ่งแปลว่าจะมีการปลดพนักงานด้วย โฆษกของ HPE ระบุว่ายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะปลดพนักงานเป็นจำนวนเท่าไร และรายละเอียดน่าจะออกมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เมื่อวานนี้ IBM ในฐานะคู่แข่งของ HPE ก็ประกาศปลดพนักงานเช่นกัน แม้ไม่ได้เปิดเผยตัวเลข แต่ก็มีสื่อรายงานว่าเป็นหลักหลายพันคน
ที่มา - HPE, Fortune, Reuters |
# เกมไพ่ Microsoft Solitaire ฉลองครบรอบ 30 ปี ออกครั้งแรกพร้อม Windows 3.0
เกมไพ่คลาสสิค Microsoft Solitaire ฉลองครบรอบ 30 ปี นับจากออกมาพร้อม Windows 3.0 ในปี 1990 และมีส่วนสำคัญช่วยสอนให้ชาวโลกรู้จักการลากเมาส์ ซึ่งยังเป็นของใหม่ในยุคนั้น
ปัจจุบัน Microsoft Solitaire มีให้เล่นทั้งบน Windows, iOS, Android, Web และในโอกาสฉลอง 30 ปี ไมโครซอฟท์ก็เชิญชวนคนมาเล่น Solitaire พร้อมกันสร้างเป็นสถิติโลก รวมถึงเปิดขายสินค้าที่ระลึกแบรนด์ Solitaire เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีด้วย
ที่มา - Xbox |
# FFXIV แจกฟรีเวอร์ชัน Starter Edition พร้อมเล่นฟรี 30 วัน เฉพาะบน PS4
Square Enix ประกาศแจกเกม Final Fantasy XIV Online เวอร์ชันพื้นฐาน Starter Edition ฟรีแบบจำกัดเวลา (ราคาปกติ 19.99 ดอลลาร์) โดยแจกเฉพาะเวอร์ชัน PS4 จนถึงวันที่ 26 พฤษภาคมนี้
Final Fantasy XIV Online: Starter Edition เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น สามารถเล่นได้ถึงเลเวล 50 และไม่รวมเนื้อหาภาคเสริมอื่นๆ โดยมาพร้อมบริการเล่นออนไลน์ฟรี 30 วันด้วย
Final Fantasy XIV: A Realm Reborn เป็นเวอร์ชันทำใหม่ในปี 2013 หลัง FFXIV เวอร์ชันแรกที่ออกในปี 2010 ล้มเหลว การกลับมารอบนี้ประสบความสำเร็จทั้งในแง่เสียงวิจารณ์และจำนวนผู้เล่น จนออกเนื้อหาภาคเสริมต่อเนื่องมาหลายภาคแล้ว
ที่มา - Gemasu |
# Samsung ตั้งโรงงานผลิตชิป 5nm แบบ made-to-order เพิ่ม สู้ TSMC ที่เป็นเจ้าตลาด
Samsung ตั้งโรงงานผลิตชิปใหม่ในเมือง พย็องแท็ก ทางใต้ของกรุงโซล เพื่อให้เป็นโรงงานสำคัญสำหรับการผลิตชิปขนาด 5 นาโนเมตร โดยใช้เทคโนโลยี Extreme Ultraviolet Lithography หรือ EUV และหวังประชันในตลาดผลิตชิปแบบ made-to-order ที่ TSMC ) ยังคงเป็นครองตลาดอยู่ในปัจจุบัน
Samsung เปิดแผนใช้งบประมาณ 116 พันล้านเหรียญสหรัฐในการพัฒนาสายพานการผลิตชิป ตั้งแต่ปี 2019 จุดมุ่งหมายเพื่อหันมาเป็นคอนแทรคผลิตชิปให้กับ Qualcomm และ Nvidia และประชันกับ TSMC และ Intel ในตลาดนี้
การประกาศสร้างโรงงานเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ประจวบเหมาะกับข่าวสหรัฐออกกฎให้บริษัทที่จะขายชิปให้จีน ต้องขออนุญาตก่อนพอดี ซึ่งกฎนี้อาจกระทบยอดขายของ TSMC ถึงสิบเปอร์เซ็นต์
โรงงานในพย็องแท็ก เป็นโรงงานผลิตชิปแบบ 5nm แห่งที่สองของ Samsung ซึ่งจะเริ่มผลิตในครึ่งหลังของปี 2021 ก่อนหน้านี้ Samsung ตั้งโรงงานอีกที่ในฮวาซ็อง และ Samsung กับ TSMC ต่างก็เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีผลิตชิปแบบ EUV ที่ขับเคี่ยวกันมาระยะหนึ่ง โดย TSMC เหมือนจะเป็นฝ่ายนำอยู่เล็กน้อย แต่ Samsung ก็มีโอกาสขึ้นแซงได้เหมือนกัน หลังสหรัฐอเมริกา ออกกฎที่กระทบรายได้ของ TSMC แบบนี้
ที่มา - Bloomberg
ภาพจาก Shutterstock |
# ไมโครซอฟต์เปิดตัว C# 9.0 เขียนโปรแกรมแบบไม่ต้องมี Main
ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ภาษา C# 9.0 ที่เพิ่มความสะดวกในการพัฒนาหลายอย่าง ฟีเจอร์ที่เพิ่มมามีข้อเล็กน้อยจำนวนมาก แต่ที่ผมเห็นว่าเด่นๆ เช่น top-level programming, positional records, และการปรับปรุง pattern
top-level programming คือการเขียนโปรแกรมโดยไม่ต้องมี class และ function ครอบ Main อีกต่อไป แต่สามารถเขียนโค้ดโดยตรงหลัง using ได้เลย พร้อมกับสามารถเรียกใช้อาร์กิวเมนต์ผ่านตัวแปร args ได้
positional records น่าจะคล้ายๆ กับ named-tuple ในภาษาไพธอน โดยตัวแปรแบบ record สามารถกำหนดลำดับของสมาชิกใน record ได้ ทำให้ เวลาต้องการนำค่าของสมาชิกในคลาสออกมาใช้กับตัวแปรภายนอก สามารถกำหนดค่าแบบ var (f, l) = person; ได้เลย
การปรับปรง pattern ใน C# 9.0 ช่วยให้เขียน switch-case ได้ง่ายขึ้นมาก โดยสามารถกำหนดเงื่อนไขได้ซับซ้อนขึ้น มี and/or/not ในเงื่อนไขได้
ที่มา - Microsoft Dev Blog |
# รีวิว Timelie เกม Puzzle ฝีมือคนไทย “เมื่อเส้นเวลาคืออาวุธ”
ก่อนหน้านี้ Blognone ได้เคยเขียนถึง Timelie มาแล้วเมื่อคราว เกมนี้คว้ารางวัลชนะเลิศ The Imagine Cup 2016 รอบ World Finals สาขาเกม และจากวันนั้นถึงวันนี้ Timelie ได้ออกมาเป็นเกมตัวเต็มที่ให้ผู้เล่นทั่วไปได้เล่นกันแล้วบน Steam
รีวิวนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ Timelie เกม Puzzle สัญชาติไทย ที่ลงตัวทั้งความท้าทายและเกมเพลย์ที่ไม่เหมือนใคร
เส้นเวลาคืออาวุธ
Timelie ผลงานเกมชิ้นแรกของ Urnique Studio เล่าถึงหญิงสาวปริศนาที่ฟื้นขึ้นมาในสถานที่ลึกลับและต้องหลบหนีหาทางออกไปจากที่นี้โดยไม่ให้หุ่นยนต์ที่เฝ้าตรวจตราอยู่จับได้ โดยสิ่งที่ผู้เล่นมีในการพาเธอไปสู่จุดหมายคือ ไทม์ไลน์ หรือ เส้นเวลาของเหตุการณ์ทั้งหมด ที่เราสามารถกรอไปมาย้อนกลับได้แบบเดียวกับที่เราดูวิดีโอ โดยผู้เล่นต้องใช้เส้นเวลานี้ในการไขปริศนา เพื่อช่วยออกคำสั่งให้กับหญิงสาวคนนี้ไปให้ถึงทางออกได้อย่างปลอดภัย
เมื่อเล่นไปสักระยะ จะมี แมว เข้ามาเป็นตัวละครร่วมทางเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัว ซึ่งผู้เล่นต้องบังคับตัวละครทั้งสองตัวเพื่อแก้ปริศนาในบางฉากและพาทั้งคู่ไปให้ถึงจุดหมาย โดยการบังคับหญิงสาวและแมวนั้นจะใช้เส้นเวลาเดียวกัน
เนื้อเรื่องที่เปิดให้คนเล่นได้ตีความ
เกมนี้ไม่ได้มีเส้นเรื่องชัดเจน เรื่องราวจะเล่าผ่านสิ่งต่างๆ ที่ตัวหญิงสาวได้เจอระหว่างทางและสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ในฉากต่างๆ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เลือกตีความได้เองตามจินตนาการและความคิดของแต่ละคน
งานออกแบบสุดลงตัว
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Timelie คืองานออกแบบที่ลงตัวในทุกส่วน ทั้งตัวละครที่ทำออกมาได้อย่างน่ารักจากฝีมือของ DinSai สตูดิโอ Character Design ชื่อดังของไทย ฉากสามมิติที่ให้บรรยากาศลึกลับอันเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ เพลงประกอบที่ชวนน่าค้นหาและติดหูเอามากๆ ทั้งหมดนี้เมื่อนำมารวมกันแล้วทำให้ Timelie มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
สำหรับความยากของ Timelie นั้นถือว่าท้าทายคนเล่นไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับยากจนเกินไป มีบางฉากที่ต้องนั่งคิดและใช้เวลากับมันอยู่ไม่น้อย (ผู้เขียนเล่นจบในเวลา 7 ชั่วโมง)
ถ้าใครเป็นคนที่ชอบเกม Puzzle และมองหาเกมที่มีเกมเพลย์รูปแบบใหม่ๆ Timelie ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวหนึ่ง ด้วยความลงตัวของงานดีไซน์และระยะเวลาที่ไม่ยาวมากแต่ก็ให้ความรู้สึกที่เต็มอิ่มเพลิดเพลินกำลังดี สามารถเล่นจบได้ในช่วงสุดสัปดาห์ รวมถึงได้สนับสนุนผลงานดีๆ จากสตูดิโอเกมสัญชาติไทยอีกด้วย
Timelie วางขายแล้วบน Steam มีให้เล่นบน Windows ราคา 329 บาท (หากซื้อภายใน 28 พฤษภาคม 2020 จะลด 10% เหลือเพียง 296.10 บาท)
ที่มา: Timelie, Timelie: Facebook Fanpage |
# ผู้ใช้ iOS บางส่วน พบปัญหาเปิดแอปไม่ได้ ข้อความเตือน "This app is no longer shared with you"
มีรายงานจากผู้ใช้ iOS บางส่วน พบปัญหาไม่สามารถเปิดแอปที่ใช้งานเป็นประจำได้ตามปกติ โดยขึ้นข้อความเตือนว่า "This app is no longer shared with you" และระบุว่าเพื่อใช้งานแอปนี้ ต้องซื้อแอปจาก App Store จากนั้นก็เด้งไปที่ App Store ในหน้าแอปนั้น และมีตัวเลือกเดียวคือ Open จากนั้นก็วนลูปแบบนี้
คาดว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากระบบตรวจสอบแอปว่าผ่านการซื้อถูกต้องหรือไม่ของแอปเปิล ซึ่งในหน้า System Status ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ระบุว่ามีปัญหาใด ทั้งนี้รายงานปัญหาพบทั้งใน iOS 13.5 เวอร์ชันล่าสุด และเวอร์ชันเก่ากว่านั้น
วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น
สำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้งานแอปนั้น ทางแก้ไขชั่วคราวที่ Apple Support แนะนำ คือ Offload แอปในหน้า Settings > General > iPhone Storage ก่อน เพื่อให้ข้อมูลในแอปไม่ถูกลบทิ้ง จากนั้น reinstall เพื่อลงแอปอีกครั้ง แต่หากรอได้ แนะนำให้รอจนกว่าแอปเปิลจะแก้ไขปัญหานี้ ก็น่าจะเปิดแอปได้ตามปกติโดยไม่ต้องทำอะไร
อัพเดต: Apple Insider คาดว่าปัญหานี้น่าจะเกี่ยวข้องกับบัญชีแบบ Family Sharing อย่างไรก็ตามแอปเปิลยังไม่ออกมายืนยันว่าได้แก้ปัญหานี้ไปแล้ว
ที่มา: 9to5Mac และ MacRumors |
# IBM ยืนยันข่าวปลดพนักงานในสหรัฐ สื่อรายงานจำนวน "หลายพันคน"
IBM ยืนยันข่าวการปลดพนักงานจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ระบุจำนวนแน่ชัด แต่สื่อบางราย เช่น Wall Street Journal และ Bloomberg รายงานว่าเป็นหลัก "หลายพันคน" โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานในสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน IBM มีพนักงานรวมทั้งโลกประมาณ 3.5 แสนคน โฆษกของ IBM ระบุว่าเป็นการปรับตำแหน่งให้เหมาะสมกับเนื้องาน ที่ทำเป็นปกติอยู่แล้ว เพื่อให้บริษัทมีความยืดหยุ่นเพียงพอต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และนอกจากเงินชดเชยตามปกติ บริษัทยังจะให้สิทธิประกันสุขภาพกับพนักงานที่ถูกปลดไปอีก 12 เดือน
การปลดพนักงานรอบนี้ถือเป็นครั้งแรกของซีอีโอคนใหม่ Arvind Krishna ที่เพิ่งมารับตำแหน่งในวันที่ 6 เมษายน
ที่มา - AP, Ars Technica, ภาพจาก IBM Facebook |
# Blazor WebAssembly เขียนเว็บแอพด้วย C# ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ เพราะรันในเบราว์เซอร์เลย
Blazor เป็นเฟรมเวิร์คตัวหนึ่งในตระกูล ASP.NET เอาไว้เขียนเว็บแอพแบบหน้าเดียว (single-page) ด้วย HTML ผสมกับ C# แทนที่จะเป็น JavaScript
จุดเด่นของ Blazor คือใช้ภาษา C# ที่นักพัฒนาสาย .NET คุ้นเคย, ใช้โค้ด C# ทั้งฝั่งไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์, ใช้ไลบรารีของ .NET ได้, มีระบบ UI component ให้พร้อมสรรพ
ก่อนหน้านี้ การทำงานของ Blazor คือต้องรันเซิร์ฟเวอร์ Blazor ที่เป็น .NET ด้วย แต่ล่าสุดในงาน Build 2020 ไมโครซอฟท์เพิ่มวิธีรัน Blazor แบบที่สองคือ Blazor WebAssembly แปลงโค้ดของรันไทม์ .NET เป็น WebAssembly ที่รันในเว็บเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ๆ ได้ทั้งตัว
เมื่อเปิดหน้าเว็บที่เขียนด้วย Blazor ขึ้นมา ตัวรันไทม์ .NET WebAssembly จะถูกดาวน์โหลดมายังเบราว์เซอร์ เริ่มทำงานและประมวลผลหน้าเว็บ Blazor บนเครื่องของผู้ใช้ ทำให้ไม่ต้องใช้เว็บเซิร์ฟเวอร์เลย มันจึงกลายเป็น standalone static site ที่สามารถทำงานออฟไลน์ได้สมบูรณ์ ทำงานได้แบบไม่ต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์ .NET ให้สิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากร เหมาะกับการแจกจ่ายเว็บแอพไปรันในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างจำกัดเรื่องอินเทอร์เน็ต แต่ยังคงฟีเจอร์เท่ากับ Blazor เวอร์ชันที่รันบนเซิร์ฟเวอร์ปกติ
ตัวอย่างหน้าจอเว็บแอพ Blazor ที่รันในเครื่องไคลเอนต์อย่างเดียว
ตัวอย่างโค้ดของ Blazor ที่เขียน HTML ผสมกับ C# เลย
Blazor WebAssembly 3.2.0 ถือว่าเป็นรุ่นใช้งานได้จริงแล้ว ต้องใช้ร่วมกับ .NET Core 3.1 ขึ้นไป
คลิปวิดีโอแนะนำ Blazor WebAssembly
ที่มา - ASP.NET Blog |
# เขียนโค้ดไป คุยกันไป Visual Studio Live Share เพิ่มแชท-โทรในตัว ไม่ต้องใช้แอพอื่น
ไมโครซอฟท์โชว์ฟีเจอร์เขียนโค้ดร่วมกัน Visual Studio Live Share มาตั้งแต่ปี 2017 และเริ่มใช้จริงใน Visual Studio 2019
ฟีเจอร์เขียนโค้ดร่วมกันทำให้ทั้งสองฝั่งเห็นหน้าจอเดียวกัน และเห็นเคอร์เซอร์ของอีกฝ่ายว่าอยู่ตรงไหน กำลังพิมพ์อะไร แต่ยังขาดการสื่อสารระหว่างกัน ทำให้การใช้งานจริงจำเป็นต้องสื่อสารทางอื่น (เช่น โทร แชท คอลล์) พร้อมกันไปด้วย
ล่าสุดในงาน Build 2020 ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มฟีเจอร์แชทและคอลล์เสียงมาให้ Live Share ในตัว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมอื่นเข้าช่วย (ราวกับเป็น Discord) ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานในเร็วๆ นี้
