txt
stringlengths
202
53.1k
# กูเกิลยืนยัน จะออก Wear OS ปีละเวอร์ชัน ใช้รอบอัพเดตเหมือน Android Björn Kilburn หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของระบบปฏิบัติการ Wear OS ให้ข้อมูลกับ Wired ว่ากูเกิลจะออกระบบปฏิบัติการ Wear OS เวอร์ชันใหม่ทุกปี ลักษณะเดียวกับรอบการอัพเดต OS ของสมาร์ทโฟน เขายังบอกด้วยว่ารอบการอัพเดตปีละครั้งเหมือน Android จะทำให้กูเกิลซัพพอร์ตฟีเจอร์จาก Android ได้ดีขึ้น เช่น หาก Android ของปีนั้นมีของใหม่ที่สำคัญ กูเกิลก็จะต้องหาวิธีนำมันมาใส่ในนาฬิกาให้ได้ด้วย ที่ผ่านมา ระบบปฏิบัติการ Wear OS ของกูเกิลไม่ค่อยได้อัพเดตใหญ่ๆ มากนัก โดย Wear OS 2.0 ออกครั้งแรกในปี 2018 ใช้แกนเป็น Android 8 Oreo จากนั้นอัพเดตย่อยๆ อีกหลายครั้ง เปลี่ยนแกนเป็น Android 9 Pie แล้วข้าม Android 10 ไปเลย เพิ่งมาได้ Android 11 ตอน Wear OS 3.0 ช่วงกลางปี 2021 นโยบายการออกรุ่นใหม่ปีละครั้งย่อมทำให้คนเชื่อมั่นใน Wear OS มากขึ้น แต่กูเกิลก็ไม่ได้บอกว่าจะเป็นเลขเวอร์ชันแบบใด เพราะอย่างรอบปี 2022 ตัวเลขเวอร์ชันขยับมาเป็น Wear OS 3.5 ยังไม่ใช่ 4.0 แต่อย่างใด นอกจากนี้ Kilburn ยังบอกว่า Wear OS ยังจะมีการอัพเดตย่อยไตรมาสละครั้ง แต่กระบวนการปล่อยอัพเดต OS จะขึ้นกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เป็นหลัก (ยุค Wear OS 2 กูเกิลออกอัพเดตให้ตรง แต่พอยุค Wear OS 3 เปลี่ยนตรงนี้) ซึ่งก็แล้วแต่ยี่ห้อว่ามีนโยบายในการอัพเดตอย่างไร ที่มา - Wired
# Kotlin Multiplatform Mobile ออกรุ่น Beta, เขียนแอพ Android แล้วแปลงโค้ดเป็น iOS ภาษา Kotlin ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ หลังกูเกิลเลือกเป็นภาษาหลักในการสร้างแอพบน Android ถึงขั้นมีบางองค์กร เช่น Netflix เริ่มผลักดันการใช้ Kotlin เขียนแอพมือถือทั้ง Android/iOS ไปพร้อมกันเลย ทีม JetBrains เองก็รับลูกแนวทางนี้ และพัฒนาออกมาเป็น SDK ชื่อว่า Kotlin Multiplatform Mobile (KMM) ที่ตอนนี้เข้าสถานะ Beta แล้ว แนวทางของ Kotlin Multiplatform Mobile คือยึดแอพเวอร์ชัน Android เป็นหลัก ใช้ Android Studio เป็นเครื่องมือพัฒนาแอพตามปกติ แต่เพิ่มการคอมไพล์โค้ดออกมาเป็นแอพ iOS ด้วยอีกตัว (ต้องทำผ่าน Xcode ในเครื่องเดียวกัน ซึ่งแปลว่ารองรับเฉพาะบน macOS) โดยปลั๊กอิน KMM จะช่วยจัดการกระบวนการเหล่านี้ให้อัตโนมัติ แต่อาจต้องมีการเขียนโค้ดส่วนที่เป็น iOS native/Swift เพิ่มเองบ้าง (ฐานโค้ดหลักๆ ใช้ตัวเดียวกัน) Netflix ระบุว่าข้อดีของ KMM ที่ใช้ฐานโค้ดเดียวกันทั้ง Android/iOS ช่วยลดภาระในการดูแลแอพ 2 เวอร์ชัน ถือเป็นจุดเด่นที่หักลบกับความยุ่งยากในการเซ็ตระบบแล้วคุ้มค่า นอกจาก Netflix แล้วยังมีบางองค์กร เช่น Philips, Baidu, VMWare ที่เริ่มพัฒนาแอพด้วยแนวทาง KMM แล้วเช่นกัน ที่มา - JetBrains
# Modern Warfare II จะบังคับยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์ แบบเดียวกับ Overwatch 2 Activision Blizzard เดินหน้าบังคับยืนยันตัวตนบัญชี Battle.net ด้วยเบอร์โทรศัพท์ ตามแนวทางที่เริ่มใน Overwatch 2 โดยเกมที่สองที่ตามมาคือ Call of Duty: Modern Warfare II เกมใหญ่ของค่ายประจำปีนี้ (กำหนดขาย 28 ตุลาคม) ในหน้าเว็บของ Battle.net ระบุว่าบัญชีเกม Call of Duty: Modern Warfare II รวมถึงบัญชีที่สร้างใหม่ของเกม Modern Warfare ภาคแรก จะต้องยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์ Blizzard เพิ่งยกเลิกนโยบายยืนยันตัวตนให้ผู้เล่น Overwatch 2 ที่เป็นบัญชีเก่า แต่ยังบังคับยืนยันตัวตนกับบัญชีสร้างใหม่ ภาพรวมก็แสดงให้เห็นทิศทางของค่าย Activision Blizzard ว่าสุดท้ายแล้วต้องการยืนยันตัวตนผู้เล่นในเกมมัลติเพลเยอร์ทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหา toxic ของวงการ แนวทางยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีหลายเกมเคยทำมาก่อนแล้ว เช่น Dota 2 และ Rainbow Six Siege ที่มา - Battle.net, PCGamer
# Facebook มีบั๊ก แสดงจำนวนผู้ติดตามหาย ไม่ตรงตามจริง ผู้ใช้ Facebook หลายรายแสดงความคิดเห็นว่ายอดจำนวนผู้ติดตามของตนเองหายไป ซึ่งบางคนหายไปเป็นหลักหมื่นหรือหลักแสนคน คาดว่าเป็นบั๊กที่ทำให้ Facebook แสดงผลไม่ตรงตามความจริง บัญชี Facebook ของ Mark Zuckerberg ก็เช่นเดียวกัน ขณะนี้พบว่ามีจำนวนผู้ติดตามบัญชีอยู่แค่ไม่ถึง 1 หมื่นคนเท่านั้น ทั้งนี้ หากเข้าผ่านสมาร์ทโฟนและกดเข้าไปดูจากตัวเลขที่แสดงผล ก็ยังแสดงจำนวนผู้ติดตามจำนวนกว่า 100 ล้านคนเป็นปกติ
# Mark Zuckerberg เชื่อระบบ VR ของ Meta ดีกว่า Apple เพราะเป็น ecosystem แบบเปิด Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับ The Verge ว่าเขามองว่าระบบ VR ของ Meta ดีกว่าอุปกรณ์เฮดเซ็ต AR/VR ที่ Apple กำลังพัฒนาอยู่แน่นอนเพราะเป็นระบบ ecosystem แบบเปิดซึ่งเขามองว่าเหมาะสมกับเทคโนโลยี VR มากกว่าระบบปิดของ Apple Zuckerberg เปรียบเทียบ Window กับ MacOS และเปรียบเทียบระบบ Android กับ iOS เพื่อแสดงความเห็นว่า Apple ใช้ระบบแบบปิดก็เพื่อจำกัดควบคุมการใช้งานของผู้ใช้และเพื่อทำกำไรเพิ่ม ซึ่งไม่ดีเท่าระบบเปิดที่ Meta ใช้อยู่เพราะสามารถใช้เทคโนโลยีที่ร่วมพัฒนากับบริษัทอื่น ๆ ได้ เหมือนที่ Meta พัฒนาซอฟต์แวร์ร่วมบริษัท Microsoft, Autodesk และ Accenture ทั้งนี้ ไม่แน่ว่าระบบเปิดของ Meta จะดำเนินไปอย่างไรในอนาคตเพราะในปัจจุบันแว่น VR ของ Meta ก็ใช้ได้กับเฉพาะแพลตฟอร์ม Horizon Worlds ของบริษัทเองเท่านั้น แต่ Zuckerberg ก็บอกว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับบริษัทอื่นเพื่อพัฒนาอุปกรณ์เฮดเซ็ต VR ด้วยนอกเหนือจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ ทางด้าน Tim Cook ซีอีโอของ Apple เองก็มีความเห็นไม่ตรงกับ Mark Zuckerberg นักในเรื่อง VR โดยตั้งคำถามว่าคนจะต้องการใช้เวลาอยู่กับโลกเสมือนนี้นานขนาดนั้นไหม Meta เพิ่งจะเปิดตัวแว่น Meta Quest Pro ไป ขณะที่อุปกรณ์เฮดเซ็ต AR/VR ของ Apple น่าจะเปิดตัวในปีหน้า อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มของ Mark Zuckerberg ได้ที่ The Verge ที่มา: The Verge
# TikTok เตรียมสร้างศูนย์กระจายสินค้าในสหรัฐฯ หลังพบรับสมัครงานตำแหน่งใหม่ TikTok กำลังวางแผนสร้างศูนย์กระจายสินค้าในสหรัฐฯ หลังพบว่ามีการประกาศรับสมัครงานตำแหน่งใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนสร้างศูนย์กระจายสินค้าและวางระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในศูนย์ โดยรับสมัครพนักงานในเมือง Seattle ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมในรัฐวอชิงตัน TikTok วางแผนที่จะสร้างศูนย์กระจายสินค้าที่มีระบบขนส่งสินค้าสำหรับอีคอมเมิร์ช ครอบคลุมถึงการเก็บสินค้าในคลัง การรวบรวมและขนส่งพัสดุ ระบบซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ทั้งสำหรับในสหรัฐฯ และต่างประเทศ นอกจากนี้ TikTok ก็ได้วางแผนสร้างบริการการคืนสินค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับที่ Amazon ทำด้วย ทั้งนี้ ยังไม่มีอะไรที่ชี้ว่าบริษัทจะให้บริการขนส่งของตนเองแบบ Amazon แต่จะประสานกับผู้ขายในเรื่องการแพ็คและส่งสินค้าแทน TikTok ได้เข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ชมาซักระยะหนึ่งแล้ว เมื่อปีที่แล้วก็ได้ร่วมมือกับ Shopify เพื่อเพิ่มปุ่มซื้อของในแอป ที่มา: Axios ภาพคลังสินค้าของ Amazon
# Google Cloud เปิดตัว Translation Hub บริการแปลเอกสารคิดราคาต่อหน้า สร้างโมเดลเฉพาะของตัวเองได้ Google Cloud เปิดบริการแปลเอกสาร Translation Hub สำหรับธุรกิจเป็นแอปพลิเคชั่นเต็มรูปแบบสำหรับผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้งานได้ทันที และเอกสารยังคงจัดหน้าเหมือนเดิม ตอนนี้ Translation Hub รองรับไฟล์ DOCX, PPTX, และ PDF และเอกสารใน Google Docs และ Google Slides โดยบริการระดับพื้นฐานนั้นจะกำหนดรูปแบบการแปลได้เล็กน้อย สามารถกำลังเป็น template หรือกำหนดคลังคำศัพท์ไว้ ขณะที่ระดับสูงจะสามารถฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ด้วย AutoML เพิ่มเติม, มีเครื่องมือ translation memory รูปแบบเดียวกับการแปลมืออาชีพ, และมีการทำนายคะแนนคุณภาพการแปลเอาไว้ ค่าบริการแปลระดับพื้นฐานอยู่ที่ 0.15 ดอลลาร์ต่อหน้า และระดับสูงอยู่ที่ 0.50 ดอลลาร์ต่อหน้า ที่มา - Google Cloud
# Intel และ Google Cloud เปิดตัว E2000 ชิปสำหรับงาน Data Center เพิ่มความปลอดภัยให้ shared CPU อินเทล และ Google Cloud เปิดตัวชิปที่ร่วมมือกันออกแบบ สำหรับใช้ในงานศูนย์ข้อมูลโดยเฉพาะซึ่งระบุว่ามีประสิทธิภาพ และปลอดภัยมากขึ้น ชิปดังกล่าวคือ E2000 มีโค้ดเนมว่า Mount Evans ทำหน้าที่จัดการข้อมูลบนเครือข่ายจากซีพียู ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้าที่อาจกำลังใช้งานซีพียูร่วมกันกับลูกค้าคนอื่นบนคลาวด์ Google Cloud จะนำชิป E2000 นี้ มาใช้กับแมชชีน C3 รุ่นใหม่ ซึ่ง C3 ใช้ Intel Xeon 4th Gen ในการประมวลผล ผลการทดสอบพบว่าทำงานได้ดีขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ C2 ในสภาพที่มีเวิร์กโหลดสูง ถึงแม้ชิปนี้จะพัฒนาเพื่อใช้กับ Google Cloud เป็นหลัก แต่ผู้บริหารอินเทลก็บอกว่ากำลังพิจารณาขายให้กับลูกค้ารายอื่นด้วย ที่มา: Reuters
# เผย Intel เตรียมปลดพนักงานหลายพันตำแหน่ง คาดประกาศช่วงปลายเดือน มีรายงานจาก Bloomberg ว่าอินเทลมีแผนเตรียมปลดพนักงานจำนวนหลายพันตำแหน่ง โดยคาดว่าจะประกาศในเดือนนี้ช่วงที่บริษัทรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 27 ตุลาคม ทั้งนี้อินเทลมีพนักงานในเดือนกรกฎาคมราว 113,700 คน แหล่งข่าวบอกว่าแผนกที่รับผลกระทบมากที่สุดคือฝ่ายขายและการตลาด โดยอาจถูกปลดราว 20% ของพนักงานทั้งหมด ทั้งนี้อินเทลเคยปลดพนักงานครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ในปี 2016 คาดว่าสาเหตุหลักมาจากตลาดพีซีที่เป็นธุรกิจทำเงินของบริษัท มียอดขายที่แนวโน้มลดลง ตัวแทนของอินเทลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่มา: Bloomberg
# Jony Ive ร่วมงานกับ Apple อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการ์ตูนสั้นลง Apple TV+ Jonathan Ive อดีตผู้บริหารฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล กลับมาร่วมงานกับแอปเปิลอีกครั้ง โดยคราวนี้ไม่ใช่การออกแบบฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ แต่เขารับตำแหน่ง executive producer ให้กับอนิเมชันเรื่องสั้น “The Boy, the Mole, the Fox and the Horse,” ซึ่งสร้างจากหนังสือของ Charlie Mackesy โดยได้เครดิตร่วมกับ Woody Harrelson อนิเมชันนี้เป็นการนำภาพวาดมาโลดแล่นในรูปแบบการวาดมือ รวมนักแสดงมาให้เสียงบรรยายได้แก่ Tom Hollander, Idris Elba, Gabriel Byrne และ Jude Coward Nicoll “The Boy, the Mole, the Fox and the Horse,” เป็นการผลิตร่วมกันระหว่าง Apple TV+ และ BBC กำหนดเผยแพร่ในวันคริสต์มาสปีนี้ โดยในอังกฤษจะฉายทาง BBC และประเทศอื่นฉายผ่าน Apple TV+ ที่มา: แอปเปิล
# Google ขยายการทดสอบ Project Starline บูธวิดีโอคอลเสมือนจริง ไปยังพาร์ตเนอร์เพิ่มเติม กูเกิลประกาศความคืบหน้าของ Project Starline งานวิจัยทดสอบบูธวิดีโอคอล ที่ใช้กล้องและเซ็นเซอร์จับความลึก ทำให้การแสดงผลออกมาเหมือนเราคุยกับคู่สนทนาตัวจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ทดสอบเฉพาะในสำนักงานกูเกิลเท่านั้น โดยกูเกิลบอกว่าได้ขยายการทดสอบ ไปยังองค์กรภายนอกเพิ่มเติม เช่น Salesforce, WeWork, T-Mobile และ Hackensack Meridian Health ในสถานะ Early Access กูเกิลบอกว่าผลจากการทดสอบมาระยะหนึ่ง พบว่าระบบวิดีโอคอลนี้ทำให้ผู้ร่วมสนทนาโฟกัสได้ดีกว่าวิดีโอคอลแบบเดิม ส่วนบรรยากาศมีความเป็นธรรมชาติ และรู้สึกเหมือนนั่งคุยกับคนจริง ๆ ที่มา: กูเกิล
# Ming-Chi Kuo ประเมิน แอปเปิลอาจย้ายฐานผลิต MacBook จากจีนมาไทย Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สายแอปเปิลคนดัง โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ให้ข้อมูลว่าแอปเปิลกำลังปรับยุทธศาสตร์ด้านซัพพลายเชน ให้พึ่งพาจีนน้อยลง ตัวอย่างที่เห็นกันไปแล้วคือการผลิต iPhone ในอินเดีย ตอนนี้ 80% ของ iPhone ที่ผลิตในอินเดีย (โดยโรงงาน Foxconn) นำไปขายในอินเดียเอง แต่ในอนาคต เราอาจได้เห็นบริษัทใหญ่ๆ ของอินเดียอย่าง Tata Group ร่วมมือกับโรงงานรับจ้างผลิตอย่าง Pegatron หรือ Winstron เพื่อขยายการผลิต iPhone ในอินเดียให้มากขึ้น ประเด็นถัดมาคือ Kuo บอกว่าแอปเปิลน่าจะย้ายฐานผลิต MacBook ซึ่งปัจจุบันผลิตในจีน 100% และเป้าหมายปลายทางน่าจะเป็นประเทศไทย อย่างไรก็ตาม Kuo ไม่ได้ให้ข้อมูลมากไปกว่านี้ Kuo ฉายภาพระยะยาวว่าในอนาคตระยะ 3-5 ปีข้างหน้า สินค้าแอปเปิลที่วางขายในสหรัฐจะผลิตที่ประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีน เพื่อลดความเสี่ยงด้านการเมืองโลก ที่มา - 9to5mac
# Google Meet รองรับการถอดข้อความเสียงเป็นคำบรรยาย (Transcription) แล้ว กูเกิลประกาศฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ให้กับ Google Workspace โดยมีของเด่นที่น่าสนใจดังนี้ Meet เพิ่มเครื่องมือถอดข้อความเสียงเป็นคำบรรยาย (Transcription) อัตโนมัติ โดยจะออกมาในรูปไฟล์ Google Docs เริ่มต้นรองรับภาษาอังกฤษ ส่วน ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน และโปรตุเกส จะมาในปีหน้า แทรกวิดีโอคอลของตน ลงใน Slides ได้ Meeting room check-in แสดงรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุม แม้นั่งอยู่ในห้องประชุมรวมกันหลายคน Google Chat เพิ่ม threaded conversation และ custom emoji ส่วนของใหม่อย่างอื่น เช่น Meet รองรับกล้อง AI จับภาพผู้กำลังพูดของ Huddly และ Logitech, Meet รองรับ breakout rooms, Google Docs สามารถกำหนดค่าตัวแปร เพื่อให้แก้เอกสารได้เร็วขึ้น ฯลฯ ที่มา: กูเกิล
# Meta เพิ่ม "ขา" ให้ Avatar แล้ว Meta ประกาศอัพเดตคุณสมบัติหลายอย่างในระบบอวตาร แต่ที่น่าจะเป็นไฮไลท์ก็คือการเพิ่มขาให้กับอวตาร ซึ่ง Meta บอกว่าเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ผู้ใช้งานต้องการมากที่สุด อวตารที่เพิ่มขานี้ จะเริ่มแสดงผลใน Horizon Worlds ก่อน จากนั้น Meta จะเปิดให้นักพัฒนาเข้าถึงส่วนนี้ในปีหน้าเป็นต้นไป ฟีเจอร์อื่นที่ประกาศได้แก่ ระบบสร้างอวตารขึ้นจากการเซลฟี่วิดีโอ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างอวตารของตนได้ง่ายและเร็วขึ้น นอกจากนี้อวตารยังรองรับการส่งเป็นสติกเกอร์ใน WhatsApp และจะรองรับสำหรับใช้วิดีโอคอลบน Messenger, Instagram และ WhatsApp ในอนาคตด้วย ที่มา: Engadget
# Microsoft ประกาศความร่วมมือกับ Meta รองรับการทำงานซอฟต์แวร์และบริการบนโลกเสมือน ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับ Meta โดยนำผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ มาเป็นพาร์ตเนอร์ที่รองรับการทำงานกับแพลตฟอร์ม VR ของ Meta ซึ่งมีทั้งส่วนการนำ VR มาใช้ในการทำงาน การเล่นเกม ตลอดจนความบันเทิงต่าง ๆ อย่างแรกคือระบบอวตารเสมือน Mesh for Microsoft Teams จะรองรับการทำงานกับเฮดเซต Meta Quest ช่วยให้เชื่อมต่อกันได้สมจริงกว่าเดิม ความร่วมมือถัดมาคือตระกูลแอป Microsoft 365 จะรองรับการทำงานบนอุปกรณ์ Meta Quest ทำให้เปิดอ่านและใช้งานไฟล์ Word, Excel, PowerPoint, Outlook และ SharePoint ได้บน VR ซึ่งไมโครซอฟท์บอกว่าในอนาคตจะรองรับการเปิดคลาวด์พีซีที่รัน Windows 365 ได้ด้วย ถัดมาคือการรองรับ Microsoft Intune และ Azure Active Directory บนอุปกรณ์ Meta Quest ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดการความปลอดภัยและการใช้งานอุปกรณ์เสริม สุดท้ายคือ Meta Quest Store จะเพิ่มเกมจาก Xbox Cloud Gaming ทำให้สามารถเล่นเกม Xbox ได้ผ่านอุปกรณ์ของ Meta Quest ที่มา: ไมโครซอฟท์
# เปิดตัว Meta Quest Pro เฮดเซต VR พรีเมียม ราคา 1,499 ดอลลาร์ หลังจากทั้งพรีวิวและมีภาพหลุดกันมาตลอด ในที่สุด Meta ก็เปิดตัวแว่น Meta Quest Pro อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมกับราคาขายแบบโปรสมชื่อคือ 1,499 ดอลลาร์ หรือกว่า 57,000 บาท สามารถพรีออเดอร์ได้ทาง Meta Store ในประเทศที่รองรับ (ไม่มีไทย) หรือผ่านช่องทาง Best Buy และ Amazon เริ่มส่งมอบสินค้า 25 ตุลาคม เป็นต้นไป สเปกฮาร์ดแวร์ของ Meta Quest Pro ใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon XR2+ รุ่นใหม่ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับงาน VR ดีขึ้น 50% แรม 12GB พื้นที่หน่วยความจำ 256GB และเซ็นเซอร์ตรวจจับความละเอียดสูง 10 จุด (5 อันด้านใน และ 5 อันด้านนอก) ส่วนการแสดงผลมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ ใช้เลนส์แบบใหม่ทำให้ลดความหนาลงได้ 40% แต่ยังได้ภาพที่คมชัด จำนวนพิกเซลแสดงผลของจอ LCD มีมากขึ้น 37% เทียบกับ Meta Quest 2 ซึ่งทำให้ตัวหนังสือแสดงผลขณะเล่นเกมอ่านได้ชัดมากขึ้น ฟีเจอร์เด่นสองอย่างที่เพิ่มมาคือ ระบบแทร็กดวงตาและใบหน้า ทำให้สามารถแสดงผลสีหน้าออกมาทางอวตารได้มากขึ้น และการปรับปรุง Passthrough ที่ให้แสดงภาพโลกจริงกับวัตถุเสมือนได้แบบ full color จากเดิมที่เป็นขาวดำ คอนโทรลเลอร์ก็ปรับปรุงใหม่ในชื่อ Meta Quest Touch Pro โดยเพิ่มเซ็นเซอร์ตรวจจับ 3D แยกข้าง และแยกจากเฮดเซต รวมทั้งออกแบบใหม่ให้รองรับ ergonomic มากขึ้น คอนโทรลเลอร์ใหม่นี้สามารถซื้อแยกเพื่อใช้งานกับเฮดเซตรุ่นเก่า Meta Quest 2 ได้ด้วย ที่มา: Meta
# เว็บไซต์สนามบิน 14 แห่งของสหรัฐฯ ถูกโจมตี, เจ้าหน้าที่ยืนยันไม่กระทบระบบหลัก เว็บไซต์ของสนามบิน 14 แห่งในสหรัฐอเมริกาถูกโจมตีจนไม่สามารถให้บริการได้ชั่วคราวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยคาดกันว่าเป็นฝีมืของกลุ่มแฮคเกอร์ผู้สนับสนุนรัสเซียที่ชื่อกลุ่ม Killnet ทั้งนี้ทางการสหรัฐฯ ยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวไม่กระทบต่อระบบการทำงานหลักของสนามบิน เว็บไซต์ของสนามบินที่โดนโจมตีมีทั้งของ LaGuardia, O’Hare และ LAX รวมอยู่ด้วย โดยการโจมตีเป็นแบบ DDoS เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 3.00 น. ของเช้าวันที่ 10 ตุลาคมตามเวลาในสหรัฐฯ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสามารถแก้ไขปัญหาได้ในเวลาประมาณ 15 นาทีหลังเกิดเหตุ ในช่วงเว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้นั้นมีผลกระทบสร้างความไม่สะดวกต่อผู้คนที่ต้องการเดินทางและค้นหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเที่ยวบิน แต่การทำงานของระบบจราจรอากาศ, ระบบการสื่อสารภายในสนามบิน และระบบที่มีความสำคัญอื่นๆ ยังคงทำงานได้ตามปกติ ในตอนนี้ Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) และ TSA กำลังดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้ ที่มา - Engadget ภาพ Thank You (22.5 Millions+) views, License CC-BY 2.0)
# ร่างกฎหมายใหม่สหรัฐฯ อาจให้ไรเดอร์ส่งอาหารได้สวัสดิการเหมือนลูกจ้างประจำ กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา (Department of Labor) ได้เสนอร่างกฎหมายพิจารณาการจัดประเภทคนทำงานในกลุ่ม gig worker อาทิ ไรเดอร์ผู้ให้บริการผ่านแอปสั่งอาหาร, คนขับรถ Uber หรือ Lyft รวมทั้งแรงงานอื่นๆ ที่ทำงานในลักษณะเป็น "คู่สัญญา" กับบริษัทต่างๆ ในการส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้า โดยอาจจัดให้คนกลุ่มนี้มีสถานะเป็นเหมือนพนักงานของบริษัทที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงเรื่องอัตราค่าจ้างและสวัสดิการต่างๆ ในปัจจุบันนี้กลุ่มคนทำงานที่เรียกว่า gig worker เหล่านี้มีสถานะทางกฎหมายเป็นเพียง "คู่สัญญา" ของบริษัทผู้ประกอบการเท่านั้น (หรือจะเรียกว่าเป็นฟรีแลนซ์ก็ไม่ผิด) ซึ่งจะไม่มีการรับประกันรายได้ขั้นต่ำ, ไม่มีค่าล่วงเวลา และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายให้บริษัทผู้ประกอบการต้องมอบสวัสดิการอื่นๆ ตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้ให้แก่กลุ่มคนทำงานเหล่านี้ แต่ร่างกฎหมายใหม่ที่เสนอโดยกระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ ได้เสนอให้มีการพิจารณาสถานะของคนทำงานเหล่านี้เสียใหม่โดยพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาในการร่วมงานกับบริษัท, บทบาทหน้าที่ของคนทำงานภายในองค์กร, โอกาสในการรับผลกำไรและขาดทุนในการทำงาน รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ร่างกฎหมายใหม่นี้ยังต้องอาศัยระยะเวลาอีกนานนับเดือนในการพิจารณา ในระหว่างนี้แต่ละรัฐสามารถออกกฎหมายเองเพื่อกำหนดสถานะการจ้างงานนี้ได้โดยอิสระ ทั้งนี้ในปี 2019 รัฐ California เป็นรัฐแรกที่ออกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งเรียกโดยย่อว่ากฎหมาย AB5 โดยกำหนดให้คนทำงานกลุ่ม gig worker ต้องได้รับผลตอบแทนและสวัสดิการเหมือนลูกจ้างประจำ ซึ่ง Uber และ Postmates ได้ร่วมกันฟ้องเพื่อยับยั้งกฎหมายฉบับดังกล่าวของรัฐ California ต่อมาในปี 2020 รัฐ California ได้มีคำวินิจฉัยยกเว้นกลุ่มผู้ปฏิบัติงานคู่สัญญาของบริษัทผู้ให้บริการแอปส่งอาหารและพัสดุรวมทั้งแอปเรียกรถไม่เข้าข่ายนับว่าเป็นลูกจ้าง ทว่าในปี 2021 ศาลสูงของรัฐ California ระบุว่าคำวินิจฉัยยกเว้นที่กล่าวมานั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ร้อนถึง Uber กับ Lyft ต้องตัดสินใจยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลสูงอีกครั้ง ที่มา - The Verge
# เตรียมล่าหา Imposter กันในโลกเสมือนจริงกับ Among Us VR วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ หลังจากประกาศข่าวล่วงหน้านานข้ามปี ในที่สุดสตูดิโอเกม Innersloth ก็ได้ประกาศวันที่จะเปิดให้เล่น Among Us VR เป็นวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เกมเวอร์ชั่น VR นี้รองรับผู้เล่นได้พร้อมกันสูงสุด 10 คน ่ส่วนกติกาของเกมก็ยังคงเหมือนเดิม ผู้เล่นที่รับบทเป็น Imposter ก็ไล่ฆ่าผู้เล่นคนอื่นๆ ส่วนผู้เล่นที่เหลือก็ต้องไล่ทำภารกิจมินิเกมต่างๆ แต่ประสบการณ์มุมมองการเล่นด้วยระบบ VR กับการเห็นทุกสิ่งในรูปแบบ 3 มิติผ่านมุมมองบุคคลที่ 1 ย่อมให้ประสบการณ์แตกต่างจากที่เคย Among Us VR จะมีให้เล่นบน Meta Quest 2 และ Steam VR โดยราคาขายของเกมอยู่ที่ 9.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนเวอร์ชั่นสำหรับ PlayStation VR2 นั้นยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้เล่นในปีหน้า ผู้ที่สนใจสามารถสั่งจองเกมล่วงหน้าได้ที่นี่ ที่มา - IGN
# ผลรีวิว GeForce RTX 4090 แรงจริง แรงขึ้น 55% จาก 3090 Ti, กินไฟระดับเดียวกัน สื่อต่างประเทศหลายสำนักเริ่มเผยแพร่ผลการทดสอบ GeForce RTX 4090 สถาปัตยกรรมใหม่ Ada Lovelace ซึ่งเป็นการ์ดจอที่แรงที่สุดในขณะนี้ ถ้าดูจากสเปกอย่างเดียว RTX 4090 เทียบกับตัวแรงที่สุดของเจนที่แล้วคือ RTX 3090/3090 Ti สิ่งที่เห็นชัดคือ 4090 อัดสเปกมาเยอะกว่ามาก มีจำนวนคอร์รวมมากกว่า 52%, คล็อคจีพียูมากกว่า 35%, แคช L2 เพิ่ม 12 เท่า โดยรวมแล้วสเปกบนกระดาษเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 3090 ผลการทดสอบด้านเกมมิ่งก็ออกมาทิ้งขาด โดยการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K เปิดทุกอย่างสุด ได้เฟรมเรตเฉลี่ยดีขึ้นถึง 55% เทียบกับ 3090 Ti และ 71% เทียบกับ 3090 ถ้าดูรายละเอียดเป็นรายเกม เกมที่ได้เฟรมเรตเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ Total War: Warhammer 3 เพิ่มถึง 112% ส่วนเกมที่ได้เฟรมเรตเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดคือ Flight Simulator เพิ่ม 11% จากคอขวดที่ซีพียู แสนยานุภาพของ 4090 จะแสดงออกเต็มที่ในคุณภาพระดับ 4K หากตั้งความละเอียดลดลงมาเป็น 1440p และ 1080p ความแตกต่างของเฟรมเรตก็จะลดหลั่นลงมาคือ 28% และ 16% ตามลำดับ เทียบกับ 3090 Ti (แปลว่าซื้อมาเล่นเกม 1080p ก็ไม่คุ้ม) ฟีเจอร์เด่นของ 4090 คือ DLSS 3 ที่พัฒนาขึ้นจาก DLSS 2 เดิม โดยเพิ่มการสร้างเฟรมภาพทั้งเฟรมขึ้นมา (Frame Generation) จากข้อมูลของเฟรมก่อนหน้าและเฟรมถัดไป ตัวเลขของ NVIDIA เองบอกว่าประสิทธิภาพควรดีขึน 2-4 เท่าขึ้นกับแต่ละเกม ตอนนี้ยังมีเกมที่รองรับ DLSS 3 ไม่เยอะนัก ที่เด่นๆ คือ Cyberpunk 2077, F1 22, Dying Light 2, A Plague Tale: Requiem ผลการทดสอบก็พบว่าทำได้จริงตามคำโฆษณา เช่น Cyberpunk เพิ่ม 3.6x, F1 2022 เพิ่มขึ้น 2.4x เป็นต้น การสร้างเฟรมเพิ่มของ DLSS 3 ย่อมมีผลให้ค่า latency ของเกมสูงขึ้น แต่ NVIDIA บังคับให้เกมเหล่านี้ต้องรองรับ NVIDIA Reflex อยู่แล้ว ทำให้ค่า latency ต่ำเป็นทุนเดิม และเพิ่ม latency จาก DLSS 3 มาอีกไม่เยอะนัก ประเด็นเรื่องพลังงาน แม้ 4090 แรงขึ้นจากเดิมมาก แต่ยังใช้พลังงานระดับเท่าๆ กับ 3090 Ti (ราว 430-440 วัตต์) ส่วนอุณหภูมิอยู่ในระดับใกล้กับการ์ดตัวรองอย่าง 3080 ถือว่ามีอัตราประสิทธิภาพต่อพลังงานที่ดีขึ้นจากเดิม แม้ตัวเลขการใช้ไฟรวมยังอยู่ในระดับที่เยอะที่สุดในบรรดาการ์ดจอทั้งหมด ภาพรวมของ 4090 จึงออกมาแบบที่ NVIDIA พูดไว้ตอนเปิดตัวคือ แรงขึ้นมาก สมกับราคาที่แพงขึ้นเป็น 1,599 ดอลลาร์ มันอาจไม่ใช่การ์ดที่เหมาะสำหรับทุกคน แต่ถ้าเงินถึงก็ได้ความแรงคุ้มค่ากลับไปแน่นอน ที่มา - Tom's Hardware, IGN
# กูเกิลเปิดตัว Chromebook เน้นเล่นเกมผ่านคลาวด์ รองรับ GeForce Now, xCloud, Amazon Luna ถึงแม้ Stadia ตายไปแล้ว แต่กูเกิลยังเดินหน้ากับตลาดคลาวด์เกมมิ่งในภาพรวมต่อไป จับมือพาร์ทเนอร์ฮาร์ดแวร์ 3 รายคือ Acer, ASUS, Lenovo เปิดตัว Chromebook ที่ออกแบบมาสำหรับเล่นเกมผ่านคลาวด์โดยเฉพาะ พาร์ทเนอร์คลาวด์เกมมิ่งของกูเกิลคือ NVIDIA GeForce Now, Amazon Luna และ Xbox Cloud Gaming (xCloud) โดยกรณีของ GeForce Now มีแอพติดตั้งมาให้เสร็จสรรพเลย ส่วน xCloud มีแต่เวอร์ชันเว็บแอพอย่างเดียว กูเกิลบอกว่าชื่อ Chromebook มีภาพจำเรื่องใช้ทำงาน หรือใช้เป็นคอมพิวเตอร์เพื่อความบันเทิงในบ้าน คนไม่มอง Chromebook ว่าใช้เล่นเกมได้ ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยีคลาวด์เกมมิ่งทำให้ Chromebook เล่นเกมได้เป็นพันๆ เกม เทียบเท่ากับเกมมิ่งพีซีแบบดั้งเดิมแล้ว ฮาร์ดแวร์ของ Chromebook เหล่านี้มีจอรีเฟรชอย่างน้อย 120Hz, คีย์บอร์ดเกมมิ่งพร้อมฟีเจอร์ anti-ghosting และรองรับ Wi-Fi 6/6E เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว, ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีค่า latency น้อยกว่า 85ms Acer Chromebook 516 GE Core i5+, แรม 8GB+, จอ WQXGA 120Hz, คีย์บอร์ด RGB anti-ghosting ASUS Chromebook Vibe CX55 Flip Core i5+, แรม 8GB+, จอ FHD 144Hz, คีย์บอร์ด anti-ghosting Lenovo Ideapad Gaming Chromebook Core i3+, แรม 8GB+, จอ WQXGA 120Hz, คีย์บอร์ด RGB anti-ghosting ฟีเจอร์ฝั่งระบบปฏิบัติการ ChromeOS เองยังปรับให้ค้นหาชื่อเกมจาก Launcher เช่น พิมพ์ Destiny 2 กด Enter แล้วเข้าเกมได้ทันที ตอนนี้ยังรองรับเฉพาะเกมในระบบของ GeForce Now เพียงอย่างเดียว ผู้ที่ซื้อ Chromebook เหล่านี้จะได้ของแถมเป็นสมาชิก GeForce Now ระดับ RTX 3080 และ Amazon Luna+ นาน 3 เดือน ที่มา - Google
# Square Enix Montreal รีแบรนด์ใหม่เป็น Studio Onoma หลังออกจากเครือ Square Enix เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Square Enix ประกาศขายสตูดิโอฝั่งอเมริกาเหนือ 3 แห่ง ได้แก่ Crystal Dynamics, Eidos Interactive, Square Enix Montreal ให้กับ Embracer Group บริษัทเกมจากสวีเดนที่กำลังไล่ซื้อกิจการสตูดิโอเกมอย่างเมามัน กรณีของสตูดิโอ 2 แห่งแรกคงไม่มีปัญหาอะไรเรื่องชื่อ แต่ Square Enix Montreal ในแคนาดาจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อ เพราะออกมาอยู่นอกเครือ Square Enix แล้ว วันนี้สตูดิโอได้ชื่อใหม่คือ Studio Onoma Studio Onoma ก่อตั้งในปี 2011 โดยตอนแรกตั้งขึ้นมาช่วยพัฒนาเกมซีรีส์ Hitman ของ IO Interactive ที่ตอนนั้นอยู่ในเครือ Square Enix ด้วยกัน (IO ออกจากเครือ Square Enix ในปี 2017) แต่หลังจากก่อตั้งไม่นาน สตูดิโอก็ปรับทิศทางมาทำเกมมือถือแทน โดยเกมเด่นๆ คือซีรีส์ Go ได้แก่ Hitman Go, Lara Croft Go, Deus Ex Go ผลงานล่าสุดของ Onoma คือเกม Avatar Generations ที่สร้างจากซีรีส์อนิเม Avatar: The Last Airbender โดยยังได้ Square Enix เป็นผู้จัดจำหน่ายเกมให้อยู่ ที่มา - Studio Onoma, VentureBeat
# CNN ปิดโครงการ Vault นำภาพ-คลิปข่าวเหตุการณ์สำคัญมาขายเป็น NFT สถานีทีวี CNN ประกาศปิดโครงการ NFT ของตัวเองชื่อ Vault by CNN ที่เริ่มมาตั้งแต่กลางปี 2021 ตามกระแส NFT ขาขึ้นในช่วงนั้น แนวทางของ Vault เป็นการนำข่าว ภาพถ่าย คลิป ของเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่รายงานโดย CNN มาทำเป็น NFT ให้สะสม และซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ ระบบบล็อกเชนที่ใช้คือ Flow ของบริษัท Dapper Labs ทั้งนี้ CNN ไม่ได้อธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงตัดสินใจปิดบริการ Vault ในห้อง Discord ของ Vault ระบุว่า CNN จะชดเชยเงินให้ผู้ซื้อ NFT จำนวน "หลายพันคน" (thousands) ในราคา 20% ของราคาที่ขาย โดยจ่ายเงินเป็นเหรียญ FLOW หรือ stablecoin ที่มา - The Verge
# ราชกิจจาฯ ประกาศ หากใช้มือถือขณะขับรถ ต้องใช้อุปกรณ์ไร้สาย ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ พ.ศ. 2565 โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถเอาไว้ว่า ให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สาย หรืออุปกรณ์เสริม เพื่อการพูดคุย โดยที่คนขับไม่ต้องจับมือถือ นอกจากนี้ยังมีการระบุเอาไว้ด้วยว่า ให้ติดอุปกรณ์เสริมที่ยึดโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่บริเวณคอนโซลหน้าตัวรถ โดยไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ และหากจำเป็นต้องจับโทรศัพท์ ก็ให้หยุดหรือจอดรถอย่างปลอดภัยเท่านั้น ประกาศลงวันที่ 28 กันยายน 2565 และประกาศให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจานุเบกษาเป็นต้นไป อ่านประกาศฉบับเต็มที่ได้ที่มา ที่มา: ราชกิจจานุเบกษา
# กลุ่มแฮ็กเกอร์ฝั่งต่อต้านรัฐบาลอิหร่านแฮกช่องรัฐบาลกลางอากาศ ขึ้นรูปประนามผู้นำอิหร่าน กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอิหร่านที่ใช้ชื่อว่า Edalat-e Ali (Ali’s Justice) แฮ็กช่องข่าวของรัฐบาลขณะกำลังเผยแพร่วิดีโอ Ali Khamanei ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ระหว่างเผยแพร่ภาพ สัญญาณถูกตัดเข้าสู่รูปของ Ali Khamenei พร้อมกับตัวอักษรเขียนว่า “The Blood of Our Youths Is on Your Hands” (เลือดของลูกหลานเราเปื้อนบนมือคุณ) พร้อมกับรูปของ Mahsa Amini ผู้หญิงที่ถูกตำรวจศีลธรรมจับกุมโทษฐานไม่สวมฮิญาบ ก่อนจะเข้ารักษาด้วยอาการโคม่าและเสียชีวิตในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา รวมทั้งรูปของหญิงวัยรุ่นอีก 3 รายที่เสียชีวิตจากการประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้หญิงในอิหร่าน กลุ่มแฮ็กเกอร์ใช้เสียงสโลแกน “women, life, and freedom.” (สตรี-ชีวิต-เสรีภาพ) ประกอบซึ่งเป็นสโลแกนที่ใช้ในการประท้วงเรียกร้องสิทธิผู้หญิงในอิหร่าน ก่อนหน้านี้ กลุ่มแฮ็กเกอร์ได้แฮ็กเว็บไซต์โทรทัศน์และได้เผยแพร่วิดีโอผู้คนในกรุงเตหะรานตะโกนว่า “death to dictator” (เผด็จการจงตายซะ) ด้วย ที่มา: Iran International English
# VirtualBox ออกเวอร์ชัน 7.0 รองรับการเข้ารหัส VM, Virtual TPM, EFI Secure Boot VirtualBox ซอฟต์แวร์ virtualization ยอดนิยม ออกเวอร์ชันใหญ่ 7.0 ทิ้งช่วงห่างจากเวอร์ชัน 6.0 เป็นเวลานานเกือบ 4 ปี ของใหม่ที่สำคัญได้แก่ VM สามารถเข้ารหัส (encrypted) ได้แล้ว แต่ยังใช้ได้เฉพาะบนคอมมานด์ไลน์ รองรับการรัน VM จากคลาวด์ผ่าน Virtual Machine Manager เหมือนกับเป็น local VM เพิ่ม GUI ที่เป็น resource monitor สำหรับดูสถิติซีพียู แรม ดิสก์ ฯลฯ ของ guest ที่รันอยู่ตอนนั้น รองรับ 3D โดยอิงอยู่บน DirectX 11 (Windows) และ DXVK (Vulkan สำหรับระบบปฏิบัติการอื่น) รองรับ virtual TPM ทั้งเวอร์ชัน 1.2 และ 2.0 รองรับ Secure Boot บน EFI ที่มา - VirtualBox via Phoronix
# แก้บั๊กไม่ทัน Blizzard ถอดตัวละครบางตัวของ Overwatch 2 ปิดไม่ให้เล่นชั่วคราว สัปดาห์แรกของ Overwatch 2 ยังเต็มไปด้วยปัญหามากมาย ทั้งประเด็นเรื่องเสถียรภาพของเซิร์ฟเวอร์ บั๊ก และสมดุลของเกม จนผู้เล่นบางรายมองว่า Blizzard ไม่พร้อม และควรเรียก Overwatch 2 ว่าเป็นเกมแบบ Early Access มากกว่า ล่าสุด Blizzard ถึงขั้นต้องประกาศ "ปิด" ตัวละครในเกมบางตัวชั่วคราว เพื่อขอเวลาไปแก้บั๊กเรื่องความสามารถของตัวละครเหล่านี้ที่กระทบกับการเล่นเกม ตัวละครที่กระทบคือหุ่นยนต์ Bastion ถูกถอดออกจากทุกโหมดการเล่นเกมเลย ส่วนคนแคระ Torbjörn ถอดออกทุกโหมดยกเว้น Quick Play ที่ไม่เก็บแรงค์ในการเล่น ที่มา - Kotaku
# Elon Musk โดนนักลงทุนฟ้อง เหตุเปลี่ยนใจไปมาเรื่องดีล Twitter หวังปั่นราคาให้ตก นักลงทุนในหุ้น Twitter ชื่อ Giuseppe Pampena ยื่นฟ้อง Elon Musk ต่อศาลแขวงเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย อ้างว่า Elon Musk เปลี่ยนใจเรื่องตกลงซื้อกิจการ Twitter กลับไปกลับมา โดยในตอนแรกที่เปลี่ยนใจจะไม่ซื้อ Twitter และฟ้องกลับก็เพื่อหวังปั่นให้มูลค่าหุ้นของ Twitter ลดลงเพื่อที่ Musk จะได้มีอำนาจต่อรองมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อการยกเลิกดีลหรือตกลงซื้อดีลด้วยมูลค่าลดลงก็ตาม Pampena อ้างในคำฟ้องว่าหลังจากที่ Musk ประกาศดีลซื้อ Twitter เขาก็ออกมาปั่น ไม่ว่าจะผ่านทวีตหรือสื่อต่างๆ โดยเฉพาะที่เราเห็นชัดๆ คือเรื่องจำนวนบ็อต ทั้งหมดนี้ทำไปเพื่อสร้างความไม่มั่นใจให้นักลงทุนและทำให้หุ้นของ Twitter มีมูลค่าลดลงเพื่อที่เขาจะมีอำนาจต่อรองมากขึ้น และได้ซื้อ Twitter ในราคาถูกลง และการที่ Musk ตกลงซื้อ Twitter รอบล่าสุด ก็เหมือนเป็นการยอมรับกลายๆ ว่าที่ยกเลิกดีลก็แค่เป็นการบลัฟเท่านั้น ที่มา: Bloomberg
# Starlink เปิดให้บริการในญี่ปุ่นแล้ว เป็นประเทศแรกในเอเชีย บริษัท SpaceX ของ Elon Musk ประกาศว่าได้เริ่มให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink ในญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในเอเชีย โดยจะตอบสนองความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่มีภูเขาสูงหรือเกาะที่ยากต่อการเชื่อมต่อสัญญาณ Space X ประกาศผ่านบัญชี Twitter ว่าค่าบริการรายเดือนจะอยู่ที่ 12,300 เยน (ราว 3,200 บาท) นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายเรื่องอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ราคา 73,000 เยน (ราว 19,100 บาท) บริษัทวางแผนว่าจะขยายบริการดาวเทียม Starlink มายังเอเชีย โดยประเทศถัดไปน่าจะเป็นฟิลิปปินส์ที่บริษัทจะให้บริการภายในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องการใช้ Starlink เพื่อให้บริการ Wi-Fi ฟรี ขณะที่ไทยกำลังรอการอนุมัติจากภาครัฐอยู่ ที่มา: Nikkei Asia
# ZEDU-1 รถที่รักษ์โลกที่สุดที่ไม่ใช้แค่ใช้ไฟฟ้า แต่ลดการปล่อยอนุภาคฝุ่นจากเบรกและล้อด้วย DLR ศูนย์อวกาศยานแห่งชาติของเยอรมนีได้พัฒนา Zero Emission Drive Unit - Generation 1 (ZEDU-1) รถยนต์ต้นแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยมีเป้าหมายคือลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และอนุภาคฝุ่นต่างๆ ออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก แน่นอนว่าเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ZEDU-1 จึงถูกออกแบบให้ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งกันขวักไขว่ทั่วโลกตอนนี้ คือ ZEDU-1 ได้รับการออกแบบให้ลดการปล่อยอนุภาคฝุ่นจากเบรกและการสึกหรอของยางรถยนต์ด้วย ระบบเบรกของ ZEDU-1 ไม่ใช้ระบบดิสก์เบรกทั่วไปซึ่งปกติจานเบรกจะถูกติดตั้งอยู่บริเวณล้อ แต่ทีมพัฒนาใช้ดิสก์เบรกแบบหลายจาน (multi-disc brake) ติดตั้งไว้ในชุดเกียร์ทดของส่วนติดตั้งเครื่องยนต์ไฟฟ้าและทำงานร่วมกับเบรกไฟฟ้าที่อาศัยแรงทางแม่เหล็กไฟฟ้ามาหน่วงการหมุนของเครื่องยนต์ โดยพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในระหว่างการเบรก (regenerative energy) จะถูกนำกลับไปใช้เกือบทั้งหมด การออกแบบติดตั้งชุดเบรกรวมอยู่ในส่วนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนนี้ทำให้สามารถออกแบบชุดเบรกให้มีขนาดเล็กลงได้ ภายในชุดเบรกมีอ่างน้ำมันเพื่อรองรับฝุ่นผงอนุภาคที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีในระหว่างที่เบรกทำงาน โดยน้ำมันดังกล่าวจะถูกขับผ่านชุดกรองเพื่อดักจับฝุ่นเหล่านั้นเอาไว้ ทำให้ลดการปล่อยอนุภาคฝุ่นจากชุดเบรกไม่ให้เล็ดลอดฟุ้งกระจายออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก ZEDU-1 ขณะวิ่งทำการทดสอบในสนาม (ที่มา - DLR, License CC-BY-SA 3.0) ผลสืบเนื่องจากการออกแบบชุดเบรกโดยย้ายตำแหน่งติดตั้งจากบริเวณล้อเข้าไปยังส่วนของเครื่องยนต์ ทำให้พื้นที่บริเวณซุ้มล้อของ ZEDU-1 มีพื้นที่ว่างเพิ่มมากขึ้น ทีมพัฒนาของ DLR ได้ออกแบบซุ้มล้อพิเศษที่ครอบปิดล้อทั้งหมดของรถเอาไว้ ซุ้มล้อนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการดักเก็บฝุ่นจากการสึกหรอของยางรถยนต์ในระหว่างที่วิ่งไปบนพื้นถนน และด้วยการออกแบบรูปทรงของซุ้มล้อโดยอาศัยความรู้ตามหลักอากาศพลศาสตร์ทำให้ในระหว่างที่รถวิ่งนั้นพื้นที่ว่างภายในซุ้มล้อจะมีความดันอากาศน้อยกว่าความดันอากาศภายนอกตัวรถ (หรือก็คือมีสภาพเป็น negative pressure) เป็นการจำกัดพื้นที่มิให้อนุภาคฝุ่นจากเศษยางที่สึกหรอฟุ้งออกสู่ภายนอก และเพื่อดักเก็บอนุภาคฝุ่นที่ยังคงฟุ้งอยู่ภายในซุ้มล้อระหวางที่รถวิ่ง รถ ZEDU-1 จึงได้รับการออกแบบติดตั้งพัดลมเพื่อดูดอากาศและฝุ่นภายในซุ้มล้อนั้นมาผ่านแผ่นกรองดักฝุ่น ก่อนที่จะปล่อยให้มีแค่อากาศสะอาดเท่านั้นไหลผ่านแผ่นกรองอากาศออกสู่นอกตัวรถ การทดสอบ ZEDU-1 บน dynamometer (ที่มา - DLR, License CC-BY-SA 3.0) ทีมพัฒนาของ DLR ได้ทดสอบรถ ZEDU-1 ในห้องทดสอบและนำออกวิ่งทดสอบในสนาม โดยพบว่าการขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ZEDU-1 สามารถดักจับฝุ่นต่างๆ จากระบบเบรกและการสึกหรอของล้อยางได้ทั้งหมด ในขณะที่การวิ่งด้วยความเร็วที่สูงกว่านั้น ZEDU-1 มีการปล่อยอนุภาคฝุ่นจากการสึกหรอของยางเพียงแค่ 20-30% เมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป ส่วนฝุ่นจากระบบเบรกนั้นยังคงสามารถดักจับเอาไว้ได้ทั้งหมด DLR จะพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไปและหาความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เพื่อนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้งานจริงในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มา - Interesting Engineering
# อีคอมเมิร์ซด้านความงามสัญชาติไทย Konvy ระดมทุน Series A มูลค่า 10 ล้านเหรียญ Konvy แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามสัญชาติไทยระดมทุน Series A มูลค่า 10 ล้านเหรีญสหรัฐฯ หรือราว 380 ล้านบาทจากบริษัททุนสิงคโปร์ Insignia Ventures Partners บริษัทเปิดเผยว่าการระดมทุนครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างหน้าร้านขายเครื่องสำอางค์และสกินแคร์ร่วมกับการขายผ่านทางออนไลน์ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง และขยายตลาดออกสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น Konvy เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งเมื่อปี 2012 โดยนักธุรกิจชาวจีนที่มีชื่อว่า QingGui Huang ที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ชด้านแฟชั่นในประเทศจีนมาก่อน Konvy ขายเครื่องสำอางค์และสกินแคร์ของแบรนด์ใหญ่หลายแบรนด์ เช่น L’Oréal, Sulwhasoo, Eucerin ที่มา: DealStreetAsia และ TechCrunch
# Apple อัพเดต iOS 16.0.3 แก้บั๊กหลายอย่างของ iPhone 14 และอัพเดต watchOS 9.0.2 แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 16.0.3 ซึ่งแก้ไขบั๊กหลายรายการที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตแบบ OTA ได้โดยไปที่ Settings > General และเลือก Software Update รายละเอียดปัญหาที่แอปเปิลระบุว่าได้แก้ไขในอัตเดตนี้ ได้แก่ ปัญหาการเตือนเมื่อมีสายโทรเข้าหรือ การแจ้งเตือนของแอปดีเลย์ ที่พบใน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max, ปัญหาเสียงไมโครโฟนเบา เมื่อต่อ CarPlay ใน iPhone 14 ทุกรุ่น, ปัญหาเปิดกล้องช้า หรือสลับโหมดกล้องช้า พบใน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max และปัญหาแอปอีเมลเมื่อได้รับเมลบางประเภท แอปเปิลยังออกอัพเดต watchOS 9.0.2 ระบบปฏิบัติการของ Apple Watch ด้วยเช่นกัน โดยแก้ปัญหาการสตรีมจาก Spotify, ปัญหาการเตือน และอื่น ๆ ที่มา: MacRumors [1], [2]
# ตลาด PC ไตรมาส 3/2022 จำนวนส่งมอบยังคงลดลงต่ออีกไตรมาส บริษัทวิจัยตลาดไอที IDC และ Canalys ออกรายงานภาพรวมตลาดพีซีของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ยังคงมีจำนวนส่งมอบลดลงต่ออีกไตรมาส โดย IDC ระบุว่าจำนวนส่งมอบรวมอยู่ที่ 74.3 ล้านเครื่อง ลดลง 15.0% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนตัวเลขของ Canalys ระบุที่ 69.4 ล้านเครื่อง ลดลง 18% ปัจจัยสำคัญยังเป็นเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจ กับการเปิดเมืองหลังการระบาดของโควิด 19 ทำให้ความต้องการสินค้าประเภทพีซีลดลง อย่างไรก็ตามตัวเลขตอนนี้ก็ยังสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด 19 ด้านฝั่งซัพพลายเออร์ก็เริ่มปรับลดคำสั่งซื้อล่วงหน้า ให้สอดคล้องกับทิศทางนี้เช่นกัน โดยมีข้อยกเว้นเพียงรายเดียวคือแอปเปิล ส่วนแบ่งการตลาดแยกตามแบรนด์ Lenovo เป็นอันดับ 1 ตามด้วย HP, Dell, Apple และ Asus โดยใน 5 อันดับแรกนี้ มีแอปเปิลรายเดียวที่จำนวนส่งมอบเพิ่มขึ้น ที่มา: IDC และ Canalys
# YouTube เตรียมเพิ่มระบบบัญชีใส่ @ เพื่อเมนชันในวิดีโอ YouTube เปิดตัว handles เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใส่ @ ตามด้วยชื่อบัญชีที่ตั้งขึ้นมา สำหรับใช้เมนชันหรือระบุถึงช่องในวิดีโอ โดยมีผลกับทุกวิดีโอในแพลตฟอร์ม ซึ่งเรื่องนี้อาจไม่ใหม่สำหรับคนที่ใช้แพลตฟอร์มวิดีโอแนวตั้งค่ายอื่น แต่ถือว่าใหม่สำหรับ YouTube การเมนชัน @ รองรับทั้งคอมเมนต์, คำบรรยายวิดีโอ, ชื่อวิดีโอ, และในคลิป Shorts ซึ่งช่วยให้ช่องวิดีโอสามารถเข้าถึงคนได้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ YouTube จะทยอยให้กับช่องต่าง ๆ เนื่องจากเป็นค่า unique โดยช่องที่มี URL ปรับแต่งอยู่แล้ว จะได้ชื่อ @ นั้นเป็นค่าเริ่มต้น การทยอยได้ฟีเจอร์นี้ใช้หลายปัจจัยเช่นจำนวนผู้ติดตาม สถานะของช่อง และอื่น ๆ นอกจากนี้ URL จะเพิ่มเติมในรูปแบบ youtube.com/@handle อีกด้วย ที่มา: YouTube
# [ลือ] Google กำลังพิจารณาซื้อสิทธิ์ใช้ชื่อสนามฟุตบอลทีม Tottenham Hotspur สำนักข่าว The Atheletic รายงานว่า Google กำลังหารือกับสโมสรฟุตบอล Tottenham Hotspur เรื่องการซื้อสิทธิ์ใช้ชื่อสนามรังเหย้าของสโมสรในกรุง London ทั้งนี้ไม่มีรายงานข้อมูลว่ามูลค่าของข้อตกลงที่กำลังหารือกันนี้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ สนามของ Tottenham Hotspur เพิ่งสร้างใหม่เสร็จเมื่อปี 2019 ด้วยมูลค่าการก่อสร้างร่วม 1 พันล้านปอนด์ ในช่วงที่กำลังดำเนินการก่อสร้างนั้นทางสโมสรได้ทาบทามหาผู้สนับสนุนมาซื้อสิทธ์การใช้ชื่อสนามซึ่ง Google เป็นหนึ่งในนั้น โดยจะมีการตั้งชื่อเรียกสนามตามชื่อของผู้สนับสนุน ทว่าการเจรจากับผู้สนใจซื้อสิทธิ์ในตอนนั้นไม่บรรลุผล ทำให้สนามแห่งนี้ยังคงใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Tottenham Hotspur Stadium จนถึงปัจจุบัน ก่อนที่ล่าสุดจะมีรายงานข่าวว่า Google ได้สนใจกลับมาพูดคุยเรื่องนี้กับสโมสรอีกครั้ง ภาพสนาม Tottenham Hotspur Stadium, ที่มา - Wikimedia Commons: Hzh, License CC-BY-SA 4.0 พร้อมกับการแพร่สะพัดของข่าวนี้ ก็มีการแชร์รูปภาพแบบจำลองสนามฟุตบอลของสโมสร Tottenham Hotspur ที่มีการใส่ชื่อ Google ลงไปในแบบจำลอง (ดังที่ปรากฏในทวีตท้ายข่าว) จากการสืบค้นพบว่ารูปนี้ปรากฏในอินเทอร์เน็ตครั้งแรกไม่น้อยกว่า 4 ปีมาแล้ว (ซึ่งในตอนนั้นสนามยังก่อสร้างไม่เสร็จ) โดยมีผู้ใช้ reddit โพสต์รูปนี้โดยระบุว่าเป็นภาพที่ถ่ายจากสำนักงานของ Google ใน London ทั้งนี้มีผู้ใช้ reddit หลายรายมาตอบกลับโพสต์ดังกล่าวและอธิบายว่าภาพที่ว่าเป็นแบบจำลองที่ถูกทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการพูดคุยในช่วงเวลานั้นเกี่ยวกับการซื้อสิทธิ์ใช้ชื่อสนาม นอกจากนี้มีหลายคนอ้างว่าเคยพบเห็นแบบจำลองลักษณะคล้ายกันที่ติดชื่อบริษัทอื่นถูกทำขึ้นและส่งไปให้บริษัทต่างๆ อาทิ HP และ Uber ด้วย ที่มา - The Athletic
# กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เลือก GM มาช่วยพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าของกองทัพ กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินการคัดเลือกหาคู่สัญญาเพื่อนำเอาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้กับยานยนต์ของกองทัพ โดยตัดสินใจเลือก GM Defense ซึ่งเป็นฝ่ายธุรกิจรถยนต์เพื่อการทหารของ GM ให้เป็นผู้รับผิดชอบงานดังกล่าว GM Defense จะทำงานร่วมกับ Defense Innovation Unit (DIU) หน่วยงานพัฒนางานนวัตกรรมของกระทรวงกลาโหม ทำการวิเคราะห์และทดสอบเทคโนโลยี Ultium ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการออกแบบระบบแบตเตอรี่ของ GM เพื่อใช้งานกับยานยนต์ไฟฟ้าในกองทัพ ทั้งนี้ GM Defense เป็นผู้ผลิตรถยนต์ให้กองทัพของสหรัฐอเมริกามาอย่างยาวนาน และปัจจุบันกองทัพของสหรัฐก็มีการใช้งานรถยนต์ Infantry Squad Vehicle (ISV) ซึ่งเป็นรถเคลื่อนย้ายกำลังพลทหารราบที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ก่อนแล้ว การทำข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้เป็นการขยายการใช้งานเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ากับยานพาหนะชนิดอื่นของกองทัพด้วย รถ ISV ของ GM Defense โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงกลาโหมที่ต้องการปรับปรุงการทำงานของหน่วยงานและเทคโนโลยีอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อช่วยลดการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ โดยมีการวางแผนการทำงานของระดับกระทรวงเอง รวมทั้งแผนงานของกองทัพบก, กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้หลายโครงการ เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน, การออกแบบอาคารที่ลดการใช้พลังงาน, การปรับปรุงเครื่องยนต์ของพาหนะให้ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น, การทำแนวป้องกันน้ำทะเลหนุนท่วมพื้นที่ชายฝั่ง เป็นต้น สำหรับ Ultium นั้นเป็นแพลตฟอร์มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นความยืดหยุ่นสำหรับการออกแบบชุดแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์ได้หลายหลายประเภท การใช้แพลตฟอร์มนี้สามารถออกแบบชุดแบตเตอรี่เรียงกันในแนวราบเพื่อใช้งานได้กับรถนั่งทั่วไป หรือจะออกแบบชุดแบตเตอรี่ให้วางซ้อนกันเพื่อเพิ่มความจุไฟฟ้าสำหรบรถยนต์ที่ใช้งานหนักก็ได้ ที่มา - Electrek
# ซัมซุงเผยมีทีวี 4 แบรนด์ซื้อไลเซนส์​ Tizen OS ไปใช้กับสมาร์ททีวีของตัวเอง วางขายปีนี้ เมื่อเดือนตุลาคม 2021 ซัมซุงประกาศเปิดให้ทีวีแบรนด์อื่นซื้อไลเซนส์ระบบปฏิบัติการ Tizen ไปใช้ได้ เวลาผ่านมา 1 ปี ซัมซุงเผยว่ามีทีวีหลายแบรนด์กำลังจะวางขายทีวี Tizen แล้วในปี 2022 นี้ แบรนด์ทีวีเหล่านี้เป็นแบรนด์เล็กๆ เน้นทำตลาดเฉพาะบางประเทศ เราอาจไม่คุ้นชื่อนัก ที่ระบุชื่อมี 4 แบรนด์ได้แก่ Bauhn, Linsar, Sunny, Vispera วางขายสินค้าในออสเตรเลีย อิตาลี นิวซีแลนด์​ สเปน ตุรกี สหราชอาณาจักร ตัวอย่างทีวียี่ห้อ Bauhn ทำตลาดเฉพาะในออสเตรเลีย และปัจจุบันมีสมาร์ททีวีที่เป็น webOS ของค่าย LG วางขายอยู่แล้ว หรือยี่ห้อ Vispera ทำตลาดในสหราชอาณาจักร และใช้ระบบปฏิบัติการ Google TV เป็นต้น ทีวีเหล่านี้มาจากบริษัทรับจ้างผลิต (ODM) 3 รายคือ Atmaca, HKC, Tempo ในแง่ฟีเจอร์ของ Tizen คงไม่ต่างอะไรจากสมาร์ททีวีของซัมซุงในปัจจุบันมากนัก เช่น รองรับคำสั่งเสียง Bixby, มีบริการสตรีมมิ่ง Samsung TV Plus, มีฟีเจอร์แนะนำเนื้อหาจากสตรีมมิ่งหลายยี่ห้อ Universal Guide เป็นต้น ที่มา - Samsung
# หลุดซอร์สโค้ด BIOS/UEFI ของซีพียู​ Alder Lake, อินเทลบอกถ้าหาช่องโหว่เจอ เชิญรับรางวัล ก่อนหน้านี้ไม่นานมีคนอ้างว่าได้ซอร์สโค้ด BIOS/UEFI ของซีพียู​ Alder Lake (12th Gen) หลุดออกมาเผยแพร่ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ล่าสุดอินเทลยืนยันแล้วว่าเป็นซอร์สโค้ดที่หลุดมาจริงๆ อินเทลบอกว่าการหลุดของซอร์สโค้ดรอบนี้จะไม่กระทบกับช่องโหว่ความปลอดภัยใดๆ และบอกว่าซอร์สโค้ดอยู่ภายใต้โครงการ Bug Bounty อยู่แล้ว ดังนั้นถ้านักวิจัยความปลอดภัยมาอ่านซอร์สโค้ดแล้วเจอช่องโหว่ใหม่ ก็มารับรางวัลได้เลย (สูงสุด 100,000 ดอลลาร์ต่อช่องโหว่) อินเทลระบุว่าซอร์สโค้ดชุดนี้หลุดมาจากหน่วยงานอื่น (3rd party) แต่ไม่ระบุว่าเป็นที่ไหน ตามปกติแล้วอินเทลมักแชร์ซอร์สโค้ดและเครื่องมือ BIOS/UEFI ให้กับพาร์ทเนอร์ฮาร์ดแวร์อยู่แล้ว เว็บไซต์​ Tom's Hardware ชี้ว่าตัวไฟล์มาจาก GitHub ที่ลบไปแล้ว ของพนักงานบริษัท LC Future Center ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างผลิตฮาร์ดแวร์​ ODM ในจีนให้กับแบรนด์คอมพิวเตอร์หลายยี่ห้อ เช่น Lenovo ที่มา - Tom's Hardware
# Elon Musk เผย รัฐบาลจีนไม่ต้องการให้ Starlink ให้บริการในจีน Elon Musk เปิดเผยผ่านบทสัมภาษณ์กับ Financial Times ว่า รัฐบาลจีนพยายามเรียกร้องให้ Elon Musk ให้คำรับรองว่าจะไม่ขยายบริการระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม Starlink เข้าสู่จีน ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนก็แสดงความไม่เห็นด้วยชัดเจนที่ Elon Musk ให้บริการดาวเทียม Starlink ในยูเครนเพื่อช่วยให้ยูเครนสามารถสื่อสารได้ในภาวะสงคราม เนื่องจากจีนก็ไม่ได้ประนามที่รัสเซียบุกเข้าสู่ยูเครนเหมือนสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้จีนมีบริการดาวเทียมสื่อสารเป็นของตัวเองที่ชื่อว่า Beidou ตั้งแต่ปี 2020 ที่มาแข่งขันกับระบบระบุตำแหน่ง (GPS) ที่สหรัฐเป็นผู้คิดค้นขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีนี้ จีนก็ได้เน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านอวกาศของตนเองมากขึ้นด้วย สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ที่มา ที่มา: Financial Times
# [ลือ] iPhone SE 4 อาจจะออกปี 2024 ดีไซน์เหมือน XR แต่อาจจะใช้ Touch ID หลังจากก่อนหน้านี้บัญชี Apple Track (@appltrack) บน Twitter ได้ให้ข้อมูลว่า iPhone SE 4 จะมีดีไซน์เหมือน iPhone XR Ross Young นักวิเคราะห์จากบริษัทวิเคราะห์สายซัพพลายเชนได้ให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า iPhone SE รุ่นใหม่น่าจะใช้หน้าจอ LCD ขนาดราว 5.7-6.1 นิ้ว และมีรอยบากซึ่งก็ไม่แน่ว่า iPhone SE จะมี Dynamic Island ที่น่าจะมีใน iPhone 16 ทุกรุ่นแล้วในปี 2024 Young เผยด้วยว่ายังไม่แน่ว่า iPhone SE 4 จะมีกล้อง TrueDepth และมี Face ID หรือไม่ ส่วนข่าวลือจากแหล่งอื่นซึ่งรวมถึง Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ Apple ก็เผยว่าน่าจะไม่มี Face ID แต่ Apple จะใส่ Touch ID ไว้บนปุ่มล็อคหน้าจอแทนเพื่อประหยัดต้นทุน ทั้งนี้ Young มองว่า Apple จะเปิดตัว iPhone SE 4 ในปี 2024 ซึ่งไม่ตรงกับที่ Apple Track คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเปิดตัวในปีหน้านี้ ที่มา: MacRumors
# VMware ปรับโมเดลการออกซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ มีช่วง Initial Availability คั่นก่อน GA VMware ประกาศปรับรูปแบบการออฟซอฟต์แวร์ จากเดิมที่ซอฟต์แวร์จะออกรุ่นทดสอบต่างๆ แล้วออกเป็นรุ่นจริง (general availibity - GA) มาเป็นการออกรุ่นเริ่มต้น initial availability หรือ IA ก่อน เวอร์ชั่น IA นั้นผ่านกระบวนการตรวจสอบจากพันธมิตรของ VMware เรียบร้อย และผ่านเงื่อนไขการตรวจสอบคุณภาพตามปกติแล้ว จึงพร้อมสำหรับการใช้งานบนโปรดักชั่น แต่ในชีวิตจริง ลูกค้าจำนวนมากก็ต้องการรอไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อใช้งานบนโปรดักชั่นแล้วไม่มีปัญหาอะไร ทาง VMware จะเก็บผลการใช้งานจริงที่ลูกค้าใช้งานช่วง IA เป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ แล้วรายงานให้กับลูกค้าก่อนจะออกเวอร์ชั่น GA ก่อนหน้านี้ลูกค้าที่ต้องการความมั่นใจก็อาจจะรอติดตั้งเวอร์ชั่นใหม่หลังจากออกมาแล้วระยะหนึ่ง หรือมีอัพเดตย่อยออกมาแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาต่างๆ ลดลงแล้ว ทาง VMware มองว่าแนวทาง IA/GA จะทำให้ลูกค้าสามารถอัพเดตได้เร็วขึ้น ที่มา - VMware
# Amazon เตรียมทุ่มพันล้านยูโรลงทุนรถส่งของพลังงานไฟฟ้าในยุโรป Amazon เตรียมเงินราว 1 พันล้านยูโร เพื่อใช้จ่ายลงทุนกับรถบรรทุกและรถตู้ส่งของในยุโรปให้เปลี่ยนมาใช้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดภายใน 5 ปีข้างหน้า ในปัจจุบันนี้ Amazon ระบุว่ามีรถตู้ส่งของในยุโรปที่เป็นระบบไฟฟ้าอยู่แล้วส่วนหนึ่ง ซึ่ง Amazon อ้างว่ารถกลุ่มดังกล่าวได้ถูกใช้งานส่งสินค้าไปแล้ว 100 ล้านชิ้นเมื่อปีก่อน ซึ่งแม้ไม่ได้มีการระบุตัวเลขที่แน่นอนแต่ก็พึงประเมินได้ว่าจำนวนรถตู้ไฟฟ้าของ Amazon ที่ถูกใช้งานอยู่มีจำนวนหลายร้อยคันหรือหลักพันคัน และส่วนหนึ่งของแผนงานที่กล่าวไปข้างต้นจะเป็นการเปลี่ยนรถตู้เพื่อการส่งของทั้งหมดในภาคพื้นยุโรปรวมมากกว่า 10,000 คันให้เป็นระบบไฟฟ้าภายในปี 2025 นอกเหนือจากการลงทุนซื้อรถใหม่แล้ว เงินลงทุน 1 พันล้านยูโรนี้ยังรวมการติดตั้งระบบชาร์จไฟรถยนต์ในพื้นที่สำนักงานและอาคารปฏิบัติงานต่างๆ ของ Amazon ทั่วทั้งยุโรปด้วย Amazon ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าจะซื้อรถตู้ไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้ารุ่นใดมาใช้งานเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ Amazon ได้สั่งซื้อรถตู้ไฟฟ้าจาก Rivian รวม 100,000 คันก่อนหน้านี้ (ไม่ได้มีการระบุว่าสั่งซื้อเพื่อใช้งานในพื้นที่ไหน) ทั้งนี้ Rivian เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ Amazon ร่วมลงทุนในปี 2019 ด้วยเงิน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้านหนึ่ง Amazon ก็เคยสั่งซื้อรถตู้ไฟฟ้าจาก Mercedes-Benz ด้วยเช่นกัน ในขณะที่การเลือกใช้งานรถบรรทุกนั้น Amazon เคยสั่งซื้อรถบรรทุกไฟฟ้าจาก Volvo, Lion Electric และล่าสุดยังประกาศความร่วมมือกับ Mercedes-Benz เพื่อร่วมทดสอบใช้งานรถบรรทุกไฟฟ้า eActros LongHaul ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่มา - Electrek ภาพ: Wikimedia Commons: Philafrenzy, License CC-BY-SA 4.0
# Raspberry Pi Pico W เข้าไทยแล้ว Raspberry Pi Pico W บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์พร้อมฟีเจอร์เชื่อมต่อ Wi-Fi เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน แต่สำหรับประเทศไทยนั้นติดขั้นตอนขออนุญาตทำให้เลื่อนการขายในไทยอย่างเป็นทางการมาเรื่อยๆ ล่าสุดทาง Cytron ก็เปิดให้สั่งในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว จากเดิมที่เคยระบุว่าน่าจะเข้ามาขายในไทยได้ช่วงเดือนกันยายน ราคาขายตอนนี้อยู่ที่ 280 บาท ขึ้นไปจากตอนประกาศวันแรกที่ประกาศ 260 บาทเล็กน้อย คาดว่าเพราะค่าเงินบาทไทยอ่อนลงมากในช่วงหลัง ที่มา - Cytron
# [ไม่ยืนยัน] Apple เตรียมใช้ USB-C ทั้งหมดภายในปี 2024 ก่อนจะใช้ชาร์จไร้สายในระยะยาว Mark Gurman จากสำนักข่าว Bloomberg เผยว่า Apple เตรียมเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C หลังจากสภาสหภาพยุโรปลงมติผ่านกฎหมายให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ในยุโรปทุกชนิดใช้พอร์ต USB-C ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2024 ส่วนแล็บท็อปจะยืดเวลาให้ถึงปี 2026 Gurman เผยว่า iPhone 15 ที่น่าจะเปิดตัวในปีหน้าอาจจะมาพร้อมกับพอร์ต USB-C แทนที่พอร์ต Lightning ที่ใช้มาเป็น 10 ปี ส่วน iPad รุ่นเริ่มต้น (iPad mini และ iPad Air) น่าจะเปลี่ยนภายในสิ้นปีนี้ ส่วนถ้าหาก Apple เปิดตัว iPhone SE ใหม่ในช่วงต้นปี 2024 การใช้พอร์ต Lighning ก็ยังถือว่าไม่ผิดกฎ แต่รุ่นหลังจากนั้นก็จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ USB-C ส่วน AirPods ทั้ง 3 รุ่นและอุปกรณ์ Magic Mouse, Magic Keyboard และ Magic Trackpad น่าจะอัปเกรดเป็นพอร์ต USB-C เมื่อเปิดตัวรุ่นใหม่ ซึ่งรวมถึง iMac รุ่นใหม่และ Mac Pro ด้วย ทั้งนี้ Gurman คิดว่า Apple น่าจะไม่ใช้พอร์ต USB-C เป็นระยะเวลานานเหมือนกับพอร์ต Lightning เพราะจะเน้นไปที่การพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จไร้สายแทน สหภาพยุโรปเองก็ยกเว้นกฎหมายให้กับสมาร์ทวอทช์และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่สามารถชาร์จไร้สายด้วย ที่มา: Bloomberg via MacRumors
# เผยตัวเลขรายได้ Xbox Game Pass ทำเงิน 2.9 พันล้านดอลลาร์ต่อปี Xbox Game Pass ถือเป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์ใช้เปลี่ยนวงการเกม ที่เดิมทีอิงอยู่กับการซื้อเกมแยกขาดเป็นรายเกม มาเป็นการจ่ายเหมารายเดือนแทน คำถามที่ทุกคนสงสัยคือไมโครซอฟท์ทำเงินจาก Game Pass ได้จริงๆ ใช่ไหม หรือเป็นแค่การอัดเงินทุ่มตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่ ไมโครซอฟท์เก็บเงียบเรื่องรายได้ของ Game Pass มาตลอด และในงานแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสก็บอกเพียงรายได้รวมของธุรกิจเกมทั้งหมด ไม่แยกรายการให้เห็นความลับนี้ แต่ล่าสุดในเอกสารที่ไมโครซอฟท์ส่งหน่วยงานกำกับดูแลของบราซิล (ที่เพิ่งอนุมัติดีลซื้อ Activision Blizzard) ทำให้เราเห็นตัวเลขรายได้ของ Game Pass ว่าอยู่ที่ 2.9 พันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเป็นตัวเลขเก่าหน่อยคือนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ถึงมกราคม 2021 ตัวเลข 2.9 พันล้านดอลลาร์ นับเฉพาะ Xbox Game Pass สำหรับคอนโซลเท่านั้น (ไม่รวม PC Game Pass) ถ้าเทียบกับรายได้ของไมโครซอฟท์ในช่วงนั้น คิดเป็นสัดส่วน 18% ของรายได้ทั้งหมดจากเกม ตอนนั้นไมโครซอฟท์มีสมาชิก Game Pass ราว 18-19 ล้านคน ในขณะที่ตัวเลขสมาชิกเปิดเผยล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2022 อยู่ที่ 25 ล้านคน ถึงแม้ตัวเลขรายได้อย่างเดียว ไม่สามารถบอกได้ว่าไมโครซอฟท์กำไรหรือขาดทุนกับ Game Pass เพราะมีเงินที่ต้องไปจ่ายค่าตอบแทนให้บริษัทเกมอีกไม่น้อย แต่อย่างน้อยๆ ก็ช่วยให้เราพอเห็นภาพว่าธุรกิจนี้ของไมโครซอฟท์ไปได้ดีแค่ไหน ที่มา - Windows Central
# Kanye West โพสต์เหยียดคนยิว โดน Instagram ล็อคบัญชี, ย้ายมา Twitter ก็โดนล็อคอีก งานเข้าต่อเนื่องสำหรับแร็ปเปอร์คนดัง Kanye West เริ่มจากบัญชี Instagram ของเขาโดนจำกัด (restricted) หลังเขาโพสต์วิจารณ์เพื่อนแร็ปเปอร์ Diddy (Sean Combs) ว่าถูกควบคุมโดย "ชาวยิว" เรื่องเกิดจาก Diddy แชทคุยส่วนตัวกับ Kanye แสดงความไม่เห็นด้วยกับเสื้อยืด "White Lives Matter" ที่ Kanye ใส่ออกงานแฟชั่นโชว์ ว่าขัดแย้งกับแนวทาง Black Lives Matter ที่เขาสนับสนุน จึงเรียกร้องให้แฟนๆ ไม่ซื้อ ไม่ใส่ ไม่สนใจเสื้อลายนี้ของ Kanye Kanye จึงนำข้อความแชทส่วนตัวมาโพสต์ลง Instagram เพื่อตอบโต้ และวิจารณ์ว่า Diddy ถูกชักใยโดนกลุ่มคนยิว ข้อความเรื่องยิวของ Kanye ถูกร้องเรียนโดยสมาคม American Jewish Committee ว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ และสุดท้ายทำให้ Instagram ต้องลบโพสต์ของเขาและจำกัดการใช้งานบัญชี หลังจากนั้น Kanye ย้ายมาโพสต์ใน Twitter แทน โดยเริ่มจากการด่า Mark Zuckerberg ว่าเตะเขาออกจาก Instagram ทำให้มี Elon Musk มาโพสต์ตอบว่า "ยินดีต้อนรับกลับสู่ Twitter" หลังจากที่ Kanye ไม่เคยโพสต์อะไรเลยมาตั้งแต่ปี 2020 อย่างไรก็ตาม Kanye อยู่บน Twitter ได้แค่วันเดียว เขาก็โพสต์ถึงชาวยิวอีก โดยใช้ข้อความว่าเขาจะ "Death Con 3 on Jewish People" ซึ่งหมายถึง DEFCON รหัสเตือนภัยของกองทัพสหรัฐ ผสมกับคำว่า "Death" ทำให้ข้อความของเขาถูก Twitter ลบออกเพราะละเมิดกฎเรื่องเหยียดเชื้อชาติ และถูกล็อคบัญชี Twitter ไม่สามารถโพสต์อะไรได้อีก ตามกฎของ Twitter แล้ว บัญชีจะถูกล็อคเป็นเวลา 12 ชั่วโมงถึง 7 วัน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ชัดว่าบัญชีของ Kanye จะถูกล็อคนานแค่ไหน ภาพจาก YouTube Kanye West ที่มา - Gizmodo (1), Gizmodo (2)
# กูเกิลยืนยัน จะนำฟีเจอร์บางอย่างของ Pixel 7 กลับไปอัพเดตให้ Pixel 6 ด้วย กูเกิลยืนยันกับเว็บไซต์ PhoneArena ว่าจะอัพเกรดฟีเจอร์บางอย่างของ Pixel 7 กลับมาให้ Pixel 6 ด้วย ผ่านการอัพเดต Feature Drop ในอนาคต ซึ่งน่าจะเป็นรอบเดือนธันวาคม 2022 ฟีเจอร์ที่ระบุชื่อได้แก่ Clear Calling ลดเสียงรบกวนภายนอกขณะคุยโทรศัพท์ Guided Frame ฟีเจอร์ด้าน accessibility ที่ช่วยให้คนพิการทางสายตาถ่ายเซลฟี่ได้ โดยแอพกล้องจะบอกให้เลื่อนตำแหน่งการถือโทรศัพท์ให้เหมาะสม Real Tone ฟีเจอร์การปรับสีผิวให้เหมาะกับแต่ละคน อัพเกรดเพิ่มใน Pixel 7 โดย Pixel 6 ได้ใช้ด้วย Spatial Audio ฟีเจอร์ด้านเสียงตามตำแหน่ง ใช้กับหูฟัง Pixel Buds Pro และหูฟังอื่นๆ ในอนาคต ที่มา - PhoneArena
# iPhone 14 โทรเรียก 911 เพราะเข้าใจผิดว่าคนนั่งรถไฟเหาะเป็นผู้ประสบอุบัติเหตุรถชน หนึ่งในฟีเจอร์ของ iPhone 14 ที่ถือเป็นของใหม่สำหรับสมาร์ทโฟนจาก Apple คือระบบ Crash Detetcion ที่จะตรวจจับว่าผู้ใช้งานประสบอุบัติเหตุรถชนหรือไม่ หากมันตรวจจับการชนก็จะช่วยโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ 911 เพื่อให้มาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ อย่างไรก็ตามดูเหมือนระบบ Crash Detetcion จะยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง เมื่อมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ 911 ได้รับสายที่โทรจาก iPhone 14 อัตโนมัติในระหว่างที่ผู้ใช้กำลังนัง่รถไฟเหาะ ระบบ Crash Detetcion นั้นอาศัยการตรวจจับอัตราเร่งที่ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้แรงที่กระทำต่อตัวสมาร์ทโฟน หากอัตราเร่งที่วัดได้มีค่าสูง ย่อมหมายถึงมีแรงกระทำมาก และหากค่าของอัตราเร่งที่เซ็นเซอร์ในสมาร์ทโฟนวัดได้มีการเปลี่ยนแปลงค่าอย่างรวดเร็วก็ย่อมสื่อถึงแรงกระแทกรุนแรงที่กระทำต่อตัวสมาร์ทโฟน (อีกนัยหนึ่งก็หมายถึงแรงที่กระทำต่อผู้ใช้ที่พกสมาร์ทโฟนติดตัวอยู่) ซึ่งเมื่อมันตรวจจับการกระแทกที่ประเมินว่าเป็นอุบัติเหตุมันจะแสดงหน้าจอแจ้งเตือนและเตรียมนับถอยหลังเพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินโดยอัตโนมัติหากผู้ใช้ไม่ทำการยกเลิกการโทรเสียก่อน การนั่งรถไฟเหาะที่มีการเปลี่ยนแปลงของแรงกระทำต่อผู้ที่ขึ้นไปนั่ง ทั้งการเบรก, การเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางของเครื่องเล่น, การตกจากยอดสูงของรางด้วยความเร็วสูง เหล่านี้ล้วนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราเร่งที่เซ็นเซอร์ในสมาร์ทโฟนของผู้ที่นั่งรถไฟพึงวัดได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามค่าอัตราเร่งที่จะตรวจวัดได้จากการนั่งรถไฟเหาะย่อมแตกต่างจากค่าที่ควรจะเป็นในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งดูเหมือนว่าระบบ Crash Detetcion ของ iPhone 14 จะยังไม่อาจแยก 2 สิ่งนี้ออกจากกันได้ มีรายงานว่านับตั้งแต่การเปิดตัวและวางขาย iPhone 14 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 911 ของสำนักงาน Warren County ได้รับสายจากการโทรอัตโนมัติด้วยระบบ Crash Detection ของ iPhone 14 ที่ผู้ใช้พกติดตัวขึ้นไประหว่างเล่นรถไฟเหาะในสวนสนุก Kings Island ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตรับผิดชอบ โดยมีการโทรอัตโนมัติด้วยระบบนี้เข้ามาที่สำนักงานจำนวน 6 ครั้ง ข้อแนะนำสำหรับผู้ใช้ iPhone 14 ที่ต้องการนั่งรถไฟเหาะ จึงอาจมีทางเลือกคือการไม่เอาสมาร์ทโฟนติดตัวขึ้นไปด้วย หรือไม่ก็ปิดการทำงานระบบ Crash Detetcion หรืออีกทางคือเลือกเปิดโหมดการบินเพื่อตัดระบบการสื่อสารไม่ให้มันทำการโทรโดยอัตโนมัติ ที่มา - The Wall Street Journal ผ่าน The Verge
# Utah Bionic Leg ขาเทียมเพื่อผู้พิการที่มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์ช่วยปรับการทำงานได้เอง นักวิจัยจาก University of Utah ร่วมกับ Ottobock ผู้ผลิตขาเทียมรายใหญ่ที่สุดของโลก พัฒนาขาเทียมแบบใหม่ Utah Bionic Leg ที่มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์ในตัว ช่วยให้มันสามารถปรับการทำงานให้เหมาะสมกับการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ใช้ได้ ตัว Utah Bionic Leg มีมอเตอร์ไฟฟ้า, ชิปประมวลผล และระบบปัญญาประดิษฐ์ในตัวซึ่งจะเรียนรู้วิธีการเคลื่อนไหวของผู้ใช้และปรับการทำงานของตัวมันเองให้สอดคล้อง หากผู้ใช้เดินเร็วขึ้น มันจะเคลื่อนไหวข้อต่อจุดหมุนต่างๆ ให้เร็วขึ้นตามจังหวะการเดินทั้งยังช่วยเสริมแรงในจังหวะก้าวเดินให้ผู้ใช้ด้วย คล้ายกับการเดินของคนที่ขาปกติที่มีการออกแรงส่งจากกล้ามเนื้อขาและเท้าในระหว่างการเดิน ต้นแบบ Utah Bionic Leg การพัฒนา Utah Bionic Leg ในช่วงแรกนั้นมีการใส่ชุดขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแยกเป็น 2 ข้อต่อ อันได้แก่ ข้อต่อส่วนหัวเข่า และข้อต่อส่วนข้อเท้า โดยทั้ง 3 ส่วนได้รับการควบคุมจากชิปประมวลผล ระบบการทำงานจะอ่านการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ใช้โดยอาศัยข้อมูลจากเซ็นเซอร์วัดแรงกระทำ, แรงบิด, อัตราเร่ง และไจโรสโคปที่ทำหน้าที่ตรวจจับการหันทิศทาง ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เหล่านี้จะอ่านค่าแบบเรียลไทม์และส่งให้หน่วยประมวลผลวิเคราะห์ว่าควรสั่งการทำงานของชุดขับเคลื่อนอย่างไรเพื่อให้การเคลื่อนไหวของผู้ใช้ออกมาดีที่สุด ก่อนที่ต่อมาในภายหลังทีมพัฒนาได้เพิ่มชุดขับเคลื่อนตรงตำแหน่งข้อต่อนิ้วเท้าเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งจุด Utah Bionic Leg เวอร์ชั่นปัจจุบัน 3 ข้อต่อ วางเทียบกับต้นแบบรุ่นก่อนหน้าที่วางอยู่ด้านหลัง เพื่อให้ Utah Bionic Leg สามารถเข้าใจได้ว่าผู้ใช้กำลังต้องการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไร ทีมพัฒนาจึงเก็บข้อมูลโดยให้ผู้ใช้ทดลองเคลื่อนไหวด้วยอากัปกิริยาต่างๆ เช่น การลุกขึ้นยืน, การนั่ง, การย่อตัว, การเดิน, การหมุนตัวเปลี่ยนทิศทางการเดิน, การเดินขึ้น-ลงบันได เพื่อให้รู้ว่าควรกำหนดการทำงานของมอเตอร์ข้อต่อส่วนต่างๆ อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงธรรมชาติการขยับขาของคน การทดสอบระบบของ Utah Bionic Leg โดยให้อาสาสมัครเคลื่อนตัวและเดินไปมาตามรูปแบบการเคลื่อนไหวที่กำหนด ข้อมูลที่ได้จากการให้อาสาสมัครใช้ขาเทียมเดินขึ้นบันไดที่มีความสูงลูกขั้นแตกต่างกัน โดยมีรูปแบบการเดิน 3 แบบ ด้วยพลังของปัญญาประดิษฐ์ที่เรียนรู้รูปแบบการเคลื่อนไหวของคนดีขึ้นแล้ว ทำให้ในขณะใช้งานจริงหากผู้ใช้ต้องเดินข้ามสิ่งกีดขวางที่ต้องยกเท้าสูง Utah Bionic Leg ก็จะขยับข้อต่อบริเวณช่วงเข่าและข้อเท้าเพื่อให้ผู้ใช้สามารถก้าวข้ามสิ่งกีดขวางได้ง่ายขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นในขณะที่ผู้ใช้ก้าวเดินขึ้นหรือลงขั้นบันไดที่มีความสูงของลูกขั้นแตกต่างกันในแต่ละครั้ง หรือในขณะเดินขึ้น-ลงเนินที่มีความลาดชันแตกต่างกัน ตัว Utah Bionic Leg ก็สามารถปรับการทำงานของมันให้เหมาะสมกับความสูงของขั้นบันไดหรือความชันของเนินได้ Utah Bionic Leg มีน้ำหนักรวมประมาณ 2.7 กิโลกรัม มีระบบส่งข้อมูลที่เซ็นเซอร์ต่างๆ อ่านค่าได้ไปยังระบบเก็บข้อมูลด้วยการส่งข้อมูลแบบไร้สาย และด้วยความร่วมมือจาก Ottobock ที่สนับสนุนเงินทุนในการวิจัยและพัฒนา Utah Bionic Leg จึงคาดว่าเราอาจได้เห็นผลงานพัฒนาของ University of Utah กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายจริงในอนาคตอันใกล้ ที่มา - @THEU ผ่าน Interesting Engineering
# Decentraland บริการ Metaverse เผยจำนวนผู้เล่น 8,000 คนต่อวัน, คนทำธุรกรรม 38 คนต่อวัน DappRadar รายงานสถิติการใช้งานโลก metaverse ยอดนิยม 2 ค่ายคือ Decentraland และ The Sandbox โดยอิงจากข้อมูลธุรกรรมบนบล็อกเชน Ethereum ว่ามีผู้ใช้งานต่อวัน 38 และ 522 รายตามลำดับ ข้อมูลนี้มาจากบล็อกเชน จึงแปลว่าเป็นข้อมูลการทำธุรกรรมเท่านั้น (ทั้งสองโลก metaverse มีเหรียญของตัวเองที่อยู่บนเชน Ethereum คือเหรียญ $MANA และ $SAND ตามลำดับ) หลังจากนั้น ทีมงาน Decentraland ออกมาให้ข่าวว่าแพลตฟอร์มตัวเองมีผู้เล่นต่อวันเฉลี่ยราว 8,000 ราย (แปลว่าผู้เล่นจำนวนมากเข้าไปใช้งานเฉยๆ โดยไม่ได้ทำธุรกรรมซื้อขายบนบล็อกเชน) และยอมรับว่าจำนวนผู้เล่นลดลงนับตั้งแต่จุดพีคช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นมา ส่วน The Sandbox ที่น่าจะมีผู้เล่นเยอะกว่านั้นไม่ได้ออกมาเปิดเผยสถิติแบบเดียวกัน แม้ตัวเลข 8,000 อาจไม่เยอะนัก แต่ทั้ง Decentraland และ The Sandbox ยังมีมูลค่าบริษัทสูงถึงราว 1,300 ล้านดอลลาร์เท่าๆ กัน ส่วนราคาของเหรียญ $MANA ก็เป็นไปตามสภาพตลาดคริปโตโดยรวม นั่นคือนับจากจุดสูงสุด 5 ดอลลาร์ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2021 ก็ตกลงเรื่อยๆ และปัจจุบันราคาประมาณ 0.84 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ที่มา - CoinDesk
# Mastercard ออกตัวช่วยธนาคารประเมินความเสี่ยง หากลูกค้ารูดบัตรซื้อคริปโต Mastercard ออกเทคโนโลยีชื่อ Crypto Secure ช่วยให้ธนาคารผู้ออกบัตร (issuer) สามารถตรวจสอบธุรกรรมการซื้อคริปโตจากตลาดแลกเปลี่ยน (exchange) ได้ง่ายขึ้น เบื้องหลังของ Crypto Secure คือการขึ้นบัญชี exchange ทั่วโลกประมาณ 2,400 แห่ง ระบุชื่อและความเสี่ยง (อิงจากสถิติการอนุมัติ/ปฏิเสธธุรกรรม) แสดงเป็นแดชบอร์ดพร้อมระดับสีบอกความเสี่ยง (เช่น แดง = เสี่ยงสูง, เขียว = เสี่ยงต่ำ) ให้ธนาคารผู้ออกบัตรดูประกอบการอนุมัติรายการให้ลูกค้าที่รูดบัตรซื้อคริปโต ผู้บริหารของ Mastercard บอกว่าบริษัทมีเครื่องมือประเมินความเสี่ยงสำหรับธุรกรรมออนไลน์ให้ธนาคารผู้ออกบัตรอยู่แล้ว เมื่อตลาดคริปโตเริ่มเติบโตขึ้น ก็อยากสร้างเครื่องมือแบบเดียวกันขึ้นมา โดยเป็นเทคโนโลยีของบริษัท CipherTrace ที่ Mastercard ซื้อกิจการมาเมื่อปีที่แล้ว นำข้อมูลความเสี่ยงมาจากหลายแหล่งประกอบกัน รวมถึงจากข้อมูลบนบล็อกเชนด้วย ที่มา - Mastercard, CNBC
# Lufthansa ไม่ได้เพิ่งแบนการใช้ AirTag ในกระเป๋าเดินทาง แต่กฎการบินสากลระบุห้ามโหลดอุปกรณ์ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมใต้เครื่อง สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวจากเว็บ One Mile at a Time พาดหัวระบุว่าสายการบิน Lufthansa แบนการใช้ AirTag ติดตามกระเป๋าเดินทาง รูปแบบการรายงานและเนื้อหาชวนให้เข้าใจว่าทางสายการบินเพิ่งตัดสินใจว่าจะแบนการโหลด AirTag ไปกับกระเป๋าเดินทางนับแต่ตอนนี้เป็นต้นไป และตั้งคำถามไปว่าสายการบินอื่นๆ จะทำตามหรือไม่ ต้นทางของข่าวนี้มาจากเว็บ Watson.de สื่อออนไลน์ในเยอรมนีที่ตั้งข้อสงสัยว่าการโหลด AirTag ไปกับกระเป๋าเดินทางใต้เครื่องนั้นทำได้หรือไม่ ทางโฆษกของสายการบิน Lufthansa ตอบกลับโดยอ้างอิงกฎการเดินทางขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่ระบุชัดเจนว่าอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมนั้นต้องถือขึ้นเครื่องไปกับผู้โดยสายเท่านั้น หรือหากจะโหลดใต้เครื่องได้จะต้องปิดการทำงานอย่างสมบูรณ์ กฎความปลอดภัยของ ICAO ออกมาตั้งแต่ปี 2017 สี่ปีก่อนที่ AirTag จะเปิดตัว ครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์ขนาดเล็กเช่นนาฬิกาไปจนถึงอุปกรณ์ขนาดใหญ่เช่นโน้ตบุ๊ก แต่จำกัดเฉพาะแบตเตอรี่ลิเธียมเท่านั้น น่าสนใจว่าแบตเตอรี่ CR2032 ที่ AirTag ใช้งานนั้นแม้ส่วนมากในตลาดจะเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมแต่ก็มีแบบ Alkaline ขายอยู่ด้วยหากเปลี่ยนชนิดแบตเตอรี่แล้วตามกฎความปลอดภัยนี้ก็อาจจะไม่ขัด แม้จะมีกฎอื่นๆ เช่นการส่งสัญญาณวิทยุที่อาจจะขัดกฎจากหน่วยงานอื่นอยู่ดีก็ตาม ทาง Watson.de ยังถามไปยังสนามบินหลายแห่งในเยอรมนี ล้วนตอบตรงกันว่ายังไม่มีแนวทางตรวจหา AirTag เพื่อป้องกันการโหลดใต้เครื่องเป็นการเฉพาะ ที่มา - Watson.de, One Mile at a Time, Hacker News
# นักวิจัยสร้าง AI วิเคราะห์การแข่งวอลเลย์บอลหญิง เดาการเคลื่อนที่และการเล่นได้แม่น 80% ทีมนักวิจัยจาก Cornell University พัฒนาอัลกอริทึมของปัญญาประดิษฐ์เพื่อศึกษาเทปการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล จนทำให้มันเข้าใจเกมและสามารถทำนายการเคลื่อนที่ของผู้เล่น และวิธีการที่ผู้เล่นจะเลือกใช้ในจังหวะต่อไปได้แม่นยำเกิน 80% การทำงานของอัลกอริทึมจะอาศัยข้อมูลรอบด้านเพื่อทำนายการเคลื่อนที่หรือการตัดสินเลือกวิธีการเล่นของผู้เล่นในสนาม โดยอาศัยทั้งข้อมูลจากระบบ computer vision ควบคู่ไปกับข้อมูลที่มีการป้อนให้แก่ปัญญาประดิษฐ์โดยตรง เพื่อให้ระบบปัญญาประดิษฐ์เข้าใจข้อมูลแวดล้อมของการแข่งขันเพื่อใช้ประกอบการทำนายได้แม่นยำยิ่งขึ้น ระบบ computer vision ทำให้ปัญญาประดิษฐ์รู้ตำแหน่งการยืนในสนามของผู้เล่น, ทิศทางการเคลื่อนที่ของผู้เล่นในจังหวะก่อนหน้า, อากัปกิริยาของผู้เล่นในแต่ละขณะ รวมทั้งตำแหน่งของบอล ในขณะที่ข้อมูลอื่นซึ่งไม่อาจรู้ได้จากการมองภาพนั้นจะถูกป้อนเข้าไปต่างหาก ซึ่งมีทั้งข้อมูลบทบาทของผู้เล่นภายในทีมว่าใครเป็นผู้เล่นตำแหน่งลิเบอโร, ตัวตี, ตัวส่ง, หรือตัวบล็อค รวมถึงข้อมูลแทคติกการเล่นที่ทีมเลือกใช้ในการแข่งขันนั้น การวิเคราะห์เทปการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง โดยบอกให้ AI รู้ว่าผู้เล่นแต่ละคนเล่นในตำแหน่งอะไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากระบบ computer vision ทีมวิจัยใช้ข้อมูลจากเทปบันทึกการแข่งขันมาเทรนปัญญาประดิษฐ์ จากนั้นใช้ข้อมูลเทปการแข่งขันชุดใหม่มาให้มันทำนายว่าในแต่ละจังหวะของการแข่งขันนั้นผู้เล่นแต่ละคนในสนามจะทำอะไรในจังหวะต่อไป ตัวปัญญาประดิษฐ์จะวิเคราะห์และคำนวณความน่าจะเป็นเพื่อทำนาย ผลการทดสอบพบว่าปัญญาประดิษฐ์สามารถเรียนรู้และแยกผู้เล่นที่มันมองเห็นได้ว่าใครรับผิดชอบหน้าที่อะไรในจังหวะการเล่นนั้นๆ เช่น ในจังหวะการเล่นเกมรับปัญญาประดิษฐ์สามารถวิเคราะห์ได้เองว่าผู้เล่นคนไหนจะทำหน้าที่เป็นตัวบล็อค และใครจะทำหน้าที่อื่น โดยมีความแม่นยำในการแยกแยะเฉลี่ย่ที่ 85% ส่วนการทำนายการเคลื่อนที่และวิธีการเล่นของผู้เล่นแต่ละคนซึ่งมีการแยกย่อยโดยบอกได้ว่าผู้เล่นจะตบลูก, เซ็ตบอล, ขึ้นบล็อค, พุ่งรับลูก, ย่อตัวเตรียมรับลูก, เสียหลัก, ยืนรอ หรือกระโดดนั้น ปัญญาประดิษฐ์สามารถทำนายการการเล่นในจังหวะถัดไปจากภาพที่มันมองเห็นต่อเนื่องกันสูงสุดอีก 