txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Google Lens เพิ่มฟีเจอร์ Copy to computer ส่งข้อความจากกล้องเข้าเบราว์เซอร์, อ่านข้อความเป็นเสียง
กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ให้ Google Lens จากเดิมที่สามารถอ่านข้อความในกล้องและนำข้อความออกไปใช้ในแอปอื่นได้ ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานข้อความในภาพได้มากขึ้น
ฟีเจอร์แรกคือสามารถส่งข้อความตรงเข้าคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Chrome ไว้ได้ทันที โดยเมื่อเลือกข้อความแล้ว จะมีเมนู "Copy to computer" แสดงขึ้นมา เมื่อกดเข้าไปจะสามารถเลือกคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Chrome ไว้ เพื่อส่งข้อความไปยัง clipboard ของคอมพิวเตอร์ปลายทางได้
ฟีเจอร์ Listen ทำให้ Google Lens สามารถอ่านข้อความออกเสียงได้โดยตรงไม่ต้องใช้โปรแกรมอื่นเพิ่มเติม
ฟีเจอร์สุดท้ายคือเมื่อเลือกข้อความในภาพแล้ว Google Lens จะแสดงผลค้นหาขึ้นมาให้ทันที ทำให้ผู้ใช้สามารถมองความหมายของคำหรือข่าวที่เกี่ยวข้องได้
ฟีเจอร์ทั้งหมดเริ่มใช้งานได้แล้ววันนี้ทั้ง Android และ iOS ยกเว้น Listen ที่ยังมีเฉพาะแอนดรอยด์
ที่มา - Google Blog
ภาพตัวอย่างการใช้งานฟีเจอร์ใหม่ของ Google Lens |
# DigitalOcean ทำข้อมูลรั่วไหล ข้อมูลการใช้งานถูกแชร์ออกอินเทอร์เน็ต
DigitalOcean แจ้งเตือนลูกค้าว่าเอกสารที่เกี่ยวกับลูกค้าในช่วงปี 2018 ถูกแชร์ออกสู่อินเทอร์เน็ตโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ อีเมล, ชื่อบัญชี, ปริมาณการใช้ Droplet, อัตราการใช้แบนวิดท์, ข้อความโน้ตจากเจ้าหน้าที่ซัพพอร์ตหรือตัวแทนขาย, และปริมาณเงินที่จ่ายให้ DigitalOcean ในปี 2018 หลุดออกสู่สาธารณะ
ทีมตรวจสอบพบว่ามีผู้เข้าถึงลิงก์นี้อย่างน้อย 15 ครั้งก่อนที่ทาง DigitalOcean จะล็อกเอกสาร โดยเอกสารที่รั่วครั้งนี้กระทบผู้ใช้น้อยกว่า 1% ของลูกค้าทั้งหมด
ข้อมูลที่รั่วออกไปไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวกับการใช้งาน เช่น กุญแจเข้าถึง API ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนรหัสผ่านแต่อย่างใด
ที่มา - The Hacker News
ตัวอย่างอีเมลที่ DigitalOcean ส่งให้ลูกค้า |
# เทียบสเปก Macbook Pro 13 นิ้ว (2020) กับ Surface Book 3 รุ่น 13.5 นิ้ว
ในเดือนนี้มีโน้ตบุ๊กสายทำงานขนาด 13 นิ้ว ทั้งจากฝั่ง Microsoft และ Apple เปิดตัวในเวลาใกล้เคียงกัน อาจจะทำให้หลายๆ คนลังเลอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมของทั้งสองฝั่ง แต่ด้วยตัวเลือกสเปกและราคาที่มีให้เลือกมากมายไปหมด ผู้เขียนจึงทำสรุปสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรุ่นเริ่มต้น และรุ่นจัดเต็ม มาให้ลองเปรียบเทียบกันสเปกและราคาจะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
เทียบรุ่นเริ่มต้น
Macbook Pro 13 นิ้ว เริ่มต้นที่ 1,299 เหรียญ ซีพียู Intel 8th Gen Core i5-8257U (ซีพียู 8th Gen รุ่นปลายปี 2019) แรม 8GB LPDDR3 ความเร็ว 2,133MHz SSD ความจุ 256GB
Surface Book 3 เริ่มต้นที่ 1,599.99 เหรียญ ซีพียู Intel Core i5 10th Gen แรม 8GB แบบ LPDDR4X ความเร็ว 3,733MHz ส่วน SSD ได้ความจุ 256GB เท่ากัน
ในรุ่นเริ่มต้น แม้ Surface Book 3 จะแพงกว่าอยู่ 300 เหรียญ แต่การได้ซีพียู Intel 10th Gen แรมแบบ LPDDR4X รวมถึงได้หน้าจอ PixelSense ที่เป็นจอ Multi-touch 10 จุด และถอดจอมาใช้เป็นแท็บเล็ตได้ด้วย อาจจะเหมาะกับคนที่ทำงานวาดเขียนกว่า
เทียบแบบจัดเต็ม
ถ้าเลือกเสปกแบบจัดเต็ม ซีพียู Intel Core i7 10th Gen แรม 32GB LPDDR4X 3,733MHz และ SSD 1TB ทั้งคู่ Surface Book 3 จะอยู่ที่ราคา 2,699.99 เหรียญ ส่วน Macbook Pro จะอยู่ที่ 2,599 เหรียญ
Surface Book 3 ยังแพงกว่าอยู่ 100 เหรียญ ได้การ์ดจอ Geforce GTX 1650 Max-Q และหน้าจอสัมผัส PixelSense และถอดได้มาด้วย
เหมาะกับคนทำงานในโปรแกรมที่ใช้ประโยชน์จากการ์ดจอแยกได้ เช่นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ หรือทำภาพ 3D แม้ซีพียู Core i7 บน Macbook Pro 13 นิ้ว จะมีความเร็วคล็อกสูงกว่าก็ตาม
แต่ถ้าใครทำงานที่ไม่ต้องการการ์ดจอแยก หรือไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นจอสัมผัส แต่ต้องการเนื้อที่ SSD มากขึ้น Macbook Pro ก็มี SSD แบบ 2TB ในราคา 2,999 เหรียญ กับ 4TB ในราคา 3,599 เหรียญให้เลือกด้วย ในขณะที่ Surface Pro 3 ใส่ได้มากสุดแค่ 1TB
สรุป
แม้ Surface Book 3 จะดูคุ้มกว่าในด้านสเปก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่อง OS เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อโน้ตบุ๊ก คนที่ทำงานอยู่บนอีโค่ซิสเต็มของ Mac OS ถ้าจะต้องย้ายมาใช้ Windows ก็อาจจะลำบากหน่อย แถม Mac OS ก็ขึ้นชื่อเรื่องความสเถียร การอัพเดตที่ดีกว่า และได้รับบริการหลังการขายของ Apple ที่ดีกว่าด้วย
ถ้าเป็นคนทำงานที่ไม่ได้เน้นกราฟฟิกมากนัก และใช้ Mac OS เป็นหลัก Macbook Pro 13 นิ้วของปีนี้ ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะรุ่น Intel 10th Gen ที่มี Iris Plus Graphics ที่ถึงจะไม่ดีเท่าการ์ดจอแยก แต่ประสิทธิภาพก็ดีขึ้นกว่า Iris Plus Graphics 645 ในรุ่น Intel 8th Gen เยอะ พร้อม Magic Keyboard ที่น่าจะหายห่วงเรื่องปัญหาคีย์ติด คีย์ค้าง
แต่ถ้าไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องใช้ OS ไหน และทำงานที่การ์ดจอแยกช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นได้ แนะนำว่า Surface Book 3 รุ่นที่มี GTX 1650 Max-Q พร้อมหน้าจอสัมผัสที่ถอดแยกไปใช้งานเป็นแท็บเล็ตได้ด้วย คงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ยังไม่สามารถสรุปได้จากสเปกบนหน้ากระดาษ เช่นการระบายความร้อน ประสิทธิภาพในการใช้งานจริง คุณภาพการประกอบและวัสดุ และชั่วโมงการใช้งานบนแบตเตอรี่ ซึ่งหลังจากเทียบเบื้องต้นในบทความนี้แล้ว อาจต้องรอดูตอนเครื่องวางจำหน่าย นอกจากนี้ผู้เขียนยังแนะนำว่าให้ทดลองจับเครื่องของจริงก่อนซื้อ รวมถึงถ้าใครต้องพกพาเครื่องไปทำงานข้างนอกบ่อยๆ อย่าลืมตรวจสอบน้ำหนักของตัวเครื่องรวมกับสายชาร์จก่อนตัดสินใจซื้อด้วย |
# หน้าเว็บ Facebook.com โฉมใหม่เริ่มปล่อยให้ใช้แล้ว เปลี่ยนมาเขียนด้วย React แทน PHP
Facebook เปิดตัวหน้าเว็บ facebook.com โฉมใหม่ในงาน F8 2019 เมื่อ 1 ปีที่แล้วพอดี หลังจากทดสอบมายาวนานครบปี บริษัทก็ประกาศเริ่มปล่อยหน้าเว็บโฉมใหม่ให้ผู้ใช้ทั่วโลกแล้ว และจะเปิดใช้งานครบทุกคนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของหน้าเว็บ facebook.com โฉมใหม่คือ
ทำงานเร็วขึ้น ตอบสนองเร็วขึ้น เพราะเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่นับจาก facebook.com เวอร์ชันต้นฉบับในปี 2004
ปรับการวางตำแหน่งปุ่มต่างๆ ให้ค้นหาข้อมูลง่ายขึ้น
จัดการ Pages, Groups, Events ง่ายขึ้น
รองรับ Dark Mode
สำหรับผู้ที่สนใจเบื้องหลังการออกแบบ facebook.com เวอร์ชันใหม่ ตั้งแต่การเปลี่ยนเทคโนโลยีจาก PHP เดิมมาเป็น React/Relay, เปลี่ยนการเรนเดอร์จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์มาฝั่งไคลเอนต์, ลดขนาดไฟล์ CSS ที่ต้องโหลดในหน้าแรกลงไปถึง 80% (จากเทคนิค atomic CSS), การฝัง SVG ลงใน HTML เพื่อให้โหลดเร็วขึ้น เปลี่ยนสีไอคอนได้ตามธีมในตอนรัน, การกำหนดโควต้า Javascript budget ก่อนเริ่มพัฒนา เพื่อจำกัดขนาดเพจไม่ให้บวม ฯลฯ สามารถอ่านได้จาก Facebook Engineering Blog
ที่มา - Facebook |
# ผลทดสอบ Ryzen 3 3100 และ 3300X ชนะอดีตซีพียูตัวท็อป Core i7 (7th Gen) สบายๆ
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว AMD เปิดตัว Ryzen 3 เดสก์ท็อป 3100 และ 3300X ซึ่งเป็นซีพียูแกน Zen 2 ระดับล่างสุด (ราคา 99/129 ดอลลาร์) ล่าสุดมีผลการทดสอบเบนช์มาร์คของ Ryzen 3 3100 และ 3300X ออกมาในสื่อต่างประเทศแล้ว
เว็บไซต์ AnandTech รีวิว Ryzen 3 3100 และ 3300X โดยนำไปเทียบกับ Core i7-7700K (7th Gen) ซีพียูตัวท็อปของอินเทลในปี 2017 (เลือกเทียบกับตัวนี้เพราะเป็น 4 คอร์ 8 เธร็ดเท่ากันกับ Ryzen 3 โดยถือเป็น Core i7 รุ่นสุดท้ายที่เป็นควอดคอร์)
ผลออกมาว่า Ryzen 3 3100/3300X สามารถเอาชนะ Core i7-7700K ได้สบาย และในบางการทดสอบถึงขั้นเอาชนะซีพียูรุ่นใหม่กว่านั้นทั้ง Core i7-8086K (8th Gen, 6 คอร์ 12 เธร็ด) และ Core i7-9750H (9th Gen, 6 คอร์ 12 เธร็ด) ได้ด้วยซ้ำ (เช่น การรัน Crysis ภาคแรกแบบใช้แต่ซีพียู ไม่ต้องใช้จีพียู)
ส่วนการทดสอบด้านเกมมิ่งที่เน้นวัด FPS ซึ่งอิงกับปัจจัยสมรรถนะของซีพียูคอร์เดียวมากกว่าซีพียูหลายคอร์ Core i7-7700K ยังพลิกกลับมาชนะ Ryzen 3 3100 ได้บ้าง (ขึ้นกับเกมและการทดสอบ) แต่ถ้าเทียบกับ Ryzen 3 3300X ที่แรงกว่าก็มักจะตามหลังอยู่ดี
AnandTech สรุปว่า Ryzen 3 3100/3300X กลายเป็นซีพียูเกมมิ่งราคาถูกที่คุ้มที่สุดในตอนนี้ ด้วยราคาเพียง 99/129 ดอลลาร์ สามารถเอาชนะคู่แข่งระดับท็อปสุดในอดีตได้สบาย ส่วนคู่แข่งที่แท้จริงในระดับเดียวกันจะเป็น Core i3 10th Gen ที่รอบนี้ได้ Hyper-Threading แล้ว ซึ่งเมื่ออินเทลเริ่มวางขายจริงๆ แล้วจะนำมาทดสอบเปรียบเทียบกันต่อไป
ที่มา - AnandTech |
# [IDC] ตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดีย ไตรมาส 1/20 เติบโตเล็กน้อย 1.5%
IDC ออกรายงานภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียของไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ขายสมาร์ทโฟนไปได้ 32.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 1.5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เติบโตเล็กน้อย ต่างจากตลาดใหญ่อีกสองแห่งคือ อเมริกา (-20.3%) และจีน (-16.0%) ที่ต่างลดลง
อย่างไรก็ตามเมื่อดูรายละเอียดตามช่องทางจำหน่าย พบว่าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 9.0% ขณะที่ช่องทางร้านค้าออฟไลน์ลดลง 3.5%
สมาร์ทโฟนในอินเดียกลุ่มที่มียอดขายสูงคือเครื่องราคาไม่สูง (น้อยกว่า $200) คิดเป็น 76.2% ของสมาร์ทโฟนที่ขายทั้งหมด, กลุ่มถัดมา $200-$300 เติบโตสูง มีส่วนแบ่ง 18.2% นำโดย Samsung Galaxy A51, vivo S1 pro/S1 และ Redmi Note 8 Pro, กลุ่ม $300-$500 ส่วนแบ่งลดลงเป็น 3.8% ขณะที่กลุ่มสมาร์ทโฟนราคาสูงมากกว่า 500 ดอลลาร์ แอปเปิลมีส่วนแบ่งสูงสุด 62.7% ตามด้วยซัมซุง และ OnePlus
ในภาพรวมทั้งตลาด Xiaomi ครองส่วนแบ่งอันดับ 1 (31.2%) ตามด้วย vivo (21.0%) และซัมซุง (15.6%)
ที่มา: IDC |
# Dropbox ไตรมาส 1/2020 เริ่มมีกำไรเป็นครั้งแรก ลูกค้าเสียเงินเพิ่มเป็น 14.6 ล้านบัญชี
Dropbox รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2020 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 455.0 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 39.3 ล้านดอลลาร์
Drew Houston ซีอีโอ Dropbox กล่าวว่าผลงานในไตรมาสนี้สะท้อนการเติบโตที่ดี และบริษัทก็บันทึกผลกำไรได้เป็นไตรมาสแรก
Dropbox มีลูกค้าที่จ่ายเงินใช้บริการ 14.6 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 13.2 ล้านบัญชี รายได้เฉลี่ยต่อลูกค้าต่อปีก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 126.30 ดอลลาร์
ที่มา: Dropbox |
# สรุปรีวิว Macbook Pro 13 นิ้ว (2020) คีย์บอร์ดใหม่ ไฉไลกว่าเดิม แต่ยังขาดการ์ดจอแยก
หลังเปิดตัว Macbook Air 13 นิ้ว ไปเมื่อเดือนมีนาคม ในไลน์อัพ Macbook ก็เหลือเพียง Macbook Pro 13 นิ้วเท่านั้น ที่ยังไม่เปลี่ยนมาใช้ Magic Keyboard และในที่สุดวันนี้ก็มาถึงกับ Macbook Pro 13 นิ้ว รุ่นปี 2020
สิ่งที่ทุกสื่อชมเป็นเสียงเดียวกัน คือ Magic Keyboard ที่เปลี่ยนกลับไปเป็น Scissor Switch ซึ่งแม้จะไม่เหมือนกับ Scissor Keyboard รุ่นเก่าๆ ซะทีเดียว แต่ทุกเจ้าก็ชมว่าเป็นการปรับเปลี่ยนที่ดีขึ้นมาก สัมผัสในการพิมพ์ไม่ตื้นเหมือน Butterfly Keyboard และจากการใช้งานรุ่น Macbook Pro 16 ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ก็ยังไม่มีสื่อเจ้าไหนพบปัญหาคีย์ค้าง หรือพิมพ์เบิ้ลแบบที่เจอใน Butterfly Keyboard เลย
อีกข้อที่สื่อแต่ละเจ้าชมคือ Apple เพิ่มความจุฮาร์ดดิสก์เริ่มต้นให้เป็น SSD 256GB จากเดิมที่จะเริ่มต้น 128GB และเป็นครั้งแรกที่ MBP รุ่น 13 นิ้ว อัพแรมได้ถึง 32GB (และเป็นแรม LPDDR4X ความเร็ว 3,733MHz ในรุ่น Intel Gen 10th) ส่วนหน้าจอยังเป็นจอ Retina คุณภาพดี ได้มาตรฐาน Apple ที่มาพร้อม True Tone เช่นเคย
ข้อติของสื่อแต่ละเจ้า ส่วนมากจะเป็นเรื่องสเปกรุ่นเริ่มต้นราคา 1,299 เหรียญที่ Apple ยังใช้ซีพียู Intel 8th Gen ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นปีที่แล้วอยู่ และให้พอร์ต Thunderbolt มาแค่ 2 พอร์ต โดยต้องเพิ่มเงินซื้อรุ่น 1,799 เหรียญขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะได้ Intel 10th Gen กับ Thunderbolt 4 พอร์ต
อีกข้อติคือการ์ดจอที่ยังให้มาแค่ Intel Iris Plus Graphics ซึ่งเป็นการ์ดจอออนบอร์ด แม้ประสิทธิภาพจะดีขึ้นมากบน Intel 10th Gen แต่ก็ยังไม่เท่าการ์ดจอแยกตระกูล RADEON ในรุ่น 16 นิ้วอยู่ดี
ตัว Touchbar ก็ยังมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ (ถ้าทำงานที่ใช้ปุ่มฟังก์ชั่นบ่อยๆ อาจต้องซื้อ Macbook Air หรือซื้อคีย์บอร์ดแยกแทน) จำนวนชั่วโมงแบตเตอรี่ Apple เคลมว่าอยู่ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง สื่อบางเจ้าบอกว่าน่าจะอยู่ได้นานกว่านี้สักหน่อย Engadget ทำการทดสอบด้วยการดูวิดีโอ สามารถใช้งานได้ถึง 11 ชั่วโมง แม้น้อยกว่าคู่แข่งบางรุ่น เช่น Dell XPS 13 ที่อยู่ได้ถึงประมาณ 13 ชั่วโมง แต่ก็ถือว่าพอใช้งานในชีวิตประจำวัน
สรุป
Macbook Pro 13 นิ้ว ยังคงเป็น Macbook Pro ที่ดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคีย์บอร์ดใหม่ เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคนที่ใช้ Mac OS เป็นหลักและอยากอัพ Macbook Pro มานาน แต่ไม่อยากใช้คีย์บอร์ด Butterfly เพียงแค่อาจต้องควักเงินซื้อรุ่น 1,799 เหรียญ หากอยากใช้ Intel 10th Gen (Surface Book 3 ที่ใช้ Intel 10th Gen เริ่มต้นที่ 1,599 เหรียญ) และน่าเสียดายที่ยังไม่มีตัวเลือกการ์ดจอแยกมาให้ อาจไม่เหมาะสำหรับคนทำงานกราฟฟิก หรือทำภาพ หรือตัดต่อวิดีโอในโปรแกรมที่ใช้ประโยชน์จากการ์ดจอแยกได้
คะแนนจากสื่อต่างๆ
Engadget 87 / 100
PC Mag - 4.0 / 5
Laptop Mag 4 /5 |
# HP ออกเกมมิ่งเดสก์ท็อป Omen 25L และ 30L เคสเรียบหรู ใช้ส่วนประกอบจากแบรนด์ดัง
การเปิดตัว Intel Core 10th Gen สำหรับเดสก์ท็อปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ผู้ขายพีซีเกมเมอร์รายยี่ห้อ ทยอยเปิดตัวเกมมิ่งเดสก์ท็อปรุ่นใหม่ๆ ตามกันมา
แบรนด์ที่น่าสนใจคือ HP Omen ที่เปิดตัวเดสก์ท็อปดีไซน์ใหม่มา 2 ขนาดคือ Omen 25L และ Omen 30L (ตั้งชื่อรุ่นตามความจุเป็นลิตรในตัวทาวเวอร์)
จุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้คือ
เคสเรียบหรูดูดี ออกแบบมาเข้ากับโลโก้ Omen ดีไซน์ใหม่ที่ลดทอนลวดลายลง มีกระจก tempered-glass เห็นส่วนประกอบภายใน และยังสามารถปรับแสงไฟในเคสแยกได้ 6 โซน
ส่วนประกอบจากฮาร์ดแวร์แบรนด์ดัง เช่น พัดลมและ PSU จาก Cooler Master, แรม HyperX Fury สูงสุด 64GB, SSD เป็น WD Black สูงสุด 2TB x2
ฟีเจอร์ฝั่งซอฟต์แวร์ HP Omen Command Center ใช้ควบคุมไฟ อุณหภูมิ พัดลม
ตัวชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์หลัก เลือกได้อย่างอิสระ
ซีพียู Intel Core 10th Gen (สูงสุด Core i9-10900K) หรือ AMD Ryzen 9 3900
จีพียู NVIDIA GeForce RTX 2080 Ti หรือ AMD Radeon RX 5700 XT
รุ่นเล็ก Omen 25L ราคาเริ่มต้นที่ 899.99 ดอลลาร์ ได้ Ryzen 5, Radeon RX 5500, แรม 8GB, SSD 256GB
รุ่นใหญ่ Omen 30L ราคาเริ่มต้นที่ 1,199.99 ดอลลาร์ ได้ Ryzen 5, Radeon RX 5700, แรม 8GB, SSD 256GB
ที่มา - HP |
# ซัมซุงเปิดตัวบัตรเดบิต Samsung Pay
Sang Ahn รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ Samsung Pay ของซัมซุงอเมริกาเหนือประกาศบริการบัตรเดบิตภายใต้แบรนด์ Samsung Pay โดยร่วมมือกับ SoFi ผู้ให้บริการทางการเงินส่วนบุคคลแบบออนไลน์ของสหรัฐ และเป็นบัญชีแบบ Cash Management
Ahn บอกว่าจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ โดยจะเริ่มให้บริการจริงช่วงฤดูร้อน หรือราวเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมนี้
ที่มา - Samsung Newsroom |
# Zoom ลงนามในข้อตกลงร่วมกับอัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก จะปรับปรุงความปลอดภัย
ไล่เลี่ยกับการประกาศซื้อ Keybase ผู้ให้บริการคลาวด์แบบเข้ารหัส Zoom ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับ Letitia James อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก เรื่องการปรับปรุงและรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า
เนื้อหาคร่าว ๆ คือหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Zoom ตกลงว่าจะดีไซน์ที่มีความปลอดภัย รักษาความเป็นส่วนตัว ใช้โปรโตคอลด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัส มีช่องทางให้ผู้ใช้งานร้องเรียน