ที่มา - Microsoft
https://devblogs.microsoft.com/visualstudio/wp-content/uploads/sites/4/2020/05/ChatAudioWebNew.mp4 |
# Chrome รองรับ Windows Hello สำหรับการยืนยันตัวตนเมื่อใช้บัตรเครดิตแทน CVC
Chrome ที่มีการจดจำบัตรเครดิตผู้ใช้งานเอาไว้ให้ เพื่อความง่ายเวลาต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิต จะใช้การยืนยันตัวตนความเป็นเจ้าของบัตรเครดิตด้วยการให้กรอกเลข CVC 3 หลักข้างหลังบัตร ล่าสุด Chrome รองรับการใช้ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตนแทนการกรอก CVC แล้ว
ฟีเจอร์นี้อาจจะไม่ใช่ฟีเจอร์ใหม่ เพราะมีคนโพสต์ในฟอรัม Google Support ตั้งแต่เดือนมีนาคม ขณะที่ผมลองเช็ค Chrome ของตัวเองก็พบว่ามีฟีเจอร์นี้แล้ว โดยสามารถเข้าไปเปิดได้ที่ Settings > Payment Methods และเลือกเปิด Windows Hello
ที่มา - XDA |
# Crucible เกมออนไลน์ฟอร์มยักษ์เกมแรกของ Amazon เปิดให้เล่นฟรีบน Steam แล้ว
Crucible เกมออนไลน์เกมแรกของ Amazon เตรียมเปิดให้เล่นฟรี บน Steam แล้ว ตัวเกมหลักๆ เป็นเกมยิงมุมมองบุคคลที่สาม ที่แต่ละตัวละครจะมีสกิลแตกต่างกันไป ส่วนโหมดต่างๆ เป็นการนำโหมดจากหลายๆ เกมมาผสมกัน
โหมด “Heart of the Hives” ที่แบ่งผู้เล่นเป็นทีมละ 4 คน และต้องแย่งชิง “หัวใจ” ของบอสที่เป็นรังมอนสเตอร์ในเกม โดยต้องยิง Hives ไปพร้อมกับสู้กันเอง สู้กับมอนสเตอร์ที่ Hives ปล่อยออกมา และแย่งกันเก็บ Heart of the Hives ที่จะดรอปตอน Hives ตายไปด้วย ทีมไหนได้ 3 ชิ้นก่อนจะเป็นฝ่ายชนะไป
โหมด “Alpha Hunters” แบ่งผู้เล่นเป็นคู่ ทั้งหมดแปดคู่ แล้วให้สู้กันเอง และโหมด “Harvester Command” ที่แบ่งผู้เล่นเป็นสองทีม ทีมละแปดคน แย่งกันยึดและเปิดเครื่อง “essence harvesters” ในแมพ
Amazon จะมีช่วง pre-season ให้ผู้เล่นได้หัดเล่นกันก่อน 8 สัปดาห์ ก่อนเริ่มระบบจัดอันดับ ผู้เล่นในช่วงแรกจะได้รับ 1,000 credits ที่ใช้ซื้อไอเท็มในเกม หรือ Pre-Season Battle Pass ได้ในราคา 950 credits ด้วย
นอกจากนี้ Amazon ยังมีแผนจะเปิดตัวเกม MMORPG อีกเกม ชื่อ New Worlds ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้
ที่มา - Engadget |
# [ลือ] AMD เตรียมเปิดตัว Ryzen 7 3750X และ 3850X โค้ดเนม Mattise Refresh เดือนหน้า
หลังจากปล่อย Ryzen 3 3100 และ 3100X ออกมาเขย่าตลาดซีพียูราคาถูกแล้ว ล่าสุดมีข่าวลือว่า AMD มีแผนจะเปิดตัว Ryzen 7 3750X และ 3850X โค้ดเนม Mattise Refresh (Zen 2 คือ Mattise) วันที่ 16 มิถุนายนและขาย 7 กรกฎาคม
Ryzen 7 3750X และ 3850X ยังคงเป็นสถาปัตยกรรม Zen 2 ขนาด 7 นาโนเมตร แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าคอร์และเธรดเท่าเดิม (8C/16T) แล้วเพิ่มคล็อกสปีด หรือมีการเพิ่มจำนวนคอร์และเธรด (ถ้ามีก็อาจจะเพิ่มให้กับ Ryzen 7 3850X) ซึ่งก็น่าจะเอามาชนกับ Core i7 และ Core i9 ของฝั่ง Intel ที่มีคล็อกสปีดสูงกว่า และแทนที่ตัวเก่าอย่าง Ryzen 7 3700X และ 3800X ไปเลย
ทั้งนี้อย่าลืมว่าข่าวนี้ยังเป็นแค่ข่าวลือที่มาจากผู้ใช้ทวิตเตอร์โนเนม ที่อ้างว่าได้ข้อมูลจากวงใน AMD เท่านั้น
ที่มา - VideoCardz via WCCFTech |
# Alibaba ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมโต 22% แม้ COVID-19 กระทบยอดขายสินค้าบางหมวด
Alibaba รายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคม 2020 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 16,144 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรสุทธิลดลง 88% เป็น 447 ล้านดอลลาร์ โดย Alibaba บอกว่ามาจากบันทึกขาดทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ไปลงทุนไว้ ตามราคาตลาดหุ้นล่าสุด
จำนวนฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 960 ล้านคนทั่วโลก และยอดขายสุทธิ (GMV) ในปีการเงิน 2020 สิ้นสุดมีนาคม 2020 ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก
Alibaba พูดถึงผลกระทบจาก COVID-19 โดยยังสามารถเติบโตได้ดี Tmall มียอดขายสินค้าภาพรวมเพิ่มขึ้น 10% เติบโตจากสินค้า FMCG (สินค้าอุปโภคบริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว) ขณะที่เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์รถยนต์ ลดลง โดยเห็นแนวโน้มกลับมาเติบโตตั้งแต่เดือนเมษายน และเพิ่มขึ้นอีกในเดือนพฤษภาคม
นอกจากนี้ Alibaba ยังบอกว่า COVID-19 ทำให้พฤติกรรมออนไลน์เปลี่ยนไป โดยจำนวนไลฟ์สตรีมขายสินค้า เพิ่มขึ้น 88%, ซูเปอร์มาร์เก็ต Freshippo มียอดขายจากออนไลน์ถึง 60%, แอปประชุม DingTalk มีผู้ใช้งานเฉลี่ย 155 ล้านคนต่อวัน
ที่มา: Alibaba |
# Scott Forstall อดีตหัวหน้าฝ่าย iOS เล่าอดีตตอนสัมภาษณ์งานกับ Steve Jobs ที่ NeXT
Scott Forstall อดีตหัวหน้าฝ่าย iOS ของแอปเปิล ปรากฏตัวในงาน Code Break อีเว้นท์ออนไลน์ที่จัดโดย Code.org โดยได้เล่าถึงความหลังเมื่อครั้งไปสัมภาษณ์งานที่ NeXT Computer บริษัทที่ก่อตั้งโดย Steve Jobs ในช่วงหนึ่งที่ Jobs ออกจากแอปเปิลไป รวมถึงเหตุการณ์สุดประหลาดหลังจาก Forstall ปฏิเสธร่วมงานกับไมโครซอฟท์ในตอนนั้นด้วย
Forstall เล่าว่าก่อนไปสัมภาษณ์งานที่ NeXT Computer เขากำลังชั่งใจว่าจะไปร่วมงานที่ไมโครซอฟท์ดีหรือไม่ และเมื่อถึงวันสัมภาษณ์งานที่ NeXT ก็พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่าง 'เคร่งเครียด' โดยเขาจะต้องเจอกับกรรมการสัมภาษณ์ทั้งสิ้น 17 คนในหนึ่งวัน
แต่หลังจากคุยกับผู้สัมภาษณ์คนแรกไปได้เพียง 10 นาที Jobs ก็บุกมาในห้องสัมภาษณ์เพื่อคุยกับ Forstall เป็นการส่วนตัว Forstall เล่าว่าตัวเขากับ Jobs คุยกันถูกคอในหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องการออกแบบ ปรัชญา และเรื่องอื่นๆ เป็นเวลากว่า 15 นาที จบลงด้วยการที่ Jobs บอกกับเขาว่าจะเสนองานให้ แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ Forstall ยังคงต้องคุยกับกรรมการสัมภาษณ์ที่เหลือจนครบทุกคน และอยากให้แกล้งทำเป็นสนใจในทุกๆ คำถามที่กรรมการถามด้วย ก่อนจากไป Jobs กล่าวทิ้งท้ายว่าเขามั่นใจว่า Forstall จะต้องตอบรับข้อเสนอการทำงานกับ NeXT อย่างแน่นอน
Scott Forstall | ภาพจาก Getty Images
Forstall เล่าว่าในวันเดียวกันนั้นเองเขาจึงบอกปฏิเสธข้อเสนองานกับไมโครซอฟท์ไป และในวันถัดมาก็มีพัสดุมาส่งถึงหน้าบ้าน ในกล่องนั้นมีปลาตายอยู่หนึ่งตัว โดยส่งมาจากที่อยู่ของไมโครซอฟท์
เขาจึงรีบโทรศัพท์ถามคนรู้จักในไมโครซอฟท์ว่าของดังกล่าวมีความหมายว่าอะไร โดยเพื่อนของเขาได้อธิบายให้ฟังว่าเป็นปลาคิงแซลมอนสดที่ส่งมาจากตลาดค้าปลา Pike Place ในซีแอตเทิล มีความหมายว่า Forstall จะไม่มีโอกาสได้กินปลาสดๆ แบบนี้ถ้าเลือกไปทำงานกับ NeXT ที่เบย์ แอเรีย
Forstall เลือกทำงานกับ Jobs ที่ NeXT Computer และต่อมาที่แอปเปิล ก่อนจะลาออกในปี 2013
ที่มา: MacRumors
Scott Forstall , Steve Jobs, Phil Schiller | ภาพจาก Getty Images |
# Xiaomi ไตรมาส 1/2020 รายรับกว่า 220,000 ล้านบาท โตขึ้น 13.6 % แม้เป็นช่วงโควิด
รายงานผลประกอบการ Xiaomi ไตรมาสแรกประจำปี 2020 มีรายรับ 49.7 พันล้านหยวน หรือกว่า 220,000 ล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 13.6 % กำไรสุทธิ 2.3 พันล้านหยวน หรือราวกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ไตรมาสแรกของปี 2020 รายรับ Xiaomi ในกลุ่มสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 30.3 พันล้านหยวน หรือราว 135,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มียอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนถึง 29.2 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้น 4.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านรายรับ Xiaomi ในกลุ่ม IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์อยู่ที่ 13.0 พันล้านหยวน 58,000 ล้านบาท รายรับเพิ่มขึ้น 7.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อ (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์ม IoT ของ Xiaomi เพิ่มขึ้นเป็น 252 ล้านหน่วย (ตัวเลขวันที่ 31 มีนาคม 2020)โดยเพิ่มขึ้น 42.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดการจัดส่งสมาร์ททีวีทั่วโลกของเสียวหมี่ยังคงเพิ่มขึ้น 3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2.7 ล้านเครื่อง
รายรับจากต่างประเทศของเสียวหมี่เพิ่มขึ้น 47.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 24.8 พันล้านหยวน ในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งคิดเป็น 50.0% ของรายรับทั้งหมด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รายรับจากต่างประเทศคิดเป็นครึ่งหนึ่งของรายรับทั้งหมด รายรับจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตของ Xiaomi อยู่ที่ 5.9 พันล้านหยวนในไตรมาสแรกของปี 2020 หรือราว 26,000 ล้านบาทจำนวนผู้ใช้รายเดือนของ MIUI เพิ่มขึ้น 26.7 % เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 330.7 ล้านคน ในขณะที่จำนวนผู้ใช้รายเดือนของ MIUI ในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 111.5 ล้านคน
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# ราชกิจจานุเบกษาประกาศยกเว้นกิจการแทบทุกประเภทไม่ต้องทำตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไปจนถึงมิถุนายน 2021
ราชกิจจานุเบกษาประกาศพ.ร.ฎ.กำหนดหน่วยงานและกิจการที่ไม่ต้องอยู่ใต้บังคับของพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยประกาศบัญชีแนบท้ายประเภทกิจการที่ได้รับยกเว้นมากถึง 22 ประเภทกิจการ ครอบคลุมกิจการแทบทุกประเภท น่าจะส่งผลให้พ.ร.บ.แทบไม่มีผลบังคับกิจการใดๆ
อย่างไรก็ดีพ.ร.ฎ.นี้มีกำหนดอายุบังคับใช้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 เท่านั้น ซึ่งส่งผลให้กิจการส่วนมากจะต้องทำตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป
การออกพ.ร.ฎ.นี้สอดคล้องกับมติครม.เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ระบุให้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลออกไปอีกหนึ่งปี
ที่มา - ราชกิจจานุเบกษา
ภาพโดย Foundry |
# ไม่หวั่นวิกฤต NVIDIA โตสวนกระแสตลาด รายได้เพิ่ม 39% กำไรพุ่ง 133%
NVIDIA ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2021 นับตามปีการเงินของบริษัท (จะนับแปลกๆ หน่อยคือสิ้นสุดไตรมาสวันที่ 26 เมษายน 2020)
ผลลัพธ์ออกมาว่า NVIDIA เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจโลก รายได้เติบโตถึง 39% เป็น 3.08 พันล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิ 917 ล้านดอลลาร์ เติบโต 133% จากเกือบทุกหน่วยธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ธุรกิจจีพียูเกมมิ่ง รายได้ 1.34 พันล้านดอลลาร์ เติบโต 27% จากปีก่อน
ธุรกิจจีพียูศูนย์ข้อมูล รายได้ 1.14 พันล้านดอลลาร์ เติบโต 80% จากปีก่อน และเป็นไตรมาสแรกที่รายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์
ธุรกิจจีพียูสำหรับมืออาชีพ (Quadro) รายได้ 307 ล้านดอลลาร์ เติบโต 15%
ธุรกิจด้านรถยนต์ รายได้ 155 ล้านดอลลาร์ ลดลง 7%
NVIDIA ยังประกาศว่ากระบวนการควบกิจการ Mellanox ที่ซื้อมาในเดือนมีนาคม 2019 เสร็จสมบูรณ์แล้ว และออกสินค้าใหม่คือ NVIDIA EGX A100 จีพียู Ampere พร้อมการ์ดเครือข่ายของ Mellanox (ตามภาพประกอบ)
ที่มา - NVIDIA |
# AIS Play จับมือ VIU ปล่อยซีรีส์ไทยออริจินัล ประเดิมด้วย My Bubble Tea หวานน้อยรัก 100%
Viu จับมือ AIS PLAY ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ปล่อยซีรีส์ไทยออริจินัล 2 เรื่อง คือ My Bubble Tea หวานน้อยรัก 100% และ Voice in the Rain ซึ่งเป็นซีรีส์ภายใต้การผลิตของ Viu Original ลงฉายใน VIU เข้าถึงผู้ชม 16 ประเทศ
ซีรีส์ My Bubble Tea หวานน้อยรัก 100% เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก คอมเมดี้ แฟนตาซี ที่สร้างขึ้นจากนิยายเรื่อง Make Me xxx บนเว็บไซต์ Fictionlog ที่เล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ตกหลุมรักเจ้านายสุดหล่อ เธอได้ปรุงชานมไข่มุกที่มีพลังพิเศษช่วยให้เธอชนะใจเขาได้ แต่เรื่องกลับตาลปัตรเมื่อชายที่เธอไม่ชอบหน้า มาดื่มชาแก้วนี้ไปโดยไม่ตั้งใจก่อนจะตกหลุมรักเธออย่างหัวปักหัวปำ นำแสดงโดย นิชคุณ หรเวชกุล หนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ 2PM และ มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร
