sysid
stringlengths
1
6
title
stringlengths
8
870
txt
stringlengths
0
257k
575834
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง วิธีปฏิบัติและค่าบริการพิเศษในการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าไปทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดบริเวณสถานีบริการตู้สินค้า ท่าเรือกรุงเทพ
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง วิธีปฏิบัติและค่าบริการพิเศษในการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าไปทำการซ่อม หรือล้างทำความสะอาดบริเวณสถานีบริการตู้สินค้า ท่าเรือกรุงเทพ[๑] เพื่อให้กิจกรรมการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าไปทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดบริเวณสถานีบริการตู้สินค้า ท่าเรือกรุงเทพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสะดวกต่อผู้ใช้บริการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ ๑. กำหนดวิธีปฏิบัติในการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าไปทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดดังนี้ ๑.๑ ให้ผู้ใช้บริการ เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า ยื่นแบบค่าบริการพิเศษในการเคลื่อนย้ายภาชนะขนส่งไปทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดภาชนะขนส่ง (แบบ คตป.307.1) ตามแบบแนบท้ายประกาศ จำนวน ๔ ฉบับ (ต้นฉบับ ๑ ชุด สำเนา ๓ ชุด) ณ แผนกควบคุมตู้สินค้าเปล่ากองปฏิบัติการสินค้า ๓ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ โดยระบุรายละเอียดที่ต้องการใน แบบ คตป.307.1 ๑.๒ การให้บริการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่า เพื่อนำไปทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาด ณ สถานีบริการตู้สินค้าตามที่ท่าเรือกรุงเทพกำหนด และการยกตู้สินค้าขึ้นรถลากพ่วงบรรทุกตู้สินค้าให้ดำเนินการดังนี้ ๑.๒.๑ ให้พนักงานตรวจสอบและบันทึกข้อมูลตู้สินค้าเปล่าในแบบ คตป.307.1 ตลอดจนจัดเตรียมรถยกตู้สินค้าเพื่อยกตู้สินค้าเปล่าขึ้นรถลากพ่วงก่อนนำไปส่งสถานีบริการตู้สินค้าตามที่ท่าเรือกรุงเทพกำหนด ๑.๒.๒ เมื่อทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดตู้สินค้าเสร็จแล้ว ให้บริษัทผู้ประกอบการแจ้งพนักงานท่าเรือกรุงเทพทราบ เพื่อจัดรถยกตู้สินค้าลง และตรวจสอบสภาพตู้สินค้าก่อนนำเข้าลานกองเก็บตู้สินค้าเปล่า รวมทั้งบันทึกข้อมูล วัน เวลา ในแบบ คตป.307.1 เพื่อรวบรวมส่งให้แผนกค่าภาระตู้สินค้าขาออก กองบริการค่าภาระเงินเชื่อ สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชีออกใบแจ้งหนี้ ๑.๓ การให้บริการของผู้ประกอบการในการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าเพื่อนำไปทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาด ณ สถานีบริการตู้สินค้าตามที่ท่าเรือกรุงเทพกำหนด ให้ดำเนินการดังนี้ ๑.๓.๑ ให้บริษัทผู้ประกอบการจัดหารถลากพ่วงมารับตู้สินค้าและส่งกลับลานกองเก็บตู้สินค้าเปล่าเมื่อซ่อมหรือล้างทำความสะอาดเสร็จแล้ว และจัดหารถยกตู้สินค้าขึ้น - ลง จากรถลากพ่วงในพื้นที่ซ่อมหรือล้างทำความสะอาด ๑.๓.๒ ให้พนักงานท่าเรือกรุงเทพตรวจสอบและบันทึกข้อมูล วัน เวลา ของตู้สินค้าในแบบ คตป.307.1 ขณะที่ออกจากพื้นที่กองเก็บตู้สินค้าพร้อมทั้งจัดหารถยกตู้สินค้าขึ้นรถลากพ่วงเพื่อบรรทุกตู้สินค้าไปยังสถานีบริการตู้สินค้าตามที่ท่าเรือกรุงเทพกำหนด เพื่อซ่อมหรือล้างทำความสะอาดตู้สินค้า ๑.๓.๓ ให้บริษัทผู้ประกอบการนำตู้สินค้าลงจากรถลากพ่วงในพื้นที่ซ่อมหรือล้างทำความสะอาดตู้สินค้า ๑.๓.๔ เมื่อทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดตู้สินค้าเสร็จแล้ว ให้บริษัทผู้ประกอบการแจ้งพนักงานท่าเรือกรุงเทพทราบ เพื่อจัดรถยกตู้สินค้าลงเพื่อนำไปเก็บในลานกองเก็บตู้สินค้าเปล่า หรือนำออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ และตรวจสอบสภาพตู้สินค้าก่อนนำเข้าพื้นที่ในลานกองเก็บตู้สินค้าเปล่าตลอดจนบันทึกข้อมูล วัน เวลา ของตู้สินค้าในแบบ คตป.307.1 เพื่อให้แผนกคิดค่าภาระตู้สินค้าขาออก กองบริการค่าภาระเงินเชื่อ สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชีออกใบแจ้งหนี้ ๒. กำหนดค่าบริการพิเศษในการยกตู้สินค้าเปล่าขึ้นและลง ณ ที่กองเก็บตู้สินค้าเปล่าหรือในทางกลับกัน เพื่อบรรทุกรถลากพ่วงของผู้ประกอบการไปทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดบริเวณสถานีบริการตู้สินค้าตามที่ท่าเรือกรุงเทพกำหนด ในอัตรา ๑๒๐ บาท (หนึ่งร้อยยี่สิบบาทถ้วน) ต่อตู้ต่อครั้ง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ๓. การนับระยะเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าภาระฝากตู้สินค้าเปล่าที่นำไปทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดบริเวณสถานีบริการตู้สินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ให้ดำเนินการดังนี้ ๓.๑ เรียกเก็บค่าภาระฝากตู้สินค้า ตั้งแต่วันที่ต้องเสียค่าภาระจนถึงวันที่นำตู้สินค้าเข้าทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาด ณ สถานีบริการตู้สินค้าตามที่ท่าเรือกรุงเทพกำหนด ๓.๒ เรียกเก็บค่าภาระฝากตู้สินค้าที่ได้ทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดเสร็จแล้วตั้งแต่วันที่นำตู้สินค้านั้นออกจากบริเวณพื้นที่ตามข้อ ๑ จนถึงวันที่นำตู้สินค้านั้นบรรทุกลงเรือหรือนำออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบค่าบริการพิเศษในการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าไปทำการซ่อมหรือล้างทำความสะอาดตู้สินค้า (แบบ คตป.307.1) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๙ เมษายน ๒๕๕๑ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๖๖ ง/หน้า ๑๗/๒ เมษายน ๒๕๕๑
575822
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า[๑] ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๐ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ๒. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๑ ดังนี้ บาท/ตู้ ขนาด ๒๐´ ๔๐´ >๔๐´ ตู้มีสินค้า ๕๔ ๑๐๘ ๑๒๒ ตู้สินค้าเปล่า ๓๒ ๖๔ ๗๒ ๓. การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ เมษายน และวันที่ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๖ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๖๘ ง/หน้า ๒๔/๔ เมษายน ๒๕๕๑
575818
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง[๑] ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๐ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง ๒. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๑ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ ๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๖๒๙ บาท / ชั่วโมง ๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๓๐๔ บาท / ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๗๔๕ บาท / ชั่วโมง ๓. อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที และหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงคิดหนึ่งชั่วโมง ๔. การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ เมษายน และวันที่ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๖ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๖๘ ง/หน้า ๒๕/๔ เมษายน ๒๕๕๑
575816
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การขนส่งสินค้าในวันหยุดเนื่องในเทศกาลสงกรานต์
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การขนส่งสินค้าในวันหยุดเนื่องในเทศกาลสงกรานต์[๑] ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งการหยุดให้บริการบรรทุกขนถ่าย และขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพ ในวันที่ ๑๔ เมษายน ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึงวันที่ ๑๖ เมษายน เวลา ๐๘.๐๐ น. ของทุกปีนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ที่มีความประสงค์จะทำการบรรทุกขนถ่ายและขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้า ที่ท่าเรือกรุงเทพ ในวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๑ แสดงความจำนงล่วงหน้าภายในวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๑ เวลา ๑๔.๐๐ น. เพื่อท่าเรือกรุงเทพจะได้จัดพนักงาน และเครื่องมือทุ่นแรงเตรียมไว้ให้บริการ สำหรับโรงพักสินค้า คลังสินค้าหรือท่าบริการตู้สินค้าที่เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าไม่แจ้งขอทำการบรรจุขนถ่าย และขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้าไว้ ท่าเรือกรุงเทพจะหยุดปฏิบัติงานในวันดังกล่าว จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ปฏิบัติการแทน ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๑ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๖๘ ง/หน้า ๒๖/๔ เมษายน ๒๕๕๑
573073
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การปิดท่า 20 F เพื่อติดตั้งปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง(Rail Mounted Shore side Gantry Crane)
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การปิดท่า 20 F เพื่อติดตั้งปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง (Rail Mounted Shore side Gantry Crane)[๑] ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการติดตั้งปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง (Rail Mounted Shore side Gantry Crane) จำนวน ๒ ตัว บริเวณท่า 20 F ระหว่างวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๑ รวมระยะเวลา ๙๐ วัน นั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๕ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ หรือทุ่นของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๙ การท่าเรือฯ จึงได้ปิดท่า 20 F ระหว่างวันดังกล่าว และกำหนดให้ใช้ท่า 22 D (โรงพักสินค้า ๗) และท่า 22 C (โรงพักสินค้า ๘) บริเวณเขื่อนตะวันตก เป็นท่ารองรับการให้บริการเป็นการชั่วคราว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการท่าเรือกรุงเทพ ทั้งนี้ ในการจัดเรือเข้าจอดเทียบท่าให้คณะกรรมการจัดเรือของท่าเรือกรุงเทพ ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ หรือทุ่นของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๙ อนึ่ง หากมีการเปลี่ยนแปลงการท่าเรือฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ปฏิบัติการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๑ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๔๙ ง/หน้า ๔๙/๖ มีนาคม ๒๕๕๑
569636
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ลดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือเชียงแสน
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ลดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือเชียงแสน[๑] เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ใช้บริการมาใช้ท่าเรือเชียงแสนเพิ่มขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ลดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือเชียงแสน ลำดับที่ ๒๐๑ ค่าธรรมเนียมการใช้ท่าสำหรับการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า (CARGO LOADING OR DISCHARGING FEE) เฉพาะลำดับที่ ๒๐๑.๑ สินค้าทั่วไป ลงเหลือร้อยละ ๕๐ จากอัตราค่าธรรมเนียมปกติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๑ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๔ ง/หน้า ๙๕/๗ มกราคม ๒๕๕๑
569231
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ค่าบริการใช้ท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงของท่าเรือกรุงเทพ และค่าบริการสำหรับกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการขนส่งโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ค่าบริการใช้ท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงของท่าเรือกรุงเทพ และค่าบริการสำหรับ กิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการขนส่งโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง[๑] เพื่อเป็นการพัฒนา ส่งเสริมและสนับสนุนการขนส่งทางน้ำ โดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ซึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากระบบถนนมาสู่ระบบทางน้ำมากยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ การท่าเรือ ฯ จึงให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ ๑. ยกเลิกประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๔๗ เรื่อง ค่าบริการใช้ท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงภายในประเทศ ๒. กำหนดค่าบริการใช้ท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงของท่าเรือกรุงเทพ และค่าบริการสำหรับกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการขนส่งโดยเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๐ ดังนี้ ๒.๑ ค่าบริการใช้ร่องน้ำของเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง เป็นค่าบริการใช้ร่องน้ำเจ้าพระยาของเรือชายฝั่ง เรือลำเลียง เรือโดยสาร (FERRY) เรือโดยสาร (FERRY) แบบ RO/RO และเรือ RO/RO (ROLL ON/ROLL OFF) ที่บรรทุกสินค้าหรือตู้สินค้าภายในประเทศผ่านร่องน้ำเจ้าพระยาเข้ามาเทียบท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงของท่าเรือกรุงเทพ เรียกเก็บตามขนาดของเรือเป็น GRT. (Gross Registered Tonnage : ตันจดทะเบียนรวม) หรือ GT. (Gross Tonnage : ตันรวม) ๒.๑.๑ เรือชายฝั่งและเรือลำเลียงที่เข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือกรุงเทพต่อเนื่องในเที่ยวเดียวกัน ให้เรียกเก็บค่าบริการใช้ร่องน้ำ ตามอัตราของท่าเรือกรุงเทพเพียงท่าเดียวโดยให้ท่าเรือกรุงเทพเป็นผู้จัดเก็บ แล้วแจ้งให้ท่าเรือแหลมฉบังทราบ ในอัตรา ขนาดของเรือ บาท/GRT.,GT. ๗๕๐ - ๒,๒๕๐ GRT.,GT. ๕ เกินกว่า ๒,๒๕๐ GRT.,GT. ๑๐ ๒.๑.๒ เรือชายฝั่งและเรือลำเลียงที่ขนส่งสินค้าภายในประเทศเข้าเทียบท่าเรือกรุงเทพ เรียกเก็บค่าบริการใช้ร่องน้ำ ในอัตรา ขนาดของเรือ บาท/GRT.,GT. ๗๕๐ - ๒,๒๕๐ GRT.,GT. ๒.๕๐ เกินกว่า ๒,๒๕๐ GRT.,GT. ๕ ๒.๒ ค่าบริการใช้ท่าของเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง เป็นค่าบริการใช้ท่าเทียบเรือของเรือชายฝั่ง เรือลำเลียง เรือโดยสาร (FERRY) หรือเรือโดยสาร (FERRY) แบบ RO/RO และเรือ RO/RO (ROLL ON/ROLL OFF) ที่มาเทียบท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงของท่าเรือกรุงเทพ เรียกเก็บในอัตรา ๑ บาท/GRT.,GT./วัน ๒.๓ ค่าบริการการใช้บริการสินค้าทั่วไป เป็นค่าบริการในการเคลื่อนย้ายสินค้าทั่วไปที่บรรทุกมาโดยเรือชายฝั่งเรือลำเลียงหรือเรือโดยสาร (FERRY) แบบ RO/RO จากหน้าท่าเทียบเรือเคลื่อนย้ายไปยังที่เก็บสินค้าและส่งมอบให้แก่ผู้ขออนุญาตหรือนำไปบรรจุเข้าตู้สินค้า เพื่อนำออกนอกเขตท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงทางรถยนต์หรือเรือชายฝั่งฯ หรือในทางกลับกัน โดยรวมถึงการให้บริการขนถ่ายสินค้าขึ้นท่าหรือบรรทุกลงเรือ เรียกเก็บในอัตรา ๒๓ บาท/ตัน ๒.๔ ค่าบริการฝากเก็บสินค้าทั่วไป สินค้าทั่วไปได้รับสิทธิไม่ต้องเสียค่าบริการฝากสินค้า ๑๐ วัน นับตั้งแต่วันรับเรือเข้าเทียบท่าหรือวันที่นำสินค้าผ่านเข้าเขต เมื่อพ้นระยะเวลาได้รับสิทธิดังกล่าวจะเรียกเก็บค่าฝากเป็นรายวันในอัตรา ๕ บาท/ตัน/วัน ๒.๕ ค่าบริการใช้บริการสินค้าทั่วไปที่ไม่ได้ใช้เครื่องมือทุ่นแรงของท่าเรือกรุงเทพในการบรรทุกขนถ่ายและเคลื่อนย้าย ได้แก่ ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนขึ้น หรือลงท่าเทียบเรือเอง สินค้าหรือตู้สินค้าที่บรรทุกบนยานพาหนะที่ขับเคลื่อนขึ้นหรือลงท่าเทียบเรือเอง เรียกเก็บในอัตรา ๑๑.๕๐ บาท/ตัน ๒.๖ ค่าบริการการใช้บริการระบบตู้สินค้า เป็นค่าบริการในการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าบรรทุกมาโดยเรือชายฝั่ง เรือลำเลียงหรือเรือโดยสาร (FERRY) แบบ RO/RO จากหน้าท่าเทียบเรือเคลื่อนย้ายไปยังลานกองเก็บตู้สินค้าและยกส่งมอบให้แก่ผู้ขออนุญาตรวมทั้งการให้บริการสินค้าที่นำออกจากตู้สินค้าเพื่อนำออกนอกเขตท่าเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง หรือเพื่อส่งออกทางรถยนต์หรือเรือลำเลียง หรือในทางกลับกัน โดยไม่รวมถึงการให้บริการขนถ่ายตู้สินค้าขึ้นท่าหรือบรรทุกลงเรือ เรียกเก็บในอัตรา ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้ ๒๐’ ๔๖๕ ๔๐’ ๙๓๐ ๔๕’ ๙๙๐ ๒.๗ ค่าบริการฝากเก็บตู้สินค้า ตู้สินค้าได้รับสิทธิไม่ต้องเสียค่าฝากตู้สินค้า ๑๐ วันนับตั้งแต่วันที่เรือเทียบท่าหรือวันที่นำตู้สินค้าผ่านเข้าเขต เมื่อพ้นระยะเวลาได้รับสิทธิดังกล่าวจะเรียกเก็บค่าฝากในอัตรา ๒.๗.๑ ตู้มีสินค้า บาท/ตู้/วัน ระยะเวลาฝากเก็บตู้สินค้า ขนาดตู้สินค้า ๑๑ - ๑๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๘ ๒๐’ ๑๖๐ ๒๗๕ ๔๐’ ๓๒๐ ๕๕๐ ๔๕’ ๓๖๐ ๖๑๕ ๒.๗.๒ ตู้สินค้าเปล่า บาท/ตู้/วัน ระยะเวลาการฝากตู้สินค้า ขนาดตู้สินค้า ๑๑ – ๑๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๘ ๒๐’ ๒๕ ๕๐ ๔๐’ ๕๐ ๑๐๐ ๔๕’ ๖๐ ๑๒๐ ๒.๘ ค่าบริการปั้นจั่นยกตู้สินค้าขึ้น – ลงหน้าท่าบริเวณท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงภายในประเทศ เรียกเก็บตามขนาดของตู้สินค้าในอัตรา ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้ ๒๐’ ๗๐๐ ๔๐’ ๑,๒๐๐ ๔๕’ ๑,๔๐๐ ๒.๙ ค่าบริการสินค้าบรรจุเข้าตู้สินค้าแบบเหมาจ่าย ที่ท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียงภายในประเทศ ท่าเรือกรุงเทพ เรียกเก็บตามขนาดของตู้สินค้าในอัตรา ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้ ๒๐’ ๖๕๐ ๔๐’ ๑,๔๓๐ ๔๐’HQ ๑,๖๙๐ ๔๕’ ๑,๘๙๘ ๒.๑๐ ค่าบริการสินค้าและตู้สินค้าที่ขนส่งทางรถยนต์ หรือทางน้ำ มาใช้บริการคลังสินค้าของโรงพักสินค้า ๑ และ ๒ เพื่อฝากเก็บสินค้า เก็บค่าบริการในอัตราตามข้อ ๒.๓ และ ๒.๔ ส่วนตู้สินค้าเก็บค่าบริการในอัตราตามข้อ ๒.๖ และ ๒.๗ ๒.๑๑ ค่าบริการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในการเปิดหรือบรรจุตู้สินค้า เรียกเก็บในอัตรา ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้ ๒๐’ ๒๐๐ ๔๐’หรือเกิน ๔๐ ’ ๔๐๐ ๒.๑๒ ค่าบริการยกขนและเคลื่อนย้ายตู้มีสินค้าจากท่าเทียบเรือตู้สินค้าและลานบรรจุไปยังท่าเทียบเรือชายฝั่งฯ หรือในทางกลับกัน เรียกเก็บในอัตรา ๒.๑๒.๑ ใช้รถบรรทุกของการท่าเรือฯ ขนส่งตู้สินค้า ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้ ๒๐’ ๘๑๐ ๔๐’ ๑,๓๘๐ ๔๕’ ๑,๖๒๐ ๒.๑๒.๒ ใช้รถบรรทุกเอกชน หรือเช่ารถบรรทุกของการท่าเรือฯ ขนส่งตู้สินค้า ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้ ๒๐’ ๕๐๐ ๔๐’ ๙๐๐ ๔๕’ ๑,๐๐๐ ๒.๑๓ ค่าบริการยกขนและเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าจากลานวางตู้สินค้าเปล่า ท่าเรือกรุงเทพใช้รถบรรทุกเอกชน หรือเช่ารถบรรทุกของการท่าเรือ ฯ ขนส่งตู้สินค้าไปยังท่าเทียบเรือชายฝั่งฯ หรือในทางกลับกัน เรียกเก็บในอัตรา ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้ ๒๐’ ๔๐๐ ๔๐’ ๖๘๐ ๔๕’ ๘๐๐ ๒.๑๔ ค่าบริการยกขนและเคลื่อนย้ายตู้สินค้า ขนส่งทางรถไฟ ใช้รถบรรทุกเอกชนหรือเช่ารถบรรทุกของการท่าเรือฯ ขนส่งตู้สินค้าไปยังท่าเทียบเรือชายฝั่งฯ หรือในทางกลับกันเรียกเก็บในอัตรา ๒.๑๔.๑ ตู้มีสินค้า ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้ ๒๐’ ๑๐๐ ๔๐’ ๑๘๐ ๒.๑๔.๒ ตู้สินค้าเปล่า ขนาดตู้สินค้า บาท/ตู้ ๒๐’ ๘๐ ๔๐’ ๑๓๖ ๓. การนับวันคิดค่าบริการ เศษของวันให้นับเป็น ๑ วัน ๔. ค่าบริการต่างๆ ตามประกาศนี้ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ๕. ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้ ๕.๑ ค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า (Admission Fee) กรณีรถบรรทุกเอกชนที่ขนส่งตู้สินค้าจากท่าเรือกรุงเทพไปยังท่าเทียบเรือชายฝั่งฯ หรือในทางกลับกัน ๕.๒ ค่าธรรมเนียมปั้นจั่นลอยน้ำ (Floating Crane Fee) กรณีปั้นจั่นลอยน้ำ (Floating Crane) ที่ปฏิบัติงานขนถ่ายตู้สินค้าขึ้น - ลง เรือชายฝั่งและเรือลำเลียง ณ ท่าเทียบเรือที่การท่าเรือฯ จัดให้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง/หน้า ๒๖/๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๐
563660
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า[๑] ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่างๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ๒. กำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๐ ดังนี้ บาท/ตู้ ขนาด 20' 40' >40' ตู้มีสินค้า 41 82 92 ตู้สินค้าเปล่า 25 50 56 ๓. การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ เมษายนและวันที่ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๖ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้ คือ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นผลกระทบต่อต้นทุนกิจการขนส่งทุกประเภท และการประกอบการท่าของกิจการท่าเรือทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งส่วนท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบังโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการตู้สินค้าซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราสูง และผู้ประกอบการเอกชนไม่สามารถรองรับภาวะการขาดทุนได้การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงพิจารณาดำเนินการออกประกาศการท่าเรือฯ ฉบับนี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง/หน้า ๒๐/๒๖ กันยายน ๒๕๕๐
563658
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง[๑] ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการเรือลากจูง นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่างๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๔๙ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง และประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง (ฉบับที่ ๒) ๒. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๐ ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ ๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๔๗๒ บาท/ชั่วโมง ๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๐๓๔ บาท/ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๓๖๙ บาท/ชั่วโมง ๓. อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาทีและหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงคิดหนึ่งชั่วโมง ๔. การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๒ ทุกวันที่ ๑ เมษายนและวันที่ ๑ ตุลาคมของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๖ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗ และจะปรับปรุงในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้ คือ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นผลกระทบต่อต้นทุนกิจการขนส่งทุกประเภท และการประกอบการท่าของกิจการท่าเรือทั้งภาครัฐ และเอกชนทั้งส่วนท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบังโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการเรือลากจูง ซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราสูง และผู้ประกอบการเอกชนไม่สามารถรองรับภาวะการขาดทุนได้การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงพิจารณาดำเนินการออกประกาศการท่าเรือฯ ฉบับนี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง/หน้า ๑๘/๒๖ กันยายน ๒๕๕๐
556369
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง (ฉบับที่ 2)
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง (ฉบับที่ ๒) ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง โดยกำหนดให้มีการปรับปรุงแก้ไขอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าวทุกวันที่ ๑ เมษายน และวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๖ เดือน ที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗ นั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่างๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๔๙ เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง ๒. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังนี้ ๒.๑ ท่าเรือกรุงเทพ ๒.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๔๓๐ บาท / ชั่วโมง ๒.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๙๓๐ บาท / ชั่วโมง ๒.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๑๕๐ บาท / ชั่วโมง ๓. อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๒ กรณีเศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาทีและหากเกิน ๓๐ นาที แต่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงคิดหนึ่งชั่วโมง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๐ เป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกประกาศ ฯ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นผลกระทบต่อต้นทุนกิจการขนส่งทุกประการ และการประกอบการท่าของกิจการท่าเรือทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งส่วนท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบังโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการเรือลากจูงซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราสูง และผู้ประกอบการเอกชนไม่สามารถรองรับภาวะการขาดทุนได้คณะกรรมการศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างและต้นทุนค่าภาระและค่าบริการของท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบังจึงพิจารณาดำเนินการออกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทยฉบับนี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๗๒ ง/หน้า ๔๙/๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๐
549472
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อต้นทุน การให้บริการตู้สินค้า ของกิจการท่าเรืออันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันเชื้อเพลิง การท่าเรือแห่งประเทศไทยในฐานะผู้กำกับดูแลการกำหนดอัตราค่าภาระ และค่าธรรมเนียมต่างๆ จึงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ต่อตู้สินค้าทุกสถานภาพทุกตู้ ณ ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบังเป็นการชั่วคราว จากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือผู้ขออนุญาต อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๔ ข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่างๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑. กำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของการให้บริการตู้สินค้า ในอัตรา (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังนี้ บาท/ตู้ ขนาด 20’ 40’ >40’ ตู้มีสินค้า 36 72 80 ตู้สินค้าเปล่า 22 44 50 ๒. การท่าเรือแห่งประเทศไทย จะทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมตามข้อ ๑ ทุกวันที่ ๑ เมษายน และวันที่ ๑ ตุลาคม ตามราคาน้ำมันดีเซลของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และจะปรับปรุง ในกรณีที่ผลการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกประกาศฯ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลกระทบต่อต้นทุนกิจการขนส่งทุกประเภท และการประกอบการท่าของกิจการท่าเรือทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งส่วนท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบังโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการตู้สินค้าซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราสูง และผู้ประกอบการเอกชนไม่สามารถรองรับภาวะการขาดทุนได้การท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงพิจารณาดำเนินการออกประกาศการท่าเรือฯ ฉบับนี้ โสรศ/ผู้จัดทำ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๖๒ ง/หน้า ๑๖/๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐
518735
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ค่าบริการพิเศษในการจัดเรียงสินค้า ณ แผนกโรงพักสินค้า 14 (สินค้าเพื่อการส่งออก)
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ค่าบริการพิเศษในการจัดเรียงสินค้า ณ แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก)[๑] เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและให้บริการพิเศษในการจัดเรียงสินค้า ให้แก่ ผู้ประกอบการบรรจุสินค้าขาออกที่ฝากเก็บ ณ แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้กำหนดอัตราค่าบริการพิเศษในการจัดเรียงสินค้าที่ฝากเก็บ ณ แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) เกินกว่า ๓๐ วันนับถัดจากวันฝากเก็บ เพิ่มอีกในอัตรา ๒๖ บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต่อลูกบาศก์เมตร หรือเมตริกตัน ที่คำนวณได้สูงกว่า โดยถือเกณฑ์มาตรฐาน ปริมาตร ๑ ลูกบาศก์เมตร เท่ากับ ๑ เมตริกตัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๙ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ กรรมการ การท่าเรือฯ รักษาการแทน ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลที่ต้องออกประกาศฉบับนี้ เพื่อให้แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) เป็นพื้นที่ให้บริการพิเศษในการฝากเก็บและบรรจุสินค้าขาออกเข้าตู้ โดยมีหลังคาคลุมสามารถบรรจุสินค้าเข้าตู้ได้เมื่อฝนตก หากผู้ใช้บริการไม่ต้องการใช้พื้นที่ดังกล่าว สามารถเลือกใช้การบรรจุสินค้าขาออกเข้าตู้สินค้ากลางแจ้งที่ลานของแผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้าได้ จึงไม่มีวัตถุประสงค์ให้นำสินค้าขาออกฝากเก็บเป็นระยะเวลานานเกินกว่า ๓๐ วัน เนื่องจากมีผู้มาใช้บริการจำนวนมากและพื้นที่จำกัด ซึ่งต้องใช้เครื่องมือทุ่นแรงบริหารจัดการพื้นที่ให้เหมาะสมเพียงพอ จึงเห็นควรกำหนดเป็นค่าบริการพิเศษในการจัดเรียงสินค้าใหม่สำหรับสินค้าขาออกที่ฝากเก็บไว้เกินกว่า ๓๐ วัน นับถัดจากวันเข้าฝากเก็บเรียกเก็บเพิ่มเติมอีก ๒๖ บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต่อลูกบาศก์เมตร หรือเมตริกตัน ที่คำนวณได้สูงกว่าโดยถือเกณฑ์มาตรฐาน ปริมาตร ๑ ลูกบาศก์เมตร เท่ากับ ๑ เมตริกตัน โสรศ/ผู้จัดทำ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๑๒๓ ง/หน้า ๕๔/๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
516303
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อต้นทุน การให้บริการเรือลากจูง ทั้งภาครัฐและเอกชน การท่าเรือแห่งประเทศไทยในฐานะผู้กำกับดูแลการกำหนดอัตราค่าภาระและค่าธรรมเนียมต่างๆ จึงขอประกาศเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง ทั้งที่ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง จากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และ ข้อ ๔ ข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่างๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้กำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ในอัตราดังนี้ ๑. ค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูง ๑.๑ ท่าเรือกรุงเทพ ๑.๑.๑ เรือลากจูงต่ำกว่า ๒,๐๐๐ แรงม้า ๖๐๐.- บาท / ชั่วโมง ๑.๑.๒ เรือลากจูงตั้งแต่ ๒,๐๐๐ แรงม้าขึ้นไป ๑,๓๐๐.- บาท / ชั่วโมง ๑.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑,๕๐๐.- บาท / ชั่วโมง ๒. ค่าธรรมเนียมพิเศษตามข้อ ๑ เศษของชั่วโมงไม่ถึง ๓๐ นาที คิด ๓๐ นาที เกิน ๓๐ นาทีไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงคิดหนึ่งชั่วโมง ๓. ให้มีการปรับปรุงแก้ไขอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการใช้น้ำมันของการให้บริการเรือลากจูงทุกวันที่ ๑ เมษายน และวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี โดยใช้ผลต่างของราคาน้ำมันดีเซลของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างราคาเฉลี่ยในระยะเวลา ๖ เดือนที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี ๒๕๔๗ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๙ เป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ กรรมการ การท่าเรือ ฯ รักษาการแทน ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกประกาศ ฯ เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้ปรับสูงขึ้น อย่างต่อเนื่องเป็นผลกระทบต่อต้นทุนกิจการขนส่งทุกประการ และการประกอบการท่าของกิจการท่าเรือทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งส่วนท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบังโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการเรือลากจูงซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราสูง และผู้ประกอบการเอกชนไม่สามารถรองรับภาวะการขาดทุนได้ คณะกรรมการศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างและต้นทุนค่าภาระและค่าบริการของท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง จึงพิจารณาดำเนินการออกประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฉบับนี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๑๑๖ ง/หน้า ๒๖/๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
516298
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑] เพื่อให้การเก็บค่าธรรมเนียมการขอเช่าใช้โทรศัพท์ของ การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นไปด้วยความเหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอเช่าใช้โทรศัพท์ไว้ดังต่อไปนี้ ๑. การเช่าคู่สายโทรศัพท์ อาคารสำนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย คิดค่าใช้จ่ายดังนี้ ๑.๑ ค่าเช่าคู่สายโทรศัพท์ให้เก็บครั้งเดียวเป็นเงิน ๒,๐๐๐.- บาท ต่อ ๑ คู่สาย และจะต้องเสียค่าติดตั้งอุปกรณ์ตามประมาณการของแผนกช่างโทรศัพท์ กองช่างไฟฟ้า ฝ่ายการช่าง การท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางและพื้นที่ของสำนักงาน ๑.๒ ในกรณีผู้ขอใช้บริการขอเช่าเลขหมายจากผู้ให้บริการรายอื่น ผู้ขอจะต้องเสียค่าเช่าคู่สาย ให้กับผู้ให้บริการคู่สายละ ๑,๐๐๐.- บาท ต่อ ๑ เดือน และจะต้องเสียค่าติดตั้งอุปกรณ์ตามประมาณการของ แผนกช่างโทรศัพท์ กองช่างไฟฟ้า ๑.๓ ชำระค่าการวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเช่าคู่สายโทรศัพท์ เป็นเงินคู่สายละ ๖,๐๐๐.- บาท ต่อ ๑ คู่สาย และดำเนินการทำสัญญากับแผนกนิติกรรมและสัญญา กองกฎหมายการท่าเรือแห่งประเทศไทย เงินส่วนนี้ผู้ขอใช้บริการจะได้รับคืนเมื่อมีการยกเลิกการเช่าคู่สายโทรศัพท์แล้ว ๒. การเช่าคู่สายโทรศัพท์ในบริเวณและนอกบริเวณรั้วศุลกากร คิดค่าใช้จ่ายดังนี้ ๒.๑ ค่าเช่าคู่สายโทรศัพท์คู่สายละ ๑,๐๐๐.- บาท ต่อ ๑ คู่สาย ต่อ ๑ เดือน และจะต้องเสียค่าติดตั้งอุปกรณ์ตามประมาณการของแผนกช่างโทรศัพท์ กองช่างไฟฟ้า ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทางและพื้นที่ของสำนักงาน (ค่าติดตั้งตามปกติคิดเป็นเงิน ๓,๖๘๐.- บาท) ๒.๒ ชำระค่าการวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเช่าคู่สายโทรศัพท์เป็นเงินคู่สายละ ๖,๐๐๐.- บาท ต่อ ๑ คู่สาย และดำเนินการทำสัญญากับแผนกนิติกรรมและสัญญา กองกฎหมายเงินส่วนนี้ผู้ขอใช้บริการจะได้รับคืนเมื่อมีการยกเลิกการเช่าคู่สายโทรศัพท์แล้ว ๓. การเช่าโทรศัพท์แบบเหมาจ่าย (เลขหมายภายใน ๔ ตัว) คิดค่าใช้จ่ายดังนี้ ๓.๑ ค่าติดตั้งอุปกรณ์เลขหมายโทรศัพท์ละ ๓,๖๘๐.- บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ๗% ๓.๒ ค่าเช่าโทรศัพท์ ต่อ ๑ เลขหมาย ดังนี้ ๓.๒.๑ ค่าบริการรายเดือน ๑๐๐.- บาท ๓.๒.๒ ค่าใช้โทรศัพท์ในเขต กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ครั้งละ ๓.- บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ๗% ๓.๒.๓ ค่าใช้โทรศัพท์ทางไกลคิดอัตราตามจริง ในอัตราเดียวกันกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ๓.๓ ก่อนดำเนินการทำสัญญาผู้ขอใช้บริการต้องวางเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาเช่าคู่สายโทรศัพท์เป็นเงินเลขหมายละ ๖,๐๐๐.- บาท ต่อ ๑ เลขหมาย และดำเนินการทำสัญญากับแผนกนิติกรรมและสัญญา กองกฎหมาย เงินส่วนนี้ผู้ขอใช้บริการจะได้รับคืนเมื่อมีการยกเลิกการเช่าเลขหมายโทรศัพท์แล้ว ๔. การโอนหรือการย้าย ผู้ขอใช้บริการจะต้องมีหนังสือแจ้งวัตถุประสงค์ถึง หัวหน้าแผนกช่างโทรศัพท์ และแผนกช่างโทรศัพท์ จะสำรวจสถานที่โอนหรือย้าย และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสถานที่แผนกช่างโทรศัพท์ จะประมาณการพร้อมแจ้งค่าใช้จ่ายให้ผู้ขอใช้บริการ ไปชำระเงินที่ศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (ONE STOP SERVICE) ก่อนดำเนินการโอนหรือย้าย ๕. การยกเลิกการใช้โทรศัพท์แบบเหมาจ่ายหรือการยกเลิกการเช่าคู่สายผู้ขอใช้บริการจะต้องมีหนังสือขอยกเลิกถึงหัวหน้าแผนกช่างโทรศัพท์ โดยระบุเลขหมาย วัน เดือน ปี ที่ต้องการยกเลิกพร้อมแจ้งขอคืนเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญา โดยแนบสำเนาใบเสร็จค่าประกันการปฏิบัติตามสัญญามาด้วย และเมื่อไปรับหนังสืออนุมัติจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย แล้วให้นำใบเสร็จต้นฉบับพร้อมหนังสือดังกล่าวไปรับเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญากับ แผนกบัญชีขั้นต้น กองบัญชีการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ กรรมการ การท่าเรือฯ รักษาการแทน ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการใช้ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอเช่าโทรศัพท์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๑. เพื่อให้การปฏิบัติงานขอค่าเช่าคู่สายโทรศัพท์, ค่าเช่าโทรศัพท์แบบเหมาจ่ายการโอนหรือย้ายโทรศัพท์ของการท่าเรือฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเหมาะสม เกิดความสะดวกคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูงสุด ๒. เนื่องจากค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เรียกเก็บไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันซึ่งมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการขนส่งหลายรายขอให้พิจารณาเงินค้ำประกันสัญญา ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยเรียกเก็บให้มีจำนวนลดลง วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๑๑๖ ง/หน้า ๒๓/๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
500144
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑] เพื่อให้การจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งต้องจัดให้มีการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาเป็นไปโดยถูกต้อง ครบถ้วน ตามมาตรา ๒๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ดังนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๔ เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๒. จัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวดังนี้ ๓. ประเภทของบุคคลที่มีการเก็บข้อมูลไว้ ๓.๑ พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๓.๒ อดีตพนักงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๓.๓ ผู้ทดลองปฏิบัติงานในการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๔. ประเภทของระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล - แฟ้มประวัติพนักงาน บัตรประวัติพนักงาน บัตรแสดงวันลาของพนักงาน ๕. ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ - ใช้ในการบริหารงานบุคคลของหน่วยงาน ๖. วิธีการขอตรวจดูข้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล ๖.๑ กรอกแบบฟอร์มขอตรวจสอบแฟ้มประวัติ บัตรประวัติ บัตรแสดงวันลา ๖.๒ ผู้อำนวยการกองอัตรากำลัง เป็นผู้พิจารณาอนุญาต ๗. วิธีการขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล ๗.๑ การขอแก้ไขวัน เดือน ปีเกิด ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอแก้ไขวัน เดือน ปีเกิด ในทะเบียนประวัติข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยอนุโลม ๗.๒ การแก้ไขเพิ่มเติมรายการในบัตรประวัติพนักงานมีแนวทางปฏิบัติดังนี้ ๗.๒.๑ รายการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมที่จะต้องแจ้งให้แผนกทะเบียนประวัติกองอัตรากำลัง ฝ่ายการบุคคล ทราบเพื่อบันทึกในบัตรประวัติพนักงาน ๗.๒.๑.๑ การผ่านการประชุม สัมมนา อบรม ดูงาน และการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมรายการดังกล่าว โดยแนบสำเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑ ชุด ๗.๒.๑.๒ การเพิ่มวุฒิการศึกษาใช้หลักฐานสำเนาประกาศนียบัตรปริญญาบัตร และสำเนาใบแสดงผลการศึกษา (Transcript) จำนวน ๑ ชุด ๗.๒.๑.๓ การเปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล ให้แจ้งสำเนาประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย อนุญาตให้เปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล พร้อมกับสำเนาเอกสารหลักฐาน ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว - ชื่อสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน และแบบรายงานขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อหรือชื่อสกุล (ฝบ.๑๙.๑) จำนวน ๑ ชุด ๗.๒.๑.๔ การเปลี่ยนชื่อสกุลตามสามี และการเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อสกุลเดิมของตนเอง เนื่องจากการหย่า ให้ส่งสำเนาเอกสารหลักฐานใบสำคัญการสมรส หรือใบสำคัญการหย่าพร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้าน และแบบรายงานขออนุญาตแก้ทะเบียนชื่อสกุล (ฝบ.๑๙.๒) จำนวน ๑ ชุด ๗.๒.๑.๕ การเพิ่มเติมรายการอื่น ๆ เช่น การได้รับคัดเลือกเป็นพนักงานดีเด่น เป็นต้น ให้ส่งสำเนาใบประกาศหรือหลักฐานอื่น ๆ จำนวน ๑ ชุด ๗.๒.๒ เอกสารหลักฐานที่ส่งให้แผนกทะเบียนประวัติ กองอัตรากำลัง ฝ่ายการบุคคล ต้องมีการรับรองสำเนาถูกต้อง โดยผู้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งตั้งแต่หัวหน้าแผนกขึ้นไป ๘. แหล่งที่มาของข้อมูล ๘.๑ พนักงานเจ้าของประวัติ ๘.๒ คำสั่งแต่งตั้ง ย้ายตำแหน่ง เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนขั้นเงินเดือน คำสั่งให้พนักงานลาออก ให้พนักงานพ้นจากตำแหน่งโดยเหตุสูงอายุ และคำสั่งลงโทษพนักงาน ๘.๓ ประกาศพนักงานถึงแก่กรรม เปลี่ยนหรือแก้ชื่อตัว - ชื่อสกุล และแก้ทะเบียนชื่อสกุล ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ นั้น เนื่องจากเพื่อต้องการแก้ไขปรับปรุงการจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งต้องจัดให้มีการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ให้เป็นโดยถูกต้อง ครบถ้วน ตามมาตรา ๒๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ที่กำหนดผู้มีอำนาจเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา ๑๕ (ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เปิดเผย) ได้แก่ บุคคลหรือคณะบุคคล ซึ่งควบคุมการปฏิบัติงานของรัฐวิสาหกิจหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีหน้าที่ครอบครองหรือควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้น (ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล) และเป็นผู้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับหัวหน้ากองหรือเทียบเท่า จึงจำเป็นต้องตราประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทยฉบับนี้ นันทนา/ผู้จัดทำ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๖๘ ง/หน้า ๑๓๗/๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙
467701
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ตั้งศูนย์กลางบริการการส่งออกสินค้าพืช ผัก และผลไม้
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ตั้งศูนย์กลางบริการการส่งออกสินค้าพืช ผัก และผลไม้[๑] ด้วย การท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้จัดตั้งศูนย์กลางบริการการส่งออกสินค้าพืช ผัก และผลไม้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่งออกสินค้าพืช ผัก และผลไม้ของไทยที่บรรจุมาในตู้สินค้าห้องเย็น จากต้นทางและขนส่งมายังท่าเรือกรุงเทพหรือท่าเรือแหลมฉบัง รวมทั้งบริษัทตัวแทนเรือ บริษัทเจ้าของสินค้าและหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ที่มีความประสงค์จะขอทำการบรรจุสินค้าห้องเย็นขาออกเข้าตู้ในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ ไปประเทศต่าง ๆ ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งออกได้ที่ ๑. นายธงชัย ธรรมปรีดี ผู้อำนวยการกองการท่า ท่าเรือแหลมฉบัง โทรศัพท์ ๐ - ๓๘๔๙ - ๐๐๕๐, ๑ - ๙๙๓๙ - ๔๙๕๙ ๒. นายโกมล ศรีบางพลีน้อย ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองท่าบริการ ตู้สินค้า ๒ โทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ - ๔๐๔๔, ๐ - ๙๒๕๗ - ๑๙๑๔ ๓. นายประสม ฤกษ์ปรีดาพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองท่าบริการ ตู้สินค้า ๑ โทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ - ๓๙๗๑, ๐ - ๙๔๕๓ - ๕๔๕๕ ๔. นายทนัย วิภาสธวัช เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ๙ งานส่งเสริมการตลาด โทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๓๑๒, ๐ - ๑๙๐๓ - ๖๓๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ยงยศ ปาละนิติเสนา กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พชร/ผู้จัดทำ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๘ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๑๑๐ ง/หน้า ๔๗/๑ ธันวาคม ๒๕๔๘
462674
ประกาศท่าเรือแหลมฉบัง เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time) (ฉบับที่ 3)
ประกาศท่าเรือแหลมฉบัง เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือ ในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time) (ฉบับที่ ๓)[๑] ตามประกาศท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time) (ฉบับที่ ๒) ซึ่งได้เริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๔๗ เป็นต้นไปแล้ว นั้น เพื่อลดผลกระทบและอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมและสินค้าแช่เย็นของผู้ส่งออกผักและผลไม้สดของไทย จึงผ่อนผันกำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกที่เป็นห้องเย็น (Reefer Container) เฉพาะที่บรรจุผัก ผลไม้สด ให้เข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time) จากเดิมไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมงก่อนตารางเรือเทียบท่า เป็นไม่น้อยกว่า ๑ ชั่วโมงก่อนตารางเรือเทียบท่า เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ธีรยุทธ ทุมมานนท์ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ปฏิบัติการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ฐิติพงษ์/ผู้จัดทำ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๓๘/๖ ตุลาคม ๒๕๔๘
462670
ประกาศท่าเรือแหลมฉบัง เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time)
ประกาศท่าเรือแหลมฉบัง เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือ ในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time)[๑] ตามประกาศท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time) ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ เป็นต้นไปแล้ว นั้น เพื่อสนองนโยบายของกระทรวงคมนาคม ให้มีการส่งเสริมการขนส่งตู้สินค้าโดยทางรถไฟเพิ่มขึ้น ลดการจราจรแออัดและอุบัติเหตุบนท้องถนนทางหลวง รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการบรรทุกขนถ่ายตู้สินค้าภายในท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและรองรับมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าทางเรือไปประเทศสหรัฐอเมริกา (Container Security Initiative : CSI) ในอนาคต จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศท่าเรือแหลมฉบัง ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time) ๒. นับแต่วันที่ประกาศนี้ ให้ยกเลิกบรรดาประกาศหรือคำสั่งอื่นที่ขัดแย้งกับประกาศนี้ และให้ใช้ประกาศนี้แทน ๓. กำหนดเวลาการนำตู้สินค้าขาออกต้องเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือของท่าเรือแหลมฉบัง ไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมงก่อนตารางเรือเทียบท่า ๔. ประกาศนี้ให้เริ่มทดลองใช้เป็นเวลา ๒ เดือน นับจากวันที่มีผลบังคับใช้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ ธีรยุทธ ทุมมานนท์ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ปฏิบัติการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ฐิติพงษ์/ผู้จัดทำ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๓๖/๖ ตุลาคม ๒๕๔๘
462668
ประกาศท่าเรือแหลมฉบัง เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time)
ประกาศท่าเรือแหลมฉบัง เรื่อง กำหนดเวลานำตู้สินค้าขาออกเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือ ในท่าเทียบเรือก่อนเรือเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบัง (Closing Time)[๑] ตามที่ กรมศุลกากรได้ออกคำสั่งที่ ๒๓๙/๒๕๔๖ และประกาศที่ ๓๕/๒๕๔๖ เรื่อง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการตรวจปล่อย การบรรจุ การขนส่ง และการบรรทุกสินค้าที่ส่งออกมาด้วยระบบคอนเทนเนอร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ เป็นต้นไป และเนื่องจากปัจจุบันมีการนำตู้สินค้าขาออกบางส่วนเข้ามาในท่าเทียบเรือของท่าเรือแหลมฉบังในลักษณะเร่งด่วนแล้วบรรทุกลงเรือทันที เพื่อสนองนโยบายกรมศุลกากร และป้องกันให้ผู้ส่งออกมีผลกระทบน้อยที่สุด แก้ไขปัญหาจราจรติดขัดที่สถานีตรวจสอบสินค้า (Main Gate) และ Terminal Gate รวมทั้งให้ผู้ประกอบการท่าฯ สามารถบริหารจัดการและบรรทุกขนถ่ายตู้สินค้าภายในท่าเทียบเรือได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ท่าเรือแหลมฉบังจึงกำหนดการนำตู้สินค้าขาออกต้องเข้ามาพร้อมที่จะบรรทุกลงเรือในท่าเทียบเรือก่อนเรือเข้าเทียบท่าของท่าเรือแหลมฉบังจริง ไม่น้อยกว่า ๑ ชั่วโมง (Closing Time) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ธีรยุทธ ทุมมานนท์ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ปฏิบัติการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ฐิติพงษ์/ผู้จัดทำ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๓๕/๖ ตุลาคม ๒๕๔๘
462662
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง วิธีปฏิบัติในการยกขนสินค้าที่ฝากเก็บไปบรรจุนอกเขต (CO-LOAD) แผนกโรงพักสินค้า 14 (สินค้าเพื่อการส่งออก)
