txt
stringlengths
202
53.1k
# HBO จะปิดแอป HBO Go ในสหรัฐฯ ส่วน HBO Now เปลี่ยนชื่อเป็น HBO เฉยๆ HBO Max สตรีมมิ่งรายใหม่จากบริษัท Warner Media เปิดตัวได้หลายวันแล้ว ในขณะเดียวกัน Warner Media ก็มีบริการสตรีมมิ่งที่คล้ายๆ กันและเปิดให้บริการอยู่ก่อนแล้วคือ HBO Now และ HBO Go (สร้างความสับสนงุนงงไม่น้อย) ล่าสุด Warner Media เผยว่าจะปิดแอป HBO Go อย่างเป็นทางการ ส่วนลูกค้าที่ใช้งาน HBO Go สามารถเข้าใช้งาน HBO Max ต่อได้เลยโดยใช้บัญชีล็อกอินอันเดิม โดยแอปพลิเคชั่น HBO Go จะไม่สามารถดาวน์โหลดได้ในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. เป็นต้นไป ผู้ใช้งานยังสามารถดูผ่านเว็บไซต์ HBOGO.com ได้ แต่ก็ดูได้จนถึงแค่ 31 ส.ค. นี้ ด้านแอปพลิเคชั่น HBO Now คือสตรีมมิ่งที่มีคอนเทนต์รูปแบบเดียวกันกับ HBO Go แต่สมัครใช้งานได้โดยไม่ต้องผูกกับบริการเคเบิลทีวี ก็สามารถใช้งานของใหม่ HBO Max ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งในเดือนถัดๆ ไป ทั้งแอปและเว็บไซต์ HBO Now จะถูกรีแบรนด์ใหม่เป็น HBO เฉยๆ และเข้าใช้งานได้จากแอปเดิมที่จะถูกรีแบรนด์ใหม่ และผ่านทางเว็บไซต์ play.hbo.com อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนว่า HBO Go ที่ตอนนี้คนไทยใช้งานอยู่โดยผูกกับบริการอินเทอร์เน็ต 3BB จะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร ผู้อ่านสามารถอ่านย้อนหลังความแตกต่างระหว่าง HBO GO, HBO Now และ HBO Max ได้ ที่มา - HBO
# อ่านก่อนรีทวีต ทวิตเตอร์ทดสอบให้อ่านบทความต้นทางก่อนแชร์ คาดว่าเพื่อป้องกันข่าวปลอม ทวิตเตอร์เผยว่ากำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่บนมือถือแอนดรอยด์ คือถ้าผู้ใช้งานกำลังจะกดรีทวีตโพสต์ที่ผู้ใช้ยังไม่ได้กดอ่านที่บทความต้นทาง ระบบจะแสดงหน้าต่าง แนะนำให้ผู้ใช้อ่านก่อนจะกดรีทวีต ซึ่งน่าจะเป็นการป้องกันการแพร่กระจายไปในวงกว้างในกรณีที่เป็นข่าวปลอม คลิกเบท ตัวหน้าต่างที่แสดงเพิ่มขึ้นมามีลิงค์บทความต้นทาง ในขณะเดียวกันผู้ใช้งานก็เลือกได้ว่าจะกดอ่าน หรือรีทวีตเลย ที่มา - ทวิตเตอร์
# โครงการ OpenZFS เลิกใช้คำว่า Slave ที่หมายถึงทาส เปลี่ยนมาใช้ Dependent กระแส Black Lives Matter ในช่วงนี้ ทำให้ซอฟต์แวร์หลายตัวปรับแก้เรื่องภาษาที่ใช้ ไม่ให้กระทบคนผิวดำ เช่น Chrome เปลี่ยนคำว่า Blacklist เป็น Blocklist ซอฟต์แวร์อีกตัวที่แก้ไขเรื่องนี้คือ OpenZFS โครงการพัฒนาระบบไฟล์ ZFS ของฝั่งลินุกซ์ ที่เลิกใช้คำว่า slaves (ในบริบทของ master/slave) เปลี่ยนมาใช้คำว่า dependents หรือชื่อย่อ deps แทน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เสนอแก้โดย Matthew Ahrens ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สร้าง ZFS มาตั้งแต่ยุค Sun Microsystems ในปี 2001 และปัจจุบันยังเป็นนักพัฒนาหลักของโครงการ OpenZFS เขาให้เหตุผลในการแก้ว่า ควรเลิกใช้คำที่หมายถึง "ทาส" ในซอฟต์แวร์ เพราะไม่จำเป็นอะไร การแก้ไขชื่อ slave ของ OpenZFS มีผลกับคำว่า slave เกือบทั้งหมด ยกเว้นการอ้างอิงชื่อไดเรคทอรี /sys/class/block/$dev/slaves ที่ต้องอิงกับเคอร์เนลลินุกซ์ ก่อนหน้านี้มีซอฟต์แวร์หลายๆ ตัวเปลี่ยนคำว่า master/slave เป็นคำอื่น เช่น Python เปลี่ยนเป็นคำว่า parent/workers ตั้งแต่ปี 2018 หรือโครงการอื่นๆ อย่าง Drupal (ใช้คำว่า primary/replica), Redis (ใช้คำว่า leader/follower), BIND (ใช้คำว่า primary/secondary) ที่มา - OpenZFS, Ars Technica, ภาพจาก @openzfs
# กูเกิลฟ้องกลับ Sonos หลังโดนฟ้องคดีสิทธิบัตรลำโพง บอกช่วย Sonos เยอะมาก จากข่าวเมื่อต้นปีที่ Sonos ฟ้องกูเกิล ข้อหาละเมิดสิทธิบัตรด้านลำโพงที่ใช้ใน Google Home เวลาผ่านมาสักพักใหญ่ๆ กูเกิลออกมาฟ้องกลับ Sonos แล้ว รายละเอียดในคำฟ้องของกูเกิลบอกว่า กูเกิลไม่ค่อยได้ฟ้องใครเรื่องสิทธิบัตร แต่รอบนี้จำเป็นต้องออกมาคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของตัวเอง เพราะกูเกิลช่วยสนับสนุนเทคโนโลยีด้าน voice assistant และบริการเพลงออนไลน์ Play Music ให้ Sonos อย่างมาก ตั้งแต่ระดับการออกแบบผลิตภัณฑ์ สร้าง และทดสอบ กูเกิลบอกว่าช่วยสนับสนุนกำลังวิศวกรให้ Sonos เชื่อมต่อ Google Play Music มาตั้งแต่ปี 2013 และในปี 2016 ก็ช่วยเรื่อง Google Assistant แถม Sonos ยังเป็นพาร์ทเนอร์รายแรกที่ Google Assistant ตั้งค่าเป็นลำโพงดีฟอลต์ได้ด้วย ที่มา - The Verge
# EA เปิดตัว Star Wars: Squadrons เกมขับยานรบภาคใหม่ในจักรวาล Star Wars EA เปิดตัวเกม Star Wars: Squadrons เกมขับยานรบภาคใหม่ล่าสุดในจักรวาล Star Wars โดยจะแถลงผ่านคลิปในวันจันทร์ที่ 15 มิ.ย. ตอน 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ตอนนี้ยังมีภาพของ Star Wars: Squadrons ออกมาเพียงภาพเดียว ซึ่งเป็นนักบินของฝ่าย Resistance กับ First Order จากไตรภาคล่าสุด และยานรบของทั้งสองฝ่ายที่นำโดย X-Wing ต่อกรกับ Tie Fighter ในอดีต Star Wars เคยมีเกมขับยานรบหลายซีรีส์ เช่น Rogue Squadron, Starfighter และ X-Wing เว็บไซต์ VentureBeat ให้ข้อมูลจากแหล่งข่าววงในว่า เกม Star Wars: Squadrons จะมีโหมดเนื้อเรื่องแบบเล่นคนเดียวด้วย แต่จะโฟกัสไปที่การเล่นมัลติเพลเยอร์แบบเป็นทีมมากกว่า เกมจะลงทั้งพีซีและคอนโซล (ยังไม่ระบุชื่อคอนโซล) ออกขายช่วงปลายปีนี้ เกมนี้พัฒนาโดย Motive Studios สตูดิโอที่ EA ตั้งใหม่ในปี 2015 ที่แคนาดา (โดย Jade Raymond อดีตผู้บริหารของ Ubisoft ที่ย้ายมา EA แล้วล่าสุดย้ายไปอยู่ Google Stadia) ก่อนหน้านี้ Motive มีผลงานช่วยพัฒนาเกม Star Wars Battlefront II และ Anthem ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ Motive รับผิดชอบเกมของตัวเองเต็มตัว ที่มา - VentureBeat
# Huawei เปิดตัว Matepad Pro 5G แท็บเล็ต 10.8 นิ้ว รองรับ 5G ราคา 29,990 บาท นอกจาก Huawei Nova 7 และ 7SE แล้ว วันนี้ Huawei ยังเปิดตัว Matepad Pro 5G แท็บเล็ตหน้าจอ 10.8 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ชิป Kirin 990 รองรับ 5G แรม 8 GB หน่วยความจำ 256 GB กล้องหน้า 8MP แบบอัลตร้าไวด์ กล้องหลัง 13 MP ลำโพง 4 ตัว ไมโครโฟน 5 จุด แบตเตอรี่ 7,250 mAh รันบน EMUI 10.1 บนฐาน Android 10 ไม่มี Google Mobile Services และมีสีเดียวคือสี Forest Green สั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ รับของแถมมูลค่า 9,210 บาท ยังไม่เปิดเผยวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่มา - Huawei Live
# Huawei เปิดตัว Nova 7 ราคา 16,990 บาท Nova 7 SE 11,990 บาท รองรับ 5G ทั้งคู่ ไม่มี GMS วันนี้ Huawei เปิดตัวมือถือในตระกูล Nova 7 อีกสองรุ่นหลังคือ Nova 7 และ Nova 7 SE หลังเปิดตัว Nova 7i ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังมีแท็บเล็ต Matepad Pro 5G อีกรุ่น โดยทั้งสามเครื่องรองรับ 5G บน SoC ตัวเดียว ไม่ต้องใช้ชิปโมเด็มแยก ทั้งสองรุ่นรันบน EMUI 10.1 บนฐาน Android 10 และไม่มี Google Mobile Services Nova 7 มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ใช้ชิป Kirin 985 รองรับ 5G แรม 8 GB หน่วยความจำภายใน 256 GB รองรับ Nano Memory Card ความจุสูงสุด 256 GB กล้องหน้า 16 MP กล้องหลัง 4 กล้อง ประกอบด้วย กล้องหลัก 64 MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 8 MP เลนส์เทเลโฟโต้ 8 MP ซูมแบบไฮบริดได้ 5 เท่า ดิจิทัลซูม 20 เท่า และเลนส์มาโคร 2 MP แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ Huawei Supercharge 40W ชาร์จได้ 70% ใน 30 นาที Nova 7 มีสองสี เป็นสีม่วง Midsummer Purple กับสีเงิน Space Silver สั่งจองได้วันที่ 4-10 กรกฎาคมนี้ วางขายวันที่ 11 กรกฎาคม ในราคา 16,990 บาท ส่วนของแถมยังไม่เปิดเผยข้อมูล Nova 7 SE หน้าจอเป็นแบบ LTPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ใช้ชิป Kirin 820 รองรับ 5G เช่นกัน มาพร้อมแรม 8 GB หน่วยความจำภายใน 128 GB รองรับ Nano Memory Card ในฟอร์แมต exFAT และ FAT32 ความจุสูงสุด 256 GB กล้องหน้า 16 MP กล้องหลัง 4 กล้อง ประกอบด้วย กล้องหลัก 64 MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 8 MP เลนส์โบเก้ 2 MP และเลนส์มาโคร 2 MP แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ Huawei Supercharge 40W เช่นกัน Nova 7 SE มีสองสี คือสีเขียว Crush Green และสีเงิน Space Silver สั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 21 มิถุนายน วางจำหน่ายวันที่ 22 มิถุนายน ในราคา 11,990 บาท สั่งจองล่วงหน้ารับของแถม 4,667 บาท นอกจากนี้ยังมี Huawei Freebuds 3i หูฟังไร้สายราคา 3,299 บาท วางจำหน่าย 22 มิถุนายนนี้ และ Huawei Y8P หน้าจอ OLED 6.3 นิ้ว ชิป Kirin 710F หน่วยความจำ 256 GB แสกนรอยนิ้วมือใต้จอ รันบน EMUI 10.1 บนฐาน Android 10 มีสองสีคือ Breathing Crystal กับ Midnight Black ราคา 6,990 บาท วางขายบนออนไลน์สโตร์เท่านั้น ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ที่มา - Huawei Live
# GTA V จะออกเวอร์ชันอัพเกรดบน PS5, Xbox Series X ส่วน GTA Online จะออกเกมแยก Rockstar ประกาศยกเครื่องเกม GTA V สำหรับคอนโซลยุคใหม่ (ซึ่งหมายถึง PS5 และ Xbox Series X) โดยปรับปรุงกราฟิก ประสิทธิภาพ เพื่อดึงศักยภาพของคอนโซลรุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างเต็มที่ เกมเวอร์ชันใหม่จะออกช่วงครึ่งหลังของปี 2021 Rockstar ยังประกาศทำ GTA Online ภาคแยกต่างหาก (สำหรับคนอยากเล่นเฉพาะออนไลน์เท่านั้น) ออกในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 เช่นกัน โดยผู้เล่น PS5 จะมีสิทธิได้เกมฟรีในช่วง 3 เดือนแรกที่เปิดตัว GTA Online ยังจะเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ ที่เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะคอนโซลรุ่นใหม่และพีซีเท่านั้น (แปลว่า PS4 และ Xbox One อด) แต่ Rockstar ก็ปลอบใจโดยลูกค้า PlayStation Plus บน PS4 จะได้เงินใช้ฟรีเดือนละ 1 ล้าน GTA$ ไปจนกว่า GTA Online เวอร์ชัน PS5 จะออกวางขาย ที่มา - Rockstar
# NBA 2K21 เปิดตัว ผู้สร้างบอกใช้เวลาโหลดเกมบน PS5 เพียงแค่ 2 วินาที เกมใหม่อีกเกมที่เปิดตัวในงานแถลงข่าว PS5 เมื่อคืนนี้คือ NBA 2K21 เกมบาสเก็ตบอลจาก 2K Games โดยโชว์ "ฟุตเตจจริง" ของเกมที่เรนเดอร์ด้วย PS5 เป็นนักกีฬา Zion Williamson ของทีม New Orleans Pelicans ที่กำลังเล่นบาสเก็ตบอลอยู่คนเดียว ตอนนี้ยังไม่มีฟุตเตจเกมเพลย์ของ NBA 2K21 แต่มีคลิปของ Greg Thomas ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ Visual Concepts ที่พัฒนาเกมซีรีส์นี้ ระบุว่าระยะเวลาในการโหลดเกม NBA 2K21 บนเครื่อง PS5 ใช้เวลา 2 วินาทีเท่านั้น ซึ่งหมายถึงศักยภาพของ SSD ความเร็วสูงบน PS5 นั่นเอง เกมจะวางขายช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 (ภาคก่อนหน้านี้วางขายเดือนกันยายน) โดยจะลงทั้ง PS5, Xbox Series X และพีซี ที่มา - Polygon
# ทวิตเตอร์กวาดล้างกว่า 170,000 บัญชี พบมีเอี่ยวสร้างโฆษณาชวนเชื่อจากจีน ต้านม็อบฮ่องกง ทวิตเตอร์เผยได้ลบบัญชีผู้ใช้งานกว่า 170,000 บัญชีที่เกี่ยวข้องหรือมีพฤติกรรมเผยแพร่ข้อมูลปลอม, โฆษณาชวนเชื่อสนับสนุนรัฐบาลจีน โดยทวีตข้อความในภาษาจีน ที่มีเนื้อหาสนับสนุนและเป็นประโยชน์ต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน รวมถึงแพร่เรื่องเล่าชวนเชื่อต่อต้านม็อบฮ่องกง ในบล็อกของทวิตเตอร์ระบุว่า ทางบริษัทได้ทำงานร่วมกับคณะวิจัย Australian Strategic Policy Institute (ASPI) และ Stanford Internet Observatory (SIO) ในการสอบสวนพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลต่างๆ โดยบัญชีจากจีนที่ถูกลบไปแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มแรกจำนวน 23,750 บัญชี เป็นกลุ่มที่เผยแพร่เนื้อหาแล้วมี engagement สูง ส่วนอีกกลุ่มคือราว 150,000 บัญชี มีส่วนช่วยขยายเสียงหรือกระจายเนื้อหาให้แพร่ออกไป นอกจากนี้ทวิตเตอร์ยังบอกด้วยว่าเจอบัญชีที่มีพฤติกรรมลักษณะเดียวกันในรัสเซียด้วย แพร่เนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งทวิตเตอร์พบและลบไปแล้ว 1,152 บัญชี และจากตุรกีอีก 7,340 บัญชี ที่มา - ทวิตเตอร์
# Resident Evil: Village เตรียมลงทั้ง PS5, Xbox Series X และ Steam ในงานเปิดตัว PS5 เมื่อวานนี้ อีกหนึ่งเกมที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ได้พอสมควร ก็คือ Resident Evil: Village หรือ RE:VIII ภาคต่อโดยตรงของ Resident Evil 7 เกมสยองขวัญตระกูล Resident Evil ที่เปลี่ยนมาทำแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่ง แต่อยู่ในจักรวาลเดิม แถมมีพี่ Chris Redfield ในลุคใหม่ (ที่เหมือนเดิมแล้ว) โผล่มาในตอนท้ายอีกด้วย ตัวเกมรันบน RE Engine ของ Capcom เช่นเคย แต่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด เหตุการณ์อยู่ในช่วง 2-3 ปี หลังภาค 7 โดยผู้เล่นจะได้เล่นเป็นทั้ง Ethan Winters และ Chris Redfield พร้อมมีระบบกล่องเก็บของแบบใหม่ โดย Capcom เตรียมเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในเดือนสิงหาคมนี้ และตัวเกมจะวางจำหน่ายภายในปี 2021 บนเครื่อง PS5, Xbox Series X และ PC (Steam) ที่มา - Resident Evil: Village
# Facebook เริ่มทดสอบฟีเจอร์แสดงข้อมูลจาก Wikipedia ในช่องค้นหา รับมือข่าวปลอมอีกทาง Facebook เริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ แสดงข้อมูลจาก Wikipedia ในช่องค้นหา คล้ายกับฟีเจอร์ Knowledge Panels ของ Google โดยเมื่อค้นหาข้อมูลต่างๆ จะมีแท็บปรากฏเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นจากบทความใน Wikipedia พร้อมรูปภาพประกอบ Facebook เพิ่มฟีเจอร์ดังกล่าวเพื่อป้องกันข่าวปลอมที่แพร่หลายอย่างมาก ก่อนหน้านี้ Facebook ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์แปะป้ายว่าโพสต์ใดเป็นข่าวปลอม รวมไปถึง ให้บัญชีผู้ใช้ที่ได้รับความนิยมผิดปกติยืนยันตัวตน แต่ล่าสุดก็ถูก Joe Biden เรียกร้องกึ่งโจมตีให้แก้ข่าวปลอม โดยเฉพาะกรณีที่ยกเว้นโพสต์ของ Trump อนึ่ง ฟีเจอร์ดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงทดลอง มีผู้ใช้แค่บางส่วนเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ นอกจากนี้ ยังไม่มีกำหนดว่าจะปล่อยให้ใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อไร ที่มา - Engadget
# Chris Cox อดีตคนเก่าแก่ของ Facebook กลับเข้ามาทำงานใหม่ในตำแหน่งหัวหน้าผลิตภัณฑ์ ปีที่แล้ว Chris Cox หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ WhatsApp ลาออกจาก Facebook ซึ่งเขาทำงานกับ Facebook มายาวนานกว่า 13 ปี เคยรับผิดชอบทั้งหน้า News Feed ของ Facebook และช่วยสร้างแผนกทรัพยากรบุคคล ก่อนที่จะรับหน้าที่ดูแลผลิตภัณฑ์ทั้งหมดโดยรวม ล่าสุด Cox กลับเข้ามาประจำการที่ Facebook แล้วในตำแหน่ง CPO หรือ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ ดูแลภาพรวมผลิตภัณฑ์หลักอย่าง Facebook app, Messenger, Instagram และ WhatsApp ควบคู่ไปกับการตลาด เริ่มงานวันที่ 22 มิถุนายนนี้ Cox บอกว่า Facebook ยังคงเป็นสถานที่ที่เขารู้จักดีที่สุด และเป็นงานที่เขาพร้อมจะพับแขนเสื้อ และลงมือช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เขายังบอกด้วยว่าได้ติดต่อไปหา มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก และเสนอความช่วยเหลือในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด ความขัดแย้งในสังคม รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่ Facebook กำลังเผชิญอยู่ ด้านมาร์ค ก็แชร์โพสต็ต้นทางของ Cox และเขียนแคปชั่นว่ารู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาร่วมงานกัน ที่มา - The Verge
# Cloudflare ปล่อยโครงการ UtahFS ระบบไฟล์เข้ารหัสก่อนส่งขึ้นคลาวด์ ปิดบังรูปแบบการใช้งาน Cloudflare เปิดซอร์สโครงการ UtahFS ของทีมวิจัย โดยเป็นระบบไฟล์ที่สร้างไดร์ฟในเครื่องจากบริการคลาวด์สตอเรจ เน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ที่ทำให้ผู้ให้บริการคลาวด์มีข้อมูลการใช้งานน้อยลง UtahFS เข้ารหัสไฟล์ก่อนส่งขึ้นคลาวด์เสมอ โดยไฟล์ในอยู่คลาวด์สตอเรจนั้นไม่ได้เป็นไฟล์จริงที่เราเก็บ แต่ระบบไฟล์จะซอยไฟล์ออกเป็นไฟล์ขนาดไม่เกิน 32KB, มีระบบตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์, และฟีเจอร์ Oblivious RAM ที่ปิดบังรูปแบบการใช้งานว่าอ่านไฟล์ใดบ่อยเป็นพิเศษหรือไม่ ข้อมูลทั้งหมดรวมถึงชื่อไฟล์ก็เข้ารหัสทั้งสิ้น โครงการนี้เป็นโครงการทดลองที่ไม่ได้ใช้งานจริงใน Cloudflare ที่มา - Cloudflare Blog
# Pokemon Go เลิกซัพพอร์ทสมาร์ทโฟน 32 บิทในเดือนสิงหาคมนี้ Pokemon Go ประกาศจะอัพเดตตัวแอปให้ไม่รองรับบนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์แบบ 32 บิทในเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากทั้งฝั่ง iOS และแอนดรอยด์พยายามผลักดัน 64 บิทมาหลายปี ผู้เล่นที่ใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าที่รองรับแค่ 32 บิท (ส่วนใหญ่คือเปิดตัวก่อน 2015 อย่าง Samsung Galaxy S4, S5, Note 3, Xperia Z2, Z3, Moto G (1st generation) จะไม่สามารถเข้าเกมหรือคอนเทนท์ของเกมได้เลย