My Bubble Tea หวานน้อยรัก 100% ลงฉายใน VIU พร้อมซับไตเติลภาษาอารบิก, ภาษาอังกฤษ, ภาษาอินโดนีเซีย, ภาษามลายู, ภาษาพม่า และภาษาจีน ส่วนเรื่อง Voice in the Rain ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการผลิต
Viu อยู่ภายใต้การบริหารของ PCCW Media Group มีผู้ใช้งานมากกว่า 41.4 ล้านคน โดย Viu และ AIS PLAY ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันครั้งแรกในปี พ.ศ. 2560
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# Agoda เปิดเว็บหางานให้พนักงานที่ออกจากบริษัท มีพนักงานในไทยร่วมโครงการ 64 คน
หลังจากที่ Agoda ปลดพนักงานถึง 1,500 คนทั่วโลกสัปดาห์นี้ วันนี้ทางบริษัทก็ทำเว็บ Agoda Talent Directory เพื่อช่วยเหลือทีมงานออกมาหางานใหม่ โดยเป็นโครงการให้พนักงานเดิมเข้าร่วมได้ตามความสมัครใจ (opt-in)
ตอนนี้มีอดีตพนักงานลงชื่อในเว็บ 148 คน ในจำนวนนี้เป็นพนักงานในไทย 64 คน กระจายหลายแผนกทั้งวิศวกรรม, ฝ่ายดูแลลูกค้า, ฝ่ายบุคคล
แนวทางช่วยเหลืออดีตพนักงานเป็นแนวทางที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ทำกัน เช่น Airbnb และ Uber ก็ทำมาก่อนหน้านี้
ที่มา - Facebook: Agoda |
# ไมโครซอฟท์ออกส่วนขยาย Visual Studio และ VS Code สร้างแอพเพื่อ Microsoft Teams
ไมโครซอฟท์ออกส่วนขยายสำหรับ Visual Studio และ Visual Studio Code เพื่อสร้างแอพให้กับ Microsoft Teams ได้โดยตรง ตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรที่นิยมใช้งาน Teams มากขึ้นเรื่อยๆ และพยายามผนวกแอพในองค์กรให้ใช้ได้จาก Teams โดยไม่ต้องสลับจอ
นักพัฒนาสามารถใช้ส่วนขยายตัวนี้เขียนแอพเพื่อใช้งานในองค์กร และส่งขึ้นแคตาล็อกขององค์กรได้โดยตรง แถมยังเชื่อมกับ Power Apps Studio เพื่อให้คนที่ไม่มีทักษะการเขียนโค้ด สามารถสร้างแอพได้ง่ายๆ เช่นกัน
แอพที่ได้จากส่วนขยายนี้ ยังรองรับ single sign-on ขององค์กรในตัว (ลดอุปสรรคเรื่องการล็อกอิน) และต่อกับ Teams Activity Feed API เพื่อส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ Teams ได้ด้วย
ส่วนขยายสำหรับ VS Code เปิดให้ทดสอบแล้ว ส่วน Visual Studio ตัวเต็มกำลังตามมา
ที่มา - Microsoft |
# Lenovo ไตรมาส 1/2020 โดน COVID-19 จนต้องปิดโรงงานอู่ฮั่น ภาพรวมทั้งปียังดี กำไรเพิ่ม
Lenovo ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2020 รายได้รวมลดลง 9.7% จาก 11.7 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 10.6 พันล้านดอลลาร์ และกำไรก่อนหักภาษีลดจาก 180 ล้านดอลลาร์เหลือ 77 ล้านดอลลาร์ (ลดลงเกินครึ่ง) จากปัจจัยเรื่อง COVID-19 ที่กระทบซัพพลายเชน และธุรกิจโทรศัพท์ที่กระทบหนักเพราะโรงงานที่อู่ฮั่นต้องปิดชั่วคราว
ธุรกิจพีซีที่เป็นรายได้หลักของ Lenovo รายได้ไตรมาสลดลง 4.4% แต่กำไรกลับเพิ่มขึ้น 15% และมียอดเติบโตเหนือค่าเฉลี่ยของตลาด
ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ (แบรนด์ Motorola และ Lenovo) ได้รับผลกระทบหนัก เพราะโรงงานมือถือที่เมืองอู่ฮั่นต้องปิดทำการเกือบทั้งไตรมาส ทำให้รายได้หายไป 46.7% แต่ในไตรมาสล่าสุดนี้ แบรนด์ Motorola ก็เตรียมกลับมายังตลาดเรือธงอีกครั้งด้วย Edge/Edge+
ในขณะที่ธุรกิจศูนย์ข้อมูล รายได้ลดลงเล็กน้อย -3.1% แต่ยังเป็นธุรกิจที่ขาดทุน และอัตราการขาดทุนเพิ่มขึ้น
ตัวเลขรวมตลอดปีการเงิน 2019/2020
ถ้าดูภาพรวมธุรกิจ Lenovo ตลอดทั้งปีการเงิน 2019/2020 (นับตั้งแต่ 1 เมษายน 2019 ถึง 1 มีนาคม 2020) รายได้ทั้งปีลดลงเพียง 1% ส่วนกำไรก่อนหักภาษีกลับเพิ่มขึ้นถึง 19% อันเป็นผลจากยอดขายที่ทำดีสะสมไว้ในไตรมาสก่อนๆ
ธุรกิจพีซีรวมทั้งปียังสามารถเติบโตได้ 4%
ส่วนธุรกิจที่ภาพรวมตกหนักคือธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ที่รายได้ทั้งปีตกลง 19% แต่อัตราขาดทุนก็ลดลงมากด้วย
ธุรกิจศูนย์ข้อมูล ภาพรวมทั้งปีลดลง 8.7% จากยอดขายเซิร์ฟเวอร์กลุ่ม hyperscale ที่ลดลง แต่เซิร์ฟเวอร์กลุ่มอื่นยังสามารถเติบโตได้
ที่มา - Lenovo, Lenovo (PDF), Lenovo (PDF) |
# รีวิว : Lenovo Yoga C640 พับจอได้ 360 องศา, แบตอึดทั้งวัน แทบไม่ต้องพกสายชาร์จ
Yoga คือ Premium Notebook จาก Lenovo ที่เน้นการใช้งานแบบ 2-in-1 พับได้ เป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตในตัวเอง ช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมา Lenovo ออกโน้ตบุ๊กตระกูล Yoga C series ชุดใหญ่ ประกอบด้วย Yoga C940, Yoga C740 และ Yoga C640 คราวนี้ Blognone ได้น้องเล็ก Yoga C640 มารีวิว
Lenovo Yoga C640 มีจุดขายเป็นโน้ตบุ๊กน้ำหนักเบาที่สุดในตระกูล Yoga C series ด้วยน้ำหนัก 1.25 กิโลกรัม อายุแบตเตอรี่ที่ Lenovo ระบุว่าใช้งานได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง มีปากกา Active Pen ในตัว มาพร้อมซีพียู Intel Core 10th Gen ถือเป็นโน้ตบุ๊กพับจอได้รุ่นกลาง ราคาเริ่มต้น 26,990 บาท
รูปลักษณ์ภายนอก และสเปกทางเทคนิค
รูปลักษณ์ภายนอกของ Lenovo Yoga C640 มีขนาดหน้าจอ 13 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080, น้ำหนัก 1.25 กิโลกรัม, ความหนา 16.9 มิลลิเมตร
พอร์ตด้านซ้ายประกอบด้วย ช่องเสียบสายชาร์จ, USB-A 3.1 (Gen 1), ช่องหูฟัง/ไมโครโฟนคอมโบ
ส่วนพอร์ตด้านขวาประกอบด้วย USB-C, USB-A 3.1 (Gen 1) และ ปุ่มพาวเวอร์ และด้วยข้อจำกัดที่ความบางของเครื่องจึงไม่มีช่อง HDMI
สเปกทางเทคนิค
ซีพียู Intel Core 10th Gen Core i5-10210U
ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (ปรับแต่งสูงสุดที่ Windows 10 Pro 64)
แรม 8GB DDR4 2400MHz Onboard
ชิปกราฟิกในตัว Intel HD Graphics 620
SSD แบบ PCIe 256 GB (ปรับแต่งสูงสุดที่ 512 GB)
หน้าจอขนาด 13.3" FHD (1920x1080), IPS, 300 nits (ปรับแต่งได้สูงสุดที่ 400 nits)
กล้องหน้า 720P HD พร้อมไมโครโฟนคู่
แบตเตอรี่ 4 Cell Li-Polymer 60Wh
Wireless 2x2 AC, Bluetooth Version 4.1
ส่วนสเปกเครื่องที่ได้มารีวิวเป็นรุ่น Core i7 10510U
รูปลักษณ์และความประทับใจในการจับถือ
ความประทับใจในการจับถือและใช้งานเบื้องต้น พบว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่เล็กกะทัดรัด กินพื้นที่ในกระเป๋าน้อย ให้ความรู้สึกคล่องตัวสูง และด้วยอายุแบตเตอรี่ยาวนาน ทำให้ไม่ต้องพกสายชาร์จ เพิ่มพื้นที่ในกระเป๋าได้อีกมาก
การที่ Lenovo Yoga C640 พับหน้าจอได้ 360 องศาทำให้ใช้งานได้หลากหลายโหมด ทั้งเป็นโน้ตบุ๊ก, เป็นแท็บเล็ตแนวตั้งไว้จดข้อความและ tent mode หน้าจอดูวิดีโอ เสพสื่อบันเทิงต่างๆ
ตัวเครื่องเป็นวัสดุแบบด้าน ไม่ติดเป็นลายนิ้วมือ ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม เพราะตัวเครื่องสี เทา iron grey
Lenovo Yoga C640 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่ช่วยสับเปลี่ยนจากโหมดโน้ตบุ๊กไปเป็นโหมดแท็บเล็ตอัตโนมัติ
เมื่อพับจอเป็นแท็บเล็ตแล้วพลิกเป็นแนวตั้ง หน้าจอที่เปิดค้างไว้จะ rotate ให้อัตโนมัติ พร้อมกับแสดงปุ่มให้เปลี่ยนเป็นโหมดแท็บเล็ตทันที ป้องกันมือโดนปุ่มคีย์บอร์ดด้านหลัง และในขณะที่ดูคลิปในโหมดโน้ตบุ๊กธรรมดาเมื่อเปลี่ยนเป็นโหมด tent ตัวคลิปก็พลิกกลับมาให้อัตโนมัติด้วย
หน้าจอทัชสกรีนทำหน้าที่ตอบสนองได้ดีเหมือนใช้งานแท็บเล็ตจริงๆ แต่ด้วยน้ำหนักของเครื่อง (1.25 กิโลกรัม) ก็มีข้อจำกัดคือถือเป็นแท็บเล็ตนานๆไม่ไหว แนะนำใช้ Tent Mode
Lenovo Yoga C640 ยังมีฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวสแกนลายนิ้วมือ และม่านชัตเตอร์ปิดกล้อง ยิ่งในยุคนี้ที่การสื่อสารผ่านวิดีโอคอลเป็นช่องทางสำคัญ ชัตเตอร์ปิดหน้ากล้องจึงยิ่งเป็นสิ่งขาดไม่ได้
Blognone ทดสอบการเข้าใช้งานเครื่องด้วยการสแกนนิ้ว พบว่าสแกนได้ไวเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ถือเป็นทางเลือกการเข้าใช้งานเครื่องนอกเหนือจากการกรอกรหัส pin และการสแกนใบหน้าผ่าน Windows Hello
Lenovo Yoga C640 มาพร้อมลำโพงคู่ที่ใช้ระบบเสียง Dolby Atmos ขนาบสองข้างของแป้นคีย์บอร์ด ให้เสียงดังกังวาน
คุณภาพหน้าจอให้ความสว่างสูงสุด 300nits แม้อยู่ในที่สว่างหรือมีหลอดไฟ ก็ให้ภาพที่มองเห็นชัด ลดการสะท้อน ให้ประสบการณ์รับชมภาพยนต์ ดูวิดีโอ YouTube และ Netflix บน Lenovo Yoga C640 ต้องยอมรับว่าทำได้ดีทีเดียว
Lenovo Yoga C640 มี Lenovo Active Pen มาด้วยในตัว ไม่ต้องซื้อเพิ่ม มีปุ่มกดบนล่าง รองรับการจดใช้งานพื้นฐานได้ดี รองรับแรงกด 2,048 ระดับ
ตัวเครื่องมีซอฟต์แวร์จัดการปากกามาให้ด้วยคือ ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าปุ่มบนล่างให้ตัวเองใช้งานได้สะดวก เช่น Feature Erase สำหรับลบข้อความ หรือ รูปที่ไม่ต้องการ แต่ไม่มีช่องเสียบปากกามาให้ ผู้ใช้งานต้องพกในกระเป๋าเอง และระหว่างใช้ปากกา สามารถนำไปติดตรงพื้นที่ด้านขวาหรือซ้ายล่างของตัวเครื่องได้ เพราะมีแม่เหล็กติดอยู่
แบตอึด ลืมสายชาร์จไปได้เลย
Blognone ไม่ได้ทดลองใช้งานหนักหรือใช้งานแบบ multi task หรือรันโปรแกรมหนักๆ แต่จากที่ลองเปิดคลิปวิดีโอ ดันความสว่างหน้าจอสูงสุด ดันความสว่างแป้นคีย์บอร์ดสูงสุด เปิดคลิปวิดีโอสลับกับทำงานเอกสารพื้นฐาน พบว่าใช้งานได้ยาวนานทั้งวัน และที่สำคัญคือ เครื่องไม่ร้อนอย่างที่คิด
สรุป
Lenovo Yoga C640 ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของผู้ใช้งาน ที่ต้องการมีโน้ตบุ๊กแบบ 2-in1 ที่ประสิทธิภาพการใช้งานรองรับการทำงานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เล่นเน็ต ตลอดจนเสพความบันเทิง ไปจนถึงการวาดภาพ ตัวเครื่องสามารถทำงานท้งหมดนี้ได้โดยไม่เกิดอาการติดขัดใดๆ
Lenovo Yoga C640 ราคาเริ่มต้นที่ 26,990 บาท เข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่FB : Lenovo Thailand และหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ |
# ตามมาอีกราย กองทุน KKR ประกาศซื้อหุ้น Jio Plarforms ของอินเดีย 1.5 พันล้านดอลลาร์
กลายเป็นบริษัทมาแรงของโลกตอนนี้ โดยล่าสุด Jio Plarforms ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออันดับหนึ่งของอินเดีย ประกาศขายหุ้นบริษัท 2.32% ให้กับกองทุนรายใหญ่ KKR เป็นมูลค่าถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ ทำให้ KKR เป็นบริษัทใหญ่ลำดับที่ 5 ที่เข้ามาถือหุ้น Jio Platform ต่อจาก Facebook, กองทุน Silver Lake, Vista Equity Partners และ General Atlantic ที่มูลค่ากิจการ 65,000 ล้านดอลลาร์
ผู้ก่อตั้งกองทุน KKR กล่าวว่า มีบริษัทไม่กี่แห่งที่มีศักยภาพจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดิจิทัลในระดับประเทศได้ แบบที่ Jio กำลังทำในอินเดีย และอาจทำได้ถึงในระดับโลก
จากดีลในช่วงประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ Jio ได้เงินเพิ่มทุนไปแล้วมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จากการขายหุ้นไปราว 17%
ที่มา: TechCrunch |
# LINE ประกาศปิดฟีเจอร์แสดงการติดตามให้ทุกคนในไทยภายในวันนี้
หลังจากทาง LINE ได้เปิดฟีเจอร์ Explore และผู้ใช้จำนวนมากพบว่าส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ที่เปิดขึ้นมาด้วยคือการแสดงการติดตามบัญชีทางการ (official account) ทั้งหมด จนหลายคนกังวลกับความเป็นส่วนตัวในการใช้ LINE เมื่อวานนี้ทาง LINE ก็ออกมาประกาศว่าจะปิดฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้ทุกคนภายในวันนี้
ผู้ใช้ยังคงปิดฟีเจอร์ได้ด้วยตัวเอง แต่หากยังไม่ปิด หลังจากวันนี้ไปเราก็น่าจะกดดูการติดตามของผู้ใช้อื่นไม่ได้แล้ว
ช่วงเวลาที่เปิดฟีเจอร์ Explore นี้มีหลายคนรายงานว่าฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้นเฉพาะผู้ใช้ในประเทศไทยเท่านั้น โดยผู้ใช้ประเทศอื่นๆ อย่างญี่ปุ่นกลับเป็นเพียงเมนูให้เลือกเปิดเฉยๆ เท่านั้น ไม่ได้เปิดเป็นค่าเริ่มต้นแต่อย่างใด
ที่มา - Facebook: LINE Thailand |
# LINE อัพเดตให้ปรับแต่งแท็บในหน้าโฮม เลือกที่ใช้งานประจำขึ้นมาได้
ในระยะหลัง LINE เพิ่มฟังก์ชันและบริการภายในแอปเข้ามามากมาย ("เป็นทุกอย่างนอกจากแอปแชทที่ดี") ล่าสุด LINE อัพเดตให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งแท็บหน้าโฮม บสามารถเลือกฟังก์ชันหรือบริการที่ใช้งานประจำ ขึ้นมาไว้ที่บริเวณพื้นที่ใต้โปรไฟล์ผู้ใช้งานแล้ว
