sysid
stringlengths 1
6
| title
stringlengths 8
870
| txt
stringlengths 0
257k
|
---|---|---|
518755 | กฎกระทรวง กำหนดแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการขอรับใบอนุญาต และการออกใบอนุญาต สำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาต ให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้ข้อตกลง ว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาล แห่งชาติอื่น พ.ศ. 2549
| กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
กำหนดแบบ หลักเกณฑ์
และวิธีการในการขอรับใบอนุญาต
และการออกใบอนุญาต
สำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาต
ให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้ข้อตกลง
ว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งชาติอื่น
พ.ศ. ๒๕๔๙
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ (๑) (๒) (๓) และ (๔) และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑[๑] กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๗
เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้นไป
ข้อ
๒ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งชาติอื่น
ซึ่งประสงค์จะขอรับใบอนุญาตตามมาตรา ๗ ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๑๕ ท้ายกฎกระทรวงนี้
พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) หนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางพร้อมสำเนา
(๒) ใบรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากสถานพยาบาล
ซึ่งรับรองว่าผู้ขอไม่มีโรค ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา ๑๑ (๒)
(๓) เอกสารหลักฐานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแสดงว่านายจ้างได้รับการจัดสรรจำนวนคนต่างด้าวเข้าทำงาน
พร้อมสำเนา
(๔) แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานที่ทำงาน
(๕) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด ๒.๕ x ๓
เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้ว ไม่เกินหกเดือน จำนวนสองรูป
ข้อ
๓
นายจ้างซึ่งยื่นคำขอรับใบอนุญาตแทนคนต่างด้าวตามมาตรา ๘ ให้ยื่นคำขอตามแบบ
ตท. ๑๕ ท้ายกฎกระทรวงนี้ พร้อมเอกสารหลักฐานตามข้อ ๒ (๓) และ (๔)
คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตทำงานตามวรรคหนึ่ง
ต้องมารับใบอนุญาตด้วยตนเอง พร้อมแสดงเอกสารหลักฐานตามข้อ ๒ (๑) (๒) และ (๕)
ข้อ
๔
ผู้รับใบอนุญาตซึ่งประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๑๕
ท้ายกฎกระทรวงนี้ พร้อมใบอนุญาตและเอกสารหลักฐานตามข้อ ๒ (๑) (๒) (๓) และ (๕)
ข้อ
๕
ผู้รับใบอนุญาตซึ่งประสงค์จะขอรับใบแทนใบอนุญาต ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๑๕
ท้ายกฎกระทรวงนี้ พร้อมแนบใบอนุญาตซึ่งชำรุดในสาระสำคัญ
หรือหลักฐานการรับแจ้งความของเจ้าพนักงานตำรวจในกรณีใบอนุญาตสูญหาย
และเอกสารหลักฐานตามข้อ ๒ (๑) และ (๕)
ข้อ
๖
ผู้รับใบอนุญาตซึ่งประสงค์จะเปลี่ยนการทำงานโดยขอทำงานอื่นนอกจากงานที่ระบุไว้ในใบอนุญาตหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานให้แตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๑๕ ท้ายกฎกระทรวงนี้ พร้อมใบอนุญาตและเอกสารหลักฐานตามข้อ ๒
(๑) (๓) (๔) และ (๕)
ข้อ
๗ การยื่นคำขอตามข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔
ข้อ ๕ และข้อ ๖ ให้ยื่น ณ ท้องที่ที่เป็นสถานที่ทำงาน ดังต่อไปนี้
(๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ กรมการจัดหางาน
หรือสถานที่ที่อธิบดีกรมการจัดหางานประกาศกำหนด
(๒) ในจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด
หรือสถานที่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศกำหนด
ข้อ
๘ ใบอนุญาตให้ใช้แบบ ตท. ๑๖
ท้ายกฎกระทรวงนี้
ใบแทนใบอนุญาตให้ใช้แบบ
ตท. ๑๖ ท้ายกฎกระทรวงนี้ โดยให้เปลี่ยนคำว่า ใบอนุญาตทำงาน
เป็น ใบอนุญาตทำงาน (ใบแทน)
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
อภัย จันทนจุลกะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
[เอกสารแนบท้าย]
๑. กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน (แบบ ตท.๑๕)
๒.
แบบใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งชาติอื่น
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๖ (๑) (๒) (๓) และ (๔)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดแบบ หลักเกณฑ์
และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต
การขอต่ออายุใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาต การขอรับใบแทนและการออกใบแทนใบอนุญาต
การขออนุญาตและการอนุญาตให้เปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน
สำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ประกอบกับประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานในระดับล่างจำนวนมาก
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจึงได้ทำความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานกับรัฐบาลแห่งชาติอื่น
เพื่อให้คนต่างด้าวดังกล่าวสามารถทำงานในอาชีพงานรับใช้ในบ้านและงานกรรมกรได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
โสรศ/ผู้จัดทำ
๔ ธันวาคม ๒๕๔๙
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๑๑๘ ก/หน้า ๑/๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ |
490921 | กฎกระทรวงกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงานและการออกใบอนุญาตทำงาน สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่หลบหนีเข้าเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549
| กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
กำหนดแบบ หลักเกณฑ์
และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงาน
และการออกใบอนุญาตทำงาน
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา
ที่หลบหนีเข้าเมือง (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๙
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๕๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวงกำหนดแบบหลักเกณฑ์
และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงานและการออกใบอนุญาตทำงาน
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่หลบหนีเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๔๗
ในกรณีที่คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่ง มีประกัน
หรือมีทั้งประกันและหลักประกันตามมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
ให้ยื่นสำเนาเอกสารหลักฐานดังกล่าวแทนหลักฐานตาม (ก)
ข้อ
๒[๑] กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้นไป
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
สมศักดิ์ เทพสุทิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
โดยที่รัฐบาลมีนโยบายผ่อนผันให้คนต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา ที่ทำงานและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรอยู่ก่อนแล้ว เข้าสู่ระบบการจ้างงาน
โดยกำหนดให้มีการรายงานตัวและมีประกันหรือมีทั้งประกันและหลักประกันตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
เพื่อขอรับใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวต่อไป
สมควรกำหนดหลักฐานประกอบการขอรับใบอนุญาตทำงานเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
นันทนา/ผู้จัดทำ
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๙
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๔๙ ก/หน้า ๔/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๙ |
452826 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2547) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521
| กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๔๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๕๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ
๒ แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๒๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอตามวรรคหนึ่งเป็นคนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะทำงานหรือได้รับอนุญาตให้ทำงานในสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
หรือสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติซึ่งเป็นธุรกิจบริการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือเป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่นตามมาตรา
๑๐
หรือเป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายใต้กรอบพันธกรณีที่รัฐบาลทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ
ให้ยื่นคำขอ ณ
ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงานสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม
ได้ด้วย
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
อุไรวรรณ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีพันธกรณีด้านการเปิดตลาดบริการและการลงทุนระหว่างประเทศ ดังนั้น เพื่อให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานภายใต้กรอบพันธกรณีสามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงาน
คำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน คำขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน
และคำขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน ณ
ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงานได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ศุภชัย/พิมพ์
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
สุนันทา/นวพร/ตรวจ
๒๒ เมษายน ๒๕๔๘
A+B
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
[๑] รก.๒๕๔๗/พ๗๔ก/๗/๗
ธันวาคม ๒๕๔๗ |
439994 | กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2547
| กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
กำหนดค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าว
(ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๗[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๕๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น
ข้อ ๑/๑ ของกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๕
ข้อ ๑/๑
ค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอ ฉบับละ ๑๐๐ บาท
ให้ไว้ ณ วันที่ ๖
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
อุไรวรรณ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๔๕ ยังมิได้กำหนดให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับใบอนุญาต
การยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต การยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาต
การยื่นคำขออนุญาตทำงานอื่นหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน
ประกอบกับมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติ
จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ศุภชัย/พิมพ์
๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๗
ธัญกมล/ศุภสรณ์/ตรวจ
๑๐ กันยายน ๒๕๔๗
A+B
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
[๑] รก.๒๕๔๗/พ๓๑ก/๕/๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๗ |
439992 | กฎกระทรวงกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงานและการออกใบอนุญาตทำงาน สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา ที่หลบหนีเข้าเมือง พ.ศ. 2547
| กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
กำหนดแบบ
หลักเกณฑ์ และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงาน
และการออกใบอนุญาตทำงาน
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติพม่า
ลาว
และกัมพูชา ที่หลบหนีเข้าเมือง
พ.ศ.
๒๕๔๗
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ และมาตรา ๔๗
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๕๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงาน
และการออกใบอนุญาตทำงาน สำหรับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเฉพาะสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา พ.ศ. ๒๕๔๕
ข้อ ๒
คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและอยู่ในระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา
ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ซึ่งประสงค์จะขอรับใบอนุญาตทำงาน ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๑๓ ท้ายกฎกระทรวงนี้ พร้อมเอกสารหลักฐาน
ดังต่อไปนี้
(ก) สำเนาบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
หรือสำเนาทะเบียนบ้านสำหรับบุคคลที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ตามแบบ ท.ร. ๑๓ หรือเอกสารทะเบียนประวัติ
หรือเอกสารรับรองรายการทะเบียนประวัติจากสำนักทะเบียนอำเภอ
หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔
(ข)
ใบรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากสถานพยาบาล
ซึ่งรับรองว่าคนต่างด้าวนั้นไม่มีโรคต้องห้ามตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
(ค) สำเนาเอกสารหลักฐานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแสดงว่านายจ้างได้รับการจัดสรรจำนวนคนต่างด้าวเข้าทำงาน
(ง) แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานที่ทำงาน
ข้อ ๓
ผู้รับใบอนุญาต ซึ่งประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท.
๑๓ ท้ายกฎกระทรวงนี้ พร้อมใบอนุญาตทำงาน และเอกสารหลักฐานตามข้อ ๒ (ก) และ (ค)
เว้นแต่การต่ออายุใบอนุญาตในกรณีที่ทำงานมาแล้วหนึ่งปีให้ยื่นเอกสารหลักฐานตามข้อ
๒ (ข) ด้วย
ข้อ ๔
ผู้รับใบอนุญาต
ซึ่งประสงค์จะเปลี่ยนการทำงานโดยขอทำงานอื่นนอกจากงานที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๑๓ ท้ายกฎกระทรวงนี้ พร้อมใบอนุญาตทำงาน
และเอกสารหลักฐานตามข้อ ๒ (ก) และ (ค)
ผู้รับใบอนุญาต
ซึ่งประสงค์จะเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน
ให้ยื่นเอกสารหลักฐานตามวรรคหนึ่ง พร้อมเอกสารหลักฐานตามข้อ ๒ (ง)
และสำเนาหนังสืออนุญาตให้คนต่างด้าวออกนอกเขตจังหวัดที่ได้จัดทำทะเบียนประวัติไว้
เว้นแต่กรณีเปลี่ยนสถานที่ในการทำงานที่อยู่ในเขตท้องที่เดียวกัน
ข้อ ๕
ผู้รับใบอนุญาต ซึ่งประสงค์จะขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน ให้ยื่นคำขอตามแบบ
ตท. ๑๓ ท้ายกฎกระทรวงนี้ พร้อมแนบใบอนุญาตทำงานซึ่งชำรุดในสาระสำคัญ
หรือหลักฐานการรับแจ้งความของเจ้าพนักงานตำรวจในกรณีใบอนุญาตทำงานสูญหาย
ข้อ ๖
การยื่นคำขอของคนต่างด้าวตามข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ และข้อ ๕ ให้ยื่น ณ
ท้องที่ที่เป็นสถานที่ทำงาน ดังต่อไปนี้
(๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ
กรมการจัดหางาน หรือสถานที่ที่อธิบดีกรมการจัดหางานประกาศกำหนด
(๒) ในจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด
หรือสถานที่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศกำหนด
ข้อ ๗
ใบอนุญาตทำงานให้ใช้แบบ ตท. ๑๔ ท้ายกฎกระทรวงนี้
ใบแทนใบอนุญาตทำงานให้ใช้แบบ ตท. ๑๔
ท้ายกฎกระทรวงนี้ โดยให้เปลี่ยนคำว่า ใบอนุญาตทำงาน เป็น ใบอนุญาตทำงาน
(ใบแทน)
ข้อ ๘
การยื่นคำขอของคนต่างด้าวตามข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ และข้อ ๕
หากคนต่างด้าวไม่สามารถมายื่นคำขอได้ด้วยตนเอง
ให้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้อื่นมายื่นคำขอแทนได้ และในการยื่นคำขอแทน
ให้ผู้รับมอบอำนาจนำหลักฐานแสดงตนมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอด้วย
การรับใบอนุญาตที่ได้ยื่นคำขอไว้ตามวรรคหนึ่ง
คนต่างด้าวอาจทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้อื่นมารับแทนได้
โดยให้ผู้รับมอบอำนาจนำหลักฐานแสดงตนมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วย
ข้อ ๙[๑] กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นไป
ให้ไว้
ณ วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
อุไรวรรณ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
.
กรมการจัดหางาน
กระทรวงแรงงาน
แบบ
ตท.๑๓
Form WP.13
[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]
แบบใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา ที่หลบหนีเข้าเมือง
แบบ
ตท.๑๔
[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]
หมายเหตุ
:-
เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดแบบ หลักเกณฑ์
และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาต
การขอรับใบแทนและการออกใบแทนใบอนุญาต
การขออนุญาตและการอนุญาตให้เปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน
สำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองประกอบกับกระทรวงแรงงานได้จัดระบบบริหารจัดการให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา
ที่หลบหนีเข้าเมืองซึ่งอยู่ระหว่างรอการส่งกลับทำงานในราชอาณาจักรได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ศุภชัย/พิมพ์
๒๕
สิงหาคม ๒๕๔๗
ธัญกมล/ศุภสรณ์/ตรวจ
๑๐
กันยายน ๒๕๔๗
A+B
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
[๑] รก.๒๕๔๗/พ๓๑ก/๑/๑๔
กรกฎาคม ๒๕๔๗ |
326841 | กฎกระทรวงกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงาน และการออกใบอนุญาตทำงาน สำหรับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเฉพาะสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา พ.ศ. 2545 | เนเธกเนเธเธเนเธญเธเธชเธฒเธฃเธเธตเนเธเธธเธเธเนเธญเธเธเธฒเธฃ
The document that you would like to see is not found. |
326215 | กฎกระทรวง กำหนดค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
กำหนดค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๔๕
---------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา
๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๕๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ให้ยกเลิก
(๑) กฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๒๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑
(๒)
กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา พ.ศ. ๒๕๔๔
ข้อ
๒
ค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าวสำหรับสาขาอาชีพรับจ้างทำงาน
โดยใช้กำลังกายเป็นหลักหรือรับจ้างทำงานในบ้าน ให้เรียกเก็บในอัตราดังต่อไปนี้
(๑) ใบอนุญาต
(ก) ใบอนุญาตที่มีอายุไม่เกินสามเดือน
ฉบับละ ๔๕๐ บาท
(ข) ใบอนุญาตที่มีอายุเกินสามเดือน
แต่ไม่เกินหกเดือน
ฉบับละ ๙๐๐ บาท
(ค) ใบอนุญาตที่มีอายุเกินหกเดือน
แต่ไม่เกินหนึ่งปี
ฉบับละ
๑,๘๐๐ บาท
(๒) การต่ออายุใบอนุญาต
(ก) การต่ออายุใบอนุญาตไม่เกินสามเดือน ครั้งละ ๔๕๐ บาท
(ข) การต่ออายุใบอนุญาตเกินสามเดือน
แต่ไม่เกินหกเดือน
ครั้งละ ๙๐๐ บาท
(ค) การต่ออายุใบอนุญาตเกินหกเดือน
แต่ไม่เกินหนึ่งปี
ครั้งละ ๑,๘๐๐ บาท
(๓) ใบแทนใบอนุญาต
ฉบับละ ๑๕๐ บาท
(๔) การอนุญาตให้ทำงานอื่น
ครั้งละ ๑๕๐ บาท
(๕) การอนุญาตให้เปลี่ยนท้องที่
หรือสถานที่ในการทำงาน
ครั้งละ ๑๕๐ บาท
ข้อ
๓
ค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าวสำหรับสาขาอาชีพอื่นนอกจาก
สาขาอาชีพที่กำหนดไว้ในข้อ ๒ ให้เรียกเก็บในอัตราดังต่อไปนี้
(๑) ใบอนุญาต
(ก) ใบอนุญาตที่มีอายุไม่เกินสามเดือน ฉบับละ ๗๕๐ บาท
(ข) ใบอนุญาตที่มีอายุเกินสามเดือน
แต่ไม่เกินหกเดือน ฉบับละ ๑,๕๐๐ บาท
(ค) ใบอนุญาตที่มีอายุเกินหกเดือน
แต่ไม่เกินหนึ่งปี ฉบับละ
๓,๐๐๐ บาท
(ง) ใบอนุญาตที่มีอายุเกินหนึ่งปีให้เก็บ
ค่าธรรมเนียมสำหรับระยะเวลาที่เกินหนึ่งปี
เพิ่มขึ้นตามอัตราใน
(ก) (ข) หรือ (ค)
(๒)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลาการทำงาน
(ก) การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลา
การทำงานไม่เกินสามเดือน
ครั้งละ ๗๕๐ บาท
(ข) การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลา
การทำงานเกินสามเดือนแต่ไม่เกินหกเดือน ครั้งละ ๑,๕๐๐ บาท
(ค) การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลา
การทำงานเกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี ครั้งละ ๓,๐๐๐ บาท
(ง)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลา
การทำงานเกินหนึ่งปี
ให้เก็บค่าธรรมเนียม
สำหรับระยะเวลาที่เกินหนึ่งปีเพิ่มขึ้น
ตามอัตราใน
(ก) (ข) หรือ (ค)
(๓) ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ ๑๕๐ บาท
(๔) การอนุญาตให้ทำงานอื่น ฉบับละ ๑๕๐
บาท
(๕) การอนุญาตให้เปลี่ยนท้องที่
หรือสถานที่ในการทำงาน ครั้งละ ๑๕๐ บาท
ให้ไว้ ณ วันที่ ๖
กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕
เดช บุญ -หลง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
เนื่องจากได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๔๔ ซึ่งมีการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและค่าของเงินตราที่เปลี่ยนแปลงไป
และโดยที่มาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ได้บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติ
จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก.๒๕๔๕/๙๑ก/๓/๑๗ กันยายน ๒๕๔๕]
พรพิมล/พิมพ์/แก้ไข
๑๔/๑๑/๔๕
A+B(C)
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
315432 | กฎกระทรวง กำหนดค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าว สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา พ.ศ. 2544 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
กำหนดค่าธรรมเนียมการทำงานของคนต่างด้าว
สัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา
พ.ศ.
๒๕๔๔
------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา
๓๑ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ให้กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับคนต่างด้าวตามมาตรา
๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ผู้มีสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การผ่อนผันให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวลงวันที่
๑๐ กันยายน ๒๕๔๔ ดังนี้
(๑) ใบอนุญาติทำงานที่มีอายุไม่เกินหกเดือน ฉบับละ ๙๐๐
บาท
(๒) การต่ออายุใบอนุญาตทำงานที่มีอายุไม่เกินหกเดือน ครั้งละ ๙๐๐ บาท
(๓) ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ ๓๐๐
บาท
(๔) การอนุญาตให้ทำงานอื่นหรือเปลี่ยนท้องที่
หรือสถานที่ในการทำงาน ครั้งละ ๕๐๐ บาท
ให้ไว้
ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔
เดช บุญ-หลง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
-------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
โดยที่คณะรัฐมนตรีมีมติผ่อนผันให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว
และให้มีการขอรับใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา ประกอบกับมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
กำหนดให้รัฐมนตรีออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก.๒๕๔๔/๘๔ก/๖/๒๕ กันยายน ๒๕๔๔]
ภคินี/แก้ไข
๑/๕/๒๕๔๕
A
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
324815 | กฎกระทรวง กำหนดแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงานและการออกใบอนุญาตทำงาน สำหรับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเฉพาะสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา พ.ศ. 2544 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
กำหนดแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงาน
และการออกใบอนุญาตทำงาน สำหรับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
เฉพาะสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา พ.ศ. ๒๕๔๔
-------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตราในมาตรา
๑๖ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ซึ่งมาตรา ๒๙
ประกอบมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บทบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเฉพาะสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา
ที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองตามมาตรา
๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ซึ่งได้รับการผ่อนผันตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การผ่อนผันให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว
ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๔ ซึ่งประสงค์จะขอรับใบอนุญาตทำงาน
ให้ทำคำขออนุญาตพร้อมหลักฐานตามแบบ ตท. ๑๓ ท้ายกฎกระทรวงนี้
ข้อ ๒
คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตามข้อ ๑
ซึ่งประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้ทำคำขอพร้อมหลักฐานตามแบบ ตท. ๑๓
ท้ายกฎกระทรวงนี้
และแนบหลักฐานใบรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากสถานพยาบาลที่ระบุในใบอนุญาตทำงานซึ่งรับรองว่าคนต่างด้าวนั้นไม่มีโรคตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ข้อ ๓
คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตามข้อ ๑ ซึ่งประสงค์จะขอทำงานอื่น หรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานให้ทำคำขอพร้อมหลักฐานตามแบบ
ตท. ๑๓ ท้ายกฎกระทรวงนี้
ข้อ ๔
คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตามข้อ ๑
ซึ่งประสงค์จะขอรับใบแทนใบอนุญาตให้ทำคำขอพร้อมหลักฐานตามแบบ ตท. ๑๓
ท้ายกฎกระทรวงนี้ และแนบใบอนุญาตทำงานซึ่งชำรุดในสาระสำคัญหรือหลักฐานการรับแจ้งความของเจ้าพนักงานตำรวจ
ในกรณีใบอนุญาตทำงานสูญหาย
ข้อ ๕
คำขอตามข้อ ๑ ข้อ ๒ และข้อ ๓ ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ
จังหวัดที่เป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานหรือสำนักงานของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ
ดังต่อไปนี้
(๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ
สำนักจัดหางานกรุงเทพ
(๒) จังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ
สำนักงานจัดหางานจังหวัด
(๓) สถานที่ที่อธิบดีประกาศกำหนด
ข้อ ๖
ใบอนุญาตทำงาน ให้ใช้แบบ ตท. ๑๔ ท้ายกฎกระทรวงนี้
ใบแทนใบอนุญาตทำงานให้ใช้แบบ
ตท. ๑๔ ท้ายกฎกระทรวงนี้ โดยให้เพิ่มคำว่า "ใบแทน" ประทับไว้ที่ด้านหน้าของใบอนุญาตทำงานด้วย
ข้อ ๗
การรับใบอนุญาตทำงาน คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตามข้อ ๑ ข้อ ๓ และข้อ ๔
ต้องมารับด้วยตนเอง
ข้อ ๘
การต่ออายุใบอนุญาตทำงาน
คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอาจมอบฉันทะให้ผู้อื่นมารับแทนได้
โดยลงนามหรือพิมพ์ลายนิ้วมือสลักหลังเอกสารแบบคำขอตามข้อ ๒ หรือข้อ ๓ แล้วแต่กรณี
ให้ไว้
ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔
เดช บุญ-หลง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]
[รก.๒๕๔๔/๘๔ก/๓/๒๕ กันยายน ๒๕๔๔]
ภคินี/แก้ไข
๑/๕/๒๕๔๕
A
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
312290 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ.2544) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่
๙ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.
๒๕๒๑
-------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้
ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ
๒ แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๒๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๓๖)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ และวรรคสามของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอตามวรรคหนึ่งเป็นคนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะทำงานหรือได้รับอนุญาตให้ทำงานในสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศหรือสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
ซึ่งเป็นธุรกิจบริการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือเป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่นตามมาตรา
๑๐ ให้ยื่นคำขอ ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ด้วย"
ให้ไว้
ณ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔
พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
+--------------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๒๘๑ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕
ได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒
จึงทำให้คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะทำงานหรือทำงานในสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศหรือในสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
ไม่สามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงาน คำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน
คำขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน
และคำขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน ณ
กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้อีกต่อไป
แต่โดยที่ในปัจจุบันได้มีการจัดตั้งศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดขั้นตอนในการขออนุญาตอันเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่คนต่างด้าว
สมควรกำหนดให้คนต่างด้าวสามารถยื่นคำขอที่ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงานได้
นอกจากนี้ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ.) ๒๕๔๒
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ได้กำหนดให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่น
ที่มีสถานที่ทำงานหรือสำนักงานตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร สามารถยื่นคำขอ ณ
ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงานได้ด้วย จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก.๒๕๔๔/๘ก/๕/๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔]
พรพิมล/พิมพ์
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๔
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
310706 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่
๘ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑
--------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสามของข้อ
๒ แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๒๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๓๖)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานขาองคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
"ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอตามวรรคหนึ่ง
เป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกำหมายอื่นตามมาตรา
๑๐ ให้ยื่นคำขอ ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ด้วย"
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒
พลตำรวจตรี วุฒิ สุโกศล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
+----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
โดยที่ในปัจจุบันได้มีการจัดตั้งศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการขออนุญาตอันเป็นการอำนวยความสะดวกแก่คนต่างด้าว
แต่กฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
กำหนดให้คนต่างด้าวที่มีสถานที่ทำงานหรือสำนักงานตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร
ต้องยื่นคำขอที่จังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งขาองสถานที่ทำงานหรือสำนักงานของตน
สมควรแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อกำหนดให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานตามกำหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่นสามารถยื่นคำขอที่ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงานได้แม้ที่ตั้งของสถานที่ทำงานหรือสำนักงานจะอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาลงทุนในราชอาณาจักร จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
301905 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่
๗ (พ.ศ.๒๕๓๙)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.๒๕๒๑
------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ให้ยกเลิกความใน (๕) ของข้อ ๑
แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"(๕)
รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด ๒.๕ x ๓ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน
จำนวนสามรูป"
ข้อ
๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๕)
ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑
"(๕)
รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด ๒.๕ x ๓ เซนติเมตร
ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป"
ข้อ
๓ ให้ยกเลิกความใน (๒) ของข้อ ๓
แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"(๒)
รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด ๒.๕ x ๓ เซนติเมตร
ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป"
ข้อ
๔ ให้ยกเลิกความใน (๖) ของข้อ ๔
แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"(๖)
รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด ๒.๕ x ๓ เซนติเมตร
ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป"
ข้อ
๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕
แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ
๕
คำขอพร้อมด้วยหลักฐานและเอกสารตามข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔
ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ
จังหวัดหรืออำเภอที่เป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานหรือสำนักงานของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ
ดังต่อไปนี้
(๑)
ในกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ กองงานคนต่างด้าว กรมการจัดหางาน
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
(๒)
ในจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ
สำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือที่ว่าการอำเภอแห่งท้องที่เป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานหรือสำนักงานของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ
หรือศูนย์อพยพในจังหวัดนั้น"
ข้อ
๖ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖
แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ
๖ ใบอนุญาตทำงาน ให้ใช้แบบ ตท. ๙
ท้ายกฎกระทรวงนี้
ใบแทนใบอนุญาตทำงานให้ใช้แบบ
ตท. ๙ ท้ายกฎกระทรวงนี้ โดยให้เพิ่มคำว่า "ใบแทน" ประทับไว้ที่ด้านหน้าของใบอนุญาตทำงานด้วย"
ข้อ
๗ ให้ยกเลิกแบบ ตท. ๘ และแบบ ตท.๙
ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๓๐)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ และให้ใช้แบบ ตท. ๘
และแบบ ตท. ๙ ท้ายกฎกระทรวงนี้แทน
ข้อ
๘ ให้ใบอนุญาตทำงาน (แบบ ตท. ๙)
ที่ออกให้แก่คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับคงใช้ได้ต่อไปจนกว่าใบอนุญาตทำงานนั้นจะสิ้นอายุ
ข้อ
๙ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นต้นไป
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๙
ประสงค์ บูรณ์พงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]
+----------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
โดยที่แบบคำขอรับใบอนุญาตทำงาน (แบบ ตท. ๘) และแบบใบอนุญาตทำงาน (แบบ ตท. ๙)
ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๓๐)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
เป็นแบบที่มีรายละเอียดมากและได้ใช้มาเป็นเวลานาน จึงมีรูปแบบที่ไม่สอดคล้องกับระบบการจัดเก็บข้อมูลในปัจจุบันซึ่งจัดเก็บด้วยคอมพิวเตอร์
สมควรปรับปรุงแบบคำขอรับใบอนุญาตทำงานและแบบใบอนุญาตทำงานดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
และเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงแบบใบอนุญาตทำงาน (แบบ ตท. ๙)
สมควรปรับปรุงข้อกำหนดอื่นในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
นอกจากนี้สมควรแก้ไขการกำหนดสถานที่สำหรับยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานและคำขออื่นให้ถูกต้องและสอดคล้องกับสถานภาพและสภาพงานในปัจจุบันของกรมการจัดหางาน
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก.๒๕๓๙/๓๕ก./๑๙/๓๐ สิงหาคม ๒๕๓๙]
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
301904 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๓๖)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑
------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ
๒ แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๒๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ในกรณีที่เป็นการขอรับใบอนุญาตทำงาน
การขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานการขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน
และการขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานในสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศหรือในสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติตามบัญชี
ค.หมวด ๓ (๑) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๕๑๕ ให้ยื่นคำขอ ณ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์'
ให้ไว้
ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๖
พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
+---------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการกำหนดสถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงาน
ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน และรับใบแทนใบอนุญาต
รวมทั้งคำขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานในสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
ตามบัญชี ค.หมวด ๓ (๑) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๕๑๕ เสียใหม่ โดยกำหนดให้ยื่นคำขอ ณ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้
เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการขออนุญาตอันเป็นการอำนวยความสะดวกแก่คนต่างด้าวที่ทำงานในสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติดังกล่าว
จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก.๒๕๓๖/๗๙/๑๑พ./๑๘ มิถุนายน ๒๕๓๖]
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
318732 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2530) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่
๕ ( พ.ศ. ๒๕๓๐ )
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.
๒๕๒๑
------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๕ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ให้ยกเลิกแบบ
ตท. ๑ ตท. ๒ ตท. ๓ ตท. ๔ ตท. ๕ ตท.๕ และตท. ๗ ท้ายกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ และแบบ ตท. ๘ และตท. ๙
ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
และให้ใช้แบบท้ายกฎกระทรวงนี้แทน
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๐
พลเอก ประจวบ สุนทรางกูร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
+----------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่แบบ ตท.๑ ตท.๒
ตท.๓ ตท. ๔ ตท. ๕ ตท. ๕ และตท. ๗ ท้ายกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ และแบบ ตท. ๘ และตท. ๙
ท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ยังไม่เหมาะสม
ทำให้ไม่สะดวกในการขอรับใบอนุญาตทำงานและการออกใบอนุญาตทำงาน
ตลอดจนการขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน การขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน และการขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานของคนต่างด้าว
สมควรปรับปรุงแบบดังกล่าวเสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก.๒๕๓๐/๑๑๗/๑พ./๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๐]
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
301903 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2529) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่
๔ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.
๒๕๒๑
------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ
๒ แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๒๑
ถ้าการขอรับใบอนุญาตทำงาน
การขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน และการขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน
เป็นการขอของคนต่างด้าวซึ่งจะทำงานหรือทำงานในสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศตามบัญชี
ค. หมวด ๓ (๑) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๕๑๕ ให้ยื่นคำขอ ณ กองทะเบียนธุรกิจ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์'
ให้ไว้ ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๙
พลเอก
สิทธิ จิรโรจน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
+------------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
เนื่องจากการตั้งสำนักงานผู้แทนนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหลายฉบับและต้องดำเนินการหลายขั้นตอนด้วยกัน คือ
การขออนุญาตประกอบธุรกิจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๕๑๕
และการขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในสำนักงานดังกล่าวตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
ต้องยื่นคำขออนุญาตต่อหน่วยงานถึง ๒ แห่ง คือ กรมทะเบียนการค้ากระทรวงพาณิชย์
และกรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สมควรลดขั้นตอนในการขออนุญาตทั้งในเรื่องการประกอบธุรกิจและเรื่องการทำงาน
ให้มารวมอยู่ที่กรมทะเบียนการค้าเพียงแห่งเดียว
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนต่างด้าวในการตั้งและดำเนินกิจการสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศดังกล่าว
จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก.๒๕๒๙/๑๐๑/๗พ/๑๖ มิถุนายน ๒๕๒๙]
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
301902 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่
๓ (พ.ศ. ๒๕๒๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.
๒๕๒๑
------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ให้ยกเลิกข้อ ๙ แห่งฎกระทรวง (พ.ศ.
๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ข้อ
๒ ให้กำหนดค่าธรรมเนียม ดังต่อไปนี้
(๑)
ใบอนุญาตทำงาน
(ก)
ใบอนุญาตที่มีอายุไม่เกิน
สามเดือน ๓๐๐
บาท
(ข)
ใบอนุญาตที่มีอายุเกิน
สามเดือนแต่ไม่เกินหกเดือน ๕๐๐
บาท
(ค)
ใบอนุญาตที่มีอายุเกินหกเดือน
แต่ไม่เกินหนึ่งปี ๑,๐๐๐
บาท
(ง)
ใบอนุญาตที่มีอายุเกินหนึ่งปี
ให้เก็บค่าธรรมเนียมสำหรับ
ระยะเวลาที่เกินหนึ่งปีเพิ่มขึ้น
ตามอัตราใน (ก) (ข)
หรือ (ค)
(๒)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานหรือการขยายระยะเวลาการทำงาน
(ก)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยายระยะเวลา
การทำงานไม่เกินสามเดือน ๓๐๐
บาท
(ข)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือ
การขยายระยะเวลาการทำงาน
เกินสามเดือนแต่ไม่เกินหกเดือน ๕๐๐
บาท
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือ
การขยายระยะเวลาการทำงาน
เกินหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี ๑,๐๐๐ บาท
(ง)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือ
การขยายระยะเวลาการทำงาน
เกินหนึ่งปี
ให้เก็บค่าธรรมเนียม
สำหรับระยะเวลาที่เกินหนึ่งปี
เพิ่มขึ้นตามอัตราใน
(ก) (ข) หรือ (ค)
(๓)
ใบแทนใบอนุญาตทำงาน ๓๐๐
บาท
(๔)
การอนุญาตให้ทำงานอื่น ๕๐๐
บาท
(๕)
การอนุญาตให้เปลี่ยนท้องที่
หรือสถานที่ในการทำงาน ๕๐๐
บาท
ให้ไว้
ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๗
พลเอก สิทธิ จิรโรจน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
+-------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
เนื่องจากอัตราค่าธรรมเนียมที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
เป็นอัตราที่ไม่เหมาะสมกับภาวะทางเศรษฐกิจและค่าของเงินใน ปัจจุบัน
สมควรปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก. ๒๕๒๗/๑๙๔/๓๖พ/๒๗ ธันวาคม ๒๕๒๗]
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
318731 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าวย พ.ศ.2521 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่
๒ (พ.ศ. ๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.
๒๕๒๑
------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ ซึ่งประสงค์จะขอรับใบอนุญาตทำงาน
ให้ทำคำขอตามแบบ ตท. ๘ ท้ายกฎกระทรวงนี้ พร้อมกับแนบหลักฐานและเอกสาร ดังต่อไปนี้
(๑)
หลักฐานหรือเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(ก)
สำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
(ข)
สำเนาหนังสือของส่วนราชการรับรองว่าเป็นคนต่างด้าวที่ถูกเนรเทศตามกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
ซึ่งได้รับการผ่อนผันให้ไปประกอบอาชีพ ณ ที่แห่งใด แทนการเนรเทศ
หรืออยู่ในระหว่างรอการเนรเทศ
(ค)
สำเนาหลักฐานการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร
(ง)
สำเนาบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ
(จ)
สำเนาบัตรประจำตัวผู้อพยพ
(๒)
หลักฐานหรือเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่ง
ดังต่อไปนี้
(ก)
สำเนาทะเบียนบ้าน
(ข)
สำเนาหลักฐานแสดงสถานที่อยู่
(ค)
สำเนาทะเบียนบ้านญวนอพยพ
(ง)
สำเนาหนังสือรับรองของผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดที่มีศูนย์อพยพ
ว่าผู้ยื่นคำขอเป็นผู้อพยพในศูนย์อพยพ
และได้รับการผ่อนผันให้ออกมาทำงานนอกศูนย์อพยพได้
(๓)
หนังสือรับรองการจ้างผู้ยื่นคำขอของนายจ้างปัจจุบัน
(๔)
ใบรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมซึ่งรับรองว่าผู้ยื่นคำขอไม่มีโรคตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา
๑๑ (๒)
(๕)
รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป
ข้อ ๒
คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
ซึ่งประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้ทำคำขอตามแบบ ตท. ๕ ท้ายกฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
พร้อมกับแนบหลักฐานและเอกสาร ดังต่อไปนี้
(๑)
ใบอนุญาตทำงาน
(๒)
หลักฐานหรือเอกสารตามข้อ ๑ (๑)
(๓)
หลักฐานหรือเอกสารตามข้อ ๑ (๒)
(๔)
หนังสือรับรองของนายจ้างแสดงเหตุผลที่จำเป็นจะต้องจ้างผู้ยื่นคำขอทำงานต่อไป
พร้อมด้วยหลักฐานประกอบเหตุผลดังกล่าว
ข้อ
๓ คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
ซึ่งประสงค์จะขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน ให้ทำคำขอตามแบบ ตท. ๖ ท้ายกฎกระทรวง (พ.ศ.
๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
พร้อมกับแนบหลักฐานและเอกสาร ดังต่อไปนี้
(๑)
ใบอนุญาตทำงานซึ่งชำรุดในสาระสำคัญ
หรือหลักฐานการรับแจ้งความของเจ้าพนักงานตำรวจ ในกรณีใบอนุญาตทำงานสูญหาย
(๒)
รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร
ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป
ข้อ
๔ คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
ซึ่งประสงค์จะขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน
ให้ทำคำขอตามแบบ ตท. ๗ ท้ายกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
พร้อมกับแนบหลักฐานและเอกสาร
ดังต่อไปนี้
(๑)
ใบอนุญาตทำงาน
(๒)
หลักฐานหรือเอกสารตามข้อ ๑ (๑)
(๓)
เอกสารรับรองวุฒิการศึกษา
หรือหนังสือรับรองของนายจ้างซึ่งผู้ยื่นคำขอเคยทำงานด้วย
โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของงานและระยะเวลาการทำงานที่ผู้ยื่นคำขอได้ทำมาก่อน
ในกรณีขออนุญาตเปลี่ยนการทำงาน
(๔)
หนังสือรับรองการจ้างของผู้ซึ่งจะเป็นนายจ้างที่รับผู้ยื่นคำขอเข้าทำงานด้วย
(๕)
สำเนาหนังสือของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแสดงว่า
กิจการของผู้ซึ่งจะเป็นนายจ้างที่ผู้ยื่นคำขอจะไปทำงานด้วยนั้นได้มีการจดทะเบียนหรือได้รับอนุญาตให้จัดตั้งและดำเนินการโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วพร้อมทั้งแสดงประเภทกิจการที่ประกอบด้วย
(๖)
รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป
ข้อ ๕
คำขอพร้อมด้วยหลักฐานและเอกสารตามข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔ ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ณ
จังหวัดหรืออำเภอที่เป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานหรือสำนักงานของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอดังต่อไปนี้
(๑)
ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ กองงานคนต่างด้าวกรมแรงงาน
กระทรวงมหาดไทย
(๒)
ในจังหวัดที่มีสำนักงานแรงงานจังหวัด
ให้ยื่น ณ
สำนักงานแรงงานจังหวัดนั้นหรือที่ว่าการอำเภอท้องที่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานหรือสำนักงานของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ
หรือศูนย์อพยพในจังหวัดนั้น
(๓)
ในจังหวัดอื่นนอกจาก (๑) และ (๒)
ให้ยื่น ณ ศาลากลางจังหวัดนั้น
หรือที่ว่าการอำเภอท้องที่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานหรือสำนักงานของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ หรือศูนย์อพยพในจังหวัดนั้น
ข้อ
๖ ใบอนุญาตทำงาน ให้ใช้แบบ ตท. ๙ ท้ายกฎกระทรวงนี้
ใบแทนใบอนุญาตทำงานให้ใช้แบบ
ตท. ๙ ท้ายกฎกระทรวงนี้แต่ให้เพิ่มคำว่า "ใบแทน"
ไว้ในหน้าแรกของใบอนุญาตทำงานด้วย
ข้อ
๗ คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
ซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานหรือใบแทนใบอนุญาตทำงาน
ต้องมารับใบอนุญาตทำงานหรือใบแทนใบอนุญาตทำงานด้วยตนเองจากอธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมาย
ให้ไว้
ณ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
พลเอก เล็ก แนวมาลี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
+--------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดแบบหลักเกณฑ์
และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต
การขอต่ออายุใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาต
การขอรับใบแทนและการออกใบแทนใบอนุญาต
และการขออนุญาตและการอนุญาตให้เปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานสำหรับคนต่างด้าวตามมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้ออกเป็นกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก.๒๕๒๒/๘๑/๓๖พ./๑๕ พฤษภาคม ๒๕๒๒]
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
301901 | กฎกระทรวง (พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
(พ.ศ.
๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.
๒๕๒๑
------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๖ และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑
(พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๒๒ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๑๕
ข้อ
๒ การขอรับใบอนุญาตทำงาน
การขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน การขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน
และการขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน
ให้ยื่นคำขอ ณ จังหวัดที่เป็นที่ตั้งสถานที่ทำงาน
หรือสำนักงานของคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขอ ดังต่อไปนี้
(๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ
กองงานคนต่างด้าวกรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทย
(๒) ในจังหวัดที่มีสำนักงานแรงงานจังหวัด
ให้ยื่น ณ สำนักงานแรงงานจังหวัดนั้น
(๓) ในจังหวัดอื่นนอกจาก (๑) และ (๒) ให้ยื่น ณ ศาลากลางจังหวัดนั้น
ข้อ
๓ การยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงาน ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(๑) คนต่างด้าวซึ่งขอรับใบอนุญาตทำงานตามมาตรา
๗ ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๒ ท้ายกฎกระทรวงนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยหลักฐานและเอกสาร ดังต่อไปนี้
(ก)
หนังสือเดินทาง
หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวหรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
(ข) เอกสารรับรองวุฒิการศึกษา หรือหนังสือรับรองของนายจ้างซึ่งผู้ขอเคยทำงานด้วยโดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของงานและระยะเวลาการทำงานที่ผู้ขอเคยทำ
(ค)
หนังสือรับรองการจ้างผู้ขอเข้าทำงานของผู้ซึ่งจะเป็นนายจ้าง
พร้อมด้วยหลักฐานประกอบเหตุผลที่ไม่จ้างบุคคลสัญชาติไทยเข้าทำงาน
(ง) ใบรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ซึ่งรับรองว่าผู้ขอไม่มีโรคตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา ๑๑ (๒)
(จ)
เอกสารรับรองของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
แสดงว่ากิจการของผู้ซึ่งจะเป็นนายจ้างที่ผู้ขอจะไปทำงานด้วยนั้นได้มีการจดทะเบียนหรือได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง และดำเนินงานโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วพร้อมทั้งแสดงประเภทกิจการที่ประกอบด้วย
(ฉ) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป
ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานต้องมารับใบอนุญาตด้วยตนเองจากอธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมาย
(๒)
บุคคลซึ่งยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๓
ท้ายกฎกระทรวงนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยหลักฐานและเอกสาร ดังต่อไปนี้
(ก) เอกสารรับรองวุฒิการศึกษาของคนต่างด้าว
หรือหนังสือรับรองของนายจ้างซึ่งคนต่างด้าวเคยทำงานด้วย
โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของงานและระยะเวลาการทำงานที่คนต่างด้าวเคยทำอยู่กับนายจ้างนั้น
(ข)
หลักฐานประกอบเหตุผลที่ไม่จ้างบุคคลสัญชาติไทยเข้าทำงาน
(ค)
ใบรับรองของแพทย์ซึ่งมีคุณวุฒิตามหลักเกณฑ์ที่กรมแรงงานกำหนด
ที่รับรองว่าคนต่างด้าวนั้นไม่มีโรคตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา ๑๑ (๒)
(ง) เอกสารรับรองของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
แสดงว่ากิจการของผู้ซึ่งจะเป็นนายจ้างที่คนต่างด้าวจะไปทำงานด้วยนั้นได้มีการจดทะเบียนหรือได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง
และดำเนินงานโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พร้อมทั้งแสดงประเภทกิจการที่ประกอบด้วย
(จ) รูปถ่ายของคนต่างด้าวครึ่งตัว หน้าตรง
ไม่สวมหมวก ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป
ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานต้องมารับใบอนุญาตด้วยตนเองจากอธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมาย
(๓)
คนต่างด้าวซึ่งยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๐ ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท.
๑ ท้ายกฎกระทรวงนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยหลักฐานและเอกสาร ดังต่อไปนี้
(ก)
หนังสือเดินทางพร้อมด้วยหลักฐานแสดงการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
(ข)
เอกสารรับรองของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
แสดงว่าได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่น
(ค) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด
๕ x ๖ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป
ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานต้องมารับใบอนุญาตด้วยตนเองจากอธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมาย
ข้อ
๔ ใบอนุญาตทำงานให้ใช้แบบ ตท. ๔ ท้ายกฎกระทรวงนี้
ข้อ
๕ การขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา
๑๕ ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๕ ท้ายกฎกระทรวงนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยหลักฐานและเอกสาร ดังต่อไปนี้
(๑) ใบอนุญาตทำงาน
(๒) หนังสือเดินทาง หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
(๓) หนังสือรับรองของนายจ้างแสดงเหตุผลที่จำเป็นจะต้องจ้างผู้ขอทำงานต่อไป
พร้อมด้วยหลักฐานประกอบเหตุผลดังกล่าว
ข้อ
๖
การขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๙ ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท. ๖ ท้ายกฎกระทรวงนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยหลักฐานและเอกสาร ดังต่อไปนี้
(๑) ใบอนุญาตทำงานซึ่งชำรุดในสาระสำคัญ
หรือหลักฐานการรับแจ้งความของเจ้าพนักงานตำรวจในกรณีใบอนุญาตสูญหาย
(๒) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด
๕ x ๖ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป
ผู้ซึ่งได้รับใบแทนใบอนุญาตทำงานต้องมารับใบแทนใบอนุญาตด้วยตนเองจากนายทะเบียน
การขออนุญาตเปลี่ยนการทำงาน
หรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานตามมาตรา ๒๑ ให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท.
๗ ท้ายกฎกระทรวงนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยหลักฐานและเอกสาร ดังต่อไปนี้
(๑) หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
(๒) ใบอนุญาตทำงาน
(๓) เอกสารรับรองวุฒิการศึกษา
หรือหนังสือรับรองของนายจ้างซึ่งผู้ขอเคยทำงานด้วย
โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของงานและระยะเวลาการทำงานที่ผู้ขอได้ทำมาก่อนในกรณีขออนุญาตเปลี่ยนการทำงาน
(๔)
หนังสือรับรองการจ้างของผู้ซึ่งจะเป็นนายจ้างที่รับผู้ขอเข้าทำงานด้วยในกรณีขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนสถานที่ในการทำงาน พร้อมด้วยหลักฐานประกอบเหตุผลที่ไม่จ้างบุคคลสัญชาติไทยเข้าทำงาน
(๕)
เอกสารรับรองของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
แสดงว่ากิจการของผู้ซึ่งจะเป็นนายจ้างที่ผู้ขอจะไปทำงานด้วยนั้นได้มีการจดทะเบียนหรือได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง
และดำเนินงานโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วพร้อมทั้งแสดงประเภทกิจการที่ประกอบด้วย ในกรณีขออนุญาตเปลี่ยนการทำงานหรือสถานที่ในการทำงาน
(๖) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด
๕ x ๖ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวนสามรูป
ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนการทำงาน
หรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน ต้องมารับใบอนุญาตทำงานด้วยตนเองจากนายทะเบียน
ข้อ
๘
บัตรประจำตัวนายทะเบียนและบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ใช้แบบท้ายกฎกระทรวงนี้
รูปถ่ายที่ติดบัตรประจำตัว
ให้เป็นรูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง แต่งเครื่องแบบปกติ ไม่สวมหมวกขนาด ๓ x ๔ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน
ข้อ
๙ ให้กำหนดค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้
(๑)
ใบอนุญาตทำงาน
(ก)
ใบอนุญาตที่มีอายุไม่เกินสามเดือน ๒๐๐ บาท
(ข)
ใบอนุญาตที่มีอายุเกินสามเดือน
แต่ไม่เกินหกเดือน ๔๐๐ บาท
(ค)
ใบอนุญาตที่มีอายุเกินหกเดือน
แต่ไม่เกินหนึ่งปี ๘๐๐ บาท
(ง)
ใบอนุญาตที่มีอายุเกินหนึ่งปีให้เก็บค่า
ธรรมเนียมสำหรับระยะเวลาที่เกินหนึ่งปี
เพิ่มขึ้นตามอัตรา ใน
(ก) (ข) หรือ (ค)
(๒)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานหรือการขยายระยะเวลาการทำงาน
(ก)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยาย
ระยะเวลาการทำงานไม่เกินสามเดือน ๒๐๐ บาท
(ข)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยาย
ระยะเวลาการทำงานเกินสามเดือน
แต่ไม่เกินหกเดือน ๔๐๐ บาท
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือการขยาย
ระยะเวลาการทำงานเกินหกเดือน
แต่ไม่เกินหนึ่งปี ๘๐๐ บาท
(ง)
การต่ออายุใบอนุญาตหรือขยายระยะเวลา
ทำงานเกินหนึ่งปี ให้เก็บค่าธรรมเนียม
สำหรับระยะเวลาที่เกินหนึ่งปีเพิ่มขึ้นตาม
อัตราใน (ก) (ข) หรือ
(ค)
(๓)
ใบแทนใบอนุญาตทำงาน ๑๐๐ บาท
(๔)
การอนุญาตให้ทำงานอื่น ๔๐๐ บาท
(๕)
การอนุญาตให้เปลี่ยนท้องที่ หรือสถานที่ ในการทำงาน ๑๐๐ บาท
ให้ไว้
ณ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
พลเอก เล็ก แนวมาลี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
+-----------------------------------------------------------------------------------------------------+
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎกระทรวงเกี่ยวกับแบบ หลักเกณฑ์
และวิธีการในการขอรับใบอนุญาตทำงานและการออกใบอนุญาตทำงาน
การขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน และการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน การขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน
และการออกใบแทนใบอนุญาตทำงาน
การขออนุญาตและการอนุญาตให้เปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน
และการออกบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่
ที่ออกตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๒๒ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ เสียใหม่และสมควรกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเสียใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
[รก.๒๕๒๒/๘๑/๒๗พ/๑๕ พฤษภาคม ๒๕๒๒]
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
744464 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 ทำได้ (ฉบับ Update ล่าสุด) | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
ให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
เป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอรับใบอนุญาต
เพื่อทำงานตามประเภทงานที่กำหนดได้ ดังต่อไปนี้
๑. งานกรรมกร
๒. งานรับใช้ในบ้าน
๓[๒].
