txt
stringlengths
202
53.1k
# อะไรดีก็ต้องทำ - Twitter เปลี่ยนการแสดงผลวิดีโอเป็นเต็มจอ พร้อมปัดขึ้นเพื่อดูวิดีโอถัดไป Twitter ประกาศปรับปรุงเกี่ยวกับวิดีโอในแอป 2 อย่าง โดยระบุว่าเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงแรก วิดีโอจะแสดงผลแบบเต็มหน้าจอ เมื่อกดแตะดูวิดีโอจากทวีตนั้น ๆ นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถปัดขึ้น เพื่อค้นพบวิดีโอที่น่าสนใจเป็นลำดับถัดไปได้ด้วย และหากต้องการออกจากหน้าวิดีโอก็กดลูกศรด้านบนซ้าย ฟีเจอร์นี้จะอัพเดตในไม่กี่วันข้างหน้า มีผลกับผู้ใช้ Twitter ภาษาอังกฤษบน iOS ก่อน อีกการเปลี่ยนแปลงคือแถบ Explore จะเพิ่มส่วน Videos for You เพื่อแนะนำวิดีโอที่ได้รับความนิยมและผู้ใช้งานน่าจะสนใจ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลแล้วกับผู้ใช้งานในบางประเทศ ทั้งบน iOS และ Android ที่มา: Twitter
# ไม่ลือแล้ว - Google ประกาศปิดบริการเกมสตรีมมิ่ง Stadia มกราคมปีหน้า หลังจากลือกันมาหลายครั้ง กูเกิลก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเตรียมปิด Stadia บริการเล่นเกมแบบสตรีมมิ่ง ซึ่ง Phil Harrison ผู้จัดการทั่วไปของ Stadia ให้เหตุผลว่า แพลตฟอร์มมีจำนวนผู้เล่นน้อยกว่าที่บริษัทต้องการ กูเกิลจะชดเชยให้ลูกค้าของ Stadia โดยฮาร์ดแวร์ที่ซื้อผ่าน Google Store และเกมกับคอนเทนต์ที่ซื้อผ่าน Stadia Store จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน ผู้เล่นยังสามารถเล่นเกมต่อไปได้ถึงวันที่ 18 มกราคม 2023 ถึงแม้ในการนำมาให้บริการเป็นเกมสตรีมมิ่งจะไม่สำเร็จอย่างที่หวัง แต่กูเกิลบอกว่าจะนำเทคโนโลยีที่ใช้ มาปรับเข้ากับบริการต่าง ๆ ทั้ง YouTube, Google Play ตลอดจนโครงการด้าน AR ส่วนทีมงาน Stadia เดิม จะกระจายไปเพื่อพัฒนาโครงการให้ฝ่ายต่าง ๆ ต่อไป ที่มา: กูเกิล
# ไปอีกขั้น - Meta เปิดตัว Make-A-Video AI สำหรับสร้างวิดีโอตามคำบรรยาย ที่ผ่านมาเราเห็น AI ที่สร้างรูปภาพขึ้นมาจากคำบรรยายจากผู้พัฒนาหลายราย ล่าสุด Meta เปิดตัวเครื่องมือชื่อ Make-A-Video ซึ่งคราวนี้สามารถสร้างวิดีโอขึ้นมาได้ โดยอาศัยอินพุทเป็นข้อความบรรยายเช่นกัน Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta บอกว่าการสร้างวิดีโอขึ้นมาจาก AI มีความยากกว่ารูปภาพอยู่มาก เพราะไม่ได้จบแค่ทำแต่ละพิกเซลให้ตรงคำบรรยาย แต่ต้องคาดเดาการเปลี่ยนในแต่ละเฟรมให้ถูกต้องด้วย ซึ่งโมเดลที่ได้นี้ก็สามารถนำมาปรับใช้กับระบบสร้างรูปภาพจากคำบรรยายได้เช่นกัน ในตอนนี้ Make-A-Video ยังสร้างสรรค์วิดีโอออกมาได้แบบมีข้อจำกัด โดยคลิปที่ได้จะมีความยาวไม่เกิน 5 วินาที ยังไม่มีเสียง และตอนนี้ยังไม่เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ทดลองใช้งาน ดูตัวอย่างบางส่วนได้จากโพสต์ของ Zuckerberg ด้านล่าง ที่มา: Meta ผ่าน The Verge
# Cloudflare ร่วมกับ Yubico ขายกุญแจ YubiKey ที่ราคาเพียงอันละ $10 Cloudflare ประกาศความร่วมมือกับ Yubico ผู้ผลิตกุญแจยืนยันตัวตนชื่อดัง จำหน่ายกุญแจที่ราคาอันละ 10 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 380 บาท Cloudflare ระบุว่าการเสริมความปลอดภัยของการล็อกอินสมัยนี้ด้วยวิธี MFA ที่ใช้เพียงรหัส OTP ทาง SMS หรือเลข OTP จากแอพ Authenticator ต่างๆ นั้นปลอดภัยไม่พอแล้ว เพราะยังมีช่องโหว่ฟิชชิ่ง (phishing) เพื่อหลอกเอารหัส OTP อยู่ โดยวิธีที่จะป้องกันการฟิชชิ่งได้คือการใช้กุญแจยืนยันตัวตนแบบฮาร์ดแวร์ หรือ security key นั่นเอง ภาพโดย Cloudflare อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของการใช้งานกุญแจฮาร์ดแวร์คือราคา เพราะกุญแจหนึ่งอันมีราคาค่อนข้างสูง หากองค์กรใดจะให้พนักงานทั้งบริษัทใช้งานก็นับเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ทีเดียว (ยังไม่นับว่าต้องมีคนทำหายอยู่ตลอด) และส่วนใหญ่ยังมองว่าการรับเลข OTP ทาง SMS หรือแอพ Authenticator ก็เพียงพอแล้ว Cloudflare ซึ่งมีภารกิจที่ต้องการทำอินเทอร์เน็ตให้ปลอดภัย และต้องการลดกำแพงด้านราคานี้ลง จึงร่วมมือกับ Yubico ผู้ผลิตกุญแจยืนยันตัวตนชื่อดัง เปิดขายกุญแจที่ราคาอันละเพียง 10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 380 บาทเท่านั้น จากปกติกุญแจของ Yubico เริ่มต้นที่ 25 ดอลลาร์สหรัฐ (950 บาท) หรือหากเป็นรุ่น YubiKey 5 ที่รองรับโปรโตคอลมากกว่าก็เริ่มต้นที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐ (1,700 บาท) ผู้ใช้ Cloudflare ทุกคนไม่ว่าจะจ่ายเงินหรือไม่ก็ตาม สามารถล็อกอินเข้าไปที่ Cloudflare Dashboard และกดที่แบนเนอร์ด้านบน (หรือกดที่นี่) จากนั้นกด "Claim my offer" แล้วจะได้รับอีเมลจาก Yubico เพื่อสั่งซื้อกุญแจต่อไป ซึ่ง Yubico จะเป็นผู้จัดส่งกุญแจให้โดยตรง ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลว่ากุญแจที่จำหน่ายในโครงการนี้เป็นรุ่นใด โดยกุญแจที่จำหน่ายมีให้เลือกสองรุ่นคือ YubiKey 5 NFC (เป็นหัว USB-A รองรับการแตะ NFC แทนการเสียบ) อันละ 10 ดอลลาร์สหรัฐ (ราคาเต็ม 45 ดอลลาร์สหรัฐ) YubiKey 5C NFC (เป็นหัว USB-C รองรับการแตะ NFC แทนการเสียบ) อันละ 12.22 ดอลลาร์สหรัฐ (ราคาเต็ม 55 ดอลลาร์สหรัฐ) ทั้งนี้ ต้องซื้อกุญแจอย่างน้อย 2 อันขึ้นไป และจำกัดคนละ 10 อัน ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าส่งมาไทยและภาษีนำเข้า (หากมี) หรือหากซื้อในสหรัฐอเมริกาก็ต้องบวกภาษีของแต่ละรัฐด้วย นอกจากนี้อีเมลจาก Yubico ยังระบุว่าสองรุ่นด้านบนเป็นการอัพเกรดให้ในช่วงนี้ (หมดเขตสิ้นปี 2022) แปลว่าหากปีหน้ายังมีโครงการนี้อยู่ อาจได้รุ่นที่ต่ำกว่านี้ ฝั่งองค์กรขนาดใหญ่ก็สามารถสั่งซื้อกุญแจราคาพิเศษได้เช่นกัน ผ่านโครงการ YubiEnterprise Subscription รับส่วนลด 50% ในปีแรก หากเป็นสมาชิกอย่างน้อยสามปี และมีผู้ใช้อย่างน้อย 500 คน Cloudflare ย้ำว่าการใช้กุญแจยืนยันตัวตนนั้นสำคัญมากในการป้องกันการถูกแฮ็ก เพราะ Cloudflare เองก็เป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่ถูกโจมตีเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม (Twilio โดนแฮ็กสำเร็จ) แต่ Cloudflare ให้พนักงานทุกคนใช้กุญแจ FIDO2 และห้ามใช้รหัส OTP ทำให้ป้องกันการเข้าถึงระบบไว้ได้ ที่มา - Cloudflare
# EA เปิดตัว Wild Hearts เกมล่ามอนสเตอร์ยักษ์ที่ร่วมทำกับ Koei Tecmo EA เปิดตัวเกมล่ามอนสเตอร์ Wild Hearts ที่ร่วมพัฒนากับ Koei Tecmo นำโดยทีม Omega Force เจ้าของซีรีส์ Dynasty Warriors ถ้าอธิบายแบบง่ายๆ Wild Hearts เป็นเกมล่ามอนสเตอร์ขนาดยักษ์ในฉากแฟนตาซีญี่ปุ่นโบราณ ตัวละครแต่งตัวเป็นซามูไรถือดาบ ง้าว ธนู ออกล่าสัตว์หลายชนิด เช่น หมูป่ายักษ์ หนูยักษ์ ลิงยักษ์ หมาป่ายักษ์ นกอินทรียักษ์ เป็นต้น รูปแบบเกมเพลย์คล้ายกับเกม Monster Hunter โดยจุดต่างคือแนวคิดการสร้างฐานไม้เรียกว่า Karakuri ในสมรภูมิ เพื่อใช้เป็นตัวช่วยสู้กับมอนสเตอร์ เช่น ระเบิด ปืนฉมวกติดเชือกที่ช่วยขึงมอนสเตอร์ให้อยู่นิ่ง (ลักษณะคล้ายๆ กับการสร้างฐานของ Fortnite) เกมรองรับการเล่นมัลติเพลเยอร์แบบ co-op ร่วมกัน 3 คน เกม Wild Hearts มีกำหนดขาย 17 กุมภาพันธ์ 2023 ลงพีซี (Epic & Steam), PS5, Xbox Series X|S ที่มา - EA, Kotaku
# โปรแกรมสะสมแต้ม PlayStation Stars เริ่มให้บริการแล้วในเอเชีย ไทยก็ใช้ได้ โซนี่เริ่มให้บริการ PlayStation Stars ระบบสะสมแต้มของลูกค้า PlayStation เริ่มจากเอเชียก่อนเป็นทวีปแรก (รวมไทยด้วย) ตั้งแต่วันนี้ 29 กันยายน ส่วนทวีปอื่นๆ จะตามมาในเดือนตุลาคม PlayStation Stars เป็นระบบ loyalty program ที่ผู้เล่นสะสมแต้มจากการซื้อสินค้า และร่วมกิจกรรมต่างๆ ของ PlayStation เช่น เล่นเกม เก็บถ้วย ฯลฯ โดยจะได้รางวัลทั้งเป็นแต้ม (points) ไปใช้เป็นส่วนลดบน PlayStation Store และของสะสมดิจิทัล (digital collectibles) ที่อิงตามตัวละครดังๆ หรือสินค้าในอดีตของโซนี่ (ดูตัวอย่างในคลิปท้ายข่าว) Sony ยืนยันว่าสินค้าที่ระลึกเหล่านี้ใช้เก็บสะสมอย่างเดียว ขายคืนไม่ได้ ขายให้คนอื่นไม่ได้ และไม่ได้ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ขอให้สบายใจกันได้ ที่มา - PlayStation Blog
# Google เพิ่มฟีเจอร์ระบบ search บนสมาร์ทโฟน ฉลาดขึ้น ใช้ง่ายขึ้น Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Google Search ในงาน Search On 2022 ที่เพิ่งผ่านมา Google เพิ่มฟีเจอร์ multisearch ที่เปิดตัวไปในงาน I/O กลางปี เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อความลงไปในรูปภาพหรือภาพที่แคปจากหน้าจอก่อนที่จะนำไปค้นหา หลังจากที่ผู้ใช้สามารถค้นหาด้วยรูปภาพได้ด้วย Google Lens อยู่แล้ว ฟีเจอร์ multisearch ยังมีฟีเจอร์ย่อยอีกคือ multisearch near me ผู้ใช้สามารถแคปหน้าจอหรือเพิ่มรูปภาพสิ่งของที่ต้องการลงในช่องค้นหาด้วยรูปภาพ พร้อมพิมพ์ข้อความค้นหาเพิ่มเติมเพื่อค้นหาสินค้าในร้านค้าที่อยู่ใกล้ผู้ใช้ Google ยังได้อัปเดตฟีเจอร์แปลภาษาของ Google Lens ด้วย จากเดิมที่การแปลภาษาผ่าน Lens จะมีการแสดงผลทับข้อความ แต่การปรับปรุง machine learning ล่าสุด ภาษาที่แปลจะถูกแสดงผลกลมกลืนไปกับแบ็คกราวด์ของข้อความต้นทาง ออกมาเหมือนเป็นภาพในภาษาที่แปลเลย นอกจากนี้ ใต้ช่อง search บนแอปในสมาร์ทโฟนยังมีการพิ่มแถบลัดของเครื่องมือหรือคำค้นหาต่าง ๆ เพื่อ เช่น “Shop for products”, “Translate Text”, “Search inside photo”, “Solve homework” และ “Identify song” เพื่อให้ใช้งานได้เร็วขึ้น สุดท้าย Google จะแสดงคีย์เวิร์ดคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำที่เรากำลังพิมพ์ ให้ผู้ใช้งานสามารถกดเลือกได้เลย เพื่อให้ค้นหาเร็วขึ้น พิมพ์น้อยลง รวมทั้ง Google จะแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบข้อความ คลิปวิดีโอ รูปภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ค้นพบหัวข้อใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งที่ค้นหา เช่น ถ้าผู้ใช้ค้นหาชื่อเมือง เมื่อเลื่อนหน้าผลการค้นหาลงมา ก็จะแสดงสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร เพลงหรือสภาพอากาศ สำหรับฟีเจอร์ multisearch สามารถใช้ได้แล้วทั่วโลกในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ และจะออกอัปเดตเวอร์ชันภาษาอื่นอีกกว่า 70 ภาษาในภายหลัง ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ จะเปิดให้ใช้ได้ในเร็ว ๆ นี้ ที่มา: Google
# DocuSign ปลดพนักงานออก 9% จากทั้งหมดราว 7,500 คน DocuSign บริษัทเจ้าของซอฟต์แวร์ด้านงานเอกสารดิจิทัล ประกาศปลดพนักงานออก 9% เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายและปรับโครงสร้างองค์กร DocuSign เคยเปิดเผยเมื่อต้นปี 2022 ว่ามีพนักงาน 7,461 คน การปลดคนจะต้องจ่ายเงินชดเชยราว 30-40 ล้านดอลลาร์ สัปดาห์ที่แล้ว DocuSign เพิ่งประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ Allan Thygesen ที่ย้ายมาจาก Alphabet DocuSign เป็นอีกหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องปลดพนักงานออกในช่วงนี้ เพื่อรัดเข็มขัดให้พร้อมสำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ซบเซาลง ที่มา - CNBC
# Razer โชว์ภาพ Edge 5G เครื่องเกมพกพาพลัง Snapdragon + Android Razer โชว์ภาพของ Razer Edge 5G เครื่องเล่นเกมพกพา ที่พัฒนาร่วมกับ Qualcomm และ Verizon ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน RazerCon วันที่ 15 ตุลาคมนี้ เมื่อปลายปีที่แล้ว เราเห็นข่าว Qualcomm กับ Razer เปิดตัวเครื่องเกมรุ่นต้นแบบที่ใช้ชิป Snapdragon G3x ตอนนี้เครื่องเกมรุ่นนี้พัฒนามาเป็นสินค้าขายจริงในชื่อ Razer Edge 5G โดยในสหรัฐจะเชื่อมกับเครือข่าย 5G ของ Verizon นั่นเอง ข้อมูลของ Razer Edge 5G เท่าที่เปิดเผยคือใช้ระบบปฏิบัติการ Android และรองรับทั้งการเล่นเกมแบบดาวน์โหลด-เล่นผ่านคลาวด์ ส่วนสเปกของเครื่องรุ่นต้นแบบ (ที่อาจไม่เหมือนกันซะทีเดียว) คือ หน้าจอ 6.65" OLED 1080p 120Hz, แบตเตอรี่ 6000 mAh ช่วงหลังเราเห็นเครื่องเกมพกพาที่เป็น Android ออกมาทำตลาดหลายยี่ห้อ เช่น Logitech G Cloud ที่พัฒนาร่วมกับ Tencent รวมถึงแบรนด์เล็กอย่าง Aya และ Ayn ที่ออกเครื่องเกมพกพามาหลายรุ่น สเปกเครื่องรุ่นต้นแบบของ Razer ที่เปิดตัวช่วงปลายปี 2021 ที่มา - Verizon, Droid Life
# ไมโครซอฟท์หยุดพัฒนา SwiftKey for iOS แต่ยังทำเวอร์ชัน Android ต่อ ไมโครซอฟท์ประกาศหยุดพัฒนาแอพคีย์บอร์ด SwiftKey บน iOS โดยจะถอดออกจาก App Store ในวันที่ 5 ตุลาคม 2022 แต่แอพที่ติดตั้งอยู่แล้วจะยังใช้งานต่อได้ ส่วน SwiftKey จะยังพัฒนาเวอร์ชัน Android ต่อไป รวมถึงใช้เป็นเอนจินของ touch keyboard ของ Windows ด้วย ไมโครซอฟท์ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลที่เลิกทำ SwiftKey for iOS แต่ตัวแอพก็ไม่ได้อัพเดตใดๆ มาเกิน 1 ปีแล้ว SwiftKey ขายกิจการให้ไมโครซอฟท์ตั้งแต่ปี 2016 ที่มา - ZDNet, Windows Central
# แอปโคลน Instagram แบบไม่มีโฆษณา ถูกดึงออกจากสโตร์, Meta แบนบัญชี FB/IG นักพัฒนา แอปพลิเคชัน OG App ซึ่งเป็นแอปโคลน Instagram จาก third-party ที่ไม่มีโฆษณา Reel การแนะนำโพสต์ และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่กระทบต่อความพึงพอใจของผู้ใช้งาน ถูกนำออกจาก App Store แล้วหลังจากปล่อยออกมาได้วันเดียว แต่ไม่มีการยืนยันว่า Meta เป็นผู้เรียกร้องให้ Apple ถอดแอปออกหรือไม่ Meta เผยว่า OG App เป็นการละเมิดนโยบายของบริษัทเรื่องการแบนแอปโคลน (clone site) เพราะเป็นการทำซ้ำแอปพลิเคชันทั้งหมดหรือบางส่วน ในกรณีนี้ OG App น่าจะละเมิดนโยบายจริงเพราะ Meta ไม่ได้ให้ API สำหรับนักพัฒนาแอปในการสร้าง Instagram ในเวอร์ชันของตัวเอง ผู้พัฒนา OG App เผยว่า Meta แบนบัญชี Instagram ของนักพัฒนาซึ่งเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับ OG App และได้แบนบัญชี Facebook ที่เป็นบัญชีส่วนตัวและไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับ OG App อย่างถาวรด้วย ผู้พัฒนาแอปเผยว่าแอปมียอดดาวน์โหลดกว่า 100,000 ครั้งก่อนที่จะถูกนำออกจาก App Store และแสดงความเห็นว่าผู้ใช้ควรมีสิทธิได้ควบคุมเนื้อหาที่ต้องการเห็น ทั้งนี้ ในระบบปฏิบัติการ Android ยังสามารถดาวน์โหลดแอปได้อยู่ ที่มา: Engadget ภาพจาก OG App
# [ลือ] Apple อาจทำ iPhone รุ่น Pro และ Pro Max ต่างกัน หลังยอดขาย iPhone 14 Pro Max พุ่ง Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สายซัพพลายเชนเผยว่า Apple อาจผลิต iPhone รุ่น Pro (6.1 นิ้ว) และรุ่น Pro Max (6.7 นิ้ว) ให้มีความต่างกันมากขึ้นโดยอาจเพิ่มฟีเจอร์เฉพาะสำหรับ iPhone 15 Pro Max เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคซื้อรุ่นพรีเมี่ยมที่แพงกว่า หลังจากที่ยอดขาย iPhone 14 Pro Max คิดเป็น 60% ของยอดขายของตระกูล iPhone 14 Pro ทั้งหมด Mark Gurman นักปล่อยข่าวหลุด Apple ที่ค่อนข้างแม่นของ Bloomberg ได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า Apple จะเปลี่ยนชื่อ iPhone รุ่น Pro หน้าจอ 6.7 นิ้วจากเดิมที่ควรเป็น iPhone 15 Pro Max มาเป็น iPhone 15 Ultra ซึ่งจากชื่อก็สื่อว่าอาจมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ไม่มีใน iPhone 15 Pro รุ่นจอ 6.1 นิ้ว รวมทั้งยังมีข่าวลืออีกว่า iPhone 15 ทุกรุ่นจะเปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB-C แทนพอร์ต Lightning ที่ Apple ใช้มาเป็น 10 ปี ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะมีข่าวลือว่า Apple ได้ยกเลิกแผนเพิ่มการผลิต iPhone 14 รุ่นเริ่มต้นเพราะยอดขายไม่ดีเท่ากับรุ่น iPhone 14 Pro ที่มา: MacRumors
# Instagram แบนบัญชี Pornhub ถาวร, Pornhub โวย 2 มาตรฐาน บัญชี Pornhub บน Instagram ถูกระงับอย่างถาวรแล้ว หลังจาก Instagram ได้ระงับบัญชี Pornhub ชั่วคราวโดยอ้างว่าละเมิดนโยบายของแพลตฟอร์มในการโพสต์ภาพเปลือยและเนื้อหาทางเพศ Pornhub ได้โพสต์จดหมายส่งถึงผู้บริหาร Instagram ลงในบัญชี Twitter ซึ่งรวมถึง Mark Zuckerberg ซีอีโอของบริษัท Meta และ Adam Mosseri ประธานของ Instagram จดหมายมีผู้ที่ทำงานในวงการสื่อทางเพศลงชื่อสนับสนุนถึง 60 ราย ในจดหมายอ้างว่า Instagram ได้ปรับใช้นโยบายอย่าง 2 มาตรฐานต่อ Pornhub รวมถึง sex worker, นักแสดงสื่อทางเพศ และผู้ที่ทำงานในส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง Pornhub อ้างว่าเว็บไซต์ได้ใช้บัญชี Instagram เพื่อโปรโมทเว็บไซต์และรับสมัครนักแสดงของเว็บไซต์โดยไม่ได้โพสต์เนื้อหาทางเพศใด ๆ ลงบน Instagram นอกจากนี้ Instagram ยังระงับและแบนบัญชีของนักแสดงสื่อทางเพศ รวมถึงแบนโพสต์ของบัญชีดังกล่าวแม้ว่าจะไม่ได้โพสต์เนื้อหาทางเพศใด ๆ ซึ่งจะเป็นการละเมิดนโยบายของแพลตฟอร์มเลย แต่ในทางกลับกัน โพสต์ของนักแสดงหรือผู้มีชื่อเสียงที่แสดงให้เห็นเรือนร่างหรือโพสต์แบบกึ่งเปลือยกลับไม่โดนแบน ทางด้าน Instagram โต้กลับว่า Instagram ได้ปรับใช้มาตรฐานเดียวกันกับบัญชีผู้ใช้ทุกคนแต่ยังไม่ได้พูดถึงจดหมายของ Pornhub แต่อย่างใด ที่มา: TechCrunch
# ผู้ใช้ในลาตินอเมริกาโวยหลัง Netflix คิดเงินเพิ่มกรณีหารบัญชี คอนเทนต์ไม่สมราคา Netflix ได้รับกระแสตอบรับในทางลบหลังทดลองเปลี่ยนแปลงนโยบายการชำระค่าบริการรายเดือนเพิ่มในบางประเทศในลาตินอเมริกา ให้ 1 บัญชี ใส่ข้อมูลบ้านได้ 1 หลัง หากเกินจากนั้นจะคิดค่าบริการเพิ่ม กระแสตอบรับในแง่ลบเกิดขึ้นโดยเฉพาะในอาร์เจนตินาซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ใช้ Netflix มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ผู้ใช้จำนวนมากกล่าวว่าจะเลิกใช้ Netflix จนถึงขนาดมีแฮชแท็ก #ChauNetflix (#ByeNetflix) หลังจาก Netflix ประกาศว่าจะใช้นโยบายใหม่ หลายสัปดาห์หลังจาก Netflix ทดลองใช้การคิดค่าบริการแบบใหม่ เว็บไซต์ Rest of World ได้พูดคุยกับผู้ใช้ในอาร์เจนตินา 10 ราย พบว่าผู้ใช้กังวลว่าการที่ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจะทำให้ค่าบริการในอาร์เจนตินาร์เพิ่มสูงขึ้นด้วย ค่าบริการส่วนต่างเพิ่มเติมแต่เดิมของอาร์เจนตินาร์อยู่ที่ $1.50 ขณะที่ประเทศอื่น ๆ อยู่ที่ $2.99 แต่ขณะนี้ในอาเจนตินาร์เพิ่มขึ้นเป็น $2.62 เพราะกฎหมายการทำธุรกรรมต่างประเทศของอาร์เจนตินาและเงินเฟ้อจากค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น แหล่งข่าวจาก Netflix ในอาร์เจนตินาร์เผยว่า ผู้ใช้ที่ไม่พอใจกับนโยบายของ Netflix ไม่ได้เป็นผู้ใช้กลุ่มใหญ่ ดังนั้น Netflix จะยังคงขยายการทดลองใช้นโยบายนี้เพิ่มในประเทศอื่น ๆ ในลาตินอเมริกาและใช้ข้อมูลจากอาร์เจนตินาร์เป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดนโยบายที่เหมาะสมต่อไป แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะยังไม่ได้เลิกใช้งาน Netflix แต่เศรษฐกิจที่ซบเซาของอาร์เจนตินาก็อาจจะทำให้บริษัทได้รับผลกระทบได้ในระยะยาวหากผู้ใช้พบว่าค่าบริการของ Netflix สูงเกินไป ผู้ใช้บางคนแสดงความเห็นทางออนไลน์ว่า เนื้อหาของ Netflix ไม่สมกับค่าบริการ และมีตัวเลือกแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งอื่นที่ไม่คิดค่าบริการเพิ่มหรือไม่เสียค่าบริการเลย ที่มา: Rest of World
# Ubisoft เลื่อนเกมโจรสลัด