เดิมแถบใต้โปรไฟล์ผู้ใช้ในหน้าโฮมจะมีแท็บ Friends, Official Account, Services, Sticker และ Theme แต่แบบใหม่จะเปลี่ยนเป็นแนวตั้ง ไล่ไปตั้งแต่ Favourite, OpenChat Request List, Group, Friends และ Services ซึ่ง Services เปิดให้ผู้ใช้เลือกบริการที่ใช้ประจำขึ้นมาปักไว้ในพื้นที่ตรงนี้ได้สูงสุด 8 บริการ โดยแท็บ OpenChat, Sticker และ Theme จะย้ายมาอยู่ใต้ Services ส่วน Official Account จะอยู่ในแท็บ Friends
ที่มา - LINE |
# มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กคาดภายในปี 2030 พนักงานครึ่งหนึ่งทำงานที่ไหนก็ได้, เตรียมจ้างงานคนอยู่ไกลจากสำนักงาน
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวในวิดีโอคอลคุยกับพนักงาน เผยยุทธศาสตร์ใหม่ของ Facebook คือก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ให้พนักงานทำงานแบบ remotely โดยภายในปี 2030 คาดการณ์ว่า 50% ของพนักงานจะสามารถทำงานที่ไหนก็ได้แบบถาวร ไม่ต้องเข้ามาที่สำนักงานใหญ่
ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า จะมีการคิดใหม่ทั้งการจ้างงานที่เดิมที Facebook มักจะจ้างงานคนที่อยู่ในละแวกใกล้กับสำนักงาน จากนี้ไป ก็จะจ้างงานคนที่อยู่ไกลได้ การทำบริษัทให้เป็น remotely จะช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งค่าเช่าที่ของบริษัท และค่าเดินทางกินอยู่ของพนักงานที่ต้องอาศัยในพื้นที่ใกล้ออฟฟิศด้วย โดยการจ้างคนทำงานแบบ remotely จะเริ่มขึ้นในสหรัฐฯ ก่อนจะค่อยๆไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากสำนักงาน Facebook ในสาขาต่างๆ
จนถึงตอนนี้ Facebook อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ยาวๆ ถึงสิ้นปี 2020 เช่นกันกับกูเกิล และซักเคอร์เบิร์ก คาดตัวเลขคนทำงานที่จะเข้ามาทำงานได้ในช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นปีมีเพียง 25% เท่านั้น ส่วนทวิตเตอร์ และ Coinbase นั้นประกาศตัวเป็นบริษัทที่ให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้อย่างถาวร
Facebook เองก็ขยับและปรับตัวมากขึ้นในช่วงที่คนส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ทำงานที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว Messenger Rooms, กรองข้อมูลปลอมเรื่อง COVID-19, เครื่องมือสื่อสารองค์กร Workplace ของ Facebook ก็ผู้ใช้บริการ 5 ล้านราย เพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านรายในเดือนตุลาคม
งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยชิคาโกคาดว่าจะมีงานในสหรัฐ 37% สามารถทำที่อื่นนอกเหนือจากออฟฟิศได้ ยิ่งถ้าดูงานในแต่ละพื้นที่อย่าง ซิลิคอนวัลเล่ย์ และซานฟรานซิสโก ตัวเลขก็จะสูงขึ้น 51% และ 45% ตามลำดับ แต่ในความเป็นจริงตามข้อมูลจากสถิติแรงงานมีประชากร 2% ในสหรัฐที่ทำงานที่บ้านเป็นประจำ
ที่มา - NBC News, The Verge |
# รักแท้ไม่แพ้ระยะทาง Tinder เตรียมเปิด Global Mode ไม่ล็อกสถานที่ ปัดขวาได้ทั่วโลก
Tinder ประกาศว่าเตรียมจะทดสอบโหมด Global ที่จะปลดล็อกการปักหมุดสถานที่ของผู้ใช้งาน ให้โปรไฟล์ไปปรากฎกับผู้ใช้ทั่วโลก (เดาว่าน่าจะเจอกับคนที่เปิดโหมดนี้เช่นกัน) ซึ่งแตกต่างจากฟีเจอร์ Passport ที่ให้เราเลือกจะไปปักหมุดอยู่ที่สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง
Global Mode เบื้องต้นจะเป็นโหมดฟรีและจะเริ่มทดสอบในสัปดาห์หน้า โดยนอกจาก Global Mode แล้ว Tinder ยังมีแผนเปิดใช้งานวิดีโอคอลภายในแอปด้วย ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้น่าจะสะท้อนมุมมองของ Tinder ในการค้นหาความสัมพันธ์โดยเฉพาะช่วงโรคระบาดว่า ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่สถานที่ที่ตัวเองอยู่เท่านั้น
ที่มา - The Verge |
# เจาะยุทธศาสตร์ไมโครซอฟท์ปี 2020 - Satya มองสายผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างไร
ไมโครซอฟท์ในยุค Satya Nadella มีทิศทางที่น่าสนใจอย่างมาก เราจะเห็นว่าไมโครซอฟท์ยุคหลังมานี้ มีจำนวนผลิตภัณฑ์ สินค้า บริการ เพิ่มขึ้นมากมาย ทั้งที่สร้างเอง (เช่น Teams, VS Code, Azure) และซื้อกิจการเข้ามา (Xamarin, GitHub, Minecraft) ถ้านับจำนวนทั้งหมดคงเป็นหลักหลายร้อย
คำถามที่น่าสนใจคือ ไมโครซอฟท์ "มอง" โครงสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างไร เห็นความเชื่อมต่อและความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของบริษัทอย่างไร
คำตอบอยู่ในการนำเสนอของ Satya Nadella ในงานใหญ่ประจำปีของบริษัทคือ Build (ที่ปีนี้เปลี่ยนมาจัดเป็นงานออนไลน์)
Satya Nadella เริ่มการนำเสนอของเขาโดยแสดงถึง "ภาพรวม" ของบริษัทที่มองลงมาจากจุดบนสุด (ในที่นี้คือซีอีโอ)
จากแผนภาพของเขาจะเห็นไมโครซอฟท์มองโลกคอมพิวเตอร์เป็น Intelligent Cloud และ Intelligent Edge โดยผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ
Microsoft 365 ชื่อเรียกรวมของ Windows + Office ที่เพิ่งรีแบรนด์ไปเมื่อเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่าไมโครซอฟท์มองก้อน Windows + Office เป็นเรื่องเดียวกันแล้ว (สมัยก่อนอยู่คนละหน่วยงานกัน)
Dynamics 365 กลุ่มซอฟต์แวร์ฝั่งธุรกิจ ERP/CRM และซอฟต์แวร์เฉพาะอุตสาหกรรม
Azure โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์, เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา (Visual Studio อยู่ในกลุ่มนี้), บริการด้าน AI
GitHub และ Power Platform ในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนามืออาชีพ (GitHub) และแอพธุรกิจ (Power)
Trust และ Security บริการด้านความปลอดภัย และนโยบายด้านความเป็นส่วนตัว
ในภาพข้างต้นอาจยังสะท้อนสายผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ไม่ครบถ้วน 100% เพราะยังขาดบริการด้านความบันเทิง (Gaming และ Xbox) อาจเป็นเพราะงาน Build เน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มนักพัฒนาเป็นหลัก แต่ในงาน Build 2019 ปีที่แล้ว ก็มีแผนผังของ Gaming เข้ามาเช่นกัน
ในคลิปปี 2020 Satya ยังได้โชว์แผนผังของผลิตภัณฑ์แต่ละกลุ่มให้ดูรายละเอียดลงลึกอีกขั้น เริ่มจาก Microsoft 365 ที่แม้แผนผังนี้ไม่ได้สะท้อนโครงสร้างทั้งหมด (เน้นเฉพาะผลิตภัณฑ์ใหม่ปีนี้) แต่ก็ช่วยให้เราเข้าใจวิธีคิดของไมโครซอฟท์ว่า ไม่ได้มอง Windows เป็นศูนย์กลางของจักรวาลอีกต่อไปแล้ว (เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มทั้ง 4)
แกนกลางของ Microsoft 365 กลับเป็นเลเยอร์ของข้อมูล (Microsoft Graph) ที่ซ้อนขึ้นมาด้วยชิ้นส่วนสำคัญอย่าง Fluid Framework และแอพพลิเคชันข้ามแพลตฟอร์มคือ Office + Teams
กลุ่มของ Azure จากแผนภาพจะเห็นการแยกชั้นอย่างชัดเจน ระหว่าง
Infrastructure
Data Platform
AI
และการทำงานที่ข้ามกันระหว่าง Cloud กับ Edge
กลุ่ม Dynamics 365 ไม่ได้นำเสนอในงาน Build (เพราะเน้นสำหรับลูกค้าธุรกิจ ที่คนละกลุ่มกับ Build) แต่ในงาน Microsoft Ignite 2019 ช่วงปลายปีที่แล้วซึ่งเป็นงานสำหรับลูกค้าธุรกิจ ก็มีแผนภาพโครงสร้างไอเดียของ Dynamics ว่าหลักคิดคืออะไร
กลุ่ม Power ประกาศตัวชัดเจนว่าต้องการจับตลาดผู้สร้างแอพธุรกิจ ที่อาจไม่ใช่นักพัฒนาเต็มขั้น แต่มีจำนวนเยอะกว่ากันมาก กลุ่มคนที่ต้องการแอพง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อนมากนัก แต่เน้นเรื่อง workflow ในธุรกิจและการทำ automation ชนิดต่างๆ
คนที่ติตตามข่าวไมโครซอฟท์คงคุ้นกับชื่อ Power BI, Power Apps, Power Automate, Power Virtual Agents กันมาบ้าง และคงมีบริการอื่นๆ ภายใต้ชื่อ Power งอกตามมาอีกในอนาคต
สุดท้ายคือกลุ่ม Trust ที่พูดถึงในงาน Ignite 2019 เช่นกัน ตรงนี้อาจไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ชัดๆ แต่ครอบคลุมถึงนโยบายของบริษัทในเรื่องความเป็นส่วนตัว (privacy), จริยธรรม AI และผลิตภัณฑ์ตระกูลความปลอดภัยอีกชุดใหญ่
ภาพรวมของไมโครซอฟท์ในปี 2020 เราจะเห็นการควบรวมของสายผลิตภัณฑ์บางตัวเข้าด้วยกันอย่างชัดเจน เช่น Windows + Office, Azure ที่รวมเรื่องเซิร์ฟเวอร์และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเข้าด้วยกัน ในขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นสายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง Power ที่เริ่มเติบโตขึ้นด้วย |
# วิศวกรของ Huawei ส่งแพตช์เข้าเคอร์เนลลินุกซ์ แต่กลับสร้างช่องโหว่ใหม่เสียเอง
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เว็บไซต์ AndroidRookies รายงานว่า วิศวกรคนหนึ่งของ Huawei ได้ส่งแพตช์ความปลอดภัย ชื่อ HKSP (Huawei Kernel Self Protection) เข้าไปเคอร์เนลลินุกซ์ โดยแพตช์นี้จะแนะนำตัวเลือกชุดเครื่องมือเสริมความปลอดภัยให้แก่เคอร์เนลของลินุกซ์
ซึ่งต่อมา ทาง Grsecurity ได้ตรวจพบช่องโหว่ในแพตช์ HKSP และได้เผยแพร่รายละเอียดออกมาบนบล็อกของตัวเอง ซึ่งแพตช์ HKSP ก่อให้เกิดช่องโหว่ buffer overflow ที่ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์ปกติอาจจะรันโค้ดในเคอร์เนลได้ โดยทาง Grsecurity ระบุว่าช่องโหว่นี้เจาะได้ง่ายมาก
หลังจากนั้น ทาง Huawei ได้ออกมาตอบโต้พร้อมปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ HKSP และในผลิตภัณฑ์ของบริษัทไม่ได้มีโค้ด HKSP
ที่มา : AndroidRookies |
# Google Maps อัปเดตใหม่ เน้นสถานที่ที่วีลแชร์เข้าถึงได้
นอกจากชุดแอปเพื่อผู้พิการแล้ว ในวันตระหนักถึงผู้พิการโลก กูเกิลยังอัปเดต Google Maps ให้ผู้ใช้งานหาสถานที่ที่วีลแชร์เข้าถึงได้ง่าย โดยแอปจะไฮไลต์สถานที่นั้นๆ ให้ เริ่มจากเข้าเมนูตั้งค่า มองหา Accessibility และเปิดโหมด Accessible Places ก็ใช้งานได้
เมื่อเปิดโหมดแล้ว เวลาค้นหาสถานที่ต่างๆ จะมีไอคอนวีลแชร์ปรากฏที่หลังชื่อสถานที่ทันทีแสดงให้รู้ว่าสถานที่นั้นๆ วีลแชร์สามารถเข้าถึงได้ เมื่อกดเข้าไปจะเห็นว่าวีลแชร์สามารถเข้าถึงได้จุดไหนบ้าง เช่นลานจอดรถ ห้องน้ำ เป็นต้น ฟีเจอร์ Accessible Places เริ่มเปิดใช้งานในบางประเทศ มีสหรัฐฯ, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย
ที่มา - Google Blog |
# กูเกิลปล่อยชุดแอปแอนดรอยด์เพื่อผู้พิการ Action Blocks, แปลงคำพูดเป็นอักษร, ขยายเสียงให้ดังชัดขึ้น
เนื่องด้วยวันที่ 21 พ.ค. เป็นวัน Global Accessibility Awareness Day หรือวันตระหนักถึงผู้พิการโลก กูเกิลจึงอัพเดตฟีเจอร์การใช้งานและปล่อยแอปพลิเคชั่นใหม่บนแอนดรอยด์ที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงการใช้งานเทคโนโลยีได้ดีขึ้น ดังนี้
Action Blocks แอปพลิเคชั่นบนแอนดรอยด์เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วบน Google Play เป็นฟีเจอร์ที่กูเกิลทดสอบไปก่อนหน้านี้ ผู้ใช้งานสามารถกดที่ไอคอนรูปเพียงแค่ครั้งเดียวเพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นที่ต้องการ เป็นฟีเจอร์ช่วยผู้มีปัญหาทางการรับรู้ ในการใช้งาน ผู้ดูแลผู้พิการต้องเข้าไปตั้งค่าที่แอป ใช้ Google Assistant รับคำสั่ง จากนั้นทำเป็นรูปภาพเพื่อให้กดที่รูปครั้งเดียวแล้วเข้าใช้งานได้ เช่น กดที่รูป 1 เพื่อโทรหาลูกสาว, กดที่รูป 2 เพื่อเล่นวิดีโอ เป็นต้น
Live Transcribe ฟีเจอร์แปลงคำพูดให้กลายเป็นตัวหนังสือบนสมาร์ทโฟนโดยใช้ Speech Recognition เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยิน เปิดตัวในปี 2019 สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้แล้วบนแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไป จากเดิมที่เป็นแอปพรีโหลดใน Pixel เท่านั้น โดย Live Transcribe มีเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ คือ
โทรศัพท์จะสั่นเมื่อมีคนที่อยู่ใกล้ๆ เรียกชื่อผู้ใช้งาน เพื่อผู้ใช้จะได้รู้ว่ามีคนกำลังคุยด้วยในกรณีที่ตัวเองหันมองไปทางอื่น
เพิ่มชื่อหรือคำที่กำหนดเอง แบบที่เราเข้าใจเอง หรือเป็นคำที่ไม่ปรากฏในพจนานุกรม
Saving Transcriptions ย้อนดูประวัติการใช้งานได้ ข้อมูลจะเก็บไว้ในเครื่อง 3 วัน
ขยายภาษาครอบคลุม 70 ภาษา เช่น แอลเบเนีย, เมียนมาร์, เอสโตเนีย, มาซิโดเนีย, มองโกเลีย, ปัญจาบ และอุซเบก