46 เฟรมภาพด้วยความถูกต้อง 80% อัลกอริทึมประเมินความเป็นไปได้ในแต่ละขณะว่าผู้เล่นแต่ละคนจะเคลื่อนที่หรือเลือกเล่นอย่างไรในจังหวะถัดไป ทีมนักวิจัยของ Cornell University เล็งเห็นว่าปัญญาประดิษฐ์นี้จะมีประโยชน์ช่วยให้ทีมวอลเลย์บอลสามารถศึกษาเทปการแข่งขันของทีมคู่แข่งและเตรียมพร้อมวิธีการเล่นเพื่อรับมือคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งล่าสุดพวกเขาได้จดสิทธิบัตรปัญญาประดิษ์นี้แล้ว โดยตอนนี้ทีมวิจัยได้หันมาพัฒนาอัลกอริทึมเพื่อใช้สำหรับวิเคราะห์การแข่งขันฮอคกี้น้ำแข็ง โดยได้ร่วมกับทีมฮอคกี้ Big Red เพื่อทำการศึกษาวิจัยร่วมกัน การวิเคราะห์เทปการแข่งขันฮอคกี้น้ำแข็งโดยใช้ computer vision ในอนาคตทีมวิจัยไม่ได้ตั้งเป้าแค่การใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์นี้เพื่อการวิเคราะห์การเคลื่อนที่หรือการเล่นของคนในเกมกีฬาเท่านั้น แต่อาจต่อยอดเพื่อพัฒนาระบบการทำงานของหุ่นยนต์ร่วมกับคนในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ด้วย หากระบบปัญญาประดิษฐ์ทำให้หุ่นยนต์รู้ได้ว่าคนกำลังจะทำอะไร, หรือจะเดินไปทางไหนในพื้นที่ทำงานรอบตัวมัน ก็ย่อมทำให้หุ่นยนต์เข้าใจคนได้มากขึ้น ซึ่งจะสร้างความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดของงานวิจัยนี้เพิ่มเติมได้ที่นี่ ที่มา - Tech Xplore
# นักวิจัยออสเตรเลียดัดแปลงเครื่องยนต์ดีเซลให้ใช้งานเชื้อเพลิงผสมไฮโดรเจน 90% ได้สำเร็จ ในช่วงที่ทุกฝ่ายกำลังตื่นตัวกับการหาวิธีลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ระบบการใช้พลังงานจากก๊าซไฮโดรเจนก็ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น แนวทางหลักของการใช้ไฮโดรเจนในตอนนี้เป็นการใช้ระบบเซลล์เชื้อเพลิงซึ่งจะนำเอาก๊าซไฮโดรเจนไปผลิตพลังงานไฟฟ้าในตัวเซลล์ แต่ล่าสุดมีงานวิจัยใหม่จากออสเตรเลียที่ใช้ก๊าซไฮโดรเจนด้วยการเผาไหม้มันโดยตรงในเครื่องยนต์ โดยทีมวิจัยได้ดัดแปลงเครื่องยนต์ดีเซลทำให้สามารถผสมไฮโดรเจนเข้าไปกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ในสัดส่วน 90% ช่วยลดสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้มาก ทีมวิจัยของ UNSW Sydney ทีมวิจัยจาก UNSW Sydney ใช้เวลา 18 เดือนในการพัฒนาระบบเชื้อเพลิงคู่แบบ direct injection ที่จะฉีดน้ำมันดีเซลที่ผสมกับไฮโดรเจนเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ซึ่งระบบนี้ยังคงสามารถใช้เครื่องยนต์ดีเซลของเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ โดยทีมวิจัยระบุว่ารถยนต์หรือเครื่องจักรกลที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลใดๆ ก็สามารถดัดแปลงใช้งานระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงผสมนี้ได้โดยใช้เวลาไม่กี่เดือนในการแก้ไขติดตั้งระบบ สิ่งที่พวกเขาทำคือการคงเครื่องยนต์และชุดหัวฉีดน้ำมันดีเซลไว้ดังเดิม แต่เพิ่มหัวฉีดก๊าซไฮโดรเจนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ แล้วกำหนดจังหวะในการฉีดน้ำมันดีเซลกับก๊าซไฮโดรเจนควบคู่กันให้เหมาะสม เครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้งระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงคู่ดีเซล-ไฮโดรเจน ภาพอธิบายการเพิ่มหัวฉีดเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ศาสตราจารย์ Shawn Kook หัวหน้าทีมวิจัยอธิบายว่าการเติมก๊าซไฮโดรเจนเข้าไปในเครื่องยนต์แล้วปล่อยให้มันผสมกันเอง จะมีปัญหาเกิดไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ปริมาณมาก ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของปัญหามลพิษทางอากาศและฝนกรด ทีมวิจัยจึงใช้วิธีการทำให้มันเป็นชั้นปกคลุมพื้นที่ในห้องเผาไหม้อย่างเหมาะสม ในบางจุดจะมีไฮโดรเจนมากกว่าจุดอื่น ในขณะที่บางจุดจะมีไฮโดรเจนน้อยกว่า ด้วยวิธีการนี้ทำให้ระบบของทีมวิจัยสามารถลดการเกิด Nox ลงได้ต่ำกว่าการใช้เชื้อเพลิงดีเซลล้วนๆ การทดสอบเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงผสมช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 90 g/kWh ซึ่งเท่ากับลดการปล่อยก๊าซลง 85.9% เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันดีเซลตามปกติ นอกจากนี้เครื่องยนต์ยังมีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นมากกว่า 26% หลังการใช้ปรับปรุงมาใช้ระบบเชื้อเพลิงผสม ทีมวิจัยของ UNSW Sydney เชื่อมั่นว่าระบบเชื้อเพลิงผสมสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนี้จะเป็นทางเลือกที่ผู้ประกอบการสนใจมาก เพราะสามารถดัดแปลงแก้ไขใช้กับเครื่องจักรกลหรือพาหนะที่มีเครื่องยนต์ดีเซลอยู่แล้วได้โดยไม่ต้องรื้อเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ อีกทั้งความต้องการของตลาดในเรื่องเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็เพิ่มสูงมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอุตสาหกรรม เช่นการทำเหมืองที่มีปัญหาเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างการดำเนินการทางธุรกิจเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้หากเทียบระบบเครื่องยนต์เชื้อเพลิงผสมกับเซลล์เชื้อเพลิงแล้ว ผลงานวิจัยของพวกเขายังมีข้อดีอีกด้านคือไม่จำเป็นต้องใช้ก๊าซไฮโดรเจนที่มีความบริสุทธิ์สูงเท่ากับระบบเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งทำให้ต้นทุนก๊าซไฮโดรเจนที่จะนำมาใช้งานมีราคาถูกกว่า พวกเขาตั้งเป้าว่าจะสามารถนำระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงผสมดีเซล-ไฮโดรเจนนี้ที่มีการจดสิทธิบัตรแล้วไปใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยระหว่างนี้กำลังอยู่ในช่วงหาผู้ร่วมลงทุน ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเครื่องยนต์ดีเซลดัดแปลงเพื่อใช้ก๊าซไฮโดรเจนได้ที่นี่ ที่มา - UNSW Sydney Newsroom ผ่าน Tech Xplore
# ไมโครซอฟท์เล่าประสบการณ์ย้ายระบบจาก .NET Framework เป็น .NET Core, ย้ายจากวินโดวส์เป็นลินุกซ์ ไมโครซอฟท์เขียนบล็อกเล่าประสบการณ์ย้ายระบบจัดการธุรกรรมภายในของตัวเอง ที่เรียกรวมๆ ว่า Microsoft Commerce (มีเซอร์วิสประมาณ 700 ตัว) จากเดิมที่เขียนด้วย .NET Framework รันบนวินโดวส์ มาสู่ .NET Core ที่รันบนลินุกซ์ เหตุผลในการย้ายมาจากไมโครซอฟท์ต้องการย้ายระบบไปรันบน Azure ใช้สถาปัตยกรรม container/kubernetes (AKS) แต่พบว่ารันด้วยลินุกซ์จะเหมาะสมมากกว่า ดังนั้นไมโครซอฟท์จึงต้องย้ายจาก .NET Framework มาเป็น .NET Core ที่รันได้ข้ามแพลตฟอร์มก่อน ไมโครซอฟท์ทดลองย้ายเซอร์วิสตัวหนึ่งชื่อ Global Lookup Service (GLS) มีหน้าที่ตรวจสอบว่าผู้ใช้อยู่ที่ไหน และอยู่ใกล้ศูนย์ข้อมูลไหนมากที่สุด เซอร์วิสตัวนี้กระจายอยู่ในศูนย์ข้อมูล 4 เขตทั่วโลก มีโหลดที่ 100,000 รีเควสต์ต่อวินาที เดิมรันอยู่บน .NET Framework 4.6.2 ใน Windows VM อีกที กระบวนการย้ายเริ่มจากเปลี่ยน .NET Framework 4.6.2 เป็น .NET Core 3.1 (ภายหลังอัพเกรดเป็น .NET 5 และ .NET 6 ตามลำดับ) ความซับซ้อนของการย้ายขึ้นกับเซอร์วิสแต่ละตัวว่าพึ่งพาฟีเจอร์ของ .NET แค่ไหน บางตัวอาจแค่เปลี่ยนรันไทม์อย่างเดียวก็พอ ในขณะที่บางตัวก็อาจแก้โค้ดเพิ่มด้วย การเปลี่ยนจาก .NET Framework 4.6.2 ที่เก่าแล้ว (ออกปี 2016) มาเป็น .NET Core 3.1 ที่ใหม่ขึ้น ช่วยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นที่ระดับรันไทม์ทันที (ลดจำนวนคอร์ซีพียูลงได้ 35% และลด latency 78%) จากนั้นเมื่ออัพเกรดเป็น .NET 5 และ 6 ประสิทธิภาพโดยรวมก็เพิ่มขึ้นตามอีก แถมกระบวนการอัพเกรดเวอร์ชันไม่ยากเท่ากับตอนย้ายจาก .NET Framework มาเป็น .NET Core แล้ว หลังย้าย .NET เสร็จเรียบร้อย ก็เป็นคิวของการย้ายระบบปฏิบัติการจากวินโดวส์เป็นลินุกซ์ ซึ่งเจอปัญหาว่าโค้ดเดิมเขียนเพื่อวินโดวส์ มีปัญหาอย่างการใช้ \ (backslash), การเรียก COM หรือ API บางอย่างของวินโดวส์ (เช่น Win32 File API), การใช้เว็บเซิร์ฟเวอร์ IIS ของวินโดวส์ จึงจำเป็นต้องค่อยๆ ทยอยแก้ไขไปทีละส่วน ตัวอย่างการใช้เธร็ดที่ลดลงหลังการย้ายมาเป็น .NET Core ที่มา - Microsoft
# Binance บอกบล็อกเชนกระจายศูนย์ไม่ได้ออกแบบมาให้หยุดรัน แต่เราหยุดมันเพื่อป้องกันการแฮ็ก Binance อัพเดตความคืบหน้าของเหตุการณ์การแฮ็ก Binance Smart Chain ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ บริการเหรียญ BNB ของ Binance มีบล็อกเชนอยู่สองสายเชนคือ BNB Beacon Chain (BEP2) ที่มีเฉพาะเหรียญตัวเอง และ BNB Smart Chain (BEP20 หรือ BSC) ที่เข้ากันได้กับ Ethereum และใช้กับเหรียญอื่นได้ด้วย บล็อกเชนทั้งสองสายเพิ่งประกาศรวมกันเมื่อต้นปีนี้ โดยใช้ชื่อใหม่ว่า BNB Chain ในทางปฏิบัติแล้ว บล็อกเชนสองสายยังแยกกันทำงาน แต่มี bridge ที่คอยเชื่อมสองเชนเข้าด้วยกัน ใช้ชื่อว่า BSC Token Hub และนี่คือจุดที่โดนแฮ็ก Binance บอกรายละเอียดคร่าวๆ ของการโดนแฮ็กว่ามีความซับซ้อนสูง และบอกว่าจะแถลงข้อมูลเพิ่มเติมในภายหลัง Binance บอกว่าระบบบล็อกเชนถูกออกแบบมาให้รันไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น (Decentralized chains are not designed to be stopped) แต่ในกรณีนี้ Binance ต้องการระงับการแฮ็กไม่ให้แพร่กระจายในวงกว้าง จึงต้องติดต่อเจ้าของเครื่อง node validator ในบล็อกเชน (จำนวนทั้งหมด 44 ราย) ทีละรายให้หยุดระบบกันชั่วคราวก่อน แต่ก็ยังมีเหรียญ BNB ที่โดนขโมยออกไปทันราว 2 ล้าน BNB สิ่งที่ Binance จะทำต่อไปคือ เปิดให้ผู้ถือเหรียญโหวตว่าจะทำอย่างไรกับเหรียญที่ถูกขโมยไป จะร่วมกันแบนไม่รับเหรียญในที่อยู่เหล่านั้นหรือไม่, ตั่งค่าหัวแฮ็กเกอร์ในราคา 20% ของเหรียญที่ถูกขโมย, ตั้งโครงการ bug bounty หาช่องโหว่ความปลอดภัย ให้รางวัลช่องโหว่ละ 1 ล้านดอลลาร์ ที่มา - Binance
# FTC เกาหลีใต้เข้าตรวจสำนักงาน Apple สืบเรื่องหักส่วนแบ่ง App Store เกินไปหลายพันล้าน จากที่กลุ่ม KMGA (Korea Mobile Game Association) สมาคมนักพัฒนาเกมมือถือของเกาหลีใต้ได้ร้องเรียนว่า Apple ได้หักส่วนแบ่งการขายแอปใน App Store เกินไปหลายพันล้าน ทำให้ทาง KFTC (Korea Fair Trade Commission) เข้าตรวจสอบเรื่องนี้ที่สำนักงานของ Apple ใน Seoul เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา เรื่องนี้เกี่ยวพันกับวิธีการคิดส่วนแบ่งรายได้ระหว่างนักพัฒนาแอปและ Apple โดย Apple หักส่วนแบ่งจากการขายแอปในสัดส่วน 30% ของราคาขายที่ปรากฏบน App Store ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไปแล้ว 10% ซึ่งทางฝั่ง KMGA ผู้ร้องเรียนมองว่า Apple ควรหักส่วนแบ่งเพียงแค่ 30% ของราคาที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม มูลค่าเงินส่วนที่เป็นประเด็นพิพาทจนนำมาสู่การร้องเรียนนี้ ถูกนับในช่วงระหว่างปี 2015 จนถึง 2022 คิดเป็นมูลค่า 345 พันล้านวอน (ประมาณ 9.3 พันล้านบาท) ด้านโฆษกของ Apple ได้ให้ข้อมูลแก่ AppleInsider โดยยืนยันว่าบริษัทให้ความร่วมมือแก่ KFTC ในการสืบสวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ที่มา - AppleInsider
# Arkane Studios ยืนยันแล้ว เกม Deathloop อยู่ในจักรวาลเดียวกับ Dishonored สตูดิโอ Arkane ในสังกัด Bethesda (ที่ตอนนี้เป็นของไมโครซอฟท์อีกที)​ สร้างชื่อมาจากเกมแอคชั่นซีรีส์ Dishonored ที่ใช้ฉากหลังเป็นอาณาจักรยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่ออกครั้งแรกในปี 2012 ส่วนผลงานล่าสุดของค่ายคือ Deathloop เกมยิงแนว time-loop ล่าสุด Arkane ยืนยันแล้วว่าเกมทั้งสองซีรีส์มีความเกี่ยวข้องกัน โดย Dinga Bakaba หัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟของ Arkane ให้สัมภาษณ์ในรายการ Xbox podcast และบอกว่า Deathloop ถือเป็นอนาคตแบบหนึ่งที่เป็นไปได้ของ Dishonored (one of the futures of the Dishonored world) หลังเหตุการณ์ในเกมภาค Death of the Outsider (ภาคเสริมของ Dishonored 2) ที่ออกในปี 2017 Bakaba บอกว่าในเกม Deathloop มีใส่สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ หรือเพลงจาก Dishonored เอาไว้ ซึ่งระบบการใส่ของเหล่านี้จะแสดงให้ผู้เล่นเห็นแค่บางคนเท่านั้น ไม่ได้เห็นทุกคน แต่ผู้เล่นที่เป็นแฟน Dishonored อาจสังเกตและพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ เขาบอกว่าไม่ต้องการให้ความเชื่อมโยงนั้นชัดเจนมากไป เพราะ Deathloop ก็มีโลก มีตัวละครของตัวเอง แต่ในอีกทางก็อยากลองจินตนาการถึงอนาคตของโลกในเกม Dishonored ว่ามีหน้าตาอย่างไรเช่นกัน Arkane ยังมีเกมใหม่อีกเกมอยู่ระหว่างการพัฒนาคือ Redfall เกมยิงแวมไพร์แบบ co-op มีกำหนดขายปี 2023 ที่มา - Eurogamer
# JR East ติดตั้งระบบแสดงข้อความถอดคำพูดพร้อมแปลภาษาเจ้าหน้าที่ได้แบบเรียลไทม์ JR East บริษัทเดินรถไฟโดยสารสายตะวันออกของญี่ปุ่นได้อุปกรณ์แสดงผล HUD (ย่อมาจาก Head-Up Display) บริเวณโต๊ะของเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ โดยระบบจะถอดคำพูดเจ้าหน้าที่เป็นข้อความแสดงผลแบบเรียลไทม์และสามารถแปลข้อความจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษ, จีน หรือเกาหลีได้ด้วย ระบบนี้พัฒนาโดย Kyocera อุปกรณ์ HUD ที่จะฉายภาพให้ปรากฎบนแผ่นกระจกกั้นหน้าโต๊ะปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตัวมันมีช่องรับสัญญาณเสียงจากไมโครโฟนและช่องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ควบคุมอื่น (อาจเป็นแท็บเล็ตหรือแผงควบคุมที่มีปุ่มกดเพื่อใช้เลือกคำสั่งที่มีการตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าเป็นการเฉพาะ) ภายในมีระบบซอฟต์แวร์ถอดข้อความเสียงเป็นคำพูดและระบบแปลภาษา โดย Kyocera ระบุว่านอกเหนือจาก 3 ภาษาที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว สามารถตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมแปลเป็นภาษายูเครนและภาษาเวียตนามได้ด้วย พื้นที่แสดงผลบนกระจกจะมีขนาดยาว 30 เซนติเมตร สูง 18 เซนติเมตร โดยนอกเหนือจากการแสดงข้อความคำพูดเป็นตัวอักษรแล้ว ยังจะใช้เพื่อการแสดงแผนที่เส้นทางรถไฟและแผนที่ในสถานี เพื่อช่วยให้คำแนะนำแก่ผู้มาติดต่อขอความช่วยเหลือกจากเจ้าหน้าที่ JR East ได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย โดยมันจะมีพื้นที่หน้าจอส่วนหนึ่ง (ในภาพประกอบข่าวคือพื้นที่บริเวณสีแดง, หรือจากวิดีโอท้ายข่าวเป็นพื้นที่บริเวณสีฟ้า) ใช้สำหรับแสดงข้อความคำพูดของผู้มาติดต่อเพื่อให้เจ้าหน้าที่อ่านโดยเฉพาะ ระบบแสดงข้อความนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อชาวต่างชาติที่ทำให้เข้าใจการสื่อสารผ่านตัวช่วยการแปลภาษาเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้มีปัญหาการได้ยินเสียง หรือแม้กระทั่งชาวญี่ปุ่นทั่วไปเองก็สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย เพราะทุกวันนี้หลังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้การสวมใส่หน้ากากอนามัยกลายเป็นเรื่องปกติ ทำให้การพูดคุยในสถานีรถไฟอันมีคนพลุกพล่านและมีเสียงแวดล้อมรบกวนระหว่างสนทนาตลอดเวลาอาจไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากไม่อาจอ่านริมฝีปากของคู่สนทนาในระหว่างพูดคุยไปพร้อมกันได้ JR East เริ่มติดตั้งระบบแสดงข้อความถอดจากคำพูดแบบเรียลไทม์นี้ที่สถานี Shinjuku และจะติดตามเก็บข้อมูลการทดสอบใช้งานจนถึงวันที่ 26 ธันวาคมนี้เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงการทำงานของระบบก่อนพิจารณาขยายผลติดตั้งใช้งานในจุดอื่นต่อไป ที่มา - Yahoo! Japan, Kyocera Japan Newsroom
# รวมมิตรวาทะ Google พูดถึง Apple เรื่องนวัตกรรม จากงานเปิดตัว Pixel 7 ในงาน Made by Google '22 ที่กูเกิลเปิดตัว Pixel 7 และ Pixel Watch ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่างในคีย์โน้ต ที่ผู้บริหารของกูเกิลพูดถึงคู่แข่งรายหนึ่ง ซึ่งก็หนีไม่พ้นแอปเปิล ในแง่ถ้าว่ากันที่นวัตกรรม จริง ๆ กูเกิลทำนำหน้าไปมากกว่าแล้ว Karisa Langlo แห่ง CNET รวบรวมช่วงตอนต่าง ๆ จากในงานมาไว้ดังนี้ หน้าจอ Always-on และ Widget ในหน้าจอล็อก: Brian Rakowski รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์บอกว่า ฟีเจอร์ต่าง ๆ เราใส่เข้ามาเป็นพื้นฐานนานแล้ว ขณะที่คนอื่นในอุตสาหกรรมก็วิ่งตามเรา ตรวจจับรถชน: กูเกิลเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับรถชนมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว รวมทั้งฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ Photo Unblur: แก้ไขภาพถ่ายที่เบลอได้ แม้เป็นรูปเก่าจากโทรศัพท์หรือกล้องที่ไม่เข้ากับคุณภาพกล้องของ Pixel RCS: บอกว่า RCS เป็นมาตรฐานยุคใหม่ของการส่งข้อความ ถูกใช้งานแล้วโดยผู้ผลิตส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรม สี: บอกว่า Pixel ไม่ได้เลือกสีที่ชอบแล้ว copy-paste ไปใส่ทุกผลิตภัณฑ์ แต่เลือกปรับเฉดโทนสีให้เหมาะสม ที่มา: CNET
# hasivo ผู้ผลิตอุปกรณ์เน็ตเวิร์คจีน ออกสวิตช์ 2.5GbE พร้อม PoE 8 พอร์ต ราคาไม่ถึง 5,000 บาท hasvio ผู้ผลิตอุปกรณ์เน็ตเวิร์คจากจีน ออกสวิตช์เน็ตเวิร์ครองรับการเชื่อมต่อแบบ 2.5GbE โดยเน้นราคาถูก โดยมีตัวเลือกทั้งแบบ ​unmanaged และ web managed พร้อมกับตัวเลือก PoE สำหรับการเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดหรือ Wi-Fi access point รุ่นเล็กที่สุดของสวิตช์ 2.5GbE ของ hasivo นั้นอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท ได้ 5 พอร์ต นับว่าราคาพอๆ กับ QNAP ที่ออกมาหลายปีแล้ว แต่รุ่นที่ใหญ่ขึ้นมาคือ 8 พอร์ตราคาอยู่ที่ 3,600 บาทก็ทำให้ราคาต่อพอร์ตถูกลงค่อนข้างชัด โดยเฉพาะเมื่อเลือกรุ่น PoE ราคารวมก็ยังไม่ถึง 5,000 บาท รุ่นสูงสุดในกลุ่มคือ S1100WP-8GT-SE นั้นเป็น web managed พร้อมกับจ่ายไฟ PoE ได้สูงสุด 240 วัตต์ ราคาประมาณ 7,000 บาท เว็บ ServeTheHome ทดสอบรุ่น unmanaged PoE 8 พอร์ต พบว่าใช้งานได้ตามสเปค แม้ว่าจะเจอปัญหาไฟ LED ไม่ติดบางพอร์ตแต่ทางเว็บก็ระบุว่าได้เปิดกล่องมาถ่ายภาพก่อนทดสอบจึงไม่แน่ใจว่าทีมงานทำเสียหายเองหรือไม่ แต่การขอซัพพอร์ตหรือประกันจาก hasivo ที่อยู่ในจีนนั้นก็อาจจะลำบากกว่าแบรนด์อื่นที่สามารถขอซัพพอร์ตจากผู้ขายในประเทศได้ ที่มา - ServeTheHome
# GREGY Project โครงการสายไฟข้ามทวีปจากแอฟริกาสู่ยุโรปเริ่มก่อสร้างแล้ว ท่ามกลางวิกฤติต้นทุนพลังงานที่ส่งผลกระทบต่อนานาประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปขณะนี้ หนึ่งในโครงการที่กำลังดำเนินอยู่อาจช่วยบรรเทาปัญหาได้ในระยะยาวคือ GREGY Project ซึ่งเป็นโครงการติดตั้งสายส่งไฟฟ้าแรงสูงข้ามทวีปจากทวีปแอฟริกาสู่ยุโรป GREGY Project เป็นโครงการวางสายส่งไฟฟ้าใต้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นระยะทาง 1,373 กิโลเมตร เพื่อส่งไฟฟ้าจากเมือง Sidi Barrani ประเทศอียิปต์มายัง