sysid
stringlengths 1
6
| title
stringlengths 8
870
| txt
stringlengths 0
257k
|
---|---|---|
744168 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ
๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๘
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ดังนี้
๒.๑
ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๓๘๗
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๐๐๔
บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๐๔๔
บาท/ชั่วโมง
ข้อ
๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ
๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ ณ วันที่ ๘
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/จัดทำ
๒๕ มกราคม ๒๕๕๙
วริญา/ตรวจ
๒๘ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๖ ง/หน้า ๓๖/๒๑ มกราคม ๒๕๕๙ |
740723 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การขออนุญาตนำเรือไปทำการขนถ่ายสินค้าน้ำมันดิบหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ท่าเรือเอกชน | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การขออนุญาตนำเรือไปทำการขนถ่ายสินค้าน้ำมันดิบหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ที่ท่าเรือเอกชน[๑]
เพื่อให้การขออนุญาตนำเรือไปทำการขนถ่ายสินค้าน้ำมันดิบหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ท่าเรือเอกชนทั้งที่บรรจุภาชนะและไม่บรรจุภาชนะ
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องและเหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ
๑ ยกเลิก
๑.๑
ประกาศท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การยื่นคำร้องเกี่ยวกับสินค้าน้ำมันดิบหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม
๒๕๓๖
๑.๒
ประกาศท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การยื่นแบบขออนุญาตนำเรือไปทำการขนถ่ายสินค้าน้ำมันดิบ
หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ท่าเอกชน ลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๕
๑.๓
ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับประกาศนี้
ข้อ
๒ ในการขออนุญาตนำเรือไปทำการขนถ่ายสินค้าน้ำมันดิบหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ท่าเรือเอกชน
ให้ดำเนินการดังนี้
๒.๑
ให้บริษัทเรือ หรือตัวแทนยื่นแบบคำร้องขอทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑
(๒๐)) ที่แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า
ท่าเรือกรุงเทพ ล่วงหน้าก่อนเรือทำการขนถ่าย พร้อมแนบบัญชีสินค้าสำหรับเรือ (Cargo Manifest) จำนวน ๔ ชุด
๒.๒
ให้บริษัทเรือ หรือตัวแทนแจ้งให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนไปชำระค่าภาระ
ที่ศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Services) ก่อนนำสำเนาใบเสร็จรับเงินและสำเนาแบบคำร้องขอชำระค่าภาระหรือวางเงินประกันค่าภาระสินค้าขาเข้าขนถ่ายลงข้างลำ
(ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๑)) ไปยื่นที่แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑
ข้อ
๓ ให้แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑
ทำหน้าที่ตรวจสอบติดตามการชำระค่าภาระของเจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนให้ถูกต้องครบถ้วน
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๕
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
[เอกสารแนบท้าย]
๑. คำร้องขอทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำ
(ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๐))
๒. แบบขถ.๑ คำร้องขอชำระค่าภาระหรือวางเงินประกันค่าภาระสินค้าขาเข้าขนถ่ายลงข้างลำ
(ทกท.๐๑.๐๐.๐๑ (๒๑))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/จัดทำ
๑ ธันวาคม ๒๕๕๘
วริญา/ตรวจ
๑๘ ธันวาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๒๕ ง/หน้า ๒๘/๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ |
740721 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การชำระค่าภาระสินค้าและค่าภาระสินค้าขนถ่ายข้างลำ | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การชำระค่าภาระสินค้าและค่าภาระสินค้าขนถ่ายข้างลำ[๑]
เพื่อให้การชำระค่าภาระสินค้า
(Cargo Dues) ณ ท่าเรือเอกชน
และการชำระค่าภาระสินค้าขนถ่ายข้างลำ (Overside Cargo Charge) ณ ที่จอดเรือท่าเรือกรุงเทพ
ถูกต้องตามความเป็นจริง อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ
๑ ยกเลิก
๑.๑
ประกาศท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การชำระค่าภาระสินค้าและค่าภาระสินค้าขนถ่ายข้างลำ ลงวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๓
๑.๒
ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับประกาศนี้
ข้อ
๒ กรณีเรือที่บรรทุกน้ำมันดิบหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ท่าเรือเอกชน
ให้เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนยื่นแบบคำร้องขอชำระค่าภาระหรือวางเงินประกันค่าภาระสินค้าขาเข้าขนถ่ายลงข้างลำ
(ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๑)) ที่แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑
ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ สำหรับกรณีเรือขนถ่ายสินค้าข้างลำ
ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนยื่นแบบคำร้องดังกล่าว ที่โรงพักสินค้าพิธีการ
เพื่อตรวจสอบและลงนามกำกับในแบบคำร้องนั้น
ข้อ
๓ ให้เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนยื่นแบบคำร้องขอชำระค่าภาระหรือวางเงินประกันค่าภาระสินค้าขาเข้าขนถ่ายลงข้างลำ
(ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๑)) พร้อมนำต้นฉบับ หรือสำเนาคู่ฉบับใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading : B/L) และสำเนาใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading : B/L) ดังกล่าว จำนวน ๑ ฉบับ ไปที่ศูนย์ชำระค่าภาระและบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ
(One Stop Services) กองบริการค่าภาระเงินสด สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี
เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของน้ำหนักปริมาตรของสินค้า และชำระค่าภาระสินค้า
ทั้งนี้
เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนจะได้รับคืนต้นฉบับ หรือสำเนาคู่ฉบับใบตราส่งสินค้า(Bill of Lading : B/L) ดังกล่าว และใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
ข้อ
๔ กรณีเรือที่บรรทุกน้ำมันดิบหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ท่าเรือเอกชน
ให้เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนนำสำเนาแบบคำร้องขอชำระค่าภาระหรือวางเงินประกันค่าภาระสินค้าขาเข้าขนถ่ายลงข้างลำ
(ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๑)) และสำเนาใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี มอบให้แผนกกลาง
กองปฏิบัติการสินค้า ๑ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ
เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สำหรับกรณีเรือขนถ่ายสินค้าข้างลำซึ่งทำพิธีการที่แผนกโรงพักสินค้า
ให้เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนยื่นสำเนาแบบคำร้องขอชำระค่าภาระหรือวางเงินประกันค่าภาระสินค้าขาเข้าขนถ่ายลงข้างลำ
(ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๑)) สำเนาใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี ใบรับของจากท่าเรือกรุงเทพ
(Wharf Receipt) ใบอนุญาตนำรถเข้าเขต กทท./ใบกำกับสินค้า
(กรณีขนถ่ายข้างลำทางรถยนต์)
สำเนาใบขนสินค้าขาเข้าของกรมศุลกากรที่โรงพักสินค้าพิธีการ
เพื่อดำเนินการปล่อยสินค้าและเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๕
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
[เอกสารแนบท้าย]
๑. คำร้องขอชำระค่าภาระหรือวางเงินประกันค่าภาระสินค้าขาเข้าขนถ่ายลงข้างลำ
(ทกท.๐๑.๐๐.๐๑ (๒๑))
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/จัดทำ
๑ ธันวาคม ๒๕๕๘
วริญา/ตรวจ
๑๘ ธันวาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๒๕ ง/หน้า ๒๖/๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ |
738451 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการน้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๓๙
๗๘ ๘๘
ตู้สินค้าเปล่า
๒๔
๔๘ ๕๔
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน)ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓
เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/จัดทำ
๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
ปริญสินีย์/ตรวจ
๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๑๖ ง/หน้า ๑๐/๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
738449 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๔๓๑
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๑๖๒ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๑๙๒ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุง ในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/จัดทำ
๓ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
ปริญสินีย์/ตรวจ
๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๑๖ ง/หน้า ๘/๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ |
735039 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ห้ามทิ้งน้ำมัน น้ำปนน้ำมัน เคมีภัณฑ์ น้ำเสีย อับเฉา หรือสิ่งเป็นพิษอันตราย รวมถึงขยะ สิ่งปฏิกูล หรือขยะอันตรายในแม่น้ำ หรือทะเลในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
ห้ามทิ้งน้ำมัน น้ำปนน้ำมัน เคมีภัณฑ์ น้ำเสีย อับเฉา หรือสิ่งเป็นพิษอันตราย
รวมถึงขยะ
สิ่งปฏิกูล หรือขยะอันตรายในแม่น้ำ
หรือทะเลในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
ด้วยปรากฏว่าเรือสินค้าที่เข้ามาเทียบท่า หรือจอดในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ได้ทิ้งน้ำมัน น้ำปนน้ำมัน เคมีภัณฑ์ น้ำเสีย อับเฉา หรือสิ่งเป็นพิษอันตราย
รวมถึงขยะ สิ่งปฏิกูล หรือขยะอันตรายลงในแม่น้ำหรือทะเล
เป็นเหตุให้เกิดเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต หรือต่อสิ่งแวดล้อม
หรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือและเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๑๙ ทวิ และมาตรา ๒๐๔
แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๔๕๖
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๓๕
ดังนั้น เพื่อให้การควบคุมดูแลรักษาความสะอาด
และสิ่งแวดล้อมในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ และข้อ ๔
ของข้อบังคับว่าด้วยระเบียบความปลอดภัยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
ของกิจการท่าเรือ พ.ศ. ๒๔๙๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อ ๒ และข้อ ๓
ของข้อบังคับว่าด้วยระเบียบความปลอดภัยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ
ของกิจการท่าเรือ พ.ศ. ๒๔๙๕ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง ห้ามทิ้งน้ำมัน หรือน้ำปนน้ำมัน ในแม่น้ำในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ
ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๙
ข้อ ๒ ห้ามผู้ใดทิ้งน้ำมัน น้ำปนน้ำมัน เคมีภัณฑ์
น้ำเสีย อับเฉา หรือสิ่งเป็นพิษอันตรายรวมถึงขยะ สิ่งปฏิกูล
หรือขยะอันตรายในแม่น้ำ หรือทะเลในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทยโดยเด็ดขาด
หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายโดยมีโทษจำคุก หรือปรับ และหากมีการขจัดมลพิษที่เกิดขึ้น
จะต้องชดใช้ค่าใช้จ่าย หรือค่าเสียหายที่ต้องเสียไปให้แก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย
หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการท่าเรือแห่งประเทศไทยอาจพิจารณางดบริการด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ กันยายน
๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๘ ตุลาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๙๔ ง/หน้า ๑๐๒/๑๐ กันยายน ๒๕๕๘ |
733168 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
บาท / ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๔๖
๙๒ ๑๐๔
ตู้สินค้าเปล่า
๒๘
๕๖ ๖๓
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ สิงหาคม
๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๒๙ สิงหาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๗๙ ง/หน้า ๘๗/๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ |
733164 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๕๐๒
บาท / ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๓๕๕ บาท / ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๓๘๙ บาท / ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ
๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ สิงหาคม
๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๗๙ ง/หน้า ๘๕/๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ |
728327 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเก็บค่าภาระและค่าธรรมเนียมการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าขึ้น หรือลงรถไฟ | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเก็บค่าภาระและค่าธรรมเนียมการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าขึ้นหรือลงรถไฟ[๑]
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการนำตู้สินค้าออกนอกเขต
หรือนำตู้สินค้าขาออกผ่านท่าเข้ามาในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพโดยทางรถไฟ
และเป็นไปตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางราง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๘) มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๙ วรรค (๑) และวรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๖
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการนำสินค้าขาออก
ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านเข้า หรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ
พ.ศ. ๒๕๕๗ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ผู้ใช้บริการชำระค่าภาระและค่าธรรมเนียม ดังนี้
ข้อ ๑ ค่าภาระยกขนตู้สินค้าตามขนาด ประเภท และชนิดของตู้สินค้าตามอัตราค่าภาระลำดับที่
๓๑๓.๑, ๓๑๓.๒ และ/หรือ ๓๐๖.๑.๑ แล้วแต่กรณี
ข้อ ๒ ค่าธรรมเนียมผ่านท่าของรถไฟ
ข้อ ๓ ค่าดำเนินการเคลื่อนย้ายตู้สินค้ารถไฟระหว่างประตูรถไฟถึงลานวางพักตู้สินค้าที่กำหนด
หรือในทางกลับกันในอัตรา ดังนี้
ตู้สินค้า ๒๐ ฟุต ๓๑๐
บาท / ตู้ / ครั้ง
ตู้สินค้า ๔๐ ฟุต ๔๘๐
บาท / ตู้ / ครั้ง
ตู้สินค้าเกินกว่า ๔๐ ฟุต ๖๒๐
บาท / ตู้ / ครั้ง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓ มิถุนายน
๒๕๕๘
ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ
๓ มิถุนายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๕๐ ง/หน้า ๓๓/๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ |
727535 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง วิธีปฏิบัติในการนำรถยนต์บรรทุก หรือรถยนต์ลากพ่วงที่ผ่านเข้า - ออก เพื่อปฏิบัติงานในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
วิธีปฏิบัติในการนำรถยนต์บรรทุก หรือรถยนต์ลากพ่วงที่ผ่านเข้า - ออก
เพื่อปฏิบัติงานในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ[๑]
เพื่อให้การปฏิบัติงานของรถยนต์บรรทุก หรือรถยนต์ลากพ่วงที่ผ่านเข้า
- ออก เพื่อปฏิบัติงานในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
มีประสิทธิภาพ ลดจำนวนอุบัติเหตุ
และความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินอันเกิดจากการปฏิบัติงาน
ทั้งยังสอดคล้องกับมาตรฐานตามระบบความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมท่าเรือ (PSHE-MS) และการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ (ISPS Code)
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑)
และวรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๖ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตรั้วศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศท่าเรือกรุงเทพ
การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักปฏิบัติในการนำรถยนต์บรรทุก
หรือรถยนต์ลากพ่วงเข้าไปปฏิบัติงานในเขตท่าเรือกรุงเทพ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๓๖
ข้อ ๒ ให้พนักงานขับรถยนต์บรรทุก
หรือรถยนต์ลากพ่วงของบริษัทเอกชนที่ผ่านเข้า -
ออกเพื่อปฏิบัติงานในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ถือปฏิบัติดังนี้
๒.๑ ขับรถยนต์บรรทุก หรือรถยนต์ลากพ่วงด้วยความระมัดระวัง
ความเร็วไม่เกิน ๓๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง
๒.๒ ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร เครื่องหมายความปลอดภัย กฎ
และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
๒.๓ ห้ามนำบุคคลภายนอกโดยสารมากับรถยนต์บรรทุก หรือรถยนต์ลากพ่วง
๒.๔ ห้ามดื่มของมึนเมา หรือเสพสารเสพติดทุกชนิด
๒.๕ สำหรับรถยนต์บรรทุก หรือรถยนต์ลากพ่วง
ให้ใส่อุปกรณ์ล็อคตู้สินค้าและผูกรัดสินค้าให้แน่นทุกจุด เพื่อป้องกันมิให้สินค้า
หรือตู้สินค้านั้นเลื่อน หรือตกจากรถยนต์บรรทุก หรือ รถยนต์ลากพ่วง
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอันตราย หรือความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ข้อ ๓ ผู้ใดฝ่าฝืน
หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดความเสียหาย
ท่าเรือกรุงเทพจะพิจารณามิให้รถนั้นผ่านเข้าไปปฏิบัติงานในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ พฤษภาคม
๒๕๕๘
ปุณิกา/ผู้ตรวจ
๒ มิถุนายน
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๔๔ ง/หน้า ๕๙/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ |
727124 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่างๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ดังนี้
บาท / ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า
๔๙
๙๘
๑๑๐
ตู้สินค้าเปล่า
๓๐
๖๐
๖๘
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคม ของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ พฤษภาคม
๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๑๔ พฤษภาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๓๗/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ |
727117 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐
แรงม้า ๕๓๙
บาท / ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐
แรงม้าขึ้นไป ๑,๔๕๔ บาท / ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๔๙๑
บาท / ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคม ของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ พฤษภาคม
๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๓๕/๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ |
722010 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วย การใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง
ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติ การท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๗
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ ดังนี้
บาท / ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๔๙
๙๘
๑๑๐
ตู้สินค้าเปล่า
๓๐
๖๐
๖๘
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมี
การเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๖ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๘ ง/หน้า ๗๓/๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ |
722008 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๗
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๕๓๙
บาท / ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐
แรงม้าขึ้นไป ๑,๔๕๔ บาท / ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๔๙๑
บาท / ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียม
มีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือตรี
ทรงธรรม จันทประสิทธิ์
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
วิศนี/ผู้ตรวจ
๖ กุมภาพันธ์
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๘ ง/หน้า ๗๑/๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ |
715774 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง
ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ดังนี้
บาท / ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๐ ๑๒๐ ๑๓๕
ตู้สินค้าเปล่า ๓๖ ๗๒ ๘๑
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗
ภีราพร/ผู้ตรวจ
๖ พฤศจิกายน
๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๑๑๐ ง/หน้า ๒๓/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ |
715768 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง
ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๙
บาท / ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๑๔ บาท / ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๕๕ บาท / ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ
๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗
ภีราพร/ผู้ตรวจ
๖ พฤศจิกายน
๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๑๑๐ ง/หน้า ๒๑/๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ |
710216 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๐ ๑๒๐ ๑๓๕
ตู้สินค้าเปล่า
๓๖ ๗๒ ๘๑
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘ กรกฎาคม
๒๕๕๗
จุฑามาศ/ผู้ตรวจ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๗๗ ง/หน้า ๑๒/๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ |
710212 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๙
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๑๔ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๕๕ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘ กรกฎาคม
๒๕๕๗
จุฑามาศ/ผู้ตรวจ
๓๑ กรกฎาคม
๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๗๗ ง/หน้า ๑๑/๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗ |
708535 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การใช้เรือลากจูงในที่จอดเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือกรุงเทพ | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การใช้เรือลากจูงในที่จอดเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ณ
ท่าเรือกรุงเทพ[๑]
เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุอันอาจเกิดกับท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ
ทุ่นผูกเรือ และปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่า อันเนื่องจากการนำเรือสินค้า และเรืออื่น
ๆ
เข้าเทียบและออกจากเทียบท่าเทียบเรือหลักผูกเรือและทุ่นผูกเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ณ ท่าเรือกรุงเทพ อาศัยอำนาจตามข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้
เรือสินค้าและเรืออื่น ๆ ที่จะเข้าเทียบและออกจากเทียบท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ
และทุ่นผูกเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือกรุงเทพ
ต้องใช้เรือลากจูงของการท่าเรือแห่งประเทศไทยช่วยเหลือดำเนินการ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง การใช้เรือลากจูงในที่จอดเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือกรุงเทพ
ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๓
ข้อ ๒ กำหนดให้ใช้เรือลากจูงของการท่าเรือแห่งประเทศไทยช่วยเหลือ
ดังนี้
๒.๑ ท่าเทียบเรือเขื่อนตะวันออก (ท่าหมายเลข ๒๐A - ๒๐G)
๒.๑.๑ เรือที่ไม่มีใบจักรสำหรับเป่าหัวเรือ (BOW THRUSTER) หรือท้ายเรือ (STERN THRUSTER) ต้องใช้เรือลากจูงขนาดตั้งแต่ ๑๒๐๐
แรงม้า จำนวนไม่น้อยกว่า ๒ ลำ
๒.๑.๒ เรือที่มีใบจักรสำหรับเป่าหัวเรือ (BOW THRUSTER) หรือท้ายเรือ (STERN THRUSTER) ต้องใช้เรือลากจูงขนาดตั้งแต่ ๑๒๐๐
แรงม้า จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ ลำ
๒.๑.๓ เรือที่มีขนาดความยาวตลอดลำ LENGTH OVER ALL (L.O.A) เกินกว่า ๒๕๐ ฟุต
ต้องใช้เรือลากจูงขนาดตั้งแต่ ๑๒๐๐ แรงม้า จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ ลำ
๒.๒. ท่าเทียบเรือเขื่อนตะวันตก (ท่าหมายเลข ๒๒A - ๒๒J)
๒.๒.๑ เรือขนาดความยาวตลอดลำ (L.O.A) ตั้งแต่ ๒๕๐ - ๔๕๐
ฟุต ต้องใช้เรือลากจูงขนาด ๑๒๐๐ แรงม้า จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ ลำ
๒.๒.๒ เรือขนาดความยาวตลอดลำ (L.O.A) เกินกว่า ๔๕๐ ฟุต
ต้องใช้เรือลากจูงขนาด ๑๒๐๐ แรงม้า จำนวนไม่น้อยกว่า ๒ ลำ
๒.๒.๓ เรือที่มีใบจักรสำหรับเป่าหัวเรือ (BOW THRUSTER) หรือท้ายเรือ (STERN THRUSTER) ต้องใช้เรือลากจูงขนาดตั้งแต่ ๑๒๐๐
แรงม้า จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ ลำ
๒.๓ หลักผูกเรือกลางน้ำ ต้องใช้เรือลากจูงขนาดตั้งแต่ ๑๒๐๐ แรงม้า
จำนวนไม่น้อยกว่า ๒ ลำ
๒.๔ ทุ่นผูกเรือกลางน้ำ ต้องใช้เรือลากจูงขนาดตั้งแต่ ๑๒๐๐ แรงม้า
จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ ลำ
ข้อ ๓ เรืออื่น ๆ
ที่มีขนาดความยาวเรือตลอดลำ (L.O.A.) ไม่เกิน ๒๕๐ ฟุต
หากกัปตันเรือหรือผู้ควบคุมเรือเห็นว่าสามารถนำเรือเข้าเทียบและออกจากท่าเทียบเรือหลักผูกเรือและทุ่นผูกเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ณ ท่าเรือกรุงเทพ ได้โดยสะดวกและปลอดภัย
สามารถใช้ดุลพินิจไม่ต้องขอใช้เรือลากจูงของการท่าเรือแห่งประเทศไทยในการเข้าเทียบและออกจากท่าเทียบเรือหลักผูกเรือและทุ่นผูกเรือได้
ทั้งนี้
การนำเรือเข้าเทียบและออกจากท่าเทียบเรือดังกล่าวต้องไม่กีดขวางการเดินเรือของเรือสินค้าลำอื่น
และหากเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
บริษัทเจ้าของเรือต้องรับผิดชอบ
และชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ทุกประการ
ข้อ ๔ ในกรณีที่มีสภาพอากาศไม่ปกติ
หรือเรือสินค้าอยู่ในสภาพไม่ปกติ
หรือเจ้าพนักงานนำร่องเห็นว่าเรือลากจูงมีขนาดและจำนวนไม่เหมาะสม
ให้อยู่ในดุลพินิจของเจ้าพนักงานนำร่องที่จะขอเรือลากจูงที่มีกำลังเพียงพอ
หรือเพิ่มจำนวนเรือลากจูงมากขึ้นตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือเอก
สุทธินันท์ หัตถวงษ์
ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙ มิถุนายน
๒๕๕๗
กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ
๑๙ มิถุนายน
๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๑๐ ง/หน้า ๑๕/๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ |
703796 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๖
ข้อ ๒
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๐ ๑๒๐ ๑๓๕
ตู้สินค้าเปล่า ๓๖ ๗๒ ๘๑
ข้อ ๓
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑
มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๑๗ เมษายน ๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๓๓/๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗ |
703792 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๖
ข้อ ๒
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๙
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๑๔ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๕๕ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓
อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐
นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑
มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๑๗ เมษายน ๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๓๒/๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗ |
702301 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นเอกสารสำหรับเรือที่เข้าทอดจอดในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือกรุงเทพ รวมทั้งการขอใช้บริการของท่าเรือกรุงเทพ | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นเอกสารสำหรับเรือที่เข้าทอดจอด
ในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ณ ท่าเรือกรุงเทพ
รวมทั้งการขอใช้บริการของท่าเรือกรุงเทพ[๑]
เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าท่าภายในอาณาบริเวณ
และคำร้องขอใช้บริการต่าง ๆ
สำหรับเรือที่เข้ามาในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือกรุงเทพ เป็นไปด้วยความเหมาะสม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรค ๒
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศท่าเรือกรุงเทพ
การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นเอกสารสำหรับเรือที่เข้าทอดจอดในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย
รวมทั้งการขอใช้บริการของท่าเรือกรุงเทพ ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๔
ข้อ ๒ เจ้าของ
หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ประสงค์จะนำเรือไปทอดจอดเรือ ณ
ที่จอดเรือภายในอาณาบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือกรุงเทพ
ต้องยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าท่าภายในอาณาบริเวณ (APPLICATION FOR VESSEL ENTERING THE PORT AREA) ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการชำระค่าภาระในกรณีเรือไปทอดจอด ณ ท่าเรืออนุญาต ท่าเรือเอกชน
และที่จอดเรือของท่าเรือกรุงเทพ ลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๓๙ โดยสามารถยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าท่าภายในอาณาบริเวณได้ทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
หรือช่องทางอื่น ๆ ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้กำหนด
ข้อ ๓ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของรายการจดทะเบียนเรือ
ให้เจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ยื่นหลักฐานขอเพิ่ม หรือเปลี่ยนแปลง
ก่อนยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าท่าภายในอาณาบริเวณ คำร้องขอใช้บริการ หรือแบบอนุญาตต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบริการเรือของท่าเรือกรุงเทพ
ข้อ ๔ เจ้าของ
หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่มีความประสงค์จะดำเนินการดังนี้
๔.๑ นำเรือผ่านร่องน้ำเจ้าพระยา (PASS BAR) ระหว่างเวลา ๑๖.๐๐ น. ถึงเวลา ๑๖.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้น เพื่อไปทอดจอด ณ
ท่า ทุ่น และหลักของท่าเรือกรุงเทพ ให้ยื่นแบบ BP๐๑ แบบขอนำเรือเข้าทอดจอด ณ ท่าเรือกรุงเทพ (FORM FOR VESSEL BERTHING AT BANGKOK PORT) ก่อนเวลา ๐๘.๓๐ น. ของวันที่นำเรือเข้าท่า ทุ่น และหลักของท่าเรือกรุงเทพ
๔.๒ การย้ายเรือ (SHIFTING) เข้า-ออก จากท่า ทุ่น
และหลักของท่าเรือกรุงเทพ ระหว่างเวลา ๑๙.๐๐ น. ถึงเวลา ๑๙.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้น
ให้ยื่นแบบ BP๐๒ แบบขอย้ายเรือ (FORM FOR VESSEL SHIFTING) ก่อนเวลา ๐๘.๓๐ น. ของวันที่นำเรือเข้า - ออกจากท่า ทุ่น และหลักของท่าเรือกรุงเทพ
๔.๓ เรือเปลี่ยนแปลงการออกจากท่า ทุ่น และหลักของท่าเรือกรุงเทพ (SAILING) ระหว่างเวลา ๑๙.๐๐ น. ถึงเวลา ๑๙.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้น ให้ยื่นแบบ BP๐๓ แบบขอเปลี่ยนแปลงเรือออกจากท่าเรือกรุงเทพ (CHANGE FORM FOR VESSEL SAILING AT BANGKOK PORT) ก่อนเวลา ๐๘.๓๐ น.