Sound Amplifier แอปพลิเคชั่นช่วยให้เสียงที่อยู่รอบตัวดังชัดขึ้น สำหรับผู้มีปัญหาทางการได้ยิน ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดแอปและเชื่อมการใช้งานกับหูฟังบลูทูธหรือแบบมีสายเพื่อช่วยขยายเสียงที่ฟังผ่านอุปกรณ์ หรือใช้โหมดขยายเสียงที่อยู่รอบๆ กรณีกำลังดูหนังบนทีวีก็ได้ ดาวน์โหลดแอปได้บนอุปกรณ์แอนดรอยด์ 6.0 ขึ้นไป
ที่มา - Google Blog |
# Facebook Workplace มีผู้ใช้เสียเงินถึง 5 ล้านรายแล้ว, เปิดตัว Rooms วิดีโอคอลที่รองรับผู้ใช้งานสูงสุด 50 คน
Facebook ประกาศอัพเดตล่าสุดเกี่ยวกับ Workplace บริการ Facebook สำหรับใช้งานในองค์กรว่า ตอนนี้ Workplace มีผู้ใช้งานแบบเสียเงินถึง 5 ล้านรายแล้ว พร้อมกับเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในชื่อว่า Workplace Rooms ระบบวิดีโอคอลสำหรับประชุมทางไกลที่รองรับผู้ใช้งานสูงสุดถึง 50 คน
วิธีใช้งาน Workplace Rooms คือผู้ใช้สามารถเริ่มวิดีโอคอลผ่าน Workplace Chat, Groups, News Feed หรือ Portal ก็ได้ และแชร์ลิงก์เข้าร่วมผ่านแชท, โพสต์, อีเมล หรือข้อความให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในบริษัทสามารถใช้งานได้ด้วย รวมถึงมีระบบแชร์หน้าจอ และล็อกห้องไม่ให้คนอื่นมาเข้าร่วมเพื่อป้องกันเหตุการณ์คนอื่นแอบเข้าไปในห้องเหมือนกับ Zoom ที่มีศัพท์เรียกว่า Zoomboombing
Facebook ระบุว่า Workplace Rooms ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Messenger Rooms บริการลักษณะเดียวกันจากแอป Messenger แต่ปรับให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานในองค์กร
นอกจาก Workplace Rooms แล้ว Facebook ยังเปิดตัวฟีเจอร์ Live ผ่าน Workplace ด้วย ซึ่งฟีเจอร์ Live นี้จะเน้นไว้สำหรับจัดอีเว้นท์ภายในองค์กรโดยไลฟ์สตรีมผ่านคอมพิวเตอร์ รวมถึงฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่างเช่นการแชร์หน้าจอ, ถามตอบ, ทำโพล หรือแคปชั่น เป็นต้น
Facebook ระบุว่าฟีเจอร์ทั้งหมดจะปล่อยให้ผู้ใช้ Workplace ได้ใช้งานกันในเดือนมิถุนายน โดย Workplace Rooms จะปล่อยฟรีให้ผู้ใช้ Workplace ทั้งหมดจนถึงเดือนธันวาคมปีนี้
ที่มา - Facebook Workplace
ภาพจาก Facebook |
# Valorant เตรียมเปิดให้บริการทั่วโลกวันที่ 2 มิถุนายนนี้
หลังจากให้บริการโคลสเบต้ามาตั้งแต่ 7 เมษายน Riot Games ประกาศแล้วว่าตัวเกมจะเปิดให้บริการจริงในหลายประเทศทั่วโลก วันที่ 2 มิถุนายนนี้บนพีซี และเบต้าจะให้บริการถึงวันที่ 28 พฤษภาคม
Riot ระบุว่าผู้เล่นที่ได้เล่นเบต้าจะถูกรีเซ็ตและเริ่มใหม่ทั้งหมด โดยทางทีมพัฒนามีแผนจะเพิ่มโหมด เพิ่มตัวละครและเพิ่มแผนที่ตามมาไม่นานหลังเปิดให้บริการด้วย
ทั้งนี้ Valorant มีเพจออฟฟิเชียลในไทยบนเฟซบุ๊กด้วย
ที่มา - The Verge |
# Expedia รายได้ลดลง 15%, ยอดจองห้องพักลด 14%, ระดมเงินเพิ่ม 4 พันล้านดอลลาร์
Expedia Group บริการจองตั๋วเครื่องบิน-ที่พักรายใหญ่อีกราย เจ้าของแบรนด์ Expedia, Hotels.com, Trivago, Travelocity, Orbitz แถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2020 ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ตามความคาดหมาย
มูลค่าการจองตั๋ว-ที่พักทั้งหมด (gross bookings) เหลือ 17,885 ล้านดอลลาร์ ลดลง 39%
จำนวนห้องพักที่จอง (นับเป็นคืน) ลดลง 14% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
รายได้รวม 2,209 ล้านดอลลาร์ ลดลง 15%
ขาดทุนจากการดำเนินงาน 1,294 ล้านดอลลาร์ ขาดทุนเพิ่มขึ้น 888% จากปีก่อน
ขาดทุนสุทธิ 1,301 ล้านดอลลาร์
ถ้าแยกกลุ่มตามประเภทรายได้ กลุ่มที่กระทบหนักที่สุดคือจองตั๋วเครื่องบิน รายได้ลดลงถึง 56% แต่รายได้จากตั๋วเครื่องบินมีสัดส่วนแค่เพียง 5% ของรายได้ Expedia ทั้งหมด, ส่วนรายได้จากการจองที่พักลดลง 10% โดยเป็นรายได้ก้อนใหญ่คิดเป็นสัดส่วน 69% ของบริษัท
Expedia ระบุว่าหาเงินทุนเพิ่มอีก 3,950 ล้านดอลลาร์เพื่อให้การเงินคล่องตัวระหว่างรออุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยแบ่งเป็นเงินลงทุน 1,200 ล้านดอลลาร์จากบริษัทลงทุน Apollo Global Management และ Silver Lake กับเงินกู้อีก 2,750 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้บริษัทยังมีมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มเติม นอกเหนือจากการปรับลดพนักงาน พักงาน ลดเวลาการทำงาน และลดเงินเดือนที่ประกาศไปก่อนหน้านี้
สถานการณ์ของบริษัทสายท่องเที่ยวรายอื่นๆ ไม่แตกต่างกันมากนัก โดย Booking Holdings คู่แข่งสำคัญของ Expedia เพิ่งประกาศผลประกอบการไปก่อนหน้านี้ โดยรายได้ลดไป 19% ส่งผลให้บริษัทลูกในเครืออย่าง Agoda ต้องปลดพนักงานเป็นจำนวนมาก
ตัวอย่างแบรนด์ในสังกัด Expedia Group (บางส่วน)
ที่มา - Expedia Group (PDF) |
# HPE ไตรมาสล่าสุด ผลจาก COVID-19 กระทบรายได้
HPE (Hewlett Packard Enterprise) รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (กุมภาพันธ์ - เมษายน) รายได้รวม 6,009 ล้านดอลลาร์ ลดลง 16% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 821 ล้านดอลลาร์
HPE ระบุว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลประกอบการไตรมาส มาจากปัญหาโรคระบาดในช่วงที่ผ่านมา กระทบกับซัพพลายเชน ตลอดจนลูกค้าชะลอการรับสินค้า นอกจากนี้ซีอีโอ Antonio Neri บอกว่าผลกระทบดังกล่าวเริ่มเห็นตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตามในช่วงปลายเดือนเมษายน สถานการณ์ก็ดีขึ้น
รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจเป็นดังนี้ Compute ซึ่งเป็นรายได้หลักของ HPE ลดลง 19% ส่วนธุรกิจใหม่ที่ HPE โฟกัสอย่าง Intelligent Edge รายได้ลดลง 2% และกลุ่ม HPC (High Performance Compute) รายได้ลดลง 18%
ที่มา: HPE |
# มาตามนัด Civilization VI แจกฟรีบน Epic Games Store ถึงวันที่ 28 พ.ค.
ตรงตามข่าวหลุดก่อนหน้านี้ ถัดจากคิวของ GTA V เกมฟอร์มยักษ์ที่สองที่ Epic Games Store แจกฟรีคือ Civilization VI เกมวางแผนสร้างอารยธรรมยอดนิยม
เกมเวอร์ชันที่แจกฟรีเป็น Civilization VI ภาคหลัก หากต้องการภาคเสริมทั้งสองภาคคือ Rise and Fall และ Gathering Storm รวมถึงเนื้อหา DLC อื่นๆ สามารถอัพเกรดเป็น Platinum Edition ได้ในราคา 29.99 ดอลลาร์
Civilization VI แจกฟรีถึงวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ เกมถัดไปในคิวตามข่าวลือคือ Borderlands: The Handsome Collection ที่เป็นการรวมสองภาค Borderlands 2 กับ Pre-Sequel เข้ามาเป็นชุดเดียวกัน
ที่มา - Epic Games |
# Netflix เตรียมยกเลิกการสมัครสมาชิกอัตโนมัติ ถ้าลูกค้าไม่รับชมอะไรเลยเกิน 1 ปี
ถือเป็นการประกาศที่ดูแปลกสักหน่อยถ้ามองในมุมธุรกิจ โดย Netflix ประกาศว่าจะเริ่มแจ้งลูกค้า ที่เริ่มสมัครใช้งาน Netflix แล้วไม่ได้รับชมคอนเทนต์ใด ๆ เลย เป็นเวลา 1 ปี เพื่อยืนยันว่าจะต้องการสมัครใช้งานต่อหรือไม่ และหากไม่ตอบกลับใด ๆ Netflix จะยกเลิกการสมัครสมาชิกทันที
Netflix บอกว่าจะใช้เงื่อนไขนี้ กับลูกค้าที่สมัครเอาไว้นานแล้ว แต่ห่างหายไม่ได้ชมคอนเทนต์ใด ๆ เกิน 2 ปี ด้วยเช่นเดียวกัน โดยการแจ้งเตือนจะทำผ่านช่องทางอีเมลและการเตือนในแอปภายในสัปดาห์นี้
การตัดสินใจเช่นนี้อาจส่งผลต่อตัวเลขจำนวนสมาชิกอยู่บ้าง แต่ Netflix ก็ระบุว่าได้เพิ่มปัจจัยเสี่ยงนี้ไปในงบการเงินแล้ว ซึ่งจำนวนสมาชิกที่เข้าข่ายดังกล่าวมีอยู่ราวไม่กี่แสนบัญชี คิดเป็นจำนวนน้อยกว่า 0.5% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด การขยับของ Netflix ครั้งนี้จึงน่าจะช่วยให้ตัวเลขจำนวนสมาชิกที่เปิดเผย สะท้อนความจริงมากขึ้นนั่นเอง
ที่มา: Netflix |
# ไมโครซอฟท์โอเพนซอร์ส Fluid Framework เอนจินแก้เอกสาร Office ร่วมกัน ฝังในแอพอื่นได้
ปีที่แล้วไมโครซอฟท์โชว์ Fluid Framework เอนจินสำหรับแก้ไขเอกสารร่วมกันเป็นทีม (ลักษณะเดียวกับ Google Docs แต่สเกลของไมโครซอฟท์ใหญ่กว่า คือฝังเอกสารลงในโปรแกรมอื่นได้ด้วย แล้วแก้จากตรงนั้นได้เลย)
ปีนี้ไมโครซอฟท์ประกาศเริ่มใช้งาน Fluid Framework กับ Outlook for Web และ Office.com เป็นที่แรก ตัวอย่างการใช้งานคือเราสามารถฝังตาราง Excel หรือข้อความ Word ลงในอีเมล Outlook แล้วแก้ไขแบบเรียลไทม์ร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้เลย
Fluid Framework ใน Outlook for Web กับ Office.com จะเปิดให้ใช้งานในเร็วๆ นี้ ขั้นถัดไปจะใช้ได้ใน Microsoft Teams และแอพ Office บนอุปกรณ์พกพา และไมโครซอฟท์ยังประกาศว่าจะโอเพนซอร์ส Fluid Framework เพื่อให้นักพัฒนาแอพรายอื่นๆ สามารถใช้ฟีเจอร์แบบนี้ได้ด้วย
ที่มา - Microsoft, Microsoft |
# ปิดหน้าจอแล้วไปนอนเสีย ฟีเจอร์ใหม่ YouTube เตือนผู้ใช้ว่าถึงเวลานอนแล้ว
ช่วงเวลานี้อาจเป็นช่วงที่คนใช้ YouTube มากกว่าครั้งไหนๆ เพราะกักตัวอยู่บ้าน ล่าสุด YouTube เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ คือเตือนผู้ใช้งานว่าถึงเวลานอนแล้ว โดยต้องตั้งค่าเวลานอนในแอป เมื่อถึงเวลาที่กำหนด แอปจะขึ้นแจ้งเตือนว่าได้เวลานอนแล้ว ใช้งานได้ทั้งผู้ใช้งานแอปแอนดรอยด์และ iOS
YouTube มีฟีเจอร์ digital wellness ลดเวลาการใช้งานอยู่ก่อนแล้วคือ ผู้ใช้สามารถเข้าดูได้ว่า เราใช้งาน YouTube ไปมากมายเท่าไรในแต่ละวัน เพื่อกระตุ้นให้ลดเวลาหน้าจอลง, ฟีเจอร์เตือนให้พักเบรกจากการใช้ YouTube เป็นต้น
ภาพจาก YouTube about
ที่มา - Engadget |
# Outlook for Windows จะมีระบบซิงก์ลายเซ็นท้ายอีเมลขึ้นคลาวด์กับเขาแล้ว (สักที)
Outlook for Windows อาจเป็นโปรแกรมอีเมลที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้นๆ มานานเกิน 20 ปี (เวอร์ชันแรกคือ Outlook 97) แต่สิ่งหนึ่งที่กวนใจผู้ใช้ Outlook ตลอดมาคือระบบลายเซ็น (signature) ท้ายอีเมลที่ผูกกับเครื่อง ไม่ผูกกับบัญชีอีเมล ทำให้ทุกครั้งที่เปลี่ยนเครื่องใหม่ก็ต้องมาตั้งค่าลายเซ็นใหม่เสมอ
ล่าสุดเหมือนไมโครซอฟท์จะรับฟังเสียงของปวงประชา (สักที) และประกาศว่ากำลังพัฒนาฟีเจอร์ซิงก์ลายเซ็นบนคลาวด์ (signature cloud syncing) เพื่อให้ใช้ลายเซ็นเดิมไม่ว่าจะเปิดจากเครื่องไหน กำหนดเสร็จของฟีเจอร์นี้คือช่วงเดือนมิถุนายน 2020
ที่มา - Microsoft via MSPoweruser
หน้าจอตั้งค่าลายเซ็นของ Outlook for Windows ในปัจจุบัน (ปี 2020) |
# Take-Two รายได้โต 41% เพราะคนเล่นเกมอยู่บ้าน, GTA V ยอดขายแตะ 130 ล้านชุดแล้ว
Take-Two Interactive บริษัทแม่ของ Rockstar และ 2K Games แถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2020 รายได้เพิ่มถึง 41% เป็น 760.5 ล้านดอลลาร์ และกำไรเติบโต 116% เป็น 122.7 ล้านดอลลาร์
ปัจจัยที่ทำให้ Take-Two รายได้พุ่งขนาดนี้ มาจากการขายเนื้อหาหรือไอเทมภายในเกมต่างๆ โดยรายได้ส่วนนี้คิดเป็น 54% ของรายได้ทั้งหมด (เยอะกว่าการขายตัวเกมด้วยซ้ำ) และมีอัตราเติบโต 40% ต่อปี โดยเกมยอดนิยมก็ที่คุ้นชื่อกัน เช่น NBA 2K20/2K19, GTA V/Online, Red Dead Redemption 2/Online, Borderlands 3, Civilization VI เป็นต้น
Take-Two ยังระบุว่าสถานการณ์ COVID-19 ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น และเล่นเกมเยอะมากขึ้นด้วย ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่ง Take-Two ก็ประกาศบริจาครายได้ 5% ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม ช่วยเหลือการกุศลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ด้วย
Strauss Zelnick ซีอีโอของ Take Two ระบุว่าเกมเกือบทุกเกมของ Take Two ทำผลงาน สร้างรายได้เกินความคาดหมาย โดยในปีการเงิน 2021 (เริ่ม 1 เมษายน 2020) จะมีเกมใหม่ออกขายไม่เยอะนัก แต่พอเป็นปีการเงิน 2022 (เริ่ม 1 เมษายน 2021) เราจะเริ่มเห็นเกมใหม่ๆ ของ Take Two ชุดใหญ่
Take-Two ยังเปิดเผยสถิติยอดขายเป็นรายเกมด้วย
GTA V มียอดขายเกิน 130 ล้านชุดแล้ว
Red Dead Redemption 2 จำนวน 31 ล้านชุด
The Outer Worlds 2.5 ล้านชุด (จัดจำหน่ายโดย Private Division ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Take-Two)
NBA 2K20 12 ล้านชุด คาดว่าจะเป็นเกมทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของเกมกีฬา 2K Sports
ที่มา - Take Two |
# 2K เปิดตัวเกม Mafia: Trilogy รีเมคเกม Mafia ภาคแรก, รีมาสเตอร์ Mafia II
2K Games ประกาศรีเมค-รีมาสเตอร์เกมตระกูล Mafia ทั้ง 3 ภาคใหม่ภายใต้ชื่อ Mafia: Trilogy โดยแต่ละภาคจะได้สร้อย Definitive Edition เพื่อบ่งชี้ว่าเป็นเวอร์ชันรีเมค-รีมาสเตอร์
Mafia: Definitive Edition เกมภาคแรกสุดที่ออกปี 2002 จะถูกรีเมคใหม่ทั้งหมด กำหนดออก 28 ส.ค.