Attica ในประเทศกรีซ (ชื่อโครงการก็เป็นการผสมตัวอักษรจากชื่อของ 2 ประเทศ) โดยสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ 3,000 MW โดยพลังงานไฟฟ้านี้จะมาจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานลมและฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แนวสายส่งไฟฟ้าใต้ทะเลจากประเทศอียิปต์สู่ประเทศกรีซ พลังงานไฟฟ้าที่ส่งผ่านสายไฟของโครงการนี้จะแบ่งจ่ายให้แก่ผู้คนในประเทศกรีซราว 1 ใน 3 และจ่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้านของกรีซอีก 1 ใน 3 ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ในการผลิตก๊าซไฮโดรเจน ตามแนวทางส่งเสริมการใช้ Green Hydrogen (หมายถึงก๊าซไฮโดรเจนที่ได้มาจากกระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานสะอาด) โดยฝั่งต้นทางนั้นจะรับพลังงานมาจากแหล่งผลิตไฟฟ้าในประเทศอียิปต์และประเทศข้างเคียงอันได้แก่ ลิเบีย, ซูดาน และซาอุดิอาระเบีย โครงการ GREGY Project นี้เป็นโครงการที่สหภาพยุโรปจัดให้เป็นโครงการในกลุ่ม PCIs (Project of Common Interest) ซึ่งเป็นกลุ่มโครงการเกี่ยวกับพลังงานที่ชาติสมาชิกมีมติให้ยกให้มีความสำคัญระดับสูงสุด คาดว่าใช้เงินลงทุนราว 3.5 พันล้านยูโร โดย Copelouzos Group บริษัทลงทุนด้านกิจการสาธารณูปโภคจากประเทศกรีซเป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างของโครงการนี้ ซึ่งในตอนนี้ได้เริ่มขั้นตอนการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเวลา 7-8 ปี ที่มา - Euronews. ผ่าน Interesting Engineering
# อินเทลโชว์การผลิตชิปควอนตัม อัตราความสำเร็จสูงถึง 95% เปิดทางสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาดใหญ่ อินเทลประกาศความสำเร็จในการผลิตชิปควอนตัมด้วยเทคโนโลยี EUV โดยมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 95% นับเป็นความสำเร็จที่สูงที่สุดที่เคยมีการประกาศกันมา คอมพิวเตอร์ควอนตัมตอนนี้ยังจำกัดจำนวนคิวบิต (qubit) อยู่ที่ระดับไม่ถึงร้อยคิวบิตเท่านั้น แต่การใช้งานในเชิงการค้าจริงๆ อาจจะต้องการคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาดระดับพันคิวบิตไปจนถึงระดับล้านคิวบิต การผลิตชิปควอนตัมได้ปริมาณมากๆ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนคอมพิวเตอร์ควอนตัมจะเริ่มมีผลต่อชีวิตประจำวันจริงๆ ที่มา - Intel
# Google Cloud เปิดคำสั่งจัดการไฟล์ในสตอเรจใหม่ เร็วกว่า gsutil หลายเท่าตัว Google Cloud ออกคำสั่งแบบ command line สำหรับจัดการไฟล์ในคลาวด์สตอเรจ gcloud storage แทนที่คำสั่ง gsutil เดิม โดยความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือคตวามเร็วสูงกว่ามาก gcloud storage อาศัยกระบวนการคำนวณค่าแฮช CRC32 ที่เร็วกว่าเดิม ร่วมกับการดาวน์โหลดและอัพโหลดแบบขนาน เมื่อทดสอบดาวน์โหลดและอัพโหลดไฟล์จากตลาวด์สตอเรจโดยใช้ไฟล์จำนวน 100 ไฟล์ อัตราการดาวน์โหลดเร็วขึ้นถึง 79% ขณะที่การอัพโหลดเร็วขึ้น 33% และเมื่อวัดประสิทธิภาพไฟล์เดี่ยวขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพการดาวน์โหลดเพิ่มถึง 94% และการอัพโหลดเพิ่มถึง 57% นอกจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นแล้ว การปรับปรุงครั้งนี้ยังทำให้กระบวนการจัดการตลาวด์สตอเรจของ Google Cloud ไปอยู่ใต้คำสั่ง gcloud ไม่แยกออกจากคำสั่งอื่นๆ อีกต่อไป ส่วนสคริปต์ที่ใช้คำสั่ง gsutil จะใช้ได้ต่อไป โดยกูเกิลเขียนตัวแปลงคำสั่งให้ไปเรียกคำสั่ง gcloud storage แทน ผู้ที่ต้องการใช้งานสามารถอัพเดต Google Cloud SDK ได้ทันที ที่มา - Google Cloud Blog
# No Man's Sky ออกเวอร์ชัน Switch, ออกอัพเดตใหญ่เวอร์ชัน 4.0 บนทุกแพลตฟอร์ม ยิ่งทำยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ กับเกมสำรวจอวกาศ No Man's Sky ที่วางจำหน่ายบน Nintendo Switch เมื่อวานนี้ (7 ตุลาคม)​ พร้อมออกอัพเดตใหญ่เวอร์ชัน 4.0 ให้กับแพลตฟอร์มอื่นๆ อัพเดตตัวนี้ชื่อว่า Waypoint ถือเป็นอัพเดตใหญ่ที่สุดของ No Man's Sky เคยทำมา การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ custom game mode ปรับแต่งคอนฟิกของเกมได้อย่างละเอียด ว่าอยากให้มี-ไม่มีอะไรในโลกของเกมบ้าง, ปรับความยากได้แล้วด้วย เปลี่ยนได้ตลอดเวลา, relaxed game mode สำหรับคนอยากเล่นสบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะเจออันตรายในเกม, ฟีเจอร์ ​auto-saving ไม่ต้องสนใจเรื่องการเซฟเกมอีกต่อไป, รองรับ AMD FSR 2.0 ฝั่งเกมเพลย์เพิ่มระบบการซื้อขายจรวด, ปรับปรุงระบบ inventory, ระบบบันทึกการเดินทาง, แสดง crafting tree เป็นแผนภูมิต้นไม้ เป็นต้น ที่มา - No Man's Sky, Kotaku
# Valve เปิดตัว Docking Station ของ Steam Deck ขายราคา 89 ดอลลาร์ หลังจากเลื่อนมานาน Valve ก็เปิดตัว Steam Deck Docking Station แท่นวางสำหรับชาร์จและเชื่อมต่อ Steam Deck เข้ากับทีวีหรือมอนิเตอร์​ (แบบเดียวกับ Dock ของ Nintendo Switch) ในราคา 89 ดอลลาร์ Dock ของ Steam Deck มีพอร์ตหลากหลาย ได้แก่ HDMI 2.0, DisplayPort 1.4, Ethernet, USB-A 3.1 x3 ฝั่งจ่ายไฟขาเข้าเป็นพอร์ต USB-C โดยใช้อะแดปเตอร์แบบเดียวกับของ Steam Deck เนื่องจาก Steam Deck เป็นพีซีมาตรฐานตัวหนึ่ง Valve บอกว่าการเสียบอุปกรณ์เสริมผ่าน Dock ควรใช้งานได้ทันที และบริษัทก็ทดสอบความเข้ากันได้กับมอนิเตอร์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่ถ้าลองแล้วใช้งานไม่ได้ก็สามารถแจ้งผ่าน forum เพื่อให้ Valve หาวิธีซัพพอร์ตเพิ่มได้ ก่อนหน้านี้มีผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมบางรายออกสินค้า Dock ของ Steam Deck มาก่อนแล้ว ผู้เล่นก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Dock ของ Valve หรือของเจ้าอื่นๆ ที่มา - Valve
# Huobi Global แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต ขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กองทุน About Capital จากฮ่องกง Huobi Global ผู้ให้บริการเทรดคริปโตรายใหญ่ในเอเชีย ประกาศขายหุ้นให้บริษัทการลงทุนของฮ่องกง About Capital Management ผ่านกองทุนสำหรับเข้าซื้อกิจการของบริษัท โดยดีลดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยมูลค่า Huobi บอกว่า About จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่มีผลต่อบริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตแต่อย่างใด โดยเงินทุนใหม่ที่ได้เพิ่มมานี้ จะนำไปใช้ขยายกิจการในต่างประเทศ รวมทั้งนำมาเป็นเงินทุนสำรองจัดการด้านความเสี่ยงของบริษัท Huobi ก่อตั้งโดย Leon Li ในปี 2013 ที่จีน ต่อมาต้องปิดให้บริการในจีน และบริษัทเริ่มเปลี่ยนทิศทางมาเน้นตลาดต่างประเทศแทน ที่มา: CoinDesk
# Meta เตือน พบแอปมือถือกว่า 400 แอป พยายามเข้าถึง Full Access ผ่าน Facebook Login Meta ออกคำเตือนด้านความปลอดภัย ระบุว่าทีมวิจัยพบแอปใน Android และ iOS มากกว่า 400 แอป ที่ออกมาในปีนี้ มีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลล็อกอิน Facebook และเข้าถึงการใช้งานแบบ Full Access ซึ่งแอปเหล่านี้สามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน Google Play Store หรือ Apple App Store จำนวนผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบมีประมาณ 1 ล้านคน ทีมวิจัยของ Meta ไม่ได้ระบุรายชื่อแอปที่พบปัญหาดังกล่าว แต่ยกตัวอย่างการทำงานของแอปกลุ่มนี้ เช่น แอปแต่งรูป ที่บอกว่าเปลี่ยนรูปเซลฟี่ให้เป็นตัวการ์ตูน, แอป VPN ที่บอกว่าทำให้เล่นเน็ตเร็วขึ้น, แอปที่บอกว่าแฟลชมือถือจะสว่างขึ้น, แอปเกมที่พูดคุณสมบัติกราฟิก 3D เกินจริง, แอปดูดวง ฯลฯ Meta บอกว่าเมื่อพบปัญหานี้ก็แจ้งทาง Store ให้นำแอปออก ซึ่งแอปทั้งหมดถูกนำออกไปแล้วก่อนออกรายงานฉบับนี้ แต่ผู้ใช้งานอาจยังมีแอปนี้อยู่ หรือไปดาวน์โหลดจากช่องทางอื่น Meta ให้ข้อสังเกตแอปประเภทนี้หากพบอีกในอนาคต โดยให้ดูว่าจริง ๆ ฟังก์ชันของแอปจำเป็นต้องใช้ล็อกอิน Facebook หรือไม่ และแอปมีจำนวนดาวน์โหลดหรือเรตติ้งดีแค่ไหน ส่วนผู้ใช้งานที่เชื่อว่าเคยดาวน์โหลดหรือให้สิทธิแอปเหล่านี้ คำแนะนำคือให้รีเซ็ตรหัสผ่าน, เปิด 2FA และเปิดการแจ้งเตือนเมื่อมีล็อกอินใหม่ ที่มา: Meta ผ่าน The Verge แบ่งกลุ่มแอปที่พบปัญหาแยกตามประเภท
# หัวหน้าทีมฮาร์ดแวร์กูเกิลบอกอยากทำ Pixel Watch มานาน แต่มาสำเร็จได้หลังซื้อ Fitbit Rick Osterloh หัวหน้าทีมฮาร์ดแวร์ของกูเกิล ให้สัมภาษณ์ในโอกาสเปิดตัว Pixel Watch นาฬิกาสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของบริษัท เผยเบื้องหลังว่ากูเกิลอยากทำสมาร์ทวอทช์ของตัวเองมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถทำได้จนซื้อกิจการ Fitbit (ประกาศซื้อปลายปี 2019 ซื้อเสร็จต้นปี 2021) เพื่อมาเติมเต็มในฝั่งสุขภาพและฟิตเนส ซึ่งเขามองว่าเป็นแอพที่สำคัญของนาฬิกายุคนี้ Osterloh บอกว่าแนวคิดในการออกแบบ Pixel Watch มี 3 อย่างคือ ให้ข้อมูลสุขภาพและฟิตเนสในเชิงลึกผ่านแอพ Fitbit, ผนวกกับพลังบริการและแอพของกูเกิล และรวมสองอย่างเข้าด้วยกันในดีไซน์ที่สวยงาม ผลคือ Pixel Watch เป็นนาฬิกาที่ใส่เป็นแฟชั่นก็สวย เป็นอุปกรณ์ด้านฟิตเนสที่ดี และเป็น Google Assistant บนข้อมือของคุณ ปัญหาคือกระบวนการซื้อ Fitbit ที่ยาวนาน ทำให้กูเกิลไม่สามารถเริ่มงานกับ Fitbit ก่อนได้เลย ต้องรอกระบวนการเสร็จสิ้นก่อน แต่เมื่อเริ่มงานด้วยกันแล้วก็เข้ากันได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ Fitbit มีคือเทคโนโลยีการวัดค่าสัญญาณร่างกายจากเซ็นเซอร์ ส่วนกูเกิลมี AI ที่ใช้ปรับปรุงคุณภาพสัญญาณลักษณะนี้อยู่แล้ว นำมารวมกันได้ทันที ซึ่ง Osterloh บอกว่าความแม่นยำทัดเทียมกับการใช้สายวัดที่หน้าอกเลยทีเดียว ฮาร์ดแวร์ของ Pixel Watch ยังเป็นลูกผสม เพราะใช้ SoC หลักที่รัน Android (เป็น Exynos 9110) แต่ใช้ MCU (microcontroller unit) จากฝั่ง Fitbit ที่ทำให้วัดค่าการเต้นของหัวใจได้ถี่ระดับทุกวินาที ต่อเนื่องตลอดเวลา Osterloh ยังโดนคำถามว่ากูเกิลจะเลิกทำ Pixel Watch เหมือนกับอีกหลายๆ โครงการที่ล้มเลิกไป รวมถึงโครงการ Android Wear / Wear OS ที่ถูกทอดทิ้งมาหลายปี ทำๆ เลิกๆ หรือไม่ คำตอบของเขาคือตอนนี้ไม่มีใครตั้งคำถามแล้วว่ากูเกิลจริงจังกับสมาร์ทโฟน Pixel หรือไม่ ซึ่งเขาก็จะพิสูจน์ให้เห็นกับ Pixel Watch ที่มา - The Verge
# Google เตรียมเปิดศูนย์ข้อมูลที่แรกในญี่ปุ่น Sundar Pichai ซีอีโอของ Google เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมเปิดศูนย์ข้อมูลแห่งแรกในญี่ปุ่น ที่เมืองอินไซ จังหวัดชิบะ ในปี 2023 เพื่อให้ผู้ใช้ในญี่ปุ่นใช้เครื่องมือและบริการของ Google ได้รวดเร็วขึ้น การเปิดศูนย์ข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 730 ล้านเหรียญสหรัฐที่เริ่มในปีที่แล้วและจะดำเนินการต่อเนื่องไปถึงปี 2024 ศูนย์ข้อมูลในญี่ปุ่นถือเป็นแห่งที่ 3 ในเอเชียนอกเหนือจากในไต้หวันและสิงคโปร์ แผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยังรวมถึงโครงการงสายเคเบิ้ลใต้น้ำ Topaz จากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาเชื่อมต่อมายังจังหวัดมิเอะและอิบารากิในญี่ปุ่นซึ่งจะเปิดให้บริการในปีหน้า ที่เป็นการเชื่อมแคนาดากับเอเชียเป็นครั้งแรก Sundar Pichai ซีอีโอของ Google ได้เข้าพบกับ Fumio Kishida นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแล้วเพื่อพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการตั้งศูนย์ข้อมูลนี้หลังจากที่ Pichai ไปร่วมงานเปิดตัวสมาร์ทโฟน Google Pixel 7 ที่ผ่านมาในโตเกียว ที่มา: Google via Bloomberg
# ภาครัฐเปิดตัว LINE Alert แอคเคาท์แจ้งเตือนภัยพิบัติจาก กรมอุตุฯ และ ปภ. ภาครัฐเปิดตัว LINE Alert แอคเคาท์ LINE Official แจ้งเตือนภัยพิบัติ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง LINE, กรมอุตุนิยมวิทยาและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งรัฐบาลบอกว่าเป็ฯช่องทางให้บริการข้อมูลข่าวสารและการแจ้งเตือนภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ หน้าแอคเคาท์เป็น Rich Menu มีให้เลือกอัพเดตภัยพิบัติ, เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน, บริจาค, เช็คพื้นที่เสี่ยง (ที่แสดงผลข้อมูลเดียวกับอัพเดตภัยพิบัติ), โรงพยาบาลใกล้เคียง ที่จะเด้งไปแสดงผลโรงพยาบาลใน Google Maps และทิปป้องกันตัวเอง LINE Alert สามารถค้นหาได้จาก @linealert หรือคลิก https://lin.ee/l40xtWN ที่มา - Thai Government
# SCB เปิดตัว InnovestX แทน SCB Easy Invest เดิม เพิ่มเติมคือลงทุนคริปโต ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดตัว InnovestX แอปลงทุนตัวใหม่แทนที่ SCB Easy Invest ของเดิม (หลังเปลี่ยนชื่อ บล. จาก SCBS เป็น InnovestX ไปก่อนหน้านี้) โดยชูความเป็น "Super App" ด้านการลงทุน แอปเดียว รองรับทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงเชื่อมต่อกับ exchange อีก 3 เจ้าคือ FTX, Coinbase และ Bitkub ในช่วงแรก SCB จัดแคมเปญ Zero Gravity ดึงดูดลูกค้า ฟรีค่าธรรมเนียมทั้ง เปิดบัญชีฟรี ไม่มีขั้นต่ำ, ค่าธรรมเนียมบริหารพอร์ตกับบริการ Intelligent Portfolios, ค่าธรรมเนียมลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 100,000 บาท, ค่าสมัครบริการยื่นแบบภาษี W8-BEN และค่าธรรมเนียมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ถึง 31 ธันวาคม 2565 ที่มา - SCB
# TikTok เพิ่มฟีเจอร์ตัดต่อวิดีโอใหม่ พร้อม Photo Mode สำหรับโพสต์รูป TikTok เพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับตัดต่อวิดีโอและเสียง รวมถึงการปรับแต่งตัวอักษร โดยผู้ใช้สามารถเพิ่มไฟล์วิดีโอและจัดเรียงพร้อมกันได้ พร้อมตัด ปรับแต่ง ตัดแบ่ง และกำหนดความเร็วของวิดีโอได้ รวมถึงตัด ปรับแต่ง กำหนดระยะเวลาของเสียงรวมถึงใส่เสียง sound effect ได้ ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มภาพซ้อนภาพหรือวิดีโอซ้อนวิดีโอได้ในหนึ่งโพสต์ พร้อมทั้งหมุนและซูมวิดีโอได้ด้วย นอกจากนี้ TikTok ได้เพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้แก้ไขและจัดวางตัวอักษรง่ายขึ้น รวมทั้งสามารถกำหนดระยะเวลาที่จะให้ตัวอักษรปรากฎคลิปวิดีโอได้ ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างหนึ่ง คือ Photo Mode สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโพสต์ภาพ ผู้ใช้สามารถโพสต์ภาพคุณภาพสูงได้ทีละหลายภาพและให้เปลี่ยนทีละภาพเองโดยอัติโนมัติได้ รวมทั้งยังสามารถเพิ่มเพลงประกอบภาพได้ นอกจากนี้ โพสต์ใน Photo Mode สามารถใส่คำอธิบายได้ยาวสูงสุด 2,200 ตัวอักษร ขณะนี้ฟีเจอร์สามารถใช้ได้ในสหรัฐฯ และเกือบทุกประเทศทั่วโลกแล้ว ที่มา: TikTok
# กลุ่มบริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ให้คำมั่นไม่ใช้หุ่นยนต์เป็นอาวุธ ขอไม่ให้ผู้ใช้ใช้ในทางที่ผิด บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์หลายแห่ง ได้แก่ Boston Dynamics, Agility Robotics, ANYbotics, Clearpath Robotics, Open Robotics, Unitree Robotics ร่วมให้คำมั่นในประกาศชื่อ “General Purpose Robots Should Not Be Weaponized” ว่าบริษัทจะไม่นำหุ่นยนต์อเนกประสงค์มาติดอาวุธหรือใช้เป็นอาวุธ พร้อมทั้งแสดงความกังวลว่าการนำหุ่นยนต์เอนกประสงค์มาทำเป็นอาวุธเป็นเรื่องผิดศีลธรรมและทำให้คนสูญเสียความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี ประกาศยังเน้นว่าบริษัทไม่สนับสนุนให้นำหุ่นยนต์อเนกประสงค์ที่เคลื่อนที่ได้ขั้นสูงที่สามารถซื้อได้ทั่ว ๆ ไปในสหรัฐอเมริกาไปใช้ในทางที่ผิดโดยเฉพาะการทำเป็นอาวุธ โดยบริษัทจะดูแลเรื่องการซื้อหุ่นยนต์ให้มากขึ้นและพัฒนาฟีเจอร์เพื่อป้องกันการนำหุ่นยนต์ไปใช้ในทางที่ไม่ดี ในช่วงสงครามยูเครน-รัสเซียก็มีรายงานว่ามีการนำโดรนมาติดอาวุธเพื่อดัดแปลงให้เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิด รวมถึงนำอาวุธมาติดบนด้านหลังหุ่นยนต์ ทั้งนี้ ประกาศไม่ได้ครอบคลุมถึงหุ่นยนต์ที่พัฒนาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการทหารและการทำสงครามอยู่แล้ว และไม่รวมกับกรณีที่ Boston Robotics ได้ขายหุ่นยนต์ให้กับตำรวจโดยทำสัญญาว่าให้ใช้เพื่อป้องกันตัวและเพื่อการบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น ที่มา: Boston Dynamics via Ars Technica
# หน่วยงานกำกับดูแลบราซิล อนุมัติดีลไมโครซอฟท์ซื้อ Activision Blizzard แล้ว CADE หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางธุรกิจของบราซิล ที่สอบสวนดีลไมโครซอฟท์ซื้อ Activision Blizzard จนมีเอกสารรายละเอียดของฝั่งไมโครซอฟท์-โซนี่เปิดเผยต่อสาธารณะจำนวนมาก อนุมัติให้ดีลนี้ผ่านเรียบร้อยแล้ว คำอนุมัติของ CADE ให้เหตุผลว่าภารกิจขององค์กรคือรักษาสภาพการแข่งขันเอาไว้เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค หลังการสอบสวน CADE พบว่าถ้าเกมของ Activision Blizzard โดยเฉพาะ Call of Duty กลายเป็นเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะแพลตฟอร์มไมโครซอฟท์ อาจส่งผลให้ลูกค้า PlayStation บางส่วนย้ายไป Xbox บ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดเกมคอนโซล ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์เคยสัญญาว่า Call of Duty จะลง PlayStation ต่อไป ในขณะที่ Jim Ryan ซีอีโอ PlayStation ก็ออกมาให้ข้อมูลว่าข้อเสนอต่อสัญญา 3 ปีของไมโครซอฟท์นั้นไม่ดีพอ ไมโครซอฟท์ยังต้องเคลียร์ด่านของหน่วยงานกำกับดูแลในอีกหลายประเทศ ที่สำคัญคือ CMA ของสหราชอาณาจักร และ EU ที่เริ่มเข้ามาสอบสวนว่าเข้าข่ายผูกขาดการค้าหรือไม่ ที่มา - Windows Central
# Cloudflare เปิดตัว Total TLS ออกใบรับรอง SSL ได้สำหรับทุก subdomain ในคลิกเดียว ปัจจุบันผู้ใช้ Cloudflare ทุกคนจะได้รับใบรับรองการเข้ารหัสเว็บ (SSL Certificate) ฟรีอัตโนมัติ โดยจะออกเป็นใบรับรองแบบ wildcard เช่น *.example.com แต่ก็มีผู้ใช้บางส่วนที่มี subdomain ซ้อนกันสองระดับขึ้นไป เช่น a.b.example.com หรือ a.b.c.example.com ซึ่งใบรับรองแบบฟรีไม่รองรับ หากต้องการออกใบรับรองดังกล่าว ผู้ใช้ต้องเสียเงินสมัคร Advanced Certificate Manager (ACM) เดือนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐ ที่สามารถออกใบรับรองให้ subdomain ได้ 50 ชื่อ แต่ก็มีข้อจำกัดว่าแอดมินต้องระบุชื่อทีละชื่อ ซึ่งไม่สะดวกและเสี่ยงต่อความผิดพลาด ล่าสุด Cloudflare เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Total TLS ซึ่งยังอยู่ภายใต้ ACM โดยมันจะสแกน DNS records ที่เราสร้างไว้แล้วออกใบรับรองให้ทุก subdomain อัตโนมัติในคลิกเดียว เช่นมี a.b.example.com ก็จะออกใบรับรองสำหรับ a.b.example.com หรือถ้ามี *.a.b.example.com ก็จะออกใบรับรองสำหรับ *a.b.example.com