ของวันที่นำเรือออกจากท่า ทุ่น และหลักของท่าเรือกรุงเทพ
ข้อ ๕ เจ้าของ
หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่มีความประสงค์จะขอใช้เรือลากจูง น้ำจืด
และโทรศัพท์ของท่าเรือกรุงเทพ ให้ยื่นคำร้อง BP๐๔ คำร้องขอใช้บริการ (APPLICATION FOR SERVICE) ก่อนการให้บริการเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓
ชั่วโมง และในกรณีประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงการขอใช้บริการดังกล่าวจะต้องยื่นคำร้อง BP๐๕ คำร้องเปลี่ยนแปลงการขอบริการ (CHANGE FORM FOR APPLICATION FOR SERVICE) ก่อนการบริการเป็นเวลาไม่น้อยกว่า
๒ ชั่วโมง
การขอใช้บริการเรือลากจูงในกรณีเร่งด่วน
หรือฉุกเฉินให้แจ้งโดยตรงที่แผนกเรือ กองบริการท่า ฝ่ายบริการท่าและเครื่องมือทุ่นแรง
ท่าเรือกรุงเทพ ทางวิทยุสื่อสาร หรือทางโทรศัพท์หมายเลข ๐๒-๒๖๙-๓๔๗๙ และ
๐๒-๒๖๙-๓๔๘๕ หรือทางโทรสารหมายเลข ๐๒-๖๗๑-๘๘๐๔ และให้รีบยื่นคำร้องขอใช้บริการต้นฉบับในโอกาสแรก
ข้อ ๖ การยื่นแบบคำร้องตามข้อ ๓ ข้อ ๔ และข้อ ๕
ให้ยื่นที่แผนกท่า กองบริการท่า ฝ่ายบริการท่าและเครื่องมือทุ่นแรง ท่าเรือกรุงเทพ
โดยยื่นเป็นเอกสารต้นฉบับ
หรือส่งทางโทรสารในกรณีเร่งด่วนแล้วส่งเอกสารต้นฉบับมาภายหลัง ได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๕ มีนาคม ๒๕๕๗
อังศุมาลี/ผู้ตรวจ
๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๔๐ ง/หน้า ๑๐/๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ |
700572 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๐
๑๒๐ ๑๓๕
ตู้สินค้าเปล่า
๓๖
๗๒ ๘๑
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา
๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๗ มกราคม ๒๕๕๗
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๗ มกราคม ๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๙๕ ง/หน้า ๓๕/๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ |
700570 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการ
ดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๙ บาท /
ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๑๔ บาท / ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๕๕ บาท / ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๗ มกราคม ๒๕๕๗
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๗ มกราคม ๒๕๕๗
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๙๕ ง/หน้า ๓๔/๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ |
698727 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเก็บสินค้าบางประเภทไว้ในตู้สินค้า พ.ศ. 2556
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเก็บสินค้าบางประเภทไว้ในตู้สินค้า พ.ศ. ๒๕๕๖[๑]
เพื่อให้การเก็บสินค้าในท่าเรือกรุงเทพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เหมาะสม ปลอดภัยต่อทรัพย์สินสุขภาพ อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรค ๒
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ประกอบระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ
พ.ศ. ๒๕๕๐ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้ดำเนินการ ดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง การเก็บสินค้าบางประเภทไว้ในตู้สินค้า พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๒
ข้อ ๒ สินค้าที่เจ้าของ
หรือตัวแทนเจ้าของสินค้ามิได้ทำพิธีการเพื่อนำออก
แต่มีความจำเป็นต้องเปิดตู้สินค้า หากพบว่าสินค้าภายในตู้สินค้านั้นเป็นสินค้า
ดังต่อไปนี้
๒.๑
สินค้าอันตรายตามที่กำหนดตามประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเล (INTERNATIONAL
MARITIME DANGEROUS GOODS CODE : IMDG Code)
๒.๒ สินค้าประเภทของเสีย (WASTE)
๒.๓ สินค้าประเภทเปรอะเปื้อน หรือฟุ้งกระจาย
๒.๔ สินค้าประเภทมีกลิ่นเหม็น
๒.๕ สินค้าหมดอายุ หรือใกล้หมดอายุ (ระยะเวลาไม่เกิน ๔๕ วัน
ก่อนวันหมดอายุ)
๒.๖ สินค้าที่หีบห่อชำรุดจนไม่เหมาะที่จะขนถ่ายออกจากตู้สินค้า
หรือสินค้าที่ไม่บรรจุหีบห่อ
หรือบรรจุหีบห่อที่ไม่เหมาะต่อการขนถ่ายเข้าฝากเก็บในโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า
๒.๗ สินค้าที่ถูกประกาศเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ ๓ และชนิดที่ ๔
ตามบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
บัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕
การท่าเรือแห่งประเทศไทย จะเก็บสินค้านั้นไว้ในตู้สินค้าตามเดิม
โดยไม่นำเข้าเก็บในโรงพักสินค้าหรือคลังสินค้า
ข้อ ๓ ตู้สินค้าที่ใช้เก็บสินค้าตามข้อ
๒ เจ้าของสินค้า หรือตัวแทน
หรือบริษัทตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องเป็นผู้ชำระค่าภาระฝากตู้สินค้าจนกว่าจะมีการนำออกจากท่าเรือกรุงเทพ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ ธันวาคม ๒๕๕๖
อังศุมาลี/ผู้ตรวจ
๒ ธันวาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๖๖ ง/หน้า ๔๘/๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ |
696554 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
ข้อ
๑
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๖
ข้อ
๒
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ดังนี้
บาท / ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๐ ๑๒๐ ๑๓๕
ตู้สินค้าเปล่า ๓๖ ๗๒
๘๑
ข้อ
๓
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑
มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง/หน้า ๖๙/๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ |
696552 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการ
ดังนี้
ข้อ
๑
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๖
ข้อ
๒
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ดังนี้
๒.๑
ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า
๗๑๙ บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐
แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๑๔ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๕๕
บาท/ชั่วโมง
ข้อ
๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ
๔
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑
มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง/หน้า ๖๘/๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ |
689126 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖
ข้อ ๒
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๐ ๑๒๐ ๑๓๕
ตู้สินค้าเปล่า ๓๖ ๗๒ ๘๑
ข้อ ๓
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑
มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ กรกฎาคม
๒๕๕๖
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๑ สิงหาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๘๒ ง/หน้า ๒๑/๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ |
689124 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖
ข้อ ๒
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๙
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๑๔ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๕๕ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓
อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐
นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑
มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ กรกฎาคม
๒๕๕๖
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๑ สิงหาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๘๒ ง/หน้า ๒๐/๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ |
687229 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้บริการเกี่ยวกับสินค้าหรือตู้สินค้าในเขตท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติหรือในวันหยุด | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การให้บริการเกี่ยวกับสินค้าหรือตู้สินค้า
ในเขตท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติหรือในวันหยุด[๑]
เพื่อให้การบริการเกี่ยวกับสินค้าหรือตู้สินค้าในเขตท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติ
หรือในวันหยุดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องและเหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในข้อ
๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ
บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนที่ประสงค์จะขอรับบริการเกี่ยวกับสินค้าหรือตู้สินค้าในเขตท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติ
หรือในวันหยุด สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตามความจำเป็นที่แผนกโรงพักสินค้า
แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า แผนกควบคุมตู้สินค้าเปล่า
แผนกสินค้าเพื่อการส่งออกและกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ และ ๒
เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้จัดพนักงานและเครื่องมือทุ่นแรงให้เหมาะสมกับปริมาณงาน
ข้อ ๒ การแจ้งความประสงค์ตามข้อ ๑
กรณีเป็นการขอรับบริการนอกเวลาทำงานปกติของวันทำงานให้แจ้งระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น.
ถึง ๑๕.๓๐ น. ของวันนั้น
กรณีเป็นการขอรับบริการในวันหยุด ให้แจ้งระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ น. ถึง
๑๕.๓๐ น. ของวันทำงานสุดท้ายก่อนวันหยุดนั้น
ข้อ ๓ ยกเลิกประกาศอื่นใดที่ขัด
หรือแย้งกับประกาศนี้ และให้ใช้ประกาศนี้แทน
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ
ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๖ มิถุนายน
๒๕๕๖
อุษมล/ผู้ตรวจ
๑๒ มิถุนายน
๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๖๗ ง/หน้า ๓๔/๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ |
686451 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์
ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
เพื่อให้การเก็บค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องและเหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) วรรคสอง และวรรคท้าย
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
ข้อ ๑
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๐
กันยายน ๒๕๕๓
ข้อ ๒
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเช่าโทรศัพท์ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังนี้
๒.๑ การเช่าคู่สายโทรศัพท์ อาคารสำนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย
คิดค่าใช้จ่ายดังนี้
๒.๑.๑ ค่าเช่าคู่สายโทรศัพท์ ให้เก็บครั้งเดียวเป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท (ห้าพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย
และจะต้องเสียค่าติดตั้งอุปกรณ์ตามประมาณการของแผนกบริการงานไฟฟ้า (งานโทรศัพท์)
กองบริการงานช่าง ฝ่ายการช่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางและพื้นที่ของสำนักงาน
โดยคิดค่าติดตั้งเป็นจำนวนเงิน ๓,๖๘๐ บาท
(สามพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย และต้องขอเช่าเลขหมายจากบริษัท ทีโอที
จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
๒.๑.๒ ในกรณีผู้ขอใช้บริการขอเช่าเลขหมายจากผู้ให้บริการรายอื่น
ผู้ขอจะต้องเสียค่าเช่าคู่สายให้กับการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นจำนวนเงินคู่สายละ
๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ เดือน
และจะต้องเสียค่าติดตั้งอุปกรณ์ตามประมาณการของแผนกบริการงานไฟฟ้า (งานโทรศัพท์)
ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางและพื้นที่ของสำนักงาน โดยคิดค่าติดตั้งเป็นจำนวนเงิน ๓,๖๘๐ บาท (สามพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย
๒.๑.๓
ชำระค่าการวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเช่าคู่สายโทรศัพท์เป็นจำนวนเงิน ๖,๐๐๐ บาท (หกพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย
โดยดำเนินการทำสัญญากับแผนกนิติกรรมและสัญญา กองกฎหมาย ฝ่ายอำนวยการ
และผู้ขอใช้บริการจะได้รับเงินส่วนนี้คืนเมื่อมีการยกเลิกการเช่าคู่สายโทรศัพท์แล้ว
๒.๒ การเช่าคู่สายโทรศัพท์ในบริเวณ และนอกเขตรั้วศุลกากร
คิดค่าใช้จ่ายดังนี้
๒.๒.๑ ค่าเช่าคู่สายโทรศัพท์คู่สายละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย ต่อ ๑ เดือน
และจะต้องเสียค่าติดตั้งตามประมาณการของแผนกบริการงานไฟฟ้า (งานโทรศัพท์)
ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางและพื้นที่ของสำนักงาน โดยคิดค่าติดตั้งเป็นจำนวนเงิน ๓,๖๘๐ บาท (สามพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย
๒.๒.๒
ชำระค่าการวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเช่าคู่สายโทรศัพท์เป็นจำนวนเงิน ๖,๐๐๐ บาท (หกพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย โดยดำเนินการทำสัญญากับแผนกนิติกรรมและสัญญา
และผู้ขอใช้บริการจะได้รับเงินส่วนนี้คืนเมื่อมีการยกเลิกการเช่าคู่สายโทรศัพท์แล้ว
๒.๓ การเช่าโทรศัพท์ (เลขหมายภายใน ๔ ตัว) คิดค่าใช้จ่ายดังนี้
๒.๓.๑ ค่าติดตั้งอุปกรณ์เลขหมายโทรศัพท์เป็นจำนวนเงิน ๓,๖๘๐ บาท (สามพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน) ต่อ ๑ เลขหมาย
๒.๓.๒ ค่าเช่าโทรศัพท์ต่อ ๑ เลขหมาย ดังนี้
๒.๓.๒.๑ ค่าบริการรายเดือน ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน)
๒.๓.๒.๒ ค่าใช้โทรศัพท์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ครั้งละ ๓ บาท
(สามบาทถ้วน)
๒.๓.๒.๓
ค่าใช้โทรศัพท์ทางไกลคิดอัตราตามจริงในอัตราเดียวกับบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน)
๒.๓.๓ ก่อนดำเนินการทำสัญญา
ผู้ขอใช้บริการต้องวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเช่าคู่สายโทรศัพท์
เป็นจำนวนเงิน ๖,๐๐๐ บาท (หกพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ เลขหมาย หรือคู่สาย
โดยดำเนินการทำสัญญากับแผนกนิติกรรมและสัญญา
และผู้ขอใช้บริการจะได้รับเงินส่วนนี้คืนเมื่อมีการยกเลิกการเช่าคู่สายโทรศัพท์แล้ว
ข้อ ๓
ให้ผู้ขอใช้บริการซึ่งประสงค์จะย้ายเลขหมาย หรือคู่สาย
ทำหนังสือแจ้งวัตถุประสงค์ถึงผู้อำนวยการกองบริการงานช่าง
เพื่อส่งพนักงานไปสำรวจสถานที่ย้าย
และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสถานที่แผนกบริการงานไฟฟ้า (งานโทรศัพท์) จะประมาณการพร้อมแจ้งค่าใช้จ่ายให้ผู้ขอใช้บริการทราบ
และไปชำระเงินที่ศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (ONE STOP SERVICE)
ก่อนดำเนินการย้ายโดยเรียกเก็บค่าย้ายเป็นจำนวนเงิน ๒,๗๖๐
บาท (สองพันเจ็ดร้อยหกสิบบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มต่อ ๑ เลขหมาย หรือคู่สาย
ข้อ ๔
ให้ผู้ขอใช้บริการซึ่งประสงค์จะยกเลิกการใช้โทรศัพท์ตามข้อ ๒.๓
หรือการยกเลิกการเช่าคู่สาย ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการกองบริการงานช่าง
โดยระบุเลขหมาย วัน เดือน ปีที่ต้องการยกเลิก พร้อมแจ้งขอคืนเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญา
โดยแนบสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าประกันการปฏิบัติตามสัญญามาด้วย
และเมื่อได้รับหนังสืออนุมัติจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้วให้นำใบเสร็จรับเงินต้นฉบับพร้อมหนังสือดังกล่าวไปรับเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาที่แผนกบัญชีเจ้าหนี้
กองบัญชีการเงิน สำนักบัญชี ฝ่ายการเงินและบัญชี
ข้อ ๕ การขอเช่าโทรศัพท์ตามข้อ
๑ ถึงข้อ ๓ ผู้ขอใช้บริการต้องมาขอรับแบบคำขอเช่าโทรศัพท์ที่แผนกบริการงานไฟฟ้า
(งานโทรศัพท์) กองบริการงานช่าง ฝ่ายการช่าง
ข้อ ๖
กรณีนิติบุคคลที่เป็นคู่สัญญากับการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคล หรือกรรมการ หรือที่ตั้งนิติบุคคล
ให้ยื่นเอกสารพร้อมหนังสือรับรองของบริษัทต่อแผนกบริการงานไฟฟ้า (งานโทรศัพท์)
ภายใน ๓๐ วัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ พฤษภาคม
๒๕๕๖
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๑๗ มิถุนายน
๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๕๘ ง/หน้า ๓๙/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ |
685599 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๕๗ ๑๑๔ ๑๒๘
ตู้สินค้าเปล่า ๓๔ ๖๘
๗๗
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซล ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๕๙/๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ |
685597 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๒
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๙
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๑๔ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๕๕ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓
อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐
นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑
มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เรือเอก
อิทธิชัย สุพรรณกูล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖
โชติกานต์/ผู้ตรวจ
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๕๘/๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ |
680647 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๙
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๑๔ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๕๕ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เรือตรี
วิโรจน์ จงชาณสิทโธ
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๕ กุมภาพันธ์
๒๕๕๖
อุษมล/ผู้ตรวจ
๘ กุมภาพันธ์
๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๔ ง/หน้า ๓๒/๓๐ มกราคม ๒๕๕๖ |
680645 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้นํ้ามันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๕๗
๑๑๔ ๑๒๘
ตู้สินค้าเปล่า
๓๔
๖๘ ๗๗
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เรือตรี
วิโรจน์ จงชาณสิทโธ
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๕ กุมภาพันธ์
๒๕๕๖
อุษมล/ผู้ตรวจ
๘ กุมภาพันธ์
๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๔ ง/หน้า ๓๑/๓๐ มกราคม ๒๕๕๖ |
676350 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๕๗ ๑๑๔ ๑๒๘
ตู้สินค้าเปล่า ๓๔ ๖๘ ๗๗
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุง
ในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุรพงษ์
รงศิริกุล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือฯ
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๖๕ ง/หน้า ๔๘/๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ |
676348 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๙
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๖๖๙ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๕๕ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ
๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
สุรพงษ์
รงศิริกุล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือฯ
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๖๕ ง/หน้า ๔๗/๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ |
670240 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือ กรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๕ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๔ ๑๒๘ ๑๔๔
ตู้สินค้าเปล่า
๓๘ ๗๖ ๘๖
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
เฉลิมเกียรติ
สลักคำ
ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๐๙ ง/หน้า ๓๗/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
670238 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา
๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๕ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๘๐๕
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๘๖๗ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๒,๑๘๘ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ
๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
เฉลิมเกียรติ
สลักคำ
ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๗ กรกฎาคม
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒๔ กรกฎาคม
๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๐๙ ง/หน้า ๓๖/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ |
669590 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ลดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ณ ท่าเรือเชียงแสนแห่งใหม่ | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
ลดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ณ ท่าเรือเชียงแสนแห่งใหม่[๑]
โดยที่เป็นการสมควรให้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีผู้ประกอบการเกี่ยวกับการนำเข้า
และส่งออกสินค้า มาใช้บริการ ณ ท่าเรือเชียงแสนแห่งใหม่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๙ (๓) (๔) มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๕
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ
บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ พ.ศ. ๒๕๕๓ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ลดค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือหรือผู้ขออนุญาต
ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ ๑๐๑ ค่าธรรมเนียมการใช้ท่าของเรือ (BERTH FEE)
ลำดับที่ ๑๐๑.๓ เรือยาวเกิน ๓๕ - ๔๐ เมตร จากอัตรา ๑,๐๐๐ บาท/ลำ/วัน ลดเหลืออัตรา ๕๐๐ บาท/ลำ/วัน
ลำดับที่ ๑๐๑.๔ เรือยาวเกิน ๔๐ เมตร จากอัตรา ๑,๒๕๐ บาท/ลำ/วัน ลดเหลืออัตรา ๖๒๕ บาท/ลำ/วัน
ข้อ ๒ อัตราค่าธรรมเนียมที่ลดดังกล่าวตามข้อ ๑
ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อ ๓ ระยะเวลาการลดค่าธรรมเนียมดังกล่าว จำนวน ๓
เดือน ระหว่างวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เฉลิมเกียรติ
สลักคำ
ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง/หน้า ๔๑/๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ |
669225 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ระงับการใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า (e-Toll Collection System) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นการชั่วคราว | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
ระงับการใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า (e-Toll Collection System)
ที่ท่าเรือแหลมฉบัง
เป็นการชั่วคราว[๑]
เพื่อเป็นการลดปัญหาจราจรติดขัดขั้นวิกฤตที่ท่าเรือแหลมฉบัง
และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๖ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ การท่าเรือแห่งประเทศไทยระงับการให้บริการที่ท่าเรือแหลมฉบังเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ดังนี้
๑.๑ ระงับการใช้ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ สำหรับรถลากพ่วง
รวมตลอดทั้งเครื่องมือยกขนและยานพาหนะทางบกทุกชนิดที่เข้ามาทำกิจกรรมเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกสินค้าและตู้สินค้าที่ใช้บริการ
ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เท่านั้น
๑.๒ ระงับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่าด้วยระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า
(e-Toll Collection System) ณ
ท่าเรือแหลมฉบัง
๑.๓ ระงับการใช้ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง
การเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินที่ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เฉพาะการใช้บัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดชำระเงินที่ท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ คืนเงินค่าธรรมเนียมการออกบัตรอนุญาตรถตามข้อ
๑.๑ โดยให้ยื่นคำร้องขอคืนเงินเป็นลายลักษณ์อักษร
และคืนเงินค่าธรรมเนียมการออกบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
พร้อมเงินคงเหลือในบัตรเติมเงินฯ
ตามแบบขออนุญาตทำบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
ทั้งนี้ ท่าเรือกรุงเทพ ยังคงให้ปฏิบัติตามระเบียบฯ และประกาศฯ
ข้างต้นต่อไปตามปกติ
ข้อ ๓ ให้ผู้ใช้บริการยื่นความจำนงขอคืนเงินได้ที่ประตูตรวจสอบ
๒ แผนกรักษาความปลอดภัยท่าเรือแหลมฉบัง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เฉลิมเกียรติ
สลักคำ
ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๗ มิถุนายน
๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๙๘ ง/หน้า ๕๑/๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ |
666270 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด
๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๕๙
๑๑๘ ๑๓๓
ตู้สินค้าเปล่า
๓๖ ๗๒ ๘๑
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔ เมษายน ๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๘ ง/หน้า ๓๒/๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ |
666268 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๕ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๔๕
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๗๒๗ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๒,๐๒๔ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ
๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔ เมษายน ๒๕๕๕
ชาญ/ผู้ตรวจ
๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๘ ง/หน้า ๓๑/๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ |
665575 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าบริการท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพ และค่าบริการสำหรับกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการขนส่งโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าบริการท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพ และค่าบริการ
สำหรับกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการขนส่งโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง[๑]
เพื่อเป็นการพัฒนา
ส่งเสริมและสนับสนุนการขนส่งทางน้ำโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ซึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากระบบถนนมาสู่ระบบทางน้ำมากยิ่งขึ้น
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐ เรื่อง
ค่าบริการใช้ท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงของท่าเรือกรุงเทพ
และค่าบริการสำหรับกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการขนส่งโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง
ข้อ ๒ เปิดให้บริการท่าเทียบเรือภายในประเทศ
(DOMESTIC PORT) เพื่อเป็นท่าเทียบเรือสำหรับเรือชายฝั่ง
เรือลำเลียง หรือเรือโดยสาร (FERRY) และกำหนดการเรียกเก็บค่าบริการใช้ท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพ
และค่าบริการสำหรับกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการขนส่งโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง
ดังรายการต่อไปนี้
๒.๑ ค่าบริการใช้ร่องน้ำของเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง
เป็นค่าบริการใช้ร่องน้ำเจ้าพระยาของเรือชายฝั่ง เรือลำเลียง เรือโดยสาร
(FERRY) เรือโดยสาร (FERRY) แบบ RO/RO
และเรือ RO/RO (ROLL ON/ROLL OFF) ที่บรรทุกสินค้าหรือตู้สินค้าภายในประเทศผ่านร่องน้ำเจ้าพระยาเข้ามาเทียบท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพ
เรียกเก็บตามขนาดของเรือเป็นตันจดทะเบียนรวม (GRT. : GROSS REGISTERED TONNAGE) หรือตันรวม (GT. : GROSS TONNAGE) ดังนี้
๒.๑.๑
เรือชายฝั่งและเรือลำเลียงที่เข้าเทียบท่าเทียบเรือชายฝั่งของท่าเรือแหลมฉบัง
และท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพต่อเนื่องในเที่ยวเดียวกัน
ให้เรียกเก็บค่าบริการใช้ร่องน้ำตามอัตราค่าบริการของท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพเพียงท่าเดียว
โดยให้ท่าเรือของท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพเป็นผู้แจ้งให้ฝ่ายการเงินและบัญชีจัดเก็บ
แล้วแจ้งให้ท่าเรือแหลมฉบังทราบ ในอัตราดังนี้
ขนาดของเรือ บาท/GRT. หรือ GT.
๗๕๐ - ๒,๒๕๐ GRT. หรือ GT. ๕
เกินกว่า ๒,๒๕๐ GRT. หรือ GT. ๑๐
๒.๑.๒
เรือชายฝั่งและเรือลำเลียงที่ขนส่งสินค้าภายในประเทศเข้ามาเทียบท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพ
เรียกเก็บค่าบริการใช้ร่องน้ำในอัตราดังนี้
ขนาดของเรือ บาท/GRT. หรือ GT.
๗๕๐ - ๒,๒๕๐ GRT. หรือ GT. ๒.๕๐
เกินกว่า ๒,๒๕๐ GRT. หรือ GT. ๕
๒.๒ ค่าบริการใช้ท่าเทียบเรือภายในประเทศ
เป็นค่าบริการใช้ท่าเทียบเรือภายในประเทศของเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง
เรือโดยสาร (FERRY) หรือเรือโดยสาร (FERRY) แบบ
RO/RO และเรือ RO/RO (ROLL ON/ROLL OFF) ที่มาเทียบท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพ
เรียกเก็บค่าบริการในอัตรา ๑ บาท/GRT. หรือ GT./วัน
๒.๓ ค่าบริการการใช้ท่าเทียบเรือภายในประเทศแบบ UNIT PRICE
เป็นค่าบริการแบบเหมาจ่าย ซึ่งรวมค่าบริการในการยก
เคลื่อนย้ายสินค้าและตู้สินค้าไปยังสถานที่เก็บสินค้าและตู้สินค้าบริเวณท่าเทียบเรือภายในประเทศ
รวมทั้งการส่งมอบโดยได้รับสิทธิไม่ต้องเสียค่าบริการฝากสินค้า ๑๐ วัน
นับตั้งแต่วันที่นำสินค้าและตู้สินค้าผ่านเข้าเขตท่าเทียบเรือภายในประเทศ
เรียกเก็บค่าบริการในอัตราดังนี้
๒.๓.๑ ค่าบริการการใช้บริการสินค้าทั่วไป เรียกเก็บในอัตรา ๕๐
บาท/ตัน
๒.๓.๒ ค่าบริการตู้สินค้าที่ไม่มีการเปิดตู้สินค้านำสินค้าออก
หรือบรรจุเข้าตู้สินค้าในเขตท่าเทียบเรือภายในประเทศ
เรียกเก็บค่าบริการตามขนาดตู้สินค้าในอัตราดังนี้
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
๒๐ ฟุต ๑,๐๓๕
๔๐ ฟุตขึ้นไป ๑,๙๐๐
๒.๓.๓
ค่าบริการบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าในเขตท่าเทียบเรือภายในประเทศ เรียกเก็บค่าบริการตามขนาดตู้สินค้าในอัตราดังนี้
๒.๓.๓.๑ กรณีนำสินค้าที่ฝากเก็บ ณ
ท่าเทียบเรือภายในประเทศมาบรรจุ
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
๒๐ ฟุต ๑,๘๑๐
๔๐ ฟุตขึ้นไป ๓,๕๖๕
๒.๓.๓.๒ กรณีนำสินค้าที่มิได้ฝากเก็บ ณ
ท่าเทียบเรือภายในประเทศเข้ามาบรรจุ
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
๒๐ ฟุต ๑,๒๓๕
๔๐ ฟุตขึ้นไป ๒,๓๐๐
๒.๓.๔ ค่าบริการระบบตู้สินค้าเปล่า
เรียกเก็บค่าบริการตามขนาดตู้สินค้าในอัตราดังนี้
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
๒๐ ฟุต ๙๔๐
๔๐ ฟุตขึ้นไป ๑,๗๑๐
๒.๔ ค่าบริการการใช้บริการสินค้าทั่วไป
เป็นค่าบริการในการเคลื่อนย้ายสินค้าทั่วไปที่บรรทุกมาโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง
หรือเรือโดยสาร (FERRY) แบบ RO/RO จากหน้าท่าเทียบเรือภายในประเทศเคลื่อนย้ายไปยังที่เก็บสินค้าและส่งมอบให้แก่ผู้ขออนุญาต
หรือนำไปบรรจุเข้าตู้สินค้าเพื่อนำออกนอกเขตท่าเทียบเรือภายในประเทศทางรถยนต์
หรือเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง หรือในทางกลับกัน เรียกเก็บค่าบริการในอัตรา ๒๓
บาท/ตัน
๒.๕ ค่าบริการยกสินค้าทั่วไปขึ้นหรือลงเรือ
เรียกเก็บค่าบริการในอัตรา ๒๗ บาท/ตัน
๒.๖ ค่าบริการฝากเก็บสินค้าทั่วไป
สินค้าทั่วไปได้รับสิทธิไม่ต้องเสียค่าบริการฝากสินค้า ๑๐ วัน
นับตั้งแต่วันรับเรือเข้าเทียบท่าเทียบเรือภายในประเทศ
หรือวันที่นำสินค้าผ่านเข้าเขตท่าเทียบเรือภายในประเทศ
เมื่อพ้นระยะเวลาได้รับสิทธิดังกล่าวจะเรียกเก็บค่าฝากเป็นรายวัน
เรียกเก็บค่าบริการในอัตรา ๕ บาท/ตัน/วัน
๒.๗
ค่าบริการใช้บริการสินค้าทั่วไปที่ไม่ได้ใช้เครื่องมือทุ่นแรงของท่าเรือกรุงเทพในการบรรทุกขนถ่ายและเคลื่อนย้าย
หรือยานพาหนะที่ขับเคลื่อนขึ้นหรือลงท่าเทียบเรือเอง
สินค้าหรือตู้สินค้าที่บรรทุกบนยานพาหนะที่ขับเคลื่อนขึ้นหรือลงท่าเทียบเรือเอง
เรียกเก็บค่าบริการในอัตรา ๑๑.๕๐ บาท/ตัน
๒.๘ ค่าบริการการใช้บริการระบบตู้สินค้า
เป็นค่าบริการในการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าบรรทุกมาโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง
หรือเรือโดยสาร (FERRY) แบบ RO/RO จากหน้าท่าเทียบเรือภายในประเทศเคลื่อนย้ายไปยังลานกองเก็บตู้สินค้าและยกส่งมอบให้แก่ผู้ขออนุญาต
รวมทั้งการให้บริการสินค้าที่นำออกจากตู้สินค้าเพื่อนำออกนอกเขตท่าเทียบเรือภายในประเทศ
หรือเพื่อส่งออกทางรถยนต์ หรือเรือลำเลียง หรือในทางกลับกัน โดยไม่รวมถึงการให้บริการขนถ่ายตู้สินค้าขึ้นท่าหรือบรรทุกลงเรือ
เรียกเก็บค่าบริการในอัตราดังนี้
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
กรณีตู้มีสินค้า
๒๐ ฟุต ๔๖๕
๔๐ ฟุตขึ้นไป ๙๓๐
กรณีตู้สินค้าเปล่า
๒๐ ฟุต ๓๗๒
๔๐ ฟุตขึ้นไป ๗๔๓
๒.๙ ค่าบริการฝากเก็บตู้สินค้า
ตู้สินค้าได้รับสิทธิไม่ต้องเสียค่าฝากตู้สินค้า ๑๐ วัน
นับตั้งแต่วันที่เรือเทียบท่าเทียบเรือภายในประเทศ
หรือวันที่นำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตท่าเทียบเรือภายในประเทศ
เมื่อพ้นระยะเวลาได้รับสิทธิดังกล่าว เรียกเก็บค่าบริการในอัตราดังนี้
๒.๙.๑ ตู้มีสินค้า
บาท/ตู้/วัน
ระยะเวลาฝากเก็บตู้สินค้า
ขนาดตู้สินค้า ๑๑ - ๑๗ วัน ตั้งแต่วันที่
๑๘
๒๐ ฟุต ๑๖๐ ๒๗๕
๔๐ ฟุต ๓๒๐ ๕๕๐
๔๕ ฟุต ๓๖๐ ๖๑๕
๒.๙.๒ ตู้สินค้าเปล่า
บาท/ตู้/วัน
ระยะเวลาการฝากตู้สินค้า
ขนาดตู้สินค้า ๑๑ - ๑๗ วัน ตั้งแต่วันที่
๑๘
๒๐ ฟุต ๒๕ ๕๐
๔๐ ฟุต ๕๐ ๑๐๐
๔๕ ฟุต ๖๐ ๑๒๐
๒.๑๐ ค่าบริการปั้นจั่นยกตู้สินค้าขึ้น -
ลงหน้าท่าบริเวณท่าเทียบเรือภายในประเทศ
เรียกเก็บค่าบริการตามขนาดตู้สินค้าในอัตราดังนี้
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
๒๐ ฟุต ๕๗๐
๔๐ ฟุตขึ้นไป ๙๗๐
กรณีใช้ปั้นจั่นเรือหรือปั้นจั่นเอกชนยกตู้สินค้า
ให้คิดค่าบริการในอัตราร้อยละ ๒๐ ของอัตราที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด
๒.๑๑ ค่าบริการสินค้าที่ฝากเก็บ ณ
โรงพักสินค้าและนำมาบรรจุเข้าตู้สินค้าแบบเหมาจ่ายบริเวณท่าเทียบเรือภายในประเทศ
เรียกเก็บค่าบริการตามขนาดตู้สินค้าในอัตราดังนี้
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
๒๐ ฟุต ๗๗๕
๔๐ ฟุตขึ้นไป ๑,๖๖๕
๒.๑๒ ค่าบริการในการเปิดตู้สินค้า หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า ณ
ลานกองเก็บบริเวณท่าเทียบเรือภายในประเทศ เรียกเก็บค่าบริการตามขนาดตู้สินค้า
ในอัตราดังนี้
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
๒๐ ฟุต ๒๐๐
๔๐ ฟุตขึ้นไป ๔๐๐
๒.๑๓
ค่าบริการยกขนและเคลื่อนย้ายตู้สินค้าจากท่าเทียบเรือตู้สินค้าลานบรรจุและทางรถไฟไปยังท่าเทียบเรือภายในประเทศ
หรือในทางกลับกัน เรียกเก็บค่าบริการในอัตราดังนี้
๒.๑๓.๑ ใช้รถยนต์บรรทุกของการท่าเรือแห่งประเทศไทยขนส่งตู้สินค้า
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
๒๐ ฟุต ๘๑๐
๔๐ ฟุต ๑,๓๘๐
๔๕ ฟุต ๑,๖๒๐
๒.๑๓.๒ ใช้รถยนต์บรรทุกเอกชน
หรือเช่ารถยนต์บรรทุกของการท่าเรือแห่งประเทศไทยขนส่งตู้สินค้า
ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้
๒๐ ฟุต ๕๐๐
๔๐ ฟุต ๙๐๐
๔๕ ฟุต ๑,๐๐๐
ข้อ ๓ กรณีตู้สินค้าบรรจุเกินขนาดเรียกเก็บค่าบริการยกตู้สินค้าขึ้น
- ลงหน้าท่า เพิ่มอีกร้อยละ ๕๐ ของอัตราที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๔ การนับวันคิดค่าบริการ เศษของวันให้นับเป็น
๑ วัน
ข้อ ๕ ค่าบริการต่าง ๆ
ตามประกาศนี้ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อ ๖ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้
๖.๑ ค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า (ADMISSION FEE) กรณีรถยนต์บรรทุกเอกชนที่ขนส่งตู้สินค้าจากท่าเรือกรุงเทพไปยังท่าเทียบเรือภายในประเทศหรือในทางกลับกัน
๖.๒ ค่าธรรมเนียมปั้นจั่นลอยน้ำ (FLOATING CRANE FEE) กรณีปั้นจั่นลอยน้ำ (FLOATING CRANE) ที่ปฏิบัติงานขนถ่ายตู้สินค้าขึ้น -
ลงเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง ณ
ท่าเทียบเรือภายในประเทศที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยจัดให้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๐ เมษายน ๒๕๕๕
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๙ เมษายน ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๖๒ ง/หน้า ๘๔/๓ เมษายน ๒๕๕๕ |
665111 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินที่ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินที่ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
โดยที่เห็นเป็นการสมควรเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินที่ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง
ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑)
และวรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๖
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร
พ.ศ. ๒๕๕๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ
บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศ
หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับประกาศนี้
ข้อ ๒ การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้เพิ่มทางเลือกในการชำระเงินค่าภาระ
ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ ค่าเช่า และอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการเงินให้แก่ผู้ใช้บริการผ่านทางบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
อนึ่ง การท่าเรือแห่งประเทศไทยยังคงให้บริการรับชำระเงินสดตามปกติจนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง
ข้อ ๓ ให้ผู้ใช้บริการที่มีความประสงค์จะทำบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดสามารถยื่นขออนุญาตทำบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ หรือขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ดังนี้
๓.๑ ท่าเรือกรุงเทพ ให้ยื่นคำขอที่หมวดบัตรอนุญาต
กองรักษาความปลอดภัย ฝ่ายบริหารงานสนับสนุน หมายเลขโทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ - ๓๕๐๖ - ๗
หมายเลขโทรสาร ๐ - ๒๒๖๙ - ๓๕๒๕ เปิดบริการเฉพาะในวันทำงาน ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ -
๑๖.๓๐ น.
๓.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ให้ยื่นคำขอที่ประตูตรวจสอบ ๒ แผนกรักษาความปลอดภัย
กองบริหารงานทั่วไป สำนักบริหารงานสนับสนุน หมายเลขโทรศัพท์ ๐ - ๓๘๔๐ - ๙๑๐๗ - ๘ หมายเลขโทรสาร
๐ - ๓๘๔๐ - ๙๑๑๔ เปิดบริการเฉพาะในวันทำงาน ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น.