แต่ก็สามารถล็อกอินบนอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่เป็น 64 บิทได้โดยที่ข้อมูลทุกอย่างยังเหมือนเดิม ที่มา - Pokemon Go
# Horizon Forbidden West ภาคต่อเกมดังบน PS4 เปิดตัวลง PS5 Horizon Zero Dawn เกม open-world ของ Guerilla Games ที่โชว์ศักยภาพของเครื่อง PS4 ได้แบบเต็มสูบ กวาดรางวัลไปมากมาย พร้อมได้คะแนนบน Metacritic สูงถึง 89 คะแนน เปิดตัวภาคต่อ Horizon Forbiden West บนเครื่อง PS5 เมื่อคืนนี้ พร้อมตัวอย่างที่แสดงให้เห็นสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ระบบดำน้ำ และสรรพสัตว์ต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามามากขึ้นกว่าภาคก่อน รวมถึงงานภาพที่ค่อนข้างเป็นจุดเด่นบน PS4 อยู่แล้ว ก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งจุดขายของตัวเกม ที่น่าจะรีดศักยภาพของ PS5 ออกมาให้ได้มากที่สุด โดยตัวเกมระบุไว้ว่าจะวางจำหน่าย “เร็วๆ นี้ บน PS5” ที่มา - PS5 Live
# Capcom เผยยอดขายรวมเกมตระกูล Resident Evil เกิน 100 ล้านยูนิตแล้ว หลังเปิดตัว Resident Evil: Village หรือ RE:VIII พร้อมเครื่อง PS5 ไปเมื่อคืน ล่าสุด Capcom ก็ออกแถลงว่าเกมตระกูล Resident Evil ทำยอดขายได้เกิน 100 ล้านยูนิตทั่วโลกแล้ว หลังในรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ ระบุตัวเลขแค่ “เกือบ” 100 ล้านยูนิต ส่วนสำคัญของยอดขายนี้ มาจากเกมภาครีเมค อย่าง Resident Evil: 2 ที่ทำยอดขายได้ถึง 3 ล้านยูนิตในสัปดาห์เปิดตัว ส่วน Resident Evil: 3 ก็ที่ทำยอดขายได้ 2 ล้านยูนิตในสัปดาห์เปิดตัวเช่นกัน ส่วน Resident Evil 5 ยังครองตำแหน่งเกมภาคที่ขายดีที่สุด ขณะที่ Resident Evil 6 และ 7 ก็ตามมาแบบติดๆ และมีแววที่ Resident Evil 7 จะมียอดขายเพิ่มอีก หลังเปิดตัว Resident Evil: Village ที่เป็นภาคต่อโดยตรงเมื่อคืนนี้ ที่มา - Capcom via Gamespot
# บริการโอนเงินต่างประเทศใน K PLUS รองรับเพิ่มอีก 6 สกุลเงินเป็น 12 สกุลเงิน, มีโปรค่าธรรมเนียม 250 บาท ธนาคารกสิกรไทยประกาศเพิ่มสกุลเงินที่รองรับในการโอนเงินต่างประเทศใน K PLUS เพิ่มอีก 6 สกุลเงินรวมเป็นทั้งหมด 12 สกุลเงิน ใช้งานได้ในกว่า 30 ประเทศ นอกจากนี้ K PLUS ยังมาพร้อมกับโปรโมชันพิเศษ คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 250 บาททุกรายการ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2563 ส่วนลูกค้าใหม่ที่โอนเงินไปยังต่างประเทศผ่าน K PLUS ครั้งแรก ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ จะได้รับ e-Gift Card Starbucks มูลค่า 150 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 31 กรกฎาคม 2563 อีกด้วย สกุลเงินที่รองรับ (จำกัดการโอนสูงสุดที่ 49,999 USD หรือเทียบเท่า/ครั้ง/วัน) เงินดอลลาร์ของสหรัฐ (USD) เงินปอนด์ (GBP) ดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ยูโร (EUR) รูเปียอินโดนีเซีย (IDR) เปโซฟิลิปปินส์ (PHP) รูปีอินเดีย (INR) ดองเวียดนาม (VND) วอนเกาหลีใต้ (KRW) ริงกิตของมาเลเซีย (MYR) ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# สู่ยุคหลังโควิด KBTG เปิดตัว 6 เทคโนโลยีไร้สัมผัส ไม่ต้องแตะหน้าจอก็ทำธุรกรรมได้ KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย จัดงานเปิดตัว 6 เทคโนโลยีที่ช่วยให้คนสามารถปรับสู่วิถีชีวิตใหม่หรือ New Normal เน้นลดการสัมผัสระหว่างมือและอุปกรณ์ หรือ Contactless Technology ความน่าสนใจคือ ทั้ง 6 เทคโนโลยี ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำธุรกรรมการเงินเท่านั้น แต่รวมไปถึงการดำรงชีวิตทั่วไปอย่างการซื้อเครื่องดื่ม, การเข้าออกสำนักงาน, การใช้งานล็อกเกอร์เก็บของที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้มือกดหรือสัมผัสอุปกรณ์ใดๆ คุณกระทิง หรือ เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน บริษัท KBTG ให้มุมมองต่อยุค New Normal หรือชีวิตหลัง COVID-19 ไว้อย่างน่าสนใจว่า ผู้ใช้งานที่เปิดบัญชีด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชั่น K PLUS โตขึ้น 16 เท่าภายในสองเดือน สิ่งนี้สะท้อนพฤติกรรมช่วงโรคระบาดได้เป็นอย่างดี เพราะโรคระบาด ปรับพฤติกรรมคนที่อาจใช้เวลาเป็นปีให้เหลือเพียงสองเดือนได้ นั่นจึงเป็นที่มาของการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ 6 อย่างของ KBTG หรือ KBTG Contactless Technology หรือการที่เราไม่ต้องสัมผัสอุปกรณ์ และมันจะเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกันระหว่างผู้ใช้งานและผู้ให้บริการการเงินไปอย่างสิ้นเชิง ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ นักวิจัยและวิศวกร KBTG ได้พูดถึงความสามารถของ computer vision ว่า การที่คอมพิวเตอร์รับรู้ใบหน้าคนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมาตั้งแต่ 1990 แล้ว และปัญญาประดิษฐ์ก็ช่วยให้ตรวจจับได้แม่นยำถูกต้องมากขึ้น ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ไปได้ไกลกว่านั้น คือสามารถรับรู้ gesture หรือการนำทางจากมือมนุษย์ได้ ในอดีตเราต้องติดเซนเซอร์มากมายที่มือเพื่อให้คอมพิวเตอร์ตรวจจับท่าทาง แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก สามารถใช้มือเปล่าไม่ต้องติดเซนเซอร์ควบคุมหน้าจอโดยไม่ต้องแตะมันได้ 6 เทคโนโลยีไร้สัมผัสจาก KBTG จำลองภาพอนาคต New Normal 1 Face Check-in สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับ New Normal คือใส่หน้ากากอนามัยจนเป็นเรื่องปกติ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องใช้ใบหน้าในการยืนยันตัวตนเข้าสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะด้วยการแลกบัตร สแกนหน้าเข้างาน เข้าที่พักอาศัย Face Check-in จึงช่วยตอบโจทย์คือสามารถสแกนตรวจสอบใบหน้าที่สามารถระบุตัวตนได้ แม้สวมหน้ากากอนามัยอยู่ ไม่ต้องคอยถอดหน้ากากหรือใช้มือจับคีย์การ์ดเพื่อเข้าตึก ซึ่ง KBTG ได้ใช้งานระบบนี้แล้วที่ตึกสำนักงาน ตัวเทคโนโลยียังเน้นไปที่การใช้งานในการเข้า-ออกคอนโดที่พักอาศัย, เข้าตึกสำนักงาน ก่อนในระยะแรก นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอีกด้วย เพื่อรองรับวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เรียกว่า New Normal ของสังคมไทยในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี 2 KLox หรือ Face Locker ตู้ล็อกเกอร์ที่ฉลาดและรู้จักตัวตนของผู้ใช้ KLox คือ บริการตู้ล็อกเกอร์เก็บของที่มีความพิเศษตรงที่สแกนใบหน้าผู้ใช้งาน ไม่ต้องใช้กุญแจล็อกเกอร์หรือจดจำรหัสผ่าน นอกจากนี้ยังรองรับการเรียนรู้ท่าทางของผู้ใช้งาน ทำให้เข้าใช้งานได้โดยไม่ต้องจับล็อกเกอร์เลย ซึ่งตอนนี้เปิดให้ใช้งานจริงแล้วที่อาคาร K+ สามย่าน ชั้น 1 ผู้พัฒนาตั้งเป้าว่าจะใช้ KLox ต่อยอดไปยังการใช้งานประเภทอื่น เช่น เป็นจุดรับสินค้าอีคอมเมิร์ซ, ใช้งานตามคอนโด และอีเว้นท์ต่างๆ 3 Eat by Black Canyon KBTG ร่วมกับ Black Canyon สร้างประสบการณ์ใหม่ในการออกไปรับประทานอาหารหรือเข้าคาเฟ่ข้างนอกโดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารและชำระเงินผ่านตู้อัตโนมัติโดยไม่ต้องสื่อสารกับพนักงาน ซึ่งตู้ดังกล่าวถูกออกแบบให้ใช้ระบบ Contactless Menu ที่อาศัยความเคลื่อนไหวของมือในการสั่งการ จึงไม่จำเป็นต้องสัมผัสโดนหน้าจอ 4 Contactless Menu ระบบสั่งอาหารผ่านหน้าจอแทบเล็ตที่สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวของมือให้ลูกค้าทำรายการได้โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ 5 Face Pay รูปแบบการชำระเงินค่าสินค้าและบริการผ่านการตรวจสอบสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้ใช้งาน 6 ReKeep บริการใบเสร็จรับเงินในรูปแบบดิจิทัลสำหรับร้านค้า ที่ให้ลูกค้าสามารถรับใบเสร็จในรูปแบบดิจิทัลผ่านการสแกน QR Code ช่วยลดการสัมผัส ลดการใช้กระดาษ เพราะกระดาษใบเสร็จส่วนใหญ่มักลงเอยด้วยการเป็นขยะอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้เปิดใช้งานจริงแล้วที่ร้าน Black Canyon สาขา KBTG และเตรียมทดสอบการใช้งานที่สาขาสุขาภิบาล 2 สรุป ในงาน KBTG Contactless Technology ได้ ทำให้เห็นถึงสถานการณ์ที่คนทั่วไปจะต้องเจอในยุคหลัง COVID-19 ทั้งการสแกนหน้าเข้าตึกไม่ต้องถอดหน้ากากอนามัย หรือการใช้ใบหน้ายืนยันตัวตนและจ่ายเงิน นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวยังถูกพัฒนาในระยะเวลาไม่กี่เดือน KBTG จึงถือเป็นองค์กรเทคโนโลยีที่ปรับตัวได้เร็ว สะท้อนวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อและสนับสนุนให้นักพัฒนาผลิต product ใหม่ออกได้เร็ว และใช้งานได้จริงโดยเริ่มใช้งานกันภายในองค์กรก่อน สอดคล้องกับ คอนเซปต์ Eat your own dog food หรือการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ปละใช้กันเองในกลุ่มพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ KBTG ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
# OpenAI เปิด API ตอบคำถามแบบฝึกเพิ่มได้ด้วยตัวอย่าง ยังไม่ระบุค่าบริการ OpenAI บริษัทวิจัยปัญญาประดิษฐ์ประกาศเปิดบริการเชิงการค้าตัวแรก เป็น API สำหรับประมวลข้อความโดยอาศัยโมเดล GPT-3 เปิดทางให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นที่พูดคุยในภาษาธรรมชาติเหมือนคุยกับมนุษย์ได้ โดยตัวปัญญาประดิษฐ์เปิดให้รันบนโมเดลที่ฝึกไว้ก่อนแล้ว แต่ผู้ใช้สามารถ "โปรแกรม" เพิ่มเติมได้ด้วยการใส่ตัวอย่างให้โมเดล โดยทาง OpenAI ระบุว่าจะใช้ตัวอย่างไม่มากนักขึ้นกับความซับซ้อนของงาน ทาง OpenAI เคยระบุว่าไม่แจกพารามิเตอร์ของ GPT-2 เพราะอาจถูกใช้ไปในทางอันตราย เช่นการสร้างข่าวปลอม ในการเปิด API ครั้งนี้ทาง OpenAI ก็ยังยืนยันแนวทางเดิมโดยระบุว่าหากมีการใช้ไปในทางอันตรายหรือใช้ส่งสแปมก็จะตัดบริการ ช่วงเปิดตัว OpenAI นั้นบริษัทระบุว่าไม่ได้หวังผลกำไร แต่ปรับแนวทางเป็นการหากำไรอย่างจำกัดในภายหลัง โดยโครงการนี้เองก็ระบุว่าจะเป็นการหารายได้เพื่อเป็นทุนวิจัยต่อไป
# Sony เปิดตัว Spider-Man: Miles Morales ภาคต่อ ลง PS5 ปลายปีนี้ หลังจาก Insomniac Game ทำลายคำสาปเกมจากหนังหรือการ์ตูนที่ห่วยลงไปได้ ด้วย Spider-Man บน PS4 ในงานเปิดตัว PS5 เมื่อตอนตีสามเช้านี้ Insomniac ก็มีการเปิดตัวเกม Spider-Man: Miles Morales ที่จะลงบนเครื่อง PS5 ด้วย ตัวละคร Miles Morales เป็นตัวละคร Spider-Man ที่มารับบทบาทหลังปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เสียชีวิต ในจักรวาล Ultimate ของ Marvel ก่อนจะเป็นที่นิยมจน Marvel พาข้ามมาอยู่จักรวาลหลักทีหลัง โดยเป็น Spider-man ที่มีพลังล่องหน และฝ่ามือที่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าช็อตศัตรูได้เพิ่มขึ้นมา รวมถึงได้กลายเป็นตัวละครหลักแอนิเมชั่นหนังโรง Spider-Man: Into the Spider-Verse Miles Morales มีบทบาทตั้งแต่ใน Spider-Man (PS4) โดยเป็นลูกชายของตำรวจที่เราไปช่วยปราบผู้ร้ายและได้มีการแง้มๆ ไว้ตอนท้ายเกมว่า Miles ก็ได้รับพลังแมงมุมเหมือนกัน ส่วนในตัวอย่างจะเห็นฉากใช้พลังล่องหน ที่น่าจะมีผลต่อการเล่นแบบลอบเร้น และมีฉากปล่อยไฟฟ้าจากมือใส่ศัตรูด้วย น่าจะมีเกมเพลย์ใหม่ให้เล่นได้หลากหลายเลยทีเดียว Spider-Man: Miles Morales วางขายช่วง Holiday 2020 หรือช่วงปลายปีนี้ น่าจะพร้อมกับเครื่อง PS5 หรือหลังเครื่องออกไม่นาน ที่มา - PS5 Live
# งาน Computex 2020 ที่ไต้หวันยกเลิกแล้ว Computex งานโชว์เคสเทคโนโลยีที่จัดทุกปีในไต้หวันต้องยกเลิกเพราะโรคระบาดอีกราย ปกติแล้ว Computex จะจัดช่วงกลางปีของทุกปี มีแบรนด์ฮาร์ดแวร์, เกมมิ่ง, IoT ไปจัดแสดงมากมาย ตอนแรก ทางผู้จัดได้เลื่อนจัดงานและจะทำเป็นอีเว้นท์ออนไลน์ แต่ล่าสุดทางผู้จัดงานประกาศยกเลิกแล้ว เพราะการเดินทางข้ามประเทศยังทำได้ยาก อาจเป็นอุปสรรคในการจัดงานแม้จะเป็นงานออนไลน์ก็ตาม และยังประกาศด้วยว่า Computex จะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 1 - 5 มิถุนายน 2021 ที่มา - Engadget
# ไมโครซอฟท์ย้ำ จะไม่ขายระบบจดจำใบหน้าให้ตำรวจจนกว่าจะมีกฎระเบียบที่ชัดเจน จากประเด็นตำรวจใช้ความรุนแรงต่อคนดำ ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงอำนาจหน้าที่ของตำรวจ การเลือกปฏิบัติ รวมถึงเทคโนโลยีที่ตำรวจสามารถใช้งานได้ ล่าสุด Amazon ประกาศระงับไม่ให้ตำรวจใช้งานเทคโนโลยี Facial Recognition 1 ปี และ IBM ประกาศไม่พัฒนาไม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Facial Recognition ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม ด้านไมโครซอฟท์ที่เป็นกระบอกเสียงเรื่องเทคโนโลยีจดจำใบหน้ากับการบังคับใช้เชิงกฎหมายมาโดยตลอด ก็ออกมาย้ำว่า บริษัทจะไม่ขายเทคโนโลยีนี้ให้ตำรวจ จนกว่าจะมีกฎหมายและกฎระเบียบมารองรับ โดย Brad Smith ประธานไมโครซอฟท์กล่าวระหว่าง Post Live event ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟต์ก็ออกไกด์ไลน์ใช้ระบบจดจำใบหน้าอย่างไร ไม่กระทบสิทธิพลเมืองและไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ รวมถึงกดดันให้หน่วยงานรัฐออกกฎควบคุมระบบนี้ให้ได้ภายในปี 2019 ที่มา - CNET
# Snap เปิดตัว Minis ให้นักพัฒนาภายนอกเข้าทำมินิแอปใน Snapchat ได้ Snap จัดงาน Partner Summit มีการเปิดตัวของใหม่คือ Minis หรือมินิแอปจากนักพัฒนาภายนอก เป็นการเปิดให้ third-party เข้ามาพัฒนาแอปหรือฟีเจอร์เล็กๆ ภายในฟังก์ชั่นแชทของ Snapchat ได้ ตัว Minis จะปรากฏเป็นไอคอนเล็กๆ ในช่องแชท เมื่อผู้ใช้กดเข้าไป ระบบก็จะดึงมินิแอปขึ้นมาให้ใช้งานเต็มจอ จนถึงตอนนี้มีแอปภายนอกที่เข้ามาอยู่ใน Minis แล้วคือ Meditation app Headspace แอปทำสมาธิให้ร่วมกันทำกับเพื่อนๆ ได้ Coachella วางแผนกับเพื่อนๆ ว่าจะดูโชว์ของศิลปินคนไหนดี Prediction Master ทำโพลล์สำรวจความเห็น Saturn And Tembo แอปเปรียบเทียบตารางเรียน วางแผนการเรียน Atom แอปซื้อตั๋วหนัง ดูตัวอย่างหนัง Let’s Do It แอปที่ช่วยการตัดสินใจบางอย่างในกลุ่มเพื่อน เช่นกินข้าวที่ไหนดี ดูหนังเรื่องอะไรดี ตัว Minis มีความคล้ายกับ Snap Games ที่เป็นเกม HTML5 ให้เล่นกันในกลุ่มเพื่อน หรือที่ Facebook เคยมีคือ Instant Games ใน Messenger ที่มา - TechCrunch, Engadget
# Zoom สั่งปิดบัญชีผู้ใช้เสียเงินในสหรัฐฯ หลังจัดมีตติ้งรำลึกเหตุการณ์เทียนอันเหมิน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าว SCMP รายงานว่า Zoom สั่งปิดบัญชีเสียเงินของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ที่จัดมีตติ้งเพื่อรำลึกเหตุการณ์สังหารหมู่เทียนอันเหมินในวันที่ 4 มิถุนายน 1989 และหลังจากรายงานไม่นาน ทาง Zoom ก็ได้ reactivate บัญชีเหล่านี้อีกครั้ง Zhou Fengsuo ผู้ก่อตั้ง Humanitarian China องค์กรไม่แสวงผลกำไรในสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในนักเรียนที่เป็นผู้นำการประท้วงในเหตุการณ์เทียนอันเหมิน ได้จัดอีเวนท์ผ่านบัญชีเสียเงินของ Humanitarian China ในวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมทั่วโลก รวมถึงในจีนด้วย และบัญชีของเขาถูกระงับในวันที่ 7 มิถุนายนตามคำสั่งของรัฐบาลจีน เพราะปัจจุบัน Zoom สามารถใช้งานในจีนได้โดยไม่ต้องผ่าน VPN โฆษกของ Zoom ระบุว่า ทางบริษัทจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายในแต่ละประเทศที่เข้าไปทำธุรกิจเหมือนบริษัทอื่น ๆ ทั่วโลก และเหตุผลที่ Zoom ปิดบัญชีผู้ใช้ในสหรัฐฯ ด้วยคำสั่งจากจีนเนื่องจากทางบริษัทยังไม่สามารถบล็อคผู้เข้าร่วมมีตติ้งตามแต่ละประเทศได้ ซึ่งตอนนี้บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อบล็อคผู้ใช้งานตามแต่ละประเทศ และจะเปิดใช้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อย่างไรก็ดี การที่รัฐบาลจีนสามารถสั่งปิดบัญชีแม้จะไม่ได้อยู่ในประเทศ ทำให้ Zoom ถูกตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลจีนมีอำนาจควบคุมแพลตฟอร์มนี้มากเพียงใด ที่มา - TechCrunch, SCMP ภาพจาก Pixabay
# Joe Biden ผู้สมัคร ปธน. สหรัฐ เรียกร้อง Facebook แก้ข่าวปลอม ห้ามยกเว้นพิเศษให้ Trump Joe Biden ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ออกมาเปิดแคมเปญเรียกร้อง Facebook ให้แก้ปัญหาข่าวปลอม และบังคับใช้นโยบายเซ็นเซอร์โพสต์อย่างเท่าเทียม ให้ครอบคลุมถึงประธานาธิบดี Donald Trump ที่เป็นคู่แข่งด้วย หลังจาก ยืนยันไม่ลบโพสต์ของ Donald Trump ที่สร้างความขัดแย้ง ในจดหมายของ Biden บอกว่าหลังจากเหตุการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 โดยหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ทาง Facebook ก็สัญญาว่าจะแก้ปัญหา แต่เวลาผ่านมา 4 ปี ปัญหาแบบเดิมๆ ก็ยังเกิดขึ้นเหมือนเดิม แพลตฟอร์ม Facebook เต็มไปด้วยข่าวปลอม และ Facebook ก็ยอมให้ Donald Trump โพสต์อะไรก็ได้ แถมบริษัทยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการรับเงินค่าโฆษณาของนักการเมือง Biden จึงเรียกร้องให้ Facebook มีมาตรการ "หยุด" โฆษณาทางการเมืองทุกประเภทก่อนการเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ จนกว่าโฆษณานั้นจะถูกตรวจสอบความถูกต้อง (fact-checked) และการบังคับใช้กฎต้องเท่าเทียมกัน ไม่มีข้อยกเว้นให้ประธานาธิบดี Trump เป็นพิเศษ ฝั่ง Facebook ออกมาโต้ตอบ Biden โดยระบุว่ากฎเรื่องการห้ามลงโฆษณา ต้องดูตัวอย่างจากโฆษณาการเมืองทางทีวี ที่กฎหมายบังคับให้สถานีทีวีต้องรับโฆษณาจากนักการเมือง (ห้ามแบนหรือไม่รับ) กฎหมายเหล่านี้เกิดจากการลงมติของ ส.