ให้เลย นอกจากนี้ แอดมินจำนวนมากคงเคยติดตั้งใบรับรองพลาดกันมาบ้าง เช่นติดตั้งไม่ครบทุกโดเมนที่มี ทำให้เวลายูสเซอร์เข้าก็จะเจอ error ว่าใบรับรองผิดพลาด โดยหลังจากนี้ Cloudflare จะสแกน DNS records ทุกอันแล้วแจ้งเตือนให้หากพบว่าโดเมนใดไม่ถูกติดตั้งใบรับรองไว้อย่างถูกต้อง ช่วยให้แอดมินแก้ไขได้เร็ว ซึ่งฟีเจอร์นี้มีให้ฟรีทุกคนแม้จะไม่ซื้อ ACM ก็ตาม ที่มา - Cloudflare ภาพทั้งหมดโดย Cloudflare
# Netflix เตรียมฉายภาคต่อ Knives Out ในโรงภาพยนตร์ 1 เดือนก่อนลงสตรีมมิง Netflix เปิดเผยว่าจะฉายภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Knives Out ที่ใช้ชื่อว่า “Glass Onion: A Knives Out Mystery” ในโรงภาพยนตร์ 600 แห่งในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 23-29 พฤศจิกายนนี้ในโรงภาพยนตร์ในเครือ AMC, Cinemark และ Regal Cinemas และจะให้บริการบน Netflix ในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ โดยปกติแล้ว Netflix แทบจะไม่เคยนำภาพยนตร์ลิขสิทธิ์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เท่าใดนัก หรือถ้าฉายในโรงภาพยนตร์ก็เพื่อให้มีคุณสมบัติให้สามารถเข้าชิงรางวัลอย่าง Oscar ที่มีข้อกำหนดให้ภาพยนตร์บนสตรีมมิงสามารถเข้าชิงรางวัลได้เมื่อมีการฉายในโรงภาพยนตร์มาก่อนเท่านั้นซึ่งก็มีข้อกำหนดเรื่องช่วงเวลาที่ฉายยิบย่อยลงไปอีก ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในปีที่แล้ว Netflix ก็ได้นำภาพยนตร์เรื่อง “Army of the Dead” เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 600 แห่งแต่ก็นำเข้าสตรีมมิงเพียง 1 สัปดาห์หลังจากนั้น แต่เดิมแล้ว AMC ไม่ฉายภาพยนตร์ของ Netflix เพราะ Netflix ไม่ทำตามกฎที่ต้องเว้นระยะเวลาหลายเดือนจากช่วงที่หนังฉายในโรงภาพยนตร์ก่อนที่จะเข้าสู่แพลตฟอร์มสตรีมมิง อย่างไรก็ตาม AMC ยอมฉายภาคต่อของ Knives Out เพราะมองว่าเป็นการร่วมมือกันในการหารายได้และอย่างน้อยก็ได้เว้นระยะราว 1 เดือน Netflix ได้ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ Glass Onion: A Knives Out Mystery มาเมื่อปีที่แล้วด้วยมูลค่า 450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก Lions Gate Entertainment ที่เป็นผู้สร้างภาพยนตร์ Knives Out ภาคแรก ที่มา: Wall Street Journal
# แพลตฟอร์มโซเชียล VR ของ Meta มีปัญหาเรื่องคุณภาพและบั๊ก ทีมสร้างแอปเองยังไม่ค่อยใช้ Meta ได้เปิดให้ใช้บริการโซเชียลมีเดียโลกเสมือนของ Horizon Worlds ในสหรัฐเมื่อปีที่แล้วตามแผนของ Mark Zuckerberg ที่จะสร้างบริการ Metaverse แต่จากบันทึกภายในบริษัทที่ The Verge ได้มาลงวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา Vishal Shah รองประธานฝ่ายพัฒนา Metaverse กล่าวว่าแพลตฟอร์มได้รับการตอบรับที่ไม่ค่อยดีนักจากทั้งทีมผู้ผลิตแอปเองและผู้ใช้เพราะยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพและความเสถียร ในบันทึก Shah ยังกล่าวว่าทีมพัฒนาจะยังคงเน้นไปที่พัฒนาคุณภาพให้ทำงานได้ดีก่อน รวมทั้งในบันทึกหลังจากนั้นที่ลงวันที่ 30 กันยายนก็เปิดเผยว่าแม้แต่ทีมพัฒนาเองก็ยังไม่ค่อยใช้งานกัน พร้อมทั้งโน้มน้าวให้พนักงานหันมาใช้แพลตฟอร์มนี้กันให้มากขึ้น เดิมคาดว่า Horizon Worlds จะเปิดให้เล่นผ่านหน้าเว็บบนสมาร์ทโฟนและเดสก์ท็อปเร็ว ๆ นี้ แต่จากบันทึกของ Shah อาจเป็นไปได้ว่าการเปิดให้ใช้บนหน้าเว็บจะถูกเลื่อนออกไปก่อนเพื่อปรับปรุงคุณภาพ โดยขณะนี้ Horizon Worlds เปิดให้บริการในสหรัฐฯ แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ และสเปน ก่อนหน้านี้ ซีอีโอ Mark Zuckerberg ก็ได้ออกมายอมรับว่าภาพอวตารของ Horizon Worlds ดูธรรมดาเกินไปและบริษัทกำลังอัปเกรดให้ดีขึ้น ที่มา: The Verge
# Toyota แก้ปัญหา bZ4X เสี่ยงล้อหลุดได้แล้วโดยการเปลี่ยนน็อตล้อใหม่ เริ่มจำหน่ายต่อ ผ่านมาราว 4 เดือนหลังจาก Toyota หยุดจำหน่ายพร้อมกับเรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้า Toyota bZ4X หลังจากเริ่มจำหน่ายไปได้ไม่นาน เนื่องจากพบว่าน็อตล้ออาจคลายออกและเสี่ยงทำให้ล้อหลุดออกมา (ยังไม่มีรายงานว่ามีล้อหลุดจริงๆ) ขณะนี้ Toyota ระบุว่าแก้ไขปัญหาได้แล้ว Toyota แจ้งกับกระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นว่าได้เปลี่ยนน็อตล้อใหม่และขันให้แน่น นอกจากนี้ระหว่างการเรียกคืนยังพบปัญหาเกี่ยวกับการติดตั้งม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างเพิ่มอีกด้วย และได้แก้ไขไปพร้อมกันแล้ว โดย Toyota จะเริ่มกลับมาเดินสายการผลิต, จำหน่าย และส่งมอบรถยนต์รุ่นนี้ต่อทันที ก่อนหน้านี้ Toyota ได้ส่งจดหมายหาลูกค้าที่รับรถไปแล้ว โดยขอให้หยุดใช้รถพร้อมเสนอแนวทางเยียวยาหลายประการ เช่นให้รถทดแทนพร้อมน้ำมันฟรี, ช่วยผ่อนรถให้บางส่วน, ต่ออายุการรับประกัน หรือหากลูกค้าไม่พอใจก็ขายรถคืนได้ด้วย ที่มา - Electrek ภาพโดย Toyota
# Splunk ยื่นฟ้อง Cribl ผู้ให้บริการยุบรวม log ระบุผู้ก่อตั้งบริษัทขโมยซอร์สโค้ดออกไปตั้งบริษัท Splunk ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จัดเก็บ log รายใหญ่ยื่นฟ้อง Cribl ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ยุบรวม log ฐานใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของ Splunk ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ความสัมพันธ์ของทั้งสองบริษัทค่อนข้างซ้อนกันไปมา Clint Sharp ผู้ร่วมก่อตั้ง Cribl นั้นเคยเป็นพนักงานระดับซีเนียร์ของ Splunk ก่อนจะลาออกไปก่อตั้ง Cribl และเมื่อก่อตั้งแล้ว Cribl ก็เป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยีอยู่ในโครงการ Technology Alliance Partner (TAP) ของ Splunk ระยะหนึ่ง ก่อนที่ Splunk จะยกเลิกความร่วมมือ ลูกค้าของ Cribl นั้นอาศัยซอฟต์แวร์ของ Cribl เพื่อกรองเอาข้อมูลที่ไม่ต้องการออกไปก่อนจะเก็บเข้าระบบ SIEM และช่วงหลัง Cribl ก็เริ่มขยายขอบเขตบริการให้สามารถค้นข้อมูลได้ด้วย ทาง Cribl แถลงว่าไม่ได้ใช้ซอร์สโค้ดใดๆ ของ Splunk นอกจากโค้ดที่เป็นโครงการโอเพนซอร์สอยู่แล้ว ที่มา - Splunk, Cribl
# Amazon ยุติโครงการหุ่นยนต์เดลิเวอรี Scout โยกพนักงาน 400 คนไปทำอย่างอื่น Amazon ปิดโครงการหุ่นยนต์เดลิเวอรีสินค้าถึงบ้าน Scout ที่เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2019 หลังทดลองแล้วไม่ประสบความสำเร็จมากนัก พนักงานในทีม Scout มีทั้งหมดราว 400 คน จะกระจายไปทำงานตำแหน่งอื่นของ Amazon แทน โฆษกของ Amazon ยอมรับว่าหลังทดสอบหุ่นกับการใช้งานภาคสนามแล้ว ได้เสียงตอบรับที่ยังไม่ดีมากพอจากลูกค้า จึงตัดสินใจยุติโครงการ ในตลาดยังมีบริษัทสตาร์ตอัพหุ่นยนต์เดลิเวอรีลักษณะเดียวกันอีกหลายราย เช่น Nuro, Serve Robotics, Starship Technologies, Kiwibot เป็นต้น สัปดาห์นี้ Amazon เพิ่งยกเลิกอีกโครงการคือ Glow ฮาร์ดแวร์ลูกผสมวิดีโอคอลล์-โปรเจคเตอร์ สำหรับการเรียนรู้ของเด็กๆ แสดงให้เห็นท่าทีของบริษัทที่พยายามปรับลดโครงการทดลองต่างๆ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจ ที่มา - Bloomberg, GeekWire
# ไม่ถึงสี่หมื่น Herman Miller จับมือ Logitech ออกเก้าอี้เกมมิ่ง Vantum ปรับได้ทุกส่วน มีที่รองหัว Herman Miller ผู้ผลิตเก้าอี้สำนักงานชื่อดังออกเก้าอี้รุ่นใหม่ร่วมกับ Logitech G เน้นผู้ใช้กลุ่มเกมเมอร์ โดยสามารถปรับได้หลายส่วนให้พอดีกับท่านั่งของผู้ใช้แต่ละคน ส่วนที่ปรับได้ของเก้าอี้ Ventum มีตั้งแต่ที่รองหัวที่มีส่วนซัพพอร์ตช่วงแผ่นหลังใต้คอ, จุดซัพพอร์ตหลังที่ปรับระดับได้, การเอนตัวที่ปรับได้ทั้งระดับที่เอนได้สูงสุด และความหนืดในการเอนหลัง ราคาของ Ventum อยู่ที่ 995 ดอลลาร์ นับว่าถูกกว่ารุ่นอื่นๆ พอสมควร ก่อนหน้านี้ Herman Miller เคยออกเก้าอี้เกมมิ่งของตัวเองรุ่น Sayl ราคา 945 ดอลลาร์แต่ก็ปรับได้น้อยกว่ามาก และรูปแบบเก้าอี้ไม่รองหัว วางขายแล้ววันนี้ในสหรัฐฯ มีสามสีคือ ดำ, ขาวดำ, และแดงดำ แต่จุดปรับจะเป็นสีแดงเท่านั้นแสดงความเป็นเก้าอี้เกมมิ่ง ที่มา - Herman Miller
# [ลือ] Apple จะเปิดตัวจอ Mini LED ขนาด 27 นิ้วต้นปีหน้า มี ProMotion Ross Young นักวิเคราะห์จากบริษัทวิเคราะห์สายซัพพลายเชนหน้าจอ เปิดเผยต่อ Super Followers ของเขาใน Twitter ว่า Apple จะเลื่อนไปเปิดตัวหน้าจอ Mini LED รุ่นขนาด 27 นิ้วในปีช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าแทนและน่าจะเป็นช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ คาดว่าจอ Mini LED จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี ProMotion ที่มีอัตรา refresh rate อยู่ที่ 120Hz ยังไม่แน่ว่าจอ Mini LED ขนาด 27 นิ้วนี้จะเป็นจอประเภทใด แต่เป็นไปได้ว่าจะคล้ายกับจอ Studio Display ที่มีขนาด 27 นิ้ว แต่ราคาแพงกว่า ก่อนหน้านี้ Young ได้คาดการณ์ว่า Apple จะเปิดตัวจอในปีนี้ แต่น่าจะมีปัญหาเรื่องซัพพลายเชนทำให้ต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไป ที่มา: MacRumors
# Samsung รายงานผลประกอบการเบื้องต้น รายได้ลดลงเล็กน้อย แต่กำไรลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซัมซุงรายงานผลประกอบการเบื้องต้น ของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 รายได้อยู่ที่ราว 76 ล้านล้านวอน และมีกำไรจากการดำเนินงานราว 10.8 ล้านล้านวอน ตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานนั้นลดลง 31.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และเป็นการลดลงของกำไรจากการดำเนินงานครั้งแรกในรอบ 3 ปี ของซัมซุง ส่วนรายได้เมื่อเทียบกับปีก่อนลดลง 2.7% ซึ่งรายละเอียดว่ากลุ่มธุรกิจใดที่มีต้นทุนสูงขึ้นจนกระทบกำไร ซัมซุงจะให้รายละเอียดอีกครั้งในรายงานผลประกอบการช่วงปลายเดือน นักวิเคราะห์ประเมินว่าธุรกิจหน่วยความจำที่มีความต้องการสินค้าลดลง น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่กระทบต่อกำไร ที่มา: ซัมซุง และ ZDNet
# Musk เผยวันส่งมอบรถบรรทุก Tesla Semi ล็อตแรกวันที่ 1 ธันวาคมให้ Pepsi หลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 และเลื่อนส่งมอบมาหลายรอบ ล่าสุด Elon Musk เปิดเผยว่า Tesla Semi ล็อตแรกเตรียมส่งมอบวันที่ 1 ธันวาคมนี้ โดยลูกค้าคือ Pepsi Musk ยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่า Tesla Semi สามารถวิ่งได้ไกล 500 ไมล์หรือราว 800 กิโลเมตร ขณะที่ลูกค้า นอกจาก Pepsi ก็มี Walmart, บริษัทขนส่ง J.B. Hunt, JK Moving Services ผู้ให้บริการย้ายบ้าน หรือแม้แต่ Fercam บริษัทขนส่งจากอิตาลี ที่มา - @elonmusk
# Binance Smart Chain ถูกแฮกมูลค่ากว่าสองหมื่นล้านบาท แฮกเกอร์แฮก Binance Smart Chain (BSC) Token Hub บริการข้ามเชนระหว่าง BNB Beacon Chain และ Binance Smart Chain เอง ทำให้แฮกเกอร์ได้โทเค็น BNB ไป 2 ล้าน BNB รวมมูลค่าประมาณ 566 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 20,000 ล้านบาท ทาง Binance หยุดการทำงานของ BSC ทันที ตอนนี้ validator ทั้งหมดไม่มีใครให้บริการยืนยันธุรกรรมแล้วทำให้คนร้ายไม่สามารถโอนเงินไปมาได้ แต่คาดว่ามีโทเค็นบางส่วนถูกโอนข้ามเชนไปก่อนแล้ว มูลค่าประมาณ 70-80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท และทาง Binance กำลังร่วมมือกับเชนต่างๆ เพื่อหยุดการโอนในเชนอื่นๆ อีกที ที่มา - Bleeping Computer
# ซัมซุงไทยย้ายแอพสิทธิประโยชน์ Galaxy Gift มาเป็นแอพใหม่ Samsung Members ซัมซุงประเทศไทย ประกาศเปลี่ยนแปลงแอพสิทธิประโยชน์ Galaxy Gift ไปรวมกับแอพ Samsung Members ที่เป็นของซัมซุงบริษัทแม่แทน Galaxy Gift เป็นโครงการสิทธิประโยชน์ที่ซัมซุงประเทศไทยเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2555 นับถึงวันนี้ได้ 10 ปีพอดี (ถือเป็นซัมซุงประเทศแรกๆ ในโลกที่ทำโครงการ CRM แบบนี้) ซัมซุงเผยสถิติว่ามีผู้ใช้งานสะสม 20 ล้านเครื่อง ใช้สิทธิ์ไปแล้ว 70 ล้านสิทธิ์ การเปลี่ยนผ่านไปสู่แอพ Samsung Members ยังคงรูปแบบการแจกสิทธิพิเศษเหมือนเดิม (ตอนนี้คือเป็นการเปิด webview ของหน้าเว็บ Galaxy Gift เดิมในแอพใหม่ Samsung Members) ซัมซุงระบุว่าร่วมกับแบรนด์กว่า 100 ราย (ตัวอย่างที่นำมาโชว์ได้แก่ Chester's, Mister Donut, Auntie Anne's, DQ) แจกส่วนลด 5 แสนสิทธิ์ต่อเดือน และตั้งเป้ามีสมาชิก 1 ล้านบัญชีต่อเดือนภายในสิ้นปี 2565
# AMD ให้ข้อมูลเบื้องต้นไตรมาส 3/2022 ยอดขายซีพียูของ PC น้อยกว่าที่บริษัทประเมินไว้ AMD รายงานผลประกอบการเบื้องต้นของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 เนื่องจากมีตัวเลขออกมาน้อยกว่าที่บริษัทเคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้พอสมควร โดยคาดมีรายได้ราว 5.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งตัวเลขประเมินก่อนหน้านี้ AMD คาดมีรายได้ประมาณ 6.7 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักที่รายได้ลดลงไปจากประเมิน AMD บอกว่ามาจากกลุ่มธุรกิจ Client ที่เน้นลูกค้าทั่วไป เป็นผลจากความต้องการซีพียูสำหรับพีซีที่ลดลงมากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ ตลอดจนปัญหาซัพพลายเชนในธุรกิจพีซีด้วย ส่วนธุรกิจอื่นทั้ง Data Center, Gaming และ Embedded ยังเติบโตเป็นไปตามที่บริษัทประเมินไว้ ซีอีโอ Lisa Su บอกว่าพอร์ตโฟลิโอของบริษัทยังคงแข็งแกร่งมาก แต่ปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกส่งผลให้ความต้องการพีซีลดลงกว่าที่คาด อย่างไรก็ตามบริษัทยังโฟกัสในการเป็นผู้นำตลาดของสินค้า และเตรียมเปิดตัวชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลและกราฟิก ที่ระดับ 5 นาโนเมตรในปลายไตรมาสนี้ ที่มา: AMD
# [ไม่ยืนยัน] ผลประกอบการ ByteDance รายได้โตสูง แต่ขาดทุนมากขึ้น, Q1/22 เริ่มมีกำไรจากการดำเนินงาน The Wall Street Journal อ้างเอกสารภายใน เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ที่ปัจจุบันยังไม่อยู่ในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นตัวเลขการเงินของปี 2020, 2021 และไตรมาสที่ 1 ปี 2022 รายได้ ByteDance ในปี 2021 อยู่ที่ 6.17 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 80% จากปี 2020 แต่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็เพิ่มสูงด้วย ทำให้ขาดทุนจากการดำเนินงาน 7.15 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มจากปี 2020 ที่ขาดทุน 2.14 พันล้านดอลลาร์ ส่วนไตรมาส 1 ปี 2022 มีรายได้ 1.83 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 54% และเริ่มมีกำไรจากการดำเนินงาน แม้สุทธิแล้วยังขาดทุน ByteDance มีมูลค่ากิจการจากการเพิ่มทุนครั้งล่าสุดในปลายปี 2020 ที่ 1.8 แสนล้านดอลลาร์ บริษัทยังไม่มีแผนนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น แต่มีการซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนบางส่วน โดยให้มูลค่ากิจการที่ 3 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนสถานะการเงินบริษัทยังถือเงินสดและรายการเท่าเทียบที่ 4.26 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ตัวแทนของ ByteDance ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อรายงานข้อมูลดังกล่าว ที่มา: The Wall Street Journal
# การไต่สวนคดี Twitter vs. Elon Musk ถูกพักชั่วคราว - Musk ต้องปิดดีลให้ได้ภายใน 28 ตุลาคม ตามที่ Elon Musk ได้เปลี่ยนใจกลับมาแสดงความต้องการซื้อกิจการ Twitter อีกครั้งในราคาเดิม ซึ่งคาดว่ามีผลให้คดีที่ Twitter ฟ้อง Elon Musk และจะเริ่มการไต่สวนในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ อาจต้องระงับไปก่อน ล่าสุดผู้พิพากษา Kathaleen McCormick แห่งศาลรัฐเดลาแวร์ ได้แจ้งว่าคำร้องขอดังกล่าวมีผล การไต่สวนจะถูกหยุดชั่วคราว โดย Elon Musk จะต้องมีปิดดีลซื้อกิจการ Twitter ให้เสร็จสิ้นก่อนเวลา 17:00น. วันที่ 28 ตุลาคม 2022 แต่หากไม่เป็นไปตามนั้น การไต่สวนคดีนี้จะเริ่มอีกครั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน ก่อนหน้านี้ทนายความฝั่ง Twitter ได้แจ้งต่อศาลขอให้การไต่สวนดำเนินต่อไปตามเดิม เนื่องจาก Twitter เพียงรับทราบความต้องการของ Musk แต่ยังไม่ได้บอกตอบรับข้อเสนอนี้ บริษัทต้องการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ปัจจัยสำคัญที่ Musk ต้องแสดงต่อ Twitter คือแหล่งเงินทุนทั้งหมดที่จะใช้ซื้อกิจการมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเขายังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ที่มา: The Verge
# Nintendo เผยตัวอย่างแรกของ The Super Mario Bros. Movie กำหนดฉายเมษายนปีหน้า นินเทนโด และสตูดิโอ Illumination ปล่อยทีเซอร์เทรลเลอร์แรกของ The Super Mario Bros. Movie แล้ว ผ่านงาน Nintendo Direct และถ่ายทอดสดไปในงาน New York Comic Con เมื่อคืนนี้ หลังจากเผยโปสเตอร์แรกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในเทรลเลอร์แรกนี้ ผู้ชมจะได้เห็นตัวละครทั้ง Bowser, Mario, Toad และ Luigi รวมทั้งเสียงตัวละครต่าง ๆ เป็นครั้งแรก Christopher Meledandri ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Illumination บอกใน Direct ว่าภาพยนตร์จะเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนในสัปดาห์หน้า ซึ่งตอนนี้เหลืองานปรับแสงและเอกเฟกต์ต่าง ๆ ส่วนเพลงประกอบใช้เวลาบันทึกเสียง 11 วัน โดยได้ Brian Tyler (ดูรายชื่อผลงาน) มาทำงานร่วมกับ Koji Kondo ผู้ดูแลเพลงประกอบในเกม Mario The Super Mario Bros. Movie กำหนดฉายในอเมริกาวันที่ 7 เมษายน 2023 ที่มา: Nintendo Life
# AI ของ DeepMind โชว์ความเหนือ ทุบสถิติการคำนวณด้านคอมพิวเตอร์ที่อยู่มา 50 ปีลงได้ DeepMind เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้พัฒนา AlphaGo ปัญญาประดิษฐ์ที่เล่นโกะได้เก่งกว่าแชมป์โลก ก่อนที่ต่อมาจะพัฒนา AlphaZero ที่มีความพิเศษตรงที่สามารถเทรนตัวเองได้ด้วย และล่าสุดทีมงาน DeepMind ได้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ตัวใหม่เพื่อแก้โจทย์สำคัญของวิทยาการคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะและมันก็ทำได้สำเร็จโดยทำได้เร็วกว่าสถิติที่อยู่มานานนับ 50 ปีลงได้ การคำนวณที่ว่านี้คือการคูณเมทริกซ์ ซึ่งเป็นโจทย์การทำงานระดับพื้นฐานที่คอมพิวเตอร์จำนวนมากมายทั่วโลกต้องทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงภาพให้ปรากฏบนหน้าจอ, การจำลองเชิงฟิสิกส์ที่มีความซับซ้อน และยังเป็นรากฐานสำคัญของตัว machine learning เองด้วย การที่ทำสิ่งนี้ให้เร็วขึ้นได้ย่อมเป็นเรื่องใหญ่กับโลกทุกวันนี้ที่ใช้คอมพิวเตอร์กับงานสารพัดอย่างรอบตัว การคูณเมทริกซ์นั้นโดยคำนิยามก็เป็นการนำเอาค่าในแต่ละแถวของเมทริกซ์ตัวตั้งไปคูณกับค่าของตัวเลขแต่ละคอลัมน์ในเมทริกซ์ตัวคูณ ซึ่งวิธีการคำนวณนี้ก็มีการเรียนการสอนกันในโรงเรียนอยู่แล้วตั้งแต่ระดับมัธยม