Skull and Bones เป็นเดือนมีนาคม 2023 เลื่อนรอบที่ 5 แล้ว Ubisoft ประกาศเลื่อนวันวางขายเกมโจรสลัดในตำนาน Skull and Bones จากเดิม 8 พฤศจิกายน 2022 เป็น 9 มีนาคม 2023 ถือเป็นการเลื่อนวันขายรอบที่ 5 ของเกมนี้แล้ว Skull and Bones เป็นเกมโจรสลัดที่ได้ไอเดียเรื่องสงครามทางเรือมาจากเกม Assassin's Creed IV: Black Flag ที่ออกขายในปี 2013 ตัวเกมเริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2013 เช่นกัน และเปิดตัวต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2017 นับอายุเกมตั้งแต่เริ่มพัฒนาก็ครบ 10 ปีพอดี ที่มา - Ubisoft
# YouTube Shorts เพิ่มฟีเจอร์ใส่เสียงบรรยายคลิป แบบเดียวกับ TikTok YouTube Shorts แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นของ YouTube ที่ทำมาแข่งกับ TikTok ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มเสียงบรรยายแสดงความรู้สึกประกอบคลิปได้ โดยฟีเจอร์จะเริ่มเปิดใช้งานบน iOS ก่อน ผู้ใช้งานสามารถกดปุ่ม Voiceover เพื่อเพิ่มเสียงบรรยายไปอีกชั้นหลังจากบันทึกวิดีโอเสร็จ ฟีเจอร์ใส่เสียงแสดงความรู้สึกหรือบรรยายคลิป เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ยอดนิยมของผู้ใช้งาน TikTok ซึ่งครีเอเตอร์สามารถนำมาประยุกต์ได้หลายแบบ ทั้งเสียงบรรยายประกอบเนื้อหาแนวฮาวทู ไปจนถึงรีแอคชันต่าง ๆ ที่มา: TechCrunch
# ผู้บริหาร Adobe ยืนยัน Figma จะยังมีแผนใช้งานแบบฟรีต่อไป Scott Belsky หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Adobe ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ถึงทิศทางของ Figma หลังจาก Adobe ประกาศเข้าซื้อกิจการ ทำให้ผู้ใช้งาน Figma น่าจะกังวลว่าตัวแอปและบริการจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่ออยู่กับ Adobe Belsky บอกว่า Figma จะยังใช้โมเดลแบบฟรีเมียมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันต่อไป นั่นคือการใช้งานพื้นฐานจะฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เขาบอกว่าไม่ต้องการไปเปลี่ยนอะไรหากมันดีอยู่แล้ว ส่วน XD นั้น Adobe จะปรับรื้อทีมงานและโฟกัสหลังดีล Figma เสร็จสิ้น เขายังเล่าถึง Behance เว็บพอร์ตโฟลิโอที่เขาก่อตั้ง และ Adobe ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2012 ทำให้เขาได้ร่วมงานกับ Adobe ว่าปัจจุบัน Behance มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 30 เท่า เขาเข้าใจดีว่าผู้ใช้ Figma อาจกังวลความเปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่หากผลิตภัณฑ์มีทีมงานที่ดี แล้วได้บริษัทที่มีแนวคิดและให้คุณค่าถูกต้องมาร่วมเสริม ผลลัพธ์ที่ได้จะยิ่งใหญ่มาก ที่มา: Bloomberg
# Cyberpunk 2077 ประกาศยอดขายเกิน 20 ล้านชุด กลับมาขายดีหลังอนิเมฉายบน Netflix CD Projekt Red ประกาศความสำเร็จของเกม Cyberpunk 2077 ที่กลับมาขายดีอีกครั้งหลังอนิเม Netflix ออกฉาย ล่าสุดทำยอดขายรวมได้เกิน 20 ล้านชุดเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้เต็มไปด้วยปัญหามากมาย แต่ Cyberpunk 2077 ก็ขายได้ 13 ล้านชุดในช่วงสัปดาห์แรกที่วางขาย และ สถิติยอดขายล่าสุดก่อนหน้านี้คือ 18 ล้านชุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปีหน้าเรายังจะได้เห็นการวางขายภาคเสริม Phantom Liberty มีกำหนดคร่าวๆ แค่ปี 2023
# Amazon เปิดตัว Halo Rise อุปกรณ์ตรวจจับการนอนหลับ วางข้างเตียง ใช้เซ็นเซอร์เก็บข้อมูล Amazon เปิดตัว Halo Rise อุปกรณ์ตรวจจับคุณภาพการนอนหลับ แบบที่ไม่ต้องสัมผัสตัวผู้ใช้งาน อาศัยเซ็นเซอร์ช่วยเก็บข้อมูลในการนอน แล้วนำมาปรับปรุงให้คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน Halo Rise ใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับบุคคลเพื่อดูระดับการนอนหลับในตอนนั้น รวมกับค่าสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในห้องนอน ประมวลผลเป็นคะแนนคุณภาพการนอนหลับ รวมทั้งคำนวณเวลาที่ควรปลุกด้วย อุปกรณ์ Halo Rise ไม่มีไมโครโฟนหรือลำโพงในตัว จะเริ่มทำงานอัตโนมัติเมื่อตรวจจับว่าผู้ใช้งานเริ่มนอนหลับเท่านั้น Amazon แนะนำให้นำอุปกรณ์วางไว้ด้านข้างของเตียงนอน อุปกรณ์จะเริ่มตรวจจับค่าการนอนตั้งแต่ตอนนั้น ข้อมูลการนอนหลับและคำแนะนำจะถูกเก็บในแอป Amazon Halo และทำงานร่วมกับ Alexa จึงสามารถเรียกขอข้อมูลผ่านคำสั่งเสียงได้เช่นกัน Halo Rise ราคา 139.99 ดอลลาร์ จะเริ่มส่งมอบสินค้าในอเมริกาภายในปีนี้ โดยให้สิทธิสมาชิก Halo เพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกฟรีเป็นเวลา 6 เดือน ที่มา: Amazon
# Amazon อัพเกรดลำโพง Echo Dot 5th Gen มี Mesh Wifi ในตัว, พร้อมเซ็นเซอร์อุณหภูมิ Amazon เปิดตัวลำโพงอัจฉริยะ Echo Dot รุ่นใหม่ (เป็น 5th Gen) มีสองรุ่นย่อยคือ Echo Dot และ Echo Dot with Clock ที่มี LED นาฬิกาแสดงเวลาด้วย ในรุ่นนี้ Amazon บอกว่าคุณภาพเสียงเบสดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า 2 เท่า, เพิ่มเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ และมี Eero Mesh Wifi มาในตัว ทำให้เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติครบครันในชิ้นเดียว นอกจากนี้ยังมี Echo Studio ลำโพงสเตอริโอ ในรุ่นอัพเกรดนี้รองรับระบบเสียง Spatial Audio เพื่อให้ประสบการณ์เสียงแบบตามระยะที่ดีมากขึ้น และ Echo Auto ลำโพงสำหรับไว้ในรถยนต์รุ่นใหม่ มีขนาดเล็กลง ไมโครโฟนในอุปกรณ์ 5 ตัว และเพิ่มขาติดตั้งในรถยนต์แบบใหม่ Echo Dot มีให้เลือก 3 สี คือ Charcoal, Glacier White และสีใหม่ Deep-Sea Blue ราคา 49.99 ดอลลาร์, Echo Dot with Clock มีสองสี Glacier White และ Cloud Blue ราคา 59.99 ดอลลาร์, Echo Studio ราคา 199.99 ดอลลาร์ และ Echo Auto ราคา 54.99 ดอลลาร์ ที่มา: Amazon
# DALL·E บริการปัญญาประดิษฐ์วาดภาพจากคำบรรยายของ OpenAI เปิดให้สมัครใช้งานได้ทันทีแล้ว OpenAI ประกาศยกเลิกระบบรอคิวหรือ waitlist สำหรับสมัครใช้งานบริการ DALL·E ปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างภาพขึ้นมาตามคำบรรยาย หลังเปิดให้บริการในสถานะเบต้าแต่ต้องรอคิวตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีผลทันที ผู้ใช้งานที่สนใจแต่ยังไม่ได้สมัครสามารถสมัครได้ที่นี่ DALL·E เปิดตัวมาตั้งแต่มกราคม 2021 และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพมาโดยตลอด รวมทั้งมีคู่แข่งรายใหม่ที่ให้บริการลักษณะเดียวกันอย่าง Midjourney และ Stable Diffusion ที่ได้รับความนิยมสูง จึงคาดว่าเป็นเหตุผลให้ DALL·E เร่งเปิดใช้งานสำหรับผู้ใช้ทุกคนนั่นเอง OpenAI บอกว่ามีผู้ใช้งานสร้างรูปภาพจากคำบรรยายมากกว่า 2 ล้านภาพต่อวัน และยังรับข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงระบบให้ปลอดภัยจากเนื้อหารุนแรงและไม่เหมาะสมอยู่ตลอด ที่มา: OpenAI
# Google Maps เพิ่มฟีเจอร์แสดงภาพพรีวิวสถานที่, ภาพ 3 มิติที่ดีขึ้น และระบบนำทางแบบ AR ในงาน Search On 2022 ที่ Google จัดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งมีการเล่าเกี่ยวกับการปรับปรุงความสามารถของ Google หลายด้าน และหนึ่งในนั้นคือการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจให้ Google Maps ด้วย 3 อย่าง ได้แก่ Neighborhood Vibe การแสดงภาพพรีวิวสถานที่ต่างๆ ในแผนที่โดยตรง Immersive View การปรับปรุงโมเดลและการแสดงภาพ 3 มิติของสถานที่ต่างๆ Search with Live View การดูแผนที่พร้อมระบบนำทางแบบ AR Neighborhood Vibe ระบบแสดงภาพพรีวิวสถานที่ที่น่าสนใจให้ปรากฎบนแผนที่ จากที่เดิมทีเมื่อเปิดหน้าจอดูแผนที่โดยรวมจะมองเห็นแค่สัญลักษณ์และหมุดสีต่างๆ ระบุตำแหน่งของสถานที่ที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ฟีเจอร์นี้คือการดึงเอาภาพหรือวิดีโอของสถานที่ต่างๆ ที่มีผู้ใช้งานอัพโหลดขึ้นสู่ Google Maps มาแสดงเป็นภาพพรีวิวปรากฎบนแผนที่โดยตรง ทำให้แผนที่ดูน่าสนใจมากขึ้น ผู้ใช้เข้าใจบรรยากาศของสถานที่แต่ละแห่งได้รวดเร็วมากขึ้นโดยไม่ต้องไล่กดปุ่มดูรายละเอียดสถานที่แต่ละแห่ง ทั้งนี้ในไม่กี่เดือนข้างหน้าผู้ใช้ทั่วโลกจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของระบบแสดงภาพนี้ Immersive View การแสดงภาพโมเดล 3 มิติของสถานที่ที่น่าสนใจและเชื่อมต่อกับภาพ street view ภายในอาคารได้ด้วย นอกจากนี้ด้วยการคำนวณจากโมเดล 3 มิติทำให้มีการแสดงภาพมุมมอง street view ได้สมจริงยิ่งขึ้น (จากที่แต่เดิมอาศัยการดึงภาพ 2 มิติที่ถ่ายเอาไว้มาปะต่อกันเท่านั้น) ระบบนี้จะเริ่มมีให้ใช้งานใน 5 เมือง ได้แก่ San Francisco, Los Angeles, New York, London และ Tokyo Search with Live View เป็นการเพิ่มโหมดนำทางแบบ AR เมื่อผู้ใช้เปิด Google Maps และกดปุ่มเปิดกล้องของสมาร์ทโฟน ก็จะเห็นข้อมูลของสถานที่โดยรอบที่มาจาก Google Maps ปรากฎซ้อนทับกับภาพของถนนและสถานที่ต่างๆ ที่กล้องสมาร์ทโฟนจับภาพอยู่ในขณะนั้น ผู้ใช้สามารถกดปุ่มเพื่อเรียกดูรายละเอียดสถานที่ต่างๆ และแน่นอนว่าหากเปิดโหมดนำทาง ก็จะปรากฎการบอกเส้นทางในภาพแบบ AR โดยฟีเจอร์นี้จะเริ่มปล่อยให้ใช้งานใน 6 เมือง ได้แก่ San Francisco, Los Angeles, New York, London, Tokyo และ Paris ที่มา - ช่อง Google
# Amazon เปิดตัว Kindle Scribe จอ e-Ink ขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว พร้อมปากกา Amazon เปิดตัว Kindle Scribe เครื่องอ่านอีบุ๊กหน้าจอ 10.2 นิ้ว นับเป็นเครื่องขนาดใหญ่นับแต่ Kindle DX ที่เลิกขายไปเมื่อสิบปีก่อน น้ำหนักเครื่อง 490 กรัมพอๆ กับแท็บเล็ตหน้าจอขนาดใกล้เคียงกัน แต่จุดเด่นของ Kindle Scribe คือหน้าจอ e-Ink ความละเอียด 300ppi และอายุแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานนับสัปดาห์ ราคา 339 ดอลลาร์แถมปากกาพื้นฐานมาในตัว หรือเลือกปากกาพรีเมี่ยมที่มีปุ่มเพิ่มและยางลบด้านท้ายปากกาได้ในราคา 30 ดอลลาร์ สามารถจดโน้ตลงหนังสือ, ไฟล์ PDF, หรือ Microsoft Word ก็ได้ ตอนนี้ยังไม่กำหนดวันวางจำหน่ายแน่นอนแต่ Amazon ระบุว่าจะขายก่อนสิ้นปีนี้ ที่มา - Amazon
# วางแผนซื้อเกมกันดีๆ ตั้งแต่ปีหน้า Steam จะไม่จัดมหกรรมลดราคาช่วงตรุษจีนแล้ว Valve ประกาศจัดระเบียบปฏิทินงานลดราคาเกมประจำปีเสียใหม่ โดยในปีหน้าจะไม่มีการลดราคาเกมช่วงตรุษจีนแบบที่จัดมาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว แต่จะมีการลดราคาประจำฤดูใบไม้ผลิ "Spring Sale" มาแทนในช่วงเดือนมีนาคม สาเหตุที่ Valve ตัดสินใจเลิกการลดราคาเกมตอนตรุษจีนซึ่งปกติอยู่ในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ แล้วเปลี่ยนมาเป็นเดือนมีนาคมแทนนั้น มาจากการรับฟังความเห็นจากเหล่านักพัฒนาและผู้จัดจำหน่ายเกมส่วนใหญ่ที่มองว่าช่วงตรุษจีนมันใกล้กับงานลดราคาเกมส่งท้ายปี (ช่วงวันหยุดคริสต์มาสและวันปีใหม่) มากเกินไปนั่นเอง ด้วยเหตุนี้การลดราคาเกมประจำปีของ Steam ตั้งแต่ปี 2023 ก็จะมีมหกรรมลดราคาครั้งใหญ่ 4 ครั้งต่อปีเหมือนเดิม แค่ขยับเวลาจากตรุษจีนมาอีกประมาณ 1 เดือนให้หลัง โดยกำหนดการงานลดราคาเกม 3 ครั้งถัดไปของ Steam ก็ได้ประกาศวันที่แน่นอนออกมาแล้วดังนี้ Autumn Sale: 22-29 พฤศจิกายน 2022 Winter Sale: 22 ธันวาคม 2022 ถึง 5 มกราคม 2023 Spring Sale: 16-23 มีนาคม 2023 ที่มา - Steamwork Development ผ่าน Engadget
# อินเทลเปิดบริการ Developer Cloud ให้นักพัฒนาเช่าเครื่องทดสอบซีพียู-จีพียูที่ยังไม่วางขาย เก็บตกประเด็นเล็กๆ ที่น่าสนใจจากงานแถลงข่าวอินเทลเมื่อคืนนี้คือ อินเทลจะเปิดบริการ Intel Developer Cloud ให้เช่าเครื่องผ่านคลาวด์เหมือนกับบริการคลาวด์อื่นๆ สิ่งที่ต่างออกไปคือ อินเทลจะเปิดให้นักพัฒนาสามารถใช้งานซีพียูและจีพียูใหม่ๆ ของอินเทล ที่เปิดตัวแล้วแต่ยังไม่วางขายจริงได้ก่อนใคร เพื่อให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งซอฟต์แวร์ของตัวเองเข้ากับซีพียู-จีพียูเหล่านี้ได้ล่วงหน้า ตัวอย่างหน่วยประมวลผลที่อินเทลยกตัวอย่าง ได้แก่ Xeon Scalable 4th Gen รุ่นใหม่, จีพียู Flex สำหรับศูนย์ข้อมูล, จีพียูรุ่นใหญ่ Ponte Vecchio และชิปเร่งประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ Habana Gaudi 2 เป็นต้น ตอนนี้ Intel Developer Cloud ยังเปิดทดสอบ Beta Trial สำหรับนักพัฒนาแบบจำกัดวง ที่มา - Intel
# Cloudflare เปิดตัว Turnstile เพื่อทดแทน CAPTCHA ที่ไม่สะดวก วางโค้ดแทนได้เลย ทุกคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตต้องเจอกับ CAPTCHA กันมาไม่มากก็น้อย เพราะเป็นวิธีที่นิยมใช้ในการป้องกันบอทเข้ามาใช้งานเว็บไซต์ มีลักษณะแตกต่างกันไป เช่นตัวหนังสือยึกยือที่ (หวังว่า) มนุษย์เท่านั้นที่จะอ่านออก หรือยุคหลังก็นิยมใช้ reCAPTCHA ของกูเกิลที่ให้คลิกเลือกภาพตามโจทย์ ด้าน Cloudflare พยายามบอกว่า CAPTCHA ให้ประสบการณ์การใช้งานเว็บที่แย่ เพราะคนที่เจอ CAPTCHA ก็ไม่อยากเสียเวลาแก้โจทย์ บางทีเสียเวลาแล้วก็ยังทำผิดอีก จึงพยายามหาวิธีที่จะลดการใช้งาน CAPTCHA ให้มากที่สุด โดยเมื่อช่วงต้นปี 2022 ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Managed Challenge เพื่อตรวจจับบอทอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ที่ใช้บริการ Cloudflare ซึ่งก็ระบุว่าลดการแสดง CAPTCHA ลงได้ถึง 91% เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ที่ไม่ได้ใช้งาน Cloudflare ก็ยังต้องมี CAPTCHA ต่อไป Cloudflare จึงเปิดตัวบริการใหม่ในชื่อ Turnstile ที่สามารถนำมาใช้แทน CAPTCHA ได้โดยตรง แม้เว็บไซต์นั้นไม่ได้ใช้งาน Cloudflare เลยก็ตาม (เรียกว่ากะจะให้ CAPTCHA จมดินไปเลย) Cloudflare ระบุว่า Turnstile จะประเมินโดยอัตโนมัติว่าผู้ใช้ที่เข้ามายังเว็บไซต์เป็นมนุษย์หรือบอทโดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Managed Challenge นั่นเอง หรืออย่างมากที่สุดก็ต้องคลิกติ๊กถูกในช่อง นอกจากนี้ Cloudflare ยังระบุว่า Turnstile นั้นเน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เพราะงานวิจัยพบว่า reCAPTCHA ของกูเกิลมีการตรวจหาคุกกี้ของกูเกิลในเบราว์เซอร์ หากมีคุกกี้ดังกล่าวอยู่ก็น่าจะเป็นมนุษย์ ซึ่งกูเกิลก็ยืนยันว่าไม่ได้ใช้ข้อมูลนี้ในการยิงโฆษณา แต่สุดท้ายแล้วกูเกิลก็ทำธุรกิจโฆษณาอยู่ดี ผู้พัฒนาเว็บไซต์สามารถเปลี่ยนจาก reCAPTCHA ของกูเกิลไปใช้ Turnstile ได้ภายในไม่กี่นาที โดยการสมัครบัญชีของ Cloudflare ก่อนและก็อปปี้โค้ดสำหรับเรียกใช้ไลบรารี่ของ Turnstile ไปแปะทับโค้ดเดิมของเว็บไซต์ หลังจากนั้นก็ก็อปปี้ Site Key ของ Cloudflare ไปแปะแทนคีย์เดิม หลังจากใช้งาน Turnstile ไปสักพักแล้ว สามารถเข้าไปดูสถิติต่างๆ ได้ด้วย ขณะนี้ทุกคนสามารถใช้งาน Turnstile ได้แล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หรือหากต้องการทดสอบก็เข้าไปลองเล่นที่หน้าเว็บเดโมได้ และอ่านเอกสารสำหรับนักพัฒนาได้ที่นี่ ที่มา - Cloudflare ภาพทั้งหมดโดย Cloudflare
# Overwatch 2 เพิ่มเงื่อนไข ผู้เล่นหน้าใหม่ต้องเล่นเกมราว 100 แมตช์ก่อนเพื่อปลดล็อคตัวละครทั้งหมด Blizzard เผยรายละเอียดเพิ่มเติมของเกม Overwatch 2 ที่เปลี่ยนเป็น Free-to-Play มีระบบที่เรียกว่า First Time User Experience (FTUE) จำกัดตัวละครที่ผู้เล่นใหม่ (เริ่มเล่นภาค 2 คือมาแบบฟรีแต่แรก) สามารถเล่นได้ ภายใต้เงื่อนไขของ FTUE ผู้เล่นหน้าใหม่จะไม่สามารถเล่นตัวละครเดิมของ Overwatch 1 และโหมดการเล่นบางอย่างได้ จะสามารถเล่นได้เฉพาะตัวละครใหม่ของ Overwatch 2 เท่านั้น ผู้เล่นหน้าใหม่จะต้องเล่นเกมไปราว 100 แมตช์ก่อน เพื่อปลดล็อคตัวละครของภาคแรกและโหมดเกมทั้งหมด ส่วนการเล่นในโหมดแข่งขัน (Competitive) มีลักษณะคล้ายๆ กันคือต้องเล่นโหมด Quick Play แล้วชนะก่อน 50 แมตช์จึงเล่นได้ Blizzard บอกว่าข้อจำกัดเหล่านี้มีข้อยกเว้นหากเล่นเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่เป็นผู้เล่นเก่าหรือผ่านเงื่อนไขเหล่านี้แล้ว ก็จะสามารถเข้าถึงเกมได้เกือบทุกโหมดยกเว้น Competitive Blizzard ให้เหตุผลว่ากลัวผู้เล่นหน้าใหม่เจอกับตัวเลือกที่เยอะเกินไปตั้งแต่แรก จึงพยายามหาวิธีให้เรียนรู้ข้อมูลต่างๆ ของเกมผ่านข้อจำกัดเหล่านี้ รวมถึงเป็นการป้องกันปัญหาผู้เล่นใหม่ที่เข้ามาป่วนและการโกงเกมด้วย เว็บไซต์ Kotaku ประเมินว่าการเล่นโหมด Quick Play ต้องใช้เวลาราว 10-15 นาทีต่อแมตช์ หากต้องการปลดล็อคตัวละครทั้งหมดต้องใช้เวลาราว 1,500 นาที หรือประมาณ 20 กว่าชั่วโมง นับเฉพาะเวลาเล่นเกมจริงๆ ไม่รวมเวลาเข้าคิวรอ ก่อนหน้านี้ Blizzard เพิ่งมีประเด็นขัดแย้งเรื่องฮีโร่ตัวใหม่ Kiriko ที่จำเป็นต้องมีเลเวล 55 ใน Battle Pass ถึงเล่นได้ หากไม่ต้องการรอก็สามารถจ่ายเงิน 10 ดอลลาร์ซื้อได้ทันที ที่มา - Overwatch, Kotaku
# [ลือ] Apple ยกเลิกแผนเพิ่มการผลิต iPhone 14 หลังยอดขายไม่ดี แหล่งข่าวของ Bloomberg เปิดเผยว่า Apple ยกเลิกแผนเพิ่มการผลิต iPhone 14 ที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตเพิ่มถึง 6 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังยอดขายจริงไม่ถึงที่คาดไว้ และเปลี่ยนไปตั้งเป้าผลิตให้ได้ทั้งหมด 90 ล้านเครื่องแทน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้วและเป็นตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้ก่อนที่จะมีแผนเพิ่มการผลิต สาเหตุที่ Apple ยกเลิกแผนการผลิตมาจากยอดขาย iPhone 14 ไม่ดีอย่างที่ตั้งเป้าไว้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่สำคัญของ Apple ซบเซาลง ยอดขาย iPhone 14 ในจีนลดลง 11% ในช่วง 3 วันแรกที่วางขายเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่วางขาย iPhone 13 นอกจากนี้ยังมีผลมาจากภาวะเงินเฟ้อและสงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนซบเซาลง ทั้งนี้ iPhone 14 Pro มียอดขายดีกว่า iPhone 14 รุ่นเริ่มต้น ทำให้แหล่งข่าวอีกแหล่งของ Bloomberg ระบุว่าซัพพลายเออร์บางส่วนของ Apple ปรับไลน์การผลิตจาก iPhone 14 เป็น iPhone 14 Pro แทนด้วย การยกเลิกแผนการผลิตทำให้หุ้นของ Apple และบริษัทซัพพลายเออร์ตกลง โดยหุ้นของ Apple ตกลง 3.3%ในช่วงก่อนเปิดตลาดหุ้น หุ้นของ Foxconn และ TSMC ตกลงมา 2.9% และ 2.2% ตามลำดับ ที่มา: Bloomberg
# [ลือ] Apple เตรียมปล่อยแอป Apple Music Classical มีแค่เพลงคลาสสิก Apple อาจจะกำลังเตรียมที่จะเปิดตัวบริการสตรีมเพลงคลาสสิก Apple Music Classical ในเครือ Apple Music หลังจากบัญชี Twitter @aaronp613 เป็นผู้สังเกตเห็นสตริงในโค้ดที่พูดถึง Apple Music Classical ก่อนหน้านี้ Apple ได้ซื้อกิจการ Primephonic ซึ่งเป็นแอปสตรีมเพลงคลาสสิกไปเมื่อปีที่แล้ว และ Apple ก็ได้เปิดเผยว่าจะเปิดตัวแอปพลิเคชันเพลงคลาสสิกในปีนี้ โดยจะใช้หน้า interface ของแอป Primephonic พร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ด้วย ที่มา: MacRumors
# Samsung โชว์จอม้วนได้แบบใหม่สำหรับคอมพิวเตอร์ ดึงออกด้านข้างเพื่อขยายจอได้ ในงาน Intel Innovation Keynote 2022 ที่ผ่านมา JS Choi ซีอีโอของบริษัท Samsung Display เผยโฉมหน้าจอ OLED แบบม้วนได้แบบใหม่ หน้าจอสามารถดึงออกเพื่อขยายขนาดได้จากทางด้านข้าง โดยสามารถขยายถึงขนาดใหญ่สุดถึง 17 นิ้ว จากขนาดเล็กสุดที่ 13 นิ้ว Choi