ด้านอัยการสูงสุดกล่าวชม Zoom ว่าตอบรับและแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยได้รวดเร็ว และให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของหน่วยงานอัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก โดยก่อนการประกาศข้อตกลงครั้งนี้ไม่นาน ทางการนิวยอร์คยกเลิกคำแนะนำที่ให้เลิกใช้งาน Zoom เพื่อการเรียนการสอน แล้วด้วย หลัง Zoom เร่งแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยให้สำหรับการเรียนการสอนโดยเฉพาะ
ที่มา - The Verge |
# COVID-19 กระทบหนัก บริษัทแม่ Agoda รายได้ลด 19%, ยอดจองห้องพักหาย 43%
Booking Holdings บริษัทแม่ของเว็บจองโรงแรม-ตั๋วเครื่องบินชื่อดังหลายราย เช่น Booking.com, Agoda, Kayak ประกาศผลประกอบการของไตรมาส 1/2020 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
มูลค่าการจองทั้งหมด (gross travel bookings นับรวมค่าห้องพักหรือค่าตั๋วด้วย) เหลือ 12.4 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 51% จากปีก่อน
จำนวนการจองห้องพัก (นับเป็นคืน) ลดลง 43% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
รายได้ลดลง 19% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เหลือ 2.3 พันล้านดอลลาร์
บริษัทมีมาตรการปรับลดค่าใ้ช้จ่ายด้านต่างๆ เช่น ค่าการตลาด, ค่าตอบแทนพนักงาน เพื่อสะท้อนกับรายได้ที่ลดลง
รวมแล้วไตรมาสนี้ขาดทุนสุทธิ 699 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้การขาดทุนส่วนใหญ่ของ Booking Holdings ในไตรมาสนี้ มาจากการตัดค่าใช้จ่ายด้อยค่าความนิยม (goodwill impairment) ของเว็บไซต์ Kayak และ OpenTable มูลค่า 489 ล้านดอลลาร์ และการขาดทุนในหุ้นอีก 100 ล้านดอลลาร์
Glenn Fogel ซีอีโอของ Booking Holdings ยอมรับว่า COVID-19 ส่งผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวอยู่มาก แต่ด้วยโครงสร้างต้นทุนของบริษัทที่ปรับเปลี่ยนได้ง่าย และเงินสดในมือที่มีจำนวนมาก (ไตรมาสล่าสุดคือมีเงินสดประมาณ 6.6 พันล้านดอลลาร์) ก็มั่นใจว่าจะเอาตัวรอดจากวิกฤตไปได้
Expedia Group คู่แข่งรายสำคัญของ Booking Holdings จะแถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ในวันที่ 20 พฤษภาคม
ที่มา - Booking Holdings |
# Lyft ออกนโยบายให้คนขับและผู้โดยสารต้องสวมหน้ากาก ตามรอย Uber
ก่อนหน้านี้ Uber ออกนโยบายให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารต้องใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากป้องกันใบหน้าเสมอ ล่าสุด Lyft ก็ออกนโยบายในแนวทางเดียวกัน
โดยต่อจากนี้ Lyft จะให้ผู้ใช้งานทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร ทำข้อตกลงก่อนใช้งานแอป ไม่ว่าจะเป็น การบังคับใส่หน้ากากอนามัย, ไม่ใช้งานถ้าติดโรค
หรือมีอาการว่าจะเป็นโรค COVID-19, คนขับจะรักษายานพาหนะให้สะอาด และทำ และล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ, ควรเปิดหน้าต่างรถทิ้งไว้บ้างเพื่อให้อากาศหมุนเวียน และผู้โดยสารต้องนั่งเบาะหลังเสมอ หากผู้ใช้งานไม่กดยอมรับไกด์ไลน์ที่กล่าวมาจะไม่สามารถใช้งานแอปได้ นอกจากนี้ Lyft เตรียมจะเปิดตัวโปรแกรม Health Safety Education แหล่งความรู้ในการป้องกันเชื้อที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปอ่านได้ในแอป
ด้าน Uber มีรายงานข่าวว่าจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยียืนยันตัวตนในแอปในการตรวจสอบว่าคนขับใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่
ที่มา - Lyft |
# [ไม่ยืนยัน] Spotify ทดลองทำพอดคาสต์แบบมีวิดีโอด้วย
The Verge รายงาน Spotify กำลังทดลองทำพอดคาสต์แบบมีวิดีโอด้วย ผู้ผลิตรายการสามารถอัพโหลดคลิปได้ เริ่มต้นด้วยรายการ Zane and Heath: Unfiltered ที่จัดโดยยูทูเบอร์สองคน Zane Hijazi และ Heath Hussar โดยวิดีโอจะปรากฏในรายการเฉพาะตอนที่ 28-30 เท่านั้น มองเห็นได้ทั้งจาก Spotify เวอร์ชั่นเดสก์ทอป และมือถือ สามารถกดดูเต็มหน้าจอได้
จากการลองกดดูในแต่ละตอน ผู้ใช้จะไม่สามารถมองเห็นได้ว่า ตอนไหนของรายการมีวิดีโอบ้างจนกว่าจะกดเข้าไปฟัง แล้ววิดีโอจะปรากฏขึ้นมาเอง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันจาก Spotify ว่ามีการทดสอบฟีเจอร์ดังกล่าว แต่แหล่งข่าวระบุว่าฟีเจอร์วิดีโอบนพอดคาสต์จะขยายไปยังพอดคาสต์รายการอื่นๆ ด้วยในอนาคต
ที่มา - The Verge |
# Tokyo Game Show 2020 ยกเลิกเพราะ COVID-19 ย้ายไปจัดออนไลน์แทน
ผู้จัดงาน Tokyo Game Show 2020 ที่มีกำหนดจัดในช่วงปลายเดือนกันยายน ประกาศยกเลิกการจัดงานเพราะ COVID-19 แล้ว โดยจะย้ายไปจัดงานแบบออนไลน์แทน โดยจะมีการประกาศรูปแบบและรายละเอียดงานต่อไป
งานเกมปีนี้จริง ๆ น่าจะดึงดูดคนได้เยอะกว่าปกติ เพราะการเปิดตัวของคอนโซลเจนใหม่ทั้ง PlayStation 5 และ Xbox Series X โดยเฉพาะ Tokyo Game Show ที่น่าจะเป็นช่วงที่ทั้ง 2 แบรนด์เผยผลิตภัณฑ์และตัวเกมออกมากันหมดและน่าจะเริ่มโปรโมทแล้ว (เพราะน่าจะเริ่มวางขายปลายปี) แต่ปีนี้ต้องย้ายไปจัดเป็นออนไลน์กันทั้งหมด ซึ่งก็ยังนึกไม่ออกว่าจะออกมาในรูปแบบไหน
ที่มา - Kotaku
ภาพจาก Getty Images |
# Wink แพลตฟอร์มสมาร์ทโฮมจะเริ่มเก็บค่าบริการรายเดือน แจ้งลูกค้าล่วงหน้าแค่ 1 สัปดาห์
Wink แพลตฟอร์มสมาร์ทโฮม ประกาศเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากเดิมที่หารายได้จากฮาร์ดแวร์เป็นหลัก มาเป็นเก็บค่าบริการรายเดือนเดือนละ 4.99 ดอลลาร์เพิ่ม โดยให้เหตุผลว่ารายได้จากฮาร์ดแวร์ (ที่เก็บครั้งเดียว) ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายคลาวด์และบริการต่าง ๆ ที่มีอยู่ตลอด
ปัญหาคือ Wink จะเริ่มเก็บค่าบริการรายเดือนวันที่ 13 พฤษภาคมนี้และลูกค้าที่ไม่สมัครจะไม่สามารถใช้งานบริการใด ๆ บนแพลตฟอร์มได้เลย ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ จะถูกตัดทันที โดย Wink เพิ่งประกาศเมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมาเท่ากับว่าแจ้งลูกค้าล่วงหน้าแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น
ที่มา - Wink via SlashGear |
# กูเกิลเปิดตัวแอป Read Along ใช้ text-to-speech ช่วยเด็กเล็กเรียนการอ่านออกเสียง
ในระหว่างนี้ที่โรงเรียนยังปิดอยู่ กูเกิลก็ได้เปิดตัวแอป Read Along แอปบนแอนดรอยด์ ช่วยเรียนรู้การอ่านออกเสียงสำหรับเด็กเล็กอายุมากกว่า 5 ขวบขึ้นไป ใช้เทคโนโลยี text-to-speechในการโต้ตอบให้ฟีดแบคกับเด็กๆ รองรับ 9 ภาษา (ยังไม่มีภาษาไทย) เปิดตัวใน 180 ประเทศ
ในแอป Read Along มี Diya เป็นคล้ายๆ ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่ใช้เทคโนโลยี text-to-speech และ speech recognition เพื่อให้ฟีดแบคกับเด็กได้ทันทีว่าเด็กๆ อ่านถูกต้องหรือไม่ เด็กๆ สามารถแตะที่ Diya เพื่อให้เธอช่วยเหลือในกรณีที่เด็กไม่รู้ว่าคำนี้ออกเสียงอย่างไร ในแอปยังมีเกมย่อยๆ ให้เล่นและเรียนรู้คำใหม่ไปพร้อมกัน มีฟังก์ชั่นให้เด็กๆ สะสม badge เพื่อให้เด็กๆ รุ้สึกสนุกและอยากเรียนรู้คำใหม่ๆ ต่อไป
กูเกิลเปิดตัวแอป Read Along ในอินเดียมาก่อนแล้วโดยใช้ชื่อว่า Bolo เพื่อทดลองใช้งานและเก็บฟีดแบคจากผู้ใช้ และด้วยความที่เป็นแอปสำหรับเด็ก จึงไม่มีการโฆษณาและการซื้อในแอป
ที่มา - Google Blog |
# Google รวมทีมดูแลแอปแชทและแอปสื่อสารให้อยู่ในทีมเดียวกัน
Google รวมทีมที่ดูแลแอปสายแชทและสื่อสารตัวหลัก ๆ ทั้งหมดอย่าง Messages, Duo, Phone และ Google Meet / Google Chat ให้มาอยู่ภายใต้การดูแลของ Javier Soltero ตำแหน่งรองประธานและผู้จัดการทั่วไปที่ดูแล G Suite
Soltero ระบุว่ายังไม่มีแผนเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์แชทและสื่อสารอะไรตอนนี้ ผู้ใช้งานที่เลือกแอปแต่ละตัวต่างมีจุดประสงค์แตกต่างกันไป ส่วนโฟกัสของเขาตอนนี้คือการพัฒนา Google Meet / Google Chat เป็นหลักก่อน ซึ่งแอป 2 ตัวนี้คือหนึ่งในผลงานของ Soltero โดยเฉพาะการรีแบรนด์จาก Hangout Meet และ Hangout Chat
ที่มา - The Verge |
# แฮกเกอร์มุ่งขโมยข้อมูลงานวิจัยด้าน COVID-19 จากมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร
The Guardian รายงานเมื่อ 4 พ.ค. 63 ว่า ศูนย์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติของสหราชอาณาจักร (National Cyber Security Agency : NCSC) ประกาศเตือนมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยในสหราชอาณาจักร ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ว่าแฮกเกอร์ที่อาจได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ (state-sponsored) จากรัสเซีย อิหร่าน และจีน อาจพยายามขโมยข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับ COVID-19 จากสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะงานวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนต้าน COVID-19 ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศกำลังเร่งการวิจัยวัคซีนต้าน COVID-19 และหากประเทศใดสามารถคิดค้นวัคซีนได้สำเร็จ จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตตามความต้องการวัคซีนโลก งานวิจัยด้าน COVID-19 จึงไม่เป็นเพียงงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่มีมูลค่าต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อห้วงกลางเดือนเมษายน 2563 เลขาธิการกระทรวงสาธารณสุขและประกันสังคม (Department of Health and Social Care) ของสหราชอาณาจักร ได้กล่าวกับสื่อมวลชนโดยระบุว่า รัฐบาลได้ทุ่มทรัพยากรเพื่อการพัฒนาวัคซีนต้าน COVID-19 เป็นเงินกว่า 40 ล้านปอนด์ให้แก่มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร อาทิ มหาวิทยาลัยออกฟอร์ด มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล และมหาวิทยาลัยบริสโทล ซึ่งมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดได้เริ่มการทดลองวัคซีนในมนุษย์ไปแล้ว ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยออกฟอร์ดได้ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตยาชีวเภสัชภัณฑ์ AstraZeneca ในการผลิตและกระจายวัคซีนจำนวนมากหากการค้นคว้าวิจัยวัคซีนต้าน COVID-19 สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยออกฟอร์ดได้ตระหนักถึงความพยายามในการขโมยข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับ COVID-19 มหาวิทยาลัยจึงได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ เพื่อที่จะปกป้องรักษางานวิจัยดังกล่าวจากเหล่าแฮกเกอร์และบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง
ที่มา : The Guardian |
# โครงการสมาร์ทซิตี้ SideWalk Labs โดย Alphabet ถูกระงับ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
Sidewalk Labs โครงการสมาร์ทซิตี้ของ Alphabet บนชายฝั่งตะวันออกของเมือง Toronto ประเทศแคนาดา ล่าสุดต้องพับโครงการไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
Dan Doctoroff CEO ของ Sidewalk กล่าวว่า เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกและในตลาดอสังหาริมทรัพย์ จึงเป็นการยากถ้าจะสร้างโครงการขนาดใหญ่ในตอนนี้
Sidewalk Labs เป็นความร่วมมือระหว่าง Alphabet และเมืองโตรอนโต เริ่มตั้งแต่ปี 2017 จุดประสงค์คือเพื่อสร้างที่อยู่และพัฒนาเมืองให้เป็นสมาร์ทซิตี้ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการก่อสร้าง, รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ, ระบบพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการสร้างชุมชนที่เข้าถึงได้ ตั้งเป้าสร้างงานจากโครงการนี้ 4,000 ตำแหน่ง
มีข้อกังวงเกี่ยวกับโครงการ Sidewalk Labs ว่าจะก่อให้เกิดการละเมิดเสรีภาพ และการใช้เทคโนโลยีในการเฝ้าระวังประชาชนหรือไม่
ภาพจาก Sidewalk Labs
ที่มา - Venture Beat |
# ดิสนีย์ประกาศมีผู้ใช้งาน Disney+ แล้ว 54.5 ล้านราย
เพิ่งจะเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เองที่ Disney+ ประกาศมีผู้ใช้งานเกิน 50 ล้านรายล่าสุดตัวเลขต้นเดือนพฤษภาคม มีผู้ใช้งาน 54.5 ล้านราย อัตราการเติบโตชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ดิสนีย์คาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี 2024 จะมีผู้สมัครใช้งาน Disney+ อยู่ในช่วง 60-90 ล้านราย โดยตอนนี้ยังเปิดใช้งานไม่กี่ประเทศ มีเพียงสหรัฐฯ แคนาดา ยุโรป อินเดีย
ด้านสตรีมมิ่งอื่นๆ ในเครืออย่าง Hulu มีสมาชิกทั้งหมด 32.1 ล้านคนเพิ่มขึ้นจาก 30.4 ล้านคนในไตรมาสก่อนหน้า และ 25.2 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ด้าน ESPN + มีสมาชิก 7.9 ล้านรายเพิ่มขึ้นจาก 6.6 ล้านรายจากปลายไตรมาส 1 และเพิ่มจาก 2.2 ล้านคนในปีที่แล้ว
ช่วงกักตัวอยู่บ้าน ดันยอดผู้ใช้งานสตรีมมิ่งสูงขึ้น Netflix ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 15.77 ล้านราย
ที่มา - CNBC |
# Tinder บุกเข้าวงการ video chat เตรียมทำฟีเจอร์คุยวิดีโอตัวต่อตัวในแอป
Match Group บริษัทแม่ Tinder ออกผลประกอบการประจำไตรมาส และแง้มๆ ด้วยว่าจะทำฟีเจอร์คุยวิดีโอในแอปโดยเป็นการคุยตัวต่อตัว ตั้งเป้าว่าจะเปิดใช้งานในปลายไตรมาสที่สองนี้ ตอบรับกระแสวิดีโอคอลที่กำลังมาแรง
Match Group ระบุว่าการเปิดตัวฟีเจอร์คุยวิดีโอเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน และจะพัฒนาการใช้งานในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งตอนนี้มีฟีเจอร์คุยไลฟ์ในแอป Plenty of Fish หนึ่งในแอปเดทของ Match Group แล้ว ซึ่งพบว่าได้รับการตอบรับมากกว่าที่คาดไว้
อย่างไรก็ตาม การเปิดใช้งานคุยวิดีโอตัวต่อตัว อาจทำให้การคัดกรองพฤติกรรมคุกคามยากขึ้น
นอกจากนี้ Match Group ยังเผยพฤติกรรมผู้ใช้งานในช่วงโควิด-19 ด้วยว่า มีผู้ใช้งานอายุต่ำกว่า 30 ปีเพิ่มขึ้น ใช้งานเฉลี่ยรายวัน 37% ในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 27%
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - The Verge |
# Cloudflare ไตรมาส 2/2562 บริษัทรายได้โต 48% แต่ก็ขาดทุนเพิ่มด้วย
Cloudflare ออกผลประกอบการไตรมาสประจำไตรมาสแรกของปี 2562 แล้ว
Cloudflare ประกาศผลขาดทุนของบริษัทอยู่ที่ 32.7 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก โดยรอบนี้สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ที่ 17.1 ล้านดอลลาร์ แม้ว่ารายได้จะอยู่ที่ 91 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 48% จากปีก่อนหน้านี้
สำหรับจุดที่น่าสนใจในรายงานคือเรื่องค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน โดยในไตรมาสนี้ Cloudflare มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้สูงขึ้นถึง 65% ทำให้ Cloudflare ยังมีผลประกอบการขาดทุน
การประกาศผลประกอบการครั้งนี้ ทำให้หุ้นของ Cloudflare ร่วงลงทันที 12% แต่ก่อนหน้านี้หุ้นของบริษัทก็ขึ้นไปแล้ว 18%
Cloudflare เป็นบริษัทที่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอยู่ทั่วโลก บริการหลักของ Cloudflare จะเน้นให้สนับสนุนบริการเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นในด้านความปลอดภัย, วิดีโอสตรีมมิ่ง และระบบจัดการทราฟฟิกเว็บไซต์ จึงถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่จะได้ประโยชน์เมื่อคนต้องทำงานอยู่บ้านมากขึ้น
ที่มา - Bloomberg
ภาพจากข่าวเก่า |
# Surface Go 2 ตัวเครื่องเท่าเดิม ใช้คีย์บอร์ดเก่าได้, เว็บแคมสร้างมาเพื่อวิดีโอคอลล์
สรุปประเด็นที่น่าสนใจของ Surface Go 2 โน้ตบุ๊ก 2-in-1 ราคาถูกที่สุดของไมโครซอฟท์
ตัวเครื่อง Surface Go 2 มีขนาดเท่ากับ Surface Go รุ่นแรก เพื่อให้ใช้อุปกรณ์เสริมของ Surface Go รุ่นแรก (เคสหรือคีย์บอร์ด Surface Go Type Cover) ได้
ตัวเครื่องเท่าเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือหน้าจอใหญ่ขึ้น จาก 10" เป็น 10.5" แปลว่าขอบจอเล็กลง ความละเอียดจอ 1920 x 1280 ยังรักษาสัดส่วน 3:2 ของ Surface ไว้
ซีพียูมีให้เลือก 2 แบบคือ Pentium 4425Y Amber Lake (Wi-Fi) หรือ Core m3 8th Gen (Wi-Fi/LTE)
ราคาของรุ่น Pentium เริ่มต้น 399 ดอลลาร์ (4GB/64GB) แต่ถ้าจะเอา Core m3 มีเฉพาะรุ่นความจุ 8GB/128GB ราคาจะเพิ่มเป็น 629 ดอลลาร์ทันที ถ้าเอา LTE ด้วยจะเป็น 729 ดอลลาร์ ทั้งหมดนี้เป็นราคาที่ยังไม่รวมคีย์บอร์ด (เริ่มต้นที่ 99 ดอลลาร์)
การอัพเกรดมาใช้ซีพียูใหม่ และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้นอีกนิด จาก 9 ชั่วโมงเป็น 10 ชั่วโมง
รุ่นที่เป็น LTE รองรับ eSIM
การอัพเกรดที่น่าสนใจอีกประการ (ซึ่งรวมถึง Surface Book 3 ที่เปิดตัวพร้อมกัน) คือกล้องหน้าที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อยุควิดีโอคอลล์โดยเฉพาะ เพิ่มความละเอียดเป็น 5MP, aperture เป็น F2.0 และปรับแต่ง image processor มาเพื่อการคอลล์ในสภาพแสงน้อย ฝั่งซอฟต์แวร์ก็ปรับแต่งเรื่องสีผิวให้เหมาะสมด้วย
เรื่องระบบเสียงของ Surface Go 2 ยังมาพร้อมไมโครโฟนคู่ ที่เริ่มใช้กับ Surface Pro 7 เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ Surface Go 2 กลายเป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจในการทำวิดีโอคอลล์ เพราะมีฟีเจอร์ครบทั้งเรื่องภาพและเสียง ในราคาที่เริ่มต้น 399 ดอลลาร์
ที่มา - The Verge, MSPoweruser, Gizmodo |
# คลิปหลุดของ The Last of Us Part II อาจจะรั่วเพราะบริษัททำกุญแจ AWS S3 หลุด
คลิปหลุดของ The Last of Us Part II สปอยล์เนื้อเรื่องของเกมจนบริษัทต้องออกมาแถลงขอให้ทุกคนอย่าสปอยล์คนอื่น โดยทาง Naughty Dog ยืนยันว่าคนปล่อยคลิปเป็นคนนอก