Mafia II: Definitive Edition เกมภาคสองที่ออกปี 2010 จะถูกรีมาสเตอร์ 4K วางขายแล้ววันนี้
Mafia III: Definitive Edition เกมภาคสามที่ออกปี 2016 ใช้เวอร์ชันเดิม เพิ่ม DLC ทั้งหมดเข้ามาในชุด วางขายวันนี้
เกม Mafia ทั้งสามภาคพัฒนาโดยสตูดิโอลูกของ 2K ที่แตกต่างกัน (สองภาคแรกพัฒนาโดย 2K Czech ส่วนภาคสามโดย Hangar 13 จากสหรัฐ ที่ภายหลังผนวก 2K Czech เข้ามาอยู่ในสังกัด) ส่วนผลงานการรีเมคภาคแรก และรีมาสเตอร์ภาคสอง ทำโดย Hangar 13 เช่นกัน
เกมที่ถูกจับตาคือ Mafia ภาคแรกที่ถูกรีเมคใหม่หมด เปลี่ยนมาใช้เอนจินตัวเดียวกับ Mafia III, ปรับปรุงสคริปต์ในเกม เพิ่มบทพูดและเนื้อเรื่องเข้ามาอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงเพิ่มคัตซีนใหม่ๆ และปรับปรุงเกมเพลย์ด้วย
ที่มา - 2K Games |
# OnePlus, Realme, Black Shark, Meizu ร่วมโปรโตคอลส่งไฟล์ Xiaomi, Oppo, Vivo
ปีที่แล้ว Xiaomi, Oppo และ Vivo จับมือกันร่วมพัฒนาโปรโตคอลส่งไฟล์ระหว่างกันในแบบเดียวกับ AirDrop ก่อนที่โปรโตคอลดังกล่าวจะปล่อยมาเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ล่าสุด OnePlus, Realme, Black Shark และ Meizu ประกาศเข้าร่วมใช้งานโปรโตคอลดังกล่าวของ 3 ค่ายข้างต้นแล้ว โดยทุกค่ายยังไม่ได้ระบุว่าจะอัพให้เมื่อไหร่ ทั้งนี้โปรโตคอลดังกล่าวจะจับคู่อุปกรณ์ผ่านบลูทูธ และส่งข้อมูลหากันด้วย Wi-Fi ความเร็วสูงสุด 20MB ต่อวินาที
ที่มา - XDA |
# 3BB ปรับแพ็ก GIGATainment ใหม่! เพิ่มอัปโหลดเป็น 200 Mbps ชูคอนเทนต์ดัง ให้ดูฟรี 1 เดือน
3BB ยกระดับเน็ตบ้านความเร็วขั้นต่ำ 1 Gbps ออกโปรใหม่ปรับเพิ่มความเร็วอัปโหลดให้แรงกว่าเดิมเป็น 200 Mbps นอกจากไม่เพิ่มราคาแล้วยังให้รับชมฟรีอีก 1 เดือน ความบันเทิงมาแบบยกแพ็กทั้ง HBO GO และ MONOMAX ส่วนลูกค้าที่ใช้ความเร็วระดับ 1 Gbps/100 Mbps เดิมจะได้รับการอัปสปีดเป็น 1 Gbps/200 Mbps อัตโนมัติ
หลังจากที่บริษัทออกแพ็กเกจ 3BB GIGATainment เน็ตบ้านความเร็วระดับ 1 Gbps โดยมีความเร็วอัปโหลดให้ลูกค้าเลือกใช้ตามความต้องการใช้งาน 4 แพ็กเกจ ได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง มียอดสมัครจากลูกค้าใหม่ และจากฐานลูกค้าเดิมของบริษัทเอง รวมถึงกลุ่มลูกค้าจากผู้ใช้บริการ HBO GO อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบันมีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตหลากหลายมากขึ้น บริษัทฯ จึงได้ออกแพ็กเกจเริ่มต้นใหม่ ปรับเพิ่มความเร็วเป็น 1 Gbps/200 Mbps ราคาเดิมเพียง 629 บาท พร้อมให้ดูฟรีเดือนแรกทั้ง HBO GO และ MONOMAX
เลือกความเร็วจากแพ็กเกจ 3BB GIGATainment ได้ตามความต้องการใช้งานครบทุกรูปแบบ
ความเร็ว 1Gbps/200 Mbps ราคา 629 บาท
ความเร็ว 1Gbps/500 Mbps ราคา 739 บาท
ความเร็ว 1Gbps/700 Mbps ราคา 939 บาท
ความเร็ว 1Gbps/1 Gbps ราคา 1,239 บาท
*ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
ชูคอนเทนต์ดังด้วยความบันเทิงระดับโลกจาก HBO GO ที่ยังคงส่งหนังดัง และซีรีส์เด็ดๆลงจอให้ลูกค้าได้ดูกันแบบเต็มอิ่ม เริ่มจากหนังภาคต่อ ก็อดซิลล่า 2 ราชันแห่งมอนสเตอร์ หนังฮีโร่สัตว์ประหลาดจากใต้ท้องทะเลที่ยังคงความสนุก ตื่นเต้นไม่แพ้ภาคแรก กับฉากการต่อสู้ของเหล่าไคจู และ CG ที่สมจริง ส่วนแฟนหนังไซไฟต้องไม่พลาดกับความสนุกทะลุจอ ใน Rogue One: A Star Wars Story รวมถึงหนังภาคแยก FAST & FURIOUS : HOBBS & SHAW และเตรียมมันส์ทะลุจอกับ John Wick 3 จอห์นวิค แรงกว่านรก 3 ที่พร้อมเปิดฉากฉายเดือนมิถุนายน รวมถึงหนังสนุกๆอีกหลายเรื่องที่พร้อมให้ลูกค้าได้เลือกรับชม
สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบดูซีรีส์จากจีนและเกาหลี สามารถรับชมได้จาก MONOMAX ซึ่งช่วงนี้มีซีรีส์จีนแนวรักๆที่อยู่ในกระแสหลายเรื่องด้วยกัน เช่น ตงกง ตำนานรัก ตำหนักบูรพา ซีรีส์แนวรักดราม่าโรแมนติกซึ่งจัดเป็นซีรีส์จีนที่ดังที่สุดของปี 2019 ตำนานรักนางพญางูขาว ตำนานรักพื้นบ้านจีนเล่าเรื่องราวความรักอมตะระหว่างหมอหนุ่มกับปีศาจสาว เจาเหยา ลิขิตรักนางพญามาร เรื่องราวความรักสนุกๆที่น่าติดตามของนางมารผู้โฉดชั่วที่ใครๆต่างเกรงกลัว แต่ต้องมาสิ้นท่าเพราะเด็กหนุ่มที่เก็บมาชุบเลี้ยง บุพเพรักนิรันดร์ ซีรีส์ที่จะทำให้ระดับน้ำตาลขึ้น รับประกันความฟินทั้งในและนอกจอ เพราะซีรีส์เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สองนักแสดงนำได้มาพบรักกันนอกจอ ปิดท้ายด้วย อภินิหารตำนานภูผาเหนือสมุทร ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ สร้างจากตำนานโบราณของจีน
ความบันเทิงทั้งหมดนี้หาชมได้จาก HBO GO และ MONOMAX ผ่าน 3BB GIGATainment สมัครเน็ตบ้านความเร็วใหม่ 1 Gbps/200 Mbps แล้วฟินต่อกันได้เลย สนใจสมัครใช้บริการได้ที่แอป 3BB Member สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1530 หรือที่ www.3bb.co.th/hbo
. |
# อินเทลซื้อ Rivet Networks เจ้าของชิป Killer Wi-Fi เสริมทัพเทคโนโลยี Wi-Fi
ใครอยู่ที่วงการ Wi-Fi มาบ้างคงคุ้นกับชื่อ Killer Wi-Fi ในฐานะชิปที่ชูจุดเด่นเรื่องความเร็วและประสิทธิภาพของการส่งข้อมูล และนำไปใช้งานโดยแบรนด์เกมมิ่งพีซีหลายยี่ห้อ ล่าสุดอินเทลประกาศซื้อกิจการ Rivet Networks ต้นสังกัดของแบรนด์ Killer แล้ว
อินเทลให้เหตุผลว่าซื้อ Rivet Networks เพราะมีเทคโนโลยีด้าน W-Fi ที่โดดเด่น และมีฐานลูกค้ากลุ่มเกมเมอร์-ผู้ใช้ที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพ
หลังจากนี้ สินค้าของ Rivet Networks จะเข้ามาอยู่ใต้สังกัด Wireless Solutions Group ของอินเทล และนำซอฟต์แวร์ Killer ของ Rivet มาใช้งานในวงกว้างมากขึ้นด้วย ส่วนสินค้าแบรนด์ Killer ฝั่งคอนซูเมอร์ก็จะยังขายต่อไป เพียงแต่เทคโนโลยีของ Killer จะถูกใช้กับสินค้าฝั่งธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเราจะได้เห็นกันภายในปีนี้
อินเทลไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของการซื้อกิจการครั้งนี้
ที่มา - Intel, PCWorld |
# Microsoft Teams เพิ่มฟีเจอร์ Bookings จองห้องประชุม, Broadcast ถ่ายทอดสดในบริษัท
ไมโครซอฟท์เปิดตัวฟีเจอร์ชุดใหญ่ให้ Microsoft Teams ในงาน Build 2020 โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจมี 2 อย่าง
อย่างแรกคือ Bookings หรือการจองสถานที่ จองห้องประชุม ที่สามารถทำได้จากตัว Microsoft Teams โดยตรงเลย ช่วยให้องค์กรที่มักมีปัญหาเรื่องห้องประชุม (นัดสัมภาษณ์งาน นัดประชุม นัดลูกค้า) สะดวกขึ้นมาก
ฟีเจอร์ถัดมาคือ Broadcast ที่ช่วยเวลาประชุมทีมใหญ่ทั้งองค์กร มีคนเข้าฟังมากๆ แต่ไม่จำเป็นต้องพูดเลย ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ Broadcast ร่วมกับอุปกรณ์พวก Network Device Interface (NDI) จากระบบถ่ายทอดสดที่มีอยู่แล้ว (เช่น OBS, Wirecast, Xsplit) ได้ ทำให้เข้าร่วมรับฟังการนำเสนอได้จากตัว Teams โดยตรงเลย (ฟีเจอร์ลักษณะนี้มีอยู่แล้วใน Skype)
ฟีเจอร์ย่อยอื่น ของ Teams ที่เปิดตัวในรอบนี้ได้แก่
Customized Template เลือกเทมเพลตตั้งต้นของแต่ละทีมได้ ช่วยให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆ ขององค์กรได้ง่ายขึ้น
เชื่อมต่อกับ Microsoft Power Platform ทำงานอัตโนมัติต่างๆ เช่น แช็ตบ็อตตอบคำถาม, Power Apps เชื่อมกับแอพเฉพาะกิจขององค์กร, Power BI ทำกราฟแสดงข้อมูลในหน้าจอ Teams
ที่มา - Microsoft |
# EA ปล่อยซอร์สโค้ด C&C ทั้ง Tiberian Dawn และ Red Alert เป็นโอเพนซอร์ส
Electronic Arts (EA) ประกาศปล่อยซอร์สโค้ดเกม Command & Conquer สองภาค ได้แก่ Tiberian Dawn และ Red Alert เป็นโอเพนซอร์สโดยใช้สัญญาอนุญาตแบบ GPLv3 เพื่อให้แลกเปลี่ยนโค้ดกับโครงการโอเพนซอร์สอื่นอย่าง CnCNet และ OpenRA
ทาง EA ระบุว่าโค้ดที่จะปล่อยออกมาคือโค้ดของ TiberianDawn.dll และ RedAlert.dll พร้อมกับโค้ดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ได้พูดถึงงานกราฟิกอื่นๆ ซึ่งอาจจะแปลว่าผู้ที่จะคอมไพล์เกมมาเล่น ต้องมีเกมตั้งต้นเสียก่อน ซึ่งก็ไม่ต่างจากเกมโอเพนซอร์สอื่นๆ ที่ต้องสร้างชุมชนสักระยะจึงสามารถสร้างกราฟิกทดแทนออกมาได้ ทำให้เกมเวอร์ชั่นหลังๆ สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องมีเกมของแท้ตั้งต้นอีกต่อไป
ชุด Command & Conquer: Remastered Collection กำลังจะปล่อยออกมาจะมี Map-Editor มาให้ด้วย แต่ฟีเจอร์แลนกลับมาไม่ทันเนื่องจาก COVID-19 ทาง EA สัญญาว่าจะอยู่ในรายการฟีเจอร์สำคัญลำดับต่อไป โดยฟีเจอร์ออนไลน์ยังใช้งานได้
ที่มา - EA
ภาพ mod รถถังยิงนิวเคลียร์จาก Petroglyph |
# สรุปผลเบนช์มาร์ค Intel 10th Gen ยังคงเด่นเรื่องเกมและการทำงานคอร์เดียว
สื่อเมืองนอกเริ่มปล่อยผลการเบนช์มาร์คซีพียู Intel 10th Gen มาแล้ว โดยรุ่นที่ Intel ส่งให้สื่อทดสอบคือ Core i9-10900K, Core i7-10700K และ Core i5-10600K
ในภาพรวมคือ Intel มีประสิทธิภาพการทำงานแบบคอร์เดียวที่ดีกว่าฝั่ง AMD (ในเทียร์เดียวกัน) โดยเฉพาะด้านเกมมิ่ง (Intel ถึงโปรโมทตอนเปิดตัวว่า World's Fastest Gaming Processor) ขณะที่งานที่ใช้หลายคอร์ เช่น การเรนเดอร์หรือการเข้ารหัส ยังคงตามหลัง AMD เช่นเคย ส่วนการใช้พลังงานสูงสุด (ค่า PL2) เฉลี่ยก็ยังคงสูงกว่า AMD เช่นกัน อย่าง Core i9-10900K ใช้กำลังไฟสูงสุดที่ 254W และ i7-10700K ที่ 207W (TDP 125W) เทียบกับ R9 3950X (TDP 105W) ตัวท็อปที่ใช้แค่ 144.76W เท่านั้น
สรุปคือถ้ามองในไลน์ของ Intel อย่างเดียว Comet Lake-S ถือเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพต่อคอร์และต่อราคาได้ดีขึ้นค่อนข้างเยอะ ในเชิงเปรียบเทียบก็ถือว่าดีกว่าในแง่คล็อกสปีดสูงกว่า และประสิทธิภาพดีกว่าบนเวิร์คโหลดที่ต่ำกว่า ลดช่องว่างระหว่างซีพียู Zen 2 ของ AMD ได้ค่อนข้างเยอะ (PCWorld บอกว่าตอน Coffee Lake Refresh หรือ 9th Gen ช่องว่างกว้างเป็นมหาสมุทรในแง่มัลติคอร์)
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในภาพรวม Intel ก็ยังถือว่าเสียเปรียบ AMD เพราะแม้ราคาซีพียูจะไม่ต่างกันมาก แต่การใช้พลังงานและความร้อนที่เยอะกว่า ก็หมายถึงค่าใช้จ่ายกับอุปกรณ์ที่มากกว่า ไม่รวมราคาบอร์ดที่ค่อนข้างแพงกว่า แถมไม่รองรับ PCIe 4.0 และบัสแรมที่ไม่ถึง 3000MHz
อ่านรายละเอียดของการทดสอบได้เต็ม ๆ จากที่มา
ที่มา - Anandtech, Eurogamer, PCWorld |
# [ลือ] Apple อาจไม่แถมหูฟังแบบมีสายมากับ iPhone 12 เพื่อกระตุ้นยอดขาย AirPods 2
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ที่ให้ข่าวเกี่ยวกับ Apple ที่ถูกต้องมาบ่อยครั้ง รายงานว่า Apple อาจไม่แถมหูฟัง EarPods แบบเดิม มากับ iPhone 12 และอาจลดราคา AirPods 2 เพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น โดยอาจเป็นการลดช่วงเทศกาลปลายปี และจะไม่มี AirPods รุ่นใหม่เปิดตัวในปีนี้
นอกจากนี้ Kuo ยังคาดการณ์ว่ายอดขายในช่วงปลายปี อาจเริ่มฟื้นตัวจาก COVID-19 แล้ว และปรับตัวเลขคาดการณ์ยอดขายของ AirPods (รวมทุกรุ่น) จากเดิมที่ 83 ล้านชิ้น เป็น 90 ล้านชิ้น แต่ Kuo ที่เป็นนักวิเคราะห์ด้านซัพพลาย ก็ยังไม่มีข้อมูลด้านการตลาดของ Apple ที่ชัดเจนนัก ในเรื่องการลดราคา หรือจัดโปรโมชั่นต่างๆ แต่เมื่อคาดการณ์ว่า iPhone 12 จะเปิดตัวในเดือนกันยายนปีนี้ และ AirPods 2 จะมีอายุประมาณ 18 เดือน ในเดือนนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ Apple จะปรับลดราคา AirPods 2 ในทางใดทางหนึ่ง
ที่มา - 9to5Mac |
# Ola บริการเรียกรถในอินเดีย ปลดพนักงานรวดเดียว 1,400 ราย เซ่น COVID-19
เซ่นพิษเศรษฐกิจจากโรคระบาดอีกราย Ola บริการเรียกรถในอินเดีย ประกาศผ่านอีเมลภายในระบุว่า บริษัทจะปลดพนักงาน 1,400 ราย คิดเป็น 35% ของพนักงานทั้งหมดในบริษัท
Bhavish Aggarwal ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Ola ระบุในอีเมลด้วยว่า รายได้บริษัทหายไปถึง 95% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาที่มีมาตรการล็อกดาวน์ คนไม่ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ด้านโฆษก Ola บอกว่าพนักงานที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นฝ่าย food operations และทั้งหมดปฏิบัติการอยู่ในอินเดีย