กล่าวว่าจอสไลด์ได้ผลิตมาสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในลักษณะเหมือนแท็บเล็ต ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลสเปคและรายละเอียดอื่น ๆ ที่มา: SamMobile
# AIS จับมือ ZTE เปิด A-Z Center ศูนย์ R&D ด้าน 5G AIS ร่วมมือกับบริษัทผลิตสมาร์ทโฟนและโทรคมนาคมสัญชาติจีน ZTE เปิดตัวศูนย์นวัตกรรม 5G A-Z Center ขึ้นในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโครงข่าย 5G ยุคใหม่ในประเทศไทยให้ดีขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานของทั้งภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาชน ศูนย์นวัตกรรม A-Z Center จะประกอบด้วย Research Center มีหน้าที่ในการวิจัย ศึกษา และวางแผนเพื่อให้สามารถให้บริการเครือข่าย 5G ที่มีประสิทธิภาพต่อภาคส่วนธุรกิจ Incubation Center มีหน้าที่หาพาร์ทเนอร์และสร้างความร่วมมือ ให้ AIS และ ZTE ได้เป็นพาร์ทเนอร์และร่วมพัฒนาบริการกับบริษัททั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพ Publication Center มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์บริการต่าง ๆ ออกสู่สาธารณะให้มีผู้เข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น AIS เผยว่าการพัฒนาเครือข่าย 5G จากความร่วมมือ AIS-ZTE มีจุดประสงค์เพื่อการสร้างโครงข่าย 5G ให้มีประสิทธิภาพเพื่อการต่อยอดไปใช้กับเทคโนโลยีอื่น ๆ นอกจากนี้ จะพัฒนาบริการและเครื่องมือที่สำหรับการใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพื่อตอบรับ Thailand 4.0 โดยเน้นไปที่การใช้โครงข่าย 5G เช่น โครงสร้างพื้นฐานใหม่เทคโนโลยี AI ควบคุมอุปกรณ์แบบเรียลไทม์ ผ่าน 5G, การนำ AR/VR มาใช้ผ่าน 5G, นำเทคโนโลยีโฮโลแกรมมาใช้สำหรับการประชุมทางไกล เป็นต้น เป้าหมายสุดท้ายคือการสร้างเทคโนโลยีการสื่อสาร 5G รูปแบบใหม่เพื่อให้บริการกับบุคคลทั่วไป
# Belkin เปิดตัวแท่นชาร์จไร้สาย 3-in-1 ใหม่ รองรับการชาร์จ iPhone 14 และ Apple Watch 8 Belkin เปิดตัวแท่นชาร์จไร้สาย BOOST CHARGE PRO 3-in-1 Wireless Charging Pad ที่รองรับการชาร์จ iPhone, AirPods และ Apple Watch พร้อมกัน โดยรองรับการชาร์จ iPhone 14 สูงสุด 15W และรองรับระบบชาร์จเร็วใน Apple Watch Series 7, Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra แท่นชาร์จจะวางขายในราคา 6,990 บาท สินค้าอีกตัวหนึ่ง คือ BOOST CHARGE PRO 3-in-1 Wireless Charger แบบตั้ง ที่รองรับการชาร์จ iPhone 14 สูงสุด 15W และรองรับระบบชาร์จเร็วใน Apple Watch Series 7, Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra เช่นเดียวกัน จะวางขายในราคา 6,590 บาท ส่วนสินค้าอื่น ๆ ที่เปิดตัวพร้อมกันได้แก่ หัวชาร์จ BOOST CHARGE PRO Dual USB-C Wall Charger ที่ประกอบด้วยพอร์ต USB-C 2 พอร์ต เมื่อชาร์จ 1 พอร์ตจะจ่ายกำลังไฟสูงสุด 65W และเมื่อชาร์จ 2 พอร์ตจะจ่ายไฟสูงสุดที่ 45W และ 20W วางขายในราคา 1,790 บาท หัวชาร์จ BOOST CHARGE USB-C Wall Charger รองรับ USB-C PD 3.0 และ PPS จ่ายไฟสูงสุด 30W วางขายในราคา 890 บาท สายชาร์จ BOOST CHARGE PRO Flex เป็นสายชาร์จที่ด้านหนึ่งเป็น USB-C และอีกด้านหนึ่งเป็นพอร์ต Lightning สายชาร์จหุ้มด้วยสายถักไนลอนและมีอุปกรณ์รัดสายแบบแป้นแม่เหล็กมาด้วย มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 1 เมตรและ 2 เมตร มี 4 สี ได้แก่ ดำ ขาว ฟ้า ชมพู ความยาวขนาด 1 เมตรวางขายในราคา 990 บาท และขนาด 2 เมตร วางขายในราคา 1,190 บาท
# Meta เปิดให้ลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ เชื่อม Facebook กับ Instagram ได้ง่ายขึ้น Meta เปิดให้ผู้ใช้ทั่วโลกทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่เพื่อให้ผู้ใช้สร้างบัญชีและสลับแอปพลิเคชันระหว่าง Facebook และ Instagram ได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์แรก Meta ได้เพิ่มหน้าสำหรับการสลับบัญชีระหว่างแอปพลิเคชันทั้ง 2 ในหน้านี้จะแสดงบัญชีของผู้ใช้และการแจ้งเตือนจากทั้ง 2 แอป ผู้ใช้สามารถกดสลับบัญชีข้ามแอปได้ในหน้านี้ ผู้ใช้สามารถทดลองได้บนระบบ iOS, Android และบนเว็บไซต์ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างบัญชีใหม่บน Facebook และ Instagram ได้ง่ายขึ้น ผู้ใช้สามารถสร้างบัญชีบนแอปใดแอปหนึ่ง และใช้ข้อมูลการล็อกอินจากแอปนั้นเพื่อสร้างบัญชีบนอีกแอปหนึ่งได้โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลใหม่ Meta เปิดให้ทดลองใช้ฟีเจอร์นี้ใน iOS และ Android ทั้งนี้ ผู้ใช้จะสามารถใช้ฟีเจอร์ทั้ง 2 ได้เมื่อบัญชีจากทั้ง 2 แอปพลิเคชันอยู่ในศูนย์จัดการบัญชี (Accounts Center) เดียวกันเท่านั้น Meta เผยว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้ เช่น ถ้าหากผู้ใช้เปิดใช้งานการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (Two-Factor Authentication) ในบัญชี Facebook ผู้ใช้จะไม่สามารถล็อกอินเข้า Facebook บนอุปกรณ์ใหม่โดยใช้ข้อมูลล็อกอินจาก Instagram ได้ นอกจากนี้ จะมีการแจ้งเตือนเมื่อมีการสร้างบัญชีใหม่จากบัญชีที่มีอยู่แล้ว ที่มา: Meta
# ทีมพัฒนา Cyberpunk 2077 เผย รู้สึกดีมากที่คนกลับมาเล่นเยอะ และเข้าใจในสิ่งที่พวกเราทำ Paweł Sasko หนึ่งในทีมพัฒนาเกม Cyberpunk 2077 (ตำแหน่งเป็น quest director หรือผู้กำกับเควสต์ของเกม) พูดถึงความนิยมในเกม Cyberpunk 2077 ที่กลับมาอีกครั้งหลังซีรีส์ Edgerunners ฉายทาง Netflix ผ่านช่อง Twitch ส่วนตัวของเขาเอง บอกว่าให้ความรู้สึกที่ดีมากที่ได้กลับมา Sasko บอกว่าทีมพัฒนาบางคนใช้เวลาอยู่กับโปรเจคนี้มา 6-8 ปีเลยด้วยซ้ำ การที่ผู้เล่นชอบในสิ่งที่พวกเราทำ มันให้ความรู้สึกเกินจริง (unreal) และสุดท้ายผู้เล่นก็ประทับใจในเกม เขาเล่าว่าหลังหายนะของ Cyberpunk 2077 ช่วงเริ่มวางขาย เขารู้สึกย่ำแย่มาก (completely wrecked) แต่การได้กลับมาอีกครั้งรู้สึกดีมากๆ (It's fucking good to be back) ที่มา - Gamesradar
# Intel Arc A770 ประกาศขาย 12 ตุลาคม ราคา 329 ดอลลาร์ คุยว่าแรงกว่า RTX 3060 หลังจากเลื่อนกันมานาน อินเทลประกาศวันวางขายจีพียูเดสก์ท็อป Intel Arc A770 วันที่ 12 ตุลาคมนี้ ในราคาเริ่มต้น 329 ดอลลาร์ Intel Arc A770 ถือเป็นจีพียูแรงที่สุดในเจ็นแรกของ Arc (ตัวอื่นในซีรีส์คือ A750, A580 และตัวที่ขายไปก่อนแล้วคือ A380 รุ่นล่างสุด) สเปกคร่าวๆ ของ A770 คือ คอร์ Xe หลัก 32 คอร์, คอร์ Raytracing 32 คอร์, คอร์ XMX 512 คอร์, แรม 8/16GB อินเทลวางระดับของ A770 ไว้เทียบเท่า GeForce RTX 3060 และตั้งราคาที่แนะนำ (MSRP) ไว้ที่ 329 ดอลลาร์เท่ากัน โดยระบุว่า A770 มีประสิทธิภาพเล่นเกมใหม่ๆ ที่เป็น DirectX 12 และ Vulkan เหนือกว่า RTX 3060 ส่วน A750 รุ่นที่จะตั้งราคาถูกลงมานั้นยังไม่บอกว่าจะตั้งราคาเท่าไร ที่มา - PCGamer
# Apple ถอดแอป VK ของรัสเซียออกจาก App Store VK ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ในรัสเซีย รวมทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์ก VKontakte แถลงว่าแอปในเครือของบริษัทถูกถอดออกจาก App Store ของแอปเปิล มีผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถดาวน์โหลดหรืออัพเดตแอปได้ อย่างไรก็ตาม VK บอกว่า แอปที่ติดตั้งในอุปกรณ์แล้วจะยังใช้งานได้ตามปกติ แต่หากผู้ใช้งานไม่มีแอป ก็แนะนำให้ใช้งานผ่านเว็บไปก่อน ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าแอปเปิลได้ปิดบัญชีนักพัฒนาของ VK ด้วย จึงมีผลให้แอปทั้งหมดหายไปจาก App Store ส่วนแอปของ VK บน Play Store ของกูเกิลยังมีอยู่ตามปกติ The Verge สอบถามไปยังแอปเปิลถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ที่มา: The Verge
# Apple ปรับเงื่อนไขเปลี่ยนแบตฯ iPad mini 6 จะเปลี่ยนเฉพาะแบตฯ เท่านั้น ไม่เปลี่ยนทั้งเครื่องแบบที่ผ่านมา มีรายงานจาก MacRumors ว่าแอปเปิลได้ปรับปรุงเงื่อนไขการซ่อม มีผลกับ iPad mini 6 (รุ่นปัจจุบันที่วางขายปี 2021) จากเดิมหากต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ศูนย์ซ่อม AASP หรือ Apple Store จะทำการเปลี่ยนเป็น iPad ใหม่ทั้งเครื่อง แต่จากนี้จะเปลี่ยนให้เฉพาะแบตเตอรี่ เงื่อนไขดังกล่าวระบุว่ามีผลเฉพาะ iPad mini 6 เพียงรุ่นเดียว ส่วนรุ่นอื่นยังใช้วิธีเปลี่ยนให้ทั้งเครื่องต่อ แต่แอปเปิลอาจขยายแนวทางดังกล่าวกับ iPad รุ่นอื่นอีกในอนาคต ที่มา: MacRumors
# iPadOS 16 จะรองรับ Stage Manager ขยายไป iPad รุ่นซีพียู A12X และ A12Z ไม่จำกัดเฉพาะ M1 ขึ้นไป iPadOS 16 ระบบปฏิบัติการบน iPad ที่ตอนนี้ยังไม่เปิดอัพเดตกับผู้ใช้งานทั่วไป ซึ่งมีฟีเจอร์เด่นนอกจากรองรับอินพุตลายมือภาษาไทยแล้ว ก็คือ Stage Manager ฟีเจอร์เพื่อสลับหน้าต่างแอปใช้งานเป็นชุด และรองรับการต่อกับจอภายนอกเต็มรูปแบบ ก่อนหน้านี้แอปเปิลระบุว่า Stage Manager จะรองรับเฉพาะ iPad รุ่นซีพียู M1 ขึ้นไป แต่ล่าสุดแอปเปิลขยายการรองรับแล้ว โดยในอัพเดตเบต้า iPadOS 16.1 สำหรับนักพัฒนาที่เพิ่งออกมา แอปเปิลระบุว่า Stage Manager จะรองรับ iPad รุ่นที่ไม่ใช่ M1 เพิ่มเติม ได้แก่ iPad Pro 11 นิ้ว รุ่นที่ 1 ขึ้นไป และ iPad Pro 12.9 นิ้ว รุ่นที่ 3 ขึ้นไป ซึ่งใช้ซีพียู A12X หรือ A12Z โดย Stage Manager บน iPad กลุ่มดังกล่าว จะทำงานได้สูงสุดพร้อมกัน 4 แอป แอปเปิลยังระบุว่าใน iPadOS 16.1 จะปิดคุณสมบัติการใช้ Stage Manager ร่วมกับการต่อจอภายนอกไปก่อน โดยฟีเจอร์นี้จะเพิ่มเข้ามาภายหลังในปีนี้ แต่จะรองรับเฉพาะ iPad รุ่น M1 ขึ้นไป ที่มา: Engadget
# Cloudflare โอเพนซอร์ส workerd เปิดทางรัน Workers ในเซิร์ฟเวอร์องค์กร Cloudflare เปิดซอร์สโครงการ workerd ที่เป็นแกนหลักของบริการ Cloudflare Workers บริการแบบ serverless ที่ Cloudflare เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 แม้ว่าโดยตัวมันเองจะใช้จาวาสคริปต์แต่ก็มี API เฉพาะของตัวเองทำให้ไม่สามารถนำโค้ดไปรันที่อื่นได้ ก่อนหน้านี้ Cloudflare เคยปล่อยโครงการ Miniflare สำหรับจำลอง API ของ Workers เพื่อนักพัฒนามาก่อนแล้วแต่ก็ไม่ตรงกันนัก โครงการ workerd จะทำให้นักพัฒนาสามารถใช้งานรันไทม์ที่มีพฤติกรรมตรงกันแทบทุกจุด (bug-for-bug) กับ Workers บนคลาวด์ของ Cloudflare ทำให้นักพัฒนาสามารถนำโค้ดไปรันบนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองได้จริงๆ แม้ว่าพฤติกรรมของรันไทม์จะตรงกัน แต่ Cloudflare ก็เตือนว่าบริการ Workers นั้นเป็นบริการคลาวด์ที่มีการปรับปรุงอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะความปลอดภัยที่ Cloudflare ป้องกันการโจมตีช่องโหว่กลุ่ม Spectre ไว้ด้วย แต่ workerd ไม่สามารถป้องกันการโจมตีด้วยการรันโค้ดมุ่งร้ายในรันไทม์เองโดยตรง และกระบวนการพัฒนา workerd ต่อจากนี้ก็จะพัฒนาเพื่อการใช้งานใน Workers เป็นหลัก ไม่ใช่การพัฒนาเพื่อชุมชนโอเพนซอร์สทั้งหมด การส่งโค้ดจากภายนอกอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของ Cloudflare หรือบั๊กต่างๆ ก็จะเน้นไปที่การใช้งานของบริษัทเองก่อน ที่มา - Cloudflare
# อินเทลประกาศลงทุนใน SiFive ผู้พัฒนาซีพียู RISC-V อินเทลประกาศลงทุนในบริษัทด้านเซมิคอนดักเตอร์ 3 บริษัท เป็นชุดแรกในการลงทุนพันล้านดอลลาร์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมชิปที่ประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยบริษัทหนึ่งในสามบริษัทคือ SiFive ผู้พัฒนาซีพียูสถาปัตยกรรม RISC-V นอกจาก SiFive แล้ว อินเทลยังลงทุนในบริษัท Astera ผู้พัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับหน่วยความจำ ทำให้เร่งความเร็วงานบางประเภทเช่นงานปัญญาประดิษฐ์ และบริษัท Movellus ผู้พัฒนาระบบกระจายสัญญาณนาฬิกาในชิป ทำให้ชิปโดยรวมมีประสิทธิภาพดีขึ้น และประหยัดพลังงานลง การลงทุนใน SiFive นับว่าแปลกกว่าบริษัทอื่นเพราะเทคโนโลยีอื่นๆ นั้นอินเทลสามารถนำมาใช้กับซีพียู x86 ได้ แต่ซีพียู RISC-V นั้นกลับเป็นคู่แข่งโดยตรงกับสถาปัตยกรรม x86 แม้ว่าตอนนี้ RISC-V จะยังได้รับความนิยมจำกัดเฉพาะในกลุ่ม IoT ก็ตาม แม้ว่ากองทุนรวมที่อินเทลประกาศไว้จะมีมูลค่าถึงพันล้านดอลลาร์ แต่อินเทลก็ไม่ระบุว่าลงทุนรอบแรกในสามบริษัทนี้มีมูลค่าเท่าใดบ้าง ที่มา - Intel
# Intel เปิดตัว Unison แอปเชื่อมต่อซิงก์ข้อมูลพีซีกับสมาร์ทโฟน อินเทลเปิดตัว Unison แอปสำหรับเชื่อมต่อพีซีเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ซึ่งพัฒนาจาก Screenovate บริษัทที่อินเทลซื้อกิจการมาเมื่อปีที่แล้ว โดยจะเริ่มต้นที่โทรศัพท์ iOS และ Android เป็นกลุ่มแรก คุณสมบัติการเชื่อมต่อที่ Unison ทำได้เบื้องต้นได้แก่ การถ่ายโอนไฟล์หากัน, การรับ-ส่งข้อความ, การโทรศัพท์ผ่านพีซี และการแสดงข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มาบนพีซี Unison จะมีให้ใช้งานในแล็ปท็อป Evo ของซีพียู 12th Gen เฉพาะแบรนด์ Acer, HP และ Lenovo ภายในปีนี้ แล้วจะขยายไปสู่ซีพียู 13th Gen ตั้งแต่ต้นปีหน้า ที่มา: Engadget
# Intel เปิดตัวชิป Core รุ่นที่ 13 รองรับแรมทั้ง DDR4/DDR5 เพิ่มแคชและจำนวนคอร์ อินเทลเปิดตัวซีพียู Intel Core รุ่นที่ 13 สำหรับกลุ่มเดสก์ทอป ชื่อรหัส Raptor Lake สามารถใช้งานกับชิปเซ็ต Intel 600 เดิมหรือใช้ชิปเซ็ตใหม่ Intel 700 ก็ได้ โดยรวมแล้วนับว่าคล้ายกับ Intel Core รุ่นที่ 12 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ยังไม่หักดิบบังคับใช้แรม DDR5 แต่อย่างใด และเทคโนโลยีการผลิตยังเป็น Intel 7 เหมือนเดิม ซีพียูยังคงแบ่งเป็น 6 รุ่น มีรุ่นมาพร้อมส่วนกราฟิกเป็นตระกูล K ใช้ Intel UHD 770 เช่นเดิม ส่วนตระกูล KF ไม่มีส่วนกราฟิกในตัว Core i9-13900K คอร์ใหญ่ 8 คอร์/16 เธร็ด คล็อคบูสต์สูงสุด 5.8GHz, คอร์เล็ก 16 คอร์/16 เธร็ด, แคช L3 36MB, แคช L2 32MB ราคา 589 ดอลลาร์ Core i7-13700K คอร์ใหญ่ 8 คอร์/16 เธร็ด คล็อคบูสต์สูงสุด 5.4GHz, คอร์เล็ก 8 คอร์/8 เธร็ด, แคช L3 30MB, แคช L2 24MB ราคา 409 ดอลลาร์ Core i5-13600K คอร์ใหญ่ 6 คอร์/12 เธร็ด คล็อคบูสต์สูงสุด 5.8GHz, คอร์เล็ก 8 คอร์/8 เธร็ด, แคช L3 24MB, แคช L2 20MB ราคา 319 ดอลลาร์ สเปคโดยคร่าวๆ ในรุ่นนี้อินเทลเพิ่มแคชมาใหญ่ขึ้นมาก และให้คอร์เล็กมากขึ้น ราคารุ่นสูงสุดยังคงเท่าเดิมแต่รุ่นเล็กปรับราคาขึ้นพอสมควร (รุ่นถูกสุดเพิ่มจาก 264 ดอลลาร์เป็น 294 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 11.4%) อินเทลระบุว่าประสิทธิภาพเธร็ดเดี่ยวเพิ่มขึ้นสูงสุด 15% ขณะที่ประสิทธิภาพรวมของซีพียูเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 41% เริ่มจำหน่ายจริงวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ที่มา - Intel
# iRobot เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่กางและเก็บแผ่นถูพื้นได้เอง ไม่ต้องเสียเวลาคนใส่เข้า-ถอดออก iRobot เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ Roomba Combo j7 ที่มีจุดเด่นคือกลไกการเปิดใช้งานแผ่นถูพื้นและพับเก็บได้เองในระหว่างการทำงานของมัน โดยไม่ต้องเสียเวลาผู้ใช้ให้ต้องคอยใส่และถอดแผ่นถูพื้นระหว่างใช้งาน แม้ว่าในปัจจุบันนี้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นหลากรุ่นจากหลายยี่ห้อ ต่างก็มีระบบถูพื้นให้ใช้งานได้ แต่ทั้งหมดนั้นต้องอาศัยผู้ใช้งานเป็นคนติดแผ่นถูพื้นให้กับมันก่อนเริ่มการถูพื้น และเป็นคนถอดแผ่นดังกล่าวออกจากหุ่นยนต์เองเมื่อต้องการดูดฝุ่นเพียงอย่างเดียว หากผู้ใช้ติดแผ่นถูพื้นไว้กับหุ่นยนต์ตลอดเวลา มันก็จะลากแผ่นถูพื้นดังกล่าวไปด้วยทุกที่ที่มันวิ่งผ่านซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องพึงประสงค์นักหากมันวิ่งผ่านพรมปูพื้น เพราะจะทำให้พรมเปียกชื้นได้ แถมบางครั้งการที่หุ่นยนต์ลากแผ่นถูพื้นไปกับตัวในตอนที่ยังดูดฝุ่นไม่เสร็จก็ทำให้คราบสกปรกถูกลากไปทั่วและทำให้แผ่นถูพื้นเองสกปรกเกินควรด้วย (ทำให้ต้องถอดมาซักบ่อยขึ้น) แต่ Roomba Combo j7 ของ iRobot มีฟังก์ชั่นที่แก้ประเด็นนี้ ด้วยกลไกแขนยึดแผ่นถูพิ้นที่สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช่งาน ในตอนที่มันทำงานในโหมดดูดฝุ่นตัวแผ่นถูพื้นจะถูกยกไปพับเก็บไว้ส่วนด้านบนของเครื่อง เมื่อมันทำงานในโหมดถูพื้นก็จะดึงเอาแผ่นถูพื้นออกมาใช้งานได้เอง หรือเมื่อมันวิ่งไปเจอพรมมันก็จะยกแผ่นถูพื้นขึ้นก่อนจะวิ่งผ่านพรมไปไม่ทำให้พรมชื้น ผู้ใช้เพียงคอยเติมน้ำและถอดแผ่นถูพื้นออกมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราวเท่านั้น iRobot เริ่มเปิดให้สั่งจอง Roomba Combo j7 ได้แล้วโดยจะทยอยส่งของในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ สำหรับราคาขายในสหรัฐอเมริกาถูกตั้งไว้ที่ 1,099 เหรียญ และในสหราชอาณาจักรตั้งราคาไว้ 999 ปอนด์ ส่วนประเทศอื่นทั่วโลกนั้นจะทยอยเปิดขายภายหลังไม่เกินสิ้นปีนี้ ที่มา - Engadget
# Cloudflare เปิดตัว Calls บริการ WebRTC สำหรับรันแอพประชุมออนไลน์ ในช่วงที่มีการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้แอพประชุมออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน และก็ยังมีแอพวิดีโอคอลล์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด ทำให้ Cloudflare เปิดตัวบริการใหม่ในชื่อ Cloudflare Calls สำหรับรันแอพลักษณะนี้โดยเฉพาะ Cloudflare Calls ใช้เทคโนโลยี WebRTC ที่กูเกิลเป็นผู้ผลักดันและเป็นโอเพนซอร์ส โดย WebRTC มีจุดเด่นคือทำงานแบบ peer to peer ไม่ต้องผ่านเซิฟเวอร์กลาง จึงมี latency ค่อนข้างต่ำ แต่ในขณะเดียวกันข้อจำกัดของ WebRTC ก็คือยิ่งจำนวนคนในวงสนทนาเยอะ แต่ละเครื่องก็ต้องมี overhead ในการรับส่งข้อมูลมากขึ้นตาม (เพราะเป็น peer to peer ต้องเชื่อมหากันหมด) และหากในวงสนทนามีคนที่อินเทอร์เน็ตช้า ก็จะทำให้คุณภาพการสนทนาโดยรวมแย่ไปด้วย วิธีแก้คือใช้ SFU (selective forwarding unit) เข้ามาเป็นตัวกลางคอยจัดการการรับส่งข้อมูลระหว่างคนในวงสนทนาแต่ละราย เมื่อมี SFU มาเป็น "ตัวกลาง" ก็แปลว่าต้องตั้งเซิฟเวอร์กลาง และก็แปลว่าต้องตั้งหลายตัวกระจายไปในแต่ละภูมิภาคของโลก เพื่อให้การสนทนาข้ามโลกลื่นไหลไม่กระตุก ซึ่งมาพร้อมภาระการจัดการที่มากขึ้น Cloudflare เลยได้ไอเดียว่าไหนๆ ตนเองก็มีเครือข่ายระดับโลกอยู่แล้ว ประชากร 90% ของโลกสามารถเข้าถึงเครือข่ายของ Cloudflare ได้ด้วย latency ไม่เกิน 10 ms จึงควรทำให้ Cloudflare เป็น peer ของ WebRTC เสียเลย (เรียกว่า super peer) เพียงเท่านี้ผู้ใช้แอพประชุมออนไลน์ก็สามารถพูดคุยได้ลื่นไหลผ่านเครือข่ายคุณภาพสูงของ Cloudflare ได้ทันที ฝั่งผู้พัฒนาแอพประชุมออนไลน์ก็ไม่ต้องลงมือดูแลอินฟราที่จะมารัน WebRTC เอง ไม่ต้องกังวลว่าจะสเกลระบบแค่ไหน หรือดูจุดคุ้มทุนว่าควรจะขยายอินฟราไปยังภูมิภาคอื่นของโลกแล้วหรือยัง เพราะสามารถปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Cloudflare แทน ผู้ใช้ทุกคนจะเชื่อมต่อไปยังเครือข่าย Cloudflare ที่ใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถดูสถิติต่างๆ ได้อย่างละเอียด สำหรับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น Cloudflare ระบุว่าลูกค้าสามารถสร้างห้องประชุมออนไลน์ขนาดยักษ์ มีผู้เข้าร่วมเกิน 10,000 คนได้โดยที่ latency ต่ำกว่า 100 ms ขณะนี้ Cloudflare Calls ยังเป็น closed