ข้อ ๔ เมื่อการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้อนุญาตเรียบร้อยแล้ว
ผู้ขออนุญาตต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมการออกบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดจำนวน
๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อบัตรโดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
พร้อมทั้งต้องเติมเงินในบัตรเติมเงินดังกล่าวครั้งแรกขั้นต่ำไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ต่อบัตร
โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และบัตรเติมเงินดังกล่าวมีอายุตลอดการใช้งาน
ข้อ ๕ ผู้ขออนุญาต ๑
ราย สามารถยื่นขอมีบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดได้ไม่จำกัดจำนวน
และสามารถเพิ่มจำนวนได้ตามต้องการ โดยผู้ขออนุญาตต้องดำเนินการตามข้อ ๓ และตามข้อ
๔ ก่อนทุกครั้ง
ข้อ ๖ ผู้ขออนุญาตต้องมีเงินคงเหลือรวมกันไม่น้อยกว่า
๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) เพื่อใช้ในการชำระค่าภาระ ค่าธรรมเนียม
ค่าบริการ ค่าเช่า และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน
ข้อ ๗ ผู้ขออนุญาตรายใดที่มีเงินคงเหลือรวมกันน้อยกว่า
๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) สามารถเติมเงินได้ (เฉพาะเงินสด หรือเช็คเท่านั้น)
ณ จุดให้บริการ ดังต่อไปนี้
๗.๑ ท่าเรือกรุงเทพ จำนวน ๒ จุด ได้แก่
๗.๑.๑ หมวดบัตรอนุญาต กองรักษาความปลอดภัย ฝ่ายบริหารงานสนับสนุน หมายเลขโทรศัพท์
๐ - ๒๒๖๙ - ๓๕๐๖ - ๗ เปิดบริการเฉพาะในวันทำงาน ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น.
๗.๑.๒ สถานีตรวจสอบสินค้าเขื่อนตะวันออก หมายเลขโทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ -
๓๘๗๓ เปิดบริการทุกวัน ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
๗.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน ๒ จุด ได้แก่
๗.๒.๑ ประตูตรวจสอบ ๒ ห้องการเงิน หมายเลขโทรศัพท์ ๐ - ๓๘๔๐ - ๙๔๘๒ เปิดบริการทุกวัน
ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น.
๗.๒.๒ ประตูตรวจสอบ ๓ ห้องการเงิน หมายเลขโทรศัพท์ ๐ - ๓๘๔๐ - ๙๒๘๗ เปิดบริการทุกวัน
ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น.
ข้อ ๘ ผู้ขออนุญาตสามารถขอให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดเพื่อทดแทนบัตรเดิมที่ชำรุด
หรือสูญหาย ณ จุดที่ยื่นคำขอทำบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดตามข้อ ๓
โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมในการออกบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดใหม่ บัตรละ
๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เว้นแต่
การชำรุดนั้นเกิดจากการเสื่อมสภาพจากการใช้งานตามปกติจะได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการออกบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
ในกรณีบัตรสูญหาย
ต้องแนบสำเนาบันทึกประจำวันการสูญหายจากสถานีตำรวจเป็นหลักฐานประกอบการขอทำบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดใหม่
เพื่อการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทำการยกเลิกบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดทันที
หากผู้ขออนุญาตละเลยไม่ดำเนินการดังกล่าวและเมื่อเกิดความเสียหายจากการใช้บัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
ผู้ขออนุญาตต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
ข้อ ๙ การขอยกเลิกการใช้บัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
แบ่งออกเป็น ๒ กรณีดังนี้
๙.๑ ขอยกเลิกเฉพาะบางส่วน การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่คืนเงินให้แก่ผู้ขออนุญาต
๙.๒ ขอยกเลิกทั้งหมดโดยการยุติการใช้บริการ
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะคืนเงินคงเหลือให้แก่ผู้ขออนุญาต
ข้อ ๑๐ ผู้ขออนุญาตที่ประสงค์จะขอยกเลิกการใช้บัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดให้ยื่นแบบขอยกเลิกการใช้บัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดพร้อมคืนบัตร
ณ จุดที่ขอทำบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
โดยต้องแจ้งให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ วันทำการ
ข้อ ๑๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเงินคงเหลือจากบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดให้แล้วเสร็จภายใน
๕ วันทำการ ก่อนนัดให้ผู้ใช้บริการมารับเงินจำนวนดังกล่าวคืน (ถ้ามี)
ข้อ ๑๒ ผู้ใช้บริการต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ
และหลักปฏิบัติของการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดทุกประการ
ข้อ ๑๓ ก่อนการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเริ่มใช้บัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดในวันที่
๑ มีนาคม ๒๕๕๕
ผู้ใช้บริการสามารถยื่นเอกสารหลักฐานประกอบการขออนุญาตเพื่อตรวจสอบความถูกต้องได้
ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ข้อ ๑๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ส่งเสริมการเพิ่มทางเลือกในการชำระเงิน
และจูงใจผู้ใช้บริการที่ขออนุญาตทำบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดดังนี้
๑๔.๑ ผู้ใช้บริการที่ยื่นขออนุญาตระหว่างวันที่ ๑ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕
จะได้รับการยกเว้นไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นกรณีพิเศษสำหรับบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
๑๐,๐๐๐ บัตรแรกของท่าเรือกรุงเทพ และ ๑๐,๐๐๐
บัตรแรกของท่าเรือแหลมฉบัง
อนึ่ง หากบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดครบจำนวน ๑๐,๐๐๐ บัตร ก่อนระยะเวลาที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด
ทั้งของท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบังให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอมีบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดในอัตราร้อยละ
๕๐
๑๔.๒ ผู้ใช้บริการที่ยื่นขออนุญาตระหว่างวันที่ ๑ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอมีบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดในอัตราร้อยละ ๕๐
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แบบขออนุญาตทำบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสด
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๕๔ ง/หน้า ๒๑/๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ |
660066 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๔ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๕๒ ๑๐๔ ๑๑๗
ตู้สินค้าเปล่า
๓๑ ๖๒ ๗๐
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ มกราคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๑ มกราคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง/หน้า ๓๔/๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ |
660064 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๔ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๖๔๘
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๕๐๓ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๗๖๐ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ
๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ มกราคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๑ มกราคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง/หน้า ๓๓/๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ |
660062 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดองค์กร อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
เกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดองค์กร
อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อ
เพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงโครงสร้างการจัดแบ่งส่วนงานใหม่
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๗ (๑) (๒) และ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ กำหนดไว้ในการให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงสร้างการบริหารภายในอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีดำเนินงาน
และสถานที่ติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๑ เรื่อง ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดองค์กร
อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อ เพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒ โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
ตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๒๒
ให้มีคณะกรรมการของการท่าเรือแห่งประเทศไทยขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย
ประธานกรรมการหนึ่งคน กรรมการอื่นไม่น้อยกว่าหกคน แต่ไม่เกินสิบคน
ซึ่งอย่างน้อยจะต้องเป็นผู้มีความรู้ และจัดเจนเกี่ยวกับการท่าเรือหนึ่งคน และเกี่ยวกับการเศรษฐกิจหรือการคลังหนึ่งคน
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ
คณะรัฐมนตรีจะแต่งตั้งผู้อำนวยการเป็นกรรมการด้วยก็ได้
ให้คณะกรรมการนี้มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไป
ซึ่งกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๙
(๔) และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อทำหน้าที่และจัดการบริหารส่วนงานให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด
ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
๒.๑ สำนักเลขานุการคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
มีหน้าที่ดำเนินงานธุรการ
ติดต่อประสานงานระหว่างคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยกับส่วนงานต่าง ๆ
จัดเตรียมงานการประชุม
และงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๒.๒ สำนักบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน
มีหน้าที่ควบคุมดูแลการจัดการความเสี่ยงและการบริหารการควบคุมภายในของส่วนงาน
โดยรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายในของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๒.๓ ฝ่ายตรวจสอบ
มีหน้าที่ตรวจสอบ เสนอแนะเกี่ยวกับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงาน
ความเชื่อถือได้ของรายงานทางการเงิน
การปฏิบัติตามกฎระเบียบของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยรายงานผลการดำเนินงานต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการตรวจสอบของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๓.๑ กองตรวจสอบงานปฏิบัติการท่าเรือ
๒.๓.๒
กองตรวจสอบส่วนบริหารกลาง
๒.๔ ฝ่ายอำนวยการ
มีหน้าที่ดำเนินงานธุรการ งานสารบรรณ งานกฎหมาย งานข้อมูลข่าวสาร งานประชาสัมพันธ์
และงานกำกับดูแลองค์กรของการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๔.๑ กองกลาง
๒.๔.๒ กองกฎหมาย
๒.๔.๓ กองข้อมูลข่าวสาร
๒.๔.๔ กองประชาสัมพันธ์
๒.๔.๕
กองกำกับดูแลองค์กร
๒.๕ สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
๒.๕.๑
ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล
มีหน้าที่ดำเนินงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
งานสวัสดิการสงเคราะห์ งานแรงงานสัมพันธ์ งานรักษาพยาบาลและสุขอนามัย โดยมีสำนักและกองในสังกัด
ดังนี้
๒.๕.๑.๑ กองทรัพยากรบุคคล
๒.๕.๑.๒ กองพัฒนาบุคคล
๒.๕.๑.๓ กองสวัสดิการ
๒.๕.๑.๔ กองแรงงานสัมพันธ์
๒.๕.๑.๕ สำนักแพทย์และอนามัย
๒.๕.๒
ฝ่ายการเงินและบัญชี
มีหน้าที่บริหารจัดการทางด้านการเงินและบัญชีของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยมีสำนักในสังกัด ดังนี้
๒.๕.๒.๑ สำนักบัญชี
มีหน้าที่บริหารจัดการด้านบัญชีการเงิน บัญชีบริหารและบัญชีงบประมาณ
โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๕.๒.๑ (๑)
กองบัญชีการเงิน
๒.๕.๒.๑ (๒)
กองตรวจจ่าย
๒.๕.๒.๑ (๓)
กองบัญชีงบประมาณ
๒.๕.๒.๒ สำนักบริหารการเงิน
มีหน้าที่บริหารจัดการด้านการเงิน การจัดเก็บค่าภาระค่าบริการ
ค่าธรรมเนียม โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๕.๒.๒ (๑)
กองบริการค่าภาระเงินสด
๒.๕.๒.๒ (๒)
กองบริการค่าภาระเงินเชื่อ
๒.๕.๒.๒ (๓)
กองจัดการการเงิน
๒.๕.๒.๒ (๔) กองพัสดุ
๒.๖ สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ
๒.๖.๑ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์
มีหน้าที่พัฒนาการดำเนินธุรกิจของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
วิจัยและกำหนดกลยุทธ์ด้านการตลาด สร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ
บริหารสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๖.๑.๑ กองวิจัยและพัฒนาธุรกิจ
๒.๖.๑.๒ กองบริหารสินทรัพย์
๒.๖.๑.๓ กองธุรกิจสัมพันธ์และการตลาด
๒.๖.๒ ฝ่ายนโยบายและแผน
มีหน้าที่วางแผนพัฒนา
จัดทำ ทบทวนแผนวิสาหกิจ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยด้านวิชาการ จัดทำโครงการลงทุน
ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน
ประสานความสัมพันธ์ความร่วมมือในงานด้านต่างประเทศกับองค์กร หน่วยงาน
ทั้งภายในและภายนอกประเทศ การประเมินผลองค์กรตามแนวทางบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินการของกระทรวงการคลัง
โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๖.๒.๑ กองแผนวิสาหกิจ
๒.๖.๒.๒ กองวิจัยและพัฒนาองค์กร
๒.๖.๒.๓ กองประเมินผลองค์กร
๒.๖.๓
สำนักท่าเรือภูมิภาค
มีหน้าที่บริหาร
พัฒนาและกำกับดูแลการดำเนินงานของท่าเรือในภูมิภาคที่อยู่ในความรับผิดชอบของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ให้เป็นไปตามนโยบาย ศึกษาความเหมาะสมของท่าเรือในภูมิภาคที่อาจจะรับผิดชอบในอนาคต
โดยมีท่าเรือในสังกัด ดังนี้
๒.๖.๓.๑ ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ
มีหน้าที่ให้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกในการบรรทุกขนถ่ายสินค้า
และคนโดยสารแก่ผู้ใช้บริการท่าเรือเชียงแสนและท่าเรือเชียงของ
๒.๖.๓.๒ ท่าเรือระนอง
มีหน้าที่ให้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกในการบรรทุกขนถ่ายสินค้า
และคนโดยสารแก่ผู้ใช้บริการท่าเรือระนอง
๒.๗ สายวิศวกรรม
๒.๗.๑
ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีหน้าที่วางแผนและพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์
ควบคุมดูแลการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๗.๑.๑ กองพัฒนาระบบงาน
๒.๗.๑.๒ กองปฏิบัติการด้านคอมพิวเตอร์
๒.๗.๑.๓ กองแผนและมาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ
๒.๗.๒ ฝ่ายการช่าง
มีหน้าที่วางแผนและบริหารงานช่างโยธา
งานคำนวณจัดทำแบบ งานช่างเครื่องมือกล งานช่างไฟฟ้า โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๗.๒.๑ กองช่างโยธา
๒.๗.๒.๒ กองแบบแผนและคำนวณ
๒.๗.๒.๓ กองบริการงานช่าง
๒.๗.๓ ฝ่ายการร่องน้ำ
มีหน้าที่สำรวจสภาพความลึกและขุดลอกบำรุงร่องน้ำเดินเรือจัดเครื่องหมายช่วยการเดินเรือภายในอาณาบริเวณ
โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๗.๓.๑ กองการสำรวจร่องน้ำ
๒.๗.๓.๒ กองการขุดลอก
๒.๗.๓.๒ (๑) เรือสันดอน
๗
๒.๗.๓.๒ (๒) เรือสันดอน
๘
๒.๗.๓.๒ (๓) เรือสันดอน
๙
๒.๗.๓.๓ กองบริการ
๒.๘ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๘.๑
ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า
มีหน้าที่ให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่เรือในการบรรทุกขนถ่ายสินค้าและคนโดยสาร
รับมอบสินค้าจากเรือ เก็บรักษาสินค้า และส่งมอบสินค้าแก่ผู้รับตราส่ง
โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๘.๑.๑ กองปฏิบัติการสินค้า ๑
๒.๘.๑.๒ กองปฏิบัติการสินค้า ๒
๒.๘.๑.๓ กองปฏิบัติการสินค้า ๓
๒.๘.๑.๔ กองคลังสินค้า
๒.๘.๑.๕ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑
๒.๘.๑.๖ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒
๒.๘.๒
ฝ่ายบริการท่าและเครื่องมือทุ่นแรง
มีหน้าที่ให้บริการและอำนวยความสะดวกในการใช้ท่า
เครื่องมือทุ่นแรงและเรือลากจูงของท่าเรือกรุงเทพ
ซ่อมบำรุงให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๘.๒.๑ กองบริการท่า
๒.๘.๒.๒ กองเครื่องมือทุ่นแรง
๒.๘.๒.๓ กองซ่อมเครื่องมือทุ่นแรง
๒.๘.๓
ฝ่ายบริหารงานสนับสนุน
มีหน้าที่บริหารและดำเนินงานของท่าเรือกรุงเทพด้านการพัสดุ
ธุรการ การพัฒนาธุรกิจ งานสินค้าอันตราย การรักษาความปลอดภัย การป้องกันอุบัติภัย
และงานความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมในการทำงาน
จัดทำมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในโครงการต่าง ๆ
กำหนดมาตรการป้องกันแก้ไข
รวมทั้งจัดให้มีการควบคุมและป้องกันมลพิษโดยมีกองในสังกัดดังนี้
๒.๘.๓.๑ กองบริหารงานทั่วไป
๒.๘.๓.๒ กองรักษาความปลอดภัย
๒.๘.๓.๓ กองความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม
๒.๙ ท่าเรือแหลมฉบัง
๒.๙.๑ สำนักปฏิบัติการ
มีหน้าที่ดำเนินงานด้านการให้บริการงานเรือ
งานการช่าง และงานการท่าโดยมีกองในสังกัด ดังนี้
๒.๙.๑.๑ กองบริการ
๒.๙.๑.๒ กองการช่าง
๒.๙.๑.๓ กองการท่า
๒.๙.๒
สำนักบริหารงานสนับสนุน
มีหน้าที่ดำเนินงานด้านบริหารงานทั่วไป
งานแผนงาน งานการบุคคล งานการเงิน งานนิติการและจัดการทรัพย์สิน โดยมีกองในสังกัด
ดังนี้
๒.๙.๒.๑ กองบริหารงานทั่วไป
๒.๙.๒.๒ กองแผนงาน
๒.๙.๒.๓ กองการบุคคล
๒.๙.๒.๔ กองการเงิน
๒.๙.๒.๕ กองนิติการและจัดการทรัพย์สิน
ส่วนงานในข้อ ๒.๑
ถึงข้อ ๒.๙ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
โดยมีรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยหรือเทียบเท่า
และผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยหรือเทียบเท่า
เป็นผู้ช่วยในการปฏิบัติงานและเป็นผู้บังคับบัญชารองลงมาตามลำดับ
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจและสายวิศวกรรม มีรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ท่าเรือกรุงเทพ
เป็นส่วนงานระดับรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ท่าเรือแหลมฉบัง
เป็นส่วนงานระดับรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบังเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ฝ่ายตรวจสอบ
ฝ่ายอำนวยการ สำนักเลขานุการคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
และสำนักบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน
เป็นส่วนงานระดับฝ่ายและสำนักขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ส่วนงานระดับฝ่าย
มีผู้อำนวยการฝ่ายเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ส่วนงานระดับสำนัก
มีผู้อำนวยการสำนักเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ส่วนงานระดับกอง
หรือเทียบเท่า มีผู้อำนวยการกอง
หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าผู้อำนวยการกองเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ส่วนงานระดับกลุ่มงาน
มีหัวหน้ากลุ่มงาน (ระดับผู้อำนวยการกอง หรือผู้ช่วยผู้อำนวยการกอง
หรือหัวหน้าแผนก) เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ส่วนงานระดับแผนก
มีหัวหน้าแผนกเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ข้อ ๓ อำนาจและหน้าที่
การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๖ และ
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งการท่าเรือขึ้น เรียกว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(๑) รับโอนกิจการท่าเรือจากสำนักงานท่าเรือกรุงเทพฯ
ในกรมการขนส่งกระทรวงคมนาคม
(๒)
ประกอบและส่งเสริมกิจการการท่าเรือเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน
(๓)
ดำเนินกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหรือต่อเนื่องกับการประกอบกิจการท่าเรือ
มาตรา ๗ ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นนิติบุคคล
มาตรา ๙ ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีอำนาจที่จะกระทำการต่าง
ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๖ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑) สร้าง ซื้อ จัดหา จำหน่าย เช่า ให้เช่า
และดำเนินงานเกี่ยวกับเครื่องใช้บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ
(๒) ซื้อ จัดหา เช่า ให้เช่า ถือกรรมสิทธิ์ ครอบครอง จำหน่าย
หรือดำเนินงานเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์
(๓) กำหนดอัตราค่าภาระการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
ของกิจการท่าเรือ และออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีชำระค่าภาระดังกล่าว
(๔) จัดระเบียบว่าด้วยความปลอดภัย การใช้ท่าเรือ
บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ
(๕) กู้ยืมเงิน
(๖) ขุดลอกและบำรุงรักษาร่องนํ้าภายในอาณาบริเวณ
(๗) ควบคุม ปรับปรุง และให้ความสะดวก
และความปลอดภัยแก่กิจการท่าเรือและการเดินเรือภายในอาณาบริเวณ
(๘) กำหนดอัตราค่าภาระต่าง ๆ ภายในอาณาบริเวณ
(๙) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
(๑๐)
จัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อประกอบกิจการท่าเรือและกิจการอื่นภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดดังกล่าวจะมีคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวถือหุ้นเกินกว่าร้อยละสี่สิบเก้าของทุนจดทะเบียบของบริษัทนั้นไม่ได้
(๑๑) เข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่นหรือถือหุ้นในบริษัทจำกัด
หรือบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อประโยชน์แก่กิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ข้อ ๔ สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร
ติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ที่กองข้อมูลข่าวสาร
ฝ่ายอำนวยการ อาคารบี ชั้น ๒ ข้างห้องสมุดการท่าเรือแห่งประเทศไทย เลขที่ ๔๔๔
ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ ๑๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐ -
๒๒๖๙ - ๕๔๖๔, ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๓, ๐ - ๒๒๖๙ -
๕๔๙๙ โทรสาร ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๖ โทรศัพท์สายด่วน ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๕๕๕ กด ๑ Website www.port.co.th E-mail : [email protected].
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔
สุรพงษ์ รงศิริกุล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือฯ สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑
มกราคม ๒๕๕๕
ณัฐพร/ผู้ตรวจ
๑๑
มกราคม ๒๕๕๕
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง/หน้า ๒๖/๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ |
656702 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าภาระสินค้าอันตรายประเภทที่ ๙ สารอันตรายเบ็ดเตล็ด และอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และสินค้าปอ ฝ้าย นุ่น ของท่าเรือกรุงเทพ | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าภาระสินค้าอันตรายประเภทที่ ๙ สารอันตรายเบ็ดเตล็ด
และอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
และสินค้าปอ ฝ้าย นุ่น ของท่าเรือกรุงเทพ[๑]
โดยที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) ได้กำหนดให้สินค้าที่เป็นเครื่องยนต์ที่สันดาปภายใน หรือเครื่องยนต์
หรือยานพาหนะที่ทำงานด้วยการใช้ก๊าซไวไฟหรือของเหลวไวไฟ หรือเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) เป็นสินค้าอันตรายประเภทที่ ๙ สารอันตรายเบ็ดเตล็ดและอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
หมายเลขสหประชาชาติ ๓๑๖๖ (United Nation Number : UN No.3166)
ซึ่งได้กำหนดไว้ในประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเลระหว่างประเทศส่วนที่
๓ บทที่ ๓.๒ (International Maritime Dangerous Goods Code : IMDG Code Part 3 Chapter 3.2)
และเพื่อให้การให้บริการในการฝากเก็บสินค้าอันตรายประเภทที่ ๙ และสินค้าปอ ฝ้าย
นุ่น เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สะดวกรวดเร็ว
สอดคล้องกับข้อกำหนดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเลระหว่างประเทศ
และจูงใจผู้ใช้บริการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิก
๑.๑ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ เรื่อง
การคิดค่าภาระตู้สินค้าบรรจุสินค้าอันตรายประเภทที่ ๙ สารอันตรายเบ็ดเตล็ด
๑.๒ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๖ เรื่อง
การคิดค่าภาระฝากตู้สินค้า FCL ที่บรรจุสินค้าปอ ฝ้าย นุ่น
ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บค่าภาระสินค้าอันตรายที่เป็นเครื่องยนต์ที่สันดาปภายใน
หรือเครื่องยนต์หรือยานพาหนะที่ทำงานด้วยการใช้ก๊าซไวไฟ หรือของเหลวไวไฟ
หรือเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งเป็นสินค้าอันตรายประเภทที่ ๙ UN No.3166
เช่นเดียวกับสินค้าทั่วไปตามที่กำหนดไว้ในอัตราค่าภาระท่าเรือกรุงเทพ
ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้าที่ไม่มีการเปิดตู้นำสินค้าออกหรือบรรจุเข้าตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ
(Full Container Load : FCL) ที่บรรจุสินค้าอันตรายประเภทที่ ๙ หรือบรรจุสินค้าปอ
ฝ้าย นุ่น
เช่นเดียวกับตู้บรรจุสินค้าทั่วไปตามที่กำหนดไว้ในอัตราค่าภาระท่าเรือกรุงเทพ
ข้อ ๔ ให้เรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าทั่วไปที่มีการรมยาซึ่งตาม
IMDG Code กำหนดเป็นสินค้าอันตรายประเภทที่ ๙ UN No.3359 เช่นเดียวกับตู้บรรจุสินค้าทั่วไปตามที่กำหนดไว้ในอัตราค่าภาระท่าเรือกรุงเทพ
ข้อ ๕ การดำเนินการด้านเอกสารตามข้อ
๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔ ให้ปฏิบัติตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
และระเบียบ คำสั่ง ประกาศ
หรือหลักปฏิบัติของการท่าเรือแห่งประเทศไทยอื่นที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๖ ในการรับมอบ
เก็บรักษา และส่งมอบสินค้า และ/หรือตู้สินค้าตามข้อ ๒ และข้อ ๔ ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าทั่วไป
ส่วนข้อ ๓ ให้ปฏิบัติตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ
ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๙ พฤศจิกายน
๒๕๕๔
ชาญ/ผู้ตรวจ
๑๖ พฤศจิกายน
๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง/หน้า ๓๑/๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ |
656256 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้อง
ของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
โดยที่เห็นเป็นการสมควรปรับปรุงการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๔๒ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำร้องรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของราชการ อาศัยอำนาจตามความในข้อ
๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ
และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกอบข้อ ๑๔ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๕๕๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๓ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ข้อ ๒ กำหนดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ดังนี้
๒.๑
ค่าธรรมเนียมการทำสำเนาโดยเครื่องถ่ายเอกสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรียกเก็บในอัตรา
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังต่อไปนี้
๒.๑.๑
ขนาดกระดาษ เอ ๔ หน้าละ
๑ บาท
๒.๑.๒
ขนาดกระดาษ เอฟ ๑๔ หน้าละ
๑.๕๐ บาท
๒.๑.๓
ขนาดกระดาษ บี ๔ หน้าละ
๒ บาท
๒.๑.๔
ขนาดกระดาษ เอ ๓ หน้าละ
๓ บาท
๒.๑.๕
ขนาดกระดาษพิมพ์เขียว เอ ๒ หน้าละ
๘ บาท
๒.๑.๖ ขนาดกระดาษพิมพ์เขียว
เอ ๑ หน้าละ
๑๕ บาท
๒.๑.๗
ขนาดกระดาษพิมพ์เขียว เอ ๐ หน้าละ
๓๐ บาท
๒.๒
ค่าธรรมเนียมการให้คำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรียกเก็บในอัตราคำรับรองละ ๕ บาทต่อหน้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ข้อ ๓ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ไม่รวมถึงเอกสารทางการเงิน แผนผัง แผนที่ หรือเอกสารที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีไว้เพื่อการจำหน่าย
โดยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเอกสารดังกล่าวให้เป็นไปตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในกรณีดังต่อไปนี้
๔.๑
พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่ขอสำเนาเอกสารเพื่อนำไปใช้ในกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๔.๒ ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมผู้ส่งออกรายย่อย
ท่าเรือกรุงเทพ (SMEs) เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่ให้สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
๔.๓ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ที่ขอสำเนาเอกสารซึ่งไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศและการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๔.๔ นักเรียน
นักศึกษาที่มาขอข้อมูลข่าวสารซึ่งต้องเป็นการขอสำเนาเอกสารโดยใช้ขนาดกระดาษ เอ ๔
จำนวนไม่เกิน ๑๐ หน้า
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๘๓/๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ |
656254 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง
ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๐
๑๒๐ ๑๓๕
ตู้สินค้าเปล่า
๓๖
๗๒ ๘๑
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
สุรพงษ์
รงศิริกุล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือ
ฯ สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๘๒/๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ |
656252 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง
ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ณ
ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๗
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๖๒๐ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๒,๑๑๒ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
สุรพงษ์
รงศิริกุล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือฯ
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๘๑/๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ |
654141 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การส่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า หรือตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การส่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า หรือตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
ให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑)
และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๔
และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ
และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ให้เจ้าของตู้สินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า ติดต่อผู้ประกอบการท่าของท่าเรือแหลมฉบัง
เพื่อส่งข้อมูลล่วงหน้า (Pre-Advice) เกี่ยวกับตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าจากภายนอก
รวมทั้งตู้สินค้าเปล่าตามแบบที่ผู้ประกอบการท่ากำหนด
ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากร
ข้อ ๒ ให้เจ้าของตู้สินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า ติดต่อผู้ประกอบการท่าของท่าเรือแหลมฉบัง
เพื่อส่งข้อมูลล่วงหน้า (Pre-Advice) เกี่ยวกับตู้สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑ และ
๒ ตามแบบที่ผู้ประกอบการท่ากำหนด
ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรเพื่อบรรทุกลงเรือโดยตรง
ข้อ ๓ ให้เจ้าของตู้สินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า
ติดต่อผู้ประกอบการคลังสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อส่งข้อมูลล่วงหน้า (Pre-Advice) เกี่ยวกับตู้สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ ตามแบบที่ผู้ประกอบการคลังสินค้าอันตรายกำหนด
ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรเพื่อนำตู้สินค้าไปฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตราย
หลังจากนั้นให้ผู้ประกอบการคลังสินค้าอันตรายส่งข้อมูลล่วงหน้า (Pre-Advice) ให้ผู้ประกอบการท่าของท่าเรือแหลมฉบัง ตามแบบที่ผู้ประกอบการท่ากำหนด ก่อนเคลื่อนย้ายตู้สินค้าผ่านด่านตรวจสอบภายใน
(Sub Gate) เพื่อนำไปบรรทุกลงเรือโดยตรง
ข้อ ๔ สินค้าทั่วไป
หรือสินค้าอันตรายที่นำเข้ามาฝากเก็บ
และรวบรวมไว้ที่คลังสินค้าทั่วไปหรือคลังสินค้าอันตราย ซึ่งอยู่นอกเขตท่าเทียบเรือ
แต่อยู่ภายในเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อรอบรรจุเข้าตู้สินค้า
และบรรทุกลงเรือที่ท่าเทียบเรือต่าง ๆ ให้ผู้ประกอบการคลังสินค้าทั่วไป
หรือคลังสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง
ติดต่อผู้ประกอบการท่าเพื่อส่งข้อมูลล่วงหน้า (Pre-Advice) เกี่ยวกับตู้สินค้าที่ต้องการบรรทุกลงเรือ
ณ ท่าเทียบเรือต่าง ๆ ตามแบบที่ผู้ประกอบการท่ากำหนด ก่อนเคลื่อนย้ายตู้สินค้าผ่านด่านตรวจสอบภายใน
(Sub Gate) เพื่อรอการบรรทุกลงเรือ
ข้อ ๕ สำหรับตู้สินค้า ให้ส่งข้อมูลล่วงหน้า (Pre-Advice) ไม่น้อยกว่า ๑ ชั่วโมง ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากร หรือผ่านด่านตรวจสอบภายใน
(Sub Gate) หากมิได้ส่งข้อมูลล่วงหน้าตามแบบที่กำหนด
เป็นเหตุให้ไม่มีข้อมูลของตู้สินค้านั้นในระบบคอมพิวเตอร์
หรือมีข้อมูลไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วน
จะไม่อนุญาตให้นำตู้สินค้านั้นผ่านเข้าเขตศุลกากร หรือด่านตรวจสอบภายใน (Sub Gate) ของท่าเรือแหลมฉบัง
ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๔ กันยายน
๒๕๕๔
ปณตภร/ผู้ตรวจ
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๙๕ ง/หน้า ๓๓/๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ |
651279 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๐
๑๒๐ ๑๓๕
ตู้สินค้าเปล่า
๓๖
๗๒ ๘๑
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘ กรกฎาคม
๒๕๕๔
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๘ กรกฎาคม
๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๗๔ ง/หน้า ๖๘/๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔ |
651277 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ณ ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๗
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๖๒๐ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๒,๑๑๒ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘ กรกฎาคม
๒๕๕๔
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๘ กรกฎาคม
๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๗๔ ง/หน้า ๖๗/๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔ |
650182 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดค่าธรรมเนียมและค่าบริการเกี่ยวกับตู้สินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
กำหนดค่าธรรมเนียมและค่าบริการเกี่ยวกับตู้สินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง[๑]
เพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย
เหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกำหนดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเลและกฎหมายภายในประเทศ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ
บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าบริการเกี่ยวกับตู้สินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบังดังนี้
ข้อ ๑ ตู้สินค้าอันตรายขาเข้า
กิจกรรม
บาท/ตู้ทุกขนาด
ทุกสถานภาพ
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
๑.๑
ค่าธรรมเนียมตรวจสอบและควบคุมการขนถ่าย
ตู้สินค้าข้างลำเรือสำหรับสินค้าอันตรายกลุ่มที่
๑ และ ๒
๖๗๐.-
๑.๒
ค่าธรรมเนียมตรวจสอบและควบคุมรับตู้ข้างลำเรือและย้ายไป
คลังสินค้าอันตรายสำหรับสินค้าอันตรายกลุ่มที่
๓
๑,๕๐๐.-
๑.๓
ค่าธรรมเนียมควบคุมดูแลความปลอดภัยและระบบสารสนเทศ
สำหรับสินค้าอันตรายกลุ่มที่
๓
๑,๐๐๐.-
ข้อ ๒ ตู้สินค้าอันตรายขาออก
กิจกรรม
บาท/ตู้ทุกขนาด
ทุกสถานภาพ
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
๒.๑
ค่าธรรมเนียมตรวจสอบและควบคุมการขนถ่ายตู้สินค้าข้างลำเรือ
สำหรับสินค้าอันตรายกลุ่มที่
๑ และ ๒
๕๐๐.-
๒.๒
ค่าธรรมเนียมตรวจสอบและควบคุมรับตู้ข้างลำเรือและย้ายจาก
คลังสินค้าอันตรายสำหรับสินค้าอันตรายกลุ่มที่
๓
๑,๓๓๐.-
๒.๓
ค่าธรรมเนียมควบคุมดูแลความปลอดภัยและระบบสารสนเทศ
สำหรับสินค้าอันตรายกลุ่มที่
๓
๑,๐๐๐.-
ข้อ ๓ ค่าธรรมเนียมควบคุมดูแลความปลอดภัยและระบบสารสนเทศสำหรับสินค้าอันตราย
กลุ่มที่ ๓ ตามข้อ ๑.๓ และข้อ ๒.๓ ในระยะแรกเรียกเก็บเป็นจำนวนเงิน ๘๐๐ บาท
(แปดร้อยบาทถ้วน) ต่อทุกขนาดทุกสถานภาพ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เป็นเวลา ๑๒ เดือน
นับตั้งแต่วันที่มีผลบังคับใช้
ข้อ ๔ ค่าภาระยกขนตู้สินค้าขึ้นหรือลงจากยานพาหนะที่คลังสินค้าอันตราย
เรียกเก็บตามอัตราค่าภาระ ท่าเรือแหลมฉบัง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ มิถุนายน
๒๕๕๔
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๑ มิถุนายน
๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๖๔ ง/หน้า ๗๔/๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ |
647815 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐'
>๔๐'
ตู้มีสินค้า ๖๐
๑๒๐ ๑๓๕
ตู้สินค้าเปล่า
๓๖
๗๒ ๘๑
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
สุรพงษ์
รงศิริกุล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือ
ฯ สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ เมษายน ๒๕๕๔
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๑ เมษายน ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๓๙ ง/หน้า ๖๔/๔ เมษายน ๒๕๕๔ |
647813 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๗๑๗
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๖๒๐ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๒,๑๑๒ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซล ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
สุรพงษ์
รงศิริกุล
รองผู้อำนวยการการท่าเรือฯ
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ เมษายน ๒๕๕๔
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๑ เมษายน ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๓๙ ง/หน้า ๖๓/๔ เมษายน ๒๕๕๔ |
642872 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐' ๔๐' >๔๐'
ตู้มีสินค้า ๕๔
๑๐๘ ๑๒๒
ตู้สินค้าเปล่า
๓๒
๖๔ ๗๒
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุง
ในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๔
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๔ ง/หน้า ๕๗/๑๔ มกราคม ๒๕๕๔ |
642870 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๖๕๐
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๔๗๑ บาท/ชั่วโมง
๒.๒
ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๑๗ บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๔
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๔ ง/หน้า ๕๖/๑๔ มกราคม ๒๕๕๔ |
640871 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เกี่ยวกับการจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
เกี่ยวกับการจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
เพื่อให้การจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องครบถ้วน เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และสอดคล้องกับมาตรา ๒๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ที่ต้องจัดให้มีการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ
๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒ เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ข้อ
๒ การจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทยตามพระราชบัญญัติดังกล่าวดังนี้
๒.๑
ประเภทของบุคคลที่มีการเก็บข้อมูลไว้
๒.๑.๑
พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๒.๑.๒
อดีตพนักงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๒.๑.๓
ผู้ทดลองปฏิบัติงานในการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๒.๒
ประเภทของระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
-
แฟ้มประวัติพนักงาน บัตรประวัติพนักงาน บัตรแสดงวันลาของพนักงาน
๒.๓
ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ
-
ใช้ในการบริหารงานบุคคลของหน่วยงาน
๒.๔
วิธีการขอตรวจดูข้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล
๒.๔.๑
แสดงความจำ นงโดยยื่นแบบขอตรวจสอบแฟ้มประวัติ บัตรประวัติ บัตรแสดงวันลา (ฝบ.19)
ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ที่แผนกทะเบียนประวัติ กองทรัพยากรบุคคล
ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล หรือหมวดทะเบียนประวัติและวันลา แผนกอัตรากำลัง
กองการบุคคล ท่าเรือแหลมฉบัง แล้วแต่กรณี
๒.๔.๒
ผู้อำนวยการกองทรัพยากรบุคคล หรือผู้อำนวยการกองการบุคคลท่าเรือแหลมฉบัง
เป็นผู้พิจารณาอนุญาต แล้วแต่กรณี
๒.๔.๓
กรณีเอกสารทางการแพทย์ ให้ผู้อำนวยการสำนักแพทย์และอนามัย เป็นผู้พิจารณาอนุญาต
๒.๕
วิธีการขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล
๒.๕.๑
การขอแก้ไขวัน เดือน ปีเกิด
ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอแก้ไขวัน เดือน ปีเกิด
ในทะเบียนประวัติข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยอนุโลม
๒.๕.๒
การแก้ไขเพิ่มเติมรายการในบัตรประวัติพนักงาน มีแนวทางปฏิบัติดังนี้
๒.๕.๒.๑
รายการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ที่จะต้องแจ้งให้แผนกทะเบียนประวัติ
กองทรัพยากรบุคคล ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล หรือหมวดทะเบียนประวัติและวันลา
แผนกอัตรากำลัง กองการบุคคล ท่าเรือแหลมฉบัง แล้วแต่กรณี
ทราบเพื่อบันทึกในบัตรประวัติพนักงาน
๒.๕.๒.๑
(๑) การผ่านการประชุม สัมมนา อบรม ดูงาน และการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมรายการดังกล่าวโดยแนบสำเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
จำนวน ๑ ชุด
๒.๕.๒.๑
(๒) การเพิ่มวุฒิการศึกษา ใช้หลักฐานสำเนาประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร
และสำเนาใบแสดงผลการศึกษา (Transcript) จำนวน ๑ ชุด
๒.๕.๒.๑
(๓) การเปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล ให้ส่งสำเนาประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
อนุญาตให้เปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล
พร้อมกับสำเนาเอกสารหลักฐานใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน
และแบบขออนุญาตเปลี่ยนหรือแก้ทะเบียนชื่อ หรือชื่อสกุล (ฝบ.19.1.1 หรือ ฝบ.19.1.2)
ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ จำนวน ๑ ชุด
๒.๕.๒.๑
(๔) การเปลี่ยนชื่อสกุลตามสามี การเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อสกุลเดิมของตนเองเนื่องจากการหย่า
และการเปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง ให้ส่งสำเนาเอกสารหลักฐานใบสำคัญการสมรส
หรือใบสำคัญการหย่า หรือหลักฐานการเปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง พร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้าน
และแบบขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อสกุล/เปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง (ฝบ.19.2.1 หรือ
ฝบ.19.2.2) ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ จำนวน ๑ ชุด
๒.๕.๒.๑
(๕) การเพิ่มเติมรายการอื่นๆ เช่น การได้รับคัดเลือกเป็นพนักงานดีเด่น เป็นต้น
ให้ส่งสำเนาใบประกาศ หรือหลักฐานอื่น ๆ จำนวน ๑ ชุด
๒.๕.๒.๒
เอกสารหลักฐานที่ส่งให้แผนกทะเบียนประวัติกองทรัพยากรบุคคล ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล
หรือหมวดทะเบียนประวัติและวันลา แผนกอัตรากำลังกองการบุคคล ท่าเรือแหลมฉบัง
แล้วแต่กรณี ทั้งนี้
ต้องมีการรับรองสำเนาถูกต้องโดยผู้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งตั้งแต่หัวหน้าแผนกขึ้นไป
๒.๕.๓.
แหล่งที่มาของข้อมูล
๒.๕.๓.๑
พนักงานเจ้าของประวัติ
๒.๕.๓.๒
คำสั่งแต่งตั้ง คำสั่งย้ายตำแหน่ง คำสั่งเลื่อนตำแหน่ง คำสั่งปรับระดับตำแหน่ง
คำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน คำสั่งให้พนักงานลาออก
คำสั่งให้พนักงานพ้นจากตำแหน่งโดยเหตุสูงอายุ และคำสั่งลงโทษพนักงาน
๒.๕.๓.๓
ประกาศพนักงานถึงแก่กรรม ประกาศพนักงานเปลี่ยน หรือแก้ชื่อตัว - ชื่อสกุล
และแบบขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อสกุล/เปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง (ฝบ.19.2.1 หรือ
ฝบ.19.2.2)
ประกาศ ณ วันที่ ๓๐
กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แบบขอตรวจสอบแฟ้มประวัติ บัตรประวัติ บัตรแสดงวันลา (ฝบ.19)
๒.
แบบขออนุญาตเปลี่ยนหรือแก้ทะเบียนชื่อหรือชื่อสกุล (ฝบ.19.1.1)
๓.
แบบขออนุญาตเปลี่ยนหรือแก้ทะเบียนชื่อหรือชื่อสกุล (ฝบ.19.1.2)
๔.
แบบขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อสกุล / เปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง (ฝบ.19.2.1)
๕.
แบบขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อสกุล / เปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง (ฝบ.19.2.2)
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓
ณัฐวดี/ตรวจ
๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๗๐/๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ |
640448 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่บริการให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่บริการให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
เพื่อให้การจัดเก็บค่าไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
(กทท.) เป็นไปด้วยความถูกต้องเหมาะสม และสอดคล้องกับอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง
(กฟน.) อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ
๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ เรื่อง
กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่บริการให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ข้อ
๒ กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับประเภทต่าง
ๆ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มดังนี้
๒.๑
อัตราค่าไฟฟ้าประเภททั่วไป ได้แก่ สำนักงาน ธุรกิจ และร้านค้า หน่วยละ ๓.๖๘ บาท (สามบาทหกสิบแปดสตางค์)
รวมค่า FT ค่าไฟฟ้าต่ำสุดของประเภทนี้ เดือนละ ๙๐ บาท (เก้าสิบบาทถ้วน)
๒.๒
อัตราค่าไฟฟ้าประเภทบ้านพักพนักงาน ให้เก็บตามอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง
ประเภทที่ ๑ บ้านอยู่อาศัย รวมค่า FT ดังนี้
บ้านพักพนักงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จำนวนหน่วย
(กิโลวัตต์ชั่วโมง)
หน่วยที่
ราคา
ต่อหน่วย
(บาท)
ค่าบำรุง
รักษา ๑๐%
(บาท)
รวมเงิน
บาท/หน่วย
ค่า FT/หน่วย
ที่ กฟน.
เรียกเก็บ
จาก กทท.
รวมเป็นเงิน
(บาท/หน่วย)
๕ หน่วยแรก
๑ - ๕
๐.๐๐
๐
๐
FT.
อัตราต่ำสุด ๙ บาท
๑๐ หน่วยต่อไป
๖ - ๑๕
๑.๓๕๗๖
๐.๑๓๕๘
๑.๔๙๓๔
FT.
๑.๔๙๓๔ + FT
๑๐ หน่วยต่อไป
๑๖ - ๒๕
๑.๕๔๔๕
๐.๑๕๔๕
๑.๖๙๙๐
FT.
๑.๖๙๙๐ + FT
๑๐ หน่วยต่อไป
๒๖ - ๓๕
๑.๗๙๖๘
๐.๑๗๙๗
๑.๙๗๖๕
FT.
๑.๙๗๖๕ + FT.
๖๕ หน่วยต่อไป
๓๖ - ๑๐๐
๒.๑๘๐๐
๐.๒๑๘๐
๒.๓๙๘๐
FT.
๒.๓๙๘๐ + FT
๕๐ หน่วยต่อไป
๑๐๑ - ๑๕๐
๒.๒๗๓๔
๐.๒๒๗๓
๒.๕๐๐๗
FT.
๒.๕๐๐๗ + FT
๒๕๐ หน่วยต่อไป
๑๕๑ - ๔๐๐
๒.๗๗๘๑
๐.๒๗๗๘
๓.๐๕๕๙
FT.
๓.๐๕๕๙ +FT.
เกินกว่า ๔๐๐
หน่วย
๔๐๑ เป็นต้นไป
๒.๙๗๘๐
๐.๒๙๗๘
๓.๒๗๕๘
FT.
๓.๒๗๕๘ + FT
ข้อ
๓ กรณีการไฟฟ้านครหลวงมีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าไฟฟ้า
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเปลี่ยนกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่บริการให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ตามอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวงด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑ ธันวาคม ๒๕๕๓
ณัฐวดี/ตรวจ
๑ ธันวาคม ๒๕๕๓
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง/หน้า ๒๔/๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ |
640446 | ประกาศการท่าเรือแห่งประทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้อง
ของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
เพื่อให้การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เป็นไปด้วยความเหมาะสม และสอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๔๒ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำร้องรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของราชการ อาศัยอำนาจตามความในข้อ
๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกอบข้อ ๑๔
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ
๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๑ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ข้อ
๒ กำหนดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๓ ดังนี้
๒.๑
ค่าธรรมเนียมการทำสำเนาโดยเครื่องถ่ายเอกสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเรียกเก็บในอัตรา
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังต่อไปนี้
๒.๑.๑ ขนาดกระดาษ เอ ๔ หน้าละไม่เกิน
๑ บาท
๒.๑.๒ ขนาดกระดาษ เอฟ ๑๔ หน้าละไม่เกิน
๑.๕๐ บาท
๒.๑.๓ ขนาดกระดาษ บี ๔ หน้าละไม่เกิน
๒ บาท
๒.๑.๔ ขนาดกระดาษ เอ ๓ หน้าละไม่เกิน
๓ บาท
๒.๑.๕ ขนาดกระดาษพิมพ์เขียว
เอ ๒ หน้าละไม่เกิน
๘ บาท
๒.๑.๖ ขนาดกระดาษพิมพ์เขียว
เอ ๑ หน้าละไม่เกิน
๑๕ บาท
๒.๑.๗ ขนาดกระดาษพิมพ์เขียว
เอ ๐ หน้าละไม่เกิน
๓๐ บาท
๒.๒
ค่าธรรมเนียมการให้คำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรียกเก็บในอัตราคำรับรองละไม่เกิน ๕ บาท
ข้อ
๓ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒
ไม่รวมถึงเอกสารทางการเงิน แผนผัง
แผนที่หรือเอกสารที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีไว้เพื่อการจำหน่าย
โดยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเอกสารดังกล่าวให้เป็นไปตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด
ข้อ
๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในกรณีดังต่อไปนี้
๔.๑
พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่ขอสำเนาเอกสารเพื่อนำไปใช้ในกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๔.๒
ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมผู้ส่งออกรายย่อยท่าเรือกรุงเทพ (SMEs) เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่ให้สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
๔.๓
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ขอสำเนาเอกสาร ซึ่งไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
และการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๔.๔
นักเรียน
นักศึกษาที่มาขอข้อมูลข่าวสารซึ่งต้องเป็นการขอสำเนาเอกสารโดยใช้ขนาดกระดาษ เอ ๔ จำนวนไม่เกิน
๑๐ หน้า
ประกาศ ณ วันที่ ๒๓
สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑ ธันวาคม ๒๕๕๓
ณัฐวดี/ตรวจ
๑ ธันวาคม ๒๕๕๓
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง/หน้า ๒๒/๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ |
639762 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขนเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
เพื่อให้การเก็บค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องและเหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๙
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการเช่าโทรศัพท์
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังนี้
๒.๑ การเช่าคู่สายโทรศัพท์
อาคารสำนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยคิดค่าใช้จ่ายดังนี้
๒.๑.๑ ค่าเช่าคู่สายโทรศัพท์ให้เก็บครั้งเดียวเป็นจำนวนเงิน
๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย
และจะต้องเสียค่าติดตั้งอุปกรณ์ตามประมาณการของแผนกช่างโทรศัพท์ กองช่างไฟฟ้า
ฝ่ายการช่าง ท่าเรือกรุงเทพ
ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางและพื้นที่ของสำนักงานโดยคิดค่าติดตั้งตามปกติเป็นจำนวนเงิน
๓,๖๘๐ บาท (สามพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย และต้องขอเช่าเลขหมายจากบริษัท
ทีโอที จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
๒.๑.๒
ในกรณีผู้ขอใช้บริการขอเช่าเลขหมายจากผู้ใช้บริการรายอื่น ผู้ขอจะต้องเสียค่าเช่าคู่สายให้กับผู้ให้บริการเป็นจำนวนเงินคู่สายละ
๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ เดือน
และจะต้องเสียค่าติดตั้งอุปกรณ์ตามประมาณการของแผนกช่างโทรศัพท์ กองช่างไฟฟ้า ฝ่ายการช่าง
ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางและพื้นที่ของสำนักงาน
โดยคิดค่าติดตั้งตามปกติเป็นจำนวนเงิน ๓,๖๘๐ บาท
(สามพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย
๒.๑.๓ ชำระค่าการวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเช่าคู่สายโทรศัพท์เป็นจำนวนเงิน
๖,๐๐๐ บาท (หกพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย
โดยดำเนินการทำสัญญากับแผนกนิติกรรมและสัญญา กองกฎหมาย ฝ่ายอำนวยการ
และผู้ขอใช้บริการจะได้รับเงินส่วนนี้คืนเมื่อมีการยกเลิกการเช่าคู่สายโทรศัพท์แล้ว
๒.๒
การเช่าคู่สายโทรศัพท์ในบริเวณและนอกบริเวณรั้วศุลกากร คิดค่าใช้จ่ายดังนี้
๒.๒.๑ ค่าเช่าคู่สายโทรศัพท์คู่สายละ ๑,๐๐๐
บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สายต่อ ๑ เดือน
และจะต้องเสียค่าติดตั้งตามประมาณการของแผนกช่างโทรศัพท์ กองช่างไฟฟ้า ฝ่ายการช่าง
ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางและพื้นที่ของสำนักงาน
โดยคิดค่าติดตั้งตามปกติเป็นจำนวนเงิน ๓,๖๘๐ บาท
(สามพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย
๒.๒.๒
ชำระค่าการวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเช่าคู่สายโทรศัพท์เป็นจำนวนเงิน ๖,๐๐๐
บาท (หกพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ คู่สาย โดยดำเนินการทำสัญญากับแผนกนิติกรรมและสัญญา
กองกฎหมาย ฝ่ายอำนวยการ
และผู้ขอใช้บริการจะได้รับเงินส่วนนี้คืนเมื่อมีการยกเลิกการเช่าคู่สายโทรศัพท์แล้ว
๒.๓ การเช่าโทรศัพท์แบบเหมาจ่าย (เลขหมายภายใน ๔
ตัว) คิดค่าใช้จ่ายดังนี้
๒.๓.๑ ค่าติดตั้งอุปกรณ์เลขหมายโทรศัพท์เป็นจำนวนเงิน
๓,๖๘๐ บาท (สามพันหกร้อยแปดสิบบาทถ้วน) ต่อ ๑ เลขหมาย
๒.๓.๒ ค่าเช่าโทรศัพท์ ต่อ ๑ เลขหมายดังนี้
๒.๓.๒.๑ ค่าบริการรายเดือนเป็นจำนวนเงิน ๑๐๐ บาท
(หนึ่งร้อยบาทถ้วน)
๒.๓.๒.๒ ค่าใช้โทรศัพท์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ครั้งละ ๓ บาท (สามบาทถ้วน)
๒.๓.๒.๓ ค่าใช้โทรศัพท์ทางไกลคิดอัตราตามจริงในอัตราเดียวกับบริษัท
ทีโอที จำกัด (มหาชน)
๒.๓.๓
ก่อนดำเนินการทำสัญญาผู้ขอใช้บริการต้องวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเช่าคู่สายโทรศัพท์เป็นจำนวนเงิน
๖,๐๐๐ บาท (หกพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ เลขหมาย หรือคู่สาย
โดยดำเนินการทำสัญญากับแผนกนิติกรรมและสัญญา กองกฎหมาย
ฝ่ายอำนวยการและผู้ขอใช้บริการจะได้รับเงินส่วนนี้คืนเมื่อมีการยกเลิกการเช่าคู่สายโทรศัพท์แล้ว
ข้อ ๓ ให้ผู้ขอใช้บริการซึ่งประสงค์จะย้ายเลขหมาย
หรือคู่สาย
ทำหนังสือแจ้งวัตถุประสงค์ถึงหัวหน้าแผนกช่างโทรศัพท์เพื่อส่งพนักงานไปสำรวจสถานที่ที่จะย้าย
และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสถานที่แผนกช่างโทรศัพท์จะประมาณการพร้อมแจ้งค่าใช้จ่ายให้ผู้ขอใช้บริการทราบและไปชำระเงินที่ศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ
(ONE STOP SERVICE)
ก่อนดำเนินการย้าย โดยคิดค่าย้ายตามปกติเป็นจำนวนเงิน ๒,๗๖๐
บาท (สองพันเจ็ดร้อยหกสิบบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อ ๑ เลขหมาย หรือคู่สาย
ข้อ ๔ ให้ผู้ขอใช้บริการซึ่งประสงค์จะยกเลิกการใช้โทรศัพท์แบบเหมาจ่าย
หรือการยกเลิกการเช่าคู่สาย
ทำหนังสือถึงหัวหน้าแผนกช่างโทรศัพท์เพื่อขอยกเลิกโดยระบุเลขหมาย วัน เดือน
ปีที่ต้องการยกเลิก
พร้อมแจ้งขอคืนเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาพร้อมแนบสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าประกันการปฏิบัติตามสัญญามาด้วย
และเมื่อได้รับหนังสืออนุมัติจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้วให้นำใบเสร็จรับเงินต้นฉบับพร้อมหนังสือดังกล่าวไปรับเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาที่แผนกบัญชีเจ้าหนี้
กองบัญชีการเงิน สำนักบัญชี ฝ่ายการเงินและบัญชี
ข้อ ๕ การขอเช่าโทรศัพท์ตามข้อ ๑ ข้อ ๒ และข้อ ๓
ผู้ขอใช้บริการต้องมาขอรับแบบคำขอเช่าโทรศัพท์ได้ที่แผนกช่างโทรศัพท์ กองช่างไฟฟ้า
ฝ่ายการช่าง ท่าเรือกรุงเทพ
ข้อ ๖ กรณีนิติบุคคลที่เป็นคู่สัญญากับการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคล หรือที่ตั้งนิติบุคคล
ให้ยื่นเอกสารพร้อมหนังสือรับรองของบริษัทต่อแผนกช่างโทรศัพท์ กองช่างไฟฟ้า
ฝ่ายการช่าง ท่าเรือกรุงเทพ เพื่อทราบด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๙
พฤศจิกายน ๒๕๕๓
ณัฐวดี/ตรวจ
๑๙
พฤศจิกายน ๒๕๕๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๒ ง/หน้า ๓๕/๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ |
638229 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ
การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐´
๔๐´ >๔๐´
ตู้มีสินค้า
๕๔
๑๐๘ ๑๒๒
ตู้สินค้าเปล่า
๓๒
๖๔ ๗๒
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘
ตุลาคม ๒๕๕๓
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๘
ตุลาคม ๒๕๕๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๓๙/๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ |
638227 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ
การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๖๑๔
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๓๒๗
บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๘๑๙
บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘
ตุลาคม ๒๕๕๓
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๘
ตุลาคม ๒๕๕๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๓๘/๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ |
635743 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดท่า 20D และท่า 20E เพื่อให้บริการการใช้ปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง (Rail Mounted Shore side Gantry Crane)
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเปิดท่า 20D และท่า 20E
เพื่อให้บริการการใช้ปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง
(Rail Mounted Shore side Gantry Crane)[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ให้ปิดท่า 20D และท่า 20E เพื่อติดตั้งปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง (Rail Mounted Shore side Gantry Crane) นั้น บัดนี้
การติดตั้งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
อาศัยอำนาจตามความในข้อ
๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง
ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้เปิดท่า 20D และท่า 20E
เพื่อให้บริการการใช้ปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง (Rail Mounted Shore side Gantry Crane) ตั้งแต่วันที่
๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๒ กันยายน ๒๕๕๓
ณัฐวดี/ตรวจ
๒๒ กันยายน ๒๕๕๓
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๑๐ ง/หน้า ๓๖/๑๖ กันยายน ๒๕๕๓ |
631920 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๓ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑
กรกฎาคม ๒๕๕๓ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๖๕๗
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๔๒๐ บาท/ชั่วโมง
๒.๒
ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๙๔๗
บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕
กรกฎาคม ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๕
กรกฎาคม ๒๕๕๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๘๒ ง/หน้า ๓๒/๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓ |
631918 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๓ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐´ ๔๐´ >๔๐´
ตู้มีสินค้า
๕๘ ๑๑๖ ๑๓๑
ตู้สินค้าเปล่า
๓๕ ๗๐ ๗๙
ข้อ ๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕
กรกฎาคม ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๕
กรกฎาคม ๒๕๕๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๘๒ ง/หน้า ๓๑/๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓ |
630324 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓)
และมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ข้อ ๒ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๓ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๕๙๕
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่
๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๒๘๖
บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๗๖๔
บาท/ชั่วโมง
ข้อ ๓ อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๖
มิถุนายน ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๖
มิถุนายน ๒๕๕๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๗๒ ง/หน้า ๓๑/๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ |
630322 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๙
ธันวาคม ๒๕๕๒
กำหนดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคม ของทุกปี
เพื่อปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕ โดยใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ นั้น
การท่าเรือแห่งประเทศไทยพิจารณาแล้ว
เนื่องจากผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้ามีการเปลี่ยนแปลงไม่เกินร้อยละ
๕
จึงเห็นควรเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้าตามอัตราเดิม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๓
ต่อไปจนกว่าจะมีการทบทวนใหม่ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐ ๔๐´ >๔๐´
ตู้มีสินค้า
๕๐ ๑๐๐ ๑๑๓
ตู้สินค้าเปล่า
๓๐ ๖๐ ๖๘
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๖
มิถุนายน ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๖
มิถุนายน ๒๕๕๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๗๒ ง/หน้า ๓๐/๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ |
630320 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การหยุดให้บริการเนื่องในเทศกาลสงกรานต์
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การหยุดให้บริการเนื่องในเทศกาลสงกรานต์[๑]
ตามคำสั่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ที่ ๑๒๔/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เรื่อง
วันหยุดตามประเพณีและวันหยุดชดเชยประจำปี ๒๕๕๓ กำหนดให้วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓
ถึงวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๓ เป็นวันหยุดเนื่องในเทศกาลสงกรานต์
และคำสั่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ ๑/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๓ เรื่อง
กำหนดวันหยุดเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ โดยให้วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๓
เป็นวันหยุดเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย จะหยุดให้บริการบรรทุกขนถ่ายและขนส่งสินค้าหรือตู้สินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพ
ตั้งแต่วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๐๐
น. นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๙ (๔) มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่มีความประสงค์จะทำการบรรทุกขนถ่ายและขนส่งสินค้า
หรือตู้สินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพ ในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๓
แสดงความจำนงล่วงหน้าภายในวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๔.๐๐ น. เพื่อท่าเรือกรุงเทพจะจัดพนักงานและเครื่องมือทุ่นแรงเตรียมไว้ให้บริการ
สำหรับโรงพักสินค้า คลังสินค้า หรือท่าบริการตู้สินค้าที่เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่แจ้งขอทำการบรรทุกขนถ่ายและขนส่งสินค้า
หรือตู้สินค้าไว้ ท่าเรือกรุงเทพจะหยุดปฏิบัติงานในวันและเวลาดังกล่าว
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๖ มิถุนายน
๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๖ มิถุนายน
๒๕๕๓
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๗๒ ง/หน้า ๒๙/๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ |
630318 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การปิดท่า 20D และท่า 20E เพื่อติดตั้งปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง (Rail Mounted Shore Side Gantry Crane)
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การปิดท่า 20D และท่า 20E
เพื่อติดตั้งปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง
(Rail Mounted Shore Side Gantry Crane)[๑]
ด้วยการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการติดตั้งปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง
(Rail Mounted Shore Side Gantry Crane) จำนวน ๔ ตัว
บริเวณท่า 20D และท่า 20E
ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไปนั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๙ (๔) มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงขอปิดท่า 20D และท่า 20E ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป
ทั้งนี้
ในการจัดเรือเข้าจอดเทียบท่าให้คณะกรรมการจัดเรือของท่าเรือกรุงเทพ
ปฏิบัติตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ
หลักผูกเรือ หรือทุ่นของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๙
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
อนึ่ง หากมีการเปลี่ยนแปลง การท่าเรือฯ จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าในโอกาสต่อไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๖ มิถุนายน
๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๖ มิถุนายน
๒๕๕๓
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๗๒ ง/หน้า ๒๘/๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ |
622916 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓)
และมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑.
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๒ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐´
๔๐´ >๔๐´
ตู้มีสินค้า ๕๐
๑๐๐ ๑๑๓
ตู้สินค้าเปล่า ๓๐
๖๐ ๖๘
๓.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘ มกราคม ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๒๘ มกราคม ๒๕๕๓
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๑ ง/หน้า ๑๗/๒๐ มกราคม ๒๕๕๓ |
622918 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓)
และมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้ดำเนินการ
ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๒ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
๒. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๕๕๓
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๒๑๘ บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๖๕๖
บาท/ชั่วโมง
๓. อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ
๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
๔. การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ
๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑ เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา
สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘
มกราคม ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๒๘
มกราคม ๒๕๕๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๑ ง/หน้า ๑๖/๒๐ มกราคม ๒๕๕๓ |
622914 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การหยุดให้บริการเนื่องในเทศกาลปีใหม่
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การหยุดให้บริการเนื่องในเทศกาลปีใหม่[๑]
ตามคำสั่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ที่ ๑๖๐/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ และคำสั่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่
๑๒๔/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ กำหนดให้วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ และวันที่ ๑
มกราคม ๒๕๕๓ เป็นวันหยุดตามประเพณีเนื่องในเทศกาลปีใหม่
ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะหยุดให้บริการบรรทุกขนถ่ายและขนส่งสินค้าหรือตู้สินค้าต่อเนื่องถึงวันที่
๔ มกราคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๐๐ น. นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๒๔ มาตรา ๙ (๔) มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ
บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้ดำเนินการดังนี้
๑.
การท่าเรือแห่งประเทศไทย
งดให้บริการตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๓
เวลา ๐๘.๐๐ น.
๒.
ให้เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่มีความประสงค์จะทำการบรรทุกขนถ่าย และขนส่งสินค้า
หรือตู้สินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพ ในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึงวันที่ ๔
มกราคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๐๐ น. แสดงความจำนงล่วงหน้าภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา
๑๔.๐๐ น.