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง วิธีปฏิบัติในการยกขนสินค้าที่ฝากเก็บไปบรรจุนอกเขต (CO-LOAD) แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก)[๑] เพื่อให้การบริการยกขนสินค้าที่ฝากเก็บไปบรรจุนอกเขต (CO-LOAD) แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสะดวกต่อผู้ใช้บริการ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงกำหนดวิธีปฏิบัติในการยกขนสินค้าที่ฝากเก็บไปบรรจุนอกเขตดังนี้ ๑. ให้ผู้ใช้บริการที่มีความประสงค์จะนำสินค้าที่ฝากเก็บไปบรรจุเข้าตู้สินค้านอกเขต (CO-LOAD) แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) ยื่นเอกสาร ดังต่อไปนี้ ๑.๑ แบบรับรองการเตรียมตู้สินค้าเปล่าเพื่อบรรจุสินค้า (คบต.05) ตามแบบแนบท้ายประกาศซึ่งประทับตรา OUTBOUND CFS โดยระบุรายละเอียดให้ถูกต้องและครบถ้วน ๑.๒ แบบใบแจ้งขอปฏิบัติงาน (ฝส.03) ตามแบบแนบท้ายประกาศเพื่อจัดเตรียมเครื่องมือทุ่นแรง หรือส่งมอบสินค้าให้ผู้ใช้บริการ ๑.๓ แบบใบกำกับสินค้า ตามแบบแนบท้ายประกาศ ๒. การนำสินค้าที่ฝากเก็บไปบรรจุนอกเขต (CO-LOAD) แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) ให้ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ ให้ผู้ใช้บริการแจ้งความประสงค์ที่จะนำสินค้าที่ฝากเก็บไปบรรจุนอกเขต (CO-LOAD) ที่แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) ๒.๒ ให้พนักงานร่วมกับผู้ประกอบการรับบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า ตรวจนับและตรวจสอบเครื่องหมาย จำนวน และน้ำหนัก รวมทั้งวัดขนาดหีบห่อ และปริมาตรของสินค้าแล้วลงนามรับมอบสินค้าในแบบ คบต.05 ๒.๓ ให้พนักงานตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารตามข้อ ๑.๑ และจัดรถบรรทุกนำส่งสินค้าไปบรรจุเข้าตู้สินค้าภายในเขตท่าเรือกรุงเทพตามที่ผู้ใช้บริการแจ้ง พร้อมกับให้พนักงานขับรถบรรทุกของการท่าเรือแห่งประเทศไทยลงนามในใบกำกับสินค้า (CO-LOAD) และผู้ประกอบการตรวจสอบนับจำนวนร่วมกับพนักงานขับรถบรรทุก แล้วลงนามรับสินค้าเมื่อไปถึงปลายทางแล้ว ๓. การนำสินค้าบรรจุภายนอกเขต (CO-LOAD) แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) เข้ามาบรรจุ ให้ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ ๓.๑ ให้ผู้บริการแจ้งความประสงค์ที่จะนำสินค้าเข้ามาบรรจุ (CO-LOAD) ที่โรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) ๓.๒ ให้พนักงานตรวจสอบใบเสร็จค่าภาระสินค้าขาออกและค่ายานพาหนะผ่านท่า ๓.๓ ให้พนักงานร่วมกับผู้ประกอบการตรวจนับและตรวจสอบเครื่องหมาย จำนวนและน้ำหนัก รวมทั้งวัดหีบห่อ และปริมาณของสินค้าแล้วบันทึกและลงนามรับมอบสินค้าในแบบ คบต.05 เพื่อให้กองผลประโยชน์ ๑ และกองผลประโยชน์ ๒ คิดค่าบริการยกขนสินค้า (CO-LOAD) ๔. ให้ผู้ใช้บริการหรือตัวแทน เป็นผู้ชำระค่าบริการยกขนสินค้าไปบรรจุนอกเขต (CO-LOAD) หรือในทางกลับกัน ในอัตรา ๕๐ บาท ต่อลูกบาศก์เมตร หรือต่อเมตริกตัน แล้วแต่การคำนวณค่าบริการหน่วยใดได้สูงกว่า ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ยงยศ ปาละนิติเสนา กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบรับรองการเตรียมตู้สินค้าเปล่าเพื่อบรรจุสินค้า (แบบ คบต.05) ๒. การท่าเรือแห่งประเทศไทย ใบแจ้งขอปฏิบัติงาน (ฝส.03) ๓. ใบกำกับสินค้า (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ฐิติพงษ์/ผู้จัดทำ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๓๒/๖ ตุลาคม ๒๕๔๘
460158
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การนำสินค้าที่ศุลกากรตรวจปล่อยแล้วออกจากโรงพักสินค้าหรือคลังสินค้า
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การนำสินค้าที่ศุลกากรตรวจปล่อยแล้วออกจากโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า[๑] เพื่อให้การดำเนินการนำสินค้าที่ศุลกากรตรวจปล่อยแล้วออกจากโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้าเป็นไปตามคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากร ที่ ๒๒/๒๕๔๗ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๗ บทที่ ๑๓การตรวจปล่อยของขาเข้าออกไปจากอารักขาของศุลกากร และตามข้อบังคับกรมศุลกากร ว่าด้วยทำเนียบท่าเรือ โรงพักสินค้าและที่มั่นคงที่ได้รับอนุมัติ ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๗ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าขนสินค้าที่ศุลกากรตรวจปล่อยแล้วออกจากโรงพักสินค้าหรือคลังสินค้าไปทั้งหมด จะนำกลับเข้าเก็บไว้ในโรงพักสินค้าหรือคลังสินค้าอีกไม่ได้ เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นไม่อาจขนสินค้าไปได้ทั้งหมด ให้แจ้งเหตุผลความจำเป็นกับหัวหน้าแผนกโรงพักสินค้าหรือคลังสินค้าที่ติดต่อทำพิธีการทราบ เพื่อแจ้งขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรต่อไป จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ยงยศ ปาละนิติเสนา กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ชัชสรัญ/ผู้จัดทำ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๘ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๖๔ ง/หน้า ๑๒๑/๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐
457743
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดราชการ
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดราชการ[๑] เพื่อให้การบริการส่งมอบสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดราชการ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศ ๑.๑ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๕ เรื่อง การนำสินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ ในวันหยุดราชการหรือนอกเวลาปฏิบัติงานปกติ ๑.๒ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ เรื่อง การนำสินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ ในวันหยุดราชการหรือนอกเวลาปฏิบัติงานปกติ ๒. ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนที่ประสงค์จะนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าที่ฝากเก็บไว้ที่โรงพักสินค้าหรือคลังสินค้า (ยกเว้นตู้สินค้า FCL ที่ท่าบริการตู้สินค้า) ออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดราชการ (ไม่รวมวันแรงงานแห่งชาติ) ปฏิบัติดังต่อไปนี้ ๒.๑ นำใบสั่งปล่อยสินค้า (Delivery Order) หรือสำเนา หรือใบรับของจากท่าเรือกรุงเทพ (Wharf Receipt) หรือสำเนา ประทับตรายางที่จัดเตรียมไว้ให้ และลงนามแสดงความประสงค์ชำระค่าบริการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดราชการ กรณีไม่มีเอกสารดังกล่าว ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนเขียนคำร้องที่จัดเตรียมไว้ให้ยื่นชำระเงินค่าบริการที่ช่องรับชำระเงินค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่กองคลังบริเวณศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) หรือกรณีชำระค่าบริการไม่ทันเวลา ให้ชำระค่าบริการที่เจ้าหน้าที่รับเงินของกองคลัง ฝ่ายการเงินและบัญชี บริเวณด่านตรวจสอบสินค้าเขื่อนตะวันออกช่องที่ ๓ - ๔ ตามอัตราที่กำหนดในข้อ ๓ ๒.๒ ยื่นแบบขออนุญาตนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดราชการ พร้อมสำเนา ๑ ฉบับ ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ที่โรงพักสินค้าหรือคลังสินค้า ภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ของวันปฏิบัติงานปกติ หรือกรณีขอนำสินค้าออกในวันหยุดราชการ ต้องยื่นแบบขออนุญาตฯ ภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ก่อนวันหยุดราชการ และผู้ที่ลงนามในแบบขออนุญาตฯ ต้องเป็นเจ้าของสินค้าหรือตัวแทน ๒.๓ เมื่อหัวหน้าแผนกโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนได้ลงนามอนุญาตแล้ว ให้ผู้ยื่นขออนุญาตนำสำเนาแบบขออนุญาตฯ ที่ได้รับไปแสดงต่อพนักงานปล่อยสินค้าที่โรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า เมื่อจะนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออก ๓. กำหนดอัตราค่าบริการส่งมอบสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้า ตามข้อ ๒ ดังต่อไปนี้ ๓.๑ วันปฏิบัติงานปกติ ช่วงเวลา บาท/ผู้รับตราส่ง (CONSIGNEE)/โรงพักสินค้า หรือคลังสินค้าพิธีการ ๑๖.๓๐ - ๑๘.๐๐ น ๓๐๐ ๑๙.๐๐ - ๒๔.๐๐ น ๖๐๐ ๐๑.๐๐ - ๐๕.๐๐ น ๖๐๐ ๓.๒ วันหยุดราชการ ช่วงเวลา บาท/ผู้รับตราส่ง (CONSIGNEE)/โรงพักสินค้า หรือคลังสินค้าพิธีการ ๐๘.๐๐ - ๑๖.๐๐ น ๖๐๐ ๑๖.๐๐ - ๑๘.๐๐ น ๓๐๐ ๑๙.๐๐ - ๒๔.๐๐ น ๖๐๐ ๐๑.๐๐ - ๐๕.๐๐ น ๖๐๐ กรณีตู้สินค้าใดที่บรรจุสินค้าของผู้รับตราส่งตั้งแต่ ๒ รายขึ้นไป และประสงค์จะนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพพร้อมกัน ให้คิดค่าบริการเพียงรายเดียว ๔. เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนที่ประสงค์จะนำตู้สินค้า FCL ขาเข้าที่ท่าบริการตู้สินค้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดราชการ (ไม่รวมวันแรงงานแห่งชาติ) ให้ยื่นแบบขออนุญาตฯ ที่ท่าบริการตู้สินค้าภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ของวันปฏิบัติงานปกติ หรือกรณีขอนำตู้สินค้า FCL ออกในวันหยุดราชการ ต้องยื่นแบบขออนุญาตฯ ภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ก่อนวันหยุดราชการ (โดยไม่ต้องชำระค่าบริการ) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ยงยศ ปาละนิติเสนา กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขออนุญาตนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกนอกเขต ทกท. นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดราชการ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วชิระ/จัดทำ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๑๒ ง/หน้า ๖๔/๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
432888
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ปรับปรุงการจัดเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ปรับปรุงการจัดเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า[๑] เพื่อเป็นการลดขั้นตอนและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการในการชำระค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า กรณีการนำรถบรรทุกเปล่าเข้าไปรับสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าภายในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกข้อ ๕ ที่กำหนดไว้ตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์แนบท้ายประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ เรื่อง การขออนุญาตประกอบการรับจ้างขนส่งสินค้า และตู้สินค้าขาเข้าออกจากเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ๒. ให้เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าหรือตู้สินค้าชำระค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่าในการนำรถบรรทุกเปล่าเข้าไปรับสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าภายในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยชำระพร้อมค่าภาระสินค้าหรือตู้สินค้า ณ ศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ซึ่งจะคิดคำนวณรวมในใบเสร็จรับเงินค่าภาระตามอัตราที่กำหนดดังนี้ ๒.๑ สินค้าไม่เกิน ๑ ตัน (Revenue Tonne) เรียกเก็บ ๓๐ บาท ๒.๒ สินค้าส่วนที่เกินกว่า ๑ ตัน (Revenue Tonne) เก็บเพิ่มอีก ตันละ ๕ บาท (เศษของ ๑ ตัน คิดเป็น ๑ ตัน) ๒.๓ ตู้สินค้าขนาด ๒๐ ฟุต ตู้ละ ๑๐๐ บาท ๒.๔ ตู้สินค้าขนาด ๔๐ ฟุต หรือเกินกว่า ๔๐ ฟุต ตู้ละ ๒๐๐ บาท ๓. ให้ผู้ประกอบการรับจ้างขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าที่ซื้อบัตรยานพาหนะผ่านท่าไว้ล่วงหน้าแล้ว นำมาคืนได้ที่ศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จภายในกำหนด ๓๐ วัน หลังจากประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ยงยศ ปาละนิติเสนา กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มัตติกา/พิมพ์ ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๗ สุนันทา/จีระ/ตรวจ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๗ A+B ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนที่ ๙ ง/หน้า ๑๕๐/๒๙ มกราคม ๒๕๔๗
412930
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดแนวทาง ขั้นตอน และหลักเกณฑ์สำหรับการดำเนินการจัดหาพัสดุในรูปแบบการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดแนวทาง ขั้นตอน และหลักเกณฑ์สำหรับ การดำเนินการจัดหาพัสดุในรูปแบบการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)[๑] โดยที่คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการวางระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้มีมติอนุมัติให้หน่วยงานในการท่าเรือแห่งประเทศไทยสามารถดำเนินการจัดหาพัสดุในรูปแบบการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ได้ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เห็นสมควรกำหนดแนวทางในการดำเนินการและขั้นตอนภายใต้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประเภทพัสดุที่จัดหา เป็นพัสดุประเภทครุภัณฑ์สำนักงาน วัสดุสิ้นเปลือง ครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น เครื่องพิมพ์ ฯลฯ การจ้างตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๒ วงเงินการจัดหาพัสดุ มูลค่าของสินค้าหรือบริการที่จะดำเนินการจัดประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละครั้งมีความเหมาะสม สอดคล้องกับต้นทุนการจัดประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓ ผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Market Place Service Provider) ให้เป็นไปตามคำสั่งคณะกรรมการคัดเลือกผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การกำหนดทะเบียนรายชื่อผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๔ ขั้นตอนการดำเนินการจัดหาพัสดุ ประกอบด้วย ๔.๑ การวางแผนจัดหาพัสดุ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุดำเนินการดังนี้ ๔.๑.๑ รวบรวมความต้องการใช้พัสดุที่กำหนดในข้อ ๑ จากหน่วยงานต่าง ๆ ในการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อให้มีวงเงินในการจัดหาพัสดุเป็นไปตามนัยข้อ ๒ ๔.๑.๒ จัดทำรายงานสรุปเกี่ยวกับข้อมูลคุณลักษณะการใช้งานและผลการจัดหาพัสดุตามนัยข้อ ๑ ครั้งที่ผ่านมา เพื่อเสนอต่อผู้มีอำนาจอนุมัติพิจารณาอนุมัติการจัดหาพัสดุโดยวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาโดยวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (คณะกรรมการ e-Auction) ๔.๒ คณะกรรมการจัดหาโดยวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (คณะกรรมการ e-Auction) ๔.๒.๑ องค์ประกอบคณะกรรมการ e-Auction ประกอบด้วยรองผู้อำนวยการฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไปเป็นประธานกรรมการ กรรมการอย่างน้อยประกอบด้วย ผู้แทนของฝ่ายประมวลผลข้อมูลหรือผู้แทนของแผนกคอมพิวเตอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง ผู้แทนของหน่วยงานที่ต้องการจัดหาพัสดุ และให้เจ้าหน้าที่พัสดุเป็นกรรมการและเลขานุการ ให้แต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการได้ตามความจำเป็น ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ e-Auction ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๒๙ - ๓๐ โดยอนุโลม ๔.๒.๒ อำนาจหน้าที่คณะกรรมการ e-Auction มีดังนี้ ๔.๒.๒.๑ การจัดเตรียมเอกสารเพื่อดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ๔.๒.๒.๒ การประกาศเชิญชวนผู้ค้าเข้าร่วมการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ๔.๒.๒.๓ การคัดเลือกผู้ค้าเพื่อเข้าร่วมการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ๔.๒.๒.๔ การจัดส่งเอกสารการประมูลทางเทคนิค ๔.๒.๒.๕ การคัดเลือกผู้ค้าเพื่อเข้าร่วมการประมูล ๔.๒.๒.๖ การกำหนดเงื่อนไขในการจัดประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ๔.๒.๒.๗ การดำเนินการประมูล ๔.๓ การประกาศเชิญชวนผู้ค้า ให้คณะกรรมการ e-Auction จัดทำประกาศเชิญชวนผู้ค้าเข้าร่วมการประมูลผ่านทางเว็บไซต์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย www.pat.or.th รวมทั้งช่องทางอื่น ๆ ตามความเหมาะสม โดยให้มีระยะเวลาการประกาศไม่น้อยกว่า ๗ วันทำการ ก่อนการรับเอกสารการประมูล ๔.๔ การรวบรวมรายชื่อผู้ค้า ให้คณะกรรมการ e-Auction รวบรวมรายชื่อผู้ค้าจากผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ และผู้ขายอื่น ๆ ที่แสดงความจำนงเข้าร่วมการประมูลกับคณะกรรมการ e-Auction ๔.๕ การคัดเลือกผู้ค้า ให้คณะกรรมการ e-Auction ดำเนินการดังนี้ ๔.๕.๑ พิจารณาคัดเลือกผู้ค้าที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น ๔.๕.๒ พิจารณาคัดเลือกผู้ค้าและรายละเอียดของเอกสารทางด้านเทคนิค ๔.๕.๓ จำนวนผู้ค้าที่ผ่านการคัดเลือกทางเทคนิคจะต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า ๓ ราย มิฉะนั้น จะต้องจัดทำรายงานสรุปเสนอผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ e-Auction เพื่อพิจารณาดำเนินการจัดประมูลใหม่ ๔.๕.๔ ประกาศรายชื่อผู้ค้าที่มีมาตรฐานทางเทคนิคขั้นต่ำผ่านทางเว็บไซต์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมทั้งช่องทางอื่นตามความเหมาะสม ๔.๕.๕ กำหนดวัน เวลา และสถานที่ พร้อมทั้งเงื่อนไขการประมูล ได้แก่ วงเงินการจัดหา ระยะเวลาประมูล ช่วงราคาประมูลขั้นต่ำ และช่วงเวลาประมูลสุดท้ายก่อนปิดการประมูล เป็นต้น ๔.๕.๖ ให้มีการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับคุณสมบัติของพัสดุที่จะจัดหา และรายละเอียดการประมูล พร้อมทั้งเงื่อนไขแก่ผู้ค้า ๔.๕.๗ ให้แจ้งผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ดำเนินการดังนี้ ๔.๕.๗.๑ อบรมวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้ค้าที่ผ่านการคัดเลือกทางเทคนิค ๔.๕.๗.๒ มอบ User ID และ Password ให้แก่ผู้ค้า ๔.๕.๗.๓ ผู้ค้าลงนามในข้อตกลงในการประมูลร่วมกับหน่วยงานผู้จัดหาพัสดุและผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ ๔.๕.๗.๔ คณะกรรมการ e-Auction และผู้ค้าทดสอบการใช้ระบบประมูล ๔.๕.๘ ให้ผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์จัดประมูลตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด ๔.๖ การประกาศผลผู้ชนะประมูล ให้คณะกรรมการ e-Auction สรุปผลการประมูลเสนอต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสั่งการ โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ พร้อมกับรายงานผลให้ฝ่ายประมวลผลข้อมูลและหรือแผนกคอมพิวเตอร์ท่าเรือแหลมฉบังทราบเพื่อประกาศในเว็บไซต์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย www.pat.or.th รวมทั้งช่องทางอื่น ๔.๗ การจัดทำสัญญา ให้ดำเนินการตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ ๔.๘ การตรวจรับพัสดุและตรวจการจ้าง ให้ดำเนินการตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ ๔.๙ การบังคับใช้ ให้ใช้กับหน่วยงานที่มีความพร้อมในการจัดหาพัสดุในรูปแบบการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖ มานะ ภัทรธรรม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สุภาพร/พิมพ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๔๖ สุภาพร/แก้ไข ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๖ สราวุฒิ/พัชรินทร์/ตรวจ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ A+B ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๔๓ ง/หน้า ๙๐/๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖
412414
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การใช้พื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออก (Special Export Zone)
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การใช้พื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออก (Special Export Zone)[๑] ตามที่ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้เปิดให้บริการพื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออก (Special Export Zone) เพื่อรอการส่งออกทางเรือ ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๖ นั้น เพื่อความเหมาะสมในการบริการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๖ เรื่อง การใช้พื้นที่พิเศษวางตู้สินค้าขาออก (Special Export Zone) ๒. กำหนดพื้นที่สำหรับการให้บริการพื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออก ณ บริเวณลานบรรจุตู้สินค้า แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ฝ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ และให้ผู้ประสงค์จะใช้บริการซึ่งต้องมีตู้สินค้าขาออกในแต่ละเที่ยวเรือไม่น้อยกว่า ๑๐ ที.อี.ยู. ปฏิบัติดังนี้ ๒.๑ ยื่นคำร้องขอใช้บริการพื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออกตามวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้พื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออก ที่แนบท้ายประกาศนี้ ๒.๒ ผู้ใช้บริการต้องชำระค่าธรรมเนียมการใช้พื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออก ในอัตรา ๕๐๐ บาท/ตู้ ๒๐ ฟุต และ ๑,๐๐๐ บาท/ตู้ ๔๐ ฟุต ขึ้นไป โดยสามารถวางกองเก็บตู้สินค้าได้คราวละไม่เกิน ๓๐ วัน หากเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าวต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีกจากอัตราที่กำหนด โดยให้เรียกเก็บเป็นรายสัปดาห์ในอัตราสัปดาห์ละ ๕๐๐ บาท/ตู้ ๒๐ ฟุต และ ๑,๐๐๐ บาท/ตู้ ๔๐ ฟุต ขึ้นไป ถ้าระยะเวลาไม่ถึงสัปดาห์ให้คิดเป็น ๑ สัปดาห์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๔๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ มานะ ภัทรธรรม ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้พื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออก (แนบท้าย ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การใช้พื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออก ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๖) (การท่าเรือแห่งประเทศไทย) ๒. คำร้องขอใช้บริการพื้นที่พิเศษวางตู้บรรจุสินค้าขาออก (Special Export Zone) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) มัตติกา/พิมพ์ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๖ มัตติกา/แก้ไข ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๖ A+B ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๘๐ ง/หน้า ๘๑/๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๖
412410
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าเช่าพื้นที่วางตู้สินค้าเปล่าที่ใช้เป็นสำนักงานหรือเก็บเครื่องมือในเขตท่าเรือกรุงเทพ
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าเช่าพื้นที่วางตู้สินค้าเปล่าที่ใช้เป็นสำนักงาน หรือเก็บเครื่องมือในเขตท่าเรือกรุงเทพ[๑] เพื่อให้การกำหนดอัตราค่าเช่าพื้นที่วางตู้สินค้าเปล่าที่บริษัทตัวแทนเรือฯ นำมาดัดแปลงใช้เป็นสำนักงาน หรือเก็บเครื่องมือในเขตท่าเรือกรุงเทพ เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ คณะกรรมการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงได้มีมติให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๖ เรื่อง กำหนดอัตราค่าฝากตู้สินค้าเปล่าที่ใช้เป็นสำนักงาน ๒. กำหนดอัตราค่าเช่าพื้นที่วางตู้สินค้าเปล่าที่ใช้เป็นสำนักงาน หรือเก็บเครื่องมือในเขตท่าเรือกรุงเทพ ดังต่อไปนี้ ตู้สินค้า อัตราค่าเช่าพื้นที่/ตู้/เดือน ขนาด ๒๐ ฟุต ๓,๐๐๐ บาท ขนาด ๔๐ ฟุต ๖,๐๐๐ บาท ขนาด ๔๕ ฟุต ๖,๗๕๐ บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ มานะ ภัทรธรรม ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย มัตติกา/พิมพ์ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๖ มัตติกา/แก้ไข ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๖ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๘๐ ง/หน้า ๘๐/๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๖
374210
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดองค์กร อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงสร้างและการจัดองค์กร อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑] เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา ๗ (๑) (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ในการให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของทางราชการ และสามารถติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงขอประกาศเรื่องเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารให้ทราบดังนี้ ๑. โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน ตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๒ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๖ และ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๒๒ ระบุให้มีคณะกรรมการของการท่าเรือแห่งประเทศไทยขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธานกรรมการหนึ่งคน กรรมการอื่นไม่น้อยกว่าหกคน แต่ไม่เกินสิบคน ซึ่งอย่างน้อยจะต้องเป็นผู้มีความรู้และจัดเจนเกี่ยวกับการท่าเรือหนึ่งคน และเกี่ยวกับการเศรษฐกิจหรือการคลังหนึ่งคน ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ คณะรัฐมนตรีจะแต่งตั้งผู้อำนวยการเป็นกรรมการด้วยก็ได้ ให้คณะกรรมการนี้มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไป ซึ่งกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๙ (๔) และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อทำหน้าที่และจัดการบริหารส่วนงานให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีอำนาจหน้าที่ดังนี้ ๑. สำนักเลขานุการคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ดำเนินงานติดต่อประสานงานระหว่างคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยกับผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย และส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานการประชุมของคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย และดำเนินงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย และปฏิบัติงานธุรการทั้งปวงของคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๒. สำนักผู้อำนวยการ มีหน้าที่ดำเนินงานให้เป็นไปตามนโยบายของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ควบคุมรับผิดชอบงานส่วนกลาง และงานธุรการที่ไม่อยู่ในหน้าที่ของฝ่าย สำนัก และกองอื่น ๆ รวมทั้งการดำเนินการด้านประชาสัมพันธ์และงานด้านกฎหมาย และมีกองในสังกัดดังนี้ ๒.๑ กองประชาสัมพันธ์ ๒.๒ กองกลาง ๒.๓ กองกฎหมาย ๓. สำนักตรวจสอบและตรวจการ มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบหลักฐานเอกสารทางด้านการเงินทรัพย์สินและหนี้สิน เอกสารเกี่ยวกับสินค้า รวมทั้งการตรวจ สืบสวนและสอบข้อเท็จจริงติดตามผลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ และมีกองในสังกัดดังนี้ ๓.๑ กองตรวจสอบภายใน ๓.๒ กองตรวจการ ๔. ศูนย์บริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร มีหน้าที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการรับเรื่องร้องเรียน และแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องเบื้องต้นในการให้บริการ โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวบรวมปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องต่าง ๆ สรุปวิเคราะห์และจัดประเภทเพื่อกำหนดเป็นแนวทางในการปฏิบัติ และการให้บริการของหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการให้บริการข้อมูลข่าวสาร อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำแก่ผู้มาติดต่อ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอข้อมูลการเรียกเก็บหรือยกเว้นค่าธรรมเนียม ให้บริการและอำนวยความสะดวกในการนำสินค้าของใช้ส่วนบุคคลออกจากท่าเรือกรุงเทพให้แก่ นักเรียน นักศึกษา และข้าราชการทางการทูตของไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่างประเทศโดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกรมศุลกากร ควบคุมการเก็บรักษาเอกสารของหน่วยงานต่าง ๆ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่นำมาฝากเก็บ ออกแบบและกำหนดพื้นที่ใช้สอยให้แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบในการเก็บและค้นหาเอกสาร ดำเนินงานให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการเบื้องต้นเกี่ยวกับขั้นตอนการส่งออก โดยประสานงานขอข้อมูลจากหน่วยงานราชการและเอกชนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งส่งรายชื่อบริษัท ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร ของบริษัทที่เข้าร่วมดำเนินการในการให้บริการแก่ผู้ส่งออกรายย่อย หรือประสานงานกับบริษัทตามความประสงค์ของผู้ใช้บริการ ๕. ส่วนการตลาด มีหน้าที่ดำเนินงานวางแผนและเสนอแนะแผนการตลาด กำหนดแผนงานและมาตรการต่าง ๆ ทางด้านการตลาด โดยดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านการตลาดรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลธุรกิจ ข้อมูลวิชาการ และข้อมูลภายนอกอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับกิจการท่าเรือ กำหนดกลยุทธ์ด้านการตลาด การขาย ส่งเสริมการตลาด สร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ รวมทั้งงานประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ ๖. ส่วนบริหาร มีส่วนงานในสังกัดดังนี้ ๖.๑ ฝ่ายการบุคคล มีหน้าที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการบุคคล โครงสร้างบัญชีเงินเดือน การกำหนดและควบคุมอัตรากำลัง การแรงงานสัมพันธ์ การพัฒนาบุคลากร การศึกษา อบรม การรักษาพยาบาล การอนามัย และการสวัสดิการสงเคราะห์ และมีกองในสังกัดดังนี้ ๖.๑.๑ กองอัตรากำลัง ๖.๑.๒ ศูนย์พัฒนาบุคคล ๖.๑.๓ กองการแพทย์ ๖.๑.๔ กองสวัสดิการ ๖.๑.๕ กองแรงงานสัมพันธ์และความปลอดภัย ๖.๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี มีหน้าที่ดำเนินงานเกี่ยวกับธุรกิจการเงิน การคลัง การงบประมาณ การบัญชี ตรวจจ่าย การตรวจสอบ การเก็บค่าภาระ ค่าบริการ และผลประโยชน์ และมีกองในสังกัดดังนี้ ๖.๒.๑ กองบัญชี ๖.๒.๒ กองผลประโยชน์ ๑ ๖.๒.๓ กองผลประโยชน์ ๒ ๖.๒.๔ กองคลัง ๖.๒.๕ กองตรวจจ่าย ๖.๒.๖ กองงบประมาณ ๖.๓ ฝ่ายการพัสดุ มีหน้าที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดหาพัสดุ การเบิกจ่าย การคุม การเก็บรักษาพัสดุ และดำเนินการเกี่ยวกับที่ดิน และอาคารของการท่าเรือแห่งประเทศไทยทั้งการดูแล ระวังรักษาการจัดหาและจัดเก็บผลประโยชน์ และมีกองในสังกัดดังนี้ ๖.๓.๑ กองพัสดุ ๖.๓.๒ กองจัดการทรัพย์สิน ๗. ส่วนวิชาการ มีส่วนงานในสังกัดดังนี้ ๗.๑ ฝ่ายโครงการและแผนงาน มีหน้าที่ดำเนินงานเกี่ยวกับโครงการและการพัฒนากิจการท่าเรือ ตรวจสอบความเป็นไปได้ของโครงการพัฒนา และโครงการลงทุนในด้านการเตรียมงานการจัดทำงบประมาณ ประเมินและติดตามผล วิเคราะห์ แก้ไข ปรับปรุงแผนวิสาหกิจ แผนงานโครงการ แผนปฏิบัติการให้เป็นไปตามหลักวิชาการ เหมาะสมกับปัจจุบันและสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนดำเนินการเกี่ยวกับงานสิ่งแวดล้อม ๗.๒ ฝ่ายประมวลผลข้อมูล มีหน้าที่ดำเนินงานด้านสถิติต่าง ๆ ระบบงานคอมพิวเตอร์ ประมวลผลและพัฒนาระบบงาน รวบรวมและจัดระบบข้อมูลเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหาร ๘. ส่วนการช่างและร่องน้ำ มีส่วนงานในสังกัดดังนี้ ๘.๑ ฝ่ายการช่าง มีหน้าที่ดำเนินงานวางแผนและบริหารงานการช่างโยธา การคำนวณและจัดทำแบบ การช่างเครื่องกล การช่างไฟฟ้า และการช่างโทรศัพท์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพแก่ทุก ๆ ฝ่าย ในการท่าเรือแห่งประเทศไทย และมีกองในสังกัดดังนี้ ๘.๑.๑ กองช่างโยธา ๘.๑.๒ กองแบบแผนและคำนวณ ๘.๑.๓ กองช่างกล ๘.๑.๔ กองช่างไฟฟ้า ๘.๒ ฝ่ายการร่องน้ำ มีหน้าที่ดำเนินงานการขุดลอก บำรุง รักษา สำรวจความลึกและสภาพของร่องน้ำภายในอาณาบริเวณ ตามโครงการและแผนการที่กำหนด สำรวจและหาข้อมูลทางอุทกวิทยาเกี่ยวกับทางสัญจรทางน้ำ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับเครื่องหมายทางเดินเรือ ซ่อม บำรุง รักษาเรือ เครื่องจักรกลประจำเรือ และวัสดุลอยน้ำ และมีกองในสังกัดดังนี้ ๘.๒.๑ กองการสำรวจร่องน้ำ ๘.๒.๒ กองการขุดลอก ๘.๒.๓ กองบริการ ๙. ท่าเรือกรุงเทพ มีหน้าที่ดำเนินงานให้บริการและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แก่ผู้ใช้ท่าเรือในการบรรทุกและขนถ่ายสินค้า และคนโดยสารเรือเดินทะเลต่างประเทศ รับมอบสินค้าจากเรือ เก็บรักษาสินค้า และส่งมอบสินค้าแก่ผู้รับตราส่ง จัดเรือรับและปล่อยเรือในท่า และมีส่วนงานในสังกัดดังนี้ ๙.๑ กองบริหารงานทั่วไป ๙.๒ ฝ่ายสินค้า มีหน้าที่ดำเนินงานให้บริการและความสะดวกต่าง ๆ ในการบรรทุก ขนถ่ายสินค้าและคนโดยสารเรือเดินทะเลต่างประเทศ รับมอบสินค้าจากเรือเก็บรักษาสินค้าและส่งมอบสินค้าแก่ผู้รับตราส่ง และมีกองในสังกัดดังนี้ ๙.๒.๑ กองปฏิบัติการสินค้า ๑ ๙.๒.๒ กองปฏิบัติการสินค้า ๒ ๙.๒.๓ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๙.๒.๔ กองคลังสินค้า ๙.๒.๕ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ ๙.๒.๖ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ๙.๓ ฝ่ายบริการท่า มีหน้าที่ดำเนินงานให้บริการและความสะดวกต่าง ๆ แก่ผู้มาใช้ท่าเรือในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย การให้เช่าใช้เครื่องมือทุ่นแรงและรถเครื่องมือทุ่นแรง การซ่อม บำรุง รักษารถ เครื่องมือทุ่นแรง และการรักษาความปลอดภัยทั้งทรัพย์สิน อาคาร สถานที่ และบุคคล และมีกองในสังกัดดังนี้ ๙.๓.๑ กองบริการท่า ๙.๓.๒ กองเครื่องมือทุ่นแรง ๙.๓.๓ ศูนย์รักษาความปลอดภัย ๙.๓.๔ กองซ่อมเครื่องมือทุ่นแรง ๑๐. ท่าเรือแหลมฉบัง มีหน้าที่ในการดำเนินกิจการท่าเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบ ณ อำเภอศรีราชา และอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยอาณาบริเวณที่กำหนดไว้ตามนโยบายของการท่าเรือแห่งประเทศไทย รับสินค้าจากเรือ เก็บรักษาสินค้า และส่งมอบสินค้าแก่ผู้รับตราส่ง จัดเรือ รับและปล่อยเรือในท่า และมีกองในสังกัดดังนี้ ๑๐.๑ กองกลาง ๑๐.๒ กองแผนงาน ๑๐.๓ กองการบุคคล ๑๐.๔ กองการเงิน ๑๐.๕ กองนิติการและจัดการทรัพย์สิน ๑๐.๖ กองบริการ ๑๐.๗ กองการช่าง ๑๐.๘ กองการท่า ส่วนงานในข้อ ๑ ถึง ๑๐ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บังคับบัญชา โดยมีรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือตำแหน่งเทียบเท่า และผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือตำแหน่งเทียบเท่าเป็นผู้ช่วยในการปฏิบัติงานและเป็นผู้บังคับบัญชารองลงมา ตามลำดับ ส่วนบริหาร ส่วนวิชาการ และส่วนการช่างและร่องน้ำ มีรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ท่าเรือกรุงเทพเป็นส่วนงานระดับรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ท่าเรือแหลมฉบังเป็นส่วนงานระดับรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยมีผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบังเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ สำนักผู้อำนวยการ และสำนักตรวจสอบ และตรวจการเป็นส่วนงานระดับฝ่ายขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีผู้อำนวยการสำนักเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ศูนย์บริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสารเป็นส่วนงานระดับกองขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีผู้อำนวยการศูนย์เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ส่วนการตลาดเป็นส่วนงาน ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพเป็นผู้ควบคุมการดำเนินงาน ส่วนงานระดับฝ่าย มีผู้อำนวยการฝ่ายเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ส่วนงานระดับกองหรือเทียบเท่า มีผู้อำนวยการกองหรือตำแหน่งเทียบเท่าเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๒. อำนาจหน้าที่ การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๖ และ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้ มาตรา ๖ ของพระราชบัญญัติฯ ได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งการท่าเรือแห่งประเทศไทยไว้ดังนี้ ๑. รับโอนกิจการท่าเรือจากสำนักงานท่าเรือกรุงเทพฯ ในกรมการขนส่งกระทรวงคมนาคม ๒. ประกอบและส่งเสริมกิจการท่าเรือเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน ๓. ดำเนินกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหรือต่อเนื่องกับการประกอบกิจการท่าเรือ มาตรา ๗ ของพระราชบัญญัติฯ ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นนิติบุคคล มาตรา ๙ ของพระราชบัญญัติฯ ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีอำนาจที่จะกระทำการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๖ และอำนาจเช่นว่านี้ ให้รวมถึง ๑. สร้าง ซื้อ จัดหา จำหน่าย เช่า ให้เช่า และดำเนินงานเกี่ยวกับเครื่องใช้ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ ๒. ซื้อ จัดหา เช่า ให้เช่า ถือกรรมสิทธิ์ ครอบครอง จำหน่าย หรือดำเนินงานเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ ๓. กำหนดอัตราค่าภาระการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ และออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีชำระค่าภาระดังกล่าว ๔. จัดระเบียบว่าด้วยความปลอดภัย การใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ ๕. กู้ยืมเงิน ๖. ขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำภายในอาณาบริเวณ ๗. ควบคุม ปรับปรุง และให้ความสะดวกและความปลอดภัยแก่กิจการท่าเรือและการเดินเรือภายในอาณาบริเวณ ๘. กำหนดอัตราค่าภาระต่าง ๆ ภายในอาณาบริเวณ ๙. ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน ๑๐. จัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประกอบกิจการท่าเรือและกิจการอื่นภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดดังกล่าว จะมีคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวถือหุ้นเกินกว่าร้อยละสี่สิบเก้าของทุนจดทะเบียนของบริษัทนั้นไม่ได้ ๑๑. เข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประโยชน์แก่กิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๓. สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร ติดต่อขอรับข้อมูลข่าวสารได้ที่ศูนย์บริการให้บริการและข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เลขที่ ๔๔๔ ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ ๑๐๑๑๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ - ๓๗๔๗ หมายเลขโทรสาร ๐๒๖๗๑ - ๘๗๙๓ website www. pat.or.th จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ มานะ ภัทรธรรม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ศุภสรณ์ รุ่งโรจน์วุฒิกุล อภิสิทธิ์ ไชยหาญ ผู้จัดทำ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๑๙ ง/หน้า ๑๐๔/ ๖ มีนาคม ๒๕๔๖
339932
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ขยายเวลาผ่อนผันให้ใช้อัตราค่าภาระของท่าเรือกรุงเทพ บางอัตรา
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ขยายเวลาผ่อนผันให้ใช้อัตราค่าภาระ ของท่าเรือกรุงเทพบางอัตรา[๑] ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ผ่อนผันให้ใช้อัตราค่าภาระของท่าเรือกรุงเทพบางอัตรา ลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๓ โดยได้กำหนดอัตราค่าภาระการใช้ท่าของสินค้าทั่วไปและค่าภาระยกขนสินค้า ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติผ่อนผันเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๔๓ ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยประกาศใช้เป็นระยะเวลา ๖ เดือน นั้น เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ เห็นชอบให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยประกาศผ่อนผันให้ใช้อัตราค่าภาระดังกล่าวต่อไปจนกว่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) (๘) และมาตรา ๒๙ (๑) (๕) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙ คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้ใช้อัตราค่าภาระการใช้ท่าของสินค้าทั่วไปและค่าภาระยกขนสินค้า รวม ๓ รายการ ตามอัตราซึ่งได้ระบุไว้ตามประกาศฉบับดังกล่าวข้างต้นต่อไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประทักษ์ สิมะพิชัยเชษฐ ประธานกรรมการ เพ็ญพร/พิมพ์/แก้ไข ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๕ A+B(c) ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๐๔/๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๕
339704
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่บริการให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่บริการให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้า จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑] ด้วย การไฟฟ้านครหลวงได้ประกาศใช้อัตราค่าไฟฟ้าใหม่โดยเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๔๓ มีผลทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องปรับอัตราค่าไฟฟ้าที่บริการให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าจากการท่าเรือฯ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง จึงให้ ๑. ยกเลิกประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๒๙ เรื่อง กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่บริการให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าจากการท่าเรือฯ ๒. กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับประเภทต่าง ๆ ดังนี้ ๒.๑ อัตราค่าไฟฟ้าประเภททั่วไป ได้แก่ สำนักงาน ธุรกิจ และร้านค้า หน่วยละ ๓.๓๕ บาท + ค่า FT ค่าไฟฟ้าต่ำสุดของประเภทนี้เดือนละ ๙๐ บาท ๒.๒ อัตราค่าไฟฟ้าประเภทบ้านพักพนักงาน ให้เก็บตามอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง ประเภทที่ ๑ บ้านอยู่อาศัย + ค่า FT ดังต่อไปนี้ บ้านพักพนักงานการท่าเรือฯ จำนวนหน่วย (กิโลวัตต์ชั่วโมง) หน่วยที่ ราคา ต่อหน่วย (บาท) ค่าบำรุงรักษา ๑๐% (บาท) รวมเงิน บาท/หน่วย ค่า FT/ หน่วย ที่ กฟน. เรียกเก็บ จาก กกท. รวมเป็นเงิน (บาท/หน่วย) ๕ หน่วยแรก ๑ - ๕ ๐.๐๐ ๐ ๐ FT. อัตราต่ำสุด ๙ บาท ๑๐ หน่วยต่อไป ๖ - ๑๕ ๑.๓๕๗๖ ๐.๑๓๕๘ ๑.๔๙๓๔ FT. ๑.๔๙๓๔ + FT. ๑๐ หน่วยต่อไป ๑๖ - ๒๕ ๑.๕๔๔๕ ๐.๑๕๔๕ ๑.๖๙๙๐ FT. ๑.๖๙๙๐ + FT. ๑๐ หน่วยต่อไป ๒๖ - ๓๕ ๑.๗๙๖๘ ๐.๑๗๙๗ ๑.๙๗๖๕ FT. ๑.๙๗๖๕ + FT. ๖๕ หน่วยต่อไป ๓๖ - ๑๐๐ ๒.๑๘๐๐ ๐.๒๑๘๐ ๒.๓๙๘๐ FT. ๒.๓๙๘๐ + FT. ๕๐ หน่วยต่อไป ๑๐๑ - ๑๕๐ ๒.๒๗๓๔ ๐.๒๒๗๓ ๒.๕๐๐๗ FT. ๒.๕๐๐๗ + FT. ๒๕๐ หน่วยต่อไป ๑๕๑ - ๔๐๐ ๒.๗๗๘๑ ๐.๒๗๗๘ ๓.๐๕๕๙ FT. ๓.๐๕๕๙ + FT. เกินกว่า ๔๐๐ หน่วย ๔๐๑ เป็นต้นไป ๒.๙๗๘๐ ๐.๒๙๗๘ ๓.๒๗๕๘ FT. ๓.๒๗๕๘ + FT. ๓. กรณีการไฟฟ้านครหลวงมีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าไฟฟ้าเมื่อใด การท่าเรือฯ จะเปลี่ยนกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่บริการให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าจากการท่าเรือฯ ตามอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวงด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕ พยุงกิจ จิวะมิตร รองผู้อำนวยการการท่าเรือฯ ฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพ็ญพร/พิมพ์/แก้ไข ๖ ธันวาคม ๒๕๔๕ B+A(c) ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๘๔ง/หน้า ๑๐๕/๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๕
318603
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทยเรื่องกำหนดระยะเวลาการเช่า อัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการเช่าที่ดินและคลังสินค้า ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดระยะเวลาการเช่า อัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการเช่าที่ดิน และคลังสินค้า ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย[๑] ด้วยการท่าเรือแห่งประเทศไทย เห็นสมควรกำหนดระยะเวลาการเช่า ปรับปรุงอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการเช่าที่ดินและคลังสินค้าเสียใหม่ ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๑. ยกเลิกประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เฉพาะความที่ขัดหรือแย้งกับประกาศฉบับนี้ ดังต่อไปนี้ ๑.๑ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๘ เรื่อง กำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการเช่าที่ดินและอาคารบางประเภทของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๑.๒ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๓๒ เรื่อง กำหนดระยะเวลาการเช่า อัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการเช่าที่ดิน และอาคารพาณิชย์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๑.๓ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๓๒ เรื่อง ประกาศเพิ่มเติมกำหนดระยะเวลาการเช่า อัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการเช่าที่ดิน และอาคารพาณิชย์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๒) ๒. กำหนดระยะเวลาการเช่า อัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการเช่าที่ดินและคลังสินค้า ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ขึ้นใหม่ดังนี้ ๒.๑ การเช่าที่ดิน ๒.๑.๑ การเช่าที่ดินเพื่ออยู่อาศัย ๒.๑.๑.๑ ระยะเวลาการให้เช่า ๑ ปี ๒.๑.๑.๒ อัตราค่าเช่าตารางวาละ ๕ บาทต่อเดือน ๒.๑.๑.๓ ค่าธรรมเนียมแรกเช่า และค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิการเช่าตารางวาละ ๓๐ บาทต่อปี หรือตารางวาละ ๒.๕๐ บาทต่อเดือน ๒.๑.๑.๔ ค่าธรรมเนียมการขอรับช่วงสิทธิการเช่าคิดเท่ากับค่าเช่าที่ดิน ๒ เดือน ๒.๑.๒ การเช่าที่ดินของเอกชน บริษัท ห้างร้าน ๒.๑.๒.๑ ระยะเวลาการใช้เช่า ๓ ปี ๒.๑.๒.๒ อัตราค่าเช่าตารางวาละ ๑๕ บาทต่อเดือน ยกเว้น ที่ดินที่ให้เอกชน บริษัท ห้างร้าน เช่า ซึ่งผู้เช่าไม่ได้นำที่ดินที่เช่าไปประกอบกิจการเชิงธุรกิจ ให้เช่าเป็นกรณีพิเศษ และคิดอัตราค่าเช่าในอัตราพิเศษ โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย จะพิจารณากำหนดอัตราค่าเช่าเป็นราย ๆ ไป ๒.๑.๒.๓ ค่าธรรมเนียมแรกเช่า ตารางวาละ ๓๕ บาทต่อเดือน ๒.๑.๒.๔ ค่าธรรมเนียมการต่อสัญญาเช่าตารางวาละ ๓๕ บาทต่อเดือน ๒.๑.๒.๕ ค่าธรรมเนียมการอโอนสิทธิการเช่าคิดเท่ากับ ๖ เท่า ของค่าเช่า ๑ ปี ตามอัตราค่าเช่าที่ปรับปรุงแล้ว ยกเว้น ที่ดินที่ให้เอกชน บริษัท ห้างร้าน เช่า ซึ่งผู้เช่าไม่ได้นำที่ดินที่เช่าไปประกอบกิจการเชิงธุรกิจ ให้เช่าเป็นกรณีพิเศษ และคิดอัตราค่าเช่าในอัตราพิเศษ โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะพิจารณากำหนดอัตราค่าเช่าเป็นราย ๆ ไป ๒.๑.๒.๖ อัตราค่าเช่าอาคารชั่วคราวคิดเพิ่มอีกตารางวาละ ๒๐ บาทต่อเดือน โดยวัดตามเนื้อที่ของชายคาอาคาร ๒.๑.๓ การเช่าที่ดินของหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ ๒.๑.๓.๑ ระยะเวลาการให้เช่า ๓ ปี ๒.๑.๓.๒ อัตราค่าเช่าตารางวาละ ๑๕ บาทต่อเดือน ๒.๑.๓.๓ ค่าธรรมเนียมแรกเช่า และค่าธรรมเนียมการต่อสัญญาเช่าไม่คิด ๒.๒ การเช่าคลังสินค้า ๒.๒.๑ ระยะเวลาการให้เช่า ๓ ปี ๒.๒.๒ อัตราค่าเช่าอาคารคลังสินค้าตารางวาละ ๕๐ บาทต่อเดือน ๒.๒.๓ อัตราค่าเช่าที่ดินโดยรอบตัวอาคารคลังสินค้าตารางวาละ ๑๕ บาทต่อเดือน ๒.๒.๔ ค่าธรรมเนียมแรกเช่าคลังสินค้าไม่คิด ๒.๒.๕ ค่าธรรมเนียมแรกเช่าที่ดินทั้งผืนรวมพื้นที่บริเวณที่ตั้งตัวอาคารคลังสินค้าตารางวาละ ๓๕ บาทต่อเดือน ๒.๒.๖ ค่าธรรมเนียมการต่อสัญญาเช่าคิดเท่ากับอัตราค่าธรรมเนียมแรกเช่าที่ดินทั้งผืนรวมพื้นที่บริเวณที่ตั้งอาคารคลังสินค้าตารางวาละ ๓๕ บาทต่อเดือน ๒.๓ ผู้เช่าอาคารพาณิชย์ที่ต่อเติมอาคารออกไปจากแนวเดิมที่ทำสัญญาเช่าไว้ จะต้องชดใช้ค่าเสียหายจากการใช้ที่ดินเกินเขตเช่าโดยละเมิดตารางวาละ ๔๐ บาทต่อเดือน ๒.๔ การออกหนังสือรับรองต่าง ๆ เกี่ยวกับการเช่า คิดค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองฉบับละ ๑๐๐ บาท อัตราค่าเช่า ค่าธรรมเนียมการเช่าและระยะเวลาการเช่าที่ดินและคลังสินค้าใหม่นี้ไม่คลุมถึงการให้เช่ากรณีพิเศษ ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยจะพิจารณาเป็นราย ๆ ไป เช่น การประมูล หรือวิธีอื่น ๆ และให้ใช้บังคับเฉพาะที่ดินและคลังสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในกรุงเทพมหานคร เท่านั้น ทั้งนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะใช้อัตราค่าเช่า ค่าธรรมเนียมการเช่าและระยะเวลาการให้เช่าที่ปรับปรุงใหม่ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ พลเรือโท สมนึก เทพวัลย์ ผู้อำนวยการ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๑/ตอนพิเศษ ๓๐ ง/หน้า ๓๓/๒๑ กรกฎาคม ๒๕๓๗
718030
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. 2554 (ฉบับ Update ล่าสุด)