ส. และหาก ส.ส. ออกกฎสำหรับโฆษณาออนไลน์ Facebook ก็ยินดีปฏิบัติตาม ที่มา - Joe Biden, Facebook
# Adobe ไตรมาสล่าสุด เติบโตทำสถิติสูงสุดต่ออีกไตรมาส Adobe รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดวันที่ 29 พฤษภาคม 2020 ยังคงเติบโตทำสถิติใหม่ต่อเนื่องอีกไตรมาส โดยไตรมาสนี้มีรายได้ 3,128 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,100 ล้านดอลลาร์ Subscription ยังคงเป็นส่วนของรายได้ที่เติบโตสูง และเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของ Adobe ไตรมาสนี้ 2,874 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% ส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์แบบเดิมลดลงเหลือ 128 ล้านดอลลาร์ ที่เหลือเป็นรายได้จากการขายซัพพอร์ต รายได้เมื่อแยกตามกลุ่มธุรกิจ กลุ่ม Digital Media เติบโต 18% เป็น 2,230 ล้านดอลลาร์ เฉพาะตระกูล Creative รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,870 ล้านดอลลาร์ และ Document Cloud มีรายได้ 360 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่ม Digital Experience มีรายได้ 826 ล้านดอลลาร์ ที่มา: Adobe
# โซนี่เผยโฉมแรกของ PlayStation 5 พร้อมรุ่น Digital Edition ที่ไม่รองรับแผ่น Blu-Ray ในที่สุดโซนี่ก็เผยโฉมแรกของ PlayStation 5 มาแล้วเป็นการปิดท้ายงาน The Future of Gaming เน้นสีขาว ดีไซน์มีความโค้งมน ที่น่าสนใจคือโซนี่เปิดตัว 2 รุ่นย่อยด้วยกันคือ PS5 ที่รองรับแผ่นเกม Blu-Ray และ PS5 Digital Edition ที่ไม่รองรับแผ่นเกม นอกจาก DualSense แล้วยังมี Charging Station, HD Camera, Pulse 3D Headset และ Media Remote ที่เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับขายแยกด้วย ส่วนราคาและวันวางจำหน่ายยังไม่ประกาศ นอกจากช่วงเวลากว้าง ๆ ตามเดิมคือภายในปีนี้ครับ
# รวมเกมชุดแรกบน PS5: Spider-Man: Miles Morales, RE VIII, Horizon: Forbidden West งาน The Future of Gaming ของโซนี่ที่เผยโฉมเกมชุดแรกของ PlayStation 5 ได้เผยเทรลเลอร์แรก เกมเพลย์แรกและเทรลเลอร์ใหม่สำหรับบางเกมออกมาแล้ว โดยรายชื่อเกมชุดแรกมีดังนี้ GTA V ที่ลงตั้งแต่ PS3 จะตามมาใน PS5 ด้วยโดยจะแจกฟรีในปี 2021 Spider-Man: Miles Morales ภาคต่อของ Spider-Man บน PS4 และตัวเอกก็เป็นอย่างที่แฟน ๆ คาดว่าไม่ใช่ Peter Parker แล้ว วางขายปลายปีนี้ Gran Turismo 7 Ratchet & Clank: Rift Apart อีกเกมจาก Insomniac Games Project Athia เกมแนวแฟนตาซีเวทย์มนตร์จาก Square Enix พัฒนาโดย Luminous Production ที่ทำ Final Fantasy XV Returnal เกม third-person shooting แนวไซไฟอวกาศจาก Housemarque ที่ทำ Resogun และ Matterfall SackBoy A Big Adventure จากซีรีส์ LittleBigPlanet Kena: Bridge of Spirit จากสตูดิโอ Ember Lab Goodbye Volcano High เกมแอดเวนเจอร์ที่เน้นการเล่าเรื่องจาก Ko_Op ขายปี 2021 Oddworld Soulstorm Little Devil Inside Ghostwire: Tokyo วางขาย 2021 Jett: The Far Shore เกมแนวอวกาศ (dystopia?) วางขายสิ้นปีนี้ เกมเพลย์เทรลเลอร์ใหม่ ของ Godfall วางขายสปีนี้ 2020 Solar Ash วางขายปี 2021 Hitman III กับการกลับมาของ Agent 47 ในเดือนมกราคม 2021 Astro's Playroom NBA 2K21 วางขายฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ Bugsnax วางขายภายในสิ้นปีนี้ Demon's Soul: Remake รีเมคของเกม RPG ต้นตระกูลของเกม Soul จาก FromSoftware Deathloop เกม first-person shooting จาก Arkane Studios Resident Evil VIII Village ที่เซ็ตติ้งอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลไม่แตกต่างจากภาค VII ตัวเอกน่าจะยังเป็น Ethan Winters โดยมี Chris Redfield (ที่โมเดลตัวละครกลับมาเหมือนเดิมแล้ว แต่ดูแก่และหมีขึ้น) โผล่มาอีกครั้ง วางขายปี 2021 Pragmata วางขาย 2022 Horizon: Forbidden West ภาคต่อ Horizon Zero Dawn ยังไม่ประกาศวันขาย
# ตู้เกม X-Men vs. Street Fighter และ Marvel vs. Capcom คืนชีพ นำกลับมาทำใหม่ Arcade1Up ผู้ผลิตตู้เกมยุคใหม่ ที่เน้นนำเกมตู้คลาสสิคในอดีตมาผลิตใหม่เอาใจแฟนๆ ยุคเก่าที่อยากสะสม หรือเคยมีความฝันอยากมีตู้เกมมาตั้งไว้ที่บ้าน เปิดตัวตู้เกมเอาใจคอเกมไฟติ้งยอดนิยมในอดีตยุค 90s (ที่ตอนนี้คงแก่กันหมดแล้ว) 2 ตู้คือ X-Men vs. Street Fighter และ Marvel vs. Capcom ตู้แรก X-Men vs. Street Fighter ประกอบด้วย 4 เกมได้แก่ X-Men vs. Street Fighter Marvel vs. Capcom: Clash of Superheroes X-Men: Children of the Atom X-Men: Mutant Apocalypse ตู้ที่สอง Marvel vs. Capcom มี 4 เกม โดยเหมือนกัน 2 เกม Marvel Super-Heroes: War of the Gems X-Men vs. Street Fighter Marvel vs. Capcom: Clash of Superheroes Marvel Super Heroes vs. Street Fighter ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยวันวางขายและราคา แต่ตู้เกมอื่นๆ ของ Arcade1Up ขายตู้ละ 499 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีตู้เกม Marvel Digital Pinball เป็นตู้พินบอลแบบดิจิทัล (พินบอลบนหน้าจอ) และตู้เกมคลาสสิค Ms. Pac-Man กับเกมยิงปืน Big Buck Hunter Pro ด้วย ที่มา - IGN, Kotaku
# เปิดตัว Google Play Asset Delivery วิธีดาวน์โหลดไฟล์เกมแบบใหม่บน Android ลดเวลาลงได้มาก คนที่เล่นเกมบน Android คงคุ้นเคยกับการโหลดแอพเกมที่ขนาดไม่ใหญ่นัก (ไม่เกิน 100MB) มาติดตั้งก่อน แต่ก่อนเล่นต้องดาวน์โหลดไฟล์เนื้อหาของเกม (ที่เรียกว่า APK Expansion Files หรือ OBB) ขนาดใหญ่เป็นหลัก GB ที่รอโหลดกันนานกว่าจะได้เริ่มเกมจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีนัก ปัญหานี้กำลังจะถูกแก้ไขด้วยบริการใหม่ของกูเกิลที่เรียกว่า Google Play Asset Delivery Google Play Asset Delivery เป็นการต่อยอดจาก Android App Bundle ที่เริ่มใช้ในปี 2018 ช่วยให้เราไม่จำเป็นต้องโหลดไฟล์ APK ตัวเต็มอีกต่อไป ดาวน์โหลดเฉพาะโมดูลที่จำเป็นเท่านั้น หลักการของ Google Play Asset Delivery เหมือนกับ Android App Bundle แค่เปลี่ยนจากการกระจายไฟล์ APK มาเป็นไฟล์ทรัพยากร (asset pack หมายถึงส่วนที่ไม่ใช่โค้ด) ของเกมแทน นักพัฒนาเกมสามารถแยกส่วนฟีเจอร์หรือแพ็คทรัพยากรเตรียมเอาไว้ แล้วค่อยให้ Google Play ส่งไฟล์นั้นให้ผู้ใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็นต้องใช้งาน Play Asset Delivery (PAD) ยังช่วยโฮสต์ไฟล์ asset ทั้งหมดบน Google Play ที่เดียว ไม่ต้องแยกตัวแอพไว้บน Google Play และไฟล์ทรัพยากรไว้บน CDN ของนักพัฒนา (ที่ต้องเสียเงินเพิ่ม) อีกต่อไป ตัวระบบของ Google Play ยังจัดการเรื่องการอัพเดตไฟล์เวอร์ชันใหม่ให้เสร็จสรรพ ดาวน์โหลดเฉพาะส่วนต่าง (delta patching) ไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ใหม่หมดทุกครั้ง ตอนนี้ Play Asset Delivery ใช้งานได้แล้วบนเอนจินยอดนิยมทั้ง Unreal Engine 4.25 และ Unity ผ่านปลั๊กอิน ส่วนเกมดังๆ ก็มีใช้ฟีเจอร์นี้กันแล้วหลายเกม เช่น Gameloft ใช้กับ Asphalt 8, Asphalt Xtreme, Minion Rush เป็นต้น ที่มา - Android Developers Blog
# ลองเล่น Photoshop Camera แอปจาก Adobe แต่งรูปสไตล์ Pop Art ได้เองเหมือนมืออาชีพ Adobe เปิดให้โหลดแอป Photoshop Camera อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากเปิดตัวมาได้ 1 ปี สามารถโหลดเล่นได้ฟรีทั้ง iOS และแอนดรอยด์ ไม่ต้องเป็นสมาชิก Creative Cloud ก็ใช้ได้ Photoshop Camera เป็นแอปแต่งรูปบนมือถือที่ให้ความรู้สึกเหมือนแต่งภาพแนวแฟนซีบน Photoshop โดยอาศัยพลัง Sensei หรือ AI ของ Adobe ในการตรวจและปรับ dynamic range, โทนของภาพ หรือใส่ฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์ Blognone ได้ลองเล่นในช่วงเวลาสั้นๆ พบว่า Photoshop Camera มีหลายฟิลเตอร์หรือที่ในแอปเรียกว่า Lense ที่โดดเด่นกว่าแอปแต่งรูปบนมือถือทั่วไป โดยเฉพาะความสามารถในการเปลี่ยนแบคกราวด์ให้เป็นโหมดแฟนตาซีต่างๆ เช่น การ์ตูน แอนิเมชั่น พลุไฟ หรือเปลี่ยนท้องฟ้าที่ดำมืดให้มีดวงดาวเต็มท้องฟ้า เปลี่ยนฟ้ากลางวันเป็นกลางคืน Photoshop Camera มีฟิลเตอร์สำเร็จรูปมาให้ 22 ตัว ใช่้ได้ฟรียังไม่ต้องซื้อฟิลเตอร์ในแอปเพิ่ม ผู้ใช้งานสามารถ import รูปที่มีในเครื่องเข้ามาแต่งใหม่ได้ หรือถ่ายจากในแอปเลยก็ได้ ตัวอย่างภาพก่อนและหลังแต่งผ่านแอป Photoshop Camera รูปต้นฉบับ รูปที่แต่งโดย Lense Bloom ปรับแต่งขนาดดอกไม้ในรูปได้ รูปที่แต่งโดยใช้ Lense Spectrum รูปต้นฉบับ รูปที่แต่งโดยใช้ Lense Interstellar พบว่าคมและเนียนมาก โดยเฉพาะถ้ารูปต้นฉบับเป็นวัตถุประกอบกับแบคกราวด์ว่างๆ จะช่วยให้รูปที่แต่งออกมาดูเนียน ขอบคมเหมือนแต่งออกมาจาก Photoshop บนพีซีเลยทีเดียว ในแต่ละ Lense จะมีฟังก์ชั่นตั้งค่ารูป เพิ่มความสว่างและความคมชัดของวัตถุขึ้นมา หรือลดความเข้มของ Lense ลงก็ได้ รูปเทพีเสรีภาพแต่งโดยใช้ Lense Supersize เป็นเลนส์แนวศิลปะแบบเหนือจริง สามารถใช้นิ้วลากขยับแฮมเบอร์เกอร์ไปวางตรงไหนของภาพก็ได้ ขยายหรือย่อขนาดได้ หรือใช้นิ้วลากหรือยกพื้นภูเขาให้สูงขึ้นหรือต่ำลงก็ได้ รูปเทพีเสรีภาพรูปเดิม แต่ใช้ Lense Comic Skies ในการแต่งภาพ เปลี่ยนรูปนิ่งให้เป็นวิดีโอสั้นสนุกๆ รูปต้นฉบับ รูปที่แต่งโดยใช้เลนส์ Comic Skies เปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นการ์ตูนแบบวิดีโอสั้นได้ รูปต้นฉบับ ใช้ Lense Blue Skies เติมก้อนเมฆเนียนๆ ใช้นิ้วเลื่อนขยับหรือขยายก้อนเมฆได้ อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ชอบคือ ในแต่ละ Lense ระบบจะแนะนำให้เลยว่า Lense ไหนเหมาะกับรูปแบบไหน ถ้าเป็นไอคอนคนแสดงว่าเป็นฟิลเตอร์ที่เหมาะกับแต่งรูปคน portrait ถ้าเป็นไอคอนต้นไม้ คือเหมาะกับรูปวิวทิวทัศน์ ในคลิปด้านล่างคือลองใช้ภาพตึกตอนกลางคืน และใส่เลนส์พลุไฟ ก็เริ่มเจอจุดอ่อนคือขอบตึกค่อนข้างเบลอหนัก ไม่คม ทำให้ภาพออกมาดูแปลก ข้อมูลจาก Adobe ระบุว่าตัวแอปเปิดให้โหลดใน iOS ใช้งานได้ตั้งแต่ iPhone 6s ขึ้นไป รองรับระบบปฏิบัติการ iOS12, iOS13 แต่สำหรับมือถือแอนดรอยด์ยังใช้ได้ไม่กี่แบรนด์ คือ Samsung S9/S9+, Samsung S10/S10+/S10 5G, Samsung Note 9, Samsung Galaxy S20 5G/S20+ 5G/S20 Ultra 5G, Samsung Note 10/10+/10 5G และ One Plus 6 นอกจากนี้ Adobe ยังได้ร่วมมือกับศิลปินอย่าง Billie Eilish, Arden Rose นักแสดงและ YouTuber ชื่อดัง รวมถึงช่างภาพคนดังอย่าง Brandon Woelfel ในการสร้าง Lenses ที่บ่งบอกตัวตนของศิลปิน และจะอัพเดต Lenses ใหม่ทุกสัปดาห์ สรุป Photoshop Camera ถือเป็นแอปแต่งรูปที่เหมาะกับคนชอบเล่นอินสตาแกรม มีฟิลเตอร์แปลกใหม่ ดูเป็นงานอาร์ต ต่างจากแอปแต่งรูปที่นิยมกันในท้องตลาดที่เน้นความสวยงามของใบหน้าและโทนสีรูปสวยๆ Photoshop Camera ยังให้ความรู้สึกว่าเราสามารถแต่งรูปได้ราวกับเป็นมืออาชีพ แม้ไม่มีทักษะด้านการแต่งรูปหรือการออกแบบเลยก็ตาม และยังมีฟีเจอร์เด่นคือแปลงภาพนิ่งให้เป็นวิดีโอสั้นสนุกๆ ได้ น่าจะครองใจชาวโซเชียลสายโพสต์รูปได้ไม่ยาก
# ยุคนี้ต้องประหยัด แนะนำมือถือ 5 รุ่น ราคาต่ำกว่า 10,000 บาท แต่ประสิทธิภาพสุดคุ้ม ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ หลายๆ ท่านที่อาจกำลังหาซื้อมือถือใหม่ ไม่ว่าจะเพื่อการทำงาน หรือเพราะมือถือเก่าใกล้หมดอายุขัยพอตัวแล้ว อาจจะต้องตัดงบลงมาพอสมควร แต่ก็คงยังอยากได้มือถือที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์การทำงานที่ต้องการ วันนี้ผู้เขียนจึงมีมือถือราคาคุ้ม ที่ซื้อหากันได้ในราคาต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาทมาแนะนำ Realme 6 ราคา: แรม 4GB หน่วยความจำภายใน 128GB 7,999 บาท แรม 8GB หน่วยความจำภายใน 128GB 8,999 บาท จุดเด่น: หน้าจอ 90Hz, 30W VOOC Flash Charge Realme แบรนด์มือถือจากจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพคุ้มราคามานาน โดยรุ่น Realme 6 ถึงแม้จะตัดกล้องเทเลโฟโต้จากรุ่น Pro ออก เหลือแค่กล้องหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 2MP และ depth sensor 2MP และลดซีพียูจาก Snapdragon 720G ลงมาเป็น Mediatek Helio G90T แต่ประสิทธิภาพก็ลดลงไม่มาก แถมใน 5 รุ่นที่แนะนำในบทความนี้ ก็เป็นซีพียูที่ได้ผลทดสอบดีที่สุดด้วย หน้าจอที่เป็น IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว แบบ 90Hz ทำให้การใช้งานแอพต่างๆ รู้สึกลื่นไหลมากกว่าโทรศัพท์รุ่นราคาต่ำกว่าหมื่นทั่วไป และให้ที่ชาร์จแบบ 30W VOOC Flash Charge มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 4,300 mAh และรันบน Realme UI ครอบบน Android 10 Vivo Y50 ราคา: แรม 8GB หน่วยความจำภายใน 128GB 7,999 บาท จุดเด่น: แบตเตอรี่ 5,000 mAh Vivo Y50 โดดเด่นที่การให้แบตเตอรี่มาถึง 5,000 mAh ด้วยกัน ทำให้ใช้งานได้แบบข้ามวันกันไปเลย เหมาะกับคนที่ทำงานบนแอปต่างๆ หรือคนที่ต้องการใช้มือถือทำงานแบบยาวๆ โดยไม่ต้องคอยพกแบตเตอรี่สำรองหรือที่ชาร์จ พร้อมซีพียู Snapdragon 665 ที่ถึงจะเปิดตัวเดือนเมษายนปีที่แล้ว แต่ประสิทธิภาพก็ไม่ได้น่าเกลียด อาจจะติดแค่กล้องหลักที่ให้ความละเอียดมาแค่ 13MP พร้อมกล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 2MP, depth sensor 2MP และรันบน Funtouch OS 10.0 ครอบบน Android 10 Redmi Note 9 Pro ราคา: แรม 6GB หน่วยความจำภายใน 64GB 7,999 บาท แรม 6GB หน่วยความจำภายใน 128GB 9,999 บาท จุดเด่น: แบตเตอรี่ 5,020 mAh, ชาร์จเร็ว 30W Redmi Note 9 Pro มาพร้อมหน้าจอ LCD 6.67 นิ้ว ใช้ชิพ Snapdragon 720G มี 4 กล้องหลัง กล้องหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 5MP และ depth sensor 2MP และแบตที่ให้มาถึง 5,020 mAh พร้อมชาร์จเร็ว 30W ก็เป็นอีกจุดเด่นที่ทำให้มือถือรุ่นนี้ใช้งานได้แบบข้ามวัน พร้อมชาร์จเต็มได้ไว Redmi Note 9 Pro รันบน MIUI 11 ครอบทับบน Android 10 เช่นเดียวกัน Huawei Nova 7i ราคา: แรม 6GB หน่วยความจำภายใน 64GB 7,999 บาท แรม 6GB หน่วยความจำภายใน 128GB 9,999 บาท จุดเด่น: ชาร์จเร็ว 40W Huawei Nova 7i หน้าจอ 6.4 นิ้วแบบ LCD และใช้ชิป Kirin 810 ของ Huawei ที่ประสิทธิภาพในการทดสอบ แม้จะตาม Mediatek Helio G90T กับ Exynos 9611 ใน Samsung A51 ด้านล่างนี้ แต่ก็ยังแซง Snapdragon 665, 720G และ 765G อยู่ Nova 7i มาพร้อมกล้อง 4 กล้อง กล้องหลัก 48MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 2MP และ depth sensor 2MP ผนวกกับระบบ AI ประมวลผลภาพของ Huawei ก็ทำให้ภาพที่ถ่ายมีคุณภาพใช้งานได้ รันบน EMUI บนพื้นฐาน Android 10 พร้อมแบตเตอรี่ 4,200 mAH และแถมที่ชาร์จ Huawei Supercharge 40W มาให้ด้วย แต่ก็ยังมีข้อเสียเดิม คือไม่มี Google Mobile Services Samsung Galaxy A51 ราคา เปิดตัว 10,690 บาท ปัจจุบันมีโปรโมชั่น 8,888 บาท จุดเด่น หน้าจอ Super AMOLED FHD+ การเอารุ่นนี้มาเทียบอาจดูไม่แฟร์เล็กน้อยเพราะ A51 ราคาเปิดตัวเกินหมื่นมานิดหน่อย แต่ปัจจุบันไม่ว่าจะซื้อร้านไหน หรือซื้อที่ Samsung โดยตรง ก็มีส่วนลดที่ทำให้ราคาต่ำกว่าหมื่นทังสิ้น มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED แบบ FHD+ ขนาด 6.5 นิ้ว ที่ให้คุณภาพสีที่สดกว่า และสีดำที่ดำสนิทกว่าหน้าจอ LCD ในมือถือราคาต่ำกว่าหมื่นรุ่นอื่นๆ มาพร้อมชิป Exynos 9611 ที่ประสิทธิภาพดีกว่า Snapdragon 665 และให้กล้องมา 4 กล้องที่คุณภาพค่อนข้างดี เป็นกล้องไวด์ 48MP กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP กล้องมาโคร 5MP และ depth sensor 5MP และรันบน One UI 2 ครอบทับ Android 10 แม้ว่า Samsung จะไม่ได้ประกาศนโยบายการอัพเดตซอฟต์แวร์ออกมาให้ชัดเจนว่าจะได้รับอัพเดตกี่ปีแต่ก็เปิดเผยรุ่นที่ยังซัพพอร์ตอยู่ และบางรุ่นก็ออกมานานถึง 4 ปีแล้วแปลว่า A51 จะได้อัพเดทจนถึง Android 12 ด้วย อ่านรีวิวแบบเต็มได้ที่นี่ มือถือในระดับราคาต่ำกว่าหมื่น แม้จะไม่ได้มีสเปกที่ดีมากจนถึงขั้นเป็นนักฆ่าเรือธง แต่ถ้าเลือกให้เหมาะสมตามการใช้งานที่ต้องการ ก็มีหลายๆ ตัวเลือกที่น่าสนใจที่ตอบโจทย์ได้แน่นอน เช่นหากอยากได้จอ 90Hz ก็เลือก Realme 6 อยากได้แบตอึด พร้อมชาร์จเร็วก็ Redmi Note 9 Pro อยากได้จอ Super AMOLED สีสดๆ ก็ A51 และอื่นๆ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะลำบากกระเป๋า หรือเดือดร้อนเงินเก็บมากกว่าที่ควรในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
# Apple ถอด Pocket Casts แอปพ็อดคาสต์ออกจาก App Store ในจีน ตามคำสั่งของรัฐบาล Apple ถอด Pocket Casts แอปพลิเคชั่น Podcast รายใหญ่ออกจาก App Store จีนตามคำสั่งของรัฐบาลจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะมีเนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายจีน Pocket Casts เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเผยว่าได้รับการติดต่อจาก Apple ว่ารัฐบาลจีนขอให้ลบแอปนี้จาก App Store แต่ก็ไม่ได้แจ้งว่าเนื้อหาใดบ้างที่ขัดต่อกฎหมายจีน ทั้งยังบอกให้สอบถามไปยังหน่วยงานบริหารและจัดการไซเบอร์สเปซของจีนโดยตรง อย่างไรก็ตาม Pocket Casts