พนักงานที่ถูกปลดออกจากงานจะได้รับเงินเดือนสามเดือน ประกันสุขภาพครอบคลุมบุพการี การสนับสนุนทางด้านสุขภาพกายและจิตใจไปจนถึงสิ้นปี
พิษโรคระบาดทำเอาบริษัทไอทีต้องปลดคนกันไปมาก และที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือบริษัทที่ดำเนินการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การเดินทาง โรงแรม อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โพสต์ทวิตเตอร์ Blognone
ที่มา - TechCrunch |
# Coinbase ให้พนักงานทำงานที่บ้านตลอดไปได้ ประกาศเป็น remote-first company
Coinbase ผู้ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่ เจริญรอยตามทวิตเตอร์ ประกาศบริษัทจะกลายเป็น remote-first company หรือให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ตลอดไป แม้จะหมด COVID-19 ไปแล้วก็ตาม
Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase เขียนอธิบายในบล็อกว่า พนักงานส่วนใหญ่ มีทางเลือกในการทำงานที่บ้าน ที่ออฟฟิศ หรือที่ไหนก็ได้ ซึ่งการประกาศว่าบริษัทจะเป็น remote-first company นั้นหมายความว่าประสบการณ์การทำงานของพนักงานจะต้องเหมือนกัน ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในออฟฟิศ 1 วันต่อสัปดาห์ หรือ 5 วันต่อสัปดาห์ หรือไม่ได้เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศเลยก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีเรื่องอนาคตของการทำงาน มาตรการอยู่ห่างกัน 6 ฟุตซึ่งมันจะกลายเป็นสิ่งที่ต้องทำในอนาคต Armstrong บอกว่าสำนักงานใหญ่ที่ซานฟรานซิสโก ไม่มีพื้นที่พอจะให้พนักงานอยู่ห่างกัน 6 ฟุตได้แน่ๆ เขาจึงอยากให้ Coinbase ปฏิบัติตัวเองให้สอดคล้องกับมาตรการดังกล่าว และมีแผนที่จะขยายออฟฟิศเล็กๆ ไปในเมืองต่างๆ มากขึ้น สำหรับคนที่โดยเนื้องานแล้วไม่สามารถทำงานที่บ้านได้จริงๆ
ที่มา - Coinbase |
# id Software ยอมถอด Denuvo ซอฟต์แวร์ DRM ออกจาก Doom Eternal แล้ว
ราวสัปดาห์ที่แล้ว id Software ได้เพิ่ม Denuvo ซอฟต์แวร์ DRM เข้าไปในตัวเกม Doom Eternal ซึ่ง Denuvo ก็ขึ้นชื่อเรื่องการเพิ่มภาระของตัวเครื่องอยู่แล้ว และก็แน่นอนว่าส่งผลต่อประสิทธิภาพของ Doom Eternal ตามมา จนทำให้ตัวเกมถูกถล่มด้วยรีวิวเชิงลบบน Steam
ล่าสุด id Software ผู้พัฒนายอมถอด Denuvo ออกจากตัวเกมแล้วในอัพเดตครั้งต่อไป พร้อมระบุว่าอย่างน้อย ๆ จะยอมให้ผู้เล่นที่เล่นเนื้อเรื่องออฟไลน์ไม่จำเป็นต้องมีโปรแกรมป้องกันการโกง รวมถึงยืนยันว่าโปรแกรมป้องกันโกงตัวหน้าจะต้องตรงกับความคาดหวังของผู้เล่น
Marty Stratton ผู้กำกับบริหารของเกมยืนยันด้วยว่า ปัญหาประสิทธิภาพของตัวเกมที่ผู้เล่นเจอ ไม่ได้เกิดจาก Denuvo แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงโค้ดในการจัดการพื้นที่ VRAM ซึ่งจะถูกแก้ไขในอัพเดตถัดไป
ที่มา - r/Doom via Polygon |
# Justice League เวอร์ชัน Snyder Cut ประกาศลง HBO Max ปีหน้า
น่าจะทนกระแสเรียกร้องของแฟนและผู้กำกับไม่ไหว เมื่อล่าสุด Warner Bros, ยอมฉาย Justice League เวอร์ชัน Snyder Cut ลงสตรีมมิ่ง HBO Max ในปีหน้าโดยยังไม่ได้กำหนดวัน
Justice League เวอร์ชันฉายโรงเป็นผลงานที่ผู้บริหาร Warner Bros เข้ามาแทรกแซง Snyder และจ้าง Joss Whedon ผู้กำกับ Avengers 2 ภาคแรกเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนหลายจุด ซึ่งผลออกมาก็อย่างที่ทราบกันจนทำให้แฟนส่วนใหญ่อยากเห็นหนังจากมุมมองของ Snyder ล้วน ๆ
Justice League เวอร์ชัน Snyder Cut ได้งบเพิ่มราว 20-30 ล้านเหรียญและจะได้ทีมงานเดิมกลับมาช่วยทำ post-production ให้ โดยตัวหนังอาจเป็นไปได้ว่าจะยาวถึง 4 ชั่วโมง หรืออาจถูกตัดแบ่งออกมาเป็นตอน ๆ เพื่อฉาย
ที่มา - The Hollywood Reporters |
# CD Projekt กลายเป็นสตูดิโอเกมในยุโรปที่มีมูลค่ามากที่สุดแซง Ubisoft
CD Projekt S.A บริษัทแม่ CD Proejekt Red สตูดิโอสัญชาติโปแลนด์ที่มีผลงานขึ้นหิ้งอย่างเกม The Witcher ล่าสุดมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 8.48 พันล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้า Ubisoft สตูดิโอยักษ์ใหญ่อีกรายของยุโรปที่มีมูลค่าอยู่ที่ 8.36 พันล้านเหรียญไปแล้ว (ณ เวลาเขียนข่าว)
เมื่อปลายปีที่แล้วมูลค่าของ CD Projekt อยู่ที่ราว 6.8 พันล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่ง ณ ตอนนั้น Bloomberg ระบุว่า CD Projekt เติบโตถึง 21,000% นับตั้งแต่สิ้นสุดปี 2009 และเป็นบริษัทที่เติบโตมากที่สุดในดัชนี Stoxx Europe 600
เกมถัดไปของ CDPR ที่กำลังจะออกคือ Cyberpunk 2077 ที่แฟนเกมก็ค่อนข้างคาดหวังสูงและหากตัวเกมกลายเป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์แบบ The Witcher 3 ก็น่าจะทำให้มูลค่าของ CD Projekt เพิ่มขึ้นไปได้อีกมาก ขณะที่มูลค่าของบริษัทเกมอื่น ๆ อย่าง Take-Two (เจ้าของ Rockstar) อยู่ที่ 1.61 หมื่นล้านเหรียญ, EA 3.43 หมื่นล้านเหรียญ, Nintendo 5.37 หมื่นล้านเหรียญ และ Activision Blizzard 5.62 หมื่นล้านเหรียญ
ที่มา - VGC, Yahoo! Finance (1, 2) |
# กูเกิลและแอปเปิลปล่อย Exposure Notification API มาพร้อมตัวอย่างแอปและเซิร์ฟเวอร์, จำกัดประเทศละหนึ่งแอป
กูเกิลและแอปเปิลประกาศปล่อย Exposure Notifitcation API สำหรับการพัฒนาแอปติดตามผู้เข้าใกล้ผู้ป่วย COVID-19 ตามที่ได้ประกาศไว้ โดยแอปเปิลเองได้ปล่อยอัพเดต iOS 13.5 ให้ผู้ใช้ทั่วไป พร้อมกับอัพเดตเงื่อนไขการใช้งานฉบับเต็มที่จำกัดการใช้งานประเทศละหนึ่งแอปเท่านั้น อย่างไรก็ดีทั้งสองบริษัทจะรองรับการติดตั้งแอประดับภูมิภาคควบคู่กับแอประดับประเทศพร้อมกันได้
ตัว API มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจาก API เวอร์ชั่นแรกที่เปิดตัวออกมา โดยกุญแจยืนยันตัวจะสร้างด้วยการสุ่มเลขขึ้นใหม่เสมอแทนที่จะใช้กุญแจที่สร้างจากกุญแจตั้งต้น, และข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่แลกเปลี่ยนกันจะถูกเข้ารหัสทั้งหมด
กูเกิลและแอปเปิลระบุว่า API ชุดนี้ไม่ได้มาแทนที่การสอบสวนโรคแบบเดิมๆ แต่สามารถใช้เสริมได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ความเชื่อมโยงไม่ชัดเจนนัก เช่นปกติเจ้าหน้าที่สามารถสอบสวนโรคหาคนใกล้ชิดที่อยู่บ้านเดียวกันได้ แต่กรณีที่ไม่ชัดเจน เช่นซื้ออาหารในร้านเดียวกันเป็นช่วงเวลาไม่นาน หรือโดยสารรถสาธารณะคันเดียวกัน กรณีเช่นนี้ Exposure Notification API จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้
ตอนนี้กูเกิลปล่อยตัวอย่างแอป และตัวอย่างเซิร์ฟเวอร์สำหรับอัพโหลดข้อมูลผู้ติดเชื้อออกมาแล้ว
ในสหรัฐฯ มีหน่วยงานของบางรัฐเข้าร่วมโครงการแล้ว สำหรับนอกสหรัฐฯ ทั้งสองบริษัทระบุว่ามี 22 กระจายตัวทั้ง 5 ทวีปขอเข้าร่วมโครงการ หลังจากนี้หากมีหน่วยงานใดได้รับอนุมัติแอปก็น่าจะเริ่มใช้งานได้เร็วๆ นี้
ที่มา - Google Blog |
# ทวิตเตอร์ทดสอบฟีเจอร์ reply ใหม่ เราเลือกได้ว่าใครตอบโพสต์เราได้บ้าง
ทวิตเตอร์เผยได้ทดสอบฟีเจอร์ reply ใหม่ เราเลือกได้ว่าจะให้ใครมาตอบโพสต์ของเราได้บ้าง มีสามตัวเลือกคือ ทุกคนมาตอบได้, คนที่เราเมนชั่นถึงเท่านั้น และ เฉพาะคนที่เราติดตามเท่านั้น
ผู้ใช้งานจะมองเห็นฟังก์ชั่นนี้ได้ก่อนจะโพสต์ข้อความบนไทม์ไลน์ กดเข้าไปตั้งค่าก่อนได้ ในกรณีที่เราตั้งค่าให้ตอบได้เฉพาะคนที่เราเมนชั่นถึง ผู้ใช้งานคนอื่นจะยังคงรีทวีต, รีทวีตพร้อมคอมเม้นท์ และมองเห็นโพสต์ของเราได้ เพียงแต่เขียนเมนชั่นตอบเราไม่ได้เท่านั้น
จนถึงตอนนี้ ฟีเจอร์ใหม่ยังเปิดใช้งานเฉพาะบางกลุ่ม อาจเป็นอีกฟีเจอร์ช่วยแก้ไขความยุ่งยากเวลาต้องการตามบทสนทนาในไทม์ไลน์ ที่ถ้าเมนชั่นตอบต่อๆ กันแล้วทำให้อ่านยาก
ที่มา - ทวิตเตอร์ |
# Signal เปิดตัว PINs ระบบเข้ารหัสข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้ย้ายเครื่องที่ใช้งาน Signal ได้อย่างปลอดภัย
Signal เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในชื่อว่า Signal PIN ระบบบันทึกข้อมูลของ Signal แบบเข้ารหัสเพื่อให้ผู้ใช้ย้ายเครื่องที่ใช้งาน Signal ได้ง่าย ๆ
Signal ระบุว่า เนื่องจากตัวแอปออกแบบมาเน้นความเป็นส่วนตัวมาก ระบบจึงลดการผูกตัวเองกับ identity ภายนอก (อย่างเช่นเบอร์โทรศัพท์) แต่ก็มีข้อเสียคือเมื่อผู้ใช้โทรศัพท์หายหรือเปลี่ยนโทรศัพท์ ข้อมูลอาจจะหายหมด แต่ Signal ก็ไม่ต้องการบันทึกข้อมูลของผู้ใช้ไว้บนเซิร์ฟเวอร์เป็น plaintext แม้จะมีผู้ให้บริการแชทเข้ารหัสคนอื่นทำก็ตาม
Signal PINs เป็นฟีเจอร์ที่จะมาตอบโจทย์นี้ คือตัวแอป Signal จะสามารถเรียกข้อมูลโปรไฟล์, การตั้งค่า รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับตัวแอปได้ แต่ไม่รวมถึงข้อมูลบนสนทนา โดยจะใช้ PIN เป็นกุญแจในการเข้ารหัสข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะช่วยให้การไมเกรตโปรไฟล์ข้ามเครื่องทำได้ง่ายและปลอดภัย
Signal ไม่ได้สร้าง backdoor หรืออื่น ๆ ไว้เลย มีเพียง PIN เท่านั้นที่จะถอดรหัสข้อมูลของผู้ใช้บนเซิร์ฟเวอร์ได้ ถ้าทำหายก็จะถอดรหัสข้อมูลไม่ได้ และ PIN ยังสามารถใช้ล็อกบัญชีป้องกันผู้ไม่พึงประสงค์ที่พยายามใช้เบอร์โทรศัพท์เดิมลงทะเบียน Signal ด้วยอุปกรณ์ใหม่ได้เช่นกัน
ที่มา - The Verge, Signal |
# Apple ออกอัพเดต iOS 13.5 ลดขั้นตอนปลดล็อกจอเมื่อใส่หน้ากาก, เพิ่ม Exposure Notification API
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 13.5 และ iPadOS 13.5 ในวันนี้ โดยผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้แบบ OTA โดยไปที่ Settings > General > Software Update
คุณสมบัติใหม่สำคัญใน iOS 13.5 คือการรองรับ Exposure Notification API เพื่อให้หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐนำไปใช้งานรวมกับแอปที่มีอยู่ ทั้งนี้ผู้ใช้งานต้องเปิดใช้ API นี้เอง ใน Settings ส่วนของ Health เบื้องต้นรองรับการทำงานใน 22 ประเทศ (ไม่มีไทย) และบางรัฐของอเมริกา
อีกอัพเดตสำคัญใน iOS 13.5 คือการเพิ่มความเร็วในการปลดล็อกหน้าจอ เวลาผู้ใช้งานสวมใส่หน้ากากหรือผ้าปิดปาก โดย iOS จะตรวจจับได้เร็วขึ้นและเรียกหน้าใส่รหัสผ่านขึ้นมาทันที
FaceTime แบบกลุ่มยังมีอัพเดตในเวอร์ชันนี้ โดยเพิ่มตัวเลือกให้ขยายหน้าจอผู้ที่กำลังพูดอยู่
นอกจาก iOS 13.5 และ iPadOS 13.5 แอปเปิลยังออกอัพเดตซอฟต์แวร์อื่นในเครือดังนี้
iOS 12.4.7 สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่สามารถอัพเดตเป็น iOS 13 ได้ แก้ไขด้านความปลอดภัย
tvOS 13.4.5 ปรับปรุงการทำงานทั่วไป
HomePod 13.4.5ปรับปรุงการทำงานทั่วไป
ที่มา: MacRumors [1], [2], [3] |
# Azure Arc ระบบจัดการ Kubernetes จากศูนย์กลางเปิดให้พรีวิว
ปีที่แล้วไมโครซอฟท์เปิดบริการจัดการคลัสเตอร์ Kubernetes ในชื่อ Azure Arc แต่เป็นการทดสอบวงปิด ที่งาน BUILD ปีนี้ไมโครซอฟท์ก็ประกาศให้คนทั่วไปทดสอบ แม้จะยังอยู่ในสถานะพรีวิวก็ตาม
Azure Arc จะติดตั้งตัวเองอยู่ในสิทธิ์ cluster-admin และเมื่อนำคลัสเตอร์เข้ามาอยู่ใต้ Arc จะใช้นโยบายจาก Azure ได้ เช่น Azure Policy, Azure Monitor, และ Azure Resource Graph
ไมโครซอฟท์ระบุว่า Arc รองรับ Kubernetes ที่ผ่านการรับรองจาก CNCF แทบทุกตัว แต่พันธมิตรชุดแรกที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้แน่นอน ได้แก่ Red Hat OpenShift, Canonical Kubernetes, และ Rancher Labs และหลังจากนี้คลัสเตอร์ที่ถูกจัดการภายใต้ Arc จะสามารถใช้บริการอื่นๆ เช่น SQL Managed Instance
ที่มา - Azure Blog |
# ศบค. เผยสถิติไทยชนะ 3 วันแรก ผู้ใช้งาน 5 ล้านคน เช็กอิน 8.6 ล้านครั้ง เช็กเอาท์ 6.4 ล้านครั้ง
ในวันนี้ (20 พฤษภาคม 2563) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้เปิดเผยสถิติของแพลตฟอร์มไทยชนะ ซึ่งเปิดใช้งานมาแล้วเป็นระยะเวลา 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2