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔[๑] โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร ณ ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๓.๒ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการผ่านเข้า - ออก และการจราจรภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓.๓ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ชะลอการวางหลักประกันความเสียหายตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๓.๔ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “เขตศุลกากร” หมายความว่า เขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด “สินค้า” หมายความว่า สัตว์ พืช หรือสิ่งของทุกชนิดที่แลกเปลี่ยน ซื้อ ขาย ให้หรือถือกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย และให้หมายรวมถึงของใช้ส่วนตัวของบุคคล หรือนิติบุคคล “ตู้สินค้า” หมายความว่า ภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้านำเข้า หรือส่งออก เพื่อความสะดวก หรือเพื่อความปลอดภัยในการขนส่ง ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรฐานขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ (INTERNATIONAL ORGANIZATION FOR STANDARDIZATION : ISO) “เครื่องมือทุ่นแรงของ กทท.” หมายความว่า รถบรรทุก รถลากพ่วงบรรทุกสินค้า รถลากพ่วงบรรทุกตู้สินค้า รถยกสินค้า รถยกตู้สินค้า รถปั้นจั่น รถลากจูง และรถเครื่องมือทุ่นแรงอื่นที่เป็นของการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งใช้ในการปฏิบัติงาน “รถ” หมายความว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถลากพ่วง รวมตลอดทั้งเครื่องมือยกขนและยานพาหนะทางบกทุกชนิด ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น นอกเหนือจากรถเครื่องมือทุ่นแรงของการท่าเรือแห่งประเทศไทย “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยทุกตำแหน่งและผู้ที่อยู่ในระหว่างการทดลองปฏิบัติงาน รวมทั้งลูกจ้างที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยจ้าง “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฟ้องพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ และเข้ามาปฏิบัติงานในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด “ผู้ขออนุญาต” หมายความว่า พนักงาน บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานของรัฐ ที่ยื่นขอมีบัตรอนุญาต “ผู้ได้รับอนุญาต” หมายความว่า พนักงาน บุคคล หรือเจ้าของรถที่ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาต “บัตรอนุญาตบุคคล” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้สำหรับบุคคลใช้ผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด “บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลทั่วไป โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๒ ปี “บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๓ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๓ ปี “บัตรอนุญาตรถ” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้สำหรับรถผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด และต้องจดทะเบียนถูกต้องตามประเภทที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด “บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่เจ้าของรถที่เป็นบุคคล หรือนิติบุคคลทั่วไป โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๒ ปี “บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๓ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่เจ้าของรถที่เป็นพนักงาน หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ รถของหน่วยงานของรัฐ โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๓ ปี “บัตรอนุญาตชั่วคราว” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้แก่บุคคลหรือรถ หรือทั้งสองอย่างเพื่อผ่านเข้า - ออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนดครั้งเดียว “บัตรอนุญาตชั่วคราวที่มีกำหนดระยะเวลา” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้สำหรับผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยพิจารณาอนุญาตตามความจำเป็นของผู้ขออนุญาตประกอบด้วยบัตรอนุญาตชั่วคราวบุคคล และบัตรอนุญาตชั่วคราวรถ ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจในการออกระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัย ชี้ขาดในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ หมวด ๑ ประเภทของบัตร ข้อ ๗ บัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร แบ่งออกได้ดังนี้ ๗.๑ บัตรอนุญาตบุคคล ประกอบด้วย ๗.๑.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวบุคคลที่มีกำหนดระยะเวลา ๗.๑.๒ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี ๗.๑.๓ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๓ ปี ๗.๒ บัตรอนุญาตรถ ประกอบด้วย ๗.๒.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวรถที่มีกำหนดระยะเวลา ๗.๒.๒ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี ๗.๒.๓ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๓ ปี ๗.๓ บัตรอนุญาตชั่วคราวให้เป็นไปตามที่ กทท. กำหนด ประกอบด้วย ๗.๓.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ๗.๓.๒ บัตรอนุญาตไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม อนึ่ง การนับอายุบัตรอนุญาตทุกประเภทให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ออกบัตรอนุญาตจนถึงวันบัตรหมดอายุ หมวด ๒ การขอบัตรอนุญาต ข้อ ๘ ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตทุกประเภท ต้องยื่นเอกสารประกอบการขออนุญาตฯ พร้อมชำระค่าธรรมเนียมแต่ละประเภทและรับใบเสร็จรับเงิน ตามที่ กทท. กำหนด ดังนี้ ๘.๑ ท่าเรือกรุงเทพ ยื่นขออนุญาตฯ ที่กองรักษาความปลอดภัย โทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ - ๓๕๐๖ - ๗ โทรสาร ๐ - ๒๒๖๙ – ๓๕๒๕ ๘.๑.๑[๒] ในกรณีเร่งด่วน ให้ยื่นขออนุญาตฯ ที่จุดรับทำบัตรด่วน สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ (อาจณรงค์) โทรศัพท์ ๐-๒๒๖๙-๓๒๘๗ หรือสถานีตรวจสอบสินค้าฝั่งเขื่อนตะวันออก โทรศัพท์ ๐-๒๒๖๙-๓๕๕๔ หรือลานจอดรถ ๑๑ ไร่ ใกล้ทางเข้าสถานีตรวจสอบสินค้าฝั่งเขื่อนตะวันตก โทรศัพท์ ๐-๒๒๖๙-๓๘๕๐ ๘.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ยื่นขออนุญาตฯ ที่แผนกรักษาความปลอดภัย กองบริหารงานทั่วไป โทรศัพท์ ๐ - ๓๘๔๐ - ๙๑๑๑ โทรสาร ๐ - ๓๘๔๐ - ๙๑๑๔ ข้อ ๙ พนักงานที่มีความจำเป็นต้องนำรถผ่านเข้าออกเขตศุลกากร ต้องยื่นแบบขอมีบัตรอนุญาตบุคคลและหรือรถ โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๐ หน่วยงานของรัฐ สภากาชาดไทย สถานทูต องค์กรระหว่างประเทศ ที่มีความจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ หรือรถผ่านเข้าออกเขตศุลกากร ต้องยื่นความจำนงขอมีบัตรอนุญาต ณ ท่าเรือกรุงเทพ และหรือท่าเรือแหลมฉบัง โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๑ รถเครื่องมือทุ่นแรงที่ไม่ใช่ของ กทท. และมีความจำเป็นต้องเข้าไปปฏิบัติงานในเขตท่าเทียบเรือของผู้ประกอบการท่าเรือแหลมฉบัง หรือพื้นที่เช่าของท่าเรือแหลมฉบังในเขตศุลกากร สามารถยื่นความจำนงเพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมอยู่ในเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนที่รถเครื่องมือทุ่นแรงดังกล่าว จะผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรณีท่าเรือกรุงเทพให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการชำระค่าธรรมเนียม ตามที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๒ ผู้ขออนุญาตที่มีความประสงค์จะขอทำบัตรอนุญาตสำหรับผ่านเข้าออกเขตศุลกากรที่ประกอบธุรกรรมเกี่ยวกับเรือโดยสารท่องเที่ยว หรือเรืออื่นที่ไม่ใช่เรือสินค้า ให้ยื่นความจำนงขอทำบัตรอนุญาตชั่วคราวที่มีกำหนดระยะเวลา ซึ่งมีอายุบัตรอนุญาตตามจำนวนวันที่เรือเทียบท่า โดยดำเนินการชำระค่าธรรมเนียม ตามแบบที่ กทท. กำหนด อนึ่ง รถสี่ล้อเล็กรับจ้างประจำที่ได้รับอนุญาตจากท่าเรือกรุงเทพ ต้องเสียค่าธรรมเนียมการออกบัตรอนุญาตและรับใบเสร็จรับเงิน ตามแบบที่ กทท. กำหนด หมวด ๓ ค่าธรรมเนียมออกบัตร ข้อ ๑๓ บัตรอนุญาตต้องเสียค่าธรรมเนียมออกบัตร ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้ ๑๓.๑ บัตรอนุญาตบุคคล ประกอบด้วย ๑๓.๑.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวบุคคลที่มีกำหนดระยะเวลา ประกอบด้วย ๑๓.๑.๑.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคน ได้แก่ บุคคลภายนอกที่เข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเขตศุลกากร ๑๓.๑.๑.๒ บัตรอนุญาตที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม ได้แก่ บุคคลนอกเหนือจาก ข้อ ๑๓.๑.๑.๑ ต่อคน ๑๓.๑.๒ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคน ๑๓.๑.๓ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๓ ปีต่อคน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ๑๓.๑.๔ [๓]บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี ตามข้อ ๘.๑.๑ จำนวน ๔๐๐ บาท (สี่ร้อยบาทถ้วน) ต่อคน ๑๓.๒ บัตรอนุญาตรถ ประกอบด้วย ๑๓.๒.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวรถที่มีกำหนดระยะเวลา ประกอบด้วย ๑๓.๒.๑.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ได้แก่ รถทุกชนิดที่เข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเขตศุลกากร ๑๓.๒.๑.๒ บัตรอนุญาตที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ได้แก่ รถนอกเหนือจากข้อ ๑๓.๒.๑.๑ ต่อคัน ๑๓.๒.๒ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ๑๓.๒.๓ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๓ ปีต่อคัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ๑๓.๒.๔[๔] บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี ตามข้อ ๘.๑.๑ จำนวน ๔๐๐ บาท (สี่ร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ๑๓.๓ บัตรอนุญาตชั่วคราว ประกอบด้วย ๑๓.๓.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ได้แก่ รถทุกชนิดที่เข้ามาทำกิจกรรมเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกสินค้าและตู้สินค้า รถทุกชนิดที่เข้ามารับของเสียจากเรือ ตามแบบที่ กทท. กำหนด ๑๓.๓.๒ บัตรอนุญาตที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม ได้แก่ รถนอกเหนือจากข้อ ๑๓.๓.๑ และบุคคล ๑๓.๔ บัตรอนุญาตสำหรับผู้ขออนุญาตที่ประกอบธุรกรรมเกี่ยวกับเรือโดยสารท่องเที่ยว หรือเรืออื่นที่ไม่ใช่เรือสินค้า ประกอบด้วย ๑๓.๔.๑ บัตรอนุญาตบุคคลจำนวน ๒๐๐ บาทต่อคนต่อเที่ยวเรือ ๑๓.๔.๒ บัตรอนุญาตรถยนต์นั่งไม่เกิน ๗ ที่นั่ง และรถตู้ไม่เกิน ๑๕ ที่นั่ง จำนวน ๒๐๐ บาทต่อคันต่อเที่ยวเรือ ๑๓.๔.๓ บัตรอนุญาตรถโดยสารจำนวน ๔๐๐ บาทต่อคันต่อเที่ยวเรือ ๑๓.๕ ค่าธรรมเนียมการต่ออายุบัตรทุกประเภทสามารถนำบัตรเดิมมาขอต่ออายุบัตรโดยเสียค่าธรรมเนียมบัตรร้อยละ ๕๐ ของค่าธรรมเนียมบัตรแต่ละประเภท และขอต่ออายุบัตรอนุญาตทุกประเภทได้ ๒ ครั้ง ทั้งนี้ หากไม่นำบัตรเดิมมาขอต่ออายุต้องขอทำบัตรอนุญาตฯ และเสียค่าธรรมเนียมออกบัตรใหม่ ๑๓.๖ ค่าธรรมเนียมออกบัตรทุกประเภท ทดแทนบัตรเดิมที่ชำรุด หรือสูญหาย ต้องชำระค่าธรรมเนียมบัตรละ ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) สำหรับพนักงาน ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมออกบัตรอนุญาตที่ออกทดแทนบัตรเดิมที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพอันเนื่องจากการใช้งาน โดยยื่นคำร้องขอบัตรทดแทนบัตรที่ชำรุด หรือเสื่อมสภาพดังกล่าว ได้ ๑ ครั้ง ภายในระยะเวลา ๓ ปี[๕] หมวด ๔ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๑๔ กทท. จะรับประกันบัตรอนุญาตเป็นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันออกบัตรอนุญาต หากเสียหาย หรือชำรุดบกพร่อง เฉพาะกรณีที่เกิดจากการชำรุดบกพร่องของบัตรอนุญาตที่มิใช่เกิดจากการใช้งานผิดประเภท ข้อ ๑๕ การต่ออายุบัตรอนุญาตบุคคลและบัตรอนุญาตรถสามารถดำเนินการได้ล่วงหน้า ๖๐ วัน ก่อนถึงวันบัตรหมดอายุ ข้อ ๑๖ ผู้ขออนุญาตต้องแจ้งให้ กทท. ทราบในกรณีที่บุคคล หรือรถที่ยื่นคำขอออกบัตรอนุญาต มีการเปลี่ยนแปลง หรือสิ้นสภาพจากการผูกพันกับผู้ขออนุญาต หรือทำบัตรชำรุด หรือบัตรสูญหาย ไม่ว่ากรณีใด ๆ เพื่อ กทท. จะทำการยกเลิกบัตรอนุญาตดังกล่าวทันทีหากผู้ขออนุญาตละเลยไม่ดำเนินการ เมื่อเกิดความเสียหายจากการใช้บัตรอนุญาต ผู้ขออนุญาตต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หมวด ๕ มาตรการบังคับ ข้อ ๑๗ ผู้ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาตทุกประเภท ต้องดูแลรับผิดชอบบัตรอนุญาตของตนเอง และต้องติดบัตรอนุญาตตลอดเวลาที่อยู่ในเขตศุลกากร ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปใช้ หากเกิดความเสียหายจากการที่บุคคลอื่นนำไปใช้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ผู้ขออนุญาตและเจ้าของบัตรอนุญาตต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเสมือนหนึ่งเป็นผู้กระทำเอง ข้อ ๑๘ ผู้ขับขี่รถทุกประเภทที่เข้ามาในเขตศุลกากร ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศและหลักปฏิบัติของ กทท. โดยเคร่งครัด เว้นแต่เครื่องมือทุ่นแรงของ กทท. ขณะอยู่ระหว่างปฏิบัติงาน ทั้งนี้ เส้นทางการจราจรภายในท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๙ ผู้ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาตชั่วคราว ต้องคืนบัตรเมื่อผ่านออกนอกเขตศุลกากร หากไม่สามารถคืนบัตรอนุญาตดังกล่าวได้ไม่ว่ากรณีใด ต้องชำระค่าบัตรอนุญาตฯ บัตรละ ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๒๐ ผู้ขออนุญาต หรือผู้ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาตทุกประเภทที่ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศและหลักปฏิบัติของ กทท. จะถูกพิจารณาดำเนินการดังนี้ ๒๐.๑ ทำหนังสือว่ากล่าวตักเตือน ๒๐.๒ ทำทัณฑ์บน ๒๐.๓ ระงับการใช้บัตรอนุญาตฯ เป็นการชั่วคราวทุกกรณีเป็นเวลา ๑๕ วัน ๒๐.๔ ยกเลิกบัตรอนุญาตฯ กรณีเป็นพนักงาน กทท. จะทำหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะทำหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด และห้ามบุคคลหรือรถเข้ามาในเขตศุลกากรนับตั้งแต่วันที่ กทท. ออกหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด ทั้งนี้ การดำเนินการตามข้อนี้ให้เป็นไป ตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๒๑ ผู้ขออนุญาตต้องจัดหาผู้ขับขี่แทนผู้ขับรถที่ กทท. ตรวจพบว่าได้กระทำการ ดังต่อไปนี้ ๒๑.๑ เสพสุรา ของมึนเมา หรือใช้สารเสพติด ๒๑.๒ ฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศหรือหลักปฏิบัติของ กทท. ๒๑.๓ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือผู้ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ หากปรากฏว่าได้มีการฝ่าฝืนหรือหลีกเลี่ยงอีก กทท. อาจจะพิจารณาตัดสิทธิ มิให้รถคันดังกล่าวเข้ามาบรรทุก และขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้า หรือทำธุรกรรมกับ กทท. อนึ่ง กทท. สงวนสิทธิ์ที่จะเคลื่อนย้ายรถที่ฝ่าฝืนระเบียบนี้ โดยเจ้าของรถต้องรับผิดชอบในการดำเนินการ และ กทท. ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายแก่รถ รวมทั้งทรัพย์สินในรถ ไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ข้อ ๒๒ ผู้ขออนุญาตต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการของผู้ขับขี่ ข้อ ๒๓ รถจักรยานยนต์รับจ้าง สามล้อเครื่องรับจ้างสาธารณะ รถสี่ล้อเล็กรับจ้างและรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ ห้ามเข้าเขตศุลกากรโดยเด็ดขาด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กทท. ข้อ ๒๔ กทท. จะอนุญาตให้ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตทุกประเภทได้ในนามบุคคลหรือนิติบุคคลอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ข้อ ๒๕ กทท. จะอนุญาตให้ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตรถต่อบุคคลหรือนิติบุคคล ดังต่อไปนี้ ๒๕.๑ บุคคล รถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล อย่างละไม่เกิน ๒ คัน ต่อคน ๒๕.๒ นิติบุคคล รถยนต์ส่วนบุคคล ไม่เกิน ๒๐ คัน และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ไม่เกิน ๑๐ คันต่อนิติบุคคล หมวด ๖ บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๖ ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตทุกประเภทสามารถยื่นคำขอทำบัตรอนุญาตตามข้อ ๘ ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป อนึ่ง กทท. จะเริ่มทดลองใช้บัตรอนุญาตทุกประเภท ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒๗ กทท. จะเริ่มใช้บัตรอนุญาตบุคคลและบัตรอนุญาตรถทุกประเภทในการผ่านเข้าออกเขตศุลกากรอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. เส้นทางจราจรภายในท่าเรือกรุงเทพ ๒. เส้นทางจราจรในเขตท่าเรือแหลมฉบัง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗[๖] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙[๗] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้และให้ถือเป็นที่สุด จุฑามาศ/ผู้จัดทำ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ วิศนี/เพิ่มเติม ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ ปริญสินีย์/ตรวจ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๙๕ ง/หน้า ๗/๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ [๒] ข้อ ๘.๑.๑ เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๓] ข้อ ๑๓ ๑๓.๑.๔ เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๔] ข้อ ๑๓ ๑๓.๒.๔ เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๕] ข้อ ๑๓.๖ วรรคสอง เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๙๒ ง/หน้า ๑/๔ กันยายน ๒๕๕๗ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๑๐๘ ง/หน้า ๑/๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
750322
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. 2545 (ฉบับ Update ล่าสุด)
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ นับแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๕ ข้อ ๓ ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๒ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๓ ค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรง และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในภาคผนวกตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๒ เรื่อง หนังสือค่าภาระของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๓ และส่วนที่ ๔ ค่าบริการเช่าใช้เครื่องมอยกขนและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ภายในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เรื่อง กำหนดอัตราค่าภาระของท่าเรือแหลมฉบัง โดยให้ใช้อัตราค่าเช่าเครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามภาคผนวก ก. และ ข. ตามลำดับท้ายระเบียบนี้ บรรดาระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดที่เหมือน หรือขัด หรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน การส่งข้อมูลหรือเอกสารการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๔[๒] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ๔.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บัญชี ตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนด ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากรเป็นเวลาของการรับข้อมูล ๔.๒ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือรายใดที่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว และพบปัญหาที่ไม่สามารถส่งได้สมบูรณ์ ให้จัดส่งข้อมูลใหม่ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ๔.๓ กรณีที่ข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องขอยกเลิก หรือแก้ไข หรือเพิ่มเติมรายการ โดยให้ยื่นขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๔ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ จัดส่งเอกสารบัญชีตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๕ กรณีที่จัดส่งข้อมูลตู้สินค้าขาเข้าไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๔.๑ หรือข้อ ๔.๒ หรือข้อ ๔.๓ หรือข้อ ๔.๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่ดำเนินการขนถ่ายตู้สินค้าจนกว่าจะได้รับข้อมูลและเอกสารเป็นที่เรียบร้อย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๔.๖ กรณีที่เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๒๐ บาท (ยี่สิบบาทถ้วน) ต่อตู้ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๕[๓] การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ๕.๑ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือของเรือตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ของเรือสินค้าทั่วไปที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนดผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากร เป็นเวลาของการรับข้อมูล ๕.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ๕.๒.๑ ภายในกำหนด ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ หากมีข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน (การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะอนุญาตให้แก้ไขได้ในกรณีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีตู้สินค้าขาเข้า) ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ๕.๒.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือภายหลัง ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้ายื่นเอกสารคำร้องขอแก้ไข (Amend Should Be/Shortlanded/Overlanded) ณ แผนกโรงพักสินค้าพิธีการ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้าท่าเรือกรุงเทพ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งเอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๕.๔ กรณีที่จัดส่งข้อมูล และ/หรือ เอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๕.๑ หรือข้อ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๕.๕ กรณีที่เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือเอง เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อใบตราส่ง ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๖[๔] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ๖.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ โดยทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ infor_ter๑@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ infor_ter๒@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๒ หรือโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามแบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒) และทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)] แนบท้ายระเบียบนี้ ก่อนบรรทุกตู้สินค้าลงเรือไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือจะต้องส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือที่ขอเปลี่ยนแปลงก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ถ้ามิได้มาดำเนินการขอเปลี่ยนแปลง หากตู้สินค้าใดไม่ปรากฏในบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่อนุญาตให้บรรทุกลงเรือและจะเรียกเก็บค่าภาระตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๖.๑.๑ จำนวนตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือมีจำนวนน้อยกว่าในบัญชีตู้สินค้าที่ยื่นไว้ จะเรียกเก็บค่าภาระเฉพาะตามจำนวนที่บรรทุกลงเรือจริง ๖.๑.๒ ตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือไม่สำแดงสถานภาพของตู้สินค้าไว้ในบัญชีตู้สินค้าหรือสำแดงสถานภาพไว้แต่ผิดจากความเป็นจริง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้านั้นในสถานภาพ LCL (Less than Container Load) ๖.๑.๓ กรณีตู้สินค้าขาออกที่ผ่านด่านตรวจสอบภายในเข้ามากองเก็บในลานวางพักตู้สินค้าเพื่อรอบรรทุกลงเรือ แต่ไม่นำบรรทุกลงเรือที่แจ้ง หรือมีการแจ้งเปลี่ยนการบรรทุกลงเรือลำอื่นในภายหลังเรือเสร็จสิ้นการบรรทุก การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้าที่ยกเลิก (Shut - Out Container Charge) ตามอัตราที่กำหนด และหากมีการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าที่ขอยกเลิกนั้น การท่าเรือแห่งประเทศไทยเรียกเก็บค่าภาระเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ (Extra Container Movement Charge) ตามอัตราที่กำหนดด้วย การเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องแจ้งขอเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เว้นแต่ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วน การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าดังกล่าว โดยคิดค่าบริการตามอัตราค่าภาระที่กำหนด ข้อ ๗[๕] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า หรือขาออกที่บรรจุสินค้าเกินขนาดตัวตู้สินค้า (Overheight/Overwidth/Overlength Container) หรือมีน้ำหนักรวม (Gross Weight) เกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ หรือหมายเหตุลงในบัญชีตู้สินค้าสำหรับเรือ ก่อนทำการบรรทุกลงเรือหรือขนถ่าย หากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ มิได้ดำเนินการดังกล่าวข้างต้น หรือจัดส่งข้อมูลน้ำหนักรวมต่ำกว่าข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ หรือความเสียหาย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย และถ้าการท่าเรือแห่งประเทศไทยตรวจพบว่าน้ำหนักตู้สินค้าจริงเกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บเบี้ยปรับตู้ละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) และจะไม่ดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายตู้สินค้าดังกล่าว จนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ข้อ ๘[๖] เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไป ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ที่ถูกต้องและครบถ้วนด้วยระบบ EDI หรือ Diskette และยื่นเอกสารจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือเข้าเก็บในที่เก็บสินค้ามีจำนวนใบตราส่ง (Bill of Lading) ไม่เกิน ๑๕ รายการต่อเที่ยวเรือ ให้จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือด้วยวิธีการยื่นเอกสารเพียงอย่างเดียวก็ได้ ข้อ ๙[๗] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไปที่จอด ณ ที่จอดเรือของท่าเรือกรุงเทพเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำทั้งลำ (All Overside) หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเอกชนภายในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำบริเวณเกาะสีชัง หรือที่อื่น ที่ทำพิธีการศุลกากร ณ ท่าเรือกรุงเทพต้องจัดส่งเอกสารข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเข้าจอด ข้อ ๑๐[๘] กรณีที่จัดส่งข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๙ ต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีสิทธิงดเว้นการให้บริการและจะดำเนินการเรียกเก็บค่าภาระจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ข้อ ๑๑ เรือขาเข้า และเรือขาออก ต้องจัดส่งข้อมูลตามข้อ ๔ ถึงข้อ ๙ ต่อท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือแหลมฉบังเฉพาะท่าเทียบเรือ ที่อยู่ภายใต้การประกอบการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย สำหรับบัญชีตู้สินค้าขาออก (Onward Container List) ให้จัดส่งเฉพาะท่าเรือแหลมฉบัง การชำระเงินค่าภาระการใช้ท่าเรือ หรือค่าบริการ ข้อ ๑๒ ส่วนราชการที่ได้รับอนุมัติผ่อนผันจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้ใช้บริการก่อนการชำระเงิน ต้องดำเนินการชำระเงินค่าภาระ หรือค่าบริการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะพิจารณางดให้การผ่อนผัน ข้อ ๑๓ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่ประสงค์ขอเปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ให้วางหลักประกันการชำระหนี้เป็นเงินสด หรือเช็คธนาคาร หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ตามแบบ ๔ ท้ายระเบียบนี้ เป็นจำนวนเงินที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยเห็นสมควร โดยผู้ขอจะได้รับการผ่อนผันให้ชำระหนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ข้อ ๑๔ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไป ที่มิได้เปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ หากประสงค์ขอใช้บริการของท่าเรือระนอง การท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่ไม่สามารถชำระเงิน หรือคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องได้ทัน ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการเฉพาะครั้งนี้ ๑๔.๑ กรณีที่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการ ในจำนวนเท่ากับค่าภาระหรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริง ๑๔.๒ กรณีไม่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนที่สูงกว่าค่าภาระ หรือค่าบริการที่คิดคำนวณโดยประมาณอีก ๑ ใน ๓ และให้ขอรับเงินหลักประกันส่วนที่เหลือคืนภายใน ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ใช้บริการนั้นเสร็จสิ้น ถ้ามิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าเงินที่เหลือเป็นรายได้ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๑๕ ผู้ใช้บริการประเภทเงินเชื่อ มิได้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ต้องชำระค่าเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ค้างชำระจนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว และหากพ้นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ยังไม่ชำระหนี้ และค่าเบี้ยปรับ การท่าเรือแห่งประเทศไทยสงวนสิทธิในการงดให้บริการเงินเชื่อ และจะหักชำระหนี้จากเงินสด หรือเช็คธนาคารที่วางประกัน หรือใช้สิทธิเรียกเก็บจากธนาคารผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี การยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ข้อ ๑๖ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สงวนสิทธิในการยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑๖.๑ หนี้ค้างชำระเกินเงินที่วางไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ หรือเกินวงเงินที่ธนาคารค้ำประกันตามข้อ ๑๓ ๑๖.๒ ไม่ชำระหนี้ หรือค่าเบี้ยปรับตามข้อกำหนดในข้อ ๑๕ ๑๖.๓ หนังสือสัญญาค้ำประกันหมดอายุ ข้อ ๑๗ ผู้ใช้บริการที่ถูกยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ถ้าประสงค์จะขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่ออีก จะต้องชำระหนี้ค้างอยู่ให้หมดสิ้น และต้องชำระค่าธรรมเนียมการขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อครั้งใหม่จำนวน ๓,๐๐๐ บาท การขอแก้ไขใบแจ้งหนี้ และการขอคืนเงินที่ชำระไว้เกิน ข้อ ๑๘ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่า หนี้ตามใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง ให้ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง ภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้ใช้บริการต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้นั้น ข้อ ๑๙[๙] ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าได้ชำระเงินไว้เกิน ให้ส่งต้นฉบับหรือสำเนาใบเสร็จรับเงินพร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง แล้วแต่กรณี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับชำระเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะถือว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องแล้ว ข้อ ๒๐ การทักท้วงใบแจ้งหนี้ตามข้อ ๑๘ หากผลตรวจสอบปรากฏว่า การออกใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องแล้ว ผู้ใช้บริการต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้น ภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้คืน และต้องชำระค่าเบี้ยปรับเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๕ ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ฉบับนั้น แต่ไม่เกินฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท แต่ถ้ามีการผิดพลาดตามที่ทักท้วง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้ถูกต้อง และผ่อนผันให้ชำระหนี้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ใหม่ ข้อ ๒๑ ใบแจ้งหนี้ค่าภาระ หรือค่าบริการ ซึ่งออกตามเอกสารมูลหนี้ที่ผู้ใช้บริการแจ้งไว้ หากมีการทักท้วงภายหลังว่าข้อมูลที่แจ้งไว้ผิดพลาด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่พิจารณาคำร้อง จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นเสียก่อน หากมิได้ดำเนินการจนพ้นระยะเวลาผ่อนผัน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการตามข้อ ๑๕ ข้อ ๒๒ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ พยุงกิจ จิวะมิตร รองผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ภาคผนวก ก.[๑๐] (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๓)[๑๑], (แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๓)[๑๒], (แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๖.๑)[๑๓] ๒. ภาคผนวก ข.[๑๔] (ลำดับที่ ๑๒)[๑๕] ๓. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) [๑๖] ๔. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) [๑๗] (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕[๑๘] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๕ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗[๑๙] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๘[๒๐] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๘[๒๑] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘[๒๒] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๓[๒๓] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘[๒๔] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๕] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๖] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๗] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการ ฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงาน ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๘] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๖๑[๒๙] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๑[๓๐] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการกำหนดวิธีปฏิบัติ และรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อทราบหรือพิจารณาสั่งการต่อไป กัญฑรัตน์/จัดทำ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ปัญญา/ตรวจ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วิศนี/เพิ่มเติม ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ กัญฑรัตน์/เพิ่มเติม ๒๙ กันยายน ๒๕๕๙ ปวันวิทย์/เพิ่มเติม ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ ชญานิศ/เพิ่มเติม ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ ปริญสินีย์/ตรวจ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๖๓ ง/หน้า ๓๕/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๕ [๒] ข้อ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๓] ข้อ ๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๔] ข้อ ๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๕] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๖] ข้อ ๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ [๗] ข้อ ๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๘] ข้อ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๙] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ [๑๐] ภาคผนวก ก. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๑] ภาคผนวก ก (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๒] ภาคผนวก ก (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ [๑๓] ภาคผนวก ก (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๖.๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๑ [๑๔] ภาคผนวก ข. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๕] ภาคผนวก ข (ลำดับที่ ๑๒). แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๖] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๗] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๙๒ ง/หน้า ๑๘/๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ [๑๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๗๙/๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ [๒๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๓๔/๖ ตุลาคม ๒๕๔๘ [๒๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๑๑๐ ง/หน้า ๔๘/๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ [๒๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๑/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๓/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๖/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๘/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๑/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๒๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๒/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๒๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๗๕ ง/หน้า ๑/๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ [๒๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอน ๓๑ ง/หน้า ๑/๒๖ เมษายน ๒๕๖๑ [๓๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๗๖ ง/หน้า ๗/๔ ตุลาคม ๒๕๖๑
762122
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2543 (ฉบับ Update ล่าสุด)
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓[๑] โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๘ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๑) และมาตรา ๒๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๘ บรรดาข้อบังคับ ระเบียบ มติ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีหน้าที่ตีความ และวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ รวมทั้งให้มีอำนาจออกคำสั่ง หรือระเบียบปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้ หมวด ๑ ข้อความทั่วไป ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “การท่าเรือ” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย “หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ” หมายความว่า ผู้อำนวยการกองพัสดุ ผู้อำนวยการกองบริการ ฝ่ายการร่องน้ำ ผู้อำนวยการกองกลาง ท่าเรือแหลมฉบัง หรือพนักงานอื่นซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้อำนวยการให้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ แล้วแต่กรณี “เจ้าหน้าที่พัสดุ” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการพัสดุ หรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง หรือได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการ ให้มีหน้าที่หรือปฏิบัติงานเกี่ยวกับพัสดุ ตามระเบียบนี้ “พัสดุ” หมายความว่า ที่ดิน สิ่งก่อสร้างหรืออาคาร ครุภัณฑ์ อุปกรณ์ วัสดุและของใช้สิ้นเปลือง ซึ่งใช้ในกิจการของการท่าเรือ “การพัสดุ” หมายความว่า การซื้อ การจ้าง การจ้างที่ปรึกษา การจัดทำเอง การแลกเปลี่ยน การเช่า การควบคุม การจำหน่ายและการดำเนินการอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ “การซื้อ” หมายความว่า การซื้อพัสดุทุกชนิด ทั้งที่มีการติดตั้ง ทดลองและบริการที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ แต่ไม่รวมถึงการจัดหาพัสดุในลักษณะการจ้าง “การจ้าง” หมายความรวมถึง การจ้างทำของ และการรับขน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการจ้างเหมาบริการ แต่ไม่รวมถึงการจ้างลูกจ้างของส่วนงาน ตามระเบียบของการท่าเรือ และการจ้างที่ปรึกษา “การจ้างที่ปรึกษา” หมายความถึง การจ้างบริการจากที่ปรึกษา “ที่ปรึกษา” หมายความว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจหรือสามารถให้บริการเป็นที่ปรึกษาทางวิศวกรรม สถาปัตยกรรม เศรษฐศาสตร์ หรือสาขาอื่น รวมทั้งให้บริการด้านศึกษา สำรวจ ออกแบบและควบคุมงาน และการวิจัย “ส่วนงาน” หมายความว่า หน่วยงานระดับกองขึ้นไป หรือหน่วยงานที่มีฐานะเทียบเท่ากองขึ้นไป “หัวหน้าส่วนงาน” หมายความว่า หัวหน้าของหน่วยงานระดับกองขึ้นไปหรือหัวหน้าของหน่วยงานที่มีฐานะเทียบเท่ากองขึ้นไป และให้หมายความรวมถึงรองผู้อำนวยการการท่าเรือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่าเรือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รองผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง “การจัดทำเอง” หมายความว่า การจัดทำขึ้นมาใหม่ การประกอบ การติดตั้งหรือการซ่อมบำรุงรักษาทรัพย์สินเดิม ให้คงสภาพจนสามารถใช้งานได้โดยพนักงาน “การขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม” หมายความว่า การที่ผู้เสนอราคารายหนึ่งหรือหลายรายกระทำการอย่างใด ๆ อันเป็นการขัดขวางหรือเป็นอุปสรรคหรือไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมในการเสนอราคา หรือเสนองานต่อการท่าเรือ ไม่ว่าจะกระทำโดยการสมยอมกันหรือโดยการให้ ขอให้ หรือรับว่างจะให้เรียก รับ หรือยอมจะรับเงินหรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด หรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือแสดงเอกสารอันเป็นเท็จ หรือกระทำการใดโดยทุจริต ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะแสวงหาประโยชน์ในระหว่างผู้เสนอราคาด้วยกัน หรือเพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้เสนอราคารายหนึ่งรายใดเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับการท่าเรือ หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือเพื่อให้เกิดความได้เปรียบ โดยมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ “ผู้เสนอราคา” หมายความว่า บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่เข้าเสนอราคาในการซื้อการจ้าง หรือเข้าเสนองานในการจ้างที่ปรึกษาของการท่าเรือ “ผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน” หมายความว่า ผู้เสนอราคา ซึ่ง ณ วันประกาศเผยแพร่การสอบราคา ประกวดราคา หรือเสนองาน เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจการของผู้เสนอราคาอื่นที่เข้าเสนอราคา หรือเสนองานในคราวเดียวกัน การมีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมดังกล่าว ได้แก่ การที่ผู้เสนอราคานั้น ๆ มีความสัมพันธ์กันในลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) มีความสัมพันธ์กันในเชิงบริหาร โดยผู้จัดการ หุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงานในกิจการของบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลรายหนึ่ง มีอำนาจหรือสามารถใช้อำนาจในการบริหารจัดการกิจการของบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลอื่นที่เข้าเสนอราคา หรือเสนองานในคราวเดียวกัน (๒) มีความสัมพันธ์กันในเชิงทุน โดยผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดชอบในห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดอื่นที่เข้าเสนอราคา หรือเสนองานในคราวเดียวกัน คำว่า “ผู้ถือหุ้นรายใหญ่” ให้ความหมายว่า ผู้ถือหุ้นซึ่งถือหุ้นเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าในกิจการนั้น หรือในอัตราอื่นตามที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น เห็นสมควรประกาศกำหนดสำหรับกิจการบางประเภทหรือบางขนาด (๓) มีความสัมพันธ์กันในลักษณะไขว้กันระหว่าง (๑) และ (๒) โดยผู้จัดการหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงานในกิจการของบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดอื่นที่เข้าเสนอราคา หรือเสนองานในคราวเดียวกัน หรือในนัยกลับกัน การดำรงตำแหน่งการเป็นหุ้นส่วน หรือการเข้าถือหุ้นดังกล่าวข้างต้นของคู่สมรสหรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลใน (๑) (๒) หรือ (๓) ให้ถือว่าเป็นการดำรงตำแหน่ง การเป็นหุ้นส่วน หรือการถือหุ้นของบุคคลดังกล่าว ในกรณีบุคคลใดใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นผู้จัดการ หุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร ผู้เป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น โดยที่ตนเองเป็นผู้ใช้อำนาจในการบริหารที่แท้จริงหรือเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นที่แท้จริงของห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด แล้วแต่กรณี และห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดที่เกี่ยวข้องเข้าเสนอราคา หรือเสนองานในคราวเดียวกัน ให้ถือว่าผู้เสนอราคานั้น ๆ มีความสัมพันธ์กันตาม (๑) (๒) หรือ (๓) แล้วแต่กรณี ข้อ ๖ ในกรณีที่ผู้อำนวยการกองพัสดุ หรือผู้อำนวยการกองบริการ ฝ่ายการร่องน้ำ หรือผู้อำนวยการกองกลาง ท่าเรือแหลมฉบัง หรือพนักงานที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ได้ ก็ให้ผู้ดำรงตำแหน่งระดับเหนือขึ้นไป ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุแทน ข้อ ๗ ผู้มีอำนาจหรือหน้าที่ดำเนินการตามระเบียบนี้ หรือพนักงานผู้ใดกระทำการโดยจงใจ หรือประมาท เลินเล่อไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ หรือกระทำการโดยมีเจตนาทุจริตหรือปราศจากอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ รวมทั้งมีพฤติกรรมที่เอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าเสนอราคาให้มีการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยตามข้อบังคับ ว่าด้วยระเบียบวินัยและการลงโทษพนักงานที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น การลงโทษทางวินัยข้างต้น ไม่เป็นเหตุให้ผู้กระทำผิดหลุดพ้นจากความรับผิดทางอาญาหรือทางแพ่ง (ถ้ามี) แต่ประการใด ข้อ ๘ ระเบียบนี้ ใช้สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับการพัสดุ โดยใช้เงินงบประมาณของการท่าเรือ เงินงบประมาณเพิ่มเติม เงินกู้ หรือเงินที่ได้รับตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หากมีการพัสดุใดที่ไม่มีกำหนดไว้ในระเบียบนี้ ก็ให้นำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นมาใช้ปฏิบัติ โดยอนุโลม หมวด ๒ การจัดหา ข้อ ๙ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอนของการจัดหา ต้องดำเนินการโดยเปิดเผย โปร่งใส และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม โดยคำนึงถึงคุณสมบัติและความสามารถของผู้เสนอราคา เว้นแต่กรณีที่มีลักษณะเฉพาะอันเป็นข้อยกเว้นตามที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ในการดำเนินการแต่ละขั้นตอน ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องมีการบันทึกหลักฐานในการดำเนินการ พร้อมทั้งต้องระบุเหตุผลในการพิจารณาสั่งการในขั้นตอนที่สำคัญไว้เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม ผู้เสนอราคาที่มีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาในการซื้อหรือจ้างโดยวิธีสอบราคา ประกวดราคา หรือการจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือกในแต่ละครั้ง จะต้องไม่เป็นผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกันในการตรวจสอบคุณสมบัติ ให้ระบุในเอกสารสอบราคา เอกสารประกวดราคา หรือหนังสือเชิญชวนเสนองาน กำหนดให้ผู้เสนอราคายื่นเอกสารแสดงคุณสมบัติแยกมาต่างหาก โดยอย่างน้อยต้องมีเอกสาร ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีผู้เสนอราคาเป็นนิติบุคคล ให้ยื่นสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล หนังสือบริคณห์สนธิ บัญชีรายชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้มีอำนาจควบคุม และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ พร้อมทั้งรับรองสำเนาถูกต้อง (๒) ในกรณีผู้เสนอราคาเป็นบุคคลธรรมดา หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลให้ยื่นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้นั้น สำเนาข้อตกลงที่แสดงถึงการเข้าเป็นหุ้นส่วน (ถ้ามี) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เป็นหุ้นส่วน พร้อมทั้งรับรองสำเนาถูกต้อง (๓) ในกรณีที่ผู้เสนอราคาเป็นผู้เสนอราคาร่วมกันในฐานะเป็นผู้ร่วมค้าให้ยื่นสำเนาสัญญาของการเข้าร่วมค้า สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ร่วมค้าและในกรณีที่ผู้เข้าร่วมค้าฝ่ายใดเป็นบุคคลธรรมดาที่มิได้ถือสัญชาติไทย ก็ให้ยื่นสำเนาหนังสือเดินทางหรือถ้าผู้ร่วมค้าฝ่ายใดเป็นนิติบุคคลให้ยื่นเอกสารตาม (๑) การยื่นเอกสารแสดงคุณสมบัติดังกล่าว ให้ยื่นพร้อมกับการยื่นซองสอบราคาประกวดราคา หรือเสนองาน สำหรับการจ้างที่ปรึกษาที่กำหนดให้ยื่นซองข้อเสนอด้านเทคนิคเพียงซองเดียวตามข้อ ๗๘ (๒) ให้ยื่นมาพร้อมกับการยื่นซองดังกล่าว ให้คณะกรรมการเปิดซองสอบราคา คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาหรือคณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือก แล้วแต่กรณี ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาว่าเป็นผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกันหรือไม่ โดยดำเนินการไปพร้อมกับการดำเนินการตามข้อ ๓๔ (๒) ข้อ ๔๒ (๑) ข้อ ๗๙ หรือข้อ ๘๐ แล้วแต่กรณี หากปรากฏว่ามีผู้เสนอราคา เป็นผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ให้ตัดผู้เสนอราคาดังกล่าวทุกรายออกจากการเป็นผู้มีสิทธิได้รับการพิจารณาในการเสนอราคา หรือเสนองานครั้งนั้น พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้เสนอราคาดังกล่าวทราบโดยพลัน ผู้เสนอราคาที่ถูกต้องออกจากการเป็นผู้มีสิทธิได้รับการพิจารณา เพราะเหตุเป็นผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน อาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อผู้อำนวยการภายใน ๓ วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง พร้อมทั้งแสดงเหตุผลของการอุทธรณ์และเอกสารที่เกี่ยวข้องมาด้วย ให้ผู้อำนวยการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พร้อมทั้งแจ้งผลให้ผู้อุทธรณ์ทราบโดยพลัน การวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้อำนวยการ ถือเป็นที่สุดสำหรับการเสนอราคาหรือเสนองานครั้งนั้น ในกรณีที่ผู้อำนวยการพิจารณาเห็นด้วยกับคำคัดค้านของผู้ยื่นอุทธรณ์ และเห็นว่าการยกเลิกการสอบราคา ประกวดราคาหรือเสนองานครั้งนั้น จะเป็นประโยชน์แก่การท่าเรืออย่างยิ่ง ให้ผู้อำนวยการมีอำนาจยกเลิกการสอบราคา ประกวดราคา หรือเสนองานครั้งนั้นได้ นอกจากการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาว่าเป็นผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกันหรือไม่แล้ว หากปรากฏว่า ก่อนหรือในขณะที่ทำการเปิดซองสอบราคา ประกวดราคา หรือเสนองาน ได้มีผู้เสนอราคากระทำการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ให้คณะกรรมการตามวรรคสี่ ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากเชื่อได้ว่ามีการกระทำการเช่นนั้นจริง ให้คณะกรรมการตามวรรคสี่ตัดผู้เสนอราคาที่กระทำการดังกล่าวทุกรายออกจากการเป็นผู้มีสิทธิได้รับการพิจารณาในการเสนอราคา หรือเสนองานครั้งนั้น พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้เสนอราคาดังกล่าวทราบโดยพลัน เว้นแต่กรณีที่วินิจฉัยได้ว่าผู้เสนอราคานั้นเป็นผู้ที่ให้ความร่วมมือเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา และมิได้เป็นผู้ริเริ่มให้มีการกระทำดังกล่าว จะไม่ตัดผู้เสนอราคานั้นออกจากการเป็นผู้มีสิทธิได้รับการพิจารณาก็ได้ ผู้เสนอราคาที่ถูกตัดออกจากการเป็นผู้มีสิทธิได้รับการพิจารณา เพราะเหตุเป็นผู้กระทำการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ให้นำความในวรรคห้ามาใช้กับกรณีนี้โดยอนุโลม ผู้เสนอราคาที่เป็นผู้กระทำการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือกระทำการโดยไม่สุจริต หรือมีการสมยอมกันในการเสนอราคา จะถูกพิจารณาลงโทษเสมือนเป็นผู้ทิ้งงานตามข้อ ๑๐๖ ข้อ ๑๐ การจัดหาในหมวดนี้ ให้ส่งเสริมพัสดุที่ผลิตภายในประเทศ หรือกิจการของคนไทย และให้ถือปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุเกี่ยวกับการใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและกิจการของคนไทย โดยอนุโลม ส่วนที่ ๑ : การซื้อและการจ้าง วิธีซื้อและวิธีจ้าง ข้อ ๑๑ การซื้อหรือการจ้าง กระทำได้ ๕ วิธี คือ (๑) วิธีตกลงราคา (๒) วิธีสอบราคา (๓) วิธีประกวดราคา (๔) วิธีพิเศษ (๕) วิธีการพิเศษ (๖)[๒] วิธีประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๑๒ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีตกลงราคา ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ข้อ ๑๓ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีสอบราคา ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ข้อ ๑๔ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีประกวดราคา ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ข้อ ๑๕ การซื้อหรือการจ้างตามข้อ ๑๒ และข้อ ๑๓ ถ้าผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามข้อ ๕๙ เห็นสมควร จะสั่งให้กระทำโดยวิธีที่กำหนดไว้สำหรับวงเงินที่สูงกว่าก็ได้ การแบ่งซื้อหรือแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะซื้อหรือจ้างในครั้งเดียวกัน เพื่อให้วงเงินต่ำกว่าที่กำหนด โดยวิธีหนึ่งวิธีใด หรือเพื่อให้อำนาจสั่งซื้อหรือสั่งจ้างเปลี่ยนไปจะกระทำมิได้ การซื้อหรือจ้างที่จะมีการตกลงซื้อหรือจ้างเป็นระยะเวลา รวมถึงการเช่าสังหาริมทรัพย์ หรืออสังหาริมทรัพย์ครั้งหนึ่ง จะมีกำหนดระยะเวลาในการซื้อหรือจ้าง หรือเช่าเกินกว่า ๑ ปีก็ได้ ข้อ ๑๖ การซื้อโดยวิธีพิเศษ ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้กระทำได้เฉพาะกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นพัสดุที่จะขายทอดตลาด โดยส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การระหว่างประเทศ หรือหน่วยงานของต่างประเทศ (๒) เป็นพัสดุเพื่อใช้ในงานลับ (๓) เป็นพัสดุที่ต้องซื้อเร่งด่วน หากล่าช้าอาจจะเสียหายแก่การท่าเรือ (๔) เป็นพัสดุที่จำเป็นต้องซื้อโดยตรงจากต่างประเทศ หรือดำเนินการโดยผ่านองค์การระหว่างประเทศ (๕) เป็นพัสดุที่โดยลักษณะของการใช้งานหรือมีข้อจำกัดทางเทคนิคที่จำเป็นต้องระบุยี่ห้อเป็นการเฉพาะ ซึ่งหมายความรวมถึง อะไหล่ หรือรถประจำตำแหน่ง (๖) เป็นพัสดุที่เป็นที่ดินและหรือสิ่งก่อสร้างที่จำเป็นต้องซื้อเฉพาะแห่ง (๗) เป็นพัสดุที่ได้ดำเนินการซื้อโดยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผลดี ข้อ ๑๗ การจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้แก่ การจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้กระทำได้เฉพาะกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นงานที่ต้องจ้างช่างผู้มีฝีมือโดยเฉพาะ หรือผู้มีความชำนาญเป็นพิเศษ (๒) เป็นงานจ้างซ่อมพัสดุที่จำเป็นต้องถอดตรวจให้ทราบความชำรุดเสียหายเสียก่อน จึงจะประมาณค่าซ่อมได้ เช่น งานจ้างซ่อมเครื่องจักร เครื่องมือกล เครื่องยนต์ เครื่องไฟฟ้า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ หรือตัวเรือและอุปกรณ์ใต้แนวน้ำ เป็นต้น (๓) เป็นงานที่ต้องกระทำโดยเร่งด่วน หากล่าช้าอาจจะเสียหายแก่การท่าเรือ (๔) เป็นงานที่ต้องปกปิดเป็นความลับของการท่าเรือ หรือของทางราชการ (๕) เป็นงานที่ได้ดำเนินการจ้างโดยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผลดี ข้อ ๑๘ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างในกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) การซื้อหรือการจ้างจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นผู้ทำหรือผลิตพัสดุนั้น ๆ ขึ้นเอง (๒) การซื้อหรือการจ้างที่มีกฎหมายหรือมีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้ต้องซื้อหรือจ้างจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นหรือรัฐวิสาหกิจ รายงานขอซื้อหรือขอจ้าง ข้อ ๑๙ ส่วนงานที่มีความประสงค์จะให้จัดซื้อพัสดุหรือจ้าง จะต้องจัดทำคำขอตามแบบหรือจัดทำเป็นรายงาน แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่พัสดุดำเนินการต่อไป ข้อ ๒๐ นอกจากการซื้อที่ดินและหรือสิ่งก่อสร้าง แบบคำขอหรือรายงานอย่างน้อยให้มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องซื้อหรือจ้าง (๒) รายการละเอียดของพัสดุที่จะซื้อหรืองานที่จะจ้าง (๓) ข้อกำหนดมาตรฐานของพัสดุหรือแบบรูปของงานที่จะจ้าง (๔) ราคาต่อหน่วยหรือต่อรายการ (ถ้ามี) วงเงินที่จะซื้อหรือจ้าง โดยให้ระบุประเภทรายการและวงเงินงบประมาณที่จะซื้อหรือจ้างในครั้งนั้น (๕) กำหนดเวลาที่ต้องการใช้พัสดุนั้น หรือใช้งานนั้นแล้วเสร็จ ข้อ ๒๑ แบบคำขอหรือรายงานซื้อที่ดินและหรือสิ่งก่อสร้างอย่างน้อยให้มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องซื้อ (๒) รายละเอียดของที่ดินและหรือสิ่งก่อสร้างที่ต้องการซื้อ รวมทั้งเนื้อที่และท้องที่ที่ต้องการ (๓) ราคาประเมินของทางราชการในท้องที่นั้น ข้อ ๒๒ เมื่อเจ้าหน้าที่พัสดุได้รับคำขอหรือรายงานตามข้อ ๒๐ หรือ ๒๑ แล้วให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ตรวจสอบราคาที่เคยซื้อหรือจ้างครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ หรือราคามาตรฐานของทางราชการ (ถ้ามี) (๒) กำหนดวิธีที่จะซื้อหรือจ้างและข้อเสนออื่น ๆ เช่น การขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จำเป็นในการซื้อหรือจ้าง การออกประกาศสอบราคา หรือประกาศประกวดราคา สำหรับการซื้อที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง ให้เสนอให้ดำเนินการติดต่อกับเจ้าของโดยตรง (๓) รายงานผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามข้อ ๕๙ เพื่อขออนุมัติดำเนินการตามขั้นตอนของแต่ละวิธี การคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้น ข้อ ๒๓ การซื้อหรือการจ้างที่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะผู้ที่มีความสามารถ โดยคัดเลือกคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิเข้าเสนอราคาก่อนที่จะดำเนินการจัดซื้อหรือจ้างให้ส่วนงานเจ้าของเรื่องจัดทำรายงานเสนอขออนุมัติผู้อำนวยการ พร้อมด้วยเอกสารการคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้น โดยให้มีรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (๑) เหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้น (๒) ประเภท วงเงิน และรายละเอียดของพัสดุที่จะซื้อหรืองานที่จะจ้าง (๓) คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก ซึ่งเป็นเกณฑ์ความต้องการขั้นต่ำ เช่น ประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมา สมรรถภาพในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ เครื่องมือและโรงงาน ฐานะการเงิน เป็นต้น (๔) หลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือก ข้อ ๒๔ เมื่อผู้อำนวยการอนุมัติในข้อ ๒๓ แล้ว ให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำประกาศเชิญชวนเพื่อคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้น พร้อมทั้งเสนอผู้อำนวยการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นด้วย ข้อ ๒๕ ใบประกาศเชิญชวนเพื่อการคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้น อย่างน้อยให้แสดงรายการ ดังต่อไปนี้ (๑) รายละเอียดเฉพาะของพัสดุที่ต้องการซื้อหรืองานที่ต้องการจ้าง (๒) ประสบการณ์และผลงานของผู้เสนอที่มีลักษณะและประเภทเดียวกัน (๓) สมรรถภาพในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ เครื่องมือและโรงงาน (๔) ฐานะการเงิน (๕) หลักเกณฑ์ทั่วไปในการพิจารณาคัดเลือก (๖) สถานที่ขอรับหรือขอซื้อเอกสารคุณสมบัติเบื้องต้น พร้อมวันหมดเขตการขอรับเอกสาร (๗) สถานที่ วันและเวลารับข้อเสนอ ปิดการรับข้อเสนอและเปิดซองข้อเสนอ ให้ประกาศโฆษณาและแจ้งลักษณะโดยย่อของพัสดุที่ต้องการซื้อ หรืองานที่ต้องการจ้างและกำหนดเวลาให้พอเพียง เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้ที่สนใจจัดเตรียมข้อเสนอ ทั้งนี้ จะต้องกระทำก่อนวันรับซองข้อเสนอไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน โดยประกาศทางวิทยุกระจายเสียงหรือลงประกาศในหนังสือพิมพ์ของทางราชการ หากเห็นสมควรจะส่งใบประกาศไปยังผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้นโดยตรง หรือโฆษณาด้วยวิธีอื่นอีกก็ได้ ข้อ ๒๖ ให้ผู้อำนวยการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นโดยให้มีองค์ประกอบเช่นเดียวกับคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา เพื่อทำหน้าที่พิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น ตามหลักเกณฑ์และภายในระยะเวลาที่ผู้อำนวยการกำหนด เมื่อได้ดำเนินการไปแล้วได้ผลประการใด ให้เสนอความเห็นพร้อมด้วยเอกสารที่ได้รับทั้งหมดต่อผู้อำนวยการผ่านหัวหน้าส่วนงานที่รับผิดชอบในการจัดหาครั้งนั้นเพื่อสั่งการต่อไป ข้อ ๒๗ ในกรณีที่มีการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้างของการท่าเรือ กรรมการ ข้อ ๒๘ ในการดำเนินการซื้อหรือจ้างแต่ละครั้ง ให้ผู้อำนวยการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อปฏิบัติตามระเบียบนี้ พร้อมกับกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาของคณะกรรมการ แล้วแต่กรณี คือ (๑) คณะกรรมการเปิดซองสอบราคา (๒) คณะกรรมการรับและเปิดซองประกวดราคา (๓) คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา (๔) คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ (๕) คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ (๖) คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ (๗) คณะกรรมการตรวจการจ้าง การดำเนินการซื้อหรือจ้างภายในวงเงินที่อยู่ในอำนาจสั่งการของผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามข้อ ๕๙ ให้ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจนั้น ๆ เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ ให้คณะกรรมการแต่ละคณะ รายงานผลการพิจารณาต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้ามีเหตุผลที่ทำให้การรายงานล่าช้า ให้เสนอผู้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาขยายเวลาให้ตามความจำเป็น แต่ถ้าผู้แต่งตั้งคณะกรรมการไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รายงานต่อผู้รักษาการแทนผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามข้อ ๕๙ ระดับเหนือขึ้นไป แล้วแต่กรณี ในกรณีที่ผู้อำนวยการเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ ผู้อำนวยการอาจมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งรองลงไปเป็นผู้รับทราบรายงานของคณะกรรมการตาม (๖) หรือ (๗) แทนก็ได้ ข้อ ๒๙ คณะกรรมการตามข้อ ๒๘ แต่ละคณะให้ประกอบด้วย ประธานกรรมการ ๑ คน และกรรมการอย่างน้อย ๒ คน โดยปกติให้แต่งตั้งจากพนักงานตั้งแต่ระดับ ๖ ขึ้นไป ในกรณีจำเป็น หรือเพื่อประโยชน์ของการท่าเรือ จะแต่งตั้งบุคคลที่มิใช่พนักงานร่วมเป็นกรรมการด้วยก็ได้ ถ้าประธานกรรมการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ผู้แต่งตั้งคณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นทำหน้าที่ประธานกรรมการแทน ในกรณีเมื่อถึงกำหนดเวลาการเปิดซองสอบราคา หรือรับซองประกวดราคาแล้วประธานกรรมการยังไม่มาปฏิบัติหน้าที่ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานกรรมการในเวลานั้น โดยให้คณะกรรมการดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่เฉพาะข้อ ๓๔ (๑) หรือข้อ ๔๑ แล้วแต่กรณี แล้วรายงานประธานกรรมการ เพื่อดำเนินการต่อไป ในการซื้อหรือจ้างครั้งเดียวกัน ห้ามแต่งตั้งผู้ที่เป็นกรรมการรับและเปิดซองประกวดราคาเป็นกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา หรือแต่งตั้งผู้ที่เป็นกรรมการเปิดซองสอบราคา หรือกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา เป็นกรรมการตรวจรับพัสดุ คณะกรรมการทุกคณะ เว้นแต่คณะกรรมการรับและเปิดซองประกวดราคาควรแต่งตั้งผู้ชำนาญการหรือผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับพัสดุหรืองานจ้างนั้น ๆ เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย สำหรับการซื้อหรือจ้างในวงเงินไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท จะแต่งตั้งพนักงานตั้งแต่ระดับ ๖ ขึ้นไปคนหนึ่ง ซึ่งมิใช่ผู้จัดซื้อหรือจัดจ้างเป็นผู้ตรวจรับพัสดุหรือผู้ตรวจงานจ้างนั้น โดยให้ปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกับคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ หรือคณะกรรมการตรวจการจ้างก็ได้ ข้อ ๓๐ ในการประชุมพิจารณาและรายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการแต่ละคณะ ต้องมีประธานกรรมการและกรรมการอีกไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด เป็นองค์ประชุมและลงนามในรายงานนั้น การประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานกรรมการและกรรมการแต่ละคนมีเสียงหนึ่งในการลงมติ มติของที่ประชุมถือเป็นมติของคณะกรรมการโดยให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานกรรมการออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด เว้นแต่มติของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุและคณะกรรมการตรวจการจ้าง ให้ถือมติเอกฉันท์ ในกรณีกรรมการบางคนไม่ยอมรับพัสดุหรืองานจ้างนั้น โดยทำความเห็นแย้งไว้ให้นำความในข้อ ๕๒ (๗) หรือข้อ ๕๔ (๕) แล้วแต่กรณี มาใช้บังคับ สำหรับกรรมการคณะอื่นถ้าผู้ใดไม่เห็นด้วย ให้ทำบันทึกความเห็นแย้งไว้ด้วย วิธีตกลงราคา ข้อ ๓๑ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีตกลงราคา ให้เจ้าหน้าที่พัสดุต่อรอง และตกลงราคากับผู้ขายหรือผู้รับจ้างโดยตรง แล้วนำเสนอเพื่อขออนุมัติซื้อหรือจ้างต่อผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามข้อ ๕๙ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีตกลงราคา ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วนที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายไว้ก่อนและไม่อาจดำเนินการตามปกติได้ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติงานนั้นดำเนินการไปก่อน แล้วรีบรายงานขอความเห็นชอบต่อผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามข้อ ๕๙ และเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วให้ถือว่ารายงานดังกล่าวเป็นหลักฐานการตรวจรับหรือตรวจการจ้าง โดยอนุโลม วิธีสอบราคา ข้อ ๓๒ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีสอบราคา ให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำเอกสารสอบราคา โดยอย่างน้อยให้แสดงรายการ ดังต่อไปนี้ (๑) รายละเอียดและคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุที่ต้องการซื้อหรืองานที่ต้องการจ้าง และจำนวนที่ต้องการ (๒) คุณสมบัติของผู้เสนอราคา ซึ่งจะต้องไม่เป็นผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยระบุให้แสดงเอกสารตามข้อ ๙ วรรคสอง และจะต้องมีอาชีพขายหรือรับจ้างตาม (๑) และไม่เป็นผู้ได้รับเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกัน ซึ่งอาจปฏิเสธไม่ยอมขึ้นศาลไทย เว้นแต่รัฐบาลของผู้เสนอราคาจะได้มีคำสั่งให้สละเอกสิทธิ์และความคุ้มกันเช่นว่านั้น (๓) ในกรณีจำเป็นให้ระบุให้ผู้เสนอราคาส่งตัวอย่าง แคตตาล็อก หรือแบบรูปและรายการละเอียดไปพร้อมกับใบเสนอราคา (๔) ถ้าจำเป็นต้องทำการทดสอบหรือตรวจทดลอง ให้กำหนดจำนวนตัวอย่างให้พอแก่การทดสอบหรือตรวจทดลอง และให้มีเหลือไว้สำหรับทำสัญญาด้วย ทั้งนี้ ให้มีข้อกำหนดไว้ด้วยว่าทางการท่าเรือไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นแก่ตัวอย่างที่ส่งมาให้ทดสอบหรือตรวจทดลอง (๕) ข้อกำหนดให้ผู้เสนอราคา เสนอราคารวมทั้งสิ้นและราคาต่อหน่วยหรือต่อรายการ (ถ้าทำได้) พร้อมทั้งระบุหลักเกณฑ์โดยชัดเจนว่าจะพิจารณาราคารวมหรือราคาต่อหน่วยหรือต่อรายการไว้ด้วย ในการจ้างก่อสร้าง ให้กำหนดแบบบัญชีรายการก่อสร้างตามความเหมาะสมของลักษณะและประเภทของงาน เพื่อให้ผู้เสนอราคากรอกปริมาณวัสดุและราคาด้วย (๖) กำหนดระยะเวลายืนราคาเท่าที่จำเป็นต่อทางการท่าเรือ และมีเงื่อนไขด้วยว่าซองเสนอราคาที่ยื่นและได้ลงทะเบียนรับซองแล้วจะถอนคืนมิได้ (๗) กำหนดสถานที่ วัน เวลารับซอง ปิดการรับซอง และเปิดซองสอบราคา (๘) กำหนดสถานที่ส่งมอบพัสดุและวันส่งมอบโดยประมาณ (สำหรับการซื้อ) หรือกำหนดวันที่จะเริ่มทำงานและวันแล้วเสร็จโดยประมาณ (สำหรับการจ้าง) (๙) กำหนดเงื่อนไขการสงวนสิทธิ์ ที่จะถือว่าผู้ที่ไม่ยอมไปทำสัญญาหรือข้อตกลงกับการท่าเรือภายในกำหนด จะถูกลงโทษว่าเป็นผู้ทิ้งงาน (๑๐) กำหนดเงื่อนไขและอัตราการจ่ายเงินล่วงหน้า (ถ้ามี) (๑๑) ข้อกำหนดว่าผู้เสนอราคาที่ได้รับการคัดเลือก จะต้องวางหลักประกันสัญญาตามที่กำหนดในข้อ ๖๐ และข้อ ๖๑ (๑๒) ใบเสนอราคาให้ลงราคารวมทั้งสิ้นเป็นตัวเลขและต้องมีตัวหนังสือกำกับถ้าตัวเลขและตัวหนังสือไม่ตรงกันให้ถือตัวหนังสือเป็นสำคัญ (๑๓) ซองสอบราคาต้องผนึกให้เรียบร้อยก่อนยื่นต่อเจ้าหน้าที่พัสดุด้วยตนเอง หรือผู้แทนได้รับมอบหมายเป็นหนังสือ และจะต้องจัดทำบัญชีรายการเอกสารที่ได้ยื่นนั้นแนบมาพร้อมซองเสนอราคาด้วย (๑๔) สถานที่ติดต่อเกี่ยวกับแบบรูปและรายการละเอียด พร้อมทั้งแบบสัญญาการแบ่งงวดงานและการจ่ายเงิน ในกรณีที่มีการขายให้ระบุราคาขายไว้ด้วย (๑๕) อัตราค่าปรับตามที่กำหนดในข้อ ๑๐๒ (๑๖) ข้อสงวนสิทธิ์ว่าการท่าเรือทรงไว้ซึ่งสิทธิ์ที่จะงดซื้อหรือจ้างหรือเลือกซื้อหรือเลือกจ้าง โดยไม่จำเป็นต้องซื้อหรือจ้างจากผู้เสนอราคาต่ำสุดเสมอไป รวมทั้งจะพิจารณายกเลิกการสอบราคา หากมีเหตุที่เชื่อได้ว่าการดำเนินการสอบราคากระทำไปโดยไม่สุจริต หรือมีการสมยอมกันในการเสนอราคา (๑๗) ในกรณีที่จำเป็นต้องดูสถานที่หรือชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กำหนดสถานที่ วัน เวลาที่นัดหมายไว้ในประกาศด้วย สำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปดูสถานที่หรือรับฟังคำชี้แจง ให้ถือว่าผู้นั้นได้เข้าใจในสภาพของสถานที่และหรือรายละเอียดโดยถ่องแท้แล้ว ข้อ ๓๓ เมื่อดำเนินการตามข้อ ๓๒ แล้ว ให้ดำเนินการ ดังนี้ (๑) ก่อนวันรับซองไม่น้อยกว่า ๑๐ วัน ให้เจ้าหน้าที่พัสดุปิดใบประกาศสอบราคาไว้โดยเปิดเผย ณ ที่ทำการของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการออกประกาศของการท่าเรือ กับให้ส่งใบประกาศดังกล่าวไปยังผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้นโดยตรง หรือโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือไปรษณีย์รับรองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (๒) ให้เจ้าหน้าที่พัสดุรับซองใบเสนอราคาที่ยื่นมาทุกราย โดยไม่เปิดซองเมื่อครบกำหนดเวลารับซองตามประกาศสอบราคาแล้ว ให้ส่งมอบซองใบเสนอราคาพร้อมทั้งรายงานผลการรับซองต่อคณะกรรมการเปิดซองสอบราคา เพื่อดำเนินการต่อไป เมื่อพ้นกำหนดเวลารับซองแล้ว ห้ามรับซองใบเสนอราคาจากผู้หนึ่งผู้ใดอีก ข้อ ๓๔ คณะกรรมการเปิดซองสอบราคา มีหน้าที่ ดังนี้ (๑) เปิดซองใบเสนอราคา ข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและตัวอย่างตามที่ได้ระบุไว้ในเงื่อนไขโดยเปิดเผยต่อหน้าผู้ยื่นซอง หรือผู้แทนเมื่อถึงเวลาเปิดซองแล้วจดราคาจากใบเสนอราคาทุกฉบับลงไว้ในบัญชีเปรียบเทียบราคา และให้คณะกรรมการทุกคนลงลายมือชื่อกำกับไว้ในใบเสนอราคาและบัญชีเปรียบเทียบราคาทุกแผ่น ส่วนเอกสารประกอบใบเสนอราคาทุกแผ่น ให้คณะกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า ๒ คน ลงลายมือชื่อกำกับไว้ (๒) ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคา ใบเสนอราคา แคตตาล็อก หรือแบบรูปและรายการละเอียด แล้วคัดเลือกผู้เสนอราคาที่ถูกต้องตามเงื่อนไขในเอกสารสอบราคา (๓) พิจารณาคัดเลือกพัสดุหรืองานจ้างของผู้เสนอราคาที่ถูกต้องตาม (๒) ที่มีคุณภาพและคุณสมบัติเป็นประโยชน์ต่อการท่าเรือเป็นหลักก่อน แล้วเสนอให้ซื้อหรือจ้างจากรายที่คัดเลือกไว้แล้วซึ่งเสนอราคาต่ำสุดและอยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการที่จะต่อรองราคาหรือไม่ก็ได้ โดยคำนึงถึงราคาที่เจ้าหน้าที่พัสดุเสนอตามข้อ ๒๒ เป็นเครื่องประกอบการพิจารณา ในกรณีที่ผู้เสนอราคาต่ำสุดดังกล่าว ไม่ยอมเข้าทำสัญญาหรือข้อตกลงกับการท่าเรือในเวลาที่กำหนดตามเอกสารสอบราคา ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการที่จะพิจารณาจากผู้เสนอราคาต่ำรายถัดไปตามลำดับ ถ้ามีผู้เสนอราคาเท่ากันหลายราย ให้เรียกผู้เสนอราคาดังกล่าวมาขอให้เสนอราคาใหม่พร้อมกันด้วยวิธียื่นซองเสนอราคา ถ้าปรากฏว่าราคาของผู้เสนอราคารายที่คณะกรรมการเห็นสมควรซื้อหรือจ้างสูงกว่าวงเงินที่จะซื้อหรือจ้าง ให้คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาดำเนินการตามข้อ ๓๕ (๔) ในกรณีที่มีผู้เสนอราคาถูกต้อง ตรงตามรายการละเอียด และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบประกาศสอบราคาเพียงรายเดียว ให้คณะกรรมการดำเนินการตาม (๓) โดยอนุโลม (๕) เมื่อได้ดำเนินการไปแล้วได้ผลประการใด ให้รายงานผลการพิจารณาและความเห็น พร้อมด้วยเอกสารที่ได้รับไว้ทั้งหมดต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสั่งการโดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ ข้อ ๓๕ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีสอบราคาที่ปรากฏว่า ราคาของผู้เสนอราคารายที่คณะกรรมการเห็นสมควรซื้อหรือจ้างยังสูงกว่าวงเงินที่จะซื้อหรือจ้าง ให้คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาดำเนินการตามลำดับ ดังนี้ (๑) เรียกผู้เสนอราคารายนั้น มาต่อรองราคาให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ หากผู้เสนอราคารายนั้นยอมลดราคาลงอยู่ภายในวงเงินที่จะซื้อหรือจ้าง ให้เสนอซื้อหรือจ้างจากผู้เสนอราคารายนั้น (๒) ถ้าผู้เสนอราคาตาม (๑) ไม่ยอมลดราคา หรือลดราคาแล้วแต่ยังสูงกว่าวงเงินที่จะซื้อหรือจ้าง ให้เรียกผู้เสนอราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควรซื้อหรือจ้างทุกรายมาต่อรองราคาใหม่พร้อมกัน ด้วยวิธียื่นซองเสนอราคาภายในกำหนดระยะเวลาอันสมควร หากรายใดไม่มายื่นซองให้ถือว่ารายนั้นยืนตามราคาที่เสนอไว้เดิม ทั้งนี้ ให้เสนอซื้อหรือจ้างจากผู้ที่ลดราคาลงต่ำสุดอยู่ภายในวงเงินที่จะซื้อหรือจ้าง (๓) ถ้าปรากฏว่า ราคาต่ำสุดของรายที่ได้ต่อรองราคาใหม่ยังสูงกว่าวงเงินที่จะซื้อหรือจ้างหรือไม่มีผู้ใดยินยอมลดราคาเลย ให้เสนอความเห็นต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการว่าจะสมควรลดรายการหรือจำนวนหรือเนื้องานลง หรือขอเงินงบประมาณเพิ่มเติม หรือยกเลิกการสอบราคา เพื่อดำเนินการสอบราคาใหม่ วิธีประกวดราคา ข้อ ๓๖ การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีประกวดราคา ให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำเอกสารประกวดราคา โดยให้มีรายการทำนองเดียวกับเอกสารสอบราคาตามข้อ ๓๒ และให้มีรายการดังต่อไปนี้ด้วย (๑) กำหนดให้ผู้เสนอราคาวางหลักประกันซอง และให้มีเงื่อนไขว่าถ้าผู้เข้าประกวดราคาถอนการเสนอราคา หรือไม่ไปทำสัญญาหรือข้อตกลงกับการท่าเรือภายในกำหนด การท่าเรือจะริบหลักประกันซองหรือเรียกร้องจากผู้ออกหนังสือค้ำประกัน และอาจพิจารณาเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายอื่น (ถ้ามี) (๒) คุณสมบัติของผู้เข้าประกวดราคา สำหรับงานจ้างก่อสร้างให้จำกัดเฉพาะผู้มีกิจการรับเหมาก่อสร้างเป็นของตนเองและดำเนินงานส่วนใหญ่ด้วยตนเองเท่านั้น (๓) การประกวดราคาจ้างก่อสร้างซึ่งมีวงเงินตั้งแต่ห้าล้านบาทขึ้นไป ในกรณีจำเป็นต้องให้ผู้เข้าประกวดราคามีผลงานก่อสร้างมาก่อน ให้กำหนดได้ไม่เกินร้อยละห้าสิบของวงเงินที่จะจ้างครั้งนั้น ข้อ ๓๗ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำใบประกาศประกวดราคา โดยให้มีสาระ ดังนี้ (๑) รายการพัสดุที่ต้องการซื้อหรืองานที่ต้องการจ้าง (๒) คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าประกวดราคาอย่างชัดแจ้ง (๓) วัน เวลา รับซอง ปิดรับซอง และเปิดซองประกวดราคา (๔) สถานที่และระยะเวลาในการขอรับหรือขอซื้อเอกสารประกวดราคา และราคาของเอกสาร ก่อนวันเริ่มให้หรือขายเอกสารประกวดราคา ให้เจ้าหน้าที่พัสดุเผยแพร่ข่าวการประกวดราคา โดยให้ดำเนินการ ดังนี้ (๑) ปิดใบประกาศประกวดราคาโดยเปิดเผย ณ ที่ทำการของการท่าเรือ (๒) ส่งไปประกาศทางวิทยุกระจายเสียง และ/หรือประกาศในหนังสือพิมพ์ (๓) ส่งไปเผยแพร่ทางกรมประชาสัมพันธ์ และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (๔) ส่งไปเผยแพร่ทางศูนย์รวมข่าวประกวดราคาของทางราชการ (๕) ส่งให้สำนักตรวจสอบรัฐวิสาหกิจ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมส่งเอกสารประกวดราคาไปด้วย นอกจากการเผยแพร่ตามวิธีข้างต้น หากเห็นสมควรจะส่งใบประกาศประกวดราคาไปยังผู้มีอาชีพขายพัสดุหรือรับจ้างทำงานนั้นโดยตรง หรือจะโฆษณาโดยวิธีอื่นอีกด้วยก็ได้ ในกรณีที่การซื้อหรือการจ้างใดมีรายละเอียดที่มีความซับซ้อน หรือมีความจำเป็นโดยสภาพของการซื้อหรือการจ้างที่ต้องการชี้แจงรายละเอียดหรือชี้สถานที่ ให้กำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการชี้แจงรายละเอียด หรือชี้สถานที่ไว้ในประกาศประกวดราคาด้วย ข้อ ๓๘ การให้หรือขายเอกสารประกวดราคา รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพาะหรือรายละเอียด ให้กระทำ ณ สถานที่ที่สามารถติดต่อได้โดยสะดวกและไม่เป็นเขตหวงห้าม และจะต้องจัดเตรียมไว้ให้มากพอ สำหรับความต้องการของผู้มาขอรับหรือขอซื้อที่มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้นรายละ ๑ ชุด โดยไม่มีเงื่อนไขอื่นในการให้หรือขาย การให้หรือขายเอกสารประกวดราคา ต้องมีช่วงเวลาในการให้หรือขายไม่น้อยกว่า ๗ วันทำการ และจะต้องมีช่วงเวลาสำหรับการคำนวณราคาของผู้ประสงค์จะเข้าเสนอราคาหลังวันปิดการให้หรือขาย ก่อนถึงวันรับซองประกวดราคาไม่น้อยกว่า ๗ วันทำการ โดยคำนึงถึงขนาด ปริมาณ และลักษณะของพัสดุที่จะซื้อหรืองานที่จะจ้าง ในกรณีที่มีการขาย ให้กำหนดราคาพอสมควรกับค่าใช้จ่ายที่เสียไปในการจัดทำเอกสารประกวดราคานั้น ถ้ามีการยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้นและมีการประกวดราคาใหม่ ให้ผู้รับหรือซื้อเอกสารประกวดราคาครั้งก่อนมีสิทธิ์ใช้เอกสารประกวดราคานั้น หรือได้รับเอกสารประกวดราคาใหม่ โดยไม่ต้องเสียค่าซื้อเอกสารประกอบราคาอีก ข้อ ๓๙ ก่อนวันเปิดซองประกวดราคา หากมีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ของการท่าเรือ หรือมีความจำเป็นต้องแก้ไขคุณลักษณะเฉพาะ หรือรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งมิได้กำหนดไว้ในเอกสารประกวดราคาตั้งแต่ต้น ให้จัดทำเป็นเอกสารประกวดราคาเพิ่มเติม แล้วแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ที่ขอรับหรือขอซื้อเอกสารประกวดราคาไปแล้วทุกราย การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากจะเป็นเหตุให้เสนอราคาไม่สามารถยื่นซองประกวดราคาได้ทันตามกำหนดเดิม ให้เลื่อนวัน เวลารับซอง ปิดการรับซอง และเปิดซองประกวดราคา ตามความจำเป็นด้วย การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง โดยมีการเลื่อนวัน เวลารับซอง ปิดการรับซอง และเปิดซองประกวดราคาดังกล่าว หากเป็นการดำเนินการก่อนวันปิดการให้ หรือขายเอกสารประกวดราคา ก็ให้มีการเผยแพร่ข่าว โดยดำเนินการตามข้อ ๓๗ วรรคสอง โดยอนุโลม ข้อ ๔๐ นอกจากกรณีที่กำหนดไว้ตามข้อ ๓๙ เมื่อถึงกำหนดวันรับซองประกวดราคาห้ามมิให้ร่นหรือเลื่อน หรือเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลารับซองและเปิดซองประกวดราคา ข้อ ๔๑ คณะกรรมการรับและเปิดซองประกวดราคา มีหน้าที่ ดังนี้ (๑) รับซองประกวดราคา ลงทะเบียนรับซองไว้เป็นหลักฐาน ลงชื่อกำกับซองกับบันทึกไว้ที่หน้าซองว่าเป็นของผู้ใด (๒) ตรวจสอบหลักประกันซองร่วมกับเจ้าหน้าที่การเงิน และให้เจ้าหน้าที่การเงินออกใบรับให้แก่ผู้ยื่นซองไว้เป็นหลักฐาน หากไม่ถูกต้องให้หมายเหตุในใบรับและบันทึกในรายงานด้วย กรณีหลักประกันซองเป็นหนังสือค้ำประกัน ให้ส่งสำเนาหนังสือค้ำประกันให้ธนาคารหรือบริษัทเงินทุนผู้ออกหนังสือค้ำประกันทราบ โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับด้วย (๓) รับเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ตามบัญชีรายการเอกสารของผู้เสนอราคาพร้อมทั้งพัสดุตัวอย่าง แคตตาล็อก หรือแบบรูปและรายการละเอียด (ถ้ามี) หากไม่ถูกต้องให้บันทึกในรายงานด้วย (๔) เมื่อพ้นกำหนดเวลารับซองแล้ว ห้ามรับซองประกวดราคาหรือเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารประกวดราคาอีก การรับซองประกวดราคาทางไปรษณีย์จะกระทำมิได้ (๕) เปิดซองใบเสนอราคา และอ่านแจ้งราคา พร้อมบัญชีรายการเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของผู้เสนอราคาทุกราย โดยเปิดเผยตามเวลาและสถานที่ที่กำหนดและให้คณะกรรมการทุกคนลงลายมือชื่อกำกับไว้ในใบเสนอราคาทุกแผ่น ส่วนเอกสารประกอบใบเสนอราคาทุกแผ่น ให้คณะกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า ๒ คน ลงลายมือชื่อกำกับไว้ ในกรณีที่มีการยื่นซองข้อเสนอทางเทคนิคและข้อเสนออื่น ๆ แยกจากซองข้อเสนอด้านราคาซึ่งต้องพิจารณาทางเทคนิคและอื่น ๆ ก่อน ตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ตามข้อ ๔๖ และข้อ ๔๘ คณะกรรมการรับและเปิดซองประกวดราคาไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง โดยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาที่จะต้องดำเนินการต่อไป (๖) ส่งมอบใบเสนอราคาทั้งหมด และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ พร้อมบันทึกรายงานการดำเนินการต่อคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาทันทีในวันเดียวกัน ข้อ ๔๒ คณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา มีหน้าที่ ดังนี้ (๑) ตรวจคุณสมบัติของผู้เสนอราคา ใบเสนอราคา เอกสาร หลักฐานต่าง ๆ พัสดุตัวอย่าง แคตตาล็อก หรือแบบรูปและรายการละเอียด แล้วคัดเลือกผู้เสนอราคาที่ถูกต้องตามเงื่อนไขในเอกสารประกวดราคา ในกรณีที่ผู้เสนอราคารายใด เสนอรายละเอียดแตกต่างไปจากเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารประกวดราคาในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และความแตกต่างนั้นไม่มีผลทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบต่อผู้เสนอราคารายอื่น หรือเป็นการผิดพลาดเล็กน้อยให้พิจารณาผ่อนปรน โดยไม่ตัดผู้เข้าประกวดราคารายนั้นออก ในการพิจารณาคณะกรรมการอาจสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้เสนอราคารายใดก็ได้แต่จะให้ผู้เสนอราคารายใดเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญที่เสนอไว้แล้วมิได้ (๒) พิจารณาคัดเลือกสิ่งของหรืองานจ้าง หรือคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่ตรวจสอบแล้วตาม (๑) ซึ่งมีคุณภาพและคุณสมบัติเป็นประโยชน์ต่อการท่าเรือแล้วเสนอให้ซื้อหรือจ้างจากผู้เสนอราคารายที่คัดเลือกไว้แล้ว ซึ่งเสนอราคาต่ำสุด ในกรณีที่ผู้เสนอราคาต่ำสุดดังกล่าวไม่ยอมเข้าทำสัญญา หรือข้อตกลงกับการท่าเรือในเวลาที่กำหนดตามเอกสารประกวดราคา ให้คณะกรมการพิจารณาผู้เสนอราคาต่ำรายถัดไปตามลำดับ ถ้ามีผู้เสนอราคาเท่ากันหลายราย ให้เรียกผู้เสนอราคาดังกล่าวมาขอให้เสนอราคาใหม่พร้อมกันด้วยวิธียื่นซองเสนอราคา ถ้าปรากฏว่า ราคาของผู้เสนอราคา รายที่คณะกรรมการเห็นสมควรซื้อหรือจ้างสูงกว่าวงเงินที่จะซื้อหรือจ้าง ให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาดำเนินการตามข้อ ๓๕ โดยอนุโลม (๓) ให้คณะกรรมการ รายงานผลการพิจารณา และความเห็นพร้อมด้วยเอกสารที่ได้รับไว้ทั้งหมดต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสั่งการหรือดำเนินการต่อไปโดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ ข้อ ๔๓ เมื่อคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาได้พิจารณาตามข้อ ๔๒ (๑) แล้วปรากฏว่า มีผู้เสนอราคารายเดียวหรือมีผู้เสนอราคาหลายรายแต่ถูกต้องตรงตามรายการละเอียดและเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารประกวดราคาเพียงรายเดียว โดยปกติให้เสนอผู้แต่งตั้งคณะกรรมการยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น แต่ถ้าคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาเห็นว่ามีเหตุผลสมควรที่จะดำเนินการต่อไป โดยไม่ต้องยกเลิกประกวดราคา ก็ให้ดำเนินการตามข้อ ๔๒ (๒) โดยอนุโลม ข้อ ๔๔ ในกรณีไม่มีผู้เสนอราคา หรือมีแต่ไม่ถูกต้องตรงตามรายการละเอียดและเงื่อนไขกำหนด ให้เจ้าหน้าที่พัสดุหรือคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา แล้วแต่กรณี เสนอผู้แต่งตั้งคณะกรรมการยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น หากการประกวดราคาใหม่จะไม่ได้ผลดีจะดำเนินการซื้อหรือจ้างโดยวิธีพิเศษตามข้อ ๑๖ (๗) หรือข้อ ๑๗ (๕) แล้วแต่กรณี ก็ได้ ข้อ ๔๕ หลังจากการประกวดราคาแล้วแต่ยังไม่ได้ทำสัญญาหรือตกลงซื้อหรือจ้างกับผู้เสนอราคารายใด ถ้ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของการท่าเรือ เป็นเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในรายการละเอียด หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเอกสารประกวดราคา ซึ่งทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้เข้าเสนอราคาด้วยกันให้เจ้าหน้าที่พัสดุเสนอผู้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณายกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น ข้อ ๔๖ การซื้อหรือการจ้างที่มีลักษณะจำเป็นจะต้องคำนึงถึงเทคโนโลยีของพัสดุและหรือข้อกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าเสนอราคา ซึ่งอาจจะมีข้อเสนอที่ไม่อยู่ในฐานะเดียวกัน เป็นเหตุให้มีปัญหาในการพิจารณาตัดสิน และเพื่อขจัดปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องให้มีการปรับปรุงข้อเสนอให้ครบถ้วนและเป็นไปตามความต้องการก่อนพิจารณาด้านราคา ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับการประกวดราคาทั่วไป เว้นแต่กำหนดให้ผู้เข้าเสนอราคายื่นซองประกวดราคาโดยแยกเป็น (๑) ซองข้อเสนอด้านเทคนิคและข้อเสนออื่น ๆ (๒) ซองข้อเสนอด้านราคา ทั้งนี้ ให้กำหนดวิธีการ ขั้นตอน และหลักเกณฑ์การพิจารณาไว้เป็นเงื่อนไขในเอกสารประกอบราคาด้วย ข้อ ๔๗ เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๔๖ ให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาทำหน้าที่เปิดซองประกวดราคาของผู้เสนอราคาแทนคณะกรรมการรับและเปิดซองตามข้อ ๔๑ (๕) และพิจารณาผลการประกวดราคาตามข้อ ๔๖ โดยถือปฏิบัติตามข้อ ๔๒ ในส่วนที่ไม่ขัดกับการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) พิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคและข้อเสนออื่นของผู้เข้าเสนอราคาทุกรายและคัดเลือกเฉพาะรายที่เสนอได้ตรง หรือใกล้เคียง ตามมาตรฐานความต้องการของการท่าเรือมากที่สุด ในกรณีจำเป็นสามารถเรียกผู้เสนอราคามาชี้แจงในรายละเอียด ข้อเสนอเป็นการเพิ่มเติมข้อหนึ่งข้อใดก็ได้ (๒) เปิดซองราคาเฉพาะรายที่ได้ผ่านการพิจารณาคัดเลือกตาม (๑) แล้ว สำหรับรายที่ไม่ผ่านการพิจารณา ให้ส่งคืนซองข้อเสนอด้านราคาโดยไม่เปิดซอง ข้อ ๔๘ การซื้อหรือการจ้างที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าเสนอราคา ยื่นข้อเสนอทางการเงินมาด้วย ให้กำหนดให้ผู้เสนอราคายื่นซองข้อเสนอทางการเงินแยกมาต่างหากและให้เปิดซองข้อเสนอทางการเงิน พร้อมกับการเปิดซองราคาตามข้อ ๔๗ (๒) เพื่อทำการประเมินเปรียบเทียบต่อไป ทั้งนี้ ให้กำหนดวิธีการ ขั้นตอน และหลักเกณฑ์การพิจารณาไว้เป็นเงื่อนไขในเอกสารการประกวดราคาด้วย วิธีพิเศษ ข้อ ๔๙ การซื้อโดยวิธีพิเศษ ให้คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษดำเนินการ ดังนี้ (๑) ในกรณีเป็นพัสดุจะขายทอดตลาด ให้เจรจาตกลงราคากับหน่วยงานที่จะขายโดยตรง (๒) ในกรณีเป็นพัสดุเพื่อใช้งานลับ ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับ (๓) (๓) ในกรณีเป็นพัสดุที่ต้องซื้อเร่งด่วนหากล่าช้าอาจเสียหายแก่การท่าเรือให้เชิญผู้มีอาชีพขายพัสดุนั้นโดยตรงมาเสนอราคา หากเห็นว่าราคาที่เสนอนั้นยังสูงกว่าราคาในท้องตลาด หรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควร ให้ต่อรองราคาลงเท่าที่จะทำได้ (๔) ในกรณีเป็นพัสดุที่จำเป็นต้องซื้อโดยตรงจากต่างประเทศ ให้เสนอผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อติดต่อสั่งซื้อโดยตรงจากต่างประเทศ หรือสืบราคาจากต่างประเทศโดยขอความร่วมมือให้สถานเอกอัครราชทูตหรือส่วนราชการอื่นในต่างประเทศช่วยสืบราคา คุณภาพ ตลอดจนรายละเอียด ส่วนการซื้อโดยผ่านองค์การระหว่างประเทศให้ติดต่อกับสำนักงานขององค์การระหว่างประเทศที่มีอยู่ในประเทศโดยตรง เว้นแต่กรณีที่ไม่มีสำนักงานในประเทศ ให้ติดต่อกับสำนักงานในต่างประเทศได้ (๕) ในกรณีเป็นพัสดุที่โดยลักษณะของการใช้งานหรือมีข้อจำกัดทางเทคนิคที่จำเป็นต้องระบุยี่ห้อเป็นการเฉพาะ ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับ (๓) (๖) ในกรณีพัสดุที่เป็นที่ดินและหรือสิ่งก่อสร้างซึ่งจำเป็นต้องซื้อเฉพาะแห่งให้เชิญเจ้าของที่ดินโดยตรงมาเสนอราคา หากเห็นว่าราคาที่เสนอนั้นยังสูงกว่าราคาในท้องตลาดหรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควร ให้ต่อรองราคาลงเท่าที่จะทำได้ สำหรับการจัดซื้อที่ดิน และหรือสิ่งก่อสร้างในต่างประเทศ ในกรณีจำเป็นจะติดต่อกับนายหน้า หรือดำเนินการในทำนองเดียวกันตามกฎหมาย หรือประเพณีนิยมท้องถิ่น แทนเจ้าของที่ดินก็ได้ (๗) ในกรณีเป็นพัสดุที่ได้ดำเนินการซื้อโดยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผลดี ให้สืบราคาจากผู้มีอาชีพขายพัสดุนั้นโดยตรง และผู้เสนอราคาในการสอบราคา หรือประกวดราคาซึ่งถูกยกเลิกไป (ถ้ามี) หากเห็นว่าผู้เสนอราคารายที่เห็นสมควรซื้อ เสนอราคาสูงกว่าราคาในท้องตลาด หรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควร ให้ต่อรองราคาลงเท่าที่จะทำได้ ให้คณะกรรมการรายงานผลการพิจารณา และความเห็น พร้อมด้วยเอกสารที่ได้รับไว้ทั้งหมดต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อสั่งการหรือดำเนินการต่อไป โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ ข้อ ๕๐ การจ้างโดยวิธีพิเศษ ให้คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษดำเนินการ ดังนี้ (๑) การจ้างโดยวิธีพิเศษตามข้อ ๑๗ (๑) (๒) (๓) และ (๔) ให้เชิญผู้มีอาชีพรับจ้างทำงานนั้นโดยตรงมาเสนอราคา หากเห็นว่าราคาที่เสนอนั้นยังสูงกว่าราคาในท้องถิ่นหรือราคาที่ประมาณได้หรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควร ให้ต่อรองราคาลงเท่าที่จะทำได้ (๒) การจ้างโดยวิธีพิเศษตามข้อ ๑๗ (๕) กรณีเป็นพัสดุที่ได้ดำเนินการจ้างโดยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผลดี ให้สืบราคาจากผู้มีอาชีพรับจ้างทำงานนั้นโดยตรง และผู้เสนอราคาในการสอบราคา หรือประกวดราคาซึ่งถูกยกเลิกไป (ถ้ามี) หากเห็นว่าผู้เสนอราคารายที่เห็นสมควรจ้างเสนอราคาสูงกว่าราคาในท้องถิ่นหรือราคาที่ประมาณได้หรือราคาที่คณะกรรมการเห็นสมควร ให้ต่อรองราคาลงเท่าที่จะทำได้ ให้คณะกรรมการรายงานผลการพิจารณา และความเห็น พร้อมด้วยเอกสารที่ได้รับไว้ทั้งหมดต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสั่งการหรือดำเนินการต่อไป โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ วิธีกรณีพิเศษ ข้อ ๕๑ การดำเนินการซื้อหรือจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ ให้ผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามข้อ ๕๙ สั่งซื้อหรือสั่งจ้างจากส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามข้อ ๑๘ ได้โดยตรง การตรวจรับพัสดุ ข้อ ๕๒ คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ มีหน้าที่ ดังนี้ (๑) ตรวจรับพัสดุ ณ ที่ทำการของผู้ใช้พัสดุนั้น หรือสถานที่ซึ่งกำหนดไว้ในสัญญาหรือข้อตกลง การตรวจรับพัสดุ ณ สถานที่อื่น ในกรณีที่ไม่มีสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้แต่งตั้งคณะกรรมการก่อน (๒) ตรวจรับพัสดุให้ถูกต้องครบถ้วนตามหลักฐานที่ตกลงกันไว้ ในกรณีที่มีการทดลองหรือตรวจสอบในทางเทคนิคหรือทางวิทยาศาสตร์ จะเชิญผู้ชำนาญการหรือผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับพัสดุนั้นมาให้คำปรึกษา หรือส่งพัสดุนั้นไปทดลองหรือตรวจสอบ ณ สถานที่ของผู้ชำนาญการหรือผู้ทรงคุณวุฒินั้น ๆ ก็ได้ ในกรณีจำเป็นที่ไม่สามารถตรวจนับเป็นจำนวนหน่วยทั้งหมดได้ ให้ตรวจรับตามหลักวิชาการสถิติ (๓) โดยปกติให้ตรวจรับพัสดุในวันที่ผู้ขายนำพัสดุมาส่ง และให้ทำการตรวจรับให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วที่สุด (๔) เมื่อตรวจถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้รับพัสดุไว้ และถือว่าผู้ขายได้ส่งมอบพัสดุถูกต้องครบถ้วนตั้งแต่วันที่ผู้ขายนำพัสดุนั้นมาส่ง แล้วมอบแก่เจ้าหน้าที่พัสดุพร้อมกับทำใบตรวจรับ โดยลงชื่อไว้เป็นหลักฐานอย่างน้อยสองฉบับ มอบแก่ผู้ขาย ๑ ฉบับ และเจ้าหน้าที่พัสดุ ๑ ฉบับ เพื่อดำเนินการเบิกจ่ายเงินและรายงานให้ผู้แต่งตั้งคณะกรรมการทราบ ในกรณีที่เห็นว่าพัสดุที่ส่งมอบมีรายละเอียดไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาหรือข้อตกลง ให้รายงานผู้แต่งตั้งคณะกรรมการผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุเพื่อทราบหรือสั่งการ แล้วแต่กรณี (๕) ในกรณีที่ผู้ขายส่งมอบพัสดุถูกต้อง แต่ไม่ครบจำนวน หรือส่งมอบครบจำนวน แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด ถ้าสัญญาหรือข้อตกลงมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นให้ตรวจรับไว้เฉพาะจำนวนที่ถูกต้องโดยถือปฏิบัติตาม (๔) และให้รีบรายงานผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแจ้งให้ผู้ขายทราบภายใน ๓ วันทำการ นับแต่วันตรวจพบ แต่ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิของการท่าเรือที่จะปรับผู้ขาย ในจำนวนที่ส่งมอบไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องนั้น (๖) การตรวจรับพัสดุที่ประกอบกันเป็นชุดหรือเป็นหน่วย ถ้าขาดส่วนประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว จะไม่สามารถใช้การได้โดยสมบูรณ์ ให้ถือว่าผู้ขายยังไม่ได้ส่งมอบพัสดุนั้น และให้รีบรายงานผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแจ้งให้ผู้ขายทราบภายใน ๓ วันทำการ นับแต่วันที่ตรวจพบ (๗) ถ้ากรรมการตรวจรับพัสดุบางคนไม่ยอมรับพัสดุ โดยทำความเห็นแย้งไว้ให้เสนอผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาสั่งการ ถ้าผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสั่งการให้รับพัสดุนั้นได้ จึงดำเนินการตาม (๔) หรือ (๕) แล้วแต่กรณี ข้อ ๕๓ การตรวจรับพัสดุที่ผลิตและนำเข้ามาจากต่างประเทศ ให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนว่าพัสดุที่ซื้อเป็นของใหม่และเป็นของจากต่างประเทศ ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ มีปัญหาสงสัยว่าพัสดุที่ผู้ขายนำมาส่งมอบจะเป็นของใหม่ และหรือเป็นของที่ผลิตจากประเทศที่ระบุไว้ในสัญญาหรือไม่ ให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุขอให้ผู้ขายนำบัญชีราคาสินค้า (INVOICE) และใบขนสินค้าของกรมศุลกากรที่มีรายการสิ่งของที่จะส่งมอบมาแสดงประกอบการพิจารณาตรวจรับด้วย การตรวจการจ้าง ข้อ ๕๔ คณะกรรมการตรวจการจ้าง มีหน้าที่ ดังนี้ (๑) ตรวจและควบคุมงานให้เป็นไปตามแบบรูป รายการละเอียด และข้อกำหนดในสัญญาหรือข้อตกลง โดยจะสั่งเปลี่ยนแปลง แก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดทอนงานจ้างได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อให้เป็นตามแบบรูปรายการละเอียดหรือข้อกำหนดในสัญญาหรือข้อตกลง ถ้าผู้รับจ้างขัดขืนไม่ปฏิบัติตาม ก็สั่งให้หยุดงานนั้นเฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมด แล้วแต่กรณี ไว้ก่อน จนกว่าผู้รับจ้างจะยอมปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำสั่ง ในกรณีที่แบบรูปรายการละเอียดหรือข้อกำหนดในสัญญาหรือข้อตกลงมีความขัดแย้งกัน ให้พิจารณาวินิจฉัย แล้วสั่งให้ทำไปตามแบบรูปรายการละเอียด หรือข้อกำหนดที่เห็นว่าเหมาะสม ในกรณีที่เห็นว่า แม้งานนั้นจะได้เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญาหรือข้อตกลง แต่เมื่อสำเร็จลงแล้วจะไม่เหมาะสมต่อการใช้งาน ให้สั่งพักงานนั้นไว้ก่อน แล้วปรึกษาส่วนงานเจ้าของงาน และจัดทำรายละเอียดในการปรับปรุงแบบรูปรายการละเอียดหรือข้อกำหนด พร้อมราคาและระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเนื่องจากการปรับปรุง เสนอต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อสั่งการหรือดำเนินการต่อไป ในการดำเนินการ ให้มีการจดบันทึกการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง และเหตุการณ์แวดล้อมเป็นรายวัน บันทึกดังกล่าวต้องเก็บรักษาไว้โดยถือว่าเป็นเอกสารสำคัญเพื่อประกอบการตรวจสอบของผู้มีหน้าที่ (๒) ควบคุม ดูแลการปฏิบัติงานของผู้ควบคุมงาน ในกรณีที่มีการแต่งตั้งผู้ควบคุมงาน (๓) ให้ตรวจผลงานที่ผู้รับจ้างส่งมอบภายใน ๓ วันทำการ นับแต่วันที่ประธานกรรมการตรวจการจ้างได้รับทราบการส่งมอบงาน และให้ทำการตรวจรับให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วที่สุด (๔) เมื่อตรวจเห็นเป็นการถูกต้อง ครบถ้วนเป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญาหรือข้อตกลงแล้ว ให้ถือว่าผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานครบถ้วนตั้งแต่วันที่ผู้รับจ้างส่งงานจ้างนั้น และให้ทำใบรับรองผลการปฏิบัติงานทั้งหมดหรือเฉพาะงวด แล้วแต่กรณี โดยลงชื่อไว้เป็นหลักฐานอย่างน้อย ๒ ฉบับ มอบให้แก่ผู้รับจ้าง ๑ ฉบับ และเจ้าหน้าที่พัสดุ ๑ ฉบับ เพื่อทำการเบิกจ่ายเงินและรายงานให้ผู้แต่งตั้งคณะกรรมการทราบ ในกรณีที่เห็นว่าผลงานที่ส่งมอบทั้งหมด หรืองวดใดก็ตาม ไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญาหรือข้อตกลง ให้รายงานผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อทราบหรือสั่งการ แล้วแต่กรณี (๕) ในกรณีที่กรรมการตรวจการจ้างบางคนไม่ยอมรับงานโดยทำความเห็นแย้งไว้ ให้เสนอผู้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาสั่งการ ถ้าผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสั่งการให้รับงานนั้นได้ จึงดำเนินการตาม (๔) ข้อ ๕๕ ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจการจ้าง เห็นความจำเป็นต้องมีผู้ควบคุมงานโดยเฉพาะ ให้ขออนุมัติแต่งตั้งผู้ควบคุมงานขึ้นจากพนักงานที่มีความรู้ ความชำนาญเกี่ยวกับงานนั้น ๆ ให้ผู้ควบคุมงาน รับหน้าที่แทนคณะกรรมการตรวจการจ้างตามข้อ ๕๔ (๑) เฉพาะวรรคหนึ่งและวรรคสี่ และให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการตรวจการจ้างทุกสัปดาห์ หรือตามระยะเวลาที่คณะกรรมการตรวจการจ้างกำหนด อำนาจในการสั่งซื้อหรือสั่งจ้าง ข้อ ๕๖ การสั่งซื้อหรือสั่งจ้างครั้งหนึ่ง นอกจากวิธีพิเศษและวิธีกรณีพิเศษให้เป็นอำนาจของผู้ดำรงตำแหน่ง และภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้อำนวยการ ไม่เกิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒) ประธานกรรมการการท่าเรือ เกิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๓) คณะกรรมการการท่าเรือ เกิน ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ข้อ ๕๗ การสั่งซื้อหรือสั่งจ้างโดยวิธีพิเศษครั้งหนึ่ง ให้เป็นอำนาจของผู้ดำรงตำแหน่งและภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้อำนวยการ ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒) ประธานกรรมการการท่าเรือ เกิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๓) คณะกรรมการการท่าเรือ เกิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ข้อ ๕๘ การสั่งซื้อหรือสั่งจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ ให้ผู้อำนวยการสั่งซื้อหรือสั่งจ้างโดยไม่จำกัดวงเงิน ข้อ ๕๙ ผู้อำนวยการจะมอบอำนาจในการสั่งซื้อหรือสั่งจ้างภายในวงเงินที่มีอำนาจสั่งการตามข้อ ๕๖ (๑) หรือ ๕๗ (๑) หรือ ๕๘ ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ โดยคำนึงถึงระดับ ตำแหน่ง หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้ที่จะได้รับมอบอำนาจเป็นสำคัญ หลักประกัน ข้อ ๖๐ หลักประกันซองหรือหลักประกันสัญญา ให้ใช้หลักประกันอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) เงินสด (๒) เช็คที่ธนาคารเซ็นสั่งจ่าย ซึ่งเป็นเช็คลงวันที่ที่ใช้เช็คนั้นชำระต่อเจ้าหน้าที่หรือก่อนวันนั้นไม่เกิน ๓ วันทำการ (๓) หนังสือค้ำประกันของธนาคารภายในประเทศ ตามแบบที่การท่าเรือกำหนด (๔) หนังสือค้ำประกันของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือบริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการพาณิชย์ และประกอบธุรกิจค้ำประกัน ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยตามรายชื่อบริษัทเงินทุนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งเวียนให้ส่วนราชการต่าง ๆ ทราบแล้ว โดยอนุโลมให้ใช้ ตามตัวอย่างหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ตามแบบที่การท่าเรือกำหนด (๕) พันธบัตรรัฐบาลไทย สำหรับการประกวดราคานานาชาติ ให้ใช้หนังสือค้ำประกันของธนาคารในต่างประเทศที่มีหลักฐานดี เป็นหลักประกันซองได้อีกประการหนึ่ง ข้อ ๖๑ หลักประกันซองและหลักประกันสัญญาในข้อ ๖๐ ให้กำหนดมูลค่าเป็นจำนวนเต็มในอัตราร้อยละห้าของวงเงินหรือราคาพัสดุที่จัดหาครั้งนั้น แล้วแต่กรณี เว้นแต่การจัดหาพัสดุที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ จะกำหนดอัตราสูงกว่าร้อยละห้าแต่ไม่เกินร้อยละสิบก็ได้ ในการทำสัญญาจัดหาพัสดุที่มีระยะเวลาผูกพันตามสัญญาเกิน ๑ ปี และพัสดุนั้นไม่ต้องมีการประกันเพื่อความชำรุดบกพร่อง เช่น พัสดุใช้สิ้นเปลืองให้กำหนดหลักประกันในอัตราร้อยละห้าของราคาพัสดุที่ส่งมอบในแต่ละปีของสัญญาโดยให้ถือว่าหลักประกันนี้เป็นการค้ำประกันตลอดอายุสัญญา และหากในปีต่อไปราคาพัสดุที่ส่งมอบแตกต่างไปจากราคาในรอบปีก่อน ให้ปรับปรุงหลักประกันตามอัตราส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นก่อนครบรอบปีในกรณีที่หลักประกันต้องปรับปรุงในทางที่เพิ่มขึ้นและคู่สัญญาไม่นำหลักประกันมาเพิ่มให้ครบจำนวนภายใน ๑๕ วันก่อนการส่งมอบพัสดุงวดสุดท้ายของปีนั้น ให้การท่าเรือหักจากเงินค่าพัสดุงวดสุดท้ายของปีนั้นที่การท่าเรือจะต้องจ่ายให้เป็นหลักประกันในส่วนที่เพิ่มขึ้น การกำหนดหลักประกันตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง จะต้องระบุไว้เป็นเงื่อนไขในเอกสารสอบราคา หรือเอกสารประกวดราคา และหรือในสัญญาด้วย ในกรณีที่ผู้เสนอราคาหรือคู่สัญญาวางหลักประกันที่มีมูลค่าสูงกว่าที่กำหนดไว้ในระเบียบหรือเอกสารสอบราคาหรือเอกสารประกวดราคาหรือสัญญา ให้อนุโลมรับได้ ข้อ ๖๒ ให้คืนหลักประกันให้แก่ผู้เสนอราคา หรือผู้ขาย หรือผู้รับจ้าง ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (๑) หลักประกันซองให้คืนแก่ผู้เสนอราคาภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้พิจารณาคัดเลือกตามข้อ ๔๒ (๒) เรียบร้อยแล้ว เว้นแต่ผู้เสนอราคารายที่คัดเลือกไว้ซึ่งเสนอราคาต่ำสุด ๓ ราย ให้คืนได้ต่อเมื่อได้ทำสัญญาหรือข้อตกลงกับผู้เสนอราคารายหนึ่งรายใดแล้ว (๒) หลักประกันสัญญาให้คืนให้แก่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างโดยเร็ว และอย่างช้าต้องไม่เกิน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญาแล้ว การซื้อหรือการจ้างที่ไม่ต้องมีการประกันเพื่อความชำรุดบกพร่อง ให้คืนหลักประกันให้แก่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างตามอัตราส่วนของพัสดุ ซึ่งทางการท่าเรือได้รับมอบไว้แล้ว แต่ทั้งนี้ จะต้องระบุไว้เป็นเงื่อนไขในเอกสารสอบราคาหรือเอกสารประกวดราคาและในสัญญาด้วย การคืนหลักประกันที่เป็นหนังสือค้ำประกัน ในกรณีที่ผู้เสนอราคาหรือผู้ขายหรือผู้รับจ้างไม่มารับภายในกำหนดเวลาข้างต้น ให้รีบส่งต้นฉบับหนังสือค้ำประกันคืนให้แก่ผู้เสนอราคา หรือผู้ขายหรือผู้รับจ้าง โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนโดยเร็วพร้อมกับแจ้งให้ผู้ออกหนังสือค้ำประกันทราบด้วย ข้อ ๖๓ ในกรณีที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นผู้เสนอราคาหรือเป็นผู้ขายหรือเป็นผู้รับจ้าง ไม่ต้องวางหลักประกัน การจ่ายเงินล่วงหน้า ข้อ ๖๔ การจ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างจะกระทำมิได้ เว้นแต่การท่าเรือมีความจำเป็นจะต้องจ่าย ให้กระทำได้เฉพาะกรณีและตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) การซื้อหรือการจ้างจากหน่วยราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นหรือรัฐวิสาหกิจ จ่ายได้ไม่เกินร้อยละห้าสิบของราคาซื้อหรือค่าจ้าง (๒) การซื้อพัสดุจากต่างประเทศ โดยดำเนินการผ่านองค์การระหว่างประเทศให้จ่ายได้ตามที่ตกลงกับองค์การนั้น (๓) การบอกรับวารสาร หรือการสั่งจองหนังสือ หรือการจัดซื้อฐานข้อมูลสำเร็จรูป (CD-ROM) ที่มีลักษณะจะต้องบอกรับเป็นสมาชิกก่อนและมีกำหนดการออกเป็นวาระดังเช่นวารสารหรือการบอกรับเป็นสมาชิก INTERNET เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์เรียกค้นหาข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ โดยอาศัยระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ให้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง (๔) การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีสอบราคาหรือประกวดราคา จ่ายได้ไม่เกินร้อยละยี่สิบห้าของราคาซื้อหรือค่าจ้าง แต่ทั้งนี้ จะต้องกำหนดอัตราการจ่ายเงินล่วงหน้าไว้เป็นเงื่อนไขในเอกสารสอบราคาหรือประกวดราคาด้วย (๕) การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีพิเศษ ให้จ่ายได้ไม่เกินร้อยละยี่สิบห้าของราคาซื้อหรือราคาจ้าง การจ่ายเงินค่าพัสดุหรือค่าจ้างล่วงหน้าตาม (๑) (๒) และ (๓) ไม่ต้องเรียกหลักประกัน ส่วนการจ่ายเงินค่าพัสดุหรือค่าจ้างล่วงหน้าตาม (๔) และ (๕) ผู้ขายหรือผู้รับจ้างจะต้องนำหนังสือค้ำประกันของธนาคารในประเทศมาค้ำประกันเงินที่รับล่วงหน้าไปนั้น ข้อ ๖๕ การจ่ายเงินให้แก่ผู้ขายหรือผู้รับจ้าง ตามแบบธรรมเนียมการค้าระหว่างประเทศ โดยเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตตามราคาสินค้า หรือโดยวิธีใช้ดร๊าฟ กรณีที่วงเงินไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท หรือการจ่ายเงินตามความก้าวหน้าของการจัดหาให้กระทำได้โดยไม่ถือเป็นการจ่ายเงินล่วงหน้า การจ้างต่อเนื่องจากสัญญาเดิม ข้อ ๖๖[๓] ในกรณีที่เห็นเป็นการสมควรที่จะจ้างงานซึ่งมีสัญญาตกลงจ้างกันเป็นระยะเวลาต่อเนื่องไปอีกโดยไม่ต้องมีการดำเนินการจัดจ้าง ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการที่จะพิจารณาอนุมัติให้จ้างงานตามสัญญานั้น ๆ ต่อเนื่องไปอีกได้ ยกเว้นในกรณีงานจ้างนั้นมีวงเงินตามวิธีที่ได้จัดจ้างเดิมเกินอำนาจผู้อำนวยการ ให้เสนอผู้อำนวยการให้ความเห็นชอบก่อนเสนอ ให้ผู้มีอำนาจในการสั่งจ้างตามวงเงินตามวิธีที่ได้จัดจ้างเดิมพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ (๑) การจ้างต่อเนื่องจากสัญญาเดิม ให้กระทำได้กับงานจ้างทำของ งานจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษา หรืองานจ้างบริการ ไม่ว่างานนั้น ๆ จะมีการจัดหาพัสดุให้ด้วยหรือไม่ (๒) การจ้างต่อเนื่องจากสัญญาเดิม ให้กระทำได้ครั้งละไม่เกิน ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๒ ครั้ง (๓) รายละเอียดของงาน ค่าจ้าง ตลอดจนเงื่อนไขต่าง ๆ ในการจ้างต่อเนื่องจะต้องเป็นไปตามสัญญาเดิมทุกประการ เว้นแต่จะเปลี่ยนแปลงในทางเป็นประโยชน์แก่การท่าเรือ (๔) ก่อนการจ้างตามสัญญาเดิมจะสิ้นสุดลง ให้ส่วนงานที่มีความประสงค์จะขอให้มีการจ้างต่อเนื่อง จัดทำคำขอตามข้อ ๒๐ ส่งให้เจ้าหน้าที่พัสดุ (๕) ให้เจ้าหน้าที่พัสดุประสานงานกับคณะกรรมการตรวจการจ้าง และเจรจากับคู่สัญญาแล้วรายงานขออนุมัติ หรือขอความเห็นชอบต่อผู้อำนวยการ โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ (๖) เมื่อผู้มีอำนาจในการสั่งจ้างได้อนุมัติแล้ว ให้ส่งกองกฎหมายดำเนินการต่อไป ส่วนที่ ๒ : การจ้างที่ปรึกษา วิธีจ้าง ข้อ ๖๗ การจ้างที่ปรึกษา กระทำได้ ๒ วิธี คือ (๑) วิธีตกลง (๒) วิธีคัดเลือก รายงานขอจ้าง ข้อ ๖๘ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุทำรายงานขอจ้างที่ปรึกษาเสนอผู้อำนวยการ ตามรายการ ดังต่อไปนี้ (๑) เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องจ้างที่ปรึกษา (๒) ขอบเขตโดยละเอียดของงานที่จะจ้างที่ปรึกษา (Terms Of Reference) (๓) คุณสมบัติของที่ปรึกษาที่จะจ้าง (๔) วงเงินค่าจ้างที่ปรึกษาโดยประมาณ (๕) กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงาน (๖) วิธีจ้างที่ปรึกษาและเหตุผลที่ต้องจ้างโดยวิธีนั้น (๗) รายนามคณะกรรมการที่เสนอ ตลอดจนข้อเสนออื่น ๆ (ถ้ามี) กรรมการ ข้อ ๖๙ ในการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาแต่ละครั้ง ให้ผู้อำนวยการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อปฏิบัติการตามระเบียบนี้ แล้วแต่กรณี คือ (๑) คณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีตกลง (๒) คณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือก (๓) คณะกรรมการตรวจการจ้างที่ปรึกษา ข้อ ๗๐ คณะกรรมการตามข้อ ๖๙ ให้ประกอบด้วย ประธานกรรมการ ๑ คน และกรรมการอย่างน้อย ๔ คน โดยปกติให้แต่งตั้งจากพนักงานระดับ ๖ ขึ้นไป ในกรณีจำเป็นหรือเพื่อประโยชน์ของการท่าเรือ จะแต่งตั้งบุคคลอื่นที่มิใช่พนักงานร่วมเป็นกรรมการด้วยก็ได้ ข้อ ๗๑ ในการประชุมพิจารณาและรายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการแต่ละคณะ ต้องมีประธานกรรมการและกรรมการอีกไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดเป็นองค์ประชุมและลงนามในรายงานนั้น การประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานกรรมการและกรรมการแต่ละคนมีเสียงหนึ่งในการลงมติ มติของที่ประชุมถือเป็นมติของคณะกรรมการ โดยให้ถือเสียงข้างมากถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานกรรมการออกเสียเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด วิธีตกลง ข้อ ๗๒ การจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีตกลง ได้แก่ การจ้างที่ปรึกษาโดยการเชิญที่ปรึกษารายใดรายหนึ่งซึ่งได้ทราบความสามารถและผลงานแล้วว่า เป็นผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ ให้ยื่นข้อเสนอเข้ารับงาน ข้อ ๗๓ การจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีตกลงให้กระทำได้เฉพาะกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นการจ้างที่มีค่างานจ้างไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (๒) เป็นการจ้างเพื่อทำงานต่อเนื่อง หรือเกี่ยวเนื่องอย่างใกล้ชิดกับงานที่ได้ทำไว้แล้ว (๓) เป็นการจ้างเพื่อทำงานที่ทราบแน่ชัดว่ามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนจำกัด ไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการโดยวิธีคัดเลือก (๔) เป็นการจ้างที่ต้องกระทำโดยเร่งด่วน หากล่าช้าอาจจะเสียหายแก่การท่าเรือ (๕) เป็นการจ้างส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นใดที่มีกฎหมาย หรือมติคณะรัฐมนตรีสนับสนุนให้จ้าง (๖) เป็นการจ้างองค์การในประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ข้อ ๗๔ ให้คณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีตกลงออกหนังสือเชิญที่ปรึกษารายที่พิจารณาไว้ ให้ยื่นข้อเสนอเข้ารับงาน ประกอบด้วย ข้อเสนอด้านเทคนิคและข้อเสนอด้านราคา โดยจะแยกเป็น ๒ ซอง หรือเสนอมาในซองเดียวกันก็ได้ ข้อ ๗๕ คณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีตกลง มีหน้าที่ ดังนี้ (๑) พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคของที่ปรึกษา (๒) พิจารณาอัตราค่าจ้างและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับบริการที่จะจ้างและเจรจาต่อรองให้ได้ราคาที่เหมาะสม (๓) พิจารณารายละเอียดที่จะกำหนดในสัญญา (๔) รายงานผลการพิจารณาและความเห็น พร้อมด้วยเอกสารทั้งหมดต่อผู้อำนวยการ เพื่อสั่งการหรือดำเนินการต่อไป โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ วิธีคัดเลือก ข้อ ๗๖ การจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือก ได้แก่ การจ้างที่ปรึกษาโดยการคัดเลือกที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานนั้นให้เหลือน้อยราย และเชิญชวนที่ปรึกษาที่ได้รับการคัดเลือกไว้ดังกล่าว ให้ยื่นข้อเสนอเข้ารับงานนั้น ๆ เพื่อพิจารณาคัดเลือกรายที่ดีที่สุด ในกรณีที่มีเหตุผลอันสมควร หรือในกรณีที่มีรายชื่อที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานนั้นไม่เกิน ๖ ราย จะเชิญชวนที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมให้ยื่นข้อเสนอเข้ารับงาน โดยไม่ต้องทำการคัดเลือกให้เหลือน้อยรายก่อนก็ได้ ข้อ ๗๗ เพื่อให้ได้รายชื่อของที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมากรายที่สุดให้คณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือกดำเนินการขอรายชื่อที่ปรึกษา โดย (๑) ที่ปรึกษาต่างประเทศ ให้ขอจากสถาบันการเงิน หรือองค์การระหว่างประเทศ หรือลงประกาศในหนังสือพิมพ์ หรือแจ้งไปยังสมาคม หรือสถาบันอาชีพ หรือสถานทูตที่เกี่ยวข้อง หรือขอความร่วมมือจากส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจซึ่งเคยดำเนินการจ้างที่ปรึกษาในงานประเภทเดียวกัน (๒) ที่ปรึกษาไทย ให้ขอจากศูนย์ข้อมูลที่ปรึกษา กระทรวงการคลัง ในกรณีที่มีรายชื่อที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพียงพออยู่แล้ว อาจจะทำการคัดเลือกให้เหลือน้อยราย โดยไม่ต้องดำเนินการขอรายชื่อตาม (๑) หรือ (๒) ก็ได้ การคัดเลือกที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมให้เหลือน้อยราย ให้คณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือกพิจารณาคัดเลือกที่ปรึกษาให้เหลืออย่างมากไม่เกิน ๖ ราย ข้อ ๗๘ ให้คณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือกออกหนังสือเชิญที่ปรึกษาตามรายชื่อที่ได้พิจารณาไว้ ให้ยื่นเอกสารตามข้อ ๙ วรรคสอง และยื่นซองข้อเสนอเข้ารับงานตามวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) ยื่นข้อเสนอด้านเทคนิค และข้อเสนอด้านราคาพร้อมกัน โดยแยกเป็น ๒ ซอง (๒) ยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคเพียงซองเดียว ข้อ ๗๙ คณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือก มีหน้าที่ ดังนี้ (๑) กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก (๒) พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคของที่ปรึกษาทุกราย และจัดอันดับ (๓) ในกรณีที่ใช้วิธีตามข้อ ๗๘ (๑) ให้เปิดซองข้อเสนอด้านราคาของรายที่มีข้อเสนอด้านเทคนิคดีที่สุด และเจรจาต่อรองให้ได้ราคาที่เหมาะสม ในกรณีที่ใช้วิธีตามข้อ ๗๘ (๒) ให้เชิญรายที่มีข้อเสนอด้านเทคนิคดีที่สุดมายื่นข้อเสนอด้านราคา และเจรจาต่อรองให้ได้ราคาที่เหมาะสม หากเจรจาไม่ได้ผล ให้ยกเลิกการเจรจากับที่ปรึกษารายนั้น แล้วเปิดซองข้อเสนอด้านราคาของรายที่มีข้อเสนอด้านเทคนิคดีรายถัดไป หรือเชิญที่ปรึกษาที่มีข้อเสนอด้านเทคนิคดีรายถัดไป ให้ยื่นข้อเสนอด้านราคา แล้วแต่กรณี และเจรจาต่อรองให้ได้ราคาที่เหมาะสม (๔) เมื่อเจรจาได้ราคาที่เหมาะสมแล้ว ให้พิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ที่จะกำหนดในสัญญา (๕) รายงานผลการพิจารณาและความเห็นพร้อมเอกสารทั้งหมดต่อผู้อำนวยการเพื่อสั่งการหรือดำเนินการต่อไป โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ ในกรณีที่ใช้วิธีการยื่นข้อเสนอตามข้อ ๗๘ (๑) หลังจากตัดสินให้ทำสัญญากับรายใดแล้ว ให้ส่งคืนซองข้อเสนอด้านราคาของรายอื่น ๆ โดยไม่เปิดซอง ข้อ ๘๐ การจ้างที่ปรึกษาที่เป็นงานไม่ยุ่งยากซับซ้อน และมีที่ปรึกษาซึ่งสามารถทำงานนั้นได้เป็นการทั่วไป ให้คณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือกออกหนังสือเชิญชวนที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามรายชื่อที่ได้พิจารณาไว้ ให้ยื่นเอกสารตามข้อ ๙ วรรคสอง และยื่นข้อเสนอเข้ารับงานโดยยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคและข้อเสนอด้านราคาพร้อมกัน แยกเป็น ๒ ซอง แล้วดำเนินการ ดังนี้ (๑) กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก (๒) พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคของที่ปรึกษาทุกราย และจัดอันดับ (๓) เปิดซองราคาของรายที่ได้รับการจัดอันดับไว้อันดับหนึ่งถึงอันดับสามพร้อมกัน แล้วเชิญรายที่เสนอราคาต่ำสุดมาเจรจาต่อรองให้ได้ราคาที่เหมาะสม (๔) หากเจรจาตาม (๓) แล้วไม่ได้ผล ให้ยกเลิกแล้วเจรจากับรายที่เสนอราคาต่ำถัดไปตามลำดับ (๕) ดำเนินการตามข้อ ๗๙ (๔) และ (๕) การตรวจการจ้าง ข้อ ๘๑ คณะกรรมการตรวจการจ้างที่ปรึกษา มีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ประสานงานกับที่ปรึกษา และติดตาม ดูแลการทำงานของที่ปรึกษาให้เป็นไปตามขอบเขตโดยละเอียดของงาน ตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนด (๒) ตรวจ พิจารณาเอกสารการรายงานของที่ปรึกษาร่วมกับส่วนงานเจ้าของงานท้วงติงหรือเสนอแนะให้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อให้รายงานนั้น ๆ เป็นไปอย่างสมบูรณ์ (๓) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ โดยนำข้อกำหนดหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจการจ้างตามข้อ ๕๔ มาใช้บังคับ โดยอนุโลม อำนาจสั่งจ้าง ข้อ ๘๒ การสั่งจ้างที่ปรึกษาครั้งหนึ่ง ให้เป็นอำนาจของผู้ดำรงตำแหน่งและภายในวงเงิน ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้อำนวยการ ไม่เกิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒) ประธานกรรมการการท่าเรือ เกิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๓) คณะกรรมการการท่าเรือ เกิน ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ค่าจ้างที่ปรึกษา ข้อ ๘๓ อัตราค่าจ้างที่ปรึกษา ให้เป็นไปตามความเหมาะสมและประหยัดโดยคำนึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ลักษณะของงาน อัตราค่าจ้างในงานลักษณะเดียวกันที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเคยจ้าง จำนวนคน-เดือน (man-months) เท่าที่จำเป็น ดัชนีค่าครองชีพ เป็นต้น ข้อ ๘๔ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้า ให้จ่ายได้ไม่เกินร้อยละสิบห้าของค่าจ้างตามสัญญา ที่ปรึกษาจะต้องจัดให้ธนาคารในประเทศเป็นผู้ค้ำประกันเงินค่าจ้างที่ได้รับไปนั้นหนังสือค้ำประกันดังกล่าวจะคืนให้แก่ที่ปรึกษาเมื่อได้หักเงินที่ได้จ่ายล่วงหน้าจากเงินค่าจ้างที่จ่ายตามผลงานแต่ละงวดครบถ้วนแล้ว ทั้งนี้ ให้กำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วย การจ้างส่วนราชการ ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐให้จ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้าได้ตามวรรคหนึ่ง โดยไม่ต้องมีหลักประกันตามวรรคสอง หลักประกันผลงาน ข้อ ๘๕ การจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ที่ปรึกษาที่แบ่งการชำระเงินออกเป็นงวดให้หักเงินที่จะจ่ายแต่ละครั้งในอัตราร้อยละห้าถึงร้อยละสิบของเงินค่าจ้างไว้เพื่อเป็นการประกันผลงาน หรือจะให้ปรึกษาใช้หนังสือค้ำประกันของธนาคารในประเทศวางค้ำประกันแทนเงินที่หักไว้ก็ได้ ทั้งนี้ ให้กำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วย ส่วนที่ ๓ : การจัดทำเอง ข้อ ๘๖ ในการจัดทำเอง ให้หัวหน้าส่วนงานแต่งตั้งผู้ควบคุมรับผิดชอบในการจัดทำเองนั้น และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจการปฏิบัติงานโดยมีคุณสมบัติและหน้าที่เช่นเดียวกับคณะกรรมการตรวจการจ้าง เว้นแต่ส่วนงานที่กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยเฉพาะอยู่แล้ว ส่วนที่ ๔ : การแลกเปลี่ยน ข้อ ๘๗ การแลกเปลี่ยนพัสดุ ให้กระทำได้เฉพาะกรณีจำเป็น และเป็นประโยชน์แก่การท่าเรือ โดยให้นำวิธีการจัดซื้อมาใช้โดยอนุโลม เว้นแต่การแลกเปลี่ยนพัสดุที่จะนำไปแลกครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาซื้อหรือได้มารวมกันไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท จะใช้วิธีตกลงราคาก็ได้ ข้อ ๘๘ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุเสนอรายงานขอแลกเปลี่ยนพัสดุต่อผู้อำนวยการโดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) เหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องแลกเปลี่ยน (๒) รายละเอียดของพัสดุที่จะนำไปแลกเปลี่ยน (๓) ราคาซื้อหรือได้มาของพัสดุที่จะนำไปแลกเปลี่ยน และราคาตามสภาพที่จะแลกเปลี่ยนได้โดยประมาณ (๔) พัสดุที่จะรับแลกเปลี่ยน และให้ระบุด้วยว่าจะแลกเปลี่ยนกับส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน (๕) ข้อเสนออื่น ๆ (ถ้ามี) ข้อ ๘๙ ให้ผู้อำนวยการแต่งตั้งคณะกรรมการแลกเปลี่ยนพัสดุ โดยให้มีหน้าที่ ดังนี้ (๑) ตรวจสอบและประเมินราคาพัสดุที่ต้องการแลกเปลี่ยนตามสภาพปัจจุบันของพัสดุนั้น (๒) ตรวจสอบรายละเอียดพัสดุที่จะได้รับจากการแลกเปลี่ยนว่าเป็นของใหม่ที่ยังไม่เคยใช้งานมาก่อน เว้นแต่พัสดุเก่าที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนนั้นจะเป็นความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การท่าเรือ หรือไม่ทำให้การท่าเรือต้องเสียประโยชน์ (๓) เปรียบเทียบราคาพัสดุที่แลกเปลี่ยนกัน โดยพิจารณาจากราคาที่ประเมินตาม (๑) และราคาพัสดุที่จะได้รับจากการแลกเปลี่ยนซึ่งถือตามราคาในท้องตลาดโดยทั่วไป (๔) ต่อรองกับผู้เสนอราคารายที่คณะกรรมการเห็นสมควรแลกเปลี่ยน (๕) เสนอความเห็นต่อผู้อำนวยการ เพื่อสั่งการหรือดำเนินการต่อไป (๖) ตรวจรับพัสดุโดยปฏิบัติตามข้อ ๕๒ โดยอนุโลม การปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้อำนวยการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งหรือหลายคณะตามความจำเป็น โดยถือปฏิบัติตามข้อ ๒๘ โดยอนุโลม ข้อ ๙๐ การแลกเปลี่ยนพัสดุให้เป็นอำนาจอนุมัติของผู้อำนวยการ แต่ถ้าราคาที่ซื้อหรือได้พัสดุนั้นมารวมกับวงเงินที่การท่าเรือต้องจ่ายเพิ่ม หรือหักด้วยวงเงินที่การท่าเรือจะได้รับจากการแลกเปลี่ยนเกินกว่าอำนาจในการสั่งซื้อของผู้อำนวยการก็ให้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการท่าเรือก่อน ข้อ ๙๑ การแลกเปลี่ยนพัสดุที่ทำให้การท่าเรือได้รับเงินจากการแลกเปลี่ยนให้ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) ถ้าพัสดุนั้นจัดหาโดยเงินงบประมาณของการท่าเรือทั้งหมดหรือบางส่วนให้นำส่งเข้าเป็นรายได้ของการท่าเรือ (๒) ถ้าพัสดุนั้นได้มาโดยการรับบริจาคหรือได้รับตามความช่วยเหลือในลักษณะให้เปล่า โดยจะมีข้อผูกพันหรือไม่ก็ตาม ให้นำส่งเข้าเป็นรายได้ของการท่าเรือ แต่ถ้าเป็นการบริจาคหรือให้เปล่า เพื่อสวัสดิการของพนักงานหรือด้วยวัตถุประสงค์ใดให้นำส่งเป็นรายได้ตามวัตถุประสงค์นั้น ข้อ ๙๒ การตรวจรับพัสดุ ให้ผู้อำนวยการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุที่ได้มาจากการแลกเปลี่ยน โดยให้คณะกรรมการปฏิบัติตามข้อ ๕๒ โดยอนุโลม ข้อ ๙๓ พัสดุที่ได้รับหรือจ่ายไปเนื่องจากการแลกเปลี่ยน ให้นำลงรับเข้าหรือจ่ายออกจากบัญชี แล้วแต่กรณี ส่วนที่ ๕ : การเช่า การเช่าสังหาริมทรัพย์ ข้อ ๙๔ การดำเนินการสำหรับการเช่าสังหาริมทรัพย์ ให้นำข้อกำหนดเกี่ยวกับการซื้อมาใช้โดยอนุโลม อำนาจสั่งการในการเช่าสังหาริมทรัพย์ ให้เป็นไปตามอำนาจในการสั่งซื้อหรืออำนาจที่ได้รับมอบในการสั่งซื้อ โดยอนุโลม การเช่าอสังหาริมทรัพย์ ข้อ ๙๕ การเช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้กระทำได้ในกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) เช่าที่ดิน เพื่อใช้ประโยชน์ของการท่าเรือ (๒) เช่าสถานที่ เพื่อใช้เป็นที่ทำการในกรณีที่ไม่มีสถานที่ของการท่าเรือหรือมีแต่ไม่เพียงพอ และถ้าสถานที่ที่เช่านั้นกว้างขวางพอ จะใช้เป็นที่พักของผู้ซึ่งมีสิทธิ์เบิกค่าเช่าบ้านตามระเบียบของการท่าเรือด้วยก็ได้ (๓) เช่าสถานที่ เพื่อใช้เป็นที่พัก สำหรับผู้มีสิทธิ์เบิกค่าเช่าที่พักตามระเบียบของการท่าเรือ ในกรณีที่ต้องการประหยัดเงินงบประมาณ (๔) เช่าสถานที่ เพื่อใช้เป็นที่เก็บพัสดุของการท่าเรือ ในกรณีที่ไม่มีสถานที่เก็บเพียงพอ การเช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้ดำเนินการโดยวิธีตกลงราคา ข้อ ๙๖ ส่วนงานที่มีความประสงค์จะขอเช่าอสังหาริมทรัพย์ จะต้องจัดทำคำขอแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่พัสดุดำเนินการต่อไป ข้อ ๙๗ การรายงานขอเช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำรายงานเสนอต่อผู้อำนวยการ ตามรายการ ดังต่อไปนี้ (๑) เหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องเช่า (๒) ราคาเช่าที่ผู้ให้เช่าเสนอ (๓) รายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์ที่จะเช่า เช่น สภาพของสถานที่ บริเวณที่ต้องการใช้ พร้อมทั้งภาพถ่าย (ถ้ามี) และราคาค่าเช่าครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปี เป็นต้น (๔) อัตราค่าเช่าของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีขนาดและสภาพใกล้เคียงกับที่จะเช่า (ถ้ามี) การเช่าอสังหาริมทรัพย์ในส่วนภูมิภาค ให้ขอความเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของสถานที่และอัตราค่าเช่าจากอำเภอหรือจังหวัดนั้น ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ข้อ ๙๘ การเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นอำนาจอนุมัติของผู้อำนวยการ แต่ถ้าการเช่านั้นมีอัตราค่าเช่า รวมทั้งค่าบริการอื่นเกี่ยวกับการเช่าตามที่จะกำหนดไว้ในสัญญาเกินกว่าเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท ก็ให้รายงานคณะกรรมการการท่าเรือทราบด้วย การจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้า ข้อ ๙๙ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้า ในการเช่าสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ ให้กระทำได้เฉพาะกรณีการเช่าซึ่งมีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน ๓ ปี ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) การเช่าจากหน่วยงานตามกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นหรือรัฐวิสาหกิจ จ่ายได้ไม่เกินร้อยละห้าสิบของค่าเช่าทั้งสัญญา (๒) การเช่าจากเอกชน จ่ายได้ไม่เกินร้อยละยี่สิบของค่าเช่าทั้งสัญญา การจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้า นอกเหนือจากหลักเกณฑ์ข้างต้น ให้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการท่าเรือก่อน ส่วนที่ ๖ : สัญญา ข้อ ๑๐๐ การจัดหาในกรณี ดังต่อไปนี้ จะทำข้อตกลงเป็นหนังสือไว้ต่อกันโดยไม่ต้องทำเป็นสัญญาก็ได้ โดยให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการ หรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามข้อ ๕๙ แล้วแต่กรณี (๑) การซื้อ การจ้าง หรือการแลกเปลี่ยนโดยวิธีตกลงราคา หรือการจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีตกลงที่มีวงเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (๒) การจัดหาที่คู่สัญญาสามารถส่งมอบพัสดุหรืองานจ้างได้ครบถ้วนภายใน ๗ วันทำการของการท่าเรือ นับตั้งแต่วันถัดจากวันทำข้อตกลงเป็นหนังสือ (๓) การซื้อ การจ้าง หรือการแลกเปลี่ยนที่มีวงเงินไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท แต่ให้เรียกหลักประกันตามที่กำหนดในข้อ ๖๑ โดยอนุโลม และให้ส่งหรือเก็บหลักประกันนั้นไว้ที่หน่วยการเงิน (๔) การซื้อ หรือการจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ และการจัดหาจากส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ (๕) การซื้อโดยวิธีพิเศษตามข้อ ๑๖ (๑) (๒) (๓) และ (๔) (๖) การจ้างโดยวิธีพิเศษตามข้อ ๑๗ (๑) (๒) (๓) และ (๔) ข้อตกลงเป็นหนังสือตามวรรคหนึ่ง ได้แก่ ใบสั่งซื้อ หรือใบสั่งจ้างของการท่าเรือซึ่งลงนามโดยหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ โดยมีการระบุรายการละเอียดของพัสดุที่จะซื้อหรืองานที่จะจ้าง ราคา กำหนดและสถานที่ส่งมอบ ตลอดจนเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น การรับประกันค่าปรับอย่างครบถ้วน และมีการลงนามรับข้อตกลงนั้น โดยผู้มีอำนาจหรือผู้ได้รับมอบอำนาจผูกพันในนามผู้ขายหรือผู้รับจ้าง ในกรณีการจัดหาซึ่งมีราคาไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท หรือในกรณีการซื้อหรือการจ้างซึ่งใช้วิธีดำเนินการตามข้อ ๓๑ วรรคสอง จะไม่ทำข้อตกลงเป็นหนังสือไว้ต่อกันก็ได้ ข้อ ๑๐๑ การทำสัญญารายใด ถ้าจำเป็นต้องมีข้อความหรือรายการแตกต่างไปจากแบบที่กำหนดไว้ โดยมีสาระสำคัญตามกำหนดไว้ในตัวอย่างสัญญา และไม่ทำให้ทางการท่าเรือเสียเปรียบก็ให้กระทำได้ เว้นแต่ผู้อำนวยการเห็นว่าจะมีปัญหาในทางเสียเปรียบหรือไม่รัดกุมพอ ก็ให้ส่งร่างสัญญานั้นไปให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาก่อน ในกรณีที่ไม่อาจทำสัญญาตามแบบที่กำหนด และจำเป็นต้องร่างสัญญาขึ้นใหม่ต้องส่งร่างสัญญานั้นให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาก่อน เว้นแต่การทำสัญญาตามแบบที่เคยผ่านการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดมาแล้ว ในกรณีจำเป็นต้องทำสัญญาเป็นภาษาต่างประเทศ ให้ทำเป็นภาษาอังกฤษแต่ต้องมีคำแปลตัวสัญญาและเอกสารแนบท้ายสัญญา เฉพาะที่สำคัญเป็นภาษาไทยไว้ด้วย เว้นแต่เป็นการทำสัญญาตามแบบที่กำหนด ไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทย ข้อ ๑๐๒ การทำสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือสำหรับการซื้อ ให้กำหนดค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ ๐.๒๐ ของราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มของพัสดุที่ยังไม่ได้รับมอบ ส่วนการจ้างให้กำหนดค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ ๐.๑๐ ของราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มของงานจ้างนั้น แต่ต้องไม่ต่ำกว่าวันละ ๑๐๐ บาท ในกรณีการจัดหาพัสดุที่ประกอบเป็นชุด ถ้าขาดส่วนประกอบส่วนหนึ่งส่วนใดไปแล้วจะไม่สามารถใช้ได้โดยสมบูรณ์ แม้คู่สัญญาของการท่าเรือจะส่งมอบสิ่งของภายในกำหนดตามสัญญา แต่ยังขาดส่วนประกอบบางส่วน ต่อมาได้ส่งมอบส่วนประกอบที่ยังขาดนั้นเกินกำหนดสัญญา ให้ถือว่าไม่ได้ส่งมอบพัสดุนั้นเลย ให้ปรับเต็มราคาของพัสดุทั้งชุด ในกรณีที่ใช้การได้แต่ไม่สมบูรณ์ แต่การท่าเรือจำเป็นต้องใช้เฉพาะส่วนที่ส่งมอบเพื่อประโยชน์ของการท่าเรือ และได้รับอนุมัติให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาแล้ว ให้ปรับเฉพาะส่วนของที่ยังขาดส่ง ในกรณีพัสดุที่จัดหาคิดราคาค่าติดตั้งหรือทดลองด้วย ถ้าติดตั้งหรือทดลองไม่แล้วเสร็จตามกำหนดในสัญญาเป็นจำนวนวันเท่าใด ให้ปรับเป็นรายวันในอัตราที่กำหนดของราคาทั้งหมด ในการทำสัญญาจ้างที่ปรึกษา โดยปกติไม่ต้องมีการกำหนดค่าปรับ เว้นแต่ในกรณีที่เห็นว่าถ้าไม่กำหนดค่าปรับไว้จะเกิดความเสียหายแก่การท่าเรือ ให้กำหนดค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ ๐.๑๐ ของราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มของงานจ้างนั้น เมื่อครบกำหนดส่งมอบพัสดุหรืองานจ้างตามสัญญา หรือข้อตกลง ให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ หรือคณะกรรมการตรวจการจ้าง หรือคณะกรรมการตรวจการจ้างที่ปรึกษา แล้วแต่กรณี รีบแจ้งการเรียกค่าปรับตามสัญญาหรือข้อตกลงจากคู่สัญญา และเมื่อคู่สัญญาได้ส่งมอบพัสดุหรืองานจ้าง ก็ให้แจ้งสงวนสิทธิ์การเรียกค่าปรับในขณะที่รับมอบนั้นด้วย ข้อ ๑๐๓ สัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือที่ได้ลงนามแล้ว จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงมิได้ เว้นแต่การแก้ไขนั้นจะเป็นความจำเป็น โดยไม่ทำให้การท่าเรือต้องเสียประโยชน์ หรือเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์แก่การท่าเรือ ให้ผู้อำนวยการมีอำนาจที่จะพิจารณาอนุมัติให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้ามีการเพิ่มวงเงิน จะต้องปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการงบประมาณหรือขอทำความตกลงในส่วนที่ใช้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือ แล้วแต่กรณี ด้วย การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา หรือข้อตกลง ตามวรรคหนึ่ง หากมีความจำเป็นต้องเพิ่มหรือลดวงเงิน และ/หรือเพิ่ม หรือลดระยะเวลาส่งมอบ ก็ให้ตกลงพร้อมกันไป สำหรับการจัดหาที่เกี่ยวกับความมั่นคง แข็งแรงหรืองานเทคนิคเฉพาะอย่างจะต้องได้รับการรับรองจากวิศวกร สถาปนิก และวิศวกรผู้ชำนาญการ หรือผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรับผิดชอบหรือสามารถรับรองคุณลักษณะเฉพาะ แบบและรายการของงานก่อสร้างหรืองานเทคนิคเฉพาะอย่างนั้น แล้วแต่กรณี ด้วย ข้อ ๑๐๔ การงดหรือลดค่าปรับให้แก่คู่สัญญา หรือการขยายระยะเวลาทำการตามสัญญาหรือข้อตกลง ให้อยู่ในอำนาจของผู้อำนวยการที่จะพิจารณาได้ ตามจำนวนวันที่มีเหตุเกิดขึ้นจริงเฉพาะกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) เหตุเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของการท่าเรือ (๒) เหตุสุดวิสัย (๓) เหตุเกิดจากพฤติการณ์อันหนึ่งอันใดที่คู่สัญญาไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ให้มีการระบุไว้ในสัญญา กำหนดให้คู่สัญญาต้องแจ้งเหตุดังกล่าวให้การท่าเรือทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่เหตุนั้นได้สิ้นสุดลง หากมิได้แจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนด คู่สัญญาจะยกมากล่าวอ้างเพื่อของดหรือลดค่าปรับ หรือขอขยายระยะเวลาในภายหลังมิได้ เว้นแต่กรณีตาม (๑) ซึ่งมีหลักฐานชัดแจ้ง หรือการท่าเรือทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ข้อ ๑๐๕ ในกรณีที่ไม่มีระเบียบกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ และเป็นความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การท่าเรือที่จะใช้สิทธิตามเงื่อนไขของสัญญา หรือข้อตกลง หรือข้อกฎหมาย ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการที่จะใช้สิทธิดังกล่าวสั่งการได้ตามความจำเป็น ส่วนที่ ๗ : การลงโทษผู้ทิ้งงาน ข้อ ๑๐๖ ผู้ที่ได้รับการพิจารณาจากการท่าเรือให้เป็นผู้ขาย ผู้รับจ้าง ผู้ให้เช่าหรือผู้ให้แลกเปลี่ยน แล้วไม่ยอมทำสัญญาหรือข้อตกลงภายในเวลาที่การท่าเรือกำหนดหรือไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้เจ้าหน้าที่พัสดุรายงานผู้อำนวยการ หากผู้อำนวยการได้ชี้ขาดให้ผู้นั้นเป็นผู้ทิ้งงานแล้ว ให้เจ้าหน้าที่พัสดุแจ้งเวียนให้หน่วยงานในการท่าเรือทราบ และรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือเพื่อทราบ แล้วส่งชื่อไปให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการต่อไป ห้ามติดต่อผู้ทิ้งงานที่การท่าเรือและทางราชการแจ้งเวียนให้ทราบ เว้นแต่จะได้มีคำสั่งของผู้อำนวยการ หรือประกาศของทางราชการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำโดยไม่สุจริต หรือมีการสมยอมกันในการเข้าเสนอราคากับการท่าเรือ ให้พิจารณาลงโทษผู้เสนอราคาที่มีการกระทำดังกล่าวเสมือนเป็นผู้ทิ้งงาน และดำเนินการตามขั้นตอนในวรรคหนึ่งและวรรคสองโดยอนุโลม หมวด ๓ การยืม การควบคุม และการจำหน่ายพัสดุ ส่วนที่ ๑ : การยืม ข้อ ๑๐๗ การให้ยืมหรือนำพัสดุไปใช้ในกิจการ ซึ่งมิใช่เพื่อประโยชน์ของทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจจะกระทำมิได้ ข้อ ๑๐๘ การยืมหรือการให้ยืม จะต้องทำหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรแสดงเหตุผลและกำหนดวันส่งคืน โดยมีหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) การยืมหรือการให้ยืมระหว่างหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบหมายก่อน (๒) การยืมหรือการให้ยืมระหว่างหน่วยงานของการท่าเรือ เพื่อใช้งานทั้งภายในและภายนอกสถานที่ทำการ จะต้องได้รับอนุมัติจากหัวหน้าส่วนงาน ซึ่งรับผิดชอบพัสดุนั้น ๆ ข้อ ๑๐๙ ผู้ยืมพัสดุประเภทใช้คงรูป จะต้องนำพัสดุนั้นมาส่งคืนให้ในสภาพที่ใช้การได้เรียบร้อย หากเกิดการชำรุดเสียหายหรือใช้การไม่ได้หรือสูญหายไป ให้ผู้ยืมจัดการแก้ไข ซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม โดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง หรือชดใช้เป็นพัสดุประเภท ชนิด ขนาด ลักษณะ และคุณภาพอย่างเดียวกัน หรือชดใช้เป็นเงินตามราคาที่เป็นอยู่ในขณะยืม ข้อ ๑๑๐ การยืมพัสดุประเภทใช้สิ้นเปลืองระหว่างส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจหรือระหว่างหน่วยงานของการท่าเรือ ให้กระทำได้ในกรณีที่หน่วยงานผู้ยืมมีความจำเป็นต้องใช้พัสดุนั้นเป็นการรีบด่วน จะดำเนินการจัดหาได้ไม่ทันการ และหน่วยงานผู้ให้ยืมมีพัสดุนั้น ๆ พอที่จะให้ยืมได้ โดยไม่เป็นการเสียหายแก่หน่วยงาน ทั้งนี้ โดยปกติผู้ยืมจะต้องจัดหาพัสดุเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกัน ส่งคืนให้ผู้ให้ยืม ข้อ ๑๑๑ เมื่อครบกำหนดยืม ให้หัวหน้าส่วนงานผู้ให้ยืมมีหน้าที่ติดตามทวงพัสดุที่ให้ยืมไปคืนภายใน ๗ วัน นับแต่วันครบกำหนด และให้ทำหลักฐานการส่งคืนด้วยทุกครั้ง ส่วนที่ ๒ : การควบคุม การเก็บรักษาพัสดุ ข้อ ๑๑๒ พัสดุของการท่าเรือไม่ว่าจะได้มาด้วยประการใด ให้อยู่ในความควบคุมตามระเบียบนี้ เว้นแต่จะมีระเบียบของการท่าเรือ หรือกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ข้อ ๑๑๓ เมื่อเจ้าหน้าที่พัสดุได้รับมอบพัสดุแล้ว ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ลงบัญชีหรือทะเบียนเพื่อควบคุมพัสดุ แล้วแต่กรณี แยกเป็นชนิดและแสดงรายการตามแบบตัวอย่างท้ายระเบียบนี้ โดยให้มีหลักฐานการรับเข้าบัญชีหรือทะเบียนไว้ประกอบรายการด้วย สำหรับพัสดุประเภทอาหารสด จะลงรายการอาหารสดทุกชนิดในบัญชีเดียวกันก็ได้ (๒) เก็บรักษาพัสดุให้เป็นระเบียบ เรียบร้อย ปลอดภัย และให้ครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามบัญชีหรือทะเบียน การเบิกจ่ายพัสดุ ข้อ ๑๑๔ ส่วนงานที่ประสงค์จะเบิกพัสดุจากหน่วยงานคลังพัสดุ ให้หัวหน้าส่วนงานเป็นผู้เบิก และให้หัวหน้าหน่วยพัสดุเป็นผู้สั่งจ่าย ข้อ ๑๑๕ ผู้จ่ายพัสดุต้องตรวจสอบความถูกต้องของใบเบิก และเอกสารประกอบ (ถ้ามี) แล้วลงบัญชีหรือทะเบียนทุกครั้งที่มีการจ่าย และเก็บใบเบิกจ่ายไว้เป็นหลักฐานด้วย การตรวจสอบพัสดุประจำปี ข้อ ๑๑๖ ก่อนสิ้นเดือนกันยายนทุกปี ให้ผู้อำนวยการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการรับจ่ายพัสดุงวดตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคมปีก่อน จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายนปีปัจจุบัน และตรวจนับพัสดุประเภทที่คงเหลืออยู่เพียงวันสิ้นงวดนั้น ในการตรวจสอบตามวรรคหนึ่ง ให้เริ่มดำเนินการตรวจสอบพัสดุในวันเปิดทำการวันแรกของเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ว่าการรับจ่ายถูกต้องหรือไม่ พัสดุคงเหลือมีตัวอยู่ตรงตามบัญชีหรือทะเบียนหรือไม่ มีพัสดุใดชำรุด เสื่อมสภาพ หรือสูญไปเพราะเหตุใดหรือพัสดุใดไม่จำเป็นต้องใช้งานต่อไปแล้ว ให้เสนอรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวตามลำดับชั้นจนถึงผู้อำนวยการภายในเดือนพฤศจิกายน ข้อ ๑๑๗ เมื่อผู้อำนวยการได้รับรายงานดังกล่าวตามข้อ ๑๑๖ และปรากฏว่ามีพัสดุชำรุด เสื่อมสภาพ หรือสูญไป หรือไม่จำเป็นต้องใช้งานต่อไป ก็ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงขึ้นคณะหนึ่ง โดยให้นำความในข้อ ๒๙ และข้อ ๓๐ มาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่กรณีที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เป็นการเสื่อมสภาพเนื่องมาจากการใช้งานตามปกติหรือสูญไปตามธรรมชาติ ให้ผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามข้อ ๑๑๘ และ ๑๑๙ พิจารณาสั่งการให้ดำเนินการจำหน่ายต่อไปได้ ถ้าผลการพิจารณาปรากฏว่า จะต้องหาตัวผู้รับผิดด้วย ให้ผู้อำนวยการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบของการท่าเรือที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนที่ ๓ : การจำหน่าย ข้อ ๑๑๘ หลังจากการตรวจสอบแล้ว พัสดุใดหมดความจำเป็นหรือหากใช้งานต่อไปจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก ให้เจ้าหน้าที่พัสดุเสนอรายงานต่อผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามวรรคสอง เพื่อพิจารณาสั่งให้ดำเนินการตามวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) ขาย ให้ดำเนินการขายโดยวิธีทอดตลาดก่อน แต่ถ้าขายโดยวิธีทอดตลาดแล้วไม่ได้ผลดี ให้นำวิธีที่กำหนดเกี่ยวกับการซื้อมาใช้โดยอนุโลม เว้นแต่การขายพัสดุครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาซื้อหรือได้มารวมกันไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท จะขายโดยวิธีตกลงราคาโดยไม่ต้องทอดตลาดก่อนก็ได้ การขายให้แก่ส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา ๔๗ (๗) แห่งประมวลรัษฎากร หรือพนักงาน ให้ขายโดยวิธีตกลงราคา (๒) แลกเปลี่ยน ให้ดำเนินการตามวิธีการแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ (๓) โอน ให้โอนแก่ส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือองค์การสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา ๔๗ (๗) แห่งประมวลรัษฎากร ที่แจ้งความประสงค์ขอมา ทั้งนี้ ให้มีหลักฐานการส่งมอบไว้ต่อกันด้วย (๔) แปรสภาพหรือทำลาย ผู้อำนวยการจะมอบอำนาจในการสั่งการตาม (๑) และ (๔) ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งใด ในขอบเขตเท่าใดก็ได้ โดยคำนึงถึงระดับ ตำแหน่ง หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้ที่จะได้รับมอบเป็นสำคัญ การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง โดยปกติให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่ผู้อำนวยการหรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจตามวรรคสอง สั่งการ การจำหน่ายเป็นสูญ ข้อ ๑๑๙ ในกรณีที่พัสดุสูญไป โดยไม่ปรากฏตัวผู้รับผิด หรือมีตัวผู้รับผิดแต่ไม่สามารถชดใช้ได้ หรือมีตัวพัสดุอยู่แต่ไม่สมควรดำเนินการตามข้อ ๑๑๘ ให้จำหน่ายพัสดุนั้นเป็นสูญ ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ถ้าพัสดุนั้น มีราคาซื้อหรือได้มารวมกันไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ (๒) ถ้าพัสดุนั้น มีราคาซื้อหรือได้มารวมกันเกินกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้นำเรื่องเสนอคณะกรรมการการท่าเรือ เพื่อพิจารณาอนุมัติ ผู้อำนวยการ จะมอบอำนาจในการสั่งการตาม (๑) ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งใดในขอบเขตเท่าใดก็ได้ โดยคำนึงถึงระดับ ตำแหน่ง หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้ที่จะได้รับมอบเป็นสำคัญ การลงจ่ายออกจากบัญชีหรือทะเบียน ข้อ ๑๒๐ เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ ๑๑๘ หรือข้อ ๑๑๙ แล้ว ให้เจ้าหน้าที่พัสดุลงจ่ายพัสดุนั้นออกจากบัญชีหรือทะเบียนทันที แล้วแจ้งให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันลงจ่ายพัสดุนั้น สำหรับพัสดุซึ่งต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย ให้แจ้งแก่นายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อ ๑๒๑ ในกรณีที่พัสดุของการท่าเรือเกิดการชำรุด เสื่อมสภาพ สูญไปหรือหมดความจำเป็นต้องใช้งานต่อไป ก่อนมีการตรวจสอบตามข้อ ๑๑๖ และได้ดำเนินการตามกฎหมายหรือระเบียบของการท่าเรือที่เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าไม่มีระเบียบอื่นใดกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ ให้ดำเนินการตามข้อ ๑๑๘ ข้อ ๑๑๙ และข้อ ๑๒๐ โดยอนุโลม หมวด ๔ บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๒๒ การพัสดุใดที่อยู่ในระหว่างดำเนินการและยังไม่แล้วเสร็จในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการต่อไป ตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๘ จนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ หรือจนกว่าจะสามารถดำเนินการตามระเบียบนี้ได้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ พลเอก วิโรจน์ แสงสนิท ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ตัวอย่างบัญชีวัสดุ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖[๔] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๐[๕] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๔ การใช้บังคับ กำหนดให้การจัดหาพัสดุของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ฯลฯ ที่กิจกรรมโครงการ หรือการก่อสร้างมีมูลค่าตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการตามระเบียบฯ และเพื่อให้การดำเนินการจัดหาพัสดุของหน่วยงานที่จัดหาพัสดุของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสอดคล้องกับระเบียบฯ ดังกล่าว ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙[๖] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป นุสรา/ปรับปรุง ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๔๓ ง/หน้า ๙๖/๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ [๒] ข้อ ๑๑ (๖) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๐ [๓] ข้อ ๖๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๔๓ ง/หน้า ๑๖๑/๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๘๐ ง/หน้า ๒๒/๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๖๖ ง/หน้า ๑/๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙
863223
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. 2545 (ฉบับ Update ณ วันที่ 26/04/2561)
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ นับแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๕ ข้อ ๓ ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๒ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๓ ค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรง และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในภาคผนวกตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๒ เรื่อง หนังสือค่าภาระของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๓ และส่วนที่ ๔ ค่าบริการเช่าใช้เครื่องมอยกขนและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ภายในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เรื่อง กำหนดอัตราค่าภาระของท่าเรือแหลมฉบัง โดยให้ใช้อัตราค่าเช่าเครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามภาคผนวก ก. และ ข. ตามลำดับท้ายระเบียบนี้ บรรดาระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดที่เหมือน หรือขัด หรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน การส่งข้อมูลหรือเอกสารการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๔[๒] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ๔.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บัญชี ตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนด ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากรเป็นเวลาของการรับข้อมูล ๔.๒ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือรายใดที่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว และพบปัญหาที่ไม่สามารถส่งได้สมบูรณ์ ให้จัดส่งข้อมูลใหม่ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ๔.๓ กรณีที่ข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องขอยกเลิก หรือแก้ไข หรือเพิ่มเติมรายการ โดยให้ยื่นขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๔ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ จัดส่งเอกสารบัญชีตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๕ กรณีที่จัดส่งข้อมูลตู้สินค้าขาเข้าไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๔.๑ หรือข้อ ๔.๒ หรือข้อ ๔.๓ หรือข้อ ๔.๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่ดำเนินการขนถ่ายตู้สินค้าจนกว่าจะได้รับข้อมูลและเอกสารเป็นที่เรียบร้อย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๔.๖ กรณีที่เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๒๐ บาท (ยี่สิบบาทถ้วน) ต่อตู้ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๕[๓] การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ๕.๑ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือของเรือตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ของเรือสินค้าทั่วไปที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนดผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากร เป็นเวลาของการรับข้อมูล ๕.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ๕.๒.๑ ภายในกำหนด ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ หากมีข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน (การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะอนุญาตให้แก้ไขได้ในกรณีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีตู้สินค้าขาเข้า) ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ๕.๒.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือภายหลัง ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้ายื่นเอกสารคำร้องขอแก้ไข (Amend Should Be/Shortlanded/Overlanded) ณ แผนกโรงพักสินค้าพิธีการ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้าท่าเรือกรุงเทพ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งเอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๕.๔ กรณีที่จัดส่งข้อมูล และ/หรือ เอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๕.๑ หรือข้อ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๕.๕ กรณีที่เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือเอง เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อใบตราส่ง ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๖[๔] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ๖.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ โดยทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ infor_ter๑@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ infor_ter๒@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๒ หรือโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามแบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒) และทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)] แนบท้ายระเบียบนี้ ก่อนบรรทุกตู้สินค้าลงเรือไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือจะต้องส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือที่ขอเปลี่ยนแปลงก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ถ้ามิได้มาดำเนินการขอเปลี่ยนแปลง หากตู้สินค้าใดไม่ปรากฏในบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่อนุญาตให้บรรทุกลงเรือและจะเรียกเก็บค่าภาระตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๖.๑.๑ จำนวนตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือมีจำนวนน้อยกว่าในบัญชีตู้สินค้าที่ยื่นไว้ จะเรียกเก็บค่าภาระเฉพาะตามจำนวนที่บรรทุกลงเรือจริง ๖.๑.๒ ตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือไม่สำแดงสถานภาพของตู้สินค้าไว้ในบัญชีตู้สินค้าหรือสำแดงสถานภาพไว้แต่ผิดจากความเป็นจริง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้านั้นในสถานภาพ LCL (Less than Container Load) ๖.๑.๓ กรณีตู้สินค้าขาออกที่ผ่านด่านตรวจสอบภายในเข้ามากองเก็บในลานวางพักตู้สินค้าเพื่อรอบรรทุกลงเรือ แต่ไม่นำบรรทุกลงเรือที่แจ้ง หรือมีการแจ้งเปลี่ยนการบรรทุกลงเรือลำอื่นในภายหลังเรือเสร็จสิ้นการบรรทุก การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้าที่ยกเลิก (Shut - Out Container Charge) ตามอัตราที่กำหนด และหากมีการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าที่ขอยกเลิกนั้น การท่าเรือแห่งประเทศไทยเรียกเก็บค่าภาระเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ (Extra Container Movement Charge) ตามอัตราที่กำหนดด้วย การเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องแจ้งขอเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เว้นแต่ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วน การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าดังกล่าว โดยคิดค่าบริการตามอัตราค่าภาระที่กำหนด ข้อ ๗[๕] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า หรือขาออกที่บรรจุสินค้าเกินขนาดตัวตู้สินค้า (Overheight/Overwidth/Overlength Container) หรือมีน้ำหนักรวม (Gross Weight) เกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ หรือหมายเหตุลงในบัญชีตู้สินค้าสำหรับเรือ ก่อนทำการบรรทุกลงเรือหรือขนถ่าย หากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ มิได้ดำเนินการดังกล่าวข้างต้น หรือจัดส่งข้อมูลน้ำหนักรวมต่ำกว่าข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ หรือความเสียหาย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย และถ้าการท่าเรือแห่งประเทศไทยตรวจพบว่าน้ำหนักตู้สินค้าจริงเกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บเบี้ยปรับตู้ละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) และจะไม่ดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายตู้สินค้าดังกล่าว จนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ข้อ ๘[๖] เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไป ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ที่ถูกต้องและครบถ้วนด้วยระบบ EDI หรือ Diskette และยื่นเอกสารจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือเข้าเก็บในที่เก็บสินค้ามีจำนวนใบตราส่ง (Bill of Lading) ไม่เกิน ๑๕ รายการต่อเที่ยวเรือ ให้จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือด้วยวิธีการยื่นเอกสารเพียงอย่างเดียวก็ได้ ข้อ ๙[๗] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไปที่จอด ณ ที่จอดเรือของท่าเรือกรุงเทพเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำทั้งลำ (All Overside) หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเอกชนภายในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำบริเวณเกาะสีชัง หรือที่อื่น ที่ทำพิธีการศุลกากร ณ ท่าเรือกรุงเทพต้องจัดส่งเอกสารข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเข้าจอด ข้อ ๑๐[๘] กรณีที่จัดส่งข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๙ ต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีสิทธิงดเว้นการให้บริการและจะดำเนินการเรียกเก็บค่าภาระจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ข้อ ๑๑ เรือขาเข้า และเรือขาออก ต้องจัดส่งข้อมูลตามข้อ ๔ ถึงข้อ ๙ ต่อท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือแหลมฉบังเฉพาะท่าเทียบเรือ ที่อยู่ภายใต้การประกอบการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย สำหรับบัญชีตู้สินค้าขาออก (Onward Container List) ให้จัดส่งเฉพาะท่าเรือแหลมฉบัง การชำระเงินค่าภาระการใช้ท่าเรือ หรือค่าบริการ ข้อ ๑๒ ส่วนราชการที่ได้รับอนุมัติผ่อนผันจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้ใช้บริการก่อนการชำระเงิน ต้องดำเนินการชำระเงินค่าภาระ หรือค่าบริการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะพิจารณางดให้การผ่อนผัน ข้อ ๑๓ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่ประสงค์ขอเปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ให้วางหลักประกันการชำระหนี้เป็นเงินสด หรือเช็คธนาคาร หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ตามแบบ ๔ ท้ายระเบียบนี้ เป็นจำนวนเงินที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยเห็นสมควร โดยผู้ขอจะได้รับการผ่อนผันให้ชำระหนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ข้อ ๑๔ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไป ที่มิได้เปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ หากประสงค์ขอใช้บริการของท่าเรือระนอง การท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่ไม่สามารถชำระเงิน หรือคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องได้ทัน ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการเฉพาะครั้งนี้ ๑๔.๑ กรณีที่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการ ในจำนวนเท่ากับค่าภาระหรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริง ๑๔.๒ กรณีไม่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนที่สูงกว่าค่าภาระ หรือค่าบริการที่คิดคำนวณโดยประมาณอีก ๑ ใน ๓ และให้ขอรับเงินหลักประกันส่วนที่เหลือคืนภายใน ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ใช้บริการนั้นเสร็จสิ้น ถ้ามิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าเงินที่เหลือเป็นรายได้ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๑๕ ผู้ใช้บริการประเภทเงินเชื่อ มิได้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ต้องชำระค่าเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ค้างชำระจนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว และหากพ้นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ยังไม่ชำระหนี้ และค่าเบี้ยปรับ การท่าเรือแห่งประเทศไทยสงวนสิทธิในการงดให้บริการเงินเชื่อ และจะหักชำระหนี้จากเงินสด หรือเช็คธนาคารที่วางประกัน หรือใช้สิทธิเรียกเก็บจากธนาคารผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี การยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ข้อ ๑๖ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สงวนสิทธิในการยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑๖.๑ หนี้ค้างชำระเกินเงินที่วางไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ หรือเกินวงเงินที่ธนาคารค้ำประกันตามข้อ ๑๓ ๑๖.๒ ไม่ชำระหนี้ หรือค่าเบี้ยปรับตามข้อกำหนดในข้อ ๑๕ ๑๖.๓ หนังสือสัญญาค้ำประกันหมดอายุ ข้อ ๑๗ ผู้ใช้บริการที่ถูกยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ถ้าประสงค์จะขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่ออีก จะต้องชำระหนี้ค้างอยู่ให้หมดสิ้น และต้องชำระค่าธรรมเนียมการขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อครั้งใหม่จำนวน ๓,๐๐๐ บาท การขอแก้ไขใบแจ้งหนี้ และการขอคืนเงินที่ชำระไว้เกิน ข้อ ๑๘ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่า หนี้ตามใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง ให้ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง ภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้ใช้บริการต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้นั้น ข้อ ๑๙[๙] ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าได้ชำระเงินไว้เกิน ให้ส่งต้นฉบับหรือสำเนาใบเสร็จรับเงินพร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง แล้วแต่กรณี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับชำระเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะถือว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องแล้ว ข้อ ๒๐ การทักท้วงใบแจ้งหนี้ตามข้อ ๑๘ หากผลตรวจสอบปรากฏว่า การออกใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องแล้ว ผู้ใช้บริการต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้น ภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้คืน และต้องชำระค่าเบี้ยปรับเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๕ ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ฉบับนั้น แต่ไม่เกินฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท แต่ถ้ามีการผิดพลาดตามที่ทักท้วง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้ถูกต้อง และผ่อนผันให้ชำระหนี้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ใหม่ ข้อ ๒๑ ใบแจ้งหนี้ค่าภาระ หรือค่าบริการ ซึ่งออกตามเอกสารมูลหนี้ที่ผู้ใช้บริการแจ้งไว้ หากมีการทักท้วงภายหลังว่าข้อมูลที่แจ้งไว้ผิดพลาด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่พิจารณาคำร้อง จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นเสียก่อน หากมิได้ดำเนินการจนพ้นระยะเวลาผ่อนผัน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการตามข้อ ๑๕ ข้อ ๒๒ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ พยุงกิจ จิวะมิตร รองผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ภาคผนวก ก.[๑๐] (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๓)[๑๑], (แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๓)[๑๒] ๒. ภาคผนวก ข.[๑๓] (ลำดับที่ ๑๒)[๑๔] ๓. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) [๑๕] ๔. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) [๑๖] (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕[๑๗] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๕ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗[๑๘] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑๙] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๘[๒๐] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘[๒๑] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๓[๒๒] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘[๒๓] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๔] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๕] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๖] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการ ฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงาน ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๗] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๖๑[๒๘] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ กัญฑรัตน์/จัดทำ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ปัญญา/ตรวจ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วิศนี/เพิ่มเติม ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ กัญฑรัตน์/เพิ่มเติม ๒๙ กันยายน ๒๕๕๙ ปวันวิทย์/เพิ่มเติม ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๖๓ ง/หน้า ๓๕/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๕ [๒] ข้อ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๓] ข้อ ๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๔] ข้อ ๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๕] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๖] ข้อ ๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ [๗] ข้อ ๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๘] ข้อ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๙] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ [๑๐] ภาคผนวก ก. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๑] ภาคผนวก ก (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๒] ภาคผนวก ก (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ [๑๓] ภาคผนวก ข. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๔] ภาคผนวก ข (ลำดับที่ ๑๒). แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๕] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๖] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๙๒ ง/หน้า ๑๘/๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ [๑๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๗๙/๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ [๑๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๓๔/๖ ตุลาคม ๒๕๔๘ [๒๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๑๑๐ ง/หน้า ๔๘/๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ [๒๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๑/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๓/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๖/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๘/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๑/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๒๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๒/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๒๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๗๕ ง/หน้า ๑/๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ [๒๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอน ๓๑ ง/หน้า ๑/๒๖ เมษายน ๒๕๖๑