เชื่อว่าแอปพ็อดคาสต์ควรจะเป็นช่องทางเปิดที่ปราศจากการเซ็นเซอร์ของรัฐบาล ผู้พัฒนาจึงไม่สนใจคำร้องขอของรัฐบาลจีน ก่อนที่แอปจะโดนลบจาก App Store จีนหลังจากนั้น 2 วัน ทั้งนี้ตลาดจีนถือเป็นตลาดอันดับ 7 ของ Pocket Casts มีส่วนแบ่งผู้ใช้งานถึง 10% ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ แอปพ็อดคาสต์ อีกเจ้าอย่าง Castro ก็ถูกถอดจาก App Store ในจีนเช่นเดียวกัน ที่มา - The Verge
# Twitter กำลังทดสอบฟีเจอร์แสดงความรู้สึกกับทวีตได้ด้วย Emoji นอกจาก Fleets ที่เลียนแบบ Stories ดูเหมือน Twitter กำลังซุ่มทดสอบอีกฟีเจอร์ ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถกดแสดงความรู้สึก (reaction) กับทวีตได้ด้วยอีโมจิ นอกเหนือจากการรีทวีตและกดไลค์ Jane Manchun Wong นักวิจัยแอปจากฮ่องกงได้ทวีตรูปสกรีนช็อตตัวเลือกอีโมจิ ที่เพิ่มเข้ามาให้เลือกระหว่าง Retweet, Retweet with comment และ React with Fleet อย่างไรก็ตามการรีแอคกับทวีตด้วยอีโมจิเคยมีประเด็นแล้วครั้งหนึ่งเมื่อราวปี 2015 ช่วงที่มีข่าวว่า Facebook เริ่มทดสอบฟีเจอร์ Reactions ขณะเดียวกันภาพหลุดการทดสอบอีโมจิครั้งนี้ของ Twitter ก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่า ในท้ายที่สุดฟีเจอร์นี้จะถูกปล่อยออกมาจริง ที่มา - @wongmjane via The Verge
# กูเกิลเสนอแนวทาง Modern Android Development แนะใช้ Kotlin แทน Java ในงานเปิดตัว Android 11 Beta กูเกิลนำเสนอ Modern Android Developement แนวทางการพัฒนาแอพยุคใหม่บน Android ที่ประกอบด้วยองค์ประกอบ 5 ประการที่กูเกิลแนะนำ ภาษา: Kotlin แทน Java IDE: Android Studio Distribution: Android App Bundle (.aab) API: Android Jetpack User Interface: Jetpack Compose แนวคิด Modern Android ไม่ใช่ของใหม่ เพราะกูเกิลเองพูดถึง แนวคิด Modern Android มาตั้งแต่ปี 2018 แถมองค์ประกอบหลายตัวเริ่มใช้งานกันมานานแล้ว เช่น รองรับ Kotlin ในปี 2017, Android App Bundle และ Jetpack ในปี 2018, Kotlin-First ในปี 2019 (ถ้ามีตัวที่ใหม่หน่อยคือ Jetpack Compose ที่ออกช่วงปลายปี 2019) แต่การออกมาย้ำถึง Modern Android รอบล่าสุดนี้ น่าจะสะท้อนทิศทางของกูเกิลที่ชัดเจนว่า อยากให้นักพัฒนามุ่งไปทาง Kotlin และ Jetpack อย่างเต็มที่ แม้นโยบายของ Android ในภาพรวมยังเปิดกว้าง ให้นักพัฒนาเลือกใช้เครื่องมืออะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ที่มา - Google
# Musk ยืนยันพร้อมผลิต Tesla Semi แบบจำนวนมากแล้ว, ทำหุ้นขึ้นเกิน 1,000 เหรียญต่อหุ้น ข่าวคราวเงียบหายไปนานกับรถบรรทุก Tesla Semi หลังจากต้นปีที่ผ่านมา Tesla ระบุว่ารถบรรทุกไฟฟ้าจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดการส่งมอบจากเดิมปี 2019 เป็นปีหน้า 2021 ล่าสุดมีอีเมลภายในของ Tesla หลุดออกมาว่าบริษัทพร้อมจะผลิต Tesla Semi ในปริมาณมาก (volume production) Musk ถูกถามประเด็นในทวิตเตอร์ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันข้อมูลเรียบร้อย ขณะที่ในอีเมลระบุด้วยว่าแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า (powertrain) จะถูกผลิตที่โรงงาน Giga Nevada ขณะที่ชิ้นส่วนอื่น ๆ จะกระจายไปในโรงงานอื่นในสหรัฐ ซึ่งตามกำหนดนี้ก็น่าจะทันส่งมอบปี 2021 ตามที่ Tesla ประกาศเลื่อนเอาไว้ ข่าวนี้ส่งผลให้หุ้นของ Tesla (TSLA) พุ่งขึ้นทันทีจากที่ราว 950 ดอลลาร์จนขึ้นมาทะลุ 1 พันดอลลาร์เข้าไปแล้ว ซึ่งทำให้มูลค่าของ Tesla ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มบริษัทรถยนต์ด้วยมูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านเหรียญ แซงหน้า Toyota (TM) เรียบร้อยแล้วด้วย (ปัจจัยส่วนหนึ่งคือหุ้นบริษัทรถยนต์ตกกันส่วนใหญ่ด้วย) ที่มา - @elonmusk, Reuters
# Riot Games สั่งสอบผู้บริหารหลังโพสต์ว่า George Floyd เสียชีวิตเพราะมีวิถีชีวิตอาชญากร Riot Games สั่งสอบสวน Ron Johnson ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท หลังจากโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตายของ George Floyd Ron Johnson โพสต์ข้อความลงใน Facebook แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ George Floyd ว่าเสียชีวิตเพราะวิถีชีวิตอาชญากรของตน พร้อมทั้งแนบรูปภาพที่มีข้อความกล่าวหาว่า สื่อและฝ่ายซ้ายทำให้ Floyd กลายเป็นผู้พลีชีพ (เพื่อเป้าหมายของตัวเอง) ตามด้วยประวัติอาชญากรรม พร้อมกล่าวหาว่า Floyd ตอนเสียชีวิตกำลังเมาโคเคน และอาจออกไปฆ่าครอบครัวคุณด้วย Riot Games ยืนยันว่าโพสต์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ พร้อมแสดงจุดยืนต่อต้านอย่างชัดเจน โดยหลังจากทราบเกี่ยวกับโพสต์ที่เป็นประเด็นก็ไม่นิ่งนอนใจ สั่งสอบสวนพร้อมทั้งพักงาน Ron Johnson จนกว่าจะได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ก่อนหน้านี้ Riot Games เคยมีประเด็นเกี่ยวกับการปฏิบัติทางเพศ โดยเมื่อปี 2019 มีพนักงานว่า 100 คนออกมาประท้วงเกี่ยวกับปัญหาการฟ้องร้องในคดีลวนลามทางเพศ นอกจากนี้ ยังมีการออกมาแฉถึงการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างพนักงานชายและหญิง ทำให้ Riot Games หันมาให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศและเชื้อชาติมากยิ่งขึ้น ที่มา - VICE
# Windows 10 รองรับ Nested Virtualization บนซีพียู AMD Ryzen/Epyc แล้ว Nested Virtualization เป็นการรัน OS ซ้อนใน OS อีกที แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีใน Windows 10 มาตั้งแต่ปี 2015 แต่ยังจำกัดเฉพาะซีพียูฝั่งอินเทลที่มี VT-x เท่านั้น (ตัวอย่างการใช้งานคือ รันอีมูเลเตอร์มือถือ Android ใน VM) ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศรองรับ Nested Virtualization กับซีพียูฝั่ง AMD เรียบร้อยแล้ว ทั้ง Ryzen และ Epyc โดยเริ่มตั้งแต่ Ryzen รุ่นแรกขึ้นไป ฟีเจอร์นี้เริ่มใช้กับ Windows 10 Insider Build 19636 ขึ้นไป ไมโครซอฟท์ยังประกาศออก Windows 10 Insider Preview Build 19645 มีฟีเจอร์ใหม่ 2 อย่างตามที่เคยประกาศไปแล้ว ได้แก่ การอัพเดตเคอร์เนลลินุกซ์ของ WSL 2 ผ่าน Windows Update แทนการผูกเคอร์เนลมากับตัว OS ที่อัพเดตได้ยาก และ Your Phone รองรับการควบคุมเพลงบนสมาร์ทโฟนจากฝั่งพีซีแล้ว ที่มา - Microsoft, Microsoft
# Honda ระบบล่มเพราะ ransomware ที่เจาะจงให้ทำงานภายในเครือข่ายบริษัท หลังเหตุฮอนด้าประกาศว่าระบบไอทีมีปัญหาทั่วโลกจนกระทบสายการผลิต ล่าสุดก็ออกมีข่าวออกมาว่าการโจมตีครั้งนี้มาจากมัลแวร์เข้ารหัสข้อมูลเรียกค่าไถ่ Snake โดยพบตัวอย่างมัลแวร์อัพโหลดขึ้นไปยัง VirusTotal ตัวอย่างมัลแวร์ที่พบจะพยายามหาไอพีของโดเมน mds.honda.com ซึ่งเป็นโดเมนภายในบริษัทไม่สามารถ resolve จากภายนอกได้ แสดงให้เห็นว่าตัวมัลแวร์ปรับแต่งมาให้โจมตีทางฮอนด้าโดยเฉพาะ กลุ่มมัลแวร์ Snake มีประวัติการขโมยข้อมูลไปก่อนการเข้ารหัสเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่ทางฮอนด้ายืนยันว่าไม่มีข้อมูลหลุดในตอนนี้ ที่มา - Bleeping Computer
# NGINX เปิดตัวเวอร์ชั่นรองรับ HTTP/3 ยังอยู่ในขั้นการทดลองเท่านั้น NGINX ประกาศเตรียมการรองรับมาตรฐาน HTTP/3 โดยตอนนี้ยังแยก repository ของโค้ดออกเป็นโครงการเฉพาะ โดยรองรับร่างมาตรฐาน IETF-QUIC ร่างที่ 27 การใช้ NGINX เวอร์ชั่นรองรับ HTTP/3 จะทำให้ตัวเซิร์ฟเวอร์รองรับการคอนฟิก listen 443 http3 reuseport; เพื่อให้ NGINX เปิดพอร์ต UDP สำหรับ HTTP/3 แยกออกมา และต้องประกาศ HTTP header ในฟิลด์ Alt-Svc เพิ่มเติมเพื่อประกาศว่าเซิร์ฟเวอร์นี้รองรับ HTTP/3 โดยเบราว์เซอร์ที่รองรับแล้วได้แก่ Firefox เวอร์ชั่น 75 ขึ้นไป และ Chrome เวอร์ชั่น 83 ขึ้นไป HTTP/3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บเพิ่มขึ้นได้มาก จากการรองรับการเชื่อมต่อที่ไม่เสียเวลาส่งข้อมูลกลับไปมาเพื่อเปิดการเชื่อมต่อแบบเดิมๆ ทำให้เซิร์ฟเวอร์สามารถส่งข้อมูลได้ทันทีหลังจากไคลเอนต์ร้องขอ แต่มาตรฐานยังอยู่ระหว่างการพัฒนาแม้จะมีเบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์รองรับเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม ที่มา - NGINX
# Just Eat Takeaway ยักษ์ใหญ่เดลิเวอรียุโรป ซื้อกิจการ Grubhub มูลค่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ Just Eat Takeaway ผู้ให้บริการเดลิเวอรีจากยุโรป (เกิดจากการควบกิจการของ Just Eat จากเดนมาร์ก/อังกฤษ และ Takeaway ของเนเธอร์แลนด์) ประกาศเสนอซื้อกิจการ Grubhub ผู้ให้บริการเดลิเวอรีของสหรัฐอเมริกา กลายเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการเดลิเวอรีโลก (ไม่รวมจีน) Just Eat Takeaway เสนอซื้อหุ้น Grubhub ที่ราคา 75.15 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ด้วยวิธีการแลกหุ้น) ทำให้มูลค่าของ Grubhub อยู่ที่ 7.3 พันล้านดอลลาร์ และผู้ถือหุ้นของ Grubhub จะมีสัดส่วนหุ้นประมาณ 30% ของบริษัทหลังควบรวมกิจการแล้ว การควบกิจการของ Just Eat Takeaway กับ Grubhub ทำให้เกิดบริษัทเดลิเวอรีขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจใน 25 ประเทศ โดยตลาดสำคัญคือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจัร เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สำนักงานใหญ่ของบริษัทใหม่จะยังอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม บ้านเกิดของ Takeaway ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า Uber Eats สนใจซื้อกิจการ Grubhub แต่ก็โดนคัดค้านไม่น้อย เพราะเป็นคู่แข่งร่วมชาติด้วยกันเอง ทำให้มีความกังวลเรื่องการผูกขาดตลาด จนทำให้ Just Eat Takeaway ข้ามฝั่งมาจากยุโรป และซื้อกิจการ Grubhub แทน (ในสหรัฐอเมริกายังมีผู้เล่นรายอื่นคือ DoorDash และ Postmates) ที่มา - CNBC, ภาพจาก Just Eat
# OPPO อาจลงสนามสมาร์ททีวี ชน Realme, Redmi, Xiaomi และ OnePlus หลังจากที่ OPPO เปิดตัว OPPO Reno 4 พร้อมผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์ในตระกูล Band และหูฟังไร้สาย OPPO Enco W51 ในประเทศจีน ก็มีผู้เห็นว่าในรูปรวมผลิตภัณฑ์นั้น มีไอคอนรูปทีวี พร้อมตัวอักษรภาษาจีนเขียนคำว่าทีวีอยู่ด้วย ทำให้คาดเดาได้ว่าผลิภภัณฑ์ต่อไปที่ OPPO จะเปิดตัว น่าจะเป็นสมาร์ททีวี หลังจากที่ทั้ง Realme, Redmi, Xiaomi และ OnePlus ลงมาเล่นตลาดนี้กันไปก่อนแล้ว และแต่ละเจ้าก็ราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตร อย่าง Redmi TV ที่ขนาดหน้าจอ 70 นิ้ว ก็ราคาแค่ 3,799 หยวน หรือประมาณ 16,500 บาทเท่านั้น แปลว่า OPPO น่าจะต้องทำการบ้านอย่างหนักในการตั้งราคาเพื่อจะท้าชนกับแบรนด์อื่น และมุ่งไปสู่แนวทางที่จะพยายามออกผลิตภัณฑ์ครอบคุลมทุกมิติ IoT แบบที่แบรนด์จีนหลายๆ แบรนด์กำลังมุ่งหน้าไป ที่มา - Notebookcheck ภาพจาก OPPO Weibo
# ไอบีเอ็มชี้แจงคลาวด์ล่มเพราะเครือข่ายภายนอก route ผิดจนเน็ตล่ม หลังจากเมื่อวานนี้บริการ IBM Cloud ล่มทั่วโลกเป็นเวลาสองชั่วโมง ทางไอบีเอ็มก็ชี้แจงเบื้องต้นในเว็บ status ระบุว่ากำลังสอบสวนสาเหตุ แต่ก็พบว่าผู้ให้บริการเครือข่ายภายนอกหาเส้นทางผิดพลาดจนส่งทราฟิกเข้าเครือข่ายของไอบีเอ็มจำนวนมาก และตอนนี้ยังไม่พบว่ามีข้อมูลลูกค้าเสียหายหรือมีเหตุความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แต่อย่างใด ไอบีเอ็มไม่ได้บอกว่า ISP รายใดเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่เหตุการณ์หาเส้นทางในอินเทอร์เน็ตผิดพลาดจากการประกาศเส้นทาง BGP ผิด สร้างเหตุการณ์ล่มครั้งใหญ่ๆ มาแล้วหลายครั้ง เช่น กูเกิลเคยทำอินเทอร์เน็ตในญี่ปุ่นล่มเป็นวงกว้าง, หรือ Verizon ทำ Cloudflare ล่ม เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทาง Cloudflare เรียกร้องให้ ISP ทั่วโลกเปิดการตรวจสอบ RPKI ใน BGP เสียเพื่อไม่ให้มีเหตุประกาศเส้นทางผิดพลาดอีก ที่มา - The Register
# Amazon ประกาศระงับไม่ให้ตำรวจใช้งานเทคโนโลยี Facial Recognition 1 ปี เทคโนโลยี Facial Recognition ในการใช้งานจริงในสหรัฐมีปัญหามายาวนาน หนึ่งในนั้นมีความเกี่ยวข้องกับสีผิว ก่อนที่ประเด็นนี้จะร้อนแรงขึ้นจากการประท้วงทั่วประเทศกรณีการเสียชีวิตของ George Floyd ทำให้บริษัทอย่าง IBM ประกาศไม่ยุ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ไปเลย ล่าสุด Amazon ที่เป็นผู้ป้อนเทคโนโลยี Facial Recognition ให้กับตำรวจในสหรัฐ ประกาศระงับการให้บริการ Amazon Rekognition กับตำรวจเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่ได้ให้เหตุผลโดยตรง แต่ระบุเพียงแค่ว่าได้เรียกร้องให้ภาครัฐออกกฎควบคุมการใช้งานในเชิงศีลธรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี Facial Recognition ซึ่งก็หวังว่าในระยะเวลา 1 ปีนี้ สภาคองเกรสที่รับเรื่องพิจารณาไปแล้ว จะสามารถออกมาตรการหรือกฎควบคุมได้ทัน อย่างไรก็ตาม Amazon ระบุว่ายังให้บริการ Amazon Rekognition กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Thorn ที่ช่วยเหลือและป้องกันการค้ามนุษย์และล่วงละเมิดทางเพศในเด็ก และ Marinus Analytics องค์กรพัฒนา AI เพื่อใช้งานในกรณีอย่างการค้ามนุษย์ ที่มา - Amazon Blog
# Apple เตรียมหยุดให้บริการ iTunes U และ iBooks Author ให้ไปใช้แอปอื่นแทน Apple ประกาศหยุดอัพเดท iBooks Author ในเดือนกรกฎาคม พร้อมทั้งเตรียมหยุดให้บริการ iTunes U ในปลายปี 2021 และจะแทนที่ด้วยแอปการศึกษาอื่นๆ อย่าง Schoolwork และ Classroom iBooks Author เป็นแอปพลิเคชั่นบน Mac ออกแบบมาเพื่อใช้ในการเขียนอีบุ๊ค โดย Apple จะถอดแอป iBooks Author ออกจาก Mac App Store ในวันที่ 1 กรกฏาคมนี้ พร้อมทั้งขอให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนไปใช้แอป Pages แทน ในขณะที่ iTunes U เป็นแอปพลิชั่นที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการศึกษา มียอดดาวน์โหลดกว่าพันล้านครั้งทั่วโลก อย่างไรก็ตาม แอปพลิเคชั่นดังกล่าวไม่ได้รับการอัพเดทมาตั้งแต่ปี 2017 ในขณะที่แอปพลิเคชั่น Schoolwork และ Classroom ได้รับการอัพเดทเพิ่มฟีเจอร์อยู่เรื่อยๆ ผู้ใช้งานสามารถย้ายเนื้อหาที่อยู่ใน iTunes U ไปยังแอป Podcasts และ Apple Books ได้ และหากเป็นเนื้อหาที่ไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะ Apple ก็แนะนำให้ย้ายเนื้อหาไปบน Schoolwork แทน ที่มา Apple via CNET , 9to5mac
# ผู้กำกับเกม The Last of Us 2 คิดว่าแฟนเกมภาคแรก ถ้าไม่รักก็เกลียดภาคนี้ไปเลย Neil Druckmann นักเขียนและผู้กำกับเกม The Last of Us ทั้งสองภาค ให้สัมภาษณ์กับ Wired ว่าเขาคิดว่าอาจมีแฟนของภาคแรกหลายๆ คน ไม่ชอบทิศทางของเนื้อเรื่องเกมภาคสอง หรือชะตากรรมที่ตัวละครที่พวกเขารักต้องเผชิญ และบอกว่า Naughty Dog ได้สร้างเกมที่น่าจะมีทั้งคนที่ทั้งชอบและไม่ชอบพอๆ กันออกมา แต่เขาก็ยังรู้สึกพอใจที่จะทำเกมที่มีคนเกลียดเข้าไส้ (เพราะความรู้สึกรักในตัวละคร หรือเกมมาก) มากกว่าทำเกมที่ทำให้คนรู้สึกแค่ “ก็โอเค” แล้วผ่านๆ ไป ก่อนหน้านี้ Troy Baker ผู้ให้เสียง Joel ตัวละครหลัก ก็เคยให้สัมภาษณ์ไปในทิศทางเดียวกัน และหวังว่าสิ่งที่ผู้เล่นเจอจะท้าทายความคาดหวังของพวกเขา โดย Troy ทิ้งท้ายในการสัมภาษณ์ครั้งนั้นไว้ว่า เขาไม่รู้ว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ที่แน่ๆ คือไม่ได้รู้สึกแค่ “เฉยๆ” กับเกมนี้แน่นอน The Last of Us 2 วางจำหน่าย 19 มิถุนายนนี้ บนเครื่อง Playstation 4 ที่มา - Wiredvia Gamespot
# Reddit แต่งตั้ง Michael Seibel ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitch/Socialcam เป็นบอร์ดคนดำ ต่อจากข่าว Alexis Ohanian ผู้ร่วมก่อตั้ง Reddit ลาออกจากบอร์ด เพื่อเปิดทางให้ตั้งบอร์ดใหม่เป็นคนดำ วันนี้ Reddit ประกาศตั้ง Michael Seibel ผู้ร่วมก่อตั้ง Justin.tv (ซึ่งภายหลังกลายเป็น Twitch) และผู้ร่วมก่อตั้ง Socialcam เป็นบอร์ดคนใหม่ Michael Seibel เคยเป็นซีอีโอของ Justin.tv ระหว่างปี 2007-2011 ก่อนมาก่อตั้ง Socialcam แล้วขายกิจการให้ Autodesk ในปี 2012 จากนั้นมาเข้าร่วมกับ Y Combinator ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนในสตาร์ตอัพ ที่มา - Reddit
# Google ปล่อย Android 11 Beta 1 แล้ว รองรับย้อนหลังถึง Pixel 2 หลังจากเลื่อนมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ล่าสุด Google ปล่อย Android 11 เวอร์ชันเบต้าออกมาแล้ว โดย Google เพิ่งบอกรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงใน Android 11 แบบเต็ม ๆ โดยแบ่งเป็น 3 ธีมคือ People, Control และ Privacy People เน้นไปที่การมีปฏิสัมพันธ์กับสมาร์ทโฟนและคนอื่นอย่างการแบ่งแท็บแจ้งเตือน (notification) ให้มีแท็บ conversation แยกออกมาสำหรับแชท, Bubble API เหมือน Chat Head ของ Messenger, Keyboard suggestion ฉลาดขึ้นและอิงตามเนื้อหาบนจอและ Accessibility ที่รองรับคำสั่งเสียงทั้งหมด Controls ควบคุมสมาร์ทดีไวซ์ อย่างการเพิ่มปุ่มควบคุมกลุ่มอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่เมื่อกดปุ่ม Power ค้าง และเพิ่ม Media Control ใน Notification Privacy เพิ่มตัวเลือกให้สิทธิแค่ครั้งเดียวตอนเปิดใช้งานแอป (one-time permission), รีเซ็ตสิทธิที่ให้กับแอปที่ไม่ใช้งานนาน ๆ (Permissions auto-reset), แอปต้องขออนุญาตเข้าถึง background