เพื่อท่าเรือกรุงเทพจะได้จัดพนักงานและเครื่องมือทุ่นแรงเตรียมไว้ให้บริการสำหรับโรงพักสินค้า
คลังสินค้า หรือท่าบริการตู้สินค้าที่เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่แจ้งขอทำการบรรทุกขนถ่ายและขนส่งสินค้า
หรือตู้สินค้าไว้ ท่าเรือกรุงเทพจะหยุดปฏิบัติงานในวันดังกล่าว
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ
ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘ มกราคม ๒๕๕๓
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๒๘ มกราคม ๒๕๕๓
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๑ ง/หน้า ๑๕/๒๐ มกราคม ๒๕๕๓ |
615606 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้านั้น
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐´ ๔๐´ >๔๐´
ตู้มีสินค้า
๕๐ ๑๐๐ ๑๑๓
ตู้สินค้าเปล่า
๓๐ ๖๐ ๖๘
๓.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓
เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา
สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๕
ตุลาคม ๒๕๕๒
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๒
ตุลาคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง/หน้า ๑๘/๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ |
615604 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ
การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๕๕๓
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๒๑๘ บาท/ชั่วโมง
๒.๒
ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๖๕๖
บาท/ชั่วโมง
๓. อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง
๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
๔.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓
เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา
สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๕
ตุลาคม ๒๕๕๒
นันท์นภัสร์/ตรวจ
๑๒
ตุลาคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๔๖ ง/หน้า ๑๗/๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ |
608691 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้านั้น
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๖ มีนาคม ๒๕๕๒ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑
กรกฎาคม ๒๕๕๒ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐´ ๔๐´ >๔๐´
ตู้มีสินค้า
๓๒
๖๔ ๗๒
ตู้สินค้าเปล่า
๑๙
๓๘ ๔๓
๓.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓
เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา
สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕
กรกฎาคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๙๘ ง/หน้า ๕๙/๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๒ |
608689 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ
การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูงนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๖ มีนาคม ๒๕๕๒ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑
กรกฎาคม ๒๕๕๒ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐
แรงม้า ๓๕๐
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐
แรงม้าขึ้นไป ๗๗๑ บาท/ชั่วโมง
๒.๒
ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๐๔๘
บาท/ชั่วโมง
๓. อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง
๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
๔.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓
เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา
สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือ
ฯ รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๕
กรกฎาคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๙๘ ง/หน้า ๕๘/๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๒ |
604557 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
เพื่อให้การจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ซึ่งต้องจัดให้มีการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาเป็นไปโดยถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา ๒๓ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒
(๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑.
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๙ เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๒.
จัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวดังนี้
๓.
ประเภทของบุคคลที่มีการเก็บข้อมูลไว้
๓.๑
พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๓.๒
อดีตพนักงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๓.๓
ผู้ทดลองปฏิบัติงานในการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๔.
ประเภทของระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
-
แฟ้มประวัติพนักงาน บัตรประวัติพนักงาน บัตรแสดงวันลาของพนักงาน
๕.
ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ
-
ใช้ในการบริหารงานบุคคลของหน่วยงาน
๖.
วิธีการขอตรวจดูข้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล
๖.๑
กรอกแบบฟอร์มขอตรวจสอบแฟ้มประวัติ บัตรประวัติ บัตรแสดงวันลา
๖.๒
ผู้อำนวยการกองทรัพยากรบุคคล เป็นผู้พิจารณาอนุญาต
๗.
วิธีการขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล
๗.๑
การขอแก้ไขวัน เดือน ปีเกิด ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการแก้ไข วัน
เดือน ปีเกิด ในทะเบียนประวัติข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยอนุโลม
๗.๒
การแก้ไขเพิ่มเติมรายการในบัตรประวัติพนักงานมีแนวทางปฏิบัติดังนี้
๗.๒.๑
รายการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมที่จะต้องแจ้งให้แผนกทะเบียนประวัติกองทรัพยากรบุคคล
ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ทราบเพื่อบันทึกในบัตรประวัติพนักงาน
๗.๒.๑.๑
การผ่านการประชุม สัมมนา อบรม ดูงาน และการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมรายการดังกล่าว โดยแนบสำเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องจำนวน
๑ ชุด
๗.๒.๑.๒
การเพิ่มวุฒิการศึกษาใช้หลักฐานสำเนาประกาศนียบัตร
ปริญญาบัตรและสำเนาใบแสดงผลการศึกษา (Transcript) จำนวน ๑ ชุด
๗.๒.๑.๓
การเปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล ให้แจ้งสำเนาประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
อนุญาตให้เปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล
พร้อมกับสำเนาเอกสารหลักฐานใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน
และแบบรายงานขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อ หรือชื่อสกุล (ฝบ.๑๙.๑) จำนวน ๑ ชุด
๗.๒.๑.๔
การเปลี่ยนชื่อสกุลตามสามี
การเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อสกุลเดิมของตนเองเนื่องจากการหย่า และการเปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง
ให้ส่งสำเนาเอกสารหลักฐานใบสำคัญการสมรส หรือใบสำคัญการหย่า
หรือหลักฐานการเปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง
พร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้านและแบบรายงานขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อสกุล/เปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง
(ฝบ.๑๙.๒) จำนวน ๑ ชุด
๗.๒.๑.๕
การเพิ่มเติมรายการอื่น ๆ เช่น การได้รับคัดเลือกเป็นพนักงานดีเด่น เป็นต้น
ให้ส่งสำเนาใบประกาศหรือหลักฐานอื่น ๆ จำนวน ๑ ชุด
๗.๒.๒
เอกสารหลักฐานที่ส่งให้แผนกทะเบียนประวัติ กองทรัพยากรบุคคล ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล
ต้องมีการรับรองสำเนาถูกต้อง โดยผู้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งตั้งแต่หัวหน้าแผนกขึ้นไป
๘.
แหล่งที่มาของข้อมูล
๘.๑
พนักงานเจ้าของประวัติ
๘.๒
คำสั่งแต่งตั้ง ย้ายตำแหน่ง เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนขั้นเงินเดือน
คำสั่งให้พนักงานลาออกให้พนักงานพ้นจากตำแหน่งโดยเหตุสูงอายุ
และคำสั่งลงโทษพนักงาน
๘.๓
ประกาศพนักงานถึงแก่กรรม เปลี่ยนหรือแก้ชื่อตัว - สกุล
และแบบรายงานขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อสกุล/เปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แบบรายงานขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อหรือชื่อสกุล (ฝบ.19.1)
๒.
แบบรายงานขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อสกุล/เปลี่ยนคำนำหน้านามหญิง (ฝบ.19.2)
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๖๗/๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ |
604462 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การหยุดให้บริการเนื่องในเทศกาลสงกรานต์
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การหยุดให้บริการเนื่องในเทศกาลสงกรานต์[๑]
ตามคำสั่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ที่ ๑๖๐/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ เรื่อง
วันหยุดตามประเพณีและวันหยุดชดเชยประจำปี ๒๕๕๒ กำหนดให้วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๒ ถึงวันที่
๑๕ เมษายน ๒๕๕๒ เป็นวันหยุดเนื่องในเทศกาลสงกรานต์
ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะหยุดให้บริการบรรทุกขนถ่าย
และขนส่งสินค้าหรือตู้สินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๒ เวลา
๐๘.๐๐ น. ถึงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๘.๐๐ น. นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่มีความประสงค์จะทำการบรรทุกขนถ่ายและขนส่งสินค้าหรือตู้สินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพ
ในวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๒
แสดงความจำนงล่วงหน้าภายในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๔.๐๐ น.
เพื่อท่าเรือกรุงเทพจะจัดพนักงานและเครื่องมือทุ่นแรงเตรียมไว้ให้บริการ
สำหรับโรงพักสินค้า คลังสินค้าหรือท่าบริการ ตู้สินค้า ที่เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่แจ้งขอทำการบรรทุกขนถ่ายและขนส่งสินค้าหรือตู้สินค้าไว้
ท่าเรือกรุงเทพจะหยุดปฏิบัติงานในวันดังกล่าว
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๕๙ ง/หน้า ๓๒/๒๒ เมษายน ๒๕๕๒ |
604065 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ลดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือเชียงแสน
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
ลดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือเชียงแสน[๑]
เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้บริการท่าเรือเชียงแสนในภาวะเศรษฐกิจถดถอยให้สามารถประกอบการต่อไปได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
จึงให้ลดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือเชียงแสน ลำดับที่ ๒๐๑
ค่าธรรมเนียมการใช้ท่าสำหรับการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า (CARGO LOADING OR DISCHARGING FEE) เฉพาะลำดับที่ ๒๐๑.๑ สินค้าทั่วไป
ลงเหลือร้อยละ ๕๐ จากอัตราค่าธรรมเนียมปกติ
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒
ประกาศ
ณ วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๖ พฤษภาคม ๒๕๕๒
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๖๓ ง/หน้า ๑๐๓/๒๙ เมษายน ๒๕๕๒ |
603070 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ
พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๒ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐´ ๔๐´
>๔๐´
ตู้มีสินค้า
๑๙
๓๘ ๔๓
ตู้สินค้าเปล่า
๑๑
๒๒ ๒๕
๓.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่าง ราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓
เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา
สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือ
ฯ รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘
เมษายน ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๕๑ ง/หน้า ๘๖/๘ เมษายน ๒๕๕๒ |
603068 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง
ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๘ ธันวาคม ๒๕๕๑ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑
เมษายน ๒๕๕๒ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๒๐๕
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๔๕๑
บาท/ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๖๑๓
บาท/ชั่วโมง
๓.
อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที
และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
๔.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมา
เปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา
สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือ
ฯ รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๘
เมษายน ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๕๑ ง/หน้า ๘๕/๘ เมษายน ๒๕๕๒ |
601605 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ชะลอการวางหลักประกันความเสียหายตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2552
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
ชะลอการวางหลักประกันความเสียหายตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ
พ.ศ. ๒๕๕๒[๑]
ตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ.
๒๕๕๒ หมวด ๕ การประกันความเสียหายข้อ ๑๗
กำหนดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องนำหลักประกันความเสียหายมามอบให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ในวันที่มาขอรับบัตรอนุญาตในอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต่อคัน นั้น
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
และเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินการต่อไปได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ จึงให้ชะลอการบังคับใช้ หมวด ๕ การประกันความเสียหายของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ.
๒๕๕๒ ออกไปก่อนจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒ เมษายน ๒๕๕๒
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๔๖ ง/หน้า ๕๖/๒๗ มีนาคม ๒๕๕๒ |
600399 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเก็บสินค้าบางประเภทไว้ในตู้สินค้า พ.ศ. 2552
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเก็บสินค้าบางประเภทไว้ในตู้สินค้า
พ.ศ.
๒๕๕๒[๑]
เพื่อให้การเก็บสินค้าในท่าเรือกรุงเทพ
เป็นไปด้วยความเหมาะสม ปลอดภัยต่อสุขภาพชีวิตทรัพย์สิน
และสิ่งแวดล้อมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๒๒ ข้อ ๒๓ ข้อ ๒๕ และข้อ ๔๕ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ
พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑. สินค้าที่เจ้าของ
หรือตัวแทนเจ้าของสินค้ามิได้ทำพิธีการเพื่อนำออก
แต่จำเป็นต้องเปิดตู้สินค้าในกรณีใดก็ตาม เมื่อพบว่าสินค้าภายในตู้สินค้านั้นเป็น
๑.๑ สินค้าอันตราย
๑.๒ สินค้าประเภทของเสีย (WASTE)
๑.๓ สินค้าประเภทเปรอะเปื้อน
๑.๔ สินค้าประเภทมีกลิ่นเหม็น
๑.๕ สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้แล้ว
หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตามประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม
การท่าเรือแห่งประเทศไทย
จะเก็บสินค้านั้นไว้ในตู้สินค้าตามเดิม โดยไม่นำเข้าเก็บในโรงพักสินค้า
หรือคลังสินค้า
๒. ตู้สินค้าที่ใช้เก็บสินค้าตามข้อ ๑ เจ้าของ
หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องเป็นผู้ชำระค่าภาระฝากตู้สินค้า จนกว่าจะมีการนำออกจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สุนิดา
สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือ
ฯ รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๘
มีนาคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๓๖ ง/หน้า ๔๖/๑๐ มีนาคม ๒๕๕๒ |
598282 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดน้ำหนักสูงสุดที่ปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่า (RAIL MOUNTED SHORE SIDE GANTRY CRANE) สามารถยกตู้สินค้าหรือสินค้าได้
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
กำหนดน้ำหนักสูงสุดที่ปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่า
(RAIL MOUNTED SHORE SIDE GANTRY CRANE) สามารถยกตู้สินค้าหรือสินค้าได้[๑]
เพื่อให้การใช้บริการเครื่องมือทุ่นแรงของผู้ใช้บริการ
เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีความปลอดภัยในการทำงาน และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑.
ยกเลิกประกาศท่าเรือกรุงเทพ
การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดน้ำหนักสูงสุดที่ปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่า
(RAIL MOUNTED SHORE SIDE GANTRY CRANE) ยกได้ ลงวันที่
๙ เมษายน ๒๕๓๖
๒.
กำหนดน้ำหนักสูงสุดที่ปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่า
(RAIL MOUNTED SHORE SIDE GANTRY CRANE) สามารถยกตู้สินค้าหรือสินค้าได้
ดังต่อไปนี้
๒.๑
เมื่อใช้อุปกรณ์สำหรับยกตู้สินค้า (SPREADER) เพื่อยกตู้สินค้าขึ้น
- ลงเรือ น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน ๓๒.๕ เมตริกตัน
๒.๒
เมื่อใช้ตะขอเหล็ก (HOOK) เพื่อยกตู้สินค้าหรือสินค้าขึ้น - ลงเรือ น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน ๓๘
เมตริกตัน
๓.
ค่าบริการในการใช้เครื่องมือทุ่นแรง
ให้เป็นไปตามที่อัตราค่าภาระท่าเรือกรุงเทพฯ กำหนด
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ กุมภาพันธ์
๒๕๕๒
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๒๐ ง/หน้า ๙๐/๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ |
598280 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือ ก่อนตารางเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time)
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือ
ก่อนตารางเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง
(Closing Time)[๑]
เพื่อสนองนโยบายของกระทรวงคมนาคม
ที่ให้มีการส่งเสริมการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟมากขึ้น และลดผลกระทบอันเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าแช่เย็นของผู้ส่งออกผักและผลไม้สดของไทย
ตลอดจนแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดที่สถานีตรวจสอบสินค้า (Main Gate) และ Terminal Gate รวมทั้งให้ผู้ประกอบการท่าสามารถบริหารจัดการและบรรทุกขนถ่ายตู้สินค้าภายในท่าเทียบเรือแหลมฉบังได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามหลักสากลเพื่อรองรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าทางเรือไปประเทศสหรัฐอเมริกา
(Container Security Initiative: CSI) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑.
ยกเลิก
๑.๑
ประกาศท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ เรื่อง
กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือ
ก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time)
๑.๒
ประกาศท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือ
ก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time) (ฉบับที่ ๒)
๑.๓
ประกาศท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๘ เรื่อง
กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือ
ก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time) (ฉบับที่ ๓)
๒.
กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือ
ก่อนตารางเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมบัง (Closing Time) ดังนี้
๒.๑
ตู้สินค้าทั่วไป ไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง ก่อนตารางเรือเทียบท่า
๒.๒
ตู้สินค้าขาออกที่เป็นห้องเย็น (Reefer Container) เฉพาะที่บรรจุผักและผลไม้สดเพื่อแช่เย็นส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ
ไม่น้อยกว่า ๑ ชั่วโมง ก่อนตารางเรือเทียบท่า
จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๑ กุมภาพันธ์
๒๕๕๒
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๒๐ ง/หน้า ๘๘/๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ |
597800 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้บริการในวันหยุดตามมติคณะรัฐมนตรี
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การให้บริการในวันหยุดตามมติคณะรัฐมนตรี[๑]
ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ เห็นชอบให้วันศุกร์ที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๒ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมอีก
๑ วัน นั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่มีความประสงค์จะทำการบรรทุก ขนถ่าย
และขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้า ที่ท่าเรือกรุงเทพในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๘.๐๐
น. ถึงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๘.๐๐ น. แสดงความจำนงล่วงหน้าภายในวันที่ ๓๐
ธันวาคม ๒๕๕๑ เวลา ๑๔.๐๐ น.
เพื่อท่าเรือกรุงเทพจะได้จัดพนักงานและเครื่องมือทุ่นแรงเตรียมไว้ให้บริการสำหรับโรงพักสินค้า
คลังสินค้า หรือท่าบริการตู้สินค้าที่เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่แจ้งขอทำการบรรทุก ขนถ่าย และขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้าไว้
ท่าเรือกรุงเทพจะหยุดปฏิบัติงานในวันดังกล่าว
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา สกุลรัตนะ
กรรมการการท่าเรือฯ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๕ กุมภาพันธ์
๒๕๕๒
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๔ ง/หน้า ๖๕/๒๘ มกราคม
๒๕๕๒ |
596309 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้อง
ของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
เพื่อให้การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เป็นไปโดยเหมาะสมและสอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ลงวันที่ ๗
พฤษภาคม ๒๕๔๒ เรื่อง
การเรียกค่าธรรมเนียมการขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของราชการ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ และข้อ ๑๑ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๕๕๑ จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๘ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เรื่อง การเรียกค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๒. กำหนดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา
หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ดังนี้
๒.๑ ค่าธรรมเนียมการทำสำเนาโดยเครื่องถ่ายเอกสารของหน่วยงานต่าง
ๆ ในสังกัดการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรียกเก็บในอัตรา (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ดังต่อไปนี้
๒.๑.๑
ขนาดกระดาษ เอ ๔ หน้าละไม่เกิน
๑
บาท
๒.๑.๒
ขนาดกระดาษ เอฟ ๑๔ หน้าละไม่เกิน
๑.๕๐ บาท
๒.๑.๓
ขนาดกระดาษ บี ๔ หน้าละไม่เกิน
๒
บาท
๒.๑.๔
ขนาดกระดาษ เอ ๓ หน้าละไม่เกิน
๓
บาท
๒.๑.๕
ขนาดกระดาษพิมพ์เขียว เอ ๒ หน้าละไม่เกิน
๘
บาท
๒.๑.๖
ขนาดกระดาษพิมพ์เขียว เอ ๑ หน้าละไม่เกิน
๑๕ บาท
๒.๑.๗
ขนาดกระดาษพิมพ์เขียว เอ ๐ หน้าละไม่เกิน
๓๐ บาท
๒.๒ ค่าธรรมเนียมการขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรียกเก็บในอัตราคำรับรองละไม่เกิน ๕ บาท
๓. การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒
ไม่รวมถึงเอกสารทางการเงิน แผนผัง
แผนที่หรือเอกสารที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีไว้เพื่อการจำหน่าย
โดยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเอกสารดังกล่าวให้เป็นไปตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด
๔. การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ในกรณีดังต่อไปนี้
๔.๑
พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่ขอสำเนาเอกสารเพื่อนำไปใช้ในกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๔.๒ ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมผู้ส่งออกรายย่อย
ท่าเรือกรุงเทพ (SMEs) เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่ให้สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
๔.๓ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ
การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ที่ขอสำเนาเอกสารซึ่งไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศและการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๔.๔ นักเรียน นักศึกษา ที่มาขอข้อมูลข่าวสาร
ซึ่งต้องเป็นการขอสำเนาเอกสารโดยใช้ขนาดกระดาษ เอ ๔ ไม่เกินจำนวน ๑๐ หน้า
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา
สกุลรัตนะ
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๑
มกราคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๗ ง/หน้า ๓๒/๑๖ มกราคม ๒๕๕๒ |
595935 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการตู้สินค้า
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ
การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๑๐ กันยายน ๒๕๕๑ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๒ ดังนี้
บาท/ตู้
ขนาด ๒๐´ ๔๐´ >๔๐´
ตู้มีสินค้า
๔๘ ๙๖ ๑๐๘
ตู้สินค้าเปล่า
๒๙ ๕๘ ๖๕
๓.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และวันที่ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓
เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓
มกราคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๗๔/๘ มกราคม ๒๕๕๒ |
595933 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ของการให้บริการเรือลากจูง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
กำหนดให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ
การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๑๐ กันยายน ๒๕๕๑ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๒ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๕๒๗
บาท/ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๑๖๒ บาท/ชั่วโมง
๒.๒
ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๕๗๙
บาท/ชั่วโมง
๓. อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง
๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง คิดหนึ่งชั่วโมง
๔.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และวันที่ ๑ ตุลาคมของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓
มกราคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๗๓/๘ มกราคม ๒๕๕๒ |
595931 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดมาตรการจอดเรือฉลอม (ไลท์เตอร์) บริเวณหลักผูกเรือกลางน้ำ ภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือกรุงเทพ ฯ
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
กำหนดมาตรการจอดเรือฉลอม (ไลท์เตอร์) บริเวณหลักผูกเรือกลางน้ำ
ภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ[๑]
ด้วยปรากฏว่ามีเรือฉลอม
(ไลท์เตอร์) เข้าจอดบริเวณด้านหน้าหลักผูกเรือกลางน้ำภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต
ทำให้กีดขวางการเข้าออกของเรือสินค้าระหว่างประเทศ
เป็นอันตรายต่อการสัญจรทางน้ำและทำให้ทรัพย์สินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดความเสียหาย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
๑.
ห้ามเรือฉลอม (ไลท์เตอร์)
ทุกชนิดจอดบริเวณด้านหน้าหลักผูกเรือกลางน้ำภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ โดยเด็ดขาด
๒.