815002
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2561
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในภาคผนวก ก. ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๖.๑ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๓ และใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “ภาคผนวก ก. ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ” ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑.๑๖ ค่าธรรมเนียมยานพาหนะและเครื่องมือทุ่นแรงผ่านท่า (ADMISSION FEE FOR VEHICLES AND EQUIPMENT) เป็นค่านำยานพาหนะและเครื่องมือทุ่นแรง เข้ามาในเขตศุลกากร เรียกเก็บในอัตราดังนี้ ๑.๑๖.๑ ค่าธรรมเนียมผ่านท่า ๑.๑๖.๑.๑ ค่าธรรมเนียมยานพาหนะสินค้าทั่วไปขาออก ๑.๑๖.๑.๑.๑ รถยนต์บรรทุกไม่เกิน ๖ ล้อ ๑.๑๖.๑.๑.๒ รถยนต์บรรทุก ๘ ล้อ ๑.๑๖.๑.๑.๓ รถยนต์หัวลากหรือรถพ่วง ๑.๑๖.๑.๒ ค่าธรรมเนียมยานพาหนะตู้สินค้าขาออก ๑.๑๖.๑.๒.๑ รถยนต์บรรทุกตู้สินค้าขนาด ๒๐ ฟุต ๑.๑๖.๑.๒.๒ รถยนต์บรรทุกตู้สินค้าขนาดตั้งแต่ ๔๐ ฟุตขึ้นไป (ค่าธรรมเนียมตามลำดับที่ ๑.๑๖.๑.๑ และ ๑.๑๖.๑.๒ รวมภาษีมลูค่าเพิ่ม) ๑.๑๖.๑.๓ ค่าธรรมเนียมเครื่องมือทุ่นแรงผ่านท่า ๑.๑๖.๑.๓.๑ รถยก ๑.๑๖.๑.๓.๒ รถยกตู้สินค้า ๑.๑๖.๑.๓.๓ รถยกแทรกเตอร์ หรือรถปั้นจั่น ขนาดยกได้ ไม่เกิน ๑๐๐ ตัน ๑.๑๖.๑.๓.๔ รถปั้นจั่น ขนาดยกได้เกิน ๑๐๐ - ๒๐๐ ตัน ๑.๑๖.๑.๓.๕ รถปั้นจั่น ขนาดยกได้เกิน ๒๐๐ - ๓๐๐ ตัน ๑.๑๖.๑.๓.๖ รถปั้นจั่น ขนาดยกได้เกิน ๓๐๐ ตัน ๑.๑๖.๑.๔ รถไฟทุกประเภท (ค่าธรรมเนียมตามลำดับที่ ๑.๑๖.๑.๓ และ ๑.๑๖.๑.๔ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) บาท/คัน/เที่ยว ๒๕ ๓๕ ๑๐๐ บาท/ตู้ ๑๐๐ ๒๐๐ บาท/คัน/เที่ยว ๑๑๐ ๒๒๐ ๓๓๐ ๔๔๐ ๕๕๐ ๖๖๐ บาท/ตู้/เที่ยว ๓๕ ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการกำหนดวิธีปฏิบัติ และรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อทราบหรือพิจารณาสั่งการต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายวิศวกรรม รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พรวิภา/จัดทำ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๗๖ ง/หน้า ๗/๔ ตุลาคม ๒๕๖๑
802005
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 15) พ.ศ. 2561
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติ ในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยดังนี้ ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘ ๓.๒ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในภาคผนวก ก. ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้ข้อความต่อไปนี้แทน ภาคผนวก ก. ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑.๑๓ ๑.๑๓.๑ ค่าบริการชั่งน้ำหนักตู้สินค้า FCL ที่ผ่านเข้าและออกในเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ โดยเรียกเก็บจากผู้ส่งออกและผู้นำเข้า ๑.๑๓.๒ ค่าบริการชั่งน้ำหนักตู้สินค้า LCL ขาออก ที่บรรจุภายใน เขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ โดยเรียกเก็บจากตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า ๑.๑๓.๓ ค่าบริการชั่งน้ำหนักตู้สินค้า โดยเรียกเก็บเมื่อมีการขอชั่ง (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) บาท/ตู้ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายวิศวกรรม รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปวันวิทย์/จัดทำ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอน ๓๑ ง/หน้า ๑/๒๖ เมษายน ๒๕๖๑
794431
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าขาออกหรือตู้บรรจุสินค้าขาออกที่นำเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและยังคงตกค้างอยู่ในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2560
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าขาออกหรือตู้บรรจุสินค้าขาออก ที่นำเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและยังคงตกค้างอยู่ในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้มีการกำหนดวิธีดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าหรือตู้บรรจุสินค้าขาออกที่ได้นำเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ แต่ไม่สามารถดำเนินการบรรทุกลงเรือและยังคงตกค้างอยู่ในเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าขาออกหรือตู้บรรจุสินค้าขาออก ที่นำเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและยังคงตกค้างอยู่ในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการขายทอดตลาดสินค้าขาออกของการท่าเรือแห่งประเทศไทย “สินค้า” หมายความว่า สัตว์ พืช หรือสิ่งของทุกชนิดที่แลกเปลี่ยน ซื้อ ขาย ให้ หรือถือกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย และให้หมายรวมถึงของใช้ส่วนตัวของบุคคล หรือนิติบุคคลที่ส่งออก “ใบขนสินค้า” หมายความว่า ใบหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่แสดงรายการต่อไปนี้ คือ ชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนัก ราคาศุลกากรและรายการอื่น ๆ ตามแต่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนด และให้ลงนามรับรองในใบขนสินค้าหรือใช้วิธีใดตามที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนด เพื่อรับรองใบขนสินค้าว่าข้อความที่ได้แสดงไว้เป็นความสัตย์จริง ข้อ ๔ คณะกรรมการ ประกอบด้วย ๔.๑ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเงิน ประธานกรรมการ ๔.๒ ผู้อำนวยการกองพัสดุ กรรมการ ๔.๓ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการสินค้า ๓ กรรมการ ๔.๔ ผู้อำนวยการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ กรรมการ ๔.๕ ผู้อำนวยการกองท่าบริการตู้สินค้า ๒ กรรมการ ๔.๖ หัวหน้าแผนกคดี กรรมการ ๔.๗ หัวหน้าแผนกงบทำการงานปฏิบัติการ กรรมการ ๔.๘ หัวหน้าแผนกคลังสินค้าตกค้าง กรรมการและเลขานุการ ข้อ ๕ ให้หน่วยงานที่ควบคุมดูแลเก็บรักษาสินค้าขาออกหรือตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าขาออกของท่าเรือกรุงเทพ ตรวจสอบใบขนสินค้าที่ผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หากพบว่ามีสินค้าหรือตู้สินค้าที่ยังมิได้นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่นำผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้หน่วยงานนั้นจัดทำหนังสือสอบถามสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ว่าสินค้าหรือตู้สินค้าดังกล่าวมีภาระผูกพันกับกรมศุลกากรหรือไม่ ข้อ ๖ กรณีที่กรมศุลกากรแจ้งว่าสินค้าดังกล่าว มีภาระผูกพันกับกรมศุลกากร ให้หน่วยงานที่ควบคุมดูแลเก็บรักษาสินค้าหรือตู้สินค้าดังกล่าว จัดทำหนังสือแจ้งเจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนหรือผู้ประกอบการบรรจุตู้สินค้า (FREIGHT FORWARDER) เพื่อประสานงานแจ้งเจ้าของสินค้าให้มาดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อส่งออก หรือเพื่อตรวจรับกลับคืนสินค้าหรือตู้บรรจุสินค้า ออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๗ กรณีที่กรมศุลกากรแจ้งว่าสินค้าดังกล่าวไม่มีภาระผูกพันกับกรมศุลกากร ให้หน่วยงานที่ควบคุมดูแลเก็บรักษาสินค้าหรือตู้สินค้าดังกล่าว ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๗.๑ จัดทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังเจ้าของสินค้า ตามแบบที่ กทท. กำหนด แนบท้ายระเบียบนี้ โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ เพื่อให้มาดำเนินการชำระค่าภาระและนำสินค้าออกไปจากเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ ในกรณีที่ไม่มีผู้รับไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้ดำเนินการปิดประกาศหนังสือดังกล่าว ณ หน่วยงานที่ควบคุมดูแลเก็บรักษาสินค้าหรือตู้สินค้าดังกล่าว เป็นระยะเวลา ๑๕ วัน ๗.๒ เมื่อครบกำหนดตามข้อ ๗.๑ แล้ว หากเจ้าของสินค้าไม่มานำสินค้าออกไปจากเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้จัดทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน ตามแบบที่ กทท. กำหนดแนบท้ายระเบียบนี้ โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ เพื่อทราบจำนวนค่าภาระคงค้างและให้นำสินค้าหรือตู้สินค้าออกไปจากเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ และแจ้งให้ทราบว่าหากไม่มาดำเนินการดังกล่าว กทท. จะดำเนินการขายทอดตลาดสินค้าและตู้สินค้าดังกล่าว พร้อมปิดประกาศหนังสือดังกล่าวไว้ ณ หน่วยงานที่เก็บรักษาสินค้าหรือตู้สินค้าดังกล่าว เป็นระยะเวลา ๑๕ วัน ๗.๓ เมื่อครบกำหนดตามข้อ ๗.๒ แล้ว หากเจ้าของสินค้าหรือตู้สินค้า ยังไม่มาชำระค่าภาระและนำสินค้าหรือตู้สินค้าออกจากเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้คณะกรรมการดำเนินการขายทอดตลาดสินค้าและตู้สินค้าดังกล่าว โดยนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาชำระค่าภาระให้กับ กทท. หากมีเงินเหลือจะคืนให้กับเจ้าของสินค้าหรือตู้สินค้า ภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับจากวันที่ กทท. มีหนังสือแจ้งให้ทราบว่ามีเงินเหลือคืน ข้อ ๘ เมื่อมีผู้ประมูลสินค้าที่ขายทอดตลาดได้ ให้ผู้ประมูลได้ทำหนังสือยินยอมตามแบบที่ กทท. กำหนด แนบท้ายระเบียบนี้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้ ๘.๑ ชำระเงินค่าสินค้าให้ครบถ้วนตามราคาที่ประมูลได้บวกภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสดโดยทันที หากราคาที่ประมูลได้สูงเกินกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) และผู้ประมูลได้ ยังไม่พร้อมจะชำระเงินทั้งหมดในทันที ผู้ประมูลจะต้องวางเงินสดมัดจำไม่น้อยกว่า ๒๕% ของราคาที่ประมูลได้ทันที และต้องชำระส่วนที่เหลือทั้งหมด ในวันถัดไปที่เปิดทำการ ณ กองจัดการการเงิน สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี ๘.๒ กรณีผู้ประมูลได้ไม่มาชำระส่วนที่เหลือภายในกำหนด กทท. จะยึดเงินมัดจำและจะนำสินค้าออกขายทอดตลาด และหากขายทอดตลาดสินค้าได้เงินน้อยกว่าเงินส่วนที่ผู้ประมูลได้ค้างชำระรวมกับค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาด ผู้ประมูลได้ครั้งแรกจะต้องรับผิดชอบชดใช้ส่วนต่างให้กับ กทท. ๘.๓ ผู้ประมูลได้ต้องนำสินค้าที่ประมูลได้ออกไปจากท่าเรือกรุงเทพ ภายในกำหนดเวลา ๓ วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ได้ชำระเงินค่าสินค้านั้นครบถ้วนแล้ว ถ้าผู้ประมูลได้ไม่นำสินค้าที่ประมูลได้ออกไปภายในกำหนดเวลาดังกล่าว กทท. จะเรียกเก็บค่าฝากเก็บสินค้านั้นตามอัตราค่าภาระฝากเก็บสินค้าที่กำหนดไว้ ๘.๔ เมื่อครบกำหนด ๑๕ วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้ประมูลได้ชำระค่าสินค้านั้นครบถ้วนแล้ว หากผู้ประมูลได้ไม่นำสินค้าที่ประมูลได้ออกไปจากท่าเรือกรุงเทพ กทท. มีสิทธินำสินค้านั้นออกขายทอดตลาด โดยให้คณะกรรมการดำเนินการนำสินค้านั้นออกขายทอดตลาด เพื่อหักเงินที่ขายได้เป็นค่าฝากสินค้า และค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาดไว้ให้ครบถ้วน หากมีเงินเหลือจะคืนให้กับผู้ประมูลได้ภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับจากวันที่ กทท. มีหนังสือแจ้งให้ทราบว่ามีเงินเหลือคืน ๘.๕ กรณีที่ผู้ประมูลได้มาขอรับสินค้าเมื่อพ้นกำหนดเวลา ๑๕ วันแล้ว และสินค้าอยู่ในระหว่างดำเนินการขายทอดตลาดแต่ยังไม่เสร็จสิ้น ให้ผู้ประมูลได้ชำระค่าฝากเก็บสินค้าที่คงค้างและดำเนินการส่งมอบสินค้านั้นให้แก่ผู้ประมูลได้ต่อไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายวิศวกรรม รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. หนังสือขอให้มานำสินค้าออกไปจากท่าเรือกรุงเทพ ๒. หนังสือขอให้ชำระค่าภาระและนำสินค้าออกไปจากท่าเรือกรุงเทพ ๓. หนังสือยินยอมให้ขายสินค้าที่ประมูลได้จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย (สำหรับสินค้าขาออก หรือตู้บรรจุสินค้าขาออก) (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๗)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ภวรรณตรี/จัดทำ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๑ พิมพ์มาดา/ตรวจ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๑ ง/หน้า ๑/๔ มกราคม ๒๕๖๑
794044
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตทิ้งดินภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2560
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตทิ้งดินภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขุดลอกและทิ้งดินภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) และมาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตทิ้งดินภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขุดลอกและทิ้งดินภายในอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๘ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “อาณาบริเวณ” หมายความว่า อาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทยตามพระราชกฤษฎีกากำหนดอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๔๙๙ และให้หมายความถึง “พื้นที่ปฏิบัติงาน” ที่กำหนดเป็นที่จอดเรือ ขุดลอก และทิ้งดินด้วย “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการท่าเรือหรืออื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาภายในอาณาบริเวณ “เรือ” หมายความว่า เรือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการขุดลอกประเภทต่าง ๆ พร้อมพนักงานประจำเรือซึ่งมีรายละเอียดตามเอกสารแนบท้ายข้อตกลง “ค่าธรรมเนียม” หมายความว่า ค่าชดเชยการทิ้งดินในอาณาบริเวณ โดยคิดตามจำนวนดินที่ขออนุญาตขอขุดลอกหรือตามจำนวนที่ขุดลอกจริงเป็นลูกบาศก์เมตร เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ “ที่ทิ้งดิน” หมายความว่า ตำบลที่ภายในอาณาบริเวณที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดให้เป็นที่ทิ้งดินภายในอาณาบริเวณตามแผนที่กำหนดตำบลที่สำหรับที่ทิ้งดินในภาคผนวก ก. ข้อ ๕ ให้ผู้ประกอบการยื่นคำร้องขออนุญาตทำการทิ้งดินภายในอาณาบริเวณตามแบบที่กำหนดไว้ในภาคผนวก ข. ที่กองการสำรวจร่องน้ำ ฝ่ายการร่องน้ำ และให้กองการสำรวจร่องน้ำตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารตามภาคผนวก ข. ก่อนเสนอผู้อำนวยการเพื่อขออนุมัติ ข้อ ๖ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้ทิ้งดินตามแผนที่กำหนดตำบลที่สำหรับที่ทิ้งดินในภาคผนวก ก. จะต้องชำระค่าธรรมเนียมในอัตรา ๒๐ บาทต่อลูกบาศก์เมตร โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีที่มีการทิ้งดินนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ตามระเบียบนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องชำระค่าธรรมเนียมในอัตรา ๒๕ บาทต่อลูกบาศก์เมตรโดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๗ กรณีผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาต ดำเนินการขุดลอกดินมากกว่าจำนวนดินที่ได้รับอนุญาตไว้ผู้ประกอบการจะต้องชำระค่าธรรมเนียมตามจำนวนดินที่เกินกว่าที่ขออนุญาตเป็นจำนวน ๒ เท่าของอัตราค่าธรรมเนียมปกติ ข้อ ๘ การท่าเรือแห่งประเทศไทยสงวนสิทธิในการคืนเงินค่าธรรมเนียมในกรณีที่ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตขุดลอกดินได้น้อยกว่าจำนวนดินที่ได้ขออนุญาตไว้ ข้อ ๙ ให้รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายวิศวกรรม เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายวิศวกรรม รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๑๐๓ ง/หน้า ๑/๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๐
790959
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2560
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าบริการน้ำจืดของท่าเรือกรุงเทพให้เหมาะสมกับปัจจุบันอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในภาคผนวก ก. ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ ลำดับที่ ๑๑ แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน ลำดับ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑.๑๑ ค่าบริการน้ำจืด (WATER SUPPLY SERVICE) ๑.๑๑.๑ ค่าน้ำจืด เรียกเก็บในอัตรา ๑.๑๑.๒ ค่าบริการเรือบรรทุกน้ำ ณ สถานที่ต่าง ๆ (DISTANCE SURCHARGE) เรียกเก็บเพิ่มขึ้นจากลำดับที่ ๑.๑๑.๑ ตามสถานที่ที่จอดเรือดังนี้ ๑.๑๑.๒.๑ บริเวณท่าเทียบเรือ หรือหลักผูกเรือ คลองเตย ๑.๑๑.๒.๒ บริเวณบางหัวเสือ หรือสาธุประดิษฐ์ ๑.๑๑.๒.๓ บริเวณบางปลากด หรือท้ายบ้าน ๑.๑๑.๒.๔ บริเวณสันดอนปากน้ำเจ้าพระยา บาท/ลูกบาศก์เมตร ๓๕ บาท/เที่ยวปฏิบัติการ ๘๒๕ ๗,๕๐๐ ๑๐,๕๐๐ ๓๐,๐๐๐ ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วัน ที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายวิศวกรรม รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พรวิภา/อัญชลี/จัดทำ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๙๒ ง/หน้า ๔/๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
790952
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ และใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔ การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ๔.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บัญชีตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนด ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากรเป็นเวลาของการรับข้อมูล ๔.๒ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือรายใดที่จัดส่งข้อมูลบัญชี ตู้สินค้าขาเข้าผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว และพบปัญหาที่ไม่สามารถ ส่งได้สมบูรณ์ให้จัดส่งข้อมูลใหม่ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ๔.๓ กรณีที่ข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องขอยกเลิก หรือแก้ไข หรือเพิ่มเติมรายการ โดยให้ยื่นขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๔ กรณีที่จัดส่งข้อมูลตู้สินค้าขาเข้าไม่ทันกำหนดเวลา ตามข้อ ๔.๑ หรือข้อ ๔.๒ หรือข้อ ๔.๓ การท่าเรือแห่งประเทศไทย จะไม่ดำเนินการขนถ่ายตู้สินค้าจนกว่าจะได้รับข้อมูลเป็นที่เรียบร้อย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้วเป็นเหตุให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๔.๕ กรณีที่เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชี ตู้สินค้าขาเข้า ทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๒๐ บาท (ยี่สิบบาทถ้วน) ต่อตู้ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ๔.๖ กรณีที่ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวเกิดขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถส่งข้อมูลได้ ให้ส่งโดยวิธีอื่นตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ และใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ๕.๑ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือของเรือตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือของเรือสินค้าทั่วไป ที่ถูกต้องและครบถ้วนตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนดผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของกรมศุลกากรเป็นเวลาของการรับข้อมูล ๕.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ๕.๒.๑ ภายในกำหนด ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จหากมีข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือไม่ครบถ้วน (การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะอนุญาตให้แก้ไขได้ในกรณีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีตู้สินค้าขาเข้า) ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ๕.๒.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือภายหลัง ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้ายื่นเอกสารคำร้องขอแก้ไข (Amend Should Be/Shortlanded/Overlanded) ณ แผนกโรงพักสินค้าพิธีการฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้าท่าเรือกรุงเทพ ๕.๓ กรณีที่จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๕.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้วเป็นเหตุให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๕.๔ กรณีที่เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือเอง เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อใบตราส่งซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ๕.๕ กรณีที่ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวเกิดขัดข้องทำให้ไม่สามารถส่งข้อมูลได้ ให้ส่งโดยวิธีอื่นตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด” ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พรวิภา/อัญชลี/จัดทำ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๙๒ ง/หน้า ๑/๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
780888
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการสำรวจสินค้าขาเข้าชำรุด พ.ศ. 2560
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการสำรวจสินค้าขาเข้าชำรุด พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] โดยที่เห็นเป็นการสมควรให้มีการปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับการสำรวจสินค้าขาเข้าชำรุดให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) และ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการสำรวจสินค้าขาเข้าชำรุด พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการสำรวจสินค้าขาเข้าชำรุด พ.ศ. ๒๕๕๗ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย “สินค้า” หมายความว่า สัตว์ พืช หรือสิ่งของทุกชนิดที่แลกเปลี่ยน ซื้อ ขาย ให้ หรือถือกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย และให้หมายรวมถึงของใช้ส่วนตัวของบุคคล หรือนิติบุคคลที่นำเข้ามาด้วย “สินค้าชำรุด” หมายความว่า สินค้าซึ่งโดยสภาพของตัวสินค้าเอง หรือหีบห่อ แตก ชำรุดเสียหาย บุบสลาย ฉีก ขาด คด งอ เปรอะเปื้อน เป็นสนิม หรือผิดจากสภาพปกติ “หัวหน้าแผนก” หมายความว่า หัวหน้าแผนกโรงพักสินค้า หรือหัวหน้าแผนกคลังสินค้า หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย “ผู้เกี่ยวข้อง” หมายความว่า ผู้ประกอบการรับจ้างเปิดตู้สินค้า หรือพนักงานบริษัทตัวแทนเรือหรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย หมวด ๑ กรณีที่มีสินค้าชำรุดซึ่งขนถ่ายจากเรือ หรือขนถ่ายจากตู้สินค้า แล้วนำเข้าเก็บในโรงพักสินค้าหรือคลังสินค้า ข้อ ๕ ให้หัวหน้าแผนกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชำรุด จัดพนักงานผู้ทำหน้าที่สำรวจสินค้าหรือพนักงานผู้ทำหน้าที่จัดเรียง อย่างน้อยจำนวน ๑ คน ปฏิบัติหน้าที่ที่ห้องเก็บสินค้าชำรุดตลอดเวลาที่เปิดโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า ข้อ ๖ ให้พนักงานผู้ทำหน้าที่จดรายการสินค้าของโรงพักสินค้าหรือคลังสินค้า และพนักงานผู้ทำหน้าที่จดรายการสินค้าของบริษัทตัวแทนเรือหรือผู้เกี่ยวข้อง บันทึกหรือหมายเหตุสินค้าชำรุดลงในใบจดรายการสินค้าที่ขนถ่ายจากเรือ หรือที่ขนถ่ายจากตู้สินค้า หรือบันทึกข้อมูลสินค้าชำรุดเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และทำการบันทึกภาพสินค้าที่เกิดการชำรุดนั้น จากหน้าระวางขนถ่ายสินค้าจากเรือหรือหน้าตู้สินค้าเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ให้หัวหน้าแผนกและผู้เกี่ยวข้อง คัดแยกสินค้าชำรุดออกจากสินค้าดี แล้วควบคุมส่งไปเก็บที่ห้องเก็บสินค้าชำรุด ยกเว้น สินค้าชำรุดที่ไม่สามารถหรือไม่สะดวกที่จะส่งไปที่ห้องเก็บสินค้าชำรุดให้จัดเก็บแยกไว้เป็นการเฉพาะในพื้นที่ที่จัดเก็บสินค้า พร้อมทั้งแจ้งพนักงานผู้ทำหน้าที่สำรวจสินค้าให้ทราบถึงตำบลที่อยู่ของสินค้าชำรุดที่จัดเก็บไว้ ข้อ ๗ เมื่อพนักงานผู้ทำหน้าที่สำรวจสินค้าได้รับสินค้าชำรุดแล้ว ให้ทำบัญชีไว้เป็นหลักฐานและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรและพนักงานบริษัทตัวแทนเรือที่ได้รับมอบอำนาจ มาทำการสำรวจโดยทันที ทั้งนี้ การแจ้งจะแจ้งด้วยวาจาก่อนก็ได้ แต่ถ้าพนักงานบริษัทตัวแทนเรือไม่มาทำการสำรวจ ให้แจ้งเป็นหนังสือตามแบบใบแจ้งให้มาสำรวจสินค้า หรือของที่ชำรุด [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๓)/แบบ ผร.๑] โดยให้พนักงานบริษัทตัวแทนเรือลงนามรับไว้ในสำเนา ข้อ ๘ ในกรณีที่ไม่สามารถทำการสำรวจสินค้าชำรุดในทันทีทันใดได้ ให้พนักงานผู้ทำหน้าที่สำรวจสินค้าทำการชั่งน้ำหนักหีบห่อไว้ และนำเข้าเก็บในห้องเก็บสินค้าชำรุด หรือบริเวณที่หัวหน้าแผนกกำหนดเป็นการเฉพาะ โดยแยกต่างหากจากสินค้าดีเพื่อทำการสำรวจในโอกาสแรก ทั้งนี้ ให้ยกเว้นสินค้าบางประเภท โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าแผนก ข้อ ๙ ให้พนักงานผู้ทำหน้าที่สำรวจสินค้าทำการเปิดหีบห่อสินค้าชำรุดต่อหน้าพนักงานบริษัทตัวแทนเรือและเจ้าหน้าที่ศุลกากร โดยจัดทำบันทึกความเสียหายลงในแบบร่างการสำรวจสินค้าชำรุดที่ขนถ่ายจากเรือ/เปิดจากตู้สินค้า [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๔)/แบบ ผร.๒] พร้อมลงนามรับรองกันทั้งฝ่ายโรงพักสินค้าหรือคลังสินค้า กับฝ่ายพนักงานบริษัทตัวแทนเรือและเจ้าหน้าที่ศุลกากร จากนั้นมอบสำเนาให้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน และหากมีข้อความผิดพลาด ให้ขีดฆ่าแล้วลงนามกำกับไว้โดยห้ามมิให้ลบออก ข้อ ๑๐ สินค้าประเภทรถยนต์ ให้ทำการสำรวจรายละเอียดของรถยนต์ลงในแบบสำรวจสินค้ารถยนต์ (TALLY SHEET FOR UNPACKED MOTOR CAR & TRUCK) [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๖)] ข้อ ๑๑ เมื่อทำการสำรวจสินค้าชำรุดเสร็จไปครั้งหนึ่ง ๆ แล้ว ให้พนักงานผู้ทำหน้าที่สำรวจสินค้าจัดพิมพ์แบบรายการสินค้าชำรุด [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๕)/แบบ ผร.๓] โดยใช้รายละเอียดจากแบบร่างการสำรวจสินค้าชำรุดที่ขนถ่ายจากเรือ/เปิดจากตู้สินค้า [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๔)/แบบ ผร.๒] ตามข้อ ๙ หรือแบบสำรวจสินค้ารถยนต์ (TALLY SHEET FOR UNPACKED MOTOR CAR & TRUCK) [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๖)] ตามข้อ ๑๐ แล้วรีบส่งให้พนักงานบริษัทตัวแทนเรือตรวจสอบลงนามรับรองโดยเร็ว ข้อ ๑๒ ให้พนักงานผู้ทำหน้าที่สำรวจสินค้าเป็นผู้ดำเนินการจัดพิมพ์แบบรายการสำรวจสินค้า (SURVEY NOTE) [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๗)] เพื่อมอบให้แก่เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต่อไป หมวด ๒ กรณีสินค้าที่ขนถ่ายจากเรือ หรือขนถ่ายจากตู้สินค้า ซึ่งได้รับมอบไว้แล้วเกิดชำรุดในภายหลัง ข้อ ๑๓ ให้หัวหน้าแผนกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชำรุดรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้บังคับบัญชาทราบในโอกาสแรกที่จะทำได้ และให้เก็บรักษาสินค้าชำรุดดังกล่าวในที่ปลอดภัย ข้อ ๑๔ ให้พนักงานผู้ทำหน้าที่สำรวจสินค้าแจ้งต่อเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ชำรุดเพื่อมาทำการสำรวจสินค้าที่ชำรุดเสียหายโดยเร็ว และต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรทราบก่อนทำการสำรวจ ข้อ ๑๕ ภายใต้บังคับข้อ ๑๔ ให้พนักงานผู้ทำหน้าที่สำรวจสินค้าซึ่งได้รับมอบหมายของหน่วยงานที่เกิดความเสียหาย ผู้แทนกองกฎหมายและผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันทำการสำรวจสินค้าชำรุดนั้นโดยละเอียด โดยใช้แบบรายการสำรวจสินค้า/ตู้สินค้าชำรุด [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๘)/แบบสำรวจ ๑] บันทึกไว้เป็นหลักฐานและร่วมกันลงนามในแบบรายการสำรวจสินค้า/ตู้สินค้าชำรุด ก่อนให้หัวหน้าหน่วยงานหรือผู้ได้รับมอบหมายลงนามพร้อมทั้งจัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาค่าเสียหายกรณีสินค้าหรือตู้สินค้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยรับมอบ และเก็บรักษาไว้เกิดชำรุดเสียหายหรือสูญหาย เพื่อพิจารณา ข้อ ๑๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. การท่าเรือแห่งประเทศไทย PORT AUTHORITY OF THAILAND แบบรายการสำรวจสินค้า/ตู้สินค้าชำรุด DAMAGED CARGO & CONTAINER SURVEY NOTE (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๘) แบบสำรวจ ๑) ๒. ใบแจ้งให้มาสำรวจสินค้าหรือของที่ชำรุด Request of survey of damaged cargo (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๓) แบบ ผร. ๑) ๓. การท่าเรือแห่งประเทศไทย แบบ PORT AUTHORITY OF THAILAND ร่างการสำรวจสินค้าชำรุดที่ขนจากเรือ/เปิดจากตู้สินค้า DRAFT OF SURVEY OF DAMAGED CARGO LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๔) แบบ ผร. ๒) ๔. การท่าเรือแห่งประเทศไทย PORT AUTHORITY OF THAILAND รายการสินค้าชำรุด DAMAGED CARGO LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๕) แบบ ผร. ๓) ๕. PORT AUTHORITY OF THAILAND TALLY SHEET FOR UNPACKED MOTOR CAR & TRUCK (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๖)) ๖. การท่าเรือแห่งประเทศไทย PORT AUTHORITY OF THAILAND รายการสำรวจสินค้า (SURVEY NOTE) (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๗)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ภวรรณตรี/จัดทำ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ พรวิภา/ตรวจ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๕๑ ง/หน้า ๑/๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐
773391
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเงิน พ.ศ. 2560
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] โดยที่เห็นเป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเงิน ให้มีความถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๗ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยรับชำระเงินเป็นเงินสด หรือเช็คที่ธนาคารสั่งจ่ายหรือดร๊าฟ หรือรับผ่านบัญชีธนาคารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือรับผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบอื่นใดตามที่ได้รับอนุมัติ ข้อ ๕ กรณีการรับเช็คจากบุคคลภายนอก ให้รับเช็คที่สั่งจ่ายโดยผู้มีพันธะต้องชำระเงินตามข้อผูกพันของตนเองเท่านั้น และกำหนดให้เป็น ๕.๑ เช็คธนาคารแห่งประเทศไทย ๕.๒ เช็คที่ธนาคารสั่งจ่าย ๕.๓ เช็คที่ธนาคารค้ำประกัน ๕.๔ เช็คที่มีหลักทรัพย์ หรือสัญญาค้ำประกันไว้กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๖ ในกรณีผู้ชำระเงินมีหนี้สินผูกพัน ให้รับเช็คนอกเหนือที่กล่าวไว้ในข้อ ๕ ได้หรือโอนชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๗ ห้ามทอนเงินส่วนที่เกินจากเช็คเป็นเงินสด และห้ามนำเช็คมาแลกเป็นเงินสด ข้อ ๘ ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับชำระเงินตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารและจำนวนเงิน และออกหลักฐานทางการเงินให้แก่ผู้ชำระเงินทุกครั้ง ข้อ ๙ ในการนำเงินรับประจำวันฝากเข้าธนาคาร ให้ปฏิบัติดังนี้ ๙.๑ กรณีรับเงินประจำวัน ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึง ๑๒.๐๐ น. ให้นำเงินฝากธนาคารในวันนั้นทันทีภายหลังจากการตรวจนับเงินเสร็จสิ้น ๙.๒ กรณีรับเงินประจำวัน หลังเวลา ๑๒.๐๐ น. ให้นำเงินเก็บรักษาไว้ที่ห้องมั่นคงทันทีภายหลังจากการตรวจนับเงินเสร็จสิ้น และให้นำเงินฝากธนาคารในวันทำการถัดไป ๙.๓ กรณีที่เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดต่อเนื่อง วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดประจำปีของธนาคาร หรือวันหยุดอื่นใด ให้นำเงินเก็บรักษาไว้ที่ห้องมั่นคงทันทีภายหลังจากการตรวจนับเงินเสร็จสิ้น และให้นำเงินฝากธนาคารในวันเปิดทำการวันแรก ข้อ ๑๐ รายการขอเบิกเงินที่เกิน ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ขึ้นไป ให้ออกเช็คเป็นรายใบสำคัญจ่าย หรือจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๑ ห้ามแยกยอดเงินของแต่ละใบสำคัญจ่าย เพื่อเขียนเช็คจ่ายเงินเป็นหลายฉบับ เว้นแต่การจ่ายเงินที่ระบุผู้รับเงินตามใบสำคัญจ่ายเกินกว่า ๑ ราย ให้แยกยอดเงินเพื่อเขียนเช็คจ่ายเงินตามรายชื่อผู้รับเงิน หรือการจ่ายเงิน ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยมีภาระต้องหักเงินบางส่วนตามพันธกรณี ข้อ ๑๒ การจ่ายเงินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ต้องมีใบสำคัญจ่ายไว้เป็นหลักฐาน เว้นแต่การจ่ายเงินโดยการหักโอนบัญชีเงินฝากธนาคาร ที่ได้รับอนุมัติวิธีปฏิบัติในแต่ละประเภทการจ่ายแล้ว ข้อ ๑๓ การจ่ายเงินให้แก่ผู้รับเงินซึ่งเป็นพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรืออดีตพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือเจ้าพนักงานตำรวจที่มาปฏิบัติงานที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้จ่ายเป็นเงินสด หรือเช็ค หรือจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่การจ่ายเงินสดย่อยที่มีวงเงินต่ำกว่า ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ให้จ่ายเป็นเงินสด โดยให้ผู้มีอำนาจลงนามในเช็คขอเบิกเงินสดตามจำนวนในใบสำคัญจ่าย ข้อ ๑๔ การจ่ายเงินให้แก่บุคคลภายนอก หรือนิติบุคคลผู้มีสิทธิรับเงินกับการท่าเรือแห่งประเทศไทยให้จ่ายเป็นเช็ค หรือจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามจำนวนที่ได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติจ่ายเงินตามใบสำคัญจ่าย ข้อ ๑๕ การเขียนเช็คจ่ายเงิน ให้บันทึกชื่อผู้รับเงิน จำนวนเงินที่จ่าย และเลขที่ใบสำคัญจ่ายไว้ที่ต้นขั้วเช็ค และเมื่อจ่ายเช็คจะต้องให้ผู้รับเช็คลงนามหลังต้นขั้วเช็คนั้น กำกับวัน เดือน ปี ที่รับเช็คพร้อมด้วยข้อความแสดงว่าได้รับเช็คไปถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ข้อ ๑๖ การเขียนเช็คสั่งจ่ายเงิน ให้จ่ายเป็นเช็คขีดคร่อมทั่วไปด้วยคำว่า “A/C Payee only” เว้นแต่กรณีที่จ่ายให้ผู้ที่ไม่มีบัญชีเงินฝากอยู่ในธนาคาร ให้จ่ายเช็คขีดคร่อมทั่วไปด้วยคำว่า “และบริษัท” หรือ “& Co.” ข้อ ๑๗ เช็คที่ลงนามสั่งจ่ายแล้ว ให้ถือเสมือนเป็นเงินสด หรือหากมีเช็คคงเหลือในแต่ละวัน ให้กรรมการรักษาเงินตรวจทานเช็คเหล่านี้กับสมุดทะเบียนเช็คคงเหลือทุกวัน พร้อมทั้งลงชื่อกำกับในสมุดทะเบียนเช็คคงเหลือ เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจรับก่อนนำเข้าเก็บรักษาในตู้นิรภัย ข้อ ๑๘ ให้กองจัดการการเงิน สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี ติดต่อผู้ใช้บริการหรือคู่ค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้มารับเช็คที่ได้ออกแล้ว โดยส่งจดหมายติดต่อเป็นหลักฐานจำนวน ๒ ครั้ง ก่อนเช็คจะหมดอายุ ข้อ ๑๙ กรณีเช็คหมดอายุแล้ว ให้กองจัดการการเงิน ดำเนินการยกเลิกเช็คดังกล่าวแล้วส่งเอกสารใบสำคัญตั้งหนี้ให้กองบัญชีการเงิน สำนักบัญชี ฝ่ายการเงินและบัญชี เพื่อดำเนินการต่อไป ข้อ ๒๐ กรณีที่ผู้รับเงินทำหลักฐานเอกสารการเงินสูญหาย และมีการร้องขอคัดสำเนาหรือขอให้ออกหลักฐานเอกสารการเงินฉบับใหม่ ให้กองจัดการการเงิน เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ฉบับละ ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๒๑ ให้กองจัดการการเงิน รวบรวมใบเบิกเงินที่จ่ายจากเงินสดย่อย ส่งกองบัญชีการเงินภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่จ่ายเงินรายการนั้น ๆ เพื่อเบิกเงินชดเชยต่อไป ข้อ ๒๒ บรรดาเงินต่าง ๆ และเช็คที่ค้างจ่ายซึ่งอยู่ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ถ้าผู้มีสิทธิมิได้เรียกเอาภายในห้าปี ให้ตกเป็นรายได้ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๒๓ ให้รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงินเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ภวรรณตรี/จัดทำ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ปุณิกา/ตรวจ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๙๒ ง/หน้า ๑/๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐
767876
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการนำสินค้าขาออก ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านเข้าหรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการนำสินค้าขาออก ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านเข้า หรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการนำสินค้าขาออก ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านเข้า หรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้มีความถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. ๒๕๕๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการนำสินค้าขาออก ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านเข้า หรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการนำสินค้าขาออก ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านเข้า หรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ตู้สินค้าขาออก” หมายความว่า ตู้สินค้าที่มีการบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (LESS THAN CONTAINER LOAD : LCL) หรือตู้สินค้าที่บรรจุนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (FULL CONTAINER LOAD : FCL) หรือตู้สินค้าเปล่าที่ประสงค์บรรทุกลงเรือเพื่อส่งออก “เรือลำเลียง” หมายความว่า เรือที่ใช้สำหรับลำเลียง หรือขนถ่ายสินค้าจากเรือกำปั่นหรือบรรทุกสินค้าส่งเรือกำปั่น หรือขนถ่ายหรือบรรทุกสินค้าหรือตู้สินค้าจากเรือสินค้า หรือท่าเรืออื่น “ท่าเทียบเรือภายในประเทศ” (DOMESTIC PORT) หมายความว่า ท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพ ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด “ตัวแทนเรือ” (SHIP’S AGENT) หมายความว่า บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของเจ้าของเรือเพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าของเรือในท่าเรือ ในกรณีที่เจ้าของเรือไม่มีบริษัทสาขาประจำอยู่ในท้องถิ่น “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า ผู้ประกอบการบรรจุตู้สินค้าขาออกภายในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ที่ไม่มีตู้สินค้าเป็นของตนเอง “ผู้รับจัดการขนส่ง” (FREIGHT FORWARDERS) หมายความว่า ผู้ที่กระทำหน้าที่แทนผู้ขนส่ง หรือผู้รับของในการจัดการขนส่งสินค้าตามที่ได้รับมอบหมายจนถึงที่หมายปลายทาง แม้ความหมายโดยทั่วไปของผู้รับจัดการขนส่งจะมิใช่ผู้ขนส่ง แต่ผู้รับจัดการขนส่งก็สามารถประกอบการเป็นผู้ขนส่งได้ และการจัดการขนส่งสินค้าตามสัญญารับจัดการขนส่งสินค้าดังกล่าว ผู้รับจัดการขนส่งสามารถประกอบการได้ทั้งในฐานะตัวแทน หรือผู้ขนส่งได้ “เขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ” หมายความว่า อาณาบริเวณที่กำหนดเป็นเขตศุลกากร ณ ท่าเทียบเรือของท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบแปลนแผนผังที่แนบท้ายสัญญาประกันและทัณฑ์บน ณ วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และตามมาตรา ๔ (๓) แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ “การเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร ระหว่างระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานของรัฐ หรือระหว่างระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานของรัฐกับเอกชน ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนำเข้า การส่งออก การนำผ่านและโลจิสติกส์ โดยผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window) “ผู้ส่งออก” หมายความว่า ผู้ดำเนินการส่งสินค้าไปต่างประเทศโดยทางเรือ “น้ำหนักมวลรวมของตู้สินค้า” หมายความว่า การรวมน้ำหนักตู้สินค้าคอนเทนเนอร์เปล่าเข้ากับน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์และรายการสินค้าทั้งหมด รวมถึงแท่นวางสินค้า วัสดุกันกระแทก วัสดุเพื่อการหีบห่อและวัสดุจับยึดเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ ของสินค้าที่บรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ หมวด ๑ การนำสินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถยนต์ หรือรถไฟ ข้อ ๗ การนำสินค้าขาออกเข้าลานบรรจุตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถยนต์ ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนหรือผู้รับจัดการขนส่ง ยื่นขอ “ชื่อผู้ใช้งาน” (USER NAME) และ “รหัสผ่าน” (PASSWORD) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามแบบที่ กทท. กำหนด ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้น ก่อนเสนอฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ อนุมัติชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่าน พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ขอใช้บริการทราบ ข้อ ๘ เจ้าของสินค้า หรือตัวแทน หรือผู้รับจัดการขนส่งจะต้องส่งข้อมูลสินค้าขาออกล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-SERVICE FOR VESSEL CARGO MANAGEMENT SYSTEM : VCMS) ดังนี้ ๘.๑ ต้องยื่นข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่ถูกต้องครบถ้วนตามแบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ก่อนนำสินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยจะอ้างอิงเวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของ กทท. รับข้อมูลจากผู้ใช้บริการเป็นเวลารับข้อมูล ๘.๒ จัดพิมพ์แบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๐๕)) ที่ได้เลขที่อ้างอิงเป็นรหัสแท่ง (BARCODE) ข้อ ๙ กรณีไม่สามารถส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนหรือผู้รับจัดการขนส่ง ยื่นแบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ณ สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ ข้อ ๑๐ ให้นำแบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ตามข้อ ๘.๒ หรือข้อ ๙ มายื่นพร้อมกับนำรถบรรทุกสินค้าเมื่อผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ณ สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ เพื่อชำระค่าภาระสินค้าขาออกและค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า ก่อนนำสินค้าบรรจุเข้าตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ข้อ ๑๑ กทท. จะไม่อนุญาตให้รถบรรทุกสินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หากไม่ดำเนินการตามข้อ ๘ หรือข้อ ๙ กรณีมีปัญหาข้อขัดข้องให้ติดต่อที่สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ ข้อ ๑๒ กรณีที่สินค้าขาออกรายการใดมีสถานะ “ให้เปิดตรวจ (RED LINE)” เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำสถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ จะเป็นผู้กำหนดจุดตรวจสอบสินค้าตามขั้นตอนพิธีการศุลกากร ข้อ ๑๓ สินค้าขาออกที่เป็นสินค้าอันตรายซึ่งตามระเบียบ กทท. ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ให้ผู้ใช้บริการระบุว่าเป็นสินค้าอันตราย กลุ่มประเภทสินค้า (Harmonize) ประเภทที่ ๑๘ ในแบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้ามาบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ข้อ ๑๔ กรณีที่นำสินค้าขาออกเข้ามาทางรถไฟ ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนนำรถบรรทุกไปรับสินค้าที่บริเวณจุดรับส่งทางรถไฟประตูเขื่อนตะวันออก แล้วปฏิบัติตามข้อ ๗ ถึงข้อ ๑๑ หมวด ๒ การนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๑๕ การนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้า และส่งมอบตู้สินค้าบรรทุกลงเรือให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ประกอบการ ที่ประสงค์จะนำตู้สินค้าเปล่าไปยังลานบรรจุตู้สินค้า หรือแผนกสินค้าเพื่อการส่งออก ยื่นใบแจ้งขอปฏิบัติงาน (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๒)) และแบบขอเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าเข้าลานบรรจุตู้สินค้า (ทกท.๐๑.๐๓.๐๓(๐๑)) ที่แผนกควบคุมตู้สินค้าเปล่า กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง ก่อนดำเนินการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าเพื่อจะได้บันทึกข้อมูลและจัดเตรียมตู้สินค้าเปล่าที่ขอเคลื่อนย้าย ข้อ ๑๖ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ประกอบการ ยื่นแบบรายงานการบรรจุตู้สินค้าและตู้สินค้าเปล่าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๓)) ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ก่อนเรือเทียบท่า ไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง และต้องจัดส่งข้อมูลรายการตู้สินค้าขาออกในรูปแบบข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก่อนตู้สินค้าผ่านด่านตรวจสอบภายในเพื่อบรรทุกลงเรือ ข้อ ๑๗ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ประกอบการ ยื่นแบบรายงานการเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษและการบรรจุสินค้าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๔)) ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง และต้องจัดส่งข้อมูลรายการตู้สินค้าขาออกในรูปแบบข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนตู้สินค้าผ่านด่านตรวจสอบภายในเพื่อบรรทุกลงเรือ ข้อ ๑๘ กรณีข้อมูลตู้สินค้าที่จัดส่งไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือต้องการยกเลิกแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ประกอบการ ดำเนินการแก้ไขข้อมูลล่วงหน้าที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ข้อ ๑๙ กรณีที่เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ประกอบการ ไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาตามข้อ ๑๖ และข้อ ๑๗ จนเป็นเหตุให้ตู้สินค้าขาออกบรรทุกลงเรือไม่ทัน กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น ข้อ ๒๐ เพื่อให้การนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง เหมาะสมตามมาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม กทท. จะอนุญาตให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ประกอบการ ดำเนินการนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพได้ทุกประเภทยกเว้นสินค้า ดังต่อไปนี้ ๒๐.