txt
stringlengths
202
53.1k
# สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐยื่นคำร้องตรวจสอบกรณี Apple ซื้อชิปความจำจากบริษัทจีน YMTC วุฒิสมาชิกสหรัฐที่เป็นคณะกรรมการด้านหน่วยข่าวกรองของวุฒิสภา ทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ยื่นคำร้องต่อสำนักข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ให้ตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงกรณีที่มีรายงานว่า Apple กำลังพิจารณาซื้อชิป 3D NAND เพื่อใช้ผลิต iPhone 14 ในประเทศจีนจากบริษัทรัฐวิสาหกิจจีน YMTC โดยแสดงความกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติในแง่ซัพพลายเชน วุฒิสมาชิกแสดงความกังวลว่าจีนอาจต้องการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปภายในประเทศผ่านบริษัท YMTC และอาจตีตลาดสหรัฐและประเทศพันธมิตร ด้วยการขายในราคาต่ำกว่าตลาด ซึ่งจะกระทบต่อซัพพลายเชนทั่วโลก ดังนั้น หาก Apple ซื้อชิปจาก YMTC อาจถูกเพ่งเล็งและถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดขึ้น ก่อนหน้านี้ สมาชิกวุฒิสภาก็ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่ม YMTC ลงในแบล็คลิสต์หลังมีรายงานว่าบริษัทส่งชิป NAND ให้กับ Huawei ขณะที่ Apple ก็ชี้แจงว่าบริษัทแค่พิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ชิป 3D NAND จาก YMTC สำหรับ iPhone ที่ขายในจีนเท่านั้น ที่มา: Financial Times
# Arm เตรียมหารือกับ Samsung เรื่องการเป็นพาร์ทเนอร์ทางยุทธศาสตร์ Masayoshi Son ซีอีโอ SoftBank เปิดเผยว่าเดือนหน้าเขาจะเข้าพบกับ Lee Jae-yong รองประธาน Samsung เกี่ยวกับการเป็นพาร์ทเนอร์กันทางยุทธศาสตร์ระหว่าง Arm และ Samsung ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการพูดคุยนี้จะเป็นความร่วมมือระดับไหน แค่พัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน หรือถึงขั้นขายกิจการ หลังดีลกับ NVIDIA ล่ม เนื่องจากปัจจุบัน SoftBank กำลังหาทางออกให้กับ Arm ซึ่งแผนหนึ่งคือ IPO ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์ในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะสายเทคก็ไม่ค่อยดีสำหรับ Arm ณ ตอนนี้ เช่นเดียวกับสถานการณ์ทางการเงินของ SoftBank ไม่ค่อยดี จนเริ่มมีการขายหุ้นที่ถืออยู่ในหลายบริษัทออกไป อย่างไรก็ตามหาก Arm และ Samsung ไปถึงขั้นซื้อกิจการ Samsung น่าจะเผชิญแรงกดดันไม่จากกรณีของ NVIDIA ที่มา - FT, WSJ
# ผู้ถือหุ้นจัสมินส่วนใหญ่ลงมติ 97% ขาย 3BB ให้ AIS หลัง AIS ประกาศการเข้าซื้อกิจการ 3BB เมื่อเดือนกรกฎาคม ล่าสุดกลุ่มบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าผู้ถือหุ้นมีมติเห็นด้วย 97% ที่จะขาย 3BB และหุ้น JASIF ส่วนหนึ่งให้กับ AIS (ซื้อธุรกิจจากบรอดแบรนด์จาก บริษัท อคิวเมนท์ จำกัด (ACU) บริษัทลูก JAS และโครงสร้างพื้นฐานไฟเบอร์จาก JASIF) ผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมลงมติเห็นด้วยเป็นสัดส่วน 97.2% และไม่เห็นด้วย 2.79% ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอดูท่าทีของ กสทช. ต่อไป และหากผ่าน จะทำให้ AIS กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านที่ส่วนแบ่งราว 41% ส่วน True อยู่ที่ราว 35.6% ที่มา - SEC
# แอป Dynamic Island มีให้ใช้บน Android มาแล้ว หนึ่งในกิมมิคเล็กๆ แต่ถูกพูดถึงมากบน iPhone 14 Pro / Pro Max คือ Dynamic Island ที่เป็น UX/UI ใหม่ที่เล่นกับ notch ด้านบนของหน้าจอ ซึ่งด้วยความเป็น Apple ที่ค่อนข้างเป็น Trend Settler ในวงการสมาร์ทโฟน ก็น่าจะคาดเดากันได้ว่าน่าจะแอป Android ที่นำเสนอลูกเล่นแบบเดียวกันตามมาเร็วๆ นี้ (ซีอีโอ Xiaomi ถึงกับถามเองเลยว่า คนใช้ Xiaomi อยากได้มั้ย) ล่าสุดมีแอปที่ให้ผู้ใช้ Android ได้ใช้ Dynamic Island แล้วในชื่อ dynamicSpot แต่ยังเป็น early access อยู่ โดยเวอร์ชันฟรี จะแค่แสดงผลและปรับตำแหน่งของแถบดำด้านบนเท่านั้น หากอยากได้ฟีเจอร์เพิ่มเช่น กดเพื่อเข้าแอปที่แสดงผล หรือแสดง Dynamic Island บนหน้าล็อกจอ จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นแอปแยก ทำให้ในแง่ประสบการณ์ใช้งานยังไม่กลมกลืนไปกับระบบปฏิบัติการเหมือนของ Apple เช่นแถบดำจะไปบังแถบแจ้งเตือนและการแสดงผลอื่นๆ บริเวณด้านบนของจอ ที่มา - Play Store
# ไหนว่าไม่ได้? ภาพที่สร้างจาก AI ได้รับการจดทะเบียนลิขสิทธิ์เป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ ศิลปินชื่อ Kris Kashtanova เปิดเผยผ่านบัญชี Instagram ส่วนตัวว่าผลงานหนังสือนิยายประกอบภาพที่มีภาพที่สร้างจาก AI ของเขาได้รับการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ในสหรัฐฯ ในวันที่ 15 กันยายน หนังสือนิยายมีชื่อว่า Zarya of the Dawn ซึ่ง Kashtanova สร้างภาพประกอบโดยใช้ Midjourney โดยได้ยื่นต่อสำนักงานลิขสิทธิ์ของสหรัฐฯ ว่าใช้ AI เพื่อช่วยสร้างภาพประกอบ (ไม่ได้สร้างภาพทั้งหมดด้วย AI) เขาเขียนเรื่องราวและสร้างสรรค์การจัดวางรูปแบบหนังสือด้วยตนเอง คำถามว่าผลงานที่สร้างขึ้นจาก AI ควรจะสามารถจดทะเบียนลิขสิทธิ์ได้หรือไม่เป็นหัวข้อที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีรูปภาพจาก AI ชนะการประกวด ทำให้เกิดข้อโต้แย้งซึ่งศิลปินบางส่วนก็มองว่าควรให้คุณค่ากับศิลปะที่มนุษย์สร้างมากกว่า นำไปสู่การแบนภาพวาด AI ของชุมชนศิลปะ รวมถึง Getty Images ก็เพิ่งจะประกาศว่าจะงดรับภาพจาก AI ที่มา: Ars Technica
# Wipro ผู้ให้บริการไอทีรายใหญ่ในอินเดีย ไล่พนักงานออกหลายร้อยคนหลังพบไปรับงานคู่แข่ง Rishad Premji ประธานบริษัท Wipro ผู้ให้บริการไอทีรายใหญ่ของอินเดีย ไปพูดในงานสัมมนาผู้บริหาร AIMA โดยพูดถึงประเด็นการที่พนักงานไปรับงานนอก (moonlighting) ว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขาไล่พนักงานออกไปแล้วถึง 300 ฐานไปรับงานนอกจากบริษัทคู่แข่ง ตัว Premji เคยทวีตถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่าการรับงานนอกเป็นการโกง (cheating) จนกลายเป็นการเปิดประเด็นว่าตัว Premji เองก็ทำงานหลายองค์กรไปพร้อมกัน แม้ว่าองค์กรส่วนมากจะเป็นบริษัทในเครือของ Wipro เอง และอีกส่วนเป็นองค์กรภายใต้มูลนิธิ Azim Premji Foundation ที่สร้างจากเงินบริจาคของ Azim Premji ผู้ก่อตั้ง Wipro ผู้เป็นพ่อของ Rishad Premji Nascent Information Technology Employees Senate (NITES) กลุ่มแรงงานไอทีอินเดีย แสดงความไม่เห็นด้วย โดยระบุว่านายจ้างนั้นจ้างงานตามชั่วโมงทำงาน และการที่พนักงานจะไปทำงานอะไรนอกเวลาก็เป็นสิทธิ์ของพนักงาน อุตสาหกรรมไอทีอินเดียโดยรวมมีท่าทีพยายามกันพนักงานไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทอื่นค่อนข้างมาก Infosys ผู้ให้บริการไอทีรายใหญ่อีกราย มีสัญญาห้ามพนักงานไปทำงานกับลูกค้าเป็นเวลา 6 เดือนและห้ามไปทำงานกับคู่แข่งในช่วง 1 ปีหลังลาออก ผู้บริหารของ Tata Consulting และ Infosys ก็เคยออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการที่พนักงานไปรับงานนอกเช่นกัน ที่มา - The Register ภาพโดย Innovalabs
# Meta ถูกพนักงานตรวจสอบเนื้อหาในเคนย่ายื่นฟ้อง เหตุกดค่าแรง ละเมิดเสรีภาพ และไม่ดูแลสภาพจิตใจ ศาลประเทศเคนย่านัดวันไต่สวนคดีระหว่าง Meta และบริษัท Sama ซึ่งเป็นบริษัท outsource ผู้ดูแลและคัดกรองเนื้อหาบน Facebook หลังถูกอดีตพนักงานยื่นฟ้องเรื่องการเอารัดเอาเปรียบและละเมิดสิทธิแรงงาน โดยจะไต่สวนในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ Daniel Motaung ชาวเคนย่าที่เป็นอดีตพนักงานของบริษัท Sama ได้ยื่นฟ้องทั้งบริษัทและบริษัท Meta ภายหลังจากที่ออกจากบริษัท มีรายงานว่า Motaung เป็นผู้นำพนักงานราว 100 คนในการยื่นคำร้องต่อบริษัทเพื่อเรียกร้องให้พนักงานมีสภาพการทำงานที่ดีขึ้น Motaung อ้างว่าเขาและพนักงานคนอื่น ๆ ในบริษัทต้องทำงานภายใต้สิ่งแวดล้อมที่กดดันทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพจิต ต้องคัดกรองเนื้อหาที่มีความรุนแรง เนื้อหาทางเพศ และเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย รวมถึงต้องทำงานมากสุดถึง 9 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ พนักงานยังมีปัญหาเรื่องการขาดประกันสุขภาพตามสัญญาจ้างและไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีได้ บริษัทยังละเมิดสิทธิในการรวมตัวกันของพนักงานเพื่อเรียกร้องสิทธิที่ควรจะได้ด้วย ทนายความของ Motaung ยังกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ภาพจาก Shutterstock ในคำฟ้องระบุว่า Sama และ Meta ได้ละเมิดกฎหมายเคนย่าเรื่องการจ่ายค่าแรงที่ไม่ยุติธรรม อคติต่อเชื้อชาติ การทรมานด้านร่างกายและการขาดสวัสดิเพื่อการรักษาสภาพจิตใจที่เพียงพอ ทั้งยังละเมิดเสรีภาพในการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Meta (สมัย Facebook) เคยถูกแฉ และถูกฟ้องร้อง ลักษณะคล้ายๆ กันมาแล้ว Motaung ยื่นคำฟ้องเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้ตัวเอง อดีตพนักงานและพนักงานปัจจุบันของบริษัท Sama และเรียกร้องให้ศาลออกคำสั่งให้บริษัท Meta ปฏิบัติต่อพนักงานจากบริษัท outsource เหมือนกับที่ปฏิบัติต่อพนักงานใน Meta ในเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการ รวมถึงบริษัทปกป้องสิทธิของพนักงานและตรวจสอบการดำเนินการของบริษัท Sama ด้วย ก่อนหน้านี้ ทนายความของ Meta ก็ได้ยื่นคำร้องให้ศาลยกฟ้องคดีโดยโต้แย้งว่าบริษัทไม่ได้จดทะเบียนในประเทศเคนย่า แต่ผู้พิพากษายังคงให้มีการไต่สวนในเดือนตุลาคมนี้ ที่มา: Gizmodo และ TIME
# Chromecast with Google TV (HD) ตัวใหม่ มีตัวเลือกให้ปลดล็อค bootloader หลัง Google เปิดตัว Chromecast with Google TV (HD) ตัวใหม่ไปสดๆ ร้อนๆ ก็มีสื่อต่างประเทศเริ่มได้สัมผัสกับ Chromecast ตัวใหม่นี้แล้วและที่น่าสนใจคือมันสามารถปลดล็อค bootloader ได้ง่ายๆ ใน setting ไม่เหมือนตัว 4K ที่ต้องใช้ท่ายากกว่าเยอะ Chromecast with Google TV (HD) สามารถปลดล็อค bootloader ได้ง่ายๆ แค่เปิด Developer Options แล้วเลือกเปิด Allow OEM Unlocking เป็นอันเรียบร้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า Google จงใจเพิ่มตัวเลือกนี้มาให้ หรือแค่ลืมเอาออก ที่มา - AFTVNews
# Microsoft เตรียมจ้างงานเพิ่มอีก 1,000 อัตราในจีน สวนทางบริษัทอื่นที่ลดจำนวนพนักงานลง Microsoft โพสต์ฉลองครบรอบ 30 ปีที่ดำเนินกิจการในตลาดจีนผ่านแอป Weibo พร้อมเปิดเผยว่าบริษัทจะเพิ่มการจ้างงานในจีนอีก 1,000 อัตราเพื่อให้มีพนักงานภายในประเทศเกิน 10,000 รายในปีหน้า จากที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 9,000 ราย Microsoft บอกด้วยว่าจะเปิดสำนักงานเพิ่มในกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และซูโจวในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยขณะนี้บริษัทมีสำนักงานใน 13 เมืองในจีน บริษัทกล่าวว่าพนักงานในจีน 80% ทำงานด้านการวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ การเพิ่มการจ้างงานของบริษัทสวนทางกับการบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่น ๆ ที่ขณะนี้ได้เริ่มลดจำนวนพนักงานลงจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาและการแข่งขันที่สูงขึ้น เช่น Shopee, Xiaomi และ Tencent อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บริษัทก็ได้ยอมรับว่าปลดพนักงานจำนวนเล็กน้อยออกเช่นเดียวกัน ที่มา: South China Morning Post
# ซีอีโอ EA บอกศึกแย่งชิง Call of Duty เป็นโอกาสดีของ Battlefield ที่ลงทุกแพลตฟอร์ม Andrew Wilson ซีอีโอของ EA ไปพูดที่งานประชุมของ Goldman Sachs และแสดงความเห็นเรื่องศึกแย่งชิง Call of Duty ระหว่างโซนี่และไมโครซอฟท์ ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ว่าเป็นโอกาสดีของแฟรนไชส์ Battlefield ของ EA ที่ไม่อิงกับแพลตฟอร์มใด (platform agnostic) อย่างไรก็ตาม เขาก็ยอมรับว่ายอดขายของ Battlefield ในช่วงหลังตกลงจากเดิม โดยเฉพาะ 2 ภาคหลังสุดคือ Battlefield V และ Battlefield 2042 ที่คุณภาพเกมไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น แต่เขาก็ย้ำว่าตัวแฟรนไชส์ Battlefield ยังมีคุณค่า และพร้อมจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก เช่นเดียวกับภาพยนตร์แฟรนไชส์ดังๆ อย่าง Star Wars ที่อาจมีบางภาคไม่ดี แต่จะมีการปรับปรุงคุณภาพแล้วกลับมาได้อีกเสมอ ที่มา - Eurogamer
# ซีอีโอ NVIDIA บอกยุคของการ์ดจอถูกเป็นอดีตไปแล้ว ต้นทุนแผ่นเวเฟอร์มีแต่แพงขึ้น ในงานเปิดตัว GeForce RTX ซีรีส์ 40 "Ada Lovelace" ที่เริ่มด้วย 4090 และ 4080 นอกจากประเด็นเรื่องการกินไฟ (ค่า TDP) ที่เพิ่มขึ้นแล้ว อีกเรื่องที่โดนวิจารณ์หนักคือราคาเปิดตัว (MSRP หรือราคาที่แนะนำให้ขาย) ที่เพิ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับ GeForce เจนก่อนๆ เช่น ซีรีส์ 30 หรือ ซีรีส์ 20 GeForce RTX 4090 ราคา 1,599 ดอลลาร์ เทียบกับ GeForce RTX 3090 ราคา 1,499 ดอลลาร์ (หรือถ้าย้อนไปอีกเจน 2080 Ti เปิดตัวที่ 999 ดอลลาร์) GeForce RTX 4080 รุ่นแรม 12GB ราคา 899 ดอลลาร์ เทียบกับ GeForce RTX 3080 แรม 10GB ราคา 699 ดอลลาร์ ประเด็นนี้ท่านซีอีโอ Jensen Huang ตอบคำถามสื่อหลังงานเปิดตัว ระบุชัดว่า แนวโน้มชิปราคาถูกลงเรื่อยๆ เป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านไปแล้ว (“The idea that the chip is going to go down in price is a story of the past.”) เขาบอกว่ากฎของมัวร์ตายแล้ว ตอนนี้แผ่นเวเฟอร์ขนาด 12 นิ้วมีต้นทุนแพงกว่าเดิมมาก เขายังชี้ว่าเราควรดูประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนเจน ที่ระดับราคาเดิม มากกว่าการดูชิปเกรดเดิมว่าราคาแพงขึ้นแค่ไหน และหากลูกค้ามองว่า 4090 หรือ 4080 แพงเกินไป ตอนนี้ก็ยังเลือกซื้อชิปรุ่นก่อนอย่าง 3080 ที่ยังวางขายต่อไปได้ ที่มา - Digital Trends
# LibreOffice นำแอพขึ้น Mac App Store ตั้งราคา 8.99 ดอลลาร์ นำเงินกลับไปพัฒนาโปรแกรม The Document Foundation (TDF) หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ LibreOffice ประกาศนำ LibreOffice ขึ้นบน Mac App Store โดยตั้งราคาขาย 8.99 ยูโร/8.99 ดอลลาร์ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมซอฟต์แวร์แจกฟรีอย่าง LibreOffice ถึงตั้งราคาขายได้ จริงๆ แล้วเป็นสิทธิของผู้สร้าง (ในกรณีนี้คือ TDF) ว่าจะตั้งราคาอย่างไร ซึ่ง TDF บอกว่าตั้งราคา 8.99 ยูโร เพื่อขาย "ความสะดวก" ในการติดตั้ง โดยเงินที่ได้จะนำกลับมาใช้พัฒนา LibreOffice ต่อไป ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลด LibreOffice เวอร์ชันแมคได้ฟรีเช่นเดิม ฟีเจอร์เหมือนกันทุกประการ แถมดีกว่าด้วยซ้ำเพราะผนวก Java มาให้ในตัว (บางฟีเจอร์ของ LibreOffice เขียนด้วย Java) เนื่องจากแอปเปิลไม่ยอมให้ผนวก Java เข้ามาในแพ็กเกจที่ขึ้นสโตร์ ประเด็นเรื่องการคิดเงินค่าซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส เพิ่งมีการถกเถียงของฝั่ง Microsoft Store ที่เดิมทีมีกฎห้ามคิดเงิน แต่ภายหลังนำกฎข้อนี้ออก เพื่อเปิดกว้างให้โครงการโอเพนซอร์สสามารถคิดเงินค่าแพ็กเกจบน Microsoft Store ได้ (เช่น Krita ซอฟต์แวร์วาดภาพที่คิดราคา 14.99 ดอลลาร์) อย่างไรก็ตาม LibreOffice ยังไม่มีออกเวอร์ชันบน Microsoft Store ที่มา - LibreOffice, The Register
# Proton ประกาศปิดเซิร์ฟเวอร์ VPN ในอินเดีย หลังกฎหมายเก็บข้อมูลผู้ใช้งานมีผล Proton VPN เป็นผู้ให้บริการ VPN รายล่าสุด ที่ประกาศปิดเซิร์ฟเวอร์ในอินเดีย หลังจากทางการมีข้อกำหนดให้ผู้ให้บริการ VPN ในประเทศ ต้องเก็บข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อลูกค้า, อีเมล, IP ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยต้องเก็บข้อมูลอย่างน้อย 5 ปี และให้ข้อมูลกับหน่วยงานดูแลเมื่อมีการร้องขอ ก่อนหน้านี้ ExpressVPN ก็ประกาศปิดเซิร์ฟเวอร์ในอินเดีย รวมถึงผู้ให้บริการ VPN หลายรายก็ใช้แนวทางนี้ นั่นคือลูกค้ายังใช้งานได้ตามเดิม แต่ไม่ได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งในประเทศ ที่ผ่านมาทางการอินเดียได้ข้อกำหนดเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์หลายหัวข้อ ซึ่งเป็นการควบคุมอินเทอร์เน็ตในระดับเดียวกับจีนและรัสเซีย ที่มา: WSJ
# Satya Nadella ซีอีโอ Microsoft มั่นใจดีลซื้อ Activision Blizzard จะได้รับการอนุมัติ ประเด็นผูกขาดการค้า Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการซื้อกิจการ Activision Blizzard ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่หน่วยงานของอังกฤษ ให้ความเห็นว่าดีลนี้จะทำลายการแข่งขันในธุรกิจเกม เขาบอกว่าการถูกตรวจสอบเมื่อเกิดดีลซื้อกิจการเป็นเรื่องปกติ แต่เขามั่นใจว่าไมโครซอฟท์ก็จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ เขายังบอกว่าไมโครซอฟท์นั้นถ้าวัดตำแหน่งของบริษัทในอุตสาหกรรมเกม ก็ยังตามหลังบริษัทอย่าง โซนี่ นินเทนโด หรือ Tencent เสียอีก รวมทั้งยกตัวอย่างว่าช่วงที่ผ่านมาโซนี่ก็ซื้อสตูดิโอเกมหลายแห่ง ยังไม่มีประเด็นผูกขาดตามมา Nadella ยังบอกว่า ถ้าเป็นเรื่องการแข่งขัน ก็ควรปล่อยให้เราได้แข่งขัน นอกจากนี้เขายังพูดถึงประเด็นเศรษฐกิจภาพรวม บอกว่าเงินเฟ้อเป็นปัญหาตอนนี้ แต่หากดูตำแหน่งของบริษัทแล้ว ซอฟต์แวร์คือเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยให้ลูกค้านำมาปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ เป็นเหมือนตัวสู้กับต้นทุนและเงินเฟ้อ จึงเชื่อว่าบริษัทจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ ที่มา: Windows Central
# Apple อัพเดต iOS 16.0.2 แก้ปัญหากล้องสั่นใน iPhone 14 Pro, ลดการเตือน Copy-Paste ข้ามแอป แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 16.0.2 สำหรับผู้ใช้ iPhone ทุกคน ซึ่งถือเป็นอัพเดตทั่วไปครั้งแรก ตั้งแต่ iOS 16 ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (ส่วน iOS 16.0.1 ออกมาเฉพาะ iPhone 14) ซึ่งในอัพเดตนี้เป็นการแก้ไขบั๊กต่าง ๆ ที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ ในรายละเอียดอัพเดต แอปเปิลบอกว่า iOS 16.0.2 แก้ไขปัญหากล้องสั่น-ภาพเบลอ เมื่อเปิดการใช้งานกล้องผ่านแอป 3rd party ซึ่งพบใน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ส่วนบั๊กอื่นที่มีการแก้ไข ได้แก่ ปัญหาหน้าจอดับสนิทระว่างเซตอัพ, VoiceOver ไม่ทำงานหลังรีบูทเครื่อง และปัญหาข้อความเตือนปรากฏถี่เกินไป เมื่อ copy-paste ข้อความข้ามแอป นอกจากนี้ในอัพเดตนี้ยังแก้ปัญหาส่วนจอสัมผัสไม่ตอบสนอง หากจอของ iPhone มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนหน้าจอ ซึ่งพบรายงานปัญหาใน iPhone X, iPhone XR และ iPhone 11 ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตแบบ OTA ได้ โดยไปที่ Settings > General และเลือก Software Update ที่มา: 