ล่าสุดนักทดสอบเกมที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า PixelButts ระบุถึงรูรั่วที่เป็นไปได้ โดยอาจจะเป็นเพราะ Naughty Dog ทำกุญแจ AWS S3 รั่วออกไปเอง โดยระบุว่ากุญแจหลุดออกไปกับแพตช์ล่าสุดของเกมอื่นๆ เช่น Uncharted 3 ทำให้แฮกเกอร์ที่แกะแพตช์ดูจะสามารถเข้าไปดูดข้อมูลใน bucket ได้
ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันว่าคลิปนี้จะหลุดมาจากพนักงานที่เกี่ยวข้อง เพราะการทำงานของ Naughty Dog ในช่วงท้ายก่อนปล่อยเกมนั้นหนักหน่วงอย่างยิ่ง โดยผู้ที่ปล่อยคลิปนี้ไม่น่าใช่พนักงานที่เกี่ยวกับเกมเอง
PixelButts ยืนยันว่า Naughty Dog ยกเลิกกุญแจสำหรับ bucket นี้ไปแล้วถ้าใครไปขุดดูว่าแพตช์เคยทำกุญแจหลุดจริงหรือไม่ก็จะได้กุญแจที่ใช้งานไม่ได้ไป
ที่มา - BleepingComputer |
# Lenovo ออก ThinkPad E14/E15 ชุดใหม่ใช้ AMD Ryzen 4700
Lenovo เปิดตัว ThinkPad ชุดใหม่ใช้ชิป AMD Ryzen 4700 เพิ่มเติมจากเดิมที่เปิดตัวเฉพาะรุ่นที่ใช้ AMD Ryzen PRO 4000 ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ThinkPad E14 และ ThinkPad E15 เป็นรุ่นประหยัดที่สุด ใช้ชิป AMD Ryzen 4700 ที่ไม่มี SMT แต่อัพเกรดหน้าจอให้ขอบบางลง พื้นที่จอภาพ 85% และใส่ตัวอ่านลายนิ้วมือในตัวเป็นครั้งแรกของตระกูล E พร้อมกับกล้อง Mirametrix ที่สามารถล็อกเครื่องอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ลุกออกจากหน้าเครื่อง ราคาเริ่มต้น 639 ดอลลาร์
รุ่น L, T, และ X ใช้ซีพียูตระกูล AMD Ryzen PRO 4000 โดยมี ThinkPad X13 ที่เปลี่ยนชื่อรุ่นไปจากตระกูล X300 เดิม ตามแนวทางรุ่นอื่นๆ ที่เหลือเลขสองตัวแล้ว ทั้งสามตระกูลนี้ยังไม่ระบุราคาแน่ชัด บอกเพียง "ราคาที่คาดไว้" (expected starting price) เท่านั้น การประกาศครั้งนี้ Lenovo มาย้ำกว่ามาตามกำหนดเดิม
ทุกรุ่นเริ่มวางขายเดือนมิถุนายนนี้
ที่มา - Lenovo
ภาพ ThinkPad E15 |
# รอบนี้จะ end-to-end จริง, Zoom เข้าซื้อบริษัท Keybase ผู้ให้บริการคลาวด์แบบเข้ารหัส
บริการประชุมวิดีโอ Zoom ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วง COVID-19 แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าโฆษณาเกินจริง โดย Zoom เคยอ้างว่าข้อมูลเข้ารหัสแบบ end-to-end แต่ที่จริงกลับเป็นเพียงการเข้ารหัสจากไคลเอนต์ไปยังเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น วันนี้ทาง Zoom ประกาศเข้าซื้อบริษัท Keybase ผู้ให้บริการคลาวด์แบบเข้ารหัส end-to-end
Keybase เริ่มมาจากบริษัทบริการยืนยันความเป็นเจ้าของกุญแจ ทำให้เราสามารถส่งข้อความเข้ารหัสไปยังเจ้าของบัญชีต่างๆ เช่น ทวิตเตอร์, อีเมล, หรือเว็บบอร์ดอย่าง Reddit โดยแน่ใจได้ว่าจะมีเฉพาะเจ้าของบัญชีนั้นคนเดียวที่อ่านได้ หลังจากนั้นบริษัทขยายบริการมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ไฟล์ หรือบริการแชต โดยบริการทั้งหมดยังคงแนวทางเข้ารหัสจากปลายทางถึงปลายทาง
ทาง Zoom ยืนยันว่าเข้าซื้อ Keybase เพราะต้องการนำเทคโนโลยีมาให้บริการประชุมแบบเข้ารหัส end-to-end อย่างแท้จริง อย่างไรก็ดีบริการนี้จะจำกัดเฉพาะลูกค้าที่จ่ายค่าสมาชิกเท่านั้น และเมื่อเปิดใช้ฟีเจอร์นี้จะไม่สามารถโทรศัพท์เข้าร่วมประชุมได้, ไม่สามารถบันทึกการประชุม, และไม่สามารถใช้อุปกรณ์ห้องประชุมยี่ห้ออื่น โดย Zoom จะเปิดเอกสารกระบวนการเข้ารหัสในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ให้สาธารณะได้เห็นกระบวนการทำงาน
นอกจากประเด็นการเข้ารหัสแบบ end-to-end แล้ว อีกปัญหาของ Zoom หรือการเข้ารหัสภาพแบบ AES-256 ในโหมด ECB ที่ทำให้แฮกเกอร์มองเห็น "รูปแบบข้อมูล" เนื่องจากโหมด ECB หากข้อมูลเหมือนเดิมจะเข้ารหัสได้ค่าเดิมเสมอ โดยใน Zoom 5.0 ที่ออกมาแล้ว จะเปลี่ยนเป็น AES-256-GCM แทน
ที่มา - Zoom |
# ไมโครซอฟท์โชว์เกม Xbox Series X ชุดแรกจากสตูดิโออื่น 13 เกม
ไมโครซอฟท์ปล่อยคลิป Xbox 20/20 โชว์เกมเพลย์ของเกมบน Xbox Series X เป็นครั้งแรก มีเกมทั้งหมด 13 เกม โดยทั้งหมดเป็นเกมของบริษัทอื่นที่ไม่ใช่ไมโครซอฟท์
เกมที่เคยเปิดตัวมาก่อนแล้วมี 2 เกมคือ Assassin's Creed: Valhalla ที่รอบนี้มาโชว์เกมเพลย์ และ Yakuza: Like a Dragon ที่ก่อนหน้านี้ขายเฉพาะบน PS4 (รอบนี้มาทั้ง Xbox One และ Xbox Series X) ส่วนที่เหลืออีก 11 เกมเป็นเกมใหม่ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรก
ฟีเจอร์ที่ไมโครซอฟท์เน้นเป็นพิเศษคือ Smart Delivery ที่ซื้อเกมครั้งเดียว เล่นได้ทั้งบน Xbox One และ Xbox Series X ซึ่งก่อนหน้านี้มี Cyberpunk 2077 ประกาศรองรับฟีเจอร์นี้ไปก่อนแล้ว (รวมถึงเกมของไมโครซอฟท์ทั้งหมดด้วย)
นอกจาก 13 เกมชุดแรกแล้ว ไมโครซอฟท์ยังระบุว่ามีเกมจากสตูดิโอต่างๆ จำนวนมาก (ตามโลโก้) ที่กำลังทำลง Xbox Series X อีกเป็นหลักร้อยเกม ที่เตรียมวางขายในช่วงปีนี้ไปจนถึงปีหน้า
Bright Memory: Infinite (BM:I)
เกมยิงแนวไซไฟเน้นจังหวะรวดเร็ว ใช้ฉากโลกอนาคตปี 2036 โดยสตูดิโอ FYQD-Studio และจัดจำหน่ายโดย Playism
Call of the Sea
เกมผจญภัยพัซเซิลในท้องทะเลแปซิฟิกใต้ ย้อนยุคในช่วงปี 1930s ใช้สไตล์ภาพการ์ตูนสีสันสดใส ผลงานแรกของ Out of the Blue Games สตูดิโอเกมจากสเปน ออกปลายปี 2020
Chorus
เกมยานยิงอวกาศโดยสตูดิโอ Deep Silver ออกปี 2021
Dirt 5
ภาคต่อของเกมรถแข่งสายลุยจากสตูดิโอ Codemasters วางขายปี 2020
Madden NFL 21
เกมอเมริกันฟุตบอลภาคใหม่ประจำปีจาก EA
Scarlet Nexus
เกมใหม่ของ Bandai Namco เป็นเกมแอคชั่นสไตล์ญี่ปุ่นโลกอนาคต ตัวเอกเป็นหน่วยทหารที่มีพลังจิตและต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์
Scorn
เกมผจญภัยแนวสยองขวัญจากสตูดิโอ Ebb จากเซอร์เบีย กับกราฟิกที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กนัก
Second Extinction
เกมยิงแบบเล่นเป็นทีม 3 คน ร่วมกันสู้ สาดกระสุนใส่ไดโนเสาร์จำนวนมากในฉากเดียว
The Ascent
เกมแอคชั่น RPG มุมมองด้านบน ในโลกอนาคตสไตล์ไซเบอร์พังค์ (คล้ายหนังซีรีส์ Blade Runner) โดยสตูดิโออินดี้ Neon Giant
The Medium
เกมสยองขวัญจากสตูดิโอ Bloober Team เจ้าของผลงานเกมสยองขวัญหลายเกม เช่น Blair Witch, Observer, Layers of Fear
Vampire: The Masquerade – Bloodlines 2
ภาคต่อของเกมตระกูล Vampire: The Masquerade โดยใช้ฉากเป็นเมืองซีแอทเทิล |
# AMD ยืนยัน ซีพียู Ryzen รุ่นหน้าแกน Zen 3 ยังใช้ซ็อคเก็ต AM4 เหมือนเดิม
จุดเด่นอีกประการของซีพียูฝั่ง AMD คือการใช้ซ็อคเก็ต AM4 มาต่อเนื่องยาวนาน (อยู่มาตั้งแต่สถาปัตยกรรม Excavator ที่ออกในปี 2015) ล่าสุด AMD ออกมาการันตีว่า Ryzen รุ่นหน้าที่จะใช้สถาปัตยกรรม Zen 3 (น่าจะนับเป็น Ryzen ซีรีส์ 4000 บนเดสก์ท็อป) ก็จะยังใช้ AM4 ต่อไป
แต่ถึงแม้ตัวซ็อคเก็ตยังเป็น AM4 เหมือนเดิม แต่ Ryzen แกน Zen 3 จะต้องใช้กับชิปเซ็ตรุ่นใหม่คือ X570 และ B550 เท่านั้น (เท่ากับว่ามีบอร์ดเก่ากว่านั้นก็ต้องเปลี่ยนบอร์ดอยู่ดี ส่วนคนที่มีบอร์ด X570/B550 อยู่แล้วต้องอัพเดต BIOS)
AMD ระบุว่าไม่มีแผนรองรับ Ryzen แกน Zen 3 กับชิปเซ็ตที่เก่ากว่าซีรีส์ 500 ลงไป ด้วยเหตุผลว่าชิปหน่วยความจำแฟลชที่เก็บข้อมูล BIOS มีพื้นที่จำกัด และไม่สามารถหาพื้นที่มาใช้เก็บค่าคอนฟิกเหล่านี้ได้
ส่วนคำถามว่า AM4 จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน คำตอบของ AMD คือขึ้นกับพัฒนาการของเทคโนโลยีด้าน I/O ว่าจำเป็นต้องมีจำนวนขาของซีพียูเพิ่ม หรือต้องเปลี่ยนการวางตำแหน่งของแพ็กเกจซีพียูหรือไม่ ซึ่ง AMD ก็ยังไม่มีคำตอบที่ตายตัว
ที่มา - AMD |
# Assassin's Creed: Valhalla โชว์คลิปเกมเพลย์ เน้นฉากต่อสู้ตีชิงเมือง
Ubisoft เปิดตัวคลิปเกมเพลย์ของเกม Assassin's Creed: Valhalla ภาคใหม่ ในงานแถลงข่าว Xbox 20/20 ครั้งแรกของ Xbox Series X
ในคลิปเกมเพลย์แสดงให้เห็นโลกของ Assassin's Creed: Valhalla ละเอียดขึ้นกว่าคลิปเทรลเลอร์เนื้อเรื่องตัวแรก ฉากต่อสู้เน้นไปที่สงครามตีเมืองที่ทั้งสองฝ่ายมีทหารเป็นจำนวนมาก และตัวเอก Eivor (ที่เลือกเพศได้ทั้งชายและหญิง) มีอาวุธหลักเป็นขวานคู่ตามภาพโปรโมทก่อนหน้านี้ ส่วนการล่องเรือไวกิ้ง (longship) ที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างของภาคนี้ ยังไม่โชว์การเล่นมากนัก
ในโอกาสที่ภาค Valhalla เลือกเปิดตัวบน Xbox Series X (เกมลง 6 แพลตฟอร์ม) ทำให้ Ubisoft นำเกมภาคเก่าๆ มาลดราคาบน Xbox One ด้วย |
# AMD เปิดตัว Ryzen Pro ซีรีส์ 4000 ซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊กสายธุรกิจ
AMD เปิดตัวซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊กสายธุรกิจ AMD Ryzen PRO 4000 Series ตามหลังซีพียู Ryzen 4000 สำหรับโน้ตบุ๊กคอนซูเมอร์ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2020
ซีพียูทั้งหมดที่เปิดตัวมี 3 รุ่นย่อย (Ryzen 3, 5, 7) เป็นรุ่น TDP 15 วัตต์ทั้งหมด ใช้แกน Zen 2 และการผลิตระดับ 7 นาโนเมตร เหมือนกับรุ่นคอนซูเมอร์ และมีจีพียู Radeon Graphic ในตัว สิ่งที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่นคอนซูเมอร์คือฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย (เช่น AMD Memory Guard ป้องกันการเข้าถึงหน่วยความจำ), ฟีเจอร์ด้านการจัดการจากระยะไกล และการันตีว่าจะมีสินค้าขายต่อเนื่อง 24 เดือน
Ryzen 7 Pro 4750U 8 คอร์ 16 เธร็ด, คล็อค 1.7/4.1GHz, จีพียู 7 คอร์, แคช 12MB (L2+L3)
Ryzen 5 Pro 4650U 6 คอร์ 12 เธร็ด, คล็อค 2.1/4.0GHz, จีพียู 6 คอร์, แคช 11MB (L2+L3)
Ryzen 3 Pro 4450U 4 คอร์ 8 เธร็ด, คล็อค 2.5/3.7GHz, จีพียู 5 คอร์, แคช 6MB (L2+L3)
การเปิดตัว Ryzen Pro ซีรีส์ 4000 มาพร้อมกับโน้ตบุ๊กสายธุรกิจหลายรุ่นที่ประกาศใช้งาน เช่น HP ProBook 445/455 G7 และ Lenovo ThinkPad หลายรุ่น
ที่มา - AMD |
# Xiaomi ญี่ปุ่นขอโทษ หลังออกโฆษณา Redmi Note 9 Pro มีระเบิดนิวเคลียร์และ "Fat Man"
เหตุการณ์ออกโฆษณาแล้วทำให้คนชาติใดชาติหนึ่งไม่พอใจยังคงมีเรื่อยๆ ล่าสุดเป็น Xiaomi ประเทศญี่ปุ่นที่พลาดกับเรื่องแบบนี้จนต้องออกแถลงการณ์ขอโทษ
โฆษณาที่เป็นประเด็นคือโฆษณาสมาร์ทโฟน Redmi Note 9 Pro ความยาวสองนาทีนิดๆ โชว์ฟีเจอร์ต่างๆ ของสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว เช่น DotDisplay, Slo-Selfie และมาถึงจุดที่โชว์เรื่องชาร์จเร็วเป็นผู้ชายกินข้าวปั้น จากนั้นตัวก็พองเป็นบอลลูนลอยขึ้นฟ้าและกลายเป็นระเบิดนิวเคลียร์
ฉากดังกล่าวที่ผู้ชายพองเป็นบอลลูนถูกตีความว่าคือ "Fat Man" ชื่อของระเบิดนิวเคลียร์ที่สหรัฐอเมริกาทิ้งลงเมืองนางาซากิ หลังจากทิ้งระเบิดลูกแรก "Little Boy" ที่เมืองฮิโรชิมาเมื่อเดือนสิงหาคมปี 1945 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และในโฆษณาก็มีรูปการ์ตูนระเบิดนิวเคลียร์ตามมา พร้อมคำว่า "Fast Charge"
หลังจากโฆษณาออกสู่โลกออนไลน์ไม่นาน Xiaomi ประเทศญี่ปุ่นก็ลบทิ้งพร้อมออกแถลงการณ์ขอโทษ โดยระบุว่า Xiaomi เคารพผู้ใช้และวัฒนธรรมทั่วโลก และจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
ชมโฆษณาดังกล่าวได้ท้ายข่าว ฉากที่เป็นประเด็นอยู่นาทีที่ 0:37
ที่มา - Android Authority |
# Lime สตาร์ทอัพแชร์สกูตเตอร์ รับเงินเพิ่มทุน 170 ล้านดอลลาร์ นำโดย Uber
Lime ผู้ให้บริการแชร์จักรยานไฟฟ้าและสกูตเตอร์ ที่ทำตลาดในอเมริกาและหลายประเทศในยุโรป ประกาศรับเงินเพิ่มทุนรอบใหม่ 170 ล้านดอลลาร์ จากกลุ่มนักลงทุนนำโดย Uber และมีผู้ร่วมลงทุนอื่นอาทิ Alphabet, Bain Capital Ventures, GV และนักลงทุนอีกหลายราย
ผลจากดีลนี้ Uber จะโอนธุรกิจแชร์จักรยาน JUMP ไปเป็นส่วนหนึ่งของ Lime และเพิ่มบริการของ Lime เข้ามาในแอป Uber ด้วย นอกจากนี้ Lime จะเปลี่ยนซีอีโอมาเป็น Wayne Ting ที่เคยดูแลฝ่ายโอเปอเรชั่น ส่วนอดีตซีอีโอ Brad Bao จะขึ้นเป็นประธานบริหาร
ดีลนี้ประกาศออกมา เพียงวันเดียวหลังจากที่ Uber ประกาศปลดพนักงาน 14% จากผลกระทบของ COVID-19
ที่มา: CNBC |
# CAT และ TOT ออกโปรเน็ตบ้านใหม่ ฟรี 3 เดือน ลดภาระค่าใช้จ่ายช่วง COVID-19
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส แถลงข่าวในงานดีอีเอสช่วยประชาชนสู้ภัย COVID-19 โดยกระทรวงดีอีเอส ได้ร่วมกับ CAT และ TOT ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤต COVID-19 ด้วยการสนับสนุนบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ประจำที่ (Fixed Broadband) ในชื่อแพ็กเกจพิเศษ "เน็ตอยู่บ้าน" ด้วยความเร็ว 100/50 Mbps ให้แก่ประชาชนฟรีเป็นระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่เปิดใช้บริการ หลังจากนั้นจ่ายราคาเต็ม 390 บาท/เดือน
สำหรับรายละเอียดเงื่อนไขอื่น ๆ เบื้องต้น
สมัครได้ภายในวันที่ 10 พ.ค.- 31 ก.ค. 2563 เท่านั้น
ยกเว้นค่าแรกเข้า ค่าติดตั้ง 2,000 บาท ค่าลงทะเบียน 1,500 บาท
เงื่อนไขสัญญา 12 เดือน
จัดเตรียมรองรับประชาชนจำนวน 100,000 ราย
จุดติดตั้งจะต้องอยู่ในขอบเขตพื้นที่ให้บริการสำหรับคู่สายใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) โดยวัดระยะจากจุดกระจาย/แยกสัญญาณ (Closure/Splitter) ในระยะทาง ไม่เกิน 300 เมตร หากระยะทางเดินสายเกินกว่าที่กำหนด สำหรับคู่สายใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) ผู้ใช้บริการจะต้องชำระค่าติดตั้งคู่สายส่วนเกินเพิ่มเมตรละ 20 บาท
ที่มา - TOT, CAT |
# AIS ไตรมาส 1/63 รายได้ลด 1%, กำไรลด 7.5% เพราะนักท่องเที่ยวหาย แต่ไฟเบอร์ยังโต
เอไอเอสรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2563 รายได้รวมลดลง 1.0% จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว เป็น 42,845 ล้านบาท ปัจจัยหลักจากการแข่งขันด้านราคาในตลาด และผลกระทบของซิมนักท่องเที่ยวจาก COVID-19 ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,004 ล้านบาท ลดลง 7.5% จากค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้น ประกอบกับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้
ผลกระทบของ COVID-19 นั้น นอกจากรายได้ของลูกค้านักท่องเที่ยว เอไอเอสระบุว่ายังกระทบยอดขาย จากการปิดศูนย์การค้า แม้กระแสของการทำงานจากบ้าน (Work from Home) จะทำให้ความต้องการดาต้ามากขึ้น แต่เนื่องจากมีการออกส่วนลดแพ็คเก็จ จึงไม่เห็นผลเชิงบวกกับรายได้
เอไอเอสมีจำนวนผู้ใช้บริการ 41.2 ล้านเลขหมาย ลดลง 857,700 เลขหมายจากไตรมาส 4/2562 ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าระบบเติมเงิน ซึ่งเป็นผลจากลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่ลดลง ขณะที่ลูกค้าอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์เพิ่มขึ้น 52,800 ราย รวมเป็น 1,090,400 ราย
แผนการลงทุนในปี 2563 ของเอไอเอสจะเน้นไปที่เมืองหลักซึ่งมีความต้องการ 4G สูง ขณะเดียวกันจะขยายพื้นที่บริการ 5G ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด เน้นในตัวเมือง ให้ได้ 13% ของประชากรภายในสิ้นปีนี้
ที่มา: เอไอเอส |
# The Sims 4 ออกแพคเสริมใหม่ Eco Lifestyle เน้นอยู่อย่างพอเพียง รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม
EA เปิดตัวแพคเสริมใหม่ (Expansion Pack) สำหรับเกมจำลองการใช้ชีวิต The Sims 4 ในชื่อ Eco Lifestyle ซึ่งแพคเสริมนี้จะเป็นแพคที่ 9 เตรียมวางจำหน่ายวันที่ 4 มิถุนายน นี้ (UTC+7) ในราคา 1,499 บาท
เนื้อหาในแพคนี้จะเน้นเรื่องการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างไรให้สมดุลและยั่งยืน การเลือกใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเช่นโซลาร์เซลล์หรือกังหันลม สามารถปลูกพืชปลูกผักไว้กินเอง เลือกใส่เสื้อผ้าที่วัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถ Recycle, Reuse, Reduce ของเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้ รวมถึงการให้ชาวซิมส์สามารถทำงานกับคอมมิวนิตี้เพื่อจัดการกับทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับราคาของตัวเกมหลัก The Sims 4 ในขณะนี้ ลดเหลือ 249.75 บาท ส่วนแพคเสริมที่ออกมาก่อนหน้านี้ อย่าง Discover University และ Island Living ก็ลดเหลือ 650 บาท
ที่มา - Origin |
# ชิป Intel 10th Gen บน MacBook Pro 13 ใหม่ เป็นรุ่นพิเศษที่(ยัง)ไม่มีขายทั่วไป
ดูเหมือนว่าชิป Intel 10th Gen สถาปัตยกรรม Ice Lake 10nm ใน Macbook Pro 13 นิ้วรุ่นใหม่ จะเป็นชิปที่ไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน และเป็นรุ่นที่ถูกผลิตมาเพื่อให้ Apple ใช้เป็นเจ้าเดียว (อย่างน้อยก็ตอนนี้)
ก่อนหน้านี้รุ่นสูงสุดของซีพียู Intel 10th Gen ที่เป็นสถาปัตยกรรม Ice Lake ที่มีในโน้ตบุ๊กตามท้องตลาด และมีข้อมูลบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Intel คือรุ่น Core i7-1065G7 (TDP 15 W ปรับได้ถึง 25 W) มีคล็อกสปีดที่ 1.3 GHZ และบูสต์ได้ถึง 2.9 GHz เท่านั้น ส่วนรุ่น Core i5 สูงสุด รหัส 1035G7 (TDP 15 W ปรับได้ถึง 25 W เช่นกัน) มีความเร็วคล็อกที่ 1.2 GHz และบูสต์ได้ถึง 3.7 GHz
ในขณะที่ชิปรุ่นใหม่ใน Macbook Pro 13 นิ้ว Core i5-1038G7 (28 W) มีคล็อกสปีดถึง 2.0 GHz และบูสต์ได้ถึง 3.8 GHz และ Core i7-1068G7 (28 W) ก็มีคล็อกสปีดที่ 2.3 GHz และบูสต์ได้ถึง 4.1 GHz ถือได้ว่าเป็นชิป Ice Lake ของโน้ตบุ๊กที่เร็วที่สุดในตอนนี้