beta อยู่ ยังไม่เปิดเผยค่าบริการ แต่หากสนใจสามารถลงชื่อขอร่วมทดสอบได้ ที่มา - Cloudflare ภาพทั้งหมดโดย Cloudflare
# FTX ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ของ Voyager เสนอราคาที่ 1,422 ล้านดอลลาร์ Voyager แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ยื่นล้มละลายไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ประกาศว่าหลังบริษัทจัดการประมูลขายสินทรัพย์ของธุรกิจเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก็ได้ FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ เป็นผู้เสนอราคาสูงสุดและชนะการประมูล มูลค่าที่ FTX เสนอในการซื้อสินทรัพย์คือ 1,422 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่าคริปโตของ Voyager ทั้งหมดตามราคาตลาด 1,311 ล้านดอลลาร์ และส่วนเพิ่มเติมที่ FTX จ่ายเพิ่มอีก 111 ล้านดอลลาร์ เงินจากการขายสินทรัพย์นี้จะถูกนำไปชำระหนี้ Three Arrows Capital เจ้าหนี้รายใหญ่ก่อน ที่มา: Voyager
# AIS Business เปิดตัว AIS Cloud X ชุดแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์คลาวด์ ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในที่เดียว ปัจจุบันแม้การทรานสฟอร์มองค์กรไปสู่ความเป็นดิจิทัล เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจอาจจะเป็นแนวทางที่ทุกองค์กรนำมาปรับใช้ แต่ในความเป็นจริง ทั้งในเชิงธุรกิจและเทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและคาดเดาไม่ได้ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาใช้งานจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำครั้งเดียวจบ แต่ควรที่จะต้องยืดหยุ่น เพื่อรับการเปลี่ยนแปลง คล่องตัว และเกิดประโยชน์กับองค์กรสูงที่สุด AIS Business เปิดตัว AIS Cloud X ที่เป็น Intelligent Cloud Ecosystem ในรูปแบบของชุดแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ (platform/software suite) สำหรับองค์กรในการใช้งานคลาวด์ได้หลากหลายรูปแบบอย่างไร้รอยต่อ (flexible cloud deployment) ภายในงานสัมมนา AIS Business Cloud 2022 ภายใต้แนวคิด Compute | Connect | Complete เพื่อผลักดันให้ภาคธุรกิจไทยตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและเทรนด์เทคโนโลยีอนาคตที่จะเสริมสร้างขีดความสามารถในการ แข่งขัน เพราะคลาวด์ เป็นเสาหลักสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บริการ AIS Cloud X เป็นบริการในกลุ่ม PaaS และ IaaS ของ AIS Business เสริมทัพไปกับบริการเดิมๆ อย่าง SaaS, Cloud Managed Service, Data Center หรือ Security โดยมีจุดเด่นคือผสานการทำงานกับเครือข่าย 5G และ Edge ร่วมกับ Multi-Cloud รวมถึงรองรับการการทำ DevSecOps แบบคลาวด์เนทีฟ, Container, บริการจัดการข้อมูล ทั้งจัดเก็บ ประมวลผล และวิเคราะห์ เพื่อการใช้งานด้านธุรกิจ และการเป็นพาร์ทเนอร์กับ VMWare ในการเป็นผู้ให้บริการ Sovereign Cloud รายแรกในประเทศไทย ตัวอย่างโซลูชันใหม่ที่ให้บริการบน AIS Cloud X จากพาร์ทเนอร์ต่างๆ Azure Arc ชุดซอฟต์แวร์สำหรับให้บริการคลาวด์แบบ on-premise ให้องค์กรสามารถนำบริการของ Azure มารันบนเซิร์ฟเวอร์องค์กรหรือบน AIS Cloud X ที่ตั้งอยู่ในไทยได้ ซึ่ง AIS เป็นผู้ให้บริการรายแรกและรายเดียวในไทย VMWare Secure Multi-Cloud Managed Service โซลูชันที่ผสานระบบการจัดการ (managed service) และระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน ประกอบไปด้วย VMWare SD-Wan, VM Ware Carbon Black และ VMware Cloud Health Veeam โซลูชัน backup, recovery และ migrate ข้อมูลบนคลาวด์ ซึ่ง AIS ก็มีให้บริการที่หลายอย่างในรูปแบบ as a Service เช่น Backup as a Service, Backup for Microsoft 365, Backup for Azure หรือ Backup for VMWare Tanzu AIS 5G NEXTGen Platform คือแพลตฟอร์มที่รวบรวมศูนย์การบริหารจัดการ 5G, Edge Computing ,Clouds และ Applications มาไว้ที่จุดเดียวแบบ One Stop ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง 5G โซลูชันตอบโจทย์ที่เหมาะกับความต้องการได้ง่าย และยืดหยุ่น เห็นภาพรวมของการใช้งาน และสามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองผ่านแพลตฟอร์ม เพื่อให้เหมาะกับงบประมาณ และความต้องการในแต่ละช่วงเวลา Business Log Management (B-Log) เป็นโซลูชันที่ AIS ร่วมกับ Blendata พัฒนาบริการสำหรับการบริหารจัดการ log และสามารถประมวลผลในรูปแบบ big data มีระบบช่วยในการค้นหาข้อมูลและการเก็บข้อมูลให้เป็นไปตามพรบ.คอมพิวเตอร์และพรบ.ข้อมูลส่วนบุคคล, รายงานสรุปผลในรูปแบบของกราฟ และขยายระบบบนคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว Opstella เป็นบริการแพลตฟอร์ม DevSecOps ที่ AIS ร่วมกับ Opsta พัฒนาบน VMware Tanzu สำหรับการทำแอปคลาวด์เนทีฟ เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาแอปได้ง่ายขึ้น ส่งมอบแอปได้รวดเร็ว มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และยังลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการ Intelligent Box เป็นโซลูชัน eDocument ที่ถูกพัฒนาโดย NETBay รองรับทั้งการสร้างเอกสารแบบอัตโนมัติ การแชร์เอกสาร หรือการจัดเก็บและแลกเปลี่ยนกันระหว่างแต่ละหน่วยงาน สามารถใช้งานระบบได้บนทุกอุปกรณ์ ทุกทีทุกเวลาด้วยความปลอดภัย Frontline Worker โซลูชันที่พัฒนาบน Microsoft 365 สำหรับธุรกิจที่มีพนักงานหน้าร้านอยู่ตามสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ ระบบรองรับการใช้งานบนมือถือและแท็บเล็ต สามารถสื่อสารในรูปแบบ Push-to-Talk ได้ คุณธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS ระบุว่า การที่องค์กรและภาคธุรกิจจะทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน เพื่อเปลี่ยนกระบวนการทำงานและปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะคลาวด์, ความปลอดภัยไซเบอร์หรือ IoT ด้าน AIS ก็มีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกันที่ประกาศไปเมื่อต้นปี ที่จะนำศักยภาพของ 5G มาเสริมความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐาน AIS Business เลยคิดค้นพัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มให้สอดคล้องกับทิศทางและตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง คุณธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS ปัจจุบัน AIS Business มีโซลูชันคลาวด์แบบ total solution ที่มีความหลากหลาย ในระบบประมวลผล หรือ Compute ที่ลูกค้าสามารถเลือกใช้ได้ตามโจทย์ที่แตกต่างกัน รวมถึงยังสามารถ Connect เชื่อมต่อการประมวลผลกับโครงข่าย 5G และ MEC และสุดท้าย องค์กรหรือภาคธุรกิจ จะสามารถใช้งานคลาวด์ได้อย่าง Complete ยกระดับความสามารถขององค์กรให้พร้อมต่อความท้าทายใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากสนใจเทคโนโลยี "AIS Cloud X" Intelligent Cloud Ecosystem วันนี้ AIS Business พร้อมให้บริการแล้ว และยินดีให้คำปรึกษา พร้อมเป็นผู้ช่วยในการทรานส์ฟอร์มภาคธุรกิจไปสู่องค์กรดิจิทัล ด้วยศักยภาพของ "AIS Cloud X" Intelligent Cloud Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและแพลตฟอร์มอย่างครบวงจร เพื่อร่วมสร้างเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไทย เร่งขับเคลื่อนดิจัทัลทรานส์ฟอร์เมชันในภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม ด้วยทีมงานที่ไว้ใจได้ในความสามารถอย่างมืออาชีพ สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cloud ได้ที่ https://business.ais.co.th/ สนใจปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่ E-mail : [email protected] #AISBusiness #AIS5G #AIS #5G #5GEcosystem #Edge #Cloud #Compute #Connect #Complete #AISCloudX #IntelligentCloudEcosystem #OnPremise #MultiCloud #Microsoft #VMware #Veeam #Opsta #Blendata #Frontis #Buzzebees #NETbay #Appman #Blockfint #Keyceive #AIS5GNEXTGenPlatform #DigitalTransformation #DigitalBusinessEcosystem #YourTrustedSmartDigitalPartner
# Google Cloud เพิ่มฟีเจอร์ Boost CPU เฉพาะตอนสตาร์ตเครื่อง ให้เริ่มบริการได้เร็วขึ้น Google Cloud ประกาศฟีเจอร์ใหม่ชื่อ startup CPU boost ให้กับบริการ Cloud Run และ Cloud Functions ช่วยให้บูตเครื่องได้เร็วขึ้น หลักการทำงานของ startup CPU boost คือแบ่งพลังซีพียูมาให้ตอนบูตคอนเทนเนอร์แบบ cold start ที่ต้องใช้เวลานาน เพื่อให้เครื่องพร้อมทำงานเร็วขึ้น จากสถิติของกูเกิลเองพบว่าสามารถลดระยะเวลาสตาร์ตเครื่องได้ครึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะบริการที่เป็น Java ที่ต้องใช้เวลาเริ่มนาน ฟีเจอร์นี้จะมีผลเฉพาะตอนบูตเท่านั้น โดยผู้ใช้ต้องจ่ายค่าซีพียูเพิ่มจากปกติเฉพาะตอนบูต เช่น ถ้าเลือกเครื่องแบบ 2 ซีพียู แล้วบูสต์เพิ่มเป็น 4 ซีพียูเฉพาะตอนบูต 10 วินาที ก็จ่ายค่าซีพียูที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลา 10 วินาทีนั้น ภาพจาก Wikipedia ที่มา - Google
# Walmart บุกเข้า Metaverse สร้างโลกเสมือน Roblox ให้ร่วมคอนเสิร์ต เล่นเกม ซื้อเสื้อผ้าให้อวตาร Walmart ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ บุกเข้าวงการ Roblox เพื่อทำการตลาดและสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเปิด "โลกเสมือน" ของ Walmart 2 แห่งใน Roblox Walmart Land เน้นลูกค้ากลุ่มผู้ใหญ่หน่อย นำอวตารมาซื้อสินค้าแฟชั่นในเกม ร่วมกิจกรรมดนตรี ฟังเพลง คอนเสิร์ต Universe of Play เน้นกิจกรรมเกมและของเล่นในโลกเสมือน เล่นเกมร่วมกับตัวละครดังๆ จาก Jurassic World หรือ Paw Patrol รวมถึงเก็บสะสมของเล่นเสมือนไว้ให้อวตารของเรา Walmart บอกว่า Roblox เป็นชุมชนที่เติบโตเร็ว มีผู้ใช้งานต่อวันมากเกิน 52 ล้านคนแล้ว จึงเข้ามาร่วมใน Roblox เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ที่มา - Walmart
# อินเดียกำหนดให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรองรับระบบ NavIC ระบบดาวเทียมระบุพิกัดของอินเดียเอง อินเดียได้ออกข้อกำหนดให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพาอื่นที่จะทำตลาดในอินเดียให้รองรับระบบนำทางด้วยดาวเทียมของอินเดียที่ชื่อ NavIC (Navigation with Indian Constellation) (หรือก็คือระบบ GPS ที่เป็นของอินเดียเอง) เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2023 เป็นต้นไป มาตรการผลักดันการใช้งานระบบ NavIC ล่าสุดที่กำหนดให้ผู้ผลิตชิปและผู้ผลิตอุปกรณ์พกพาสำหรับขายในอินเดียให้ผนวกชิปรองรับการใช้งานกับดาวเทียม NavIC นั้นย่อมเพิ่มโจทย์ในการทำงานให้บริษัทไอที ทั้งเรื่องต้นทุนชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะต้องทำงานแข่งกับเวลาให้ทันเดือนมกราคมปีหน้า รายงานข่าวระบุว่าในการประชุมแบบปิดในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ตัวแทนของ Apple, Xiaomi และ Samsung ซึ่งเข้าร่วมการประชุมต่างก็แสดงความเห็นคัดค้านกฎใหม่นี้ ด้วยเหตุผลด้านต้นทุนและการแจ้งข้อกำหนดที่กระชั้นชิดมีเวลาทำงานที่น้อยเกินไป ที่สำคัญเรื่องนี้กระทบแผนงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และแผนการตลาดของหลายบริษัท ทั้งนี้ตัวแทน Samsung ระบุว่าในตอนนี้บริษัทวางแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าไปถึงปี 2024 แล้ว กลุ่มผู้ผลิตสมาร์โฟนต้องการให้ทางการอินเดียยืดระยะเวลาบังคับใช้กฎใหม่นี้ไปเป็นปี 2025 เพื่อให้มีเวลาพัฒนาฮาร์ดแวร์รวมทั้งทำการทดสอบให้พร้อมใช้งานจริง ซึ่งทำให้การหารือเรื่องนี้ระหว่างกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์กับรัฐบาลอินเดียยังไม่ได้ข้อสรุปที่ลงตัวในขณะนี้และจะมีการนัดประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง NavIC เป็นระบบระบุพิกัดโดยดาวเทียม 7 ดวงของ ISRO (Indian Space Research Organisation) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยด้านอวกาศของรัฐบาลอินเดีย ระบบนี้จะเน้นบริเวณประเทศอินเดียและพื้นที่โดยรอบภายในระยะห่างประมาณ 1,500 กิโลเมตรจากเส้นพรมแดน พื้นที่ปฏิบัติการรวมส่วนต่อขยายครอบคลุมตั้งแต่เส้นละติจูด 30 องศาใต้ไปจนถึง 50 องศาเหนือ และเส้นลองจิจูด 30 องศาตะวันออกไปจนถึง 130 องศาตะวันออก พื้นที่การใช้งานระบบดาวเทียม NavIC เป้าหมายการใช้งานของ NavIC นั้นจะใช้เพื่อระบบนำทางทั้งภาคพื้นดิน, ทางเรือ และทางอากาศ รวมทั้งใช้ประโยชน์เพื่อการบริหารจัดการรับมือภัยพิบัติ, การติดตามตรวจสอบระบบจราจร รวมทั้งเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุเวลา ซึ่งโครงการนี้ใช้เงินลงทุนไปราว 174 ล้านเหรียญ เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2006 และเพิ่งเปิดใช้งานไปเมื่อปี 2018 แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการบังคับผู้ผลิตอุปกรณ์ว่าจะต้องรองรับระบบ NavIC นี้ ในปัจจุบันนี้ระบบระบุพิกัดด้วยดาวเทียมที่ผู้คนรู้จักกันมากที่สุดคงไม่พ้น GPS ของสหรัฐอเมริกาซึ่งมีพื้นที่ใช้งานครอบคลุมทั่วโลก แต่ก็ยังมีดาวเทียมเพื่อการระบุพิกัดสำหรับใช้ประโยชน์เพื่อการนำทางอื่นๆ ทั้ง Galileo ของสหภาพยุโรป, GLONASS ของรัสเซีย รวมถึง Beidou ของจีน ซึ่งล้วนแล้วแต่ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานทั่วโลกเหมือน GPS ในขณะที่ญี่ปุ่นก็ใช้ระบบดาวเทียมของตนเองที่ชื่อ QZSS เพียงทว่ามันครอบคลุมพื้นที่ใช้งานเน้นเฉพาะบริเวณประเทศตนเองคล้าย NavIC ที่มา - Reuters - 1, 2
# ผลรีวิว Ryzen 7000 ออกมาดี 7950X กลับมาทวงแชมป์ซีพียูเดสก์ท็อป แสดงพลังแกน Zen 4 สื่อฮาร์ดแวร์ต่างประเทศหลายรายเริ่มเผยแพร่ผลรีวิวซีพียู AMD Ryzen 7000 ตัวใหม่ล่าสุด ที่ใช้แกน Zen 4 โดยซีพียูชุดแรกที่ได้รีวิวกันคือ ตัวท็อปสุด Ryzen 9 7950X (16 คอร์ 32 เธร็ด) กับ Ryzen 5 7600X (6 คอร์ 12 เธร็ด) ตัวล่างสุดของชุดแรกที่เปิดตัว ผลรีวิวของ Ryzen 9 7950X ออกมาดีตามคาด โดยมีคะแนนเบนช์มาร์คนำหน้าคู่แข่งระดับเดียวกันคือ Core i9-12900K ในแทบทุกการทดสอบ กลายเป็นแชมป์ใหม่ของซีพียูเดสก์ท็อปได้ไม่ยากเย็น (ต้องรอ Core i9-13900K ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้มาเทียบ) จุดที่น่าสนใจคือ ซีพียูระดับกลางอย่าง Ryzen 5 7600X ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ในหลายการทดสอบถึงขนาดชนะ Core i9-12900K ได้ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะงานสายเกมมิ่ง ที่ได้ประสิทธิภาพ-เฟรมเรตดีในระดับไล่ๆ กับ 7950X เลย ถือเป็นการแสดงพลังของสถาปัตยกรรม Zen 4 ว่าก้าวหน้าขึ้นจาก Zen 2/3 มาก ยิ่งเมื่อเทียบกับราคา 299 ดอลลาร์ (7950X ราคา 699 ดอลลาร์) แล้วยิ่งคุ้มค่า ที่มา - AnandTech, Notebookcheck
# NASA ยืนยันการทดสอบยาน DART พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยสำเร็จตามเป้าหมาย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา NASA ได้ถ่ายทอดสดสัญญาณภาพจากการทดสอบโครงการ DART ซึ่งเป็นการทดสอบเทคโนโลยีปกป้องโลกด้วยการส่งยานอวกาศไปชนดาวเคราะห์น้อย โดยภาพจากยาน DART เองที่ถ่ายทอดสดมายังโลกแสดงให้เห็นการเคลื่อนที่เข้าพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยตรงตามเป้าหมาย ยาน DART ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อ 10 เดือนก่อน หลังการเดินทางอันยาวนานเป็นระยะทางร่วม 11 ล้านกิโลเมตร ในการเดินทางช่วงสุดท้ายระบบนำทางได้พายานที่มีมวล 570 กิโลกรัม มุ่งหน้าหาดาวเคราะห์น้อย Dimorphos อันเป็นเป้าหมายการชน โดยมีกล้อง DRACO ที่ติดตั้งบนยานทำหน้าที่คอยบันทึกภาพช่วงเวลาสุดท้ายก่อนการชน ภาพจากล้อง DRACO บนยาน DART ช่วงไม่กี่วินาทีก่อนการชน ภาพจากกล้อง DRACO ซึ่งบันทึกภาพนิ่งด้านหน้าตัวยานทุกๆ 1 วินาที เผยให้เห็นการเคลื่อนที่ของยานตรงเข้าหาใจกลางดาวเคราะห์น้อย Dimorphos ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 160 เมตร ด้วยความเร็ว 22,530 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเวลา 6.14 น. เช้าวันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) และวันนี้ Google ก็ได้ร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จในการชนดาวเคราะห์น้อยของโครงการ DART นี้กับเขาด้วยเล็กๆ น้อยๆ หากค้นหาข้อมูลด้วยคำค้นหาว่า "NASA DART" ก็จะเจอยาน DART ลอยมาชนหน้าจอ ช่วงระยะเวลาหลังจากนี้จะเป็นการเก็บข้อมูลหลังการชน เพื่อตรวจสอบว่าวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยมีการเปลี่ยนแปลงจริงหรือไม่ NASA ตั้งเป้าว่าการชนของยาน DART ในครั้งนี้ควรจะทำให้แนวโคจรของดาวเคราะห์น้อยเปลี่ยนแปลงไปราว 1% ซึ่งจะทำให้คาบการโคจรของมันใช้เวลาน้อยลงประมาณ 10 นาที นอกจากนี้จะมีการใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศอีกหลายตัวช่วยกันเก็บข้อมูลหลังการชน เพื่อวิเคราะห์รายละเอียดของดาวเคราะห์น้อยเพิ่มเติม และนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงโมเดลการคำนวณเชิงจลนศาสตร์ รวมทั้งเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยบกับตัวดาวเคราะห์น้อยเองด้วย ทางด้าน ESA จะติดตามศึกษาข้อมูลของดาวเคราะห์น้อยไปอีกอย่างน้อย 4 ปี โดยเน้นหนักไปที่ร่องรอยการชน และการคำนวณหาค่ามวลของดาวเคราะห์น้อยให้แม่นยำยิ่งขึ้น ที่มา - NASA
# คุยกับมร.ชาง ฟู จาก Tencent Cloud เมื่อธุรกิจไทยยังใช้ศักยภาพของคลาวด์ได้เพียงเศษเสี้ยว ช่วงเหตุการณ์แพร่ระบาดโรค COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี 2020 เป็นต้นมา นับเป็นจุดเปลี่ยนที่เกือบทุกอุตสาหกรรมต้องปรับตัว ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมการให้บริการอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การให้บริการรูปแบบออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติของแทบทุกอุตสาหกรรม บริการใหม่ๆ จำนวนมากก็สร้างบนพื้นฐานของบริการคลาวด์เป็นมาตรฐาน แต่ทุกวันนี้การใช้งานคลาวด์ของไทยในมุมมองของ มร.ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ที่มีศูนย์ข้อมูลในไทยถึงสองแห่ง เป็นอย่างไร และอุตสาหกรรมไทยมีโอกาสใช้ศักยภาพของคลาวด์เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ วันนี้ Blognone ก็ได้มาพูดคุยกับ มร.