ช่างเครื่องยนต์ในเรือประมงทะเล
๔[๓].
งานผู้ประสานงานด้านภาษากัมพูชา ลาว หรือเมียนมา
โดยผู้จะว่าจ้างต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑)
ดำเนินการประกาศรับสมัครและว่าจ้างคนไทยเข้าทำงานก่อน
โดยต้องประกาศรับสมัครอย่างน้อยสิบห้าวัน
(๒)
ในกรณีที่ไม่มีการว่าจ้างภายหลังจากที่ได้ประกาศรับสมัครคนไทยตาม (๑)
ให้สามารถจ้างคนต่างด้าวเป็นผู้ประสานงานด้านภาษาได้หนึ่งคนต่อการจ้างคนต่างด้าวหนึ่งร้อยคน
เว้นแต่เป็นหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ มูลนิธิ
หรือองค์การอื่นที่มีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจหรือเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม
ให้จ้างได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
(๓)
ดำเนินการให้คนต่างด้าวที่จะว่าจ้างได้รับการฝึกอบรมจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๒)[๔]
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๓)[๕]
ปริยานุช/จัดทำ
๗ สิงหาคม ๒๕๕๘
วิศนี/เพิ่มเติม
๒๒
ธันวาคม ๒๕๕๘
วิศนี/เพิ่มเติม
๒๐
ธันวาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๙ ง/หน้า ๑/๔ สิงหาคม ๒๕๕๘
[๒] ๓. เพิ่มโดยประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๒)
[๓] ๔. เพิ่มโดยประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๓)
[๔] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๐๒ ง/หน้า ๑/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
[๕] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๖๐ ง/หน้า ๗/๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
778810 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง ผลการพิจารณาจัดสรรเงินของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (ฉบับที่ 3) | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
ผลการพิจารณาจัดสรรเงินของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๐ (ฉบับที่ ๓)[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศผลการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มเติมรายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
หม่อมหลวงปุณฑริก
สมิติ
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
สรุปเงินที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๐ เพิ่มเติม
จำแนกตามยุทธศาสตร์กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร (ตามมติคณะกรรมการฯในการประชุม
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๐)
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
พรวิภา/อัญชลี/จัดทำ
๘ มิถุนายน
๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕๓ ง/หน้า ๑๘/๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ |
778808 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง ผลการพิจารณาจัดสรรเงินของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (ฉบับที่ 2) | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
ผลการพิจารณาจัดสรรเงินของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๐ (ฉบับที่ ๒)[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศผลการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มเติมรายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
หม่อมหลวงปุณฑริก
สมิติ
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
สรุปเงินที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๐ เพิ่มเติม
จำแนกตามยุทธศาสตร์กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร (ตามมติคณะกรรมการฯในการประชุม
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๐)
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
พรวิภา/อัญชลี/จัดทำ
๘ มิถุนายน
๒๕๖๐
ปริญสินีย์/ตรวจ
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๕๓ ง/หน้า ๑๗/๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ |
774230 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง ผลการพิจารณาจัดสรรเงินของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไป
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไป
นอกราชอาณาจักร
เรื่อง
ผลการพิจารณาจัดสรรเงินของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศผลการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
สรุปวงเงินที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำแนกตามยุทธศาสตร์กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
(ตามมติคณะกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๙
เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามมติคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๙
เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๙ และตามมติคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๗
พฤศจิกายน ๒๕๕๙)
พรวิภา/ภวรรณตรี/จัดทำ
๑๐ เมษายน ๒๕๖๐
นุสรา/ตรวจ
๒๖ พฤษภาคม
๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๙๙ ง/หน้า ๓๕/๗ เมษายน ๒๕๖๐ |
770193 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ หรือพยานในความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 ทำได้ | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑ ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
หรือพยานในความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าวออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ให้ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา
๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ ลงวันที่ ๒๙
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
ข้อ
๒ ให้คนต่างด้าวดังต่อไปนี้
ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ทำงานได้ทุกประเภทงานตามที่นายจ้างได้ตกลงว่าจ้าง ทั้งนี้ ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย
(๑)
คนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
(๒)
คนต่างด้าวซึ่งเป็นพยานที่สืบพยานก่อนการฟ้องคดีหรือระหว่างการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๓)
ผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของคนต่างด้าวตาม (๑)
หรือ (๒) ที่มีอายุไม่น้อยกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี
(๔)
คนต่างด้าวตาม (๓) ซึ่งต่อมามีอายุเกินสิบแปดปี
และได้ดำเนินการขอรับใบอนุญาตทำงานและปรับปรุงแก้ไขทะเบียนประวัติให้เป็นปัจจุบันภายในสามสิบวันก่อนมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์
ประกาศ ณ วันที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
พิมพ์มาดา/ปริยานุช/จัดทำ
๒๘ กุมภาพันธ์
๒๕๖๐
ปริญสินีย์/ตรวจ
๕ เมษายน ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๕๘ ง/หน้า ๑๑/๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ |
761747 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 ทำได้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559
| ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
เพื่อรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองทำได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น
๔. แห่งประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘
๔. งานผู้ประสานงานด้านภาษากัมพูชา
ลาว หรือเมียนมา โดยผู้จะว่าจ้างต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑)
ดำเนินการประกาศรับสมัครและว่าจ้างคนไทยเข้าทำงานก่อน
โดยต้องประกาศรับสมัครอย่างน้อยสิบห้าวัน
(๒)
ในกรณีที่ไม่มีการว่าจ้างภายหลังจากที่ได้ประกาศรับสมัครคนไทยตาม (๑)
ให้สามารถจ้างคนต่างด้าวเป็นผู้ประสานงานด้านภาษาได้หนึ่งคนต่อการจ้างคนต่างด้าวหนึ่งร้อยคน
เว้นแต่เป็นหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ มูลนิธิ
หรือองค์การอื่นที่มีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจหรือเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม
ให้จ้างได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
(๓)
ดำเนินการให้คนต่างด้าวที่จะว่าจ้างได้รับการฝึกอบรมจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
ปริยานุช/จัดทำ
๒๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
วิศนี/ตรวจ
๒๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๖๐ ง/หน้า ๗/๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
761743 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทงานที่คนต่างด้าวอาจขอรับใบอนุญาตเพื่อทำงานตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551
| ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง
กำหนดประเภทงานที่คนต่างด้าวอาจขอรับใบอนุญาตเพื่อทำงานตามมาตรา ๑๓
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดประเภทงานที่คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานานโดยได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
รวมถึงบุตรของคนต่างด้าวดังกล่าวที่เกิดในราชอาณาจักร
และคนต่างด้าวซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์สัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติอาจขอรับใบอนุญาตเพื่อทำงานได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ คนต่างด้าวตามประกาศนี้ ได้แก่
(๑)
คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน โดยได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
และได้รับการจัดทำทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
รวมถึงบุตรของคนต่างด้าวดังกล่าวที่เกิดในราชอาณาจักรเว้นแต่คนต่างด้าว
สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และสัญชาติอื่น ซึ่งมีประกาศที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวกำหนดประเภทงานให้ทำได้ไว้เป็นการเฉพาะ
(๒)
คนต่างด้าวซึ่งนายอำเภอมีหนังสือรับรองว่าอยู่ระหว่างการพิสูจน์สัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติเพื่อการเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
ข้อ
๒ ให้คนต่างด้าวตามข้อ ๑
ทำงานได้ทุกประเภทงาน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
ปริยานุช/จัดทำ
๒๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
วิศนี/ตรวจ
๒๒ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๖๐ ง/หน้า ๖/๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
761542 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
| ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไป
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไป
นอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุน
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐[๑]
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ
๕ (๑) แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ประกาศนี้เรียกว่า ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
ข้อ
๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ข้อ
๓ ในประกาศนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน หมายความว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ
๔ หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต
วงเงินซึ่งมีรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรรประมาณการรายจ่าย และแผนการใช้จ่ายเงิน
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวันก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
หากหน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมและหรือนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรรตามวรรคหนึ่ง
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ
๕ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ .... พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าว ให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ
๖ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงิน
การเบิกเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินส่ง และการพัสดุ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการได้ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ
๗ ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน
การเงินและการบัญชีของเงินกองทุนที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ
๘ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมรายงานผลการดำเนินงาน
และส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้ แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
พร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เงินกองทุนรายการหรือโครงการใดที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรและนำไปใช้จ่ายจนบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตแล้วมีเงินเหลือจ่าย
ให้นำส่งเงินเหลือจ่ายพร้อมทั้งดอกผลคืนกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือวันสิ้นสุดการดำเนินงานในรายการหรือโครงการนั้น
ข้อ
๙ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณให้กรมการจัดหางานเพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/จัดทำ
๑๕ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
ปุณิกา/ตรวจ
๑๕ พฤศจิกายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๕๗ ง/หน้า ๕/๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ |
797186 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 ทำได้ (ฉบับ Update ณ วันที่ 19/11/2558) | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
ให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
เป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอรับใบอนุญาต
เพื่อทำงานตามประเภทงานที่กำหนดได้ ดังต่อไปนี้
๑. งานกรรมกร
๒. งานรับใช้ในบ้าน
๓[๒].
ช่างเครื่องยนต์ในเรือประมงทะเล
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๒)[๓]
ปริยานุช/จัดทำ
๗ สิงหาคม ๒๕๕๘
วิศนี/เพิ่มเติม
๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๙ ง/หน้า ๑/๔ สิงหาคม ๒๕๕๘
[๒] ๓. เพิ่มโดยประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๒)
[๓] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๐๒ ง/หน้า ๑/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ |
740183 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 ทำได้ (ฉบับที่ 2) | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้
(ฉบับที่ ๒)[๑]
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อกำหนดประเภทงานเพิ่มเติมให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
เพื่อรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองสามารถทำได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
จึงให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ๓. แห่งประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ดังนี้
๓. ช่างเครื่องยนต์ในเรือประมงทะเล
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
ปริยานุช/จัดทำ
๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
วิศนี/ตรวจ
๒๑ ธันวาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๐๒ ง/หน้า ๑/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ |
737322 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุน
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสม
และมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ (๑)
แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในประกาศนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน หมายความว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณ ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต วงเงิน ซึ่งมีรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรรประมาณการรายจ่าย
และแผนการใช้จ่ายเงิน
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวันก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
หากหน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมและหรือนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรรตามวรรคหนึ่ง
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๕ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ.
พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ ๖ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงิน
การเบิกเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินส่ง และการพัสดุ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนถือปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบของทางราชการได้ ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๗ ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน
การเงิน และการบัญชีของเงินกองทุนที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ ๘ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนด
พร้อมรายงานผลการดำเนินงานและส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้ แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
พร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เงินกองทุนรายการหรือโครงการใดที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรและนำไปใช้จ่ายจนบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตแล้วมีเงินเหลือจ่าย
ให้นำส่งเงินเหลือจ่ายพร้อมทั้งดอกผลคืนกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือวันสิ้นสุดการดำเนินงานในรายการหรือโครงการนั้น
ข้อ ๙ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณให้กรมการจัดหางานเพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
นคร ศิลปอาชา
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๕๔ ง/หน้า ๗/๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
732576 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 ทำได้
| ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
ให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
เป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอรับใบอนุญาต
เพื่อทำงานตามประเภทงานที่กำหนดได้ ดังต่อไปนี้
๑. งานกรรมกร
๒. งานรับใช้ในบ้าน
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๗ สิงหาคม ๒๕๕๘
นุสรา/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๗๙ ง/หน้า ๑/๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ |
729924 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้บังคับมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
การใช้บังคับมาตรา
๑๔ แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ วรรคสี่
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดโดยประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้นำความในมาตรา
๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้บังคับกับคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา
ลาว และกัมพูชาที่เข้ามาในราชอาณาจักร
โดยมีบัตรผ่านแดนหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางอื่นตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองที่ประเทศต้นทางออก
ข้อ ๒ คนต่างด้าวตามข้อ
๑ สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานชั่วคราวเพื่อทำงานเฉพาะในท้องที่ ประเภทหรือลักษณะงาน
ในช่วงระยะเวลาหรือฤดูกาล และตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ ตามบัญชีท้ายประกาศนี้
ข้อ ๓[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. บัญชีท้ายประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้บังคับมาตรา ๑๔
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๓ มิถุนายน
๒๕๕๘
วริญา/ผู้ตรวจ
๒๓ มิถุนายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๑/๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ |
723039 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘[๑]
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ (๑)
แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในประกาศนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน หมายความว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณ
ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต วงเงิน ซึ่งมีรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรร
ประมาณการรายจ่าย และแผนการใช้เงิน
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน ก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
หากหน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรตามวรรคหนึ่ง
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๕ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ.
พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ ๖ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงิน
การเบิกเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินส่งและการพัสดุ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการได้ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๗ ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน
การเงินและการบัญชีของเงินกองทุนที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ ๘ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมรายงานผลการดำเนินงาน
และส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
พร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เงินกองทุนรายการหรือโครงการใดที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรและนำไปใช้จ่ายจนบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตแล้วมีเงินเหลือจ่าย
ให้นำส่งเงินเหลือจ่ายพร้อมทั้งดอกผลคืนกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือวันสิ้นสุดการดำเนินงานในรายการหรือโครงการนั้น
ข้อ ๙ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณให้กรมการจัดหางานเพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘
นคร ศิลปอาชา
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ
๒๓ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๘ ง/หน้า ๘/๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ |
722006 | ประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง กำหนดสถานที่แจ้งการเข้ามาทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนที่มีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวัน | ประกาศกรมการจัดหางาน
ประกาศกรมการจัดหางาน
เรื่อง
กำหนดสถานที่แจ้งการเข้ามาทำงาน
อันจำเป็นและเร่งด่วนที่มีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวัน[๑]
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดสถานที่แจ้งการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติม
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนที่มีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
สามารถแจ้งการทำงานตามแบบแจ้งการเข้ามาเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนตามมาตรา ๙
(แบบ ตท.๑๐) พร้อมเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับการพัฒนา
ด้านการสื่อสาร
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓๖ (๓) ของกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับใบอนุญาต
การออกใบอนุญาต และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๔ อธิบดีกรมการจัดหางาน
ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๒ กำหนดให้ด่านตรวจคนหางานดอนเมือง
และด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิ เป็นสถานที่รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว
ข้อ ๓ กำหนดให้สถานที่ตามบัญชีท้ายประกาศนี้
เป็นสถานที่แจ้งการทำงานของคนต่างด้าวโดยทางโทรสารและไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
ในท้องที่อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ทำงานของคนต่างด้าว
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
สุเมธ มโหสถ
อธิบดีกรมการจัดหางาน
[เอกสารแนบท้าย]
๑. บัญชีท้ายประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง
กำหนดสถานที่แจ้งการเข้ามาทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนที่มีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวัน
ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๖ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๘ ง/หน้า ๗๐/๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ |
696775 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๗[๑]
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ (๑) แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในประกาศนี้
กองทุน หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน หมายความว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน
เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต วงเงินและรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรร ประมาณการรายจ่าย
และแผนการใช้เงิน เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
ก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
ข้อ ๕ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใช้จ่ายได้เฉพาะตามประเภทงบรายจ่าย
ดังนี้
(๑) งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้ ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(๒) งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ และค่าสาธารณูปโภค
(๓) งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(๔) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(๕) งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๖ ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงาน หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว และต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย
การดำเนินงานและผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนมติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
และต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ให้หัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานตามวรรคหนึ่ง ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงมีอำนาจเปลี่ยนแปลง
เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้ว
ให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่าย
หากหน่วยงานนำเงินกองทุนไปเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ แล้วไม่รายงานภายในกำหนด
คณะกรรมการกองทุนจะนำไปประกอบการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนในปีถัดไป และกรณีที่หน่วยงานใช้จ่ายเงินกองทุนโดยผิดวัตถุประสงค์
ให้ส่งคืนเงินให้กองทุนภายใน ๓๐ วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้งจากกองทุน
หากหน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรตามข้อ
๔ ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในข้อ
๔ เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๗ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ
.
พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ ๘ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกเงิน
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินส่งและการพัสดุ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๙ ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน
การเงินและการบัญชีของเงินกองทุนที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ ๑๐ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมรายงานผลการดำเนินงาน
และส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้
แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
พร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เงินกองทุนรายการหรือโครงการใดที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรและนำไปใช้จ่ายจนบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตแล้วมีเงินเหลือจ่าย
ให้นำส่งเงินเหลือจ่ายพร้อมทั้งดอกผลคืนกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือวันสิ้นสุดการดำเนินงานในรายการหรือโครงการนั้น
ข้อ ๑๑ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณให้กรมการจัดหางานเพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ประกาศ
ณ วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
จีรศักดิ์
สุคนธชาติ
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม
รักษาราชการแทน
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖
จุฑามาศ/ผู้ตรวจ
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๔๑ ง/หน้า ๒๕/๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ |
685567 | ประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง กำหนดแบบแสดงรายการและสถานที่นำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร | ประกาศกรมการจัดหางาน
ประกาศกรมการจัดหางาน
เรื่อง
กำหนดแบบแสดงรายการและสถานที่นำส่งเงินเข้ากองทุน
เพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร[๑]
เพื่อให้การนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ ของกฎกระทรวงกำหนดงานและจำนวนเงินที่ลูกจ้างต้องส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
และหลักเกณฑ์และวิธีการในการส่งเงิน การออกใบรับ หนังสือรับรอง
และใบแทนหนังสือรับรองการส่งเงิน พ.ศ. ๒๕๕๓ อธิบดีกรมการจัดหางาน ออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมการจัดหางาน
เรื่อง
กำหนดสถานที่ในการนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
และแบบแสดงรายการนำส่งเงิน ลงวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ข้อ ๒ แบบแสดงรายการนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ให้ใช้ตามแบบส่วนที่ ๑ ท้ายประกาศนี้
และรายละเอียดการนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ให้ใช้ตามแบบส่วนที่ ๒ ท้ายประกาศนี้
ข้อ ๓ กำหนดให้สถานที่ดังต่อไปนี้เป็นสถานที่นำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
(๑)
สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ในท้องที่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานของลูกจ้างหรือสำนักงานของนายจ้าง
แล้วแต่กรณี
(๒) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และสำนักงานสาขาของธนาคาร
สำหรับผู้ยื่นแบบตามข้อ ๒ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในเว็บไซต์ (Web Site) http://www.doe.go.th/fund ของกรมการจัดหางาน
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
ประวิทย์
เคียงผล
อธิบดีกรมการจัดหางาน
[เอกสารแนบท้าย]
๑. ส่วนที่ ๑ แบบแสดงรายการนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
๒. ส่วนที่ ๒ รายละเอียดการนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๑๓๐/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๒๑/๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ |
674059 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖[๑]
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ (๑)
แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในประกาศนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน หมายความว่า
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณ ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต วงเงิน และรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรร
ประมาณการรายจ่าย และแผนการใช้เงิน
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
ก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
ข้อ ๕ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใช้จ่ายได้เฉพาะตามประเภทงบรายจ่ายดังนี้
(๑) งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการ โดยอนุโลม
(๒) งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ
และค่าสาธารณูปโภค
(๓) งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(๔) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(๕) งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๖ ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงาน
หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย การดำเนินงาน และผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนและต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้ว
ให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่าย
หากหน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรตามข้อ
๔
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในข้อ
๔ เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๗ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ
.... พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ ๘ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกเงิน
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินส่ง และการพัสดุ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๙ ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน
การเงิน และการบัญชีของเงินกองทุน ที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ ๑๐ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมรายงานผลการดำเนินงาน
และส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้
แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
พร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เงินกองทุนรายการหรือโครงการใดที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรและได้นำไปใช้จ่ายจนบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตแล้วมีเงินเหลือจ่าย
ให้นำส่งเงินเหลือจ่ายพร้อมทั้งดอกผลคืนกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือวันสิ้นสุดการดำเนินงานในรายการหรือโครงการนั้น
ข้อ ๑๑ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ
ให้กรมการจัดหางาน เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สมเกียรติ
ฉายะศรีวงศ์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔ กันยายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒ ตุลาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๓๒/๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ |
664673 | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 ทำได้ | ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง
กำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะรัฐมนตรีโดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
จึงกำหนดประเภทงานดังต่อไปนี้
เป็นงานที่คนต่างด้าวที่เป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑
ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ทำได้
๑. งานกรรมกร
๒. งานรับใช้ในบ้าน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๕๐ ง/หน้า ๑๕/๑๔ มีนาคม ๒๕๕๕ |
657219 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุน
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ (๑)
แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในประกาศนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน หมายความว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณ ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต
วงเงินและรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรร ประมาณการรายจ่าย และแผนการใช้เงิน
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
ข้อ ๕ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใช้จ่ายได้เฉพาะตามประเภทงบรายจ่ายดังนี้
(๑) งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(๒) งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ
และค่าสาธารณูปโภค
(๓) งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(๔) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(๕) งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๖ ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงาน
หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย การดำเนินงาน และผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนและต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวัน
นับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่าย
หากหน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรตามข้อ
๔
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในข้อ
๔ เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๗ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ....
พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ ๘ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกเงิน
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินส่ง และการพัสดุ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๙ ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน
การเงินและการบัญชีของเงินกองทุนที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ ๑๐
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมรายงานผลการดำเนินงาน
และส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้ แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
พร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เงินกองทุนรายการหรือโครงการใดที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรและได้นำไปใช้จ่ายจนบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตแล้วมีเงินเหลือจ่ายให้นำส่งเงินเหลือจ่ายพร้อมทั้งดอกผลคืนกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือวันสิ้นสุดการดำเนินงานในรายการหรือโครงการนั้น
ข้อ ๑๑ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ
ให้กรมการจัดหางานเพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
สมเกียรติ
ฉายะศรีวงศ์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๔
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๕ พฤศจิกายน
๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๓๙ ง/หน้า ๓๓/๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ |
656990 | ประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง การขยายระยะเวลายื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554
| ประกาศกรมการจัดหางาน
ประกาศกรมการจัดหางาน
เรื่อง
การขยายระยะเวลายื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
สัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔[๑]
ตามที่กรมการจัดหางานได้ออกประกาศ ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔
กำหนดระยะเวลาและสถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔
ที่ได้รายงานตัวเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
ซึ่งประสงค์จะทำงานที่มิใช่งานในกิจการประมง ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานได้
ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ นั้น
เนื่องจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนสิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน ได้แผ่ขยายวงกว้างไปในทุกพื้นที่ของจังหวัดที่ตั้งอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและลุ่มแม่น้ำโขง
ซึ่งวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงทั้งในด้านปริมาณน้ำและจำนวนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย
โดยมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน
และสถานที่ราชการและสถานที่ประกอบกิจการของภาคเอกชน
จึงทำให้นายจ้างไม่สามารถนำคนต่างด้าวดังกล่าวเดินทางมายื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.
๒๕๔๕ อธิบดีกรมการจัดหางานจึงให้ขยายระยะเวลายื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔
ที่ได้รายงานตัวเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรซึ่งประสงค์จะทำงานที่มิใช่งานในกิจการประมง
ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานได้ เป็นตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่
๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ นั้น
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
ประวิทย์
เคียงผล
อธิบดีกรมการจัดหางาน
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕ พฤศจิกายน
๒๕๕๔
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๘ พฤศจิกายน
๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง/หน้า ๒๐/๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ |
642411 | ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดแบบและการออกบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
| ประกาศกระทรวงแรงงาน
ประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง
กำหนดแบบและการออกบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่
ตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๔๙ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.
๒๕๔๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑[๑]
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๒ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง
กำหนดแบบและการออกบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
ข้อ
๓ บัตรประจำตัวนายทะเบียนและบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้
ข้อ
๔ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งต่อไปนี้
เป็นผู้ออกบัตรประจำตัวนายทะเบียนและบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่
(๑)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
สำหรับปลัดกระทรวงแรงงานหรือข้าราชการอื่นที่ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า
(๒)
ปลัดกระทรวงแรงงาน สำหรับรองปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน
ที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน ที่ปรึกษากฎหมาย อธิบดีกรมการจัดหางาน
หรือข้าราชการอื่นที่ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า
(๓)
อธิบดีกรมการจัดหางาน สำหรับข้าราชการนอกจาก (๑) และ (๒)
ซึ่งปฏิบัติงานในเขตกรุงเทพมหานคร หรือในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบมากกว่าหนึ่งจังหวัด
(๔)
ผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับข้าราชการนอกจาก (๑) และ (๒)
ซึ่งปฏิบัติงานเฉพาะในเขตจังหวัดนั้น
ข้อ
๕ ให้ข้าราชการซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่
ยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวตามแบบท้ายประกาศนี้ พร้อมแนบรูปถ่ายจำนวนสองรูป
และสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับรองสำเนาถูกต้อง ต่อกรมการจัดหางาน
หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด แล้วแต่กรณี
รูปถ่ายตามวรรคหนึ่ง
ให้ใช้รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ไม่ใส่แว่นตาสีเข้ม แต่งเครื่องแบบข้าราชการ
หรือเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขนาด ๒.๕ x ๓ เซนติเมตร
ที่ถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือนก่อนวันขอมีบัตรประจำตัว
ข้อ
๖ เมื่อได้ออกบัตรประจำตัวให้แก่ผู้ใดให้ผู้ออกบัตรประจำตัวจัดให้มีสำเนาข้อความและรายการบัตรประจำตัวซึ่งติดรูปถ่ายของผู้นั้นไว้ด้วยหนึ่งฉบับ
และให้เก็บไว้เป็นหลักฐานที่กรมการจัดหางาน หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด
แล้วแต่กรณี
ข้อ
๗ บัตรประจำตัวนายทะเบียนและบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ใช้ได้ตามระยะเวลาที่ผู้มีอำนาจออกบัตรตามข้อ
๔ กำหนดไว้ในบัตร แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ออกบัตร
ในกรณีที่บัตรจะหมดอายุ
ให้ผู้ถือบัตรขอมีบัตรภายในสามสิบวันก่อนวันที่บัตรนั้นหมดอายุ
ในกรณีที่บัตรสูญหาย
หรือเสียหาย ให้ผู้ถือบัตรขอมีบัตรใหม่ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่บัตรนั้นสูญหาย
หรือเสียหาย
ในกรณีที่ผู้ถือบัตรเปลี่ยนชื่อตัว
ชื่อสกุล หรือชื่อตัวและชื่อสกุล
หรือกรณีอื่นที่เกี่ยวข้องให้ผู้ถือบัตรขอเปลี่ยนบัตรภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อตัว
ชื่อสกุล หรือชื่อตัวและชื่อสกุล หรือกรณีอื่น แล้วแต่กรณี
ให้นำความในข้อ
๕ และข้อ ๖ มาใช้บังคับกับการขอมีบัตรในข้อนี้
โดยให้ยื่นบัตรเดิมของผู้ยื่นคำขอประกอบมาด้วย
เว้นแต่กรณีบัตรเดิมหมดอายุหรือสูญหาย
ข้อ
๘ เมื่อผู้ถือบัตรพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ให้คืนบัตรดังกล่าวแก่ผู้ออกบัตรภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่
ข้อ
๙ บัตรประจำตัวนายทะเบียนและบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ออกตามประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง
กำหนดแบบและการออกบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และยังไม่หมดอายุให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะหมดอายุ
ประกาศ ณ วันที่ ๙
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย ศรีอ่อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบบัตรประจำตัวนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
๒. แบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
๓. คำขอมีบัตรประจำตัวนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
๔. คำรับรองการขอมีบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๒ มกราคม ๒๕๕๔
ณัฐวดี/ตรวจ
๑๒ มกราคม ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๕๑ ง/หน้า ๒๔/๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ |
636496 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร
จัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔[๑]
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ
๕ แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ประกาศนี้เรียกว่า ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔
ข้อ
๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ
๓ ในประกาศนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน หมายความว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ
๔
หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณ ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต วงเงิน
และรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรร ประมาณการรายจ่าย และแผนการใช้เงิน
เพื่อเสนอขออนุมัติ ต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
ข้อ
๕
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใช้จ่ายได้เฉพาะตามประเภทงบรายจ่ายดังนี้
(๑)
งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้ ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(๒)
งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ และค่าสาธารณูปโภค
(๓)
งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(๔)
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(๕)
งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ข้อ
๖
ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ
ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงาน
หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินงานและผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนและต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง
เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้วให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวัน
นับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่าย
หากหน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรตามข้อ
๔
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในข้อ
๔ เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ
๗ ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ....
พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ
๘ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกเงิน
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินส่งและการพัสดุ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ
๙
ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน
การเงินและการบัญชีของเงินกองทุนที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ
๑๐
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมรายงานผลการดำเนินงาน
และส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไปพร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เงินกองทุนรายการหรือโครงการใดที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรและได้นำไปใช้จ่ายจนบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตแล้วมีเงินเหลือจ่ายให้นำส่งเงินเหลือจ่ายพร้อมทั้งดอกผลคืนกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือวันสิ้นสุดการดำเนินงานในรายการ
หรือโครงการนั้น
ข้อ
๑๑ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ
ให้กรมการจัดหางานเพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ประกาศ ณ วันที่ ๙
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓
สมชาย ชุ่มรัตน์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๐ กันยายน ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๓๐ กันยายน ๒๕๕๓
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๑๒ ง/หน้า ๒๗/๒๓ กันยายน ๒๕๕๓ |
618826 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
| ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ
๕
แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๓
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ประกาศนี้เรียกว่า ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ข้อ ๒[๑]
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในประกาศนี้
กองทุน
หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน
หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน
หมายความว่า
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี
หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔
หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณ ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต
วงเงินและรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรร ประมาณการรายจ่าย และแผนการใช้เงิน
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
ก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
ข้อ ๕
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใช้จ่ายได้เฉพาะตามประเภทงบรายจ่าย
ดังนี้
(ก)
งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข)
งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ และค่าสาธารณูปโภค
(ค)
งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(ง)
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(จ)
งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๖
ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ
ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงาน หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินงานและผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนและต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง
เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้วให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายใน ๑๕
วัน นับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่าย
หากหน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรตามข้อ
๔
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในข้อ
๔ เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๗
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ....
พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ ๘
วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกเงิน การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
การนำเงินส่งและการพัสดุ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๙ ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน
การเงินและการบัญชีของเงินกองทุนที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ ๑๐
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมรายงานผลการดำเนินงาน
และส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
พร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เงินกองทุนรายการหรือโครงการใดที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรและได้นำไปใช้จ่ายจนบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตแล้วมีเงินเหลือจ่ายให้นำส่งเงินเหลือจ่ายพร้อมทั้งดอกผลคืนกองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือวันสิ้นสุดการดำเนินงานในรายการหรือโครงการนั้น
ข้อ ๑๑
เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ
ให้กรมการจัดหางานเพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๑๒
ในกรณีที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับหลังจากล่วงเลยระยะเวลาที่หน่วยงานซึ่งประสงค์จะจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณตามที่กำหนดในข้อ
๔ แล้ว
ให้หน่วยงานดังกล่าวสามารถจัดทำข้อเสนอขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณาอนุมัติได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ
ประกาศ ณ วันที่ ๒๓
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สมชาย ชุ่มรัตน์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๖๓ ง/หน้า ๕๕/๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ |
597685 | ประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง กำหนดแบบรายงานการรับจ่ายเงินและแบบรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
| ประกาศกรมการจัดหางาน
ประกาศกรมการจัดหางาน
เรื่อง
กำหนดแบบรายงานการรับจ่ายเงินและแบบรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงาน
ที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร[๑]
อาศัยอำนาจตามความในข้อ
๑๐ และข้อ ๑๑ ของประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ลงวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อธิบดีกรมการจัดหางานจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
แบบรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรประจำเดือน
ให้ใช้ตามแบบที่ ๑ ท้ายประกาศนี้
ข้อ ๒
แบบรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรประจำปีงบประมาณ
ให้ใช้ตามแบบที่ ๒ ท้ายประกาศนี้
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๑ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๙
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
พิชัย เอกพิทักษ์ดำรง
อธิบดีกรมการจัดหางาน
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แบบรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
๒. แบบรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปีงบประมาณ ..............
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๒๐/๒๗ มกราคม ๒๕๕๒ |
591323 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
| ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว[๑]
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความใน
ข้อ ๕
แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรประจำปีงบประมาณ
๒๕๕๒
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ประกาศนี้เรียกว่า
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ข้อ
๒
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ
๓ ในประกาศนี้
กองทุน
หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน
หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน
หมายความว่า
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี
หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ
๔
หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณ ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต
วงเงินและรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรร ประมาณการรายจ่าย และแผนการใช้เงิน
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
ก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
ข้อ
๕
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใช้จ่ายได้เฉพาะตามประเภทรายจ่ายดังนี้
(๑)
ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(๒)
ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย และค่าวัสดุ
(๓)
ค่าสาธารณูปโภค
(๔)
ค่าครุภัณฑ์ เฉพาะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(๕)
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(๖)
รายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ข้อ
๖ ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรตามข้อ
๔
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในข้อ
๔ เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน และหากมีการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายใด ๆ การเพิ่มหรือลดรายการตามข้อ ๕
จะต้องเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ
๗
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ...
พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ
๘ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกเงิน
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินส่งและการพัสดุ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ
๙
ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน การเงินและการบัญชี ของเงินกองทุนที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ
๑๐
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนด
พร้อมรายงานผลการดำเนินงาน และส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
พร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เมื่อสิ้นสุดการดำเนินงานในโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนแล้ว
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนส่งเงินคงเหลือพร้อมทั้งดอกผลทั้งหมดให้กองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นสุดโครงการ
ข้อ
๑๑ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ
ให้กรมการจัดหางานเพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ข้อ
๑๒
ในกรณีที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับหลังจากล่วงเลยระยะเวลาที่หน่วยงานซึ่งประสงค์จะจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณตามที่กำหนดในข้อ
๔ แล้ว
ให้หน่วยงานดังกล่าวสามารถจัดทำข้อเสนอขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณาอนุมัติได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ
ประกาศ ณ วันที่ ๖
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๗๖ ง/หน้า ๔๖/๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ |
585859 | ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร เรื่อง หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
| ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว[๑]
เพื่อให้การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕
แห่งข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรประจำปีงบประมาณ
๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกประกาศไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ประกาศนี้เรียกว่า ประกาศคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
เรื่อง
หลักเกณฑ์การขอรับการจัดสรรและการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ข้อ ๒
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓
ในประกาศนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
หน่วยงาน หมายความว่า
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔
หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณ ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน เป้าหมายการดำเนินการ ผลผลิต
วงเงินและรายละเอียดที่ขอรับการจัดสรร ประมาณการรายจ่าย และแผนการใช้เงิน
เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
ก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ
ข้อ ๕
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใช้จ่ายได้เฉพาะตามประเภทรายจ่ายดังนี้
(๑)
ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(๒)
ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย และค่าวัสดุ
(๓)
ค่าสาธารณูปโภค
(๔)
ค่าครุภัณฑ์ เฉพาะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(๕)
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(๖)
รายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๖
ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวเพิ่มเติมจากที่ได้รับการจัดสรรตามข้อ
๔
ให้จัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนโดยแสดงรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในข้อ
๔ เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน และหากมีการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายใด ๆ
การเพิ่มหรือลดรายการตามข้อ ๕ จะต้องเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๗
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรของ....
พร้อมแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากดังกล่าวให้กรมการจัดหางานทราบเพื่อโอนเงินเข้าบัญชี
และห้ามนำเงินอื่นใดที่ไม่ใช่เงินกองทุนฝากในบัญชีดังกล่าว
ข้อ ๘
วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกเงิน การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
การนำเงินส่งและการพัสดุ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยการนั้นโดยอนุโลม
หากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ ให้ขออนุมัติต่อคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๙
ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการดำเนินงาน การเงินและการบัญชี ของเงินกองทุนที่ได้รับการจัดสรรปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ ๑๐
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนด
พร้อมรายงานผลการดำเนินงาน และส่งให้กรมการจัดหางาน ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้
แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
พร้อมเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
เมื่อสิ้นสุดการดำเนินงานในโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนแล้ว
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนส่งเงินคงเหลือพร้อมทั้งดอกผลทั้งหมดให้กองทุนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นสุดโครงการ
ข้อ ๑๑
เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนรายงานผลการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ
ให้กรมการจัดหางานเพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุน
ข้อ ๑๒
ในกรณีที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับหลังจากล่วงเลยระยะเวลาที่หน่วยงานซึ่งประสงค์จะจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนประจำปีตามปีงบประมาณตามที่กำหนดในข้อ
๔ แล้ว ให้หน่วยงานดังกล่าวสามารถจัดทำข้อเสนอขอรับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อให้คณะกรรมการกองทุนพิจารณาอนุมัติได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
จุฑาธวัช อินทรสุขศรี
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๑๓
สิงหาคม ๒๕๕๑
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๓๖ ง/หน้า ๒๙/๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ |
584452 | ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดแบบและการออกบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551
| ประกาศกระทรวงแรงงาน
ประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง
กำหนดแบบและการออกบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่
ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๔๙ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.
๒๕๔๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑[๑]
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๒
บัตรประจำตัวนายทะเบียนและบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้
ข้อ ๓
ให้บุคคลต่อไปนี้
เป็นผู้ออกบัตรประจำตัวนายทะเบียนและบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่
(๑)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สำหรับข้าราชการตั้งแต่ระดับ ๑๐ ขึ้นไป
(๒)
อธิบดีกรมการจัดหางาน สำหรับข้าราชการซึ่งปฏิบัติงานในเขตกรุงเทพมหานคร
(๓)
ผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับข้าราชการซึ่งปฏิบัติงานในเขตจังหวัดนั้น
ข้อ ๔
ให้ข้าราชการซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่
ยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวตามแบบท้ายประกาศนี้ พร้อมแนบรูปถ่ายจำนวนสองรูป
และสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับรองสำเนาถูกต้อง ต่อกรมการจัดหางาน
หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด แล้วแต่กรณี
รูปถ่ายตามวรรคหนึ่ง
ให้ใช้รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ไม่ใส่แว่นตาสีเข้ม
แต่งเครื่องแบบข้าราชการ หรือเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขนาด ๒.๕ x ๓
เซนติเมตร ที่ถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือนก่อนวันขอมีบัตรประจำตัว
ข้อ ๕
บัตรประจำตัวนายทะเบียนและบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ใช้ได้ตามระยะเวลาที่ผู้มีอำนาจออกบัตรตามข้อ
๒ กำหนดไว้ในบัตร แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ออกบัตร
ข้อ ๖
เมื่อผู้ถือบัตรพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ให้คืนบัตรดังกล่าวแก่ผู้ออกบัตรภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่
ข้อ ๗
บัตรประจำตัวนายทะเบียนและบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ออกตามกฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ให้ใช้ต่อไปได้อีกสามเดือนนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับหรือจนกว่าจะหมดอายุแล้วแต่ว่าระยะเวลาใดจะถึงก่อน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
อุไรวรรณ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
คำขอมีบัตรประจำตัวนายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
๒. แบบบัตรประจำตัวนายทะเบียน
ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
๓. แบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่
ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง/หน้า ๒/๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑ |
441954 | ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ (ฉบับที่ 14)
| ประกาศกระทรวงแรงงาน
ประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๑๔) [๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงกำหนดให้งานดังต่อไปนี้เป็นงานที่คนต่างด้าวสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา ที่หลบหนีเข้าเมืองและอยู่ระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร
ซึ่งกระทรวงแรงงานได้จัดระบบบริหารจัดการและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ทำได้
๑. งานรับใช้ในบ้าน
๒. งานกรรมกร
ประกาศ ณ วันที่ ๓๐
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
อุไรวรรณ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
มยุรี/พิมพ์
๓ กันยายน ๒๕๔๗
ศุภสรณ์/ธัญกมล/ตรวจ
๒๒ กันยายน ๒๕๔๗
A+B
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] รก.๒๕๔๗/พ๗๓ง/๑๖/๒ กรกฎาคม ๒๕๔๗ |
419851 | ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ (ฉบับที่ 13) | ประกาศกระทรวงแรงงาน
ประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง
กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๑๓)
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดงานและเงื่อนไขที่จะอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
และอยู่ในระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรทำได้ให้สอดคล้องกับนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๖ และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ลงวันที่ ๑๒
กันยายน พ.ศ.
๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
จึงออกประกาศกำหนดงานและเงื่อนไขให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ (๒)
เฉพาะสัญชาติพม่า ลาวและกัมพูชาทำได้ ไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ให้ยกเลิก
(๑) ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง
กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๑๐)
ลงวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕
(๒) ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๑๑)
ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
(๓) ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๑๒)
ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ข้อ
๒[๑] ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ ให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานจากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ตามประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่๑๐) ลงวันที่
๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๑๑) ลงวันที่
๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
หรือประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๑๒) ลงวันที่
๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
และยังคงทำงานโดยได้รับใบอนุญาตทำงานจากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน
อย่างต่อเนื่องให้ต่ออายุใบอนุญาตทำงานได้อีกไม่เกิน ๑ ปี ซึ่งจะสิ้นอายุในวันที่
๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ในประเภทกิจการ
ดังนี้
(๑) ประเภทที่ ๑ กรรมกรทั่วไป เช่น
กรรมกรในกิจการขนส่งทางบก ทางน้ำ กิจการเหมืองแร่ เหมืองหิน กิจการทำอิฐ ทำโอ่ง
ทำเครื่องเคลือบ กิจการก่อสร้าง กิจการคานเรือ กิจการโรงสีข้าว โรงงานแปรรูป
พืชไร่ โรงงานแปรรูปไม้ กิจการเคลื่อนย้ายสินค้าในโกดัง หรือที่เก็บสินค้า เป็นต้น
(๒) ประเภทที่ ๒ กรรมกรในกิจการประมง เช่น ประมงทะเล
แพปลา แพกุ้งและกิจการเกี่ยวเนื่องประมงทะเล โรงงานปลาป่น แกะกุ้ง ลอกปลาหมึก
โรงเค็ม กุ้งแห้ง ปลาแห้ง โรงน้ำปลา โรงน้ำแข็ง เป็นต้น
(๓) ประเภทที่ ๓
ลูกจ้างที่ใช้แรงงานเป็นหลักในโรงงานหรือสถานประกอบการที่ใช้ทักษะในการทำงานไม่ซับซ้อน
แต่ซ้ำ ๆ ตลอดเวลาทำงาน ยกเว้น สถานีบริการเชื้อเพลิง ซักอบรีด ร้านเสริมสวย
โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า อู่ซ่อมรถ
รับซื้อของเก่าและกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในประเภทกิจการผลิตอาหารสัตว์
ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ผลิตรองเท้า, รองเท้าแตะ
ผลิตส่วนผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน ผลิตพัดลมเพดาน ผลิตเครื่องมือตัดหิน ถลุงแร่
ผลิตเส้นใยสังเคราะห์ ผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตฟิล์มกันกระแทก
ผลิตอุปกรณ์กีฬาส่งออก เหมืองแร่ ดอกประดิษฐ์ แปรรูปหินแกรนิต โรงงานทำพลาสติก
ผลิตน้ำแร่ โรงงานเย็บผ้า ผลิตสิ่งทอ ทอผ้า และสำนักงานสนับสนุนการค้าและการลงทุน
(๔) ประเภทที่ ๔ ผู้รับใช้ในบ้าน
(๕) ประเภทที่ ๕ ลูกจ้างในฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์บก
สัตว์น้ำ
(๖) ประเภทที่ ๖ ลูกจ้างในแปลงเพาะปลูกพืช เช่น
สวนผัก ผลไม้ พืชไร่ พืชสวน ไม้ดอก สวนยาง สวนปาล์ม เป็นต้น
ข้อ
๔ การอนุญาตให้คนต่างด้าวตามข้อ
๓ ทำงานได้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(๑) มาแสดงตน ชำระเงินค่าประกันสุขภาพ จำนวน ๑,๒๐๐ บาท และค่าตรวจสุขภาพ จำนวน ๓๐๐ บาท
เพื่อรับการตรวจสุขภาพจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสถานพยาบาล
ตามที่กระทรวงสาธารสุขประกาศกำหนด
(๒) ยื่นเอกสารคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามแบบ ตท.