คงต้องมาติดตามกันต่อไปว่าหาก Intel สามารถผลิตชิปสถาปัตยกรรม 10nm ที่มีความเร็วสูงกว่า 1.3 GHz และมี TDP ถึง 28 W ได้มากขึ้นแล้ว จะมีผู้ผลิตโน้ตบุ๊กรายอื่นได้ใช้ชิปใหม่นี้เหมือนกับ Apple ในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่
ที่มา - NotebookCheck |
# Activision Blizzard ทำรายได้ Q1/20 ถึง 1.79 พันล้านเหรียญ เพราะคนอยู่บ้านเล่นเกมมากขึ้น
Activision Blizzard บริษัทเกมรายใหญ่ แถลงผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ มีรายรับสุทธิอยู่ที่ 1.79 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดจาก 1.82 พันล้านในไตรมาสแรกของปีที่แล้วเล็กน้อย แต่ยังสูงกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ ที่ 1.64 พันล้าน กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.65 เหรียญ ในแบบคำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป (GAAP) และมูลค่าหุ้นหลังปิดตลาด (after-hours trading) เติบโตขึ้นถึง 4.6% อยู่ที่ 71.72 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น
รายได้ส่วนใหญ่มาจากฝั่ง Activision ซึ่งมีเกม Call of Duty: Warzone ที่เปิดไปเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ช่วงสหรัฐเริ่มมีมาตรการกักตัวพอดีและมียอดดาวน์โหลดถึง 50 ล้านครั้งในเดือนแรก เกม Call of Duty: Modern Warfare ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านั้น และเกมมือถือ Call of Duty: Mobile รวมแล้วทำรายได้กว่า 519 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรก
ส่วนจากฝั่ง Blizzard ที่มีเกม World of Warcraft, Overwatch อยู่ในมือ ทำรายได้ไป 425 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 197 ล้านเหรียญสหรัฐ แหล่งรายได้หลักมาจากเกม World of Warcraft
ฝั่ง King ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Activision Blizzard และเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเกม Candy Crush Saga ทำรายได้ไป 498 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 156 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีผู้เล่นต่อเดือน (monthly active users) กว่า 273 ล้านคน
Activision Blizzard คาดการณ์รายรับสุทธิในไตรมาสหน้าอยู่ที่ 1.69 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขคาดการณ์รายรับสุทธิของปีนี้อยู่ที่ 6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ก็อาจทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายกับสิ่งที่ไม่จำเป็นเช่นเกมลง และอาจทำให้รายรับในไตรมาสถัดๆ ไปของ Activision Blizzard ลดลงได้อีก คงต้องติดตามกันต่อไป ว่าจำนวนผู้เล่นที่มากขึ้น จะสามารถทดแทนจุดนี้ได้หรือไม่
ที่มา - VentureBeat, Activision |
# AIS แจก YouTube Premium ให้ลูกค้าแบบรายเดือนทุกคน นาน 3-6 เดือน
AIS ประกาศแจกสิทธิ YouTube Premium ให้ลูกค้ารายเดือนทุกคน
ลูกค้าที่จ่ายรายเดือน 699 บาทขึ้นไป ได้สิทธิ YouTube Premium นาน 6 เดือน
ลูกค้าที่จ่ายรายเดือนต่ำกว่า 699 บาท ได้สิทธิ YouTube Premium นาน 3 เดือน
AIS บอกว่ามีลูกค้าที่เข้าข่ายรับสิทธิประมาณ 7 ล้านคน วิธีการรับสิทธิให้กด *656*1# โทรออก แล้วรอรับ SMS
นอกจากนี้ ลูกค้าที่เปิดเบอร์ใหม่, ย้ายค่ายเบอร์เดิม และเปลี่ยนจากเติมเงินมาเป็นรายเดือน ก็มีสิทธิได้ YouTube Premium เช่นกัน โดยขึ้นกับแพ็กเกจที่สมัครในราคาระดับเดียวกัน (ถ้า 699 บาทขึ้นไปได้ 6 เดือน, น้อยกว่านั้นได้ 3 เดือน)
ที่มา - AIS |
# Nintendo รายงานตัวเลข Animal Crossing: New Horizons ใน 6 สัปดาห์แรก ขายได้ 13.41 ล้านชุด
นินเทนโดรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคม 2020 ยอดขายรวม 2.86 แสนล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 6.2 หมื่นล้านเยน
ยอดขายของ Nintendo Switch ไตรมาสที่ผ่านมาขายไปได้อีก 3.29 ล้านเครื่อง (Switch 2.27 ล้านเครื่อง, Switch Lite 1.0 ล้านเครื่อง) ทำให้ยอดขายฮาร์ดแวร์ตระกูล Switch รวมนับตั้งแต่วางจำหน่ายเป็น 55.77 ล้านเครื่องแล้ว
Animal Crossing: New Horizons เกมที่มาแรงบน Switch ซึ่งเริ่มขายช่วงปลายเดือนมีนาคม ทำให้บันทึกยอดขายเพียง 11 วันสุดท้ายของไตรมาส แต่ตัวเลขก็สูงถึง 11.7 ล้านชุด โดยนินเทนโดบอกว่าเป็นสถิติยอดขายช่วงเปิดตัวสูงที่สุดของทุกเกมบน Switch และยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหากดูยอดขายใน 6 สัปดาห์แรก อยู่ที่ 13.41 ล้านชุด
นินเทนโดประเมินว่ายอดขายใน 12 เดือนข้างหน้าของปีการเงิน 2021 จะขาย Switch รวมได้อีก 19 ล้านเครื่อง
ที่มา: นินเทนโด |
# VS Code เพิ่มฟีเจอร์เชื่อมต่อ GitHub Issues สร้างข้อมูลบั๊กใหม่จากในซอร์สโค้ดได้เลย
เมื่อคืนนี้ GitHub มีของใหม่ชุดใหญ่ ฝั่งของบ้านใกล้เรือนเคียง Visual Studio Code ก็มีของใหม่สำหรับ GitHub เช่นกัน
VS Code มีส่วนขยาย GitHub Pull Requests มาตั้งแต่ต้นปี 2019 หลังไมโครซอฟท์ซื้อกิจการไม่นาน เวลาผ่านมาอีกปีกว่า ส่วนขยายตัวนี้เปลี่ยนชื่อมาเป็น GitHub Pull Requests and Issues เพิ่มฟีเจอร์ตามชื่อคือ เชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลบั๊ก GitHub Issues ด้วย
ทีมงาน VS Code บอกว่าฐานข้อมูลบั๊ก (issues) และการแก้ซอร์สโค้ด (pull requests) เป็นเรื่องเดียวกัน จึงนำมาใส่ในส่วนขยายตัวเดียวกัน (และเลือกจะไม่ใส่ในตัวโปรแกรมหลักของ VS Code เพราะเปิดให้ผู้ใช้เลือก source control ได้เอง)
ตัวอย่างการเชื่อม GitHub Issues เข้ากับ VS Code มีตั้งแต่การแปะหมายเลขบั๊ก (เช่น #1234), URL สั้น (Microsoft/vscode#1234) หรือ URL เต็มของบั๊กลงในคอมเมนต์ของโค้ด เมื่อนำเคอร์เซอร์เมาส์ไปชี้ก็จะเห็นข้อมูลเบื้องต้นของบั๊กนั้นทันที
การใส่ @mention ตามด้วยชื่อผู้ใช้ GitHub ก็ได้ผล ใช้พรีวิวข้อมูลได้เช่นกัน
ทั้งการใส่ #เลขบั๊ก หรือ @mention มีระบบ autocomplete โดยดึงข้อมูลจากบนเว็บ GibHub ให้อัตโนมัติ แถมไม่ได้ autocomplete เฉพาะในโค้ดเท่านั้น เพราะใช้กับกล่องข้อความตอนสั่ง commit ได้ด้วย
ฟีเจอร์เด่นที่สุดของส่วนขยายนี้คือ เราสามารถสร้าง issue ใหม่ได้จากคอมเมนต์ในโค้ดเลย (โดยไม่ต้องออกจากหน้า VS Code) โดยใส่คอมเมนต์เป็นคำว่า // TODO แล้วตามด้วยข้อความที่จะเป็นชื่อ issue และสามารถแท็กชื่อบัญชีใน GitHub ของเพื่อนร่วมงาน เพื่อใส่ชื่อใน issue นั้นๆ ได้เลย
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ เราสามารถดูรายการบั๊กจากใน VS Code แล้วเลือกเมนู Start working on issue จากนั้น VS Code จะสร้าง branch ใหม่ให้อัตโนมัติ ให้เราแก้โค้ดแล้ว commit และขอ pull request กลับคืนไปยัง master อีกครั้ง
ที่มา - VS Code Blog |
# Google Authenticator เพิ่มฟีเจอร์ Backup & Restore เวลาย้ายเครื่องแล้ว
หนึ่งในแอพกลุ่ม authenticator ที่ได้รับความนิยมสูงคือ Google Authenticator แต่มันกลับไม่ถูกอัพเดตมานาน (มาก) จนโดนแอพตัวใหม่ๆ หลายตัวแซงหน้าไปแล้วในแง่ฟีเจอร์
ล่าสุด กูเกิลปล่อยอัพเดตใหญ่ของ Google Authenticator (เวอร์ชัน 5.10) ปรับหน้าตาให้รองรับสัดส่วนหน้าจอของโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ, รองรับ Dark Theme และเพิ่มฟีเจอร์สำคัญคือ Backup & Restore ย้ายข้อมูลไปยังโทรศัพท์เครื่องอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องมานั่งไล่ authenticate ใหม่ทุกบัญชี เมื่อเปลี่ยนมือถือ
อัพเดตตัวใหม่นี้อาจต้องรอสักระยะถึงจะปล่อยให้ใช้งานครบถ้วน อย่าง ข้อมูลในหน้าเว็บ Play Store ตอนนี้ก็ยังเป็นเวอร์ชัน 5.0 อยู่
ที่มา - Android Police |
# เฟซบุ๊กจัดตั้ง Oversight Board 20 คนแรกดูแลนโยบายคอนเทนท์ มีสิทธิเหนือซีอีโอ
เฟซบุ๊กประกาศจัดตั้ง Oversight Board พร้อมเปิดเผยรายชื่อสมาชิกบอร์ด 20 คนแรกอย่างเป็นทางการหลังประกาศมาตั้งแต่ปี 2019 เพื่อคานอำนาจกับเฟซบุ๊กโดยตรง โดยเฉพาะในประเด็นเชิงนโยบายที่เกี่ยวกับคอนเทนท์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ประเด็นเรื่องพรมแดนระหว่างเสรีภาพในการแสดงออก (Freedom of Expression / Free Speech) และ Hate Speech เป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันมาตลอดทั้งในระดับรัฐและสังคม แต่พอประเด็นนี้ขึ้นมาอยู่ในพรมแดนที่อาจเรียกได้ว่า "ไร้รัฐ" อย่างบนโซเชียลมีเดีย สิทธิขาดในการขีดเส้นแบ่งดังกล่าวเลยตกไปอยู่ในมืออยู่บริษัทเอกชนอย่างเฟซบุ๊ก ซึ่งก็นำไปสู่ข้อถกเถียงถึงสิทธิที่เฟซบุ๊กพึงมีในการขีดเส้นระหว่าง Free Speech และ Hate Speech (ไม่รวมพวกทฤษฎีสมคบคิด / โฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง ฯลฯ) และการกำหนดว่าเนื้อหาใดเข้าข่าย Hate Speech เนื้อหาใดไม่ใช่
การก่อตั้ง Oversight Board ของเฟซบุ๊กมีขึ้นเพื่อพยายามแก้ปัญหาข้างต้น โดยบอร์ดจะมีสิทธิขาดในการกำหนดนโยบายด้านคอนเทนท์ว่าคอนเทนท์แบบใด ควรอยู่หรือไม่ควรอยู่บนแพลตฟอร์ม ภายใต้กรอบของ Free Speech และปทัสถานระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน โดยไม่ได้สนใจผลกระทบและชื่อเสียงของเฟซบุ๊ก และเฟซบุ๊กต้องปฏิบัติตามด้วย
Oversight Board มีกฎ (charter / bylaw) ที่เป็นเหมือนธรรมนูญของบอร์ด ขณะที่สมาชิกของบอร์ดจะมีทั้งหมด 40 คน (เพิ่งได้ 20) กระบวนการคัดสรรสมาชิกจะเน้นไปที่ความหลากหลาย โดยเฟซบุ๊กมีส่วนช่วยในกระบวนการคัดสรร 40 คนแรก (หลังจากนั้นบอร์ดจะคัดเลือกกันเองตามกระบวนการ) สมาชิกบอร์ดทั้งหมดจะไม่มีส่วนได้เสียหรือความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเฟซบุ๊ก (เฟซบุ๊กทำงานร่วมกับ Jenner & Block บริษัทกฎหมายเพื่อตรวจสอบด้วย) และเฟซบุ๊กจะไม่มีสิทธิสั่งปลดบอร์ด ขณะที่เงินกองทุนของบอร์ดก้อนแรก 130 ล้านเหรียญก็ไม่ได้มาจากเฟซบุ๊กเช่นกัน
ส่วนการตัดสินใจของบอร์ดก็จะประกาศสู่สาธารณะ และเฟซบุ๊กก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเปิดเผยด้วย ขณะที่ผู้ใช้งานก็สามารถยื่นอุทธรณ์ไปยังบอร์ดกรณีที่รู้สึกว่าคอนเทนท์ตัวเองที่ถูกนำออกจากเฟซบุ๊กไม่มีความเป็นธรรม นอกจากนี้บอร์ดจะออกรายงานประจำปีเพื่อชี้แจงและประเมินตัวเองว่าปฏิบัติตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้มากน้อยแค่ไหน แล้วเฟซบุ๊กปฏิบัติตามมากน้อยแค่ไหน
Oversight Board จะเริ่มงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยจะอ้างอิงจากสถานการณ์ COVID-19 อีกที
ที่มา - Facebook, Oversight Board |
# [ลือ] อุปกรณ์สตรีมมิ่งรุ่นใหม่ของ Google อาจใช้แบรนด์ Nest มีรีโมต และรองรับ Stadia
หลังมีข่าวว่า Google อาจเปิดตัว Chromecast รุ่นใหม่ไปเมื่อเดือนมีนาคม ล่าสุดเว็บไซต์ Protocol ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนว่าอุปกรณ์นี้ถึงจะหน้าตาคล้าย Chromecast แต่จะทำงานคล้ายคลึงกับ Roku และ Fire TV Stick เน้นอินเตอร์เฟสที่แสดงคอนเท้นต์เป็นเรื่องตามความสนใจของคนดูในหน้าแรก โดยไม่สนว่าจะมาจากแอปสตรีมมิ่งใด อาจมีรีโมต รองรับ Stadia และจะใช้ชื่อแบรนด์เป็นตระกูล Nest จำหน่ายในราคาประมาณ 80 เหรียญสหรัฐ หรือต่ำกว่าเล็กน้อย (ประมาณ 2,500 บาท)
ตามรายงานล่าสุดของบริษัทวิจัยตลาด Parks Associates ส่วนแบ่งตลาดของ Chromecast ลดลงอย่างมาก โดยเสียพื้นที่ให้กับ Fire TV และ Roku แต่ Google ก็เปลี่ยนวิธี ไปเน้นการพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ทีวีต่างๆ ให้นำระบบปฏิบัติการ Android TV ไปใช้ แต่การออกอุปกรณ์รุ่นใหม่ ที่อาจแข่งขันกับตลาด Android TV โดยตรงแบบนี้ ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ ซึ่งแหล่งข่าวก็บอกกับ Protocol เช่นเดียวกันว่า Google เตรียมลดสเปกทีวีขั้นต่ำที่สามารถรัน Android TV ได้ เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถลดต้นทุนได้อีก ซึ่งจะมีผลอย่างมากในตลาดที่มีการแข่งขั้นสูงและกำไรต่ำเช่นตลาดทีวี
อีกปัญหาคือการเน้นแสดงคอนเท้นต์ในหน้าแรกโดยไม่เกี่ยงแอป อาจมีผลให้แอปสตรีมมิ่งหลายเจ้าไม่พอใจที่ Google ทำให้คนดูเปลี่ยนไปดูคอนเทนต์จากเจ้าอื่นได้ง่ายขึ้น เวอร์ชั่นล่าสุดของ Android TV ในปัจจุบัน มีฟีเจอร์ที่ชื่อ “Play Next” ที่จะมีแถวแสดงซีรีส์หรือหนังที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เพิ่งดูจบไป โดยรวมมาจากทุกแอป แต่ Netflix กับ Disney+ ก็ไม่ยอมเข้าร่วมฟีเจอร์นี้ และ Google ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาหาพาร์ทเนอร์เรื่องการรองรับ API ของ Android TV รุ่นต่อไปเพื่อเน้นด้านการแสดงคอนเท้นต์บน Android TV แทนที่จะโปรโมตแอปต่างๆ
ยังไม่ยืนยันว่า Google จะเปิดตัวอุปกรณ์นี้เมื่อไรหลังงาน Google I/O ที่มีแผนจะจัดในอาทิตย์หน้าถูกยกเลิกไป แหล่งข่าวคาดการณ์ว่าอาจเป็นช่วงฤดูร้อนนี้ (กลางเดือนมิถุนายน จนถึงกลางเดือนกันยายน) แต่ก็อาจจะมีการเลื่อนออกไปเนื่องจาก COVID-19
ที่มา - Protocol |
# EA ยืนยัน Star Wars Jedi: Fallen Order เป็นปฐมบทของแฟรนไชส์ใหม่ มีเกมตามมาอีกแน่
Star Wars Jedi: Fallen Order นับเป็นเกม Star Wars ภายใต้ EA เกมแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง (รีวิว Star Wars Jedi: Fallen Order กับการโผล่พ้นน้ำครั้งแรกของ Star Wars จาก EA)
ซึ่ง EA ก็ไม่น่าจะหยุดแค่นี้แน่ ๆ
Andrew Wilson ซีอีโอของ EA ยืนยันในงานแถลงผลประกอบการแล้วว่า Star Wars Jedi: Fallen Order จะเป็นปฐมบทของแฟรนไชส์ Star Wars ใหม่ภายใต้ EA ซึ่งก็น่าจะเป็นการบอกใบ้ว่า EA จะทำเกม Star Wars ออกมาอีกแน่ ๆ อย่างน้อยที่พอจะคาดเดาได้คือภาคต่อของ Jedi: Fallen Order
ที่มา - IGN |
# Red Dead Redemption 2, FFIX เปิดให้เล่นบน Xbox Game Pass
ไมโครซอฟท์ประกาศรายชื่อเกมใหม่ของบริการเหมาจ่ายรายเดือน Xbox Game Pass ที่เพิ่งประกาศยอดสมาชิกครบ 10 ล้านคน มีเกมเด่นเพิ่มเข้ามาคือ Red Dead Redemption 2
การเพิ่มเข้ามาของเกมใหญ่ระดับ RDR2 สะท้อนยุทธศาสตร์ของไมโครซอฟท์ ที่พยายามดึงเกมดังๆ มาเป็นจุดขายให้ Xbox Game Pass (แม้จะไม่ถึงขั้นเปิดให้เล่น Day 1 พร้อมเกมวางขายก็ตาม) อย่างไรก็ตาม เกมบน Xbox Game Pass มีสับเปลี่ยนไปตลอด และในรอบเดียวกันนี้ เกมร่วมค่ายคือ Grand Theft Auto V ก็หลุดออกจากรายชื่อเกมไปซะแล้ว
ส่วนเกมอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาในรอบเดียวกันคือ DayZ, Final Fantasy IX, Fractured Minds รวมถึงเกม Streets of Rage 4 และ Moving Out ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาก่อนหน้านี้
ส่วน Xbox Game Pass for PC ที่เป็นบริการเหมาจ่ายสำหรับเกมพีซี เพิ่มเกม FFIX มาพร้อมกัน ส่วนเกมอื่นคือ Endless Legend และ Halo 2 ที่เพิ่งเปิดตัวเวอร์ชันพีซี (ถ้าเป็นเกมของไมโครซอฟท์เองจะเพิ่มเข้ามาใน Game Pass แบบ Day 1)
ที่มา - Xbox, Xbox (for PC) |
# Microsoft To Do เพิ่มฟีเจอร์ แสดงงานทั้งหมด (All) แบบแยกหมวดในหน้าจอเดียว
วันนี้ Microsoft To Do มีอัพเดตใหญ่ (เนื่องในโอกาส Wunderlist หยุดให้บริการตามที่ประกาศไว้) โดยเพิ่มฟีเจอร์สำคัญที่ผู้ใช้เรียกร้องกันมานานคือ All View แสดงงานทุกรายการในหน้าจอเดียว พร้อมแบ่งตามหมวดต่างๆ ให้เสร็จสรรพ
ก่อนหน้านี้ Microsoft To Do สามารถแสดงได้เฉพาะงานแบบแยกหมวดเท่านั้น หากมีงานจำนวนมากๆ อาจสังเกตได้ยาก ว่ามีงานอะไรค้างบ้าง แต่พอแยกหมวดแล้วก็ต้องสลับไปมาเพื่อดูงานแต่ละหมวด ไม่สามารถดูงานทั้งหมดแบบแยกหมวดได้
นอกจากนี้ To Do ยังเพิ่มการแสดงผล Completed หรืองานทั้งหมดที่ทำเสร็จแล้ว แยกตามหมวดหมู่เช่นกัน (ทั้ง All และ Completed ต้องกดเปิดใช้ในหน้า Settings ก่อน)
ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างของ To Do คืองานชนิดที่มีวันเวลากำกับ (Planned) จะเพิ่มการแสดงตามวันเป็น Today, Tomorrow และ Week เพื่อให้วางแผนการทำงานล่วงหน้าในสัปดาห์นั้นได้ง่าย แถมยังสามารถเปลี่ยนการแสดงผลเรียงตามวัน เป็นเรียงตามหมวดได้ด้วย
ฟีเจอร์อื่นๆ
แสดงตัวเลขจำนวนงานบนไอคอนแอพ (เฉพาะ iOS) เลือกได้ว่าจะเป็นงานในหมวด My Day, Not Completed, All
พิมพ์รายการงานลงกระดาษ (เช่น ทำรายการช็อปปิ้ง) และการเซฟรายการงานเป็น PDF
เลือกได้ว่าจะให้เพิ่มงานใหม่เข้าไปด้านบนหรือด้านล่างของรายการงาน (ของเดิมเพิ่มได้เฉพาะด้านล่าง)
แสดงรายการงานทั้งหมดที่ทำเสร็จแล้ว (completed tasks) ไว้ด้านล่างสุดของรายการ เพื่อไม่ให้ปนกับงานที่ทำยังไม่เสร็จ
ที่มา - Microsoft |
# NFC Forum ออกมาตรฐานชาร์จไร้สาย ให้มือถือ NFC จ่ายไฟให้หูฟังไร้สาย,สมาร์ทวอทช์ได้
NFC Forum ที่รับผิดชอบออกมาตรฐาน NFC ประกาศออกมาตรฐานใหม่ Wireless Charging Specification (WLC) ที่ทำให้อุปกรณ์ที่มี NFC สามารถจ่ายไฟ (reverse charging) ให้อุปกรณ์อื่นได้
อย่างไรก็ตามมาตรฐาน WLC กำหนดให้อุปกรณ์ NFC สามารถจ่ายไฟให้อุปกรณ์ IoT อาทิ สมาร์ทวอทช์, หูฟังไร้สาย, ปากกาแท็บเล็ต ที่กำลังไฟ 1 วัตต์เท่านั้น แน่นอนว่าการจ่ายไฟผ่าน NFC ไม่ได้จำกัดเฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่อุปกรณ์อื่น ๆ อย่างแล็บท็อป, แท็บเล็ต ที่มีชิป NFC ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ที่มา - NFC Forum |
# NASA ยืนยันร่วมมือ SpaceX พา Tom Cruise ไปถ่ายหนังบนสถานีอวกาศ
หลังถ่ายทำฉากผาดโผนมาแล้วสารพัดทั้งปีนเครื่องบิน ปีนตึกที่สูงที่สุดในโลกและกระโดดแบบ HALO จนแฟนภาพยนตร์ต่างแซวกันขำ ๆ ว่าคงเหลือแต่อวกาศที่จะให้ Tom Cruise ขึ้นไปถ่าย