การหาผลลัพธ์การคูณนั้นไม่ได้เป็นเรื่องยากมากมายนัก แต่ที่ยากก็คือการทำอย่างไรให้หาผลลัพธ์ได้เร็วที่สุดต่างหาก และโจทย์ในการค้นหาวิธีการคูณเมทริกซ์ให้เร็วนี้เองถือเป็นโจทย์ใหญ่ข้อหนึ่งของศาสตร์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยหลักการแล้วมีวิธีการมากมายในการคูณเมทริกซ์ กล่าวกันว่าจำนวนวิธีการนั้นมากยิ่งกว่าจำนวนอะตอมในเอกภพ (10^33) มากมายนัก การค้นหาวิธีการใหม่ๆ แม้เพียงแค่ 1 วิธีที่จะคูณเมทริกซ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เร็วขึ้นกว่าเดิมจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายที่ไม่เคยหมดความเป็นไปได้ และปัญญาประดิษฐ์ของ DeepMind ก็พบวิธีหนึ่งที่เร็วกว่าวิธีที่ใช้กันมานานร่วมครึ่งศตวรรษ เทคนิคที่ทีมงาน DeepMind ช่วยให้ปัญญาประดิษฐ์แก้โจทย์เรื่องนี้ได้ เริ่มจากการ "แปลงสภาพโจทย์" ที่เป็นเรื่องของการคำนวณให้กลายเป็นเกมที่ความเป็นบอร์ดเกม 3 มิติ ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า "TensorGame" ตัวกระดานเกมเปรียบเสมือนโจทย์การคูณเมทริกซ์ที่จะต้องแก้ ในขณะที่การเดินหมากแต่ละตาเป็นเสมือนขั้นตอนการคำนวณลำดับถัดไปเพื่อแก้โจทย์ การได้มาซึ่งลำดับการเดินหมากของ "TensorGame" นี้ก็จะเท่ากับได้ลำดับการคิดเลขเพื่อให้บรรลุการคูณเมทริกซ์ตามโจทย์ หรือก็คือได้อัลกอริทึมสำหรับการคูณเมทริกซ์นั่นเอง DeepMind ได้ปรับปรุง AlphaZero และเทรนมันด้วย TensorGame และตั้งชื่อให้ปัญญาประดิษฐ์ตัวใหม่นี้ว่า "AlphaTensor" ซึ่งเป้าหมายของมันคือการ "เดินหมาก" ของ Tensorgame ให้ใช้จำนวนครั้งน้อยที่สุด ซึ่งเมื่อทำได้ก็เท่ากับว่าจะได้วิธีการคูณเมทริกซ์ที่มีกระบวนการลดน้อยลง หรืออีกนัยก็คือทำการคูณได้เร็วขึ้น AlphaTensor สามารถทำการคูณเมทริกซ์ขนาด 2*2 ได้เร็วกว่าวิธีการที่ Volker Strassen นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันได้ค้นพบตั้งแต่ปี 1969 ซึ่งเป็นวิธีที่ยังไม่มีใครทำได้ดีกว่าจนกระทั่งการถือกำเนิดของ AlphaTensor วิธีการของ Strassen นั้นมีการคิดคำนวณ 49 ขั้นตอนจึงได้ผลลัพธ์การคูณเมทริกซ์ขนาด 2*2 ในขณะที่ปัญญาประดิษฐ์ของ DeepMind สามารถทำได้สำเร็จภายใน 47 ขั้นตอนเท่านั้น a: การจำลองการคูณเมทริกซ์ขนาด 2*2 ในรูปแบบ TensorGame โดยกล่องทึบใช้แทนค่าผลการคูณ ตัวอย่างเช่น c1 ได้จาก a1b1 + a2b3 จึงมีกล่องทึบในพิกัด (a1,b1) และ (a2,b3) ปรากฏอยู่ในแถว c1, b: อัลกอริทึมการคูณเมทริกซ์ของ Strassen ซึ่งใช้การคูณ 7 ครั้ง, c: การจัดเรียงวิธีการคำนวณใหม่เพื่อนำเสนอในรูปแบบสัมพันธ์กับ TensorGame โดยใช้สี 3 สีเพื่อจับคู่ให้เปรียบเทียบกับองค์ประกอบที่อธิบายตามอัลกอริทึมของ Strassen ในงานวิจัยของ DeepMind ระบุว่า AlphaTensor สามารถค้นหาวิธีการคูณเมทริกซ์ขนาดต่างๆ รวม 70 ขนาดได้ดีกว่าวิธีการเดิม นอกเหนือจากการคูณเมทริกซ์ 2*2 ที่ทำการคูณเสร็จด้วยการคำนวณที่เร็วกว่าเดิม 2 ขั้นตอน มันยังทำการคูณเมทริกซ์ขนาด 9*9 ได้เสร็จด้วยการคำนวณเพียง 498 ขั้นตอนดีกว่าของเดิมที่ต้องใช้ 511 ขั้นตอน ในขณะที่การคูณเมทริกซ์ขนาด 11*11 มันก็ลดจำนวนขั้นตอนการคำนวณที่ต้องใช้ลงจาก 919 ขั้นตอนเหลือ 896 ขั้นตอนเท่านั้น ตารางเปรียบเทียบจำนวนขั้นตอนการคำนวณเพื่อหาผลการคูณเมทริกซ์ขนาด n*m กับเมทริกซ์ m*p โดยตัวเลขสีแดงหมายถึงจำนวนขั้นตอนการคำนวณที่ AlphaTensor ทำได้เร็วกว่าวิธีการที่ใช้อยู่เดิม และสำหรับโจทย์การคูณเมทริกซ์บางขนาดนั้นแม้ว่า AlphaTensor จะไม่พบวิธีการคูณเมทริกซ์ที่ดีกว่าเดิม แต่มันก็ค้นพบวิธีการคำนวณที่ดีที่สุด (แบบที่เคยค้นพบและใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน) ได้ด้วยตัวมันเอง แม้ว่าเป้าหมายสูงสุดของทีมงาน DeepMind คือการพยายามค้นหาอัลกอริทึมที่เร็วที่สุดในทางทฤษฎี แต่เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วอัลกอริทึมแต่ละอันก็สามารถใช้งานได้ดีบนฮาร์ดแวร์แต่ละรุ่นแตกต่างกันไปพวกเขาจึงเลือกใช้ Nvidia V100 GPU และ Google TPU เป็นฮาร์ดแวร์อ้างอิง สาเหตุเป็นเพราะหน่วยประมวลผล 2 ตัวนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดสำหรับการใช้งานเพื่อเทรนปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งพวกเขาพบว่าอัลกอริทึมที่ถูกค้นพบโดย AlphaTensor นั้นเร็วกว่าของเดิมที่ใช้กับชิปเหล่านี้ราว 10-20% กราฟแสดงผลเปรียบเทียบประสิทธิในการคูณเมทริกซ์ขนาดต่างๆ เมื่อเทียบกับอัลกอริทึมเดิมของ Nvidia V100 GPU และ Google TPU ผู้ที่สนใจในผลงานการคำนวณของ AlphaTensor สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ ที่มา - MIT Technology Review
# ไลบรารี Axios สำหร้บเชื่อมต่อ HTTP ใน Node.JS ออกเวอร์ชั่น 1.0 มีจุดเข้ากับเวอร์ชั่นเดิมไม่ได้หลายจุด ไลบรารี Axios สำหรับการเชื่อมต่อ HTTP ไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ที่นิยมในหมู่นักพัฒนาที่ใช้ Node.JS ออกเวอร์ชั่น 1.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นเสถียรตัวแรก ใช้เวลากว่า 6 ปีหลังจากออกเวอร์ชั่นแรกเมื่อปี 2016 โครงการไลบรารีโอเพนซอร์สจำนวนมากมักออกเวอร์ชั่นก่อนหน้าเวอร์ชั่นเสถียรมาเรื่อยๆ และประกาศเวอร์ชั่นเสถียรโดยปรับจากเวอร์ชั่นล่าสุดไม่มากนัก แต่ Axios ออกเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้คือ 0.27.2 มาตั้งแต่เดือนเมษายน และออกเวอร์ชั่น 1.0 alpha1 มาเมื่อเดือนมิถุนายนก่อนจะออกเวอร์ชั่นจริงในสัปดาห์นี้ โดยมีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก แนวทางการออกเวอร์ชั่นใหม่โดยเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ทำให้มีรายงานว่า Axios เวอร์ชั่น 1.0 มีปัญหากับเฟรมเวิร์คหลายตัว และตอนนี้ยังไม่มีเอกสารความเปลี่ยนแปลงที่อธิบายให้ผู้ใช้รู้ว่าต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง ที่มา - Axios
# เกาหลีใต้ประกาศยกเลิกหนังสือเดินทางของ Do Kwon ทางการเกาหลีใต้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ Do Kwon ผู้ก่อตั้งเครือข่าย Terra เป็นที่เรียบร้อย นับเป็นมาตรการล่าสุดหลังจากออกหมายจับ และหมายแดงเพื่อตามตัว หาก Kwon เดินทางข้ามประเทศ ทางการเกาหลีใต้ประกาศออกสู่สาธารณะเนื่องจากไม่สามารถตามตัว Do Kwon ได้ โดยประกาศระบุให้เขาต้องส่งมอบหนังสือเดินทางคืนกระทรวงต่างประเทศภายใน 14 วัน โดยข้อมูลสุดท้ายคาดว่า Kwon อยู่ในสิงคโปร์ คดีที่อัยการเกาหลีใต้ฟ้องผู้เกี่ยวข้องกับ Terra มีหลายคน พนักงานคนหนึ่งของ Terraform Labs ก็เพิ่งถูกจับกุมสัปดาห์นี้ โดยระบุว่ามีการใช้บอตซื้อขายเพื่อสร้างราคา Terra ที่มา - The Register ภาพ Do Kwon ผู้ก่อตั้งเครือข่าย Terra จาก @terra_money
# Google เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ Pixel Watch พัฒนาร่วมกับ Fitbit ตามคาด Google เปิดตัว Google Pixel Watch สมาร์ทวอร์ชรุ่นแรก ตัวนาฬิกามีลักษณะโค้งมน ไร้ขอบ ตัวเรือนทำจากสแตนเลส ใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3.5 ความจุ 32GB สามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Google Home ได้ Google ได้ร่วมมือกับ FitBit ในการพัฒนาฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย Google เผยว่าเทคโนโลยีจาก Fitbit ทำให้ Pixel Watch สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างแม่นยำทุก ๆ วินาที นอกจากนี้ยังมีโหมดออกกำลังกาย 40 โหมด มี GPS ในตัว และฟีเจอร์ Active Zone Minutes ที่ช่วยให้ออกกำลังกายได้ต่อเนื่อง รวมถึงรองรับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ที่พอจะตรวจจับอาการหัวใจเต้นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) ได้ตามสมัยนิยม Google Pixel Watch มาพร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Google ตามคาดอย่าง Google Maps, Google Assistant และ Google Wallet นอกจากนี้ยังใช้ YouTube Music Premium ได้โดยไม่เสียค่าบริการเป็นระยะเวลา 3 เดือน และใช้งาน Fitbit Premium ได้ฟรี 6 เดือนเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ด้านสุขภาพเพิ่มเติม นาฬิกาสามารถกันน้ำได้ระดับ 50 เมตร (5ATM) มีระบบ Emergency SOS มีระบบตรวจจับการล้มและติดต่อบริการฉุกเฉินจนถึงการโทรอัตโนมัติหากผู้ใช้ไม่ตอบสนอง แต่ฟีเจอร์นี้จะใช้ได้ในปีหน้า Pixel Watch รุ่น Bluetooth/Wi-Fi จะวางขายในราคา $349.99 และรุ่น 4G LTE+Bluetooth/Wi-Fi ในราคา $399.99 โดยจะเริ่มวางขายในสหรัฐฯ ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ที่มา: Google
# เปิดตัว Pixel Tablet ใช้ชิป Tensor G2 วัสดุทำจากเซรามิก แปลงร่างเป็น smart display ได้ หลังจากมีข่าวลือจางๆ มานาน กูเกิลก็ได้ฤกษ์เปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นแรกในซีรีส์ Pixel เสียที ใช้ชื่อเรียบง่ายว่า Pixel Tablet รายละเอียดของ Pixel Tablet ยังมีไม่มากนักเพราะเป็นการเปิดตัวว่ากำลังพัฒนาอยู่ ยังไม่มีรายละเอียดสเปกใดๆ ออกมา บอกเพียงแต่ว่าจะใช้ชิป Tensor G2 เหมือน Pixel 7 และวัสดุตัวเครื่องทำจากนาโนเซรามิกที่ดูพรีเมียม นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็น Charging Speaker Dock มีลำโพง สามารถนำ Pixel Tablet แปะเข้าไปด้วยแม่เหล็กแล้วแปลงร่างเป็น Google Nest Hub สำหรับฟังเพลง, ดูหนัง และอื่นๆ สาเหตุที่เปิดตัวอุปกรณ์เสริมนี้พร้อมกันเพราะต้องการหารายได้เพิ่มกูเกิลเห็นว่าอุปกรณ์อย่างแท็บเล็ตมักจะถูกใช้งานในบ้าน แต่ใช้งานเป็นช่วงสั้นๆ เท่านั้น เวลาอื่นก็ถูกวางไว้เรี่ยราดและไม่เกิดประโยชน์ใดๆ หากนำมาวางบน docking station ได้ก็จะใช้งานได้ตลอดเวลา เช่นเปิดสไลด์รูปจาก Google Photos หรือใช้งาน Google Assistant ทั่วไป ทั้งนี้ กูเกิลเน้นว่าปรับแรงแม่เหล็กมาอย่างดี ทำให้วางและดึงออกไปใช้งานสะดวกมาก Pixel Tablet จะวางขายในปี 2023 ที่มา - งานเปิดตัว รูปทั้งหมดโดยกูเกิล
# EA เปิดตัว Need for Speed Unbound เกมแข่งรถภาคใหม่กับกราฟิกแนวคอมมิก ในที่สุดหนึ่งในเกมแข่งรถในดวงใจของใครหลายคนอย่าง Need for Speed ก็เปิดตัวภาคใหม่แล้วในชื่อ Need for Speed Unbound ที่มาพร้อมกราฟิกแนวคอมมิก และได้ A$AP Rocky ศิลปินแร็ปเปอร์ชาวอเมริกันมาร่วมงานด้วยการนำเพลงของเขามาใส่ในเกม และใช้ภาพของเขามาทำเป็นตัวละครหลักให้ผู้เล่นท้าแข่งรถ เกมภาคนี้มีทั้งการหนีตำรวจ, การแต่งรถ และการซิ่งรถแย่งชิงความเป็นหนึ่งในเมืองที่ชื่อว่า Lakeshore City (เข้าไปสำรวจแผนที่เมืองนี้ได้ที่นี่) โดยในตอนนี้ Need for Speed Unbound ได้ระบุชื่อรุ่นของรถที่จะมีให้เล่นในเกมรวมทั้งสิ้น 144 รุ่น Need for Speed Unbound กับภาพแนวคอมมิก A$AP Rocky ปรากฏตัวในฐานะตัวละครหลักภายในเกม โดยรวมแล้วเกมภาคนี้เน้นภาพกราฟิกแนวคอมมิกแต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงความสมจริงและเก็บทุกรายละเอียดของรถทุกคันภายในเกม ตัวเกมยังมีลูกเล่นใหม่ที่เรียกว่า "Driving Effects" ซึ่งจากภาพตัวอย่างอาจทำให้คาดเดาได้ว่าเป็นกราฟิกพิเศษที่จะปรากฏในขณะที่รถวิ่งคล้ายเอฟเฟกต์ในการ์ตูน ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับเกมหลายภาคก่อนหน้านี้ที่เน้นเอฟเฟกต์แบบสมจริงเป็นหลัก กราฟิกตัวรถยังคงความสมจริงและเก็บทุกรายละเอียดแต่มาพร้อม Driving Effect อีกภาพตัวอย่างกับฉากหนีการไล่ล่าของรถตำรวจและสิ่งที่แปลกตาอย่างลูกเล่น Driving Effect ทั้งนี้จากภาพตัวอย่างของเกมทำให้รู้ว่า Criterion เป็นผู้พัฒนาเกม Need for Speed ภาคใหม่ล่าสุดนี้ โดยในตอนนี้ EA เริ่มเปิดให้สั่งจอง Need for Speed Unbound ได้ผ่านเว็บไซต์ในราคา 69.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเกมจะมีทั้งบน PlayStation 5, Xbox X, Xbox S รวมทั้งเวอร์ชั่นสำหรับพีซีซึ่งมีทั้งบน EA app, Origin, Steam และ Epic Game Store โดยตัวเกมจะเปิดให้เล่นได้ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ที่มา - เพจ Need for Speed
# เปิดตัว Pixel 7 และ 7 Pro ใช้ชิป Tensor G2, ฟีเจอร์ AI ช่วยซูม 30x ได้ภาพความละเอียดเท่าเดิม กูเกิลเปิดตัว Pixel 7 และ Pixel 7 Pro ที่โชว์ดีไซน์มานานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ภาพรวมอาจไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงใหญ่เหมือนตอน Pixel 6 ที่ทำชิปเอง แต่เป็นวิวัฒนาการที่เพิ่มขึ้นจาก Pixel 6 ในหลายด้าน ธีมหลักของ Pixel 7 ยังเป็นการใช้พลัง AI บนชิป Tensor (อัพเกรดเป็น Tensor G2 เพิ่มหน่วยประมวลผล Tensor Processing Unit หรือ TPU เข้ามา แต่ยังไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้) ช่วยประมวลผลในหลายๆ ด้าน เช่น ฟังคำสั่งเสียง, แปลงเสียงเป็นข้อความ และการถ่ายภาพ Pixel 7 ยังคงระบบกล้องหลัง 2 ตัว แต่อัพเกรดกล้องหลักเป็น 50MP ส่วน ultrawide เป็น 12MP ส่วน Pixel 7 Pro ใช้กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 50MP ตัวเดียวกัน, ultrawide 12MP แบบมี autofocus ช่วยถ่ายมาโคร และกล้อง tele 48MP ซูมแบบ 5x optical Pixel 7 ใช้ขนาดหน้าจอใกล้กับของเดิมตอน Pixel 6 คือ Pixel 7 ใช้หน้าจอขนาด 6.3" (เล็กลงจาก Pixel 6 เล็กน้อย) ความละเอียด FHD+ แต่เพิ่มความสว่างขึ้น 25%, ส่วน Pixel 7 Pro เป็น 6.7" QHD+ แบบ LPTO ปรับอัตรารีเฟรชเรต 10-120Hz สเปกอื่นของ Pixel 7 คือแรม 8GB แบตเตอรี่ 4355 mAh, รุ่น Pro ให้แรม 12GB แบตเตอรี่ 5000 mAh อย่างอื่นเหมือนกันคือกันน้ำกันฝุ่น IP68, กระจก Gorilla Glass Victus ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, รองรับ UWB ใช้เป็นกุญแจรถยนต์ได้, รองรับ wireless charging ฟีเจอร์ใหม่ที่ชาว Pixel รอคอยกันมานานคือ Face Unlock คืนชีพกลับมาแล้ว ใช้ได้ทั้งรุ่นธรรมดาและรุ่น Pro แต่ยังไม่บอกว่า Pixel 6 Pro จะได้ใช้ด้วยหรือไม่ ฟีเจอร์ด้าน AI ของ Pixel 7 มีด้วยกันหลายอย่าง เป็นฟีเจอร์เล็กๆ น้อยๆ ที่นำมาประกอบกันเป็นประสบการณ์ที่ดีขึ้น มากกว่าเป็นฟีเจอร์ใหญ่ๆ ตัวเดียว ฝั่งการโทรศัพท์เป็นการนำฟีเจอร์หลายอันของ Android ที่เคยต้องประมวลผลที่เซิร์ฟเวอร์ มาทำได้ในตัว Pixel 7 เลย ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ เวลาโทรเข้า call center จะแสดงตัวเลือกกด 1-2-3 ขึ้นมาบนจอให้กดก่อนได้เลย โดยอิงจากประวัติการโทรครั้งก่อนๆ แปลงคลิปเสียงที่มีคนอัดส่งมา เป็นข้อความให้อัตโนมัติ ฟีเจอร์ฝั่งกล้องที่เด่นๆ คือ Super Res Zoom ที่นำภาพจากกล้อง 2 ตัว มาประมวลผลร่วมกันเพื่อเพิ่มระยะซูม แล้วใช้ Tensor G2 ช่วยเติมรายละเอียดให้ภาพที่ซูมแล้วมีความละเอียดสูงระดับเดิม ลด noise จากการซูมได้ สามารถซูมได้สูงสุดที่ 8x (Pixel 7) และ 30x (Pixel 7 Pro) กูเกิลบอกว่ารูปจาก Super Res Zoom มีคุณภาพเทียบเท่าการซูมด้วยเลนส์เทเลของจริงๆ แล้ว ที่ระดับ 2x (Pixel 7) และ 10x (Pixel 7 Pro) นอกจากนี้ กูเกิลยังมีฟีเจอร์ Photo Unblur เปิดให้นำภาพเก่าๆ ที่ถ่ายด้วยกล้องอื่นๆ อัพโหลดขึ้น Google Photos มาประมวลผลด้วย Tensor G2 เพื่อแก้เบลอ หรือลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกด้วย Magic Eraser ได้ด้วย Pixel 7 เริ่มขายในสหรัฐ 13 ตุลาคม 2022 ตั้งราคา 599 ดอลลาร์ ส่วน Pixel 7 Pro ตั้งราคา 899 ดอลลาร์ เท่ากับ Pixel 6 และ 6 Pro โดยผู้ซื้อจะได้ใช้บริการ VPN ของ Google One ฟรีด้วย Pixel 7 มี 3 สีคือ ขาว Snow, ดำ Obsidian, เขียวอ่อน Lemongrass Pixel 7 Pro มี 3 สีคือ ขาว Snow, ดำ Obsidian, เทาขลิปทอง Hazel สไลด์หน้ารวมฟีเจอร์ของ Pixel 7 (กูเกิลก็หนีไม่พ้นสไลด์แบบนี้แล้ว) รวมฟีเจอร์ของ Pixel 7 Pro ที่มา - Google
# Cloudflare รองรับการเข้ารหัสวิดีโอเป็น AV1 แบบเรียลไทม์ ถ่ายทอดไลฟ์เป็น AV1 ได้เลย Cloudflare ประกาศรองรับการเข้ารหัสไฟล์วิดีโอแบบ AV1 แบบเรียลไทม์ เท่ากับว่าเราสามารถถ่ายทอดวิดีโอแบบไลฟ์เป็นไฟล์อะไรก็ได้ ส่งขึ้นบริการสตรีมวิดีโอ Cloudflare Stream แล้วปลายทางจะได้เป็น AV1 ถ้าอุปกรณ์รองรับ Cloudflare บอกว่าไฟล์วิดีโอแบบ AV1 มีข้อดีตรงที่ใช้แบนด์วิดท์น้อยกว่า H.264 ถึง 46% ช่วยให้โหลดเร็วขึ้น ประหยัดปริมาณเน็ต และตอนนี้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนจำนวนมากก็รองรับการถอดรหัส AV1 ที่ระดับฮาร์ดแวร์ (decoder) ทำให้ไม่เปลืองพลังซีพียูและแบตเตอรี่เลย ปัญหาอยู่ที่ฝั่งการเข้ารหัส (encoder) เพราะ AV1 มีข้อจำกัดตรงที่ใช้พลังประมวลผลสูงกว่า codec แบบเดิมๆ มาก การใช้ซอฟต์แวร์+ซีพียูช่วยกันเข้ารหัสวิดีโอจึงไม่คุ้มค่า แต่การรอให้ฮาร์ดแวร์เข้ารหัส AV1 แพร่หลายก็ต้องใช้เวลานาน และเป็นปัญหาไก่กับไข่ เพราะฝั่งผู้ผลิตคอนเทนต์เองก็ไม่อยากเข้ารหัสวิดีโอเก่าเป็น AV1 ทิ้งไว้ เนื่องจากคาดเดาได้ยากว่าคลิปไหนจะฮิต ถ้าทำผิดคลิปก็เปลืองทรัพยากรประมวลผลโดยใช่เหตุ แต่ถ้าฝั่งผู้ผลิตคอนเทนต์ไม่ต้องการทำคลิป AV1 สักที ฝั่งผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ก็ไม่มีแรงจูงใจดันชิปออกมาขาย Cloudflare แก้ปัญหานี้โดยรับภาระเรื่องการเข้ารหัส AV1 ให้เลย บริษัทบอกว่าติดตั้งฮาร์ดแวร์เฉพาะสำหรับประมวลผล AV1 (ไม่ระบุว่าใช้ของยี่ห้ออะไร) ที่ทำงานได้เร็วมากๆ ถึงขั้นเข้ารหัส AV1 แบบเรียลไทม์สำหรับไลฟ์ได้ Cloudflare บอกว่าบริการ AV1 encoding ของตัวเองยังช่วยแก้ปัญหาคลิปเก่าที่มีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องมา reencode เป็น AV1 ใหม่มาวางไว้รอ แล้วคาดเดาว่าคลิปไหนจะฮิต เพราะเมื่อผู้ชมเรียกคลิปนั้น ระบบ Cloudflare Stream ก็สามารถแปลงเป็น AV1 ให้ได้ทันที ที่มา - Cloudflare
# Blizzard ขอโทษ Overwatch 2 ปัญหาเพียบ, เลิกบังคับผู้เล่นเก่ายืนยันตัวตนผ่าน SMS Blizzard ออกแถลงการณ์ขอโทษแฟนๆ เรื่องสถานะของเกม Overwatch 2 หลังเปิดเซิร์ฟเวอร์มาได้ 1 วัน แล้วเต็มไปด้วยปัญหาหลายอย่าง ทั้งโดนยิง DDoS, ปริมาณผู้เล่นเกินที่รองรับไหว และบั๊กของระบบเอง สิ่งหลักๆ ที่ Blizzard แก้ไขไปแล้วคือ เลิกบังคับการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์ผ่าน SMS สำหรับผู้เล่นเก่าที่เคยเล่นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2021 เพื่อผ่อนคลายเงื่อนไขในการเล่นลง แต่บัญชีที่ยังไม่ได้เชื่อมกับ Battle.net และบัญชีใหม่ยังจำเป็นต้องใช้ SMS ยืนยันตัวตนอยู่ อีกอย่างที่ Blizzard แก้แล้วคือการแสดงจำนวนคิวที่ผู้เล่นต้องรอเข้าระบบ ของเดิมผู้เล่นจะเห็นตัวเลข 2 ชุด เปลี่ยนไปมา ซึ่งมาจากคิวเข้า Battle.net และคิวเข้าเกม ทำให้สับสน ทาง Blizzard จึงแก้ให้เหลือตัวเลขคิวเดียวแทน Blizzard ยอมรับว่ายังมีปัญหาการแสดงข้อมูลผิด เช่น ผู้เล่นเก่าย้ายเข้าระบบ Overwatch 2 แล้วไอเทมหาย จริงๆ แล้วไม่หายแต่แสดงผลผิด หรือผู้เล่นหน้าเก่าบางคนเข้ามาแล้วโดนล็อคไม่ให้เล่นบางตัวละคร ซึ่งเป็นนโยบายสำหรับผู้เล่นใหม่ ซึ่งบริษัทกำลังทยอยแก้ไขต่อไป ที่มา - Overwatch