กรณีเรือฉลอม (ไลท์เตอร์) ที่ประสงค์จะเข้าจอดบริเวณด้านหน้าหลักผูกเรือกลางน้ำภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ เพื่อบรรทุกขนถ่ายสินค้ากับเรือเดินทะเลต่างประเทศ
จะต้องยื่นแบบคำขออนุญาตนำเรือฉลอม (ไลท์เตอร์)
เพื่อบรรทุกขนถ่ายสินค้าภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ
ท่าเรือกรุงเทพฯ ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ ที่แผนกท่า กองบริการท่า
ฝ่ายบริการท่าและเครื่องมือทุ่นแรง ท่าเรือกรุงเทพฯ ล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่า
๒๔ ชั่วโมง หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย
และจะต้องรับโทษสูงสุดตามที่ได้บัญญัติไว้
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา สกุลรัตนะ
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แบบคำขออนุญาตนำเรือฉลอม (ไลท์เตอร์)
มาบรรทุกขนถ่ายสินค้าภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือกรุงเทพฯ
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ มกราคม ๒๕๕๒
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๗๒/๘ มกราคม ๒๕๕๒ |
595929 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ค่าธรรมเนียมการบอกรับเป็นสมาชิกระบบการแจ้งข้อมูลเรืออัตโนมัติ (AIS : Automatic Identification Systems)
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
ค่าธรรมเนียมการบอกรับเป็นสมาชิกระบบการแจ้งข้อมูลเรืออัตโนมัติ
(AIS : Automatic Identification Systems)[๑]
เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการข้อมูลในการทำธุรกรรม
ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนในการประสานงานหน่วยงานเกี่ยวข้องกับการขนส่ง
และการขนถ่ายสินค้าทางเรือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้นำเอาระบบการแจ้งข้อมูลเรืออัตโนมัติ (AIS : Automatic Identification Systems) มาให้บริการผ่านเครือข่าย Internet กับผู้ที่ต้องการทราบ ข้อมูลของเรือสินค้าภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔
จึงกำหนดค่าธรรมเนียมการบอกรับเป็นสมาชิกระบบการแจ้งข้อมูลเรืออัตโนมัติ (AIS : Automatic Identification Systems) ผ่านเว็บไซต์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยดังนี้
๑. สมาชิกราย ๑
เดือน จำนวนเงิน
๑,๕๐๐
บาท/สมาชิก
๒. สมาชิกราย ๓
เดือน จำนวนเงิน
๔,๒๐๐
บาท/สมาชิก
๓. สมาชิกราย ๖
เดือน จำนวนเงิน
๘,๐๐๐
บาท/สมาชิก
๔. สมาชิกราย ๑๒
เดือน จำนวนเงิน
๑๕,๐๐๐
บาท/สมาชิก
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เป็นต้นไป
ประกาศ
ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา สกุลรัตนะ
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๑๓ มกราคม ๒๕๕๒
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๗๑/๘ มกราคม ๒๕๕๒ |
594041 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การหยุดให้บริการเนื่องในเทศกาลปีใหม่
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การหยุดให้บริการเนื่องในเทศกาลปีใหม่[๑]
ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย
มีคำสั่งให้วันที่ ๓๑ ธันวาคม และวันที่ ๑
มกราคมเป็นวันหยุดตามประเพณีเนื่องในเทศกาลปีใหม่ และจะหยุดให้บริการบรรทุก
ขนถ่ายและขนส่งสินค้าหรือตู้สินค้า ที่ท่าเรือกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม
เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึงวันที่ ๒ มกราคม เวลา ๐๘.๐๐ น. ของทุกปี นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จึงให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่มีความประสงค์จะทำการบรรทุก
ขนถ่ายและขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้า ที่ท่าเรือกรุงเทพ ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑
ถึงวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๒ แสดงความจำนงล่วงหน้าภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ เวลา
๑๔.๐๐ น.
เพื่อท่าเรือกรุงเทพจะได้จัดพนักงานและเครื่องมือทุ่นแรงเตรียมไว้ให้บริการ
สำหรับโรงพักสินค้า คลังสินค้าหรือท่าบริการ ตู้สินค้าที่เจ้าของสินค้า
หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่แจ้งขอทำการบรรทุก ขนถ่ายและขนส่งสินค้า
หรือตู้สินค้าไว้ ท่าเรือกรุงเทพจะหยุดปฏิบัติงานในวันและเวลาดังกล่าว
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑
เฉลิมชัย
มีคุณเอี่ยม
ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ
รักษาการแทน
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๑
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๘๘ ง/หน้า ๖๑/๑๒ ธันวาคม
๒๕๕๑ |
589748 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการตู้สินค้า[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง
ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๑ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ ดังนี้
บาท
/ ตู้
ขนาด ๒๐´
๔๐´
>๔๐´
ตู้มีสินค้า
๘๓
๑๖๖
๑๘๗
ตู้สินค้าเปล่า
๕๐
๑๐๐
๑๑๓
๓.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓
เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา
สกุลรัตนะ
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔
ตุลาคม ๒๕๕๑
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๖๗ ง/หน้า ๒๑/๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๑ |
589746 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
ของการให้บริการเรือลากจูง[๑]
ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓
ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง
ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๑ เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
๒.
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ ดังนี้
๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ
๒.๑.๑
เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐
แรงม้า ๙๖๙
บาท / ชั่วโมง
๒.๑.๒
เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐
แรงม้าขึ้นไป ๒,๐๐๗
บาท / ชั่วโมง
๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๒,๖๘๖
บาท / ชั่วโมง
๓. อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒
กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที
แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงคิดหนึ่งชั่วโมง
๔.
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ มกราคม ๑
เมษายน ๑ กรกฎาคม และวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี
ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๓ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี
๒๕๔๗
และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ
๕
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา
สกุลรัตนะ
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๒๔
ตุลาคม ๒๕๕๑
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๖๗ ง/หน้า ๒๐/๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๑ |
584663 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดองค์กร อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อ เพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดองค์กร อำนาจหน้าที่
และสถานที่ติดต่อ
เพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑]
ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ได้ปรับปรุงโครงสร้างการจัดแบ่งส่วนงานใหม่ นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๗
(๑) (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ในการให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของทางราชการ
และสามารถติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ หรือการท่าเรือแห่งประเทศไทย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
๑.
ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เรื่อง ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดองค์กร
อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๒.
โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
ตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๒ (ฉบับที่
๔) พ.ศ. ๒๕๑๖ และ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๒๒ ระบุให้มีคณะกรรมการของการท่าเรือแห่งประเทศไทยขึ้นคณะหนึ่งประกอบด้วย
ประธานกรรมการหนึ่งคน กรรมการอื่นไม่น้อยกว่าหกคน แต่ไม่เกินสิบคน
ซึ่งอย่างน้อยจะต้องเป็นผู้มีความรู้และจัดเจนเกี่ยวกับการท่าเรือหนึ่งคน
และเกี่ยวกับการเศรษฐกิจ หรือการคลังหนึ่งคน
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ
คณะรัฐมนตรีจะแต่งตั้งผู้อำนวยการเป็นกรรมการด้วยก็ได้
ให้คณะกรรมการนี้มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไป
ซึ่งกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๒๙ (๔) และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อทำหน้าที่และจัดการบริหารส่วนงานให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด
ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
๑.
สำนักเลขานุการคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
มีหน้าที่ดำเนินงานธุรการ
ติดต่อประสานงานระหว่างคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยกับส่วนงาน
จัดเตรียมงานการประชุมและงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด
ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๒.
สำนักบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน
มีหน้าที่ควบคุมดูแลการจัดการความเสี่ยงและการบริหารการควบคุมภายในของส่วนงานโดยรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายในของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยมีหน่วยงานในสังกัดดังนี้
๒.๑
กลุ่มงานบริหารความเสี่ยง
๒.๒
กลุ่มงานควบคุมภายใน
๓.
ฝ่ายตรวจสอบและประเมินผล
มีหน้าที่ตรวจสอบประเมินผล
เสนอแนะเกี่ยวกับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงาน
ความเชื่อถือได้ของรายงานทางการเงิน
การปฏิบัติตามกฎระเบียบของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยรายงานผลการดำเนินงานต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
และคณะกรรมการตรวจสอบของการท่าเรือแห่งประเทศไทย จัดทำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๓.๑
กองตรวจสอบและประเมินผลท่าเรือกรุงเทพ
๓.๒
กองตรวจสอบและประเมินผลท่าเรือแหลมฉบัง
๓.๓
กองตรวจสอบและประเมินผลสำนักบริหารกลาง
๓.๔
กองบริหารงานตรวจสอบและประเมินผล
๔.
ฝ่ายอำนวยการ
มีหน้าที่ดำเนินงานธุรการ
งานสารบรรณและงานพัสดุของส่วนกลาง งานกฎหมาย งานให้บริการและข้อมูลข่าวสาร
งานประชาสัมพันธ์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๔.๑
กองกลาง
๔.๒
กองกฎหมาย
๔.๓
กองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร
๔.๔
กองประชาสัมพันธ์
๔.๕
กองพัสดุ
๕.
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน มีส่วนงานในสังกัดดังนี้
๕.๑
ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล
มีหน้าที่ดำเนินงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
งานสวัสดิการสงเคราะห์ งานแรงงานสัมพันธ์ งานรักษาพยาบาลและสุขอนามัย
โดยมีกองและสำนักในสังกัดดังนี้
๕.๑.๑
กองทรัพยากรบุคคล
๕.๑.๒
กองพัฒนาบุคคล
๕.๑.๓
กองสวัสดิการ
๕.๑.๔
กองแรงงานสัมพันธ์
๕.๑.๕
สำนักแพทย์และอนามัย
๕.๒
ฝ่ายการเงินและบัญชี
มีหน้าที่บริหารจัดการทางด้านการเงินและบัญชีของการท่าเรือแห่งประเทศไทยและมีสำนักในสังกัดดังนี้
๕.๒.๑
สำนักบัญชี
มีหน้าที่บริหารจัดการด้านบัญชีการเงิน
บัญชีบริหาร และบัญชีงบประมาณ โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๕.๒.๑.๑
กองบัญชีการเงิน
๕.๒.๒.๒
กองบัญชีบริหาร
๕.๒.๒.๓
กองบัญชีงบประมาณ
๕.๒.๒
สำนักบริหารการเงิน
มีหน้าที่บริหารจัดการด้านการเงิน
การจัดเก็บค่าภาระ ค่าบริการค่าธรรมเนียม โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๕.๒.๒.๑
กองบริการค่าภาระเงินสด
๕.๒.๒.๒
กองบริการค่าภาระเงินเชื่อ
๕.๒.๒.๓
กองจัดการการเงิน
๖.
สายพัฒนาองค์กรและเทคโนโลยีสารสนเทศ มีส่วนงานในสังกัดดังนี้
๖.๑
ฝ่ายนโยบายและแผน
มีหน้าที่วางแผนพัฒนา
จัดทำ ทบทวนแผนวิสาหกิจ แผนงานกำกับดูแลองค์กรศึกษาวิเคราะห์ วิจัยด้านวิชาการ
จัดทำโครงการลงทุน ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน
ประสานความสัมพันธ์ความร่วมมือในงานด้านต่างประเทศกับองค์กร หน่วยงาน
ทั้งภายในและภายนอกประเทศ จัดทำแผนงานโครงการ มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม
ศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในโครงการต่าง ๆ กำหนดมาตรการป้องกันแก้ไข
จัดให้มีการควบคุมและป้องกันมลพิษ โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๖.๑.๑
กองแผนวิสาหกิจ
๖.๑.๒
กองวิจัยและพัฒนาองค์กร
๖.๑.๓
กองกำกับดูแลองค์กร
๖.๒
ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีหน้าที่วางแผนและพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์
ควบคุมดูแลการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ กทท.
โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๖.๒.๑
กองพัฒนาระบบงาน
๖.๒.๒
กองปฏิบัติการด้านคอมพิวเตอร์
๗.
สายบริหารธุรกิจ มีส่วนงานในสังกัดดังนี้
๗.๑
ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์
มีหน้าที่พัฒนาการดำเนินธุรกิจของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
วิจัยและกำหนดกลยุทธ์ด้านการตลาดสร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ
บริหารสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๗.๑.๑
กองวิจัยและพัฒนาธุรกิจ
๗.๑.๒
กองจัดการสินทรัพย์
๗.๑.๓
กองธุรกิจสัมพันธ์และการตลาด
๗.๒
สำนักท่าเรือภูมิภาค
มีหน้าที่บริหาร
พัฒนาและกำกับดูแลการดำเนินงานของท่าเรือในภูมิภาคที่อยู่ในความรับผิดชอบของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ให้เป็นไปตามนโยบาย ศึกษาความเหมาะสมของท่าเรือในภูมิภาคที่อาจจะรับผิดชอบในอนาคต
โดยมีท่าเรือในสังกัดดังนี้
๗.๒.๑
ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ
มีหน้าที่ให้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกในการบรรทุกขนถ่ายสินค้าและคนโดยสารแก่ผู้ใช้บริการท่าเรือเชียงแสนและท่าเรือเชียงของ
๗.๒.๒
ท่าเรือระนอง
มีหน้าที่ให้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกในการบรรทุกขนถ่ายสินค้าและคนโดยสารแก่ผู้ใช้บริการท่าเรือระนอง
๘.
ท่าเรือกรุงเทพ
มีหน้าที่ดำเนินการให้บริการและอำนวยความสะดวกต่าง
ๆ แก่ผู้ใช้ท่าเรือในการบรรทุกและขนถ่ายสินค้า และคนโดยสารเรือเดินทะเลต่างประเทศ
รับสินค้าจากเรือ เก็บรักษาสินค้าและส่งมอบสินค้าแก่ผู้รับตราส่ง จัดเรือ
รับและปล่อยเรือในท่า โดยมีส่วนงานในสังกัดดังนี้
๘.๑
กองบริหารงานทั่วไป
๘.๒
กองรักษาความปลอดภัย
๘.๓
ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า
มีหน้าที่ให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่เรือในการบรรทุกขนถ่ายสินค้าและคนโดยสาร
รับมอบสินค้าจากเรือ เก็บรักษาสินค้าและส่งมอบสินค้าแก่ผู้รับตราส่ง
โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๘.๓.๑ กองปฏิบัติการสินค้า ๑
๘.๓.๒ กองปฏิบัติการสินค้า ๒
๘.๓.๓ กองปฏิบัติการสินค้า ๓
๘.๓.๔ กองคลังสินค้า
๘.๓.๕ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑
๘.๓.๖ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒
๘.๔
ฝ่ายบริการท่าและเครื่องมือทุ่นแรง
มีหน้าที่ให้บริการและอำนวยความสะดวกในการใช้ท่า
เครื่องมือทุ่นแรงและเรือลากจูงของท่าเรือกรุงเทพ ซ่อมบำรุงให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๘.๔.๑
กองบริการท่า
๘.๔.๒
กองซ่อมเครื่องมือทุ่นแรง
๘.๔.๓
กองเครื่องมือทุ่นแรง
๘.๕
ฝ่ายการช่าง
มีหน้าที่วางแผนและบริหารงานช่างโยธา
งานคํานวณจัดทําแบบ งานช่างเครื่องมือกล งานช่างไฟฟ้า โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๘.๕.๑
กองช่างโยธา
๘.๕.๒
กองแบบแผนและคำนวณ
๘.๕.๓
กองช่างกล
๘.๕.๔
กองช่างไฟฟ้า
๘.๖
ฝ่ายการร่องน้ำ
มีหน้าที่สำรวจสภาพความลึกและขุดลอกบำรุงร่องน้ำเดินเรือ
จัดเครื่องหมายช่วยการเดินเรือภายในอาณาบริเวณ โดยมีกองในสังกัดดังนี้
๘.๖.๑
กองบริการ
๘.๖.๒
กองการขุดลอก
๘.๖.๓
กองการสำรวจร่องน้ำ
๙.
ท่าเรือแหลมฉบัง
มีหน้าที่ดำเนินกิจการท่าเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบ
ณ อำเภอศรีราชา และอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
โดยอาณาบริเวณที่กำหนดไว้ตามนโยบายของการท่าเรือแห่งประเทศไทยรับสินค้าจากเรือเก็บรักษาสินค้า
และส่งมอบสินค้าแก่ผู้รับตราส่ง จัดเรือ รับและปล่อยเรือในท่าโดยมีกองในสังกัดดังนี้
๙.๑
กองบริหารงานทั่วไป
๙.๒
กองแผนงาน
๙.๓
กองการบุคคล
๙.๔
กองการเงิน
๙.๕
กองนิติการและจัดการทรัพย์สิน
๙.๖
กองบริการ
๙.๗
กองการช่าง
๙.๘
กองการท่า
ส่วนงานในข้อ
๑ ถึงข้อ ๙ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บังคับบัญชาโดยมีรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
หรือเทียบเท่า และผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือเทียบเท่า
เป็นผู้ช่วยในการปฏิบัติงานและเป็นผู้บังคับบัญชารองลงมาตามลำดับ
สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน
สายบริหารธุรกิจ และสายพัฒนาองค์กรและเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ท่าเรือกรุงเทพ
เป็นส่วนงานระดับรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ท่าเรือแหลมฉบัง
เป็นส่วนงานระดับรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยมีผู้อำนวยการการท่าเรือแหลมฉบังเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ฝ่ายตรวจสอบและประเมินผล
และฝ่ายอำนวยการ
เป็นส่วนงานระดับฝ่ายขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
สำนักเลขานุการคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
และสำนักบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน
เป็นส่วนงานระดับสำนักขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ส่วนงานระดับฝ่าย
มีผู้อำนวยการฝ่ายเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ส่วนงานระดับสำนักมีผู้อำนวยการสำนักเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ส่วนงานระดับกอง
มีผู้อำนวยการกองเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
๓.
อำนาจและหน้าที่
การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๖ และ
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
มาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติฯ
ได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งการท่าเรือแห่งประเทศไทย ไว้ดังนี้
๑.
รับโอนกิจการท่าเรือจากสำ นักงานท่าเรือกรุงเทพฯ ในกรมการขนส่งกระทรวงคมนาคม
๒.
ประกอบและส่งเสริมกิจการท่าเรือเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน
๓.
ดำเนินกิจการอื่นที่เกี่ยวกับ หรือต่อเนื่องกับการประกอบกิจการท่าเรือ
มาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติฯ
ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นนิติบุคคล
มาตรา ๙
แห่งพระราชบัญญัติฯ ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีอำนาจหน้าที่จะกระทำการต่าง ๆ
ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๖ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
๑.
สร้าง ซื้อ จัดหา จำหน่าย เช่า ให้เช่า
และดำเนินงานเกี่ยวกับเครื่องใช้บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ
๒.
ซื้อ จัดหา เช่า ให้เช่า ถือกรรมสิทธิ์ ครอบครอง จำหน่าย
หรือดำเนินงานเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ หรืออสังหาริมทรัพย์
๓.
กำหนดอัตราค่าภาระการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ
และออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีชำระค่าภาระดังกล่าว
๔.
จัดระเบียบว่าด้วยความปลอดภัย การใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ
๕.
กู้ยืมเงิน
๖.
ขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำภายในอาณาบริเวณ
๗.
ควบคุม
ปรับปรุงและให้ความสะดวกและความปลอดภัยแก่กิจการท่าเรือและการเดินเรือภายในอาณาบริเวณ
๘.
กำหนดอัตราค่าภาระต่าง ๆ ภายในอาณาบริเวณ
๙.
ออกพันธบัตร หรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
๑๐.
จัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประกอบกิจการท่าเรือและกิจการอื่นภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดดังกล่าว
จะมีคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวถือหุ้นเกินกว่าร้อยละสี่สิบเก้าของทุนจดทะเบียนของบริษัทนั้นไม่ได้
๑๑.
เข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประโยชน์แก่กิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
๔.
สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร
ติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสารได้ที่กองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
อาคารบี ชั้น ๒ ข้างห้องสมุดการท่าเรือแห่งประเทศไทย เลขที่ ๔๔๔ ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย
เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ ๑๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๓ ๐ - ๒๒๖๙ -
๕๔๖๔, ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๙๙ โทรสาร ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๖ โทรศัพท์สายด่วน ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๕๕๕
Website www.port.co.th
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ
ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา สกุลรัตนะ
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๗ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๒๓ ง/หน้า ๒๘/๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑ |
583794 | ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ชะลอการวางหลักประกันความเสียหายตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2551
| ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย
เรื่อง
ชะลอการวางหลักประกันความเสียหายตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ
พ.ศ. ๒๕๕๑[๑]
ด้วยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๑
หมวด ๕ การประกันความเสียหายข้อ ๑๖ กำหนดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องนำหลักประกันความเสียหายมามอบให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ในวันที่มาขอรับบัตรอนุญาตดังนี้
๑.
รถยนต์บรรทุกจำนวนไม่เกิน ๕ คัน จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท
๒.
รถยนต์บรรทุกจำนวนไม่เกิน ๑๐ คัน จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
๓.
รถยนต์บรรทุกจำนวนไม่เกิน ๕๐ คัน จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
๔.
รถยนต์บรรทุกจำนวนตั้งแต่ ๕๑ คัน ขึ้นไป จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
และเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินการต่อไปได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๔๙๔ จึงให้ชะลอการบังคับใช้ข้อ ๑๖ หมวด ๕
การประกันความเสียหายของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งของ และภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ.
๒๕๕๑ ออกไปก่อน
ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ
ณ วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑
สุนิดา สกุลรัตนะ
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑
ปิยะธิดา/ปรับปรุง
๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๐
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๑๘ ง/หน้า ๑/๑๖ กรกฎาคม
๒๕๕๑ |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.