location, เพิ่มโมดูลสำหรับอัพเดต OS ใน Project Mainline กำหนดการปล่อย Android 11 เบื้องต้นคือเบต้า 1 เดือนนี้ เบต้า 2 เดือนกรกฎาคมและเบต้า 3 เดือนสิงหาคม ก่อนจะปล่อยตัวจริงภายในไตรมาส 3 รุ่นที่สามารถอัพเดต Android 11 Beta ได้มีตั้งแต่ Pixel 4, Pixel 3a, Pixel 3 และ Pixel 2 โดยแบรนด์ OEM ตอนนี้มีแค่ Oppo รุ่น Oppo Find X2 และ Find X2 Pro ที่รองรับ ที่มา - Android Developers
# อินเทลเปิดตัว Lakefield ซีพียู 5 คอร์กินพลังงานต่ำแพ็กเกจขนาดเล็กพิเศษใส่แรมมาในตัว อินเทลเปิดตัวซีพียูตระกูล Lakefield ที่ออกแบบมาให้กินพลังงานต่ำและมีขนาดชิปเล็กมาก โดยตัวชิปมีขนาด 12x12 ตารางมิลลิเมตรเท่านั้น และกินพลังงานต่ำ ที่สำคัญคือแพ็กเกจรองรับการติดตั้งแรมลงไปในแพ็กเกจโดยตรงทำให้ขนาดบอร์ดโดยรวมจะมีขนาดเล็กลงมาก แต่ข้อจำกัดสำคัญคือแรมจะมีตัวเลือก 4GB และ 8GB ในช่วงแรกเท่านั้น สเปคการปล่อยความร้อนของ Lakefield อยู่ที่ 7 วัตต์และใช้พลังงานขณะพร้อมทำงาน (stand-by) เพียง 2.5 วัตต์เท่านั้น โดยที่การทำงานแบบเทอร์โบนั้นจะแบ่งเป็นการทำงานแบบคอร์เดี่ยวจะเร่งสัญญาณนาฬิกาได้ถึง 3GHz ขณะที่การเร่งทุกคอร์จะจำกัดที่ 1.8GHz เท่านั้น โดยกระบวนการผลิต Foveros 3D ที่ซ้อนส่วนประกอบต่างๆ เช่น แคช และตัวซีพียูเป็นชั้นๆ ขึ้นไป ทำให้ขนาดแพ็กเกจภายนอกเล็กลงมาก ความพิเศษของ Lakefield คือเป็นซีพียู 5 คอร์ที่มีคอร์ขนาดใหญ่พลังประมวลผลสูง 1 คอร์และคอร์ขนาดเล็กอีก 4 คอร์ แบบเดียวกับสถาปัตยกรรม big.LITTLE ของ Arm ที่ใช้งานในโทรศัพท์มานาน โดยแนวทางการออกแบบคอร์แบบนี้ทำให้ระบบปฎิบัติการและตัวซีพียูต้องทำงานร่วมกันมากขึ้นเพื่อเลือกรันงานให้ถูกคอร์ หรือ hardware-guided OS scheduling ที่ทางอินเทลระบุว่าทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ในการรองรับฟีเจอร์นี้แล้วส่วนลินุกซ์ยังไม่ได้ทดสอบว่าทำงานร่วมกันได้ในตอนนี้ ตัวคอร์ใหญ่ (ที่มีคอร์เดียว) เป็น Sunny Cove ที่ใช้ในซีพียู Ice Lake หรือ Core รุ่นที่ 10 แบบ 10 นาโนเมตร โดยคอร์เล็กเป็น Tremont โดยอินเทลปรับชุดคำสั่งที่คอร์ทั้งสองแบบรองรับให้เท่ากัน ทำให้ชุดคำสั่งระดับสูงบางอย่าง เช่น AVX-512 นั้นไม่สามารถใช้งานได้ใน Lakefield Lakefield ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับพีซีตระกูลพลังงานต่ำมาก เป็นคู่แข่งกับการรันวินโดวส์บนชิป Arm เช่น Qualcomm 8cx และ Qualcomm 8c/7c แต่ข้อดีคือ Lakefield เป็น x86 ที่ไม่มีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ โดยตอนนี้โน้ตบุ๊กที่จะใช้ Lakefield ได้แก่ Samsung Galaxy Book S ที่รุ่นก่อนหน้าใช้ Qualcomm และ Lenovo X1 Fold อินเทลเริ่มส่งมอบชิป Lakefield แล้ว โดย Samsung Galaxy Book S ก็จะเริ่มวางขายในเดือนนี้เช่นกัน โดยตอนนี้ออกมาสองรุ่น คือ i5-L16G7 และ i3-L13G4 ต่างกันที่สัญญาณนาฬิการเริ่มต้นและสูงสุดและจำนวนหน่วยกราฟิก แต่จำนวนคอร์และแคชเท่ากัน ที่มา - Intel, งานแถลงข่าวออนไลน์
# มาอีกหนึ่ง Fleets ฟีเจอร์ Stories ฉบับ Twitter เริ่มเปิดให้ใช้แล้วในอินเดีย หลังจากปล่อยให้ลองใช้ในบราซิลเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด Twitter เปิดให้ใช้งาน Fleets ฟีเจอร์ Stories แบบฉบับนกฟ้าในอินเดียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Fleets เป็นฟีเจอร์โพสต์เนื้อหาที่แยกออกจากทวีตทั่วไป โดยจะหายไปเมื่อครบ 24 ชั่วโมง คล้ายกับฟีเจอร์ Stories ใน Instagram และ Snapchat สาเหตุที่เลือกอินเดียเนื่องจากเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอินเดียเป็นประเทศที่สามต่อจากบราซิลและอิตาลีที่ได้ใช้งาน Fleets อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่าจะเปิดให้ใช้งานทั่วโลกเมื่อไร ที่มา - The Verge
# Google Pixel ขายได้ 7.2 ล้านเครื่องในปี 2019 แซง OnePlus แต่ยังไม่ติดท็อป 10 แม้ Google Pixel 4 กับ 4 XL จะได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ดีนัก และมีปัญหามากจนหัวหน้าทีม Pixel กับหัวหน้าทีมพัฒนากล้องลาออกไป รวมถึงกระแสก็ไม่ได้แรงมากนัก แต่ล่าสุด Francisco Jeronimo รองประธานฝ่ายตลาดอุปกรณ์ในยุโรปของ IDC ก็ทวีตภาพที่มีข้อความว่ายอดขายของมือถือตระกูล Pixel เติบโตขึ้นถึง 52% ในปี 2019 เมื่อเทียบกับปี 2018 โดยทำยอดขายได้ถึง 7.2 ล้านเครื่อง ซึ่งมากกว่าที่ OnePlus ขายได้ในปี 2019 แต่ก็ยังห่างจากมือถือที่ขายดี 10 อันดับแรกอยู่ดี และยอดขายส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันตก และญี่ปุ่น หลังจากนั้นก็มีคนไปถาม Jeronimo ว่า Pixel 3a กับ Pixel 4 ขายได้น้อยกว่า Pixel 3 ในสองไตรมาสแรกไม่ใช่เหรอ มีปัจจัยอะไรที่ทำให้ยอดขายพุ่งในปี 2019 บ้าง ซึ่ง Jeronimo ก็ขยายต่อว่า ไตรมาสที่สองที่ Pixel 3 วางจำหน่าย ก็คือไตรมาสแรกของปี 2019 นั่นแหละ ซึ่งเมื่อร่วมกับ 3a กับ 4 ที่แม้จะเปิดตัวไม่แรง แต่ยอดขายโดยรวมก็อยู่ในปี 2019 และ Google ยังเปิดตลาดใหม่อีก 3 ประเทศอีกด้วย ส่วน Pixel 4a ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม ก็อาจจะมาพร้อมกับชิประดับกลาง และราคาเปิดตัวที่ถูกกว่า 3a อีกด้วย คงต้องติดตามว่าจะส่งผลอย่างไรต่อยอดขายของ Google ในปี 2020 นี้ ที่มา - @fjeronimo via XDA-Developers
# Bungie ยืนยันยังไม่ทำ Destiny 3 แต่ออกภาคเสริม 3 ภาคให้ Destiny 2 แทน Bungie ประกาศแผนการระยะยาวของเกมยิงไซไฟ Destiny 2 ในอีก 3 ปีข้างหน้า (2020-2022) ยืนยันว่าจะยังไม่ทำ Destiny 3 แต่จะเป็นการออกภาคเสริมปีละภาค รวม 3 ภาคแทน Bungie บอกว่าตอนเปลี่ยนจาก Destiny 1 มาสู่ Destiny 2 ใช้นโยบายตัดเนื้อหาและฟีเจอร์ทั้งหมดของ Destiny 1 ไม่ยุ่งเกี่ยวกับ Destiny 2 เลย ทำให้ผู้เล่นแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งมีผลเสียต่อชุมชนผู้เล่นอย่างมาก รอบนี้จึงไม่อยากผิดพลาดซ้ำอีกด้วยการออก Destiny 3 ที่แยกขาดจาก Destiny 2 อย่างไรก็ตาม Destiny 2 ออกมาตั้งแต่ปี 2017 มีเนื้อหาเสริม-ภาคเสริมมารวม 5 ตัว มีดาวเคราะห์ 9 ดวง ภารกิจ 54 ตัว ขนาดไฟล์รวมใหญ่ขึ้นจนเป็น 115GB (เฉลี่ยแล้ว เพิ่มขึ้นภาคเสริมละ 25GB) ทำให้เกมบวม ดาวน์โหลดช้า เปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ของผู้เล่น ในมุมของทีมงานเองก็ดูแลเกมลำบาก ทั้งการแก้บั๊ก ออกแพตช์ ทดสอบแพตช์ด้วย แนวทางการออกภาคเสริมชุดต่อไปของ Destiny 2 จึงใช้วิธี "โละ" เนื้อหาเก่าที่คนเล่นน้อย (เช่น แคมเปญ Warmind ที่มีคนเล่นเพียง 0.3% ของการเล่นทั้งหมดในช่วงหลัง) เข้าไปเก็บรักษาไว้ใน Destiny Content Vault (DCV) ก่อน แต่ไม่ได้เป็นการโละถาวร เพราะอาจนำวนกลับมาให้เล่นใหม่อีกครั้งในเวลาที่เหมาะสม (หากเนื้อเรื่องของเกมพัฒนาไปในทิศทางที่สอดคล้องกับเนื้อหานั้น) Bungie บอกว่าโมเดล Content Vault จะช่วยให้ขนาดของเกมอยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยประกาศล่วงหน้าว่าจะเก็บเนื้อหาส่วนไหนเมื่อไร เนื้อหาชุดแรกที่จะถูกเก็บคือ Io, Titan, Mercury, Mars, Leviathan ในวันที่ 22 กันยายน 2020 แต่จะวนเอา Cosmodrome จาก Destiny 1 กลับมาให้เล่นแทน ส่วนภาคเสริมใหม่ทั้ง 3 ภาคได้แก่ Beyond Light (2020), The Witch Queen (2021) และ Lightfall (2022) ภาคเสริมตัวแรกในซีรีส์คือ Beyond Light เนื้อหาโฟกัสที่ดวงจันทร์ Europa เกมจะออกขายวันที่ 22 กันยายน 2020 และเปิดให้พรีออเดอร์ ที่มา - Bungie, Bungie, Eurogamer
# Firefox Focus for Android ถูกถอดจาก Play Store ไทยตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว, iOS ยังโหลดได้ ข่าวเก่าครับ: Mozilla ประกาศว่าตั้งแต่ 31 มกราคม 2562 เป็นต้นไป Firefox Focus จะถูกถอดออกจาก Google Play Store ของ 4 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ในประกาศดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงเหตุผลแต่อย่างใด เพียงแต่แจ้งว่าให้ไปใช้ Firefox Lite (ชื่อเดิม Rocket) แทน ตัวผมเองพยายามค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก GitHub, Mozilla wiki, และ mailing list (ร้าง) แต่ก็ไม่พบเหตุผลเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ผมเข้าใจว่าผมจะไม่สามารถอัพเดตแอพนี้ได้อีกตั้งแต่แอพถูกถอดออก แต่ดูจากเครื่องของตัวเองก็พบว่ายังเป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่ (วันที่ 7 พฤษภาคม 2563) เพียงแต่ห้ามลบหรือย้ายเครื่องเท่านั้น ส่วน Firefox Focus on iOS สามารถดาวน์โหลดได้ตามปกติ ที่มา - Mozilla Support
# เน็ตช้าทั้งอำเภอเพราะเธอคนเดียว, ISP สหรัฐลดความเร็วเน็ตทั้งเมือง เพราะมีคนใช้ดาต้าเยอะเกิน Cox Communication ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของสหรัฐได้ลดความเร็วอินเทอร์เน็ตขาอัพโหลดของลูกค้าทั้งเมือง Gainesville รัฐฟลอริด้า หลังมีผู้ใช้งานรายหนึ่งใช้ดาต้าเยอะเกินไป โดย Cox ปรับลดความเร็วอัพโหลดลงจากสูงสุดตามที่มีให้บริการคือ 35Mbps เหลือที่ 10Mbps ส่วนความเร็วขาดาวน์โหลดยังเท่าเดิม Mike ผู้ใช้งานรายดังกล่าวเล่าว่าเขาเปิดแพ็กเกจความเร็วดาวน์โหลด 1Gbps (อัพโหลด 35Mbps) ราคา 100 เหรียญและจ่ายเพิ่มอีก 50 เหรียญเพื่อให้สามารถใช้งานได้ไม่จำกัดปริมาณดาต้า เพราะเขาใช้งานเกิน 1TB ต่อเดือน ซึ่งเป็นลิมิตที่ Cox กำหนดเอาไว้ในแพ็กเกจเน็ตบ้าน การใช้งานของ Mike หลัก ๆ คือแบ็คอัพและรับส่งข้อมูลบนเน็ตเวิร์คแบบ P2P ในช่วงเวลาราวตี 1 ถึง 8 โมงเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่คนใช้งานน้อย ส่วนช่วงเวลากลางวันและช่วงเย็น Mike ก็บอกว่าเขาใช้งานตามปกติเหมือนผู้ใช้ทั่วไป ก่อนที่เขาจะได้รับอีเมลแจ้งเตือนจาก Cox เรื่องการใช้งานดาต้าที่เยอะเกินไป โดยเฉพาะขาอัพโหลด และถูกร้องขอ (กึ่งบังคับ) ให้ปรับพฤติกรรมการใช้งาน ทั้งที่ที่ผ่านมาเขาก็ใช้งานในปริมาณนี้มาตลอด แต่เพิ่งมาได้รับอีเมลแจ้งเตือนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และ Mike เองก็ไม่รู้ว่าเขาควรปรับการใช้งานลดลงแค่ไหนในแต่ละเดือน ถึงจะเพียงพอ Cox ให้เวลา Mike 5 วันในการปรับพฤติกรรมการใช้งาน โดย Cox อ้างว่าพฤติกรรมการใช้งานของ Mike กระทบเครือข่ายทั้งหมดและละเมิดนโยบายการใช้งาน (Acceptable Use Policy) ก่อนจะส่งอีเมลมาอีกครั้งว่าจำเป็นต้องลดความเร็วอัพโหลดลงทั้งเมืองลง เพราะมีคนใช้ทำงานและเรียนจากที่บ้านเยอะ ทำให้ต้องรักษาความเสถียรของเครือข่ายทั้งหมด และก็ยืนยันว่านาย Mike ปรับพฤติกรรมการใช้งานให้เป็นไปตามนโยบายแล้ว (Cox สื่อประมาณว่าที่ลดความเร็ว ไม่ใช่แค่เพราะ Mike) การปรับลดความเร็วอัพโหลดบนเครือข่าย Cox ในเมือง Gainesville จะมีไปจนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม ที่มา - Ars Technica
# แผนการสร้างโรงงานผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตรของ TSMC ยังเดินหน้าตามแผน TSMC มีข่าวว่าเริ่มสร้างและลงทุนในโรงงานผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตรมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ล่าสุดแม้จะมีปัญหา COVID-19 แต่แผนการสร้างโรงงานยังคงเดินหน้าตามแผนเดิม กำหนดการเบื้องต้นของ TSMC คือโรงงานจะเริ่มทดสอบการผลิตในราวปี 2021 ก่อนจะเริ่มผลิตจำนวนมากได้ราวครึ่งหลังของปี 2022 โดยปัจจุบัน TSMC อยู่ในช่วงการผลิตที่ขนาด 7 นาโนเมตรและกำลังอยู่ในช่วงขยายกระบวนการผลิตขนาด 5 นาโนเมตรให้มากขึ้น ที่มา - DigiTimes ภาพจาก Shutterstock
# Apple Store ในสหรัฐ เตรียมเปิดให้นำ MacBook เก่ามาแลกเป็นส่วนลดเครื่องใหม่ได้แล้ว Apple เตรียมให้บริการนำเครื่อง MacBook เก่ามาแลกส่วนลดที่ Apple Store ในสหรัฐอเมริกาแล้ว หลังก่อนหน้านี้ ผู้ใช้เครื่อง MacBook จะสามารถแลกเครื่องเก่าเป็นส่วนลดได้ผ่านหน้าเว็บไซต์ของ Apple เท่านั้น ต่างจาก iPhone, iPad และ Apple Watch ที่สามารถนำเครื่องเก่าไปแลกซื้อเครื่องใหม่ได้เลย โปรแกรมนี้จะเริ่มในวันที่ 15 มิถุนายนในสหรัฐอเมริกา และ 18 มิถุนายน ในแคนาดา โดยผู้ใช้จะสามารถแลกเป็นเครดิตส่วนลดเครื่องที่จะซื้อใหม่ หรือแลกเป็น Apple Gift Card ก็ได้ โดยโปรแกรมนี้อาจต้องรออีกสักระยะจึงจะเห็นผลว่าสามารถเพิ่มยอดขายได้มากแค่ไหน เพราะ Apple Store กว่า 200 สาขาในสหรัฐ ยังปิดอยู่เนื่องมาจาก COVID-19 (และการประท้วงในหลายๆ รัฐ) ยอดขายเครื่องตระกูล Mac ทำรายได้ให้ Apple กว่า 25.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปีงบประมาณ 2019 คิดเป็นกว่า 10% ของรายได้ของบริษัท นอกจากนี้ Apple ยังเตรียมแผนจะเพิ่มการผ่อนเครื่อง Mac, iPad, AirPods และอื่นๆ ผ่าน Apple Card ในเร็วๆ นี้ ส่วนทั้งโปรแกรมเอา Mac เก่ามาเป็นส่วนลด และ Apple Card ในไทย ก็ยังต้องร้องเพลงรอต่อไป ที่มา - Bloomberg
# หัวหน้าทีม Xbox มองการเล่นเกมในอนาคต จะไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้แค่คอนโซล วิสัยทัศน์ต่อวงการเกมของ Xbox ในระยะหลังค่อนข้างสะท้อนออกมาจากท่าทีและนโยบายต่าง ๆ ของไมโครซอฟท์ ว่าต้องการให้เกมและแพลตฟอร์ม Xbox ของตัวเองสามารถเข้าถึงและเล่นได้จากทุกที่ อย่างการออกคลาวด์เกมมิ่งอย่าง xCloud และ Xbox Game Pass ที่เล่นได้ทั้งบนคอนโซล พีซีหรือแม้แต่อุปกรณ์เคลื่อนที่ และมักใส่เกมใหม่ ๆ เข้าไปให้ตั้งแต่ day-1 ด้วย วิธีคิดนี้ได้รับการยืนยันโดย Phil Spencer หัวหน้าฝ่าย Xbox ที่ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร WIRED ว่าไมโครซอฟท์มองว่าการเล่นเกมในอนาคตว่าจะไม่ได้ถูกจำกัดให้อยู่แต่บนคอนโซลอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องเล่นบนอุปกรณ์ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้ เหมือนกับการที่เราดู Netflix จากอุปกรณ์ไหนก็ได้ Phil Spencer มุมมองของไมโครซอฟท์ไม่ได้ต้องการประทะกับเจ้าคอนโซลอย่างโซนี่ แต่เป็นการเข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลง ส่วนหนึ่งจากพฤติกรรมการเสพสื่อ (อย่าง Netflix) ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่หน้าจอทีวีอีกต่อไปและการครองตลาดของเกมมือถือที่แซงหน้าคอนโซลไปแล้ว โดย Spencer บอกว่า Xbox จะโฟกัสไปที่ผู้เล่นและอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์พวกเขาเป็นหลัก Spencer เชื่อด้วยว่าการเล่นเกมออนไลน์ในปัจจุบัน ไม่ควรถูกจำกัดให้เจอได้แต่เฉพาะผู้เล่นบนคอนโซลเดียวกัน ในเมื่อเล่นเกมเดียวกันก็ควรจะได้เจอกับผู้เล่นจากแพลตฟอร์มอื่นได้ด้วย อย่างไรก็ตาม Spencer ยืนยันว่าไมโครซอฟท์ยังคงให้ความสำคัญกับคอนโซลอย่าง Xbox อยู่ Series X จะไม่ใช่คอนโซลรุ่นสุดท้าย เพียงแต่ว่าคอนโซลจะไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียวที่ไมโครซอฟท์ให้ความสำคัญเท่านั้นเอง อ่านเพิ่มเติม - Cloud Gaming แพลตฟอร์มเกมยุคหน้าที่อาจทำให้ไมโครซอฟท์กลับมาครองตลาดเกม ที่มา - WIRED
# [ลือ] แอปเปิลเตรียมประกาศเปลี่ยนชิปซีพียูบน MacBook จาก Intel เป็นชิปตัวเองในงาน WWDC มีข่าวลือมานานเรื่องการเปลี่ยนชิป Intel ใน MacBook มาเป็นชิปที่แอปเปิลพัฒนาเองมานาน ล่าสุด Bloomberg รายงานอ้างอิงคนในว่าแอปเปิลเตรียมจะประกาศเรื่องนี้บนเวที WWDC ที่จะจัดวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ชิปของแอปเปิลบน MacBook จะใช้สถาปัตยกรรมของ ARM ซึ่งนักพัฒนาจะมีเวลาประมาณ 1 ปีเป็นอย่างน้อยในการแก้ไขโค้ดให้รองรับบนสถาปัตยกรรม ARM (สินค้าจะออกปีหน้า) ตัวชิปจะเป็น SoC ที่มีชิปประมวลผล, ชิปกราฟิคและชิป AI รวมอยู่ด้วยกัน โดยแอปเปิลกำลังพัฒนาอยู่อย่างน้อย 3 รุ่น รุ่นแรกจะเป็นการพัฒนาต่อยอดจากชิป A14 ที่จะอยู่ใน iPhone รุ่นถัดไป ขณะที่เดียวกันการทดสอบ MacBook ที่รันบน ARM แอปเปิลพบว่าประสิทธิภาพของทั้งกราฟิคและ AI ในแอปออกมาดีกว่าการใช้ชิป Intel อยู่ค่อนข้างมาก ที่สำคัญคือประหยัดพลังงานมากกว่าด้วย ที่มา - Bloomberg
# ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริษัทไอทีต่างชาติที่ให้บริการในไทย คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแก้ไขร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรว่าด้วยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้สรรพากรสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริการของบริษัทไอทีต่างชาติได้ เช่น Netflix, LINE, Facebook, Spotify สาระสำคัญของการแก้ไขประมวลรัษฎากร คือการแก้ไขนิยามของคำว่า "สินค้า" จากเดิมที่ไม่รวมสินค้าที่ไม่มีรูปร่างและส่งมอบกันผ่านอินเทอร์เน็ต ให้เพิ่มบทนิยามว่าด้วยบริการอิเล็กทรอนิคส์ ที่ส่งมอบสินค้าผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ส่วนผู้ให้บริการที่เข้าข่ายจะเสียภาษี (ทั้งให้บริการคนไทยและคนต่างประเทศในไทย) จะต้องมีรายได้ในไทยเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ลำดับต่อไปจะส่งร่างแก้ไข พ.ร.