9to5Mac
# Pico เปิดตัว Pico 4 เฮดเซต VR รุ่นใหม่ น้ำหนักเบาเพียง 295 กรัม Pico ผู้ผลิตเฮดเซต VR ที่ปัจจุบันมี ByteDance เป็นเจ้าของ เปิดตัวเฮดเซต VR รุ่นใหม่ Pico 4 ราคาเริ่มต้นที่ 429 ยูโร หรือประมาณ 16,000 บาท วางขายในยุโรปและเอเชียบางประเทศ เริ่มส่งมอบสินค้า 18 ตุลาคม เป็นต้นไป จุดเด่นของ Pico 4 คือขนาดที่เล็กลงและน้ำหนักที่เบาลงกว่า Pico Neo 3 รุ่นก่อนหน้านี้ โดยมีน้ำหนัก 295 กรัม ถ้ารวมสายรัดจะเป็น 586 กรัม ซีพียู Snapdragon XR2 แรม 8GB จอภาพความละเอียดข้างละ 2160x2160 พิกเซล มีสองตัวเลือกความจุคือ 128GB และ 256GB แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 3 ชั่วโมง การเปิดตัวเฮดเซต VR ของ Pico นี้ ออกมาก่อนงาน Meta Connect ที่คาดว่าจะเปิดตัวเฮดเซต Meta Quest Pro ตัวใหม่ในเดือนหน้า ที่มา: The Verge
# Windows 11 เริ่มทดสอบแอพ Photos ตัวใหม่ แสดงภาพแบบ Gallery ได้, มี Memories ย้อนอดีต ไมโครซอฟท์เปิดตัวแอพ Photos ของ Windows 11 เวอร์ชันใหม่ ดีไซน์ใหม่ รองรับการแสดงภาพโหมด gallery สะดวกในการจัดการภาพจำนวนมากๆ และมีฟีเจอร์ Memories ให้ระลึกความหลังจากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ไปเที่ยว, วันนี้ในอดีต เป็นต้น Photos ตัวใหม่ยังเชื่อมกับ OneDrive โดยตรง ทำให้การแบ็คอัพภาพสะดวกขึ้น แสดงโควต้าสตอเรจของ OneDrive ได้เลย อย่างไรก็ตาม มันจะถูกตัดฟีเจอร์ตัดต่อวิดีโอ เพราะมีแอพ Clipchamp มาแทนแล้ว แอพ Photos ตัวใหม่จะใช้แทน Photos ตัวปัจจุบัน แต่ถ้ายังอยากใช้ตัวเก่าก็สามารถดาวน์โหลดคืนได้จาก Microsoft Store ตอนนี้ Photos ตัวใหม่ยังเปิดทดสอบเฉพาะผู้ใช้ Windows Insider Dev Channel เท่านั้น ที่มา - Microsoft
# เปิดตัว Chromecast with Google TV (HD) ราคาถูกลงเหลือ 29.99 ดอลลาร์ ไม่มี 4K กูเกิลเปิดตัว Chromecast with Google TV รุ่นใหม่ ตรงตามข่าวลือ แต่ชิงมาเปิดตัวก่อนงานแถลงข่าว 6 ตุลาคม ที่จะชู Pixel 7 เป็นหลัก Chromecast รุ่นใหม่มีชื่อว่า Chromecast with Google TV (HD) โดยตั้งราคา 29.99 ดอลลาร์ ถูกลงจากรุ่นเดิมที่เรียกว่า Chromecast with Google TV (4K) ที่ปัจจุบันขาย 49.99 ดอลลาร์ กูเกิลบอกว่าราคา 29.99 ดอลลาร์นี้ถูกกว่า Chromecast รุ่นแรกสุดที่ราคา 35 ดอลลาร์ซะอีก เพราะตั้งใจออกแบบมาให้ราคาถูก เข้าถึงได้ง่ายจริงๆ หน้าตาของ Chromecast with Google TV (HD) เหมือนกับรุ่น 4K ทุกประการ แต่มีเฉพาะสีขาวสีเดียว มีรีโมทให้ในชุด รองรับคำสั่งเสียง Google Assistant ต่างกันแค่ความละเอียด 1080p กับ 4K เท่านั้น ที่มา - Google
# HappyFresh ประกาศยุติธุรกิจในไทยและมาเลเซีย มีผลทันที เหลือเฉพาะอินโดนีเซีย HappyFresh แอปบริการส่งสินค้าอุปโภค-บริโภคจากซูเปอร์มาร์เก็ต ประกาศยุติการให้บริการในประเทศไทย และมาเลเซีย มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังดำเนินการมา 7 ปี โดยให้สาเหตุจากวิกฤติทางเศรษฐกิจ HappyFresh เป็นสตาร์ทอัพจากอินโดนีเซีย โดยก่อนหน้านี้ 1 วัน บริษัทเพิ่งกลับมาให้บริการต่อในอินโดนีเซีย หลังจากหยุดให้บริการชั่วคราวหลายสัปดาห์ ซึ่งมาพร้อมกับเงินจากนักลงทุนก้อนใหม่ ที่มีเงื่อนไขให้บริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยการพิจารณาปิดกิจการในไทยและมาเลเซีย เป็นหนึ่งในเงื่อนไขนี้ด้วย บริษัทก่อตั้งในปี 2014 โดยมีโมเดลธุรกิจคล้ายกับ Instacart คือให้ผู้ใช้งานสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ต ผลจากการปรับโครงสร้างนี้ทำให้ HappyFresh กลับมาโฟกัสธุรกิจเฉพาะในอินโดนีเซียเพียงแห่งเดียว ที่มา: HappyFresh และ The Edge Markets
# ธนาคารไทยพาณิชย์ชี้แจงเหตุลูกค้าถูกดูดเงินออกจากบัญชี พบลูกค้าถูกหลอกให้ติดตั้งโปรแกรม หลังจากมีข่าวเจ้าของบัญชีถูกถูกมิจฉาชีพหลอกส่งลิงก์ผ่าน LINE จนกระทั่งเงินถูกโอนออกจากบัญชี 1.4 ล้านบาท ทางธนาคารไทยพาณิชย์ก็แถลงชี้แจงว่าการถอนเงินไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของธนาคาร แต่ผู้ถูกหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของธนาคาร ทางธนาคารไทยพาณิชย์ระบุว่าธนาคารไม่มีนโยบายส่งข้อความผ่านทาง SMS, อีเมล, LINE, หรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวหรือรหัสผ่านลูกค้า แถลงของธนาคารไม่ได้บอกรายละเอียดของเหตุการณ์ครั้งนี้โดยตรง แต่แนะนำ 3 ประเด็น ได้แก่ คนร้ายสามารถให้ข้อมูลเหยื่อได้มากขึ้น สามารถบอกชื่อ, นามสกุล, หมายเลขประจำตัว, ชื่อร้านค้า ฯลฯ ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ คนร้ายอาจจะหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งโปรแกรม remote desktop และหลอกให้เหยื่อบอก PIN สำหรับเข้าควบคุมหน้าจอ คนร้ายอาจจะอาศัยการแชร์หน้าจอระหว่างวิดีโอคอล แล้วหลอกให้เหยื่อเข้าแอปธนาคาร การใช้ซอฟต์แวร์ remote desktop ตามปกติเพื่อหลอกควบคุมเครื่องของเหยื่อนั้นเป็นปัญหาที่มีต่อเนื่อง โปรแกรมยอดนิยมเช่น Team Viewer มีรายงานอยู่เนืองๆ ว่าคนร้ายพยายามหลอกให้เหยื่อลงโปรแกรมเพื่อเข้าควบคุมเครื่องของเหยื่อ ช่วงปี 2016 มีมัลแวร์แอนดรอยด์ระบาดในยุโรปโดยติดตั้ง Team Viewer QuickSupport ลงในเครื่องของเหยื่อ ที่มา - จดหมายข่าวธนาคารไทยพาณิชย์ ภาพโดย TheInvestorPost
# OnePlus ออกอัพเดต OxygenOS 13 ให้ OnePlus 10 Pro เป็นรุ่นแรก OnePlus เป็นค่ายแรกๆ ที่ออกอัพเดต Android 13 รุ่นเสถียรให้มือถือของตัวเอง โดยเริ่มจาก OnePlus 10 Pro เรือธงประจำปีนี้เป็นรุ่นแรกที่ได้อัพเกรดเป็น OxygenOS 13 นอกจากฟีเจอร์มาตรฐานของ Android 13 แล้ว ของใหม่อย่างอื่นคือธีม Aquamorphic Design และฟีเจอร์เฉพาะของค่ายตัวเองอย่าง Meeting Assistant ช่วยลดการแจ้งเตือนระหว่างประชุม, แสดงโฟลเดอร์ขนาดใหญ่บนหน้า Home สำหรับคนขี้เกียจเลื่อนจอบ่อยๆ, ปรับปรุงการทำงานของ Always-On Display เป็นต้น ที่มา - OnePlus
# Kittyhawk บริษัทเครื่องบินเล็กขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Larry Page ปิดกิจการแล้ว Kittyhawk บริษัทรถยนต์บินได้-เครื่องบินเล็กที่ได้รับการสนับสนุนโดย Larry Page ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล ประกาศยุติกิจการ หลังจากก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 Kittyhawk ตอนแรกใช้ชื่อว่า Zee.Aero มีแกนหลักคือ Sebastian Thrun คนทำโปรเจครถยนต์ไร้คนขับของกูเกิล ที่ Page ดึงตัวมาตั้งเป็นบริษัทใหม่ โดยที่เขาลงทุนเองส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการลงทุนของกูเกิล บริษัทยังมีสัญญาพันธมิตรธุรกิจกับ Boeing ด้วย ในระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา Kittyhawk มีอากาศยาน airtaxi รุ่นต้นแบบหลายรุ่น เน้นผู้โดยสารคนเดียวให้มีน้ำหนักเบา ราคาถูก และใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ-ควบคุมระยะไกลมาแทนการใช้นักบิน โครงการสุดท้ายของ Kittyhawk คือ Project Heaviside ที่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับเฮลิคอปเตอร์มากกว่า Kittyhawk ประกาศผ่าน LinkedIn สั้นๆ แค่ว่า We have made the decision to wind down Kittyhawk. โดยไม่ระบุเหตุผลที่ปิดกิจการ ที่มา - Kittyhawk LinkedIn, CNBC
# Mastercard เผยผลสำรวจ คนไทยกว่า 94% เคยใช้ระบบดิจิทัลชำระค่าบริการ สูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 88% Mastercard เผยผลสำรวจ 2022 New Payments Index เรื่องพฤติกรรมการทำธุรกรรมและวิธีการชำระเงินที่ผู้บริโภคนิยม โดยสำรวจความเห็นของกลุ่มผู้บริโภค 35,040 คน ครอบคลุมตลาด 40 แห่ง ใน 5 ภูมิภาคซึ่งรวมถึงตลาดใหญ่อย่างออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เวียดนาม และไทย สำรวจระหว่างเดือนมีนาคม 2021 ถึงเดือนเมษายน 2022 ผลสำรวจรายงานว่าคนไทย 81% ทำธุรกรรมอย่างน้อย 1 รูปแบบผ่านเครื่องมือดิจิทัล โดยธุรกรรมที่มีการใช้งานมากที่สุดได้แก่ การชำระค่าบริการ 71% ธุรกรรมธนาคาร 75% และการเปิดบัญชีธนาคารใหม่ 64% นอกจากนี้ ยังพบว่าคนไทยที่เคยใช้ระบบดิจิทัลเพื่อชำระค่าบริการต่าง ๆ อย่างน้อย 1 รูปแบบคิดเป็น 94% ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่อยู่ที่ 88% นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยกว่า 80% เพิ่มการใช้งานระบบการชำระเงินแบบดิจิทัลอย่างน้อยอีก 1 รูปแบบในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนรูปแบบการชำระเงินที่มีการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ Digital Wallets 63% การชำระเงินผ่านการโอนเข้าบัญชี 55% และ QR code 54% เหตุผลที่ผู้บริโภคใช้ระบบดิจิทัลในการชำระค่าบริการ ได้แก่ เพราะความสะดวกสบาย 85% ความปลอดภัย 61% และช่วยให้สามารถควบคุมเงินได้มากขึ้น 56% ทั้งนี้ ผู้บริโภคบางส่วนยังมีความกังวลด้านความปลอดภัย ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์
# Microsoft ประกาศไม่ติดป้ายเฟคนิวส์ เลี่ยงถูกหาว่าปิดกั้นการแสดงความเห็น Brad Smith ประธานบริษัท Microsoft เปิดเผยว่า บริษัทจะไม่ติดป้ายโพสต์ที่ให้ข้อมูลเท็จบน Bing และ LinkedInเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมองว่าบริษัทพยายามที่จะปิดกั้นการแสดงความเห็นทางออนไลน์ การตัดสินใจของ Microsoft ถือว่าแตกต่างจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ หลังจากที่ Meta และ Twitter ติดป้ายเตือนข้อความเท็จและได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ โดยเฉพาะความเห็นที่เชื่อมโยงกับการเมืองว่าบริษัทปิดกั้นการแสดงความเห็นจากฝ่ายขวา Smith กล่าวว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อสาธารณะว่าใครเป็นผู้โพสต์และสิ่งที่โพสต์มีเนื้อหาอย่างไร และจะให้ผู้ใช้งานเป็นผู้ตัดสินเองว่าโพสต์นั้น ๆ เป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นการปฏิบัติตามแนวทางของระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ ยังเผยว่าขณะนี้บริษัทเน้นไปที่การติดตามดูการเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่มุ่งโจมตีผู้ใช้งานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการเปิดเผยตัวตนของผู้ใช้ ที่มา: Bloomberg
# [ลือ] กูเกิลซุ่มทำ Project Caviar มาแข่งกับ Dolby Vision และ Atmos แต่ไม่เก็บค่าไลเซนส์ เว็บข่าว Protocol อ้างว่าได้เห็นเอกสารภายในของกูเกิล ชี้ว่ากูเกิลกำลังพัฒนาเทคโนโลยีด้านภาพ HDR video และเสียง 3D audio แบบไม่ต้องเสียค่าใช้งาน (royalty-free) เพื่อมาใช้แทน Dolby Vision และ Dolby Atmos ที่ต้องเสียค่าไลเซนส์ให้กับ Dolby โครงการนี้มีโค้ดเนมว่า Project Caviar และกูเกิลได้แชร์เอกสารให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์บางรายรับทราบแล้ว เป้าหมายของ Project Caviar คือใช้งานกับ YouTube เป็นหลัก (ปัจจุบันยังไม่รองรับทั้ง Dolby Vision/Atmos) แต่กูเกิลก็พยายามชวนพันธมิตรรายอื่นๆ มาเข้าร่วมด้วย ที่ผ่านมา กูเกิลมีประวัติการผลักดัน codec ที่ไม่เสียค่าใช้งาน ตั้งแต่ VP8, VP9, WebM, WebP จนมาถึง AV1 จึงไม่น่าแปลกใจนักที่กูเกิลจะทำ Project Caviar ต่อ อย่างไรก็ตาม Project Caviar ไม่ได้เป็น codec โดยตรง แต่เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ปรับคุณภาพของภาพ-เสียงบน codec เดิมที่มีอยู่แล้ว Dolby เก็บค่าใช้งาน Dolby Vision ราว 2-3 ดอลลาร์ต่อเครื่อง และไม่เคยเปิดเผยค่าใช้งานของ Dolby Atmos ต่อเครื่องต่อสาธารณะ แต่เรียกเก็บจากผู้ใช้งานเป็นรายคนที่ 15 ดอลลาร์ เว็บ Protocol ชี้ว่าซัมซุงเคยพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการผลักดันมาตรฐาน HDR10+ มาสู้กับ Dolby Vision แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เหตุผลสำคัญมาจากผู้ให้บริการคอนเทนต์อย่าง Netflix, Disney+ เลือกใช้ Dolby Vision มากกว่า ซึ่งการที่กูเกิลมี YouTube ในมือก็มีอำนาจต่อรองมากกว่าเคสของซัมซุงมาก ที่มา - Protocol
# Meta โดนฟ้อง เหตุฝังสคริปต์เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ผ่านเบราว์เซอร์ ผู้ใช้ Facebook 2 รายยื่นฟ้องแบบกลุ่มต่อศาลรัฐบาลกลางเมืองซานฟรานซิสโก จากเหตุที่มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ออกมาแฉว่า เบราว์เซอร์ของ Facebook, Messenger และ Instagram แอบฝังสคริปต์ติดตามตัวผู้ใช้ ซึ่งอาจผิดกฎหมายเรื่องการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หลังจากรายงานออกมา Meta ได้โต้ตอบรายงานของ Krause ว่า แอปติดตามการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ของผู้ใช้จริงแต่ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างผิดกฎหมาย Facebook ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเก็บข้อมูลผู้ใช้ของ Apple ทำให้เก็บข้อมูลผู้ใช้ iOS เพื่อยิงโฆษณาได้ยากขึ้น ทำให้รายได้จากการโฆษณาลดลง ที่มา: Bloomberg
# [ไม่ยืนยัน] เบื้องหลัง EVGA เลิกทำการ์ดจอ NVIDIA เกิดจากปัญหาจัดการต้นทุนของบริษัท ก่อนหน้านี้ EVGA ประกาศถอนตัวจากธุรกิจการ์ดจอ โดยอ้างเหตุขัดแย้งกับ NVIDIA ล่าสุด Igor's Lab เว็บไซต์สายฮาร์ดแวร์พีซีและเกมมิ่งเผยเบื้องหลังของการถอนตัวนี้ ว่าจริงๆ มีต้นตอมาจากการจัดการต้นทุนในแง่การผลิตของ EVGA มากกว่า จนทำให้กำไรต่อหน่วยค่อนข้างต่ำ Igor อ้างว่าในกระบวนการผลิตการ์ดจอ EVGA จะจ้างบริษัทอื่นในการผลิตบอร์ด AIB, พัดลมระบายความร้อน ไปจนถึงกระบวนการผลิตทั้งหมด ขณะที่ EVGA จะดูแลแค่ในแง่การ R&D เท่านั้น ทำให้ต้นทุนสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ทำเองทั้งหมด โดยคาดว่ากำไรต่อหน่วยของ EVGA อยู่ที่ราว 5% ขณะที่คู่แข่งอยู่ที่ราว 10% นอกจากเรื่องกำไรต่อหน่วยต่ำแล้ว อีกปัญหาที่ต่อเนื่องกันคือ EVGA ไม่สามารถเพิ่มจำนวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนต่อหน่วยให้ต่ำลงได้ด้วยเพราะ EVGA ทำตลาดเฉพาะในสหรัฐและยุโรปเป็นหลัก ขณะที่คู่แข่งทำตลาดในหลายประเทศมากกว่า เช่น ในเอเชียด้วย ทำให้ในแง่จำนวนการผลิตก็ต่ำกว่าคู่แข่งทั้งที่ต้นทุนก็สูงกว่าอยู่แล้ว อีกประเด็นคือต้นทุนอื่นๆ ที่แฝงเข้ามาด้วยในธุรกิจการ์ดจอของ EVGA เพราะเจ้านี้ค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องการประกัน ไปจนถึง Step-up Program ที่ให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ได้ภายใน 90 วันหลังซื้อ ถ้ามีรุ่นใหม่กว่าออกมา (จ่ายเงินส่วนต่าง) ที่มา - Igor's Lab
# 2K Games โดนแฮ็กระบบซัพพอร์ตลูกค้า แฮ็กเกอร์ส่งอีเมลจริงฝังลิงก์ปลอมให้ลูกค้ากด 2K Games ประกาศแจ้งเตือนลูกค้าว่าพบการแฮ็กเข้ามายังระบบ help desk ของบริษัทภายนอกที่ 2K ใช้งาน (2K ไม่เปิดเผยชื่อ แต่จากภาพตัวอย่างคือ Zendesk) และพบการส่งข้อความ phishing ทางอีเมล หลอกให้ผู้ใช้กดลิงก์ประสงค์ร้าย 2K Games เตือนว่าหากพบอีเมลจากบัญชี 2K Games support ให้ไม่ต้องเปิดและคลิกลิงก์ใดๆ แต่หากกดไปแล้ว ก็ควรตรวจสอบรหัสผ่านของตัวเอง และพยายามเปิดใช้ระบบ MFA ของบัญชีต่างๆ เท่าที่ทำได้ ผู้ที่ได้รับอีเมลจาก 2K Support คือผู้ที่เคยเปิด ticket ผ่านระบบซัพพอร์ตของ 2K มาก่อน และอีเมลอยู่ในระบบของ 2K Support แม้เคยเปิด ticket มานานมากแล้วก็ตาม เมื่อไม่กี่วันมานี้ Rockstar บริษัทในเครือเดียวกันคือ Take-Two เพิ่งโดนแฮ็กเอาซอร์สโค้ดและภาพหลุด GTA 6 แต่ยังไม่มีคำยืนยันว่าการแฮ็ก 2 กรณีนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่ ที่มา - @2KSupport, Reddit, BleepingComputer ตัวอย่างอีเมลประสงค์ร้าย
# FBI เข้าสอบสวนกลุ่มแฮ็กเกอร์ปล่อยวิดีโอหลุด GTA 6 FBI ได้เข้าสอบสวนแฮ็กเกอร์ที่อ้างว่าเป็นผู้ปล่อยคลิปหลุดเกมเพลย์ของ GTA 6 แล้ว การเข้ามาของ FBI เริ่มจากการที่ Uber ถูกแฮ็กข้อมูลก่อนและได้ร่วมมือกับ FBI และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เพื่อสอบสวนแฮ็กเกอร์ โดย Uber คาดว่าแฮ็กเกอร์รายนี้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮ็กเกอร์ Lapsus$ ที่แฮ็กบริษัทใหญ่หลายบริษัท และเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันกับที่แฮ็กข้อมูลของบริษัท Rockstar และปล่อยคลิปหลุดเกม GTA 6 โดยคลิปหลุดของเกม GTA 6 ส่วนหนึ่งมาจากการโดนแฮ็กผ่านทางบัญชี Slack ของบริษัทซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ใช้แฮ็กข้อมูลของ Uber ก่อนหน้านี้ บริษัท Rockstar ได้ออกแถลงการณ์ว่าการแฮ็คไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการพัฒนาเกมที่วางไว้ ที่มา: Eurogamer และ GamesRadar
# AppWrite แพลตฟอร์ม backend ทดแทน Firebase ออกเวอร์ชั่น 1.0 AppWrite แพลตฟอร์ม backend โอเพนซอร์สแบบเดียวกับ Firebase ที่ให้บริการทั้งการจัดการบัญชี, ฐานข้อมูล, สตอเรจ, ฟังก์ชั่น, และการส่งข้อความเรียลไทม์ประกาศออกเวอร์ชั่น 1.0 นับเป็นรุ่นเสถียรรุ่นแรก แม้ก่อนหน้านี้จะมีผู้ใช้จำนวนมากอยู่แล้วก็ตาม โดยมีคนกดดาวบน GitHub มากกว่า 25,000 คน ฟีเจอร์ที่เพิ่มมาในเวอร์ชั่นนี้ ได้แก่ Permission 2.0: ระบบจัดการฐานข้อมูลอย่างละเอียด สามารรถแยกสิทธิ์ create, update, delete ออกจากสิทธิ์ write และยังเปิดให้ผู้ใช้ที่ไม่ล็อกอินสามารถเขียนข้อมูลได้ หากคอนฟิกอย่างจงใจ Queries 2.0: เพิ่มระบบคิวรีเพื่อให้จัดการเรียงข้อมูลหรือแสดงเป็นหน้า (pagination) ได้ง่ายขึ้น DateTime รองรับ ISO8601 สามารถสร้างบัญชีจากค่าแฮชรหัสผ่านได้หลากหลาย ทั้ง bcrypt, MD5, scrypt, Argon2, PHPass, SHA, รวมถึงการเก็บรหัสแบบไม่แฮช แต่ค่าเริ่มต้นยังคงเป็น Argon2 รองรับการบีบอัดข้อมูลแบบ zstd AppWrite นับเป็นแพลตฟอร์มที่นิยมใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม Low Code แบบโอเพนซอร์สคู่กัน เช่น AppSmith หรือ ToolJet ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นใหม่ได้โดยไม่ต้องไปดูแลแพลตฟอร์มระดับล่าง ที่มา - Dev.to
# [ลือ] Sony เตรียมเปิดตัว PS5 ใหม่ปีหน้า บางลงเบาลง พร้อมช่องใส่แผ่นแยก ต่อผ่าน USB-C Tom Henderson นักข่าวในวงการเกม (เคยได้ข้อมูลว่าเห็นตัวอย่างของเกมใหม่ Kojima) รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวคนในของ PlayStation ว่าบริษัทเตรียมจะเปิดตัว PlayStation 5 รุ่นใหม่ในช่วงเดือนกันยายน 2023 ข้อมูลของ Tom บอกแค่ว่ารุ่นใหม่จะมีดีไซน์ที่บางลงและเล็กลง ส่วนหนึ่งจากการแยกช่องใส่แผ่น (disc drive) ออกมาเป็นอุปกรณ์แยก พกพาได้ เชื่อมต่อผ่าน USB-C ที่จะมีพอร์ทเพิ่มด้านหลังตัวเครื่อง และอาจวางขายเป็นอุปกรณ์เสริมต่างหากด้วย (ถ้าจริงแสดงว่า PS5 น่าจะขายเหลือรุ่นเดียว) ส่วนคำถามว่าจะเป็นรุ่นอัพสเปคเป็น PlayStaion 5 Pro หรือไม่ Tom บอกว่าฮาร์ดแวร์จะเหมือนกับที่ขายอยู่ปัจจุบัน ที่มา - Insider Gaming
# [ไม่ยืนยัน] Apple เตรียมใช้ชิป 3 nm ผลิตโดย TSMC กับ iPhone และ Mac ที่จะเปิดตัวปีหน้า แหล่งข่าวของ Nikkei Asia เปิดเผยว่า Apple จะใช้เทคโนโลยีผลิตชิป 3 นาโนเมตรล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า