ล่าสุดดูเหมือนจะได้เกิดขึ้นจริงแล้วเมื่อ Jim Bridenstine ผู้อำนวยการ NASA ยืนยันว่าจะได้ร่วมงานกับ Tom Cruise เพื่อขึ้นไปถ่ายภาพยนตร์บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) โดย Deadline ระบุว่า SpaceX จะมีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วย ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ใช่ Mission: Impossible โดยความคืบหน้าก็ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น
ที่มา - Deadline
ภาพจาก Getty Images |
# Lyft ไตรมาส 1/2020 รายได้ยังโตสูง ยอมรับ COVID-19 กระทบหนัก
Lyft บริการเรียกรถโดยสาร ที่เป็นคู่แข่งของ Uber ในอเมริกา รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2020 โดยมีรายได้รวม 955.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนสุทธิน้อยลงเป็น 398.1 ล้านดอลลาร์
Logan Green ซีอีโอของ Lyft อธิบายเพิ่มเติมในช่วงแถลงผลประกอบการว่าไตรมาสที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่สัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่ผลกระทบนั้นก็ทำให้จำนวนการเรียกรถลดลงถึง 75% เลยทีเดียว เขายังบอกว่าในเดือนพฤษภาคม เริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นของการเรียกรถแล้ว โดยจุดต่ำสุดอยู่ที่ 12 เมษายน
ด้านซีเอฟโอ Brian Roberts ให้ความเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ยากที่จะประเมินว่าจะมีผลกระทบไปนานแค่ไหน แต่ช่วงที่ผ่านมา Lyft เริ่มปลดพนักงาน และชดเชยรายได้ด้วยบริการส่งสินค้าจำเป็น นอกจากนี้เขายังบอกว่า Lyft ยังไม่สนใจเข้าสู่ธุรกิจส่งอาหารตอนนี้
ที่มา: Business Insider |
# ไมโครซอฟท์ยืนยัน Xbox Series X ขายตามกำหนดสิ้นปี 2020, เตรียมปล่อยคลิปทุกเดือน
ไมโครซอฟท์ออกมาประกาศเป้าหมายว่าต้องการวางขาย Xbox Seriex X และ Halo Infinite ช่วงปลายปี 2020 ตามกำหนดเดิม แม้นักวิเคราะห์บางรายมองว่า Xbox Series X และ PS5 อาจต้องเลื่อนจากปัญหา COVID-19
เนื่องจากปีนี้ไมโครซอฟท์ไม่สามารถจัดงานอีเวนต์เพื่อโชว์ Xbox Series X ได้ บริษัทจึงประกาศปล่อยคลิปซีรีส์ Xbox 20/20 เพื่ออัพเดตความคืบหน้าของ Xbox Series X เป็นประจำทุกเดือน เริ่มต้นครั้งแรกคือคืนนี้ 7 พ.ค. ตามเวลาสหรัฐ โดยจะโชว์คลิปเกมเพลย์ของ Xbox Series X เป็นครั้งแรกด้วย (คลิปทีเซอร์ที่ออกมาเป็นโลโก้ของ Xbox Series X ตอนบูตเครื่อง)
ไมโครซอฟท์ยังประกาศว่าบริการคลาวด์เกมมิ่ง Project xCloud จะถูกผนวกเข้ากับบริการเกมเหมาจ่าย Xbox Game Pass ภายในปีนี้
ที่มา - Xbox |
# Uber ปลดพนักงาน 3,700 คน (ราว 14%) จาก COVID-19, ซีอีโอไม่รับเงินเดือน
Uber ประกาศปลดพนักงาน 3,700 คน หรือประมาณ 14% ของพนักงานทั้งหมดประมาณ 27,000 คน และซีอีโอ Dara Khosrowshahi จะไม่รับเงินเดือนที่เหลือของปี 2020 เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
เหตุผลที่ Uber ต้องปลดคนก็เป็นเพราะสถานการณ์ COVID-19 ทำให้คนเรียกรถผ่าน Uber น้อยลง บริษัทจึงจำเป็นต้องปลดพนักงานฝ่ายซัพพอร์ตและทรัพยากรบุคคล และคาดว่าจะต้องจ่ายเงินชดเชยทั้งหมดประมาณ 20 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ไม่นาน Lyft คู่แข่งของ Uber เพิ่งประกาศปลดคน และ Grab สิงคโปร์ก็ให้พนักงานพักงาน-ลดเงินเดือนผู้บริหาร ซึ่งเป็นผลมาจาก COVID-19 ที่ทำให้คนเรียกรถแบบ ride hailing น้อยลงเช่นกัน
ที่มา - SEC
ภาพจาก Uber |
# Android 11 เลื่อนออกรุ่น Beta หนึ่งเดือน, จัดงานออนไลน์แทน Google I/O
กูเกิลประกาศเลื่อนวันออก Android 11 Beta ที่ตามกำหนดเดิมคือเดือนพฤษภาคม (ปกติแล้วจะเปิดตัวบนเวทีงาน Google I/O ซึ่งปีนี้ยกเลิกถาวร) ไปเป็นวันที่ 3 มิถุนายน ด้วยเหตุผลเรื่องสถานการณ์ COVID-19
การเลื่อนออก Android 11 Beta ไปเป็นเดือนมิถุนายน ส่งผลให้ Beta 2 และ Beta 3 ต้องเลื่อนตามไปด้วยอีก 1 เดือนเช่นกัน (เป็นออกเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมตามลำดับ) ทำให้กูเกิลตัดสินใจออก Developer Preview 4 เพิ่มเข้ามาอีก 1 รุ่นในเดือนพฤษภาคม เพื่อขยายเวลาให้นักพัฒนาทดสอบความเข้ากันได้ของแอพกับ OS มากขึ้น (เปิดให้ทดสอบแล้ววันนี้บนมือถือตระกูล Pixel) ส่วน Android 11 ตัวจริงจะยังออกในไตรมาส 3 ตามกำหนดเดิม
แผนการออกรุ่น Android 11 (ของใหม่)
แผนการออกรุ่น Android 11 (ของเดิม)
กูเกิลยังประกาศจัดงานออนไลน์ชื่อ #Android11: the Beta Launch Show มาทดแทนการแถลงข่าวบนเวที Google I/O โดยจะนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ของ Android 11 รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องคือ Jetpack Compose, Android Studio, Google Play ด้วย
ผู้นำเสนอในงาน Android 11 เป็นคนที่หน้าตาคุ้นเคยจากเวที Google I/O อยู่แล้วคือ Dave Burke หัวหน้าทีมวิศวกรรม Android และ Stephanie Cuthbertson ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ แต่รอบนี้กูเกิลจะเปิดให้ส่งคำถามทางทวิตเตอร์ผ่านแท็ก #AskAndroid โดยจะตอบคำถามสดในช่วงท้ายรายการด้วย
ที่มา - Android Developers Blog |
# รายงาน GitHub ผลจาก COVID-19 กระทบเพียงช่วงสั้นๆ, โปรแกรมเมอร์ทำงานมากขึ้น, โลกโอเพนซอร์สคึกคัก
GitHub ออกรายงาน Octoverse ฉบับพิเศษวิเคราะห์การทำงานของโปรแกรมเมอร์จากการระบาดของโรค COVID-19 โดยสำรวจจากปริมาณ pull request, issue, push, และ merge พบผลกระทบของ COVID-19 กับนักพัฒนาในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามผลสุดท้ายแสดงให้เห็นว่างานพัฒนาไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง
อัตราการเปิด issue ต่อผู้ใช้เทียบกับปีที่แล้ว
การวิเคราะห์ปริมาณ pull request ต่อผู้ใช้แสดงให้เห็นว่าคนจำนวนมากยังคงทำงานตามรอบสัปดาห์เหมือนปกติ ช่วงสุดสัปดาห์มีปริมาณ pull request ลดลงมากจากการหยุดงาน อย่างไรก็ดีทางปริมาณ issue ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์จากผู้ใช้กลุ่มเสียเงิน (ซึ่งมักเป็นลูกค้าองค์กร) มีปริมาณลดลงอย่างมาก โดยช่วงนั้นเป็นช่วงที่สหรัฐฯ เริ่มประกาศทำงานจากที่บ้านในฝั่งตะวันตกซึ่งมีบริษัทเทคโนโลยีอยู่จำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าการทำงานที่บ้านมีผลกระทบต่องานพอสมควร แต่หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่ในระดับปกติ
ระยะเวลาระหว่าง push แรกและสุดท้ายในแต่ละวันเทียบกับปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมเมอร์ทำงานนานขึ้น
เมื่อวิเคราะห์ช่วงเวลาที่มีการ push โค้ด พบว่าช่วงเวลาในแต่ละวันของนักพัฒนาทำงานยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อวิเคราะห์ปริมาณงานก็พบว่างานเพิ่มขึ้นตามเวลาจริงๆ ทาง GitHub ไม่แน่ใจถึงเหตุผล โดยอาจจะเป็นเพราะโปรแกรมเมอร์มีเวลาเพิ่มขึ้นแทนที่จะเดินทาง, push บ่อยเพื่อให้บริษัทเห็นว่าทำงาน, ไปจนถึงขยันขึ้นจริงๆ เพราะกลัวตกงานในช่วงนี้
หัวข้อสุดท้ายคือความร่วมมือในการทำงาน ทาง GitHub วัดจากระยะเวลาที่รับ merge จาก pull request พบว่าระยะเวลาลดลงเล็กน้อยในกลุ่มลูกค้าเสียเงินและลูกค้าองค์กร แสดงให้เห็นว่าแม้ทำงานจากที่บ้านก็ยังร่วมมือกันดี ยิ่งกว่านั้นโครงการโอเพนซอร์สมีระยะเวลา merge สั้นลงอย่างชัดเจน และปริมาณ push ก็สูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมเมอร์มีส่วนร่วมในโอเพนซอร์สกันมากขึ้น
ในบรรดาโครงการโอเพนซอร์สนั้น โครงการประชุมออนไลน์อย่าง Jitsi มีโปรแกรมเมอร์ส่งโค้ดเข้าโครงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตอนนี้ทะลุ 3,000 คนไปแล้ว
ที่มา - GitHub |
# ไมโครซอฟท์อัพเกรด Surface Go 2 จอใหญ่ขึ้น, Surface Book 3 ใช้ Core Gen 10 ใส่แรมได้ 32GB
ไมโครซอฟท์เปิดตัวฮาร์ดแวร์ชุดใหม่ตามรอบปี โดยมี 4 ชิ้นหลัก ได้แก่ Surface Go 2, Surface Book 3, หูฟัง Surface Headphones 2, และหูฟัง Surface Earbuds แบบ true wireless
Surface Book Go 2 ขอภาพใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเป็น 10.5 นิ้ว (1920 x 1280 พิกเซล) จาก 10 นิ้ว เปลี่ยนซีพียูมาใช้ Core M รุ่นที่ 8 และปรับปรุงคุณภาพไมโครโฟนเป็น Studio Mics
รุ่นเริ่มต้นเป็น Pentium Gold Processor 4425Y พร้อมแรม 4GB สตอเรจแบบ eMMC ขนาด 64GB ราคาเริ่มต้น 399 ดอลลาร์ เริ่มขาย 12 พฤษภาคมนี้
Surface Book 3 อัพเดตซีพียูเป็น Core รุ่นที่ 10 มาพร้อมชิปกราฟิก ตัวเริ่มต้น NVIDIA GeForce GTX 1650 โดยไมโครซอฟท์ระบุว่าจะมี Quadro RTX 3000 ให้เลือกด้วยแต่ยังไม่มีในหน้าเว็บ และมีรุ่นแรม 32GB ให้เลือกทั้งรุ่นหน้าจอ 13.5 และ 15 นิ้ว
ราคาเริ่มต้น 1,599 ดอลลาร์ เริ่มวางขาย 21 พฤษภาคมนี้
Surface Headphones 2 หูฟังไร้สายแบบตัดเสียงรบกวน ปรับปรุงคุณภาพเสียงและเพิ่มอายุแบตเตอรี่ ระบบตัดเสียงรบกวนสามารถเลือกตัดเสียงพูดคุยหรือเร่งเสียงพูดกลับมาได้ ราคา 249 ดอลลาร์เริ่มขาย 12 พฤษภาคมนี้
Surface Earbuds หูฟังไร้สายแบบแยกชิ้นพร้อมระบบควบคุมแบบสัมผัสบนตัวหูฟัง ทำงานร่วมกับ Microsoft 365 ใช้อ่านอีเมลจาก Outlook หรือพิมพ์ตามคำพูดบน Word, Outlook, และ PowerPoint ราคา 199 ดอลลาร์เริ่มขาย 12 พฤษภาคมนี้
นอกจากสินค้าหลักแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมย่อยๆ ได้แก่
Surface Dock 2 ต่อ Surface ออกจอภาพภายนอกผ่านพอร์ตแม่เหล็ก พร้อมชาร์จไฟตัว Surface ราคา 259.99 ดอลลาร์
Microsoft USB-C Travel Hub สำหรับต่อจาก USB-C แล้วต่อจอภายนอก, เน็ตเวิร์ค, และอุปกรณ์ USB-C อื่น ราคา 99.99 ดอลลาร์
Microsoft Ergonomic Desktop เมาส์และคีย์บอร์ดไร้สายแบบลดความเมื่อยล้า คีย์บอร์ดแบบแยกชิ้นพร้อมที่รองข้อมือ ราคา 89.99 ดอลลาร์
Microsoft Bluetooth Desktop เมาส์และคีย์บอร์ดไร้สายรูปทรงปกติ ราคา 59.99 ดอลลาร์
ที่มา - Windows Blog |
# GitHub เปิดฟีเจอร์ชุดใหญ่: IDE บนเว็บ, ฟอรั่มพูดคุยแบบ StackOverflow, บริการสแกนความปลอดภัยโค้ด
GitHub เปิดฟีเจอร์ใหม่ในงาน Satellite 2020 โดยฟีเจอร์สำคัญ 3 รายการ ได้แก่ Codespaces, Discussions, Code scanning, และ GitHub Private Instances
Codespaces เป็น IDE ผ่านเว็บพร้อมเซิร์ฟเวอร์สำหรับรันโค้ดในตัว ทำ โดยตัว IDE ใช้ VS Code เป็นฐานในการพัฒนาให้ทำงานบนเบราว์เซอร์แทน โดยยังรองรับฟีเจอร์อย่าง code completion, extensions, และ terminal ได้
ตัว Codespaces สำหรับแก้ไขโค้ดอย่างเดียวนั้นฟรี แต่ค่าเซิร์ฟเวอร์สำหรับรันโค้ดยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะคิดราคาอย่างไร ระหว่างนี้ใครใช้งานในช่วงเบต้าจะใช้งานฟรีไปก่อน
GitHub Discussions บริการฟอรั่มสำหรับพูดคุยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การรายงานบั๊กที่มักใช้ Issues ฟีเจอร์หลายอย่างคล้าย StackOverflow โดยเฉพาะการยืนยันว่าคำถามได้รับคำตอบแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการทดสอบโดยจะเปิดให้ใช้งานเฉพาะโครงการโอเพนซอร์สบางส่วนก่อน
Code scanning เป็นฟีเจอร์ที่ได้มาจาก CodeQL ของ GitHub ที่ตอนนี้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โครงการโอเพนซอร์สสามารถเปิดฟีเจอร์นี้ได้ฟรี แต่ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างช่วงเบต้าวงปิด
GitHub Private Instances บริการใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร จากเดิมที่ GitHub มีให้เลือกใช้เป็นซอฟต์แวร์ติดตั้งในองค์กร กับบริการคลาวด์แบบ SaaS ตัว GitHub Private Instances จะเป็นบริการแบบ SaaS ที่ทำตามเงื่อนไของค์กรเพิ่มเติมได้ เช่น การใช้กุญแจเข้ารหัสของลูกค้าเอง, คอนฟิกระบบสำรองข้อมูล, และเงื่อนไขการเก็บข้อมูลไว้ในชาติที่กำหนด
ที่มา - GitHub |
# หลุดข้อมูลเบื้องต้น Lenovo Legion เกมมิ่งสมาร์ทโฟน กล้องหน้าป๊อปอัพด้านข้างตัวเครื่อง
XDA Developer เปิดเผยข้อมูลของ Lenovo Legion สมาร์ทโฟนเกมมิ่งรุ่นแรกที่จะอยู่ในแบรนด์ Legion เช่นเดียวกับโน้ตบุ๊กและพีซีเกมมิ่งของ Lenovo ข้อมูลที่หลุดมาเป็นภาพเรนเดอร์จากวิดีโอโปรโมตภาษาจีน ที่โชว์ดีไซน์เบื้องต้นและฟีเจอร์จุดขายของเครื่อง
Lenovo Legion ใช้ชิป Snapdragon 865 หน่วยความจำภายในและแรม ที่ยังไม่ทราบขนาดที่แน่นอน แต่จะเป็นหน่วยความจำแบบ UFS 3.0 และแรม LPDDR5 แบตเตอรี่ 5,000 mAh ช่องชาร์จ usb-c สองพอร์ต ด้านล่าง และด้านข้างของเครื่องเพื่อให้ไม่เกะกะตอนเล่นเกม รันบน Android 10 ครอบทับด้วย ZUI 12
ตัวเครื่องรองรับชาร์จเร็ว 90W (ไม่ยืนยันว่าทั้งสองช่องหรือไม่) มีลำโพงคู่ หน้าจอ FHD+ ความละเอียด 2340 x 1080 รีเฟรชเรต 144Hz touch sampling rate 270Hz ยังไม่มีข้อมูลว่าเป็น LCD หรือ OLED
นอกจากนี้ยังมี uEngine มอเตอร์สั่น X-Axis แบบคู่ ระบบระบายความร้อน “3D cooling tower structure” แบบ “dual heat pipe partitions” (คาดว่าเป็นชื่อเท่ๆ ของระบบระบายความร้อนด้วยฮีทไปป์คู่) ไดรเวอร์ลำโพงคู่ ขนาด 65 มม. แต่ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
กล้องหน้าความละเอียด 20MP เป็นแบบ pop-up แต่ที่แปลกกว่าค่ายอื่นคือจะยื่นออกมาจากด้านข้างของตัวเครื่อง ไม่ใช่ด้านบนแบบมือถือกล้อง pop-up รุ่นอื่นๆ มาพร้อมกล้องหลังคู่ 64MP กับเลนส์ไวด์ 16MP
Lenovo Legion ยังไม่เปิดเผยวันวางจำหน่ายและราคา
ที่มา XDA Developers
ภาพทั้งหมดจาก XDA Developers |
# สหราชอาณาจักรเปิดระบบการเรียนการสอนออนไลน์ให้เยาวชนฝึกทักษะด้าน Cyber Security
รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้จัดตั้งโรงเรียนไซเบอร์เสมือน (Virtual Cyber School) เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรรุ่นใหม่ของประเทศในด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนในสหราชอาณาจักรสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนไซเบอร์ออนไลน์ได้ในระหว่างที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต้องปิดภาคเรียนการสอน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19)
รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ร่วมมือกับ SANS Institute ในโครงการ Cyber Discovery เปิด โรงเรียนไซเบอร์เสมือน (Virtual Cyber School) ให้เยาวชนในสหราชอาณาจักรได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ฟรี โดยผู้เข้าเรียนจะได้ศึกษาวิธีการหาช่องโหว่ของชุดคำสั่งหรือโปรแกรม แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของระบบ และสืบสวนการก่อเหตุอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ในรูปแบบการเล่นเกมส์แก้ไขปัญหาโดยสวมบทบาทเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ นอกจากนี้โรงเรียนจะจัดสัมมนาออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาสอนหลักการพื้นฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เช่น การพิสูจน์หลักฐานดิจิทัล การรหัส และระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ ศูนย์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (Natoinal Cyber Security Centre - NCSC) เปิดหลักสูตรภาคฤดูร้อน CyberFirst ให้นักเรียนอายุ 14 - 17 ปี พัฒนาทักษะการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จากที่บ้านระหว่างการแพร่ระบาดของ COVID-19
รวมทั้ง สำนักอาชญากรรมแห่งชาติ (National Criminal Agency) และกลุ่มจัดกิจกรรมแข่งขันด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สหราชอาณาจักร (Cyber Security Challenge UK) ได้เปิดแพลตฟอร์มเกมส์ฝึกทักษะด้านไซเบอร์ CyberLand ให้แก่นักเรียนนักศึกษาฟรี ใน CyberLand ออกแบบให้นักเรียนได้ฝึกทักษะทางไซเบอร์โดยการป้องกันเมือง CyberLand จากการโจมตีทางไซเบอร์
ผู้บริหารรัฐบาลสหราชอาณาจักรและผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ภาคเอกชน เห็นตรงกันว่าการริเริ่มโครงการเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้สหราชอาณาจักรเตรียมความพร้อมบุคลากรทางไซเบอร์ของประเทศให้มีความพร้อมก้าวสู่มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้และทักษะในการป้องกันระบบเทคโนโลยีดิจิทัลจากการโจมตีบนโลกไซเบอร์ และเป็นโอกาสอันดีที่จะให้เยาวชนได้เรียนรู้อยู่ที่บ้านในภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID19 ในปัจจุบัน
ที่มา : GOV.UK
ภาพโดย Pexels |
# ฟังนิยาย Harry Potter ภาคแรก ตอนแรก อ่านโดย Daniel Radcliffe ได้แล้วทาง Spotify
นวนิยาย Harry Potter ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1997 และได้รับความนิยมอย่างมากจนได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อีกอย่างน้อย 80 ภาษา มีแฟนๆ ทั่วโลกมากมาย รวมถึงเวอร์ชันภาพยนตร์ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
ล่าสุด Wizarding World นำโดย J.K. Rowling ได้ริเริ่มโครงการ Harry Potter At Home เพื่อเอาใจคนอยู่บ้านที่ไม่มีอะไรทำ โดยเชิญคนดังจากหลายวงการ เช่น David Beckham, Stephen Fry, Dakota Fanning, Claudia Kim, Eddie Redmayne, Noma Dumezweni ฯลฯ มาอ่านนิยายเล่มแรก Harry Potter and the Philosopher's Stone (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์) ให้ฟังกันฟรีๆ
ภาพโดย Spotify
ขณะนี้นิยายตอนแรก (The Boy Who Lived/เด็กชายผู้รอดชีวิต) ได้ปล่อยออกมาให้ผู้ใช้ Spotify ฟังกันแล้วทั้งผู้ใช้แบบฟรีและเสียเงิน อ่านโดย Daniel Radcliffe ผู้รับบท Harry Potter ในเวอร์ชันภาพยนตร์