๑ สินค้าอันตรายที่ห้ามทำการบรรจุเข้าตู้สินค้า ตามระเบียบ กทท. ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ๒๐.๒ สินค้าที่บรรจุหีบห่อไม่เรียบร้อยทำให้เกิดความสกปรก หรือมลภาวะ หมวด ๓ การฝากเก็บและบรรจุสินค้าส่งออกที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออก ข้อ ๒๑ การฝากเก็บและบรรจุสินค้าส่งออกที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออก ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทน หรือผู้รับจัดการขนส่ง ยื่นขอ “ชื่อผู้ใช้งาน” (USER NAME) และ “รหัสผ่าน” (PASSWORD) เพื่อใช้ในการบันทึกและส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามแบบที่ กทท. กำหนดที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้น ก่อนเสนอฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศอนุมัติชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่าน พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ขอใช้บริการทราบ ข้อ ๒๒ การส่งข้อมูลสินค้าขาออกล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนหรือผู้รับจัดการขนส่ง ปฏิบัติตามข้อ ๘ และข้อ ๙ ข้อ ๒๓ ให้นำรถบรรทุกสินค้าขาออกผ่านที่สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ เพื่อชำระค่าภาระสินค้าขาออกและค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า ก่อนนำสินค้าเข้าฝากเก็บหรือบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า ที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออก กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ข้อ ๒๔ ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนหรือผู้รับจัดการขนส่ง ยื่นแบบรายงานการเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษและการบรรจุสินค้าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๔)) ที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออก ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง และต้องจัดส่งข้อมูลรายการตู้สินค้าขาออกในรูปแบบข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก่อนตู้สินค้าผ่านด่านตรวจสอบภายในเพื่อบรรทุกลงเรือ ข้อ ๒๕ กรณีประสงค์จะนำสินค้าขาออกที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออกไปบรรจุภายนอก (CO-LOAD OUT) ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า หรือประสงค์จะนำสินค้าขาออกที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า (CO-LOAD IN) เข้ามาบรรจุที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออก ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนหรือผู้รับจัดการขนส่ง ยื่นใบแจ้งขอปฏิบัติงาน (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๒)) และแบบนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) เพื่อใช้ในการดำเนินการตรวจสอบเครื่องหมาย จำนวน และน้ำหนัก รวมทั้งวัดขนาดหีบห่อและปริมาตรของสินค้า หมวด ๔ การขออนุญาตนำสินค้าขาออกนำกลับออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๒๖ กรณีสินค้าบรรจุเข้าตู้สินค้าไม่หมด หรือเสียหาย หรือชำรุด หรือสินค้านำมาผิดท่า หรือสินค้าที่ประสงค์จะขอนำกลับออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนหรือผู้รับจัดการขนส่ง ยื่นแบบอนุญาตนำสินค้าผ่านท่าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๘)) ที่ได้เลขที่อ้างอิงเป็นรหัสแท่ง (BARCODE) พร้อมเอกสารประกอบที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้าหรือแผนกสินค้าเพื่อการส่งออก พร้อมชำระค่าภาระต่าง ๆ ตามที่ กทท. กำหนด โดยนำรถบรรทุกสินค้าเปล่าเข้ามารับสินค้าที่ขอนำกลับผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ที่สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ หมวด ๕ การนำตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถยนต์ ข้อ ๒๗ การนำตู้สินค้า FCL ขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพโดยทางรถยนต์ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ส่งออก จัดส่งข้อมูลรายการตู้สินค้าขาออกในรูปแบบข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้าตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ มิฉะนั้นจะไม่อนุญาตให้ตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๒๘ กรณีที่ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มีเหตุขัดข้องไม่สามารถจัดส่งข้อมูลรายการตู้สินค้า FCL ขาออกได้ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ส่งออก จัดส่งข้อมูล PRE-ADVICE ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services For Container Terminal Management System : CTMS) หรือตามแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๑)) โดยยื่นที่แผนกสารสนเทศ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ ทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแต่กรณี ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๒๙ การนำตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และประสงค์ที่จะบรรทุกลงเรือโดยตรง ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ส่งออก จัดส่งข้อมูล PRE-ADVICE ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services For Container Terminal Management System : CTMS) หรือแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๑)) ตามรูปแบบที่ กทท. กำหนดโดยยื่นที่แผนกสารสนเทศ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ แล้วแต่กรณี ทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และประสงค์ฝากเก็บที่แผนกควบคุมตู้สินค้าเปล่า ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน จัดส่งข้อมูล PRE-ADVICE ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services For Container Terminal Management System : CTMS) หรือแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑ (๐๑)) โดยยื่นที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ทางโทรสาร หรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓๐ การนำตู้สินค้าขาออกผ่านด่านตรวจสอบภายใน (Sub Gate In) ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ ให้ดำเนินการดังนี้ ๓๐.๑ เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ส่งออก ต้องนำตู้สินค้าขาออกผ่านด่านตรวจสอบภายใน ก่อนเวลาเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง (Closing Time) ตู้สินค้าที่มาหลังจากนั้นจะไม่อนุญาตให้ผ่านด่านตรวจสอบภายใน ยกเว้นในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ไม่สามารถนำตู้สินค้าขาออกผ่านด่านตรวจสอบภายใน ได้ทันตามกำหนดเวลา ให้ผู้อำนวยการกอง หรือผู้ช่วยผู้อำนวยการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ พิจารณาอนุญาตเป็นราย ๆ ไป แล้วแต่กรณี ๓๐.๒ ตู้สินค้าอันตรายประเภท ก. (Dangerous A) ตู้สินค้าเกินขนาด (Over Dimension Container) และตู้สินค้าห้องเย็น (Reefer Container) อนุญาตให้ตู้สินค้าขาออกผ่านด่านตรวจสอบภายในเพื่อบรรทุกลงเรือได้โดยตรง (Direct Loading) ๓๐.๓ ตู้สินค้าขาออกที่ประสงค์จะบรรทุกลงเรือ จะต้องผ่านการตรวจสภาพตู้สินค้าและชั่งน้ำหนักมวลรวมของตู้สินค้า เพื่อออกเอกสารใบรับรองสภาพตู้สินค้า (Equipment Interchange Receipt : EIR) ก่อนอนุญาตให้ผ่านด่านตรวจสอบภายใน ๓๐.๔ ตู้สินค้าขาออกที่ไม่มีข้อมูลหรือมีข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน จะไม่อนุญาตให้ผ่านด่านตรวจสอบภายใน จนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย และข้อมูลตู้สินค้าขาออกในรูปแบบข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น กทท. ถือเป็นข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน หมวด ๖ การนำตู้สินค้า FCL ขาออก และตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางเรือชายฝั่งหรือเรือลำเลียง และบรรทุกลงเรือระหว่างประเทศ ข้อ ๓๑ การนำตู้สินค้า FCL ขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ โดยทางเรือชายฝั่งหรือเรือลำเลียง และประสงค์บรรทุกลงเรือระหว่างประเทศ ให้ผู้ส่งออกหรือตัวแทน จัดส่งข้อมูลรายการตู้สินค้าขาออกในรูปแบบข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้าตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ มิฉะนั้น จะไม่อนุญาตให้ตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๓๒ กรณีที่ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ มีเหตุขัดข้องไม่สามารถจัดส่งข้อมูลรายการตู้สินค้า FCL ขาออกได้ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ส่งออก จัดส่งข้อมูล PRE-ADVICE ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services For Container Terminal Management System : CTMS) หรือตามแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๑)) โดยยื่นที่แผนกสารสนเทศ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ แล้วแต่กรณี ทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๓๓ การนำตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและประสงค์ที่จะบรรทุกลงเรือระหว่างประเทศโดยตรง ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน จัดส่งข้อมูล PRE-ADVICE ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services For Container Terminal Management System : CTMS) หรือแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๑)) โดยยื่นที่แผนกสารสนเทศ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ แล้วแต่กรณี ทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และประสงค์ฝากเก็บที่แผนกควบคุมตู้สินค้าเปล่า ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน จัดส่งข้อมูล PRE-ADVICE ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services For Container Terminal Management System : CTMS) หรือแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑ (๐๑)) โดยยื่นที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ทางโทรสาร หรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓๔ ตู้สินค้าขาออกที่ประสงค์จะบรรทุกลงเรือระหว่างประเทศ จะต้องผ่านการตรวจสภาพตู้สินค้า และชั่งน้ำหนักมวลรวมของตู้สินค้า เพื่อออกเอกสารใบรับรองสภาพตู้สินค้า (EquipmentInterchange Receipt : EIR) ก่อนอนุญาตให้ผ่านด่านตรวจสอบภายใน ข้อ ๓๕ ตู้สินค้าขาออกที่ไม่มีข้อมูลหรือมีข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน จะไม่อนุญาตให้ผ่านด่านตรวจสอบภายใน จนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย และข้อมูลตู้สินค้าขาออกในรูปแบบข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้าตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น กทท. ถือเป็นข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน หมวด ๗ การนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๓๖ การนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนยื่นแบบขอนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (แบบ ทกท. ๓๐๖) และแบบคำร้องขอนำคอนเทนเนอร์ และ/หรือคอนเทนเนอร์แร็คเปล่าออกไปจากอารักขาของศุลกากรตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด โดยต้องชำระค่าภาระและค่าธรรมเนียมตามที่ กทท. กำหนด พร้อมรับใบขอนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (GATE TICKET OUT) ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนรถบรรทุกหรือขบวนรถไฟ หรือเรือลำเลียงเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๓๗ กรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนดำเนินการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้า ก่อนนำตู้สินค้าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หากดำเนินการไม่ทันกำหนดเวลาการปฏิบัติงาน กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น หมวด ๘ การนำตู้สินค้า FCL ขาออกและตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถไฟและบรรทุกลงเรือระหว่างประเทศ ข้อ ๓๘ การนำตู้สินค้า FCL ขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถไฟและประสงค์บรรทุกลงเรือระหว่างประเทศ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ส่งออก จัดส่งข้อมูลรายการตู้สินค้าขาออกในรูปแบบ ข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้าตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ มิฉะนั้น จะไม่อนุญาตให้ตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๓๙ กรณีที่ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ มีเหตุขัดข้องไม่สามารถจัดส่งข้อมูลรายการตู้สินค้า FCL ขาออกได้ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือผู้ส่งออก จัดส่งข้อมูล PRE-ADVICE ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services For Container Management System : CTMS) หรือตามแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๑)) โดยยื่นที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๔๐ การนำตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและประสงค์ที่จะบรรทุกลงเรือระหว่างประเทศโดยตรง ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน จัดส่งข้อมูล PRE-ADVICE ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services For Container Terminal Management System : CTMS) หรือแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๑)) โดยยื่นที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ทางโทรสารหรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและประสงค์ฝากเก็บที่แผนกควบคุมตู้สินค้าเปล่า ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน จัดส่งข้อมูล PRE-ADVICE ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services For Container Terminal Management System : CTMS) หรือแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๑)) โดยยื่นที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ทางโทรสาร หรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๔๑ กรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม ให้ผู้ส่งออกหรือเจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทน ดำเนินการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้า ก่อนขบวนรถไฟผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หากดำเนินการไม่ทันตามกำหนดเวลานั้น กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น ข้อ ๔๒ ให้ผู้ส่งออกหรือเจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน ยื่นแบบค่าภาระการนำรถพ่วงรถไฟเข้าเขต กทท. (แบบ ทกท.๒๐๑.๒.๑.๒) พร้อมใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนขบวนรถไฟเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๔๓ สถานีรถไฟแม่น้ำ การรถไฟแห่งประเทศไทย จะจัดส่งข้อมูลตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ โดยทางโทรสารหรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนขบวนรถไฟเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง หมวด ๙ การนำตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ทางรถไฟไปบรรทุกลงเรือลำเลียงโดยตรงที่ท่าเทียบเรือภายในประเทศ ข้อ ๔๔ การนำตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพทางรถไฟไปบรรทุกลงเรือลำเลียงโดยตรงที่ท่าเทียบเรือภายในประเทศ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนยื่นแบบขอนำตู้สินค้าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๗)) แบบค่าภาระการนำรถพ่วง รถไฟเข้าเขต กทท. (แบบ ทกท.๒๐๑.๒.๑.๒) และบันทึกที่ศุลกากรอนุญาตให้ตู้สินค้าผ่านเข้าเขตอารักขาของศุลกากรท่าเรือกรุงเทพที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนขบวนรถไฟเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๔๕ กรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนดำเนินการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้า ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หากดำเนินการไม่ทันกำหนดเวลาการปฏิบัติงาน กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น หมวด ๑๐ การนำตู้สินค้า LCL ขาออกที่บรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพออก นอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพไปลงเรือลำเลียงที่ท่าเทียบเรือภายในประเทศ ข้อ ๔๖ การนำตู้สินค้า LCL ขาออกที่บรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ไปลงเรือลำเลียงที่ท่าเทียบเรือภายในประเทศ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนยื่นแบบขอนำตู้สินค้า ออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๗)) พร้อมสำเนาและบันทึกขออนุญาตขนย้ายตู้สินค้า ออกจากเขตท่าเรือกรุงเทพกรณีพิเศษของศุลกากรที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ข้อ ๔๗ กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนดำเนินการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้า ก่อนนำตู้สินค้าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพหากมิได้ดำเนินการ กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น หมวด ๑๑ การให้บริการบรรจุตู้สินค้าห้องเย็นในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๔๘ การขออนุญาตบรรจุสินค้าขาออกเข้าตู้สินค้าห้องเย็น และการให้บริการตู้สินค้าห้องเย็นเปล่า ในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนหรือเจ้าของสินค้าหรือตัวแทนที่มีความประสงค์ขอทำการบรรจุสินค้าขาออกเข้าตู้สินค้าห้องเย็นขอใช้กระแสไฟฟ้าเสียบปลั๊กตู้สินค้าห้องเย็นเปล่า ยื่นแบบขออนุญาตใช้กระแสไฟฟ้า (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑ (๐๖)) ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ข้อ ๔๙ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน ที่มีความประสงค์ขอใช้บริการตู้สินค้าห้องเย็นเปล่าเพื่อทดสอบก่อนใช้ (PRE-TIP INSPECTION) และการเตรียมตู้บรรจุสินค้า (PRE-COOL) แล้วนำตู้สินค้าห้องเย็นเปล่าออกไปนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ยื่นแบบขออนุญาตใช้กระแสไฟฟ้า (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑ (๐๖)) ใช้กระแสไฟฟ้าเสียบปลั๊กตู้สินค้าห้องเย็นเปล่าที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ หมวด ๑๒ บทเฉพาะกาล ข้อ ๕๐ ให้ใช้แบบขออนุญาตนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ (แบบ ทกท.๓๐๖) ต่อไปจนกว่า กทท. จะประกาศยกเลิกการใช้แบบขออนุญาตฯ ดังกล่าว ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบคำขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๑)) ๒. การท่าเรือแห่งประเทศไทย ใบแจ้งขอปฏิบัติงาน (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๒)) ๓. รายงานการบรรจุตู้สินค้าและตู้สินค้าเปล่าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๓)) ๔. รายงานการเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษและการบรรจุสินค้าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๔)) ๕. แบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ๖. แบบขออนุญาตใช้กระแสไฟฟ้า (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๖)) ๗. แบบขอนำตู้สินค้าออกนอกเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๗)) ๘. แบบอนุญาตนำสินค้าขาออกผ่านท่าออกนอกเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๘)) ๙. แบบขอเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าเข้าลานบรรจุตู้สินค้า (ทกท.๐๑.๐๓.๐๓(๐๑)) ๑๐. แบบขออนุญาตนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ (แบบ ทกท.๓๐๖) ๑๑. ค่าภาระการนำรถพ่วงรถไฟเข้าเขต กทท. (ทกท.๒๐๑.๒.๑.๒) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/จัดทำ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ปุณิกา/ตรวจ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๙ ง/หน้า ๑/๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
810854
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. 2545 (ฉบับ Update 15/09/2559)
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ นับแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๕ ข้อ ๓ ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๒ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๓ ค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรง และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในภาคผนวกตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๒ เรื่อง หนังสือค่าภาระของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๓ และส่วนที่ ๔ ค่าบริการเช่าใช้เครื่องมอยกขนและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ภายในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เรื่อง กำหนดอัตราค่าภาระของท่าเรือแหลมฉบัง โดยให้ใช้อัตราค่าเช่าเครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามภาคผนวก ก. และ ข. ตามลำดับท้ายระเบียบนี้ บรรดาระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดที่เหมือน หรือขัด หรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน การส่งข้อมูลหรือเอกสารการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๔[๒] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ๔.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บัญชี ตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนด ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากรเป็นเวลาของการรับข้อมูล ๔.๒ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือรายใดที่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว และพบปัญหาที่ไม่สามารถส่งได้สมบูรณ์ ให้จัดส่งข้อมูลใหม่ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ๔.๓ กรณีที่ข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องขอยกเลิก หรือแก้ไข หรือเพิ่มเติมรายการ โดยให้ยื่นขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๔ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ จัดส่งเอกสารบัญชีตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๕ กรณีที่จัดส่งข้อมูลตู้สินค้าขาเข้าไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๔.๑ หรือข้อ ๔.๒ หรือข้อ ๔.๓ หรือข้อ ๔.๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่ดำเนินการขนถ่ายตู้สินค้าจนกว่าจะได้รับข้อมูลและเอกสารเป็นที่เรียบร้อย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๔.๖ กรณีที่เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๒๐ บาท (ยี่สิบบาทถ้วน) ต่อตู้ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๕[๓] การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ๕.๑ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือของเรือตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ของเรือสินค้าทั่วไปที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนดผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากร เป็นเวลาของการรับข้อมูล ๕.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ๕.๒.๑ ภายในกำหนด ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ หากมีข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน (การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะอนุญาตให้แก้ไขได้ในกรณีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีตู้สินค้าขาเข้า) ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ๕.๒.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือภายหลัง ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้ายื่นเอกสารคำร้องขอแก้ไข (Amend Should Be/Shortlanded/Overlanded) ณ แผนกโรงพักสินค้าพิธีการ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้าท่าเรือกรุงเทพ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งเอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๕.๔ กรณีที่จัดส่งข้อมูล และ/หรือ เอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๕.๑ หรือข้อ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๕.๕ กรณีที่เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือเอง เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อใบตราส่ง ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๖[๔] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ๖.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ โดยทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ infor_ter๑@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ infor_ter๒@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๒ หรือโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามแบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒) และทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)] แนบท้ายระเบียบนี้ ก่อนบรรทุกตู้สินค้าลงเรือไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือจะต้องส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือที่ขอเปลี่ยนแปลงก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ถ้ามิได้มาดำเนินการขอเปลี่ยนแปลง หากตู้สินค้าใดไม่ปรากฏในบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่อนุญาตให้บรรทุกลงเรือและจะเรียกเก็บค่าภาระตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๖.๑.๑ จำนวนตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือมีจำนวนน้อยกว่าในบัญชีตู้สินค้าที่ยื่นไว้ จะเรียกเก็บค่าภาระเฉพาะตามจำนวนที่บรรทุกลงเรือจริง ๖.๑.๒ ตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือไม่สำแดงสถานภาพของตู้สินค้าไว้ในบัญชีตู้สินค้าหรือสำแดงสถานภาพไว้แต่ผิดจากความเป็นจริง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้านั้นในสถานภาพ LCL (Less than Container Load) ๖.๑.๓ กรณีตู้สินค้าขาออกที่ผ่านด่านตรวจสอบภายในเข้ามากองเก็บในลานวางพักตู้สินค้าเพื่อรอบรรทุกลงเรือ แต่ไม่นำบรรทุกลงเรือที่แจ้ง หรือมีการแจ้งเปลี่ยนการบรรทุกลงเรือลำอื่นในภายหลังเรือเสร็จสิ้นการบรรทุก การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้าที่ยกเลิก (Shut - Out Container Charge) ตามอัตราที่กำหนด และหากมีการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าที่ขอยกเลิกนั้น การท่าเรือแห่งประเทศไทยเรียกเก็บค่าภาระเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ (Extra Container Movement Charge) ตามอัตราที่กำหนดด้วย การเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องแจ้งขอเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เว้นแต่ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วน การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าดังกล่าว โดยคิดค่าบริการตามอัตราค่าภาระที่กำหนด ข้อ ๗[๕] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า หรือขาออกที่บรรจุสินค้าเกินขนาดตัวตู้สินค้า (Overheight/Overwidth/Overlength Container) หรือมีน้ำหนักรวม (Gross Weight) เกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ หรือหมายเหตุลงในบัญชีตู้สินค้าสำหรับเรือ ก่อนทำการบรรทุกลงเรือหรือขนถ่าย หากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ มิได้ดำเนินการดังกล่าวข้างต้น หรือจัดส่งข้อมูลน้ำหนักรวมต่ำกว่าข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ หรือความเสียหาย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย และถ้าการท่าเรือแห่งประเทศไทยตรวจพบว่าน้ำหนักตู้สินค้าจริงเกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บเบี้ยปรับตู้ละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) และจะไม่ดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายตู้สินค้าดังกล่าว จนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ข้อ ๘[๖] เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไป ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ที่ถูกต้องและครบถ้วนด้วยระบบ EDI หรือ Diskette และยื่นเอกสารจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือเข้าเก็บในที่เก็บสินค้ามีจำนวนใบตราส่ง (Bill of Lading) ไม่เกิน ๑๕ รายการต่อเที่ยวเรือ ให้จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือด้วยวิธีการยื่นเอกสารเพียงอย่างเดียวก็ได้ ข้อ ๙[๗] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไปที่จอด ณ ที่จอดเรือของท่าเรือกรุงเทพเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำทั้งลำ (All Overside) หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเอกชนภายในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำบริเวณเกาะสีชัง หรือที่อื่น ที่ทำพิธีการศุลกากร ณ ท่าเรือกรุงเทพต้องจัดส่งเอกสารข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเข้าจอด ข้อ ๑๐[๘] กรณีที่จัดส่งข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๙ ต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีสิทธิงดเว้นการให้บริการและจะดำเนินการเรียกเก็บค่าภาระจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ข้อ ๑๑ เรือขาเข้า และเรือขาออก ต้องจัดส่งข้อมูลตามข้อ ๔ ถึงข้อ ๙ ต่อท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือแหลมฉบังเฉพาะท่าเทียบเรือ ที่อยู่ภายใต้การประกอบการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย สำหรับบัญชีตู้สินค้าขาออก (Onward Container List) ให้จัดส่งเฉพาะท่าเรือแหลมฉบัง การชำระเงินค่าภาระการใช้ท่าเรือ หรือค่าบริการ ข้อ ๑๒ ส่วนราชการที่ได้รับอนุมัติผ่อนผันจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้ใช้บริการก่อนการชำระเงิน ต้องดำเนินการชำระเงินค่าภาระ หรือค่าบริการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะพิจารณางดให้การผ่อนผัน ข้อ ๑๓ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่ประสงค์ขอเปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ให้วางหลักประกันการชำระหนี้เป็นเงินสด หรือเช็คธนาคาร หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ตามแบบ ๔ ท้ายระเบียบนี้ เป็นจำนวนเงินที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยเห็นสมควร โดยผู้ขอจะได้รับการผ่อนผันให้ชำระหนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ข้อ ๑๔ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไป ที่มิได้เปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ หากประสงค์ขอใช้บริการของท่าเรือระนอง การท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่ไม่สามารถชำระเงิน หรือคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องได้ทัน ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการเฉพาะครั้งนี้ ๑๔.๑ กรณีที่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการ ในจำนวนเท่ากับค่าภาระหรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริง ๑๔.๒ กรณีไม่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนที่สูงกว่าค่าภาระ หรือค่าบริการที่คิดคำนวณโดยประมาณอีก ๑ ใน ๓ และให้ขอรับเงินหลักประกันส่วนที่เหลือคืนภายใน ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ใช้บริการนั้นเสร็จสิ้น ถ้ามิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าเงินที่เหลือเป็นรายได้ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๑๕ ผู้ใช้บริการประเภทเงินเชื่อ มิได้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ต้องชำระค่าเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ค้างชำระจนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว และหากพ้นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ยังไม่ชำระหนี้ และค่าเบี้ยปรับ การท่าเรือแห่งประเทศไทยสงวนสิทธิในการงดให้บริการเงินเชื่อ และจะหักชำระหนี้จากเงินสด หรือเช็คธนาคารที่วางประกัน หรือใช้สิทธิเรียกเก็บจากธนาคารผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี การยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ข้อ ๑๖ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สงวนสิทธิในการยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑๖.๑ หนี้ค้างชำระเกินเงินที่วางไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ หรือเกินวงเงินที่ธนาคารค้ำประกันตามข้อ ๑๓ ๑๖.๒ ไม่ชำระหนี้ หรือค่าเบี้ยปรับตามข้อกำหนดในข้อ ๑๕ ๑๖.๓ หนังสือสัญญาค้ำประกันหมดอายุ ข้อ ๑๗ ผู้ใช้บริการที่ถูกยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ถ้าประสงค์จะขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่ออีก จะต้องชำระหนี้ค้างอยู่ให้หมดสิ้น และต้องชำระค่าธรรมเนียมการขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อครั้งใหม่จำนวน ๓,๐๐๐ บาท การขอแก้ไขใบแจ้งหนี้ และการขอคืนเงินที่ชำระไว้เกิน ข้อ ๑๘ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่า หนี้ตามใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง ให้ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง ภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้ใช้บริการต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้นั้น ข้อ ๑๙[๙] ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าได้ชำระเงินไว้เกิน ให้ส่งต้นฉบับหรือสำเนาใบเสร็จรับเงินพร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง แล้วแต่กรณี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับชำระเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะถือว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องแล้ว ข้อ ๒๐ การทักท้วงใบแจ้งหนี้ตามข้อ ๑๘ หากผลตรวจสอบปรากฏว่า การออกใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องแล้ว ผู้ใช้บริการต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้น ภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้คืน และต้องชำระค่าเบี้ยปรับเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๕ ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ฉบับนั้น แต่ไม่เกินฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท แต่ถ้ามีการผิดพลาดตามที่ทักท้วง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้ถูกต้อง และผ่อนผันให้ชำระหนี้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ใหม่ ข้อ ๒๑ ใบแจ้งหนี้ค่าภาระ หรือค่าบริการ ซึ่งออกตามเอกสารมูลหนี้ที่ผู้ใช้บริการแจ้งไว้ หากมีการทักท้วงภายหลังว่าข้อมูลที่แจ้งไว้ผิดพลาด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่พิจารณาคำร้อง จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นเสียก่อน หากมิได้ดำเนินการจนพ้นระยะเวลาผ่อนผัน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการตามข้อ ๑๕ ข้อ ๒๒ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ พยุงกิจ จิวะมิตร รองผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ภาคผนวก ก.[๑๐] (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๓)[๑๑] ๒. ภาคผนวก ข.[๑๒] (ลำดับที่ ๑๒)[๑๓] ๓. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) [๑๔] ๔. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) [๑๕] (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕[๑๖] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๕ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗[๑๗] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑๘] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑๙] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘[๒๐] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๓[๒๑] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘[๒๒] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๓] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๔] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๕] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการ ฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงาน ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๖] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ กัญฑรัตน์/จัดทำ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ปัญญา/ตรวจ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วิศนี/เพิ่มเติม ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ กัญฑรัตน์/เพิ่มเติม ๒๙ กันยายน ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๖๓ ง/หน้า ๓๕/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๕ [๒] ข้อ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๓] ข้อ ๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๔] ข้อ ๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๕] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๖] ข้อ ๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ [๗] ข้อ ๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๘] ข้อ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๙] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ [๑๐] ภาคผนวก ก. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๑] ภาคผนวก ก (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๒] ภาคผนวก ข. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๓] ภาคผนวก ข (ลำดับที่ ๑๒). แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๔] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๕] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๙๒ ง/หน้า ๑๘/๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ [๑๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๗๙/๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ [๑๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๓๔/๖ ตุลาคม ๒๕๔๘ [๑๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๑๑๐ ง/หน้า ๔๘/๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ [๒๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๑/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๓/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๖/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๘/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๑/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๒๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๒/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๒๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๗๕ ง/หน้า ๑/๑๕ กันยายน ๒๕๕๙
763126
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้มีความถูกต้องและเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๕๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบเพิ่มเติมไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๘.๑.๑ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วย การออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ “๘.๑.๑ ในกรณีเร่งด่วน ให้ยื่นขออนุญาตฯ ที่จุดรับทำบัตรด่วน สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ (อาจณรงค์) โทรศัพท์ ๐-๒๒๖๙-๓๒๘๗ หรือสถานีตรวจสอบสินค้าฝั่งเขื่อนตะวันออก โทรศัพท์ ๐-๒๒๖๙-๓๕๕๔ หรือลานจอดรถ ๑๑ ไร่ ใกล้ทางเข้าสถานีตรวจสอบสินค้าฝั่งเขื่อนตะวันตก โทรศัพท์ ๐-๒๒๖๙-๓๘๕๐” ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๓.๑.๔ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ “๑๓.๑.๔ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี ตามข้อ ๘.๑.๑ จำนวน ๔๐๐ บาท (สี่ร้อยบาทถ้วน) ต่อคน” ข้อ ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๓.๒.๔ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ “๑๓.๒.๔ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี ตามข้อ ๘.๑.๑ จำนวน ๔๐๐ บาท (สี่ร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน” ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย วิศนี/ปริยานุช/จัดทำ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ปริญสินีย์/ตรวจ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๑๐๘ ง/หน้า ๑/๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
762113
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. 2545 (ฉบับ Update ณ วันที่ 26/05/2559)
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ นับแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๕ ข้อ ๓ ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๒ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๓ ค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรง และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในภาคผนวกตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๒ เรื่อง หนังสือค่าภาระของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๓ และส่วนที่ ๔ ค่าบริการเช่าใช้เครื่องมอยกขนและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ภายในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เรื่อง กำหนดอัตราค่าภาระของท่าเรือแหลมฉบัง โดยให้ใช้อัตราค่าเช่าเครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามภาคผนวก ก. และ ข. ตามลำดับท้ายระเบียบนี้ บรรดาระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดที่เหมือน หรือขัด หรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน การส่งข้อมูลหรือเอกสารการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๔[๒] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ๔.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บัญชี ตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนด ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากรเป็นเวลาของการรับข้อมูล ๔.๒ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือรายใดที่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว และพบปัญหาที่ไม่สามารถส่งได้สมบูรณ์ ให้จัดส่งข้อมูลใหม่ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ๔.๓ กรณีที่ข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องขอยกเลิก หรือแก้ไข หรือเพิ่มเติมรายการ โดยให้ยื่นขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๔ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ จัดส่งเอกสารบัญชีตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๕ กรณีที่จัดส่งข้อมูลตู้สินค้าขาเข้าไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๔.๑ หรือข้อ ๔.๒ หรือข้อ ๔.๓ หรือข้อ ๔.๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่ดำเนินการขนถ่ายตู้สินค้าจนกว่าจะได้รับข้อมูลและเอกสารเป็นที่เรียบร้อย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๔.๖ กรณีที่เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๒๐ บาท (ยี่สิบบาทถ้วน) ต่อตู้ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๕[๓] การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ๕.๑ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือของเรือตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ของเรือสินค้าทั่วไปที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนดผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากร เป็นเวลาของการรับข้อมูล ๕.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ๕.๒.๑ ภายในกำหนด ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ หากมีข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน (การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะอนุญาตให้แก้ไขได้ในกรณีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีตู้สินค้าขาเข้า) ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ๕.๒.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือภายหลัง ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้ายื่นเอกสารคำร้องขอแก้ไข (Amend Should Be/Shortlanded/Overlanded) ณ แผนกโรงพักสินค้าพิธีการ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้าท่าเรือกรุงเทพ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งเอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๕.๔ กรณีที่จัดส่งข้อมูล และ/หรือ เอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๕.๑ หรือข้อ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๕.๕ กรณีที่เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือเอง เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อใบตราส่ง ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๖[๔] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ๖.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ โดยทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ infor_ter๑@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ infor_ter๒@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๒ หรือโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามแบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒) และทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)] แนบท้ายระเบียบนี้ ก่อนบรรทุกตู้สินค้าลงเรือไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือจะต้องส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือที่ขอเปลี่ยนแปลงก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ถ้ามิได้มาดำเนินการขอเปลี่ยนแปลง หากตู้สินค้าใดไม่ปรากฏในบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่อนุญาตให้บรรทุกลงเรือและจะเรียกเก็บค่าภาระตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๖.๑.๑ จำนวนตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือมีจำนวนน้อยกว่าในบัญชีตู้สินค้าที่ยื่นไว้ จะเรียกเก็บค่าภาระเฉพาะตามจำนวนที่บรรทุกลงเรือจริง ๖.๑.๒ ตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือไม่สำแดงสถานภาพของตู้สินค้าไว้ในบัญชีตู้สินค้าหรือสำแดงสถานภาพไว้แต่ผิดจากความเป็นจริง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้านั้นในสถานภาพ LCL (Less than Container Load) ๖.๑.๓ กรณีตู้สินค้าขาออกที่ผ่านด่านตรวจสอบภายในเข้ามากองเก็บในลานวางพักตู้สินค้าเพื่อรอบรรทุกลงเรือ แต่ไม่นำบรรทุกลงเรือที่แจ้ง หรือมีการแจ้งเปลี่ยนการบรรทุกลงเรือลำอื่นในภายหลังเรือเสร็จสิ้นการบรรทุก การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้าที่ยกเลิก (Shut - Out Container Charge) ตามอัตราที่กำหนด และหากมีการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าที่ขอยกเลิกนั้น การท่าเรือแห่งประเทศไทยเรียกเก็บค่าภาระเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ (Extra Container Movement Charge) ตามอัตราที่กำหนดด้วย การเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องแจ้งขอเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เว้นแต่ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วน การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าดังกล่าว โดยคิดค่าบริการตามอัตราค่าภาระที่กำหนด ข้อ ๗[๕] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า หรือขาออกที่บรรจุสินค้าเกินขนาดตัวตู้สินค้า (Overheight/Overwidth/Overlength Container) หรือมีน้ำหนักรวม (Gross Weight) เกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ หรือหมายเหตุลงในบัญชีตู้สินค้าสำหรับเรือ ก่อนทำการบรรทุกลงเรือหรือขนถ่าย หากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ มิได้ดำเนินการดังกล่าวข้างต้น หรือจัดส่งข้อมูลน้ำหนักรวมต่ำกว่าข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ หรือความเสียหาย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย และถ้าการท่าเรือแห่งประเทศไทยตรวจพบว่าน้ำหนักตู้สินค้าจริงเกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บเบี้ยปรับตู้ละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) และจะไม่ดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายตู้สินค้าดังกล่าว จนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ข้อ ๘[๖] เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไป ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ที่ถูกต้องและครบถ้วนด้วยระบบ EDI หรือ Diskette และยื่นเอกสารจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือเข้าเก็บในที่เก็บสินค้ามีจำนวนใบตราส่ง (Bill of Lading) ไม่เกิน ๑๕ รายการต่อเที่ยวเรือ ให้จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือด้วยวิธีการยื่นเอกสารเพียงอย่างเดียวก็ได้ ข้อ ๙[๗] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไปที่จอด ณ ที่จอดเรือของท่าเรือกรุงเทพเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำทั้งลำ (All Overside) หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเอกชนภายในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำบริเวณเกาะสีชัง หรือที่อื่น ที่ทำพิธีการศุลกากร ณ ท่าเรือกรุงเทพต้องจัดส่งเอกสารข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเข้าจอด ข้อ ๑๐[๘] กรณีที่จัดส่งข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๙ ต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีสิทธิงดเว้นการให้บริการและจะดำเนินการเรียกเก็บค่าภาระจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ข้อ ๑๑ เรือขาเข้า และเรือขาออก ต้องจัดส่งข้อมูลตามข้อ ๔ ถึงข้อ ๙ ต่อท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือแหลมฉบังเฉพาะท่าเทียบเรือ ที่อยู่ภายใต้การประกอบการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย สำหรับบัญชีตู้สินค้าขาออก (Onward Container List) ให้จัดส่งเฉพาะท่าเรือแหลมฉบัง การชำระเงินค่าภาระการใช้ท่าเรือ หรือค่าบริการ ข้อ ๑๒ ส่วนราชการที่ได้รับอนุมัติผ่อนผันจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้ใช้บริการก่อนการชำระเงิน ต้องดำเนินการชำระเงินค่าภาระ หรือค่าบริการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะพิจารณางดให้การผ่อนผัน ข้อ ๑๓ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่ประสงค์ขอเปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ให้วางหลักประกันการชำระหนี้เป็นเงินสด หรือเช็คธนาคาร หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ตามแบบ ๔ ท้ายระเบียบนี้ เป็นจำนวนเงินที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยเห็นสมควร โดยผู้ขอจะได้รับการผ่อนผันให้ชำระหนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ข้อ ๑๔ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไป ที่มิได้เปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ หากประสงค์ขอใช้บริการของท่าเรือระนอง การท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่ไม่สามารถชำระเงิน หรือคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องได้ทัน ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการเฉพาะครั้งนี้ ๑๔.