บ. ฉบับนี้ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยคณะรัฐมนตรีคาดว่ากระทรวงการคลังจะสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มประมาณปีละ 3,000 ล้านบาท ที่มา - ข่าวสด
# ป้ายรถเมล์ในกรุงโซลเตรียมติดตั้ง Wi-Fi ฟรี, ที่ชาร์จโทรศัพท์ และเครื่องฟอกอากาศ ป้ายรถเมล์ตามถนนเส้นหลักในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เตรียมติดตั้ง Wi-Fi ฟรี, ที่ชาร์จโทรศัพท์ และเครื่องฟอกอากาศ หรือในชื่อโครงการว่า Smart Shelters เริ่มติดตั้ง 10 แห่งในเดือนตุลาคม ก่อนที่จะขยายไปยังป้ายรถเมล์ทุกแห่งที่ตั้งอยู่บนเส้นทางรถเมล์พิเศษทั่วเมืองหลวงในปีหน้า นอกจากนี้ ตามป้ายรถเมล์ยังมีอุปกรณ์ในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเช่น กล้องวงจรปิด, เครื่องกระตุ้นหัวใจ, กริ่งกดในกรณีฉุกเฉิน และมีเซนเซอร์ IoTคอยบอกให้ผู้โดยสารที่รอรถรู้ว่ามีรถบัสสายใดกำลังมาเทียบท่า ภาพจาก Pixabay ที่มา - The Korea Herald
# ไมโครซอฟท์ยกส่วนขยาย Go Extension ของ VS Code ให้ทีมงาน Go ดูแลต่อ ไมโครซอฟท์ประกาศยกส่วนขยาย Go Extension ของ Visual Studio Code ให้โครงการ Go (ซึ่งก็คือพนักงานกูเกิล) เป็นผู้ดูแลแทน VS Code ถือเป็น IDE ยอดนิยมอันดับหนึ่งจากการสำรวจของผู้ใช้ Go และส่วนขยาย Go Extension มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 3 ล้านครั้ง ทีม VS Code บอกว่าร่วมมือกับทีม Go มาสักระยะแล้ว ทั้งการพัฒนา language server ตัวใหม่ให้รองรับ Go และปรับปรุงดีบั๊กเกอร์ Delve ให้ดีขึ้น จึงตัดสินใจยกโค้ดให้ทีมงาน Go ดูแลเพราะน่าจะเหมาะสมที่สุด ตัวโครงการ Go Extension เป็นโอเพนซอร์สอยู่แล้วจึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่โค้ดจะย้ายไปอยู่ใต้ Git ของโครงการ Go และเปลี่ยนชื่อผู้ดูแลจาก Microsoft เป็น Go Team at Google ที่มา - VS Code, Go Blog
# Facebook ปรับปรุงแท็บข่าวใหม่ เสนอข่าวท้องถิ่นมากขึ้น ใช้ได้เฉพาะในสหรัฐฯ Facebook เปิดตัวแท็บข่าวหรือ Facebook News มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว เป็นแท็บใหม่ที่มีศักดิ์เทียบเท่ากับ Facebook Watch โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมข่าวสาร แสดงหัวข่าวจากสื่อชั้นนำต่างๆ และสามารถผูกกับบริการ subscription ของหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวที่เราใช้งานอยู่แล้วได้ แต่ยังใช้งานได้เฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น และยังไม่รู้ว่าจะขยายไปยังประเทศอื่นเมื่อไร ล่าสุด TechCrunch รายงานว่า Facebook ได้ปรับปรุงใหม่ให้ Facebook News เสนอข่าวท้องถิ่นใกล้ตัวผู้ใช้งานมากขึ้น มีเซกชั่นสำหรับข่าวท้องถิ่นโดยเฉพาะ และยังทดสอบเซกชั่นวิดีโอสำหรับข่าวโดยเฉพาะด้วย ผู้ใช้งานจะสามารถเห็นการอัพเดตใหม่เฉพาะ Facebook บนมือถือเท่านั้น ไม่รวมเดสก์ทอป ในหมวด ข่าวท้องถิ่นนี้ Facebook อธิบายไว้ในหน้าเว็บไซต์ว่า เป็นการรวมข่าวท้องถิ่นในตลาดสหรัฐอเมริกาทั้งหมดจากสื่อในท้องที่ที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของสำนักข่าว ที่มา - TechCrunch, Facebook News
# นินเทนโดเผย มีบัญชี NNID อีก 140,000 บัญชีโดนเจาะ รวมเป็น 300,000 บัญชี จากข่าวเมื่อเดือนเมษายน ที่บัญชี Nintendo Account 160,000 บัญชีถูกแฮ็ก ล่าสุดนินเทนโดเปิดเผยว่าพบอีก 140,000 บัญชี (รวมเป็น 300,000 บัญชี) โดยบริษัทรีเซ็ตรหัสผ่านของบัญชีเหล่านี้ และแจ้งเตือนผู้ใช้ไปทางอีเมลแล้ว บัญชีที่ถูกแฮ็กเป็นระบบเก่าที่ใช้งาน Nintendo Network ID (NNID) มาตั้งแต่ยุค Wii U/3DS โดยแถลงการณ์ของนินเทนโดยืนยันว่าข้อมูลที่หลุดไปไม่มีข้อมูลบัตรเครดิตรวมอยู่ด้วย และบริษัทแนะนำให้ผู้ใช้เปิด 2-Step Verification เพื่อความปลอดภัย ที่มา - Gizmodo
# IBM Cloud ล่มทั่วโลก แม้แต่หน้า Status ก็ยังล่ม [อัพเดต: ระบบกลับคืนมาแล้ว] ช่วงเช้าวันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้ใช้ IBM Cloud พบปัญหาบริการล่มทั่วโลก และถึงขั้นหน้าเพจ IBM Cloud Status ก็ล่มตามด้วยอยู่พักหนึ่ง (ตอนนี้หน้า Status กลับมาใช้ได้แล้ว) อัพเดตช่วง 10:30 จากหน้า Status ของ IBM Cloud ระบบส่วนใหญ่กลับคืนมาเกือบทั้งหมดแล้ว ขณะที่เขียนข่าวนี้ หากเข้าหน้า cloud.ibm.com จะเห็นหน้าจอที่มีข้อความว่า Please wait. Loading... และต้องรอนานพอสมควรถึงจะขึ้นหน้าจอล็อกอิน บัญชีทวิตเตอร์ @IBMCloud ระบุว่าทราบปัญหาแล้ว และกำลังแก้ไข ที่มา - The Register
# ไมโครซอฟท์ปล่อยแพตช์ความปลอดภัยประจำเดือนมิถุนายน รอบนี้มีช่องโหว่ 110 รายการ สูงสุดนับแต่แพตช์รายเดือน ไมโครซอฟท์ปล่อยแพตช์ความปลอดภัยประจำเดือนมิถุนายนตามรอบ Patch Tuesday โดยรอบนี้มีความพิเศษสักหน่อยคือช่องโหว่รันโค้ดระยะไกล (remote code execution - RCE) ที่เป็นช่องโหว่ร้ายแรงระดับวิกฤตินั้นมากถึง 11 รายการ กระทบตัววินโดวส์เอง อย่าง File Explorer, เซิร์ฟเวอร์ SharePoint, เบราว์เซอร์ Edge ในส่วนของ ChakraCore, และ Internet Explorer ส่วน VBScript แม้จะมีช่องโหว่ร้ายแรงสูงจำนวนมาก แต่ช่องโหว่ในกลุ่มนี้ก็ยังไม่มีรายละเอียดออกมาสู่สาธารณะและไม่มีรายงานการโจมตีจริง โดยมีช่องโหว่ระดับสำคัญรองลงมามีรายงานออกมาจาก ZDI ก่อนหน้านี้เพราะเกินกำหนดการปิดบังช่องโหว่ ชุดแพตช์รวมทั้งหมด 129 รายการ แยกออกเป็นช่องโหว่ตามหมายเลข CVE ทั้งหมด 110 รายการนับว่าสูงที่สุดนับแต่ไมโครซอฟท์เปลี่ยนรอบปล่อยแพตช์เป็นรายเดือนมา ที่มา - ZDI
# กูเกิลพัฒนาเทคนิคสร้างปัญญาประดิษฐ์สรุปบทความ โดยอาศัยตัวอย่างการสรุปบทความเพียง 1,000 ตัวอย่าง ปัญญาประดิษฐ์กลุ่มหนึ่งที่เป็นที่สนใจในช่วงหลังคือการสรุปบทความ (text summarization) ที่สร้างปัญญาประดิษฐ์ที่รับอินพุตเป็นบทความขนาดยาว แต่สามารถสรุปใจความสำคัญออกมาได้ภายในประโยคเดียว ปัญหาสำคัญคือการสร้างตัวอย่างการสรุปบทความนั้นทำได้ยาก และต้องใช้แรงงานสูง ตอนนี้กูเกิลก็นำเสนองานวิจัย PEGASUS (Pre-training with Extracted Gap-sentences for Abstractive SUmmarization Sequence-to-sequence models) ที่สามารถสรุปบทความได้ใกล้เคียงกับปัญญาประดิษฐ์อื่นๆ โดยใช้ตัวอย่างการสรุปบทความเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เทคนิคของกูเกิลอาศัยอินพุตเป็นบทความอื่นๆ โดยไม่มีสรุปซึ่งหาชุดข้อมูลได้ง่ายโดยทั่วไป แล้วสร้างปัญญาประดิษฐ์ด้วยการลบบางประโยคออกจากบทความ จากนั้นฝึกปัญญาประดิษฐ์ให้พยายามสร้างประโยคนั้นๆ กลับขึ้นมาใหม่ เรียกเทคนิคนี้ว่าการสร้างประโยคที่หายไป (gap sentences generation - GSG) โดยชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกเบื้องต้นนี้มีสองชุดข้อมูล ได้แก่ C4 บทความจากเว็บที่ดูดมาขนาด 750GB จาก 350 ล้านเว็บ และ HugeNews บทความข่าวที่ดูดมาขนาด 3.8TB รวม 1,500 ล้านบทความ โดยบทความเหล่านี้ไม่มีสรุปแต่อย่างใด หลังจากนั้นจึงมาฝึกกับชุดข้อมูลสรุปบทความโดยเฉพาะที่มีขนาดเล็กกว่า โดยชุดข้อมูล Gigaword ที่ใหญ่ที่สุดมีจำนวน 4 ล้านบทความเท่านั้น ทีมวิจัยวัดคะแนนสุดท้ายด้วยการจ้างคนมาให้คะแนนการสรุปแบบ 1-5 คะแนน จากตัวอย่างสรุป 4 ชุดโดยมีตัวอย่างจากการสรุปของคนจริงๆ ผสมไปด้วย และพบว่าการฝึกเพิ่มเติมกับตัวอย่างที่มีข้อมูลสรุปมาเป็นเฉลยเพียง 1,000 ชุดก็สามารถทำคะแนนได้ดีกว่าการสรุปของคนจริงๆ ไป 6 ชุดข้อมูล จาก 12 ชุดข้อมูล ตัวโค้ดและ snapshot ของโมเดลมีแจกใน GitHub ที่มา - Google AI Blog รูปแบบการฝึก GSG ที่ปัญญาประดิษฐ์ฝึกสร้างประโยคที่หายไปในชุดข้อมูลที่ไม่มีบทสรุปตัวอย่างให้
# สวิสเซอร์แลนด์ประกาศเตรียมใช้งาน QR-bill ใบเสร็จ QR จ่ายได้ทั้งผ่านแอปธนาคารและจ่ายที่ไปรษณีย์ SIX Group บริษัทกลางที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อสถาบันการเงินในสวิสเซอร์แลนด์เปิดตัว QR-bill มาตรฐานใบเสร็จรับเงินที่ทำให้ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็นแอปธนาคารหรือไปจ่ายเงินยังจุดจ่ายที่รองรับเช่นไปรษณีย์หรือตู้รับจ่ายอัตโนมัติ มาตรฐานนี้มีแกนกลางเป็น Swiss QR Code สำหรับรับจ่ายเงินแบบเดียวกับ Thai QR Payment ของบ้านเรา โดยข้อมูลภายในกำหนดช่องทางการชำระเงินเอาไว้ แต่ตัวมาตรฐาน QR-bill ยังกำหนดตำแหน่งของข้อมูลรอบข้าง ทั้งตัวใบเสร็จ, ตำแหน่งของข้อมูลต่างๆ เช่น ยอดเงินรวม, และข้อมูลภาษีที่ในใบเสร็จอาจจะมีอัตราภาษีได้หลายอัตรา มาตรฐานใบเสร็จกำหนดขนาดกระดาษและขนาดตัวอักษร ทำให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถประมวลผลใบเสร็จด้วยซอฟต์แวร์ธุรกิจในอนาคต ตัวมาตรฐานเริ่มใช้งานวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ในรายงานยังไม่ระบุว่าจะมีธนาคารใดร่วมในช่วงเปิดตัวบ้าง ที่มา - SIX Group
# Airbnb เผยเทรนด์การท่องเที่ยวเริ่มกลับมา เน้นเที่ยวระยะทางใกล้ ๆ แทนการเที่ยวต่างประเทศ Airbnb ออกรายงานว่าตอนนี้ยอดจองห้องพักบนแพลตฟอร์มเริ่มกลับมาอีกครั้ง ถือเป็นข่าวดีสำหรับวงการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เต็ม ๆ จากสถิติการจองห้องพักในวันที่ 17 พฤษภาคม - 3 มิถุนายนที่ผ่านมา Airbnb พบว่าจำนวนคืนที่จองห้องพักในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นมากกว่าสัปดาห์เดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเทรนด์นี้มาในลักษณะเดียวกันในประเทศเยอรมนี, โปรตุเกส, เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ แม้ว่าเทรนด์การท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมา แต่รูปแบบก็ยังไม่เหมือนเดิม โดยซีอีโอของ Airbnb รายงานว่าตั้งแต่ช่วงไวรัสระบาด การจองท่องเที่ยวมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นการท่องเที่ยวในรัศมี 200 ไมล์จากตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้ จากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่การท่องเที่ยวลักษณะนี้มีเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น เท่ากับว่าผู้ใช้เปลี่ยนลักษณะการท่องเที่ยวช่วงวันหยุด "จากเครื่องบินเป็นรถยนต์" เนื่องจากผู้คนไม่อยากเดินทางออกนอกประเทศ นอกจากเรื่องระยะทางแล้ว ระยะเวลาที่ใช้ในการท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ซึ่งเทรนด์ที่กำลังมาคือการท่องเที่ยวระยะยาวในประเทศ เนื่องจากเทรนด์การทำงานระยะไกลทำให้ผู้ใช้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ รวมถึงลักษณะการวางแผนจองที่เปลี่ยนจากการตัดสินใจที่ใช้เวลานานนับเดือนในการเลือกที่พักต่างประเทศ มาเป็นการแบบใช้เวลาตัดสินใจสั้น ๆ และขับรถไปได้ทันที ยอดการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาจากจุดต่ำสุดถือเป็นสัญญาณที่ดีแต่ก็ยังนับว่าห่างไกลจากปกติมาก และเทรนด์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปนี้น่าจะยังอยู่ไปอีกสักพักใหญ่ ๆ จนกว่าการเดินทางไปต่างประเทศจะสามารถกลับมาได้ ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่ 1-5 ปี หรือนานกว่านั้น ที่มา - Bloomberg, The Verge ภาพ TeroVesalainen / Pixabay
# SNK ยืนยัน กำลังพัฒนาเกม Metal Slug ภาคใหม่ มีทั้งคอนโซลและมือถือ SNK Interactive บริษัทลูกสาขาเกาหลีของค่ายเกม SNK ระบุว่ากำลังพัฒนาเกมซีรีส์ Metal Slug ใหม่ 2 เกม Jeon Se-hwan ซีอีโอของ SNK Interactive ให้สัมภาษณ์กับเว็บเกาหลี Inven ระบุว่า Metal Slug ภาคใหม่มีทั้งเกมมือถือและเกมคอนโซล โดยเกมมือถือพัฒนาไปแล้ว 80% และจะเปิดให้เล่นภายในปี 2020 ยังเป็นเกมยิง 2D ที่มีเกมเพลย์ของเกมการ์ดมาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนเกมเวอร์ชันคอนโซลจะออกภายในปี 2020 เช่นกัน แต่ยังไม่มีข้อมูลอื่นนอกจากนี้ เกมภาคหลักภาคสุดท้ายของซีรีส์คือ Metal Slug 7 ที่ออกบนเครื่อง Nintendo DS ในปี 2008 และรีเมคเป็น Metal Slug XX ลง PSP ในปี 2009 (ภายหลังมีเวอร์ชัน PS4/PC ด้วย) ส่วนเกมเวอร์ชันมือถือเคยออก Metal Slug Defense/Attack ที่เป็นเกมแนว tower defense ในช่วงปี 2014-2016 ที่มา - Inven via Gamespot
# Honda ถูกไวรัสบุกเน็ตเวิร์ค กระทบสายการผลิตทั่วโลก ฮอนด้าผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่นรายงานว่าเครือข่ายภายในบริษัทถูกโจมตีจนทำให้กระทบสายการผลิตทั่วโลก และตอนนี้กำลังพยายามลดผลกระทบจากการโจมตีนี้อยู่ ทางฮอนด้าระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ระบบควบคุมสายการผลิต, อีเมล, และบริการภายใน ได้รับผลกระทบจากการโจมตีครั้งนี้ โดยระบุว่าการโจมตีเริ่มมาจากเซิร์ฟเวอร์ตัวหนึ่งที่เชื่อมต่อภายนอกบริษัท ที่มา - BBC
# KBTG เปิดตัวเทคโนโลยี Face Check in สแกนหน้าเข้าตึกไม่ต้องถอดหน้ากากอนามัย KBTG ผู้พัฒนาเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่เน้นลดการสัมผัสระหว่างมือและอุปกรณ์ หรือ Contactless Technology ที่น่าสนใจคือระบบ Face Check-in เทคโนโลยีการสแกนตรวจสอบใบหน้าที่สามารถระบุตัวตน แม้สวมหน้ากากอนามัยอยู่ เน้นไปที่การใช้งานในการเข้า-ออกคอนโดที่พักอาศัย, เข้าตึกสำนักงาน ลดการใช้นิ้วสแกนเข้าหรือใช้คีย์การ์ดและการแลกบัตร KBTG ระบุว่าได้พัฒนาและลองใช้งานกันภายในตึก KBTG พร้อมทั้งเผยแพร่เดโม่การใช้งานด้วย พบว่าผู้ใช้แค่ไปยืนหน้ากล้อง และใช้มือเป็น gesture นำทางโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจออุปกรณ์ นอกจากนี้ ระบบยังตรวจจับได้ถ้าผู้ใช้งานไม่สวมหน้ากากอนามัย ก็จะแจ้งเตือนให้สวมใส่ทันที ที่มา - KBTG
# ยอดผู้ใช้งาน K PLUS ทะลุ 13 ล้านราย, เปิดบัญชีผ่านแอปมากขึ้น 16 เท่าภายใน 2 เดือน กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทยเผยว่า ยอดผู้ใช้งาน K PLUS ทะลุ 13 ล้านรายแล้ว มียอดธุรกรรมโต 68% ปีต่อปี จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วมี 165 ล้านธุรกรรม โตขึ้นเป็น 277 ล้านธุรกรรม ด้านยอด paymentในด้านอีคอมเมิร์ซ โตขึ้น 128% ปีต่อปี, การเปิดบัญชีด้วยตัวเองผ่านการพิสูจน์ตัวตนบนแอป K PLUS หรือ eKYC โตขึ้น 16 เท่า จากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามี 6,000 บัญชี เดือนมีนาคมมี 30,000 บัญชี และในเดือนเมษายนมี 100,000 บัญชีที่เปิดบน K PLUS คุณกระทิงตั้งข้อสังเกตว่ามียอดการเติบโตและเปลี่ยนแปลงสูงมากภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน สะท้อนถึงวิถีชีวิตใหม่หรือ new normal และเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ คนต้องอยู่กับบ้านและพึ่งพาบริการการเงินบนมือถือมากขึ้น ที่มา - KBTG
# HP เปิดตัว Chromebook x360 14c โน้ตบุ๊กพรีเมี่ยม มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ หลังจากเปิดตัว Chromebook x360 ไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ล่าสุด HP ได้เปิดตัว Chromebook x360 14c รุ่นใหม่ Chromebook รุ่นพรีเมี่ยมที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้วพับได้ 360 องศา รองรับสไตลัสที่ผ่านมาตรฐาน USI นอกจากนี้ยังรองรับระบบสแกนนิ้วมือและระบบชาร์จเร็ว ชาร์จ 50% ได้ใน 45 นาที ใช้ได้นานสูงสุด 13.5 ชั่วโมง สเปค Chromebook x360 14c ซีพียูเลือกได้สูงสุด Intel Core i5 รุ่นที่ 10 หน่วยความจำแฟลชแบบ eMMC ความจุสูงสุด 128 GB หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว พับได้ 360 องศา รองรับ USI Universal Stylus เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C จำนวน 2 ช่อง, USB-A, MicroSD, ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร Webcam Privacy Switch สวิตซ์ปิดกล้องเว็บแคมได้ทันที แบตเตอรี่อยู่ได้นานสูงสุด 13.5 ชั่วโมง พร้อมระบบ HP Fast Charge รักษาความปลอดภัยด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ รองรับ Wifi 6 ตัวเครื่องหนา 17.9 มม หนัก 1.6 กก Chromebook x360 14c สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 499 ดอลลาร์ (ประมาณ 15,700 บาท) เริ่มวางขายภายในเดือนนี้ ที่มา - 9to5google
# Twitter อาจเปิดให้ยืนยันตัว แสดงเครื่องหมายถูกสีฟ้าอีกครั้ง หลังพบเมนูขอยืนยันตัวตนกลับมาในแอป ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @wongmjane ค้นพบว่าในเมนูตั้งค่าของทวิตเตอร์ มีเมนู Request Verification ซ่อนอยู่ และอาจแปลว่าทวิตเตอร์ เตรียมเปิดให้ผู้ใช้ที่เป็น “บุคคลที่อยู่ในกระแสสังคม” กลับมายืนยันตัวตนได้อีกครั้ง หลังปิดฟีเจอร์นี้ไปในปี 2017 เพราะความสับสนว่าเครื่องหมายนี้หมายถึงอะไรกันแน่ และมีสมาชิกกลุ่มชาวผิวขาวหัวรุนแรง ใช้ทวิตเตอร์ที่มีเครื่องหมายถูกสีฟ้า ทวิตข้อความดูถูก Heather Heyer หญิงสาวที่เสียชีวิตในการชุมนุมที่ Charlottesville ในปี 2017 ทวิตเตอร์เปิดเผยเมื่อปี 2018 ว่าบริษัทไม่มีกำลังคนมากพอที่จะดำเนินการตรวจสอบโดยใช้ระบบนี้ได้ แต่ไปมุ่งพัฒนาระบบตรวจสอบผู้ลงสมัครเลือกตั้ง (ที่ยังยุ่งยากและกินเวลานาน) แทน และในช่วงที่ COVID-19 ทวิตเตอร์ก็เริ่มเปิดให้ยืนยันตัวตน และให้เครื่องหมายถูกกับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อการันตีว่าเป็นแหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโรค COVID-19 ที่ถูกต้อง ที่มา - The Verge
# ตำรวจอินเดียพบมือถือเลข IMEI ซ้ำกันเป็นหลักหมื่นเครื่อง เป็นยี่ห้อ Vivo เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง Meerut ของอินเดีย ค้นพบว่ามีโทรศัพท์ 13,500 เครื่องใช้เลข IMEI ซ้ำกัน หลังมีตำรวจรายหนึ่งนำมือถือไปซ่อม และพบว่าได้เลข IMEI ใหม่หลังซ่อมเสร็จ จึงแจ้งหน่วยงานด้านการสอบสวนไซเบอร์ให้ขยายผล มือถือของตำรวจที่นำไปซ่อมเป็นยี่ห้อ Vivo และพบว่ามือถือที่เลข IMEI ซ้ำกันเป็นยี่ห้อ Vivo ทั้งหมด การใช้มือถือเลข IMEI ซ้ำกันเป็นความผิดตามกฎหมายอินเดีย และเจ้าหน้าที่ได้สอบถามไปยัง Vivo India ให้ชี้แจงเรื่องนี้แล้ว กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่อินเดียพบปัญหา IMEI ปลอม เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 ตำรวจอินเดียพบว่าผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถืออย่างน้อย 50,000 รายใช้โทรศัพท์เลข IMEI ซ้ำกัน และตัวเลขจริงๆ อาจสูงถึงหลัก 100,000 ราย ตำรวจในรัฐมัธยประเทศ (Madhya Pradesh) สามารถจับกุมเจ้าของร้านซ่อมมือถือ 1 ราย และยึดของกลางเป็นโทรศัพท์ 125 เครื่องที่เลข IMEI ซ้ำกัน ทั้งหมดเป็นโทรศัพท์ยี่ห้อ Vivo และขอให้หน่วยงานด้านเลขหมายโทรศัพท์ของอินเดีย (Central Equipment Identity Register - CEIR) บล็อคโทรศัพท์ที่มีเลข IMEI ปลอมเหล่านี้แล้ว ที่มา - Economic Times, Gizbot, Livemint, Times of India ภาพจาก Facebook Vivo
# Duo รองรับการส่งลิงก์ให้คนอื่นเข้าร่วมวิดีโอคอลแล้ว Duo เดิมเป็นบริการวิดีโอคอลและวอยซ์คอลได้กับรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์เท่านั้น (เหมือน FaceTime) ล่าสุด Google อัพเดตให้ Duo รองรับการสร้างลิงก์และส่งให้คนอื่นสามารถเข้าร่วมการคอลผ่านลิงก์ได้แล้ว ฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะการทำกรุ๊ปคอลก่อน โดยผู้ใช้งานจะต้องสร้างกรุ๊ปคอลและเชิญเพื่อนเข้ามาก่อนอย่างน้อย 1 คน Duo ถึงจะขึ้นตัวเลือกลิงก์ invite สำหรับก๊อปปี้ไปวางหรือแชร์ไปให้คนอื่นได้ ซึ่งเมื่อกดลิงก์ก็จะเปิดเข้าแอป Duo นอกจากนี้ฟีเจอร์นี้ยังรองรับเฉพาะบนสมาร์ทโฟนด้วย เพราะบนเดสก์ท็อปยังไม่มีกรุ๊ปคอล ที่มา - Android Police
# เปิดตัว OPPO Reno 4 และ Reno 4 Pro ชิป Snapdragon 765 รองรับ 5G OPPO เปิดตัว Reno 4 และ Reno 4 Pro สมาร์ทโฟน Mid range ในตระกูล Reno ตัวใหม่ล่าสุด ใช้ชิป Snapdragon 765 รองรับสัญญาณ 5G, สเปคกล้องจัดเต็ม, แรมสูงสุด 12 GB, ความจุสูงสุด 256 GB, รองรับการชาร์จไว SuperVOOC 2.0 ที่ 65 W สเปค OPPO Reno 4 Pro หน้าจอ Full HD+ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมอัตรารีเฟรซ 90 Hz กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 48MP พร้อม OIS, เทเล 13MP, มุมกว้าง 8MP กล้องหน้า 32MP ฟีเจอร์ถ่ายวีดีโอ Ultra Night Video, Ultra Steady Video 3.0, Front Steady Video, Hyperlapse แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh รองรับการชาร์จ SuperVOOC 2.0 ที่ 65 W OPPO Reno 4 Pro แบ่งเป็นรุ่นแรม 8GB+128GB ราคา 3,799 หยวน (ประมาณ 16,800 บาท) และรุ่นแรม 12GB+256GB ราคา 4,299 หยวน (ประมาณ 19,100 บาท) มีให้เลือก 4 สี Crystal Blue, Crystal Diamond Red, Dream Mirror Black, Titanium Black, พร้อมสีลิมิเด็ต Green Glitter วางขายเฉพาะในจีน สเปค OPPO Reno 4 หน้าจอ Full HD+ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว พร้อมอัตรารีเฟรซ 90 Hz กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 48MP, มุมกว้าง 8MP, โมโนโครม 2MP กล้องหน้าคู่ ความละเอียด 32MP พร้อมเซนเซอร์วัดระยะ 2 MP ฟีเจอร์ถ่ายวีดีโอ Ultra Night Video, Ultra Steady Video 3.0, Front Steady Video, Hyperlapse แบตเตอรี่ขนาด 4,020 mAh รองรับการชาร์จ SuperVOOC 2.0 ที่ 65 W OPPO Reno 4 แบ่งเป็นรุ่นแรม 8GB+128GB ราคา 2,999 หยวน (ประมาณ 13,300 บาท) และรุ่นแรม 12GB+256GB ราคา 3,299 หยวน (ประมาณ 14,700 บาท) มีให้เลือก 3 สี Crystal Blue, Dream Mirror Black, Taro Purple ที่มา - Oppo via Android Community
# รัฐบาลอังกฤษเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องพูดคุยเพิ่มเติม กรณี Loot box เป็นการพนันหรือไม่ เมื่อปีที่แล้ว คณะพิจารณาของกระทรวงดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และกีฬาของอังกฤษได้เรียกประชุมผู้บริหารจากบริษัทเกมรายใหญ่ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับ Loot box ว่าเป็นการพนันหรือไม่ ซึ่งก็มีรายงานของการประชุมนี้ออกมาว่ายังสรุปไม่ได้ และล่าสุด รัฐบาลอังกฤษก็เตรียมเรียกพูดคุยและถามความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนี้ ก่อนหน้านี้คณะพิจารณาได้แนะนำว่าเกมที่มีกลไกสุ่มไอเท็ม หรือ loot box ไม่ควรถูกจำหน่ายให้เด็ก และหลังจากนั้น PEGI หรือหน่วยงานจัดเรตติ้งเกมของยุโรป ก็เริ่มแสดงข้อมูลว่าผู้เล่นสามารถ “ซื้อไอเท็มแบบสุ่ม” ได้ บนกล่องเกม และปรับอายุของผู้เล่นที่เหมาะสมใหม่กับเกมที่มี “การพนันแบบเสมือน” ใหม่ ซึ่ง ESRB หน่วยงานจัดเรตติ้งของสหรัฐอเมริกา ก็ทำตามด้วย แต่หน่วยงานรัฐของอังกฤษ ยังเล็งเห็นว่ามาตรการนี้ยังไม่เพียงพอและเตรียม “ทบทวนพระราชบัญญัติการพนันปี 2005 โดยเล็งเน้นการแก้ปัญหา loot box” อีกครั้ง โดยการเรียกสอบสวนหลักฐานและความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ loot box จะเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการทบทวนข้อกฎหมายนี้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าจะเรียกบริษัทใด หรือตรวจสอบสิ่งใดบ้าง ก่อนหน้านี้หลายประเทศทั่วโลกได้เรียกสอบสวนกรณี loot box ว่าเข้าข่ายการพนันหรือไม่ ต้นเหตุส่วนใหญ่มาจากกลไกการสุ่มไอเท็มแบบจ่ายเงินของเกม Star Wars: Battlefront 2 ที่เป็นเกมจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ชื่อดังที่มีแฟนๆ ทุกเพศ ทุกวัย ประเทศนิวซีแลนด์ และฝรั่งเศส ลงความเห็นว่า loot box ไม่ใช่การพนัน ในขณะที่เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ ถึงกับแบน loot box ไปเลย ส่วนในอเมริการ่างกฎหมายควบคุม loot box ถูกตีตกไปหลังจากถูกวิจารณ์อย่างหนักโดยวงการเกม และคณะพิจารณาในออสเตรเลียก็เสนอข้อแนะนำ เช่นให้มีการจำกัดอายุในการโอนเงินเพื่อใช้จ่ายกับ loot box ส่วนในประเทศไทยยังไม่มีการพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นนี้แต่อย่างใด ที่มา - Gamespot
# สิงคโปร์เตรียมแจกแท็ก Contact Tracing ให้ประชาชนพกติดตัวหลังแอปทำงานบน iOS แทบไม่ได้ อาจแจกทั้งประเทศ รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมปล่อย TraceTogether Token แท็กอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการติดตามการเข้าใกล้ผู้ติดโรค COVID-19 หลังแอป TraceTogether ไม่สามารถทำงานบน iOS แบบ background ได้ โดยแท็กนี้จะให้กับผู้ที่ไม่สามารถซื้อสมาร์ตโฟนก่อนในช่วงแรก และอาจจะแจกให้กับทุกคนในสิงคโปร์ในอนาคต รัฐมนตรี Vivian Balakrishnan ผู้รับผิดชอบโครงการ Smart Nation ยืนยันว่าแท็กนี้จะไม่ติดตามตำแหน่งของผู้ใช้ และไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เอง ซึ่งเป็นไปตามโปรโตคอล Bluetrace ของรัฐบาลสิงคโปร์ที่ไม่จำเป็นต้องรับรู้ตำแหน่งของอุปกรณ์ แอปเปิลมีท่าทีชัดเจนในการปิดไม่ให้นักพัฒนาภายนอกสแกน Bluetooth Low Energy แต่มี Exposure Notification API ที่พัฒนาร่วมกับกูเกิลให้ใช้งาน อย่างไรก็ดีตัวโปรโตคอลภายในนั้นต่างจากการทำงานของ Bluetrace โดยโปรโตคอลของแอปเปิลนั้นแม้จะได้อุปกรณ์ของผู้ติดเชื้อไปแล้วก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ติดเชื้อเคยเข้าใกล้ใครบ้าง แต่ต้องอาศัยการแจ้งเตือนเพื่อให้ผู้ที่เคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อมารายงานตัว ขณะที่ Bluetrace นั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับอุปกรณ์ของผู้ติดเชื้อจะรู้ตัวตนของผู้ที่เคยเข้าใกล้ทันที ที่มา - Strait Times 1, 2 ภาพโดย joesmiguels
# Huawei ร่วมมือ China Unicom เตรียมสร้างดาวเทียมอินเทอร์เน็ตแบบเดียวกับ Starlink ของ SpaceX Huawei ประกาศความร่วมมือกับ China Unicom เตรียมสร้างดาวเทียมวงโคจรต่ำเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ต โดยระบุว่าโครงการนี้จะเป็นการสาธิตว่า 5G และการสื่อสารผ่านดาวเทียมจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร ตัวโครงการระบุเพียงว่าเป็นการให้บริการผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำแบบเดียวกับ Starlink ของ SpaceX จากเดิมที่อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมทุกวันนี้มักเป็นดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้าให้บริการพื้นที่แบบตายตัว ขณะที่ดาวเทียมวงโคจรต่ำนั้นจะเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับพื้นผิวโลก ทำให้ต้องมีดาวเทียมจำนวนมากเพื่อให้บริการในพื้นที่ได้ตลอดเวลา ที่มา - South China Morning Post, Weibo: China Unicom
# Didi Chuxing แอปเรียกรถจีนบอก คนกลับมาใช้บริการเท่ากับก่อนโรคระบาดแล้ว Cheng Wei ซีอีโอ Didi Chuxing แอปเรียกรถจีน เผยว่าคนกลับมาใช้บริการเรียกรถมากเท่ากับก่อนจะเกิดโรคระบาดแล้ว หลังจากซบเซาลงไปเพราะมาตรการกักตัว ปิดเมือง โดยมียอดเรียกใช้งานต่อวัน 30 ล้านครั้ง เป็นยอดใช้บริการ bike-sharing 10 ล้านครั้ง แม้สถานการณ์บริการเรียกรถในจีนจะกลับมาดีขึ้น แต่ในต่างประเทศยังคงซบเซา ซึ่ง Didi Chuxing เปิดบริการในประเทศนอกจีนด้วยคือ ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และประเทศในแถบละตินอเมริกา โดยโฆษกบริษัทพบว่ายอดใช้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมายังฟื้นตัวในระดับต่ำ ภาพจาก Didi Chuxing ที่มา - Venture Beat
# COVID-19 อาจทำให้ธุรกิจร้านให้บริการแว่น VR ซบเซาไปอีกนาน อีกหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักในช่วง COVID-19 คือธุรกิจร้านให้บริการแว่น VR ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นหนึ่งในธุรกิจที่หลายๆ คนมองว่าไปได้สวย เพราะแม้แว่น VR จะยังขายไม่ดีนักในหมู่คนทั่วไป แต่ร้านที่ให้บริการ VR ในสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มทำกำไรได้บ้างแล้ว จนกระทั่งเจอคำสั่งกักตัว ที่ทำให้รายได้ของธุรกิจเหล่านี้แทบจะหายไปในชั่วพริบตา Sandbox VR ที่มีร้าน VR ให้บริการกว่า 10 สาขาในอเมริกาและเอเชีย ไม่เหลือรายได้อย่างสิ้นเชิง ทำให้ต้องปลดคนออกกว่า 80% แม้แต่ Siqi Shen ซีอีโอคนเก่าก็ถูกปลดด้วย ส่วน Steve Zhao ซีอีโอคนใหม่ ก็ต้องทิ้งโรดแมป 18 เดือนของบริษัท และแผนสร้าง SDK ให้นักพัฒนาภายนอก หันมาพัฒนานโยบายด้านการรักษาความสะอาดของร้าน และหันไปเน้นตลาดเอเชียที่น่าจะฟื้นตัวก่อน เพื่อรอรับลูกค้าที่จะกลับมาใช้งานแทน แม้แต่ The Void บริษัทให้บริการแว่น VR ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 และได้รับเงินลงทุนจาก Disney และ James Murdoch ซีอีโอของ Fox และให้บริการเกม VR ที่ได้ลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ดังๆ ในร้าน เช่นเกม The Avengers, Ghostbusters, Star Wars และ Jumanji มากกว่า 10 ร้านในอเมริกา ก็ต้องปิดร้านทั้งหมดโดยสิ้นเชิงตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ปัญหาหลักของร้านให้บริการ VR คือการที่ผู้เล่นต้องสวมแว่น VR ต่อจากคนอื่น และเสี่ยงแพร่ระบาดของ COVID-19 มากพอสมควร ทำให้มาตรการในการรักษาความสะอาด กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด หากร้านเหล่านี้ต้องการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง Greenlight บริษัทวิจัยตลาดด้าน VR ทำนายไว้ว่าธุรกิจร้านให้บริการแว่น VR จะมีมีมูลค่าถึง 34.6 พันล้านเหรียญ ภายในสิ้นปี 2020 แต่ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นเพียงฝุ่นไปแล้วจากผลกระทบ COVID-19 และคงยังไม่มีใครกล้ากลับมาใช้งานไปจนถึงปี 2021 แม้ Greenlight คาดว่าธุรกิจนี้จะฟื้นตัวได้ แต่คงไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ ที่มา - Protocol
# IBM ประกาศไม่พัฒนาไม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Facial Recognition ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม Arvind Krishna ซีอีโอของ IBM ส่งจดหมายเปิดผนึกหาสภาคองเกรส ในประเด็นว่าด้วยความเท่าเทียมของชาติพันธุ์และการปฏิรูปการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในแง่การนำเทคโนโลยีมาใช้งาน หนึ่งในใจความสำคัญของจดหมายคือ IBM จะเลิกพัฒนา ขายและข้องเกี่ยวกับเทคโนโลยี Facial Recognition และซอฟต์แวร์วิเคราะห์ และจะไม่ให้อภัยบริษัทหรือเวนเดอร์เจ้าใด ที่นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับการสอดส่องประชาชน, ก่อให้เกิดการเหมารวมพฤติกรรม (racial profiling) หรืออะไรก็ตามที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ นอกจากนี้ IBM ยังกระตุ้นให้ประเด็นเรื่องวิธีการใช้ Facial Recognition และคำถามวา่หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายของภาครัฐควรใช้ Facial Recognition หรือไม่ ควรกลายเป็นวาระแห่งชาติได้แล้ว ที่มา - IBM
# Ubuntu เสนอแพตช์เข้าเคอร์เนลลินุกซ์ ช่วยให้ Hibernate/Resume เร็วขึ้นมาก Andrea Righi พนักงานของ Canonical และทีมงานพัฒนาเคอร์เนลลินุกซ์ของ Ubuntu เสนอแพตช์เข้าเคอร์เนลลินุกซ์ ช่วยให้ระยะเวลาการ hibernate/resume ของลินุกซ์เร็วกว่าเดิมมาก หลักการทำงานของ hibernate คือนำข้อมูลจากในแรมเก็บลงดิสก์ และเรียกกลับคืนแรมตอน resume ซึ่งเคอร์เนลสั่งอาจคืนบางส่วนของแรมออกก่อนเพื่อประหยัดพื้นที่ดิสก์ โดยสร้างข้อมูลเหล่านี้ใหม่หลัง resume แต่กระบวนการคืนแรมและเขียนข้อมูลลงดิสก์ เป็นคอขวดสำคัญที่ทำให้ hibernate ช้า สิ่งที่แพตช์ของ Canonical ทำคือจัดการคืนแรมล่วงหน้าก่อนผู้ใช้สั่ง hibernate (เช่น ตอนที่เครื่องว่างๆ ไม่ได้ใช้งาน หรือคืนแรมทุกช่วงเวลาที่กำหนด) ทำให้การ hibernate เร็วขึ้นเพราะมีงานต้องทำน้อยลง ส่วนการ resume ก็เร็วขึ้นด้วยเพราะมีข้อมูลที่ต้องเรียกจากดิสก์น้อยลง Canonical พัฒนาเทคนิคนี้ (มีชื่อเรียกว่า opportunistic memory reclaim) เพื่อใช้กับการ hibernate VM บนคลาวด์เป็นหลัก แต่แพตช์ก็สามารถใช้กับลินุกซ์ทุกรูปแบบ จากการทดสอบของ Canonical พบว่าลดระยะการ hibernate ลงจาก 51 วินาทีเหลือ 4 วินาที และลดระยะเวลาการ resume กลับจาก 26 วินาทีเหลือ 5 วินาที ตอนนี้แพตช์อยู่ระหว่างการรีวิว และคาดว่ารวมจะเข้าเคอร์เนลลินุกซ์ในเวอร์ชัน 5.9 ถ้าไม่พบปัญหาอะไร ที่มา - Phoronix ภาพจาก Ubuntu Blog
# ธ.กรุงเทพเริ่มอัพเดต Bualuang mBanking โฉมใหม่ยกเครื่อง UI รองรับไบโอเมตริก หลังจากที่ธนาคารกรุงเทพเคยโปรยอาร์ตเวิร์คเรื่องแอปบัวหลวงใหม่ ก่อนจะเงียบหายไป ล่าสุดธนาคารเริ่มทยอยอัพเดต Bualuang mBanking เวอร์ชันใหม่แล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพไม่ได้ประกาศหรือโปรโมทใด ๆ อย่างเป็นทางการ แต่มีคลิปโปรโมทโมบายล์แบงก์กิ้งเวอร์ชันใหม่ของธนาคารกรุงเทพขึ้นอยู่บน YouTube แบบ unlisted พร้อมรายละเอียดฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่างเช่น UI ที่ยกเครื่องใหม่, รองรับไบโอเมตริก (บนแอนดรอยด์), แสดงหน้าบัตรเครดิตชัดเจน, เพิ่ม ลดบัญชีผู้รับได้เองและการแสดงกราฟลงทุน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมแอปยังไม่ได้อัพเดตครับ ที่มา - Bangkok Bank
# Google Maps อัพเดตใหม่ แจ้งเตือนใส่หน้ากากอนามัย, แสดงความหนาแน่นของคนตามรถสาธารณะ Google Maps เพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายอย่างเพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานในช่วงใกล้จะเปิดเมืองหลังโรคระบาด ดังนี้ เพิ่มตัวกรองการแสดงผลการเดินทางโดยรถสาธารณะที่ไม่ต้องเจอคนหนาแน่นได้ กดที่ปุ่ม Transit Details หรือรายละเอียดการเดินทางของผู้ใช้งาน จากนั้นจะเห็นปุ่ม Crowndedness ให้สามารถกดเข้าไปเลือกให้แสดงเส้นทางและช่วงเวลาที่คนไม่แออัดจนเกินไปได้ ซึ่งการคาดการณ์ความแออัดนี้กูเกิลเปิดตัวมาปีที่แล้ว คราวนี้เพิ่มปุ่มกรองเข้ามาให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น แสดงการแจ้งเตือน ถ้าเส้นทางโดยสารสาธารณะผ่านพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหรือมีการยืนยันผู้ติดเชื้อ ระบบจะแสดงข้อมูลให้ทราบและแจ้งเตือนให้ใส่หน้ากากอนามัย ฟีเจอร์นี้เปิดตัวใน อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, เบลเยียม, บราซิล, โคลัมเบีย, ฝรั่งเศส, อินเดีย, เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์, สเปน, ไทย, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา แสดงข้อมูลหากมีการจำกัดการเดินทางข้ามชายแดน เว้นแต่จะมีการยื่นผลตรวจ COVID-19 เสียก่อน ฟีเจอร์นี้เปิดตัวในชายแดนสหรัฐฯ, แคนาดา, เม็กซิโก ในขณะเดียวกันก็จะแสดงผลสถานพยาบาลที่รับตรวจ COVID-19 ด้วยใน อินโดนีเซีย, อิสราเอล, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ที่มา - Google Blog
# Ubuntu ชี้แจง ทำแพ็กเกจ Chromium เป็น Snap เพราะออกบ่อยเกิน ตามอัพเดตไม่ไหว จากประเด็น Linux Mint ประกาศไม่ใช้แพ็กเกจ Snap ตาม Ubuntu ตัวแทนของบริษัท Canonical ก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า Chromium เป็น Snap มาตั้งแต่ Ubuntu 19.10 แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเปลี่ยนในเวอร์ชัน 20.04 LTS ส่วนเหตุผลที่ทำแพ็กเกจ Chromium เป็น Snap เพียงอย่างเดียวเป็นเพราะ Chromium ไม่ใช่เบราว์เซอร์ดีฟอลต์ของ Ubuntu จึงถูกจัดหมวดอยู่ในแพ็กเกจกลุ่ม universe ที่ดูแลโดยชุมชน (ดีฟอลต์คือ Firefox เป็นแพ็กเกจกลุ่ม main) แต่ Chromium เป็นแพ็กเกจที่ได้รับความนิยมสูง ทำให้ทีมงาน Ubuntu สัญญาว่าจะดูแลแพ็กเกจนี้เอง ปัญหาคือ Chromium