Spotify ระบุว่าจะปล่อยตอนใหม่ทุกสัปดาห์จนครบ 17 ตอนของภาคแรกภายในกลางฤดูร้อน หรือราวเดือนสิงหาคม นอกจากนี้บนเว็บไซต์ Wizarding World ยังมีวิดีโอขณะที่นักแสดงกำลังอ่านให้ดูกันด้วย
ที่มา - Spotify |
# Slack เบต้าบนแอนดรอยด์เริ่มทดสอบ UI ใหม่, รองรับ gesture ปาดซ้ายขวา
Slack กำลังทดสอบหน้าตา UI ใหม่ของแอปเวอร์ชันเบต้า (ต้องเข้าร่วมผ่าน Play Store) บนแอนดรอยด์ หลัก ๆ คือเพิ่มแถบด้านล่างของจอ (bottom bar) ประกอบไปด้วยปุ่มโฮม สำหรับเลือกแชนแนลหรืออ่าน threads, DMs สำหรับแชทส่วนตัว, Mentions และ You สำหรับตั้งค่าโปรไฟล์ พร้อมปุ่มสำหรับพิมพ์ข้อความใหม่ด้านขวาล่าง
นอกจากนี้ยังเพิ่ม gesture อย่างการปาดขวาของจอ เป็นการเปิดไซด์บาร์ด้านซ้ายเพื่อเลือก workspace ตั้งค่า Slack หรือเพิ่มสมาชิกใหม่ ส่วนปาดซ้าย เป็นการเปิดแชนแนลหรือแชทล่าสุดที่คุยหรืออ่านค้างเอาไว้
ที่มา - 9to5Google |
# ไมโครซอฟท์ประกาศ Halo 2 Anniversary ลงพีซี 12 พฤษภาคม 2020
เมื่อต้นปี 2019 ไมโครซอฟท์ประกาศนำ Halo: The Master Chief Collection มาลงพีซี โดยจะทยอยปล่อยเกมให้เล่นทีละภาค เริ่มจาก Halo: Reach ตอนปลายปี 2019 ตามด้วย Halo 1 Remake เมื่อเดือนมีนาคม 2020
ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศวันออกขาย Halo 2: Anniversary ในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ คนที่ซื้อตัว Master Chief Collection ไปแล้วก็สามารถเล่นได้ทันที แต่ถ้าต้องการซื้อเฉพาะภาค 2 แยกก็สามารถทำได้เช่นกัน
Halo 2 ออกขายครั้งแรกในปี 2004 บนเครื่อง Xbox รุ่นแรก และประสบความสำเร็จทั้งในแง่ยอดขาย-เสียงวิจารณ์ (คะแนนรีวิวเฉลี่ย 95/100) โดยเกมเวอร์ชันที่มาลงพีซีคือ Halo 2 Anniversary ที่เป็นการรีมาสเตอร์สำหรับ Xbox One ในปี 2014
ถัดจาก Halo 2 จะเป็นคิวของ Halo 3, Halo 3 ODST และปิดท้ายด้วย Halo 4 ที่จะทยอยออกไปตลอดปี 2020 |
# Airbnb ปลดพนักงาน 25% เซ่นพิษ COVID-19, เลิกธุรกิจไม่จำเป็น กลับมาโฟกัสเรื่องที่พัก
Brian Chesky ซีอีโอของ Airbnb ประกาศปลดพนักงานออก 25% หรือประมาณ 1,900 คน จากพนักงานทั้งหมด 7,500 คน
เหตุผลในการปลดพนักงานก็ชัดเจนว่าธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤต COVID-19 โดยบริษัทประเมินว่ารายได้ของปี 2020 น่าจะไม่ถึงครึ่งของรายได้ทั้งปี 2019 ด้วยซ้ำ บริษัทพยายามแก้ปัญหาด้วยการระดมเงินลงทุนเพิ่ม 2 พันล้านดอลลาร์ และตัดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก แต่ยังมองไม่เห็นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเมื่อใด จึงจำเป็นต้องปลดพนักงานออก
พนักงานที่ถูกปลดจะได้รับเงินชดเชยขั้นต่ำ 14 สัปดาห์ และเพิ่มขึ้นตามอายุงาน, พนักงานที่มีสิทธิได้หุ้นจะได้หุ้นด้วย, ให้ประกันสุขภาพต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2020 แม้สิ้นสภาพพนักงานแล้ว
Chesky ยังบอกว่าหลังพ้นวิกฤต COVID-19 ไปแล้ว ธุรกิจท่องเที่ยวจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างมาก คนจะไปเที่ยวใกล้ๆ ในสถานที่ปลอดภัย และจ่ายเงินน้อยลง ดังนั้น Airbnb จะต้องปรับตัวตาม กลับมาโฟกัสที่ธุรกิจหลักเรื่องที่พัก เลิกทำธุรกิจใกล้เคียงอย่าง สตูดิโอถ่ายทำภาพที่พัก, ธุรกิจด้านการเดินทาง รวมถึงลดการลงทุนในโรงแรมและที่พักระดับหรูหรา
ที่มา - Airbnb |
# กองทุน Silver Lake ประกาศลงทุนใน Jio โอเปอเรเตอร์รายใหญ่อินเดีย 747 ล้านดอลลาร์ ต่อจาก Facebook
Jio Platforms ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเบอร์หนึ่งของอินเดีย เป็นบริษัทที่ร้อนแรงขึ้นอีก โดยล่าสุดบริษัทด้านการลงทุนรายใหญ่ Silver Lake ประกาศเข้าซื้อหุ้นของ Jio คิดเป็นมูลค่าราว 747 ล้านดอลลาร์ ได้เป็นหุ้น 1.15%
ที่น่าสนใจคือมูลค่ากิจการของ Jio จากที่ Silver Lake ซื้อหุ้นนั้นอยู่ที่ 65,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามูลค่ากิจการที่ Facebook เข้าซื้อหุ้น 9.99% ถึง 12.5% และดีลนี้ก็ตามหลัง Facebook เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น
Silver Lake เป็นบริษัทด้านการลงทุนรายใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีหุ้นทั้งใน Alibaba, Airbnb, Dell Technologies และ Twitter โดย Egon Durban ซีอีโอร่วมของ Silver Lake กล่าวถึงการลงทุนนี้ว่าอินเดียเป็นตลาดที่มีโอกาสอีกมาก และ Jio ก็เป็นบริษัทที่เติบโตโดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกช่วงที่ผ่านมา
อ่านเพิ่มเติม มารู้จักกับ Jio ค่ายมือถือในอินเดียที่ Facebook ลงทุน แถมเจ้าของเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเอเชีย (Brand Inside)
ที่มา: CNBC |
# Apple ประกาศจัดงาน WWDC20 แบบ Virtual เริ่มวันที่ 22 มิถุนายนนี้
แอปเปิลประกาศจัดงานสัมมนาสำหรับนักพัฒนาประจำปี WWDC20 โดยงานจะเริ่มในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ในรูปแบบออนไลน์ ตามที่เคยรายงานไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19
เนื่องจากเป็นงานที่เน้นกลุ่มผู้เข้าร่วมฝั่งนักพัฒนา ที่ผ่านมางาน WWDC แอปเปิลจึงมักเปิดตัวซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS และ tvOS เป็นหลัก แต่ในปีที่แล้วแอปเปิลก็เลือกเปิดตัว Mac Pro ในงานนี้
นักพัฒนาที่ลงทะเบียนไว้สามารถเข้าร่วมงานผ่านช่องทางออนไลน์ได้ฟรี โดยแอปเปิลแนะนำให้ดาวน์โหลดแอป Apple Developer ไว้ เพื่อรับข่าวสารหัวข้อการบรรยายต่าง ๆ และสำหรับนักเรียนนักศึกษา แอปเปิลยังจัดการแข่งขัน Swift Student Challenge อีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่
ที่มา: แอปเปิล |
# Backblaze รองรับ S3 API บนบริการ B2
Backblaze เคยเป็นบริษัทสำรองข้อมูลราคาประหยัดที่หันมาทำบริการคลาวด์สตอเรจแข่งกับผู้ให้บริการคลาวด์อื่นๆ มาตั้งแต่ปี 2015 โดยมี RESTful API ของตัวเอง ล่าสุดทาง Backblaze ก็เปิด S3 API ให้ใช้งานเป็นเบต้า
การรองรับ S3 API ของ AWS เป็นเงื่อนไขสำคัญของหลายองค์กรเพราะซอฟต์แวร์จำนวนมากไม่ได้รองรับ API ของคลาวด์ทุกเจ้า ตัวอย่างเช่น Elasticsearch ที่มีระบบสำรองข้อมูลในตัวก็ต้องการ S3 API เช่นกันแม้จะเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ไปใช้เจ้าอื่นได้
ราคาของ B2 ยังคงเท่าเดิมอยู่ที่ 0.005 ดอลลาร์ต่อกิกะไบต์ต่อเดือน และค่าดาวน์โหลด 0.01 ดอลลาร์ต่อกิกะไบต์ ไม่มีแบ่งประเภทสตอเรจ
ที่มา - Backblaze |
# Bruce Schnier ชี้ความพยามทำแอป Contact Tracing เป็นเรื่องโง่
Bruce Schnier นักวิชาการด้านความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงปลอดภัยวิจารณ์ถึงความพยายามทำแอป Contact Tracing ว่าเป็นความพยายามที่ไร้ผล และเกิดจากคนทำงานเทคโนโลยีพยายามทำอะไรสักอย่างแต่ไม่รู้จะทำอะไรในเหตุการณ์เช่นนี้
เขาชี้ว่าแอป Contact Tracing นั้นมีปัญหาทั้ง false positive และ false negative โดยคนที่ยืนห่างกันไม่มากนักแต่บางทีอยู่ใกล้กันอย่างปลอดภัยเช่นคนละฝั่งกำแพง หรือมีเครื่องป้องกันแอปก็อาจจะแจ้งเตือนว่าเข้าใกล้กัน ในขณะที่การส่งต่อโรคบางครั้งไม่ต้องอยู่ใกล้กันโดยตรงเช่นการจามที่อาจจะไปไกลกว่าค่าที่กำหนดไว้
Schnier ชี้ว่าอัตราความผิดพลาดที่สูงจะทำให้ไม่สามารถออกมาตรการหลังจากแอปแจ้งเตือนได้ว่าผู้ได้รับคำเตือนต้องทำอะไรต่อ หากจะกวาดทุกคนมาตรวจแพงเกินไป หรือหากจะสั่งกักตัวก็สร้างความลำบากโดยไม่มีผลแน่ชัด
ที่มา - Schneier on Security
ภาพโดย JESHOOTS-com |
# ถึงยุคแอดมินตกงาน IBM Watson AIOps ใช้ AI อ่าน log แล้ววิเคราะห์ปัญหาของระบบไอที
IBM เปิดตัว Watson AIOps แอดมินยุคใหม่ไม่ต้องใช้คน เพราะใช้ AI ช่วยอ่านไฟล์ log ของระบบไอทีองค์กร แล้ววิเคราะห์ต้นเหตุของปัญหาให้อัตโนมัติ
Watson AIOps เป็นผลงานวิจัยของ IBM Research โดยใช้เทคโนโลยี natural language processing (NLP) อ่านข้อความใน ticket ที่แจ้งปัญหาเข้ามา วิเคราะห์หาสาเหตุและวิธีแก้ไข จากนั้นจะคอยเฝ้ามอนิเตอร์ปัญหาจากช่องทาง log/alert ต่างๆ แล้วตรวจสอบว่าตรงกับแพทเทิร์นของปัญหาในอดีตหรือไม่ เพื่อนำเสนอวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม
IBM ยังร่วมมือกับ Slack (ที่เพิ่งได้ IBM เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด) ทำระบบ ChatOps สำหรับแจ้งเตือนข้อมูลจาก AIOps ผ่านทาง Slack ด้วย
ที่มา - IBM |
# Firefox 76 ออกแล้ว คุย Zoom ได้โดยตรง, ยกเครื่องตัวจัดการรหัสผ่าน
Mozilla ออก Firefox 76 รุ่นเสถียร ของใหม่ในเวอร์ชันนี้เน้นที่ระบบจัดการรหัสผ่าน Lockwise แจ้งเตือนผู้ใช้ทันทีหากพบว่าเว็บไซต์ถูกเจาะ รหัสผ่านรั่ว นอกจากนี้ Firefox 76 ยังเพิ่มเมนู Logins and Passwords เข้ามาในเมนูหลักให้กดกันง่ายๆ (หรือเข้าได้จากหน้า about:logins)
ของใหม่อีกอย่างที่สำคัญคือรองรับ Audio Worklets ช่วยให้ Firefox ประมวลผลไฟล์เสียงที่ถูกบีบอัดมาได้ ฟีเจอร์นี้ยังช่วยให้ Firefox สามารถคุยวิดีโอคอลล์ผ่าน Zoom ได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรม Zoom บนเครื่องอีกแล้ว
ฟีเจอร์สุดท้ายคือ Picture-in-Picture ที่เปิดให้ดูวิดีโอแบบจอเล็กลอยทับหน้าต่างอื่น สามารถดับเบิลคลิกที่วิดีโอช่องเล็กเพื่อขยายเป็นแบบเต็มหน้าจอได้
ที่มา - Mozilla |
# Ninja Van รับเงินเพิ่มทุนอีกกว่า 9,000 ล้านบาท จากผู้ก่อตั้ง Facebook และจาก Grab
Ninja Van สตาร์ทอัพผู้ให้บริการขนส่งพัสดุจากสิงคโปร์ ประกาศรับเงินเพิ่มทุนซีรี่ส์ D อีก 279 ล้านดอลลาร์ หรือราว 9,000 ล้านบาท จากกลุ่มนักลงทุน อาทิ GeoPost บริษัทขนส่งพัสดุรายใหญ่ของยุโรป, B Capital Group กองทุนของ Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook, Golden Gate Ventures, Intouch Holding และ Grab
ทั้งนี้ Ninja Van ไม่ได้ประกาศมูลค่ากิจการจากการเพิ่มทุนรอบล่าสุด โดยบริษัทได้เงินเพิ่มทุนไปแล้วรวมกว่า 400 ล้านดอลลาร์
Ninja Van ปัจจุบันให้บริการใน 6 ประเทศ โฟกัสที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม มีพาร์ทเนอร์เป็นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในภูมิภาค ทั้ง Lazada และ Shopee บริษัทระบุว่าเงินทุนก้อนใหม่นี้ จะนำมาเน้นขยายธุรกิจส่วน B2B (business-to-business)
ที่มา: TechCrunch ภาพ Instagram ninjavan.th |
# IBM จับมือ Red Hat ออกโซลูชันจัดการ Edge Computing ยุค 5G ด้วยคอนเทนเนอร์
IBM ร่วมกับ Red Hat เปิดตัวโซลูชันสำหรับ Edge Computing ที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในยุค 5G จากปัจจัยเรื่อง latency ของเครือข่ายที่ลดลง
โซลูชันของ IBM ใช้เทคโนโลยีจากฝั่ง Red Hat คือ OpenStack และ OpenShift (Kubernetes) เป็นแกนกลาง แล้วปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นความถนัดของ IBM (และเป็นตัวอย่างที่ดีว่า IBM ซื้อ Red Hat ไปทำไม)
IBM Edge Application Manager ระบบจัดการอุปกรณ์ IoT จากระยะไกล รองรับการจัดการ edge node จำนวน 10,000 ตัวพร้อมกันโดยแอดมินคนเดียว โดยใช้โค้ดจากโครงการ Open Horizon ของ IBM ที่เปิดเป็นโอเพนซอร์สด้วย
IBM Telco Network Cloud Manager เป็นโซลูชันสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคม สามารถจัดการระบบเครือข่าย (network functions) ที่รันในคอนเทนเนอร์ได้ง่าย
ที่มา - IBM, Red Hat |
# แฟนสาวของ Elon Musk คลอดลูกชายแล้ว Elon ระบุ X Æ A-12 Musk คือชื่อลูก
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ Grimes นักร้องสาวชาวแคนาดาที่เปิดตัวว่ากำลังคบหากับ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018 จากการออกงาน Met Gala ด้วยกัน และต่อมาได้โพสต์รูปทาง Instagram บอกใบ้เป็นนัยว่าเธอกำลังตั้งท้องเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ล่าสุดเธอได้คลอดลูกชายแล้ว โดย Elon Musk เปิดเผยทางทวิตเตอร์ว่าแม่และเด็กปลอดภัยดี ต่อมามีคนถามว่าลูกเขาชื่ออะไร ซึ่ง Elon ได้ตอบว่า "X Æ A-12 Musk" นอกจากนี้เขายังได้ปล่อยรูปลูกออกมา 2 รูปด้วยกัน
ทั้งคู่เริ่มปิ๊งกันทางทวิตเตอร์เพราะมุกสุดเนิร์ดเกี่ยวกับ AI
เด็กชายคนนี้เป็นลูกคนที่ 7 ของ Elon Musk แต่เป็นลูกคนแรกของ Grimes โดย Elon มีลูก 6 คนกับ Justine Wilson ภรรยาคนแรก (ลูกคนแรกเสียชีวิตกะทันหันแบบไม่ทราบสาเหตุขณะมีอายุเพียง 10 สัปดาห์) หลังจากนั้นก็มีลูกด้วยวิธีการปฏิสนธินอกร่างกาย (เด็กหลอดแก้ว) หรือ IVF อีก 5 คน ซึ่งทั้ง 7 คนเป็นผู้ชายทั้งหมด
ที่มา - Business Insider
ภาพโดย Elon Musk |
# Google Drive บน iOS และ iPadOS อัพเดตรองรับ Face ID และ Touch ID
Google ปล่อยอัพเดตให้ Googe Drive บน iOS และ iPadOS รองรับการยืนยันตัวตนก่อนเข้าไดร์ฟด้วย Face ID และ Touch ID แล้วในฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Privacy Screen
Privacy Screen สามารถเปิดได้ที่ Settings (ของผมเองยังไม่เจอตัวเลือกนี้ แม้ log ใน App Store จะขึ้นว่าได้ฟีเจอร์นี้แล้วก็ตาม) โดยนอกจากจะตั้งให้ยืนยันตัวตนตอนเข้าแอปแล้ว สามารถเลือกได้ว่ากรณีที่เปลี่ยนไปใช้แอปอื่น หากกลับมาเปิด Google Drive จะต้องยืนยันตัวตนเลยหรือดีเลย์ได้ตั้งแต่ 10 วินาทีไปจนถึง 10 นาที
ที่มา - The Verge |
# Tim Bray ผู้บริหาร Amazon ลาออกประท้วงเพราะจัดการแรงงานแย่, ขัดขวางการต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงาน
Tim Bray หนึ่งในผู้ออกแบบ XML และผู้บริหารของ Amazon ทำงานฝ่าย AWS มา 5 ปี ลาออก เพื่อประท้วงที่ Amazon จัดการแรงงานไม่ดีเท่าที่ควร และยังไล่พนักงานที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเองออกจากบริษัทหลายรายในช่วงโรคระบาด
Bray เขียนเล่ารายละเอียดในบล็อกบอกว่า เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มพนักงาน Amazon ที่เข้าร่วม Amazon Employees for Climate Justice หรือ AECJ หรือการกระตุ้นให้บริษัทออกมามีส่วนแก้ปัญหาโลกร้อน พอมาในช่วงโรคระบาด มีพนักงานคลังสินค้า Amazon ต้องทำงานหนักมาก และยังรู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะไม่ได้รับการป้องกันเท่าที่ควร จึงมีการขอความช่วยเหลือไปยังกลุ่ม AECJ เพื่อให้มาช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของแรงงานในครั้งนี้
AECJ ก็ให้ความช่วยเหลือด้วยการทำฟอร์มร้องทุกข์เรียกร้องการป้องกันเชื้อให้พนักงาน และจัดให้เกิดการประชุมวิดีโอคอลครั้งใหญ่ของพนักงาน Amazon ทั่วโลก ในวันที่ 16 เมษายน ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ถูกส่งกันภายในบริษัทเมื่อวันที่ 10 เมษายน และในวันนั้นเอง Amazon ก็ไล่คนออกสองคนแบบมีผลทันทีคือ Emily Cunningham และ Maren Costa ซึ่งทั้งสองเป็นผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหว AECJ
Bray บอกว่า การลิดรอนสิทธิแรงงานและความพยามขัดวางการแสดงออกนั้นไม่ชอบธรรม เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจลาออกเพื่อจะได้เปิดเผยเรื่องนี้ได้อย่างอิสระ เขายังบอกด้วยว่า ตัวเขาทำงานที่ AWS ซึ่งไม่มีปัญหาสวัสดิภาพคนทำงานใดๆ แต่พนักงานคลังสินค้านั้นกลับไม่ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน
Tim Bray ภาพจาก วิกิพีเดีย
ที่ผ่านมามีสื่อรายงานเรื่องการไล่ Chris Smalls พนักงานคลังสินค้า Amazon ที่เกาะ Staten Island นิวยอร์ก, Bashir Mohamed พนักงานคลังสินค้าที่ Shakopee รัฐ Minnesota ออกแบบเงียบๆ โดยทั้งคู่ต่างเป็นแกนนำให้เพื่อนๆ เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องมาตรการความปลอดภัย Mohamed ยังบอกด้วยว่า ที่เขาโดนไล่ออก เพราะบริษัทต้องการให้คนอื่นกลัว
ในวันแรงงานสากล 1 พ.ค. ที่ผ่านมา พนักงาน Amazon เข้าร่วมประท้วงพร้อมบริษัทอื่น เรียกร้องมาตรการป้องกันเชื้อเพื่อความปลอดภัยให้คนทำงานด่านหน้าในช่วงโรคระบาดด้วย
ที่มา - Tim Bray, Ars Technica |
# ซอสโค้ดเกมต้นแบบ และข้อมูลของ Nintendo กว่า 2TB ถูกปล่อยลงเว็บ 4chan
หลังมีข่าวบัญชี Nintendo ID กว่า 160,000 บัญชี ถูกพยายามเจาะไปเมื่อเดือนก่อน ล่าสุดมีข้อมูลหลุดจาก Nintendo ถูกปล่อยในเว็บบอร์ด 4chan กว่า 2TB และมีผู้รวบรวมเป็นลิสต์ไว้บนเว็บบอร์ด ResetEra ว่ามีข้อมูลต่างๆ เช่น
SDK และซอสโค้ดแบบเต็ม ของ IOS (ระบบปฏิบัติการของ Nintendo Wii ไม่เกี่ยวอะไรกับ Apple)
เอกสารแผนการปล่อยเครื่องเกม ช่วงปี 2004-2006
ตัวเกมเวอร์ชั่น debug และซอร์สโค้ดของ Pokemon Blue และ Yellow
ซอสโค้ดของ Pokemon Gold/Silver
ลิสต์รายชื่อเครื่องเกมที่ Nintendo เคยสร้างทั้งหมดจนถึงเครื่อง DS
Official emulator ของ Gameboy
และข้อมูลอีกเพียบ
หนึ่งในนั้นยังมีไฟล์พรีเซนเทชั่นที่อธิบายว่าทำไม Nintendo ถึงเลือกใช้ Friend Codes เพื่อเพิ่มเพื่อน แทนที่จะใช้ username เหมือนค่ายอื่นๆ ในเอกสารอธิบายว่าการใช้ username นั้น “ไม่เรียบง่ายพอ” เพราะ username สามารถซ้ำกันได้ ทำให้ผู้เล่นต้องคิดชื่อใหม่หลายรอบ
เรียกได้ว่าช่วงนี้แม้เครื่อง Nintendo Switch จะขายดีจนขาดตลาดเพราะ Animal Crossing: New Horizons แต่ในด้าน network และความปลอดภัย Nintendo ก็กำลังเจอปัญหาหนักเลยทีเดียว
ที่มา - Gamespot, ResetEra |