N3E ใน iPhone และ Mac ที่จะเปิดตัวในปีหน้า โดย N3E เป็นเทคโนโลยีของบริษัท TSMC ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติไต้หวันที่เป็นซัพพลายเออร์สำคัญของ Apple N3E เป็นเวอร์ชันอัปเกรดจากเทคโนโลยีผลิตชิป 3 นาโนเมตรรุ่นแรกของ TSMC โดยรุ่นแรกเพิ่งจะใช้ได้ในปีนี้และ Apple จะเป็นบริษัทแรกที่ใช้ โดยจะใช้กับ iPad ที่จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ส่วน N3E จะใช้ได้ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ซึ่ง Apple จะใช้ในการผลิตชิป A17 สำหรับ iPhone รุ่นพรีเมี่ยม (ซึ่งคาดว่าเป็น iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max) และใช้ผลิตชิป M3 สำหรับ Mac ที่จะเปิดตัวในปีหน้า TSMC เผยว่า N3E จะมีประสิทธิภาพดีกว่าและจะประหยัดพลังงานกว่าเทคโนโลยีชิป 3 นาโนเมตรรุ่นแรก ทั้ง TSMC และ Samsung ต่างแข่งขันกันเพื่อเป็นผู้ผลิตชิป 3 นาโนเมตรรายแรก หาก Apple ใช้ชิป N3E ของ TSMC ก็จะเท่ากับว่า Apple ใช้เทคโนโลยีล่าสุดของบริษัทติดต่อกัน 2 ปี หลังจากที่ได้ใช้เทคโนโลยีการผลิต 4 นาโนเมตรป็นครั้งแรกในการผลิตชิป A16 ที่ใช้ใน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ที่เปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่มา: Financial Times
# OpenAI แจกโมเดลปัญญาประดิษฐ์แปลงเสียงเป็นข้อความพร้อมแปลเป็นอังกฤษ รองรับภาษาไทยและเกาหลีด้วย OpenAI ประกาศปล่อยโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Whisper ที่สามารถแปลงเสียงเป็นข้อความ พร้อมๆ กับแปลข้อความเป็นภาษาอังกฤษ โมเดลที่ปล่อยออกมามี 4 ขนาด ตั้งแต่ 39 ล้านพารามิเตอร์ไปจนถึง 1,550 ล้านพารามิเตอร์ จุดเด่นของ Whisper คือรองรับภาษาจำนวนมาก แม้จะมีความแม่นยำต่างกันไป ภาษาที่มีความผิดพลาดต่ำสุด เช่น สเปน, อิตาลี, อังกฤษ, และโปรตุเกส (อัตราการผิดพลาด WER ต่ำกว่า 5.0) ขณะที่ภาษาไทยมี WER ที่ 13.2 และภาษาเกาหลีมี WER ที่ 15.2 ภาษาในอาเซียนอื่นๆ ยังมีอัตราการผิดพลาดค่อนข้างสูง เช่น ลาวอยู่ที่ 101.6, เมียนมาร์อยู่ที่ 124.5 ตัวโครงการปล่อยออกมาเป็น command line ให้ใช้งานแปลงไฟล์ MP3 เป็นข้อความ หรือจะใช้งานผ่าน Python ก็ได้ ที่มา - OpenAI
# Meta ปลดพนักงานออกเงียบ ๆ ตามแผนลดรายจ่าย หลังรายได้ลดลง แหล่งข่าวของ Wall Street Journall เปิดเผยว่า Meta วางแผนว่าจะลดรายจ่ายลงให้ได้อย่างน้อย 10% โดยการลดจำนวนพนักงานลงส่วนหนึ่ง ประกอบกับการลดงบประมาณลง หลังจากรายได้ลดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้และเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น แหล่งข่าวเผยว่า Meta เริ่มที่จะปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากโดยไม่ประกาศต่อสาธารณะผ่านการปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ และให้เวลาพนักงาน 30 วัน เพื่อหางานตำแหน่งใหม่ภายในบริษัท โดยแผนนี้มีชื่อว่า “30 Day List” ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้เปิดเผยจำนวนพนักงานที่ถูกปลดออกแต่คาดว่าจะปลดพนักงานเพิ่มอีกในภายหลัง โดยปกติแล้ว จะมีเพียงพนักงานที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นที่ไม่สามารถหางานตำแหน่งใหม่ในบริษัทได้ แต่ครั้งนี้ แม้แต่พนักงานที่ทำงานได้ดีก็ไม่สามารถหาตำแหน่งใหม่ได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารของบริษัทก็ได้เปิดเผยว่าบริษัทจำเป็นจำต้องหยุดจ้างงาน รวมถึง Mark Zuckerberg เองก็ได้กล่าวว่าบริษัทต้องโยกย้ายทรัพยากรบุคคลเพื่อจัดลำดับความสำคัญของธุรกิจเมื่อมีการแข่งขันสูงขึ้น Meta รายงานว่าบริษัทมีพนักงานจำนวน 83,553 รายในช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้น 32% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว Google ก็ใช้วิธีเดียวกันเมื่อมีการปรับโครงสร้างองค์กรหรือเมื่อโครงการใด ๆ ถูกยกเลิก โดยจะให้เวลาพนักงานที่ถูกปลดออก 60 วันเพื่อหาตำแหน่งใหม่ภายในบริษัท ในช่วงต้นปีนี้ พนักงานเพิ่งจะร่วมลงชื่อให้บริษัทขยายเวลาเป็น 180 วัน อย่างไรก็ตาม Google ยังคงเป็นบริษัทที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดเทคโนโลยีแม้มีส่วนแบ่งการตลาดลดลงจากปีที่แล้ว บริษัทกล่าวว่าพนักงานที่ถูกปลดออก 95% สามารถหาตำแหน่งงานใหม่ภายในบริษัทได้ ที่มา: Wall Street Journal
# Logitech เปิดตัว G Cloud เครื่องเล่นเกมพกพา ชน Steam Deck, Nintendo Switch หลังจากมีข่าวยืนยัน จาก Logitech พร้อมภาพหลุด ล่าสุด Logitech เปิดตัวเครื่องเล่นเกมพกพาของตัวเองแล้วในชื่อ G Cloud ในแง่ของดีไซน์คือตรงกับที่หลุดมาเลย ขณะที่แม้โพซิชันของเครื่องเล่นจะชนกับ Steam Deck แต่ตัว Logitech จะเน้นไปที่การเล่นผ่านคลาวด์ เลยรองรับการเล่นเกมพีซีและคอนโซลผ่าน Xbox Cloud Gaming, GeForce Now และ Steam Link เป็นหลัก รวมถึงตัวเครื่องรัน Android ทำให้เกมส่วนหนึ่งจะรองรับเกมโมบายล์จาก Play Store รวมถึงแอปแอนดรอยด์อื่นๆ บางตัวด้วย (เช่น YouTube) สเปค หน้าจอเป็น IPS LCD ความละเอียด FHD สัดส่วน 16:9 รีเฟรชเรท 60Hz รองรับมัลติทัช ชิป Snapdragon 720G แรม LPDDR4X 4GB สตอเรจ UFS 64GB รองรับ microSD พอร์ท USB-C 3.1 แบตเตอรี่ 6,000mAh (น่าจะรองรับการชาร์จด้วย USB-PD) เชื่อมต่อได้เฉพาะ Wi-Fi ส่วนปุ่มก็มาตรฐานคือ A,B,X,Y, D-Pad, Analog 2 ข้าง, ปุ่มโฮมและปุ่ม G สำหรับเปิดซัพเมนูหรือหยุดเกม พร้อมปุ่มบริเวณนิ้วชี้อีก 4 ปุ่ม รองรับ Haptic Feedback มี Gyroscope ในตัวและสามารถปรับการตั้งค่าปุ่มได้ The Verge บอกว่า UI จะคล้ายๆ Switch ส่วนแอป Xbox Cloud Gaming ไม่ได้เป็นเนทีฟแอป แต่เป็น PWA Logitech G Cloud เริ่มวางขายในสหรัฐและแคนาดาเดือนตุลาคมนี้ ราคา 349.99 เหรียญ (ราคาพรีออเดอร์ 299.99 เหรียญ) เป็นราคาที่อยู่ระหว่าง Nintendo Switch (299.99) และ Steam Deck (399) ที่มา - Logitech, The Verge
# ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสแทบไม่สามารถตรวจจับมัลแวร์ดูดเงินที่มุ่งโจมตีคนไทย บางตัวพบแล้วนานนับเดือน จากข่าวมัลแวร์ดูดเงินคนไทยที่ปลอมตัวเป็นแอปกรมสรรพากร คำถามอย่างหนึ่งคือโปรแกรมป้องกันไวรัสทั้งหลายสามารถช่วยป้องกันมัลแวร์เหล่านี้ได้หรือไม่ ล่าสุดผมตรวจสอบค่าแฮชของไฟล์ APK จาก TTC-CERT พบว่าตอนนี้ยังไม่มีโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวใดสามารถตรวจจับมัลแวร์ที่มุ่งโจมตีคนไทยตัวนี้ได้เลย ปัญหานี้อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มัลแวร์สามารถโจมตีคนไทยได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน Revenue.apk ถูกรายงานว่าเป็นมัลแวร์โดย TTC-CERT และมีการอัพโหลดตัวอย่างเข้า VirusTotal เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา และยังไม่มีโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวใดระบุว่าเป็นอันตราย ขณะที่ DSI.apk ที่ TTC-CERT รายงานไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมีการอัพโหลดตัวอย่างเข้า Virustotal ไปแล้วถึงสองเดือน มีเพียง K7 Antivirus เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ตรวจจับว่าเป็นอันตราย การขาดการประสานงานกับผู้ผลิตป้องกันไวรัสทำให้มัลแวร์เหล่านี้อาละวาดได้เป็นเวลานาน เทียบกับมัลแวร์ Rewards plus ที่หลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปเหมือนกัน ไมโครซอฟท์ออกรายงานวิเคราะห์มาวันนี้และมีการอัพโหลดตัวอย่างเข้า VirusTotal ไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ตอนนี้กลับมีโปรแกรมป้องกันไวรัสจำนวน 24 ตัวตรวจจับได้ว่าเป็นมัลแวร์ แผนภาพการทำงานของมัลแวร์ Rewards plus ที่หลอกผู้ใช้ติดตั้งแอปผ่าน SMS
# FIFA 23 เปิดตัวสโมสร AFC Richmond และ ผจก. Ted Lasso จากซีรีย์ Apple TV+ EA เปิดตัวสโมสร AFC Richmode และผู้จัดการทีม Ted Lasso ซึ่งเป็นสโมสรและตัวละครสมมติจากซีรีย์ Ted Lasso ที่ได้รับความนิยมบน Apple TV+ ในเกม FIFA 23 เนื้อหาในเกมจะมีทั้งโลโก้ ชุดเสื้อฟุตบอลของสโมสร หน้าตานักฟุตบอล สนามแข่ง และหน้าตาของ Jason Sudeikis ผู้รับบท Ted Lasso จริงๆ โดย AFC Richmode จะสามารถเลือกเล่น พร้อมรับบทเป็น Ted Lasso ได้ใน Career Mode ขณะที่ในโหมด Kick Off สโมสร AFC Richmode จะอยู่ในกลุ่ม Rest of the World Ted Lasso เป็นซีรีย์ออริจินัลบน Apple TV+ เกี่ยวกับตัวละคร Ted Lasso ที่เป็นโค้ชอเมริกันฟุตบอล จับพลัดจับผลูมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลครั้งแรกกับสโมสร AFC Richmode ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งตัวซีรีย์ก็ได้คนดังในวงการฟุตบอลหลายคนมาร่วมแจม เช่น Jose Mourinho, Gary Lineker หรือ Thierry Henry ที่มา - EA
# ตาลีบันเตรียมแบน PUBG และ TikTok อ้างสร้างความเข้าใจผิด ส่งเสริมความรุนแรง กระทรวงโทรคมนาคมของอัฟกานิสถานประกาศว่าจะแบนเกม PUBG: Battlegrounds ออกจากอัฟกานิสถานในอีก 90 วัน ส่วน TikTok จะถูกแบนในอีก 1 เดือนข้างหน้า ภายหลังจากที่ได้ประชุมกับตัวแทนจากฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายบังคับใช้กฎหมายชะรีอะฮ์ (กฎหมายของอิสลามที่อ้างอิงกับคัมภีร์อัลกุรอ่าน) รัฐบาลตาลีบันอ้างว่าต้องการแบนเกมต่อสู้ PUBG และแอปพลิเคชัน TikTok ออกจากประเทศเพราะ “ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในกลุ่มเยาวชน” และ PUBG ยังเป็นเกมที่ “ส่งเสริมความรุนแรง” โดยจะให้ความสำคัญกับการแบน PUBG บนมือถือเป็นหลัก อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่ 3 ที่แบน PUBG หลังจากอินเดียและปากีสถาน แต่หลังจากนี้ก็เป็นไปได้ว่าผู้ใช้ในอัฟกานิสถานจะเชื่อมต่อเกมหรือแอปที่โดนแบนผ่าน VPN ต่อไป ก่อนหน้านี้จีนที่บล็อคบริการจำนวนมากก็เคยประกาศให้ VPN เป็นบริการที่ต้องขออนุญาตให้บริการ ที่มา: PC Gamer และ The Khaama Press
# Cloudflare เปิดบริการสตอเรจ R2 เป็นทางการ ไม่คิดค่าแบนวิดท์ ไม่ต้องเลือกภูมิภาค Cloudflare เปิดบริการคลาวด์สตอเรจ R2 เต็มรูปแบบหลังจากทดสอบวงปิดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ R2 ทดสอบแบบเบต้ามาก่อนแล้วและมีนักพัฒนาใช้งานกว่า 12,000 คน และตอนนี้บริการหลายตัวของ Cloudflare เองก็ไปใช้งาน R2 เช่นกัน จุดเด่นที่สุดของ R2 คือไม่คิดค่าแบนวิดท์แล้ว อีกจุดหนึ่งคือระบบต้องเลือกภูมิภาค (region) แม้ใน S3 API จะต้องเลือกก็ให้ใส่ auto อย่างเดียวเท่านั้น โดยตอนนี้ R2 จะเลือกวางข้อมูลให้ใกล้กับตอนสร้างที่สุด แต่อนาคตจะย้ายข้อมูลไปมาตามรูปแบบการใช้งานจริงและจะมีฟีเจอร์เพิ่มเพื่อทำตามข้อบังคับของบางประเทศ เช่น ห้ามนำข้อมูลออกจากยุโรป ค่าบริการของ R2 ไม่มีค่าแบนวิดท์ แต่คิดค่าสตอเรจ 0.015 ดอลลาร์ต่อกิกะไบต์ต่อเดือน, ค่าส่งคำสั่งเขียนและดูรายการไฟล์ (Class A) 4.5 ดอลลาร์ต่อล้านคำสั่ง, ค่าส่งคำสั่งอ่านไฟล์ (Class B) 0.36 ดอลลาร์ต่อล้านคำสั่ง บริการเริ่มต้นปี 10 กิกะไบต์ ส่งคำสั่งเขียนฟรี 1 ล้านครั้ง และคำสั่งอ่านฟรี 10 ล้านครั้ง ที่มา - Cloudflare
# Microsoft ประกาศจัดอีเวนต์เปิดตัวสินค้า คืนวันที่ 12 ตุลาคมนี้ คาดเป็น Surface รุ่นใหม่ ไมโครซอฟท์ประกาศจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ของฤดูใบไม้ร่วง 2022 ในวันที่ 12 ตุลาคม เวลา 10 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่น ET หรือตรงกับเวลา 3 ทุ่ม ตามเวลาในไทย รายละเอียดงานนั้น คาดว่าไมโครซอฟท์จะพูดถึง Device ต่าง ๆ ซึ่งรวมทั้ง Surface Pro 9 และ Surface Laptop 5 ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ ส่วนรูปแบบงาน ไมโครซอฟท์ยังไม่ได้ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติม แต่คาดว่างานจะจัดในรูปแบบออนไลน์ ที่มา: The Verge
# Amazon อัพเดตแท็บเล็ต Fire HD 8 ทำงานเร็วขึ้น 30% Amazon อัพเกรดแท็บเล็ตตระกูล Fire HD 8 แท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 8 นิ้ว โดยแบ่งเป็นรุ่นย่อยคือ Fire HD 8, Fire HD 8 Kids Pro และ Fire HD 8 Kids จุดขายคือการทำงานที่เร็วขึ้น 30% จากรุ่นก่อนหน้า วางตำแหน่งเป็นแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิง แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 13 ชั่วโมง ชาร์จ USB-C ตัวเลือกหน่วยความจำ 32GB และ 64GB เพิ่มความจุ microSD ได้สูงสุด 1TB ราคาขาย Fire HD 8 เริ่มต้นที่ 119.99 ดอลลาร์ มีให้เลือก 3 สี คือ ดำ, เดนิม และโรส ส่วน Fire HD 8 Kids และ Fire HD 8 Kids Pro ราคาเริ่มต้น 189.99 ดอลลาร์ ที่มา: Amazon
# Twitch ประกาศปรับส่วนแบ่งรายได้ สตรีมเมอร์รายใหญ่อาจได้ส่วนแบ่งน้อยลง Twitch ประกาศปรับส่วนแบ่งรายได้ระหว่างแพลตฟอร์มกับสตรีมเมอร์ จากปัจจุบันสตรีมเมอร์ส่วนใหญ่ จะได้ส่วนแบ่งรายได้ที่ 50% และตัวเลขอาจแตกต่างไป หากเป็นสตรีมเมอร์ที่มีฐานผู้ชมสูง โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อตกลงต่อสาธารณะ ที่ผ่านมา Twitch บอกว่าดำเนินงานในรูปแบบนี้มาตลอด แต่ก็พบปัญหา ทั้งการไม่เปิดเผยข้อมูล เกณฑ์ที่ไม่ชัดเจน ซึ่งกระทบต่อสตรีมเมอร์ที่ใช้เกณฑ์ส่วนแบ่งทั่วไป 50% ด้วย จึงประกาศปรับโครงสร้างส่วนแบ่งรายได้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสตรีมเมอร์ที่ได้ข้อตกลงพิเศษอยู่แล้วน้อยที่สุด รายละเอียดส่วนแบ่งใหม่คือ สตรีมเมอร์ที่ได้ข้อตกลงพิเศษอยู่แล้ว จะได้ส่วนแบ่ง 70% ของรายได้ 100,000 ดอลลาร์แรก ส่วนที่เกินกว่านั้นจะได้ส่วนแบ่ง 50% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2023 เป็นต้นไป โดยสตรีมเมอร์ที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว จะได้รับอีเมลแจ้งรายละเอียดอีกครั้ง Dan Clancy ประธานของ Twitch บอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบกับรายได้สตรีมเมอร์ส่วนใหญ่ประมาณ 90% ที่อยู่บนเงื่อนไขส่วนแบ่งปกติ แต่หากมองว่ามีผลกระทบ Twitch เองก็เพิ่งปรับส่วนแบ่งรายได้โฆษณาเป็น 55% ซึ่งน่าจะช่วยให้สตรีมเมอร์กลุ่มนี้มีรายได้มากขึ้นอยู่แล้ว ที่มา: Twitch
# Framework โน้ตบุ๊กซ่อมง่าย เปิดตัวรุ่น Chromebook Framework แบรนด์โน้ตบุ๊กซ่อมง่ายแถมมีอะไหล่ขายแยกแทบทุกชิ้น เปิดตัว Chromebook โดยตัวเครื่องใช้แพลตฟอร์มใกล้เคียงกับรุ่น Intel Core รุ่นที่ 12 ก่อนหน้านี้ แต่ตัวเมนบอร์ด และคีย์บอร์ดนั้นต่างกัน เครื่องมีรุ่นเดียวคือ Intel Core i5-1240P ใส่แรม 8GB และสตอเรจ 256GB เนื่องจากเมนบอร์ดของ Framework นั้นอัพเกรดแรมและสตอเรจได้อยู่แล้ว จึงอัพเกรดได้ถึงแรม 64GB และสตอเรจ 1TB ราคา 999 ดอลลาร์ สามารถสั่งได้แล้ววันนี้ เริ่มส่งมอบจริงเดือนธันวาคม ที่มา - Framework
# Getty Images ประกาศไม่รับภาพจากปัญญาประดิษฐ์ทั้งหมด Getty Images ตลาดซื้อขายภาพรายใหญ่ประกาศงดรับภาพที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์ เช่น Stable Diffusion, DALL‑E 2, MidJourney และภาพที่เคยส่งเข้ามาแล้วหากใช้ปัญญาประดิษฐ์ในกลุ่มนี้ก็จะถูกถอดออกด้วย โดยระบุเหตุผลว่าลิขสิทธิ์ของภาพจากปัญญาประดิษฐ์ยังไม่แน่ชัด อาจจะมีประเด็นสิทธิ์ในตัวภาพที่สร้างขึ้นและภาพที่ใช้ฝึกปัญญาประดิษฐ์ ภาพที่ใช้เครื่องมืออื่นๆ เช่น ซอฟต์แวร์เรนเดอร์สามมิติ หรือซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพปกติ ยังคงสามารถใช้งานได้ต่อไป ที่มา - Getty Images ภาพจาก DALL-E 2
# WSL 0.67.6 รองรับ systemd รัน Kubernetes ได้ในตัว ไมโครซอฟท์ปล่อย WSL 0.67.6 ให้ใช้งานใน Windows Insider วันนี้ แม้จะเป็นเพียงรุ่นย่อย แต่เวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นแรกที่รองรับ systemd ใน WSL ทำให้แอปจำนวนมากบนลินุกซ์ที่ต้องการ systemd สามารถใช้งานได้เต็มตัว โดยไมโครซอฟท์ร่วมมือกับ Canonical ในการพัฒนาระบบนี้ การควบคุม service ต่างๆ บน WSL ใช้คำสั่ง systemctl ได้เหมือนการใช้ลินุกซ์บนเครื่องปกติ แต่ซอฟต์แวร์ที่ก่อนหน้านี้รันบน WSL ไม่ได้ เช่น snap หรือ microk8s ตอนนี้จะรันได้เหมือนเครื่องปกติแล้ว จากเดิมก่อนหน้านี้การใช้ Kubernetes ต้องติดตั้ง Docker Desktop หรือ Rancher Desktop ตอนนี้ systemd จะปิดการทำงานไว้เป็นค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ต้องไปคอนฟิกเพิ่มเอง สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ Windows Insider สามารถดาวน์โหลดตัวติดตั้งจาก GitHub มาติดตั้งเองได้ ที่มา - Microsoft, Canonical
# Java 19 ออกแล้ว เริ่มรองรับสถาปัตยกรรม RISC-V แล้ว Oracle ออก Java 19 ตามรอบการออกทุก 6 เดือน โดย Java 19 เป็นรุ่นซัพพอร์ตระยะสั้นแบบเดียวกับ Java 18 ต่างจาก Java 17 ที่เป็น LTS ซัพพอร์ตยาว 8 ปี ของใหม่ใน Java 19 มีด้วยกัน 7 อย่าง (นับตามข้อเสนอ JDK Enhancement Proposals - JEP) แบ่งเป็น 4 หมวดดังนี้ Project Amber ปรับปรุงฟีเจอร์ของตัวภาษา ได้แก่ Record Patterns และ Pattern Matching for switch ทั้งสองอย่างยังเป็นพรีวิว Project Panama เชื่อมต่อ JVM กับภาษาอื่นๆ ผ่าน API ได้แก่ Foreign Function & Memory API สำหรับเรียกฟังก์ชันในภาษาอื่น และ Vector API สำหรับการประมวลผลแบบเวกเตอร์ Project Loom ปรับปรุงตัว JVM โดยเฉพาะเรื่องเธร็ด เพิ่ม Virtual Threads เธร็ดขนาดเบาแบบใหม่ ไม่ต้องพึ่งการบริหารเธร็ดของตัว OS ที่เปลืองทรัพยากร New Port เริ่มต้นพอร์ตไปยังสถาปัตยกรรม Linux/RISC-V ที่กำลังมาแรงในช่วงหลัง ที่มา - Oracle
# สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ เร่งให้รัฐบาลแบนบริษัทชิปจีน YMTC เหตุสงสัยส่งชิป NAND ให้ Huawei สมาชิกวุฒิสภาหลายรายทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพลับลิกันเร่งให้ฝ่ายบริหาร (รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน) เพิ่มบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติจีน YMTC ลงในรายชื่อแบล็คลิสต์โดยเร็ว หลังมีรายงานจาก IP Research Group ว่าบริษัทส่งชิปความจุ NAND ให้กับ Huawei เพื่อผลิตสมาร์ทโฟนพับได้รุ่น Huawei Mate Xs 2 ซึ่งอาจละเมิดข้อบังคับ Foreign Direct Product Rule (FDPR) ที่ห้ามไม่ให้ส่งออกเทคโนโลยีที่ผลิตในสหรัฐฯ ให้กับ Huawei สมาชิกวุฒิสภายังกังวลว่า YMTC ที่เป็นผู้ผลิตชิประดับสูงของจีน จะจำหน่ายชิปในราคาต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งจะกดดันให้ผู้ผลิตชิปรายอื่นของสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียด้วย ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่ารัฐบาลโจ ไบเดนเตรียมแบนไม่ให้บริษัทสหรัฐฯ ขายอุปกรณ์ระดับสูงให้กับบริษัทจีนรวมถึง YMTC มาก่อนแล้ว แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีประกาศออกมา การพิสูจน์ว่า YMTC ละเมิดข้อบังคับ FDPR จริงหรือไม่ อาจทำได้ยากหากชิปถูกจำหน่ายผ่านบริษัทตัวกลางอีกที ทั้งนี้ แหล่งข่าวของ Financial Times ได้ระบุว่า Huawei จำเป็นต้องติดต่อกับ YMTC โดยตรงเพื่อให้ดัดแปลงชิปที่จะสามารถใช้กับสมาร์ทโฟนพับได้ ที่มา: Financial Times
# ร้าน Microsoft Store จะเริ่มมีโฆษณาแอพแล้ว, ขยายแอพ Android เพิ่มเป็น 31 ประเทศ ไมโครซอฟท์ประกาศว่าเริ่มทดสอบโฆษณาแอพบนร้าน Microsoft Store แล้ว หลังประกาศว่า Microsoft Store จะมีโฆษณามาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แนวทางการโฆษณาของ Microsoft Store คงไม่ต่างจากสโตร์ขายแอพของบริษัทอื่นๆ อย่าง App Store หรือ Play Store มากนัก นักพัฒนาสามารถจ่ายเงินเพื่อแสดงแอพของตัวเองให้เด่นขึ้น ในหน้าผลการค้นหาหรือหน้าแสดงแอพตามหมวด โดยจะขึ้นข้อความว่า "Ad" ให้รู้ว่าเป็นโฆษณา นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังประกาศว่า Amazon Appstore ที่เปิดให้ดาวน์โหลดแอพ Android มารันบน Windows ได้ จะขยายประเทศที่รองรับ อย่างเป็นทางการ เพิ่มเป็น 31 ประเทศ (ยังไม่มีไทย ในเอเชียมีญี่ปุ่นประเทศเดียว) และมีแอพให้เลือกดาวน์โหลดมากกว่า 20,000 ตัวแล้ว ที่มา - Microsoft
# Twitch เตรียมแบนสตรีมมิงการพนันบางเว็บ หลังอินฟลูอินเซอร์รวมตัวขู่บอยคอตหากไม่แบน Twitch ประกาศว่าจะแบนสตรีมมิงการพนันที่เกี่ยวข้องกับสล็อต รูเล็ต และเกมลูกเต๋าที่ไม่มีใบอนุญาตว่าให้การคุ้มครองผู้บริโภคที่เพียงพอ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ โดยจะเริ่มในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ เว็บไซต์พนันที่โดนแบนขณะนี้ ได้แก่ Stake.com, Rollbit.com, Duelbits.com และ Roobet.com และ Twitch อาจเพิ่มการแบนเว็บไซต์อื่น ๆ เพิ่มอีกหลังจากตรวจสอบเพิ่ม ทั้งนี้ Twitch ยังอนุญาตให้มีการสตรีมเว็บไซต์พนันที่เกี่ยวข้องกับกีฬา กีฬาแฟนตาซี และโป๊กเกอร์ และจะอัปเดตนโยบายฉบับเต็มของบริษัทให้ผู้ใช้ก่อนวันที่ 18 ตุลาคม การที่ Twitch แบนสตรีมมิ่งการพนันเป็นผลมาจากการที่อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของ Twitch อย่าง Pokimane และ DevinNash ขู่ว่าจะเลิกสตรีมบนแอปหากไม่แบนสตรีมมิ่งที่เกี่ยวกับการพนันรวมถึงการสปอนเซอร์โดยเว็บพนัน หลังมีสตรีมเมอร์รายหนึ่งยอมรับว่าเขาหลอกเงินผู้ติดตามและสตรีมเมอร์คนอื่น ๆ มูลค่า $200,000 เพราะติดเกม CS:GO โดยคาดว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการนำไอเท็มในเกมไปใช้เป็นชิปพนันอีกต่อหนึ่ง DevinNash ระบุว่าการปล่อยให้มีโฆษณาพนันบนแพลตฟอร์มทำให้แพลตฟอร์มโดยรวมดูแย่ และผู้ลงโฆษณาสินค้าอื่นก็ไม่อยากให้โฆษณาของตนอยู่ติดกับโฆษณาเว็บพนัน ที่มา: Engadget
# AMD เปิดตัวซีพียู Ryzen 7020 Series สำหรับโน้ตบุ๊กราคาถูก ยังใช้แกน Zen 2 AMD เปิดตัวซีพียู Ryzen และ Athlon 7020 Series for Mobile ถึงแม้รหัสเป็น 7 แต่เป็นแกนซีพียูตัวเก่า Zen 2 จับตลาดโน้ตบุ๊กราคาถูก (ใช้ระบบเลขรุ่นแบบใหม่ เลขหลักที่ 3 จึงบอกรุ่นของสถาปัตยกรรม Zen) ซีพียูในชุดนี้ใช้กระบวนการผลิต 6nm TSMC, มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ทุกรุ่นมีจีพียู Radeon 610M แกน RDNA 2, รองรับชิปความปลอดภัย Pluton ของไมโครซอฟท์ และเป็นซีพียูรหัส U ห้อยท้าย กินไฟ 15 วัตต์เท่ากันหมด Ryzen 5 7520U 4 คอร์ 8 เธร็ด, คล็อค 2.8/4.3GHz, แคช 6MB Ryzen 3 7320U 4 คอร์ 8 เธร็ด, คล็อค 2.4/4.1GHz, แคช 6MB Athlon Gold 7220U 2 คอร์ 4 เธร็ด, คล็อค 2.4/3.7GHz, แคช 5MB ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กที่ประกาศนำไปใช้งานแล้วได้แก่ Acer, HP, Lenovo สินค้าจะเริ่มวางขายไตรมาส 4/2022 โดยราคาเริ่มต้น 399 ดอลลาร์ ที่มา - AMD
# รายงานเผย ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งใช้โซเชียลมีเดียในการติดตามข่าว Facebook และ YouTube นำ TikTok เติบโตเร็ว บริษัทวิจัย Pew Research Center เผยรายงาน 2 ฉบับเรื่องช่องทางการติดตามข่าวสารและการใช้โซเชียลมีเดียในการติดตามข่าว โดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่ 12,147 รายในสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 18 มิถุนายนถึง 21 สิงหาคม โดยวัดระดับความบ่อยของการใช้ 4 ระดับ ได้แก่ บ่อย (Often) บางครั้ง (Sometimes) แทบจะไม่ (Rarely) และ ไม่เคย (Never) พบว่าการใช้บ่อยและใช้บางครั้งรวมกันยังอยู่ที่ 50% เพิ่มขึ้นจากปี 2021 เล็กน้อย แต่อัตราการใช้บ่อยกลับลดลงต่อเนื่อง รายงานเผยว่า ชาวอเมริกันติดตามข่าวโดยใช้อุปกรณ์ดิจิทัลในระดับบ่อยหรือบางครั้งมากที่สุด รองลงมาเป็นโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ ตามลำดับ ในระดับตั้งแต่บางครั้งขึ้นไป ผู้ติดตามข่าวผ่านทางแพลตฟอร์มดิจิทัลติดตามข่าวจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของสำนักข่าวโดยตรงคิดเป็น 63% รองลงมาใช้ search engine และโซเชียลมีเดียเป็น 60% และ 50% ตามลำดับ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ผู้ใช้มักใช้ติดตามข่าวเป็นประจำมากที่สุดได้แก่ Facebook ที่คิดเป็น 31% รองลงมาเป็น YouTube 25% และ Twitter 14% ทั้งนี้ Twitter มีสัดส่วนผู้ใช้แอปเพื่อติดตามข่าวมากที่สุด โดย 53% ของผู้ใช้ Twitter ใช้แอปเพื่อติดตามข่าวเป็นประจำ เมื่อมองสัดส่วนของผู้ใช้บนแพลตฟอร์มต่างๆ แพลตฟอร์มหลักๆ กลับมีสัดส่วนการรับข่าวผ่านแพลตฟอร์มลดลง ยกเว้น TikTok ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนด้านอายุของผู้ใช้งาน แอปพลิเคชัน Snapchat, TikTok และ Reddit ผู้ที่ใช้ติดตามข่าวเป็นประจำส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี นอกจากนี้ ผลสำรวจเผยว่าชาวอเมริกัน 82% ใช้อุปกรณ์ดิจิทัล (สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต) เพื่อติดตามข่าวบ่อยในระดับบางครั้งหรือบ่อยซึ่งผู้ติดตามข่าวในระดับบ่อยมี 49% น้อยกว่าปีที่แล้วที่มี 51% ส่วนสัดส่วนผู้ที่ติดตามข่าวจากโทรทัศน์เป็นประจำคิดเป็น 31% ซึ่งน้อยกว่าปี 2021 ที่มีอยู่ 36% ที่มา: Pew Research Center 1 และ Pew Research Center 2
# Facebook ออกฟีเจอร์ใหม่ ให้ครีเอเตอร์ใกล้ชิดกับผู้ติดตามมากขึ้น Facebook ออกฟีเจอร์ใหม่สำหรับครีเอเตอร์ที่ผลิตเนื้อหาโดยใช้ Page เพื่อให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามเพจได้มากขึ้นและให้ผู้ใช้ค้นพบครีเอเตอร์ที่สนใจได้มากขึ้น ฟีเจอร์แรกมีชื่อว่า “Creator Endorsement” ครีเอเตอร์สามารถแนะนำครีเอเตอร์คนอื่น ๆ ให้กับผู้ติดตามของตนเองได้ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนและเลือกได้ว่าต้องการติดตามครีเอเตอร์ที่ถูกแนะนำหรือไม่ Facebook ยังเพิ่มฟีเจอร์ติดป้าย “Rising Creator Labels” ให้กับครีเอเตอร์ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ สร้างสรรค์ และถูกต้องตามแนวทางของบริษัท โดยครีเอเตอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับแรกจะมีป้ายติดที่หน้าเพจของตนเองและจะแสดงบนฟีดของผู้ใช้ภายใต้หัวข้อ “Discover more rising creators to follow” ครีเอเตอร์ยังสามารถตั้งค่าให้เนื้อหาบางอย่างเห็นได้เฉพาะผู้ติดตามหรือสมาชิกที่เป็น Top fans ของเพจ โดยเข้าไปตั้งค่าที่ Audience Setting และเลือก “Top fans” ขณะโพสต์ ในอนาคต Facebook วางแผนจะให้ครีเอเตอร์สามารถตั้งค่าให้ผู้ติดตามบางคนสามาถเข้าถึงเนื้อหาพิเศษได้ก่อนผู้ติดตามคนอื่นด้วย นอกจากนี้ ยังสร้างเทมเพลตให้กับครีเอเตอร์เพื่อกล่าวถึง Top fans ใหม่ ๆ ของเพจซึ่งช่วยให้ครีเอเตอร์และผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นและเพิ่มยอด engagement นอกจากนี้ ผู้ใช้ iOS ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถสร้าง story, reel หรือไลฟ์สดได้รวดเร็วมากขึ้นผ่านแถบ navigation bar ของ Facebook ซึ่งบริษัทไม่ได้เผยว่าจะมีในระบบ Android ด้วยหรือไม่และเมื่อไร ที่มา: TechCrunch
# AMD ประกาศวันเปิดตัวจีพียู Radeon สถาปัตยกรรม RDNA 3 วันที่ 3 พฤศจิกายน AMD ประกาศวันแถลงข่าวจีพียู Radeon รุ่นใหม่ ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3 ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ก่อนหน้านี้ AMD เคยประกาศข้อมูลเบื้องต้นของ RDNA 3 หรือ Navi 3x แล้วว่า มีประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้น 50% จาก RDNA 2 ในปัจจุบัน, และใช้กระบวนการผลิต 5nm คาดว่า AMD จะใช้ชื่อ Radeon RX 7000 ทำตลาด เพราะนับต่อจาก Radeon RX ซีรีส์ 6000 ในปัจจุบัน อยู่แล้ว แถมเลขจะมาเท่ากับซีพียู Ryzen 7000 ที่เพิ่งเปิดตัวด้วย คู่แข่งฝั่ง NVIDIA เพิ่งเปิดตัว GeForce ซีรีส์ 40 เมื่อคืนนี้ โดยจีพียูชุดแรก 4090/4080 เริ่มวางขาย 12 ตุลาคม ที่มา - PCGamer
# Apple ระบุเอง ฟีเจอร์การสั่นของคีย์บอร์ดใน iOS 16 อาจกระทบการใช้งานแบตเตอรี่ หนึ่งในคุณสมบัติที่เพิ่มมาของ iOS 16 คือการเลือกเปิด haptic หรือตัวสั่น ขณะใช้งานคีย์บอร์ดค่าเริ่มต้น (จากเดิมมีเฉพาะตัวเลือกเปิดปิดเสียง) ทำให้ทุกการพิมพ์มีการสั่นตอบสนองยืนยัน โดยฟีเจอร์นี้มีเฉพาะใน iPhone อย่างไรก็ตามฟีเจอร์นี้ก็ต้องแลกกับบางอย่างด้วย แอปเปิลระบุในหน้าเอกสาร Support เอาไว้ว่า "การเปิดการสั่นของแป้นพิมพ์อาจกระทบต่อระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone" แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่ากระทบขนาดไหน ผู้ใช้งานสามารถเปิด-ปิด การสั่นของคีย์บอร์ดได้ โดยไปที่ Settings เลือก Sounds & Haptics (เสียงและการสั่น) และ Keyboard Feedback (การตอบสนองแป้นพิมพ์) ที่มา: MacRumors
# Windows 11 2022 Update มาแล้ว อัพเดตใหญ่ครั้งแรก Taskbar รองรับ Drag & Drop แล้ว ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตใหญ่ครั้งแรกของ Windows 11 หลังจากออกเวอร์ชันแรกมานาน 1 ปีเต็ม ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Windows 11 2022 Update หรือที่ก่อนหน้านี้เรียกกันว่า 22H2 Update ตอนนี้อัพเดต 22H2 เริ่มทยอยปล่อยผ่าน Windows Update แล้ว โดยยังเป็นการทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ทีละกลุ่ม อิงกับฮาร์ดแวร์ในเครื่องที่มั่นใจว่าอัพเดตไปแล้วไม่เกิดปัญหา ไมโครซอฟท์บอกว่าจะค่อยๆ ปล่อยอัพเดตในสัปดาห์แรกๆ และถ้าสถิติการอัพเดตออกมาดี จะเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ที่รองรับขึ้นต่อไป การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการแก้ปัญหา Taskbar และ Start Menu บางประการ (ถึงแม้ไม่เยอะเหมือนที่หลายๆ คนอยากให้เป็น) ได้แก่ Taskbar รองรับ drag & drop แล้ว สร้างโฟลเดอร์ Pinned Apps ใน Start Menu ได้ ของใหม่อย่างอื่นได้แก่ Snap Layouts ฟีเจอร์จัดเรียงหน้าต่างบนหน้าจอ รองรับการจัดชุดหน้าต่างเพิ่มเติม จับแยกฟีเจอร์ Focus Assist เดิม ออกเป็น Do Not Disturb ปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด และ Focus เพิ่มนาฬิกาและการเตือนให้พักเบรก ของใหม่อื่นๆ แอพตัดต่อวิดีโอ Clipchamp ก่อนหน้านี้ต้องดาวน์โหลดแยก ตอนนี้รวมมาให้แล้ว Live Captions แสดงข้อความบรรยายของวิดีโอที่เล่นในเครื่อง ยังรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ Windows Studio Effects ช่วยใส่เอฟเฟคต์ background blur กับกล้องเว็บแคม ที่ระดับของตัว OS เลย รองรับการแสดงผลเกม Auto HDR และ Variable Refresh Rate แม้เล่นเกมแบบย่อเป็นหน้าต่าง Microsoft Defender SmartScreen ช่วยป้องกันการกรอกรหัสผ่านลงในแอพหรือเว็บประสงค์ร้าย Smart App Control ฟีเจอร์คัดกรองการติดตั้งแอพจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือ unsigned ไมโครซอฟท์ยังประกาศว่าจะออกฟีเจอร์ใหม่ให้ Windows 11 ผ่านช่องทางอัพเดตต่างๆ รวมถึง Microsoft Store ทำให้ไม่ต้องรออัพเดตใหญ่ตามรอบปีอีกต่อไป (เคยออกมารอบหนึ่งแล้วในเดือนกุมภาพันธ์) อัพเดตตัวหน้าจะตามมาในเดือนตุลาคม โดยมีฟีเจอร์ใหม่หลายอย่างดังนี้ File Explorer รองรับการแสดงแท็บ, ปักหมุดไฟล์ในหน้าแรก, เชื่อมต่อ OneDrive ได้โดยตรง Photos ดีไซน์ใหม่ รองรับการแบ็คอัพภาพขึ้น OneDrive Suggested Actions คลิกขวาที่ข้อความที่อยู่-เบอร์โทร แล้วแนะนำแอพที่เกี่ยวข้อง Taskbar Overflow เพิ่มเมนู overflow หากมีไอคอนใน Taskbar ล้นเกินพื้นที่แสดงผล ที่มา - Microsoft
# Salesforce เปิดตัว Genie แพลตฟอร์ม CRM แบบเรียลไทม์ตัวแรกของโลก Salesforce เปิดตัวเครื่องใหม่ชื่อว่า Genie เป็นแพลตฟอร์มแสดงผลข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ ที่เข้ามาสนับสนุนการจัดการข้อมูลบน Salesforce Customer 360 ทั้งหมด เชื่อมต่อข้อมูลทั้งฝ่ายขาย ฝ่ายลูกค้า การตลาด มาปรับเป็นข้อมูลสำหรับลูกค้าแต่ละคน ซึ่ง Salesforce บอกว่าถือเป็นครั้งแรกที่ CRM สามารถแสดงข้อมูลได้ระดับเรียลไทม์ ข้อมูลจาก Salesforce บอกว่า ลูกค้า 71% มีความคาดหวังว่าธุรกิจจะรองรับความต้องการที่จำเพาะเฉพาะตัวบุคคล จึงต้องอาศัยข้อมูลจากฝ่ายต่าง ๆ แต่ระบบในปัจจุบันยังกระจายกันอยู่ เฉลี่ยแล้วแต่ละองค์กรมีแอปพลิเคชันราว 976 ตัว การนำข้อมูลจากแอปทั้งหมดนี้มาแสดงผลให้กับแต่ละคนจึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย ซึ่ง Genie จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ Genie รันอยู่บน Hyperforce ซึ่งเป็นโครงสร้างพับลิกคลาวด์ของ Salesforce จึงมีความปลอดภัยและควบคุมมาตรฐานการจัดของข้อมูลในระดับสูง Genie ยังมีระบบแสดงผลเพื่อให้แต่ละฝ่ายนำไปใช้งานต่อในแบบที่ต้องการ ทั้งข้อมูลส่วนฝ่ายขาย ฝ่ายดูแลลูกค้า ฝ่ายการตลาด ไปจนถึงการปรับแต่งข้อมูลแสดงผลในเว็บไซต์สำหรับลูกค้าแต่ละคน ส่วนถึงการเชื่อมต่อกับ Tableau หรือ Slack Salesforce Genie เปิดให้ใช้งานแล้วตั้งแต่วันนี้สำหรับลูกค้า Customer 360 ที่มา: Salesforce
# แอปเทรดหุ้น Robinhood ประกาศเพิ่มเหรียญ USDC ในการซื้อขาย Robinhood แพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นในอเมริกา ประกาศเพิ่ม stablecoin USDC ของ Circle เป็นสินทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้บนแพลตฟอร์มมีผลตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมทั้งรองรับการโอนย้ายผ่านเครือข่าย Polygon และ Ethereum ด้วย ความเคลื่อนไหวนี้เป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่อย่าง Binance ประกาศหยุดสนับสนุน USDC ซึ่งถึงตอนนี้ยังเป็น stablecoin ที่มีมูลค่ารวมในตลาดเป็นอันดับ 2 ส่วน BUSD ของ Binance อยู่ในอันดับ 3 ที่มา: CoinDesk
# iFixit แกะ iPhone 14 Pro Max แล้ว พบยังซ่อมยากเหมือนรุ่นก่อน ๆ ไม่เหมือน iPhone 14 ถัดจาก iPhone 14 ก็ถึงคราวที่ iFixit จะแกะรุ่น Pro บ้างโดยเป็น iPhone 14 Pro Max ซึ่งแม้คะแนนการซ่อมของ iPhone 14 จะดีมากในรอบหลายปี แต่ยังไม่ใช่สำหรับ iPhone 14 Pro Max โดยรายละเอียดจากการแกะนั้น iFixit บอกว่าโครงสร้างภายในของ iPhone 14 Pro Max ถอดแบบมาจาก iPhone 13 Pro Max ซึ่งรวมทั้งการเปิดตัวเครื่องทำได้จากด้านหน้าจอเท่านั้น ไม่สามารถเปิดจากฝาหลังได้แบบ iPhone 14 จึงยังคงความยากไว้เหมือนเดิม รายละเอียดน่าสนใจภายใน iFixit ไม่พบตัวส่งสัญญาณเฉพาะสำหรับดาวเทียม Globalstar จึงคาดว่าแอปเปิลจะใช้สัญญาณร่วมกับ WiFi 2.4GHz ที่มีอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่าเครื่องจากอเมริกา ที่ถอดถาดใส่ซิมออกไป ถูกแทนที่ช่องว่างด้วยพลาสติกขนาดเท่าเลโก้ 2x2 แปลว่าในอนาคตแอปเปิลอาจใส่อะไรเพิ่มเข้ามาตรงนี้ได้ คะแนนการซ่อม iFixit ให้ใกล้เคียงกับ iPhone 13 Pro คือ 6 เต็ม 10 ที่มา: iFixit การเปิดทำได้เฉพาะจากหน้าจอ เหมือนรุ่นก่อน ๆ พลาสติกที่ใส่แทนที่ถาดใส่ซิม ของเครื่องในอเมริกา
# Realme จัดประกวดออกแบบ "Island ในฝัน" เพื่อนำมาเป็นไอเดียพัฒนา UI ในอนาคต ดูเหมือนว่าคุณสมบัติ Dynamic Island ที่เล่นกับการแสดงข้อมูล บริเวณพื้นที่รอยบากกล้องหน้าของ iPhone 14 Pro จะเป็นที่สนใจโดยเฉพาะจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนค่าย Android ล่าสุด Realme เลยประกาศจัดการประกวดเสียเลย โดยการประกวดนี้เรียกว่า Realme Island - Creators' Challenge ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถส่งภาพวาด, GIF หรือคำบรรยายตัวอักษร เพื่อนำเสนอการออกแบบที่เล่นกับพื้นที่กล้องหน้า จากนั้นจะเลือก 3 ไอเดียที่ดีที่สุดอิงจาก ความเป็นต้นแบบ, ยืดหยุ่น และครอบคลุมการใช้งาน เพื่อโหวตหาผู้ชนะ ซึ่งไอเดียนี้จะส่งต่อให้ทีมพัฒนา UI ของ Realme ซึ่งอาจนำไปใช้จริงในอนาคต ผู้ที่สนใจเข้าร่วมอาจต้องรีบหน่อย เพราะจะปิดรับไอเดียภายในคืนวันนี้ (21 กันยายน 22:59น. ตามเวลาในไทย) ที่มา: Appuals
# YouTube เปิดระบบจ่ายส่วนแบ่งอัตโนมัติให้ผู้ผลิตสื่อสามารถใช้เพลงที่ติดลิขสิทธิ์ได้แล้ว ในความเป็นจริงแล้วเพลงทุกเพลงบนโลกนี้มีลิขสิทธิ์คุ้มครอง แต่ผู้สร้างเพลงหลายรายก็เลือกอนุญาตให้ผู้อื่นใช้ผลงานของพวกเขาได้โดยไม่คิดเงิน และเพลงกลุ่มนี้ที่หลายคนเรียกกันง่ายๆ ว่า "เพลงไม่ติดลิขสิทธิ์" นี้เอง คือที่พึ่งหลักของผู้ผลิตวิดีโอจำนวนมากในการเลือกใช้งานกับวิดีโอของตนเพื่อให้สามารถผลิตรายได้บนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube ได้ ก่อนหน้านี้การปล่อยคลิปวิดีโอที่มีเพลงซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์ไม่อนุญาตให้ใช้งานนั้น อาจทำให้คลิปดังกล่าวถูกบล็อกหรือถูกดูดเสียงหายไป หรือยิ่งกว่านั้นอาจกลายเป็นโดนลบหรือโดนโอนเงินที่ได้จากโฆษณาในคลิปนั้นทั้งหมดไปยังเจ้าของเพลง แต่ตอนนี้ YouTube ได้เพิ่มโปรแกรม Creator Music เป็นทางเลือกเพื่อแก้ปัญหานี้ให้กับผู้ผลิตวิดีโอแล้ว ผู้ผลิตวิดีโอจะสามารถเลือกใช้เพลงซึ่งติดลิขสิทธิ์ได้ โดยต้องเลือกแนวทางข้อใดข้อหนึ่งจาก 2 ข้อดังนี้ ซื้อสิทธิ์การใช้งานเพลง โดยเลือกจ่ายเงินผ่านทางระบบของ YouTube เลย (ไม่ต้องเสียเวลาติดต่อขอซื้อสิทธิ์ใช้งานผ่านช่องทางอื่น) แบ่งรายได้ 27.5% ที่ได้จากวิดีโอดังกล่าวให้กับผู้ถือครองลิขสิทธิ์ของเพลง โปรแกรม Creator Music นี้เริ่มปล่อยให้ใช้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาก่อน และจะปล่อยให้ผู้ผลิตวิดีโอในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกภายในปีหน้า ที่มา - The Verge
# Ford พัฒนาแอปสมาร์ทโฟนและระบบแจ้งเตือนคนขับรถให้ระวังคนเดินถนนและคนขี่จักรยาน Ford ประกาศข่าวการพัฒนาแอปและระบบแจ้งเตือนในรถยนต์เพื่อช่วยแจ้งเตือนคนขับรถให้ระวังคนเดินถนนและคนขี่จักรยานที่อยู่ใกล้ตัวรถ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในตำแหน่งอับสายตาของคนขับ แอปสมาร์ทโฟนที่ว่านี้ยังไม่ได้รับการตั้งชื่อ แต่ Ford ระบุว่ามันไม่ใช่แอปที่เน้นพัฒนามาสำหรับตัวผู้ขับขี่รถยนต์เอง หากแต่เป็นแอปสำหรับผู้ใช้ถนนทั่วไป โดยตัวแอปจะสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Ford SYNC อันเป็นระบบซอฟต์แวร์ภายในรถยนต์ของ Ford ซึ่งการเชื่อมต่อดังกล่าวจะอาศัยระบบบลูทูธพลังงานต่ำ แนวคิดการทำงานของระบบก็คือ เมื่อรถยนต์ Ford ตรวจพบผู้ใช้งานแอปดังกล่าวในระยะใกล้เคียงกับตัวรถ ระบบ Ford SYNC