ชาง ฟู อีกครั้ง หลังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 การใช้งานคลาวด์ในอุตสาหกรรมไทยเป็นอย่างไร แน่นอนว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เกิดการ disrupt ครั้งใหญ่ คิดว่าทุกคนทราบในข้อนี้ เกือบทุกๆธุรกิจต้องพยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อเดินหน้าต่อไป เราเห็นผลสำรวจหลายที่ อย่างของ Deloitte Thailand ในปีที่แล้ว ระบุว่าบริษัทในไทย 56% มีการ adopt ใช้ดิจิทัล หรือเรียกว่าเป็น Digital adopter นับว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเทียบจากก่อนหน้า COVID-19 มีเพียง 12% ของบริษัทที่สำรวจอยู่ในกลุ่มนี้เท่านั้น นอกจากนี้ การใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการใช้คลาวด์เพิ่มขึ้นถึง 19%, เทคโนโลยี IoT เพิ่ม 16%, และการใช้แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือเพิ่ม 15% อย่างไรก็ตามถึงแม้ในแต่ละอุตสาหกรรมจะมีการใช้คลาวด์กันมากขึ้น แต่โดยภาพรวมแล้วยังเป็นการใช้คลาวด์ที่ยังไม่เต็มศักยภาพมากนัก เพราะหลายๆองค์กรยังมองว่าคลาวด์เป็นเพียง Storage ที่มีไว้สำหรับจัดเก็บข้อมูล หรือแม้จะนำมาประมวลผล ก็ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับศักยภาพของมัน ควรเลือกใช้บริการคลาวด์ประเภทใด เพื่อสามารถใช้งานคลาวด์ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ให้ความสำคัญกับบริการในกลุ่ม SaaS และ PaaS เป็นพิเศษ เพราะธุรกิจสามารถนำไปใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งหรือพัฒนาเพิ่มเติมนานเกินไป โซลูชันหลักๆ ของเราในตอนนี้ เช่น แปลงภาพเป็นข้อความ (Optical Character Recognition - OCR) ที่รองรับภาษาไทย และภาษาอื่นๆ อีกกว่า 18 ภาษา บริการ TCC (Tencent Cloud Conference) และ โซลูชันด้านภาพและเสียง ทำให้ธุรกิจสามารถจัดประชุมออนไลน์ หรือสร้างอีเวนต์ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว บริการอีกตัวหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน คือ บริการแพลตฟอร์ม Blockchain ที่สามารถตรวจสอบได้โดยละเอียดและมีความปลอดภัยสูง โดยเทนเซ็นต์ คลาวด์ มี Tencent Blockchain as a Service หรือ TBaaS ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจของกลุ่ม FSI ในหลากหลายด้าน เช่น การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) การทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Banking) การตั้งธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบ (Digital Bank) ไปจนถึงการตั้ง Private Cloud การทำ Big data analytic และ Chatbot เป็นต้น ช่วยยกตัวอย่างการใช้งานคลาวด์ในแต่ละอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ในฐานะ ‘Digital Enabler’ เทนเซ็นต์ คลาวด์ มุ่งมั่นที่จะส่งมอบโซลูชันคลาวด์ ที่จะช่วยสร้างความคล่องตัวให้กับองค์กรธุรกิจทั่วโลก และประสบความสำเร็จในการทำ Digital Transformation เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยในประเทศไทย เทนเซ็นต์ คลาวด์ ก็ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานในหลากหลายอุตสาหกรรมนำไปปรับใช้ อาทิ การสาธารณสุข เราได้รับความไว้วางใจจากพาร์ทเนอร์ในการเป็นผู้ให้บริการคลาวด์โซลูชัน ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Phuket Organizations COVID Care (POCC) ในจังหวัดภูเก็ต โดย POCC นี้ คือ แพลตฟอร์มกลางที่จังหวัดภูเก็ตใช้เป็นมาตรการเชิงรุกในการรับมือและดูแลรักษาเข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว โดยการเชื่อมต่อกับการบริการด้านสาธารณสุขในหลายด้านที่เกี่ยวเนื่องกับการควบคุมการแพร่ระบาด เช่น แบบประเมินความเสี่ยงตนเอง การขอรับชุดตรวจ ATK จากรัฐ ขอรับบริการสำหรับผู้ที่ต้องแยกกักตัวที่บ้าน การอัปเดตข้อมูล ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์โรค COVID-19 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เป็นแพลตฟอร์มการให้บริการครบวงจร ทั้งการประเมินความเสี่ยงของประชาชน, ขอรับชุดตรวจ ATK จากรัฐ, ขอรับบริการสำหรับผู้ที่ต้องแยกกักตัวที่บ้าน บริการนี้เปิดทางให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่จะเห็นสภาพเหตุการณ์ในภาพรวมว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอย่างไร ระดับความร้ายแรงของอาการมากน้อยเพียงใด แพลตฟอร์มนี้พัฒนาโดย บริษัท ทิพพรัฐ บิสสิเนส กรุ๊ป จำกัด และทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และในอนาคตแม้ COVID-19 จะลดความรุนแรงลงไป แพลตฟอร์มนี้ก็จะถูกนำไปต่อยอดการใช้งานให้สามารถปรับเพื่อใช้งานบริการสาธารณสุขอื่นๆ ตามแผนงานด้านสุขภาพและสาธารณสุขของจังหวัดภูเก็ตได้ Startup Ookbee ใช้โซลูชันด้านภาพ และเสียงของเทนเซ็นต์ คลาวด์ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน และตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของการสื่อสารแบบโต้ตอบกัน ระหว่างแบรนด์และผู้ใช้งาน โดยโซลูชัน TRTC และ GME ของเทนเซ็นต์ คลาวด์ยังช่วยให้ผู้ใช้งาน Ookbee สนุกกับการสร้างช่องทางการสื่อสาร และคอนเทนต์บนแอปพลิเคชันของ Ookbee ได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการลูกค้าของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง ที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับลูกค้า ทั้งในแง่ของการสนับสนุนทางเทคนิคทั่วไป ตลอดจนการรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิด ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย จุดเด่นของ Tencent Cloud ที่สำคัญต่อลูกค้าในประเทศไทยคืออะไร ถ้าเป็นระดับโลก ผมมองว่า Tencent Cloud มีจุดเด่นทั้งในแง่ของการเป็นผู้ให้บริการระดับโลกที่มีความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม 70 พื้นที่ใน 26 ภูมิภาคทั่วโลก ตลอดจน มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากการบริหารแพลตฟอร์มขนาดใหญ่จากบริษัทแม่ฯ ส่วนในประเทศไทยเราต้องการเป็น Digital Enabler และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้องค์กรไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำได้ง่ายขึ้น ผ่านนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่หลากหลายรวมกว่า 300 รายการ รวมถึงการมีดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยถึง 2 แห่ง ทำให้ สามารถให้บริการผู้ใช้งานในไทยได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย นอกจากนั้น การมีทีมสนับสนุนในประเทศ ซึ่งเป็นทีมงานที่เข้าใจในความต้องการ ตลอดจนมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการและคําปรึกษาแก่ลูกค้าคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพก็นับเป็นจุดแข็งสำคัญ เราสร้างทีมงานที่สามารถให้บริการซัพพอร์ตปัญหาต่างๆ ได้เต็มที่ ซึ่งการมีทีมงานสนับสนุนในพื้นที่ที่เทนเซ็นต์ คลาวด์ให้บริการ ช่วยให้เราตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยให้สามารถปรับแต่งโซลูชันต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการในการใช้งานของลูกค้าได้อย่างตรงจุด แนวทางการบริหารงานของมร. ชาง เป็นอย่างไร ผมยึดมั่นในหลักความโปร่งใส และการทำงานเป็นทีม ‘ทำงานด้วยกัน ชนะด้วยกัน’ คือคติการทำงานของผม ปรัชญาการทำงานดังกล่าว ไม่เพียงแต่ถูกนำมาใช้กับทีมในเทนเซ็นต์ คลาวด์เท่านั้น แต่ผมยังได้ใช้ปรัชญาการทำงานนี้กับการให้บริการลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจของเทนเซ็นต์ คลาวด์ โดยยึดหลักการทำงานร่วมกันเพื่อปลดปล่อยศักยภาพของคลาวด์ และเอาชนะการแข่งขันในยุค Digital Transformation ไปพร้อมกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้ที่นี่
# WhatsApp เพิ่มฟีเจอร์ Call Link สร้างลิงก์ตรงเข้าห้องสนทนา - รองรับสูงสุด 32 คน WhatsApp ประกาศเพิ่ม 2 ฟีเจอร์ใหม่ โดยฟีเจอร์แรกคือ Call Link ผู้ใช้งานสามารถสร้างลิงก์ตรง ให้เข้าร่วมห้องสนทนาได้ทันที ฟีเจอร์นี้ผู้ใช้งานต้องอัพเดตแอปให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อน และมีเข้าร่วมได้สูงสุด 32 คน Call Link รองรับทั้งห้องสนทนาแบบคุยเสียงและแบบวิดีโอ นอกจากนี้ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ยังบอกว่า WhatsApp ได้เริ่มทดสอบคุณสมบัติการคุยวิดีโอแบบเข้ารหัส รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 32 คน เช่นกัน จากปัจจุบันการคุยวิดีโอจำกัดสูงสุดที่ 8 คน การเพิ่มฟีเจอร์สร้างลิงก์ตรง และเพิ่มผู้เข้าร่วมสูงสุด 32 คน ทำให้ WhatsApp เป็นตัวเลือกอีกแบบในการสร้างห้องคุย ที่พอจะแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ซึ่งโดดเด่นด้านนี้เช่น Google Meet, Microsoft Teams หรือ Zoom ที่มา: The Verge
# Netflix ประกาศตั้งสตูดิโอพัฒนาเกมของตนเอง จากเดิมใช้วิธีซื้อกิจการ Netflix ประกาศตั้งสตูดิโอเพื่อพัฒนาเกมของตนเอง จากก่อนหน้านี้ Netflix ใช้วิธีซื้อกิจการสตูดิโอรายอื่นเข้ามาทั้ง Night School, Next Games, Boss Fight สตูดิโอพัฒนาเกมนี้จะมีสำนักงานอยู่ในเมือง Helsinki ประเทศฟินแลนด์ เมืองเดียวกับสตูดิโอ Next Games โดย Netflix บอกว่าเป้าหมายคือพัฒนาเกมมาตรฐานโลก ที่ไม่มีโฆษณาหรือระบบซื้อของ In-App ให้กับสมาชิก Netflix ได้เล่น Marko Lastikka ซึ่งเคยทำงานที่ Zynga และ EA จะเป็นหัวหน้าสตูดิโอแห่งนี้ ทั้งนี้ Netflix คาดว่าจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะมีเกมแรกออกมา เนื่องจากสตูดิโอใช้วิธีเริ่มต้นจากศูนย์ ที่มา: Netflix และ Engadget
# E3 ประกาศจัดงานอีกครั้งในปี 2023 ด้วยรูปแบบ In-Person เหมือนเดิม The Entertainment Software Association หรือ ESA ประกาศจัดงานนิทรรศการเกม E3 2023 อีกครั้ง กำหนดงานวันที่ 13-16 มิถุนายน 2023 สถานที่จัดงานคือ Los Angeles Convention Center โดยเป็นงานรูปแบบให้คนมาเข้าชมหรือ In-Person ควบคู่ไปกับการนำเสนองานแบบออนไลน์ ช่วงที่ผ่านมา E3 ต้องเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ทำให้ต้องยกเลิกงาน 3 ปี ติดต่อกัน และใน 3 ปีที่ผ่านมา ค่ายเกมรายใหญ่ต่างเลือกจัดงานเปิดตัวเกมได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ จึงเป็นคำถามว่างานนี้ยังจำเป็นแค่ไหน ที่มา: IGN
# Cloudflare เริ่มทดสอบออก eSIM ต่อตรงโทรศัพท์เข้าเครือข่ายองค์กร ใช้กับ IoT ได้ด้วย Cloudflare เปิดบริการ Cloudflare SIM บริการเน็ตเวิร์คสำหรับโทรศัพท์มือถือให้สามารถเชื่อมต่อเข้าองค์กรโดยไม่ต้องลงแอปใดๆ เพิ่มเติม แต่อาศัยการออก eSIM ให้พนักงาน เมื่อพนักงานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้วองค์กรจะดูแลความปลอดภัยผ่านทาง DNS ได้ทันที หรือจะตรวจสอบสถานะอุปกรณ์เพิ่มเติมผ่านแอป WARP ก็ได้เช่นกัน องค์กรจะรู้ได้ทันทีว่าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ามาเป็นของผู้ใช้คนใด ตอนนี้ Cloudflare ยังไม่ประกาศว่า eSIM ที่ออกมานี้ใช้ในประเทศใดได้บ้างแต่บอกเพียงว่าจะพยายามขยายเครือข่ายไปทั่วโลก และอาจจะมีการออก SIM ปกติในอนาคต ตัว eSIM สามารถล็อกเข้ากับหมายเลข IMEI ของโทรศัพท์ได้ การประกาศ Cloudflare SIM มาพร้อมๆ กับการเปิดตัวแพลตฟอร์ม IoT เพื่อการจัดการอุปกรณ์จำนวนมาก ไม่ว่าจะเชื่อมต่อกับ Cloudflare ผ่าน eSIM หรือช่องทางอื่นๆ โดยยังไม่แน่ชัดว่ารูปแบบบริการจะเป็นแบบใด แต่ก่อนหน้านี้ Cloudflare ก็ทดสอบบริการ Pub/Sub มาก่อนแล้ว ทั้งสองบริการยังอยู่ในช่วงทดสอบวงปิด ที่มา - Cloudflare SIM, Cloudflare IoT Platform
# HBO เผยโฉมทีเซอร์แรกของซีรีย์ The Last of Us ฉายปี 2023 HBO เผยโฉมแรก (teaser) ของซีรีย์ The Last of Us ที่สร้างจากเกมชื่อเดียวกันของสตูดิโอ Naughty Dog ถ้าอ้างอิงจากภาพ official แรกที่เคยปล่อยมา ที่ตัว Joel (Pedro Pascal) และ Ellie (Bella Ransey) แต่งตัวเหมือนในเกมเด๊ะๆ ทีเซอร์นี้ก็เผยให้เราเห็นความซื่อตรงต่อตัวเกมเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่นาฬิกาของ Joel, เสียง Clicker, เซ็ตติ้งฉากต่างๆ อย่างตึกสูง 2 ตึกที่เป็นแบ็คกราวด์ของเมือง Pittsburgh ในเกมภาคแรก หรือฉากม้าหมุนจาก DLC Left Behind ก็เก็บมาหมด The Last of Us ได้ Craig Mazin (คนเขียนบท Chernobyl) และ Neil Druckmann ผู้เขียนบทและผู้กำกับเกม 2 ภาค มาเขียนบทให้ ฉายปี 2023 บน HBO Max และ HBO Go ในบ้านเรา ที่มา - YouTube HBO Max
# Lawson จะทำระบบคล้าย VTuber ให้พนักงานที่อยู่นอกร้านต่อสัญญาณมาให้บริการลูกค้าได้ จากปัญหาการขาดแคลนแรงงานในญี่ปุ่น ทำให้ภาคธุรกิจต้องคิดหาทางแก้ปัญหารวมถึงร้านสะดวกซื้อ Lawson เองก็เช่นกัน พวกเขาต้องการพนักงานประจำร้านถึงขนาดจ้างชาวต่างชาติมาทำงานแต่ก็ยังไม่อาจแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนดีพอ พวกเขาจึงคิดหาทางออกโดยการใช้เทคโนโลยีจอแสดงภาพ avatar รูปพนักงาน Lawson มาให้บริการลูกค้าในร้านแทนคนจริงๆ จอแสดงภาพดังกล่าวจะโชว์ภาพ avatar พนักงาน Lawson ซึ่งจะมีคนจริงๆ คอยควบคุมมันอีกทีหนึ่ง หรือจะว่าไปก็คล้ายกับการแสดงภาพ VTuber นั่นเอง โดยพนักงานที่ควบคุม avatar นี้จะช่วยทำหน้าที่ตอบคำถามลูกค้าในร้าน รวมทั้งให้คำแนะนำต่างๆ แก่ลูกค้า เช่น การใช้งานระบบคิดเงินสินค้าด้วยตนเอง ระบบที่ Lawson จะนำมาใช้นี้สามารถทำให้พวกเขาจ้างคนทำงานที่ไม่สะดวกมาทำงานด้วยตนเองที่ร้าน Lawson นอกจากนี้คนที่ทำหน้าที่ควบคุม avatar ยังสามารถทำงานดูแลลูกค้าในร้าน Lawson หลายสาขาได้ในเวลาเดียวกันโดยอาศัยการควบคุมทางไกลซึ่งอาจนั่งทำงานที่บ้านก็ได้ ซึ่งเท่ากับว่าช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนพนักงานของ Lawson ได้อีกทางหนึ่งเนื่องจากใช้คนทำงานน้อยลงในภาพรวม ระบบพนักงาน avatar นี้จะถูกนำมาทดสอบใช้งานในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ และหากใช้งานได้ดี Lawson ก็ตั้งใจจะขยายขอบเขตการใช้งานกับร้านสะดวกซื้อมากกว่า 200 สาขาทั่วญี่ปุ่น ที่มา - SoraNews24
# ตำรวจญี่ปุ่นปรับปรุงระบบรับแจ้งเหตุด่วน ให้ประชาชนถ่ายทอดสดเพื่อแจ้งเหตุได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นปรับปรุงระบบรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายสายด่วน 110 (เหมือนกับสายด่วน 191 ของประเทศไทย) โดยเพิ่มระบบรับข้อมูลภาพจากการถ่ายทอดสดโดยประชาชนผู้แจ้งเหตุ รวมทั้งรองรับการอัพโหลดไฟล์ภาพและวีดีโอจากประชาชนผู้แจ้งเหตุได้ด้วย เดิมทีการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายนั้นจะเป็นการติดต่อทางโทรศัพท์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพึ่งการบอกเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ต่างๆ จากคำพูดของประชาชนผู้โทรเข้าไปเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการปรับปรุงระบบรับแจ้งเหตุ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ต้องการให้ประชาชนผู้แจ้งเหตุด่วนให้ช่วยถ่ายทอดภาพสดๆ จากสถานที่เกิดเหตุ ทางตำรวจจะส่งลิงก์ไปทาง SMS สู่สมาร์ทโฟนของผู้แจ้งเหตุให้เชื่อมต่อสัญญาณและส่งภาพจากกล้องสมาร์ทโฟนไปให้ตำรวจดูได้ทันที โดยในระหว่างนั้นการพูดคุยทางโทรศัพท์ก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ประชาชนผู้แจ้งเหตุยังสามารถอัพโหลดภาพหรือวิดีโอที่บันทึกไว้ไปให้ทางตำรวจได้ผ่านลิงก์ดังกล่าวได้ด้วย ระบบรับแจ้งเหตุด่วน 110 ของญี่ปุ่นที่ปรับปรุงใหม่ให้ประชาชนถ่ายทอดสดจากสถานที่เกิดเหตุให้ตำรวจดูได้นี้จะเริ่มใช้งานจริงในวันที่ 1 ตุลาคม ที่มา - SoraNews24
# พบชื่อเกม Silent Hill: The Short Message ภาคใหม่ ยื่นขอจดเรตติ้งในเกาหลีใต้ กระแสเรียกร้องของแฟนๆ ให้นำเกมสยองขวัญ Silent Hill กลับมาออกภาคใหม่อีกครั้งยังมีอยู่เสมอมา นับตั้งแต่ Konami ยกเลิกเกม Silent Hills (มี s) ของ Hideo Kojima ไปเมื่อปี 2015 ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอีกครั้ง เมื่อมีคนตาดีไปเจอการจดทะเบียนเรตติ้งเกมชื่อ Silent Hill: The Short Message กับหน่วยงานเรตติ้งเกมของเกาหลีใต้ Game Rating and Administration Committee of Korea ผู้ยื่นขอจดทะเบียนเรตติ้งคือบริษัท UNIANA ซึ่งเคยเป็นผู้จัดจำหน่ายเกมของ Konami หลายเกมในเกาหลีใต้ เช่น eFootball 2023 มาก่อน ยิ่งทำให้ความเป็นไปได้ของเกม Silent Hill ภาคใหม่สูงขึ้นมาก ตอนนี้ Konami ในฐานะเจ้าของแฟรนไชส์ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ในเรื่องนี้ ภาพจากเกมเวอร์ชัน Kojima ที่มา - Gematsu
# TikTok เตรียมแบนไม่ให้นักการเมืองโฆษณาและหารายได้ผ่านแอป TikTok เตรียมแบนไม่ให้นักการเมืองและพรรคการเมืองให้หรือรับเงินโดยใช้ฟีเจอร์สร้างรายได้บน TikTok ซึ่งรวมถึงการห้ามระดมทุนบนแอป เช่น การหารายได้จากขายสินค้า และห้ามจ่ายเงินเพื่อโฆษณาเนื้อหาของตนเอง หมายความว่านักการเมืองและพรรคการเมืองจะไม่สามารถเข้าถึงกองทุนสำหรับผู้ผลิตเนื้อหา (Creator Fund) ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือการให้ทิป การให้ของขวัญ และฟีเจอร์โฆษณาได้ คาดว่าการแบนจะมีผลในทุกประเทศทั่วโลกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า การแบนไม่ให้นักการเมืองให้หรือรับเงินบนแอปเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของ TikTok เพื่อป้องกันผู้ใช้จากโฆษณาทางการเมืองและการให้ข้อมูลเท็จ และทำให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ได้ โดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งนโยบายนี้เกิดมาจากที่สหรัฐฯ จะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ที่มา: Straits Times และ The Guardian
# Apple เริ่มผลิต iPhone 14 ในอินเดียแล้ว หลังเปิดตัวได้ไม่ถึง 3 สัปดาห์ หลังจากเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา Apple ได้เริ่มผลิต iPhone 14 ในอินเดียแล้วหลังผ่านมาไม่ถึง 3 สัปดาห์ จากก่อนหน้านี้ที่มีรายงานว่า Apple วางแผนว่าจะเลื่อนมาผลิตในอินเดีย 2 เดือนหลังเปิดตัว ปกติ Apple มักจะเริ่มผลิตในอินเดียภายหลังจากการเปิดตัวไปราว 6-9 เดือน แต่ Apple ได้ร่วมมือกับบริษัทซัพพลายเออร์เพื่อเร่งการผลิตในอินเดียและลดความล่าช้าจากการผลิตในจีน Foxconn ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของ Apple ก็กำลังศึกษาวิธีการขนส่งชิ้นส่วนจากจีนเพื่อมาผลิตยังอินเดียโดยต้องคำนึงถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานการเก็บความลับสินค้าของ Apple ร่วมด้วย ที่มา: Bloomberg
# รัฐบาลรัสเซียหันมาใช้ Telegram เป็นเครื่องมือปล่อยโฆษณาชวนเชื่อ หลังจากรัฐบาลรัสเซียไม่สามารถแบนแอปแชท Telagram ได้ ล่าสุดรัฐบาลได้สร้างบัญชีบน Telegram ขึ้นเพื่อใช้เป็นพื้นที่โฆษณาชวนเชื่อไปแล้ว Telegram กลายเป็นพื้นที่ปะทะระหว่างฝ่ายรัฐบาล, ผู้สนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายผู้ต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย ภายหลังจากที่รัสเซียทำสงครามกับยูเครน โดยเฉพาะภายหลังจากที่วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียประกาศระดมพลบางส่วนอีกครั้งเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา บัญชี Telegram หนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาล (สื่อนอกมองว่าเป็นบัญชีที่รัฐบาลสนับสนุน) ได้เผยแผนการของประธานาธิบดีรัสเซียในการเดินหน้าทำสงครามกับยูเครนภายหลังจากที่มีการประกาศระดมพล หลังจากนั้นบัญชีทางการของกระทรวงกลาโหมได้เผยข้อความจากกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลเพื่อสร้างความชอบธรรมว่ามีผู้สนับสนุนการทำสงครามของปูติน นอกจากนี้ยังมีอีกบัญชีหนึ่งที่เผยแพร่ภาพของพลเมืองที่อาสาเข้าเกณฑ์ทหารในการทำสงครามเพื่อโฆษณาว่าการทำสงครามเป็นเรื่องที่ถูกต้องและรัสเซียมีโอกาสชนะสงคราม อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลรัสเซียจะมีความพยายามในการควบคุมการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและใช้ Telegram ในการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กลุ่มต่อต้านก็ใช้ Telegram เป็นพื้นที่พูดคุยเรื่องวิธีการหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร แชร์แผนการต่อสู้กับรัฐบาล หรือแม้แต่วิธีการหนีออกนอกประเทศ หลังจากการประกาศระดมพล กลุ่ม Rospartizan ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลที่มีสมาชิกกว่า 28,000 ราย ได้แสดงความเห็นว่ารัฐบาลจะพาประชาชนไปตายโดยไร้ประโยชน์ ภายในกลุ่มมีการแชร์ภาพและคลิปวิดีโอการต่อต้านรัฐบาลที่เกิดขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทั้งการเผาและการทุบกระจกสถานที่ราชการ บางกลุ่มเผยแพร่ความเคลื่อนไหวและคำสั่งของรัฐบาลเรื่องการระดมพลเพื่อเตือนกันให้สามารถหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารได้ บางกลุ่มใช้ Telegram ในการพูดคุยเรื่องการหาวิธีออกนอกประเทศผ่านชายแดนหลังรัฐบาลห้ามไม่ให้มีการขายตั๋วเครื่องบินออกนอกประเทศให้กับชายอายุ 18-65 ปี เช่น กลุ่มผู้ต้องการหนีออกจากรัสเซียไปจอร์เจียที่มีสมาชิกถึง 100,000 ราย ได้ร่วมกันแชร์วิธีการหนีออกนอกประเทศรวมทั้งการรับมือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามชายแดน ที่มา: MIT Technology Review
# Sony ประกาศขาย PlayStation 5 บันเดิล FIFA 23 ราคา 20,790 บาท Sony ไทยประกาศวางจำหน่ายบันเดิล PlayStation 5 EA Sports FIFA 23 ราคา 20,790 บาท เริ่มวางจำหน่าย 30 กันยานนี้ โดยภายในกล่อง นอกจากตัวเครื่อง PlayStation 5 เวอร์ชั่นแผ่น พร้อม DualSense 5 แล้ว คอนเทนต์ที่บันเดิลมาด้วยก็มี EA SPORTS FIFA 23 PS5 Untradeable TOTW 1 Player Kylian Mbappé Loan Item FUT Ambassador Loan Player Pick Career Mode Homegrown Talent Tradable Rare Gold Players Pack x1 Untradable Icon Items for 5 FUT matches x3 อย่างไรก็ตาม บันเดิลนี้ยังไม่วางขายหน้าร้าน และน่าจะเป็นการเปิดจองกับทาง Sony ไทยและตัวแทนจำหน่าย ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# [ลือ] พี่รับมาไม่แพง ต้นทุนจีพียู Radeon RX 7000 จะถูกกว่าฝั่ง GeForce RTX 40 ทำราคาได้ดีกว่า ประเด็นเรื่องการ์ดจอ GeForce RTX ซีรีส์ 40 ราคาแพงขึ้นจากเดิม ยังมีการถกเถียงกันอยู่เรื่อยๆ โดย Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ให้เหตุผลว่าต้นทุนของแผ่นเวเฟอร์นั้นแพงขึ้นกว่าเดิม ช่องยูทูบสายฮาร์ดแวร์ Moore's Law is Dead ให้ข้อมูลที่ยังไม่ยืนยันว่า จีพียูคู่แข่ง AMD RDNA 3 ที่จะเปิดตัว 3 พฤศจิกายน จะได้เปรียบกว่าในเรื่องราคา เพราะต้นทุนค่าผลิตถูกกว่า เหตุผลเป็นเพราะ NVIDIA ออกแบบจีพียูตระกูล Ada Lovelace มาตั้งแต่ยุคล็อคดาวน์และเหมืองยังไม่แตก ที่จีพียูมีซัพพลายน้อย ราคาแพงเท่าไรก็มีคนยอมซื้อ ทำให้ทีมออกแบบของ NVIDIA ไม่ได้สนใจเรื่องราคามากนัก และใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างระบบระบายความร้อนแบบใหม่เข้ามา ฝั่ง AMD นั้นไม่ได้ทำอะไรพิเศษจากเดิม จีพียูรหัส Navi 31 (ซึ่งน่าจะเป็น Radeon RX 7900 XT) มีต้นทุนแพงขึ้นกว่า Navi 21 ในปัจจุบันจริง แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักเมื่อเทียบกับฝั่ง NVIDIA ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เราจะได้เห็นผู้ผลิตการ์ดจอสามารถตั้งราคา Radeon ได้ถูกกว่า แถมทำกำไรได้ดีกว่าฝั่ง NVIDIA ที่รับมาแพงอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ AMD ต่อกรในสงครามจีพียูเจนนี้ได้ดีขึ้นนั่นเอง ที่มา - Notebookcheck
# การทดลองพบว่าอุปกรณ์ VR ช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องรับการผ่าตัดใช้ยาระงับประสาทน้อยลง ทีมนักวิจัยจาก Boston ทำการทดลองและสรุปว่าการให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดใช้อุปกรณ์ VR ไปด้วยสามารถช่วยลดความเจ็บปวด ทำให้ใช้ยาระงับประสาทน้อยลงได้ แถมผู้ป่วยยังต้องการเวลาพักฟื้นน้อยกว่าเดิมด้วย ทีมวิจัยทำการทดลองโดยแบ่งผู้ป่วย 34 ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดมือออกเป็น 2 กลุ่มจำนวนเท่ากัน โดยกลุ่มหนึ่งจะได้รับอุปกรณ์ VR ให้สวมใส่ใช้งานในขณะรับการผ่าตัด ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะแสดงภาพและเสียงที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งอาจเป็นวิวทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าเขียวขจี, วิวบนยอดเขาสูง, ป่าไม้ร่มรื่น หรือภาพวิดีโอที่มีพื้นหลังเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนพร้อมหมู่ดาว ส่วนผู้ป่วยอีกกลุ่มก็เข้ารับการผ่าตัดตามปกติ แล้วทำการเปรียบเทียบปริมาณยาระงับประสาทที่ต้องใช้และระยะเวลาพักฟื้นก่อนออกจากห้องผ่าตัด จากการเก็บข้อมูลพบว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ใช้อุปกรณ์ VR ร้องขอยาระงับประสาท propofol ในปริมาณเฉลี่ย 125.3 มิลลิกรัมต่อชั่วโมง น้อยกว่าผู้ป่วยอีกกลุ่มอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ป่วยที่ไม่ใช้อุปกรณ์ VR นั้นต้องการยาระงับประสาทโดยเฉลี่ย 750.6 มิลลิกรัมต่อชั่วโมง นอกจากนี้เวลาพักฟื้นจากยาระงับประสาทหลังรับการผ่าตัดของผู้ป่วยที่ใช้อุปกรณ์ VR ก็ใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 63 นาที เร็วกว่าผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดตามปกติที่ต้องใช้เวลาเฉลี่ย 75 นาที ทีมวิจัยสรุปผลการทดลองโดยเชื่อว่าการใช้อุปกรณ์ VR ช่วยดึงความสนใจของผู้ป่วยออกไปจากการผ่าตัด ทำให้ความต้องการยาระงับประสาทของผู้ป่วยกลุ่มนั้นลดลง อย่างไรก็ตามพวกเขาเชื่อว่าเรื่องนี้ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยศึกษาเพิ่มเติมก่อนจะสรุปได้ว่าอุปกรณ์ VR สามารถใช้ได้ผลจริงกับการผ่าตัด ที่มา - MIT Technology Review ภาพ: Pfree2014, License CC BY-SA 4.0
# YouTuber ทดลองความถึก Apple Watch Ultra ด้วยค้อน สรุปโต๊ะพังก่อนนาฬิกา ช่อง TechRax ใน YouTube ที่มักทดสอบความทนทานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้ทดสอบความทนทานหน้าจอและตัวเครื่องของ Apple Watch Ultra ที่เพิ่งวางขายในสหรัฐไป โดยการทำ Drop Test ที่ความสูงราว 4 ฟุต (ราว 1.2 เมตร) การใส่ลงไปในโหลที่มีตะปูและเขย่า และการเอาค้อนทุบ หลังจากทำ Drop Test พบว่า Apple Watch Ultra ยังสามารถใช้งานได้ปกติ มีเพียงรอยบุบเล็กน้อยบริเวณขอบที่ทำจากไททาเนียม ส่วนการใส่ลงไปในโหลที่มีตะปูและเขย่า พบว่า Apple Watch Ultra ไม่มีรอยขีดข่วนหรือรอยบุบใด ๆ และยังสามารถใช้งานเครื่องได้ตามปกติ จุดสำคัญอยู่ที่การทดลองเอาค้อนทุบเพื่อทดสอบความทนทานของหน้าจอผลึกแซฟไฟร์ เมื่อทุบไป 11 ครั้งติดต่อกัน หน้าจอยังไม่เกิดรอยแตกใด ๆ เลยและยังใช้งานได้ปกติ ขณะที่โต๊ะวางอุปกรณ์เกิดความเสียหายไปแล้วตั้งแต่การทุบครั้งที่ 9 ก่อนที่ Apple Watch Ultra จะใช้งานไม่ได้หลังจากทุบครั้งที่ 12 คาดว่าเป็นเพราะอุปกรณ์ภายในที่มีความทนทานน้อยกว่าเสียหายไปก่อน Youtuber ผู้ทดลองนำค้อนทุบไปเรื่อย ๆ จนหน้าจอแตกในที่สุด ที่มา: MacRumors
# Xiaomi จดสิทธิบัตรระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หลังวางแผนผลิตภายในปี 2024 Xiaomi Auto Technology บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Xiaomi ได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตรจากสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของจีน (CNIPA) สำหรับระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi ยื่นจดทะเบียนว่าเป็น “อุปกรณ์ วิธีการ เครื่องมือชาร์จ ยานพาหนะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และตัวเก็บข้อมูล” (charging device, method, apparatus, vehicle, electronic device and storage medium) ระบบชาร์จของ Xiaomi อาจติดตั้งในบ้านหรือสำนักงานได้ ระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแสดงให้เห็นความคืบหน้าในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Xiaomi ที่เคยประกาศไว้ว่าบริษัทจะผลิตให้ได้ภายในปี 2024 ทั้งนี้ การยื่นจดทะเบียนระบบชาร์จไฟของตัวเองอาจทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของ Xiaomi ไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์ชาร์จจากผู้ผลิตเจ้าอื่น ๆ ได้ ที่มา: NotebookCheck ภาพจาก CNIPA via MySmartPrice
# Xiaomi ยืนยัน สมาร์ทโฟน Ultra รุ่นใหม่จะขายทั่วโลก หลังรุ่นล่าสุดขายแค่ในจีน Lei Jun ซีอีโอของ Xiaomi ยืนยันว่าบริษัทวางแผนว่าจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมรุ่นใหม่ซึ่งคาดว่าเป็นรุ่น Xiaomi 13 Ultra และจะวางขายทั่วโลก หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวรุ่น 12S Ultra ไม่เมื่อเดือนที่แล้วแต่วางขายเฉพาะในประเทศจีน บริษัทได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น Mi 11 Ultra ไปเมื่อปีที่แล้วและวางขายทั่วโลก ส่วนสาเหตุที่ 12S Ultra วางขายเฉพาะในจีนมาจากสัญญาความร่วมมือกับบริษัทกล้องถ่ายรูป Laicaที่เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมพัฒนากล้องสมาร์ทโฟนของ Xiaomi ที่มา: NotebookCheck ภาพ Xiaomi 12S Ultra
# SiFive เผย กูเกิลนำซีพียู RISC-V ไปใช้คู่กับ TPU เพื่อเร่งความเร็ว AI/ML ในศูนย์ข้อมูล SiFive บริษัทผู้ผลิตซีพียู RISC-V ชื่อดัง เปิดเผยว่าซีพียูของตัวเองรุ่น SiFive Intelligence X280 ถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลของกูเกิล เพื่อช่วยเร่งการประมวลผล AI/ML แล้ว สิ่งที่กูเกิลทำคือนำ X280 ไปรันคู่กับหน่วยประมวลผล Tensor Processing Unit (TPU) ของตัวเอง เพื่อแบ่งเบาภาระงานบางอย่างออกจากหน่วยประมวลผลหลัก ซีพียู SiFive X280 มีส่วนขยายชุดคำสั่งแบบเวกเตอร์ และรองรับการรวมรีจิสเตอร์เวกเตอร์เข้าด้วยกัน (รีจิสเตอร์ 512-bit x 32 ตัว) เพื่อให้ได้เวกเตอร์ยาวขึ้น (สูงสุดเป็น 4096 บิต) รวมถึงมีชุดคำสั่งคัสตอมสำหรับงาน AI/ML โดยเฉพาะด้วย จึงช่วยให้งานประมวลผล AI/ML มีประสิทธิภาพดีขึ้น SiFive บอกว่า X280 อาจไม่ไปไกลถึงขั้นหน่วยประมวลผลที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเร่งความเร็ว AI/ML (accelerator) ซึ่งมีข้อเสียคือโฟกัสที่งานระดับสูงเป็นหลัก และต้องเขียนซอฟต์แวร์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดให้ซัพพอร์ตด้วย แต่จุดเด่นของ X280 คือการเป็นหน่วยประมวลผลร่วม เพื่อช่วยแบ่งโหลดงานบางอย่างออกมาจาก accelerator หลัก เช่น งานทั่วๆ ไปอย่างการประมวลผลสเกลาร์-เวกเตอร์ หรือการรันคำสั่งในเคอร์เนล ที่ไม่จำเป็นต้องทำใน accelerator หลัก สิ่งที่ SiFive พัฒนาร่วมกับกูเกิลคือสร้าง Vector Coprocessor Interface eXtension (VCIX) ลงในซีพียูโดยตรง เพื่อให้ชิปสองตัวคุยกันได้ผ่านอินเทอร์เฟซนี้ และ TPU สามารถส่งงานมายัง X280 โดยที่มี latency ต่ำ ประสิทธิภาพสูง ที่มา - SiFive, The Register
# Interpol ออกหมายแดง ขอตำรวจทั่วโลกคุมตัว Do Kwon อัยการโซลแถลงว่า Interpol ออกหมายแดงแจ้งขอความร่วมมือตำรวจทั่วโลกคุมตัว Do Kwon หลังจากออกหมายจับในเกาหลีใต้ไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัว Do Kwon อยู่ในสิงคโปร์ คาดว่า Do Kwon ตอนนี้อยู่ในสิงคโปร์โดยถือใบอนุญาตทำงานในสิงคโปร์แต่ใบอนุญาตก็จะหมดอายุในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ การออกหมายแดงน่าจะทำให้เขาเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ได้ยากขึ้นมาก ที่มา - Strait Times ภาพ Do Kwon ผู้ก่อตั้งเครือข่าย Terra จาก @terra_money
# GNOME 43 ออกแล้ว เพิ่มเมนู Quick Settings ตามแบบ OS สมัยใหม่ GNOME ออกเวอร์ชัน 43 โค้ดเนม Guadalajara ตามชื่อเมืองในเม็กซิโก ของใหม่ที่สำคัญในเวอร์ชันนี้คือ Quick Settings ตามอย่างระบบปฏิบัติการสมัยใหม่ คลิกที่มุมขวาบนของจอเพื่อเปิดเมนู Quick Settings มาตั้งค่าต่างๆ เช่น Wi-Fi, ระดับเสียง, ความสว่างของจอ, จับภาพหน้าจอ, VPN โดยไม่ต้องเข้าแอพ Settings ให้เสียเวลา แอพจัดการไฟล์ Files (Nautilus เดิม) ปรับเอนจินมาใช้ GTK 4 ที่ออกเมื่อปี 2020, ปรับหน้าตาเล็กน้อย, สามารถปรับขนาดหน้าต่าง แล้วอินเทอร์เฟซเปลี่ยนไปให้เหมาะสมกับขนาดหน้าต่างอัตโนมัติ เช่น หน้าต่างเล็กลงแล้วไม่มี sidebar แต่ขยายแล้ว sidebar จะกลับคืนมา แอพอื่นอีกหลายตัว เช่น Maps, Console, Logs ก็ปรับมาใช้ GTK 4 ด้วย แอพ Settings เพิ่มหมวด Device Security แสดงข้อมูลฮาร์ดแวร์ คอนฟิก เฟิร์มแวร์ โดยตรวจสอบและแจ้งเตือนปัญหาฮาร์ดแวร์ได้ เบราว์เซอร์ Web เพิ่มเมนู Install Site as Web Application สำหรับติดตั้งเว็บเป็นแอพในระบบ ที่มา - GNOME, OMG Ubuntu
# รวมข่าวลือล่าสุด Apple: iPhone 15 ดีไซน์ใหม่, อาจไม่มีอีเวนต์เปิดตัวสินค้าอีกในปีนี้ Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสินค้าใหม่แอปเปิล ผ่านจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On โดยคราวนี้ข้ามไปพูดถึง iPhone 15, ฟีเจอร์ใหม่ในอนาคต และอื่น ๆ เริ่มที่ iPhone 15 เขาเชื่อว่าจะได้เห็นดีไซน์ใหม่เป็นอย่างน้อย เนื่องจากแอปเปิลมีรอบอัพเกรดใหญ่ทุก 3 ปี นับตั้งแต่ iPhone 6 ซึ่งตอนนี้ดีไซน์ที่เป็นอยู่ ใช้มาตั้งแต่ iPhone 12, iPhone 13 และ iPhone 14 ส่วนข้อมูลอื่น คาดว่าจะใช้พอร์ต USB-C ตามที่ลือมานาน รวมถึงจะมีชื่อรุ่นคำใหม่คือ Ultra เพื่อแทนที่ Pro Max ข้อมูลถัดมาคือฟีเจอร์ของ iOS 16 ที่ประกาศในงาน WWDC แต่อาจจะไกลคนไทยตอนนี้คือ Apple Pay Later บริการซื้อสินค้าก่อนจ่ายทีหลัง แล้วแบ่งชำระเป็นงวด ที่แอปเปิลบอกว่าจะเริ่มในอเมริกาก่อน แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ประกาศว่าจะใช้งานได้เมื่อใด คาดว่าเป็นประเด็นเกี่ยวกับหน่วยงานกำกับดูแล จึงมองว่าเร็วที่สุดคือต้นปีหน้า สุดท้ายคืองานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้าใหม่ ซึ่งแอปเปิลอาจเลือกจัดในเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน แต่ Gurman มองว่าไลน์สินค้าที่ยังเหลือให้เปิดตัวคือ Mac mini, MacBook Pro และ iPad Pro ทั้งหมดเป็นการอัพเกรดซีพียู M2 ไม่มีดีไซน์ใหม่ แอปเปิลก็อาจไม่จำเป็นต้องจัดอีเวนต์เปิดตัว ใช้วิธีออกจดหมายข่าวก็พอ ที่มา: Bloomberg
# NVIDIA โชว์ GET3D ปัญญาประดิษฐ์ที่เสกโมเดล 3 มิติละลานตาหลากรูปแบบได้ในอึดใจ NVIDIA เผยแพร่ปัญญาประดิษฐ์ GET3D (Generate Explicit Textured 3D meshes) ที่สามารถสร้างโมเดล 3 มิติสำหรับใช้งานในเกมหรืองานกราฟิกต่างๆ ได้เป็นจำนวนมากภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยโมเดลที่ได้มีความหลากหลายของรูปทรงและพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นโมเดลคน, สัตว์, สิ่งของ และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ NVIDIA ใช้วิธีเทรน GET3D ด้วยภาพ 2 มิติที่ได้จากการจับภาพโมเดล 3 มิติในหลากหลายมุมมอง ทีมงาน NVIDIA ใช้เวลา 2 วันในการเทรนมันด้วยภาพจำนวน 1 ล้านภาพ โดยใช้ A100 Tensor Core GET3D สามารถสร้างโมเดล 3 มิติได้ 20 ชิ้นต่อวินาทีด้วยการประมวลผลของ GPU เพียงตัวเดียว หากป้อนคำสั่งให้มันสร้างโมเดลรูปสัตว์ มันสามารถสร้างโมเดลสัตว์นานาชนิด เช่น สุนัขจิ้งจอก, แรด, ม้า และหมี ออกมาได้ในคราวเดียวกัน หรือหากให้มันสร้างโมเดลเก้าอี้ มันก็จะทำให้ทั้งเก้าอี้หมุน, เก้าอี้ทานข้าว หรือกระทั่งเก้าอี้เอกเขนก ซึ่งโมเดลเหล่านี้แน่นอนว่ามีความแตกต่างกันทั้งรายละเอียดของรูปทรงและลวดลายสีสันบนพื้นผิวโมเดล ตัวอย่างแสดงให้เห็นความหลากหลายของรูปทรงและพื้นผิวบนโมเดลที่ GET3D สร้างขึ้นแบ่งตามหมวดหมู่ นอกจากนี้ GET3D ยังสามารถทำงานร่วมกับ DIBR++ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่เรียนรู้และปรับแต่งการให้แสงบนโมเดลเพื่อความสมจริง ก็จะทำให้ได้โมเดลที่มีการสะท้อนแสงแสงต่างๆ อิงตามสภาพแวดล้อมรอบโมเดลได้สมจริงยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นหากต้องการป้อนคำสั่งเพิ่มเติมให้ GET3D ทำโมเดลที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น ก็สามารถประยุกต์ใช้งานมันร่วมกับ StyleGAN-NADA ปัญญาประดิษฐ์ที่ทำหน้าที่ปรับแต่งภาพโดยอิงคำสั่งข้อความจากผู้ใช้ ก็จะสามารถทำให้ GET3D รับคำสั่งและสร้างโมเดลที่มีลักษณะเฉพาะตามข้อความบรรยายได้เช่นกัน เช่นการระบุให้มันสร้างโมเดล "รถยนต์" ก็อาจเพิ่มคำสั่งให้มันสร้าง "รถยนต์ขึ้นสนิม" หรือ "รถแท็กซี่" ได้ หรือการสร้างโมเดล "บ้าน" ก็อาจเพิ่มคำสั่งให้สร้างโมเดล "บ้านก่ออิฐ" หรือ "บ้านไฟไหม้" ก็จะได้ผลลัพธ์ที่มีลักษณะเฉพาะตามต้องการ NVIDIA ระบุว่าโมเดลที่ได้จาก GET3D นั้นเป็นโมเดลที่สามารถนำออกไปใช้งานในเอนจิ้นเกม, ซอฟต์แวร์พัฒนางาน 3 มิติอื่น หรือซอฟต์แวร์สำหรับงานผลิตภาพยนตร์ สะดวกต่อการปรับแต่งนำไปใช้งานต่อได้ทันที ใครที่สนใจอยากอ่านเอกสารเกี่ยวกับงานวิจัย GET3D นี้เพิ่มเติม หรืออยากเห็นว่า GET3D ทำงานกับ DIBR++ ได้เป็นโมเดลที่ให้แสงสมจริงยิ่งขึ้นได้ดีแค่ไหน หรือดูตัวอย่างว่า GET3D กับ StyleGAN-NADA ทำให้ปรับแต่งลักษณะของโมเดลได้สะดวกอย่างไร ทั้งหมดนี้สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ ที่มา - NVIDIA ผ่าน Engadget
# Twitter ขยายวงเพิ่มผู้ใช้เข้าในโปรแกรม Birdwatch ระบบที่คนช่วยกันตรวจสอบข่าวปลอม Twitter เปิดตัวโปรแกรม Birdwatch มาตั้งแต่ปีก่อน โปรแกรมนี้คือการให้สิทธิ์กลุ่มผู้ใช้ของ Twitter จำนวนหนึ่งในการช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของข่าวต่างๆ เพื่อคัดกรองว่าเป็นทวีตข่าวเหล่านั้นมีเนื้อหาบิดเบือนความจริงหรือไม่ กลุ่มผู้ใช้ Twitter ที่เข้าร่วมโปรแกรมในฐานะ contributor ซึ่งหมายถึงการเป็นผู้ช่วยตรวจสอบเนื้อหาของทวีตข่าวต่างๆ จะมีสิทธิ์ทำเครื่องหมายให้กับทวีตข่าวที่ตนเองมองว่ามีเนื้อหาบิดเบือนและพิมพ์ข้อความกำกับทวีตนั้นไว้ได้ ซึ่งแรกเริ่มมีผู้ใช้แค่ราว 1,000 คนเท่านั้นที่มองเห็นการทำเครื่องหมายและข้อความกำกับข่าวเหล่านี้ แต่ล่าสุด Twitter ได้ขยายขอบเขตกลุ่มผู้ใช้เข้ามาในโปรแกรมนี้เพิ่มมากขึ้น จนตอนนี้ผู้ใช้งานราวครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาจะมองเห็นระบบนี้ใน Twitter ชองตนเองแล้ว หากผู้ใช้เห็นทวีตที่มีเครื่องหมาย Birdwatch ก็สามารถกดเพื่อดูข้อความกำกับที่ contributor พิมพ์เอาไว้ได้ นอกจากนี้ Twitter ได้เพิ่มจำนวน contributor ในระบบเป็น 15,000 คน พร้อมทั้งเพิ่มระบบการคิดคะแนนประจำตัว contributor แต่ละคนด้วย (โดยคะแนนที่ได้จะมาจากการมีส่วนร่วมประเมินข้อความของ contributor คนอื่นว่ามีประโยชน์หรือไม่) หาก contributor คนใดทำคะแนนได้ถึง 5 คะแนนก็จะสามารถทำเครื่องหมายและพิมพ์ข้อความกำกับทวีตข่าวที่ตนเองตรวจสอบได้ แต่หาก contributor รายนั้นถูกคนอื่นประเมินว่าพิมพ์ข้อความกำกับทวีต "ไม่มีประโยชน์" จนคะแนนลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ก็จะถูกถอนสิทธิ์การพิมพ์เนื้อหากำกับข่าวออกไป ระบบการเก็บคะแนนของ contributor กลไกการให้คะแนนซึ่งกันและกันของกลุ่ม contributor นี้ดูเหมือนจะเป็นความพยายามป้องกันมิให้กลุ่ม contributor เหล่านี้กลายเป็นผู้เผยแพร่เนื้อหาที่บิดเบือนสาระของข่าวเสียเอง ตอนนี้ผู้ใช้ในประเทศไทยยังไม่สามารถสมัครเข้าร่วมเป็น contributor แต่ผู้ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของโปรแกรมนี้ได้จากบัญชี @birdwatch ที่มา - Engadget
# นักวิจัยสร้างชิ้นงานสแตนเลสด้วยการพิมพ์ 3 มิติได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก ทีมนักวิจัยนำโดย NIST (National Institute of Standards and Technology) ได้ตีพิมพ์เผยแพร่งานวิจัยการผลิตชิ้นงานเหล็กกล้าไร้สนิมด้วยการพิมพ์ 3 มิติสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก เหล็กกล้าไร้สนิมหรือที่บ้านเราเรียกกันแบบติดปากว่า "สแตนเลส" ซึ่งเป็นคำที่ทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ "stainless steel" เป็นวัสดุโลหะผสมที่พัฒนาต่อยอดมาจากเหล็กกล้าอันหมายถึงเหล็กที่ส่วนผสมของคาร์บอนราว 0.2-2.1% ด้วยการเติมโครเมียมเพิ่มเข้าไปในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 10% โดยมวล และอาจเติมโลหะประเภทอื่นเพิ่มเติม ทำให้เหล็กกล้ามีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดียิ่งขึ้น โดยปกติแล้วการผลิตชิ้นงานด้วยเหล็กกล้าไร้สนิมต้องใช้กรรมวิธีการหล่อและตัด, เจาะ, กลึง เฉกเช่นชิ้นงานโลหะทั่วไป แต่เมื่อทีมวิจัยสามารถพิมพ์ชิ้นงานได้ นั่นทำให้การผลิตชิ้นงานด้วย "รูปทรงที่ไม่อาจหล่อได้" สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคต (สำหรับใครที่สงสัยว่า "มีด้วยหรือ? รูปทรงชิ้นงานที่ไม่อาจผลิตได้หากปราศจากเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ?" สามารถดูตัวอย่างที่ชัดเจนได้จากอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนที่มีพื้นผิวสำหรับการถ่ายเทความร้อนเป็นช่องสลับซับซ้อนได้จากตัวอย่างเหล่านี้) ทีมวิจัยได้วางแผนพิมพ์ชิ้นงานโลหะผสม 17-4 PH (หรือที่หลายคนเรียกว่าสแตนเลส 630) ซึ่งเป็นวัสดุเกรดสำหรับใช้งานกับอากาศยาน, เรือบรรทุกสินค้า, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตลอดจนชิ้นส่วนเพื่อเครื่องจักรและอุปกรณ์อื่นที่มีความสำคัญ โดยเริ่มจากการศึกษาเนื้อวัสดุโลหะผสม 17-4 PH ด้วยเทคนิค XRD (ย่อมาจาก X-ray diffraction) ซึ่งทำโดยการใช้ลำแสงเลเซอร์ให้ความร้อนแก่เนื้อวัสดุจนหลอมละลายแล้วยิงรังสี X ไปยังวัสดุที่หลอมละลายนั้นแล้วสังเกตดูการกระเจิงของรังสี X อันจะทำให้ทราบถึงขนาดของและรูปแบบของผลึกโลหะในเนื้อวัสดุที่รับการทดสอบ หลังจากนั้นทีมวิจัยก็ปรับแต่งการพิมพ์โดยควบคุมอุณหภูมิการพิมพ์โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ชิ้นงานที่ได้มีลักษณะโครงสร้างผลึกโลหะตรงตามความต้องการ และมีสัดส่วนของเหล็ก, นิคเกิล, ทองแดง, ไนโอเบียม และโครเมียมตรงตามที่ควรจะเป็น จากนั้นจึงนำชิ้นส่วนที่พิมพ์ขึ้นไปตรวจสอบด้วยเทคนิค XRD เปรียบเทียบกับข้อมูลอ้างอิงในตอนแรกและปรับแต่งค่าต่างๆ ของเครื่องพิมพ์จนได้เนื้อวัสดุที่มีคุณสมบัติเทียบเคียงกับชิ้นงานโลหะผสม 17-4 PH ที่ขึ้นรูปด้วยวิธีการตามปกติ ซ้าย: ภาพอธิบายเทคนิคการตรวจสอบเนื้อวัสดุแบบ XRD, กลาง: ผลการวิเคราะห์ด้วยเทคนิค XRD, ขวา: ภาพแสดงโครงสร้างผลึกโลหะในเนื้อชิ้นงานที่พิมพ์ขึ้น นอกจากทีมนักวิจัยของ NIST แล้วงานนี้ยังมีทีมจาก University of Wisconsin-Madison และ Argonne National Laboratory ร่วมพัฒนาค้นคว้าด้วย โดยสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของงานวิจัยได้ที่นี่ ที่มา - NIST ผ่าน Interesting Engineering
# ผู้พากย์เสียง Darth Vader เกษียณอายุ เสียงในซีรีส์ Obi-Wan Kenobi สังเคราะห์ด้วย AI นัดแสดงชาวอเมริกัน James Earl Jones เป็นเจ้าของเสียงพากย์ Darth Vader อันเป็นเอกลักษณ์ มาตั้งแต่ภาพยนตร์ภาคแรกในปี 1977 และยังให้เสียง Darth Vader ต่อเรื่อยมาในภาพยนตร์ยุคหลังๆ เช่น Rogue One ที่ฉายในปี 2016 และ The Rise of Skywalker ในปี 2019 แต่ Jones ปัจจุบันมีอายุ 91 ปีแล้ว เสียงเขาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ในซีรีส์ Obi-Wan Kenobi ที่ฉายในปี 2022 นี้จึงไม่ใช่เสียงที่แท้จริงของเขาอีกต่อไป แต่เป็นเสียงที่ใช้ AI สร้างขึ้นมาจากคลังเสียงเดิม โดยที่ Jones เซ็นยินยอมให้ใช้งาน (แต่เครดิตท้ายเรื่องยังเป็นชื่อของ Jones ในฐานะเจ้าของเสียง) เสียงพากย์ AI ของ Darth Vader เป็นผลงานของ Respeecher สตาร์ตอัพจากยูเครน ซึ่งเคยร่วมงานกับ Star Wars มาก่อนแล้วจากการสร้างเสียงของ Luke Skywalker ในวัยหนุ่ม ในซีรีส์ Book of Boba Fett หลังการมาให้เสียงสั้นๆ The Rise of Skywalker ปี 2019 ตัวของ Jones บอกกับ Matthew Wood ผู้กำกับเสียงของ Star Wars ว่ายุคสมัยของเขาจบลงแล้ว Wood จึงนำเสนอ Respeecher ให้ใช้งาน โดยบอกว่าเป็นโปรแกรมสังเคราะห์เสียงที่ดีที่สุด ให้ความรู้สึกเป็นมนุษย์มากที่สุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น Bogdan Belyae ผู้ก่อตั้ง Respeecher อยู่ที่เมือง Lviv ในขณะที่รัสเซียเริ่มบุกยูเครน ในขณะที่ผู้ร่วมงานคนอื่นๆ อยู่ในเมือง Kyiv และทุกคนต้องเร่งทำงานในบังเกอร์หลบภัย เพื่อส่งเสียงสังเคราะห์ของ Darth Vader กลับไปยังทีม Skywalker Sound ในแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่ทีมในยูเครนจะถูกตัดขาดจากอินเทอร์เน็ต เดโมการทำงานของ Respeecher เลียนแบบเสียงของ Barack Obama ที่มา - Vanity Fair via Gizmodo
# AMD เริ่มลดราคา Radeon RX 6000 เตรียมรับจีพียูรุ่นใหม่ RDNA 3 AMD ประกาศลดราคาจีพียู Radeon RX ซีรีส์ 6000 ที่เป็นสถาปัตยกรรม RDNA 2 เพื่อเตรียมรับการเปิดตัว Radeon RX 7000 สถาปัตยกรรม RDNA 3 วันที่ 3 พฤศจิกายน ราคาที่ปรับลดลงแตกต่างกันในแต่ละรุ่น โดยรุ่นบนสุด Radeon RX 6950 XT เดิม 1099 ดอลลาร์ ลดเหลือ 949 ดอลลาร์ (ลด 150 ดอลลาร์) ส่วนรุ่นล่างสุด Radeon RX 6400 เดิม 159 ดอลลาร์ ลดเหลือ 149 ดอลลาร์ (ลดแค่ 10 ดอลลาร์) ทั้งหมดนี้เป็นราคา MSRP ที่ AMD แนะนำ ราคาขายจริงๆ ขึ้นกับผู้ผลิตแต่ละรายอีกทีด้วย ในประกาศของ AMD เทียบจีพียู Radeon RX 6000 กับคู่แข่งฝั่ง GeForce RTX ซีรีส์ 30 ว่ามีประสิทธิภาพต่อวัตต์ (Performance-Per-Watt) ดีกว่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และการปรับลดราคาลงมายิ่งทำให้ประสิทธิภาพต่อราคาดีขึ้นอีก (พร้อมโม้ว่า RDNA 3 ประสิทธิภาพต่อวัตต์จะดีขึ้นกว่าเดิมอีก 50%) ที่มา - AMD, Wccftech, Notebookcheck
# Google เพิ่มฟีเจอร์ในแอปให้ส่งคำร้องขอลบข้อมูลที่อยู่, เบอร์โทร และอีเมลตนเองง่ายขึ้น เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Google ได้ระบุเรื่องการรับคำร้องจากผู้ใช้เพื่อขอลบข้อมูล PII (personal identifiable information) ซึ่งหมายถึงข้อมูลเกี่ยวกับตัวบุคคลที่แม้จะไม่ใช่เลขประจำตัวหรือชื่อของบุคคลโดยตรง แต่เป็นข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ประกอบกันเพื่อระบุตัวตนบุคคลได้อยู่ดี โดย Google ขยายขอบเขตรับเรื่องการขอลบข้อมูลที่อยู่,เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล ออกจากหน้าแสดงผลการค้นหา มาถึงตอนนี้ Google ก็ได้ปล่อยฟีเจอร์สำหรับแอป Google บน Android ให้ผู้ใช้สามารถแจ้งเรื่องขอลบข้อมูลดังกล่าวได้ง่ายขึ้น เมื่อผํู้ใช้เปิดแอป Google และกดตรงภาพ avatar ของตนเองบริเวณมุมขวาบนจะปรากฎเมนูชื่อ "Results about you" ขึ้นมา จากเมนูดังกล่าวผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่ามีผลการค้นหาใดบ้างที่มีข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกขอให้ Google ลบลิงก์ที่มีข้อมูลส่วนตัวของตนเองออกจากหน้าผลการค้นหาได้ พร้อมระบุว่าลิงก์นั้นมีข้อมูล PII ประเภทใด (ที่อยู่, เบอร์โทร หรืออีเมล) การลบข้อมูลนี้ไม่ได้ทำให้เว็บไซต์ที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวหายไปจากอินเทอร์เน็ต หากแต่เพียงจะทำให้มันไม่ถูกแสดงขึ้นมาเวลาที่มีคนค้นหาข้อมูลด้วย Google เท่านั้น อย่างไรก็ตามกระบวนการลบลิงก์ใดๆ ออกจากหน้าแสดงผลการค้นหายังต้องใช้การพิจารณาโดยทีมงานของ Google ดังนั้นผู้ใช้จะต้องรอผลการอนุมัติเป็นระยะเวลาหนึ่งหลังส่งคำร้อง ตอนนี้ฟีเจอร์นี้ "Results about you" ยังจำกัดอยู่แค่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่อีกไม่นานจะทยอยปล่อยให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถใช้งานได้ สำหรับผู้ใช้รายใดที่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้โดยตรงจากแอป Google ก็ยังสามารถส่งคำร้องขอให้ลบผลการค้นหาที่มีข้อมูล PII เกี่ยวกับตนเองได้ผ่านทางเว็บไซต์นี้ ที่มา - 9to5Google
# ในที่สุด Garmin ก็วัดความดันโลหิตได้ ด้วย Index BPM เครื่องวัดความดันโลหิตแบบรัดแขน ในที่สุด Garmin ก็มีฟังก์ชั่นวัดความดันโลหิตของผู้ใช้งาน เพียงแต่มันไม่ใช่ฟังก์ชั่นในนาฬิการุ่นใดรุ่นหนึ่ง ทว่ามันคือฟังก์ชั่นหลักของสินค้าใหม่ที่ Garmin เพิ่งเปิดตัวไป Index BPM เครื่องวัดความดันโลหิตแบบรัดต้นแขน ถึงแม้ชื่อ Index จะแปลว่านิ้วชี้ แต่เครื่อง Index BPM นี้ก็ไม่ต่างจากเครื่องวัดความดันโลหิตของผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นที่ต้องสวมใส่ใช้งานที่บริเวณแขน โดยนอกจากจะวัดค่าความดันโลหิตแล้วยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ในเวลาเดียวกัน ขนาดเครื่องไม่รวมแถบรัดแขนคือ 58*145*47 มิลลิเมตร ตัวแถบรัดแขนสามารถใช้งานกับผู้ใช้ที่มีขนาดรอบแขน 22-42 เซนติเมตร มีหน้าจอแสดงผล OLED แบบโมโนโครมขนาด 32.4*21.4 มิลลิเมตร สามารถเก็บบันทึกข้อมูลการวัดได้มากกว่า 100 ค่า ผู้ใช้สามารถใช้งาน Index BPM เพื่ออ่านค่าและเก็บข้อมูลการวัดด้วยตัวเครื่องเองอย่างเดียวก็ได้ หรือจะใช้งานโดยเชื่อมต่อกับแอป Garmin Connect ผ่าน Wi-Fi และบลูทูธก็ได้เช่นกัน ซึ่งหากเชื่อมต่อกับแอปก็จะสามารถดูรายงานสรุปผลการวัดความดันโลหิตแบบรายสัปดาห์, รายเดือน หรือรายปีได้ รวมทั้งสามารถดึงข้อมูลออกมาเป็นไฟล์ PDF เพื่อนำไปใช้งานอย่างอื่นต่อได้ด้วย โดยสามารถแยกเก็บข้อมูลการวัดสำหรับผู้ใช้ได้สูงสุด 16 คนผ่านแอป Garmin Connect Index BPM ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 3A จำนวน 4 ก้อน ซึ่ง Garmin บอกว่าสามารถใช้งานได้นานสุดถึง 9 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการเปิดใช้งานเครื่อง Garmin ตั้งราคาขายของ Insdex BPM อยู่ที่เครื่องละ 149.99 ดอลลาร์สหรัฐ ที่มา - ZDNet
# PyThaiNLP 3.1 ออกแล้ว วันนี้ 24 กันยายน ค.ศ.2022 ทางทีมพัฒนา PyThaiNLP ได้ปล่อยแพ็กเกจประมวลผลภาษาไทย PyThaiNLP รุ่น 3.1 บนภาษาไพธอนอย่างเป็นทางการ สำหรับ PyThaiNLP 3.1 สรุปการเปลี่ยนแปลงได้ดังนี้ - เพิ่ม Dependency Parsing สำหรับวิเคราะห์โครงสร้างทางภาษาไทย - เพิ่มการทับศัพท์ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น และอื่น ๆ ให้กลายเป็นภาษาไทย ผ่านแพ็กเกจ wunsen - เพิ่มแบบจำลองการสรุปข้อความ mt5 สำหรับภาษาไทยตัวใหม่ - เพิ่ม Thai-NNER (Thai Nested Named Entity Recognition) หรือตัววิเคราะห์นิพจน์หลายชั้น โดยสามารถวิเคราะห์ข้อความภาษาไทยได้ละเอียดกว่า Named Entity Recognition ตรงที่สามารถวิเคราะห์นิพจน์ย่อยได้ ข้อมูลเปิดเผย: ผู้เขียนเป็นหนึ่งในทีมนักพัฒนา PyThaiNLP ที่มา: PyThaiNLP v3.1.0 Released! - GitHub
# จรวด Artemis I เลื่อนแผนการยิง 27 กันยายน รอบนี้เป็นเพราะพายุเข้า ภารกิจยิงจรวด Artemis I รอบใหม่ 27 กันยายน มีเหตุให้ไม่ได้ยิงอีกแล้ว รอบนี้ [ยัง] ไม่มีอะไรพัง แต่ต้องเลื่อนเนื่องจากมีพายุ Ian จะขึ้นฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาเดียวกัน NASA ระบุว่าตัดสินใจเลื่อนการยิงจรวดวันที่ 27 กันยายนแล้ว และกำลังประเมินสถานการณ์สภาพอากาศอีกครั้ง ว่าจะต้องนำจรวดกลับเข้าโรงเก็บ Vehicle Assembly Building ด้วยหรือไม่ ตามแผนของ NASA โอกาสยิงครั้งถัดไปคือวันที่ 2 ตุลาคม ที่มา - NASA ภาพโดย Eric Bordelon / NASA
# MinIO ประกาศ มีจำนวน Docker Pull มากกว่า 1 พันล้านครั้งแล้ว MinIO ประกาศว่าซอฟต์แวร์ MinIO Object Storage มีจำนวนการดาวน์โหลดบน Docker หรือ Docker pull มากกว่า 1 พันล้านครั้งแล้ว ซึ่งเป็นการเติบโตที่มากขึ้นทุกปี เฉพาะปีที่แล้วมี Docker pull ถึง 330 ล้านครั้ง และตัวเลขการใช้งานจริงย่อมสูงกว่านี้ เพราะไม่ได้นับรวม private repositories ตัวเลขที่ MinIO บอกถึงความนิยมในการใช้งานคือองค์กรระดับ Fortune 100 ถึง 75% มีการรัน MinIO สะท้อนความนิยมของเครื่องมือสำหรับคลาวด์ระดับองค์กร MinIO ก่อตั้งในปี 2014 โดยมีเป้าหมายคือต้องการเป็น AWS S3 ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เติบโตเท่าตัว และได้รับการเงินเพิ่มทุนซีรี่ส์ B เมื่อเดือนมกราคม 103 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลค่ากิจการสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ มีสถานะยูนิคอร์นแล้ว ที่มา: MinIO
# Netflix แจกฟรีเกมผจญภัยบนมือถือ Oxenfree จากสตูดิโอ Night School Studio ที่ซื้อมา Netflix ประกาศแจกฟรีเกม Oxenfree เกมผจญภัยแบบ 2D เน้นคลี่คลายปริศนาลึกลับ ให้กับสมาชิกตามแนวทางการลุยตลาดเกม หลังจากซื้อกิจการ Night School Studio ผู้สร้างเกมนี้เมื่อปีที่แล้ว เกมเวอร์ชันแจกฟรีจะเรียกว่า Oxenfree: Netflix Edition มีเฉพาะบนมือถือเท่านั้น (เกมเวอร์ชันเดิมที่ต้องจ่ายเงินถูกนำออกจากสโตร์แล้ว) ส่วนเกมเวอร์ชันพีซีและคอนโซลยังขายราคาปกติ ราคาบน Steam คือ 189 บาท ตอนนี้ทาง Night School Studio กำลังพัฒนาภาคต่อ Oxenfree II มีกำหนดออกปี 2023 แนวทางของ Netflix คือการดึงเกมดังๆ มาแจกฟรีให้กับสมาชิก โดยใช้แนวทางทั้งเปลี่ยนเกมดังที่มีอยู่ก่อนแล้วเป็นเกมของ Netflix เช่น Into the Breach, คุยกับนักพัฒนาเกม เอาเกมใหม่ที่กำลังพัฒนาอยู่มาทำเป็นเกม Netflix หรือไม่ก็ซื้อทั้งสตูดิโอเลยแบบ Night School Studio นอกจาก Oxenfree แล้ว Netflix ยังประกาศชื่อเกมแจกฟรีอีก 6 เกม ที่จะทยอยเปิดให้เล่นตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป Desta: The Memories Between Spongebob Squarepants: Get Cooking Kentucky Route Zero Nailed It! Baking Bash Narcos: Cartel Wars Unlimited Stranger Things: Puzzle Tales ที่มา - Netflix
# สหรัฐฯ เล็งออกกฎหมายให้ผู้ผลิตรถยนต์ติดระบบวัดแอลกอฮอล์คนขับมาในตัว NTSB (National Transportation Safety Board) คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการคมนาคมแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์เพื่อผลักดันให้มีการออกกฎหมายบังคับผู้ผลิตรถยนต์ทำการติดตั้งระบบตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของคนขับมาในตัวรถยตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจากโรงงาน ทว่าทาง NTSB ไม่มีอำนาจในการออกกฎหมายดังกล่าวได้ด้วยตนเอง การผลักดันจึงเกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้ NHTSA (National Highway Traffic Safety Administration) อันเป็นหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจในการออกกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และการจราจรให้เป็นผู้ทำหน้าที่ดำเนินการดังกล่าว หากมีการออกกฎหมายนี้จริงรถยนต์ทุกคันทีถูกนำมาวิ่งบนถนนในสหรัฐอเมริกาจะต้องมีระบบตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจรวมถึงระบบตรวจสอบสมรรถภาพการขับขี่ยานพาหนะของคนขับด้วยระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดชนิดอื่น เพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรืออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมต่อการขับขี่ด้วยสาเหตุอื่น (เช่นการเจ็บป่วย หรืออาการจากการใช้ยาหรือสารเสพติด) ทำการขับรถยนต์ได้ ไม่เพียงแต่ NTSB เท่านั้นที่ต้องการให้ NHTSA เร่งดำเนินการออกกฎหมายที่ว่านี้ ด้านรัฐสภาของสหรัฐฯ เองยังก็มีบทบาทช่วยผลักดันกฎหมายนี้ด้วยเช่นกัน โดยบทหนึ่งของกฎหมาย Bipartisan Infrastructure ซึ่งเป็นการออกกฎหมายโดยรัฐสภาเมื่อปี 2021 ว่าด้วยเรื่องการอนุมัติงบลงทุนเพื่อพัฒนาระบบพื้นฐานและปรับปรุงความปลอดภัยการคมนาคมบนถนน ได้ระบุให้ NHTSA เร่งออกกฎหมายนี้ให้ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนปี 2024 โดยมีกรอบเวลาให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องปฏิบัติตามภายในระยะเวลา 2-3 ปีหลังออกกฎหมาย ไม่แน่ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าหากสหรัฐอเมริกามีการประกาศบังคับใช้กฎหมายนี้จริง อุตสาหกรรมรถยนต์ทุกค่ายทั่วโลกก็อาจทยอยรับเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้กับการผลิตรถยนต์ของตนเอง และอาจมีการประกาศกฎหมายลักษณะคล้ายกันในประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ที่มา - Ars Technica ภาพ: Pexel - energepic.com
# โครงการ Healthy Gamer โดย ม. มหิดลเปิดตัวแชทบอตรับปรึกษาปัญหาติดเกม โครงการ Healthy Gamer ซึ่งเป็นโครงการของมหาวิทยาลัยมหิดล ทำการศึกษาวิจัยและให้คำแนะนำแก่ผู้มีปัญหาติดเกมหรือติดสื่อออนไลน์ เปิดตัวแชทบอตชื่อ @healthygamer บน LINE เพื่อเพิ่มช่องทางให้คำปรึกษาและให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชน ตัวแชทบอตออกแบบมาให้ทั้งผู้ที่ต้องการปรึกษาเรื่องของตนเอง หรือผู้ปกครองที่ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับบุตรหลาน สามารถเข้าไปสอบถามขอคำแนะนำ รวมทั้งทำแบบทดสอบเพื่อประเมินลักษณะขั้นต้นเกี่ยวกับอาการติดเกม และการติดสื่อออนไลน์ โดยผู้ใช้งานสามารถสอบถามผ่านการสนทนากับแชทบอตเพื่อนัดพูดคุยกับนักจิตวิทยาตัวจริงได้ด้วย ทั้งนี้โครงการ Healthy Gamer มีจุดเริ่มต้นมาจากการทำวิจัยของสาขาวิชาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มาตั้งแต่ปี 2009 ปัจจุบันโครงการได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ทางโครงการได้การเผยแพร่ความรู้ผ่านเว็บไซต์โครงการมาตั้งแต่เริ่มแรก จนมาปีนี้ได้มีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่ายกว่าเดิม พร้อมทั้งสร้างเพจเพื่อสื่อสารเกี่ยวกับโครงการให้เป็นที่รับรู้วงกว้างมากขึ้น ที่มา - เพจ Healthy Gamer เกมสมดุล ชีวิตสมดุล
# Xbox Series X|S เลิกบังคับเล่นแผ่น Xbox One ต้องต่อเน็ต ใส่แผ่นเล่นแบบออฟไลน์ได้แล้ว Xbox Series X|S รองรับการเล่นแผ่นเกมจาก Xbox One มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่ผ่านมาจำเป็นต้องต่อเน็ตเพื่อตรวจสอบ online compatibility check ก่อนเสมอ ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบสิทธิ (DRM) แบบหนึ่ง ล่าสุด Eden Marie วิศวกรของไมโครซอฟท์ยืนยันว่าตั้งแต่อัพเดตเวอร์ชัน 2206 ที่ออกช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ได้ปรับเอา online compatibility check ออกไปสำหรับแผ่นเกมจำนวนมาก (vast majority) โดยอิงจากฐานข้อมูลของไมโครซอฟท์เองว่าเกมใดไม่จำเป็น แต่บางเกมถึงแม้ไม่ต้องตรวจสอบสิทธิแล้ว อาจยังจำเป็นต้องต่อเน็ตเพื่ออัพเดตเวอร์ชันของเกมก่อน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้คนที่มีแผ่นเกม Xbox One อยู่แล้ว สามารถใส่แผ่นแล้วเล่นได้เลยโดยไม่ต้องต่อเน็ตใดๆ กลับสู่ยุคคอนโซลแบบเก่าอีกครั้ง ที่มา - Gamespot
# นักวิจัยเปลี่ยนสารเคมีของเหลือจากเนื้อไม้ ให้กลายเป็นเชื้อเพลิงเครื่องบิน นักวิจัยประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนลิกนิน อันเป็นสารเคมีองค์ประกอบที่มักกลายเป็นของเหลือทิ้งจากกระบวนการอุตสาหกรรมให้กลายเป็นสารเคมีทำละลายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ลิกนินที่ว่านี้คือพอลิเมอร์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์ส่วนลำต้นของพืช ถือเป็นพอลิเมอร์ที่พบได้มากที่สุดตามธรรมชาติเป็นอันดับ 2 รองจากเซลลูโลส ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมันมักเป็นของเหลือทิ้งที่ถูกมองข้ามการใช้ประโยชน์จากกระบวนการทางอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ถูกใช้เผาเป็นเชื้อเพลิงเท่านั้น ทั้งกระบวนการผลิตเยื่อกระดาษที่มีการต้มเนื้อไม้เพื่อเอาเส้นใยไปใช้เป็นเยื่อกระดาษ รวมทั้งอุตสาหกรรมการแปรรูปไม้ประเภทอื่นๆ และการทำเชื้อเพลิงไบโอแมส องค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญของลิกนินนั้นประกอบไปด้วยโครงสร้างโมเลกุลไฮโดรคาร์บอน ซึ่งแม้จะใกล้เคียงกับสารอะโรเมติกส์ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเชื้อเพลิงอากาศยานแต่ก็มีความแตกต่างในระดับโมเลกุลที่ไม่สามารถนำเอาลิกนินไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้โดยตรง ซึ่งกล่าวโดยผิวเผินแล้วข้อสำคัญประการหนึ่งคือการมีอยู่ของอะตอมของออกซิเจนในโครงสร้างโมเลกุลของลิกนิน อย่างไรก็ตามจากการเห็นถึงความใกล้เคียงของโครงสร้างโมเลกุลนี้เองจึงเกิดเป็นที่มาของงานวิจัยนี้ สารอะโรเมติกส์ที่ว่านี้คือสารไฮโดรคาร์บอนที่มีโครงสร้างโมเลกุลรูปวงแหวนประกอบด้วยไฮโดรเจนและคาร์บอน เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญในทางอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท และหนึ่งในนั้นคือการใช้เป็นส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับพาหนะสารพัดอย่างรวมทั้งอากาศยาน งานวิจัยนี้มีทีมวิจัยจาก 3 แห่งร่วมกันพัฒนางานอันได้แก่ห้องปฏิบัติการ National Renewable Energy Laboratory (NREL) ของกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา, ทีมวิจัยจาก MIT และทีมวิจัยจาก Washington State University คิดค้นหาทางพัฒนาเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตามแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน สาระสำคัญของงานวิจัยนี้คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุลของน้ำมันสกัดลิกนินที่ได้จากกระบวนการทางอุตสาหกรรมให้เปลี่ยนแปลงมาเป็นสารอะโรเมติกส์เกรดที่ใช้สำหรับผสมเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานโดยการเอาออกซิเจนออกไปจากลิกนิน ขวดแก้วบรรจุองค์ประกอบที่ได้จากต้นป็อปลาร์ ซ้าย: เชื้อเพลิงไบโอแมส, กลาง: น้ำมันลิกนิน, ขวา: เชื้อเพลิงอากาศยานที่ได้จากการแปรสภาพลิกนิน ทีมวิจัยใช้ลิกนินที่ได้จากต้นป๊อปลาร์มาทำการดึงเอาออกซิเจนออกโดยใช้โมลิบดินัมคาร์ไบด์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ทำให้สามารถลดปริมาณองค์ประกอบออกซิเจนจากเดิมที่มีอยู่ในน้ำมันลิกนิน 27%-34% เหลือเพียงราว 1% ได้เป็นของเหลวอะโรเมติกส์ที่สามารถนำไปผสมเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานได้ ภาพอธิบายกระบวนการแปลงลิกนินให้เป็นสารอะโรเมติกส์เกรดสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงอากาศยานโดยสังเขป งานวิจัยนี้เป็นการพิสูจน์ความเป็นไปได้ในการทำเชื้อเพลิงไบโอสำหรับอากาศยานซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างความก้าวหน้าแก่อุตสากรรมการบิน แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าให้กับลิกนินซึ่งเป็นองค์ประกอบเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ด้วยอีกทางหนึ่ง ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดงานวิจัยเปลี่ยนลิกนินให้เป็นเชื้อเพลิงเครื่องบินได้ที่นี่ ที่มา - Tech Xplore
# Instagram ขยายความยาววิดีโอใน Stories สูงสุด 60 วินาที ไม่ถูกแบ่งเป็นคลิปย่อย Instagram เปลี่ยนแปลงการแสดงคลิปวิดีโอใน Stories จากเดิมถ้าผู้ใช้งานอัปโหลดคลิปที่มีความยาว จะถูกตัดแบ่งเป็นคลิปย่อย คลิปละ 15 วินาที โดยเปลี่ยนเป็นความยาวต่อเนื่องสูงสุด 60 วินาที ซึ่งก่อนหน้านี้ทดสอบกับผู้ใช้จำนวนหนึ่ง แต่ตอนนี้มีผลกับผู้ใช้ทุกคนทั่วโลกแล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะถูกใจครีเอเตอร์ ทำให้สามารถอัปโหลดคลิปได้ยาวต่อเนื่องขึ้น โดยไม่ต้องพยายามบีบให้จบใน 15 วินาที แต่ก็อาจกระทบกับผู้ชมที่ชอบดูคลิปสั้น ๆ แนวทางดังกล่าวทำให้คอนเทนต์บน Instagram เริ่มซ้อนทับในแง่ความยาวของวิดีโอกันมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ Reels ขยายความยาวเป็น 90 วินาที ส่วนโพสต์แบบวิดีโอ ก็กำหนดให้กรณียาวไม่เกิน 15 นาที จะถูกแชร์เป็น Reels ที่มา: TechCrunch
# กล้อง James Webb และ Hubble จะร่วมเก็บข้อมูลการชนดาวเคราะห์น้อยโครงการ DART อีกไม่ถึง 72 ชั่วโมงก็จะถึงกำหนดการชนของยาน DART ซึ่งเป็นการทดสอบเทคโนโลยีปกป้องโลกด้วยการเอายานอวกาศพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย โดยภารกิจนี้จะมีการใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb (JWST) และกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble ร่วมเก็บข้อมูลจากการทดสอบด้วย การทดสอบของโครงการ DART นี้เป็นการส่งยานอวกาศไปชนดาวเคราะห์น้อย Dimorphos เพื่อจำลองเหตุการณ์ในกรณีที่มีเทหวัตถุเคลื่อนที่พุ่งเข้าหาโลกว่าจะสามารถส่งยานอวกาศไปชนมันเพื่อเบี่ยงทิศทางการเคลื่อนที่ให้เบนออกไม่พุ่งหาโลกได้หรือไม่ ซึ่งการทดสอบนี้จะมีการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อมาศึกษาและวิเคราะห์พัฒนาโครงการในอนาคต ภาพจำลองยาน DART ก่อนการชนดาวเคราะห์น้อย กล้อง James Webb จะสังเกตการณ์จากตำแหน่งปัจจุบันของมันซึ่งอยู่ที่จุด L2 (หมายถึงจุดลากรางจ์จุดที่ 2 ซึ่งเป็นจุดที่หลบดวงอาทิตย์อยู่ด้านหลังโลกทำให้ไม่โดนแสงอาทิตย์รบกวนในการถ่ายภาพอวกาศ ทั้งนี้จุดลางกรางจ์คือจุดที่มีความพิเศษอธิบายแบบง่ายๆ คือจุดที่สามารถทำให้ยานอวกาศหรือดาวเทียมหรือวัตถุใดๆ สามารถคงตำแหน่งอยู่ได้เสถียรเมื่อเทียบกับระบบที่มันอ้างอิงอยู่ไม่เคลื่อนที่ไปมาอย่างไร้รูปแบบจนเกินควบคุม) ส่วนกล้อง Hubble จะทำการบันทึกข้อมูลจากวงโคจรต่ำรอบโลก ทั้งนี้กล้องโทรทรรศน์อวกาศทั้งคู่จะไม่ได้เน้นการบันทึกภาพจังหวะการชนของยาน DART โดยตรง แต่เน้นการค้นหาวัตถุส่องสว่างในช่วงเวลาประมาณ 15 นาทีหลังการชน การค้นหาและบันทึกภาพวัตถุส่องสว่างที่กระจัดกระจายหลังการชนของกล้อง James Webb และกล้อง Hubble จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถประเมินปริมาณฝุ่นที่เกิดจากการชนโดยอาศัยค่าความสว่างและระยะเวลาการส่องสว่างของวัตถุเหล่านั้นมาประกอบการคำนวณ ผลการประเมินจะทำให้พอทราบสภาพพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อยซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาการคำนวณเชิงจลนศาสตร์ของโมเดลการชน ซึ่งจะทำให้ระบบป้องกันโลกอันเป็นเป้าหมายของโครงการ DART นี้ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีกล้องจากยานอวกาศอีกลำที่จะทำหน้าที่ค้นหาวัตถุส่องสว่างหลังการชนเช่นเดียวกับกล้อง James Webb และกล้อง Hubble นั่นคือกล้อง LORRI ซึ่งติดอยู่บนยาน Lucy Probe ที่กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปยังกลุ่มดาวเคราะห์น้อย Trojan ซึ่งเป็นกลุ่มดาวเคราะห์น้อยที่โคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่บนวงโคจรเดียวกันกับดาวพฤหัสบดี เนื่องจากตำแหน่งการชนจริงนั้นอยู่ห่างจากโลก 11 ล้านกิโลเมตร และห่างจากจุด L2 ประมาณ 9.7 ล้านกิโลเมตร ฉะนั้นแล้วภาพที่จะได้จากกล้อง James Webb และกล้อง Hubble จะไม่ใช่ภาพระยะใกล้ของการทดสอบ ซึ่งหน้าที่นั้นจะเป็นหน้าที่ของกล้อง DRACO ที่อยู่บนตัวยาน DART เอง โดยกล้อง DRACO นี้จะเก็บภาพทุก 1 วินาทีในช่วงการเคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมายก่อนการชน และยังมีกล้องอีกตัวที่อยู่บนยาน LICIACube อันเป็นยานอวกาศอีกลำที่ถูกส่งไปพร้อมกับยาน DART เพื่อไปทำหน้าที่เก็บภาพและข้อมูลในระยะใกล้ชิดโดยเฉพาะที่ระยะห่างประมาณ 40-80 กิโลเมตรจากตำแหน่งการชน ผู้ที่สนใจสามารถร่วมติดตามการถ่ายทอดสดของ NASA ได้หลากหลายช่องทางทั้งเว็บไซต์, Twitter, Facebook และช่อง YouTube นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์แสดงภาพจำลองการเดินทางของยาน DART แบบเรียลไทม์ด้วย การถ่ายทอดสดจะเริ่มเวลา 5.00 น. วันที่ 27 กันยายนนี้ตามเวลาประเทศไทย ที่มา - Gizmodo
# Firefox 105 รองรับ swipe 2 นิ้วบน Windows, ปรับปรุงปัญหาหน่วยความจำ Firefox ออกอัพเดตเวอร์ชัน 105 โดยมีการแก้ไขที่สำคัญคือลดปัญหาใช้หน่วยความจำจนหมดบน Linux ตลอดจนแก้ปัญหา การทำงานเมื่อเหลือหน่วยความจำไม่มากบนระบบปฏิบัติการอื่น ส่วนฟีเจอร์ใหม่เป็นรายการเล็กน้อย เช่น เพิ่มตัวเลือกสั่งพิมพ์หน้าปัจจุบันในพรีวิว, swipe สองนิ้วบนทัชแพดไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อ Back-Forward รองรับบน Windows แล้ว, ปรับปรุงการเสิร์ชเร็วขึ้น 2 เท่า ที่มา: Mozilla
# Apple บอกจุกหูฟัง AirPods Pro รุ่น 1-2 โครงตาข่ายถี่ไม่เท่ากัน แนะนำใช้ให้ตรงรุ่น ในตอนที่แอปเปิลเปิดตัวหูฟัง AirPods Pro รุ่น 2 นอกจากคุณสมบัติด้านการตัดเสียงรบกวนที่ดีขึ้นมาก จุกหูฟังเองก็เพิ่มขนาดเล็กพิเศษ (XS) เพิ่มเติมมาเป็นขนาดที่ 4 ให้ในกล่องด้วย อย่างไรก็ตามแอปเปิลยังมีจุกหูฟังขายแยก แบ่งตามขนาดต่างหาก ในราคา 340 บาท (ได้ 2 ชุด) ซึ่งมีข้อสังเกตว่าแอปเปิลขายแยกเป็นจุกหูฟังสำหรับ AirPods Pro รุ่น 1 และรุ่น 2 ทั้งที่น่าจะใช้ร่วมกันได้ โดยในหน้า Support แอปเปิลอธิบายว่าสิ่งที่ต่างกันคือความถี่ของตาข่ายในจุกหูฟัง (ดูภาพเปรียบเทียบในที่มา) ซึ่ง AirPods Pro รุ่น 1 ถี่กว่าแบบสังเกตเห็นได้ และสิ่งนี้ส่งผลต่อประสบการณ์เสียง จึงต้องใช้ให้ตรงรุ่น อย่างไรก็ตาม Chris Welch บรรณาธิการของ The Verge ได้ลองใส่จุกหูฟังข้ามรุ่น ก็พบว่านำมาใส่แทนกันได้ ที่มา: The Verge
# Adobe ยอมรับว่าต้องซื้อ Figma เพราะ XD สู้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ตอนนี้มีทีมเหลือแค่ 20 คน Dana Rao หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ Adobe ให้สัมภาษณ์กับเว็บข่าว Axios ถึงเหตุผลที่ต้องทุ่มทุนซื้อ Figma ในราคาสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ จนเป็นเหตุให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลงอย่างหนัก เพราะนักลงทุนมองว่าซื้อแพงเกินไป Rao ยืนยันด้วยสถิติว่าผลิตภัณฑ์คู่แข่งของบริษัทเองคือ Adobe XD เกิดมานาน 7 ปี ยังทำรายได้เพียงปีละ 15 ล้านดอลลาร์เท่านั้น (นับเฉพาะการซื้อแยกเฉพาะ XD ไม่รวมการซื้อ Creative Cloud ทั้งชุด)​ ในขณะที่ Figma มีรายได้ปีละ 400 ล้านดอลลาร์​ แถมการที่ Adobe XD แข่งขันไม่ได้แล้วทำให้ Adobe ลดจำนวนพนักงานที่ดูแลเหลือเพียง 20 คน ไม่พัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพิ่มแล้ว ส่วน Figma ทั้งบริษัทมี 800 คนทำแอพตัวเดียว Rao ยังชี้ประเด็นในภาพใหญ่ว่าทิศทางของ Adobe เองเริ่มสร้างผลิตภัณฑ์เวอร์ชันเว็บ และเริ่มคิดใหม่ทำใหม่สำหรับเว็บล้วนๆ โดยเริ่มจาก Adobe Express ที่เพิ่งเปิดตัว แต่การซื้อ Figma ผลักดันยุทธศาสตร์นี้ให้ไปไกลกว่าการทดลองของตัวเองมาก เพราะเป็นสิ่งที่คิดมาสำหรับเว็บตั้งแต่แรก และผ่านการใช้งานของผู้ใช้จำนวนมากมาแล้ว Rao ยังยืนยันว่า Adobe กับ Figma ไม่ได้เป็นคู่แข่งกันโดยตรง (แม้ว่า Figma มองตัวเองเป็นคู่แข่ง) เพราะ Adobe ถือเป็นผู้เล่นรายเล็กมากในตลาดซอฟต์แวร์ดีไซน์บนเว็บ (แบบนี้ก็ได้เหรอ!) และผู้ใช้ Figma จะได้ประโยชน์จากคลังฟอนต์-ภาพสต๊อกจำนวนมหาศาลที่ Adobe ให้นำไปใช้ได้ทันที ที่มา - Axios
# Alibaba Cloud ประกาศเพิ่มเงินลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อบุกตลาดนอกจีนมากขึ้น Alibaba Cloud ส่วนธุรกิจให้บริการคลาวด์ของ Alibaba ประกาศงบลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ ใน 3 ปีข้างหน้า สำหรับสนับสนุนเทคโนโลยีให้กับพาร์ตเนอร์ รองรับการขยายตลาดในต่างประเทศ ซึ่งมาทั้งในรูปเงินทุนสนับสนุน และการสนับสนุนรูปแบบอื่น นอกจากนี้ Alibaba ได้จัดตั้งโครงการ Regional Accelerator เพื่อรองรับการบริหารจัดการร่วมกับพาร์ตเนอร์ในแต่ละประเทศ ที่มีรูปแบบการดำเนินงานธุรกิจแตกต่างกันไป และเพิ่มความสามารถให้กับพาร์ตเนอร์ด้วย ปัจจุบัน Alibaba มีส่วนแบ่งในตลาดประมวลผลคลาวด์เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมี Amazon และไมโครซอฟท์ อยู่ในลำดับที่ 1-2 ตามรายงานของ Gartner แม้ส่วนธุรกิจนี้จะยังเล็กมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่ Alibaba ก็เห็นโอกาสเติบโตสูงและความสามารถในการทำกำไรที่ดี ที่มา: Alibaba ผ่าน CNBC
# ตำรวจอังกฤษจับวัยรุ่นอายุ 17 ปี ผู้ต้องสงสัยแฮ็ก Rockstar ปล่อยคลิป GTA 6 เว็บข่าว The Desk รายงานว่าตำรวจลอนดอนจับวัยรุ่นอายุ 17 ปีรายหนึ่ง ที่ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีแฮ็ก Rockstar จนเป็นเหตุให้คลิปของเกม GTA 6 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา หลุดออกสู่สาธารณะ เว็บไซต์ BBC รายงานข้อมูลจากตำรวจลอนดอนว่ามีการจับกุมวัยรุ่นรายนี้จริง แต่ตำรวจไม่เปิดเผยรายละเอียดของคดี แหล่งข่าวของ The Desk บอกว่าวัยรุ่นรายนี้โดนคดีแฮ็กระบบคอมพิวเตอร์ 2 แห่ง ซึ่งอีกแห่งอาจเป็น Uber ที่โดนแฮ็กในช่วงไล่เลี่ยกัน Uber ระบุว่าการแฮ็กระบบของตัวเองมีกลุ่มแฮ็กเกอร์ Lapsus$ มาเกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อต้นปีก็มีวัยรุ่นที่เกี่ยวกับ Lapsus$ ถูกจับในอังกฤษ จากคดีแฮ็กบริษัทอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ภาพจากเกม GTA Online (ไม่ใช่ GTA 6) ที่มา - BBC, The Desk
# นักฟุตบอลหญิง Alexia Putellas มีคะแนนสูงสุดในเกม FIFA 23 สูงกว่านักเตะชายทุกคน FIFA 23 เป็นครั้งแรกในซีรีส์เกมฟุตบอลของ EA ที่มีทีมฟุตบอลหญิงเข้ามาให้เล่นด้วย สะท้อนความนิยมของวงการฟุตบอลหญิงที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงหลังๆ ประเด็นที่สร้างความสนใจให้แฟนฟุตบอลและแฟนเกม FIFA เสมอมาคือคะแนน (rating) ของนักเตะในแต่ละภาค ที่แฟนๆ ของนักเตะแต่ละคนต้องมาเปรียบเทียบกันว่าใครมีค่าพลังเยอะกว่ากัน โดยคะแนนของนักเตะชายที่สูงที่สุดในเกม FIFA 23 คือ 91 คะแนน มีด้วยกัน 5 คนคือ Karim Benzema, Robert Lewandowski, Kylian Mbappe, Kevin De Bruyne, Lionel Messi (ในเกม FIFA 22 Messi ได้ 93 คะแนน ภาคใหม่ลดลงมา 2 คะแนนตามฟอร์มในสนาม) เมื่อคืนนี้ EA ประกาศคะแนนของนักเตะหญิงในเกม ปรากฏว่า Alexia Putellas นักเตะสัญชาติสเปนจากสโมสรฟุตบอล Barcelona ซึ่งทำผลงานได้โดดเด่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กวาดมาแล้วทุกรางวัลทั้งระดับสโมสรและรางวัลผู้เล่น ได้คะแนนเรตติ้งในเกม 92 คะแนน เท่ากับว่าเป็นนักเตะที่ค่าพลังเยอะที่สุดในเกม เยอะกว่านักเตะชายทุกคน ภาพจาก @alexiaputellas คะแนนของ Alexia Putellas คะแนนของนักเตะชายที่ได้คะแนนสูงสุด 5 คน หมายเหตุ: สถิติค่าพลังสูงสุดของนักเตะในเกม FIFA คือ Ronaldo ได้ 98 คะแนนในภาค FIFA 2004 (อ้างอิง) แต่ภาคถัดๆ มาก็ปรับลดลงมาให้สมดุลมากขึ้น นักเตะยุคถัดมาทั้ง Lionel Messi และ Christiano Ronaldo เคยได้กันสูงสุดที่ 94 คะแนน
# ไมโครซอฟท์เริ่มหน่วงเวลาหากผู้ใช้ใส่รหัสผ่านผิดระหว่างเปิดไฟล์แชร์ ไมโครซอฟท์เริ่มเปิดฟีเจอร์หน่วงเวลา หากผู้ใช้พยายามเข้าถึงไฟล์แชร์ผ่านโปรโตคอล SMB แต่ใส่รหัสผ่านผิด โดยค่าเริ่มต้นจะเป็นการหน่วงเวลา 2 วินาที ทำให้ในกรณีที่แฮกเกอร์เข้าถึงเน็ตเวิร์คได้และพยายามสแกนรหัสผ่านก็จะใช้เวลานานขึ้นมาก เพราะเดิมสามารถยิงได้วินาทีละ 300 ครั้งเลยทีเดียว ฟีเจอร์นี้ใส่มาใน Windows Insider และ Windows Server Insider ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ปิดการทำงานไว้เป็นค่าเริ่มต้น ในเดือนนี้ไมโครซอฟท์จะเริ่มเปิดการใช้งานเฉพาะ Window Insider ก่อน โดยปรับได้ทีละ 0.1 วินาที และได้สูงสุด 10 วินาที โดยไม่สามารถตั้งได้ว่าหากผิดซ้ำๆ แล้วให้หน่วงนานขึ้น ไมโครซอฟท์พยายามปรับปรุงโปรโตคอล SMB หลายอย่างในช่วงหลัง พร้อมกับระบุว่าจะมีการปรับปรุงความปลอดภัยของ SMB แบบเดียวกับสมัยยกเลิก SMBv1 อีกเป็นชุดภายในปีนี้ ที่มา - Microsoft
# Fitbit จะเริ่มรองรับบัญชี Google Account ปี 2023 แต่ยังไม่บังคับย้ายจาก Fitbit Account กูเกิลเริ่มซื้อกิจการ Fitbit ช่วงปลายปี 2019 และซื้อเสร็จต้นปี 2021 แต่หลังจากนั้น การหลอมรวมผลิตภัณฑ์ของทั้งสองฝั่งก็เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ปัจจุบันการใช้งาน Fitbit ยังต้องใช้บัญชี Fitbit Account เท่านั้น ล่าสุด Fitbit ประกาศรีแบรนด์ตัวเองเป็น Fitbit by Google และขึ้นข้อความบนหน้า Help ว่าเตรียมจะเปิดให้ใช้บัญชี Google Account บนฮาร์ดแวร์ของ Fitbit ในปี 2023 แต่ยังไม่ระบุเวลาชัดเจน แสดงให้เห็นทิศทางของ Fitbit ที่จะเข้ามาใกล้กับบริษัทแม่มากขึ้น แม้ยังไม่บังคับย้ายข้อมูลจาก Fitbit Account ก็ตาม เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับฮาร์ดแวร์ของ Nest ที่กูเกิลเริ่มย้ายบัญชี Nest มาเป็น Google Account ในปี 2019 ที่มา - Fitbit, 9to5google, ภาพจาก Google
# Apple Music จะเป็นสปอนเซอร์ใหม่ในการแสดงพักครึ่ง Super Bowl แทนที่ Pepsi Apple Music จะเป็นสปอนเซอร์ให้กับช่วงพักครึ่งของงาน Super Bowl แทนที่ Pepsi ที่เป็นสปอนเซอร์มาตั้งแต่ปี 2013 และเพิ่งจะสิ้นสุดสัญญาไป โดยเริ่มจากงาน Super Bowl LVII ที่จะจัดขึ้นในรัฐแอริโซนาในต้นปีหน้า Apple อาจสนับสนุนเงินมากถึง 50 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีให้กับงาน Super Bowl โดยตกลงกันเป็นระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ แม้ Apple จะยังไม่เคยเป็นสปอนเซอร์ให้งาน Super Bowl มาก่อนแต่บริษัทได้เผยแพร่โฆษณาในงานนี้มาตั้งแต่ปี 1984 งาน Super Bowl เป็นการแข่งขันฟุตบอลอเมริกันในรอบชิงชนะเลิศและเป็นการแข่งขันกีฬาที่มีคนดูมากที่สุดงานหนึ่ง ที่มา: Bloomberg
# Instagram กำลังพัฒนาฟีเจอร์กรองภาพเปลือย หวังแก้ปัญหาคุกคามทางเพศ Meta ยืนยันว่า Instagram กำลังพัฒนาฟีเจอร์กรองภาพเปลือยออกจากข้อความส่วนตัวของผู้ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เห็นภาพที่ไม่พึงประสงค์ การพัฒนาฟีเจอร์ Nudity protection เพิ่งจะอยู่ในขั้นเริ่มต้น โดยจะมีลักษณะคล้ายกับฟีเจอร์ Hidden Words ที่ผู้ใช้สามารถกรองคำที่ไม่ต้องการเห็นในช่องข้อความส่วนตัวออก Meta เผยว่าทางบริษัทจะไม่สามารถดูรูปที่ถูกส่งมาและไม่สามารถส่งต่อได้เช่นกันเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ฟีเจอร์นี้ถูกคิดค้นมาเพื่อแก้ปัญหาการคุกคามทางเพศทางอินเทอร์เน็ต หลังจากรายงานผลสำรวจจาก Pew Research Center เมื่อปีที่แล้วเผยว่าผู้หญิงอายุต่ำกว่า 35 ปีถึง 33% เคยถูกคุกคามทางเพศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และชาวอเมริกัน 41% เคยถูกคุกคามทางเพศทางออนไลน์ ที่มา: Bloomberg และ The Verge