# สถิติผู้ใช้งาน VR เพิ่มขึ้นเพราะเกม Half-Life: Alyx แต่อุปกรณ์ยังผลิตไม่ทันความต้องการ
Valve เปิดสถิติยอดผ้ใช้งานที่มีอุปกรณ์ VR บน Steam เพิ่มขึ้น 0.62% ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนปีนี้ สาเหตุหลักมาจากผู้เล่นเกม Half-Life: Alyx แม้ตัวเลขอาจจะดูน้อย แต่จำนวนผู้เล่นที่ถูกเปิดเผยล่าสุดโดย Valve เมื่อเดือนมกราคมปี 2019 คือ 90 ล้านคน ซึ่งหลังเวลาผ่านมาหนึ่งปีกับอีกสามเดือน น่าจะมีผู้เล่นเพิ่มขึ้นมากพอสมควร
เว็บไซต์ Road to VR ประมาณการด้วยการคำนวณสถิติว่าในเดือนเมษายน อาจมีผู้ใช้งาน VR บน Steam เพิ่มเป็น 141 ล้านคน การที่ผู้ใช้เพิ่มขึ้น 0.62% ในเดือนมีนา-เมษา อาจหมายถึงผู้ใช้งานที่มีอุปกรณ์ VR ที่มากถึง 870,000 คน ภายในระยะเวลาเดือนเดียวเท่านั้น
ตัวเลขล่าสุดนี้เป็นการเก็บสถิติของ Steam Survey นับจำนวนผู้เล่นที่เชื่อมต่อแว่น VR ที่รองรับ SteamVR ในช่วง 30 วันก่อนถึงช่วงต้นเดือนเมษายน แปลว่านับรวมวันที่ Half-Life: Alyx เปิดขาย คือ 23 มีนาคมด้วย และมากเกือบเป็นสามเท่าจากสถิติเดิมคือ 0.22% ที่ถูกเปิดเผยเมื่อเดือนมกราคม และ HTC Vive เป็นอุปกรณ์ที่มีผู้ใช้มากที่สุด รองลงมาเป็น Oculus Rift และ Oculus Rift S (ซึ่งถ้านับสองรุ่นรวมกัน จะถือได้ว่า Oculus มีผู้ใช้งานมากกว่า)
สถิติผู้ใช้งานอุปกรณ์ VR จาก Steam Survey
แต่ยอดการเติบโตอาจสูงกว่านี้ได้ หากไม่ติดปัญหาหลัก คือ Valve และ Oculus ยังไม่สามารถผลิตแว่น VR ได้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยร้านจำหน่ายอาจต้องรอออเดอร์เป็นเดือนๆ และบนเว็บไซต์ของ Oculus ทั้ง Oculus Rift, Oculus Rift S และ Oculus Quest ยัง out of stock อยู่ ส่วน Valve ก็ลงข้อมูลไว้ว่าอาจต้องใช้เวลารอจัดส่งอุปกรณ์ตระกูล Index ถึงอย่างน้อย 8 สัปดาห์ ทำให้ VR อาจยังไม่ได้กลายเป็นกระแสหลักในเร็วๆ นี้
ที่มา - Ars Technica, Road to VR |
# แฟนเกมปล่อย Super Mario 64 เวอร์ชั่นพีซี รันบน DirectX 12 แบบ 4K ไม่ต้องใช้ Emulator
ช่อง Youtube ชื่อ Unreal (ไม่เกี่ยวกับ Unreal Engine หรือ Epic Games) ปล่อยวิดีโอเกมเพลย์ความยาว 12 นาทีของเกม Super Mario 64 เวอร์ชั่นที่รันบน DirectX 12 แบบ 4K โดยไม่ต้องใช้ Emulator ของ Nintendo 64 ในการเล่น ตัวเกมมีผู้คาดว่าอาจเป็นผลงานแฟนเมด ที่ได้รับอานิสงค์จาก source code ของเกมที่ถูกแกะโดยการ De-compilation ตัว rom เป็นภาษา C แล้ว Compile ใหม่ เมื่อปีก่อนนี้
ในกระทู้ reddit ยืนยันว่าตัวเกมถูกปล่อยออกมาแบบเสร็จสิ้นทั้งเกมทีเดียว ไม่ได้ปล่อยออกมาเป็น teaser หรือทำแบบด่านเดียวออกมาก่อนแบบเกมแฟนเมดอื่น แต่ก็หาลิงก์ดาวน์โหลดได้ยากมาก เพราะชาวเน็ตแทบทุกคน ช่วยกันปกป้องตัวเกมโดยการไม่แจกลิงก์ดาวน์โหลด เพื่อป้องกันไม่ให้ Nintendo สามารถสั่งเก็บได้โดยเร็ว
ใครที่อยากเล่น อาจจะต้องใช้สกิลนักสืบไซเบอร์ ค้นหาลิงก์ดาวน์โหลดกันเล็กน้อย โดยอาจจะเริ่มจากในกระทู้ reddit ตามลิงก์ด้านบน หรือในช่องคอมเม้นต์ของคลิป Youtube ส่วนใครที่รอได้ ก็มีข่าวลือว่า Super Mario 64 และ Super Mario Galaxy อาจถูกพอร์ตมาลง Nintendo Switch ในปีนี้เช่นกัน
ที่มา - Polygon |
# Inkscape ออกเวอร์ชัน 1.0 หลังพัฒนามา 16 ปี เปลี่ยนธีมได้แล้ว ฟีเจอร์ใหม่เพียบ
Inkscape ซอฟต์แวร์วาดแบบเวกเตอร์สายโอเพนซอร์ส ออกเวอร์ชัน 1.0 (สักที) นับตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อปี 2003 หรือราว 16 ปีก่อน
Inkscape 1.0 มีของใหม่มากมาย ตั้งแต่ฐานรากคือเวอร์ชัน macOS เปลี่ยนมาเป็นแอพแบบเนทีฟ (ไม่ต้องเรียกผ่าน XQuartz) ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมมาก, รองรับการเปลี่ยนธีมและชุดไอคอนของ UI มีธีม dark mode ด้วย, รองรับ Python 3 สำหรับการเขียนสคริปต์และส่วนขยาย
ในแง่ฟีเจอร์การวาดรูป มีตั้งแต่การปรับเปลี่ยนกล่องเครื่องมือ เรียงลำดับใหม่, ปรับปรุงฟีเจอร์ Live Path Effect (LPE), สามารถกลับด้าน (mirror) หรือหมุนเอียง (rotate) ตัวกระดาษวาดรูป (canvas) ได้แล้ว, มีโหมด split-view พรีวิวการวาดภาพแยกทีละครึ่งได้ เป็นต้น (ดูวิดีโอประกอบ)
ที่มา - Inkscape |
# ในที่สุด PewDiePie ก็ทำสัญญากับ YouTube ไลฟ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ
PewDiePie หรือ Felix Kjellberg ยูทูเบอร์ชื่อดัง ในที่สุดก็เซ็นสัญญากับ YouTube ทำไลฟ์สตรีมแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้ YouTube หลังก่อนหน้านี้เขาบอกจะทำสัญญาไลฟ์กับแพลตฟอร์มไลฟ์แบบบล็อกเชน DLive
PewDiePie เองเคยมีปัญหากับ YouTube จนถึงขั้นต้องหยุดการทำดีลธุรกิจกับ PewDiePie ไปเมื่อสามปีที่แล้ว เนื่องจากเขาเล่นมุกตลกเหยียดสีผิว และสนับสนุนนาซี ซึ่งเขาออกมาขอโทษในภายหลัง ก่อนหน้านี้ไม่นาน PewDiePie ก็เคยเปรยไว้ว่าจะพักการทำคลิปบน YouTube สักพักเพราะรู้สึก burnout
PewDiePie บอกว่า YouTube เป็นบ้านของเขามานานกว่าทศวรรษแล้ว การสตรีมบน YouTube ให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ และยังคงมองหาแนวทางทำเนื้อหาใหม่ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับแฟนๆ ทั่วโลก ปัจจุบัน PewDiePie มีผู้ติดตามบนช่องกว่า 104 ล้านราย จนถึงตอนนี้โกยยอดคนดูกว่า 25,000 ล้านครั้งเข้าไปแล้ว
YouTube ในระยะหลังให้ความสำคัญกับการทุ่มซื้อตัวสตรีมเมอร์ เช่น CouRage, Typical Gamer และ Valkyrae เพื่อแข่งกับแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Twitch, Mixer, Facebook
ที่มา - Variety |
# Adam Neumann อดีตซีอีโอ WeWork ฟ้อง SoftBank หลังล้มดีลไม่ซื้อหุ้นผู้ถือหุ้น
หลัง SoftBank ไม่ซื้อหุ้นผู้ถือหุ้น WeWork มูลค่า 3 พันล้าน จน WeWork ยื่นฟ้อง SoftBank ล่าสุด Adam Neumann อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง WeWork ยื่นฟ้อง SoftBank ด้วยแล้ว
Neumann ระบุว่า SoftBank อ้างข้อกฎหมายแบบผิด ๆ (SoftBank อ้างว่ามีเงื่อนไขหลายข้อไม่ได้รับการบรรลุก่อนวันที่ 1 เมษายนตามที่เคยตกลงกันไว้) ขณะที่หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย SoftBank ระบุว่าการฟ้องร้องของ Neumann ไม่มีทางที่เขาจะชนะ เพราะสัญญาข้อตกลงเรื่องการซื้อหุ้นคืนที่ Neumann ก็เซ็นนั้น ไม่มีข้อไหนผูกมัด SoftBank ว่าจะต้องทำตามข้อตกลงทั้งหมด
ที่มา - Bloomberg
ภาพจาก Getty Images |
# ปิดเมือง คนแห่ซื้อของออนไลน์ ดันรายได้โฆษณา Amazon เพิ่มขึ้น 44%
นอกจากมีธุรกิจอีคอมเมิร์ซและคลาวด์แล้ว Amazon ยังมีธุรกิจโฆษณา Amazon Advertising ด้วย ผู้ค้าภายนอกสามารถซื้อโฆษณาเพื่อให้สินค้าของตัวเองถูกแสดงบนแพลตฟอร์ม Amazon เป็นลำดับแรกๆ
ในไตรมาสแรกปีนี้ รายได้โฆษณาบน Amazon เพิ่มขึ้นถึง 44% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ทะลุ 3.91 พันล้านเหรียญ
เมื่อเทียบกับ Facebook (28 พันล้านเหรียญ), Google (17.4 พันล้านเหรียญ) รายได้โฆษณาของ Amazon ถือว่ายังเล็กน้อย แต่เนื่องจากมาตรการปิดเมือง คนแห่ซื้อของออนไลน์ ทำให้แบรนด์สินค้าตัดสินใจซื้อพื้นที่โฆษณาบน Amazon กันมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสยอดขาย อย่างไรก็ตาม Amazon ระบุว่ารายได้โฆษณาเริ่มหดตัวลงในช่วงปลายเดือนมีนาคม เพราะความต้องการสินค้าสูง เกิดความล่าช้าในขั้นตอนการขนส่ง แบรนด์จึงชะลอการซื้อโฆษณาไปก่อน
การขายพื้นที่โฆษณาของ Amazon มีประเด็นที่น่าคำนึงถึงคือเรื่องผูกขาด เนื่องจาก Amazon มีสินค้าของตัวเองหลายประเภทลงขายด้วย ทำให้ Amazon ถูกมองว่าทำตัวเป็นคู่แข่งของแบรนด์สินค้า แทนที่จะเป็นแพลตฟอร์มสื่อกลางระหว่างผู้ค้าและคนซื้อ การที่ Amazon ทำธุรกิจขายพื้นที่โฆษณา เท่ากับแบรนด์ต้องจ่ายเงินเพื่อลงโฆษณาแข่งกับ Amazon ด้วยนั่นเอง
ภาพจาก Amazon Advertising
ที่มา - Digiday |
# ไมโครซอฟท์ยืนยัน Surface Neo เลื่อนไม่มีกำหนด, Windows 10X โฟกัสอุปกรณ์จอเดียวก่อน
Panos Panay หัวหน้าทีม Windows ประกาศข่าวการเลื่อนวางขาย Surface Neo อุปกรณ์สองจอชนิดใหม่ไปไม่มีกำหนด และปรับโฟกัสของระบบปฏิบัติการ Windows 10X มาเป็น "อุปกรณ์จอเดียว" (single-screen device) แทน (ตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้)
เหตุผลของไมโครซอฟท์คือ สถานการณ์โลกเปลี่ยนไปมากเพราะ COVID-19 โดยไมโครซอฟท์พบว่ากระแส work from home ทำให้การใช้งาน Windows 10 (นับเป็นจำนวนนาทีต่อเดือน) เพิ่มขึ้นถึง 75% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์จึงต้องการโฟกัสกับการใช้งานอุปกรณ์จอเดียวในปัจจุบันก่อน แล้วค่อยผลักดันอุปกรณ์สองจอในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป
Panay ไม่ได้ระบุกรอบเวลาว่าจะออก Windows 10X เมื่อไร (กำหนดเดิมคือช่วงปลายปี 2020 พร้อม Surface Neo) และไม่ได้พูดถึงแฝดน้อง Surface Duo ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ว่าจะเลื่อนด้วยหรือไม่
ที่มา - Microsoft |
# Intel ซื้อกิจการ Moovit แพลตฟอร์มแนะนำเส้นทางเดินทาง ต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ
อินเทลประกาศเข้าซื้อกิจการ Moovit สตาร์ทอัพแพลตฟอร์มวางแผนเส้นทางการเดินทางจากอิสราเอล ด้วยมูลค่าราว 900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นดีลที่มาเสริมกับธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับ ต่อจากการซื้อกิจการ Mobileye ผู้พัฒนาชิปรถยนต์ไร้คนขับเมื่อ 3 ปีก่อน
แอปของ Moovit มีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านบัญชีทั่วโลก รองรับข้อมูลเส้นทางใน 3,100 เมือง ของ 102 ประเทศ ระบบถูกดีพลอยลงในยานพาหนะเกือบ 60 ล้านคัน จากผู้ผลิตรถยนต์ 25 ราย
Bob Swan ซีอีโออินเทล กล่าวว่าอินเทลต้องการเข้ามาเปลี่ยนเกมของธุรกิจเทคโนโลยีในรถยนต์ ต่อจาก Mobileye มาถึง Moovit ทำให้อินเทลมีเทคโนโลยีในมือที่ครบมากขึ้น
ที่มา: อินเทล |
# เฟรมเวิร์คจัดการคอนฟิก SaltStack มีช่องโหว่รันโค้ดระยะไกล, DigiCert ถูกโจมตี กุญแจ CT Log รั่วไหล
SaltStack เฟรมเวิร์คจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอที แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2020-11651 และ CVE-2020-11652 ที่ฟังก์ชั่นตรวจสอบอินพุตไม่ครบถ้วน ทำให้แฮกเกอร์ยิงโค้ดจากระยะไกลเข้าไปรันบนเซิร์ฟเวอร์ได้ โดยช่องโหว่ CVE-2020-11651 นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ใช้ที่ล็อกอินล่วงหน้า ทำให้เซิร์ฟเวอร์จำนวนมากตกอยู่ในความเสี่ยงทันที ตอนนี้มีหน่วยงานหลายหน่วยงานรายงานว่าถูกโจมตีแล้ว ได้แก่ DigiCert หน่วยงานออกใบรับรองเข้ารหัส, Ghost แอปเขียนบล็อก, และ LineageOS ผู้พัฒนาระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์อิสระ
DigiCert นั้นหนักหนาที่สุดเพราะแฮกเกอร์เข้าถึงกุญแจของเซิร์ฟเวอร์รายงานการออกใบรับรอง (CT Log) แม้ว่าทาง DigiCert จะเชื่อว่าคนร้ายไม่ได้ตั้งใจมาขโมยกุญแจไปยืนยันการออกใบรับรอง (เซิร์ฟเวอร์ CT Log ออกใบรับรองเองไม่ได้ ได้เพียงยืนยันว่าบันทึกการออกใบรับรองแล้วเท่านั้น) แต่เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ถูกเจาะจึงต้องแจ้งเตือนให้เบราว์เซอร์และผู้ที่ตรวจสอบใบรับรองถอนเซิร์ฟเวอร์ CT Log 2 ออกจากรายการเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้
ทาง F-Secure แจ้งว่าช่องโหว่นี้ไม่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์น่าจะสร้างซอฟต์แวร์มาเจาะได้ภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น โดยตอนนี้ตรวจพบเซิร์ฟเวอร์ SaltStack มีช่องโหว่อยู่ประมาณ 6,000 เครื่อง
ที่มา - The Hacker News |
# อังกฤษทดสอบแอป Contact-Tracing บนเกาะไวท์สัปดาห์นี้ ใครแจ้งความเสี่ยงติด COVID-19 ในแอปจะได้ตรวจ
สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ประกาศทดสอบแอป contact-tracing หลังจากสัปดาห์ที่แล้วยืนยันว่าจะใช้แนวทางของตัวเองโดยไม่ทำตาม API ของกูเกิลและแอปเปิลที่มีเงื่อนไขมากกว่า โดยการทดสอบช่วงแรกจะเริ่มในเกาะไวท์ (Isle of Wight) เกาะที่มีประชากรประมาณ 140,000 คนอยู่ในช่องแคบอังกฤษ
ตัวแอปสร้างแรงจูงใจการติดตั้งและตอบข้อมูลตามจริง โดยรัฐบาลระบุว่าหากใครตอบแบบสอบถามในแอปและมีอาการเข้าข่ายจะได้ทดสอบไวรัส และหากยืนยันว่าติดเชื้อผู้ที่เคยเข้าใกล้จะได้รับแจ้งเตือน
อย่างไรก็ดี วันนี้ Health Service Journal อ้างแหล่งข่าวบุคคลากรระดับสูงในระบบประกันสุขภาพสหราชอาณาจักร (NHS) ระบุว่าแอปไม่ผ่านการทดสอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยไซเบอร์, ประสิทธิภาพการทำงาน, และความปลอดภัยทางการแพทย์
ที่มา - The Guardian
ภาพโดย JESHOOTS-com |
# กูเกิลและแอปเปิลห้ามแอป Contact Tracing ที่จะใช้ Exposure Notification API เก็บข้อมูลพิกัด
กูเกิลและแอปเปิลอัพเดตข้อมูล Exposure Notification API หรือชื่อเดิม Contact Tracing API โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าแอปทั้งหมดห้ามใช้ API ด้านพิกัด (location service)
ทั้งสองบริษัทยังระบุว่าแอปทั้งหมดต้องผ่านเงื่อนไข ด้านความเป็นส่วนตัวผู้ใช้, ความมั่นคงปลอดภัย, และการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล โดยหน่วยงานที่จะได้รับอนุมัติให้ใช้งาน API เหล่านี้ต้องเป็นหน่วยงานที่พัฒนาแอปเพื่อหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐ (public health authorities) เท่านั้น
เงื่อนไขใหม่นี้น่าจะทำให้หลายรัฐไม่พอใจ เพราะมีแนวทางเก็บข้อมูลพิกัดไปพร้อมกับข้อมูล beacon จาก Bluetooth LE เช่น Aarogya Setu ของอินเดีย หรือหลายหน่วยงานของสหรัฐฯ เองก็เคยระบุว่าต้องการข้อมูล GPS เพื่อตามหาจุดร่วมของผู้ติดเชื้อ
ที่มา - Exposure Notification FAQ v1.1, Strait Times |
# Vivaldi บน Android ออกจากเบต้า, นำเสนอ UI เน้นการใช้งานแท็บแบบเบราว์เซอร์บนเดสก์ทอป
ในโพสต์เดียวกันกับการประกาศออกเบราว์เซอร์เดสก์ทอปเวอร์ชัน 3.0 Vivaldi ยังได้ประกาศออกรุ่นเสถียรของ Vivaldi บน Android หลังจากที่ได้ทดสอบรุ่นเบต้ามาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ Vivaldi บน Android แตกต่างไปจากเบราว์เซอร์บนสมาร์ทโฟนเจ้าอื่นคือ การใช้ UI แบบแท็บเพื่อความสะดวกในการจัดการ/สลับการใช้งานหน้าเว็บเพจ แบบเดียวกันกับเบราว์เซอร์บนเดสก์ทอปซึ่งผู้ใช้น่าจะคุ้นเคยกันดี
ไม่เพียงแค่นั้น UI แบบแท็บยังได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานทั้งในแนวตั้งและแนวนอน โดยเฉพาะในแนวนอนที่ทาง Vivaldi เลือกที่จะซ่อนแถบ toolbar ด้านล่างและย้ายปุ่มไปวางไว้กับ address bar ด้านบนแทน เพื่อให้เหลือพื้นที่แสดงผลหน้าเว็บในแนวตั้งให้มากที่สุด
แท็บบน Vivaldi จะถูกเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น หากผู้ใช้ต้องการปิดการใช้งานแท็บเพื่อเพิ่มที่แสดงผลก็ยังสามารถทำได้ผ่านหน้า setting ของเบราว์เซอร์
นอกจากนี้ Vivaldi บน Android ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ของ Vivaldi เดสก์ทอปหลายอย่าง เช่น Speed Dials, Notes, ตัวช่วยจับภาพสกรีนช็อต, ตัวเลือกเปลี่ยนเสิร์ชเอนจินที่ใช้ค้นหาอย่างรวดเร็ว รวมถึงที่ฟีเจอร์ที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาอย่าง ระบบบล็อคโฆษณาและการบล็อคตัวติดตามผู้ใช้งานบนเว็บไซต์
และสำหรับท่านที่เคยใช้ Vivaldi เดสก์ทอปมาก่อน ก็จะสามารถเลือกเปิดระบบซิงก์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์ เพื่อดึงข้อมูล บุ๊คมาร์ค, Speed Dials, พาสเวิร์ด,ข้อมูลกรอกแบบฟอร์มมาใช้บน Vivaldi บน Android ได้ทันที
ท่านใดสนใจเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ Google Play ติดตั้งใช้งานได้กับ Android 5.0 ขึ้นไปครับ
ที่มา - Vivaldi blog, Android Central |
# แอปเปิลเปิดตัว MacBook Pro 13 ใหม่ ใช้ Magic Keyboard, ซีพียู 10th Gen แยกปุ่ม ESC
แอปเปิลเปิดตัว MacBook Pro 13 ใหม่ เปลี่ยนมาใช้ Magic Keyboard แล้วพร้อมปุ่ม ESC แยกให้ เท่ากับว่าไลน์อัพ MacBook ทุกรุ่นตอนนี้ไม่เหลือคีย์บอร์ดแบบ Butterfly แล้ว ส่วนซีพียูก็อัพเกรดเป็น Intel Core i5 10th Gen แรมอัพเกรดเป็น LPDDR4X บัส 3733MHz ขนาด 16GB ความจุเริ่มต้น 512GB พร้อม Touch Bar และ Touch ID ส่วน Thunderbolt มี 4 พอร์ท
MacBook Pro 13 ใหม่ความจุเริ่มต้น 512GB ราคา 59,990 บาทและความจุ 1TB ราคา 66,900.00 บาท โดยแอปเปิลวางตัว MacBook Pro 13 ใหม่นี้ไว้เป็นรุ่นบน และมีรุ่นซีพียู Core 8th Gen เป็นรุ่นล่างอยู่ 2 รุ่นที่อัพเกรดเป็น Magic Keyboard ให้แล้วเหมือนกัน
ที่มา - Apple Newsroom, แอปเปิล. |
# Vivaldi ออกเวอร์ชัน 3.0 มาพร้อมระบบบล็อคโฆษณาในตัว, บล็อคตัวติดตามผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ด้วยข้อมูลจาก DuckDuckGo
Vivaldi เบราว์เซอร์ทางเลือกเพื่อผู้ใช้ power user โดยอดีตซีอีโอ Opera ได้ประกาศออกเวอร์ชัน 3.0 ที่มุ่งเน้นไปยังฟีเจอร์รักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยได้เพิ่มทั้งระบบบล็อคโฆษณาและความสามารถในการบล็อคตัวติดตามผู้ใช้งานบนเว็บไซต์เข้ามาในอัพเดตนี้
รายละเอียดของใหม่พอสรุปได้ดังนี้
เพิ่มฟีเจอร์บล็อคตัวติดตามผู้ใช้บนเว็บ (Tracker blocker) โดยใช้ข้อมูลรายการแทร็กเกอร์คุณภาพสูงจาก DuckDuckGo เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตามร่องรอยของผู้ใช้งาน ด้วยการบล็อคการเก็บข้อมูลส่วนตัวโดยตัวติดตามขณะผู้ใช้กำลังเข้าชมเว็บไซต์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและยังส่งผลให้เว็บทำงานได้เร็วขึ้นอีกด้วย