ออกเวอร์ชันใหม่บ่อยมาก (ทุก 6 สัปดาห์) และทีมงานต้องทำแพ็กเกจให้ Ubuntu เวอร์ชันเก่าที่ยังซัพพอร์ต (เช่น 16.04, 18.04) และทุกสถาปัตยกรรมซีพียู (amd64, i386, armhf, arm64) จึงเป็นภาระมาก อีกทั้งการคอมไพล์ Chromium บนระบบปฏิบัติการเก่า (เช่น 16.04) ก็ไม่ง่าย เพราะ Chromium ขยับมาใช้คอมไพเลอร์เวอร์ชันใหม่ๆ ที่ไม่มีในระบบปฏิบัติการเก่า ทางออกจึงเป็นการทำแพ็กเกจแบบ Snap เพียงอย่างเดียว ที่คอมไพล์ครั้งเดียวต่อหนึ่งสถาปัตยกรรม แล้วใช้ได้ย้อนไปถึง Ubuntu 14.04 รวมถึงดิสโทรลินุกซ์อื่นที่ไม่ใช่ Ubuntu ด้วย ตัวแทนของ Canonical ยังบอกว่ายินดีพูดคุยกับทีมงาน Linux Mint เพื่อหาทางออกร่วมกัน และจะยินดีมากถ้า Linux Mint หันมาใช้แพ็กเกจแบบ Snap ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาหลายๆ อย่างของระบบแพ็กเกจแบบเดิม ที่มา - ZDNet
# Sony ประกาศจัดงานแถลงข่าว PS5 เป็นวันที่ 12 มิถุนายน เวลาตี 3 Sony ประกาศว่างานแถลงข่าว PlayStation 5 ที่ประกาศเลื่อนไปไม่มีกำหนดก่อนหน้านี้ จะจัดขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ เวลา 13.00น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 3.00น. ของวันที่ 12 มิถุนายน เวลาประเทศไทย โดยรับชมได้ทาง Twitch และ YouTube ทั้งนี้ Sony บอกว่าเนื้อหาที่นำเสนอนั้นเป็นการบันทึกรายการไว้ล่วงหน้า มีความละเอียดของภาพที่ 1080p 30fps ซึ่งจะสมบูรณ์แบบมากกว่านี้เมื่อเล่นเกมเหล่านี้บน PS5 บนโทรทัศน์ 4K ที่มา: PlayStation
# Stack Overflow สำรวจเหตุผลที่โปรแกรมเมอร์รักภาษา Rust ได้คำตอบ: ฟีเจอร์ใหม่จริง, ประสิทธิภาพดี, ชุมขนเป็นมิตร ภาษา Rust เป็นภาษาที่ Stack Overflow พบว่านักพัฒนา "รัก" ที่สุดต่อเนื่องหลายปี แถมยังมีอัตราของนักพัฒนาที่ใช้งานแล้วยังรักษาอยู่สูงถึง 86.1% ทิ้งห่างภาษาอื่นๆ ไปไกล ทาง Stack Overflow จึงไปสัมภาษณ์กลุ่มผู้ใช้ที่เป็นผู้ตอบคำถามในกลุ่มภาษา Rust และทีมพัฒนาโครงการเองว่าทำไมชุมชนผู้ใช้จึงรักภาษา Rust ขนาดนี้ เหตุผลที่ได้รับคำตอบมาแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ ฟีเจอร์ใหม่จริงและออกแบบมาดี โดย Rust มีจุดเด่นจากฟีเจอร์การติดตามหน่วยความจำโดยไม่ต้องใช้ garbage collector ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ thread-safety ป้องกันเหตุ data race ในตัว นักพัฒนาเสียเวลาไปกับช่วงเวลาคอมไพล์โดยรู้ว่ามันจะช่วยลดปัญหาเวลารันจริงไปได้จำนวนมาก ตัวฟีเจอร์อื่นๆ ของภาษาก็ครบถ้วน เช่น generics, traits (ดึงค่าคุณสมบัติจาก compile time มาอยู่ในช่วง run time เช่นการเช็คประเภทของฟังก์ชั่น) และฟีเจอร์ต่างๆ ก็มีเอกสารประกอบครบถ้วน มีการซัพพอร์ตฟีเจอร์ต่อเนื่อง คนจำนวนมากยังใช้เป็นงานอดิเรก ผู้ตอบคำถามส่วนหนึ่งยอมรับว่าสนุกกับ Rust เพราะส่วนมากยังใช้ Rust เป็นงานอดิเรกเท่านั้น แต่หลายคนก็ยืนยันว่ายังชอบอยู่แม้จะใช้งานมานานขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าภาษาจะเรียนรู้ยากในช่วงแรกแต่ก็ใช้งานง่ายกว่าในระยะยาว ชุมชนดี โดยทั่วไปไม่มี "เกรียน" มาถามคำถามในชุมชนนัก และแนวทางการขอให้ทุกคนเคารพกันก็ทำให้ชุมชนน่าอยู่ Florian Gilcher นักพัฒนาหลักของ Rust ระบุว่าแนวทางการทำให้นักพัฒนารักษา ด้วยการออกแบบที่ดีและพัฒนาเครื่องมือคุณภาพดี โดยยอมรับว่ามีเรื่องต้องปรับปรุง เช่น เอกสารสำหรับนักพัฒนามือใหม่ หรือคู่มือในภาษาท้องถิ่นอื่นๆ ไปจนถึงการรองรับแฟลตฟอร์มเพิ่มเติมเช่นแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม ที่มา - Stack Overflow
# AMD ชี้ แรมการ์ดจอ 4GB ไม่เพียงพอแล้วสำหรับเกมยุคนี้ AMD โพสต์บล็อกของบริษัท ชี้ประเด็นว่าแรมการ์ดจอ 4GB ไม่เพียงพอแล้วสำหรับการเล่นเกมในยุคสมัยนี้ ซึ่งจีพียูรุ่นใหม่ๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Radeon RX ซีรีส์ 500 (570/580/590 ที่เป็น Polaris) หรือซีรีส์ 5000 (Navi) ก็หันมาใช้แรม 6GB หรือ 8GB แทนแล้ว AMD ระบุว่าเกมยุคปัจจุบันต้องการแรมจีพียู (VRAM) เยอะขึ้นมาก แม้จะรันแค่ความละเอียด 1080p ก็ตาม การมีแรมน้อยจะมีผลต่อเฟรมเรต เกมกระตุก เรนเดอร์เพี้ยน หรือเจอกับข้อความแสดงความผิดพลาดของเกม AMD ยกตัวอย่างการรันเกม Doom Ethernal บน Radeon 5500 XT รุ่น 4GB เทียบกับ 8GB ที่ประสิทธิภาพต่างกันมาก แถมรุ่น 4GB ยังไม่สามารถรรันเกมที่ความละเอียดแบบ Ultra Nightmare ได้ด้วยซ้ำ เว็บไซต์ ExtremeTech ชี้ว่า AMD ออกมาตีประเด็นเรื่องนี้ เพราะสินค้าของตัวเองให้ VRAM เยอะกว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ AMD ใช้เรื่องนี้เป็นจุดขาย (แต่อย่างไรก็ตาม จีพียูรุ่นปัจจุบันของทั้งสองค่ายก็ยังมีรุ่น 4GB วางขายอยู่ในตลาด) ที่มา - AMD, ExtremeTech
# Blogger บนเว็บปรับโฉมใหม่ได้ Material Design รองรับการแสดงผล Responsive หลังจากปล่อยอัพเดตครั้งใหญ่ให้กับแอปใน Android เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ล่าสุด Google ได้อัพเดตหน้าเว็บ Blogger ตามมาแล้วโดยเปลี่ยนอินเทอร์เฟสเป็นแบบ Material Design ให้เข้ากับบริการอื่นๆของ Google ทั้งยังปรับให้เว็บไซต์ให้เป็นแบบ Responsive รองรับการแสดงผลตามขนาดหน้าจอ นอกจากนี้ ยังอัพเดตในแต่ละหน้าเมนูย่อยของ Blogger ดังนี้ แท็บ Editor สามารถอัพโหลดภาพและวีดีโอได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถใส่ตารางได้แล้ว สามารถอ่านบล็อกของผู้อื่นผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้ง่ายขึ้นผ่านแท็บ Reading List อัพเดทแท็บ Comments ให้สามารถพูดคุยกับผู้อ่านได้สะดวกกว่าเดิม พัฒนาระบบการค้นหาในแท็บ Post เพื่อให้กรองเนื้อหาได้ง่ายขึ้น อัพเดตแท็บ Stats ให้เน้นไฮไลต์โพสล่าสุด ทำแท็บ Settings ให้สามารถตั้งค่าทุกอย่างได้ในที่เดียว สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัพเดตรวมไปถึงลองใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆได้จากที่มา ที่มา - Blogger via 9to5Google
# สรุปรีวิว Xperia 1 II เมื่อกล้องมือถือ Sony เริ่มดีสมกับที่ทำกล้อง Alpha ขึ้นมาบ้าง (เสียที) หลังจากที่ Sony เปิดราคา Xperia 1 II (อ่านว่า เอ็กซ์พีเรีย วัน มาร์ค ทู) ในสหรัฐอเมริกาไปแบบจุกๆ ที่ 1,199 เหรียญ (แปลงหน่วยได้ประมาณ 38,400 บาท แต่เข้าไทยน่าจะ 4 หมื่นบาทขึ้นไป) วันนี้สื่อหลายเจ้าก็เริ่มมีรีวิวของ Xperia 1 II ออกมาแล้ว สื่อส่วนใหญ่ชื่นชมกล้อง ที่ได้วิศวกรกล้อง A9 มาช่วยพัฒนา เป็นเสียงเดียวกันว่า ทั้งกล้องหลัก เลนส์อัลตร้าไวด์ และเลนส์เทเลโฟโต้ (ที่เทียบได้กับเลนส์กล้องที่มีระยะโฟกัส 70mm) เมื่อรวมกับเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.7 นิ้ว และซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพของ Sony ทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพดีพอๆ กับ Pixel 4 หรือดีกว่าในบางครั้ง หากถ่ายในตอนกลางวัน และดีจนเกือบเทียบเท่ากล้อง Mirrorless เก็บรายละเอียดดี สีสันตรง สด รายละเอียดครบถ้วน Portrait Mode ทำงานได้ดี เก็บรายละเอียดได้ครบ ยังมีทำขอบตัวแบบเบลออยู่บ้าง แต่น้อยมาก รูปส่วนใหญ่แยกตัวแบบกับฉากหลังได้ดี กับมีข้อเสียคือในภาพที่คอนทราสต์สูง Xperia 1 II อาจถ่ายภาพออกมาสว่างเกินไปเล็กน้อย และระบบกันสั่นยังทำงานได้ไม่ดีนัก อาจจะต้องถือให้นิ่งสักหน่อย เพื่อให้ภาพไม่เบลอในที่แสงน้อย แอป Photography Pro ที่ Sony ติดตั้งมาให้ในเครื่อง มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ให้ผู้ใช้ปรับกล้องได้เหมือนกับการถ่ายโหมด Manual ในกล้อง Mirrorless (แถมมีหน้าตา UI คล้ายกัน ใช้งานง่าย) ทั้งการปรับสปีดชัตเตอร์ ปรับ ISO ปรับบริเวณโฟกัส ตั้งโหมดออโต้-แมนนวลโฟกัสได้ มีระบบล็อกแสงอัตโนมัติ (Auto-exposure lock) และมีระบบถ่ายต่อเนื่องด้วย ส่วนระบบโฟกัส มี Eye Autofocus ที่สามารถตรวจจับและโฟกัสที่ดวงตาของแบบ ทำงานได้ดีกับทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ปัจจุบันยังถ่ายได้แค่ JPEG แต่จะมีอัพเดตให้รองรับการถ่ายเป็นไฟล์ RAW ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีแอป Cinema Pro ที่จะถ่ายวิดีโอ 4K ในอัตราส่วน 2.39:1 (แปลว่าความละเอียดไม่ถึง 4K แต่ถ้าต้องการถ่าย 4K เต็มๆ ก็ใช้แอปกล้องปกติได้) สูงสุดที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีโหมดถ่ายสโลว์โมชั่น 120 เฟรมต่อวินาทีในความละเอียด HD และมีหน้าตาที่มีรายละเอียดให้ปรับแต่งเยอะ แต่ใช้งานง่าย ตัวแอปทำให้ปรับฟังก์ชั่นต่างๆ ได้มากกว่าแอปถ่ายวิดีโอปกติ คือปรับได้ทั้ง shutter angle ปรับ ISO ปรับโฟกัสเป็นแบบแมนนวล หรือตั้งการปรับระยะโฟกัสระหว่างสองวัตถุแบบอัตโนมัติก็ได้ เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายหนังสั้น ชิป Snapdragon 865 ยังคงทำงานได้ดีเหมือนเคย หน้าจอ 4K HDR OLED ที่หลายคนกังวลว่าแบตเตอรี่ 4,000 mAH จะพอไหม จากการทดสอบของสื่อหลายๆ เจ้า ก็สามารถใช้งานได้เต็มวันแบบไม่มีปัญหา หน้าจอ 21:9 อาจจะต้องปรับตัวให้ชินเล็กน้อย แต่ก็สะดวกในการใช้งานมือเดียว เมื่อผนวกกับลำโพงหน้าคู่แบบสเตอริโอ ก็ใช้ดูหนัง เสพย์คอนเทนต์ได้อย่างเพลิดเพลิน ส่วน UI ของ Android 10 เวอร์ชั่น Sony ก็ได้รับคำชมจากสื่อแทบทุกเจ้า ว่าสะอาดสะอ้านราวกับ Pure Android แถมยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. อยู่ กันน้ำ IP65/68 ให้แรม 8 GB มาคู่กับหน่วยความจำ 256GB และรองรับ MicroSD card ด้วย ส่วนข้อเสียอาจจะเป็นกล้องหน้าที่ไม่มีอะไรพิเศษนัก กับราคาที่แพงจนน่าเป็นห่วงในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ถึงแม้จะมีโปรโมชั่นแถมหูฟังไร้สาย WF-1000XM3 มาด้วยก็ตาม สรุปคะแนนรีวิวจากสื่อต่างๆ Wired - 8 / 10 GSMArena - 4.3 / 5 TechRadar - 4 / 5 CNET - ไม่ได้ให้คะแนน
# ญี่ปุ่นแก้กฎลิขสิทธิ์ออนไลน์ใหม่ ห้ามดาวน์โหลดมังงะเถื่อน ฝ่าฝืนเจอคุกสูงสุด 2 ปี ญี่ปุ่นปรับปรุงกฎหมายการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ให้เข้มขึ้น ห้ามดาวน์โหลดมังงะ, นิตยสาร, หนังสือและตำราวิชาการเถื่อน จากเดิมที่กฎนี้คุ้มครองห้ามดาวน์โหลด เพลงและวิดีโอเถื่อนอยู่ก่อนแล้ว โดยกฎหมายเวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่มีผลวันที่ 1 มกราคม 2021 การแก้กฎหมายมาพร้อมกับตัวเลขจำนวนเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ และเว็บไซต์ที่ลงลิงค์ไว้ให้คนเข้าไปดาวน์โหลดต่อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก มีคนเข้าดูมากกว่า 100 ล้านครั้งต่อเดือน สร้างความเสียหายแก่อุตสาหกรรมมังงะเป็นเม็ดเงินมหาศาล ผู้ที่ละเมิดจะเจอโทษแรงคือจำคุกสูงสุด 2 ปี ปรับ 2 ล้านเยน หรือทั้งจำทั้งปรับ ตัวกฎมีการผ่อนปรนถ้าดาวน์โหลดหรือมีรูปถ่ายหน้ามังงะแค่ไม่กี่เฟรม กฎหมายใหม่แบนเว็บไซต์ที่ฝังลิงค์มังงะเถื่อนให้โหลดด้วย ผู้สร้างเว็บไซต์จะเจอโทษหนักคือติดคุก 5 ปี ปรับ 5 ล้านเยนหรือทั้งจำทั้งปรับ และจะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ภาพจาก Pixabay ที่มา - Japan Today
# ไกลแค่ไหนก็ไม่หวั่น Apple ได้รับสิทธิบัตรการสร้างภาพหมู่ร่วมกันได้แม้อยู่คนละที่แบบ Social Distancing มีรายงานว่า Apple ได้รับสิทธิบัตรซอฟแวร์ตัวใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการสร้างภาพหมู่เสมือน ( Generating Synthetic Group Selfies) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกันได้แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน โดย Apple ได้ขอจดสิทธิบัตรซอฟแวร์ดังกล่าวไปตั้งแต่ปี 2018 และได้รับสิทธิบัตรเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา สิทธิบัตรระบุถึงการใช้งานของฟีเจอร์นี้ว่า ผู้ใช้งานจะสามารถเชิญผู้อื่นให้มาถ่ายเซลฟี่ร่วมกับตนได้ โดยจะถ่ายได้ทั้งภาพนิ่ง วีดีโอ รวมไปถึงไลฟ์สด นอกจากนี้ ยังสามารถเก็บรูปภาพที่ถ่ายทั้งเดี่ยวและกลุ่ม เพื่อนำไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งในภายหลังได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่าซอฟแวร์ดังกล่าวจะเปิดให้ใช้งานเมื่อไร โดยที่ผ่านมาสิทธิบัตรหลายตัวของ Apple ก็ไม่ได้มีการนำมาใส่เป็นฟีเจอร์ในสินค้าเสมอไป แต่ในช่วง COVID-19 เช่นนี้ก็เป็นไปได้ว่า Apple จะเร่งนำฟีเจอร์นี้มาพัฒนาในสินค้าจริง ที่มา - The Verge
# ทีม Google Chrome เร่งเลิกใช้คำว่า Blacklist ในซอร์สโค้ด Chrome เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา หนึ่งในทีมพัฒนา Chrome ส่งแพตช์เปลี่ยนโค้ดที่ระบุรายชื่อต้องห้ามจากคำว่า blacklist เป็นคำว่า blocklist สอดรับกับสถานการณ์การประท้วง #Blacklivesmatter ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา แนวทางในลักษณะเดียวกันเคยปรากฏเมื่อปี 2018 โดย Google ได้ออกมาตรฐานการเขียนโค้ดที่ไม่เลือกปฎิบัติต่อคนบางกลุ่ม ระบุแนวทางการใช้คำว่า "blocklist" และ "allowlist" แทนคำว่า "blacklist" และ "whitelist" อย่างไรก็ตามกระบวนการแก้ไขยังเป็นไปโดยไม่เร่งด่วนนัก ยังมีโค้ดภายในกว่า 2000 จุดที่ยังปรากฏคำว่า blacklist โดยเฉพาะโค้ด components/blacklist ทางทีมพัฒนาจึงแทนที่โค้ดภายในดังกล่าวด้วยโค้ด components/blocklist โดยการเปลี่ยนโค้ดในครั้งนี้ไม่น่าส่งผลกระทบต่อตัวเบราว์เซอร์แต่อย่างใด เพราะเปลี่ยนเพียงตัวอักษรเดียวเท่านั้น กระบวนการพัฒนาของ Google Chrome จะต้องรออีกหลายเดือนจนกว่าโค้ดนี้จะไหลเข้ามาตาม Channel ต่างๆ ของเบราว์เซอร์ จนถึงจุดที่โค้ดทั้งหมดเลิกใช้คำว่า blacklist จริงๆ Google แสดงจุดยืนเพื่อสนับสนุน #Blacklivesmatter อย่างชัดเจนมาโดยตลอด โดยก่อนหน้านี้ Google ได้บริจาคเงินกว่า 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 370 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางเชื้อชาติ ที่มา - 9to5Google
# Realme ขึ้นเบอร์ 4 แบรนด์สมาร์ทโฟนในไทย ไตรมาส 1/2020 Realme อ้างตัวเลขส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนของบริษัท Counterpoint Research ระบุว่าขึ้นเป็นอันดับ 4 ของผู้ขายสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ช่วงไตรมาส 1/2020 แล้ว ในตลาดโลก Realme อยู่ที่อันดับ 7 (ตามตัวเลขของ Counterpoint ไตรมาส 1/2020) แต่ถ้าดูเฉพาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวมอยู่อันดับ 5 มีการเติบโตของยอดขายถึง 173% สวนทางกับภาพรวมของตลาดที่ลดลง 11% (ตลาดโลกลดลง 13%) Realme ทำอันดับได้ดีในไทยและกัมพูชา (อันดับ 4 ของแต่ละประเทศ) ส่วนฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า อยู่อันดับ 5 Counterpoint ไม่ได้เปิดเผยอันดับของแบรนด์สมาร์ทโฟนในแต่ละประเทศต่อสาธารณะ แต่มีข้อมูลของทั้งทวีปเอเชียประจำไตรมาส 1/2020 ที่ Top 5 คือ Huawei, Xiaomi, Vivo, Oppo, Samsung ตามลำดับ - Counterpoint ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ Realme Thailand, @realmemobiles
# Facebook ลบผู้ใช้งานเกือบ 200 บัญชีที่เชื่อมโยงกลุ่มนิยมคนขาว และปลุกระดมความรุนแรง Facebook ยืนยันว่าได้ลบบัญชีผู้ใช้งาน 190 บัญชีที่เชื่อมโยงกับกลุ่ม Proud Boys และ American Guard ซึ่งนิยมคนขาวสุดโต่ง และมีการวางแผนปลุกระดมส่งเสริมความรุนแรงด้วยการใช้อาวุธในกลุ่มผู้ประท้วงในขณะนี้ด้วย Brian Fishman ผู้อำนวยการฝ่ายต่อต้านการก่อการร้ายและนโยบายองค์กรของ Facebook ระบุกับสำนักข่าว AP ว่าพบพฤติกรรมที่บัญชีผู้ใช้งานดังกล่าววางแผนที่จะระดมคนให้ออกไปประท้วง และกระตุ้นให้นำอาวุธไปด้วย ด้านกลุ่ม Proud Boys และ American Guard นั้นถูกแบนจาก Facebook ไปก่อนหน้านี้แล้ว ที่มา - Mashable
# LG เปิดตัว Ergo มอนิเตอร์แบบหนีบกับโต๊ะ ความละเอียด QHD รีเฟรชเรท 75Hz LG เปิดตัวมอนิเตอร์รุ่น Ergo รหัส 27QN880-B แพแนล IPS ความละเอียด 2560x1440 รีเฟรชเรต 75Hz มีขาตั้งแบบหนีบกับโต๊ะ กินพื้นที่น้อยลง มี FreeSync รองรับมาตรฐาน HDR10 และมาตรฐานสี 99% sRGB มีพอร์ต USB Type-C รองรับการจ่ายไฟแบบ PD (Power Delivery) HDMI สองช่อง และ DisplayPort หนึ่งช่อง และรูหูฟัง 3.5 มม. ตอนนี้ Ergo มีวางจำหน่ายในเว็บไซต์ LG ในอเมริกาเท่านั้น ราคา 450 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14,200 บาท) แต่จะวางจำหน่ายแบบทั่วไปในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ที่มา - LG via Notebookcheck
# รัฐบาลอังกฤษกำลังร่างแผนจ่ายเงินอุดหนุน 6,000 ปอนด์ให้คนที่เปลี่ยนจากรถน้ำมันเป็นรถไฟฟ้า รัฐบาลอังกฤษกำลังร่างแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 หนึ่งในนั้นคือการกระตุ้นดีมานด์ของรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนให้คนที่เปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 6,000 ปอนด์ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีกำหนดจะชี้แจงเกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจนี้ในวันที่ 6 กรกฎาคม ขณะที่แผนนี้ก็น่าช่วยบริษัทรถยนต์ที่มีฐานการผลิตหรือประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในสหราชอาณาจักรโดยตรง ทั้งนี้อังกฤษเป็นหนึ่งในประเทศที่สนับสนุนรถยนต์พลังงานสะอาดในระดับนโยบายอยู่แล้ว โดยเฉพาะนโยบายที่กำหนดให้ห้ามขายรถยนต์สันดาปหลังปี 2040 เป็นต้นไป ที่มา - Reuters ภาพจาก Shutterstock