๑๓ โดยกรอกข้อความให้ครบถ้วนและนำหลักฐานที่แสดงว่าได้รับการตรวจสุขภาพจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสถานพยาบาลมาแสดงพร้อมด้วยหลักฐานประกอบอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ณ
สถานที่และระยะเวลาที่อธิบดีกรมการจัดหางานและจัดหางานจังหวัดประกาศกำหนด
(๓) ชำระเงินค่าใช้จ่ายในการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน
ได้แก่
(ก) ค่าธรรมเนียมในการต่ออายุใบอนุญาต
ทำงานไม่เกินสามเดือน ฉบับละ ๔๕๐ บาท
ค่าธรรมเนียมในการต่ออายุใบอนุญาต
ทำงานไม่เกินหกเดือน ฉบับละ ๙๐๐ บาท
ค่าธรรมเนียมในการต่ออายุใบอนุญาต
ทำงานไม่เกินหนึ่งปี ฉบับละ ๑,๘๐๐ บาท
(ข) ค่าทะเบียนและผลิตใบอนุญาตทำงาน
(ในกรณีผลิตใบอนุญาตทำงานใหม่) ฉบับละ ๑๕๐ บาท
(๔) ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานภายในวันที่
๒๕ กันยายน ๒๕๔๖
ข้อ ๕ คนต่างด้าวตามข้อ ๓ ซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานแล้ว
จะทำงานอื่นหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานนอกจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาตทำงานไม่ได้
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
มัตติกา/พิมพ์
๑๒ มกราคม ๒๕๔๗
ทรงยศ/อรรถชัย/ตรวจ
๑๓ มกราคม ๒๕๔๗
A+B
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑]รก.๒๕๔๖/พ๑๐๘ง/๔/๑๗ กันยายน ๒๕๔๖ |
316279 | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ (ฉบับที่ 9) | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง
กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๙)
---------------
ตามที่มีประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๘) ลงวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๔
กำหนดให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักร
โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การผ่อนผันให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ลงวันที่
๑๐ กันยายน ๒๕๔๔ ทำงานใช้แรงงานได้ในประเภทกิจการ
และภายใต้เงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนดนั้น
เพื่อให้การจดทะเบียนประวัติ
และขอรับใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
จึงออกประกาศกำหนดงานและเงื่อนไขให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ (๒) ทำได้ ไว้ดังนี้
ข้อ
๑
ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับนับแต่วันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ
๒ ให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา
ที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การผ่อนผันให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ลงวันที่
๑๐ กันยายน ๒๕๔๔ เฉพาะที่กำลังทำงานใช้แรงงานในเขตจังหวัดตาก ในประเภทกิจการที่ ๑
ซึ่งประกอบด้วย สวนผัก ผลไม้ ไร่อ้อย สวนยางพารา สวนปาล์ม พืชไร่ สวนกาแฟ
ทำงานได้ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
ชำระเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมการทำงานหกเดือนแรก
จำนวน ๓,๒๕๐ บาท โดยให้แบ่งชำระเงิน ๒ งวด คือ
งวดที่
๑ ชำระเงินจำนวน ๑,๖๒๕ บาท
ในวันจดทะเบียนประวัติและขอใบอนุญาตทำงาน
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมการทำงาน คือ
(ก)
ค่าประกันสุขภาพ ๖๐๐ บาท
(ข)
ค่าใช้จ่ายการส่งกลับ ๕๐๐ บาท
(ค)
ค่าบัตรอนุญาตทำงาน ๗๕ บาท
(ง)
ค่าธรรมเนียมการทำงาน ๔๕๐ บาท
งวดที่
๒ ชำระเงินจำนวน ๑,๖๒๕ บาท
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมการทำงานตาม (ก) - (ง)
ภายในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๔ ทั้งนี้ หากคนต่างด้าวไม่ชำระเงินภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่าการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานนั้นเป็นอันสิ้นสุดลง
ข้อ
๓ งานและเงื่อนไขใด ๆ
ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในประกาศนี้
ยังคงให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง
กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๘) ลงวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๔
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔
เดช บุญ - หลง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
และสวัสดิการสังคม
[รก. ๒๕๔๔/พ๑๒๐ง/๒๐/๓ ธันวาคม ๒๕๔๔]
พรพิมล/พิมพ์/แก้ไข
๒๑
มิ.ย ๒๕๔๕
A+B
(C)
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
315549 | ประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง การรับรายงานตัวเพื่อจดทะเบียนประวัติ และขอรับใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ในกิจการประมงทะเล | ประกาศกรมการจัดหางาน
ประกาศกรมการจัดหางาน
เรื่อง การรับรายงานตัวเพื่อจดทะเบียนประวัติ
และขอรับใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
สัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา ในกิจการประมงทะเล
---------------
เพื่อให้การรับรายงานตัวเพื่อจดทะเบียนประวัติและขอรับใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ในกิจการประมงทะเล
ตามประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๘) ลงวันที่ ๒๑
กันยายน พ.ศ.๒๕๔๔ ซึ่งได้มารายงานตัวเพื่อจดทะเบียนประวัติและขอรับใบอนุญาตทำงานไว้แล้ว
แต่ไม่สามารถมารับใบอนุญาตทำงานภายในกำหนดระยะเวลาการผ่อนผันได้ ประกอบกับมาตรา ๓๙
แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ ให้อำนาจในการกำหนดเงื่อนไข
เพื่อให้คำสั่งทางปกครองบรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมาย อธิบดีกรมการจัดหางานจึงออกประกาศกำหนดเงื่อนไขให้คนต่างด้าว
สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา
ซึ่งมารายงานตัวเพื่อจดทะเบียนประวัติและได้อนุญาตให้ทำงานในกิจการประมงทะเล
แต่ยังไม่สามารถมารับใบอนุญาตทำงานได้ ปฏิบัติดังนี้
ข้อ
๑
ให้คนต่างด้าวมารับใบอนุญาตทำงานภายในกำหนด ๙๐ วัน นับตั้งแต่วันที่รายงานตัวเพื่อจดทะเบียนประวัติและขอรับใบอนุญาตทำงาน
ข้อ
๒
หากคนต่างด้าวมิได้มาดำเนินการภายในกำหนดระยะเวลาตามข้อ ๑
ให้การอนุญาตสิ้นสุดนับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดระยะเวลาตามข้อ ๑
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๔
วันชัย ผดุงศุภไลย
อธิบดีกรมการจัดหางาน
[รก.๒๕๔๔/พ๙๒ง/๗/๒๑ กันยายน ๒๕๔๔]
ภคินี/แก้ไข
๒๖/๔/๒๕๔๕
A
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
324872 | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ (ฉบับที่ 8) | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.๒๕๒๑
ทำได้ (ฉบับที่ ๘)
----------------
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดงานและเงื่อนไขที่จะอนุญาตให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา
ที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองทำได้ให้สอดคล้องกับนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๔ และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การผ่อนผันให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว
ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๔
อาศัยอำนาจตามมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑
ประกอบกับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การผ่อนผันให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว
ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
จึงออกประกาศกำหนดงานและเงื่อนไขให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ (๒) ทำได้ไว้ดังนี้
ข้อ
๑
ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๒ ให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา ที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การผ่อนผันให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว
ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๔ ทำงานใช้แรงงานได้ในประเภทกิจการดังต่อไปนี้
(๑) ประเภทกิจการที่ ๑ ประกอบด้วย สวนผัก
ผลไม้ ไร่อ้อย สวนยางพารา ส่วนปาล์ม พืชไร่ ส่วนกาแฟ
(๒) ประเภทกิจการที่ ๒ ประกอบด้วย
เหมืองแร่และเหมืองหิน
(๓) ประเภทกิจการที่ ๓ ประกอบด้วย โรงงานทำอิฐ
โรงงานทำโอ่งเครื่องเคลือบดินเผา
(๔) ประเภทกิจการที่ ๔ ประกอบด้วย ก่อสร้าง
คานเรือ
(๕) ประเภทกิจการที่ ๕ ประกอบด้วย โรงสีข้าว
(๖) ประเภทกิจการที่ ๖ ประกอบด้วย เลี้ยงหมู
เลี้ยงกุ้ง และสัตว์เลี้ยงอื่น
(๗) ประเภทกิจการที่ ๗ ประกอบด้วย ประมงทะเล
กิจกรรมต่อเนื่องจากประมงทะเล โรงงานปลาป่น
(๘) ประเภทกิจการที่ ๘ ประกอบด้วย
การใช้แรงงานเคลื่อนย้ายสินค้าในโกดังหรือที่เก็บสินค้า
(๙) ประเภทกิจการที่ ๙ ประกอบด้วย
ผู้รับใช้ในบ้าน
(๑๐) ประเภทกิจการพิเศษ (พ)
พ๑
ประกอบด้วยกิจการอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน (๑) - (๙) กรณีมีนายจ้าง
พ๒ ประกอบด้วยกิจการอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน
(๑) - (๙) กรณีไม่มีนายจ้าง
ข้อ
๓ ให้คนต่างด้าวตามข้อ ๒
ทำงานได้ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
(๑)
มาแสดงตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทันทีนับตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
หรือมอบให้นายจ้าง (ถ้ามี) ดำเนินการแทน โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดวันเวลาให้คนต่างด้าวมาจดทะเบียนประวัติและรับใบอนุญาตทำงานภายในวันที่
๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๔
(๒)
ชำระเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนและทำงานหกเดือนแรกจำนวน ๒,๓๕๐
บาท คือ
ก.
ค่าประกันสุขภาพ ๑,๒๐๐ บาท ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ข.
ค่าใช้จ่ายการส่งกลับ ๑,๐๐๐ บาท
ค
ค่าบัตรอนุญาตทำงาน ๑๕๐ บาท
(๓) ชำระเงินเป็นค่าตรวจร่างกาย ๓๐๐ บาท
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เมื่อยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน
(๔) เมื่อได้รับใบอนุญาตทำงานแล้ว
ห้ามมิให้ทำงานอื่นหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน
เว้นแต่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
(๕)
การทำงานในกิจการประมงทะเลให้เคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่จังหวัดที่ได้รับอนุญาตให้อยู่เพื่อไปทำงานตามที่ได้รับอนุญาตยังท้องที่ที่มีท่าเรือทำการประมงทะเลได้
ข้อ
๔ หากพ้นกำหนดระยะเวลาตามข้อ ๓
ในกรณีมีเหตุจำเป็นให้ปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ขยายระยะเวลาได้ตามความจำเป็น ทั้งนี้
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๔
เดช บุญ-หลง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
และสวัสดิการสังคม
[รก.๒๕๔๔/พ๙๒ง/๓/๒๑ กันยายน ๒๕๔๔]
ภคินี/แก้ไข
๒๖/๔/๒๕๔๕
A
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
323510 | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ (ฉบับที่ 7) | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง
กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.
๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๗)
-------------------
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดงานและเงื่อนไขที่จะอนุญาตให้คนต่างด้าวที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและอยู่ในระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรทำได้
ตามมาตรา ๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
จึงออกประกาศไว้ดังนี้
ข้อ
๑ ประกาศฉบับนี้ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๒ ให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา
ที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกันตัวจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ตั้งแต่วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๔๔ ถึงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๔
และอยู่ระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรจำนวน ๗,๐๒๘ คน
ทำงานได้เฉพาะงานกรรมกรในพื้นที่ ๒๒ จังหวัด ๓
ประเภทกิจการตามบัญชีท้ายประกาศฉบับนี้
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๔
เดช บุญ-หลง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
และสวัสดิการสังคม
[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]
[รก.๒๕๔๔/พ๔๓ง/๕/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๔]
อัมพิกาแก้ไข
๓/๙/๔๔
[ตรวจถูกต้อง]
๑๔/๐๙/๒๕๔๔
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
324858 | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ (ฉบับที่ 6) | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง
กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงาน
ของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๖)
----------------------
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดงานและเงื่อนไขจะอนุญาตให้คนต่างด้าวที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและอยู่ในระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรทำได้
ตามมาตรา ๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจึงออกประกาศไว้ดังนี้
ข้อ
๑
ประกาศฉบับนี้ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ข้อ
๒
ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง
กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๔พฤศจิกายน ๒๕๔๒
ข้อ
๓ ให้คนต่างด้าวด้าวสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา
ที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกันตัวจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตั้งแต่วันที่
๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๓
และอยู่ระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรจำนวน ๑๐๖,๖๘๔ คน
ทำงานได้เฉพาะงานกรรมกรในพื้นที่ ๓๗ จังหวัด ๑๘ ประเภทกิจการ
ตามบัญชีท้ายประกาศฉบับนี้
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
พลตำรวจเอก ประชา
พรหมนอก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]
[รก.๒๕๔๓/พ๙๐ง/๒/๘ กันยายน ๒๕๔๓]
อัมพิกา/แก้ไข
๑/๕/๒๕๔๕
B
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
325022 | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ (ฉบับที่ 4) | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง
กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๔)
-----------------
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดงานและเงื่อนไขที่จะอนุญาตให้คนต่างด้าวที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรก่อนประกาศฉบับนี้ใช้บังคับโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและอยู่ในระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร
ทำได้ตามมาตรา ๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม จึงออกประกาศไว้ดังนี้
ข้อ
๑
ประกาศฉบับนี้ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๒ ให้ยกเลิก
(๑) ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๐
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
(๒) ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๕
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๑
ข้อ
๓ ให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา
ที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรก่อนประกาศฉบับนี้ใช้บังคับโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและอยู่ในระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรจำนวน
๘๖,๘๙๕ คน ทำงานได้เฉพาะงานกรรมกรในพื้นที่ ๓๗ จังหวัด ๑๘ ประเภทกิจการ
ตามบัญชีท้ายประกาศฉบับนี้
ข้อ
๔ คนต่างด้าวสัญชาติ พม่า ลาว
และกัมพูชา
ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานอยู่ก่อนแล้วตามประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๓๙ ไม่อยู่ภายใต้บังคับของประกาศฉบับนี้
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
พลตำรวจตรี วุฒิ สุโกศล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]
[รก.๒๕๔๒/พ๕๔ง/๓/๔ สิงหาคม ๒๕๔๒]
อัมพิกา/แก้ไข
๓๑/๕/๒๕๔๕
(B+A)C
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
325021 | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ (ฉบับที่ 5) | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง
กำหนดงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๕)
-----------------
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดงานและเงื่อนไขที่จะอนุญาตให้คนต่างด้าวที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและอยู่ในระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรทำได้
ตามมาตรา ๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจึงออกประกาศไว้ดังนี้
ข้อ
๑
ประกาศฉบับนี้ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๒
ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง
กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าว ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๔) ลงวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๔๒
ข้อ
๓ ให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว
และกัมพูชา
ที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกันตัวจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตั้งแต่วันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๔๒ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๒
และอยู่ระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรจำนวน ๑๐๖,๖๘๔ คน
ทำงานได้เฉพาะงานกรรมกร ในพื้นที่ ๓๗ จังหวัด ๑๘ ประเภทกิจการ
ตามบัญชีท้ายประกาศฉบับนี้
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒
พลตำรวจตรี วุฒิ สุโกศล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]
[รก.๒๕๔๒/พ๙๑ง/๕/๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๒]
อัมพิกา/แก้ไข
๓/๖/๒๕๔๕
(B+A)C
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
316532 | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้
--------------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
กำหนดให้งานต่อไปนี้ เป็นงานที่ให้คนต่างด้าวทำได้
๑.
งานช่างซ่อมจักรยาน
๒.
งานช่างประกอบและซ่อมเบาะรถ
๓ งานช่างประกอบและซ่อมตัวถังรถ
๔.
งานช่างประกอบและซ่อมท่อไอเสียรถ
๕.
งานช่างบัดกรีโลหะแผ่นด้วยมือ
๖.
งานช่างไม้เครื่องเรือน
๗.
งานช่างไม้ก่อสร้างอาคาร
๘.
งานเลื่อยไม้ในโรงงานแปรรูปไม้
๙.
งานช่างปูน
๑๐. งานช่างทาสี
๑๑. งานช่างประกอบและซ่อมประตูหน้าต่าง
๑๒. งานช่างติดตั้งมุ้งลวด
๑๓. งานช่างย้อมผ้า
๑๔. งานช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ยกเว้น
การตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี
๑๕. งานซักรีดเสื้อผ้า
๑๖. งานทำสวนผักและผลไม้
๑๗. งานเลี้ยงสัตว์ ยกเว้น งานเลี้ยงไหม
๑๘. งานขายปลีกสินค้าที่มิใช่เวชภัณฑ์
เคมีภัณฑ์ เครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ กล้องถ่ายภาพนิ่ง กล้องถ่ายภาพยนต์
อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเครื่องอะไหล่
๑๙. งานขายอาหารหรือเครื่องดื่ม
๒๐. งานผลิตอาหารหรือเครื่องดื่ม
๒๑. งานช่างประกอบและซ่อมรองเท้า
๒๒. งานช่างซ่อมนาฬิกา ปากกา และแว่นตา
๒๓. งานช่างลับมีด และของมีคมอื่น ๆ
๒๔. งานช่างทำกรอบรูป
๒๕. งานช่างเครื่องทอง เครื่องเงิน
หรือเครื่องโลหะมีค่าอื่น ๆ
๒๖. งานช่างทอถักไหมพรมและทอผ้าด้วยมือ ยกเว้น
งานทอผ้าไหมและงานทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นไหม
๒๗. งานกรรมกร
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และให้ยกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๒๑ ทำได้ ลงวันที่ ๑๑
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
ประสงค์ บูรณ์พงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
[รก.๒๕๓๙/๗๐ง/๑๐/๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๙]
ธิดาวรรณ / แก้ไข
๓๑ ก.ค. ๒๕๔๕
A+B(C)
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
316531 | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามและเงื่อนไขของคนต่างด้าวซึ่งจะขอรับใบอนุญาตทำงาน | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง กำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามและเงื่อนไข
ของคนต่างด้าวซึ่งจะขอรับใบอนุญาตทำงาน
-----------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๑ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมออกประกาศกำหนดคุณสมบัติ
หรือลักษณะต้องห้ามและเงื่อนไขของคนต่างด้าวซึ่งจะขอรับใบอนุญาตทำงานไว้
ดังต่อไปนี้
(๑)
มีความรู้และความสามารถในการทำงานตามที่ขออนุญาต
(๒)
ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(๓) ไม่เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน วัณโรคในระยะอันตราย โรคเท้าช้าง
ในระยะปรากฏอาการอันเป็นที่รังเกียจแก่สังคม
โรคติดยาเสพติดให้โทษอย่างร้ายแรงหรือโรคพิษสุราเรื้อรัง
(๔)
ไม่เคยต้องโทษจำคุกในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง หรือกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว ภายในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนวันขอรับใบอนุญาต
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
และให้ยกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง
กำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามและเงื่อนไขของคนต่างด้าวซึ่งจะขอรับใบอนุญาตทำงาน ลงวันที่ ๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒
ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
ประสงค์ บูรณ์พงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
[รก.๒๕๓๙/๗๐ง/๙/๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๙]
ธิดาวรรณ
/ แก้ไข
๓๑ ก.ค. ๒๕๔๕
A+B(C)
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๖๐ |
325304 | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ทำได้ (ฉบับที่ 2) | ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
ประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้ (ฉบับที่ ๒)
-------------------
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับงานที่อนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาติตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองทำได้ให้สอดคล้องกับนโยบายในการจัดระบบควบคุมการทำงานของคนต่างด้าวตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๓๙ วันที่ ๒
กรกฎาคม ๒๕๓๙ วันที่ ๑๖
กรกฎาคม ๒๕๓๙ วันที่ ๖
สิงหาคม ๒๕๓๙ และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การผ่อนผันให้ผู้หลบหนีเข้าเมืองอยู่ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ ๒๔
กรกฎาคม ๒๕๓๙
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม จึงออกประกาศไว้ ดังนี้
ข้อ ๑
ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
ข้อ ๒
ให้คนต่างด้าวสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา
ซึ่งลักลอบทำงานอยู่แล้วก่อนมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕
มิถุนายน ๒๕๓๙ ในพื้นที่จังหวัดตามที่ระบุไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทยข้างต้น
ทำงานได้เฉพาะงานดังต่อไปนี้
(๑) กรรมกรในกิจการภาคเกษตรกรรม กิจการประมงทะเล กิจการต่อเนื่องจากประมงทะเลได้แก่ แพปลา แพกุ้ง คัดเลือก แยกประเภท ทำความสะอาดสัตว์น้ำที่ได้จากการประมงทะเล กิจการแกะกุ้ง กิจการทำปลาเค็มปลาหวาน กิจการทำปลาแล่เนื้อ กิจการทำหมึกตากแห้ง กิจการทำหมึกลอก กิจการผลิตกะปิ กิจการผลิตน้ำปลา กิจการก่อสร้าง กิจการเหมืองแร่ ถ่านหิน กิจการขนถ่ายสินค้าทางน้ำ กิจการอบและบ่มใบยาสูบ กิจการตากมันสำปะหลัง กิจการเก็บผลผลิตการเกษตรในไซโล กิจการเก็บสินค้าในโกดัง กิจการทำนาเกลือ กิจการโรงเลื่อยไม้ กิจการโรงโม่หิน กิจการโรงสีข้าว กิจการโรงงานทำโอ่ง กิจการโรงงานทำอิฐ
(๒) งานรับใช้ในบ้าน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๐
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
ประสงค์ บูรณ์พงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
[รก.๒๕๓๙/๗๐ง/๑๒/๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๙]
ธิดาวรรณ / แก้ไข
๒๖ ก.ค. ๒๕๔๕
A+B
(C)
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
317073 | ประกาศกรมทะเบียนการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ | ประกาศกรมทะเบียนการค้า
ประกาศกรมทะเบียนการค้า
เรื่อง
หลักเกณฑ์การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
----------------------------
เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติได้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
และเป็นไปตามผลการพิจารณาร่วมกันระหว่างกรมทะเบียนการค้าและกรมการจัดหางาน
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ (๒) ข้อ ๗
(๒) และข้อ ๑๒ (๑)
แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอตั้งสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๒๔
มีนาคม ๒๕๓๕ และตามหนังสือของกรมการจัดหางานที่ รส
๐๓๐๒ / ๓๖๖๙ ลงวันที่ ๑๗
พฤศจิกายน ๒๕๓๖
อธิบดีกรมทะเบียนการค้าจึงออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาประจำสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติไว้
ดังต่อไปนี้
หลักเกณฑ์การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในสำนักงานภูมิภาค
การอนุญาตปีแรก
อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานตามความจำเป็นได้ไม่เกิน ๓ คน
การอนุญาตเมื่อมาดำเนินงานครบ
๑ ปี
จะอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานเพิ่มขึ้น ดังนี้
๑. อนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานเพิ่มขึ้นเป็น ๔
คน ต่อการจ้างงานคนไทย อย่างน้อย ๔ คน
๒. อนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานเพิ่มขึ้นเป็น ๕
คน ต่อการจ้างงานคนไทย อย่างน้อย ๕ คน
ทั้งนี้
จะต้องยื่นเอกสารประกอบการพิจารณา ดังนี้
(๑)
หลักฐานการจ้างงานคนไทยพร้อมทั้งหลักฐานการชำระภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย
(ภ.ง.ด. ๑) หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณา
(๒) ผลการดำเนินงานของสำนักงานภูมิภาค
ในรอบปีที่ผ่านมา
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๓๖
ชลอ เฟื่องอารมย์
อธิบดีกรมทะเบียนการค้า
[รก.๒๕๓๖/๒๒๔/๗/๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๖]
ธิดาวรรณ
/ แก้ไข
๑๘ ก.ย. ๒๕๔๕
A+B
(C)
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
301906 | ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 ทำได้ | ประกาศกระทรวงมหาดไทย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง กำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๒ แห่ง
พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทำได้
----------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดให้งานต่อไปนี้ เป็นงานที่ให้คนต่างด้าวทำได้
๑. งานช่างซ่อมจักรยาน
๒. งานช่างประกอบและซ่อมเบาะรถ
๓. งานช่างประกอบและซ่อมตัวถุงรถ
๔. งานช่างประกอบและซ่อมท่อไอเสียรถ
๕. งานช่างบัดกรีโลหะแผ่นด้วยมือ
๖. งานช่างไม้เครื่องเรือน
๗.
งานช่างไม่ก่อสร้างอาคาร
๘. งานเลื่อยไม้ในโรงงานแปรรูปไม้
๙. งานช่างปูน
๑๐. งานช่างทาสี
๑๑. งานช่างประกอบและซ่อมประตูหน้าต่าง
๑๒. งานช่างติดตั้งมุ้งลวด
๑๓. งานช่างย้อมผ้า
๑๔. งานช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ยกเว้นการตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี
๑๕. งานซักรีดเสื้อผ้า
๑๖. งานทำสวนผักและผลไม้
๑๗. งานเลี้ยงสัตว์ ยกเว้นงานเลี้ยงไหม
๑๘. งานขายปลีกสินค้าที่มิใช่เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ กล้องถ่ายภาพนิ่ง กล้องถ่ายภาพยนตร์ อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเครื่องอะไหล่
๑๙. งานขายอาหารหรือเครื่องดื่ม
๒๐. งานผลิตอาหารหรือเครื่องดื่ม
๒๒. งานช่างซ่อมนาฬิกา ปากกา และแว่นตา
๒๓. งานช่างลับมีด และของมีคมอื่น ๆ
๒๔. งานช่างทำกรอบรูป
๒๕. งานช่างเครื่องทอง เครื่องเงิน หรือเครื่องโลหะมีค่าอื่น ๆ
๒๖. งานช่างทอถักไหมพรมและทอผ้าด้วยมือ
ยกเว้นงานทอผ้าไหมและงานทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นไหม
๒๗. งานกรรมการ
ประกาศ ณ วันที่ 11
พฤษภาคม พ.ศ. 2522
พลเอก เล็ก แนวมาลี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ |
667920 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 22/2553 เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 (ฉบับ Update ล่าสุด) | คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๒๒/๒๕๕๓
เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
เพื่อให้การบริหารราชการตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยข้อเสนอแนะของอธิบดีกรมการจัดหางาน จึงมีคำสั่ง
ดังต่อไปนี้
๑. ยกเลิกคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๗๗/๒๕๕๑
ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนเพื่อออกใบอนุญาตและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
๒. แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้
เป็นนายทะเบียนเพื่อออกใบอนุญาตทำงานและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๑)
รองอธิบดีกรมการจัดหางาน มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง ท้องที่หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๒)
ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘ การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔
สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตกรุงเทพมหานคร
(๒/๑)[๒]
ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับ
หนังสือรับรอง หรือใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
หรือการคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งหรือการขอคืนเงินค่าจ้างทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๓)
ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)[๓]
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(๔)
หัวหน้ากลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว ๑ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
เว้นแต่กรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๒)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกโดยกลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว ๑ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
(๕)
หัวหน้ากลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงาน ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
รวมถึงท้องที่อื่นที่ขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาต ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาต
ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(ค)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออก ณ
ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(๖)
หัวหน้ากลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว ๒ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๑
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
เว้นแต่กรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๒)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕
การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน
หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖ สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตกรุงเทพมหานคร
(๗)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว ๑ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙
โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหนังสือรับรองจากสถาบันการเงิน
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต
และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร เว้นแต่การไม่รับแจ้งการทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนไม่เกินสิบห้าวัน
หรือกรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๔)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕
การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน
หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(๘) ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙
โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหนังสือรับรองจากสถาบันการเงิน
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๒ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาต ณ
ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(ข)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง ท้องที่หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖ เฉพาะใบอนุญาตทำงานที่ออกให้แก่คนต่างด้าวที่ทำงานในสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
หรือสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
ซึ่งเป็นธุรกิจบริการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือที่ได้รับอนุญาตทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่น
หรือที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายใต้กรอบพันธกรณีที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาต ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(๙)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
๒ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๑ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
เว้นแต่กรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ
(๖)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(๙/๑)[๔]
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไปซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับ หนังสือรับรอง
หรือใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ หรือการคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งหรือการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(๙/๒)[๕]
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับ หนังสือรับรอง หรือใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา
๑๖ สำหรับการนำส่งเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(๑๐)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา ๙ การออกใบอนุญาตการทำงานตามมาตรา
๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต
และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
เว้นแต่การไม่รับแจ้งการทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนไม่เกินสิบห้าวัน
หรือกรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๓)
(ข)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕
การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไข
ตามมาตรา ๒๖ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(๑๑)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป
หรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว ๑
และกลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว ๒ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับตามมาตรา
๑๖ สำหรับการนำส่งเงินค่าจ้างในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(๑๒)
ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔
สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(๑๓)
จัดหางานจังหวัด มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔
สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง ท้องที่หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกโดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดนั้น
(๑๔)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานจัดหางานจังหวัด
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙
โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหนังสือรับรองจากสถาบันการเงิน
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖ สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(๑๕)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป
หรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานจัดหางานจังหวัด
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับตามมาตรา ๑๖ สำหรับการนำส่งเงินค่าจ้างในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(๑๖)[๖]
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไปซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการด่านตรวจคนหางาน
กรมการจัดหางาน
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ สำหรับการแจ้ง ณ ด่านตรวจคนหางานที่ตนรับผิดชอบ
[คำว่า
กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑]
[คำว่า กลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
๑, คำว่า กลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
๒ และคำว่า สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๓๑๖/๒๕๕๙ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑]
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒๖
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓
ไพฑูรย์ แก้วทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๒๑/๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑[๗]
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๖๗/๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑[๘]
คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑[๙]
๑.
ให้แก้ไขคำดังต่อไปนี้ในคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๒๒/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๖
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทุกแห่ง
(๑) คำว่า กลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวในระบบ เป็น กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ
ชำนาญการ
(๒) คำว่า กลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน เป็น กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
(๓) คำว่า กลุ่มพิจารณาจัดระบบนำเข้าคนต่างด้าว เป็น กลุ่มงานจัดระบบการทำงานแรงงานต่างด้าว (พม่า
ลาว กัมพูชา)
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๓๑๖/๒๕๕๙ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑[๑๐]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยข้อเสนอแนะของอธิบดีกรมการจัดหางาน
จึงให้แก้ไขคำดังต่อไปนี้ ในคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๒๒/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๖
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทุกแห่ง
๑.
คำว่า กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ ชำนาญการ เป็น กลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
๑
๒.
คำว่า กลุ่มงานจัดระบบการทำงานแรงงานต่างด้าว (พม่า ลาว กัมพูชา) เป็น กลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
๒
๓.
คำว่า สำนักจัดหางานกรุงเทพ เป็น สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ปริญสินีย์/ปรับปรุง
๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
วิชพงษ์/ตรวจ
๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
วริญา/เพิ่มเติม
๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
นุสรา/ตรวจ
๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๖๐ ง/หน้า ๖๘/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓
[๒] ข้อ ๒ (๒/๑)
เพิ่มโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
[๓] ข้อ ๒ (๓) (ก)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๒๑/๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
[๔] ข้อ ๒ (๙/๑)
เพิ่มโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
[๕] ข้อ ๒ (๙/๒)
เพิ่มโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
[๖] ข้อ ๒ (๑๖)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๖๗/๒๕๕๕ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
[๗] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๒๗ ง/หน้า ๕๙/๘ มีนาคม ๒๕๕๔
[๘] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๗๐ ง/หน้า ๕๑/๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
[๙] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๖ ง/หน้า ๒๗/๑๙ มกราคม ๒๕๕๘
[๑๐] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๔๒/๑๒ มกราคม ๒๕๖๐ |
766120 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 316/2559 เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๓๑๖/๒๕๕๙
เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
เพื่อให้การบริหารราชการตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยข้อเสนอแนะของอธิบดีกรมการจัดหางาน
จึงให้แก้ไขคำดังต่อไปนี้ ในคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๒๒/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๖
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทุกแห่ง
๑.
คำว่า กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ ชำนาญการ เป็น กลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
๑
๒.
คำว่า กลุ่มงานจัดระบบการทำงานแรงงานต่างด้าว (พม่า ลาว กัมพูชา) เป็น กลุ่มงานพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
๒
๓. คำว่า สำนักจัดหางานกรุงเทพ เป็น สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒๒
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
วริญา/ปริยานุช/จัดทำ
๑๖ มกราคม ๒๕๖๐
นุสรา/ตรวจ
๒๘ กุมภาพันธ์
๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๔๒/๑๒ มกราคม ๒๕๖๐ |
741359 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 338/2558 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๓๓๘/๒๕๕๘
เรื่อง
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑
๑.
ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตำแหน่งประเภทบริหารทุกสายงานและทุกระดับ ตำแหน่งประเภทอำนวยการทุกสายงานและทุกระดับ
ตำแหน่งประเภทวิชาการทุกสายงานและทุกระดับ
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
๒.
ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกรมประมง
ตำแหน่งประเภทบริหารทุกสายงานและทุกระดับตำแหน่งประเภทอำนวยการทุกสายงานและทุกระดับ
ตำแหน่งประเภทวิชาการทุกสายงานและทุกระดับเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
๓.
ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกรมเจ้าท่า
ตำแหน่งประเภทบริหารทุกสายงานและทุกระดับตำแหน่งประเภทอำนวยการทุกสายงานและทุกระดับ
ตำแหน่งประเภทวิชาการทุกสายงานและทุกระดับเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
๔.
ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ตำแหน่งประเภทบริหารทุกสายงานและทุกระดับ
ตำแหน่งประเภทอำนวยการทุกสายงานและทุกระดับ
ตำแหน่งประเภทวิชาการทุกสายงานและทุกระดับ
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒๐
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปริยานุช/จัดทำ
๑๔ ธันวาคม
๒๕๕๘
วิศนี/ตรวจ
๑๑ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๒๓ ง/หน้า ๑๔/๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ |
721382 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 1/2558 เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๑/๒๕๕๘
เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
เพื่อให้การบริหารราชการตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยข้อเสนอแนะของอธิบดีกรมการจัดหางานจึงมีคำสั่ง
ดังต่อไปนี้
๑. ให้แก้ไขคำดังต่อไปนี้ในคำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๒๒/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทุกแห่ง
(๑) คำว่า กลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวในระบบ เป็น กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ
ชำนาญการ
(๒) คำว่า กลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน เป็น กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
(๓) คำว่า กลุ่มพิจารณาจัดระบบนำเข้าคนต่างด้าว เป็น กลุ่มงานจัดระบบการทำงานแรงงานต่างด้าว (พม่า
ลาว กัมพูชา)
๒. ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๒/๑) ของข้อ ๒
ของคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๒๒/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๒/๑)
ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับ
หนังสือรับรอง หรือใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ หรือการคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งหรือการขอคืนเงินค่าจ้างทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
๓. ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น
(๙/๑) และ (๙/๒) ของข้อ ๒ ของคำสั่งกระทรวงแรงงานที่ ๒๒/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๖
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๙/๑)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไปซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับ หนังสือรับรอง หรือใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา
๑๖ หรือการคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งหรือการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(๙/๒)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับ หนังสือรับรอง หรือใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา
๑๖ สำหรับการนำส่งเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ
วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก
สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๖ มกราคม ๒๕๕๘
ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ
๒๖ มกราคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๖ ง/หน้า ๒๗/๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ |
699035 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 364/2556 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๓๖๔/๒๕๕๖
เรื่อง
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
จึงแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการขึ้นไป
สังกัดสำนักงานประกันสังคม เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๓๐
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖
ร้อยตำรวจเอก
เฉลิม อยู่บำรุง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปณตภร/จัดทำ
๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง/หน้า ๗๐/๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๖ |
723074 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 22/2553 เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 (ฉบับ Update ณ วันที่ 26/04/2555) | คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๒๒/๒๕๕๓
เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
เพื่อให้การบริหารราชการตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยข้อเสนอแนะของอธิบดีกรมการจัดหางาน จึงมีคำสั่ง
ดังต่อไปนี้
๑. ยกเลิกคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๗๗/๒๕๕๑
ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนเพื่อออกใบอนุญาตและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
๒. แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้
เป็นนายทะเบียนเพื่อออกใบอนุญาตทำงานและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๑)
รองอธิบดีกรมการจัดหางาน มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง ท้องที่หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๒)
ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘ การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔
สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตกรุงเทพมหานคร
(๒/๑)[๒]
ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับ
หนังสือรับรอง หรือใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
หรือการคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งหรือการขอคืนเงินค่าจ้างทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๓)
ผู้อำนวยการสำนักจัดหางานกรุงเทพ มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)[๓]
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(๔)
หัวหน้ากลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ
ชำนาญการ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
เว้นแต่กรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๒)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกโดยกลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ ชำนาญการ
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
(๕)
หัวหน้ากลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงาน ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
รวมถึงท้องที่อื่นที่ขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาต ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาต
ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(ค)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออก ณ
ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(๖)
หัวหน้ากลุ่มงานจัดระบบการทำงานแรงงานต่างด้าว (พม่า
ลาว กัมพูชา) สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๑
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
เว้นแต่กรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๒)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕
การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน
หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖ สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตกรุงเทพมหานคร
(๗)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ
ชำนาญการ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙
โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหนังสือรับรองจากสถาบันการเงิน
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต
และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร เว้นแต่การไม่รับแจ้งการทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนไม่เกินสิบห้าวัน
หรือกรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๔)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕
การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน
หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(๘)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙
โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหนังสือรับรองจากสถาบันการเงิน
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๒ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาต
ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(ข)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง ท้องที่หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
เฉพาะใบอนุญาตทำงานที่ออกให้แก่คนต่างด้าวที่ทำงานในสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
หรือสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
ซึ่งเป็นธุรกิจบริการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือที่ได้รับอนุญาตทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่น
หรือที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายใต้กรอบพันธกรณีที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาต ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(๙)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มงานจัดระบบการทำงานแรงงานต่างด้าว
(พม่า ลาว กัมพูชา) สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๑ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
เว้นแต่กรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๖)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(๙/๑)[๔]
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไปซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับ หนังสือรับรอง หรือใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา
๑๖ หรือการคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งหรือการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(๙/๒)[๕]
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับ หนังสือรับรอง หรือใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา
๑๖ สำหรับการนำส่งเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(๑๐)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักจัดหางานกรุงเทพ
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตการทำงานตามมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต
และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
เว้นแต่การไม่รับแจ้งการทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนไม่เกินสิบห้าวัน
หรือกรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๓)
(ข)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕
การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไข
ตามมาตรา ๒๖ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(๑๑)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป
หรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ ชำนาญการ
และกลุ่มงานจัดระบบการทำงานแรงงานต่างด้าว (พม่า ลาว
กัมพูชา) สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว และสำนักจัดหางานกรุงเทพ มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับตามมาตรา
๑๖ สำหรับการนำส่งเงินค่าจ้างในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(๑๒)
ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔
สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(๑๓)
จัดหางานจังหวัด มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔
สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘
สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง ท้องที่หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกโดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดนั้น
(๑๔)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานจัดหางานจังหวัด
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙
โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหนังสือรับรองจากสถาบันการเงิน
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖
การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖ สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(๑๕)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป
หรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานจัดหางานจังหวัด
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับตามมาตรา ๑๖
สำหรับการนำส่งเงินค่าจ้างในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(๑๖)[๖]
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไปซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการด่านตรวจคนหางาน
กรมการจัดหางาน
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ สำหรับการแจ้ง ณ ด่านตรวจคนหางานที่ตนรับผิดชอบ
[คำว่า กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ
ชำนาญการ, คำว่า กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
และ คำว่า กลุ่มงานจัดระบบการทำงานแรงงานต่างด้าว (พม่า ลาว กัมพูชา)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑]
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒๖
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓
ไพฑูรย์ แก้วทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๒๑/๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑[๗]
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๖๗/๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑[๘]
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑[๙]
๑.
ให้แก้ไขคำดังต่อไปนี้ในคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๒๒/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๖
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ ทุกแห่ง
(๑) คำว่า กลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวในระบบ เป็น กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวระดับฝีมือ
ชำนาญการ
(๒) คำว่า กลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน เป็น กลุ่มงานจัดระบบการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
(๓) คำว่า กลุ่มพิจารณาจัดระบบนำเข้าคนต่างด้าว เป็น กลุ่มงานจัดระบบการทำงานแรงงานต่างด้าว (พม่า
ลาว กัมพูชา)
ปณตภร/ผู้จัดทำ
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ปริญสินีย์/ปรับปรุง
๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
วิชพงษ์/ตรวจ
๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๖๐ ง/หน้า ๖๘/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓
[๒] ข้อ ๒ (๒/๑) เพิ่มโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
[๓] ข้อ ๒ (๓) (ก)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๒๑/๒๕๕๔ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
[๔] ข้อ ๒ (๙/๑)
เพิ่มโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
[๕] ข้อ ๒ (๙/๒)
เพิ่มโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
[๖] ข้อ ๒ (๑๖)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๖๗/๒๕๕๕ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
[๗] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๒๗ ง/หน้า ๕๙/๘ มีนาคม ๒๕๕๔
[๘] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๗๐ ง/หน้า ๕๑/๒๖ เมษายน ๒๕๕๕
[๙] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๖ ง/หน้า ๒๗/๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ |
672262 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 134/2555 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551
| คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๑๓๔/๒๕๕๕
เรื่อง
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
๑. ให้ยกเลิกคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๗๕/๒๕๕๑
ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เรื่อง
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
๒. แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑
(๑)
ปลัดกระทรวงแรงงาน รองปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน
ที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน ที่ปรึกษากฎหมาย
หรือข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งนิติกรระดับปฏิบัติการขึ้นไปที่ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี
ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในราชการบริหารส่วนกลางของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๒)
อธิบดีกรมการจัดหางาน รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้ตรวจราชการกรมการจัดหางาน
เลขานุการกรม ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่า หรือข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไปที่ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี
ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในราชการบริหารส่วนกลางของกรมการจัดหางาน
แต่ไม่รวมถึงราชการบริหารส่วนกลางซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๓)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการหรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไปที่ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าสี่ปี
หรือพนักงานราชการตำแหน่งนักวิชาการแรงงาน
ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในราชการบริหารส่วนกลางของกรมการจัดหางาน แต่ไม่รวมถึงราชการบริหารส่วนกลางซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในท้องที่กรุงเทพมหานคร
(๔)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไปหรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไปที่ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าสี่ปี
หรือพนักงานราชการตำแหน่งนักวิชาการแรงงาน
ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในราชการบริหารส่วนกลางของกรมการจัดหางานซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในท้องที่จังหวัดซึ่งราชการบริหารส่วนกลางนั้นตั้งอยู่
(๕)
ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอำเภอ
ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ หรือปลัดอำเภอ
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในท้องที่จังหวัด อำเภอ หรือกิ่งอำเภอที่รับผิดชอบ
(๖)
แรงงานจังหวัด
หรือข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติงาน ณ สำนักงานแรงงานจังหวัด เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในท้องที่จังหวัดที่รับผิดชอบ
(๗)
จัดหางานจังหวัด
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไปหรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไปที่ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าสี่ปี
หรือพนักงานราชการตำแหน่งนักวิชาการแรงงาน ซึ่งปฏิบัติงาน ณ
สำนักงานจัดหางานจังหวัด เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในท้องที่จังหวัดที่รับผิดชอบ
(๘)
ข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตรสังกัดกองทัพบก และกองทัพเรือ
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
(๙)
ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
(๑๐)
ข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นพนักงานตรวจแรงงานตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๑๕
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
เผดิมชัย สะสมทรัพย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปณตภร/ผู้จัดทำ
๘ สิงหาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๐๙ ง/หน้า ๕๘/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
666621 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 67/2555 เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๖๗/๒๕๕๕
เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
ให้ยกเลิกความใน (๑๖) ของข้อ ๒ ของคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ ๒๒/๒๕๕๓
ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน
(๑๖)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไปซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการด่านตรวจคนหางาน
กรมการจัดหางาน
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ สำหรับการแจ้ง ณ ด่านตรวจคนหางานที่ตนรับผิดชอบ
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ
วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เผดิมชัย
สะสมทรัพย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๑ พฤษภาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๗๐ ง/หน้า ๕๑/๒๖ เมษายน ๒๕๕๕ |
667922 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 21/2554 เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551
| คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๒๑/๒๕๕๔
เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยข้อเสนอแนะของอธิบดีกรมการจัดหางาน จึงมีคำสั่ง
ดังต่อไปนี้
ให้ยกเลิกความใน (ก) ของ (๓) ของข้อ ๒ ของคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่
๒๒/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
(ก) การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ
วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔
เฉลิมชัย
ศรีอ่อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปณตภร/ผู้จัดทำ
๒๘ พฤษภาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๒๗ ง/หน้า ๕๙/๘ มีนาคม ๒๕๕๔ |
629485 | คำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 22/2553 เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551
| คำสั่งกระทรวงแรงงาน
คำสั่งกระทรวงแรงงาน
ที่ ๒๒/๒๕๕๓
เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
เพื่อให้การบริหารราชการตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยข้อเสนอแนะของอธิบดีกรมการจัดหางาน จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
๑.
ยกเลิกคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่
๗๗/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เรื่อง
แต่งตั้งนายทะเบียนเพื่อออกใบอนุญาตและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
๒.
แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้
เป็นนายทะเบียนเพื่อออกใบอนุญาตทำงานและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๑)
รองอธิบดีกรมการจัดหางาน มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง ท้องที่หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๒)
ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘ การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔
สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตกรุงเทพมหานคร
(๓)
ผู้อำนวยการสำนักจัดหางานกรุงเทพ มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต
และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖ สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(๔)
หัวหน้ากลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวในระบบ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย เว้นแต่กรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน
ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๒)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกโดยกลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวในระบบ
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
(๕)
หัวหน้ากลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงาน ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน รวมถึงท้องที่อื่นที่ขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาต ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาต
ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(ค)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออก ณ
ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(๖)
หัวหน้ากลุ่มพิจารณาจัดระบบนำเข้าคนต่างด้าว สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๑
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
เว้นแต่กรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๒)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕
การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา
๒๖ สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘ สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตกรุงเทพมหานคร
(๗)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวในระบบ
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหนังสือรับรองจากสถาบันการเงิน
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต
และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร
เว้นแต่การไม่รับแจ้งการทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนไม่เกินสิบห้าวัน
หรือกรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๔)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕
การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา
๒๖ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(๘)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมการลงทุน
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙
โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหนังสือรับรองจากสถาบันการเงิน
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๒ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาต
ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(ข)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง ท้องที่หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
เฉพาะใบอนุญาตทำงานที่ออกให้แก่คนต่างด้าวที่ทำงานในสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
หรือสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
ซึ่งเป็นธุรกิจบริการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือที่ได้รับอนุญาตทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่น
หรือที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายใต้กรอบพันธกรณีที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาต ณ ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
(๙)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มพิจารณาจัดระบบนำเข้าคนต่างด้าว
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ และมาตรา ๑๑
สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
เว้นแต่กรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๖)
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร
(ค)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตกรุงเทพมหานคร
(๑๐)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักจัดหางานกรุงเทพ
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตการทำงานตามมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต
และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
เว้นแต่การไม่รับแจ้งการทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนไม่เกินสิบห้าวัน
หรือกรณีที่มีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตทำงาน ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนตามข้อ (๓)
(ข)
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓ การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕
การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไข
ตามมาตรา ๒๖ สำหรับการยื่นขออนุญาตในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(๑๑)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป หรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการกลุ่มพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวในระบบ
และกลุ่มพิจารณาจัดระบบนำเข้าคนต่างด้าว สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
และสำนักจัดหางานกรุงเทพ มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับตามมาตรา ๑๖
สำหรับการนำส่งเงินค่าจ้างในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(๑๒)
ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ สำหรับการแจ้ง
การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(๑๓)
จัดหางานจังหวัด มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการจ้างคนต่างด้าวตามมาตรา ๘ การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔
สำหรับการแจ้ง การยื่นขออนุญาต และการออกใบอนุญาตทำงานในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงท้องที่อื่นที่แจ้งและขออนุญาตมาพร้อมกับคำขอนั้นด้วย
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง ท้องที่หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
รวมถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มนายจ้างหรือท้องที่ทำงานเพื่อไปทำงานในท้องที่อื่นที่ขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ง)
การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๘
สำหรับใบอนุญาตทำงานที่ออกโดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดนั้น
(๑๔)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานจัดหางานจังหวัด
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการดังนี้
(ก)
การรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๙
โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหนังสือรับรองจากสถาบันการเงิน
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(ข)
การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองตามมาตรา ๑๖ การคืนเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา
๑๘ สำหรับการนำส่งและการขอคืนเงินค่าจ้างในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ
(ค)
การจดแจ้งการขยายระยะเวลาทำงานตามมาตรา ๒๒ การต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๓
การออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๒๕ การเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทหรือลักษณะงาน
นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน หรือเงื่อนไขตามมาตรา ๒๖
สำหรับการแจ้งและการยื่นขออนุญาตในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(๑๕)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป หรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานจัดหางานจังหวัด มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการออกใบรับตามมาตรา
๑๖ สำหรับการนำส่งเงินค่าจ้างในเขตจังหวัดที่ตนรับผิดชอบ
(๑๖)
ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการด่านตรวจคนหางานในสังกัดราชการบริหารส่วนภูมิภาค
มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนมีระยะเวลาทำงานไม่เกินสิบห้าวันตามมาตรา
๙ สำหรับการแจ้ง ณ ด่านตรวจคนหางานที่ตนรับผิดชอบ
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒๖
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓
ไพฑูรย์ แก้วทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๘ มิถุนายน ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๘ มิถุนายน ๒๕๕๓
ปณตภร/ปรับปรุง
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๖๐ ง/หน้า ๖๘/๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ |
301910 | คำสั่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่ 492/2536 เรื่อง มอบหมายอำนาจหน้าที่ของอธิบดีตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 | คำสั่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
คำสั่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
ที่ ๔๙๒/๒๕๓๖
เรื่อง
มอบอำนาจหน้าที่ของอธิบดีตามพระราชบัญญัติ
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑
-------
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการมอบหมายอำนาจหน้าที่ของอธิบดีตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารกฎหมายและอำนวยประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้องในส่วนภูมิภาค
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๗ มาตรา ๘ มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงมีคำสั่งกำหนดการมอบหมายอำนาจหน้าที่ไว้ดังต่อไปนี้
๑.
ให้ยกเลิกคำสั่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่ ๓๗/๒๕๓๕ ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕
เรื่อง มอบหมายอำนาจหน้าที่ของอธิบดีตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
๒.
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจพิจารณาออกใบอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าว ตามมาตรา ๗ มาตรา
๘ มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด
เฉพาะการพิจารณาออกใบอนุญาตสำหรับคนต่างด้าวที่ยื่นขออนุญาตทำงานในเขตจังหวัดของตน
ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมอบหมายให้ข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่ระดับ
๖ ขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติงาน ณ สำนักงานพัฒนาแรงงานจังหวัด
ออกใบอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งได้
๓.
ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายตามข้อ ๒ พิจารณาแล้วอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวทำงาน
ให้แจ้งเป็นหนังสือต่ออธิบดีทุกเดือน
ในกรณีไม่อนุญาตให้ชี้แจงเหตุผลเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาอุทธรณ์ ตามมาตรา ๑๗
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
๔.