จะส่งสัญญาณเตือนทั้งบนหน้าจอและส่งเสียงเตือนภายในตัวรถให้คนขับรถยนต์ได้รับทราบว่ามีการตรวจพบคนเดินถนนหรือคนขี่จักรยานอยู่ใกล้ๆ นอกจากนี้อาจมีการสั่งงานระบบ Ford Co-Pilot360 ซึ่งเป็นระบบช่วยขับขี่รถยนต์ให้ลดความเร็วของรถลงด้วย นอกจากนี้ Ford ยังร่วมกับ T-Mobile เพื่อพัฒนาแอปให้สามารถเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 5G นอกเหนือจากการใช้บลูทูธพลังงานต่ำด้วย ที่มา - Vice
# Bytecode Alliance เปิดตัว Wasmtime 1.0 รันไทม์สำหรับ WebAssembly ที่พร้อมใช้งานบนโปรดักชั่น Bytecode Alliance เปิดตัว Wasmtime 1.0 โครงการที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2019 เมื่อครั้ง Bytecode Alliance ยังเป็นเพียงชุมชนโอเพนซอร์สไม่ได้จดทะเบียนองค์กรจริงจัง และตอนนี้ตัว Wasmtime มีการใช้งานบนโปรดักชั่นกว้างขวางพอสมควรแล้ว และเชื่อว่าระบบเสถียรพอที่จะแนะนำให้คนทั่วไปใช้งาน Wasmtime เป็นรันไทม์แยก จากเดิมที่ WebAssembly ถูกออกแบบมาให้รันในเบราว์เซอร์ การใช้งานจึงอาจจะเป็นการรันในจาวาสคริปต์รันไทม์ทั้งชุดแต่ในความเป็นจริงผู้ใช้จำนวนหนึ่งต้องการรัน WebAssembly อย่างเดียว แยกระบบออกมาทำให้เวลาเริ่มต้นโปรเซสเร็วขึ้นมาก จากเดิมจาวาสคริปต์ใช้เวลาประมาณ 5ms การรัน WebAssembly จะใช้เวลา 5 microsecond เท่านั้น ตอนนี้องค์กรใหญ่ๆ ที่ใช้งาน Wasmtime มาแล้วระยะเวลาหนึ่ง เช่น Shopify ใช้มาแล้ว 14 เดือน, Fastly ใช้มาแล้ว 6 เดือน, หรือไมโครซอฟท์ก็ทดลองใช้งานบน AKS มาแล้วถึง 11 เดือน ทางโครงการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างหนัก เช่น ตรวจสอบไบรารีที่เกี่ยวข้อง, รัน fuzz หาบั๊กด้วยอินพุตแบบสุ่ม, และตรวจสอบโค้ดอย่างละเอียดในส่วนที่สำคัญ กระบวนการเหล่านี้จึงทำให้ทีมงานมั่นใจขึ้นว่าพร้อมใช้งานจริง แนวทางการพัฒนาต่อไปของ Wasmtime คือการออกเวอร์ชั่นใหญ่ทุกเดือนคล้ายเบราว์เซอร์ ทำให้เราน่าจะเห็นเลขเวอร์ชั่นวิ่งอย่างรวดเร็วหลังจากนี้ ที่มา - Bytecode Alliance
# ผู้ใช้ Galaxy Watch อ้างว่านาฬิกาที่สวมไว้ตอนนอนทำให้ข้อมือไหม้เพราะความร้อนสูง ผู้ใช้ Reddit คนหนึ่งลงภาพถ่ายของตนเองแสดงให้เห็นแผลบนข้อมือซ้าย พร้อมทั้งโพสต์ข้อความระบุว่าเป็นแผลไหม้ที่เกิดจากความร้อนของนาฬิกา Samsung Galaxy Watch ที่เขาสวมตอนนอน ทั้งนี้ในกระทู้เดียวกันนี้มีคนระบุรุ่นของนาฬิกาในภาพว่าเป็น Galaxy Watch รุ่น Active 2 44 มิลลิเมตร Bluetooth ความเห็นจากผู้ใช้ Reddit ความเห็นหนึ่งระบุว่าแผลไหม้ดังกล่าวอาจไม่ได้มาจากปัญหาความร้อนเกินของนาฬิกา แต่อาจเกิดจากการแพ้เหงื่อซึ่งทำปฏิกิริยาทางไฟฟ้าเมื่อได้รับกระแสไฟอ่อนๆ ที่ไหลออกจากขั้วชาร์จไฟของนาฬิกาที่อยู่ด้านหลังตัวเรือนส่วนที่สัมผัสกับผิวหนัง โดยผู้ใช้รายดังกล่าวระบุว่าตนเองเคยเจอปัญหานี้จากการใช้งาน Fitbit TechRadar ได้ติดต่อ Samsung เพื่อสอบถามความเห็นเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างนี้แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ แม้ว่ากรณีทีเกิดขึ้นกับผู้ใช้ Reddit ที่โพสต์ภาพต้นเรื่องในครั้งนี้จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเป็นอาการบาดเจ็บเนื่องจากความร้อนเกินของนาฬิกา Galaxy Watch จริงหรือไม่ก็ตาม แต่ยังมีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Samsung อีกหลายรายที่กำลังดำเนินการฟ้องร้องแบบกลุ่มต่อ Samsung โดยอ้างว่าได้รับบาดเจ็บเกิดแผลไหม้ที่ข้อมือจากการใช้งานนาฬิกาของ Samsung ซึ่งในขณะนี้ทางสำนักงานอัยการได้รับเรื่องแล้ว ก่อนหน้านี้ Fitbit เองก็เจอปัญหาแบตเตอรี่ร้อนจนทำให้ผิวหนังของผู้ใช้เกิดแผลไหม้ เป็นเหตุให้ต้องเรียกคืน Fitbit Ionic เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่มา - TechRadar
# Spotify เพิ่มบริการ Audiobook เฉพาะผู้ใช้ในอเมริกา แต่ต้องซื้อแยกเป็นรายเรื่อง Spotify ประกาศเพิ่มบริการตัวใหม่ ตามที่เคยให้ข้อมูลก่อนหน้านี้คือ Audiobook หรือหนังสือเสียง โดยเริ่มต้นเฉพาะผู้ใช้งานในอเมริกาก่อน โดยแคตาลอกของ Audiobook ในช่วงแรก Spotify บอกว่ามีมากกว่า 3 แสนรายการ แต่ที่น่าสนใจคือสมาชิก Spotify จะต้องซื้อแยกเป็นรายเรื่อง ไม่ใช่ฟังได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งที่ แบบการฟังเพลงหรือพอดคาสต์ ส่วนคำถามตามมาว่า เมื่อบริการ Audiobook ของ Spotify ก็ฟังดูไม่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นในตลาด แล้ว Spotify จะน่าสนใจกว่าอย่างไร คำอธิบายคือ Spotify วางตัวเองเป็นแพลตฟอร์มเสียง มีทุกอย่างให้ฟังตั้งแต่เพลง รายการพอดคาสต์ และล่าสุดก็คือหนังสือเสียง จึงสามารถมอบประสบการณ์ได้ครบครันมากกว่านั่นเอง ที่มา: Spotify
# เปิดตัว NVIDIA DRIVE Thor คอมพิวเตอร์สำหรับรถรุ่นต่อไป มาแทน Atlan ที่เปิดตัวแต่ไม่ผลิต NVIDIA เปิดตัว NVIDIA DRIVE Thor คอมพิวเตอร์สำหรับรถยนต์รุ่นต่อไปที่คาดว่าจะเริ่มเห็นรถยนต์ใช้งานจริงปี 2025 โดยมาแทน NVIDIA DRIVE Atlan ที่เปิดตัวปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีการใช้งาน ภายในของ Thor เป็นชิป NVIDIA Hopper™ Multi-Instance GPU (MIG) ตัวซีพียูเป็นชิป Grace และฝั่งกราฟิกเป็น Ada Lovelace การใช้ MIG ทำให้สามารถแบ่งการทำงานทำให้คอมพิวเตอร์ตัวเดียวสามารถใช้กับระบบความบันเทิงในรถไปพร้อมๆ กับระบบช่วยขับขี่ได้โดยภายในมีการแยกขาดจากกัน การเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรม Ada Lovelace ทำให้สามารถรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ด้วยข้อมูลแบบ FP8 ทำให้สามารถรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ได้ที่ 2000 TFLOPS (Atlan มีพลังประมวลผล 1,000 TOPS เพราะไม่รองรับเลขทศนิยม 8 บิต) ตอนนี้ ZEEKR แบรนด์รถของบริษัท Geely ผู้ผลิตรายใหญ่จากจีนประกาศพัฒนารถไฟฟ้าโดยใช้ DRIVE Thor คาดว่าจะเริ่มผลิตจริงต้นปี 2025 ซึ่งเป็นกำหนดเดิมของ Atlan ที่มา - NVIDIA
# Mercedes-Benz เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าวิ่งทางไกล ชาร์จไฟแต่ละครั้งวิ่งได้ 500 กิโลเมตร ในงาน IAA 2022 อันเป็นงานจัดแสดงสินค้าและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมขนส่งซึ่งจัดขึ้นที่ Hanover ประเทศเยอรมนี Mercedes-Benz เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้ารุ่นใหม่ eActros LongHaul พัฒนามาเพื่อการขนส่งสินค้าระยะไกล สามารถวิ่งได้ประมาณ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง eActros LongHaul มีแบตเตอรี่ 3 ชุดรวมความจุ 600 kWh ใช้มอเตอร์ 2 ตัว ให้กำลังขับแบบต่อเนื่อง 400 kW และสามารถส่งกำลังได้สูงสุดมากกว่า 600 kW โดยแบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแบบ LFP ที่มีข้อดีเรื่องอายุการใช้งาน ทั้งนี้ Mercedes-Benz ระบุว่าแบตเตอรี่จะสามารถใช้ได้นานกว่า 10 ปี รองรับการวิ่งมากกว่า 1.2 ล้านกิโลเมตร Mercedes-Benz ระบุว่าระบบไฟฟ้าของ eActros LongHaul ได้รับการพัฒนามาเน้นรองรับการชาร์จไฟแบบ MCS (Megawatt Charging System) ซึ่งเป็นมาตรฐานการชาร์จไฟแบบใหม่มุ่งเน้นมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างรถบรรทุกและรถบัส โดยมาตรฐานนี้กำหนดกำลังการชาร์จสูงสุดถึง 3.75 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ตัว eActros LongHaul สามารถชาร์จไฟให้แบตเตอรี่จาก 20% เพิ่มเป็น 80% ได้ภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที ในตอนนี้ eActros LongHaul ตัวต้นแบบได้ผลิตเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างการทดสอบขั้นต้น จากนั้นจะมีการทดสอบในสถานการณ์ใช้งานจริงร่วมกับ Amazon และ Rhenus (บริษัทด้านการขนส่งในเยอรมนี) ภายในปี 2023 โดยการทดสอบในปีหน้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ HoLa (High performance charging for long-haul trucking) อันเป็นโครงการทดสอบและเก็บข้อมูลระบบการชาร์จไฟให้แก่รถบรรทุกวิ่งทางไกลที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงดิจิทัลและคมนาคมของเยอรมนี ก่อนที่จะเริ่มการผลิตเพื่อขายจริงต่อไปในปี 2024 ที่มา - Electrek, Daimler Truck
# NVIDIA เปิดตัวการ์ด RTX 6000 ชิปสถาปัตยกรรม Ada Lovelace สำหรับงานเวิร์คสเตชั่น NVIDIA เปิดตัวการ์ด RTX 6000 สำหรับเวิร์คสเตชั่น ใช้ชิปสถาปัตยกรรม Ada Lovelace เป็นการอัพเกรดจาก RTX A6000 ที่ออกมาสองปีแล้ว ทาง NVIDIA ระบุว่าประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้น 2-4 เท่าตัวจากการ์ดรุ่นเดิม จุดเด่นของการ์ดรุ่นใหม่ คือ RT core รุ่นที่ 3, Tensor core รุ่นที่ 4 ฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ได้เร็วขึ้นเท่าตัว พร้อมกับรองรับ FP8 บนการ์ดใช้หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 48GB เท่ากับรุ่นเดิม ตัวการ์ดสามารถแยกการ์ดไปใช้ใน virtual machine ได้ ตอนนี้ยังไม่ประกาศราคา และจะวางขายจริงเดือนธันวาคมนี้ ที่มา - NVIDIA
# NVIDIA เปิดตัว Portal with RTX นำเกม Portal มายกระดับกราฟิกเป็น Raytracing NVIDIA ยังเดินหน้านำเกมเก่าๆ มายกระดับกราฟิกให้รองรับ RTX มีฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Raytracing และ DLSS (ข่าวเก่า Quake II, Minecraft) ล่าสุดปีนี้ NVIDIA ประกาศความร่วมมือกับ Valve เปิดตัว Portal with RTX ที่นำเกมคลาสสิกปี 2007 มาอัพเกรดกราฟิกใหม่ รองรับ Raytracing และฟีเจอร์ DLSS 3 ของ GeForce 40 ด้วย เกมจะเปิดให้เล่นเดือนพฤศจิกายน 2022 คนที่มีเกม Portal เวอร์ชันต้นฉบับอยู่แล้วอัพเกรดได้ฟรี การอัพเกรดกราฟิกครั้งนี้เป็นผลงานของ NVIDIA Lightspeed Studios และจะเปิดเครื่องมืออัพเกรดกราฟิกให้คนนอกใช้งานในชื่อ NVIDIA RTX Remix โดยเน้นสำหรับกลุ่ม modder ของเกมต่างๆ ที่อยากแปลงกราฟิกของเกมเก่าๆ ให้ทันสมัยสวยงาม ที่มา - NVIDIA
# NVIDIA เปิดตัว Omniverse Cloud รันแอปพลิเคชั่นออกแบบจากคลาวด์โดยไม่ต้องซื้อการ์ดกราฟิก NVIDIA เปิดตัวบริการคลาวด์ของตัวเองในชื่อ Omniverse Cloud ให้บริการเช่าเซิร์ฟเวอร์ทั้ง NVIDIA OVX สำหรับงานด้านกราฟิก และ NVIDIA HGX สำหรับงานด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยสามารถสตรีมหน้าจอแอปไปใช้งานบนเครื่องที่ชิปกราฟิกไม่แรงนักแบบเดียวกับการสตรีมเกม การใช้งานหลักคือการแก้ไขโมเดลสามมิติร่วมกันหลายคน ทาง NVIDIA มีแอปต้นแบบของตัวเองคือ Omniverse Create, Omniverse View, และ NVIDIA Isaac Sim สำหรับการฝึกหุ่นยนต์ในโลกสามมิติ นอกจากบริการคลาวด์ของ NVIDIA เองแล้ว ทางบริษัทยังเปิดตัวบริการ Omniverse Farm และ Replicator สำหรับการสร้างเรนเดอร์ภาพโดยใช้งานบน AWS เครื่อง EC2 G5 ได้ ส่วนตัว Omniverse Cloud ยังทดสอบวงปิด ต้องลงชื่อขอเข้าใช้งาน
# เปิดตัว GeForce RTX ซีรีส์ 40 "Ada Lovelace" มี DLSS 3, เริ่มด้วย 4090 และ 4080 NVIDIA เปิดตัวจีพียู GeForce RTX ซีรีส์ 40 ตามนัดหมาย ใช้โค้ดเนม Ada Lovelace ตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ และถือเป็นครั้งแรกที่ NVIDIA ใช้โค้ดเนมทั้งชื่อ-นามสกุลของนักวิทยาศาสตร์ จากเดิมที่ใช้แต่นามสกุลอย่างเดียว GeForce RTX ซีรีส์ 40 ยังคงสถาปัตยกรรมหน่วยประมวลผล 3 ชนิด แบบเดียวกับที่ใช้มาตั้งแต่ซีรีส์ 20 ได้แก่ จีพียูหลัก (shader) RT core 3rd Gen สำหรับประมวลผล raytracing Tensor Core 4th Gen สำหรับประมวลผล AI แต่ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในจีพียูเซิร์ฟเวอร์ Hopper ฝั่ง shader ปรับปรุงโดยเพิ่ม Shader Execution Reordering (SER) ที่ช่วยจัดเรียงคำสั่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก่อนส่งเข้าประมวลผลใน Streaming Multiprocessor (SM) ตัวคอร์สำหรับประมวลผลกราฟิก ฝั่งของการทำ Raytracing ที่ใช้ RT core ประมวลผลภาพ ร่วมกับ Tensor core ช่วยทำ DLSS ช่วยให้เฟรมเรตเพิ่มขึ้น ก็อัพเกรดเพิ่มหลายจุด จุดสำคัญคือ DLSS 3 ที่เพิ่ม pipeline การประมวลผลเฟรมตรงกลางขึ้นมาทั้งเฟรม ช่วยให้เฟรมเรตดีขึ้นกว่าเดิมอีก ตัวเลขของ NVIDIA คือดีขึ้นสูงสุด 4 เท่าเทียบกับการไม่เปิด RTX NVIDIA ยังบอกว่า GeForce RTX 40 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเดิม 2-4 เท่า (ขึ้นกับประเภทงาน) และมีประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้นมากด้วย นอกจากนี้ GeForce RTX 40 ยังรองรับการเข้ารหัสวิดีโอแบบ AV1 แล้ว (AV1 encoder) สินค้าที่เปิดตัวชุดแรก มีจีพียูเรือธง GeForce RTX 4090 แรม 24GB ราคา 1,599 ดอลลาร์ เริ่มขาย 12 ตุลาคม เทียบประสิทธิภาพกับ RTX 3090 Ti แล้วดีกว่า 2-4 เท่า จีพียูระดับรอง GeForce RTX 4080 มีสองรุ่นย่อยคือ แรม 16GB ราคา 1,199 ดอลลาร์ และรุ่นแรม 12GB ราคา 899 ดอลลาร์ GeForce RTX 40 จะยังวางขายคู่กับ GeForce RTX 30 เดิมไปอีกระยะหนึ่ง ที่มา - NVIDIA Ada Lovelace, GeForce RTX 4090
# สหรัฐฯ อัดงบช่วยทีมวิจัยศึกษาและพัฒนาระบบต่อต้านการก่อการร้ายในหมู่ผู้เล่นเกม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกาเตรียมสนับสนุนเงินทุนรวม 699,763 เหรียญ ให้แก่ทีมวิจัยที่ทำงานร่วมกับบริษัทเกมเพื่อการพัฒนาระบบคัดกรองเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในหมู่ผู้เล่นและในแพลตฟอร์มต่างๆ ของชุมชนเกมเมอร์ โครงการนี้มีระยะเวลาในการศึกษาและพัฒนา 2 ปี นำโดยทีมวิจัย CTEC (Center on Terrorism, Extremism, and Counterterrorism) ของ Middlebury College ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งขอบข่ายงานวิจัยของทีมนี้ก็เป็นไปตามชื่อคือศึกษาเกี่ยวกับการก่อการร้าย, กลุ่มหัวรุนแรง และการต่อต้านการก่อการร้าย นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจาก Take This องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เน้นศึกษาผลกระทบที่เกมมีต่อสุขภาพจิตของผู้เล่น และ Logically สตาร์ทอัพผู้ให้บริการด้านไอที เป้าหมายของโครงการก็คือการพัฒนากรอบการทำงานเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของกิจกรรมกลุ่มหัวรุนแรงที่ปรากฎในชุมชนเกมเมอร์ ทั้งในระบบของเกมเองและในแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยจะกำหนดแนวปฏิบัติและเตรียมทรัพยากรส่วนกลางเพื่อใช้สำหรับการเฝ้าระวังกิจกรรมของกลุ่มหัวรุนแรงที่เกิดขึ้นในชุมชนชาวเกม รวมทั้งการฝึกอบรมคนในอุตสาหกรรมเกมให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อให้สามารถพัฒนาเกมและระบบแวดล้อมอื่นๆ ให้มีความรัดกุมและปลอดภัยยิ่งขึ้น ทางการสหรัฐฯ และกลุ่มนักวิจัยเองตระหนักดีว่าเกมออนไลน์รวมทั้งแพลตฟอร์มชุมชนต่างๆ ถูกกลุ่มหัวรุนแรงใช้เป็นพื้นที่ในการเผยแพร่ข้อมูลโฆษณาชวนเชื่อ ทว่าที่ผ่านมาพื้นที่เหล่านี้ซึ่งมีผู้คนมากมายรวมทั้งเด็กและเยาวชนกลับได้รับการสอดส่องป้องกันน้อยกว่าที่ควร การมอบเงินสนับสนุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ TVTP (Targeted Violence and Terrorism Prevention) ซึ่งกระทรวงความมั่นแห่งมาตุภูมิจะคัดเลือกแผนงานขององค์กรระดับท้องถิ่น รวมทั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ตลอดทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงวิธีป้องกันความรุนแรงและการก่อการร้าย โดยในปีนี้โครงการ TVTP ยังได้สนับสนุนเงินทุนให้แก่โครงการอื่นๆ อีก 42 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งหมด 20 ล้านเหรียญ ที่มา - Ars Technica
# Mark Zuckerberg ทุ่มกับ Metaverse จนทรัพย์สินลดลงกว่า 7 หมื่นล้านเหรียญ อ้างอิงตามการจัดอันดับของ Bloomberg Billionaires Index พบว่า Mark Zuckerberg มีทรัพย์สินรวมลดลงกว่าครึ่งหนึ่งจากเมื่อต้นปี โดยลดลงราว 7.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ตกลงมาอยู่ลำดับที่ 20 ในรายชื่อผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดจากเดิมที่เคยอยู่ในลำดับที่ 6 ในเดือนมกราคมของปีนี้ โดยปัจจุบัน Zuckerberg มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 5.59 หมื่นล้านเหรียญ Zuckerberg เคยอยู่ในอันดับที่ 3 ในรายชื่อบุคคลที่มีทรัพย์สินมากที่สุด โดยเคยมีทรัพย์สินสูงสุดถึง 1.42 แสนล้านเหรียญในเดือนกันยายนของปีที่แล้วเมื่อหุ้นของ Facebook มีมูลค่าถึงหุ้นละ $382 ก่อนที่บริษัทจะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta ในเดือนถัดมาและบริษัทเริ่มซบเซาหลังจากนั้น โดยปัจจุบันมูลค่าหุ้น Meta อยู่ที่ราว 148 เหรียญ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนลดลงหลัก ๆ คือการที่บริษัทไปลงทุนไปกับ Metaverse ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและยังไม่ได้สร้างมูลค่าใด ๆ ประกอบกับการลงทุนกับ Instagram Reels เพื่อแข่งขันกับ TikTok ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ บริษัทเผยว่าไม่มีการเติบโตของผู้ใช้งาน Facebook รายเดือนเลย จนมูลค่าหุ้นลดลง นำมาสู่การที่ทรัพย์สินของ Zuckerberg ลดลงถึง 3.1 หมื่นล้านเหรียญซึ่งถือเป็นการลดลงภายใน 1 วันที่มีมูลค่ามากที่สุด นักวิเคราะห์กล่าวว่าทรัพย์สินของ Meta อาจจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปีจากการลงทุนใน Metaverse ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ก็มีมูลค่าลดลงเช่นเดียวกันจากปีที่แล้ว เช่น Apple ลดลง 14% Amazon ลดลง 26% และ Google ลดลง 29% ที่มา: Bloomberg
# Mozilla ออกรายงานปุ่ม not interested, dislike บน YouTube แทบไม่ได้ช่วยคัดกรองการแนะนำวิดีโอเลย Mozilla ได้เก็บข้อมูลการแนะนำวิดีโอของ YouTube จากกลุ่มผู้ใช้จำนวน 20,000 ราย เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการคัดกรองเนื้อหาเมื่อผู้ใช้กดปุ่ม “dislike” “not interested” “stop recommending channel” และ “remove from watch history” โดยการใช้ RegretsReporter ซึ่งเป็นบราวเซอร์ของบริษัทที่เมื่อผู้ใช้กดปุ่มดังกล่าวบน YouTube จะแสดงผลมาที่ Mozilla ด้วย รวมถึงใช้การจับคู่วิดีโอที่ผู้ใช้กดให้หยุดแนะนำและวิดีโอที่มีเนื้อหาคล้ายกันที่ YouTube ยังคงแนะนำอยู่ ซึ่ง Mozilla ศึกษาวิดีโอที่ YouTube แนะนำกว่า 500 ล้านวิดีโอ ผลการทดลองพบว่าปุ่ม “dislike” และ “not interested” ช่วยป้องกันการแนะนำวิดีโอ 12% และ 11% ตามลำดับ ส่วน “don’t recommend channel” และ ”remove from history” ป้องกันการแนะนำวิดีโอ 43% และ 29% ตามลำดับ ซึ่งนักวิจัยพบว่าเครื่องมือดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะป้องกันการแนะนำวิดีโอที่ผู้ใช้ไม่ต้องการชม ฝั่ง YouTube โต้ตอบว่า Mozilla ไม่เข้าใจวิธีการที่ระบบทำงาน กล่าวคือ YouTube ไม่ได้ต้องการกำจัดเนื้อหาในหัวข้อที่ผู้ใช้ไม่สนใจออกทั้งหมดอยู่แล้วเพราะจะส่งผลเสียต่อตัวผู้ใช้เอง นอกจากนี้ ยังกล่าวว่าปุ่ม “not interested” มีผลเพียงแค่นำวิดีโอนั้น ๆ ออกส่วน “don’t recommend channel” ป้องกันไม่ให้อัลกอริธึมแนะนำช่องนั้นอีกในอนาคต ไม่ได้หยุดการแนะนำเนื้อหาในเรื่องนั้นหรือจากช่องนั้น ๆ ทั้งหมด ทั้งนี้ Mozilla คาดว่า YouTube พยายามหาสมดุลระหว่างการนำเสนอเนื้อหาที่เพิ่มยอด engagement ของผู้ใช้และเนื้อหาที่ผู้ใช้สนใจ สามารถดูรายละเอียดการศึกษาฉบับเต็มได้ที่ Mozilla ที่มา: The Verge
# Volkswagen เตรียมเพิ่มการผลิต ID. Buzz เป็น 2 เท่า ทั้งที่ยังไม่ส่งมอบสักคันแต่ยอดจองเพียบ หลังจากที่ Volkswagen เปิดตัวรถตู้ไฟฟ้า ID. Buzz อย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเตรียมทยอยส่งมอบรถให้ลูกค้าช่วงปลายปีนี้ ล่าสุดจากยอดจองที่เข้ามาอย่างล้นหลามทำให้ Volkswagen ต้องปรับแผนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรถช่วงปลายปีนี้ขึ้นเป็น 2 เท่า ในช่วงนี้ตัวแทนจำหน่ายรถของ Volkswagen จะเริ่มได้รับรถทดลองขับ และจากแผนเดิมช่วงปลายปีนี้โรงงานใน Hannover ในเยอรมนีจะเข้าสู่ช่วงการผลิตรถประมาณ 100 คันต่อวัน แต่เนื่องจากยอดจองรถที่มีเข้ามามากมายทำให้พวกเขาต้องปรับแผนเพิ่มเป็น 200 คันต่อวัน และเมื่อเข้าสู่ปี 2023 จะเร่งผลิตรถมากขึ้นให้ได้เป็นปีละ 100,000 คัน และจะไปให้ถึงระดับ 130,000 คันต่อปีในอนาคต ID. Buzz นั้นมีให้เลือกทั้งแบบรถโดยสารที่นั่ง 2 ตอน กับแบบรถบรรทุกสินค้าซึ่งถอดที่นั่งตอนหลังออกพร้อมเปลี่ยนกระจกหน้าต่างเป็นผนังทึบและเพิ่มแผงกั้นแยกส่วนจากที่นั่งด้านหน้า ซึ่ง Volkswagen ระบุว่าราวครึ่งหนึ่งจากยอดจองรถประมาณ 12,500 คันในยุโรปเป็นการสั่งจองรถเพื่อใช้งานในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ Volkswagen คาดการณ์ว่าเมื่อถึงปี 2024 ที่จะเริ่มขาย ID. Buzz ในทวีปอเมริกา บริษัทจะได้รับยอดสั่งซื้อ ID. Buzz เพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งถึงตอนนั้นจะมีการคิดวางแผนเรื่องการผลิตรถกันอีกครั้งโดยอาจจะเพิ่มไลน์การผลิตรถในโรงงานที่ Chattanooga ประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอีกแห่ง ทั้งนี้ราคาขายในปัจจุบันของ ID. Buzz อ้างอิงจากหน้าเว็บที่เปิดให้สั่งจองในสหราชอาณาจักร เริ่มต้นที่คันละ 57,115 ปอนด์ (ประมาณ 2.42 ล้านบาท) ที่มา - Ars Technica, Electrek - 1, 2
# Shopee ปลดพนักงานในจีนออก ไม่ยืนยันจำนวน ตามนโยบายลดค่าใช้จ่ายของ Sea Shopee ได้ประกาศปลดพนักงานในประเทศจีนออก อ้างว่าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้และเผยว่าจะดูแลช่วยเหลือพนักงานที่ถูกปลดออก South China Morning Post อ้างแหล่งข่าวระบุว่า Shopee ได้ปลดพนักงานออกไม่ถึง 10% ในทุก ๆ ฝ่าย แต่ Shopee ยังไม่ได้ยืนยันตัวเลขแต่อย่างใด ทั้งนี้ มีผู้ที่อ้างว่าเป็นพนักงาน Shopeeโพสต์ลงในแอปพลิเคชัน Maimai (คล้าย Linkedin แต่เป็นแอปของจีน) ว่าตนเองรู้ข่าวอย่างกระทันหันมาก รวมถึงแต่ละหน่วยธุรกิจก็ปลดคนออกมากกว่า 2 ใน 3 ของพนักงานทั้งหมด โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ยังมีผู้เปิดเผยว่าถูกปฏิเสธรับเข้าทำงานนาทีสุดท้ายขณะเดินทางจากจีนมาถึงสิงคโปร์เพื่อมาทำงานกับ Shopee ซึ่ง Sea ที่เป็นบริษัทแม่ให้เหตุผลว่ามาจากการเปลี่ยนแปลงแผนการจ้างงานจากทีมเทคโนโลยี ก่อนหน้านี้ Shopee ก็ได้ปลดพนักงานอินโดนีเซียและในลาตินอเมริกาบางประเทศออกรวมถึงถอนตัวออกจากอาเจนตินาร์ด้วย ส่วนบริษัท Sea ซึ่งเป็นบริษัทแม่ก็เพิ่งจะประกาศรัดเข็มขัดภายหลังจากที่ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดยังขาดทุน ที่มา: South China Morning Post
# Apple เตรียมขึ้นราคาแอปและค่าบริการในแอป กระทบยุโรปและเอเชียบางประเทศ Apple ประกาศว่าจะขึ้นราคาแอปพลิเคชันใน App Store และราคาค่าบริการภายในแอปในประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ได้แก่ โปแลนด์ สวีเดน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ชิลี อียิปต์ มาเลเซีย ปากีสถาน และเวียดนาม โดยเริ่มอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ สำหรับเวียดนาม Apple ระบุว่าเป็นเพราะข้อบังคับที่ออกใหม่เรื่องการจัดเก็บและการเสียภาษี ส่วนประเทศอื่น ๆ Apple ไม่ได้ระบุสาเหตุแต่อย่างใด แต่คาดว่าเป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งตัวขึ้นซึ่งทำให้ก่อนหน้านี้ Apple ได้ปรับราคาสินค้าขึ้นตามค่าเงินด้วยในหลายประเทศ เช่น Apple เปิดตัว iPhone 14 Pro ในสหรัฐเริ่มต้นราคาเท่ากับ iPhone 13 Pro อยู่ที่ $999 คิดเป็น 38,900 บาท แต่ราคาในไทยกลับเพิ่มขึ้นมาถึง 41,900 บาท ส่วนในยุโรปค่าเงินยูโรอ่อนตัวมากทำให้พุ่งสูงถึง $1,299 หรือราว 47,900 บาท ที่มา: Apple via Bloomberg
# ไม่ใช่แค่ลิงก์ TTC-CERT วิเคราะห์มัลแวร์ขโมยเงินมุ่งเป้าคนไทย พบเคยปลอมตัวเป็น DSI ก่อนหันมาปลอมเป็นสรรพากร เมื่อวานนี้มีข่าวถึงเจ้าของบัญชีถูกมิจฉาชีพหลอกส่งลิงก์ผ่าน LINE โดยอ้างว่าค้างภาษี โดยเนื้อข่าวจาก CH3Plus ระบุว่าเมื่อกดลิงก์ไปแล้วโทรศัพท์ค้าง และภายหลังเงินก็ถูกโอนออกจากบัญชีต่างๆ รวมกว่า 1.4 ล้านบาท แม้ว่าเราจะตรวจสอบไม่ได้แน่ชัดว่าคนร้ายในกรณีนี้โจมตีโทรศัพท์เหยื่อได้อย่างไรหากเหยื่อเพียงแค่กดลิงก์ในข้อความ แต่รายงานจากศูนย์ประสานงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ด้านโทรคมนาคม (TTC-CERT) ก็เคยวิเคราะห์มัลแวร์ที่รูปแบบใกล้เคียงกันอย่างมากเอาไว้ TTC-CERT ระบุว่าพบมัลแวร์ปลอมตัวเป็นหน่วยงานภาครัฐ โดยครั้งนี้ปลอมตัวเป็นกรมสรรพากร แล้วหลอกล่อเหยื่อผ่านโทรศัพท์หรือแอปแชต จากนั้นส่งลิงก์ให้เหยื่อเข้าเว็บปลอมที่ปลอมเหมือนเป็นเว็บกรมสรรพากร แต่มีลิงก์กดเพื่อดาวน์โหลดเพิ่มเข้ามา เมื่อกดแล้วจะพยายามติดตั้งแอปชื่อ Revenue ที่ภายในเป็น Android Remote Access Trojan (RAT) สามารถควบคุมเครื่องและอ่านข้อมูลได้อย่างกว้างขวาง เมื่อเหยื่อติดตั้งแอปแล้ว มัลแวร์จะเก็บข้อมูลแอปธนาคารที่อยู่ในเครื่องส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม รวมถึงรหัสเข้าแอปธนาคาร โดยตัวมัลแวร์ขอสิทธิ์สำหรับการอ่านและส่ง SMS ในตัว, สามารถอ่านไฟล์ได้ทั้งหมด, เปิดหน้าจอทับแอปพลิเคชั่นอื่นๆ, และเข้าถึงฟีเจอร์ Accessibility ที่ควบคุมหน้าจอได้สมบูรณ์ ทาง TTC-CERT พบว่าเซิร์ฟเวอร์ควบคุมของกลุ่มนี้ เคยแสดงหน้าเว็บปลอมเป็นหน่วยงานอื่นๆ มาก่อนแล้ว ได้แก่ กระทรวงการคลัง, กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา, ธนาคารออมสิน, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, กรมสรรพสามิต, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, กรมสอบสวนคดีพิเศษ ปัญหาของการใช้ Accessibility API ทำให้แอปสามารถอ่านหน้าจอได้โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว และกลายเป็นช่องทางให้มัลแวร์ต่างๆ ขโมยข้อมูลจากผู้ใช้เป็นปัญหาที่กูเกิลรับรู้แล้ว และใน Android 13 กูเกิลก็พยายามจำกัดการใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้รู้ตัวว่ากำลังให้สิทธิ์ที่สำคัญมากกับแอป ที่มา - TTC-CERT, รายงาน Android Remote Access Trojan (RAT) ภาพหน้าจอเว็บกรมสรรพากรปลอม พร้อมลิงก์ให้ดาวน์โหลดแอป
# Tom Brady โมโหจนขว้าง Surface อีกแล้ว แม้เคยสัญญาว่าจะไม่ขว้างอีก Tom Brady ควอเตอร์แบ็คชื่อดังของทีม Tampa Bay Buccaneers ขว้างแท็บเล็ต Surface ทิ้งลงพื้นอีกแล้ว หลังขว้างมาหลายครั้งจนสัญญาว่าจะไม่ทำอีก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในการแข่งขันระหว่าง Tampa Bay Buccaneers กับ New Orleans Saints ที่ตอนนั้นทีม Buccaneers มีคะแนนตามหลัง ทำให้ Brady หงุดหงิดที่ส่งลูกไม่ผ่าน และต้องขว้าง Surface ระบายอารมณ์ (แต่ภายหลัง Buccaneers ชนะ 20-10 แปลว่าขว้างแล้วได้ผล?) หลังการแข่งขัน Brady ออกมาโพสต์วิดีโอขอโทษทาง Twitter ที่ขว้างแท็บเล็ตทิ้ง โดยกล่าวติดตลกว่าการขว้างแท็บเล็ตของเขาน่าจะเป็นมีมบน Twitter ไปซะแล้ว ฝั่งของไมโครซอฟท์ Panos Panay หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นผู้ดูแลโครงการ Surface ก็แสดงความเห็นแบบติดตลกผ่าน Instagram ว่าวางใจได้ แท็บเล็ตไม่น่าจะเป็นอะไร (“Rest assured the Surface should be just fine.”) ที่มา - The Verge, Business Insider
# [ไม่ยืนยัน] หลุดราคา Pixel Watch แพงกว่า Galaxy Watch 5 9to5Google อ้างแหล่งข่าวระบุราคา Pixel Watch ที่ Google กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ โดย Pixel Watch รุ่น Cellular จะขายในราคา $399.99 (ราว 14,700 บาท) และรุ่น Bluetooth/ Wi-Fi จะเริ่มต้นที่ $349.99 (ราว 12,900 บาท) รุ่น Bluetooth/ Wi-Fi จะมีสี Black (เคส)/Obsidian (สาย), Silver/Chalk และ Gold/Hazel ส่วนรุ่น Cellular มีสี Black/Obsidian, Silver/Charcoal และ Gold/Hazel หากราคาเป็นไปตามนี้ เท่ากับว่า Pixel Watch มีราคาแพงกว่า Samsung Galaxy Watch 5 รุ่น W-Fi ที่ขายในราคาเริ่มต้นที่ $279 รวมถึงราคาแพงกว่า Apple Watch SE 2 รุ่นธรรมดาที่เริ่มต้นที่ $249 แต่ Pixel Watch รุ่น Bluetooth/ Wi-Fi ยังราคาถูกกว่า Apple Watch Series 8 รุ่น GPS ที่เริ่มต้นที่ $399 ที่มา: 9to5Google
# Cyberpunk 2077 กลับมานิยมอีกครั้งบน Steam หลังอนิเม Edgerunners ฉายบน Netflix Cyberpunk 2077 กลับมาติดอันดับเกมยอดนิยม Top 10 บน Steam นับตามจำนวนผู้เล่น โดยมีผู้เล่นสูงสุด 78,478 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีผู้เล่นไม่เกิน 20,000 คนต่อวัน เหตุผลมาจากซีรีส์อนิเม Cyberpunk: Edgerunners ที่ CD Projekt Red ทำร่วมกับสตูดิโอ Trigger's ของญี่ปุ่น เริ่มฉายทาง Netflix ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้เกมกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ในอีกด้าน เกมก็ออกแพตช์เวอร์ชัน 1.6 ที่เรียกว่า Edgerunners Update ที่เพิ่มเนื้อหาจากฝั่งอนิเมเข้ามาด้วยเช่นกัน ตอนที่ Cyberpunk 2077 เริ่มวางขายช่วงปลายปี 2020 มีผู้เล่นสูงสุดต่อวันถึง 1 ล้านคน (นับเฉพาะ Steam แพลตฟอร์มเดียว) แต่ปัญหาหลายอย่างของเกมช่วงแรก ก็ทำให้ความนิยมลดลงอย่างรวดเร็ว ที่มา - Eurogamer, Kotaku
# Uber โดนแฮ็กผ่านพนักงานสัญญาจ้าง เข้าไม่ถึงข้อมูลลูกค้า แฮ็กเกอร์อาจเกี่ยว Lapsus$ Uber ออกรายงานชี้แจงการถูกแฮ็กครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จุดเริ่มต้นเกิดจากบัญชีพนักงานสัญญาจ้าง (Uber EXT) ถูกแฮ็กก่อน โดยคาดว่าแฮ็กเกอร์ใช้วิธีซื้อรหัสผ่านรั่วมาจากแหล่งใต้ดิน dark web อีกที ระบบของ Uber มีการยืนยันตัวตน 2FA ช่วยป้องกันอยู่ แฮ็กเกอร์จึงพยายามล็อกอินอยู่หลายครั้ง และมีครั้งที่พนักงานรายนี้เผลอกดยืนยันการล็อกอิน (ของแฮ็กเกอร์) เลยเข้าระบบได้ จากนั้น แฮ็กเกอร์เข้าถึงบัญชีของพนักงานคนอื่นๆ ได้ และสุดท้ายได้สิทธิเข้า G-Suite กับ Slack และโพสต์ข้อความประกาศการแฮ็กใน Slack ของบริษัท ตอนนี้ Uber กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าแฮ็กเกอร์เข้าถึงระบบภายในใดบ้าง ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่ได้เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้, ระบบ production ที่ให้บริการแอพ, ซอร์สโค้ดไม่ถูกแก้ไข สิ่งที่แฮ็กเกอร์เข้าถึงได้คือ ข้อความใน Slack, เอกสารที่ทีมบัญชีใช้ออกใบแจ้งหนี้, ฐานข้อมูลช่องโหว่ที่ใช้บริการของบริษัท HackerOne แต่ช่องโหว่ทั้งหมดถูกแก้ไขไปเรียบร้อยก่อนหน้าแล้ว หลังตรวจพบการแฮ็ก ทีมความปลอดภัยของ Uber ปิดการทำงานของระบบภายในบางอย่าง, หมุนคีย์ที่ใช้เข้าระบบภายใน, หยุดรับการแก้ไขซอร์สโค้ดชั่วคราว, รีเซ็ตเซสชันการล็อกอินของพนักงานทั้งหมด และเพิ่มระดับการมอนิเตอร์ระบบภายในให้เข้มข้นขึ้น Uber คาดว่าแฮ็กเกอร์รายนี้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮ็กเกอร์ Lapsus$ ที่แฮ็กบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่ง เช่น Okta, Microsoft, Samsung, NVIDIA โดยเทคนิคที่ใช้งานแฮ็กระบบมีความคล้ายกันมาก และมีความเป็นไปได้ว่าแฮ็กเกอร์กลุ่มนี้เพิ่งแฮ็ก Rockstar ได้ด้วยเช่นกัน ที่มา - Uber
# เว็บบอร์ด Kiwi Farms โดนแฮ็กแล้ว ข้อมูลผู้ใช้รั่ว, โดนถล่มหนัก หลังไม่มี Cloudflare ช่วยป้องกัน Kiwi Farms เว็บบอร์ดที่มีชื่อเรื่องรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อโจมตีบุคคลข้ามเพศ ตอนนี้โดนแฮ็กเรียบร้อย ถูกเข้าถึงข้อมูลอีเมล รหัสผ่าน และหมายเลขไอพี Joshua Moon ผู้ก่อตั้ง Kiwi Farms บอกว่าบัญชีแอดมินบอร์ดของเขาโดนแฮ็ก ดังนั้นขอให้ผู้ใช้ทุกคนทำใจว่าข้อมูลข้างต้นทั้งหมดหลุดไปด้วย เขาขอให้ผู้ใช้อ่านวิธีป้องกันตัวจากเว็บไซต์ privacyguides.org แม้จะเกลียดเว็บนี้ก็ตาม ตอนนี้ ระบบเว็บบอร์ดของ Kiwi Farms ถูกปิดไปชั่วคราว และจะเปิดระบบกลับมาโดยใช้แบ็คอัพของวันที่ 17 กันยายน Moon บอกว่าก่อนหน้านี้ Kiwi Farms ใช้ระบบป้องกันความปลอดภัยของ Cloudflare ที่ไม่ได้กันแต่ DDoS แต่ยังป้องกันการแฮ็กจากช่องโหว่ต่างๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้ Kiwi Farms ไม่มีระบบป้องกันเหล่านี้แล้ว ทำให้ตัวเขาเองต้องหาวิธีการป้องกันการโจมตีจากทุกช่องทาง แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ ที่มา - Kiwifarms, Ars Technica
# Apple รับปัญหา iPhone 14 Pro กล้องสั่น เตรียมออกอัพเดตซอฟต์แวร์ในสัปดาห์หน้า จากรายงานปัญหาของผู้ใช้ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ที่พบกล้องภาพสั่นเมื่อเปิดใช้งานผ่านแอปโซเชียลต่าง ๆ ล่าสุดแอปเปิลออกมายอมรับปัญหานี้แล้ว โดยแอปเปิลบอกว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้มาจากฮาร์ดแวร์ จึงไม่จำเป็นต้องนำโทรศัพท์เข้ารับการซ่อม และจะออกซอฟต์แวร์แก้ไขปัญหานี้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าคือ iOS 16.0.2 แอปเปิลไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมของปัญหาที่เกิดขึ้น แต่จุดแตกต่างที่สำคัญของกล้องหลัง iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max จากรุ่นก่อนหน้าคือชิปกันภาพสั่นรุ่นใหม่ จึงเป็นไปได้ว่าส่วนนี้มีการทำงานที่ไม่ถูกต้อง เมื่อเปิดผ่านแอปอื่น ที่มา: MacRumors
# Chrome เริ่มใช้ฐานข้อมูล root CA ของตัวเอง โครงการ Chromium ที่เป็นฐานของเบราว์เซอร์ Chrome ประกาศโครงการ Chrome Root Program และ Chrome Root Store เพื่อจัดการฐานข้อมูล root CA ที่สามารถออกใบรับรองเข้ารหัสแบบต่างๆ ได้ ที่ผ่านมา Chromium/Chrome ใช้ฐานข้อมูล root CA ของแพลตฟอร์มเป็นหลัก ทำให้ประสบการณ์ใช้งานต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น บนระบบปฎิบัติการรุ่นเก่าๆ ก็อาจจะไม่สามารถเข้าเว็บที่ใบรับรองจาก root CA ใหม่ๆ ได้แม้จะใช้ Chrome รุ่นใหม่ก็ตาม อย่างไรก็ดี แม้จะใช้ฐานข้อมูลของระบบปฎิบัติการแต่ที่ผ่านมา Chrome ก็มีนโยบายเพิ่มเติมไม่ยอมรับ root CA บางรายอยู่แล้ว เช่น เหตุการณ์ถอดถอน root CA ของ Synmantec การมีโครงการ root CA ของตัวเองจะทำให้ตัวเบราว์เซอร์ควบคุมได้มากขึ้น เบราว์เซอร์อีกตัวที่มีฐานข้อมูล root CA เป็นของตัวเองคือไฟร์ฟอกซ์ที่มี Mozilla Root Store มานาน ตัวเบราว์เซอร์จะเริ่มใช้ฐานข้อมูลใหม่นี้ใน Chrome 105 ที่จะออกสิ้นเดือนนี้ ช่วงเริ่มต้นจะเริ่มใช้กับผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ เท่านั้น โดยใช้งานใน Windows และ macOS ก่อนจะใช้ใน Linux และ Android ด้วย แต่ไม่สามารถใช้ใน iOS ได้เพราะนโยบายแอปของแอปเปิลล็อกเอาไว้ ส่วนผู้ใช้องค์กรที่กระจาย root CA ขององค์กรภายในเอง ตัวเบราว์เซอร์จะดึงเอา root CA ที่ติดตั้งเอง (locally managed) เข้าไปใช้งานอัตโนมัติ ดังนั้นเว็บภายในก็ควรใช้งานได้ต่อไป ที่มา - Chromium Blog
# นักวิจัยญี่ปุ่นสอน AI ให้รู้จักหัวเราะระหว่างพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น นักวิจัยจาก Kyoto University ประเทศญี่ปุ่นได้ทำการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เพื่อการสนทนาให้รู้จักจังหวะในการหัวเราะเพื่อให้การสนทนาราบรื่นและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ทีมวิจัยมุ่งเน้นพัฒนา "การหัวเราะร่วม" กับคู่สนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ การหัวเราะร่วมกับคู่สนทนานั้นต้องอาศัยความเข้าใจสิ่งที่ผู้พูดสื่อออกมาไม่เพียงแต่ความหมายโดยตรงของคำพูดเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจบริบทและหัวเราะในจังหวะที่เหมาะสมไม่ขัดจังหวะผู้พูด รวมทั้งไม่หัวเราะจนเกินงามจนทำให้คู่สนทนารู้สึกกระอักกระอ่วนหรือรู้สึกอาย การเทรนปัญญาประดิษฐ์ทำโดยใช้ข้อมูลเสียงสนทนาจากสถานการณ์จำลองการเดท โดยใช้อาสาสมัครมานั่งพูดคุยกับหุ่นยนต์ Erica ที่มีผู้ควบคุมค่อยพูดและบันทึกเสียงแทนหุ่นยนต์ ข้อมูลการสนทนาที่บันทึกไว้ได้จะมีการระบุช่วงเวลาที่มีการหัวเราะร่วมระหว่างอาสาสมัครและผู้ควบคุมหุ่นเพื่อให้ปัญญาประดิษฐ์เข้าใจว่าตอนไหนคือตัวอย่าง "การหัวเราะร่วม" อย่างเป็นธรรมชาติ การเก็บข้อมูลเสียงสนทนาจำลองการเดทกับหุ่นยนต์ Erica ตัวปัญญาประดิษฐ์ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการหัวเราะ 3 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกคือตรวจจับการหัวเราะของคู่สนทนา จากนั้นจึงตัดสินใจว่าหากคู่สนทนาหัวเราะแล้วควรร่วมหัวเราะไปกับผู้พูดหรือไม่ และท้ายที่สุดคือการเลือกวิธีหัวเราะว่าควรทำเช่นไร ระหว่างการหัวเราะอย่างร่าเริง หรือการหัวเราะเบาๆ ตามมารยาทเท่านั้น ลำดับการตัดสินใจของปัญญาประดิษฐ์เพื่อเลือกหัวเราะร่วมกับคู่สนทนาให้เหมาะสม หลังจากนั้นทีมวิจัยได้สร้างบทพูดสนทนาขึ้นมาใหม่ 3 รูปแบบ โดยรูปแบบแรกให้ปัญญาประดิษฐ์หัวเราะทุกครั้งที่ตรวจจับการหัวเราะของคู่สนทนาได้ ส่วนรูปแบบที่ 2 คือให้ปัญญาประดิษฐ์สนทนาโต้ตอบตามปกติแต่ไม่หัวเราะเลย และแบบที่ 3 คือให้ปัญญาประดิษฐ์ทำการตัดสินใจและเลือกหัวเราะร่วมตามที่ได้เทรนมา ทีมวิจัยขอให้อาสาสมัครมากกว่า 130 คน ฟังบทพูดสนทนาที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้ง 3 รูปแบบ แล้วขอให้อาสาสมัครให้คะแนนบทสนทนาว่าแบบไหนแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ, การโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ และการหัวเราะเหมือนมนุษย์มากที่สุด ซึ่งผลที่ได้พบว่าบทสนทนาที่สร้างขึ้นรูปแบบที่ 3 นั้นได้คะแนนดีที่สุด ในตอนนี้งานวิจัยยังคงรองรับแค่การพูดสนทนาภาษาญี่ปุ่นและสถานการณ์ที่ถูกนำมาเทรนให้ปัญญาประดิษฐ์ก็ยังห่างไกลจากคำว่าครอบคลุมรูปแบบการสนทนาจริงในชีวิตประจำวันของมนุษย์ แต่การฝึกให้ปัญญาประดิษฐ์รู้จักอารมณ์ขันและแยกแยะมันออกจากการหัวเราะตามมารยาทได้ ก็ถือเป็นก้าวที่น่าสนใจในการทำให้ปัญญาประดิษฐ์มีการแสดงอารมณ์ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่นี่ ที่มา - Frontiers ผ่าน SlashGear
# iFixit ชื่นชม iPhone 14 แกะฝาได้ทั้งหน้าและหลังทำให้ซ่อมง่ายขึ้นจริง ให้คะแนนสูงสุดนับแต่ iPhone 7 iFixit รายงานถึงการแกะ iPhone 14 ที่แทบทุกสำนักข่าวจะระบุว่ามีความเปลี่ยนแปลงไม่เยอะมาก เพราะมองจากภายนอกแล้วแทบเหมือนเดิม ภายในทั้งซีพียู