โดยข้อมูลสรุป ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 เวลา 21.00น. มีข้อมูลน่าสนใจดังนี้
ร้านค้าลงทะเบียนแล้ว 67,904 ร้าน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มร้านอาหาร (17,362)
จำนวนผู้ใช้งาน 5,077,978 คน
การเช็กอิน 8,584,803 ครั้ง เช็กเอาท์ 6,359,921 ครั้ง ตอบแบบสอบถามประเมินร้าน 3,984,691 ครั้ง
ประเภทร้านที่มีการเช็กอินมากที่สุดคือห้างสรรพสินค้า 3,013,745 ครั้ง
ที่มา: การแถลงสถานการณ์โควิด-19 วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 |
# .NET MAUI ร่างใหม่ของ Xamarin.Forms เขียนโค้ดชุดเดียว รันข้ามแพลตฟอร์ม
คนที่เคยเขียน Xamarin คงทราบดีว่าเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาแอพที่ใช้ภาษาตระกูล .NET (C#/XAML) แต่เขียนเป็นแอพมือถือ Android/iOS โดยมีจุดเด่นคือใช้เครื่องมือที่นักพัฒนาสาย .NET คุ้นเคย และแชร์โค้ดร่วมกันระหว่างแอพ Android/iOS ได้สะดวก (Xamarin ทำหน้าที่แปลงให้)
หลังไมโครซอฟท์ซื้อ Xamarin ในปี 2016 ก็ประกาศแผนการรวม Xamarin เข้ากับแพลตฟอร์ม .NET 5 โดยมีตั้งแต่การรวมระดับของรันไทม์ (CoreCLR และ Mono) และระดับของ GUI
ระบบ GUI ของ Xamarin มีชื่อว่า Xamarin.Forms ที่ไมโครซอฟท์ประกาศชื่อใหม่ให้มันแล้วเป็น .NET Multi-platform App UI หรือเรียกย่อๆ ว่า .NET MAUI (อ่านว่า เมาอิ)
.NET MAUI แทบไม่มีอะไรต่างจาก Xamarin.Forms (จะเรียกว่าเป็นชื่อใหม่ก็ได้) คือยังคงจุดเด่นเรื่องการเป็นชุด UI ที่ทำงานได้ข้ามแพลตฟอร์ม ทั้งแอพมือถือและแอพเดสก์ท็อป (Android, iOS, macOS, Windows) สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการผนวกเข้ากับแพลตฟอร์ม .NET อย่างแนบแน่นขึ้น
ไมโครซอฟท์โฆษณาไว้ว่าการเขียน .NET MAUI จะเปลี่ยนวิธีการจัดการโปรเจคต์ จากการแยกหลายโปรเจคต์ตามระบบปฏิบัติการ มาเหลือโปรเจคต์เดียว โค้ดชุดเดียว ที่แยก target ตามระบบปฏิบัติการแทน (One project targeting multiple platforms) ซึ่งพัฒนาขึ้นจาก Xamarin.Forms
Xamarin.Forms จะพัฒนาคู่ขนานกับ .NET MAUI ไปอีกสักพักหนึ่ง โดย Xamarin.Forms จะออกเวอร์ชันใหญ่ตัวสุดท้าย 5.0 ในช่วงเดือนกันยายน 2020 และหลังจากนั้นจะออกรุ่นอัพเดตย่อยตลอด ก่อนย้ายทุกอย่างไปอยู่ใน .NET MAUI
ส่วน .NET MAUI จะออกรุ่นพรีวิวแรกในเดือนพฤศจิกายน 2020 และจะออกรุ่นย่อยทุก 6 เดือน จนไปออกตัวจริงร่วมกับ .NET 6 ในเดือนพฤศจิกายน 2021 เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว Xamarin.Forms ตัวสุดท้ายจะออกหลังจากนั้น และจะให้ใช้งานอีก 1 ปี
ที่มา - .NET Blog |
# ดีลสำคัญ Greyhound หนังสงครามโลกของ Tom Hanks เตรียมฉาย Apple TV+ ที่แรก
เนื่องจากโรคระบาด ทำให้หนังใหม่ยังฉายในโรงไม่ได้ และหนังหลายเรื่องก็เริ่มแก้เกมด้วยการฉายผ่านสตรีมมิ่งแทน หนังเรื่องล่าสุดที่เตรียมฉายสตรีมมิ่ง คือ Greyhound หนังแนวสงครามโลกครั้งที่สองฟอร์มยักษ์ แสดงและเขียนบทโดย Tom Hanks โดยจะฉายครั้งแรกที่ Apple TV+
เว็บไซต์สายหนัง Deadline รายงานว่า มีการประมูลดีลหนังเรื่องนี้ดุเดือด และเป็น Apple TV+ ที่ได้สิทธิ์ฉาย แต่ยังไม่ได้ระบุว่าฉายเมื่อไร
Greyhound สร้างโดย Sony Pictures และ Stage Six Films เดิมตั้งใจฉายในโรงหนังวันที่ 19 มิถุนายน แต่ก็เลื่อนยาวๆ เพราะเจอโรคระบาด
Hanks เขียนบทหนังโดยดัดแปลงจากหนังสือนวนิยายเรื่อง The Good Shepherd เขียนโดย Cecil Scott Forester ที่ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1955 ฉายภาพเหตุการณ์ยุทธการแอตแลนติกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดย Hanks รับบทเป็นนาวาตรี Ernest Krause
Tom Hanks ยังเป็นดาราฮอลลีวู้ดรายแรกๆ ที่ออกมาเผยว่า เขาและ Rita Wilson ภรรยา ติดโรค COVID-19 ด้วย แต่ตอนนี้รักษาตัวจนหายแล้ว
ที่มา - Engadget, Deadline |
# .NET 5 ออกรุ่น Preview 4, ปรับแผนผนวก Xamarin เลื่อนไปรวมกับ .NET 6 แทน
ในงาน Build 2019 เมื่อปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์เปิดตัว .NET 5 ที่เป็นการรวม .NET Core เข้ากับ Xamarin/Mono โดย .NET 5 ออกรุ่น Preview 1 เมื่อเดือนมีนาคม 2020 ที่ผ่านมา
เวลาผ่านมาจนถึง Build 2020 ไมโครซอฟท์ออก .NET 5 Preview 4 พร้อมข่าวสำคัญคือปรับแผนใหม่ ยังไม่รวม Xamarin/Mono เข้ามาเต็มรูปแบบ (เพราะทำไม่ทัน) แต่จะออกเวอร์ชันแยกในชื่อว่า .NET MAUI ออกเป็นพรีวิวในเดือนพฤศจิกายน 2020 และตัวจริงค่อยไปรวมกับ .NET 6 LTS ที่จะออกในเดือนพฤศจิกายน 2021 แทน
แต่ถึงแม้ .NET 5 ตัดส่วนของ Xamarin/Mono ออกไป ก็ยังมีของใหม่อีกหลายอย่าง ได้แก่
รองรับภาษา C# 9 และ F# 5
รองรับระบบปฏิบัติการ Windows ARM64 แบบเนทีฟ เขียนแอพลง Surface Pro X ได้โดยตรง ไม่ต้องใช้อีมูเลเตอร์
ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานบน ARM64 (รวมถึงลินุกซ์ด้วย)
ปรับปรุงประสิทธิภาพ และ latency ลง เหมาะสำหรับการรันเว็บแอพขนาดใหญ่ (เช่น StackOverflow ที่เขียนด้วย .NET)
ปรับปรุงการใช้งานบนคอนเทนเนอร์ ลดขนาดอิมเมจให้เล็กลง รองรับสเปก cgroup v2 เวอร์ชันใหม่
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังออกตัวช่วยออกแบบฟอร์ม Windows Forms Designer for .NET Core แล้ว (.NET Core เพิ่งรองรับ WinForms ในเวอร์ชัน 3.0 เมื่อเดือนกันยายน 2019) สามารถใช้ได้ใน Visual Studio 2019 version 16.6
ที่มา - .NET Blog |
# Red Hat ระบุ VMware เป็นพันธมิตรกับบริษัทมายาวนาน สินค้าชนกันเพราะทั้งสองบริษัทเห็นตรงกันว่า Kubernetes จะเป็นโครงสร้างยุคต่อไป
หลังงาน Red Hat Summit ที่ Red Hat เปิดตัวซอฟต์แวร์ชุดใหม่ๆ จำนวนมาก โดยตัวหนึ่งคือ OpenShift virtualization ที่ฝังเอาความสามารถในการจัดการ VM เข้าไปอยู่ในโครงสร้าง Kubernetes ขณะที่เจ้าตลาด VM อย่าง VMware นั้นก็ปรับตัวให้สามารถจัดการ VM ผ่าน API ของ Kubernetes พร้อมกับรองรับคอนเทนเนอร์ได้เช่นเดียวกัน วันนี้ Benjamin Henshall ผู้จัดการทั่วไป Red Hat เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ออกมาระบุในการให้สัมภาษณ์ออนไลน์ว่าการทับซ้อนของสินค้าเช่นนี้เป็นเพราะทั้งสองบริษัทเห็นตรงกันว่าการจัดการคอนเทนเนอร์บน Kubernetes นั้นจะเป็นแกนกลางของโครงสร้างไอทีสำหรับองค์กรในยุคต่อไป พร้อมกับระบุว่าแม้จะมีสินค้าทับกันแต่ทั้งสองบริษัทก็เป็นพันธมิตรในหลายด้านมายาวนาน
Benjamin ระบุว่าแม้ทั้งสองบริษัทจะมองเห็นภาพคล้ายกันแต่แนวทางนั้นต่างกัน โดย VMware พยายามรองรับ Kubernetes ภายใต้โครงสร้างการจัดการ VM ที่เป็นเทคโนโลยีเดิม ขณะที่ Red Hat เลือกใช้เทคโนโลยี KubeVirt มารองรับ VM ใน Kubernetes โดยเริ่มจากโครงการที่มีชุมชนสนับสนุนอยู่เดิม
นอกจากแนวทางที่ต่างกัน เขายังย้ำถึงความได้เปรียบของ Red Hat ว่าเป็นบริษัทที่ทำงานกับโลกโอเพนซอร์สมายาวนาน ตั้งแต่การทำงานร่วมกับโครงการเคอร์เนลโดยตรง และถ้านับการพัฒนา OpenShift 3.0 ที่เป็น Kubernetes ก็เป็นระยะเวลา 5 ปีแล้ว ขณะที่ VMware รวมเอาเทคโนโลยีจากหลายบริษัทที่ซื้อเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีมานี้
ที่มา - งานแถลงข่าวออนไลน์ Red Hat
Benjamin Henshall ภาพจาก Red Hat |
# Dell เปิดตัว Precision โน้ตบุ๊ก workstation ใหม่ 2 รุ่น ดีไซน์คล้าย XPS เริ่ม 64,000 บาท
Dell เปิดตัว Precision 5550 ขนาด 15 นิ้ว และ 5750 ขนาด 17 นิ้ว โน้ตบุ๊กสาย workstation ดีไซน์ใหม่คล้ายรุ่น XPS ที่มีความบาง หน้าจออัตราส่วน 16:10 ทัชแพดใหญ่ขึ้น ลำโพงข้างคีย์บอร์ด รองรับ Wi-Fi 6 ทั้งสองรุ่น ตัดพอร์ต USB A และ HDMI ออก แต่ใส่ Thunderbolt 3 มาให้สองช่อง พร้อมกับ USB-C อีกหนึ่งช่อง
Precision 5750 หน้าจอ 17 นิ้ว ตัวเลือกซีพียูตั้งแต่ Core i5-10400H ถึงสูงสุด Intel Xeon W-10885M จีพียูสูงสุดถึง Nvidia Quadro RTX 3000 แรม SODIMM สูงสุด 64 GB DDR4 2,666 MHz, SSD M.2 2280 สองช่อง ทำ RAID ได้ ความจุสูงสุด 2TB ราคาเริ่มต้น 2,399 เหรียญ (ประมาณ 76,500 บาท)
Precision 5550 หน้าจอ 15 นิ้ว ตัวเลือกซีพียู Core-i5-10400H ถึงสูงสุด Xeon Gen 10th จีพียูสูงสุดถึง Nvidia Quadro T2000 แรม SDRAM สูงสุด 64 GB DDR4 2,933MHz, SSD M.2 2280 สองช่อง ทำ RAID ได้ ความจุสูงสุด 1TB ราคาเริ่มต้น 1,999 เหรียญ (ประมาณ 64,000 บาท)
รุ่น 5550 วางจำหน่ายวันที่ 28 พฤษภาคม ส่วน 5750 วางจำหน่ายในวันที่ 6 มิถุนายน ในสหรัฐอเมริกา
ที่มา - NotebookCheck |
# Spotify ได้ดีลกับ Joe Rogan ดาราตลกชื่อดังมาทำพอดคาสต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ มีวิดีโอด้วย
Joe Rogan คือดาราตลกและพิธีกรชื่อดัง หากใครไม่คุ้นชื่อก็คงจะคุ้นข่าว อีลอน มัสก์ สูบกัญชากลางไลฟ์พอดคาสต์ ก็มี Joe Rogan คนนี้เองเป็นพิธีกร ล่าสุด Rogan ได้ดีลใหญ่กับ Spotify ทำรายการพอดคาสต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟในชื่อรายการว่า The Joe Rogan Experience
โดย The Joe Rogan Experience จะไม่ใช่พอดคาสต์ธรรมดา แต่เป็นพอดคาสต์พร้อมวิดีโอที่ Spotify ซุ่มทดลองอยู่ก่อนหน้านี้ รายการเริ่ม 1 กันยายนนี้
Spotify จริงจังด้านพอดคาสต์มากขึ้น ปีที่แล้วก็เข้าซื้อ Gimlet Media ผู้ผลิตคอนเทนต์ Podcast และ Anchor แพลตฟอร์มสร้าง Podcast และเดินหน้าดีลทำเนื้อหาเอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึงรายการพอดคาสต์จากโปรดักชั่นของบารัก โอบามา รวมถึงพยายามดีลกับคนดังไม่ว่าจะเป็น Joe Buddenแรปเปอร์ และ Amy Schumer นักแสดงตลกชื่อดัง เป็นต้น
ภาพจาก Spotify
ที่มา - The Verge |
# Steam China ไคลเอนต์เวอร์ชั่นเซนเซอร์ในจีน ออกรุ่น Alpha แล้ว , จำกัดเวลาเล่นตามคำแนะนำรัฐบาล
ตั้งแต่เปิดตัว Steam China เมื่อปี 2018 เราก็แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ Steam เวอร์ชั่นนี้เลย แต่อัพเดตล่าสุดที่หลุดมาเราได้พบว่าตัวไคลเอนต์ได้เข้าสู่รุ่น Alpha แล้วโดยที่ยังไม่มีเซิฟเวอร์ทางการของ Steam China และตัวไคลเอนต์ได้รับการรับรองจากทางการประเทศจีนเรียบร้อย โดยข้อมูลทั้งหมดที่หลุดมาของเวอร์ชั่นนี้มีดังนี้
ทุกครั้งที่เปิดเกมเล่น จะมีแสดงคำแนะนำการดูแลสุขภาพสำหรับเกมเมอร์ 5 วินาที โดยมีคำเตือนอย่าง "การเล่นที่มากเกินไปเป็นอันตรายต่อร่างกาย"
โปรไฟล์ของผู้เล่นจะถูกแก้ไขโดยไคลเอนต์ รูปโปรไฟล์จะแสดงผลด้วยเครื่องหมายคำถาม และชื่อโปรไฟล์จะถูกแปลงเป็นเลขเฉพาะตัว steamID64 ซึ่งดูเหมือนว่ามาตรการนี้เป็นมาตรการชั่วคราว จนกว่าระบบชุมชนของ Steam จะถูกรับรองโดยทางการจีน
มีการจำกัดเวลาการเล่นโดยอิงไกด์ไลน์จากทางการจีนที่ออกเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยจะใช้สำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่าที่กำหนด
นี่เป็นเพียงขั้นต้นของ Steam เวอร์ชั่นที่ถูกดัดแปลงเพื่อที่ให้สามารถใช้งานได้จีนได้เท่านั้น ยังมีสัญญาณของการที่ Steam จะต้องเพิ่มหรือลดเกมในร้านค้าของตัวเอง เพื่อที่จะเข้าถึงตลาดเกมขนาดใหญ่ของจีนได้เช่นเดียวกันกับ Riot Games ที่เคยทำมาก่อนหน้า
ที่มา - WIN.gg |
# PowerToys อัพเดตเพิ่ม Keyboard Remap และ PowerToys Run เหมือน Spotlight ใน macOS
ไมโครซอฟท์อัพเดต PowerToys ชุดเครื่องมืออรรถประโยชน์มาให้เรื่อย ๆ ตั้งแต่เปิดตัวเมื่องาน Build ปีที่แล้ว และล่าสุดในอัพเดตเวอร์ชัน 0.18 ไมโครซอฟท์เพิ่มเครื่องมือมาให้ 2 ตัวคือ PowerToys Run และ Keyboard Remap
PowerToys Run ทำหน้าที่เหมือนแอป Run แต่เปลี่ยน UI ให้เหมือน Spotlight บน macOS รวมถึงสามารถเปิดได้คล้าย ๆ ด้วยปุ่ม Alt+Spacebar ขณะที่ Keyboard Remap ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับหรือตั้งค่าปุ่มบนคีย์บอร์ดใหม่ ไปจนถึงสลับ shortcut ได้ น่าจะช่วยตอบโจทย์คนที่คุ้นเคยกับ macOS ที่ใช้ปุ่ม Command เป็นหลักให้สามารถสลับปุ่ม Ctrl และ Alt ได้ง่ายขึ้น
ที่มา - PowerToys GitHub |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.