หัวหน้าด่านตรวจคนหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
มีอำนาจรับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
เพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วน มีระยะการทำงานไม่เกินสิบห้าวัน ตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
เฉพาะในเขตท้องที่ที่ตนรับผิดชอบ
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒๓
กรกฎาคม ๒๕๓๖
อัมพา จุณณานนท์
อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
704487 | ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ให้แก่ลูกจ้างซึ่งถูกหักเงินค่าจ้างส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 | ระเบียบกรมการจัดหางาน
ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ให้แก่ลูกจ้างซึ่งถูกหักเงินค่าจ้างส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๗[๑]
เพื่อให้การคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรให้แก่ลูกจ้าง
ซึ่งถูกหักเงินค่าจ้างส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคสี่
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ อธิบดีกรมการจัดหางานจึงวางระเบียบไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรให้แก่ลูกจ้างซึ่งถูกหักเงินค่าจ้างส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๗
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
ลูกจ้าง หมายความว่า
คนต่างด้าวซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานและถูกหักค่าจ้างนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งได้เดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
เงินประกันค่าใช้จ่าย
หมายความว่า
เงินที่นายจ้างหักจากค่าจ้างของลูกจ้างส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ข้อ ๔ ลูกจ้างที่ประสงค์จะขอคืนเงินประกันค่าใช้จ่าย
สามารถดำเนินการได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ลูกจ้างซึ่งประสงค์จะขอคืนเงินประกันค่าใช้จ่าย ณ
วันเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ลูกจ้างยื่นคำร้องตามแบบ ก.ต. ๑
ท้ายระเบียบนี้ต่อนายทะเบียนในวันที่เดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ณ
ด่านตรวจคนเข้าเมือง พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้
(ก)
ใบรับเงินค่าจ้างของลูกจ้างที่นายจ้างนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
(ตท. ๑๒) หรือหนังสือรับรอง (ตท. ๑๓) หรือใบแทนหนังสือรับรองฉบับจริง
(ข) สำเนาหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
๑) บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (ทร. ๓๘/๑)
๒) หนังสือเดินทาง (Passport)
๓) เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
(๒)
ลูกจ้างซึ่งประสงค์จะขอคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายล่วงหน้าก่อนวันเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ให้ยื่นหนังสือแจ้งความประสงค์ขอคืนเงินตามแบบ ก.ต. ๒
ท้ายระเบียบนี้ก่อนเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักรไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ณ
สำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่พร้อมเอกสารหลักฐานตามข้อ
๔ (๑) (ก) (ข)
(๓)
ลูกจ้างซึ่งเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักรแล้วและประสงค์ขอคืนเงินประกันค่าใช้จ่าย
ให้ยื่นคำร้องขอคืนเงินตามแบบ ก.ต. ๑ ท้ายระเบียบนี้ต่อนายทะเบียน ณ
ด่านตรวจคนเข้าเมือง
หรือโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังสำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมเอกสารหลักฐานตามข้อ
๔ (๑) (ก) (ข)
กรณีลูกจ้างตามวรรคหนึ่งถึงแก่ความตาย
ให้ทายาทโดยธรรมซึ่งประสงค์จะขอคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายดำเนินการตามวรรคหนึ่ง
ยื่นคำร้องขอคืนเงินตามแบบ ก.ต. ๓ ท้ายระเบียบนี้พร้อมเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม
ดังนี้
(ก) หลักฐานแสดงการเสียชีวิตของลูกจ้าง
(ข) หลักฐานแสดงการเป็นทายาทโดยธรรม
ทั้งนี้
เอกสารหลักฐานดังกล่าวต้องผ่านการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศของประเทศซึ่งลูกจ้างถือสัญชาติ
ข้อ ๕ ให้นายทะเบียนพิจารณาคำขอและคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกจ้างให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหลักฐานครบถ้วนถูกต้อง
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
ประวิทย์
เคียงผล
อธิบดีกรมการจัดหางาน
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แบบคำร้องขอคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายในการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ก.ต. ๑)
๒.
หนังสือแจ้งความประสงค์ล่วงหน้าเพื่อขอคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายในการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ก.ต. ๒)
๓. แบบคำร้องขอคืนเงินประกันค่าใช้จ่ายในการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
กรณีลูกจ้างถึงแก่ความตายภายหลังเดินทางออกนอกราชอาณาจักร (แบบ ก.ต. ๓)
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ เมษายน ๒๕๕๗
กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ
๑๗ เมษายน ๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๖๒ ง/หน้า ๑/๑๑ เมษายน ๒๕๕๗ |
623988 | ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว กลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยการรับเงิน การใช้จ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์ และการตรวจสอบภายในของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553
| ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยการรับเงิน
การใช้จ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์ และการตรวจสอบภายใน
ของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๓
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงวางระเบียบไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยการรับเงิน
การใช้จ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
การจัดหาผลประโยชน์และการตรวจสอบภายในของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓
ข้อ ๒[๑]
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓
ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๘
แห่งระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยการรับเงิน
การใช้จ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์
และการตรวจสอบภายในของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๕๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
ข้อ ๑๘
ให้สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่
กรมการจัดหางานสำนักงานจัดหางานจังหวัด และธนาคาร
หรือหน่วยบริการอื่นตามที่อธิบดีกำหนด นำเงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕
ส่งเข้าบัญชีเงินกองทุนทุกสิ้นวัน ดังนี้
(๑)
เงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕ (๒) ให้นำส่งเข้าบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๑ (กรณีนายจ้างนำเงินส่งเข้ากองทุน)
(๒)
เงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕ (๗) ให้นำส่งเข้าบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๒ (กรณีเงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้)
(๓)
เงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕ (๑) (๓) (๔) (๕) (๖) (๘) และ (๙)
ให้นำส่งเข้าบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๓
ให้สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ กรมการจัดหางานสำนักงานจัดหางานจังหวัด
จัดทำรายงานการนำส่งเงินเข้าบัญชีเงินกองทุนตามวรรคหนึ่ง
ส่งให้สำนักงานกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
ในกรณีให้ธนาคาร
หรือหน่วยงานบริการอื่นเป็นผู้รับเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ให้สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่กรมการจัดหางาน
และสำนักงานจัดหางานจังหวัด
เรียกรายงานการรับเงินกองทุนจากธนาคารหรือหน่วยบริการอื่นดังกล่าวทุกสิ้นวัน
เพื่อรวบรวมในรายงานการนำส่งเงินเข้าบัญชีกองทุนข้างต้นด้วย
ประกาศ ณ วันที่ ๑๒
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓
สมชาย ชุ่มรัตน์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๘ ง/หน้า ๑๑/๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ |
610846 | ระเบียบกระทรวงแรงงาน ว่าด้วยการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของผู้แทนองค์กรนายจ้าง และผู้แทนองค์กรลูกจ้าง และวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2552 | ระเบียบกระทรวงแรงงาน
ระเบียบกระทรวงแรงงาน
ว่าด้วยการได้มา
วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของผู้แทนองค์กรนายจ้าง
และผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
และวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๒
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงกำหนดระเบียบไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการได้มา
วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
และวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๒
ข้อ ๒[๑]
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓
ในระเบียบนี้
สภาองค์การนายจ้าง หมายความว่า
สภาองค์การนายจ้างตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
สภาองค์การลูกจ้าง หมายความว่า
สภาองค์การลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
สมาคมนายจ้าง หมายความว่า
สมาคมนายจ้างตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
สหภาพแรงงาน หมายความว่า
สหภาพแรงงานตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
คณะกรรมการ หมายความว่า
คณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
รัฐมนตรี หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
หมวด ๑
กรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้างและกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
ส่วนที่ ๑
การได้มา
ข้อ ๔
กรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้างและกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
ให้มาจากการเลือกตั้ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้
ให้กรมการจัดหางานแจ้งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้างและกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้างและกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้างเหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบวัน
ให้นำความในวรรคสองมาใช้โดยอนุโลม
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
ให้เบิกจ่ายจากกรมการจัดหางาน
ข้อ ๕
เมื่อได้รับแจ้งตามข้อ ๔
แล้วให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง
เวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการลงคะแนนเลือกตั้ง
และสถานที่ทำการเลือกตั้งกรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้างและกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
โดยให้ติดประกาศดังกล่าว ณ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด
ข้อ ๖
ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแจ้งสภาองค์การนายจ้าง
และสภาองค์การลูกจ้างให้เสนอชื่อผู้แทนแห่งละหนึ่งคนต่ออธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
เพื่อเข้ารับการเลือกตั้งเป็นกรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้างหรือกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
แล้วแต่กรณี
ข้อ ๗
ผู้แทนซึ่งได้รับการเสนอชื่อตามข้อ ๖
ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑)
มีสัญชาติไทย
(๒)
มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์
(๓)
เป็นผู้มีความเลื่อมใสในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(๔)
เป็นนายจ้างหรือลูกจ้างของสถานประกอบกิจการ
(๕)
เป็นกรรมการของสภาองค์การนายจ้างหรือกรรมการของสภาองค์การลูกจ้างที่เสนอชื่อ
(๖)
ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๗)
ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
ให้ผู้แทนซึ่งได้รับการเสนอชื่อรับรองการมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่งโดยแสดงหลักฐานด้วยตนเองต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ข้อ ๘
ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแจ้งสมาคมนายจ้างและสหภาพแรงงานให้เสนอชื่อผู้แทนแห่งละหนึ่งคนเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ลงคะแนนเลือกตั้งผู้แทนองค์กรนายจ้างหรือผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
แล้วแต่กรณี
ผู้แทนตามวรรคหนึ่งต้องเป็นกรรมการของสมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงานนั้น
ข้อ ๙
การเสนอชื่อผู้แทนตามข้อ ๖ และข้อ ๘
ให้เป็นไปตามแบบและภายในระยะเวลาที่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกำหนด
ข้อ ๑๐
เมื่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้แทนที่ได้รับการเสนอชื่อตามข้อ
๖ หรือข้อ ๘ แล้ว หากเห็นว่าผู้ใดขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๗
หรือข้อ ๘ แล้วแต่กรณี ให้แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ที่เสนอชื่อและผู้นั้นทราบ
ผู้แทนที่ได้รับการเสนอชื่อและกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพิจารณาว่า
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่ง หากไม่พอใจผลการพิจารณา มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อปลัดกระทรวงแรงงานภายในห้าวันทำการนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
ในการนี้ปลัดกระทรวงแรงงานต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวัน
และให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นที่สุด
ให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานประกาศรายชื่อผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อตามข้อ
๖ และข้อ ๘ ซึ่งผ่านการตรวจสอบถูกต้องแล้ว
หรือเมื่อพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ตามวรรคสองในกรณีที่มีผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
หรือเมื่อการวินิจฉัยอุทธรณ์แล้วในกรณีที่มีการอุทธรณ์ตามวรรคสอง โดยต้องติดประกาศ
ณ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัดก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่าห้าวัน
ข้อ ๑๑
ให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานรับผิดชอบการดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑)
จัดทำบัญชีรายชื่อ
หมายเลขประจำตัวของผู้แทนซึ่งได้รับการเสนอชื่อเพื่อรับเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ ๑๐ เสร็จสิ้นแล้ว
(๒)
ปิดประกาศบัญชีรายชื่อ
หมายเลขประจำตัวของผู้แทนซึ่งได้รับการเสนอชื่อและบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
ณ สถานที่ลงคะแนนในวันที่มีการเลือกตั้ง
(๓)
กำหนดแบบบัตรเลือกตั้ง
(๔)
จัดหาอุปกรณ์สำหรับใช้ลงคะแนนเลือกตั้ง ดังต่อไปนี้
(ก)
บัตรเลือกตั้ง
(ข)
หีบบัตรเลือกตั้ง
(ค)
เครื่องเขียน
(ง)
กระดานดำ กระดาษ หรืออุปกรณ์อย่างอื่นที่คล้ายคลึงกัน เพื่อใช้ในการนับคะแนน
ข้อ ๑๒
ให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแต่งตั้งคณะกรรมการ
ตรวจคะแนนอย่างน้อยสี่คน ประกอบด้วย ประธานกรรมการ กรรมการตรวจคะแนนคนหนึ่ง
จากข้าราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
และกรรมการตรวจคะแนนคนอื่นจากผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
ข้อ ๑๓
คณะกรรมการตรวจคะแนนมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑)
จัดระเบียบและควบคุมดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(๒)
อำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
รวมทั้งมิให้ผู้ใดเข้าไปในสถานที่ทำการเลือกตั้ง
เว้นแต่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
หรือผู้ที่จะเข้าไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ในระหว่างเวลาเปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง
(๓)
ตรวจสอบหลักฐานการแสดงตนของผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง บันทึกชื่อ
และหมายเหตุลงในบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
(๔)
ส่งบัตรเลือกตั้งให้กับผู้ลงคะแนนเลือกตั้งเพื่อใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง
(๕)
ตรวจบัตรลงคะแนน นับบัตรลงคะแนน และรวมคะแนนเลือกตั้ง
(๖)
ดำเนินการอื่นตามที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้
ข้อ ๑๔
ให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คะแนนจากข้าราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานหรือกรมการจัดหางาน
เจ้าหน้าที่คะแนนมีหน้าที่ช่วยเหลือกรรมการตรวจคะแนนตามที่ได้รับมอบหมายการปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการตรวจคะแนน
ข้อ ๑๕
การลงมติวินิจฉัยของคณะกรรมการตรวจคะแนนให้ถือเสียงข้างมาก
กรรมการตรวจคะแนนคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงมติ ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน
ให้ประธานออกเสียงเพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ ๑๖
เมื่อถึงเวลาเริ่มต้นการลงคะแนนเลือกตั้ง ให้ประธานกรรมการตรวจคะแนนเปิดหีบบัตรเลือกตั้งในที่เปิดเผยแสดงให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งซึ่งอยู่
ณ สถานที่ทำการเลือกตั้งนั้นเห็นว่าหีบบัตรเลือกตั้งเป็นหีบเปล่า
แล้วให้ทำการบันทึกการดำเนินการดังกล่าว
โดยให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสองคนซึ่งอยู่ ณ สถานที่ทำการเลือกตั้งในขณะนั้นลงลายมือชื่อในบันทึกด้วย
เว้นแต่ไม่มีผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง ณ สถานที่นั้น
ข้อ ๑๗
ในการลงคะแนนเลือกตั้ง
ให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งไปแสดงตนต่อกรรมการตรวจคะแนนโดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชน
บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุ หรือบัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้และมีหมายเลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัตร
ให้กรรมการตรวจคะแนนตรวจสอบรายชื่อในบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
และจดหมายเลขของบัตรและชื่อหน่วยงานของรัฐที่ออกบัตร
แล้วให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง
แล้วให้กรรมการตรวจคะแนนจ่ายบัตรเลือกตั้งให้แก่ผู้นั้น เพื่อไปลงคะแนนเลือกตั้ง
การจ่ายบัตรเลือกตั้ง
ให้จ่ายตามลำดับบัตรเลือกตั้ง
ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งต้องมาใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยตนเอง
จะมอบให้ผู้อื่นมาใช้สิทธิแทนไม่ได้
ในกรณีที่สงสัยว่าผู้ลงคะแนนเลือกตั้งที่มาแสดงตนนั้นไม่ใช่ผู้ที่มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนเป็นผู้วินิจฉัยว่าผู้นั้น มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งหรือไม่
คำชี้ขาดของคณะกรรมการตรวจคะแนนให้เป็นที่สุด โดยคณะกรรมการตรวจคะแนนต้องบันทึกคำวินิจฉัยและลงลายมือชื่อไว้ด้วย
ข้อ ๑๘
การลงคะแนนเลือกตั้ง
ให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในช่องทำเครื่องหมายของหมายเลขผู้แทนซึ่งได้รับการเสนอชื่อ
และในกรณีที่ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง
ให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งทำเครื่องหมายกากบาทในช่อง ทำเครื่องหมาย ไม่ลงคะแนน
ในบัตรเลือกตั้ง
ข้อ ๑๙
ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งคนหนึ่งจะลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายตนได้ไม่เกินสามคน
ข้อ ๒๐
เมื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้งทำเครื่องหมายกากบาทลงในบัตรเลือกตั้งแล้ว
ให้พับบัตรเลือกตั้ง แล้วให้นำบัตรเลือกตั้งนั้นใส่ลงหีบบัตรเลือกตั้งด้วยตนเองต่อหน้ากรรมการตรวจคะแนน
ข้อ ๒๑
เมื่อปิดการลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว
ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนนับคะแนนเลือกตั้งโดยเปิดเผยจนแล้วเสร็จ
ข้อ ๒๒
บัตรเลือกตั้งต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย
(๑)
บัตรปลอม
(๒)
บัตรที่มิได้ทำเครื่องหมายลงคะแนนเลือกตั้ง
(๓)
บัตรที่มีเครื่องหมายหรือข้อความอื่นใดนอกจากเครื่องหมายกากบาท
(๔)
บัตรที่ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนเลือกตั้งให้กับผู้แทนซึ่งได้รับการเสนอชื่อคนใด
(๕)
บัตรที่ทำเครื่องหมายเกินกว่าจำนวนที่กำหนด
(๖)
บัตรที่ได้ทำเครื่องหมายลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้แทนซึ่งได้รับการเสนอชื่อแล้วทำเครื่องหมายในช่อง
ไม่ลงคะแนน เลือกตั้งด้วย
บัตรดังกล่าวให้กรรมการตรวจคะแนนสลักหลังว่า
เสีย
และต้องมีกรรมการตรวจคะแนนสามคนลงลายมือชื่อกำกับไว้
ในการนับคะแนน
หากปรากฏว่ามีบัตรเสียหรือบัตรที่ทำเครื่องหมายกากบาทในช่อง ไม่ลงคะแนน ให้แยกบัตรดังกล่าวออกไว้เป็นส่วนหนึ่ง และห้ามมิให้นับบัตรนั้น
เป็นคะแนนเลือกตั้งไม่ว่ากรณีใด
ข้อ ๒๓
เมื่อนับคะแนนเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว
ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนประกาศผลการเลือกตั้ง และจัดทำบัญชีรายชื่อแยกเป็นผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
โดยเรียงตามลำดับผู้ได้คะแนนมากที่สุดจนถึงผู้ได้คะแนนน้อยที่สุดของแต่ละองค์กร
ในกรณีที่มีผู้ได้คะแนนเลือกตั้งเท่ากันในลำดับใด
ให้ประธานกรรมการตรวจคะแนนจับฉลากเพื่อเรียงลำดับ
ข้อ ๒๔
เมื่อคณะกรรมการตรวจคะแนนประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว
ถ้าสภาองค์การนายจ้างสภาองค์การลูกจ้าง สมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงาน
ที่ได้เสนอชื่อตามข้อ ๖ หรือข้อ ๘
เห็นว่าการที่บุคคลใดได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ
ให้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านต่ออธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง
ภายในสิบห้าวันนับตั้งแต่ได้รับคำร้องคัดค้าน
ให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานดำเนินการสรุปข้อเท็จจริงเสนอปลัดกระทรวงแรงงาน
เพื่อวินิจฉัยสั่งการตามที่เห็นสมควรโดยไม่ชักช้าคำวินิจฉัยสั่งการของปลัดกระทรวงแรงงานให้เป็นที่สุด
ให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานดำเนินการตามคำวินิจฉัยสั่งการของปลัดกระทรวงแรงงานโดยเร็ว
ข้อ ๒๕
ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนเก็บบัตรเลือกตั้งที่ได้นับแล้วใส่ซองปิดผนึกและลงลายมือชื่อกรรมการตรวจคะแนนอย่างน้อยสามคนกำกับไว้บนซอง
โดยแยกบัตรเลือกตั้งที่นับแล้วบัตรที่มีการทำเครื่องหมายลงในช่อง ไม่ลงคะแนน
และบัตรเสียไว้แต่ละประเภทแล้วส่งมอบให้กรมการจัดหางานพร้อมกับบัญชีรายชื่อตามข้อ
๒๓
ให้กรมการจัดหางานเก็บรักษาเอกสารตามวรรคหนึ่งไว้ไม่น้อยกว่าหกเดือน
นับแต่วันที่คณะกรรมการตรวจคะแนนประกาศผลการตรวจนับคะแนน
ข้อ ๒๖
ให้กรมการจัดหางานนำรายชื่อผู้ซึ่งได้รับการเลือกตั้งที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดตามลำดับตามบัญชีรายชื่อผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างฝ่ายละไม่เกินจำนวนสามคน
เสนอรัฐมนตรีเพื่อประกาศให้บุคคลดังกล่าวเป็นกรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้างและกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้างในคณะกรรมการต่อไป
ส่วนที่ ๒
วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง
ข้อ ๒๗
กรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้างและกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้างมีวาระการดำรงตำแหน่งสามปีนับแต่วันที่รัฐมนตรีประกาศตามข้อ
๒๖
กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการเลือกตั้งอีกได้
แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้
ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ
หากยังมิได้มีการเลือกตั้งกรรมการขึ้นใหม่ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ข้อ ๒๘
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ
ให้กรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้างและกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๗
ข้อ ๒๙
ในกรณีที่กรรมการผู้แทนองค์กรนายจ้าง หรือกรรมการผู้แทนองค์กรลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ
ให้กรมการจัดหางานเสนอรายชื่อผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนองค์กรนายจ้างหรือผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
แล้วแต่กรณี ที่มีคะแนนมากในลำดับถัดไปตามบัญชีรายชื่อตามข้อ ๒๓ ต่อรัฐมนตรี
เพื่อประกาศให้เป็นกรรมการแทนตำแหน่งกรรมการที่ว่าง โดยให้มีวาระเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน
ในกรณีที่วาระของกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวันจะไม่ประกาศให้มีกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นก็ได้
หมวด ๒
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ข้อ ๓๐
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ
และมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทน
ให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ตนแทน
ในกรณีที่วาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นตำแหน่งก่อนครบวาระ
เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
จะไม่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นก็ได้
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งตามวาระ
หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่
ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ข้อ ๓๑
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๕)
รัฐมนตรีให้พ้นจากตำแหน่งโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
(๖)
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒
ไพฑูรย์ แก้วทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๒
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๐๕ ง/หน้า ๓/๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒ |
603997 | ระเบียบกระทรวงแรงงาน ว่าด้วยการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่ง ของผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างและวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2552
| ระเบียบกระทรวงแรงงาน
ระเบียบกระทรวงแรงงาน
ว่าด้วยการได้มา
วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่ง
ของผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างและวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง
ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๒
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๔๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๔๓
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงกำหนดระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการได้มา
วาระการดำรงตำแหน่ง
และการพ้นจากตำแหน่งของผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
และวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๒
ข้อ ๒[๑]
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓
ในระเบียบนี้
สภาองค์การนายจ้าง หมายความว่า สภาองค์การนายจ้างตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
สภาองค์การลูกจ้าง หมายความว่า
สภาองค์การลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
สมาคมนายจ้าง หมายความว่า
สมาคมนายจ้างตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
สหภาพแรงงาน หมายความว่า
สหภาพแรงงานตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมอบหมาย
รัฐมนตรี หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ข้อ ๔
ให้ปลัดกระทรวงแรงงานรักษาการตามระเบียบนี้
หมวด ๑
ผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
ข้อ ๕
ผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
ให้มาจากการเลือกตั้งจากผู้แทนสภาองค์การนายจ้างและผู้แทนสภาองค์การลูกจ้าง
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ ในระเบียบนี้
ให้กรมการจัดหางานแจ้งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งก่อนที่ผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน
ในการดำเนินการตามวรรคสองอธิบดีมีอำนาจออกประกาศกำหนดเพื่อให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ข้อ ๖
ให้อธิบดีแจ้งสภาองค์การนายจ้างและสภาองค์การลูกจ้างให้เสนอชื่อผู้ที่จะสมัครเข้ารับการเลือกตั้ง
เพื่อเป็นผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าวต่ออธิบดีได้ไม่เกินแห่งละหนึ่งคนภายในระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด
ข้อ ๗
ผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อตามข้อ ๖ ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม
ดังต่อไปนี้
(๑)
มีสัญชาติไทย
(๒)
มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์
(๓)
เป็นผู้มีความเลื่อมใสในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(๔)
เป็นนายจ้างหรือลูกจ้างของสถานประกอบกิจการ
(๕)
เป็นกรรมการของสภาองค์การนายจ้างหรือกรรมการของสภาองค์การลูกจ้างที่เสนอชื่อ
(๖)
ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๗)
ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
ให้ผู้เสนอชื่อและผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อรับรองการมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่ง
โดยแสดงหลักฐานต่ออธิบดี
หากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเห็นว่าผู้ใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่ง
แล้วแต่กรณี ให้แจ้งผู้เสนอชื่อและผู้นั้นทราบ
ในกรณีผู้เสนอชื่อหรือผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อไม่เห็นด้วยกับผลการพิจารณาตามวรรคสามมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อปลัดกระทรวงแรงงานภายในห้าวันทำการนับแต่วันที่ได้รับแจ้งให้ปลัดกระทรวงแรงงานวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในสิบวันทำการ
คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงแรงงานให้เป็นที่สุด
ข้อ ๘
ให้สมาคมนายจ้าง สหภาพแรงงาน แจ้งชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้งแห่งละหนึ่งคน
ซึ่งต้องเป็นกรรมการสมาคมนายจ้าง หรือกรรมการสหภาพแรงงานนั้น แล้วแต่กรณี
ต่ออธิบดีภายในระยะเวลาที่อธิบดีกำหนด ให้อธิบดีประกาศรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
ณ สถานที่ทำการเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
บุคคลใดได้รับการแจ้งชื่อเป็นผู้ลงคะแนนเลือกตั้งของสมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงานใดในการเลือกตั้งครั้งใดแล้ว
ไม่มีสิทธิเป็นผู้ลงคะแนนเลือกตั้งของสมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงานอื่นในการเลือกตั้งครั้งนั้นได้อีก
ในกรณีที่อธิบดีมีหนังสือแจ้งว่าผู้ลงคะแนนเลือกตั้งขาดคุณสมบัติตามวรรคหนึ่ง
สมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงานนั้น
มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อปลัดกระทรวงแรงงานภายในห้าวันทำการนับแต่วันที่ได้รับแจ้งให้ปลัดกระทรวงแรงงานวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในสิบวันทำการ
คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงแรงงานให้เป็นที่สุด
ข้อ ๙
เมื่อดำเนินการตามข้อ ๗ เสร็จแล้ว
ให้อธิบดีประกาศรายชื่อและหมายเลขประจำตัวของผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง วัน
เวลาเปิดและปิดการลงคะแนนเลือกตั้งและสถานที่ทำการเลือกตั้งผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างเพื่อเป็นกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าว
ณ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด และสถานที่ทำการเลือกตั้ง
ข้อ ๑๐
ให้อธิบดีเตรียมการเลือกตั้ง ดังต่อไปนี้
(๑)
จัดทำบัญชีรายชื่อ หมายเลขประจำตัวของผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งที่จะใช้ในการลงคะแนน
และบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
(๒)
จัดหาอุปกรณ์สำหรับใช้ลงคะแนนเลือกตั้ง ดังนี้
(ก)
บัตรเลือกตั้ง
(ข)
หีบบัตรเลือกตั้ง
(ค)
เครื่องเขียน
(ง)
กระดานดำ กระดาษ
หรืออุปกรณ์อย่างอื่นที่คล้ายคลึงกันเพื่อใช้ในการนับคะแนนเลือกตั้ง
บัตรเลือกตั้งให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด
ข้อ ๑๑
ให้อธิบดีแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งอย่างน้อยสี่คนประกอบด้วย
ประธานกรรมการ
และกรรมการตรวจคะแนนหนึ่งคนจากข้าราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
และกรรมการตรวจคะแนนอื่นจากผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
ข้อ ๑๒
คณะกรรมการตรวจคะแนนมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑)
จัดระเบียบและควบคุมดูแลให้ความสะดวกแก่ผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
รวมทั้งต้องมิให้ผู้ใดเข้าไปในที่เลือกตั้ง
เว้นแต่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งหรือผู้ที่จะเข้าไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในระหว่างเวลาเปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง
(๒)
ตรวจสอบหลักฐานการแสดงตนของผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
บันทึกชื่อและหมายเหตุลงในบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
(๓)
ส่งบัตรเลือกตั้งให้กับผู้ลงคะแนนเลือกตั้งเพื่อใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง
(๔)
จัดระเบียบในการเข้าไปลงคะแนนเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(๕)
ตรวจนับและรวมคะแนนเลือกตั้ง
(๖)
พิจารณาตัดสิทธิลงคะแนนของผู้ลงคะแนนเลือกตั้งที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๕
วรรคสาม ข้อ ๑๙ หรือข้อ ๒๐
ข้อ ๑๓
ให้อธิบดีแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คะแนนจากข้าราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานหรือกรมการจัดหางาน
เจ้าหน้าที่คะแนนมีหน้าที่ช่วยเหลือกรรมการตรวจคะแนนตามที่ได้รับมอบหมาย
ในการปฏิบัติหน้าที่โดยให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการตรวจคะแนน
ข้อ ๑๔
การลงมติวินิจฉัยของคณะกรรมการตรวจคะแนนให้ถือเสียงข้างมาก
กรรมการตรวจคะแนนคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน
ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน
ให้ประธานออกเสียงเพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ ๑๕
เมื่อถึงเวลาเปิดการลงคะแนนเลือกตั้งให้ประธานกรรมการตรวจคะแนน
เปิดหีบบัตรเลือกตั้งในที่เปิดเผยแสดงให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ ณ
ที่เลือกตั้งนั้นเห็นว่า หีบบัตรเลือกตั้งเป็นหีบเปล่า
แล้วให้ทำการบันทึกการดำเนินการดังกล่าว
โดยให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งไม่น้อยกว่าสองคนซึ่งอยู่ในที่เลือกตั้งในขณะนั้นลงลายมือชื่อในบันทึกด้วย
เว้นแต่ไม่มีผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้ง
ข้อ ๑๖
ในระหว่างเวลาเปิดการลงคะแนนเลือกตั้งให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งไปแสดงตนต่อกรรมการตรวจคะแนน
โดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชน
บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้และมีหมายเลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัตร
ให้กรรมการตรวจคะแนนตรวจสอบรายชื่อในบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้งและจดหมายเลขของบัตรและชื่อหน่วยงานของรัฐที่ออกบัตร
แล้วให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งลงลายมือชื่อ
หรือพิมพ์ลายนิ้วมือในบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
แล้วให้กรรมการตรวจคะแนนมอบบัตรเลือกตั้งให้แก่ผู้นั้น เพื่อไปลงคะแนนเลือกตั้ง
การจ่ายบัตรเลือกตั้ง
ให้จ่ายตามลำดับบัตรเลือกตั้ง
ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งต้องมาใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยตนเอง
จะมอบให้ผู้อื่นมาใช้สิทธิแทนไม่ได้
ในกรณีที่สงสัยว่าผู้ลงคะแนนเลือกตั้งที่มาแสดงตนนั้นไม่ใช่ผู้ที่มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง
ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนเป็นผู้วินิจฉัยว่าผู้นั้นมีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งหรือไม่
คำชี้ขาดของคณะกรรมการตรวจคะแนนให้เป็นที่สุด
คณะกรรมการตรวจคะแนนต้องบันทึกคำวินิจฉัยและลงลายมือชื่อไว้ด้วย
ข้อ ๑๗
การลงคะแนนเลือกตั้งให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในช่องทำเครื่องหมายในบัตรเลือกตั้งให้ตรงกับหมายเลขประจำตัวของผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งซึ่งตนต้องการเลือก
และในกรณีที่ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้งให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งทำเครื่องหมายกากบาทในช่องทำเครื่องหมาย
ไม่ลงคะแนน ในบัตรเลือกตั้ง
ข้อ ๑๘
ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งคนหนึ่งลงคะแนนเลือกตั้งผู้แทนได้หนึ่งคน
ข้อ ๑๙
เมื่อผู้ลงคะแนนเลือกตั้งได้รับบัตรเลือกตั้งแล้วให้ไปยังคูหาลงคะแนนที่ว่างคราวละหนึ่งคนเพื่อลงคะแนนเลือกตั้ง
โดยให้ทำเครื่องหมายกากบาทลงในบัตรเลือกตั้งแล้วพับบัตรเลือกตั้งเพื่อมิให้ผู้อื่นทราบว่าลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้ใด
หรือไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง
แล้วให้นำบัตรเลือกตั้งนั้นใส่ลงหีบบัตรเลือกตั้งด้วยตนเองต่อหน้ากรรมการตรวจคะแนนแล้วออกไปจากหน่วยเลือกตั้ง
ทั้งนี้
ต้องลงคะแนนเลือกตั้งให้เสร็จภายในเวลาอันสมควร
ข้อ ๒๐
ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งจะนำเอกสาร หรือกระทำด้วยประการใด ๆ
ซึ่งเป็นการระบุรายชื่อหรือหมายเลขประจำตัวของผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งเข้าไป ณ
ที่เลือกตั้งไม่ได้ ทั้งนี้
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ข้อ ๒๑
เมื่อปิดการลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนนับคะแนนเลือกตั้ง
ณ หน่วยเลือกตั้งนั้นโดยเปิดเผยจนเสร็จ
ห้ามมิให้เลื่อนหรือประวิงการนับคะแนนเลือกตั้ง
ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนประกาศผลของการนับคะแนนเลือกตั้ง
ณ หน่วยเลือกตั้ง นั้น และให้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ได้รับเลือกตั้ง
โดยเรียงลำดับผู้ซึ่งได้รับคะแนนเลือกตั้งมากที่สุดเรียงลำดับจนถึงผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งน้อยที่สุด
แล้วมอบให้อธิบดีโดยเร็ว
ในกรณีที่มีผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งเท่ากันในลำดับใด
ให้ประธานกรรมการตรวจคะแนนจับสลากเพื่อเรียงลำดับในลำดับนั้น
ข้อ ๒๒
บัตรเลือกตั้งต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย
(๑)
บัตรที่มิใช่บัตรซึ่งกรรมการตรวจคะแนนมอบให้
(๒)
บัตรที่ทำเครื่องหมายนอกช่องทำเครื่องหมาย
(๓)
บัตรที่มีเครื่องหมายหรือข้อความอื่นนอกจากเครื่องหมายกากบาท
(๔)
บัตรที่มิได้ทำเครื่องหมายลงคะแนนเลือกตั้ง
(๕)
บัตรที่ทำเครื่องหมายเกินกว่าจำนวนที่กำหนดตามข้อ ๑๘
(๖)
บัตรที่ได้ทำเครื่องหมายลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้แทนซึ่งได้รับการเสนอชื่อ
แล้วทำเครื่องหมายในช่อง ไม่ลงคะแนน เลือกตั้งด้วย
(๗)
บัตรที่ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนเลือกตั้งให้กับผู้ได้รับการเสนอชื่อคนใด
บัตรดังกล่าวให้คณะกรรมการตรวจคะแนนสลักหลังว่า
เสีย พร้อมทั้งระบุเหตุผลของการเป็นบัตรเสีย
และลงลายมือชื่อกำกับไว้ไม่น้อยกว่าสามคน
ในการนับคะแนน
หากปรากฏว่ามีบัตรเสีย ให้แยกบัตรเสียออกไว้เป็นส่วนหนึ่งและห้ามมิให้นับบัตรเสียเป็นคะแนนเลือกตั้งไม่ว่ากรณีใด
ข้อ ๒๓
เมื่อการนับคะแนนเลือกตั้งเสร็จแล้ว
ให้คณะกรรมการตรวจคะแนนเก็บบัตรเลือกตั้งที่ใช้นับคะแนนเลือกตั้งแล้วใส่ซองปิดผนึกโดยลงลายมือชื่อคณะกรรมการตรวจคะแนนกำกับไว้บนซองและแยกเก็บบัตรเสียไว้ต่างหาก
แล้วมอบให้อธิบดีพร้อมกับบัญชีรายชื่อผู้ได้รับเลือกตั้งเพื่อส่งมอบให้กรมการจัดหางานต่อไป
เมื่อประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว
หากไม่มีการคัดค้านการเลือกตั้ง
อธิบดีจะทำลายบัตรเลือกตั้งและเอกสารอื่นได้เมื่อพ้นระยะเวลาคัดค้านการเลือกตั้งตามข้อ
๒๔ แล้วไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
หากมีการคัดค้านการเลือกตั้งอธิบดีจะทำลายบัตรเลือกตั้งและเอกสารอื่นได้
เมื่อผลการวินิจฉัยคำคัดค้านเป็นที่ยุติแล้ว
ข้อ ๒๔
เมื่อคณะกรรมการตรวจคะแนนประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว
ถ้าสภาองค์การนายจ้างสภาองค์การลูกจ้าง สมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นผู้แทนองค์กรนายจ้างหรือผู้แทนองค์กรลูกจ้างเป็นไปโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายให้มีสิทธิยื่นคำคัดค้านต่ออธิบดีภายในเจ็ดวันนับแต่วันประกาศผลเลือกตั้ง
เมื่ออธิบดีได้รับคำคัดค้านแล้วให้ดำเนินการพิจารณาวินิจฉัยสั่งการตามที่เห็นสมควรโดยไม่ชักช้าคำวินิจฉัยสั่งการของอธิบดีให้เป็นที่สุด
ข้อ ๒๕
ให้กรมการจัดหางานนำรายชื่อผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดตามลำดับตามบัญชีรายชื่อผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างฝ่ายละหนึ่งคนเสนอรัฐมนตรีเพื่อประกาศให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้แทนองค์กรนายจ้าง
และผู้แทนองค์กรลูกจ้างในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าวต่อไป
ผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งในลำดับถัดไปตามลำดับทั้งหมด
ให้เป็นผู้แทนสำรอง
บัญชีรายชื่อผู้ได้รับเลือกตั้งตามวรรคสองมีผลใช้บังคับตามวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าว
ข้อ ๒๖
ผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
มีวาระการดำรงตำแหน่งสามปีนับแต่วันที่รัฐมนตรีประกาศตามข้อ ๒๕
ผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการเลือกตั้งอีกได้
แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้
ในกรณีที่ผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งตามวาระ
หากยังมิได้มีการเลือกตั้งผู้แทนขึ้นใหม่
ให้ผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้าง
ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่ง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าผู้แทนซึ่งได้รับเลือกตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ข้อ ๒๗
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ
ให้ผู้แทนองค์กรนายจ้างและผู้แทนองค์กรลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๗ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) หรือ (๖)
(๔)
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
ข้อ ๒๘
ในกรณีที่ผู้แทนองค์กรนายจ้างหรือผู้แทนองค์กรลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ
ให้เลขานุการคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าวเสนอชื่อผู้แทนองค์กรนายจ้างหรือผู้แทนองค์กรลูกจ้างจากผู้แทนสำรองต่อรัฐมนตรีเพื่อประกาศให้เป็นกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง
โดยให้มีวาระเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน
ในกรณีที่ไม่มีผู้แทนสำรองที่ได้ขึ้นบัญชีไว้
หากวาระของกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวันจะไม่จัดให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างก็ได้
ข้อ ๒๙
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
ให้เบิกจ่ายจากกรมการจัดหางาน
หมวด ๒
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ข้อ ๓๐
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปีนับแต่วันที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง
และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ
และมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทน
ให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ตนแทน
ในกรณีที่วาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นตำแหน่งก่อนครบวาระ
เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
จะไม่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นก็ได้
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งตามวาระหากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่
ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ข้อ ๓๑
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๕)
รัฐมนตรีให้พ้นจากตำแหน่ง
(๖)
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
ไพฑูรย์ แก้วทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๖ พฤษภาคม ๒๕๕๒
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๖๓ ง/หน้า ๑๒/๒๙ เมษายน ๒๕๕๒ |
585857 | ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยการรับเงิน การใช้จ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์ และการตรวจสอบภายในของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2551
| ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยการรับเงิน
การใช้จ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์ และการตรวจสอบภายใน
ของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
พ.ศ.
๒๕๕๑
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ (๕)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงวางระเบียบไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยการรับเงิน
การใช้จ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์
และการตรวจสอบภายในของกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๕๑
ข้อ ๒[๑]
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
กองทุน หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔
การปฏิบัติการอื่นใดเกี่ยวกับการเงินกองทุนที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้
ให้นำระเบียบของทางราชการมาใช้บังคับโดยอนุโลม
ข้อ ๕ เงินกองทุน ประกอบด้วย
(๑)
เงินเพิ่มตามมาตรา ๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
(๒)
เงินที่นายจ้างนำส่งเข้ากองทุนตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๓)
เงินเพิ่มตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
(๔)
เงินที่ตกเป็นของกองทุนตามมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
(๕)
เงินที่เรียกเก็บจากนายจ้างตามมาตรา ๒๐ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
(๖)
เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่มีผู้อุทิศให้
(๗)
เงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
ตามที่กระทรวงการคลังอนุญาตให้นำไปใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
(๘)
ดอกผลของกองทุน
(๙)
เงินอุดหนุนจากรัฐบาล
ข้อ ๖ ให้อธิบดีเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้
หมวด
๑
การรับเงิน
ข้อ ๗ การรับเงินกองทุนให้รับได้ดังต่อไปนี้
(๑)
เป็นเงินสด
(๒)
เป็นแคชเชียร์เช็คของธนาคารที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ที่กำหนดให้นายจ้างนำส่งเงินเข้ากองทุน
(๓)
เป็นตั๋วแลกเงินของธนาคารในประเทศไทยสั่งจ่ายในนามกองทุน
(๔)
โดยทางธนาคารหรือหน่วยบริการอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด
ทั้งนี้
ค่าธรรมเนียมการเรียกเก็บเงินของธนาคารหรือหน่วยบริการอื่นให้ตกเป็นภาระแก่นายจ้างผู้นำส่งเงินเข้ากองทุน
ข้อ ๘ การรับชำระเงินเข้ากองทุน ให้ส่วนราชการผู้รับเงินออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้ชำระเงินทุกครั้ง
หมวด
๒
การใช้จ่ายเงิน
ข้อ ๙
การใช้จ่ายเงินกองทุนให้จ่ายได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑)
จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๒)
จ่ายคืนให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.
๒๕๕๑ และเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดังกล่าว
(๓)
จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
(๔)
จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๕)
จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุนซึ่งต้องไม่เกินร้อยละสิบของดอกผลของกองทุน
สำหรับเงินของกองทุนตามข้อ ๕ (๗)
และดอกผลของเงินดังกล่าวให้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๑๐
ให้อธิบดีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการใช้จ่ายเงิน
โดยลงลายมือชื่ออนุมัติในหลักฐานการจ่ายหรือใบสำคัญคู่จ่าย
หรือหลักฐานการขอรับชำระหนี้ทุกฉบับหรือลงลายมือชื่อในงบหน้าหลักฐานการจ่ายหรือใบสำคัญคู่จ่ายก็ได้
ข้อ ๑๑
การใช้จ่ายเงินกองทุนให้จ่ายจากบัญชีกระแสรายวัน เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๑ (กรณีนายจ้างนำเงินส่งเข้ากองทุน) บัญชีกระแสรายวัน เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๒ (กรณีเงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้) บัญชีกระแสรายวัน เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรบัญชีที่
๓ (กรณีเงินรายได้อื่น)
และบัญชีกระแสรายวัน เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำนักงานจัดหางานจังหวัด....
ข้อ ๑๒
การใช้จ่ายเงินให้กระทำได้โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑)
เงินสด
(๒)
เช็คระบุชื่อลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิ และขีดฆ่า คำว่า หรือผู้ถือ ออก
(๓)
โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของลูกจ้าง หรือเข้าบัญชีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนด
ข้อ ๑๓ การใช้จ่ายเงินกองทุนจากบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๑ (กรณีนายจ้างนำเงินส่งเข้ากองทุน) บัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๒ (กรณีเงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้) และบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๓ (กรณีเงินรายได้อื่น)
จะทำได้เมื่อนำไปเข้าบัญชีกระแสรายวัน เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๑ (กรณีนายจ้างนำเงินส่งเข้ากองทุน) บัญชีกระแสรายวัน เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๒ (กรณีเงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้) และบัญชีกระแสรายวัน เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๓ (กรณีเงินรายได้อื่น) เท่านั้น
ข้อ ๑๔ การใช้จ่ายเงินกองทุนจากบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำนักงานจัดหางานจังหวัด....
จะทำได้เมื่อนำไปเข้าบัญชีกระแสรายวัน เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำนักงานจัดหางานจังหวัด.... เท่านั้น
ข้อ ๑๕
การสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินกองทุนของกรมการจัดหางาน
ให้มีผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายร่วมกันสองฝ่าย ฝ่ายละหนึ่งคน คือ
อธิบดีหรือรองอธิบดีผู้ที่ได้รับมอบหมายฝ่ายหนึ่งกับผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายอีกฝ่ายหนึ่ง
ข้อ ๑๖
การสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินกองทุนของสำนักงานจัดหางานจังหวัด
ให้อธิบดีกำหนดให้มีผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายร่วมกันอย่างน้อยสองคน
ซึ่งต้องเป็นจัดหางานจังหวัดร่วมกับข้าราชการพลเรือนสามัญดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับ
๕ คนหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติงานในสำนักงานจัดหางานจังหวัดนั้น
หมวด
๓
การเก็บรักษาเงิน
ข้อ ๑๗ ให้กรมการจัดหางานเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร
ดังต่อไปนี้
ก. กรณีการเปิดบัญชีของกรมการจัดหางาน
ให้กรมการจัดหางานเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารเพื่อเป็นศูนย์กลางการควบคุมเงินกองทุนทั่วราชอาณาจักร
ดังนี้
(๑)
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ โดยใช้ชื่อบัญชีว่า เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๑ (กรณีนายจ้างนำเงินส่งเข้ากองทุน) เพื่อรับเงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕ (๒)
(๒)
บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน โดยใช้ชื่อบัญชีว่า เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๑ (กรณีนายจ้างนำเงินส่งเข้ากองทุน) เพื่อจ่ายตามข้อ ๙ (๑) (๒) และ (๕)
และโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำนักงานจัดหางานจังหวัด....
(๓)
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ โดยใช้ชื่อบัญชีว่า เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๒ (กรณีเงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้) เพื่อรับเงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕ (๗)
(๔)
บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน โดยใช้ชื่อบัญชีว่า เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๒ (กรณีเงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้) เพื่อจ่ายตามข้อ ๙ วรรคสอง
และโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำนักงานจัดหางานจังหวัด....
(๕)
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ โดยใช้ชื่อบัญชีว่า เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๓ (กรณีเงินรายได้อื่น)
เพื่อรับเงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕ (๑)
(๓) (๔) (๕) (๖) (๘) และ (๙)
(๖)
บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน โดยใช้ชื่อบัญชีว่า เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๓ (กรณีเงินรายได้อื่น)
เพื่อจ่ายตามข้อ ๙ (๓) (๔) และ (๕) และโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำนักงานจัดหางานจังหวัด....
ข.
กรณีการเปิดบัญชีของสำนักงานจัดหางานจังหวัด
ให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ดังนี้
(๑)
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ โดยใช้ชื่อบัญชีว่า เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำนักงานจัดหางานจังหวัด....
เพื่อรับโอนเงินจากบัญชีกระแสรายวัน เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
(๒)
บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน โดยใช้ชื่อบัญชีว่า เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรสำนักงานจัดหางานจังหวัด.... เพื่อจ่ายตามข้อ
๙
ข้อ ๑๘ ให้สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
กองการจัดระบบการนำเข้าแรงงานต่างด้าว สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่
กรมการจัดหางาน และสำนักงานจัดหางานจังหวัดนำเงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕
ส่งเข้าบัญชีเงินกองทุนทุกสิ้นวัน ดังนี้
(๑)
เงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕ (๒) ให้นำส่งเข้าบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๑ (กรณีนายจ้างนำเงินส่งเข้ากองทุน)
(๒)
เงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕ (๗) ให้นำส่งเข้าบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๒ (กรณีเงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้)
(๓)
เงินรายรับของกองทุนตามข้อ ๕ (๑) (๓) (๔) (๕) (๖) (๘) และ (๙)
ให้นำส่งเข้าบัญชีออมทรัพย์ เงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
บัญชีที่ ๓
ให้กองการจัดระบบการนำเข้าแรงงานต่างด้าว
สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ กรมการจัดหางาน
และสำนักงานจัดหางานจังหวัดจัดทำรายงานการนำเงินส่งเข้าบัญชีเงินกองทุนตามวรรคหนึ่งส่งให้สำนักบริหารแรงงานต่างด้าวสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
หมวด
๔
การจัดหาผลประโยชน์
ข้อ ๑๙
ให้นำเงินกองทุนไปจัดหาผลประโยชน์ได้โดยการฝากออมทรัพย์หรือฝากประจำกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจหรือโดยการซื้อหลักทรัพย์ของรัฐบาล
หมวด
๕
การตรวจสอบภายใน
ข้อ ๒๐ ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงิน การบัญชีและการพัสดุของกองทุนแล้วรายงานให้อธิบดีทราบอย่างน้อยปีละครั้ง
หมวด
๖
การบัญชี
ข้อ ๒๑
การจัดทำบัญชีให้จัดทำบัญชีตามหลักบัญชีคู่ เกณฑ์คงค้างตามมาตรฐาน
การจัดทำบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
การปิดบัญชีให้กระทำปีละครั้งโดยถือปีงบประมาณเป็นรอบปีบัญชี
และให้จัดทำงบการเงินพร้อมรายละเอียดประกอบภายในระยะเวลาหกสิบวัน
นับจากวันสิ้นปีบัญชีเพื่อส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ
และเมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
ให้ส่งสำเนางบการเงินดังกล่าวให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเพื่อทราบต่อไป
เพื่อประโยชน์ในการจัดทำงบการเงินในภาพรวมของแผ่นดินให้กรมการจัดหางานจัดส่งข้อมูลทางบัญชีของกองทุนเข้าสู่ระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบระบบอิเล็กทรอนิกส์
ตามวิธีการที่กรมบัญชีกลางกำหนด
ข้อ ๒๒
ให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนตามแบบที่อธิบดีกำหนดพร้อมรายงานผลการดำเนินงานส่งให้กรมการจัดหางานภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป
หากในเดือนใดไม่มีการรับจ่ายเงินจะไม่ทำรายงานการรับจ่ายเงินก็ได้
แต่ให้หมายเหตุในรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนประจำเดือนที่มีการรับจ่ายเงินเดือนถัดไป
ทั้งนี้
ให้เก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ตรวจสอบ
และเมื่อสิ้นปีงบประมาณให้จัดทำงบการเงินกองทุนในปีที่ล่วงมาแล้วส่งให้กรมการจัดหางานภายในสามสิบวันนับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ให้ผู้ที่อธิบดีแต่งตั้งให้รับผิดชอบงานกองทุนจัดทำรายงานการรับจ่ายเงินในภาพรวมของกองทุนประจำเดือนเสนออธิบดีเพื่อทราบ
ข้อ ๒๓
นายจ้างรายใดเป็นบุคคลล้มละลายหรือได้จดทะเบียนเลิกกิจการหรือมิได้ประกอบกิจการหรือถูกถอนทะเบียนการประกอบกิจการ
และไม่อยู่ในฐานะที่จะชำระหนี้ได้
หรือกรณีหนี้นั้นขาดอายุความในการใช้สิทธิเรียกร้อง ให้กรมการจัดหางานเสนอขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนเพื่อพิจารณาจำหน่ายออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
จุฑาธวัช อินทรสุขศรี
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๑๓
สิงหาคม ๒๕๕๑
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖
ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๓๖ ง/หน้า ๒๒/๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ |
540490 | ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบน เงินรางวัล และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2548 | ระเบียบกรมการจัดหางาน
ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบน เงินรางวัล และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๔๘
เพื่อให้การจ่ายเงินสินบน
เงินรางวัล และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
และสอดคล้องกับข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักเงินค่าปรับก่อนนำส่งคลัง พ.ศ.