เพิ่มระบบบล็อคโฆษณาเข้ามาในตัวเบราว์เซอร์ ช่วยบล็อคโฆษณาที่รบกวนการเข้าชมเว็บไซต์โดยไม่ต้องลงส่วนขยายเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าชมเป็นประจำ ทาง Vivaldi จึงไม่เลือกเปิดตัวบล็อคโฆษณาเป็นค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ที่ต้องการเปิดการใช้งานตัวบล็อคโฆษณาเข้าไปตั้งค่าได้ด้วยตัวเองที่ Setting > Privacy > Tracker and Ad Blocking และยังสามารถเพิ่มรายชื่อเว็บไซต์ที่ต้องการให้ยกเว้นการบล็อคโฆษณาได้ในหน้าเดียวกัน
เพิ่มนาฬิกาพร้อมฟังก์ชั่น ตั้งนาฬิกาปลุก, นับเวลาถอยหลัง เข้ามาในแถบ Status bar ช่วยป้องกันการใช้งานอินเทอร์เน็ตจนลืมเวลา
ปรับปรุง Spatial Navigation (คีย์ลัด Shift + ลูกศร) ให้ช่วยเลื่อนหน้าเว็บไปยังลิงก์แต่ละลิงก์อย่างรวดเร็ว
ปรับปรุง Pop-out video สามารถใช้แถบสไลด์เพื่อกรอวิดีโอไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้, สามารถตั้งค่าปิดการใช้งาน Pop-out video ได้หากไม่ต้องการ
ที่มา - Vivaldi blog, The Verge |
# Ubisoft ยืนยัน Assassin's Creed Valhalla ไม่มีแปลภาษาไทย
จากประเด็นในวันเปิดตัว Assassin's Creed Valhalla หน้าสโตร์ของ Ubisoft ระบุว่ามีการแปลภาษาไทย ก่อนที่ข้อมูลส่วนภาษาไทยจะถูกนำออกไปในภายหลัง สร้างความสับสนให้กับแฟนเกม
ล่าสุด Ubisoft ยืนยันแล้วว่า Assasin's Creed Valhalla จะไม่มีการแปลภาษาไทยแต่ก็ยืนยันว่ามีความพยายามในการแปลภาษาไทยลงเกมอยู่เหมือนกัน ขณะที่ใครที่จองเกมล่วงหน้าไปแล้วเพราะคิดว่ามีการแปลภาษาไทย สามารถขอรีฟันด์ได้ทั้งจาก Ubisoft และ Epic Games
ที่มา - Ubisoft |
# Mozilla เปิดตัว Firefox Private Relay สร้างอีเมลแบบใช้ครั้งเดียวกรอกลงเว็บไซต์โดยไม่ต้องกรอกอีเมลจริง
Mozilla เปิดตัวส่วนขยายใหม่ในชื่อว่า Firefox Private Relay บริการสร้าง email alias สำหรับใช้ครั้งเดียวเพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้บริการต่าง ๆ บนโลกออนไลน์
หน้าที่หลักของ Firefox Private Relay คือเมื่อกดปุ่มแล้วระบบจะสร้างอีเมลแอดเดรสเป็นแบบใช้ครั้งเดียว และกรอกลงเว็บไซต์เมื่อเว็บไซต์ต้องการอีเมลแอดเดรสในการใช้บริการต่าง ๆ โดยเมื่อมีอีเมลส่งเข้ามาทางอีเมลที่สร้างมาใหม่นี้ Mozilla จะส่งต่อไปยังอีเมลแอดเดรสของผู้ใช้งานที่กำหนดไว้ หรือถ้าไม่ต้องการใช้งานอีเมลแอดเดรสที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ ก็สามารถสั่งทำลายทิ้งได้ทันที
ลักษณะการสร้างอีเมลแบบใช้ครั้งเดียวนี้จะเหมือนกับ Sign in with Apple ที่สร้างอีเมลแอดเดรสให้ใส่ครั้งเดียว แต่ Firefox Private Relay ไม่ใช่บริการสำหรับล็อกอินเต็มรูปแบบเหมือนกับ Sign in with Apple ทำได้เพียงการสร้างอีเมลแอดเดรสเท่านั้น ดังนั้นบริการนี้จึงเหมาะกับการกรอกอีเมลเพื่อสมัครรับข่าวสารหรือซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ที่เราเข้ามาใช้บริการไม่บ่อยนัก
ซอร์สโค้ดของ Firefox Private Relay ดูได้จาก GitHub ตอนนี้โครงการยังอยู่ในช่วงการทดสอบเบต้า ผู้ที่จะเข้าร่วมจะต้องได้รับคำเชิญทดสอบเท่านั้น
ที่มา - Firefox Private Relay, The Next Web |
# รายงานอินเทอร์เน็ตจีนเผย มีผู้ใช้งานเน็ตเกือบ 900 ล้านราย, เรียนออนไลน์ช่วงโรคระบาดกว่า 400 ล้าน user
ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน (China Internet Network Information Center – CNNIC) ออกรายงานการใช้อินเทอร์เน็ตประจำปี รวมถึงข้อมูลน่าสนใจของการใช้งานเน็ตในช่วงโรคระบาด มีที่น่าสนใจดังนี้
ผู้ใช้งานเน็ตจีนมีประมาณ 900 ล้านราย แต่ก็ยังมีราว 500 ที่ยังไม่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต
ถือว่ามีผู้ใช้งานเน็ตเพิ่มขึ้นจากปลายปี 2018 มา 75 ล้านราย โดยผู้ใช้งานเน็ตถึง 997 ราย หรือคิดเป็น 99.3% ของผู้ใช้งานในจีนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ แต่ก็ยังมีคนถึง 500 ล้านรายที่ยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีหลากหลายเหตุผลไม่ว่าจะเป็นเพราะอาศัยในชนบท, มีอายุมาก ขาดความเข้าใจเรื่องอินเทอร์เน็ต และไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้เน็ต
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่มีการศึกษาระดับวิทยาลัยนั้นยังเป็นคนส่วนน้อย
ในเดือนมีนาคมปี 2020 มีผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยอาชีวศึกษาคิดเป็น 19.5% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด อีก 41.1% เพิ่งจบการศึกมัธยมต้น และ 22.2% จบการศึกษามัธยมปลาย ในทำนองเดียวกัน 72.5% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนมีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 5,000 หยวน หรือราว 22,990 บาท
ภาพถนนในจีนจาก Pixabay
โรคระบาดบังคับเด็กต้องเรียนผ่านออนไลน์
ในช่วงโรคระบาดในจีน ราวเดือน ม.ค. - มี.ค. มีคนเข้าเรียนผ่านออนไลน์ 423 ล้าน user เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนปี 2019 เกือบสองเท่า ซึ่งตอนนั้นมี user เพียง 232 ล้านราย ในแง่การทำงานก็ต้องใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลักเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแอปประชุม DingTalk และ Tencent Meeting บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Huawei และ JD.com ก็ทำแพลตฟอร์มทำงานของตัวเองออกมาในช่วงนี้ด้วย
ไลฟ์สตรีมมิ่งจากที่เป็นที่นิยมในจีนอยู่แล้ว ก็ยิ่งทวีคูณในช่วงโรคระบาด โดยมีการไลฟ์สตรีมในจีน 560 ล้านราย เกือบครึ่งหนึ่งสตรีมเพื่อซื้อขายของ
แอปส่งอาหารไม่ได้นิยมกันมากอย่างที่คิด กล่าวคือ คนจีนใช้แอปส่งอาหารกันจนเป็นเรื่องปกติ แต่ช่วงโรคระบาดมีผู้ใช้งานแอปส่งอาหาร 398 ล้านราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าปลายปี 2018 ที่มี 410 ล้านราย
TikTok ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมจีนสู่ชาวโลก
TikTok นอกจากจะเริ่มเป็นที่นิยมของคนทั่วโลกด้วยเป็นแหล่งความบันเทิงใหม่ช่วงโรคระบาดแล้ว คนทั่วโลกก็รู้จักวัฒนธรรมจีนผ่าน TikTok ด้วยเช่นกัน รวมถึง Kuaishou แอปวิดีโอสั้นของ Tencent ด้วย ที่มีวิดีโอที่ครีเอเตอร์คนจีนผลิตแล้วนำไปแชร์ต่อๆกันในแพลตฟอร์มอื่นอย่าง YouTube, Facebook และ Twitter
รัฐบาลจีนใช้โซเชียลมีเดียในการเผยแพร่ค่านิยมและโฆษณาชวนเชื่อ
จากรายงานพบว่า ในเดือนธันวาคม 2019 มีบัญชีที่ดำเนินการโดยรัฐบาล 17,380 บัญชีใน Douyin (TikTok เวอร์ชั่นจีน), หน่วยงานปกครองของ Shandong เฉพาะจังหวัดเดียว มีการเปิดใช้งานบัญชีใน Douyin ถึง 1,175 บัญชี, Weibo ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดโดยมีบัญชีรัฐบาล 139,000 บัญชี
ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานจาก Vice ระบุว่า รัฐบาลจีนเพ่งเล็งคนที่แชร์ข้อมูลและวิจารณ์รัฐบาลเรื่องไวรัสบนโซเชียลมีเดียด้วย
ที่มา - SCMP |
# ซีอีโอ Slack ยืนยัน Microsoft Teams ไม่ใช่คู่แข่ง บอกผู้ใช้ Office อีกมากยังไม่ใช้ Teams
Stewart Butterfield ซีอีโอของ Slack ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ยืนยันว่า Microsoft Teams ไม่ใช่คู่แข่งของ Slack และไม่สามารถฆ่า Slack ได้
ประเด็นที่ Butterfield ยกขึ้นมาคือไมโครซอฟท์ใช้ยุทธศาสตร์พ่วง Teams ไปกับ Office 365/Microsoft 365 ที่มีฐานผู้ใช้ 250 ล้านคน และพยายามผลักดันให้ผู้ใช้ Skype for Business ย้ายมาใช้ Teams แต่ถ้านับเวลาที่ผ่านมาแล้ว 3 ปี ไมโครซอฟท์ยังมีผู้ใช้ Teams เพียง 29% ของผู้ใช้ Office ทั้งหมดเท่านั้น แสดงให้เห็นว่ามีผู้ใช้อีกจำนวนมากที่ไม่อยากใช้หรือไม่สนใจ Teams เลย
อย่างไรก็ตาม The Verge ชี้ว่าตัวเลข 29% ที่ Butterfield ยกมาอ้างก็คือ ผู้ใช้ Teams จำนวน 75 ล้านคน ที่เยอะกว่า Slack มาก และในเอกสารที่รายงานต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ Slack ก็ระบุชื่อ Microsoft Teams ว่าเป็น "คู่แข่ง"
ถ้ายังจำกันได้ ตอนที่ Microsoft Teams เปิดตัวในปี 2016 ทาง Slack ก็ซื้อหน้าโฆษณาหนังสือพิมพ์ตอบโต้ Teams
ที่มา - CNBC, The Verge
ภาพจาก Slack |
# เตรียมพร้อมสู่การเปิดเมือง Uber เตรียมขอให้คนขับและคนนั่งใส่หน้ากากป้องกันเสมอ
เมื่อใกล้จะเปิดเมือง Uber ก็เตรียมออกนโยบายใหม่ ขอให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารต้องใส่หน้ากากอนามัย หรืออุปกรณ์ปกปิดใบหน้าเพื่อป้องกันเชื้อ จะเริ่มมีผลในสหรัฐฯ ก่อน นอกจากนี้ยังมีรายงานอ้างจากบุคคลภายในบริษัทที่ไม่ประสงค์ออกนามด้วยว่า Uber กำลังพัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับ ที่ทำให้มั่นใจว่าคนขับต้องสวมหน้ากากก่อนที่จะรับงาน
ตัวเทคโนโลยีใหม่ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ ออกมา อย่างไรก็ตามปัจจุบัน Uber มีเทคโนโลยี Real Time ID-check หรือการตรวจสอบตัวตนของคนขับอยู่แล้ว ด้านนโยบายใหม่จะเปิดใช้งานในช่วงสัปดาห์ถัดไป ทางบริษัทระบุว่าจะพยายามจัดหาหน้ากากให้คนขับที่มีความต้องการโดยเร็วที่สุด
ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา Uber บอกว่าได้จัดส่งหน้ากากและอุปกรณ์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในรถให้แก่คนขับ แต่ก็ยังมีข้อสังเกตว่าบริษัทจะทำให้ทั่วถึงได้อย่างไร เพราะอุปกรณ์หายาก และต้องจัดหาให้บุคลากรการแพทย์ก่อน
ที่มา - CNN Business |
# Google Home ลดราคาจาก 99 เหรียญ เหลือ 29 เหรียญเท่านั้น
Google ลดราคา Google Home จากเดิม 99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,200 บาท) เหลือเพียง 29 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 940 บาท) เท่านั้น ถูกกว่า Nest Mini ที่ยังราคา 39 เหรียญสหรัฐอยู่ ตอนนี้บนหน้าเว็บ Google กับ Target ขึ้น Out of Stock แล้ว แต่บนเว็บไซต์ BestBuy ยังเหลืออยู่ (ไม่กี่ชิ้น)
คาดว่าอาจเป็นการลดราคา เตรียมรับงานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่จะจัดขึ้นภายในเดือนนี้ ที่อาจมีสินค้า เช่น Pixel 4a หรือ Google Home รุ่นใหม่ด้วยก็ได้ (ยังไม่ยืนยัน)
ที่มา - CNET |
# HiSilicon บริษัทลูก Huawei ทำยอดขายชิปสมาร์ทโฟนในจีน แซง Qualcomm ครั้งแรก
Cinno Research บริษัทวิจัยตลาดของจีนรายงานผลยอดขาย และส่วนแบ่งตลาดของบริษัทผลิตชิปในไตรมาสแรก ปี 2020 ว่า HiSilicon บริษัทลูกของ Huawei มียอดขายและส่วนแบ่งตลาด แซง Qualcomm บริษัทชิปเจ้าตลาดของอเมริกาได้แล้ว
HiSilicon มียอดจำหน่ายชิปสมาร์ทโฟนในไตรมาสแรกของปีเพิ่มจาก 22.17 ล้านชิ้นในปี 2019 เป็น 22.21 ล้านชิ้นในปีนี้ ที่แม้ยอดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นแค่ 0.04 ล้านชิ้น แต่เป็นบริษัทผลิตชิปรายเดียว ที่มียอดจำหน่ายชิปเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 43.9% แซง Qualcomm ที่มีส่วนแบ่งตลาดเหลือ 32.8% จาก 48.1% ในไตรมาสแรกของปี 2019
นโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ ทำให้ Huawei เร่งผลิตชิปด้วยตัวเอง และซื้อชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์จากสหรัฐน้อยลง นอกจากนี้ยังเริ่มย้ายฐานการผลิตชิปจาก TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co.) มาผลิตที่ SMIC (Semiconductor Manufacturing International Corp) ในเซี่ยงไฮ้มากขึ้น เนื่องจากสหรัฐเตรียมออกกฎเพิ่มเติม ให้บริษัทที่ใช้เครื่องจักรของสหรัฐในการผลิตชิป ต้องขออนุญาตก่อนจะส่งชิปให้ Huawei ซึ่ง TSMC จะได้รับผลกระทบจากกฎใหม่นี้
อย่างไรก็ตาม Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง Huawei ยังคงยืนยันในการสัมภาษณ์กับ Yahoo Finance เมื่อปีที่แล้ว ว่าบริษัทจะใช้ชิ้นส่วนจากบริษัทชิปของอเมริกาเช่น Intel หรือ Qualcomm ต่อไป ตราบใดที่กฎเกณฑ์ทางการค้าของสหรัฐยังอนุญาตอยู่
ที่มา - South China Morning Post
ภาพจาก CINNO Research |
# ออสเตรเลียทำข้อมูลผู้อพยพหลุดกว่า 7 แสนราย จากแพลตฟอร์มเก็บข้อมูลความสนใจและทักษะของแรงงาน
สำนักข่าว The Guardian รายงานว่า ออสเตรเลียทำข้อมูลเกี่ยวกับผู้อพยพรวมถึงผู้ที่กำลังจะอพยพมาออสเตรเลียหลุดเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลที่หลุดนี้ ออกมาจาก SkillsSelect เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มของหน่วยงานด้านการจัดหางานของออสเตรเลีย โดยแพลตฟอร์มนี้มีเป้าหมายคือให้กลุ่มแรงงานมีฝีมือและนักธุรกิจที่ต้องการอพยพมาออสเตรเลียระบุความสนใจและทักษะของตัวเอง และรอรับคำเชิญทำวีซ่าสำหรับกลุ่มแรงงานมีฝีมือ
The Guardian พบว่า SkillsSelect สามารถเข้าใช้งานได้ง่ายมาก เพียงไม่กี่คลิกผู้ใช้ก็เห็นรายละเอียดต่าง ๆ ของผู้สมัครแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เกิด, อายุ, สถานะการสมรส, ผลลัพธ์จากใบสมัคร ไปจนถึงมีฟิลเตอร์ด้านความสนใจและทักษะให้เสิร์ชกลุ่มที่สนใจได้ง่าย ๆ ซึ่งโดยรวมแล้วมีผู้ใช้ (คำนวณจากจำนวน ADUserID) ทั้งหมด 774,326 รายการ, มี 189,426 รายการที่ทำแบบสำรวจความสนใจเรียบร้อยแล้ว และทั้งหมดสามารถเสิร์ชย้อนหลังไปได้จนถึงปี 2014
หลังจาก Guardian Australia ติดต่อไปยังหน่วยงานที่ดูแล SkillsSelect ไปไม่นานก็พบว่า SkillsSelect ตอนนี้อยู่ในสถานะกำลังพัฒนาระบบแล้ว
ที่มา - The Guardian, Engadget
ภาพโดย Patty Jansen จาก Pixabay |
# 20 ปีมัลแวร์ Love Bug ผู้สร้างมัลแวร์ทำงานร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือในกรุงมะนิลา
วันนี้เป็นวันครบรอบ 20 ปีมัลแวร์ Love Bug ที่เริ่มระบาดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2000 โดยเหยื่อจะได้รับอีเมลหัวข้อ LOVE-LETTER-FOR-YOU และหากเปิดไฟล์แนบ มันจะเขียนทับข้อมูลในเครื่อง, ขโมยรหัสผ่าน, และส่งต่อมัลแวร์ไปยังทุกคนในรายชื่อติดต่อ
Love Bug สร้างความโกลาหลให้กับอินเทอร์เน็ตในยุคนั้น มูลค่าความเสียหายน่าจะสูงถึงหลายหมื่นล้านบาท ตัวมัลแวร์สร้างโดย Onel de Guzman นักศึกษาจาก AMA Computer College เขาระบุว่า Love Bug เป็นไวรัสดัดแปลงมาจากไวรัสตัวอื่น ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยรหัสอินเทอร์เน็ต และเขาดัดแปลงมันขึ้นมาเพราะต้องการขโมยรหัสผ่านอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน เนื่องจากยุคนั้นอินเทอร์เน็ตแพงเกินไป แต่หลังจากนั้นเขาก็เพิ่มฟีเจอร์กระจายตัวอัตโนมัติ, แก้ไขหัวข้ออีเมลให้น่าเปิดอ่านยิ่งขึ้น, แล้วส่งไปยังคนสิงคโปร์คนหนึ่ง ไวรัสแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
Geoff White นักข่าว BBC ตามตัว Onel de Guzman พบในเขต Quiapo ของกรุงมะนิลา ปัจจุบันเขาทำงานในร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงมะนิลา
ที่มา - BBC
ภาพโดย OpenClipart-Vectors |
# กูเกิลเตรียมแยก Chrome จาก Chrome OS ให้อัพเดตเบราว์เซอร์ได้ แม้ OS หยุดซัพพอร์ต
Chromebook ถือเป็นฮาร์ดแวร์สายกูเกิลที่มีระยะเวลาซัพพอร์ตยาวนานกว่า Android มาก (บางรุ่นคือมีระยะเวลาซัพพอร์ตนานถึง 8 ปี) แต่ไม่ว่าระยะซัพพอร์ตนานแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็มีจุดสิ้นสุดอยู่ดี
ดูเหมือนว่ากูเกิลไม่ได้พอใจแค่นั้น เพราะมีคนไปค้นเจอโค้ดของ "LaCrOS" โครงการที่แยกส่วนเว็บเบราว์เซอร์ Chrome ออกจากระบบปฏิบัติการ Chrome OS เพื่อให้สามารถอัพเดตเฉพาะตัว Chrome ต่อไปได้ แม้ว่า Chrome OS จะหมดระยะซัพพอร์ตแล้วก็ตาม
การอัพเดตเอนจิน Chrome ให้ทันสมัย รองรับฟีเจอร์เว็บใหม่ๆ เป็นประเด็นสำคัญไม่น้อย ก่อนหน้านี้ Chromecast ก็เคยมีประเด็นเรื่องการอัพเดตเวอร์ชัน Chrome เช่นกัน
ตอนนี้ LaCrOS มีสถานะเป็น flag ใน Chrome รุ่นสำหรับนักพัฒนา โดยกูเกิลยังไม่ได้ประกาศถึงฟีเจอร์นี้แต่อย่างใด
ที่มา - Chromium, 9to5google
ภาพจาก Google |
# VESA ออกสเปค DisplayPort Alt Mode 2.0 ยกเอามาตรฐาน DP 2.0 ไปไว้บน USB4
VESA (สมาคม Video Electronics Standards Association) ประกาศเปิดตัวสเปค DisplayPort Alt Mode 2.0 เป็นการอัพเกรดจาก DisplayPort Alt Mode เวอร์ชันแรก ที่ทำให้ DisplayPort สามารถเชื่อมต่อผ่าน USB-C
DispalyPort Alt Mode 2.0 เป็นการยกเอาสเปค DisplayPort 2.0 ที่ออกเมื่อปีที่แล้วให้ทำงานร่วมกับมาตรฐาน USB4 ได้ ส่วนหนึ่งก็ด้วยทั้ง 2 มาตรฐานพัฒนาจาก Thunderbolt 3 ทั้งคู่
USB4 และ Alt Mode 2.0 หากทำงานพร้อมกันจะแบ่งแบนด์วิธกันที่ฝ่ายละ 40Gbps แบบ 2 เลน(สูงสุดของ USB4) แต่หากไม่มีการเชื่อมต่อผ่านโปรโตคอล USB จะทำให้ Alt Mode 2.0 ได้แบนด์วิธสูงสุดที่ 80Gbps เทียบเท่ามาตรฐาน DisplayPort 2.0 โดยทาง VESA คาดว่าเราน่าจะได้เห็นอุปกรณ์ที่รองรับ DisplayPort Alt Mode 2.0 ภายในปี 2021
ที่มา - VESA, Anandtech |
# Google ลดราคา Pixel 4 และ Pixel 4 XL เหลือ 499 และ 599 เหรียญ
Google ได้ปรับราคาของ Pixel 4 และ Pixel 4 XL ลงมาเหลือแค่ 499 เหรียญและ 599 เหรียญตามลำดับ ทั้งในหน้า Google Store และ Amazon
คาดว่าการปรับราคาครั้งนี้น่าจะเป็นการปรับถาวรท่ามกลางวิกฤติ COVID-19 ก่อนที่ Pixel 5 จะมาปลายปี และเมื่อราคาถูกปรับลงมาพอ ๆ กับสมาร์ทโฟนระดับกลางแบบนี้ คิดว่าทำให้พอมองข้ามข้อเสียต่าง ๆ และทำให้ Pixel 4 และ Pixel 4 XL กลายเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจขึ้นมาได้ค่อนข้างเยอะ
ส่วน Pixel 4a ที่น่าจะมาเร็ว ๆ นี้ ราคาน่าจะไม่พ้น 399 เหรียญหรือถูกกว่า
ที่มา - Android Central |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.