หรือกล้องก็ยังเป็นชุดเดิมแม้มีการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ แต่ฟีเจอร์หลักๆ เหมือนเดิม ทาง iFixit กลับมองต่าง เพราะแนวทางการออกแบบให้เครื่องซ่อมง่ายขึ้นทำให้แอปเปิลต้องออกแบบตัวถังใหม่หมด แม้ผู้ใช้จะมองเห็นภายนอกเหมือนเดิมก็ตามที ทาง iFixit เล่าถึงปัญหาของ iPhone และโทรศัพท์จำนวนมากว่ามักออกแบบให้โทรศัพท์เปิดได้ด้านเดียว เช่น สมัย iPhone 4 ก็ต้องเปิดฝาหลังเครื่องก่อนเสมอ ทำให้กระบวนการเปลี่ยนจอภาพลำบากมาก แต่พอ iPhone 5 แอปเปิลก็เปลี่ยนมาใช้แนวทางต้องถอดหน้าจอออกก่อน ทำให้เปลี่ยนจอได้ง่าย แม้อุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ จะเปลี่ยนยากขึ้นแต่จอภาพก็เป็นชิ้นส่วนที่เปลี่ยนบ่อยที่สุด แต่หลังจาก iPhone 8 เป็นต้นมาแอปเปิลก็ใช้แผ่นหลังโทรศัพท์เป็นกระจกเพื่อให้สัญญาณวิทยุ เช่น การชาร์จไร้สายและ NFC ทะลุกระจกออกมาได้ แต่แผ่นกระจกด้านหลังกลับเป็นชิ้นส่วนที่เปลี่ยนยากมาก แอปเปิลอัดกาวแผ่นกระจกหลังไว้กับชิ้นส่วนจำนวนมากจนแทบถอดไม่ออก ทางที่ง่ายที่สุดคือการเอาเลเซอร์ยิงละลายกาวแล้วค่อยๆ เอามีดโกนแซะกระจกออก ใน iPhone 14 แอปเปิลออกแบบเปิดเครื่องได้ทั้งหน้าจอและกระจกหลัง โดยแผ่นกระจกหลังเองแม้จะมีกาวอยู่แต่ก็ละลายออกได้ง่ายด้วยวิธีการอุ่นตามปกติ และเพื่อให้เครื่องยังคงแข็งแรงอยู่ แอปเปิลเพิ่มเฟรมตัวถังด้านในเข้าไปอีกชั้นให้ยึดกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ทาง iFixit ให้คะแนนความซ่อมง่าย iPhone 14 ที่ 7/10 คะแนน และเป็นโทรศัพท์ที่ได้คะแนนดีที่สุดในปีนี้ โดยหวังว่าแนวทางนี้จะเป็นต้นแบบให้กับ iPhone รุ่นต่อๆ ไป ที่มา - iFixit
# อินเทลเปิดตัว NUC 12 รุ่นเกมเมอร์ ใส่ชิปกราฟิก A770M พร้อมแรมกราฟิก 16GB อินเทลเปิดตัวคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก Intel NUC 12 Enthusiast Mini PC (ชื่อรหัส Serpent Canyon) สำหรับเกมเมอร์และดีไซน์เนอร์ที่ต้องการพลังกราฟิกสูง โดยเป็น NUC ตัวแรกที่ใส่ชิปกราฟิกแยก Intel Arc มาในตัว สเปคโดยรวมอัดเต็มระดับเดียวกับเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก ซีพียู Intel Core รุ่นสูงสุด Core i7-12700H ชิปกราฟิก Intel Arc A770M พร้อมแรมกราฟิก 16GB นับว่าเป็นรุ่นสูงสุดที่อินเทลเปิดตัวมา รองรับแรม DDR4 สูงสุด 64GB สล็อต M.2 จำนวน 3 ช่อง เป็น NVMe Gen4 2 ช่อง Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ต และ USB 3.2 Gen2 หัว Type-A อีก 6 พอร์ต แลน 2.5GbE 1 พอร์ต และ Wi-Fi 6E พอร์ต HDMI 2.1 และ DisplayPort 2.0 อีก 2 พอร์ต เริ่มขายเดือนกันยายนนี้ ราคาเริ่มจาก 1,180 ดอลลาร์ หรือ 44,000 บาท ในชุดคิทไล่ขึ้นไปตามคอนฟิกแบบต่างๆ ที่มา - Intel
# เกมตบแหลกในตำนาน Rose And Camilla จะกลับมาคืนชีพอีกครั้งบน Switch จากงาน Tokyo Game Show 2022 ที่ผ่านมาทางบูทบริษัท PLAYISM ซึ่งเป็น Publisher ที่ค่อนข้างมีชื่อได้จัดเกมเก่าอินดี้ค่ายเล็กหลากชนิดหลายอารมณ์มาให้ผู้เยี่ยมชมได้ทดสอบเล่นกัน โดยส่วนมากจะเป็นเกมที่ถูกพอร์ทมาบน Nintendo Switch อาทิเช่น เกมหลอนที่โด่งดังเมื่อ 10 ปีก่อนอย่าง Ib เป็นต้น และเกมที่หลายท่านอาจรู้จักกันดีในยุดเล่นเกมแฟลชบนเว็บซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกันกับ Ib คือเกม Rose And Camilla (สะใภ้ตบแหลก) ของค่าย NIGORO ก็ได้ฟื้นคืนหวนกลับมาอีกครั้งให้ตบกันมัน ตอบจริตเหล่านักรักตบให้ได้ชื่นใจกันอีกรอบ สำหรับผู้ที่เพิ่งรู้จักเป็นครั้งแรก เกมนี้ผู้เล่นจะรับบทเป็นนางเอกที่หมั้นใหม่เข้าคฤหาสน์ แต่เหล่าสมาชิกครอบครัวสามีไม่ปลื้มตั้งแต่เริ่ม และพยายามจะข่มเหงกำราบนางเอกให้อยู่ใต้ตีนอย่างราบคาบ แต่สะใภ้ใหม่อย่างเราหรือจะยอมกราบโดยไม่ต่อต้าน เราต้องตบกลับ และไต่เต้าไปยังตำแหน่งเจ้าแม่แห่งคฤหาสน์ เพื่อให้สมฐานะศักดิ์ศรีสะใภ้ของสามีที่ล่วงลับได้เลือก และให้รู้ว่าใคร(ตบ)ใหญ่ ถึงแม้เนื้อเรื่องและตัวเกมจะอุดมไปด้วยกลิ่นอายละครไทยตบตีแย่งผัว แต่ความสนุกนั้นไม่จำกัดแค่เหล่าแม่บ้าน เด็กแก่หนุ่มสาวสามารถสนุกกับเกมนี้ได้เนื่องจากวิธีการเล่นนั้นเข้าใจง่ายมาก คือเราจะต้องตบ 1 ต่อ 1 กับเหล่าผู้ท้าชิงและผลัดกันตบสลับเทิร์นกันไป ซึ่งเวอร์ชั่นนี้มาพร้อมกับวิธีการตบที่ทำให้เราอินไปกับเกมมากขึ้นจากการใช้จอย switch เพื่อควบคุมท่วงท่าการตบของเราโดยกดปุ่ม A ค้าง และเหวี่ยงจอยไปทางซ้ายของผู้เล่นเพื่อทำการตบ หากตบสวย หวดดี มีจังหวะงามจะทำให้ตบทรงพลังขึ้น และหากมีจังหวะเราสามารถดึงเสื้อเพื่อตบรัวได้ ในเทิร์นของฝ่ายตรงข้าม เราต้องดูการเคลื่อนไหวของศัตรู โดยกดปุ่ม R1 ค้างและโยกจอยไปทางขวาให้ถูกจังหวะเพื่อหลบฝ่ามือให้งดงาม มิฉะนั้นเราจะโดนตบหน้าหงายแทน ด่านจะจบเมื่อผู้เล่นหรือฝ่ายตรงข้าม HP หมด และหากเราชนะก็จะเจอกับผู้ท้าชิงที่ตบโหดต่อยหินถึกถังและหลบคล่องขึ้นเป็นลำดับ ทางผู้เขียนตอนแรกคิดแค่เล่นเพื่อหวนรำลึกความหลังวันวานอันแสนหวาน แต่พอเล่นไปได้ไม่ถึงนาทีก็สนุกกับการตบมาก จนพนักงานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต้องหลบไม่ให้อยู่ในรัศมีการแกว่งแขนตบของผมเลยทีเดียว และหลังทดสอบเสร็จ PLAYISM ได้แจกสติ้กเกอร์รับประกันให้ผู้เขียนว่าได้ผ่านสนามรบตบรักให้เป็นที่ระลึก Rose And Camilla มีกำหนดการวางจำหน่ายขึ้น Switch ในไม่ช้า สำหรับผู้ที่สนใจ ก็เตรียมตัวเตรียมฝ่ามือไว้พร้อมตบได้เลย
# ทดลองเล่น PlayStation VR2 ของจริงในงาน TGS2022 สวัสดีครับ หนึ่งในไฮไลท์ของงาน Tokyo Game Show 2022 ที่ผ่านมาคือทาง CAPCOM ได้นำ Resident Evil Village เวอร์ชั่น VR มาให้ลองกัน ซึ่งตัวเกมจะเล่นบน PlayStation 5 และใช้ PlayStation VR2 เนื่องจากทาง Sony ไมได้มางานนี้ด้วยตัวเอง ถ้าอยากลอง PSVR2 ก็ต้องมาที่ CAPCOM ที่เดียวเท่านั้นในงาน ซึ่งทางเราก็ได้ไปลองมาเช่นกัน ในบทความนี้ผมก็ขอรีวิวประสบการณ์การเล่น PSVR2 จาก CAPCOM ในงาน Tokyo Game Show 2022 ที่ผ่านมานะครับ เล่น Resident Evil Village ด้วย PSVR2 แนะนำ PlayStation VR 2 PSVR2 คือเครื่องเล่น VR ที่ออกแบบมาสำหรับ PS5 โดยเฉพาะ ซึ่งก็ได้ถูกพัฒนาไปจาก PSVR ตัวเดิมสำหรับ PS4 ไปมากเลยทีเดียว จุดแรกที่เห็นได้ชัดคือ PSVR2 มีจอย VR เป็นของตัวเองแล้ว ต่างกับ PSVR เดิมที่ออกแบบมาให้เล่นกับ DualShock 4 หรือ PlayStation Move ที่ต้องซื้อแยก โดยจอยของ PSVR2 มีลักษณะเหมือนจอย VR ของเครื่องคู่แข่งอื่นในตลาด คือมี 2 ข้างซ้ายขวามาพร้อมสายรัดข้อมือ มีปุ่มกริป (ที่อยู่ทางด้านข้างของจอย) ซึ่งให้ความรู้สึกสมจริงในเวลาที่เราต้องหยิบจับสิ่งของ นอกจากนั้นก็ไม่ต่างกับจอย VR สมัยใหม่ทั่วไปเช่นมี Trigger Button ที่นิ้วชึ้หรือมีแกน Analog ที่จอยทั้ง 2 ข้าง จุดต่างที่ 2 คือ PSVR2 ไม่ต้องมีกล้องแยกแล้ว ต่างกับ PSVR ตัวแรกที่ต้องใช้ PlayStation Camera ช่วยโดยตัว VR Headset เองมีหน้าที่จับตำแหน่งตัวผู้เล่น และตัวจอยทั้ง 2 ข้าง ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีกล้องช่วย แต่ก็จะมีขอจำกัดเล็กน้อยเช่นถ้าเราเอามือไว้ข้างหลังลำตัว PSVR2 จะจับตำแหน่งจอยไม่ได้ สิ่งที่ยังคงอยู่คือสายเคเบิลที่เอาไว้เชื่อมต่อ VR Headset กับตัว PS5 ซึ่งถ้าเทียบประสบการณ์แบบไร้สายกับมีสาย ก็ต้องยอมรับว่าแบบไร้สายทำให้ผู้เล่นรู้สึกคล่องตัวกว่า โดยกับเฉพาะเกมที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะๆ เช่นเกมกีฬาต่างๆ อย่างน้อยจุดที่ยังทำได้ดีคือตัวสายนั้นเล็กและเบา ทำให้ไม่รู้สึกเหมือนกับว่าหัวถูกรั้งไว้ด้วยสายตอนที่ต้องขยับตัวเร็วๆ (เช่นสายของ Valve Index ซึ่งหนักและใหญ่มาก) ตัว Headset เองก็มีฟีเจอร์สำคัญที่เพิ่มมาคือตัว Headset มีกล้องหน้าแล้ว (ภาพเป็นขาวดำ) ซึ่งเราสามารถเปิดกล้องหน้าได้เลยที่ปุ่มบน Headset ทำให้เราสามารถรับรู้เหตุการณ์บนโลกจริงได้โดยไม่ต้องถอด Headset ซึ่งก็นับเป็นฟีเจอร์ที่ VR ใหม่ๆ สมควรมีกันหมดแล้ว ตัวเครื่องไม่หนักไม่เบา ไม่รู้สึกว่าต่างกับ VR ตัวอื่นมากนัก มีตัวปรับความแน่นที่ด้านท้ายทอย และมีปุ่มปรับโฟกัสตามปกติ จอยของ PSVR2 แบบเห็นกันชัดๆ ประสบการณ์ PSVR2 ในเกม Resident Evil Village ทันทีที่เซตอัพและโหลดตัวเกมเสร็จ สิ่งแรกที่ประทับใจมากคือภาพของ PSVR2 ชัดมากและสวยมาก เรียกว่าเป็นการอัพเกรดแบบสุดๆ จาก PSVR ตัวเดิมที่ยังเห็นภาพแตกเป็น Pixel อยู่ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว PSVR2 สามารถไปได้ถึง 120fps 4K แต่น่าเสียดายที่ในเดโมนี้ยังไม่เป็น 4K ทำให้เรายังไม่ได้เห็นขีดความสามารถของตัว PSVR2 แต่เรื่องภาพต้องยอมรับว่า PSVR2 เหนือกว่า PSVR มากแบบคนละยุคกันเลยจริงๆ พบกับคุณแม่และลูกๆ ในแบบ VR ระบบการเคลื่อนที่ในเกมก็ยังเหมือนกับ Resident Evil 7 VR หรือเกม VR อื่นๆ ทั่วไปคือเดินด้วยแกน Analog ที่มือซ้าย แต่สิ่งที่ต่างจากภาค 7 มากคือการที่ PSVR2 มีจอยของตัวเองแล้ว ทำให้การโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมเช่นการหยิบจับสิ่งของหรือเปิดตู้เปิดประตูนั้นสมจริงเอามากๆ ในเดโมมีอาวุธ 2 อย่างให้ใช้คือมีดและปืนพก ตัวมีดจะแปะอยู่บนแขนซ้าย วิธีการใช้งานคือเราต้องเอามือขวาไปอยู่บนแขนซ้ายแล้วกดปุ่มกริป (ของมือขวา) เพื่อที่จะเอามีดมาถือไว้บนมือ หลังจากนั้นจะฟันจะแทงได้ตามการขยับของมือเรา โดนเราสามารถปามีดได้ด้วย ด้วยการปาแล้วปล่อยปุ่มกริป ส่วนตัวปืนจะอยู่บนซองปืนที่เอวด้านขวา โดยการจะหยิบก็ต้องใช้มือขวาไปวางที่ข้างเอวแล้วกดปุ่มกริป หลังจากนั้นเราก็สามารถเล็งและยิงได้เลย สิ่งที่ดีมากๆ ของจอย VR คือการเล็งปืนที่ทำได้แม่นยำ แต่จุดเด่นจริงๆ ของการที่มีจอย VR คือการรีโหลดที่ทำได้สมจริงโดยเราต้อง ปลดซองกระสุนอันเก่าทิ้งลงพื้นก่อน -> เอาอีกมือหยิบซองกระสุนอันใหม่จากเอวมาเสียบเข้าไป -> ชักดึงสไลด์ปืน ซึ่งถ้าเป็นในเกมจริงได้มีการล่กกันให้เห็นแน่นอน ในตัวเดโมจะเป็นฉากที่พระเอกเดินเข้าไปในบ้านของเลดีดิมิเทรสคู พร้อมกับเจอ 3 ลูกสาวจับ ถูกลากไปมาแถมโดนจับแขวน ซึ่งการที่ใส่ VR Headset นั้นให้ประสปการณ์ที่แตกต่างออกไปจากเล่นหน้าจอธรรมดาแน่นอน (โดยเฉพาะตอนที่เหล่าลูกสาวเข้ามาใกล้ๆ) ถ้าจะมีข้อติบ้างเช่นยังมีการคลิปของ 3D Model อยู่บ้างเพราะการขยับตัวของผู้เล่น ทำให้บางทีภาพจะดูตลกๆ แต่คิดว่าในตัวเกมเวอร์ชันเต็มน่าจะปรับแก้จุดนี้ หรือว่าการที่เกมไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ VR แต่แรก ทำให้การโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมนั้นค่อนข้างจะจำกัดถ้าเทียบกันเกมที่ออกแบบมาสำหรับ VR โดยเฉพาะ รีโหลด (ก่อนที่จะโดนเสียบ) ความท้าทายใหม่สำหรับ VR สรุป PSVR2 เป็นก้าวกระโดดที่ดีมากจาก PSVR ตัวเดิม โดยที่ทาง Sony ถือว่าทำการบ้านมาดี ฟีเจอร์ไหนที่ดีแล้วพิสูจน์แล้วในตลาด ก็จับเอามาใส่ได้ควบถ้วน พร้อมกับใส่กิมมิคของตัวเองเข้าไป เช่นการออกแบบปุ่มกริปของตัวจอย หรือ 120fps 4K ซึ่่งเป็นที่ต้องการของเหล่าเกเมอร์ ปัญหาใหญ่อันหนึ่งของวงการ VR โดยรวมคือการที่ไม่มีเกมระดับแม่เหล็กมากพอ ซึ่งทาง Sony เองก็เข้าใจจุดนี้ดีและได้เตรียม Horizon Call of the Mountain ซึ่งเป็นเกมจากจักรวาลเดียวกันกับ Horizon Zero Dawn ที่เรารู้จักกันดีมารองรับไว้แล้ว โดยเกมนี้เป็นเกมที่ถูกพัฒนาเพื่อเล่นกับ PSVR2 โดยเฉพาะและน่าจะถูกใช้เป็นเกมแม่เหล็กในการเปิดตัวสำหรับ PSVR2 ด้วย อีกปัญหาใหญ่ของเกม VR คือตัวเกมกินทรัพยากรมากกว่าเกมทั่วไป ทำให้เราเห็นเกม VR ส่วนใหญ่ภาพจะไม่สวย (โดยเฉพาะใน PSVR สำหรับ PS4 ที่ตัวฮาร์ดแวร์ไม่สามารถประมวลผลได้ทัน) ซึ่ง PS5 ที่ทรงพลังมากๆ ไม่เจอปัญหานี้แน่นอน การมาของ PSVR2 ที่ได้รับการแก้ไขจุดด้อยต่างๆ ที่มีใน PSVR เดิม น่าจะทำให้เราได้เห็นยุคใหม่ของการเล่น VR บนเครื่องคอนโซลอย่างแน่นอนครับ (ถ้าหาซื้อได้นะ 55555)
# Sega ยืนยัน เลิกใช้ชื่อ Yakuza เปลี่ยนเป็น Like a Dragon, เปิดตัวภาค 8 ออกปี 2024 Sega ยืนยันข่าวว่าเกมซีรีส์ Yakuza จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อซีรีส์เป็น Like a Dragon แทน ด้วยเหตุผลว่าต้องการให้ตรงตามชื่อภาษาญี่ปุ่น Ryū ga Gotoku การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเมื่อปี 2019 Sega เลือกใช้ชื่อเกม Ryu Ga Gotoku 7 ทำตลาดนอกญี่ปุ่นว่า Yakuza: Like a Dragon มารอบหนึ่งแล้ว และในเกมภาครีเมคที่เพิ่งเปิดตัว Like a Dragon: Ishin! ก็ไม่มีคำว่า Yakuza อยู่เลย ส่วนเกมภาคใหม่ที่เพิ่งประกาศว่าจะทำคือภาค 8 ที่จะออกในปี 2024 ใช้ชื่อว่า Like a Dragon 8 แล้วเช่นกัน ที่มา - Kotaku
# Rockstar แถลงกรณี GTA 6 หลุด ยืนยันการพัฒนาจะดำเนินต่อไปตามแผน Rockstar ออกแถลงการณ์กรณีที่ฟุตเทจของ GTA 6 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหลุดออกมาชุดใหญ่ โดยยืนยันว่าสถานการณ์ดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการพัฒนาเกม แผนการณ์จะดำเนินต่อไปตามเดิม โดยจะอัพเดตสถานการณ์อีกครั้งเร็วๆ นี้ และจะเปิดตัวเกมเมื่อพร้อม นอกจากนี้ Rockstar ยืนยันด้วยว่าปัญหาดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ Live-Service ของเกมอื่นและโปรเจ็คระยะยาวของบริษัท ที่มา - @RockstarGames
# พาเที่ยวงาน Tokyo Game Show 2022 พบกันอีกครั้งกับนิทรรศการเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น Tokyo Game Show 2022 สำหรับปีนี้นั้นงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-18 กันยายนที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงสินค้า Makuhari Messe โดยในที่สุดปีนี้สามารถกลับมาจัดงานออฟไลน์เต็มรูปแบบนับตั้งแต่งานในปี 2019 ครับ (จริง ๆ ปีที่แล้วจะมีส่วนออฟไลน์เช่นกัน แต่เป็นงานขนาดเล็กมาก และจำกัดผู้เข้าร่วมงานเฉพาะผู้เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเท่านั้น) และแน่นอนว่าผมก็มีโอกาสได้ไปร่วมงาน และเก็บบรรยากาศมาฝากกันเช่นเคยครับ คำเตือน: ภาพประกอบเยอะมาก Capcom จุดหมายหลักในปีนี้ของผมคือการมาทดลองเล่น PlayStation VR2 (PSVR2) ครับ ซึ่งถึงแม้ปีนี้ Sony จะไม่มาร่วมงานโดยตรง แต่ก็ส่งเครื่องมาให้ทดลองเล่น Resident Evil Village VR (RE8VR) ได้ที่บูท Capcom ครับ (อ่านพรีวิวแบบเต็ม ๆ ได้ที่นี่) สรุปแบบย่อ ๆ คือตัวเครื่อง PSVR2 พัฒนาขึ้นจากรุ่นแรกเป็นอย่างมาก เหมือนนำเอาข้อดีจาก Headset เจ้าอื่น ๆ มารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นจอละเอียดสูงที่แยกอิสระจากกันจากสำหรับตาแต่ละข้างจาก Valve Index หรือ Inside-Out Tracking และ Controller จาก Meta Quest 2 และคงไว้ซึ่ง Mounting System ที่สวมใส่สบายที่สุดในตลาดจาก PSVR เองครับ สำหรับตัวเกม RE8VR นั้น ส่วนที่ได้เล่นเป็นช่วงเริ่มเกม แต่มีอาวุธคือมืดและปืนพกติดมาให้ทดลองเล่นครับ ลูกเล่นที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นปกติคือเราสามารถปามีดได้ด้วย ปาเสร็จแล้วมีดก็จากเทเลพอร์ทกลับมาที่มือเราโดยอัตโนมัติ แต่ Damage ค่อนข้างต่ำ และปาให้โดนยากมากครับ ส่วนปืนพกนั้นต้อง Reload แบบ Manual คือกดปุ่มถอดซองกระสุน หยิบซองใหม่ใส่ และดึงคันชัก ซึ่งเวลาต้องทำระหว่างโดนซอมบี้รุมอยู่ก็ลุกลี้ลุกลนใช้ได้ครับ และที่ประทับใจที่สุดคือคุณแม่ Dimitrescu นั้น (ตัว) ใหญ่มาก! อีกเกมที่โดดเด่นคือ Street Fighter 6 ครับ ซึ่งสามารถลองเล่นได้ในงานเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้ลองเล่น เนื่องจากกว่าจะเล่น RE8VR จบ คิวก็ยาวเป็นหางว่าวไปแล้วครับ ส่วนเกมอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็มี Rockman EXE Advance Collection (ชื่อภาษาอังกฤษคือ Megaman Battle Network Legacy Collection), Monster Hunter Rise Sunbreak ที่นำหุ่นสุนัข Palamute (ตัวเดียวจากงานปีที่แล้ว) มาจัดแสดง, และ Exoprimal ครับ SEGA / Atlus ที่โดดเด่นที่สุดของบูทนี้คือบอลลูน Sonic ขนาดมหึมา ที่นำมาโปรโมตเกม Sonic Frontiers ครับ ซึ่งผมก็ได้ไปลองเล่นมาด้วย โดยในภาคนี้กลายเป็นเกม Open-World แบบเต็มตัว Art Direction มีกลิ่นไอ Breath of the Wild (BotW) อยู่บ้าง แต่ภาพออกไปทางกึ่งสมจริงมากกว่า Stylized แบบ BotW ครับ การควบคุม Sonic ตอน 3D Platforming นั้นผมรู้สึกว่ายังตะกุกตะกักอยู่บ้าง (เช่นกะระยะกระโดดพลาด) ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผมยังไม่คุ้นเคยกับการควบคุมในเกมก็เป็นได้ครับ ระบบการต่อสู้ทำได้ดีกว่าที่คิด การโจมตีหลัก ๆ คือกดปุ่มสี่เหลี่ยมแล้ว Sonic จะพุ่งเข้าไปโจมตีศัตรูที่ Lock เป้าไว้อัตโนมัติ ไม่ต้องเล็งเองทำให้ลื่นไหลมาก นอกจากส่วน Open World แล้ว มีอีกโหมดหนึ่งที่ผมชอบมากคือ Cyberspace โดยจะต้องเก็บเกียร์จากศัตรูใน Open-World เพื่อเอามาปลดล็อคเข้าไปเล่นครับ โหมดนี้จะเป็นลักษณะ Challenge Run คือวิ่งตามเส้นทาง On-Rail ไปหาเป้าหมายให้เร็วทึ่สุด เป็นโหมดที่คงไว้ซึ่งเสน่ห์ของเกม Sonic ซึ่งก็คือความเร็วได้เป็นอย่างดีครับ อีกเกมหลักที่ SEGA ดันในปีนี้คือ Like a Dragon Ishin! Kiwami โดยเป็น Remake ของ Ryu ga Gotoku Isshin! ซึ่งเป็นเกมเดียวเดียวในซีรีส์ Like a Dragon (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Yakuza แต่ SEGA ประกาศจะเลิกใช้ชื่อนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อภาษาญี่ปุ่น) ที่ยังไม่เคยแปลเป็นภาษาอังกฤษครับ อีกฝั่งหนึ่งของบูทนั้นโปรโมทเกม Persona 5 Royal ที่เพิ่งพอร์ทลง Nintendo Switch ครับ มีการนำหุ่น Persona ของตัวเอกจากภาค 3, 4, และ 5 มาจัดแสดง แต่ตัวเกมนั้นเข้าใจว่าเหมือนเดิมทุกประการ ผมเลยไม่ได้ไปลองเล่นครับ Square Enix เกมที่น่าสนใจที่สุดของบูทคือ Forspoken ครับ ซึ่งนำมาให้ทดลองเล่นทั้งเวอร์ชั่น PlayStation 5 และ PC โดยถ้าเลือกเล่นบน PC นั้นแถวจะสั้นกว่ากันมาก เนื่องจากไม่มีแจกของที่ระลึก เท่าที่ผมลองเล่น (เลือกเวอร์ชั่น PC) รู้สึกว่าระบบ Combat ของเกมนี้ค่อนข้างสนุกทีเดียวครับ สามารถสับเปลี่ยนระหว่างใช้เวทย์ดาบต่อสู้ระยะประชิด กับยิงเวทย์ต่อสู้ระยะไกลได้อย่างลื่นไหล ระบบต่อสู้มีความรู้สึกคล้ายคลึงกับ Final Fantasy XV (FFXV) อยู่เล็กน้อย เนื่องจากมีสกิลสามารถพุ่งวาร์ปไปฟันศัตรูได้แบบ Noctic เลย จะเรียกว่าเป็น FFXV ที่ทำเสร็จแล้วก็ได้ อีกเกมที่ผมได้ไปลองเล่นมาคือ Crisis Core Final Fantasy VII Reunion โดยระบบการต่อสู้นั้นคล้าย ๆ กับเอาระบบ Slot Machine จากภาคต้นฉบับ มารวมกับ Final Fantasy VII Remake ครับ ที่่สำคัญคือในเดโมที่ได้เล่นนั้นมี Yuffie สมัยเด็กโผล่มาด้วย กรี๊ด เกมอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็มี Star Ocean The Divine Force กับ Valkyrie Elysium ซึ่งทั้งสองเกมนี้นั้นสามารถดาวน์โหลดเดโมมาเล่นได้ที่บ้านอยู่แล้ว ผมจึงข้ามไปครับ Koei Tecmo อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานนี้สำหรับผมคือเกม Atelier Ryza 3 ที่คาดว่าจะเป็นภาคจบในซีรีส์ Ryza ครับ ที่เด่นที่สุดของบูทคือหุ่น Ryza จากเกมทั้ง 3 ภาคขนาด "ใหญ่" เท่าตัวจริงกว่าตัวจริงที่วางเรียงกัน สังเกตได้ถึงพัฒนาการของ Ryza ที่ "โต" ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็มีคนรุมถ่ายกันอย่างเนือง "แน่น" ตลอดเวลา จนบางส่วนอาจจะต้อง "ล้น" ไปถ่ายกันจากด้านหลังเลยทีเดียวครับ แน่นอนว่าติ่งสาวปรุงยาอย่างผมต้องไปลองเล่นมาด้วย นอกจากงานภาพที่พัฒนาขึ้นตามกาลเวลาแล้ว ข้อแตกต่างจากภาคก่อนหน้าที่ชัดเจนที่สุดคือ ภาคนี้มีความเป็น Open-World มากขึ้น Field กว้างใหญ่ สวยงามมากครับ แต่ Point of Interests นั้นค่อนข้างกระจัดกระจาย คิดว่าหากเริ่มคุ้นเคยกับแผนที่แล้ว การเดินทางจากจุดหนึ่ง ไปอีกจุดหนึ่ง ถ้าไม่ใช้ Fast Travel ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจระหว่างทางสักเท่าไหร่ ส่วนระบบปรุงยา และ Combat นั้น ค่อนข้างคล้ายคลึงกับภาคก่อนหน้าครับ อีกครึ่งบูทเป็นของเกม Wo Long ครับ ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็คือ Nioh ภาคสามก๊กนั่นแหละ แต่นอกจากธีมที่เปลี่ยนจากญี่ปุ่นเป็นจีนแล้ว ระบบการต่อสู้ก็เปลี่ยนไปพอสมควร ไม่มีเกจ Stamina แล้ว ทำให้การต่อสู้รวดเร็วขึ้น ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ Sekiro ครับ เกมนี้ผมอุตส่าห์ไปต่อคิวรอเล่นเกือบชั่วโมง แต่กลับถึงบ้านมาเห็นข่าวว่า Demo เปิดให้ดาวน์โหลดเล่นได้จากที่บ้านเลย ก็แอบหลังหักเล็กน้อย KONAMI สำหรับบูท Konami นั้น ก็หนีไม่พ้นเกมคู่บุญของค่ายอย่าง Yu-Gi-Oh! Master Duel, Super Bomberman R 2, และ eFootball (ที่รู้จักกันในชื่อเดิมคือ Pro Evolution Soccer หรือ Winning Eleven) ที่น่าสนใจคือตรงฝั่ง Yu-Gi-Oh! นั้น ให้ทดลองเล่นกันบนเก้าอี้ Battle Station ซึ่งแม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเกมเพลย์ แต่คะแนนความเท่นั้นกินขาดครับ ด้านหลังของ Konami เป็นส่วนจัดแสดงของ Partner ซึ่งขาประจำในโซนนี้ก็ยังเป็น Nihon Falcom ที่นำเกม Kuro no Kiseki II มาให้ทดลองเล่นครับ โดยส่วนตัวแล้วผมสนใจเกมทางฝั่งนี้มากกว่าเกมทางด้านหน้าบูทเสียอีก ช่วงที่ผมเดินผ่านไป เป็นช่วงที่กำลังมีการแสดงดนตรีจากวงประจำค่าย Falcom jdk BAND บนเวทีหลักพอดีอีกด้วยครับ Steam Deck แม้จะเปิดตัวและวางจำหน่ายในสหรัฐมาได้สักระยะแล้ว แต่ Steam Deck เพิ่งจะเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นครับ โดยในงานนี้ผมมีโอกาสได้สัมผัสตัวเครื่องของจริงเป็นครั้งแรก ต้องบอกว่าประทับใจกว่าที่คิดครับ เกมที่ผมได้ลองเล่นคือ Elden Ring, Marvel's Spider-Man Remastered, และ Death Standing Director's Cut ซึ่งก็เล่นได้อย่างลื่นไหลทุกเกม ผมได้ลองเล่นบน Bean Bag นอนตีลังกา กลิ้งไปกลิ้งมา ราว ๆ 15 นาที ไม่รู้สึกว่าเครื่องหนักแต่อย่างใด จะมีจุดติก็คือปุ่มต่าง ๆ ทั้ง D-Pad, Face Button, Analog Stick, และ Touch Pad ที่ยัดมาบนเครื่องนั้นค่อนข้างเบียดเสียด เล่นไปสักพักจะรู้สึกอึดอัดกว่าใช้ Controller ปกติอย่างชัดเจนครับ Bandai Namco Bandai Namco นำเกมจากแฟรนไชส์อนิเมชื่อดังต่าง ๆ มาจัดแสดงเช่นเคย โดยเกมหลัก ๆ ในปีนี้คือ One Piece Odyssey, Dragon Ball: The Breakers, และ Doraemon Story of Seasons: Friends of the Great Kingdom ซึ่งค่อนข้างจะมีแต่แฟรนไชส์เมนตรีม ไม่ค่อยถูกจริตโอตาคุสักเท่าไหร่ครับ บูทที่น่าสนใจอื่น ๆ bHaptics เอา Full-body Haptics VR Suit มาให้ทดลองเล่นครับ นอกจากชุดส่วนอกแล้ว ยังมีถุงมือให้ลองใส่อีกด้วย ผมลองเล่นแล้วรู้สึกว่ายังสั่นค่อนข้างเบา ไม่รู้สึก Immersive สักเท่าไหร่ และระบบ Tracking ของถุงมือเข้าขั้นแย่ Demo ที่ผมได้ทดลองเล่นนั้น Error ไปหลายรอบมากครับ ELSA Japan นำ Houshou Marine PC และ Hakos Baelz PC มาให้ชมครับ ติ่ง Hololive เห็นแล้วต้องกรีดร้อง ของจริงสวยมาก ๆ น่าเสียดายที่ขายพ่วงเป็นชุด ไม่ขายแยกแต่เคส ไม่งั้นผมคงโดนแน่ ๆ ถึงแม้ปีนี้ Kojima Production จะไม่ออกบูทในส่วนจัดแสดง แต่มีบูทขายของครับ นอกจากนี้ยังแอบมี Tease เกมใหม่เล็ก ๆ อีกด้วย ส่งท้าย ภาพรวมงานปีนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง บรรยากาศภายในงานโดยเฉพาะวัน Public Day นั้นเต็มไปด้วยผู้คนเนืองแน่น เหมือนช่วงก่อนโควิดเลยครับ ภาพทั้งหมดจากงานผมได้รวมไว้ในอัลบัมนี้แล้ว ผมต้องขอขอบคุณ Blognone ที่ให้โอกาสผม (และทีมงาน) ได้เป็นตัวแทนไปร่วมงานและเก็บประสบการณ์มาแบ่งปันครับ สุดท้ายนี้ก่อนจากกัน ผมขอส่งท้ายด้วยสิ่งที่น่าสนใจครับ เชิญรับชม
# ความยั่งยืนสิ่งแวดล้อม: เป้าหมายสำคัญของระบบไอทีในยุคใหม่ ปัญหา Climate Change ทำให้มีเสียงเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ใช้พลังงานอย่างรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ และระบบไอทีก็เป็นส่วนสำคัญขององค์กรที่ใช้พลังงานสูงและต้องมีการปรับปรุงการใช้พลังงานให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น เมื่อดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมหาศาล และถือเป็นสัดส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมดขององค์กร ยักษ์ใหญ่ไอทีอย่างไอบีเอ็มจึงมองว่ากรีนไอทีจะสามารถช่วยองค์กรลดการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตปริ้นท์ขององค์กรได้แล้ว ยังจะช่วยตอบโจทย์ท้าทายด้านความยั่งยืนขององค์กร ผลสำรวจของ IBM Global CEO Study แสดงให้เห็นว่าซีอีโอถึง 48% มองว่าการปรับปรุงธุรกิจสู่ความยั่งยืนนั้นกลายเป็นภารกิจสำคัญที่สุดอันหนึ่งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แต่ซีอีโอเหล่านี้ก็พบว่าการปรับปรุงเช่นนี้ทำได้ยาก เพราะกรอบเวลาที่แคบ ไม่มีเทคโนโลยีที่ตอบสนองเงื่อนไขได้ชัดเจน พร้อมๆ กับเงื่อนไขว่าต้องขยายโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับธุรกิจไปได้พร้อมๆ กัน ทุกวันนี้อุตสาหกรรมไอทีปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ระหว่าง 1.8%-3.9% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก และศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานร่วมถึง 1% ของไฟฟ้าทั้งโลก การปรับปรุงระบบไอทีให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้งานชิ้นส่วนต่างๆ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมๆ กับเลือกใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนจึงเป็นความรับผิดชอบที่ฝ่ายไอทีขององค์กรสามารถช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนสิ่งแวดล้อมได้ คุณแอ็กเนส เฮฟท์เบอร์เกอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของไอบีเอ็ม อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลี (IBM ASEANZK) เล่าว่า “วันนี้ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในภารกิจที่มีความท้าทายสูงสุดของผู้บริหารทั้งในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก เทคโนโลยีกรีนคอมพิวติ้งที่ช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมจึงทวีความสำคัญยิ่งขึ้น ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมหาศาล แต่วันนี้เทคโนโลยีช่วยให้องค์กรสามารถลดการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตปริ้นท์ขององค์กรได้แล้ว ยังจะช่วยตอบโจทย์ท้าทายด้านความยั่งยืนขององค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว” แนวทางการปรับปรุงให้โครงสร้างไอทีใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ไอบีเอ็มออกแบบ IBM LinuxONE Emperor 4 ที่คำนึงถึงการใช้งานพลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็เปิดโอกาสให้องค์กรสามารถขยายระบบไอทีรองรับการเติบโตธุรกิจได้อย่างทันท่วงที สามารถเปิดคอร์ซีพียูเอาไว้รองรับการ scale ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่สร้างคาร์บอนฟุตปริ้นท์เพิ่มขึ้น ระบบมาพร้อมกับเครื่องมือมอนิเตอร์การใช้พลังงานตลอดเวลา ไอบีเอ็มประเมินว่า IBM LinuxONE Emperor 4 ในชุดประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน จะสามารถรับโหลดของเซิร์ฟเวอร์ x86 ได้โดยใช้เซิร์ฟเวอร์จำนวนน้อยกว่า ทำให้กินพลังงานน้อยลงถึง 75% และใช้พื้นที่ศูนย์ข้อมูลลดลงถึง 50% เพราะเซิร์ฟเวอร์แต่ละเครื่องสามารถรองรับโหลดได้เทียบเท่ากับเซิร์ฟเวอร์ x86 ขนาด 2,000 คอร์ ในแง่ของความปลอดภัย IBM LinuxONE Emperor 4 รองรับแนวทางความปลอดภัยยุคใหม่เต็มรูปแบบ ภายในระบบมีการเข้ารหัสข้อมูล ทั้ง data-at-rest และ data-in-flight ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการให้บริการทางการเงิน และในระบบยังติดตั้ง Crypto Express 8S Adapter สำหรับเร่งการเข้ารหัสด้วยอัลกอริทึม CRYSTALS-Dilithium ที่ NIST รองรับเป็นมาตรฐานแล้ว การทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ที่องค์กรใช้งาน ยังเป็นอีกประเด็นที่ไอบีเอ็มให้ความสำคัญอย่างมาก IBM LinuxONE Emperor 4 มีพันธมิตรที่ซัพพอร์ตซอฟต์แวร์บนแพลตฟอร์มหลากหลาย ทั้ง MongoDB, NGINX, Sysdig และบริษัทอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมถึงรองรับการรัน Red Hat OpenShift สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบ cloud native ได้อย่างสมบูรณ์ สนใจข้อมูลเพิ่มเติมของ IBM LinuxONE Emperor 4 สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ IBM LinuxONE และสามารถคำนวณความคุ้มค่าด้วยตัวเองได้ที่ IBM LinuxONE TCO Calculator
# Phil Spencer บอกยังไม่ยอมแพ้ ในการดึง FF14 มาลง Xbox ให้จงได้ Final Fantasy XIV เป็นเกมออนไลน์ที่มาแรงมากในช่วงหลัง แต่ที่ผ่านมายังมีเฉพาะบน PlayStation และพีซีเท่านั้น ไม่มีบน Xbox (ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง) แม้ทาง Square Enix และไมโครซอฟท์มีการพูดคุยเรื่องนี้กันมานานตั้งแต่ปี 2016 แต่ก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นจริง (ปี 2021 ก็บอกว่ายังคุยกันอยู่ คุยนานมาก) ล่าสุดมีคนไปถาม Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง คำตอบของเขาคือเสียงหัวเราะ พร้อมกับบอกว่า "พวกเรายังไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้" เขาบอกว่าทั้งไมโครซอฟท์และ Square Enix ต้องการตอบสนองแฟนเกม และจะร่วมมือกันต่อไปให้มันเกิดขึ้น Naoki Yoshida ผู้กำกับของ FF14 ก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เขารู้สึกแย่ที่สิ่งนี้ยังไม่เกิดขึ้นสักที แต่เราก็ยังอยู่ในการพูดคุยกับไมโครซอฟท์อยู่ ที่มา - Eurogamer
# Do Kwon ผู้ก่อตั้ง Luna บอก "ไม่ได้หนี" หมายจับเกาหลีใต้, คาดตอนนี้อยู่ในสิงคโปร์ Do Kwon ผู้ก่อตั้งเหรียญ Terra และ Luna ที่โดนหมายจับจากอัยการเกาหลีใต้ ร่วมกับผู้บริหารคนอื่นๆ อีก 5 คน โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า "เขาไม่ได้หนี" (I am not "on the run") และบอกว่ายินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับหน่วยงานภาครัฐ ก่อนหน้านี้ ตำรวจเกาหลีใต้ออกชี้แจงว่า Do Kwon และพวกหลบไปอยู่ที่สิงคโปร์แล้ว ทำให้ Kwon ต้องออกมาตอบโต้ แต่เขาเองก็ไม่ได้เปิดเผยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ตัวของ Kwon บอกว่าพวกเขากำลังพยายามต่อสู้คดีในหลายประเทศ และจะให้ข้อมูลเพื่อล้างมลทินของตัวเองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สำนักอัยการเกาหลีใต้กำลังอยู่ระหว่างการเพิกถอนพาสปอร์ตของ Kwon ซึ่งถ้าถอนสำเร็จ จะทำให้ Kwon ต้องเดินทางกลับประเทศภายใน 14 วัน ส่วนตำรวจของสิงคโปร์ก็ให้ข้อมูลกับ Bloomberg ว่ายินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจของเกาหลีใต้ โดย Kwon มีใบอนุญาตทำงานในสิงคโปร์ที่จะหมดอายุวันที่ 7 ธันวาคม และก่อนหน้านี้เขาเคยยื่นขอ EntrePass ใบอนุญาตทำธุรกิจในสิงคโปร์ แต่ถูกปฏิเสธ ภาพ Do Kwon ผู้ก่อตั้งเครือข่าย Terra จาก @terra_money ที่มา - Bloomberg
# Sea ปลดพนักงานใน Shopee อินโดนีเซียออกอีก 3% ตามนโยบายลดค่าใช้จ่าย บริษัท Sea Ltd. ยังปลดคนต่อ ล่าสุด Bloomberg รายงานว่า Sea แจ้งพนักงาน Shopee ในอินโดนีเซีย โดยปลดพนักงานออก 3% เพื่อลดค่าใช้จ่ายของบริษัท (Sea ยืนยันข่าวการปลด แต่ไม่ยืนยันจำนวน) เมื่อต้นเดือนนี้ Sea เพิ่งปลดพนักงานในละตินอเมริกา 4 ประเทศ และปิดสำนักงานในอาร์เจนตินา ส่วน Forrest Li ซีอีโอของบริษัท แจ้งพนักงานว่าจะลดค่าใช้จ่ายของบริษัทลงในหลายด้าน ตัวเขาเองและผู้บริหารระดับสูงจะไม่รับเงินเดือนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น Sea เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2022 บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้น 29% แต่ก็ขาดทุนเพิ่มด้วยเช่นกัน ตัวเลขพนักงานทั้งหมดของ Sea ณ สิ้นปี 2021 อยู่ที่ 67,000 คน การปลดพนักงานของ Sea ในช่วงนี้คงไม่ต่างอะไรกับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ อีกหลายแห่งที่ต้องปลดคนออกเพื่อรับมือสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก ที่มา - Bloomberg
# ม. เกียวโตพัฒนา “เถระเวิร์ส” Metaverse สายพุทธและ Buddabot AI ตอบหลักคำสอน สถาบันเพื่อสังคมแห่งอนาคต (Institute for the Future of Society) ของมหาวิทยาลัยเกียวโตพัฒนา Metaverse ของศาสนาพุทธและใช้ชื่อว่า Teraverse (เถระเวิร์ส) โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำศาสนาพุทธเข้ามาสู่โลกสมัยใหม่และทำให้ศาสนาพุทธสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นหลังจากการการเดินทางถูกจำกัดจากสถานการณ์โควิด-19 เถระเวิร์สเป็นโลกเสมือนจริงที่ผู้ใช้สามารถสร้างวัดออนไลน์ที่มีรูปร่างและลักษณะต่าง ๆ โดยไม่จำกัดสถานที่และตัวอวตารของผู้ใช้สามารถเข้าเยี่ยมชมวัดต่าง ๆ ได้ (คำว่า Tera (寺) ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าวัด) เทคโนโลยีอีกอย่างหนึ่งที่สถาบันกำลังพัฒนาอยู่ คือ บุดดาบ็อต (Buddabot) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสร้างภาพ AR พระพุทธรูป 3 มิติได้ บุดดาบ็อตถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้สามารถตอบคำถามผู้ใช้ตามหลักคำสอนของศาสนาพุทธโดยการใช้ AI ที่เรียนรู้ข้อมูลจากคัมภีร์สุตตานิพัทธ์และธรรมบท ประกอบกับการใช้อัลกอรึธึม BERT ที่พัฒนาโดย Google ขณะนี้ทั้ง Teraverse และ Buddhabot ยังไม่เปิดให้ใช้งาน โดยยังต้องพัฒนาเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลรวมถึงป้องกันปัญหาความละเอียดอ่อนเรื่องความเชื่อทางศาสนา ที่มา: SoraNews24 และ Buddhistdoor Global
# นักข่าวสายเกมยืนยัน คลิปหลุด GTA 6 ของจริง, หนึ่งในการหลุดครั้งใหญ่ที่สุดในวงการเกม Jason Schreier นักข่าวสายเกมของ Bloomberg ออกมาทวีตเกี่ยวกับคลิปหลุดของ GTA 6 ชุดใหญ่ โดยเจ้าตัวอ้างอิงกับแหล่งข่าวจาก Rockstar แล้วว่า ข้อมูลดังกล่าวที่หลุดออกมาเป็นข้อมูลจริง พร้อมระบุด้วยว่าเป็นการทำข้อมูลหลุดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในวงการเกม Jason บอกด้วยว่าปัญหาครั้งนี้น่าจะเป็นฝันร้ายครั้งใหญ่ของ Rockstar เพราะน่ากระทบกระบวนการทำงานไปซักพัก รวมถึงอาจมีการปรับนโยบายการทำงานจากบ้านด้วย ที่มา - @jasonschreier
# Apple จดสิทธิบัตรการเช็คว่าคนชอบฟังเพลงไหน โดยตรวจจับการขยับตัวตามเสียงเพลง Apple ยื่นคำขอจดสิทธิบัตรเทคนิคการประเมินว่าผู้ใช้ชอบเพลงที่ได้ฟังมากน้อยแค่ไหน โดยอาศัยเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ใช้ตามจังหวะเสียงเพลง ซึ่งมาจากไอเดียที่ว่าการที่ผู้ใช้เต้นตามเพลง หรือโยกศีรษะเบาๆ หรือแม้กระทั่งกระทืบเท้าไปตามจังหวะ เหล่านี้เป็นสิ่งบ่งบอกว่าผู้ใช้รู้สึกพอใจกับเพลงที่กำลังฟังอยู่ในขณะนั้น สาระสำคัญของสิทธิบัตรนี้เป็นการใช้อุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ใช้ได้ และการตรวจจับเสียงเพลงที่ผู้ใช้กำลังฟัง ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวอาจเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานทั้ง 2 อย่างได้ภายในตัวเดียว เช่น สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, หูฟัง, หรืออุปกรณ์ MR (Mixed Reality) หรืออาจเป็นเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับข้อมูลเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วทำงานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวอื่นอย่างเป็นระบบก็ได้ เช่น สมาร์ทคอนแทคเลนส์ที่จะสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวศีรษะได้แต่ไม่อาจตรวจจับเสียงเพลงได้ เป็นต้น ในแง่วิธีตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ฟังนั้นก็ไม่จำกัดไว้เพียงวิธีใดวิธีหนึ่ง อุปกรณ์สวมใส่อย่างหูฟังนั้นอาจอาศัยเซ็นเซอร์วัดความเฉื่อยในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวศีรษะของผู้ใช้ ในขณะที่อุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตอาจใช้ทั้งเซ็นเซอร์วัดความเฉื่อยในตัว ร่วมกับการประมวลภาพในระหว่างที่กล้องถูกเปิดใช้งานเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของบุคคลในภาพรวมทั้งตัวผู้ที่กำลังถืออุปกรณ์อยู่ด้วย เป้าหมายของการตรวจสอบว่าผู้ใช้มีการเคลื่อนไหวร่างกายสัมพันธ์กับเสียงเพลงหรือไม่นั้นก็เพื่อนำไปต่อยอดใช้งานในการนำเสนอข้อมูล หรือสื่ออื่นๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลง ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ผู้ใช้คนหนึ่งนำสมาร์ทโฟนออกมาบันทึกภาพหรือแพร่ภาพสดบรรยากาศในงานสังสรรค์ ระบบก็อาจแสดงภาพกราฟิกแบบ AR เพื่อโชว์ข้อมูลของเพลงและศิลปินเจ้าของเพลงที่ผู้ใช้กำลังฟังกันอยู่ในขณะนั้นก็ได้ ระบบตามสิทธิบัตรนี้ยังสามารถนำไปใช้เพื่อเก็บข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับความนิยมของเพลงแต่ละเพลงนอกเหนือจากวิธีเดิม ซึ่งอาศัยการนับจำนวนครั้งที่เพลงถูกเล่น ประกอบกับการนับจำนวนการกดปุ่ม like หรือปุ่ม favorite ให้แก่เพลงนั้นโดยตรง นอกจากนี้ในอนาคตอาจมีการวัดระดับความชอบเสียงเพลงออกเป็นหลายระดับโดยประเมินจากความรวดเร็ว, ความถี่ และความรุนแรงในการเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะเพลง เช่น เพลงไหนที่ผู้ใช้ขยับตัวตามเพลงตลอดเวลาที่เพลงเล่นก็แปลว่าชอบเพลงนั้นมากที่สุด ในขณะที่เพลงไหนมีการโยกตัวตามจังหวะแค่บางช่วงก็อาจถูกประเมินว่าผู้ใช้ชอบเพลงนั้นน้อยกว่าหน่อย เป็นต้น ที่มา - Patently Apple, ข้อมูลสิทธิบัตรจาก FPO
# ผู้ใช้ iPhone 14 Pro พบปัญหากล้องสั่นเมื่อใช้แอปโซเชียลมีเดีย ผู้ใช้ iPhone 14 Pro เปิดเผยผ่าน Reddit และ Twitter ว่าพบปัญหากล้องสั่นขณะเปิดใช้งานกล้องในแอปพลิเคชัน third-party อย่างเช่น Snapchat, TikTok และ Instagram โดยสามารถได้ยินเสียงด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ไม่พบปัญหาการสั่นเมื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันกล้องของ iPhone จึงคาดว่าการสั่นเกิดจากปัญหาซอฟต์แวร์ที่แอปพลิเคชันยังไม่ได้อัปเดตมาเพื่อรองรับ iOS 16 แอปอาจต้องปล่อยเวอร์ชันอัปเดตมาเพื่อแก้บั๊กดังกล่าวในภายหลัง ที่มา: Reddit via 9to5Mac