๒๕๔๖
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักเงินค่าปรับก่อนนำส่งคลัง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
พ.ศ. ๒๕๔๖ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การกำหนดประเภทและอัตราการหักเงินค่าปรับก่อนนำส่งคลัง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.
๒๕๔๕ และข้อ ๕ ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินสินบน รางวัล
และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน พ.ศ. ๒๕๔๖ อธิบดีกรมการจัดหางานจึงวางระเบียบไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบน เงินรางวัล
และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๘
ข้อ
๒[๑]
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ ในระเบียบนี้
ค่าปรับ หมายถึง
เงินที่ได้รับจากการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
แต่ไม่รวมถึงค่าปรับหรือเบี้ยปรับที่ได้รับตามกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร
และค่าปรับหรือเบี้ยปรับที่ได้รับตามนิติกรรมสัญญา
เงินสินบน หมายถึง
เงินที่จ่ายให้แก่ผู้แจ้งความนำจับตามระเบียบนี้
เงินรางวัล หมายถึง
เงินที่จ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้จับตามระเบียบนี้
ผู้แจ้งความนำจับ หมายถึง
บุคคลเดียวหรือหลายคนซึ่งนำเบาะแสหรือเค้าเงื่อนแห่งการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ มาแจ้งแก่ผู้มีอำนาจรับแจ้งความนำจับตามระเบียบนี้
จนทางราชการสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้ แต่ต้องมิใช่เจ้าหน้าที่ผู้จับ
หรือข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑
เจ้าหน้าที่ผู้จับ หมายถึง
พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งทำหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิด
หรือข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑
และมีส่วนร่วมในการจับกุมผู้กระทำความผิดสำหรับกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิด
และให้หมายความรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่อันได้มาซึ่งเงินค่าปรับนั้นสำหรับกรณีที่ไม่มีการจับกุมผู้กระทำผิดด้วย
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน หมายถึง
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่อันได้มาซึ่งเงินค่าปรับ
ข้อ
๔ ให้อธิบดีกรมการจัดหางาน
รักษาการตามระเบียบนี้
หมวด ๑
ข้อความทั่วไป
ข้อ
๕
ระเบียบนี้มิใช่เป็นการโฆษณาให้คำมั่นแก่บุคคลใดตามกฎหมาย
แต่เป็นระเบียบที่วางไว้
เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาของทางราชการที่จะจ่ายเงินสินบนรางวัลให้แก่ผู้แจ้งความนำจับหรือเจ้าหน้าที่ผู้จับ
ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่อันได้มาซึ่งเงินค่าปรับตามแต่จะเห็นสมควรเท่านั้นการพิจารณาของผู้มีอำนาจตามที่กำหนดในระเบียบนี้ถือเป็นเด็ดขาด
ผู้ใดจะนำไปฟ้องร้องเป็นคดีมิได้
ข้อ
๖ เงินสินบน เงินรางวัล
และเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ให้นำไปจ่ายตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(๑)
เงินสินบนให้จ่ายแก่ผู้แจ้งความนำจับภายในสามสิบวันทำการนับแต่วันที่ได้รับเงินค่าปรับกรณีที่มีผู้มีสิทธิได้รับเงินสินบนหลายคน
ให้เฉลี่ยจ่ายเท่ากันทุกคน
(๒)
เงินรางวัลให้จ่ายในวันทำการสุดท้ายของเดือนแก่เจ้าหน้าที่ผู้จับ
ตามสัดส่วนของการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน
(๓) เงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ให้นำไปจ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่อันได้มาซึ่งเงินค่าปรับของกรมการจัดหางานได้ตามความจำเป็นโดยประหยัด
ตามงบดำเนินการ งบลงทุน และงบบุคลากรยกเว้นรายจ่ายประเภทเงินเดือน และค่าจ้างประจำ
หมวด ๒
การแจ้งความนำจับ
ข้อ
๗ ผู้มีอำนาจรับแจ้งความนำจับ ได้แก่
(๑) อธิบดีกรมการจัดหางาน
รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการมีงานทำ
ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
ผู้อำนวยการกองตรวจและคุ้มครองคนหางานข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่ระดับ ๓ ขึ้นไป
ซึ่งปฏิบัติงาน ณ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว หรือกองตรวจและคุ้มครองคนหางาน
มีอำนาจรับแจ้งความนำจับสำหรับกรณีความผิดที่เกิดขึ้น อ้าง
หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๒)
ผู้อำนวยการสำนักจัดหางานกรุงเทพ ข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่ระดับ ๓ ขึ้นไปซึ่งปฏิบัติงาน
ณ สำนักจัดหางานกรุงเทพ มีอำนาจรับแจ้งความนำจับสำหรับกรณีความผิดที่เกิดขึ้นอ้าง
หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครที่รับผิดชอบ
(๓) จัดหางานจังหวัด
ข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่ระดับ ๓ ขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติงาน ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด
มีอำนาจรับแจ้งความนำจับเฉพาะความผิดที่เกิดขึ้น อ้าง
หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตท้องที่จังหวัดที่รับผิดชอบ
(๔) ผู้ว่าราชการจังหวัด
รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอปลัดอำเภอ
มีอำนาจรับแจ้งความนำจับเฉพาะความผิดที่เกิดขึ้น อ้าง
หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตท้องที่จังหวัด หรืออำเภอที่รับผิดชอบ
(๕)
ข้าราชการทหารสังกัดกองทัพเรือซึ่งมียศตั้งแต่นายเรือตรีหรือเทียบเท่านายเรือตรีขึ้นไปมีอำนาจรับแจ้งความนำจับเฉพาะความผิดที่เกิดขึ้น
อ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของตนทางทะเล
(๖)
ข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตรสังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุดและกองทัพบกซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตรีหรือเทียบเท่าร้อยตรีขึ้นไป
มีอำนาจรับแจ้งความนำจับเฉพาะความผิดที่เกิดขึ้น อ้าง
หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของตน
(๗) ข้าราชการตำรวจ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป
มีอำนาจรับแจ้งความนำจับเฉพาะความผิดที่เกิดขึ้น อ้าง
หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของตน
(๘)
พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
ข้อ
๘
การแจ้งความนำจับให้แจ้งต่อผู้มีอำนาจรับแจ้งความนำจับ
โดยใช้แบบรับแจ้งความนำจับตามแบบที่อธิบดีกรมการจัดหางานกำหนด
เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนจะแจ้งความนำจับด้วยวาจาต่อผู้มีอำนาจรับแจ้งความนำจับ
และจัดทำแบบรับแจ้งความนำจับภายหลังการจับก็ได้
หมวด ๓
หลักเกณฑ์การจ่ายเงินสินบน
เงินรางวัล และเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ข้อ
๙ การจ่ายเงินสินบน เงินรางวัล
และเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
จะกระทำได้ต่อเมื่อกรมการจัดหางานได้รับเงินค่าปรับจากสำนักงานศาลยุติธรรม หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
ข้อ
๑๐
เงินที่ได้รับจากสำนักงานศาลยุติธรรม
ให้แบ่งเป็นสี่ส่วนและนำไปใช้จ่ายดังนี้
(๑) ให้นำไปจ่ายเป็นเงินสินบน
จำนวนหนึ่งส่วนของเงินค่าปรับที่ได้รับ
(๒)
ให้นำไปจ่ายเป็นเงินรางวัล จำนวนสองส่วนของเงินค่าปรับที่ได้รับ
(๓) ให้นำไปจ่ายเป็นเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
จำนวนหนึ่งส่วนของเงินค่าปรับที่ได้รับ
ในกรณีไม่มีการจ่ายเงินสินบนตาม
(๑) ให้นำไปรวมจ่ายเป็นเงินรางวัล จำนวนสามส่วนของเงินค่าปรับที่ได้รับ
ข้อ
๑๑
ในกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้เปรียบเทียบปรับให้หักเงินค่าปรับร้อยละ
๔๐ นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินในนามของกรมการจัดหางาน
ส่วนที่เหลือให้แบ่งเป็นสี่ส่วนโดยจ่ายเป็นเงินรางวัลให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดหนึ่งส่วน
แล้วนำส่งเงินค่าปรับที่เหลืออีกสามส่วนให้แก่กรมการจัดหางาน
เงินที่กรมการจัดหางานได้รับจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ให้นำไปใช้จ่ายดังนี้
(๑) ให้นำไปจ่ายเป็นเงินสินบน
จำนวนหนึ่งส่วนของเงินค่าปรับที่ได้รับ
(๒)
ให้นำไปจ่ายเป็นเงินรางวัล จำนวนหนึ่งส่วนของเงินค่าปรับที่ได้รับ
(๓)
ให้นำไปจ่ายเป็นเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
จำนวนหนึ่งส่วนของเงินค่าปรับที่ได้รับ
ในกรณีไม่มีการจ่ายเงินสินบนตาม
(๑) ให้นำไปรวมจ่ายเป็นเงินรางวัลในส่วนราชการกรมการจัดหางาน
จำนวนสองส่วนของเงินค่าปรับที่ได้รับ
ข้อ
๑๒
การจ่ายเงินสินบนจะจ่ายให้แก่ผู้แจ้งความนำจับในคดีความผิดที่เจ้าหน้าที่สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้เป็นผลสำเร็จเนื่องจากการแจ้งความในคดี
เงินสินบนนี้จะจ่ายได้ต่อเมื่อกระทำการไปแล้วตามเงื่อนไขต่อไปนี้
(๑)
การตรวจสอบหรือจับกุมเป็นผลสำเร็จเนื่องจากการแจ้งความนำจับและ
(๒)
พนักงานสอบสวนได้ทำการเปรียบเทียบปรับผู้ต้องหาหรือศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษปรับจำเลย
โดยคดีนั้นถึงที่สุดแล้วและ
(๓) ได้มีการชำระค่าปรับ
โดยที่กรมการจัดหางานได้รับเงินที่หักจากค่าปรับตามข้อ ๙ แล้ว
ข้อ
๑๓ การจ่ายเงินสินบนในคดีเดียวกัน
ถ้ามีบุคคลหลายคนแจ้งความนำจับให้ถือว่าบุคคลที่แจ้งความนำจับก่อนและมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรถูกต้องตามระเบียบนี้เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสินบน
แต่ถ้าแจ้งความนำจับพร้อมกันให้ถือว่าทุกคนเป็นผู้มีสิทธิรับเงินสินบน
ข้อ
๑๔
การจ่ายเงินรางวัลให้จ่ายแก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลดังต่อไปนี้
(๑) ผู้บังคับบัญชาซึ่งควบคุม
ดูแล การตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานจนพบการกระทำความผิด
(๒)
เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมหรือมีส่วนร่วมในการจับกุมตามรายชื่อที่ปรากฏในบันทึกการจับกุม
(๓) เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบ
หรือรวบรวมพยานหลักฐานจนพบการกระทำความผิด
(๔)
เจ้าหน้าที่ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ
กรณีที่มีผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลหลายคน
ให้แบ่งเงินรางวัลแก่ผู้มีสิทธิได้รับคนละเท่า ๆ กันเว้นแต่ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลคนใดคนหนึ่งสละสิทธิไม่ขอรับเงินรางวัล
ให้นำเงินรางวัลส่วนของผู้สละสิทธิมาเฉลี่ยให้ผู้มีสิทธิคนอื่น ๆ คนละเท่า ๆ กัน
หมวด ๔
การขอรับเงินสินบนหรือเงินรางวัล
ข้อ
๑๕
ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินสินบนขอรับเงินสินบนได้เฉพาะคดีที่สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้เป็นผลสำเร็จแล้ว
สำหรับการขอรับเงินสินบนในส่วนกลาง ให้ยื่นคำขอต่อกองตรวจและคุ้มครองคนหางาน
ส่วนการขอรับเงินสินบนในส่วนภูมิภาค ให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดที่ตั้งอยู่ในท้องที่ที่มีการแจ้งความนำจับ
โดยให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินสินบนยื่นคำขอภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่ได้รับแจ้งสิทธิการรับเงินสินบนจากกองตรวจและคุ้มครองคนหางาน
หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดโดยจดหมาย ลงทะเบียนตอบรับ
ข้อ
๑๖ เมื่อกองตรวจและคุ้มครองคนหางาน
หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดได้รับคำขอรับเงินสินบนตามข้อ ๑๕ แล้ว
ให้ตรวจสอบความถูกต้องว่าผู้ยื่นคำขอรับเงินสินบนเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินตามระเบียบนี้หรือไม่
โดยพิจารณาจากเอกสารการรับแจ้งความนำจับ คำขอรับเงินสินบนรายงานการจับกุม
การรับรองผลคดี และเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)
เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ยื่นคำขอรับเงินสินบนดังกล่าวเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสินบน
ให้เสนออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี
เพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินสินบนให้แก่ผู้ยื่นคำขอรับเงินนั้นและส่งคำอนุมัติให้สำนักงานเลขานุการกรม
หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามระเบียบต่อไป
ข้อ
๑๗
ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลขอรับเงินรางวัลได้เฉพาะคดีที่สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้เป็นผลสำเร็จแล้ว
สำหรับการขอรับเงินรางวัลในส่วนกลาง ให้ยื่นคำขอต่อกองตรวจและคุ้มครองคนหางาน
ส่วนการขอรับเงินรางวัลในส่วนภูมิภาค
ให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดที่ตั้งอยู่ในท้องที่ที่มีการแจ้งความนำจับ
เมื่อกองตรวจและคุ้มครองคนหางาน
หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดได้รับคำขอรับเงินรางวัลแล้ว
ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการขอรับเงินสินบน
ข้อ
๑๘ ในกรณีที่ผู้มีสิทธิรับเงินสินบนหรือเงินรางวัลถึงแก่กรรมหรือมีความจำเป็นอื่นใดไม่สามารถยื่นคำขอรับเงินสินบนหรือเงินรางวัลได้
ให้ทายาทโดยธรรม ผู้จัดการมรดก หรือผู้บังคับบัญชาของผู้นั้นเป็นผู้ดำเนินการ แล้วแต่กรณี
ข้อ
๑๙ การขอรับเงินสินบนหรือเงินรางวัล
ให้ยื่นคำขอตามแบบที่อธิบดีกรมการจัดหางานกำหนด พร้อมเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
(๑)
สำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัวอื่นที่หน่วยงานของรัฐออกให้และสำเนาภาพถ่ายทะเบียนบ้าน
หรือสำเนาหนังสือเดินทาง
(๒) ใบรับแจ้งความนำจับ
เฉพาะกรณีขอรับเงินสินบน
(๓) สำเนาบันทึกการจับกุมผู้ต้องหา
ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เฉพาะกรณีขอรับเงินรางวัล
(๔)
หนังสือมอบอำนาจให้ผู้จับกุมคนหนึ่งคนใดเป็นผู้รับเงินรางวัล
(๕) สำเนาคำพิพากษาคดี
หรือหนังสือแจ้งผลคดีของพนักงานอัยการว่าคดีถึงที่สุด แล้วแต่กรณี
(๖) หลักฐานการเป็นทายาทโดยธรรมหรือผู้จัดการมรดก
(ถ้ามี)
หมวด ๕
การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง
ข้อ
๒๐
เงินในส่วนที่จะต้องนำไปจ่ายเป็นเงินสินบนรางวัล
ให้นำฝากไว้ที่กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด หรือสำนักงานคลังจังหวัด ณ
อำเภอ แล้วแต่กรณี โดยเปิดบัญชีแยกต่างหากจากบัญชีเงินฝากอื่นชื่อ บัญชีเงินฝากเงินสินบนรางวัลของกรมการจัดหางาน
หรือ บัญชีเงินฝากเงินสินบนรางวัลของสำนักงานจัดหางานจังหวัด
แล้วแต่กรณี
สำหรับเงินในส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ให้นำฝากไว้ที่กรมบัญชีกลางชื่อ บัญชีเงินฝากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกรมการจัดหางาน
ข้อ
๒๑
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องนำเงินฝากธนาคารหรือเก็บรักษาไว้เป็นเงินสด ณ
ที่ทำการให้ขออนุมัติกระทรวงการคลัง
ข้อ
๒๒
เมื่อสิ้นปีงบประมาณหากมีเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคงเหลือ
ให้นำเงินคงเหลือ ณ วันสิ้นปีงบประมาณส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ข้อ
๒๓ ให้สำนักงานจัดหางานจังหวัด
รายงานผลการใช้จ่ายเงินสินบนรางวัลและเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมายังสำนักงานเลขานุการกรม
เพื่อรวบรวมกับการใช้จ่ายเงินสินบนรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในส่วนกลางแล้วรายงานให้กระทรวงการคลังทราบทุกวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคมและเดือนกันยายน
ข้อ
๒๔
การบัญชีให้ถือปฏิบัติตามระบบบัญชีของส่วนราชการ
เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้ปฏิบัติเป็นอย่างอื่น
และเมื่อปิดบัญชีประจำปีแล้ว
ให้ส่งงบการเงินไปให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ
๒๕ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงิน
การเบิกเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินฝากคลัง การพัสดุ
หรือวิธีปฏิบัติอื่นใดที่ไม่ได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้
ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับกรณีเงินงบประมาณรายจ่าย
ข้อ
๒๖ ให้กองตรวจและคุ้มครองคนหางาน
หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด
จัดทำทะเบียนคุมเกี่ยวกับรายละเอียดการขอรับและจ่ายเงินสินบนรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแบบที่อธิบดีกรมการจัดหางานกำหนด
ข้อ
๒๗
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือกรณีที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้
ให้เสนออธิบดีกรมการจัดหางานพิจารณา สั่งการเป็นราย ๆ ไป
ประกาศ ณ วันที่ ๗
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘
จุฑาธวัช
อินทรสุขศรี
อธิบดีกรมการจัดหางาน
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบรับแจ้งความนำจับ
คดีกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
๒. แบบคำขอรับเงินสินบนรางวัล
๓. ทะเบียนการขอรับและจ่ายเงินสินบนรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ตามระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบน
เงินรางวัล และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.๒๕๔๘
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
นันทนา/ผู้จัดทำ
๙ มกราคม ๒๕๔๙
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๕๒ ง/หน้า ๑๙/๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ |
540481 | ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2547
| ระเบียบกรมการจัดหางาน
ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๔๗
เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าวตามมาตรา
๗ และมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
เป็นไปโดยรอบคอบตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายสมควรกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.
๒๕๔๕ อธิบดีกรมการจัดหางานจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๗
ข้อ
๒[๑] ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๘
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นไป
ข้อ
๓ ให้ยกเลิก
(๑)
ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
(๒)
ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
(๓)
ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ
๔
การออกใบอนุญาตให้กับคนต่างด้าวตามมาตรา ๗ และมาตรา ๘
ให้พิจารณาอนุญาตตามความจำเป็นและความเหมาะสมโดยคำนึงถึง
(๑)
ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรด้านการเมือง ศาสนา เศรษฐกิจและสังคม
(๒)
การปกป้องมิให้คนต่างด้าวเข้ามาแย่งอาชีพที่คนไทยมีความรู้ความสามารถที่จะทำได้
และมีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงานภายในราชอาณาจักร
(๓)
ประโยชน์จากการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในตำแหน่งงานนั้นก่อให้เกิดการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาลงทุนหรือใช้จ่ายในประเทศเป็นจำนวนมาก
ก่อให้เกิดการจ้างงานคนไทยจำนวนมาก
หรือเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญในวิทยาการสมัยใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
และมีการถ่ายทอดให้คนไทย
(๔)
การพัฒนาทักษะฝีมือที่คนไทยจะได้รับจากการที่คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ถ่ายทอดความรู้
ความเข้าใจ วิธีการ รายละเอียดที่เกี่ยวข้องของเครื่องจักร เครื่องมือ
และความรู้ความชำนาญในวิทยาการสมัยใหม่ให้แก่คนไทยในงานนั้น
(๕)
หลักมนุษยธรรม
ข้อ
๕ การพิจารณาออกใบอนุญาตตามข้อ ๔ ให้อนุญาตได้ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(๑)
คนต่างด้าวเข้ามาปฏิบัติงานในสถาบันการเงินในการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือกระทรวงการคลัง
หรือหน่วยงานของรัฐซึ่งกำกับดูแลสถาบันการเงิน
โดยมีหนังสือรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกระทรวงการคลังหรือหน่วยงานของรัฐซึ่งกำกับดูแลสถาบันการเงิน
ให้อนุญาตตามจำนวนที่กำหนดไว้ในหนังสือรับรอง
(๒)
คนต่างด้าวตามที่มีหนังสือรับรองจากราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค
ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน
ที่เกี่ยวข้องซึ่งระบุชื่อตำแหน่งงาน และระยะเวลาการทำงานของคนต่างด้าวนั้น
(๓)
คนต่างด้าวทำงานกับนายจ้างที่มีขนาดการลงทุนจากทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่าสองล้านบาท
โดยทุก ๆ สองล้านบาทให้อนุญาตได้หนึ่งคน
หรือนายจ้างจดทะเบียนนิติบุคคลในต่างประเทศและเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่มีขนาดของการลงทุนจากเงินที่นำเข้าจากต่างประเทศไม่ต่ำกว่าสามล้านบาทโดยทุก
ๆ สามล้านบาทให้อนุญาตได้หนึ่งคน
หรือสถานประกอบการที่จดทะเบียนนิติบุคคลในต่างประเทศและเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยก่อนวันที่
๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ไม่มีหลักฐานการนำเงินเข้ามาจากต่างประเทศให้พิจารณาจากขนาดของการลงทุนจากจำนวนเงินคงเหลือตามที่ปรากฏในรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีของธนาคารย้อนหลังหกเดือน
จำนวนตั้งแต่สามล้านบาทขึ้นไป โดยทุก ๆ สามล้านบาทให้อนุญาตได้หนึ่งคน
เว้นแต่คนต่างด้าวมีคู่สมรสเป็นคนไทยซึ่งจดทะเบียนสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมายและอยู่กินร่วมกันฉันท์สามีภรรยาโดยเปิดเผย
ขนาดของการลงทุนตามที่กำหนดไว้ให้ลดลงกึ่งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้อนุญาตได้ไม่เกินสิบคนเว้นแต่การพิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสมในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
(ก)
ทำงานกับนายจ้างที่ได้ชำระภาษีเงินได้ให้แก่รัฐในรอบปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าสามล้านบาท
(ข)
ทำงานกับนายจ้างที่ดำเนินธุรกิจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศและนำเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศไม่น้อยกว่าสามสิบล้านบาทขึ้นไปในปีที่ผ่านมา
(ค)
ทำงานกับนายจ้างที่ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยว
ซึ่งนำชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ไม่น้อยกว่าห้าพันคนในรอบปีที่ผ่านมา
(ง)
ทำงานกับนายจ้างที่มีการจ้างงานคนไทยไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน
(๔)
คนต่างด้าวทำงานกับนายจ้างที่มีขนาดของการลงทุนจากทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่าสองล้านบาท
หรือนายจ้างจดทะเบียนนิติบุคคลในต่างประเทศและเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่มีขนาดของการลงทุนจากเงินที่นำเข้ามาจากต่างประเทศไม่ต่ำกว่าสามล้านบาท
ในลักษณะหนึ่งลักษณะใดดังต่อไปนี้มิให้นำข้อจำกัดในเรื่องจำนวนคนต่างด้าวตามความในข้อ
๕ (๓) มาใช้บังคับ
(ก)
คนต่างด้าวทำงานที่ใช้เทคโนโลยีซึ่งคนไทยยังทำไม่ได้หรือมีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงานภายในประเทศ
โดยให้มีการถ่ายทอดให้แก่คนไทยอย่างน้อยสองคน ภายในระยะเวลาที่กำหนด
(ข)
คนต่างด้าวทำงานโดยใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะทางเพื่อให้งานสำเร็จภายใต้โครงการที่มีระยะเวลาแน่นอน
(ค)
คนต่างด้าวทำงานในกิจการบันเทิง มหรสพ ดนตรี ซึ่งมีลักษณะการจ้างงานเป็นครั้งคราวมีระยะเวลากำหนดไว้แน่นอน
(๕)
คนต่างด้าวทำงานในมูลนิธิ สมาคม
หรือองค์การอื่นที่มีวัตถุประสงค์ไม่แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจหรือเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม
มิให้นำหลักเกณฑ์ในข้อ ๕ (๓) มาใช้บังคับ
(๖)
คนต่างด้าวที่เข้ามาประจำสำนักงานผู้แทนนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
ซึ่งเข้ามาให้คำแนะนำในด้านต่าง ๆ
เกี่ยวกับสินค้าของสำนักงานใหญ่ที่จำหน่ายแก่ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ใช้สินค้า
การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการใหม่ของสำนักงานใหญ่
และการรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจในประเทศไทยให้สำนักงานใหญ่ทราบให้อนุญาตได้ไม่เกินสองคน
คนต่างด้าวที่เข้ามาหาแหล่งจัดซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศไทยให้สำนักงานใหญ่
การตรวจสอบและควบคุมคุณภาพและปริมาณของสินค้าที่สำนักงานใหญ่ซื้อหรือจ้างผลิตในประเทศไทยให้อนุญาตได้ไม่เกินห้าคน
เว้นแต่สำนักงานผู้แทนนั้นสามารถหาแหล่งจัดซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศไทยให้สำนักงานใหญ่
และสำนักงานใหญ่ได้สั่งซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ผลิตในประเทศไทยมีมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการในรอบปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท
(๗)
คนต่างด้าวที่เข้ามาประจำสำนักงานภูมิภาคของนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศอื่น
เพื่อให้บริการในด้านต่าง ๆ ได้แก่
การติดต่อประสานงานและการกำกับการดำเนินงานของสาขาหรือบริษัทในเครือที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเดียวกันแทนสำนักงานใหญ่
การให้คำปรึกษาหรือบริการในการจัดการฝึกอบรมและพัฒนาบุคคล
การจัดการด้านการเงินการควบคุม การตลาดและวางแผนส่งเสริมการขาย การพัฒนาผลิตภัณฑ์
และการวิจัยและพัฒนาโดยไม่มีรายได้จากการให้บริการนั้นและไม่มีอำนาจรับคำสั่งซื้อหรือเสนอขายหรือเจรจาทำธุรกิจกับบุคคลหรือนิติบุคคลในประเทศที่เข้าไปตั้ง
ทั้งนี้ โดยได้รับเงินค่าใช้จ่ายในสำนักงานจากสำนักงานใหญ่เท่านั้นให้อนุญาตได้ไม่เกินห้าคน
เว้นแต่สำนักงานภูมิภาคนั้นนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทยในรอบปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าสิบล้านบาท
ข้อ
๖ การพิจารณาออกใบอนุญาตตามข้อ ๔
ให้กับคนต่างด้าวซึ่งขออนุญาตทำงานกับนายจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งมิใช่นายจ้างที่มีลักษณะตามข้อ
๕ ให้อนุญาตได้ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(๑)
คนต่างด้าวทำงานกับนายจ้างที่มีรายได้จากการประกอบกิจการในรอบปีที่ผ่านมาหรือปีปัจจุบันทุก
ๆ เจ็ดแสนบาทให้อนุญาตได้หนึ่งคน ทั้งนี้ ไม่เกินสามคน
(๒)
คนต่างด้าวทำงานกับนายจ้างที่ได้ชำระภาษีเงินได้ให้แก่รัฐในรอบปีที่ผ่านมาทุก ๆ
ห้าหมื่นบาทให้อนุญาตได้หนึ่งคน ทั้งนี้
ไม่เกินสามคน
(๓)
คนต่างด้าวทำงานกับนายจ้างที่มีการจ้างลูกจ้างคนไทยทุกสี่คนให้อนุญาตได้หนึ่งคน ทั้งนี้ ไม่เกินสามคน
หลักเกณฑ์ตามความในวรรคหนึ่งให้ลดลงกึ่งหนึ่งในกรณีที่คนต่างด้าวผู้ขอใบอนุญาตมีคู่สมรสเป็นคนไทยซึ่งจดทะเบียนสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมายและอยู่กินร่วมกันฉันท์สามีภรรยาโดยเปิดเผย
ข้อ
๗ การพิจารณาออกใบอนุญาตตามข้อ ๔
ให้กับคนต่างด้าวซึ่งขออนุญาตทำงานให้บริการทางกฎหมายหรืออรรถคดี
ให้อนุญาตได้ตามจำนวนที่คู่กรณีตกลงกันในงานดังต่อไปนี้
(๑)
งานปฏิบัติหน้าที่อนุญาโตตุลาการ
(๒)
งานว่าต่างแก้ต่างในชั้นอนุญาโตตุลาการ
ถ้ากฎหมายซึ่งใช้บังคับแก่ข้อพิพาทที่พิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการนั้นมิใช่กฎหมายไทย
หรือเป็นกรณีที่ไม่ต้องขอบังคับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนั้นในราชอาณาจักรไทย
ข้อ
๘
การพิจารณาอนุญาตนอกเหนือจากกรณีหรือหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้
ให้เป็นอำนาจของอธิบดี
ข้อ
๙
บรรดาคำขอที่เจ้าหน้าที่ได้รับไว้ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ
ให้ปฏิบัติตามระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ และระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ
๑๐
ให้อธิบดีกรมการจัดหางานเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐
กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗
จุฑาธวัช อินทรสุขศรี
อธิบดีกรมการจัดหางาน
พรพิมล/พิมพ์
๑๙ เม.ย. ๔๘
สุนันทา/พุทธพัท/ตรวจ
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘
A+B
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] รก.๒๕๔๗/พ๑๒๔ง/๕๐/๓ พฤศจิกายน
๒๕๔๗ |
339766 | ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคน ต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 | ระเบียบกรมการจัดหางาน
ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงาน
ของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕
--------------------
เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
ตามมาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๒๑ เป็นไปโดยรอบคอบตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
สมควรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.
๒๕๓๔ อธิบดีกรมการจัดหางานโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจึงวางระเบียบไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๕"
ข้อ ๒
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓
ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๕
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ ๖
เมื่อมีเหตุจำเป็นอันสมควร อธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมายหรือนายทะเบียน
แล้วแต่กรณี อาจพิจารณาออกใบอนุญาตทำงานต่ออายุใบอนุญาต
และอนุญาตให้เปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานให้แก่คนต่างด้าวในลักษณะหนึ่งลักษณะใดดังต่อไปนี้ได้
โดยมิให้นำข้อจำกัดในเรื่องจำนวนคนต่างด้าวตามความในข้อ ๕ มาใช้บังคับ
(๑)
ตัวแทนในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่เดินทางเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานสินค้าหรือการจัดซื้อสินค้า
หรือการศึกษาภาวะตลาดสินค้า
(๒) งานให้คำปรึกษาด้านการลงทุน
หรือด้านการบริหาร หรือด้านเทคนิคและเทคโนโลยี
หรือด้านการตรวจสอบภายในเป็นครั้งคราว
(๓)
ผู้แทนธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งนำชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
(๔)
สถาบันการเงินระหว่างประเทศซึ่งได้รับการรับรองจากส่วนราชการที่รับผิดชอบ
(๕) กิจการบันเทิง มหรสพ ดนตรี ศาสนา
สังคมสงเคราะห์ วัฒนธรรม กีฬา หรือการศึกษา ซึ่งมีลักษณะการจ้างงานเป็นครั้งคราว
และไม่แสวงหาผลกำไรหรือเป็นการก่อให้เกิดรายได้ต่อประเทศหรือเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม
(๖)
การนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจมีหนังสือรับรองจำนวนคนต่างด้าวพร้อมทั้งระบุชื่อ
และตำแหน่ง มาแสดง
(๗) งานที่ก่อให้เกิดการใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่
หรือสามารถลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
(๘) งานที่จะช่วยให้มีการส่งออกซึ่งสินค้าไทย
(๙) งานที่นำเทคโนโลยีซึ่งคนไทยยังทำไม่ได้
เพื่อเข้ามาเผยแพร่และถ่ายทอดให้แก่คนไทย
(๑๐) งานที่คนไทยสามารถทำได้แต่มีจำนวนไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการของตลาดแรงงานภายในประเทศ
(๑๑)
มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
(๑๒)
เป็นคู่สมรสของคนไทย
จดทะเบียนสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมายและดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยาโดยเปิดเผย
และประกอบอาชีพที่สุจริตไม่เป็นที่รังเกียจต่อสังคม
เมื่อผู้มีอำนาจพิจารณาได้พิจารณาอนุญาตแล้ว
ให้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมทราบภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป"
ข้อ ๔
บรรดาคำขอที่เจ้าหน้าที่ได้รับไว้ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับให้ปฏิบัติตามระเบียบนี้
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
วันชัย ผดุงศุภไลย
อธิบดีกรมการจัดหางาน
[รก.๒๕๔๕/พ๖๕ง/๖/๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๕]
เพ็ญพร/พิมพ์/แก้ไข
๒
ธันวาคม ๒๕๔๕
B+A(c)
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
325452 | ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545
| ระเบียบกรมการจัดหางาน
ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาต
การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.
๒๕๔๕
เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
ตามมาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
เป็นไปโดยรอบคอบตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
สมควรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.
๒๕๓๔ อธิบดีกรมการจัดหางานโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจึงวางระเบียบ
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑]
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓
ให้ยกเลิก
(๑)
ระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคำขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๓๗ ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
(๒)
ระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคำขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑
(๓)
ระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคำขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
ข้อ ๔
ในระเบียบนี้
ผู้มีอำนาจพิจารณา หมายความว่า
อธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมายหรือนายทะเบียน แล้วแต่กรณี
การพิจารณาออกใบอนุญาต หมายความว่า
การออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
ข้อ ๕
หลักเกณฑ์การพิจารณาออกใบอนุญาตทำงาน
ต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้เปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาตเฉพาะกิจการที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและอนุญาตแก่คนต่างด้าวเฉพาะที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
(๑)
เป็นคนต่างด้าวที่จะทำงานในสถานประกอบการที่มีทุนชำระแล้วและทุนประกอบธุรกิจเริ่มต้นไม่น้อยกว่าสองล้านบาทและทุกสองล้านบาทให้มีคนต่างด้าวทำงานได้หนึ่งคน
ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิบคน
โดยพิจารณาจากเอกสารหลักฐานทุนชำระแล้วและทุนประกอบธุรกิจ
ตลอดจนรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีของธนาคาร
รวมทั้งงบการเงินของปีที่ผ่านมาประกอบการพิจารณาด้วย
(๒) ทำงานในสถานประกอบการที่ได้ชำระภาษีเงินได้ให้แก่รัฐในรอบสามปีที่ผ่านมารวมกันไม่น้อยกว่าห้าล้านบาท
ให้มีคนต่างด้าวทำงานได้หนึ่งคน โดยพิจารณาจากเอกสารหลักฐานการชำระภาษีเงินได้
(๓)
ทำงานในสถานประกอบการที่ดำเนินธุรกิจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศและนำเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศสามล้านบาทขึ้นไปในปีที่ผ่านมา
ให้มีคนต่างด้าวทำงานได้หนึ่งคนทุก ๆ จำนวนสามล้านบาท แต่ไม่เกินสามคน
โดยพิจารณาจากเอกสารหลักฐานใบขนสินค้าขาออก
(๔)
ทำงานในสถานประกอบการที่มีการจ้างงานคนไทยทุกห้าสิบคน
ให้มีคนต่างด้าวทำงานได้หนึ่งคน แต่ไม่เกินห้าคน โดยพิจารณาจากเอกสารหลักฐานแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
(๕)
เป็นคนต่างด้าวที่มีรายได้และมีหน้าที่ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีให้แก่รัฐบาลไทยตั้งแต่หนึ่งหมื่นแปดพันบาทขึ้นไป
หรือได้ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีที่ผ่านมาเป็นจำนวนตั้งแต่หนึ่งหมื่นแปดพันบาทขึ้นไป
โดยพิจารณาจากเอกสารหลักฐานการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ข้อ ๖
เมื่อมีเหตุจำเป็นอันสมควรอธิบดีอาจพิจารณาออกใบอนุญาตทำงานต่ออายุใบอนุญาต
และอนุญาตให้เปลี่ยนการทำงานหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานให้แก่คนต่างด้าวในลักษณะหนึ่งลักษณะใดดังต่อไปนี้ได้
โดยมิให้นำข้อจำกัดในเรื่องจำนวนคนต่างด้าวตามความในข้อ ๕ มาใช้บังคับ
(๑)
ตัวแทนในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่เดินทางเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
หรือการจัดซื้อสินค้า หรือการศึกษาภาวะตลาดสินค้า
(๒) งานให้คำปรึกษาด้านการลงทุน
หรือด้านการบริหาร หรือด้านเทคนิคและเทคโนโลยี
หรือด้านการตรวจสอบภายในเป็นครั้งคราว
(๓) ผู้แทนธุรกิจท่องเที่ยว
ซึ่งนำชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
(๔) สถาบันการเงินระหว่างประเทศ
ซึ่งได้รับการรับรองจากส่วนราชการที่รับผิดชอบ
(๕) กิจการ บันเทิง มหรสพ ดนตรี ศาสนา
สังคมสงเคราะห์ วัฒนธรรม กีฬา ซึ่งมีลักษณะการจ้างงานเป็นครั้งคราว
และไม่แสวงหาผลกำไร
หรือเป็นการก่อให้เกิดรายได้ต่อประเทศหรือเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม
(๖)
การนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานเพื่อให้งานสำเร็จภายใต้โครงการของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งมีหนังสือรับรองจำนวนคนต่างด้าวพร้อมทั้งระบุชื่อตำแหน่ง มาแสดง
(๗)
งานที่ก่อให้เกิดการใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่
หรือสามารถลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
(๘) งานที่จะช่วยให้มีการส่งออกซึ่งสินค้าไทย
(๙) งานที่นำเทคโนโลยีซึ่งคนไทยยังทำไม่ได้
เพื่อเข้ามาเผยแพร่และถ่ายทอดให้แก่คนไทย
(๑๐) งานที่คนไทยสามารถทำได้
แต่มีจำนวนไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการของตลาดแรงงานภายในประเทศ
(๑๑) มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร
โดยมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
(๑๒) เป็นคู่สมรสของคนไทย
จดทะเบียนสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมายและดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยาโดยเปิดเผย
และประกอบอาชีพที่สุจริตไม่เป็นที่รังเกียจต่อสังคม
เมื่ออธิบดีได้พิจารณาอนุญาตแล้ว
ให้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมทราบภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป
ข้อ ๗
ในกรณีที่คนต่างด้าวจากประเทศที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติตามที่กระทรวงการต่างประเทศกำหนด
ยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๗
หรือกรณีที่บุคคลใดประสงค์จะให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในกิจการของตนในราชอาณาจักรและยื่นคำขอรับใบอนุญาตแทนคนต่างด้าวตามมาตรา
๘ ก็ดีให้ดำเนินการส่งตรวจสอบประวัติไปยังสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือสำนักงานตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบประวัติข้างต้น
ถ้าเป็นการยื่นคำขอตามมาตรา ๗
อาจจะพิจารณาออกใบอนุญาตทำงานให้ก่อนได้เท่าระยะเวลาการอยู่ในราชอาณาจักรตามหนังสือเดินทางที่มีกำหนดไม่เกินเก้าสิบวัน
ในกรณีที่ผลการตรวจสอบประวัติตามวรรคหนึ่งปรากฏว่า
คนต่างด้าวข้างต้นเป็นบุคคลที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
ห้ามพิจารณาออกใบอนุญาตหรือต้องเพิกถอนการอนุญาตและให้มีหนังสือแจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ
ข้อ ๘
ก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุและผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะทำงานนั้นต่อไปให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตต่อนายทะเบียน
และให้ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาต ทำงานไปพลางก่อนจนกว่านายทะเบียนจะมีคำสั่งไม่อนุญาต
ข้อ ๙
ในกรณีที่คนต่างด้าวขออนุญาตทำงานในสถานประกอบการที่เป็นนิติบุคคล มูลนิธิ
สมาคม
หรือทำงานให้กับกลุ่มบุคคลหรือบุคคลในประเทศไทยที่ได้รับความช่วยเหลือจากองค์การเอกชนต่างประเทศที่มิได้อยู่ในความควบคุมของกรมวิเทศสหการ
ให้ตรวจสอบการเข้ามาดำเนินงานขององค์การเอกชนต่างประเทศนั้นหากยังมิได้ยื่นขออนุญาตเข้ามาดำเนินงานและหรือตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทยตามระเบียบว่าด้วยการเข้ามาดำเนินงานขององค์การเอกชนต่างประเทศในประเทศไทยให้ระงับการพิจารณาการอนุญาตของคนต่างด้าวนั้นไว้ก่อน
จนกว่าองค์การเอกชนต่างประเทศนั้นจะได้รับอนุญาตตามระเบียบดังกล่าวแล้ว
ข้อ ๑๐
ในการพิจารณาออกใบอนุญาต กรณีผู้มีอำนาจพิจารณามีคำสั่งไม่อนุญาต
ให้มีหนังสือแจ้งพร้อมระบุเหตุผลแห่งการไม่อนุญาตให้ผู้ยื่นคำขอทราบ
ข้อ ๑๑
ผู้ขอมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีโดยทำเป็นหนังสือยื่นต่ออธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมายหรือนายทะเบียน
แล้วแต่กรณี ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่งไม่อนุญาตหรือไม่ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน
ไม่อนุญาตให้ทำงานอื่นหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงาน
ซึ่งผู้รับอุทธรณ์ต้องนำส่งคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าวภายในสิบห้าวัน
และคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าวจะพิจารณาเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีภายในสิบห้าวัน
และรัฐมนตรีวินิจฉัยคำอุทธรณ์ภายในสามสิบวัน คำวินิจฉัยของรัฐมนตรี ให้เป็นที่สุด
กรณีอุทธรณ์คำสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน
ผู้อุทธรณ์มีสิทธิทำงานไปพลางก่อนได้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของรัฐมนตรี
ข้อ ๑๒
คนต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับให้ทำงานได้ต่อไปจนกว่าครบระยะเวลาการอนุญาต
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
วันชัย ผดุงศุภไลย
อธิบดีกรมการจัดหางาน
สัญชัย/ปรับปรุง
๙
กรกฎาคม ๒๕๕๐
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖
ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๔๗ ง/หน้า ๒๔/๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕ |
316825 | ระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยการรับแจ้งงานอันจำเป็นและเร่งด่วน พ.ศ. 2545 | ระเบียบกรมการจัดหางาน
ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยการรับแจ้งงานอันจำเป็นและเร่งด่วน
พ.ศ.
๒๕๔๕
-----------------------
เพื่อให้การรับแจ้งงานอันจำเป็นและเร่งด่วนของคนต่างด้าว
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
เป็นไปด้วยความเหมาะสมสะดวกและรวดเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
อธิบดีกรมการจัดหางานโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยการรับแจ้งงานอันจำเป็นและเร่งด่วน
พ.ศ. ๒๕๔๕"
ข้อ ๒
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
ข้อ ๓
งานอันจำเป็นและเร่งด่วนดังต่อไปนี้
คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วน
ซึ่งมีระยะการทำงานไม่เกินสิบห้าวันให้คนต่างด้าวแจ้งด้วยตนเองต่ออธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมายตามแบบหนังสือแจ้งการเข้ามาทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วนตามมาตรา
๗ ท้ายระเบียบนี้
(ก) งานบริหารงานและวิชาการ
(๑) งานประชุม หารือ สัมมนา
หรือเยี่ยมชมธุรกิจ
(๒) งานตรวจสอบภายในเป็นครั้งคราว
(๓) งานบรรยายพิเศษ และวิชาการ
(๔) งานอำนวยการบิน
(ข) งานด้านเทคนิค
(๑)
งานช่างตรวจสอบติดตามผลและแก้ไขปัญหาด้านเทคนิค
(๒)
งานประชุมเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องจักรและด้านเทคนิค
(๓) งานวิศวกรเครื่องบิน งานช่างเครื่องบิน
(๔) งานช่างซ่อมหรือติดตั้งเครื่องจักรกล
(๕) งานช่างเทคนิคด้านปิโตรเลียม
(๖) งานสาธิตและทดสอบเครื่องมือกล
(๗) งานอบรมและสัมมนาทางด้านเทคนิค
(๘) งานถ่ายทำภาพยนต์และภาพนิ่ง
(ค) งานจัดหางานต่างประเทศ
(๑) งานคัดเลือกคนงาน
(๒) งานทดสอบฝีมือช่าง
(ง) งานเบ็ดเตล็ด
(๑) งานจัดซื้อสินค้า
(๒) งานประสานงานการท่องเที่ยว
(๓) งานสาธารณกุศลที่ไม่มีวัตถุประสงค์ทางการค้า
หรือแสวงหากำไร
ทางเศรษฐกิจ
(จ)
งานอื่นที่อธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมายเห็นสมควร
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
วันชัย ผดุงศุภไลย
อธิบดีกรมการจัดหางาน
[ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย]
[รก.๒๕๔๕/พ๔๗ง/๓๐/๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕]
พุทธชาด/พิมพ์/แก้ไข
๒๒/๐๘/๔๕
B+A
( C )
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
322490 | ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคำขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 | ระเบียบกรมการจัดหางาน
ระเบียบกรมการจัดหางาน
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคำขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒
--------------
เพื่อให้การพิจารณาการอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวตามมาตรา
๗ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๒๑
เป็นไปด้วยความเหมาะสมสะดวกและรวดเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมการจัดหางาน
จึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "
ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคำขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒"
ข้อ
๒
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ข้อ
๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ แห่ง
ระเบียบกรมการจัดหางาน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคำขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๓๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ
๑๐ งานต่อไปนี้กำหนดให้เป็นการทำงานอันจำเป็นและเร่งด่วน
ซึ่งมีระยะการทำงานไม่เกินสิบห้าวัน
๑๐.๑
งานบริหารงานและวิชาการ
๑๐.๑.๑
งานประชุม หารือ สัมมนา หรือเยี่ยมชมธุรกิจ
๑๐.๑.๒
งานตรวจสอบภายในเป็นครั้งคราว
๑๐.๑.๓
งานบรรยายพิเศษ และวิชาการ
๑๐.๑.๔
งานอำนวยการบิน
๑๐.๒
งานด้านเทคนิค
๑๐.๒.๑
งานช่างตรวจสอบติดตามผลและแก้ไขปัญหาด้านเทคนิค
๑๐.๒.๒
งานประชุมเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องจักรและด้านเทคนิค
๑๐.๒.๓
งานวิศวกรเครื่องบิน งานช่างเครื่องบิน
๑๐.๒.๔
งานช่างซ่อมหรือติดตั้งเครื่องจักรกล
๑๐.๒.๕
งานช่างเทคนิคด้านปิโตรเลี่ยม
๑๐.๒.๖
งานสาธิตและทดสอบเครื่องมือกล
๑๐.๒.๗
งานอบรมและสัมมนาทางด้านเทคนิค
๑๐.๒.๘
งานถ่ายทำภาพยนต์และภาพนิ่ง
๑๐.๓
งานจัดหางานต่างประเทศ
๑๐.๓.๑
งานคัดเลือกคนงาน
๑๐.๓.๒
งานทดสอบฝีมือช่าง
๑๐.๔
งานเบ็ดเตล็ด
๑๐.๔.๑
งานจัดซื้อสินค้า
๑๐.๔.๒
งานประสานงานการท่องเที่ยว
๑๐.๔.๓
งานสาธารณกุศลที่ไม่มีวัตถุประสงค์ทางการค้าหรือแสดงหากำไรทางเศรษฐกิจ
๑๐.๕
งานที่อธิบดีหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีมอบหมาย
เห็นควรรับแจ้งเป็นกรณีพิเศษตามความจำเป็นในขณะนั้น"
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
สมชาย วัฒนา
อธิบดีกรมการจัดหางาน
[รก.๒๕๔๒/พ.๘๙ง/๕/๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๒]
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ |
301912 | ระเบียบกรมแรงงาน ว่าด้วยการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2534 | ระเบียบกรมแรงงาน
ระเบียบกรมแรงงาน
ว่าด้วยการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.๒๕๓๕[๑]
----------
โดยที่พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.๒๕๒๑ มาตรา ๗ กำหนดให้
คนต่างด้าวจะทำงานได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาต
มาตรา ๘
กำหนดให้บุคคลใดประสงค์จะให้ คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในกิจการของตนในราชอาณาจักร ยื่นคำขอรับใบอนุญาตแทนคนต่างด้าว มาตรา ๑๐
กำหนดให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมาย
ว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือตามกฎหมายอื่นให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาต มาตรา ๑๒ กำหนด
ให้คนต่างด้าวบางประเภททำงานได้เฉพาะที่รัฐมนตรีกำหนดโดยได้รับอนุญาต มาตรา ๑๕
กำหนดให้ใบอนุญาตที่สิ้นอายุและผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะทำงานนั้นต่อไปให้ยื่นคำขอต่ออายุ
ใบอนุญาตมาตรา ๑๙
กำหนดให้ผู้รับอนุญาตยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตที่ชำรุดในสาระสำคัญหรือสูญหาย และมาตรา ๒๑ กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่ประสงค์จะทำงานอื่นนอกจากงานที่ระบุไว้
ในใบอนุญาตหรือเปลี่ยนท้องที่หรือสถานที่ในการทำงานต้องขอรับอนุญาตประกอบกับระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๓๒ ข้อ ๙
กำหนดให้หน่วยงานของรัฐออกระเบียบเพื่อกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน
สำหรับคำขอในเรื่องนั้น
อธิบดีกรมแรงงานจึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ระเบียบนี้เรียกว่า
`ระเบียบกรมแรงงานว่าด้วยการพิจารณาการทำงาน ของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๓๔'
ข้อ ๒
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๔ เป็นต้นไป
ข้อ
๓
ให้ยกเลิกระเบียบกรมแรงงานว่าด้วยการพิจารณาการทำงานของคน ต่างด้าว พ.ศ.๒๕๓๒
ข้อ ๔ การขอรับใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๐ กรณีคนต่างด้าวซึ่งได้รับ
อนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือ ตามกฎหมายยื่นให้ยื่นคำขอตามแบบ ตท.๑
พร้อมด้วยหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑)
หนังสือเดินทางฉบับจริง พร้อมสำเนา ๑ ชุด
(๒)
รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรงในเครื่องแต่งกายที่สุภาพและไม่สวมหมวกขนาด ๕ x ๖
เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวน ๓ ใบ
(๓)
เอกสารรับรองของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
แสดงว่าได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
หรือตามกฎหมายอื่น
(๔)
กรณีคนต่างด้าวให้บุคคลอื่นนำคำขอมายื่นแทน
ให้ทำใบมอบอำนาจตามแบบที่กำหนด พร้อมทั้งปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย
ข้อ ๕
การขอรับใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๗ ในกรณี
๕.๑
คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวหรือได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ซึ่งจะขออนุญาตทำงานเป็นครั้งแรก
หรือเมื่อใบอนุญาตเดิมขาดต่ออายุ และยื่นขอใหม่
๕.๒ คนต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานประเภทตลอดชีพ
และประสงค์จะขอเพิ่ม การทำงาน สถานที่ ท้องที่ จากเดิมที่ได้รับอนุญาต
ให้ยื่นคำขอตามแบบ
ตท.๒ พร้อมหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑)
สำเนาหนังสือเดินทางหรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
กรณีได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ถาวรแล้ว
แนบคำขอพร้อมทั้งนำฉบับจริงไปแสดงเพื่อตรวจสอบด้วย
(๒)
รูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรงในเครื่องแต่งกายสุภาพ ไม่สวมหมวก ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร
ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวน ๓ ใบ
(๓)
เอกสารแสดงวุฒิการศึกษา
และใบรับรองของนายจ้างคนเดิมแสดงว่า ผู้ขอได้เคยทำงานอะไร ที่ไหน
ช่วงระยะเวลาใด โดยละเอียด ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศที่
ไม่ใช่ภาษาอังกฤษให้แปลเป็นภาษาไทย โดยมีสถานทูตหรือกระทรวงการต่างประเทศรับรอง
(๔)
ใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง รับรองว่าผู้ขอไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ไม่เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน วัณโรคระยะอันตราย
โรคเท้าช้าง ในระยะอันเป็นที่รังเกียจของสังคม ติดยาเสพติดให้โทษอย่างร้ายแรง
หรือโรคพิษสุราเรื้อรัง
(๕)
หนังสือรับรองการจ้างของนายจ้างคนปัจจุบันตามแบบที่กำหนดลงนามการจ้างโดยผู้มีอำนาจลงนามตามที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์
(๖)
แบบคำขอที่ได้กรอกรายละเอียดของลักษณะงานอย่างชัดแจ้งว่าผู้ขอประสงค์จะทำหน้าที่อะไร
เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการทำงานอย่างไร
และได้กรอกแบบคำขอครบทุกข้อแล้ว
(๗)
หนังสือรับรองของกรมทะเบียนการค้าแสดงว่า
สถานประกอบการที่ผู้ขอจะเข้าทำงานได้จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วน บริษัท โดยระบุวัตถุประสงค์ในการประกอบ
กิจการพร้อมทั้งระบุชื่อผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล
(๘)
สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยกรมทะเบียนการค้ารับรองสำเนาถูกต้อง
(๙)
ใบทะเบียนการค้าของกรมสรรพากร
(๑๐)
สถานประกอบการที่มีโรงงานให้แนบใบอนุญาตจัดตั้งโรงงาน และ /
หรือใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานที่ได้รับการต่ออายุจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
กระทรวงอุตสาหกรรม
(๑๑)
สถานประกอบการที่เป็นนิติบุคคลต่างด้าว ให้แนบใบอนุญาตการประกอบ ธุรกิจของคนต่างด้าวตามประกาศคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๒๘๑
(๑๒)
แผนภูมิแสดงตำแหน่งงานพร้อมทั้งชื่อบุคคลที่ทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ
หรือบัญชีรายชื่อพร้อมทั้งตำแหน่งของบุคคลที่ทำงานในบริษัทนั้น ๆ
ถ้ามีคนต่างด้าวทำงานอยู่ใน ตำแหน่งใด
ให้ระบุเลขที่ใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวนั้น และให้ระบุตำแหน่งของผู้ขอใน แผนภูมิด้วย
ในตอนท้ายของแผนภูมิให้ระบุด้วยว่ามีคนต่างด้าวรวมทั้งสิ้นกี่คน คนไทยกี่คน พร้อม
ทั้งประทับตราของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
และลงลายมือชื่อของผู้มีอำนาจกระทำการแทน นิติบุคคลเพื่อรับรองความถูกต้อง
(๑๓)
สำเนาใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวทุกคนที่ทำงานในสถานประกอบ การ
(๑๔)
ถ้าผู้ขอจะทำงานแทนตำแหน่งของบุคคลเดิมที่เป็นคนต่างด้าว
ให้ถ่ายเอกสารใบอนุญาตทำงานพร้อมทั้งหลักฐานการแจ้งออกจากงานของคนต่างด้าวคนเดิมไปแสดง
ถ้าคนเดิมยังไม่แจ้งออกให้ทำหนังสือชี้แจงว่าคนเดิมจะแจ้งออกเมื่อใด
(๑๕)
งบการเงินประจำปีล่าสุดของสถานประกอบการ ถ้างบดุลขาดทุนให้แนบ งบดุลย้อนหลังสองปี
(๑๖)
ถ้ากิจการที่คนต่างด้าวขอเข้าทำงาน
เป็นกิจการสั่งสินค้าเข้าหรือส่งสินค้าออก
แบบแสดงรายการค้าของกรมศุลกากรและใบสิทธิคุ้มของที่ส่งออก แบบ ลป.61 และให้แสดงหลักฐานการสรุปยอดรวมมูลค่าการส่งออกเป็นอัตราเงินบาทด้วย
(๑๗)
ถ้างานที่คนต่างด้าวขอทำต้องได้รับการอนุญาตตามกฎหมายอื่นให้ถ่ายเอกสารการอนุญาตนั้นไปแสดง
เช่น ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ ใบอนุญาตการเป็นครู ใบ อนุญาตให้ประกอบวิชาเวชกรรม
บัตรนักข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์ หนังสือรับรองจากกรมการ ศาสนา เป็นต้น
(๑๘)
ถ้าคนต่างด้าวสมรสกับคนไทย
ให้แนบสำเนาทะเบียนสมรส บัตร
ประชาชนของคู่สมรส สูติบัตรบุตร (ถ้ามี)
ทะเบียนบ้านและนำฉบับจริงไปแสดงเพื่อตรวจสอบ
(๑๙)
แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานที่ทำงาน
(๒๐)
กรณีคนต่างด้าวให้บุคคลอื่นนำคำขอมายื่นแทน
ให้ทำใบมอบอำนาจตามแบบที่กำหนดพร้อมทั้งปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย
(๒๑)
หลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม
ข้อ ๖
การขอรับใบอนุญาตตามมาตรา ๘
กรณีผู้ที่ประสงค์จะให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในกิจการของตนในราชอาณาจักร ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตแทนคนต่างด้าวตามแบบ
ตท.๓ พร้อมหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑)
ใบแนบ ตท.๓
(๒)
รูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรงในเครื่องแต่งกายที่สุภาพ ไม่สวมหมวกขนาด ๕ x ๖
เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวน ๓ ใบ
(๓)
เอกสารแสดงวุฒิการศึกษา และใบรับรองของนายจ้างคนเดิมแสดงว่า
ผู้ขอได้เคยทำงานอะไร ที่ไหน ช่วงระยะเวลาใด
ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ให้แปลเป็นภาษาไทย
โดยมีสถานฑูตหรือกระทรวงการต่างประเทศรับรอง
(๔)
หนังสือรับรองการจ้างของนายจ้างคนปัจจุบันตามแบบที่กำหนดลงนาม
การจ้างโดยผู้มีอำนาจลงนามตามที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์
(๕)
แบบคำขอที่ได้กรอกรายละเอียดของลักษณะงานอย่างชัดแจ้งว่าคนต่างด้าวจะทำหน้าที่อะไร
เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการทำงานอย่างไร และได้กรอกแบบคำขอครบทุกข้อแล้ว
(๖)
หนังสือรับรองของกรมทะเบียนการค้าแสดงว่า
สถานประกอบการที่จะ เข้าทำงานได้จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วน บริษัท โดยระบุวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการ พร้อมทั้งระบุชื่อผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล
(๗)
สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท
โดยกรมทะเบียนการค้ารับรองสำเนาถูกต้อง
(๘)
ใบทะเบียนการค้าของกรมสรรพากร
(๙)
สถานประกอบการที่มีโรงงานให้แนบใบอนุญาตจัดตั้งโรงงานและ / หรือ
ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานที่ได้รับการต่ออายุจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวง
อุตสาหกรรม
(๑๐)
สถานประกอบการที่เป็นนิติบุคคลต่างด้าว ให้แนบใบอนุญาตการ ประกอบ
ธุรกิจของคนต่างด้าวตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑
(๑๑)
แผนภูมิแสดงตำแหน่งพร้อมทั้งชื่อบุคคลที่ทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ
หรือบัญชีรายชื่อพร้อมทั้งตำแหน่งของบุคคลที่ทำงานในบริษัทนั้น ๆ ถ้ามีคนต่างด้าวทำงานอยู่ในตำแหน่งใด
ให้ระบุเลขที่ใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวนั้น และให้ระบุตำแหน่ง
ของคนต่างด้าวที่ประสงค์จะขอใบอนุญาตในแผนภูมิด้วย ในตอนท้ายของแผนภูมิให้ระบุด้วย
ว่ามีคนต่างด้าวกี่คน คนไทยกี่คน
พร้อมทั้งประทับตราห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
และลงลายมือชื่อของผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลเพื่อรับรองความถูกต้อง
(๑๒)
สำเนาใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวทุกคนที่ทำงานในสถานประกอบการ
(๑๓)
ถ้าผู้ขอจะทำงานแทนตำแหน่งของบุคคลเดิมที่เป็นคนต่างด้าวให้ถ่ายเอกสารใบอนุญาตทำงานพร้อมทั้งหลักฐานการแจ้งออกจากงานของคนต่างด้าวคนเดิมไปแสดง
ถ้าคนเดิมยังไม่แจ้งออกให้ทำหนังสือชี้แจงว่าคนเดิมจะแจ้งออกเมื่อใด
(๑๔)
งบการเงินประจำปีล่าสุดของสถานประกอบการ
ถ้างบดุลนั้นขาดทุนให้ แนบงบดุลย้อนหลังสองปี
(๑๕)
ถ้ากิจการที่คนต่างด้าวขอเข้าทำงาน
เป็นกิจการสั่งสินค้าเข้าหรือส่งสินค้าออกให้ถ่ายใบจนสินค้าขาออกและแบบแสดงรายการค้าของกรมศุลกากรและใบสิทธิคุ้มของ
ที่ส่งออกแบบ ลป.๖๑ ของธนาคารแห่งประเทศไทยไปแสดง และให้แสดงหลักฐานการสรุปยอด
รวมมูลค่าการส่งออกเป็นอัตราเงินบาท
(๑๖)
ถ้างานที่คนต่างด้าวขอทำ
ต้องได้รับการอนุญาตตามกฎหมายอื่นให้ถ่ายเอกสารการอนุญาตนั้นไปแสดง เช่น ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
ใบอนุญาตการเป็นครู บัตรนักข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์
หรือหนังสือรับรองจากกรมการศาสนา เป็นต้น
(๑๗)
ถ้าคนต่างด้าวสมรสกับคนไทย ให้แนบสำเนาทะเบียนสมรส บัตรประชาชนของคู่สมรส
สูติบัตรบุตร (ถ้ามี) ทะเบียนบ้าน และนำฉบับจริงไปแสดงเพื่อตรวจสอบ และ
ให้ถ่ายหนังสือเดินทางทุกหน้าของคนต่างด้าวที่ประสงค์จะขอใบอนุญาตแนบคำขอด้วย
(๑๘)
แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานที่ทำงาน
(๑๙)
กรณีผู้ที่ประสงค์จะให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในกิจการของตนในราชอาณาจักรให้บุคคลอื่นนำคำขอมายื่นแทน
ให้ทำใบมอบอำนาจตามแบบที่กำหนดพร้อมทั้งปิดอากร แสตมป์ตามกฎหมาย
(๒๐)
หลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม
ข้อ ๗
การขอต่ออายุใบอนุญาตตามมาตรา ๑๕
กรณีใบอนุญาตสิ้นอายุ
และผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะทำงานนั้นต่อไปให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต
ตามแบบ ตท.๕ พร้อม หลักฐาน ดังต่อไปนี้
๗.๑
กรณีใบอนุญาตยังไม่ครบกำหนดเวลาที่ได้รับอนุญาต
(๑)
หนังสือเดินทางหรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่
และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวฉบับจริง
(๒)
กรณีคนต่างด้าวให้บุคคลอื่นนำคำขอมายื่นแทน ให้ทำใบมอบอำนาจตามแบบที่กำหนด
พร้อมทั้งปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย
๗.๒
กรณีใบอนุญาตครบกำหนดเวลาที่ได้รับอนุญาตแล้ว
(๑)
หนังสือชี้แจง
ผลการดำเนินงานของคนต่างด้าวในปีที่ผ่านมา
และเหตุผลความจำเป็นที่นายจ้างต้องจ้างคนต่างด้าวทำงานต่อไป
(๒)
งบการเงินประจำปีล่าสุดของสถานประกอบการถ้างบดุลขาดทุน ให้แนบงบดุลย้อนหลังสองปี
(๓)
หลักฐานการเสียภาษีของสถานประกอบการและของคนต่างด้าว
(๔)
หลักฐานการส่งออกช่วงปีล่าสุด
โดยสรุปยอดรวมเป็นอัตราเงิน บาทเช่น ใบจนสินค้าของกรมศุลกากร หรือใบ ลป.๖๑
ของธนาคารแห่งประเทศไทย
(๕)
รายงานผลการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
(๖)
ถ้าคนต่างด้าวสมรสกับคนไทยให้ยื่นสำเนา ทะเบียนสมรส บัตร ประชาชนของคู่สมรส สูติบัตรบุตร
(ถ้ามี) ทะเบียนบ้านและนำฉบับจริงไปแสดงเพื่อตรวจสอบด้วย
(๗)
กรณีคนต่างด้าวให้บุคคลอื่นนำคำขอมายื่นแทน
ให้ทำใบมอบอำนาจตามแบบที่กำหนดพร้อมทั้งปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย
ข้อ ๘
การขอรับใบแทนใบอนุญาตตามมาตรา ๑๙
กรณีใบอนุญาตชำรุดในสาระสำคัญหรือสูญหาย ให้ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตตามแบบ
ตท.๖ พร้อมหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑)
รูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรงในเครื่องแต่งกายสุภาพ ไม่สวมหมวกขนาด ๕ x ๖
เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวน ๓ ใบ
(๒)
ใบอนุญาตทำงานฉบับที่ชำรุด (ในกรณีชำรุดในสาระสำคัญ)
(๓)
หลักฐานการรับแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
(ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหาย)
(๔)
กรณีคนต่างด้าวให้บุคคลอื่นนำคำขอมายื่นแทนให้ทำใบมอบอำนาจตามแบบที่กำหนดพร้อมทั้งปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย
ข้อ ๙
การขออนุญาตตามมาตรา ๒๑ กรณีผู้มีใบอนุญาตที่ประสงค์จะทำงานอื่น
นอกจากงานที่ระบุไว้ในใบอนุญาต หรือเปลี่ยนท้องที่ หรือสถานที่ทำงาน
ให้ยื่นคำขออนุญาตตามแบบ ตท.๗ พร้อมหลักฐานดังต่อไปนี้
(๑)
ใบอนุญาตทำงาน
(๒)
หนังสือเดินทางหรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่
และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
โดยถ่ายสำเนาทุกหน้าเพื่อแนบคำขอและนำฉบับจริงไปแสดงเพื่อตรวจสอบ
(๓)
เอกสารแสดงวุฒิการศึกษา และใบรับรองของนายจ้างคนเดิมแสดงว่า
ผู้ขอเคยทำงานอะไร ที่ไหน ช่วงระยะเวลาใด โดยละเอียด
ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ ภาษาอังกฤษให้แปลเป็นภาษาไทย
โดยมีสถานทูตหรือกระทรวงการต่างประเทศรับรอง
(๔)
หนังสือรับรองการจ้างของนายจ้างคนปัจจุบันตามแบบที่กำหนดลงนาม
การจ้างโดยผู้มีอำนาจลงนามตามที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์
(๕)
หนังสือรับรองของกรมทะเบียนการค้าแสดงว่า
สถานประกอบการที่จะ เข้าทำงานได้จดทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัท โดยระบุวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการพร้อม
ทั้งระบุชื่อผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล
(๖)
สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยกรมทะเบียนการค้ารับรองสำเนาอันถูกต้อง
(๗)
ใบทะเบียนการค้าของกรมสรรพากร
(๘)
สถานประกอบการที่มีโรงงาน
ให้แนบใบอนุญาตจัดตั้งโรงงาน ใบ อนุญาตประกอบกิจการโรงงาน
กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
(๙)
สถานประกอบการที่เป็นนิติบุคคลต่างด้าว ให้แนบใบอนุญาตการประกอบ
ธุรกิจของคนต่างด้าวตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑
(๑๐)
แผนภูมิแสดงตำแหน่งงานพร้อมทั้งชื่อบุคคลที่ทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ
ถ้ามีคนต่างด้าวทำงานอยู่ในตำแหน่งใด
ให้ระบุเลขที่ใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวกำกับในตำแหน่งนั้น ๆ ด้วย
และในตอนท้ายของแผนภูมิให้ระบุด้วยว่า มีคนต่างด้าวรวมทั้งสิ้นกี่คน คนไทยกี่คน
พร้อมทั้งประทับตราห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทและลงลายมือชื่อของผู้มีอำนาจกระทำการ
แทนนิติบุคคลเพื่อรับรองความถูกต้องด้วย
(๑๑)
สำเนาใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวทุกคนที่ทำงานในสถานประกอบ การนั้น
(๑๒)
ถ้าผู้ขออนุญาตทำงานขอทำงานแทนตำแหน่งของบุคคลเดิมที่เป็นคนต่างด้าว ให้ถ่ายสำเนาใบอนุญาตทำงานพร้อมทั้งหลักฐานการแจ้งออกจากงานของคนต่างด้าว
คนเดิมไปแสดง
ถ้าคนต่างด้าวคนเดิมยังไม่แจ้งออกให้ทำหนังสือชี้แจงว่าคนเดิมจะแจ้งออกเมื่อใด
(๑๓)
งบการเงินประจำปีล่าสุดของสถานประกอบการ
ถ้างบดุลนั้นขาดทุนให้ แนบงบดุลย้อนหลังสองปี
(๑๔)
ถ้ากิจการที่คนต่างด้าวขอเข้าทำงาน
เป็นกิจการสั่งสินค้าเข้าหรือส่ง สินค้าออกให้ถ่ายใบขนสินค้าขาออก
แบบแสดงรายการค้าของกรมศุลกากรและใบสิทธิคุ้ของที่ ส่งออก แบบ ลป.๖๑ ของธนาคารแห่งประเทศไทย
และให้แสดงหลักฐานการสรุปยอดรวมมูลค่าการส่งออกเป็นอัตราเงินบาท
(๑๕)
ถ้างานที่คนต่างด้าวขอทำต้องได้รับการอนุญาตตามกฎหมายอื่น ให้ถ่ายเอกสารการอนุญาตนั้นไปแสดง เช่นใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ ใบอนุญาตการเป็นครู
บัตรนักข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์ หนังสือรับรองจากกรมการศาสนา เป็นต้น
(๑๖) ถ้าคนต่างด้าวสมรสกับคนไทย
ให้แนบสำเนาทะเบียนสมรส บัตรประชาชน ของคู่สมรส สูติบัตรบุตร(ถ้ามี)
ทะเบียนบ้านและนำฉบับจริงไปแสดงเพื่อตรวจสอบด้วย
(๑๗)
แผนที่แสดงที่ตั้งของสถานที่ทำงาน
(๑๘)
กรณีคนต่างด้าวให้บุคคลอื่นนำคำขอมายื่นแทน
ให้ทำใบมอบอำนาจตามแบบที่กำหนดพร้อมทั้งปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย
(๑๙)
หลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม
ข้อ ๑๐
การขอรับใบอนุญาตตามมาตรา ๑๒ กรณีคนต่างด้าวดังต่อไปนี้
ทำงานได้เฉพาะที่รัฐมนตรีกำหนด
๑๐.๑
คนต่างด้าวที่ถูกเนรเทศตามกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศซึ่งได้รับการผ่อนผันให้ไปประกอบอาชีพ
ณ ที่แห่งใดแทนการเนรเทศหรืออยู่ในระหว่างรอการเนรเทศ
๑๐.๒
คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร
โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และอยู่ในระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร
๑๐.๓
คนต่างด้าวที่เกิดในราชอาณาจักร
แต่ไม่ได้สัญชาติไทย
ตามประกาศ ของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๗ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๕
หรือตามกฎหมายอื่น
๑๐.๔
คนต่างด้าวโดยผลของการถูกถอนสัญชาติตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๗ ลงวันที่ ๑๓
ธันวาคม ๒๕๑๕ หรือตามกฎหมายอื่น
ให้ยื่นคำขอตามแบบ
ตท.๘ พร้อมหลักฐานดังต่อไปนี้
(๑)
หลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ก)
สำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
ข)
สำเนาหนังสือของส่วนราชการรับรองว่า
เป็นคนต่างด้าวที่ถูกเนรเทศตามกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
ซึ่งได้รับการผ่อนผันให้ไปประกอบอาชีพ ณ
ที่แห่งใหม่แทนการเนรเทศหรืออยู่ในระหว่างรอการเนรเทศ
ค)
สำเนาหลักฐานการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรระหว่างรอการ ส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร
ง)
สำเนาบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ
จ)
สำเนาบัตรประจำตัวผู้อพยพ
(๒)
หลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ก)
สำเนาทะเบียนบ้าน
ข)
สำเนาหลักฐานแสดงสถานที่อยู่
ค)
สำเนาทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ
ง)
สำเนาหนังสือรับรองของผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่มีศูนย์อพยพแสดงว่าผู้ยื่นคำขอเป็นผู้อพยพในศูนย์อพยพ
และได้รับการผ่อนผันให้ออกมาทำงานนอกศูนย์ อพยพได้
(๓)
หนังสือรับรองการจ้างของนายจ้างคนปัจจุบันตามแบบที่กำหนด ลงนาม
การจ้างโดยผู้มีอำนาจลงนามตามที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์ด้วย
(๔)
รูปถ่ายครึ่งตัว
หน้าตรงในเครื่องแต่งกายที่สุภาพไม่สวมหมวก ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร
ซึ่งถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือน จำนวน ๓ ใบ
(๕)
ใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง
รับรองว่าคนต่างด้าวไม่เป็นบุคคล วิกลจริต หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
ไม่เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน วัณโรคในระยะอันตราย โรคเท้าช้างในระยะอันเป็นที่รังเกียจของสังคม
ติดยาเสพติดให้โทษอย่างร้ายแรงหรือโรค พิษสุราเรื้อรัง
(๖)
หนังสือรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์
ของสถานประกอบการที่จะรับผู้ ขอเข้าทำงาน
(๗)
แผนผังแสดงที่ตั้งของสถานประกอบการ
(๘)
กรณีคนต่างด้าวให้บุคคลอื่นนำคำขอมายื่นแทน
ให้ทำใบมอบอำนาจตามแบบที่กำหนด พร้อมทั้งปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย
ข้อ ๑๑
การขอรับใบอนุญาตในกรณีที่ยื่นคำขอไว้ตามมาตรา ๘ โดยใช้แบบ ตท.๓
และได้รับอนุญาตแล้ว
ให้ใช้แบบรับรองประวัติเพื่อขอรับใบอนุญาตทำงานพร้อมหลักฐานดังต่อไปนี้
(๑)
ต้นฉบับหนังสือเดินทาง พร้อมสำเนาเพื่อแนบคำขอ
(๒)
ใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งรับรองว่า คนต่างด้าวไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ไม่เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน วัณโรคในระยะ อันตราย โรคเท้าช้างในระยะอันเป็นที่รังเกียจของสังคม
ติดยาเสพติดให้โทษอย่างร้ายแรงหรือ โรคพิษสุราเรื้อรัง
(๓)
กรณีคนต่างด้าวให้บุคคลอื่นนำคำขอมายื่นแทน
ให้ทำใบมอบอำนาจตามแบบที่กำหนด พร้อมทั้งปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย
ข้อ ๑๒
สถานที่ยื่นแบบคำขอตามข้อ ๔ - ข้อ ๑๑
ให้ยื่น ณ กองงานคนต่างด้าว
กรมแรงงานหรือสำนักงานแรงงานจังหวัด
ซึ่งสำนักงานหรือสถานที่ทำงานของคนต่างด้าวผู้ยื่น คำขอตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น
ข้อ ๑๓
ให้เจ้าหน้าที่รับคำขอตามข้อ ๔ - ข้อ ๑๑ ตรวจสอบจำนวนและความ สมบูรณ์ถูกต้องของเอกสาร
ข้อ ๑๔
ระยะเวลาดำเนินการตามคำขอทุกเรื่องที่ยื่นตามระเบียบนี้ให้ปฏิบัติให้
แล้วเสร็จภายในสิบสี่วันทำการ โดยมีขั้นตอนตามลำดับ คือ
รับแบบคำขอหนึ่งวันทำการพิจารณา คำร้องสองวันทำการ ดำเนินการพิจารณาออกใบอนุญาตฯ
และลงทะเบียนเก้าวันทำการและแจ้งผลการพิจารณาสองวันทำการ
ข้อ ๑๕
ระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการตามระเบียบนี้
เริ่มนับตั้งแต่วันรับคำขอที่ได้แนบหลักฐาน
และเอกสารโดยถูกต้องครบถ้วนแล้ว
แต่ทั้งนี้ ไม่นับระยะเวลาที่ต้องติดต่อ
ประสานงานหรือขอความร่วมมือจากหน่วยงานอื่น ทั้งภายในและภายนอกกรมแรงงาน
ข้อ ๑๖
ให้อธิบดีกรมแรงงาน รักษาการตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓
ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๔
ยุวรัตน์ กมลเวช
อธิบดีกรมแรงงาน
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๐๙ / ตอนที่ ๓๐ / หน้า ๑๐ / ๓๐ มีนาคม ๒๕๓๕ |
301911 | ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ พ.ศ.2535 | ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการขอตั้งสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
พ.ศ.๒๕๓๕[๑]
-----------
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอและการพิจารณาอนุญาตให้จัดตั้งสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติและการทำงานในสำนักงานดังกล่าว รวมทั้งอำนวย ความสะดวกในเรื่องที่เกี่ยวข้องให้เกิดความคล่องตัว สะดวก และรวดเร็ว
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ระเบียบนี้เรียกว่า
`ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอตั้งสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ
พ.ศ.๒๕๓๕'
ข้อ
๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓
บรรดาระเบียบอื่นที่มีกำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้
หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ
๔
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับแก่การขออนุญาตดังนี้
(๑)
การขออนุญาตตั้งสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ ตามบัญชี ค หมวด 3(1)
แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๕
(๒)
การขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาประจำสำนักงานภูมิภาค
ของบริษัทข้ามชาติตามความจำเป็น
ทั้งนี้ ไม่เกิน ๕ คน
กับการขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน และการขอใบแทนใบอนุญาตทำงาน
ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑
(๓)
การขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และการขอเปลี่ยน
ประเภทการตรวจตราหนังสือเดินทาง
หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางจากประเภทนักท่องเที่ยว
เป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราวของคนต่างด้าวที่เข้ามาประจำสำนักงานภูมิภาคตาม (๑)
ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒
ข้อ
๕ ในระเบียบนี้
`คำขอ'
หมายความว่า คำขอที่ยื่นตามระเบียบนี้
คำขอที่กำหนดตาม กฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว หรือคำขอที่กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้า
เมืองรวมทั้งเอกสารประกอบคำขอ
`ขออนุญาต'
หมายความว่า การขอใบอนุญาต
และหมายความรวมถึง การขอต่ออายุใบอนุญาต การขอใบแทนใบอนุญาต และการขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจ
คนเข้าเมืองปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
`อนุญาต'
หมายความถึง การออกใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต และ
การออกใบแทนใบอนุญาต
`สำนักงานภูมิภาค' หมายความว่า
สำนักงานภูมิภาคที่บริษัทข้ามชาติตั้งขึ้น
ในประเทศอื่นนอกจากประเทศที่จดทะเบียนเป็นสำนักงานใหญ่ โดยไม่ต้องจดทะเบียนเป็น
นิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศที่เข้าไปจัดตั้ง เพื่อทำหน้าที่ติดต่อประสานงานและกำกับการ
ดำเนินงานของสาขาและหรือบริษัทในเครือที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเดียวกันแทนสำนักงานใหญ่
ให้บริการ ปรึกษาและบริการการจัดการการฝึกอบรมและพัฒนาบุคคล การจัดการด้านการเงิน
การควบคุม การตลาดและวางแผนส่งเสริมการขายการพัฒนาผลิตภัณฑ์
และการบริการการวิจัยและพัฒนาโดย ไม่มีรายได้จากการประกอบกิจกรรม ไม่มีอำนาจรับคำสั่งซื้อหรือเสนอขาย
หรือเจรจาทำธุรกิจกับบุคคลหรือนิติบุคคลในประเทศที่เข้าไปตั้ง
และใช้เงินค่าใช้จ่ายในสำนักงานภูมิภาคที่ได้ รับจากสำนักงานใหญ่เท่านั้น
`บริษัทข้ามชาติ'
หมายความว่า นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศอื่น
ข้อ
๖
ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี
เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้
และให้มีหน้าที่ตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม ระเบียบนี้
หมวด ๑
การขอและการออกใบอนุญาต
-----------
ข้อ
๗ ให้กรมทะเบียนการค้า
กระทรวงพาณิชย์
เป็นศูนย์กลางเพื่อสนับสนุนให้มี
การจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคโดยดำเนินการตามระเบียบในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑)
รับคำขอและพิจารณาอนุญาตตั้งสำนักงานภูมิภาค และกำหนดขอบเขต
การดำเนินการของสำนักงานภูมิภาคให้แน่ชัด
(๒)
รับคำขอและพิจารณาอนุญาตทำงาน ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน และออก
ใบแทนใบอนุญาตทำงานแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาประจำสำนักงานภูมิภาค ตามพระราชบัญญัติ การทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.๒๕๒๑ ตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนด
(๓)
จัดการให้ได้มาซึ่งการอนุญาตในกรณีที่มิได้รับมอบอำนาจจากผู้อนุญาต
(๔)
ให้บริการและอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ของผู้ขออนุญาต
ข้อ ๘
บริษัทข้ามชาติที่ประสงค์จะตั้งสำนักงานภูมิภาค ให้ยื่นคำขออนุญาตตั้ง
สำนักงาน ณ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์
สำหรับคนต่างด้าวผู้ประสงค์จะทำงานในสำนักงานภูมิภาค
หรือขอต่ออายุใบอนุญาต ทำงานหรือขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน
ให้ยื่นคำขออนุญาตทำงานหรือขอต่ออายุใบอนุญาต
ทำงานหรือขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงาน ณ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์
ข้อ
๙ เมื่อได้รับคำขอตามข้อ ๘ แล้ว
ให้กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์
ดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑)
แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ขออนุญาตทราบภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่
ได้รับคำขอ ในกรณีที่อนุญาต ให้ดำเนินการออกใบอนุญาตตั้งสำนักงาน
ใบอนุญาตทำงานต่ออายุใบอนุญาตทำงานหรือออกใบแทนใบอนุญาตทำงานภายในระยะเวลาดังกล่าวด้วย
ในกรณีที่ไม่อนุญาตให้แจ้งเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบด้วย
(๒)
แจ้งผลการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในสำนักงานภูมิภาคให้กองตรวจคนเข้าเมือง กรมตำรวจ ภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่ออกใบอนุญาตทำงานหรือไม่อนุญาตให้ทำงาน
(๓)
แจ้งผลการอนุญาตให้จัดตั้งสำนักงานภูมิภาคและการอนุญาตให้คน
ต่างด้าวทำงานในสำนักงานภูมิภาค ให้กรมสรรพากรและกรมศุลกากรทุกสิบห้าวัน
(๔)
แจ้งผลการอนุญาตให้จัดตั้งสำนักงานภูมิภาคให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนทราบทุกหนึ่งเดือน
(๕)
กรอกรายการทะเบียนใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว ตามแบบของ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานแล้วส่งให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานทุกสิบห้าวัน
(๖)
แจ้งการต่ออายุและการสิ้นสุดการทำงานของคนต่างด้าวให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
และกองตรวจคนเข้าเมือง กรมตำรวจ ทราบทุกหนึ่งเดือน
ข้อ
๑๐ ให้กรมทะเบียนการค้าจัดทำคำอธิบาย
ขอบเขตการดำเนินการของสำนัก งานภูมิภาครายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาและเงื่อนไขการอนุญาต
ให้ผู้ขออนุญาตทราบ
ในกรณีที่ปรากฏว่า
สำนักงานภูมิภาค ที่ได้รับอนุญาตจัดตั้งไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลัก
เกณฑ์ตามระเบียบนี้หรือตามที่กรมทะเบียนการค้ากำหนด
กรมทะเบียนการค้าจะเพิกถอนใบอนุญาต ดังกล่าวเสียก็ได้
ข้อ
๑๑
สำนักงานภูมิภาคไม่ต้องยื่นงบแสดงฐานะการเงินต่อกรมทะเบียนการค้า
หมวด ๒
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
-----------
ข้อ ๑๒
เพื่อปฏิบัติการตามระเบียบนี้
(๑)
ให้อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานมอบหมายให้อธิบดีกรมทะเบียนการค้ากระทรวงพาณิชย์
หรือผู้ที่อธิบดีกรมทะเบียนการค้ากำหนด เป็นเจ้าพนักงานออกใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ.๒๕๒๑ ตามหลักเกณฑ์
ที่อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนด
(๒)
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งผู้อำนวยการกองทะเบียน ธุรกิจ ๒
กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นนายทะเบียนการทำงานของคนต่างด้าว
เพื่อต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๕
และออกใบแทนใบอนุญาตทำงานตามมาตรา ๑๙
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๒๑
(๓)
ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานแจ้งหลักเกณฑ์และรายชื่อบุคคล (ถ้ามี) ที่ไม่
สมควรอนุญาตให้ทำงานให้กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ทราบ
หมวด ๓
กองตรวจคนเข้าเมือง
กรมตำรวจ
-----------
ข้อ ๑๓
ให้กองตรวจคนเข้าเมือง กรมตำรวจ ดำเนินการตามระเบียบนี้ในเรื่อง ดังต่อไปนี้
(๑)
รับคำขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
คำขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราจากประเภทนักท่องเที่ยวเป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราว และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยว
ข้องกับคำขอดังกล่าว
(๒)
พิจารณาดำเนินการตาม (๑)
ให้แล้วเสร็จภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่ได้รับคำขอ
(๓)
ประทับตราหนังสือเดินทางให้กับผู้ขอซึ่งยื่นคำขอพร้อมเอกสารของกรมทะเบียนการค้า
กระทรวงพาณิชย์ ทันทีที่ผู้ขอไปรับการประทับตรา
หมวด ๔
กรมสรรพากร
------------
ข้อ
๑๔
ให้กรมสรรพากรออกประกาศกรมสรรพากรชี้แจงว่า
การประกอบกิจการของสำนักงานภูมิภาคหรือผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานในสำนักงานดังกล่าวจะต้องเสีย
ภาษีหรือปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรในกรณีใดบ้าง
และแจ้งให้กรมทะเบียนการค้ากระทรวงพาณิชย์ทราบ เพื่อแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอตามระเบียบนี้ทราบและถือปฏิบัติ
หมวด ๕
กรมศุลกากร
-----------
ข้อ
๑๕ ให้กรมศุลกากรแจ้งให้กรมทะเบียนการค้ากระทรวงพาณิชย์ทราบถึงบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รวมทั้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการยกเว้นอากรของส่วนตัว และ ของใช้ในบ้านเรือนที่ใช้แล้วบรรดาที่เป็นของคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาประจำสำนักงานภูมิภาค และ นำเข้ามาในราชอาณาจักร
เมื่อได้รับแจ้งแล้ว ให้กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ แจ้งให้ผู้ยื่นคำ
ขอตามระเบียบนี้ทราบและถือปฏิบัติ
หมวด ๖
การประชาสัมพันธ์และการประสานงานระหว่างส่วนราชการ
-----------
ข้อ
๑๖ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นศูนย์กลางประสานงานกับ
ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อนำข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอตั้งสำนักงานภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ พ.ศ.๒๕๓๕
ที่เกื้อกูลการลงทุนไปประชาสัมพันธ์ทั้งในประเทศ
และต่างประเทศเพื่อจูงใจให้มีการลงทุนจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคขึ้น
ข้อ
๑๗ ในกรณีที่มีปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบนี้ให้
ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรายงานผู้รักษาการตามระเบียบนี้
เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคดังกล่าว
ประกาศ ณ วันที่ ๒๔
มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๕
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๖ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๐๙ / ตอนที่ ๓๐ / หน้า ๕ / ๓๐ มีนาคม ๒๕๓๕ |
737410 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุน
เพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร จึงออกข้อกำหนดไว้
ดังนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ข้อ ๒ ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในข้อกำหนดนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ลูกจ้าง หมายความว่า
ลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ การใช้จ่ายเงินกองทุนให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญดังนี้
(๑)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจ้างที่ถูกหักเงินค่าจ้างและนำส่งเข้ากองทุน
(ก)
คืนเงินให้แก่ลูกจ้างซึ่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
(ข) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
(๒)
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๓)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
หรือผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๔) ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุน
ข้อ ๕ การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ดำเนินการตามแนวทางและหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(๑) ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนจัดทำข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด
โดยโครงการที่จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ
และแหล่งทุนอื่น
(๒) การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้พิจารณาตามความจำเป็นของภารกิจในหน่วยงานนั้น
(๓)
ให้หน่วยงานที่ขอรับเงินกองทุนเปิดบัญชีกับธนาคารสำหรับการรับโอนเงินที่ได้รับการจัดสรร
และแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากพร้อมส่งสำเนาสมุดเงินฝากให้กรมการจัดหางานเพื่อจะได้สั่งจ่ายเงินกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากโดยตรง
กรณีได้รับการจัดสรรเงินกองทุน ให้รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้เงินต่อคณะกรรมการกองทุนภายในสามสิบวันนับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ ๖ การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
(๑)
ใช้จ่ายเงินกองทุนภายในวงเงินตามคำขอรับการจัดสรรที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๒) เงินกองทุนให้จ่ายได้ตามประเภทงบรายจ่ายดังนี้
(ก) งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข) งบดำเนินงาน ให้ใช้จ่ายได้ตามรายการที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
โดยให้ถัวจ่ายภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับการอนุมัติ เว้นแต่รายจ่ายประเภทค่าสาธารณูปโภค
ให้นำไปใช้จ่ายในประเภทอื่นภายในงบรายจ่ายนี้หากไม่มีหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ
(ค) งบลงทุน ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
(ง) งบรายจ่ายอื่น ให้ใช้จ่ายได้ตามที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
(๓) ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดรายการค่าใช้จ่ายในงบดำเนินงานภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย หรือเป็นการดำเนินงานและผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนตามมติคณะรัฐมนตรี
หรือนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล แต่ต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ให้หัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานตามวรรคหนึ่งที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
มีอำนาจเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดรายการค่าใช้จ่ายในงบดำเนินงานภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดรายการค่าใช้จ่ายแล้ว ให้รายงานต่อคณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง
เพิ่ม หรือลดรายการค่าใช้จ่าย
ข้อ ๗ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงิน
การเบิกเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินฝากคลัง การบัญชี
หรือวิธีปฏิบัติอื่นใดที่ยังไม่ได้กำหนดไว้ในข้อกำหนดนี้ ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
นคร ศิลปอาชา
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๕๔ ง/หน้า ๙/๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
723047 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุน
เพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร จึงออกข้อกำหนดไว้
ดังนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
ข้อ ๒ ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในข้อกำหนดนี้
กองทุน หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ลูกจ้าง หมายความว่า
ลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ การใช้จ่ายเงินกองทุนให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญ
ดังนี้
(๑)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจ้างที่ถูกหักเงินค่าจ้างและนำส่งเข้ากองทุน
(ก)
คืนเงินให้แก่ลูกจ้างซึ่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
(ข) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
(๒)
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๓)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
หรือผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๔) ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุน
ข้อ ๕ การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามแนวทางและหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
(๑) ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุน
จัดทำข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด
โดยโครงการที่จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณและแหล่งทุนอื่น
(๒) การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำ
งานของคนต่างด้าวให้พิจารณาตามความจำเป็นของภารกิจในหน่วยงานนั้น
(๓)
ให้หน่วยงานที่ขอรับเงินกองทุนเปิดบัญชีกับธนาคารสำหรับการรับโอนเงินที่ได้รับการจัดสรรและแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากพร้อมส่งสำเนาสมุดเงินฝากให้กรมการจัดหางาน
เพื่อจะได้สั่งจ่ายเงินกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากโดยตรง
กรณีได้รับการจัดสรรเงินกองทุนให้รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้เงินต่อคณะกรรมการกองทุนภายในสามสิบวันนับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ ๖ การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินปฏิบัติ
ดังต่อไปนี้
(๑)
ใช้จ่ายเงินกองทุนภายในวงเงินตามคำขอรับการจัดสรรที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๒) เงินกองทุนให้จ่ายได้ตามประเภทงบรายจ่าย ดังนี้
(ก) งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข) งบดำเนินงาน ให้ใช้จ่ายได้ตามรายการที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
โดยให้ถัวจ่ายภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติ เว้นแต่ รายจ่ายประเภทค่าสาธารณูปโภคให้นำไปใช้จ่ายในประเภทอื่นภายในงบรายจ่ายนี้
หากไม่มีหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ
(ค) งบลงทุน ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
(ง) งบรายจ่ายอื่น ให้ใช้จ่ายได้ตามที่คณะกรรมการกองทุนอนุมัติ
(๓) ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดรายการค่าใช้จ่ายในงบดำเนินงาน
ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุนให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมายหรือเป็นการดำเนินงานและผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนตามมติคณะรัฐมนตรี
หรือนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลแต่ต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ให้หัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานตามวรรคหนึ่ง
ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง มีอำนาจเปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดรายการค่าใช้จ่ายในงบดำเนินงาน
ภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดรายการค่าใช้จ่ายแล้วให้รายงานต่อคณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง
เพิ่ม หรือลดรายการค่าใช้จ่าย
ข้อ ๗ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงิน
การเบิกเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำเงินฝากคลัง การบัญชี
หรือวิธีปฏิบัติอื่นใดที่ยังไม่ได้กำหนดไว้ในข้อกำหนดนี้ ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘
นคร ศิลปอาชา
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ
๒๓ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๓๘ ง/หน้า ๑๐/๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ |
696777 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์
เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงิน
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๗[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกข้อกำหนดไว้
ดังนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗
ข้อ ๒ ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในข้อกำหนดนี้
กองทุน หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ลูกจ้าง หมายความว่า ลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ การใช้จ่ายเงินกองทุนประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญ ดังนี้
(๑) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจ้างที่ถูกหักเงินค่าจ้างและนำส่งเข้ากองทุน
(ก) คืนเงินให้แก่ลูกจ้างซึ่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
(ข) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
(๒) ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๓) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าว หรือผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๔) ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุน
ข้อ ๕ การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามแนวทางและหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
(๑) ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับเงินกองทุนจัดทำข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด
โดยโครงการที่จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณและแหล่งทุนอื่น
(๒) การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวให้พิจารณาตามความจำเป็นของภารกิจในหน่วยงานนั้น
(๓) ให้หน่วยงานที่ขอรับเงินกองทุนเปิดบัญชีกับธนาคารสำหรับการรับโอนเงินที่ได้รับการจัดสรรและแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากพร้อมส่งสำเนาสมุดเงินฝากให้กรมการจัดหางาน
เพื่อจะได้สั่งจ่ายเงินกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากโดยตรง กรณีได้รับการจัดสรรเงินกองทุน
ให้รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้เงินต่อคณะกรรมการกองทุนภายในสามสิบวันนับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ ๖ การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) ใช้จ่ายเงินกองทุนภายในวงเงินตามคำขอรับการจัดสรรที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๒) เงินกองทุนให้จ่ายได้ตามประเภทงบรายจ่าย ดังนี้
(ก) งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้ ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข) งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ และค่าสาธารณูปโภค
(ค) งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(ง) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(จ) งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
(๓) ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด
ๆ ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว และต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย
การดำเนินงาน และผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนมติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ให้หัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานตามวรรคหนึ่ง ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงมีอำนาจเปลี่ยนแปลง
เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้ว
ให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่าย
หากหน่วยงานนำเงินกองทุนไปเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ แล้วไม่รายงานภายในกำหนด
คณะกรรมการกองทุนจะนำไปประกอบการพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนในปีถัดไป และกรณีที่หน่วยงานใช้จ่ายเงินกองทุนโดยผิดวัตถุประสงค์
ให้ส่งคืนเงินให้กองทุนภายใน ๓๐ วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้งจากกองทุน
ประกาศ
ณ วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
จีรศักดิ์
สุคนธชาติ
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม
รักษาราชการแทน
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖
จุฑามาศ/ผู้ตรวจ
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๔๑ ง/หน้า ๒๘/๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ |
674067 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงิน
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๖[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกข้อกำหนดไว้ดังนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุน
เพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
ข้อ ๒ ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในข้อกำหนดนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ลูกจ้าง หมายความว่า
ลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ การใช้จ่ายเงินกองทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๖ ให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญดังนี้
(๑)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจ้างที่ถูกหักเงินค่าจ้างและนำส่งเข้ากองทุน
(ก)
คืนเงินให้แก่ลูกจ้างซึ่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
(ข) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว
(๒)
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๓) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าว
หรือผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๔) ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุน
ข้อ ๕ การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามแนวทางและหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
(๑) ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับเงินกองทุนจัดทำข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด
โดยโครงการที่จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณและแหล่งทุนอื่น
(๒)
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
ให้พิจารณาตามความจำเป็นของภารกิจในหน่วยงานนั้น
(๓)
ให้หน่วยงานที่ขอรับเงินกองทุนเปิดบัญชีกับธนาคารสำหรับการรับโอนเงินที่ได้รับการจัดสรร
และแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากพร้อมส่งสำเนาสมุดเงินฝากให้กรมการจัดหางาน
เพื่อจะได้สั่งจ่ายเงินกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากโดยตรง
กรณีได้รับการจัดสรรเงินกองทุน
ให้รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้เงินต่อคณะกรรมการกองทุนภายในสามสิบวันนับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ ๖ การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
(๑)
ใช้จ่ายเงินกองทุนภายในวงเงินตามคำขอรับการจัดสรรที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๒) เงินกองทุนให้จ่ายได้ตามประเภทงบรายจ่ายดังนี้
(ก) งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข) งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ
และค่าสาธารณูปโภค
(ค) งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(ง) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(จ) งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
(๓) ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย การดำเนินงาน และผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนและต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้ว
ให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่าย
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สมเกียรติ
ฉายะศรีวงศ์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔ กันยายน
๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒ ตุลาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๔๒/๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ |
657221 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงิน
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕[๑]
ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรได้ประชุมมีมติเมื่อวันที่
๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกข้อกำหนดไว้ดังนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
ข้อ ๒ ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๙
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในข้อกำหนดนี้
กองทุน หมายความว่า
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน หมายความว่า
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ลูกจ้าง หมายความว่า
ลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี หมายความว่า
อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔ การใช้จ่ายเงินกองทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๕ ให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญดังนี้
(๑)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจ้างที่ถูกหักเงินค่าจ้างและนำส่งเข้ากองทุน
(ก)
คืนเงินให้แก่ลูกจ้างซึ่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
(ข) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๒)
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๓) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าว
หรือผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๔) ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุน
ข้อ ๕ การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวตามแนวทางและหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
(๑) ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับเงินกองทุนจัดทำข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด
โดยโครงการที่จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ
(๒)
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว ให้พิจารณาตามความจำเป็นของภารกิจในหน่วยงานนั้น
(๓)
ให้หน่วยงานที่ขอรับเงินกองทุนเปิดบัญชีกับธนาคารสำหรับการรับโอนเงินที่ได้รับการจัดสรร
และแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากพร้อมส่งสำเนาสมุดเงินฝากให้กรมการจัดหางาน
เพื่อจะได้สั่งจ่ายเงินกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากโดยตรง กรณีได้รับการจัดสรรเงินกองทุนให้รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้เงินต่อคณะกรรมการกองทุน
ภายในสามสิบวัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ ๖ การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินปฏิบัติดังต่อไปนี้
(๑)
ใช้จ่ายเงินกองทุนภายในวงเงินตามคำขอรับการจัดสรรที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๒) เงินกองทุนให้จ่ายได้ตามประเภทงบรายจ่าย ดังนี้
(ก) งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข) งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ
และค่าสาธารณูปโภค
(ค) งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(ง) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับ
ส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(จ) งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
(๓) ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงาน
หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย การดำเนินงาน และผลผลิตตามที่ระบุในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนและต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวัน
นับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่าย
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
สมเกียรติ
ฉายะศรีวงศ์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๔
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๕ พฤศจิกายน
๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๓๙ ง/หน้า ๓๖/๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ |
636523 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับไปออกไปนอกราชอาณาจักร ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์
เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุน
เพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกข้อกำหนดไว้
ดังนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุน
เพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔
ข้อ
๒
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ
๓ ในข้อกำหนดนี้
กองทุน
หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน
หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ลูกจ้าง
หมายความว่า
ลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี
หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ
๔
การใช้จ่ายเงินกองทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญ
ดังนี้
(๑)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจ้างที่ถูกหักเงินค่าจ้างและนำส่งเข้ากองทุน
(ก)
คืนเงินให้แก่ลูกจ้างซึ่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
(ข)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๒)
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๓)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าว
หรือผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๔)
ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุน
ข้อ
๕
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวตามแนวทางและหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
(๑)
ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับเงินกองทุนจัดทำข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด
โดยโครงการที่จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ
(๒)
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวให้พิจารณาตามความจำเป็นของภารกิจในหน่วยงานนั้น
(๓)
ให้หน่วยงานที่ขอรับเงินกองทุนเปิดบัญชีกับธนาคารสำหรับการรับโอนเงินที่ได้รับการจัดสรร
และแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากพร้อมส่งสำเนาสมุดเงินฝากให้กรมการจัดหางาน
เพื่อจะได้สั่งจ่ายเงินกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากโดยตรง
กรณีได้รับการจัดสรรเงินกองทุนให้รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้เงินต่อคณะกรรมการกองทุน
ภายในสามสิบวัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ
๖
การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินปฏิบัติดังต่อไปนี้
(๑)
ใช้จ่ายเงินกองทุนภายในวงเงินตามคำ
ขอรับการจัดสรรที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๒)
เงินกองทุนให้จ่ายได้ตามประเภทงบรายจ่าย ดังนี้
(ก)
งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้ ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข)
งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ และค่าสาธารณูปโภค
(ค)
งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(ง)
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(จ)
งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
(๓)
ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ
ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงาน
หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินงานและผลผลิตตามที่ระบุ
ในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนและต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง
เพิ่ม
หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้วให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายในสิบห้าวัน
นับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่าย
ประกาศ ณ วันที่ ๙
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓
สมชาย ชุ่มรัตน์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๐ กันยายน ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๓๐ กันยายน ๒๕๕๓
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๗ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๑๒ ง/หน้า ๕๙/๒๓ กันยายน ๒๕๕๓ |
618842 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
| ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์
เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุน
เพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกข้อกำหนดไว้
ดังนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุน
เพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
ข้อ ๒[๑]
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓
ในข้อกำหนดนี้
กองทุน
หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน
หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ลูกจ้าง
หมายความว่า
ลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี
หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ ๔
การใช้จ่ายเงินกองทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญ
ดังนี้
(๑)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจ้างที่ถูกหักเงินค่าจ้างและนำส่งเข้ากองทุน
(ก)
คืนเงินให้แก่ลูกจ้างซึ่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
(ข)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๒)
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๓)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าว
หรือผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๔)
ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุน
ข้อ ๕
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวตามแนวทางและหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
(๑)
ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับเงินกองทุนจัดทำข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด
โดยโครงการที่จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ
(๒)
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวให้พิจารณาตามความจำเป็นของภารกิจในหน่วยงานนั้น
(๓)
ให้หน่วยงานที่ขอรับเงินกองทุนเปิดบัญชีกับธนาคารสำหรับการรับโอนเงินที่ได้รับการจัดสรร
และแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากพร้อมส่งสำเนาสมุดเงินฝากให้กรมการจัดหางาน
เพื่อจะได้สั่งจ่ายเงินกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากโดยตรง
กรณีได้รับการจัดสรรเงินกองทุนให้รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้เงินต่อคณะกรรมการกองทุน
ภายในสามสิบวัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ ๖
การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินปฏิบัติดังต่อไปนี้
(๑)
ใช้จ่ายเงินกองทุนภายในวงเงินตามคำขอรับการจัดสรรที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๒)
เงินกองทุนให้จ่ายได้ตามประเภทงบรายจ่าย ดังนี้
(ก)
งบบุคลากร ได้แก่ ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน ทั้งนี้ ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข)
งบดำเนินงาน ได้แก่ ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุ และค่าสาธารณูปโภค
(ค)
งบลงทุน เฉพาะค่าครุภัณฑ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(ง)
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(จ)
งบรายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
(๓)
ในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายใด ๆ
ในประเภทค่าใช้จ่ายเดียวกันภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
ให้ดำเนินการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงาน
หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าว
และต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินงานและผลผลิตตามที่ระบุ
ในเอกสารประกอบการจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรเงินกองทุนและต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง
เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้รายงานให้คณะกรรมการกองทุนทราบภายใน ๑๕
วัน นับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่าย
ประกาศ ณ วันที่ ๒๓
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สมชาย ชุ่มรัตน์
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๗ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๖๓ ง/หน้า ๗๖/๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ |
591325 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ประจำปีงบประมาณ 2552
| ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์
เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงิน
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๒[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร จึงออกข้อกำหนดไว้
ดังนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๒
ข้อ
๒
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ
๓ ในข้อกำหนดนี้
กองทุน
หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน
หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ลูกจ้าง
หมายความว่า
ลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี
หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ
๔ การใช้จ่ายเงินกองทุนประจำปีงบประมาณ
๒๕๕๒ ให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญ ดังนี้
(๑)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจ้างที่ถูกหักเงินค่าจ้างและนำส่งเข้ากองทุน
(ก)
คืนเงินให้แก่ลูกจ้างซึ่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
(ข)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๒)
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๓)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าว
หรือผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๔)
ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุน
ข้อ
๕
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวตามแนวทางและหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
(๑)
ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับเงินกองทุนจัดทำข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด
โดยโครงการที่จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ
(๒)
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวให้พิจารณาตามความจำเป็นของภารกิจในหน่วยงานนั้น
(๓)
ให้หน่วยงานที่ขอรับเงินกองทุนเปิดบัญชีกับธนาคารสำหรับการรับโอนเงินที่ได้รับการจัดสรร
และแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากพร้อมส่งสำเนาสมุดเงินฝากให้กรมการจัดหางาน
เพื่อจะได้สั่งจ่ายเงินกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากโดยตรง
กรณีได้รับการจัดสรรเงินกองทุนให้รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้เงินต่อคณะกรรมการกองทุน
ภายในสามสิบวันนับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ
๖
การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินปฏิบัติดังต่อไปนี้
(๑)
ใช้จ่ายเงินกองทุนภายในวงเงินตามคำขอรับการจัดสรรที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๒)
การเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายใด ๆ การเพิ่มหรือการลดรายการ
จะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๓)
ค่าใช้จ่ายเงินกองทุนให้จ่ายได้ตามรายจ่าย ดังนี้
(ก)
ค่าจ้าง โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข)
ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย และค่าวัสดุ
(ค)
ค่าสาธารณูปโภค
(ง)
ค่าครุภัณฑ์ เฉพาะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(จ)
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(ฉ)
รายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ประกาศ ณ วันที่ ๖
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
จุฑาธวัช อินทรสุขศรี
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๗ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๗๖ ง/หน้า ๘๓/๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ |
585865 | ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรประจำปีงบประมาณ 2551
| ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ว่าด้วยแนวทาง หลักเกณฑ์
เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงิน
กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๑[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑
ประกอบมติของที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ครั้งที่ ๑/๒๕๕๑
คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรจึงออกข้อกำหนดไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดคณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรว่าด้วยแนวทาง
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๑
ข้อ
๒
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ
๓ ในข้อกำหนดนี้
กองทุน
หมายความว่า กองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
คณะกรรมการกองทุน
หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ลูกจ้าง
หมายความว่า ลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
อธิบดี
หมายความว่า อธิบดีกรมการจัดหางาน
ข้อ
๔
การใช้จ่ายเงินกองทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๑ ให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญ
ดังนี้
(๑)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจ้างที่ถูกหักเงินค่าจ้างและนำส่งเข้ากองทุน
(ก)
คืนเงินให้แก่ลูกจ้างซึ่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง
(ข)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งลูกจ้างกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๕๑
(๒)
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๓)
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งคนต่างด้าว
หรือผู้ถูกสั่งเนรเทศกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ
(๔)
ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่อการบริหารกองทุน
ข้อ
๕
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวตามแนวทางและหลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
(๑)
ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอรับเงินกองทุนจัดทำข้อเสนอตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนประกาศกำหนด
โดยโครงการที่จะขอรับการจัดสรรเงินจากกองทุนต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ
(๒)
การจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวให้พิจารณาตามความจำเป็นของภารกิจในหน่วยงานนั้น
(๓)
ให้หน่วยงานที่ขอรับเงินกองทุนเปิดบัญชีกับธนาคารสำหรับการรับโอนเงินที่ได้รับการจัดสรรและแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากพร้อมส่งสำเนาสมุดเงินฝากให้กรมการจัดหางาน
เพื่อจะได้สั่งจ่ายเงินกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากโดยตรง
กรณีได้รับการจัดสรรเงินกองทุนให้รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้เงินต่อคณะกรรมการกองทุน
ภายในสามสิบวัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
ข้อ
๖
การใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินปฏิบัติดังต่อไปนี้
(๑)
ใช้จ่ายเงินกองทุนภายในวงเงินตามคำขอรับการจัดสรรที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๒)
การเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายใด ๆ การเพิ่มหรือการลดรายการ
จะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
(๓)
ค่าใช้จ่ายเงินกองทุนให้จ่ายได้ตามรายจ่าย ดังนี้
(ก)
ค่าจ้าง
โดยให้จ่ายเป็นค่าจ้างชั่วคราวได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นตามความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ทั้งนี้
ตามอัตราค่าจ้างและวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้ในระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม
(ข)
ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย และค่าวัสดุ
(ค)
ค่าสาธารณูปโภค
(ง)
ค่าครุภัณฑ์ เฉพาะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
(จ)
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการโอนเงินกองทุนและค่าธรรมเนียมการให้บริการรับส่งเงินตามที่ธนาคารเรียกเก็บ
(ฉ)
รายจ่ายอื่น โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
จุฑาธวัช อินทรสุขศรี
ปลัดกระทรวงแรงงาน
ประธานกรรมการกองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าว
กลับออกไปนอกราชอาณาจักร
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๑
ภัทรวีร์/ปรับปรุง
๗ ธันวาคม ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๓๖ ง/หน้า ๓๗/๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ |
561787 | พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 (ฉบับ Update ล่าสุด) | พระราชบัญญัติ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒
ภูมิพลอดุลยเดช
ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่
๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒
เป็นปีที่ ๓๔
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิก
(๑)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๐๒
(๒)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๖
(๓)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๙
(๔)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๑
(๕)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๖
(๖)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๑๗
(๗)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๑๘
(๘)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๑๙
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว หมายความว่า
อุตสาหกรรมที่จัดให้มีหรือให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักรโดยมีค่าตอบแทน
และหมายความรวมถึง
(๑)
ธุรกิจนำเที่ยว
(๒)
ธุรกิจโรงแรมนักท่องเที่ยว
(๓)
ธุรกิจภัตตาคาร สถานบริการและสถานที่ตากอากาศสำหรับนักท่องเที่ยว
(๔)
ธุรกิจการขายของที่ระลึกหรือสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว
(๕)
ธุรกิจการกีฬาสำหรับนักท่องเที่ยว
(๖)
การดำเนินงานนิทรรศการ งานแสดง งานออกร้าน การโฆษณาเผยแพร่
หรือการดำเนินงานอื่นใดโดยมีความมุ่งหมายเพื่อชักนำหรือส่งเสริมให้มีการเดินทางท่องเที่ยว
ผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หมายความว่า
ผู้ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยว หมายความว่า
บุคคลที่เดินทางจากท้องที่อันเป็นถิ่นที่อยู่โดยปกติของตนไปยังท้องที่อื่นเป็นการชั่วคราวด้วยความสมัครใจและด้วยวัตถุประสงค์อันมิใช่เพื่อไปประกอบอาชีพหรือหารายได้
คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กรรมการ หมายความว่า
กรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ผู้ว่าการ หมายความว่า ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รองผู้ว่าการ หมายความว่า
รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พนักงาน[๒]
หมายความว่า พนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหมายความรวมถึงรองผู้ว่าการด้วย
ลูกจ้าง หมายความว่า
ลูกจ้างของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รัฐมนตรี[๓]
หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา*รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
การจัดตั้ง ทุน
และเงินสำรอง
มาตรา ๖
ให้จัดตั้งองค์การขึ้นเรียกว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เรียกโดยย่อว่า ททท.
และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า TOURISM AUTHORITY OF THAILAND เรียกโดยย่อว่า TAT และ ให้มีตราเครื่องหมายของ ททท.
รูปลักษณะตราเครื่องหมายตามวรรคหนึ่ง
ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๗[๔] ให้ ททท. เป็นนิติบุคคล
มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง
และจะจัดตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ
ที่อื่นใดภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรก็ได้
แต่การตั้งสำนักงานสาขาภายนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรี
มาตรา ๘ ททท. มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
(๑)
ส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตลอดจนการประกอบอาชีพของคนไทยในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
เผยแพร่ประเทศไทยในด้านความงามของธรรมชาติ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ประวัติศาสตร์
ศิลปวัฒนธรรม การกีฬา และวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ตลอดจนกิจการอย่างอื่นอันจะเป็นการชักจูงให้มีการเดินทางท่องเที่ยว
(๓)
อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
(๔)
ส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความเป็นมิตรไมตรีระหว่างประชาชนและระหว่างประเทศโดยอาศัยการท่องเที่ยว
(๕)
ริเริ่มให้มีการพัฒนาการท่องเที่ยว และเพื่อพัฒนาปัจจัยพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
มาตรา ๙ ให้ ททท. มีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา
๘ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑)
ให้คำปรึกษา แนะนำ ร่วมมือและประสานงานกับส่วนราชการ องค์การ สถาบัน
นิติบุคคลและเอกชน ทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(๒)
ส่งเสริม ร่วมมือ หรือดำเนินการในการฝึกอบรมและให้การศึกษาวิชาการต่าง ๆ เพื่อสร้างบุคลากรให้ได้มาตรฐานและเพียงพอในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๓)
ส่งเสริมการทัศนศึกษา
(๔)
สำรวจและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ จากส่วนราชการ องค์การสถาบัน นิติบุคคลและเอกชนผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
เพื่อประโยชน์ในการจัดทำสถิติเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๕)
สำรวจ กำหนดพื้นที่และสถานที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่ต้องสงวนไว้เป็นของรัฐและให้อยู่ในความควบคุมดูแลของ
ททท. โดยให้จัดทำเป็นพระราชกฤษฎีกา
(๖)
สำรวจ วางแผนและดำเนินการ จัดสร้าง ส่งเสริม อนุรักษ์ พื้นฟู บูรณะ
หรือพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว
ตลอดจนทรัพยากรทางการท่องเที่ยวและคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการนั้น
ๆ
(๗)
ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่าที่จำเป็นรวมตลอดถึงการลงทุน
หรือร่วมทุนเพื่อเป็นการริเริ่มให้มีการพัฒนาการท่องเที่ยวหรือพัฒนาปัจจัยพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
(๘)
กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(๙)
ให้กู้หรือให้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์สินเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๑๐)
ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือร่วมทุนในกิจการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๑๑)
ถือกรรมสิทธิ์ หรือมีสิทธิครอบครองหรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ สร้าง ซื้อ จัดหา ขาย จำหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม
ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง ทำการแลกเปลี่ยน โอน รับโอน หรือดำเนินการใด ๆ
เกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งในและนอกราชอาณาจักร ตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
(๑๒)
กระทำกิจการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเนื่องในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของ
ททท.
มาตรา ๑๐ ทุนของ ททท. ประกอบด้วย
(๑)
เงินและทรัพย์สินที่ได้รับโอนตามมาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๒ เมื่อได้หักหนี้สินออกแล้ว
(๒)
เงินที่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดินให้เป็นทุน หรือเพื่อดำเนินงานหรือเพื่อขยายกิจการ
(๓)
เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
มาตรา ๑๑ ททท. อาจมีรายได้ดังต่อไปนี้
(๑)
รายได้จากทรัพย์สินของ ททท.
(๒)
เงินอุดหนุนจากรัฐบาล
(๓)
รายได้จากการดำเนินกิจการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๔)
รายได้จากการลงทุนหรือการร่วมทุน
(๕)
รายได้อื่น
รายได้ที่ได้รับในปีหนึ่งให้นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่าง
ๆ เงินลงทุนหรือร่วมทุนเพื่อกิจการของ ททท.
และสมทบกองทุนสำหรับจ่ายสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานใน ททท.
ตลอดจนสะสมไว้เป็นเงินสำรองตามมาตรา ๑๒ เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
แต่ถ้ารายได้มีจำนวนไม่พอสำหรับรายจ่าย นอกจากเงินสำรองตามมาตรา ๑๒ และ ททท.
ไม่สามารถหาเงินจากทางอื่นได้ รัฐบาลพึงจ่ายเงินให้แก่ ททท. เท่าจำนวนที่จำเป็น
มาตรา ๑๒ เงินสำรองของ
ททท. ให้ประกอบด้วยเงินสำรองธรรมดาซึ่งตั้งไว้เผื่อขาด
เงินสำรองเพื่อไถ่ถอนหนี้ และเงินสำรองอื่น ๆ เพื่อความประสงค์แต่ละอย่าง
โดยเฉพาะตามที่คณะกรรมการจะเห็นสมควร
เงินสำรองธรรมดาจะนำออกใช้ได้ก็แต่โดยมติของคณะกรรมการ
มาตรา ๑๓ ให้ ททท.
เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
มาตรา ๑๔ ทรัพย์สินของ ททท.
ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
หมวด ๒
การกำกับ การควบคุมและการบริหาร
มาตรา
๑๕[๕]
ให้รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ ททท.
และเพื่อประโยชน์ในการนี้ รัฐมนตรีมีอำนาจเรียกประธานกรรมการ กรรมการ ผู้ว่าการ
พนักงานหรือลูกจ้างมาชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือให้ทำรายงานเสนอ
และมีอำนาจที่จะสั่งยับยั้งการกระทำของ ททท.
ที่เห็นว่าเป็นการขัดต่อนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรีได้ด้วย
มาตรา ๑๖[๖] ในกรณีที่ ททท. จะต้องเสนอเรื่องใด ๆ
ไปยังคณะรัฐมนตรี ให้ ททท. นำเรื่องเสนอรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี
มาตรา ๑๗ ททท.
ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการต่อไปนี้ได้
(๑)
กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินคราวละห้าล้านบาท
(๒)
ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
(๓)
จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์อันมีราคาเกินหนึ่งล้านบาท
(๔)
จำหน่ายทรัพย์สินอันมีราคาเกินหนึ่งล้านบาทจากบัญชีเป็นสูญ
(๕)
ลงทุนหรือร่วมทุนในกิจการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีจำนวนเงินเกินห้าล้านบาท
มาตรา
๑๘[๗] ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ประธานกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ปลัดกระทรวงการคลัง
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงคมนาคม
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสองคน และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสามคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ
และให้ผู้ว่าการเป็นกรรมการและเลขานุการ
กรรมการผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสองคนตามวรรคหนึ่ง
ต้องไม่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔
ในกลุ่มเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกับประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งนี้
ผู้แทนนั้นจะอยู่ในสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือไม่ก็ได้
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง
ให้แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันอุดมศึกษาที่มีความรู้ในวิชาเศรษฐศาสตร์
บริหารธุรกิจ การตลาด การท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรม สื่อสารมวลชน
หรือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
มาตรา ๑๘/๑[๘]
ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง นอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้ว
ยังต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑)
มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ ททท. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ ททท. ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
เว้นแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในกิจการที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้น
หรือเป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ กรรมการ ผู้จัดการ
หรือผู้ดำเนินกิจการในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ ททท. เป็นผู้ถือหุ้น
(๓)
ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง
มาตรา
๑๙[๙]
ให้ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระหรือในกรณีที่รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่งให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนหรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
เมื่อครบกำหนดวาระตามวรรคหนึ่ง
หากยังมิได้มีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่ ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่าประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
มาตรา
๒๐[๑๐] นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๙
ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
รัฐมนตรีให้ออก
(๔)
เป็นบุคคลล้มละลาย
(๕) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๖)
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
(๗)
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๘/๑
มาตรา ๒๑ เพื่อประโยชน์แห่งกิจการของ ททท. ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดของ
ททท. ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๒๒
ให้คณะกรรมการมีอำนาจและหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ
ททท.
อำนาจและหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑)
กำหนดนโยบายและอนุมัติแผนงานของ ททท.
เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ออกข้อบังคับหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา ๘ และมาตรา ๙
(๓)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการประชุม และดำเนินกิจการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ
(๔)
ออกข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานต่าง ๆ
(๕)
ออกข้อบังคับกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินอื่น ๆ ของพนักงานและลูกจ้าง
(๖)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การถอดถอน การเลื่อนเงินเดือนหรือค่าจ้าง
ระเบียบวินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
(๗)
ออกระเบียบว่าด้วยการร้องทุกข์ของพนักงานและลูกจ้าง
(๘)[๑๑] ออกข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัว
โดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
(๙)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการจ่ายค่าพาหนะ เบี้ยเลี้ยงเดินทาง ค่าเช่าที่พัก
ค่าทำงานล่วงเวลา เบี้ยประชุม และการจ่ายเงินอื่น ๆ
(๑๐)
ออกระเบียบว่าด้วยเครื่องแบบพนักงานและลูกจ้าง
ข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานหรือการเงินที่คณะกรรมการกำหนดขึ้น
ถ้ามีข้อความให้มีผลเป็นการจำกัดอำนาจผู้ว่าการหรือรองผู้ว่าการในการทำนิติกรรมกับบุคคลภายนอกไว้ประการใด
ให้ประกาศข้อบังคับหรือระเบียบเช่นว่านั้นในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา
๒๓[๑๒]
ให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ประธานกรรมการ
กรรมการ
พนักงานและลูกจ้างอาจได้รับเงินรางวัลตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
มาตรา
๒๔[๑๓] ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งผู้ว่าการ
มาตรา
๒๕[๑๔]
ผู้ว่าการนอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้ว
ยังต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ ททท. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ ททท. ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม เว้นแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในกิจการที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้น
หรือเป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ กรรมการ ผู้จัดการ
หรือผู้ดำเนินกิจการในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ ททท. เป็นผู้ถือหุ้น
มาตรา
๒๖[๑๕] ผู้ว่าการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๔)
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๕
(๕)
คณะกรรมการมีมติเห็นสมควรให้เลิกจ้าง
(๖)
สัญญาจ้างสิ้นสุด
มติของคณะกรรมการให้เลิกจ้างตาม
(๕)
ต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่นอกจากผู้ว่าการ
และต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี
มาตรา ๒๗ ให้ผู้ว่าการเป็นผู้ดำเนินกิจการของ ททท.
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของ ททท. และตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและนโยบายที่คณะกรรมการกำหนด
และให้มีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างทุกตำแหน่ง
ผู้ว่าการต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการในการดำเนินกิจการของ
ททท.
มาตรา ๒๘ ให้ผู้ว่าการมีอำนาจและหน้าที่
ดังต่อไปนี้
(๑)
วางรูปการจัดองค์กร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
(๒)
บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง
ลงโทษทางวินัยพนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่ง
ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างชั้นที่ปรึกษา
ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อำนวยการฝ่าย หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไปจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน
(๓)
วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ ททท. โดยไม่ขัดหรือแย้งต่อระเบียบข้อบังคับ
และนโยบายที่คณะกรรมการกำหนดไว้
(๔)
แต่งตั้งคณะบุคคลเป็นกรรมการเฉพาะกิจเพื่อปฏิบัติการใด ๆ
อันจะเป็นประโยชน์แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๕)
ดำเนินการอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๒๙[๑๖] ให้รองผู้ว่าการมีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างทุกตำแหน่งรองจากผู้ว่าการ
และมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินกิจการของ ททท. ตามที่ผู้ว่าการมอบหมาย
ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้รองผู้ว่าการเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน หากมีรองผู้ว่าการมากว่าหนึ่งคน
ให้ผู้ว่าการกำหนดผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตามลำดับไว้ล่วงหน้า ในกรณีที่ตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งรองผู้ว่าการผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
ในกรณีที่ผู้ว่าการและรองผู้ว่าการไม่อยู่
หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือตำแหน่งผู้ว่าการและรองผู้ว่าการว่างลง
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการหรือพนักงาน ททท. ผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
ในการปฏิบัติหน้าที่ของรองผู้ว่าการตามวรรคสอง
หรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการตามวรรคสาม ให้รองผู้ว่าการหรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ว่าการ
มาตรา ๓๐ ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก
ให้ผู้ว่าการเป็นผู้กระทำในนามของ ททท. และเป็นผู้แทนของ ททท.
และเพื่อการนี้ผู้ว่าการอาจมอบอำนาจให้รองผู้ว่าการหรือตัวแทนของ ททท. ตามมาตรา ๗
หรือบุคคลใด ปฏิบัติกิจการเฉพาะอย่างแทนได้ แต่ในกรณีเช่นว่านี้
ต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
นิติกรรมที่ผู้ว่าการกระทำโดยฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบตามมาตรา
๒๒ วรรคสอง ย่อมไม่ผูกพัน ททท. เว้นแต่คณะกรรมการจะให้สัตยาบัน
หมวด ๓
การร้องทุกข์และการสงเคราะห์
มาตรา ๓๑ ให้พนักงานและลูกจ้างมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา ๓๒ ให้ ททท.
จัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัว
ในกรณีพ้นจากตำแหน่ง ประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือกรณีอื่นอันควรแก่การสงเคราะห์
การจัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นตามวรรคหนึ่ง
การออกเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ การกำหนดประเภทของผู้ที่พึงได้รับการสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์
การจ่ายเงินสงเคราะห์
และการจัดการกองทุนสงเคราะห์ให้เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
หมวด ๔
การเงิน
การบัญชีและการตรวจสอบ
มาตรา ๓๓ ให้ ททท.
จัดทำงบประมาณประจำปีโดยจำแนกเงินที่จะได้รับในปีหนึ่ง ๆ
และค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการให้แยกเป็นงบลงทุนและงบทำการ
งบลงทุนนั้นให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
ส่วนงบทำการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
มาตรา ๓๔ ให้ ททท.
วางและรักษาไว้ซึ่งระบบการบัญชีอันถูกต้องแยกตามประเภทงานส่วนที่สำคัญ
มีการตรวจสอบบัญชีภายในเป็นประจำและมีสมุดบัญชีลงรายการ
(๑)
รายรับและรายจ่ายเงิน
(๒)
สินทรัพย์และหนี้สิน
ซึ่งแสดงการงานที่เป็นอยู่จริงและตามที่ควร
ตามประเภทงาน พร้อมด้วยข้อความแสดงที่มาของรายการนั้น ๆ
มาตรา ๓๕
ให้ผู้ว่าการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีภายในคนหนึ่งหรือหลายคนทำการตรวจสอบบัญชีและหลักฐานต่าง
ๆ ของทุกหน่วยงานของ ททท. ได้ทุกเวลา ในระหว่างเวลาทำการ
แล้วรายงานโดยตรงต่อผู้ว่าการเป็นประจำทุกเดือน
มาตรา ๓๖ ทุกปี ททท. ต้องจัดทำงบดุล บัญชีทำการ
และบัญชีกำไรขาดทุนให้เสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
มาตรา ๓๗
ทุกปีให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี ทำการตรวจสอบรับรองบัญชี
และการเงินทุกประเภทของ ททท.
มาตรา ๓๘ ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบสรรพสมุด
บัญชีและเอกสารหลักฐานของ ททท. เพื่อการนี้ ให้มีอำนาจสอบถามประธานกรรมการ กรรมการ
ผู้ว่าการ รองผู้ว่าการ พนักงานหรือลูกจ้างของ ททท.
มาตรา ๓๙
ผู้สอบบัญชีต้องทำรายงานผลการสอบบัญชีและการเงินเสนอต่อคณะกรรมการภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
มาตรา ๔๐[๑๗] ให้คณะกรรมการทำรายงานปีละครั้งเสนอต่อรัฐมนตรี
รายงานนี้ให้กล่าวถึงผลงานของ ททท.
ในปีที่ล่วงมาพร้อมทั้งคำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของคณะกรรมการโครงการ
และแผนงานที่จะจัดทำในภายหน้า
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๔๑ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้
และความรับผิดขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๐๒
ที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเป็นของ ททท. ทั้งนี้
ภายในเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๔๒ ให้โอนงบประมาณรายจ่ายขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๐๒
ที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเป็นของ ททท. ทั้งนี้ ภายในเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๔๓ ให้ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ
และบรรดาพนักงานหรือลูกจ้างขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ.๒๕๐๒
ซึ่งมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นผู้ว่าการ
รองผู้ว่าการ และพนักงานหรือลูกจ้างของ ททท. แล้วแต่กรณี
กับให้ถือว่าเวลาการทำงานของบุคคลดังกล่าวในองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นเวลาการทำงานใน
ททท. นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๔๔ บรรดาข้อบังคับ ระเบียบ
หรือคำสั่งขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
คงใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มีการออกข้อบังคับ
ระเบียบ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส.
โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- ในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เพื่อจัดตั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขึ้นแทนองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว
และให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมและดำเนินกิจการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
*พระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕[๑๘]
มาตรา ๑๘ ในพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้แก้ไขคำว่า นายกรัฐมนตรี เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
โดยที่พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้บัญญัติให้จัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่โดยมีภารกิจใหม่
ซึ่งได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม นั้นแล้ว
และเนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้โอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ
รัฐมนตรีผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่
โดยให้มีการแก้ไขบทบัญญัติต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่โอนไปด้วย ฉะนั้น
เพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามหลักการที่ปรากฏในพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
จึงสมควรแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้สอดคล้องกับการโอนส่วนราชการ
เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีความชัดเจนในการใช้กฎหมายโดยไม่ต้องไปค้นหาในกฎหมายโอนอำนาจหน้าที่ว่าตามกฎหมายใดได้มีการโอนภารกิจของส่วนราชการหรือผู้รับผิดชอบตามกฎหมายนั้นไปเป็นของหน่วยงานใดหรือผู้ใดแล้ว
โดยแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้มีการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ รัฐมนตรี
ผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการให้ตรงกับการโอนอำนาจหน้าที่
และเพิ่มผู้แทนส่วนราชการในคณะกรรมการให้ตรงตามภารกิจที่มีการตัดโอนจากส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่รวมทั้งตัดส่วนราชการเดิมที่มีการยุบเลิกแล้ว
ซึ่งเป็นการแก้ไขให้ตรงตามพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐[๑๙]
มาตรา
๑๔
ให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการขึ้นใหม่
ซึ่งต้องไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา
๑๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
และโดยที่ได้มีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
และกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และกำหนดให้ผู้ว่าการมาจากการจ้าง
สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
ให้สอดคล้องกัน รวมทั้งสมควรแก้ไขบทบัญญัติบางประการเพื่อเป็นการลดปริมาณเรื่องที่ต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน
ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๖๒[๒๐]
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจหลายฉบับได้กำหนดให้ผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจเป็นกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจโดยตำแหน่ง
และกำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน
หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ ในกรณีที่ตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจนั้นว่างลง
หรือในกรณีที่ผู้บริหารนั้นไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยจำกัดอำนาจหน้าที่ของบุคคลที่ทำหน้าที่แทนผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจดังกล่าวมิให้มีอำนาจหน้าที่ในฐานะกรรมการ
ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่อองค์ประกอบและการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สมควรแก้ไขกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจให้ผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน
หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ
รวมถึงอำนาจหน้าที่ของผู้บริหารในฐานะกรรมการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ
เพื่อให้คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
นุสรา/ปรับปรุง
๒๐ เมษายน ๒๕๖๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๖/ตอนที่ ๗๒/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๔ พฤษภาคม ๒๕๒๒
[๒] มาตรา
๔ นิยามคำว่า พนักงาน
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๓] มาตรา
๔ นิยามคำว่า รัฐมนตรี
เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๔] มาตรา
๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๕] มาตรา
๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๖] มาตรา
๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๗] มาตรา
๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๘] มาตรา
๑๘/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๙] มาตรา
๑๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๑๐] มาตรา
๒๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๑๑] มาตรา
๒๒ (๘) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๐
[๑๒] มาตรา
๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๑๓] มาตรา
๒๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๑๔] มาตรา
๒๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๑๕] มาตรา
๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๑๖] มาตรา
๒๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน
ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๖๒
[๑๗] มาตรา
๔๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๑๘]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๑๐๒ ก/หน้า ๖๖/๘ ตุลาคม ๒๕๔๕
[๑๙]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๕๔ ก/หน้า ๑/๑๔ กันยายน ๒๕๕๐
[๒๐] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๕๐ ก/หน้า ๒๙/๑๖ เมษายน ๒๕๖๒ |
831427 | พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทนหรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 | พระราชบัญญัติ
แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่
ของผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน
หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๖๒
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒
เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน
ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน
ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๖๒
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตราแห่งพระราชบัญญัติจำนวนเก้าฉบับ
ดังต่อไปนี้ และให้ใช้ความตามที่ปรากฏในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้แทนตามลำดับ
(๑)
มาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. ๒๕๐๑
(๒)
มาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๒
(๓) มาตรา ๒๔
แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๑
(๔)
มาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๑๗
(๕) มาตรา ๓๑
แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
(๖) มาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
(๗) มาตรา ๒๗
แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓
(๘)
มาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๐
(๙)
มาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
บัญชีท้ายพระราชบัญญัติ
แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ทำการแทน
ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน
ผู้รักษาการแทน
หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ.
๒๕๖๒
๑.
พระราชบัญญัติการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. ๒๕๐๑
มาตรา ๓๒
เมื่อผู้ว่าการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง
ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนหนึ่งขึ้นเป็นผู้ทำการแทนผู้ว่าการชั่วคราว
และให้นำมาตรา ๒๘ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ให้ผู้ทำการแทนผู้ว่าการมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับผู้ว่าการ
๒.
พระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓
มาตรา ๓๒ เมื่อผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
หรือเมื่อตำแหน่งผู้ว่าการว่างลงและยังมิได้แต่งตั้งผู้ว่าการ
ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ และให้นำมาตรา
๒๘ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ให้ผู้รักษาการแทนผู้ว่าการมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ว่าการ
๓.
พระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๑
มาตรา ๒๔ เมื่อผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
หรือเมื่อตำแหน่งผู้ว่าการว่างลงในระหว่างที่ยังมิได้แต่งตั้งผู้ว่าการ
ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนหนึ่งเป็นผู้ทำการแทนผู้ว่าการ หรือรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ
แล้วแต่กรณี และให้นำมาตรา ๒๐ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ให้ผู้ทำการแทนผู้ว่าการหรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับผู้ว่าการ
๔.
พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๑๗
มาตรา ๒๐ เมื่อผู้อำนวยการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
หรือเมื่อตำแหน่งผู้อำนวยการว่างลงและยังมิได้แต่งตั้งผู้อำนวยการ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนหนึ่งเป็นผู้ทำการแทนผู้อำนวยการ
หรือรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ แล้วแต่กรณี และให้นำมาตรา ๑๕
มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ให้ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการหรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับผู้อำนวยการ
๕.
พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา
๓๑
เมื่อผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้หรือเมื่อตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง
ให้คณะกรรมการแต่งตั้งกรรมการหรือพนักงานเป็นผู้ทำการแทนผู้ว่าการหรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ
แล้วแต่กรณี และให้นำมาตรา ๒๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ให้ผู้ทำการแทนผู้ว่าการหรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับผู้ว่าการ
๖.
พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๒๙
ให้รองผู้ว่าการมีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างทุกตำแหน่งรองจากผู้ว่าการ
และมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินกิจการของ ททท. ตามที่ผู้ว่าการมอบหมาย
ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้รองผู้ว่าการเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน หากมีรองผู้ว่าการมากว่าหนึ่งคน
ให้ผู้ว่าการกำหนดผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตามลำดับไว้ล่วงหน้า ในกรณีที่ตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งรองผู้ว่าการผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
ในกรณีที่ผู้ว่าการและรองผู้ว่าการไม่อยู่
หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือตำแหน่งผู้ว่าการและรองผู้ว่าการว่างลง ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการหรือพนักงาน ททท.
ผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
ในการปฏิบัติหน้าที่ของรองผู้ว่าการตามวรรคสอง
หรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการตามวรรคสาม
ให้รองผู้ว่าการหรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ว่าการ
๗.
พระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓
มาตรา ๒๗ ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้หรือตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง
ให้รองผู้ว่าการผู้มีอาวุโสสูงสุดตามลำดับเป็นผู้รักษาการแทน
ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้แต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทน
ให้ผู้รักษาการแทนมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับผู้ว่าการ
๘.
พระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๐
มาตรา ๒๘
ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้หรือตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง
ให้รองผู้ว่าการผู้มีอาวุโสสูงสุดตามลำดับเป็นผู้ทำการแทนหรือรักษาการในตำแหน่ง
ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนหนึ่งเป็นผู้ทำการแทนหรือรักษาการในตำแหน่ง
ให้ผู้ทำการแทนหรือรักษาการในตำแหน่งมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับผู้ว่าการ
๙.
พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘
มาตรา ๒๖
ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
หรือเมื่อตำแหน่งผู้ว่าการว่างลงและยังมิได้แต่งตั้งผู้ว่าการ
ให้รองผู้ว่าการรักษาการแทนผู้ว่าการ
ถ้าไม่มีรองผู้ว่าการหรือรองผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
ในการปฏิบัติหน้าที่ของรองผู้ว่าการหรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการตามวรรคหนึ่ง
ให้รองผู้ว่าการหรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ว่าการ
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจหลายฉบับได้กำหนดให้ผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจเป็นกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจโดยตำแหน่ง
และกำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ
ในกรณีที่ตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจนั้นว่างลง
หรือในกรณีที่ผู้บริหารนั้นไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยจำกัดอำนาจหน้าที่ของบุคคลที่ทำหน้าที่แทนผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจดังกล่าวมิให้มีอำนาจหน้าที่ในฐานะกรรมการ
ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่อองค์ประกอบและการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
สมควรแก้ไขกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจให้ผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้รักษาการแทน หรือผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ
รวมถึงอำนาจหน้าที่ของผู้บริหารในฐานะกรรมการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ
เพื่อให้คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ปุณิกา/ภรัณภรณ์/จัดทำ
๑๘ เมษายน ๒๕๖๒
นุสรา/ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๖๒
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๕๐ ก/หน้า ๒๙/๑๖ เมษายน ๒๕๖๒ |
831560 | พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 (ฉบับ Update ณ วันที่ 14/09/2550) | พระราชบัญญัติ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒
ภูมิพลอดุลยเดช
ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่
๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒
เป็นปีที่ ๓๔
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิก
(๑)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๐๒
(๒)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๖
(๓)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๙
(๔)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๑
(๕)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๖
(๖)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๑๗
(๗)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๑๘
(๘)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๑๙
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว หมายความว่า
อุตสาหกรรมที่จัดให้มีหรือให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักรโดยมีค่าตอบแทน
และหมายความรวมถึง
(๑)
ธุรกิจนำเที่ยว
(๒)
ธุรกิจโรงแรมนักท่องเที่ยว
(๓)
ธุรกิจภัตตาคาร สถานบริการและสถานที่ตากอากาศสำหรับนักท่องเที่ยว
(๔)
ธุรกิจการขายของที่ระลึกหรือสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว
(๕)
ธุรกิจการกีฬาสำหรับนักท่องเที่ยว
(๖)
การดำเนินงานนิทรรศการ งานแสดง งานออกร้าน การโฆษณาเผยแพร่
หรือการดำเนินงานอื่นใดโดยมีความมุ่งหมายเพื่อชักนำหรือส่งเสริมให้มีการเดินทางท่องเที่ยว
ผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หมายความว่า
ผู้ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยว หมายความว่า
บุคคลที่เดินทางจากท้องที่อันเป็นถิ่นที่อยู่โดยปกติของตนไปยังท้องที่อื่นเป็นการชั่วคราวด้วยความสมัครใจและด้วยวัตถุประสงค์อันมิใช่เพื่อไปประกอบอาชีพหรือหารายได้
คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กรรมการ หมายความว่า
กรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ผู้ว่าการ หมายความว่า
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รองผู้ว่าการ หมายความว่า
รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พนักงาน[๒]
หมายความว่า พนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหมายความรวมถึงรองผู้ว่าการด้วย
ลูกจ้าง หมายความว่า
ลูกจ้างของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รัฐมนตรี[๓]
หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา*รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
การจัดตั้ง ทุน
และเงินสำรอง
มาตรา ๖
ให้จัดตั้งองค์การขึ้นเรียกว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เรียกโดยย่อว่า ททท.
และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า TOURISM AUTHORITY OF THAILAND
เรียกโดยย่อว่า TAT และ ให้มีตราเครื่องหมายของ ททท.
รูปลักษณะตราเครื่องหมายตามวรรคหนึ่ง
ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๗[๔] ให้ ททท. เป็นนิติบุคคล
มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง และจะจัดตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น
ณ ที่อื่นใดภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรก็ได้
แต่การตั้งสำนักงานสาขาภายนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรี
มาตรา ๘ ททท. มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
(๑)
ส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตลอดจนการประกอบอาชีพของคนไทยในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
เผยแพร่ประเทศไทยในด้านความงามของธรรมชาติ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ประวัติศาสตร์
ศิลปวัฒนธรรม การกีฬา และวิวัฒนาการของเทคโนโลยี
ตลอดจนกิจการอย่างอื่นอันจะเป็นการชักจูงให้มีการเดินทางท่องเที่ยว
(๓)
อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
(๔)
ส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความเป็นมิตรไมตรีระหว่างประชาชนและระหว่างประเทศโดยอาศัยการท่องเที่ยว
(๕)
ริเริ่มให้มีการพัฒนาการท่องเที่ยว
และเพื่อพัฒนาปัจจัยพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
มาตรา ๙ ให้ ททท. มีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา
๘ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑)
ให้คำปรึกษา แนะนำ ร่วมมือและประสานงานกับส่วนราชการ องค์การ สถาบัน
นิติบุคคลและเอกชน ทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(๒)
ส่งเสริม ร่วมมือ หรือดำเนินการในการฝึกอบรมและให้การศึกษาวิชาการต่าง ๆ เพื่อสร้างบุคลากรให้ได้มาตรฐานและเพียงพอในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๓)
ส่งเสริมการทัศนศึกษา
(๔)
สำรวจและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ จากส่วนราชการ องค์การสถาบัน
นิติบุคคลและเอกชนผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
เพื่อประโยชน์ในการจัดทำสถิติเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๕)
สำรวจ กำหนดพื้นที่และสถานที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่ต้องสงวนไว้เป็นของรัฐและให้อยู่ในความควบคุมดูแลของ
ททท. โดยให้จัดทำเป็นพระราชกฤษฎีกา
(๖)
สำรวจ วางแผนและดำเนินการ จัดสร้าง ส่งเสริม อนุรักษ์ พื้นฟู บูรณะ
หรือพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว ตลอดจนทรัพยากรทางการท่องเที่ยวและคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการนั้น
ๆ
(๗)
ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่าที่จำเป็นรวมตลอดถึงการลงทุน
หรือร่วมทุนเพื่อเป็นการริเริ่มให้มีการพัฒนาการท่องเที่ยวหรือพัฒนาปัจจัยพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
(๘)
กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(๙)
ให้กู้หรือให้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์สินเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๑๐)
ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือร่วมทุนในกิจการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๑๑)
ถือกรรมสิทธิ์ หรือมีสิทธิครอบครองหรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ สร้าง ซื้อ จัดหา ขาย
จำหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง
ทำการแลกเปลี่ยน โอน รับโอน หรือดำเนินการใด ๆ
เกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งในและนอกราชอาณาจักร
ตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
(๑๒)
กระทำกิจการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเนื่องในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของ
ททท.
มาตรา ๑๐ ทุนของ ททท. ประกอบด้วย
(๑)
เงินและทรัพย์สินที่ได้รับโอนตามมาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๒ เมื่อได้หักหนี้สินออกแล้ว
(๒)
เงินที่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดินให้เป็นทุน หรือเพื่อดำเนินงานหรือเพื่อขยายกิจการ
(๓)
เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
มาตรา ๑๑ ททท. อาจมีรายได้ดังต่อไปนี้
(๑)
รายได้จากทรัพย์สินของ ททท.
(๒)
เงินอุดหนุนจากรัฐบาล
(๓)
รายได้จากการดำเนินกิจการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๔)
รายได้จากการลงทุนหรือการร่วมทุน
(๕)
รายได้อื่น
รายได้ที่ได้รับในปีหนึ่งให้นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่าง
ๆ เงินลงทุนหรือร่วมทุนเพื่อกิจการของ ททท.
และสมทบกองทุนสำหรับจ่ายสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานใน ททท.
ตลอดจนสะสมไว้เป็นเงินสำรองตามมาตรา ๑๒ เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
แต่ถ้ารายได้มีจำนวนไม่พอสำหรับรายจ่าย นอกจากเงินสำรองตามมาตรา ๑๒ และ ททท.
ไม่สามารถหาเงินจากทางอื่นได้ รัฐบาลพึงจ่ายเงินให้แก่ ททท. เท่าจำนวนที่จำเป็น
มาตรา ๑๒ เงินสำรองของ ททท.
ให้ประกอบด้วยเงินสำรองธรรมดาซึ่งตั้งไว้เผื่อขาด เงินสำรองเพื่อไถ่ถอนหนี้
และเงินสำรองอื่น ๆ เพื่อความประสงค์แต่ละอย่าง
โดยเฉพาะตามที่คณะกรรมการจะเห็นสมควร
เงินสำรองธรรมดาจะนำออกใช้ได้ก็แต่โดยมติของคณะกรรมการ
มาตรา ๑๓ ให้ ททท.
เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
มาตรา ๑๔ ทรัพย์สินของ ททท. ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
หมวด ๒
การกำกับ
การควบคุมและการบริหาร
มาตรา
๑๕[๕] ให้รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ
ททท. และเพื่อประโยชน์ในการนี้ รัฐมนตรีมีอำนาจเรียกประธานกรรมการ กรรมการ
ผู้ว่าการ พนักงานหรือลูกจ้างมาชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น
หรือให้ทำรายงานเสนอ และมีอำนาจที่จะสั่งยับยั้งการกระทำของ ททท.
ที่เห็นว่าเป็นการขัดต่อนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรีได้ด้วย
มาตรา ๑๖[๖] ในกรณีที่ ททท. จะต้องเสนอเรื่องใด ๆ
ไปยังคณะรัฐมนตรี ให้ ททท. นำเรื่องเสนอรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี
มาตรา ๑๗ ททท.
ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการต่อไปนี้ได้
(๑)
กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินคราวละห้าล้านบาท
(๒)
ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
(๓)
จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์อันมีราคาเกินหนึ่งล้านบาท
(๔)
จำหน่ายทรัพย์สินอันมีราคาเกินหนึ่งล้านบาทจากบัญชีเป็นสูญ
(๕)
ลงทุนหรือร่วมทุนในกิจการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีจำนวนเงินเกินห้าล้านบาท
มาตรา
๑๘[๗] ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ประธานกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ปลัดกระทรวงการคลัง
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงคมนาคม
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสองคน และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสามคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ
และให้ผู้ว่าการเป็นกรรมการและเลขานุการ
กรรมการผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสองคนตามวรรคหนึ่ง
ต้องไม่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔
ในกลุ่มเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกับประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งนี้
ผู้แทนนั้นจะอยู่ในสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือไม่ก็ได้
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง
ให้แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันอุดมศึกษาที่มีความรู้ในวิชาเศรษฐศาสตร์
บริหารธุรกิจ การตลาด การท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรม สื่อสารมวลชน
หรือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
มาตรา
๑๘/๑[๘] ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง
นอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้ว
ยังต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑)
มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ ททท. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ ททท. ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
เว้นแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในกิจการที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้น
หรือเป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ กรรมการ ผู้จัดการ
หรือผู้ดำเนินกิจการในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ ททท. เป็นผู้ถือหุ้น
(๓)
ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง
มาตรา
๑๙[๙] ให้ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระหรือในกรณีที่รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่งให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนหรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
เมื่อครบกำหนดวาระตามวรรคหนึ่ง
หากยังมิได้มีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่ ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่าประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
มาตรา
๒๐[๑๐] นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๙
ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
รัฐมนตรีให้ออก
(๔)
เป็นบุคคลล้มละลาย
(๕)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๖)
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
(๗)
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๘/๑
มาตรา ๒๑ เพื่อประโยชน์แห่งกิจการของ ททท.
ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดของ ททท.
ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๒๒
ให้คณะกรรมการมีอำนาจและหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ
ททท.
อำนาจและหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑)
กำหนดนโยบายและอนุมัติแผนงานของ ททท.
เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ออกข้อบังคับหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา ๘ และมาตรา ๙
(๓)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการประชุม และดำเนินกิจการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ
(๔)
ออกข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานต่าง ๆ
(๕)
ออกข้อบังคับกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินอื่น ๆ
ของพนักงานและลูกจ้าง
(๖)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การถอดถอน การเลื่อนเงินเดือนหรือค่าจ้าง
ระเบียบวินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
(๗)
ออกระเบียบว่าด้วยการร้องทุกข์ของพนักงานและลูกจ้าง
(๘)[๑๑] ออกข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัว
โดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
(๙)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการจ่ายค่าพาหนะ เบี้ยเลี้ยงเดินทาง ค่าเช่าที่พัก
ค่าทำงานล่วงเวลา เบี้ยประชุม และการจ่ายเงินอื่น ๆ
(๑๐)
ออกระเบียบว่าด้วยเครื่องแบบพนักงานและลูกจ้าง
ข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานหรือการเงินที่คณะกรรมการกำหนดขึ้น
ถ้ามีข้อความให้มีผลเป็นการจำกัดอำนาจผู้ว่าการหรือรองผู้ว่าการในการทำนิติกรรมกับบุคคลภายนอกไว้ประการใด
ให้ประกาศข้อบังคับหรือระเบียบเช่นว่านั้นในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา
๒๓[๑๒] ให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ประธานกรรมการ
กรรมการ
พนักงานและลูกจ้างอาจได้รับเงินรางวัลตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
มาตรา
๒๔[๑๓] ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งผู้ว่าการ
มาตรา
๒๕[๑๔] ผู้ว่าการนอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้ว
ยังต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ ททท. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ ททท. ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
เว้นแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในกิจการที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้น
หรือเป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ กรรมการ ผู้จัดการ
หรือผู้ดำเนินกิจการในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ ททท. เป็นผู้ถือหุ้น
มาตรา
๒๖[๑๕] ผู้ว่าการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
๒๕
(๕)
คณะกรรมการมีมติเห็นสมควรให้เลิกจ้าง
(๖)
สัญญาจ้างสิ้นสุด
มติของคณะกรรมการให้เลิกจ้างตาม
(๕)
ต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่นอกจากผู้ว่าการ
และต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี
มาตรา ๒๗ ให้ผู้ว่าการเป็นผู้ดำเนินกิจการของ ททท.
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของ ททท. และตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับและนโยบายที่คณะกรรมการกำหนด
และให้มีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างทุกตำแหน่ง
ผู้ว่าการต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการในการดำเนินกิจการของ
ททท.
มาตรา ๒๘ ให้ผู้ว่าการมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑)
วางรูปการจัดองค์กร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
(๒)
บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง
ลงโทษทางวินัยพนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่ง
ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างชั้นที่ปรึกษา
ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อำนวยการฝ่าย
หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไปจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน
(๓)
วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ ททท. โดยไม่ขัดหรือแย้งต่อระเบียบข้อบังคับ
และนโยบายที่คณะกรรมการกำหนดไว้
(๔)
แต่งตั้งคณะบุคคลเป็นกรรมการเฉพาะกิจเพื่อปฏิบัติการใด ๆ
อันจะเป็นประโยชน์แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๕)
ดำเนินการอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๒๙
ให้รองผู้ว่าการมีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างทุกตำแหน่งรองจากผู้ว่าการ
และมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินกิจการของ ททท. ตามที่ผู้ว่าการมอบหมาย
ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อยู่
หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้รองผู้ว่าการเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนหากมีรองผู้ว่าการมากกว่าหนึ่งคนให้ผู้ว่าการกำหนดผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตามลำดับไว้ล่วงหน้า
ในกรณีที่ตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งรองผู้ว่าการผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ[๑๖]
ในกรณีที่ผู้ว่าการและรองผู้ว่าการไม่อยู่
หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือตำแหน่งผู้ว่าการและรองผู้ว่าการว่างลง
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการหรือพนักงาน ททท. ผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ[๑๗]
ในการปฏิบัติหน้าที่ของรองผู้ว่าการตามวรรคสอง
หรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการตามวรรคสาม
ให้รองผู้ว่าการหรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ว่าการ
เว้นแต่อำนาจและหน้าที่ของผู้ว่าการในฐานะกรรมการ
มาตรา ๓๐ ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก
ให้ผู้ว่าการเป็นผู้กระทำในนามของ ททท. และเป็นผู้แทนของ ททท.
และเพื่อการนี้ผู้ว่าการอาจมอบอำนาจให้รองผู้ว่าการหรือตัวแทนของ ททท. ตามมาตรา ๗
หรือบุคคลใด ปฏิบัติกิจการเฉพาะอย่างแทนได้ แต่ในกรณีเช่นว่านี้ ต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
นิติกรรมที่ผู้ว่าการกระทำโดยฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบตามมาตรา
๒๒ วรรคสอง ย่อมไม่ผูกพัน ททท. เว้นแต่คณะกรรมการจะให้สัตยาบัน
หมวด ๓
การร้องทุกข์และการสงเคราะห์
มาตรา ๓๑
ให้พนักงานและลูกจ้างมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา ๓๒ ให้ ททท.
จัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัว
ในกรณีพ้นจากตำแหน่ง ประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือกรณีอื่นอันควรแก่การสงเคราะห์
การจัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นตามวรรคหนึ่ง
การออกเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์
การกำหนดประเภทของผู้ที่พึงได้รับการสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์
การจ่ายเงินสงเคราะห์
และการจัดการกองทุนสงเคราะห์ให้เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
หมวด ๔
การเงิน
การบัญชีและการตรวจสอบ
มาตรา ๓๓ ให้ ททท. จัดทำงบประมาณประจำปีโดยจำแนกเงินที่จะได้รับในปีหนึ่ง
ๆ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการให้แยกเป็นงบลงทุนและงบทำการ
งบลงทุนนั้นให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
ส่วนงบทำการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
มาตรา ๓๔ ให้ ททท.
วางและรักษาไว้ซึ่งระบบการบัญชีอันถูกต้องแยกตามประเภทงานส่วนที่สำคัญ
มีการตรวจสอบบัญชีภายในเป็นประจำและมีสมุดบัญชีลงรายการ
(๑)
รายรับและรายจ่ายเงิน
(๒)
สินทรัพย์และหนี้สิน
ซึ่งแสดงการงานที่เป็นอยู่จริงและตามที่ควร
ตามประเภทงาน พร้อมด้วยข้อความแสดงที่มาของรายการนั้น ๆ
มาตรา ๓๕
ให้ผู้ว่าการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีภายในคนหนึ่งหรือหลายคนทำการตรวจสอบบัญชีและหลักฐานต่าง
ๆ ของทุกหน่วยงานของ ททท. ได้ทุกเวลา ในระหว่างเวลาทำการ
แล้วรายงานโดยตรงต่อผู้ว่าการเป็นประจำทุกเดือน
มาตรา ๓๖ ทุกปี ททท. ต้องจัดทำงบดุล บัญชีทำการ
และบัญชีกำไรขาดทุนให้เสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
มาตรา ๓๗
ทุกปีให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี ทำการตรวจสอบรับรองบัญชี
และการเงินทุกประเภทของ ททท.
มาตรา ๓๘ ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบสรรพสมุด
บัญชีและเอกสารหลักฐานของ ททท. เพื่อการนี้ ให้มีอำนาจสอบถามประธานกรรมการ กรรมการ
ผู้ว่าการ รองผู้ว่าการ พนักงานหรือลูกจ้างของ ททท.
มาตรา ๓๙
ผู้สอบบัญชีต้องทำรายงานผลการสอบบัญชีและการเงินเสนอต่อคณะกรรมการภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
มาตรา ๔๐[๑๘] ให้คณะกรรมการทำรายงานปีละครั้งเสนอต่อรัฐมนตรี
รายงานนี้ให้กล่าวถึงผลงานของ ททท.
ในปีที่ล่วงมาพร้อมทั้งคำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของคณะกรรมการโครงการ
และแผนงานที่จะจัดทำในภายหน้า
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๔๑ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้
และความรับผิดขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๐๒
ที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเป็นของ ททท. ทั้งนี้
ภายในเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๔๒ ให้โอนงบประมาณรายจ่ายขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๐๒
ที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเป็นของ ททท. ทั้งนี้
ภายในเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๔๓ ให้ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ
และบรรดาพนักงานหรือลูกจ้างขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ.๒๕๐๒
ซึ่งมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นผู้ว่าการ
รองผู้ว่าการ และพนักงานหรือลูกจ้างของ ททท. แล้วแต่กรณี
กับให้ถือว่าเวลาการทำงานของบุคคลดังกล่าวในองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นเวลาการทำงานใน
ททท. นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๔๔ บรรดาข้อบังคับ ระเบียบ
หรือคำสั่งขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
คงใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มีการออกข้อบังคับ
ระเบียบ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส.
โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ
:- ในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เพื่อจัดตั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขึ้นแทนองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว
และให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมและดำเนินกิจการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
*พระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕[๑๙]
มาตรา
๑๘
ในพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้แก้ไขคำว่า นายกรัฐมนตรี เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
โดยที่พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕
ได้บัญญัติให้จัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่โดยมีภารกิจใหม่ ซึ่งได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม นั้นแล้ว
และเนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้โอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ
รัฐมนตรีผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่
โดยให้มีการแก้ไขบทบัญญัติต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่โอนไปด้วย ฉะนั้น
เพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามหลักการที่ปรากฏในพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
จึงสมควรแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้สอดคล้องกับการโอนส่วนราชการ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีความชัดเจนในการใช้กฎหมายโดยไม่ต้องไปค้นหาในกฎหมายโอนอำนาจหน้าที่ว่าตามกฎหมายใดได้มีการโอนภารกิจของส่วนราชการหรือผู้รับผิดชอบตามกฎหมายนั้นไปเป็นของหน่วยงานใดหรือผู้ใดแล้ว
โดยแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้มีการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ รัฐมนตรี ผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการให้ตรงกับการโอนอำนาจหน้าที่
และเพิ่มผู้แทนส่วนราชการในคณะกรรมการให้ตรงตามภารกิจที่มีการตัดโอนจากส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่รวมทั้งตัดส่วนราชการเดิมที่มีการยุบเลิกแล้ว
ซึ่งเป็นการแก้ไขให้ตรงตามพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐[๒๐]
มาตรา
๑๔
ให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการขึ้นใหม่
ซึ่งต้องไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา
๑๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
และโดยที่ได้มีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
และกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และกำหนดให้ผู้ว่าการมาจากการจ้าง
สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
ให้สอดคล้องกัน
รวมทั้งสมควรแก้ไขบทบัญญัติบางประการเพื่อเป็นการลดปริมาณเรื่องที่ต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ชาญ/ผู้จัดทำ
๑๗ มกราคม
๒๕๕๖
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๖/ตอนที่ ๗๒/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๔ พฤษภาคม ๒๕๒๒
[๒] มาตรา
๔ นิยามคำว่า พนักงาน
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๓] มาตรา
๔ นิยามคำว่า รัฐมนตรี
เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๔] มาตรา ๗
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๕] มาตรา
๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๖] มาตรา
๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๗] มาตรา
๑๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๘] มาตรา
๑๘/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๙] มาตรา
๑๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๑๐] มาตรา ๒๐
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๑๑]
มาตรา
๒๒ (๘) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๐
[๑๒] มาตรา ๒๓
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๑๓] มาตรา ๒๔
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๑๔] มาตรา ๒๕
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๑๕] มาตรา ๒๖
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
[๑๖] มาตรา
๒๙ วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๐
[๑๗] มาตรา
๒๙ วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๐
[๑๘]
มาตรา
๔๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๐
[๑๙]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๑๐๒ ก/หน้า ๖๖/๘ ตุลาคม ๒๕๔๕
[๒๐]
ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๕๔ ก/หน้า ๑/๑๔ กันยายน ๒๕๕๐ |
561791 | พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 | พระราชบัญญัติ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๐
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
มาตรา
๒[๑]
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
มาตรา
๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า พนักงาน ในมาตรา ๔
แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
พนักงาน หมายความว่า
พนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหมายความรวมถึงรองผู้ว่าการด้วย
มาตรา
๔ ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า รัฐมนตรี ต่อจากบทนิยามคำว่า ลูกจ้าง ในมาตรา ๔
แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ดังต่อไปนี้
รัฐมนตรี หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา
๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๗ ให้ ททท.
เป็นนิติบุคคล มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง
และจะจัดตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ
ที่อื่นใดภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรก็ได้
แต่การตั้งสำนักงานสาขาภายนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรี
มาตรา
๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕ และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๕ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ
ททท. และเพื่อประโยชน์ในการนี้ รัฐมนตรีมีอำนาจเรียกประธานกรรมการ กรรมการ
ผู้ว่าการ พนักงานหรือลูกจ้างมาชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น
หรือให้ทำรายงานเสนอ และมีอำนาจที่จะสั่งยับยั้งการกระทำของ ททท. ที่เห็นว่าเป็นการขัดต่อนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรีได้ด้วย
มาตรา
๑๖ ในกรณีที่ ททท. จะต้องเสนอเรื่องใด ๆ
ไปยังคณะรัฐมนตรี ให้ ททท. นำเรื่องเสนอรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี
มาตรา
๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๘
แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๘
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ประธานกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ปลัดกระทรวงการคลัง
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงพาณิชย์
ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสองคน
และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสามคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ
และให้ผู้ว่าการเป็นกรรมการและเลขานุการ
กรรมการผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสองคนตามวรรคหนึ่ง
ต้องไม่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔
ในกลุ่มเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกับประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ผู้แทนนั้นจะอยู่ในสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือไม่ก็ได้
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง
ให้แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันอุดมศึกษาที่มีความรู้ในวิชาเศรษฐศาสตร์
บริหารธุรกิจ การตลาด การท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม สื่อสารมวลชน
หรือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
มาตรา
๘ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๘/๑
แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๑๘/๑
ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง
นอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้ว
ยังต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑)
มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ ททท. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ ททท. ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
เว้นแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในกิจการที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้น
หรือเป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ กรรมการ ผู้จัดการ
หรือผู้ดำเนินกิจการในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ ททท. เป็นผู้ถือหุ้น
(๓)
ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง
มาตรา
๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๐
แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๙
ให้ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระหรือในกรณีที่รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง
ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนหรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
เมื่อครบกำหนดวาระตามวรรคหนึ่ง
หากยังมิได้มีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่
ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่าประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้
แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
มาตรา
๒๐ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๙
ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
รัฐมนตรีให้ออก
(๔)
เป็นบุคคลล้มละลาย
(๕)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๖)
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
(๗)
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๘/๑
มาตรา
๑๐ ให้ยกเลิกความใน (๘) ของมาตรา ๒๒
แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
(๘)
ออกข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัว
โดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
มาตรา
๑๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ มาตรา
๒๕ และมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๓
ให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ประธานกรรมการ
กรรมการ
พนักงานและลูกจ้างอาจได้รับเงินรางวัลตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
มาตรา
๒๔ ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งผู้ว่าการ
มาตรา
๒๕
ผู้ว่าการนอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้ว
ยังต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(๑)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ ททท. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ ททท. ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
เว้นแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในกิจการที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้น
หรือเป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการ กรรมการ ผู้จัดการ
หรือผู้ดำเนินกิจการในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ ททท. เป็นผู้ถือหุ้น
มาตรา
๒๖ ผู้ว่าการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๔)
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๕
(๕)
คณะกรรมการมีมติเห็นสมควรให้เลิกจ้าง
(๖)
สัญญาจ้างสิ้นสุด
มติของคณะกรรมการให้เลิกจ้างตาม
(๕)
ต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่นอกจากผู้ว่าการ
และต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี
มาตรา
๑๒ ให้ยกเลิกความในวรรคสองและวรรคสามของมาตรา
๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้รองผู้ว่าการเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนหากมีรองผู้ว่าการมากกว่าหนึ่งคนให้ผู้ว่าการกำหนดผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตามลำดับไว้ล่วงหน้า
ในกรณีที่ตำแหน่งผู้ว่าการว่างลง
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งรองผู้ว่าการผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
ในกรณีที่ผู้ว่าการและรองผู้ว่าการไม่อยู่
หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือตำแหน่งผู้ว่าการและรองผู้ว่าการว่างลง
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการหรือพนักงาน ททท. ผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
มาตรา
๑๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๐
แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๔๐
ให้คณะกรรมการทำรายงานปีละครั้งเสนอต่อรัฐมนตรี
รายงานนี้ให้กล่าวถึงผลงานของ ททท. ในปีที่ล่วงมาพร้อมทั้งคำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของคณะกรรมการโครงการ
และแผนงานที่จะจัดทำในภายหน้า
มาตรา
๑๔
ให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการขึ้นใหม่
ซึ่งต้องไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา
๑๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
และโดยที่ได้มีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
และกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และกำหนดให้ผู้ว่าการมาจากการจ้าง
สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
ให้สอดคล้องกัน
รวมทั้งสมควรแก้ไขบทบัญญัติบางประการเพื่อเป็นการลดปริมาณเรื่องที่ต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ปริยานุช/จัดทำ
๒๖ กันยายน
๒๕๕๐
วศิน/แก้ไข
๒๕ มีนาคม
๒๕๕๒
โชติกานต์/ปรับปรุง
๑๗ สิงหาคม
๒๕๖๑
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๕๔ ก/หน้า ๑/๑๔ กันยายน ๒๕๕๐ |
326980 | พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 | พระราชบัญญัติ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒
ภูมิพลอดุลยเดช
ป.ร.
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒
เป็นปีที่ ๓๔
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิก
(๑)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๐๒
(๒)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๖
(๓)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๙
(๔)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๑
(๕)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๖
(๖)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๑๗
(๗)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๑๘
(๘)
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๑๙
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว หมายความว่า
อุตสาหกรรมที่จัดให้มีหรือให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักรโดยมีค่าตอบแทน
และหมายความรวมถึง
(๑)
ธุรกิจนำเที่ยว
(๒)
ธุรกิจโรงแรมนักท่องเที่ยว
(๓)
ธุรกิจภัตตาคาร สถานบริการและสถานที่ตากอากาศสำหรับนักท่องเที่ยว
(๔)
ธุรกิจการขายของที่ระลึกหรือสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว
(๕)
ธุรกิจการกีฬาสำหรับนักท่องเที่ยว
(๖)
การดำเนินงานนิทรรศการ งานแสดง งานออกร้าน การโฆษณาเผยแพร่
หรือการดำเนินงานอื่นใดโดยมีความมุ่งหมายเพื่อชักนำหรือส่งเสริมให้มีการเดินทางท่องเที่ยว
ผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หมายความว่า
ผู้ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยว หมายความว่า
บุคคลที่เดินทางจากท้องที่อันเป็นถิ่นที่อยู่โดยปกติของตนไปยังท้องที่อื่นเป็นการชั่วคราวด้วยความสมัครใจและด้วยวัตถุประสงค์อันมิใช่เพื่อไปประกอบอาชีพหรือหารายได้
คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กรรมการ หมายความว่า
กรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ผู้ว่าการ หมายความว่า
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รองผู้ว่าการ หมายความว่า
รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พนักงาน หมายความว่า
พนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และหมายความรวมถึงผู้ว่าการและรองผู้ว่าการด้วย
ลูกจ้าง หมายความว่า
ลูกจ้างของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
มาตรา ๕
ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ให้ใช้บังคับได้
หมวด
๑
การจัดตั้ง
ทุน และเงินสำรอง
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งองค์การขึ้นเรียกว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เรียกโดยย่อว่า ททท. และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า TOURISM AUTHORITY OF THAILAND เรียกโดยย่อว่า TAT และ ให้มีตราเครื่องหมายของ ททท.
รูปลักษณะตราเครื่องหมายตามวรรคหนึ่ง
ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา ๗ ให้ ททท. เป็นนิติบุคคล
มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร และจะจัดตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ
ที่อื่นใดภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรก็ได้ แต่การตั้งสำนักงานสาขาภายนอกราชอาณาจักร
ต้องได้รับอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
มาตรา ๘ ททท. มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(๑)
ส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ตลอดจนการประกอบอาชีพของคนไทยในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
เผยแพร่ประเทศไทยในด้านความงามของธรรมชาติ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ประวัติศาสตร์
ศิลปวัฒนธรรม การกีฬา และวิวัฒนาการของเทคโนโลยี
ตลอดจนกิจการอย่างอื่นอันจะเป็นการชักจูงให้มีการเดินทางท่องเที่ยว
(๓)
อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
(๔)
ส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความเป็นมิตรไมตรีระหว่างประชาชนและระหว่างประเทศโดยอาศัยการท่องเที่ยว
(๕)
ริเริ่มให้มีการพัฒนาการท่องเที่ยว
และเพื่อพัฒนาปัจจัยพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
มาตรา ๙ ให้ ททท. มีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ
ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๘ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑)
ให้คำปรึกษา แนะนำ ร่วมมือและประสานงานกับส่วนราชการ องค์การ สถาบัน
นิติบุคคลและเอกชน ทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(๒)
ส่งเสริม ร่วมมือ หรือดำเนินการในการฝึกอบรมและให้การศึกษาวิชาการต่าง ๆ
เพื่อสร้างบุคลากรให้ได้มาตรฐานและเพียงพอในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๓)
ส่งเสริมการทัศนศึกษา
(๔)
สำรวจและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ จากส่วนราชการ องค์การสถาบัน
นิติบุคคลและเอกชนผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
เพื่อประโยชน์ในการจัดทำสถิติเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๕)
สำรวจ กำหนดพื้นที่และสถานที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่ต้องสงวนไว้เป็นของรัฐและให้อยู่ในความควบคุมดูแลของ
ททท. โดยให้จัดทำเป็นพระราชกฤษฎีกา
(๖)
สำรวจ วางแผนและดำเนินการ จัดสร้าง ส่งเสริม อนุรักษ์ พื้นฟู บูรณะ
หรือพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว ตลอดจนทรัพยากรทางการท่องเที่ยวและคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการนั้น
ๆ
(๗)
ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่าที่จำเป็นรวมตลอดถึงการลงทุน
หรือร่วมทุนเพื่อเป็นการริเริ่มให้มีการพัฒนาการท่องเที่ยวหรือพัฒนาปัจจัยพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
(๘)
กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(๙)
ให้กู้หรือให้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์สินเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๑๐)
ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือร่วมทุนในกิจการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๑๑)
ถือกรรมสิทธิ์ หรือมีสิทธิครอบครองหรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ สร้าง ซื้อ จัดหา ขาย
จำหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง
ทำการแลกเปลี่ยน โอน รับโอน หรือดำเนินการใด ๆ
เกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งในและนอกราชอาณาจักร ตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
(๑๒)
กระทำกิจการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเนื่องในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของ
ททท.
มาตรา ๑๐ ทุนของ ททท. ประกอบด้วย
(๑)
เงินและทรัพย์สินที่ได้รับโอนตามมาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๒ เมื่อได้หักหนี้สินออกแล้ว
(๒)
เงินที่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดินให้เป็นทุน หรือเพื่อดำเนินงานหรือเพื่อขยายกิจการ
(๓)
เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
มาตรา ๑๑ ททท. อาจมีรายได้ดังต่อไปนี้
(๑)
รายได้จากทรัพย์สินของ ททท.
(๒)
เงินอุดหนุนจากรัฐบาล
(๓)
รายได้จากการดำเนินกิจการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๔)
รายได้จากการลงทุนหรือการร่วมทุน
(๕)
รายได้อื่น
รายได้ที่ได้รับในปีหนึ่งให้นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่าง
ๆ เงินลงทุนหรือร่วมทุนเพื่อกิจการของ ททท.
และสมทบกองทุนสำหรับจ่ายสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานใน ททท.
ตลอดจนสะสมไว้เป็นเงินสำรองตามมาตรา ๑๒ เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
แต่ถ้ารายได้มีจำนวนไม่พอสำหรับรายจ่าย นอกจากเงินสำรองตามมาตรา ๑๒ และ ททท.
ไม่สามารถหาเงินจากทางอื่นได้ รัฐบาลพึงจ่ายเงินให้แก่ ททท. เท่าจำนวนที่จำเป็น
มาตรา ๑๒ เงินสำรองของ ททท.
ให้ประกอบด้วยเงินสำรองธรรมดาซึ่งตั้งไว้เผื่อขาด เงินสำรองเพื่อไถ่ถอนหนี้
และเงินสำรองอื่น ๆ เพื่อความประสงค์แต่ละอย่าง โดยเฉพาะตามที่คณะกรรมการจะเห็นสมควร
เงินสำรองธรรมดาจะนำออกใช้ได้ก็แต่โดยมติของคณะกรรมการ
มาตรา ๑๓ ให้ ททท.
เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
มาตรา ๑๔ ทรัพย์สินของ ททท.
ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
หมวด
๒
การกำกับ การควบคุมและการบริหาร
มาตรา ๑๕
นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายมีอำนาจและหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ
ททท. และเพื่อประโยชน์ในการนี้
นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายมีอำนาจเรียกกรรมการ
พนักงานหรือลูกจ้างใน ททท. มาชี้แจงข้อเท็จจริง
แสดงความคิดเห็นหรือให้ทำรายงานเสนอ และมีอำนาจที่จะสั่งยับยั้งการกระทำของ ททท.
ที่เห็นว่าเป็นการขัดต่อนโยบายหรือมติของคณะรัฐมนตรีได้ด้วย
มาตรา ๑๖ ในกรณีที่ ททท. จะต้องเสนอเรื่องใด ๆ
ไปยังคณะรัฐมนตรี ให้ ททท. นำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเพื่อเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี
มาตรา ๑๗ ททท.
ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการต่อไปนี้ได้
(๑)
กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินมีจำนวนเกินคราวละห้าล้านบาท
(๒)
ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
(๓)
จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์อันมีราคาเกินหนึ่งล้านบาท
(๔)
จำหน่ายทรัพย์สินอันมีราคาเกินหนึ่งล้านบาทจากบัญชีเป็นสูญ
(๕)
ลงทุนหรือร่วมทุนในกิจการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีจำนวนเงินเกินห้าล้านบาท
มาตรา ๑๘ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทน ปลัดกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทน
ปลัดกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผู้แทน
เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือผู้แทน
เลขาธิการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติหรือผู้แทน
และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสามคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ
และให้ผู้ว่าการเป็นกรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๑๙
ให้กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
ในกรณีที่กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระหรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง
ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่งแทนหรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
เมื่อครบกำหนดตามวาระดังกล่าวในวรรคหนึ่ง
หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่
ให้กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
มาตรา ๒๐ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๙
กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
คณะรัฐมนตรีให้ออก
(๔)
เป็นบุคคลล้มละลาย
(๕)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๖)
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดลหุโทษ
หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
มาตรา ๒๑ เพื่อประโยชน์แห่งกิจการของ ททท.
ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดของ
ททท. ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๒๒
ให้คณะกรรมการมีอำนาจและหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ
ททท.
อำนาจและหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑)
กำหนดนโยบายและอนุมัติแผนงานของ ททท.
เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ออกข้อบังคับหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา ๘ และมาตรา ๙
(๓)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการประชุม และดำเนินกิจการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ
(๔)
ออกข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานต่าง ๆ
(๕)
ออกข้อบังคับกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินอื่น ๆ
ของพนักงานและลูกจ้าง
(๖)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การถอดถอน การเลื่อนเงินเดือน หรือค่าจ้าง
ระเบียบวินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
(๗)
ออกระเบียบว่าด้วยการร้องทุกข์ของพนักงานและลูกจ้าง
(๘)
ออกข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัว
โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
(๙)
ออกข้อบังคับว่าด้วยการจ่ายค่าพาหนะ เบี้ยเลี้ยงเดินทาง ค่าเช่าที่พัก
ค่าทำงานล่วงเวลา เบี้ยประชุม และการจ่ายเงินอื่น ๆ
(๑๐)
ออกระเบียบว่าด้วยเครื่องแบบพนักงานและลูกจ้าง
ข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานหรือการเงินที่คณะกรรมการกำหนดขึ้น
ถ้ามีข้อความให้มีผลเป็นการจำกัดอำนาจผู้ว่าการหรือรองผู้ว่าการในการทำนิติกรรมกับบุคคลภายนอกไว้ประการใด
ให้ประกาศข้อบังคับหรือระเบียบเช่นว่านั้นในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒๓
ให้ประธานกรรมการและกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ประธานกรรมการ
กรรมการ พนักงานและลูกจ้างอาจได้รับเงินรางวัลตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
มาตรา ๒๔
ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้ว่าการและรองผู้ว่าการด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
มาตรา ๒๕ ผู้ว่าการและรองผู้ว่าการต้อง
(๑)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๒)
ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ ททท. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ ททท. ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
เว้นแต่เป็นผู้ถือหุ้นเพื่อประโยชน์ในการลงทุนโดยสุจริตในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด
ที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้น
(๓)
มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
มาตรา ๒๖ ผู้ว่าการหรือรองผู้ว่าการพ้นจากตำแหน่ง
เมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
คณะกรรมการให้ออกเพราะบกพร่องต่อหน้าที่
มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ
(๔)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๕)
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๕
มติของคณะกรรมการให้ผู้ว่าการหรือรองผู้ว่าการออกจากตำแหน่งตาม
(๓)
ต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดนอกจากผู้ว่าการ
และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
มาตรา ๒๗ ให้ผู้ว่าการเป็นผู้ดำเนินกิจการของ ททท.
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของ ททท. และตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับและนโยบายที่คณะกรรมการกำหนด
และให้มีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างทุกตำแหน่ง
ผู้ว่าการต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการในการดำเนินกิจการของ
ททท.
มาตรา ๒๘ ให้ผู้ว่าการมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑)
วางรูปการจัดองค์กร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
(๒)
บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง
ลงโทษทางวินัยพนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่ง
ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างชั้นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้อำนวยการฝ่าย หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไป จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน
(๓)
วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ ททท. โดยไม่ขัดหรือแย้งต่อระเบียบข้อบังคับ
และนโยบายที่คณะกรรมการกำหนดไว้
(๔)
แต่งตั้งคณะบุคคลเป็นกรรมการเฉพาะกิจเพื่อปฏิบัติการใด ๆ
อันจะเป็นประโยชน์แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
(๕)
ดำเนินการอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๒๙
ให้รองผู้ว่าการมีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างทุกตำแหน่งรองจากผู้ว่าการ
และมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินกิจการของ ททท. ตามที่ผู้ว่าการมอบหมาย
ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้รองผู้ว่าการเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ในกรณีที่มีรองผู้ว่าการมากกว่าหนึ่งคน
ให้ผู้ว่าการกำหนดผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตามลำดับไว้ล่วงหน้า
ในกรณีที่ผู้ว่าการและรองผู้ว่าการไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งกรรมการหรือพนักงาน ททท.
ผู้หนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
ในการปฏิบัติหน้าที่ของรองผู้ว่าการตามวรรคสอง
หรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการตามวรรคสาม
ให้รองผู้ว่าการหรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ว่าการ
เว้นแต่อำนาจและหน้าที่ของผู้ว่าการในฐานะกรรมการ
มาตรา ๓๐ ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก
ให้ผู้ว่าการเป็นผู้กระทำในนามของ ททท. และเป็นผู้แทนของ ททท.
และเพื่อการนี้ผู้ว่าการอาจมอบอำนาจให้รองผู้ว่าการหรือตัวแทนของ ททท. ตามมาตรา ๗
หรือบุคคลใด ปฏิบัติกิจการเฉพาะอย่างแทนได้ แต่ในกรณีเช่นว่านี้
ต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
นิติกรรมที่ผู้ว่าการกระทำโดยฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบตามมาตรา
๒๒ วรรคสอง ย่อมไม่ผูกพัน ททท. เว้นแต่คณะกรรมการจะให้สัตยาบัน
หมวด
๓
การร้องทุกข์และการสงเคราะห์
มาตรา ๓๑ ให้พนักงานและลูกจ้างมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา ๓๒ ให้ ททท.
จัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นเพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างและครอบครัว
ในกรณีพ้นจากตำแหน่ง ประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือกรณีอื่นอันควรแก่การสงเคราะห์
การจัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่นตามวรรคหนึ่ง
การออกเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์
การกำหนดประเภทของผู้ที่พึงได้รับการสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์
การจ่ายเงินสงเคราะห์
และการจัดการกองทุนสงเคราะห์ให้เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
หมวด
๔
การเงิน
การบัญชีและการตรวจสอบ
มาตรา ๓๓ ให้ ททท.
จัดทำงบประมาณประจำปีโดยจำแนกเงินที่จะได้รับในปีหนึ่ง ๆ
และค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการให้แยกเป็นงบลงทุนและงบทำการ
งบลงทุนนั้นให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
ส่วนงบทำการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
มาตรา ๓๔ ให้ ททท.
วางและรักษาไว้ซึ่งระบบการบัญชีอันถูกต้อง แยกตามประเภทงานส่วนที่สำคัญ
มีการตรวจสอบบัญชีภายในเป็นประจำและมีสมุดบัญชีลงรายการ
(๑)
รายรับและรายจ่ายเงิน
(๒)
สินทรัพย์และหนี้สิน
ซึ่งแสดงการงานที่เป็นอยู่จริงและตามที่ควร
ตามประเภทงาน พร้อมด้วยข้อความแสดงที่มาของรายการนั้น ๆ
มาตรา ๓๕
ให้ผู้ว่าการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีภายในคนหนึ่งหรือหลายคนทำการตรวจสอบบัญชีและหลักฐานต่าง
ๆ ของทุกหน่วยงานของ ททท. ได้ทุกเวลา ในระหว่างเวลาทำการ
แล้วรายงานโดยตรงต่อผู้ว่าการเป็นประจำทุกเดือน
มาตรา ๓๖ ทุกปี ททท. ต้องจัดทำงบดุล บัญชีทำการ
และบัญชีกำไรขาดทุนให้เสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
มาตรา ๓๗
ทุกปีให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี ทำการตรวจสอบรับรองบัญชี
และการเงินทุกประเภทของ ททท.
มาตรา ๓๘ ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบสรรพสมุด บัญชีและเอกสารหลักฐานของ
ททท. เพื่อการนี้ ให้มีอำนาจสอบถามประธานกรรมการ กรรมการ ผู้ว่าการ รองผู้ว่าการ
พนักงานหรือลูกจ้างของ ททท.
มาตรา ๓๙
ผู้สอบบัญชีต้องทำรายงานผลการสอบบัญชีและการเงินเสนอต่อคณะกรรมการภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี
มาตรา ๔๐ ให้คณะกรรมการทำรายงานปีละครั้งเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
รายงานนี้ ให้กล่าวถึงผลงานของ ททท.
ในปีที่ล่วงมาพร้อมทั้งคำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของคณะกรรมการ
โครงการและแผนงานที่จะจัดทำในภายหน้า
ให้
ททท. โฆษณารายงานประจำปีที่สิ้นไป โดยแสดงงบดุลบัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีรับรองว่าถูกต้อง
รวมทั้งรายงานสรุปผลงานในปีที่ล่วงมาภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีของ
ททท.
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๔๑ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้
และความรับผิดขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว
พ.ศ. ๒๕๐๒ ที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเป็นของ
ททท. ทั้งนี้
ภายในเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๔๒
ให้โอนงบประมาณรายจ่ายขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๐๒
ที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเป็นของ ททท. ทั้งนี้
ภายในเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๔๓ ให้ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ
และบรรดาพนักงานหรือลูกจ้างขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. ๒๕๐๒
ซึ่งมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นผู้ว่าการ
รองผู้ว่าการและพนักงานหรือลูกจ้างของ ททท. แล้วแต่กรณี
กับให้ถือว่าเวลาการทำงานของบุคคลดังกล่าวในองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นเวลาการทำงานใน
ททท. นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๔๔ บรรดาข้อบังคับ ระเบียบ
หรือคำสั่งขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
คงใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มีการออกข้อบังคับ
ระเบียบ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ส. โหตระกิตย์
รองนายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ
:- ในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เพื่อจัดตั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขึ้นแทนองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว
และให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมและดำเนินกิจการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
เนติมา/จัดทำ
๒๙
เมษายน ๒๕๔๖
วศิน/แก้ไข
๒๔
มีนาคม ๒๕๕๒
โชติกานต์/ปรับปรุง
๑๕
สิงหาคม ๒๕๖๑
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๖/ตอนที่ ๗๒/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๔ พฤษภาคม ๒๕๒๒ |
302136 | กฎกระทรวง (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๒๒)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ตราเครื่องหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีลักษณะเป็นรูปคล้ายพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม
เบื้องบนมีรูปคล้ายเครื่องบิน บินผ่านพระปรางค์
เบื้องล่างมีรูปคล้ายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ทั้งสามอย่างนี้อยู่ภายในวงกลม
ในขอบวงกลมด้านบนมีอักษรว่า ททท ในขอบวงกลมด้านล่างมีอักษรว่า TOURISM
AUTHORITY OF THAILAND ตามแบบท้ายกฎกระทรวงนี้
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
เนื่องจากได้มีการปรับปรุงองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ให้เป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒ เรียกโดยย่อว่า ททท
และในพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ออกกฎกระทรวงกำหนดตราเครื่องหมายการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
มณฑิตา/ผู้จัดทำ
๑ มิถุนายน ๒๕๕๕
วิชพงษ์/ผู้ตรวจ
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๙๖/ตอนที่ ๑๕๖/ฉบับพิเศษ หน้า ๘/๑๓ กันยายน ๒๕๒๒ |
460324 | ระเบียบกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ว่าด้วยการจัดการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2548 | ระเบียบกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
ระเบียบกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
ว่าด้วยการจัดการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
พ.ศ. ๒๕๔๘[๑]
ด้วย
คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๗ มีมติเห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
เพื่อประโยชน์ในการสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
ตลอดจนสนับสนุนเป็นแหล่งทุนให้แก่ชุมชน เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังจึงวางระเบียบไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
ว่าด้วยการจัดการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย พ.ศ. ๒๕๔๘
ข้อ
๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ข้อ
๓ ในระเบียบนี้
กองทุน หมายความว่า กองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
คณะอนุกรรมการ หมายความว่า คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
ประธานกรรมการ หมายความว่า ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
ผู้จัดการกองทุน หมายความว่า ผู้จัดการกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
การสนับสนุน หมายความว่า การให้ความช่วยเหลือด้านการเงินหรือทรัพย์สินเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยในชุมชนให้เข้มแข็งและมีศักยภาพ
หรือการดำเนินกิจการที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว และให้หมายความรวมถึง
ค่าตอบแทนและรางวัล
ข้อ
๔ ให้ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยรักษาการตามระเบียบนี้โดยให้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบ
หมวด ๑
บททั่วไป
ข้อ
๕ กองทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการพัฒนาการท่องเที่ยว
การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว การพัฒนาทักษะด้านการบริหาร
การจัดการการตลาดหรือการอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเที่ยวในชุมชน รวมถึงการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวและส่งเสริมสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่
ๆ ในท้องถิ่น
ข้อ
๖ เงินกองทุน ประกอบด้วย
(๑) เงินทุนประเดิม
(๒) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี
(๓) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อสมทบกองทุน
(๔) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการดำเนินโครงการ หรือดำเนินการร่วมกับหน่วยงานอื่นของรัฐและเอกชน
(๕) เงินส่วนแบ่งที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
(๖) ดอกผลของเงินกองทุน
(๗) รายได้อื่น
หมวด ๒
การบริหารกองทุน
ข้อ
๗ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เป็นรองประธาน ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และผู้ทรงคุณวุฒิ
จำนวนไม่เกิน ๑๑ คน ซึ่งแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เป็นกรรมการและเลขานุการ และรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ข้อ
๘ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) กำหนดนโยบายในการบริหารจัดการ การใช้จ่ายเงินกองทุน
(๒) กำกับดูแลการดำเนินงานของกองทุน
(๓) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่าง ๆ ให้การบริหารจัดการกองทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
(๔) แต่งตั้งผู้บริหารกองทุน คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวเนื่องกับการบริหารจัดการกองทุน
(๕) ให้ความเห็นชอบแผนงาน โครงการ กิจกรรม และการหารายได้ที่ผู้บริหารกองทุนนำเสนอ
(๖) พิจารณาอนุมัติค่าใช้จ่ายในแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมแก่ผู้ขอรับการสนับสนุนตามความจำเป็นและเหมาะสม
(๗) พิจารณาอนุมัติการปรับโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายการค่าใช้จ่ายในกรณีผู้ขอรับการสนับสนุนร้องขอ
ข้อ
๙ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งผู้จัดการกองทุน เพื่อทำหน้าที่ในการบริหารจัดการจัดหาผลประโยชน์
ตลอดจนการควบคุมดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุน ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และให้มีอำนาจหน้าที่
ดังนี้
(๑) เสนอความเห็นหรือแนวทางในการดำเนินงานของกองทุน ตลอดจนเสนอแนะแนวทางการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนต่อคณะกรรมการ
(๒) จัดทำแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ของกองทุนเสนอคณะกรรมการ
(๓) รับผิดชอบงานธุรการของกองทุน และติดตามดูแลการปฏิบัติงานเกี่ยวกับกองทุน
(๔) พิจารณากลั่นกรองคำขอรับการสนับสนุนเสนอคณะกรรมการ
(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
ข้อ
๑๐ คณะกรรมการอาจจัดสรรเงินกองทุนไม่เกินร้อยละ
๕ ของเงินกองทุนแต่ละปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน โดยให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดทำประมาณการรายรับรายจ่ายประจำเสนอคณะกรรมการให้ความเห็นชอบ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอาจจัดให้มีพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานในกองทุนตามที่ได้เห็นสมควร
หมวด ๓
การรับเงิน
ข้อ
๑๑ การรับเงินกองทุนให้รับได้ในกรณี ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นเงินสด หรือเช็ค หรือตั๋วแลกเงิน หรือธนาณัติ หรือ
(๒) ชำระผ่านธนาคาร หรือ
(๓) ตามวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ
๑๒ เช็คที่รับทุกกรณีต้องมีลักษณะและเงื่อนไข
ดังนี้
(๑) เป็นเช็คของธนาคาร และต้องไม่ใช่เช็คโอนสลักหลัง
(๒) เป็นเช็คที่มีรายการครบถ้วน ตามมาตรา ๙๘๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(๓) เป็นเช็คที่ออกในวันที่นำเช็คนั้นมาชำระ หรือเป็นเช็คที่ลงวันที่ก่อนวันชำระไม่เกิน
๗ วัน
(๔) เป็นเช็คที่ขีดคร่อมสั่งจ่ายเงินแก่ กองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งปะเทศไทย และขีดฆ่า คำว่า หรือผู้ถือ
ออก
หมวด ๔
การจ่ายเงิน
ข้อ
๑๓ การจ่ายเงินกองทุนให้จ่ายตามมติของคณะกรรมการ
ภายใต้วัตถุประสงค์ของกองทุนตามข้อ ๕
การจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันให้กระทำได้ภายหลังที่คณะกรรมการอนุมัติแล้วเท่านั้น
กรณีจำเป็นเร่งด่วน
ซึ่งยังไม่มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อมีมติในเรื่องใด ให้ประธานกรรมการมีอำนาจพิจารณาสั่งการในเรื่องดังกล่าวแทนคณะกรรมการไปก่อนได้ตามที่เห็นสมควร
แล้วแจ้งคณะกรรมการให้ทราบในโอกาสแรกที่มีการประชุม และให้ถือว่าการพิจารณาสั่งการของประธานกรรมการในเรื่องนั้นเป็นมติของคณะกรรมการต่อไป
ข้อ
๑๔ คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของกองทุนทำหน้าที่เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกองทุน
ทั้งนี้ ให้พนักงานที่ได้รับมอบหมายถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ
๑๕ การจ่ายเงินตามระเบียบนี้ จะต้องมีหลักฐานในการจ่ายเงิน
โดยคณะกรรมการอาจกำหนดให้ใช้เอกสารหรือใบรับรองการจ่ายเงินเป็นหลักฐานการจ่ายเงินก็ได้
ข้อ
๑๖ การสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากกองทุนตามระเบียบนี้
ให้เป็นอำนาจของผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือผู้ที่ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมอบหมาย
เป็นผู้ลงลายมือชื่อร่วมกับเจ้าหน้าที่การเงินตามข้อ ๑๔
หมวด ๕
การเก็บรักษาเงิน
ข้อ
๑๗ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับกระทรวงการคลัง
ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
และนำเงินกองทุนฝากเข้าบัญชีดังกล่าว เงินรายรับให้นำเข้าบัญชีเงินฝากกองทุนทันทีอย่างช้าภายในวันทำการรุ่งขึ้น
โดยห้ามมิให้หักไว้หรือนำไปใช้จ่ายเพื่อการใด ๆ ทั้งสิ้น
เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงานกองทุน
ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลัง
หมวด ๖
การบัญชี
ข้อ
๑๘ การบัญชีให้จัดทำตามหลักบัญชีคู่เกณฑ์คงค้าง
ตามหลักการและนโยบายบัญชีสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ผังบัญชีมาตรฐานและมาตรฐานรายงานการเงิน
สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนด
การปิดบัญชีให้กระทำปีละครั้งตามปีงบประมาณ
และให้จัดทำงบการเงิน พร้อมทั้งรายละเอียดส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ตรวจสอบภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันสิ้นงวดบัญชี
เมื่อให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองแล้ว
ให้ส่งสำเนางบการเงินดังกล่าวให้กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณเพื่อทราบต่อไป
ข้อ
๑๙ ให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงินการบัญชีกองทุน
และรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการทราบ อย่างน้อยปีละครั้ง
ข้อ
๒๐ วิธีปฏิบัติอื่นใดที่ไม่ได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้
ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
ประกาศ ณ วันที่ ๑๘
มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
มณฑิตา/ผู้จัดทำ
๑ มิถุนายน ๒๕๕๕
วิชพงษ์/ผู้ตรวจ
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๕
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๖๖ ง/หน้า ๑๐๔/๑๘ สิงหาคม ๒๕๔๘ |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.