๑ กรณีที่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการ ในจำนวนเท่ากับค่าภาระหรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริง ๑๔.๒ กรณีไม่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนที่สูงกว่าค่าภาระ หรือค่าบริการที่คิดคำนวณโดยประมาณอีก ๑ ใน ๓ และให้ขอรับเงินหลักประกันส่วนที่เหลือคืนภายใน ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ใช้บริการนั้นเสร็จสิ้น ถ้ามิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าเงินที่เหลือเป็นรายได้ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๑๕ ผู้ใช้บริการประเภทเงินเชื่อ มิได้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ต้องชำระค่าเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ค้างชำระจนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว และหากพ้นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ยังไม่ชำระหนี้ และค่าเบี้ยปรับ การท่าเรือแห่งประเทศไทยสงวนสิทธิในการงดให้บริการเงินเชื่อ และจะหักชำระหนี้จากเงินสด หรือเช็คธนาคารที่วางประกัน หรือใช้สิทธิเรียกเก็บจากธนาคารผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี การยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ข้อ ๑๖ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สงวนสิทธิในการยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑๖.๑ หนี้ค้างชำระเกินเงินที่วางไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ หรือเกินวงเงินที่ธนาคารค้ำประกันตามข้อ ๑๓ ๑๖.๒ ไม่ชำระหนี้ หรือค่าเบี้ยปรับตามข้อกำหนดในข้อ ๑๕ ๑๖.๓ หนังสือสัญญาค้ำประกันหมดอายุ ข้อ ๑๗ ผู้ใช้บริการที่ถูกยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ถ้าประสงค์จะขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่ออีก จะต้องชำระหนี้ค้างอยู่ให้หมดสิ้น และต้องชำระค่าธรรมเนียมการขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อครั้งใหม่จำนวน ๓,๐๐๐ บาท การขอแก้ไขใบแจ้งหนี้ และการขอคืนเงินที่ชำระไว้เกิน ข้อ ๑๘ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่า หนี้ตามใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง ให้ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง ภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้ใช้บริการต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้นั้น ข้อ ๑๙[๙] ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าได้ชำระเงินไว้เกิน ให้ส่งต้นฉบับหรือสำเนาใบเสร็จรับเงินพร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง แล้วแต่กรณี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับชำระเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะถือว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องแล้ว ข้อ ๒๐ การทักท้วงใบแจ้งหนี้ตามข้อ ๑๘ หากผลตรวจสอบปรากฏว่า การออกใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องแล้ว ผู้ใช้บริการต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้น ภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้คืน และต้องชำระค่าเบี้ยปรับเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๕ ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ฉบับนั้น แต่ไม่เกินฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท แต่ถ้ามีการผิดพลาดตามที่ทักท้วง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้ถูกต้อง และผ่อนผันให้ชำระหนี้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ใหม่ ข้อ ๒๑ ใบแจ้งหนี้ค่าภาระ หรือค่าบริการ ซึ่งออกตามเอกสารมูลหนี้ที่ผู้ใช้บริการแจ้งไว้ หากมีการทักท้วงภายหลังว่าข้อมูลที่แจ้งไว้ผิดพลาด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่พิจารณาคำร้อง จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นเสียก่อน หากมิได้ดำเนินการจนพ้นระยะเวลาผ่อนผัน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการตามข้อ ๑๕ ข้อ ๒๒ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ พยุงกิจ จิวะมิตร รองผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ภาคผนวก ก.[๑๐] (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๓)[๑๑] ๒. ภาคผนวก ข.[๑๒] (ลำดับที่ ๑๒)[๑๓] ๓. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) [๑๔] ๔. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) [๑๕] (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕[๑๖] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๕ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗[๑๗] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑๘] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑๙] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘[๒๐] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๓[๒๑] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘[๒๒] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๓] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๔] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๕] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการ ฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงาน ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ กัญฑรัตน์/จัดทำ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ปัญญา/ตรวจ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วิศนี/เพิ่มเติม ๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๖๓ ง/หน้า ๓๕/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๕ [๒] ข้อ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๓] ข้อ ๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๔] ข้อ ๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๕] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๖] ข้อ ๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ [๗] ข้อ ๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๘] ข้อ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๙] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ [๑๐] ภาคผนวก ก. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๑] ภาคผนวก ก (ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๓) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๒] ภาคผนวก ข. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๓] ภาคผนวก ข (ลำดับที่ ๑๒). แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๔] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๕] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๙๒ ง/หน้า ๑๘/๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ [๑๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๗๙/๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ [๑๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๓๔/๖ ตุลาคม ๒๕๔๘ [๑๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๑๑๐ ง/หน้า ๔๘/๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ [๒๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๑/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๓/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๖/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๘/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๑/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๒๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๒/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙
758229
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการรับฝากและส่งมอบสินค้าในคลังสินค้าทัณฑ์บน พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการรับฝากและส่งมอบสินค้าในคลังสินค้าทัณฑ์บน พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้มีการปรับปรุงระเบียบและวิธีปฏิบัติในการรับฝากและส่งมอบสินค้าในคลังสินค้าทัณฑ์บน ท่าเรือกรุงเทพ ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) และ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการรับฝากและส่งมอบสินค้าในคลังสินค้าทัณฑ์บน พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการรับฝากและส่งมอบสินค้าในคลังสินค้าทัณฑ์บน พ.ศ. ๒๕๔๔ ๓.๒ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการรับฝากและส่งมอบสินค้าในคลังสินค้าทัณฑ์บน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ๓.๓ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๕ การนำสินค้าเข้าฝากเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนของท่าเรือกรุงเทพ กทท. ให้ปฏิบัติ ดังนี้ ๕.๑ ให้ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บยื่นคำร้องขอนำสินค้าเข้าฝากเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน (แบบ ทกท.๐๑.๐๔.๐๒ (๐๑)) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ต่อหัวหน้าแผนกคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อเสนอผู้อำนวยการกองคลังสินค้า ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้ ๕.๑.๑ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท พร้อมวัตถุประสงค์ ซึ่งราชการออกให้ไม่เกิน ๖ เดือน หากเป็นผู้ใช้บริการรายใหม่ซึ่งยังไม่เคยขออนุญาตนำสินค้าเข้าคลัง สินค้าทัณฑ์บนของท่าเรือกรุงเทพ ให้ยื่นสำเนา ภพ.๒๐ หรือ ภพ.๐๑ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง ๕.๑.๒ ในกรณีที่ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บได้มอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทนจะต้องมีหนังสือมอบอำนาจซึ่งติดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง โดยหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวมีอายุสิ้นสุด ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ของทุกปี ๕.๒ ให้ผู้อำนวยการกองคลังสินค้าเป็นผู้พิจารณาอนุญาตในการนำสินค้าเข้าฝากเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน ๕.๓ เมื่อผู้อำนวยการกองคลังสินค้าอนุญาตให้นำสินค้าเข้าฝากเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน และแจ้งอนุญาตดังกล่าวแล้ว ก่อนนำสินค้าเข้าฝากเก็บผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บจะต้องแจ้งหัวหน้าแผนกคลังสินค้าทัณฑ์บนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑ วัน เพื่อเตรียมสถานที่ในการรับฝากสินค้านั้น พร้อมทั้งต้องนำใบขนสินค้าทัณฑ์บนจากกรมศุลกากรมาแสดงเป็นหลักฐาน ๕.๔ กรณีที่เป็นสินค้าตามบัญชีแนบท้ายระเบียบนี้ ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บจะต้อง วางหลักประกันเป็นเงินสด หรือหนังสือสัญญาค้ำประกันจากธนาคาร โดยจำนวนเงินหลักประกัน ต้องเท่ากับค่าธรรมเนียมในการฝากสินค้าล่วงหน้าเป็นเวลา ๒๔ เดือน มามอบให้ กทท. ยึดถือไว้ (หลักประกันจะขอรับคืนได้ เมื่อพ้นจากภาระผูกพันกับ กทท.) กรณีมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการวางหลักประกัน ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าแผนกคลังสินค้าทัณฑ์บน ๕.๕ ในวันนำสินค้าเข้าฝากเก็บ ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บต้องนำคำร้องขอนำสินค้าเข้าฝากเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน สำเนาใบรับของจากท่าเรือกรุงเทพ (WHARF RECEIPT OF BANGKOK PORT) ใบอนุญาตนำของเข้าคลังสินค้าทัณฑ์บนจากกรมศุลกากร (PERMIT FOR ENTRY IN BOND) สำเนาใบอนุญาตนำรถเข้าเขต กทท./ใบกำกับสินค้า สำเนาหนังสือสัญญาค้ำประกันจากธนาคาร (เฉพาะสินค้าที่ต้องมีหนังสือสัญญาค้ำประกัน) และรายการสำรวจสินค้า (SURVEY NOTE) ในกรณีที่มีสินค้าเสียหาย เพื่อให้คลังสินค้าทัณฑ์บนเก็บไว้เป็นหลักฐาน ๕.๖ ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บจะต้องรับมอบสินค้าจากโรงพักสินค้า หรือกองท่าบริการ ตู้สินค้า ๑ - ๒ เพื่อนำสินค้ามาฝากเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันเรือเข้าตามที่กรมศุลกากรกำหนด ถ้าพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว จะไม่อนุญาตให้นำสินค้านั้นเข้าฝากเก็บ ณ คลังสินค้าทัณฑ์บน ข้อ ๖ เมื่อมีผู้นำสินค้ามาฝากเก็บตามข้อ ๔ ให้หัวหน้าแผนกคลังสินค้าทัณฑ์บนจัดพนักงานเพื่อดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๖.๑ ทำการตรวจนับและเปิดตรวจสินค้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำคลังสินค้าทัณฑ์บนและผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บ เพื่อตรวจสอบสภาพและจำนวนสินค้าทุกหีบห่อ และบันทึกข้อมูลการรับมอบ ตำบลที่เก็บสินค้าในระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WAREHOUSE MANAGEMENT SYSTEM : WMS) ๖.๒ ออกใบประทวนสินค้าทัณฑ์บน (BONDED STORAGE WARRANT) และใบรับของเข้าคลังทัณฑ์บน (BONDED WAREHOUSE RECEIPT) ในระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) เพื่อมอบให้ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บไว้เป็นหลักฐาน ๖.๓ ลงรายการรับฝากในบัญชีสินค้าคงคลังสินค้าทัณฑ์บน (BONDED STORAGE BOOK) ในระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) ข้อ ๗ การเก็บรักษาสินค้าในคลังสินค้าทัณฑ์บน ให้ปฏิบัติตามระเบียบ และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาสินค้าที่ขนถ่ายจากเรือตามที่ปฏิบัติมาเท่าที่ไม่ขัดกับระเบียบนี้ โดยอนุโลม ข้อ ๘ หลังจากที่ครบกำหนดงวดหนึ่งเดือน นับจากวันนำสินค้ามาฝากที่คลังสินค้าทัณฑ์บน ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บต้องชำระค่าฝากเก็บของสำหรับงวดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ภายใน ๗ วัน ถ้าผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บไม่ปฏิบัติตามวรรคแรก กทท. จะคิดดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี สำหรับค่าภาระในการฝากสินค้าที่ค้างชำระ นับแต่วันที่นำสินค้าเข้าฝากเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บน หรือวันที่ค้างชำระ ข้อ ๙ เมื่อผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บประสงค์จะนำสินค้าที่ฝากเก็บไว้ ออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนให้ปฏิบัติ ดังนี้ ๙.๑ จัดทำใบขนสินค้าขาเข้า พร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม (แบบ กศก.๙๙/๑) และชำระค่าอากรขาเข้าต่อกรมศุลกากรตามจำนวนของที่ต้องการจะนำออก ๙.๒ ให้นำใบขนสินค้าขาเข้า พร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม (แบบ กศก.๙๙/๑) มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อตรวจและลงนามสั่งปล่อย ก่อนนำมามอบให้เจ้าหน้าที่คลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อปล่อยสินค้า พร้อมทั้งนำใบประทวนสินค้า (BONDED STORAGE WARRANT) และใบรับของเข้าคลังสินค้าทัณฑ์บน (BONDED WAREHOUSE RECEIPT) มาตัดยอดจำนวนของที่ต้องการนำออกจากยอดที่รับฝากเก็บไว้ ข้อ ๑๐ เมื่อผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บได้ปฏิบัติตามพิธีการนำออกตามข้อ ๙ แล้ว ให้หัวหน้าแผนกคลังสินค้าทัณฑ์บนจัดพนักงานเพื่อดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๑๐.๑ จัดทำใบสั่งปล่อยสินค้าจากคลังสินค้าทัณฑ์บน (BONDED WAREHOUSEDELIVERY ORDER) ในระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) ตามจำนวนในใบคำสั่งปล่อยของกรมศุลกากร โดยให้ผู้อำนวยการกองคลังสินค้าเป็นผู้ลงนามสั่งปล่อย ๑๐.๒ ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บนำใบสั่งปล่อยจากคลังสินค้าทัณฑ์บน (BONDED WAREHOUSE DELIVERY ORDER) ในระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) ยื่นชำระค่าภาระ ค่าธรรมเนียมต่อศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (ONE STOP SERVICE) ๑๐.๓ ออกใบรับของจากท่าเรือกรุงเทพ (WHARF RECEIPT OF BANGKOK PORT) และใบอนุญาตนำรถเข้าเขต กทท./ใบกำกับสินค้า เพื่อนำกลับมาติดต่อที่คลังสินค้าทัณฑ์บนดำเนินการต่อไป ๑๐.๔ ตัดรายการปล่อยสินค้าในบัญชีสินค้าคงคลังสินค้าทัณฑ์บน (BONDED STORAGE BOOK) ในระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) ข้อ ๑๑ ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บที่มีความประสงค์จะดำเนินการจัดทำใบสั่งปล่อยสินค้าจากคลังสินค้าทัณฑ์บน (BONDED WAREHOUSE DELIVERY ORDER) ด้วยตนเอง ผ่านระบบเว็บเซอร์วิส (Web Service) ให้ปฏิบัติ ดังนี้ ๑๑.๑ บันทึกข้อมูลและสั่งพิมพ์ใบสั่งปล่อยสินค้าจากคลังสินค้าทัณฑ์บน (BONDED WAREHOUSE DELIVERY ORDER) จากระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) ๑๑.๒ นำใบสั่งปล่อยสินค้าจากคลังสินค้าทัณฑ์บน (BONDED WAREHOUSE DELIVERY ORDER) ที่จัดพิมพ์ด้วยตนเองยื่นต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี ณ ศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (ONE STOP SERVICE) เพื่อตรวจสอบหลักฐาน และชำระค่าภาระ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ หรือดำเนินการชำระค่าภาระและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ผ่านการหักบัญชีธนาคารที่กำหนดไว้ และรับใบรับของจากท่าเรือกรุงเทพ (WHARF RECEIPT OF BANGKOK PORT) ใบอนุญาตนำรถเข้าเขต กทท./ใบกำกับสินค้า นำกลับมาติดต่อที่คลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อดำเนินการต่อไป ข้อ ๑๒ สำหรับสินค้าที่ฝากเก็บเป็นระยะเวลา ๒๓ เดือนแล้ว แต่ยังนำสินค้าออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนไม่หมด ให้หัวหน้าแผนกคลังสินค้าทัณฑ์บนมีหนังสือเตือนไปยังผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บให้รีบนำสินค้าออกภายในกำหนด เว้นแต่ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บขอขยายระยะเวลาการฝากเก็บ ให้ผู้อำนวยการกองคลังสินค้าอนุญาตได้ไม่เกิน ๑ ปี นับแต่วันครบกำหนด และผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บจะต้องชำระค่าภาระต่าง ๆ ที่ค้างอยู่ให้ครบก่อนจึงจะอนุญาต ข้อ ๑๓ เมื่อสินค้าที่ฝากเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนครบ ๒ ปี และกรมศุลกากรได้มีหนังสือแจ้งให้ กทท. เสียค่าภาษีอากรตามประเภทสินค้านั้น ๆ ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บจะต้องรับผิดชอบ ดังนี้ ๑๓.๑ ชดใช้ค่าภาษีอากรที่ กทท. ชำระให้กับกรมศุลกากร ๑๓.๒ ชดใช้ค่าภาระ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ๑๓.๓ ชดใช้ดอกเบี้ยค่าภาระฝากเก็บแก่ กทท. ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บไม่ปฏิบัติตามข้อ ๑๓ กทท. จะดำเนินการ ดังนี้ ๑๔.๑ ขายทอดตลาดสินค้าดังกล่าว เพื่อนำเงินมาชดใช้ค่าภาษีอากร ค่าภาระ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ๑๔.๒ เมื่อดำเนินการขายทอดตลาดแล้ว หากได้เงินไม่พอชำระค่าภาษีศุลกากร และค่าภาระต่าง ๆ ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บจะต้องนำเงินส่วนที่ขาดมาชำระให้ครบถ้วน ๑๔.๓ ในกรณีของเสื่อมคุณภาพ ซึ่งกรมศุลกากรอนุมัติให้ทำลาย ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันเกิดจากกระบวนการทำลายดังกล่าว ผู้นำสินค้าเข้าฝากเก็บเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ข้อ ๑๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีรายชื่อของที่ต้องวางหลักประกันแผนกคลังสินค้าทัณฑ์บน แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการรับฝากและส่งมอบสินค้าในคลังสินค้าทัณฑ์บน พ.ศ. ๒๕๕๙ ๒. คำร้องขอนำสินค้าเข้าฝากในคลังสินค้าทัณฑ์บน (ทกท.๐๑.๐๔.๐๒ (๐๑)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/จัดทำ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ กัญฑรัตน์/ตรวจ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๗๕ ง/หน้า ๕/๑๕ กันยายน ๒๕๕๙
758226
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าที่ประมูลได้จากการขายทอดตลาด พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าที่ประมูลได้จากการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าที่ประมูลได้จากการขายทอดตลาดของท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) และ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าที่ประมูลได้จากการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าที่ประมูลได้จากการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๒๓ ๓.๒ ประกาศท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดระยะเวลา การนำสินค้าที่ประมูลได้ออกไปจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๓.๓ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้ประมูลได้” หมายความว่า ผู้ที่ประมูลสินค้าได้จากการขายทอดตลาด ข้อ ๕ ให้ผู้ประมูลได้จัดทำหนังสือยินยอมให้ขายสินค้าที่ประมูลได้จากกรมศุลกากรตามแบบ ทกท.๐๑.๐๔.๐๓ (๐๑) แนบท้ายระเบียบนี้ เพื่อเป็นหนังสือรับรองให้ไว้กับ กทท. ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ๕.๑ ต้องนำสินค้าที่ประมูลได้ออกไปจาก กทท. ภายในกำหนดเวลา ๓ วันทำการ นับถัดจากวันที่ได้ชำระเงินค่าสินค้านั้นให้กรมศุลกากรครบถ้วนแล้ว ถ้าผู้ประมูลได้ไม่นำสินค้าที่ประมูลได้ออกจากท่าเรือกรุงเทพ ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว กทท. จะเรียกเก็บค่าฝากสินค้านั้นตามอัตราค่าภาระฝากสินค้าที่กำหนดไว้ ๕.๒ เมื่อครบกำหนด ๑๕ วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้ประมูลได้ได้ชำระเงินค่าสินค้าที่ประมูลได้ให้กรมศุลกากรครบถ้วนแล้ว หากผู้ประมูลได้ไม่นำสินค้าที่ประมูลได้ออกไปจาก กทท. ผู้ประมูลได้ ต้องยอมให้ กทท. นำสินค้านั้นออกขายทอดตลาด เพื่อหักเงินจากการขายเป็นค่าฝากสินค้าและค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาด ข้อ ๖ ให้หมวดสินค้าขายทอดตลาด แผนกคลังสินค้าตกค้าง กองคลังสินค้า ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ จัดทำสมุดบัญชีสินค้าขายทอดตลาด เพื่อบันทึกรายการขายทอดตลาด แต่ละครั้งไว้เป็นหลักฐาน โดยมีรายละเอียดของสินค้า คำสั่งกรมศุลกากรที่ขายทอดตลาด ครั้งที่จำนวนเงินที่ขายได้ และอื่น ๆ ที่จำเป็น ข้อ ๗ หากผู้ประมูลได้ไม่มานำสินค้าออกภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ประมูลได้ ให้หัวหน้าแผนกคลังสินค้าตกค้าง จัดทำบันทึกเสนอผู้อำนวยการกองคลังสินค้า เพื่อมีหนังสือสอบถามความคืบหน้าไปยังฝ่ายของกลางและของตกค้าง สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และเร่งรัดให้แจ้งผู้ประมูลได้นำสินค้าออกจากท่าเรือกรุงเทพโดยเร็ว ข้อ ๘ ในกรณีที่ผู้ประมูลได้ได้นำหลักฐานการชำระเงินจากกรมศุลกากรมาแสดง เพื่อนำสินค้าที่ประมูลได้ออกภายในกำหนด ๓ วันทำการ ตามข้อ ๕.๑ ให้หมวดสินค้าขายทอดตลาด ออกหลักฐานใบรับสินค้าจากท่าเรือ (WHARF RECEIPT) และใบกำกับสินค้าให้แก่ผู้ประมูลได้ เพื่อนำสินค้าออกไป ถ้าผู้ประมูลได้มาขอนำสินค้าออกภายใน ๑๕ วัน นับถัดจากวันที่ชำระเงินให้กรมศุลกากรครบถ้วน ให้หมวดสินค้าขายทอดตลาด บันทึกรายละเอียดลงในแบบขอให้คิดค่าภาระสินค้าเพิ่ม กรณีผู้ประมูลสินค้าได้ไม่นำสินค้า ออกตามกำหนดเวลา ตามแบบ ทกท.๐๑.๐๔.๐๓ (๐๒) แนบท้ายระเบียบนี้ เสนอผู้อำนวยการกองบริการค่าภาระเงินสด สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี เพื่อเรียกเก็บเงินค่าภาระฝากสินค้าตามอัตราและระเบียบที่กำหนด แล้วให้ผู้ประมูลได้นำใบเสร็จรับเงินมาแสดง เพื่อรับมอบสินค้าไปจาก กทท. ข้อ ๙ หากผู้ประมูลได้ไม่มาขอรับสินค้าภายในกำหนด ๑๕ วัน นับถัดจากวันที่ชำระเงินให้กรมศุลกากรครบถ้วนแล้ว ให้หมวดสินค้าขายทอดตลาดจัดทำบันทึกเสนอผู้อำนวยการกองคลังสินค้าเพื่อขออนุมัติขายสินค้านั้นต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย และเมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้คณะกรรมการขายทอดตลาดของ กทท. ตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้า หรือตู้สินค้าที่ได้ยื่นใบขนสินค้า วางประกัน ชำระค่าภาษีอากร โดยได้ทำพิธีการตรวจปล่อย หรือยังมิได้ทำพิธีการตรวจปล่อยสินค้า หรือตู้สินค้าจากกรมศุลกากร และ/หรือยังไม่ได้นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๗ นำสินค้าออกขายทอดตลาดได้เงินจำนวนเท่าใดให้หักค่าฝากเก็บสินค้า และค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาดไว้ให้ครบถ้วน ส่วนเงินที่เหลือคืนให้แก่ผู้ประมูลได้ ผู้ประมูลได้จะต้องยื่นหนังสือขอรับเงินส่วนที่เหลือต่อฝ่ายการเงินและบัญชี ภายในกำหนดเวลา ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแจ้งเป็นหนังสือจาก กทท. หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว กทท. จะโอนบัญชีเงินส่วนที่เหลือเป็นรายได้ของ กทท. ข้อ ๑๐ ในกรณีผู้ประมูลได้มาขอรับสินค้า เมื่อพ้นกำหนด ๑๕ วันแล้ว และสินค้านั้นอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุมัติขาย หรืออนุมัติให้ขายได้แล้ว แต่ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการขายทอดตลาด ให้หัวหน้าหมวดสินค้าขายทอดตลาด ทำบันทึกเสนอผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อขออนุมัติถอนเรื่อง และเมื่อได้รับอนุมัติถอนเรื่องแล้ว จึงแจ้งให้ผู้ประมูลได้ไปชำระค่าภาระฝากสินค้าตามจำนวนวันที่สินค้าฝากเก็บต่อฝ่ายการเงินและบัญชี และเมื่อได้รับใบเสร็จรับเงินแล้ว ให้ดำเนินการส่งมอบสินค้านั้นให้แก่ผู้ประมูลได้ต่อไป ข้อ ๑๑ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. หนังสือยินยอมให้ขายสินค้าที่ประมูลได้จากกรมศุลกากร (ทกท. ๐๑.๐๔.๐๓ (๐๑)) ๒. แบบขอให้คิดค่าภาระสินค้าเพิ่ม กรณีผู้ประมูลสินค้าได้ไม่นำสินค้าออกตามกำหนดเวลา (ทกท. ๐๑.๐๔.๐๓ (๐๒)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/จัดทำ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ กัญฑรัตน์/ตรวจ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๗๕ ง/หน้า ๒/๑๕ กันยายน ๒๕๕๙
758224
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] เพื่อให้การควบคุมการบรรจุตู้สินค้าและการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับตู้สินค้า LCL ขาออกที่บรรจุสินค้าขาออกเข้าตู้ LCL ภายในเขตกรมศุลกากร เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มเติมข้อความต่อไปนี้ในภาคผนวก ก. ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑.๑๓ ๑.๑๓.๒ ค่าบริการสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ การบริการเครื่องชั่งน้ำหนัก ฯลฯ ซึ่งเรียกเก็บจากตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือผู้ประกอบการบรรจุตู้สินค้า หรือผู้ขออนุญาตโดยเรียกเก็บในอัตรา บาท/ตู้ ๒๐’ ๔๐’ ๔๕’ ๓๐ ๔๐ ๕๐ ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/จัดทำ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ กัญฑรัตน์/ตรวจ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๗๕ ง/หน้า ๑/๑๕ กันยายน ๒๕๕๙
756917
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้เหมาะสมกับปัจจุบันยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๑) และมาตรา ๒๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖๖ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖๖ ในกรณีที่เห็นเป็นการสมควรที่จะจ้างงานซึ่งมีสัญญาตกลงจ้างกันเป็นระยะเวลาต่อเนื่องไปอีกโดยไม่ต้องมีการดำเนินการจัดจ้าง ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการที่จะพิจารณาอนุมัติให้จ้างงานตามสัญญานั้น ๆ ต่อเนื่องไปอีกได้ ยกเว้นในกรณีงานจ้างนั้นมีวงเงินตามวิธีที่ได้จัดจ้างเดิมเกินอำนาจผู้อำนวยการ ให้เสนอผู้อำนวยการให้ความเห็นชอบก่อนเสนอ ให้ผู้มีอำนาจในการสั่งจ้างตามวงเงินตามวิธีที่ได้จัดจ้างเดิมพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ (๑) การจ้างต่อเนื่องจากสัญญาเดิม ให้กระทำได้กับงานจ้างทำของ งานจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษา หรืองานจ้างบริการ ไม่ว่างานนั้น ๆ จะมีการจัดหาพัสดุให้ด้วยหรือไม่ (๒) การจ้างต่อเนื่องจากสัญญาเดิม ให้กระทำได้ครั้งละไม่เกิน ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๒ ครั้ง (๓) รายละเอียดของงาน ค่าจ้าง ตลอดจนเงื่อนไขต่าง ๆ ในการจ้างต่อเนื่องจะต้องเป็นไปตามสัญญาเดิมทุกประการ เว้นแต่จะเปลี่ยนแปลงในทางเป็นประโยชน์แก่การท่าเรือ (๔) ก่อนการจ้างตามสัญญาเดิมจะสิ้นสุดลง ให้ส่วนงานที่มีความประสงค์จะขอให้มีการจ้างต่อเนื่อง จัดทำคำขอตามข้อ ๒๐ ส่งให้เจ้าหน้าที่พัสดุ (๕) ให้เจ้าหน้าที่พัสดุประสานงานกับคณะกรรมการตรวจการจ้าง และเจรจากับคู่สัญญาแล้วรายงานขออนุมัติ หรือขอความเห็นชอบต่อผู้อำนวยการ โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ (๖) เมื่อผู้มีอำนาจในการสั่งจ้างได้อนุมัติแล้ว ให้ส่งกองกฎหมายดำเนินการต่อไป” ประกาศ ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พลเรือเอก อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย วริญา/ปริยานุช/จัดทำ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ นุสรา/ตรวจ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๖๖ ง/หน้า ๑/๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙
754039
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. 2545 (ฉบับ Update ณ วันที่ 24/03/2559)
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ นับแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๕ ข้อ ๓ ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๒ ประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เรื่อง การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้า ณ ท่าเรือกรุงเทพ ๓.๓ ค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรง และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในภาคผนวกตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๒ เรื่อง หนังสือค่าภาระของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๓ และส่วนที่ ๔ ค่าบริการเช่าใช้เครื่องมอยกขนและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ภายในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เรื่อง กำหนดอัตราค่าภาระของท่าเรือแหลมฉบัง โดยให้ใช้อัตราค่าเช่าเครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ตามภาคผนวก ก. และ ข. ตามลำดับท้ายระเบียบนี้ บรรดาระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดที่เหมือน หรือขัด หรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน การส่งข้อมูลหรือเอกสารการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๔[๒] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ๔.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บัญชี ตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนด ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากรเป็นเวลาของการรับข้อมูล ๔.๒ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือรายใดที่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว และพบปัญหาที่ไม่สามารถส่งได้สมบูรณ์ ให้จัดส่งข้อมูลใหม่ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ๔.๓ กรณีที่ข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องขอยกเลิก หรือแก้ไข หรือเพิ่มเติมรายการ โดยให้ยื่นขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๔ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ จัดส่งเอกสารบัญชีตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๕ กรณีที่จัดส่งข้อมูลตู้สินค้าขาเข้าไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๔.๑ หรือข้อ ๔.๒ หรือข้อ ๔.๓ หรือข้อ ๔.๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่ดำเนินการขนถ่ายตู้สินค้าจนกว่าจะได้รับข้อมูลและเอกสารเป็นที่เรียบร้อย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๔.๖ กรณีที่เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๒๐ บาท (ยี่สิบบาทถ้วน) ต่อตู้ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๕[๓] การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ๕.๑ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือของเรือตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ของเรือสินค้าทั่วไปที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนดผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากร เป็นเวลาของการรับข้อมูล ๕.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ๕.๒.๑ ภายในกำหนด ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ หากมีข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน (การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะอนุญาตให้แก้ไขได้ในกรณีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีตู้สินค้าขาเข้า) ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ๕.๒.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือภายหลัง ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้ายื่นเอกสารคำร้องขอแก้ไข (Amend Should Be/Shortlanded/Overlanded) ณ แผนกโรงพักสินค้าพิธีการ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้าท่าเรือกรุงเทพ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งเอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๕.๔ กรณีที่จัดส่งข้อมูล และ/หรือ เอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๕.๑ หรือข้อ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๕.๕ กรณีที่เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือเอง เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อใบตราส่ง ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๖[๔] การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ๖.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ โดยทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ infor_ter๑@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ infor_ter๒@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๒ หรือโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามแบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒) และทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)] แนบท้ายระเบียบนี้ ก่อนบรรทุกตู้สินค้าลงเรือไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือจะต้องส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือที่ขอเปลี่ยนแปลงก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ถ้ามิได้มาดำเนินการขอเปลี่ยนแปลง หากตู้สินค้าใดไม่ปรากฏในบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่อนุญาตให้บรรทุกลงเรือและจะเรียกเก็บค่าภาระตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๖.๑.๑ จำนวนตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือมีจำนวนน้อยกว่าในบัญชีตู้สินค้าที่ยื่นไว้ จะเรียกเก็บค่าภาระเฉพาะตามจำนวนที่บรรทุกลงเรือจริง ๖.๑.๒ ตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือไม่สำแดงสถานภาพของตู้สินค้าไว้ในบัญชีตู้สินค้าหรือสำแดงสถานภาพไว้แต่ผิดจากความเป็นจริง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้านั้นในสถานภาพ LCL (Less than Container Load) ๖.๑.๓ กรณีตู้สินค้าขาออกที่ผ่านด่านตรวจสอบภายในเข้ามากองเก็บในลานวางพักตู้สินค้าเพื่อรอบรรทุกลงเรือ แต่ไม่นำบรรทุกลงเรือที่แจ้ง หรือมีการแจ้งเปลี่ยนการบรรทุกลงเรือลำอื่นในภายหลังเรือเสร็จสิ้นการบรรทุก การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้าที่ยกเลิก (Shut - Out Container Charge) ตามอัตราที่กำหนด และหากมีการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าที่ขอยกเลิกนั้น การท่าเรือแห่งประเทศไทยเรียกเก็บค่าภาระเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ (Extra Container Movement Charge) ตามอัตราที่กำหนดด้วย การเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องแจ้งขอเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เว้นแต่ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วน การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าดังกล่าว โดยคิดค่าบริการตามอัตราค่าภาระที่กำหนด ข้อ ๗[๕] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า หรือขาออกที่บรรจุสินค้าเกินขนาดตัวตู้สินค้า (Overheight/Overwidth/Overlength Container) หรือมีน้ำหนักรวม (Gross Weight) เกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ หรือหมายเหตุลงในบัญชีตู้สินค้าสำหรับเรือ ก่อนทำการบรรทุกลงเรือหรือขนถ่าย หากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ มิได้ดำเนินการดังกล่าวข้างต้น หรือจัดส่งข้อมูลน้ำหนักรวมต่ำกว่าข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ หรือความเสียหาย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย และถ้าการท่าเรือแห่งประเทศไทยตรวจพบว่าน้ำหนักตู้สินค้าจริงเกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บเบี้ยปรับตู้ละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) และจะไม่ดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายตู้สินค้าดังกล่าว จนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ข้อ ๘[๖] เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไป ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ที่ถูกต้องและครบถ้วนด้วยระบบ EDI หรือ Diskette และยื่นเอกสารจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือเข้าเก็บในที่เก็บสินค้ามีจำนวนใบตราส่ง (Bill of Lading) ไม่เกิน ๑๕ รายการต่อเที่ยวเรือ ให้จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือด้วยวิธีการยื่นเอกสารเพียงอย่างเดียวก็ได้ ข้อ ๙[๗] เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไปที่จอด ณ ที่จอดเรือของท่าเรือกรุงเทพเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำทั้งลำ (All Overside) หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเอกชนภายในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำบริเวณเกาะสีชัง หรือที่อื่น ที่ทำพิธีการศุลกากร ณ ท่าเรือกรุงเทพต้องจัดส่งเอกสารข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเข้าจอด ข้อ ๑๐[๘] กรณีที่จัดส่งข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๙ ต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีสิทธิงดเว้นการให้บริการและจะดำเนินการเรียกเก็บค่าภาระจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ข้อ ๑๑ เรือขาเข้า และเรือขาออก ต้องจัดส่งข้อมูลตามข้อ ๔ ถึงข้อ ๙ ต่อท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือแหลมฉบังเฉพาะท่าเทียบเรือ ที่อยู่ภายใต้การประกอบการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย สำหรับบัญชีตู้สินค้าขาออก (Onward Container List) ให้จัดส่งเฉพาะท่าเรือแหลมฉบัง การชำระเงินค่าภาระการใช้ท่าเรือ หรือค่าบริการ ข้อ ๑๒ ส่วนราชการที่ได้รับอนุมัติผ่อนผันจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้ใช้บริการก่อนการชำระเงิน ต้องดำเนินการชำระเงินค่าภาระ หรือค่าบริการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะพิจารณางดให้การผ่อนผัน ข้อ ๑๓ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่ประสงค์ขอเปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ให้วางหลักประกันการชำระหนี้เป็นเงินสด หรือเช็คธนาคาร หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ตามแบบ ๔ ท้ายระเบียบนี้ เป็นจำนวนเงินที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยเห็นสมควร โดยผู้ขอจะได้รับการผ่อนผันให้ชำระหนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ข้อ ๑๔ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไป ที่มิได้เปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ หากประสงค์ขอใช้บริการของท่าเรือระนอง การท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่ไม่สามารถชำระเงิน หรือคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องได้ทัน ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการเฉพาะครั้งนี้ ๑๔.๑ กรณีที่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการ ในจำนวนเท่ากับค่าภาระหรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริง ๑๔.๒ กรณีไม่สามารถคิดคำนวณค่าภาระ หรือค่าบริการ ที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนที่สูงกว่าค่าภาระ หรือค่าบริการที่คิดคำนวณโดยประมาณอีก ๑ ใน ๓ และให้ขอรับเงินหลักประกันส่วนที่เหลือคืนภายใน ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ใช้บริการนั้นเสร็จสิ้น ถ้ามิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าเงินที่เหลือเป็นรายได้ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๑๕ ผู้ใช้บริการประเภทเงินเชื่อ มิได้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ต้องชำระค่าเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ค้างชำระจนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว และหากพ้นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ยังไม่ชำระหนี้ และค่าเบี้ยปรับ การท่าเรือแห่งประเทศไทยสงวนสิทธิในการงดให้บริการเงินเชื่อ และจะหักชำระหนี้จากเงินสด หรือเช็คธนาคารที่วางประกัน หรือใช้สิทธิเรียกเก็บจากธนาคารผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี การยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ข้อ ๑๖ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สงวนสิทธิในการยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑๖.๑ หนี้ค้างชำระเกินเงินที่วางไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ หรือเกินวงเงินที่ธนาคารค้ำประกันตามข้อ ๑๓ ๑๖.๒ ไม่ชำระหนี้ หรือค่าเบี้ยปรับตามข้อกำหนดในข้อ ๑๕ ๑๖.๓ หนังสือสัญญาค้ำประกันหมดอายุ ข้อ ๑๗ ผู้ใช้บริการที่ถูกยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ถ้าประสงค์จะขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่ออีก จะต้องชำระหนี้ค้างอยู่ให้หมดสิ้น และต้องชำระค่าธรรมเนียมการขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อครั้งใหม่จำนวน ๓,๐๐๐ บาท การขอแก้ไขใบแจ้งหนี้ และการขอคืนเงินที่ชำระไว้เกิน ข้อ ๑๘ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่า หนี้ตามใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง ให้ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง ภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้ใช้บริการต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้นั้น ข้อ ๑๙[๙] ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าได้ชำระเงินไว้เกิน ให้ส่งต้นฉบับหรือสำเนาใบเสร็จรับเงินพร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังกองผลประโยชน์ ๑ หรือกองผลประโยชน์ ๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี หรือกองการเงิน ท่าเรือแหลมฉบัง แล้วแต่กรณี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับชำระเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะถือว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องแล้ว ข้อ ๒๐ การทักท้วงใบแจ้งหนี้ตามข้อ ๑๘ หากผลตรวจสอบปรากฏว่า การออกใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องแล้ว ผู้ใช้บริการต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้น ภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้คืน และต้องชำระค่าเบี้ยปรับเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๕ ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ฉบับนั้น แต่ไม่เกินฉบับละ ๒,๐๐๐ บาท แต่ถ้ามีการผิดพลาดตามที่ทักท้วง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้ถูกต้อง และผ่อนผันให้ชำระหนี้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ใหม่ ข้อ ๒๑ ใบแจ้งหนี้ค่าภาระ หรือค่าบริการ ซึ่งออกตามเอกสารมูลหนี้ที่ผู้ใช้บริการแจ้งไว้ หากมีการทักท้วงภายหลังว่าข้อมูลที่แจ้งไว้ผิดพลาด การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่พิจารณาคำร้อง จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นเสียก่อน หากมิได้ดำเนินการจนพ้นระยะเวลาผ่อนผัน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการตามข้อ ๑๕ ข้อ ๒๒ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ พยุงกิจ จิวะมิตร รองผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ภาคผนวก ก.[๑๐] ๒. ภาคผนวก ข.[๑๑] ๓. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) [๑๒] ๔. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) [๑๓] (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕[๑๔] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๕ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗[๑๕] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑๖] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑๗] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑๘] ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๓[๑๙] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘[๒๐] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙[๒๑] ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ กัญฑรัตน์/จัดทำ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ปัญญา/ตรวจ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๖๓ ง/หน้า ๓๕/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๕ [๒] ข้อ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๓] ข้อ ๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๔] ข้อ ๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๕] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๖] ข้อ ๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ [๗] ข้อ ๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๘] ข้อ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๙] ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ [๑๐] ภาคผนวก ก. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๑] ภาคผนวก ข. แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ [๑๒] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๓] แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ [๑๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๙๒ ง/หน้า ๑๘/๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ [๑๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๗๙/๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ [๑๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๘๔ ง/หน้า ๑๓๔/๖ ตุลาคม ๒๕๔๘ [๑๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๒/ตอนที่ ๑๑๐ ง/หน้า ๔๘/๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ [๑๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๑/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๑๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๓/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๖/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ [๒๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๘/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙
751271
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าเช่ารถยกของท่าเรือกรุงเทพ ให้เหมาะสมกับปัจจุบันอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มเติมข้อความต่อไปนี้ในภาคผนวก ก. ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑.๓ ค่าเช่ารถยก (FORK LIFT TRUCK) ๑.๓.๖ ขนาด ๒๕ ตัน บาท/คัน/ชั่วโมง ๒,๒๐๐ ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการ ฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงาน ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/จัดทำ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วิศนี/ตรวจ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๒/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙
751269
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าบริการน้ำจืดของท่าเรือแหลมฉบัง ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และ ข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในภาคผนวก ข. ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง ลำดับที่ ๑๒ แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑๒ ค่าบริการน้ำจืด (WATER SUPPLY SERVICES) เป็นค่าบริการน้ำจืด ณ ท่าเทียบเรือ เรียกเก็บในอัตรา ค่าบริการน้ำจืดอย่างต่ำต่อครั้ง (MINIMUM CHARGE) คิด ๕๐ ลูกบาศก์เมตร บาท/ลูกบาศก์เมตร ๓๕ ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/จัดทำ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วิศนี/ตรวจ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๔๐ ง/หน้า ๑/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙
748299
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มข้อความไว้ในข้อ ๔ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งถูกยกเลิกโดยข้อ ๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังนี้ “ข้อ ๔ การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ๔.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บัญชี ตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนด ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากรเป็นเวลาของการรับข้อมูล ๔.๒ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือรายใดที่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว และพบปัญหาที่ไม่สามารถส่งได้สมบูรณ์ ให้จัดส่งข้อมูลใหม่ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ๔.๓ กรณีที่ข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องขอยกเลิก หรือแก้ไข หรือเพิ่มเติมรายการ โดยให้ยื่นขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๔ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ จัดส่งเอกสารบัญชีตู้สินค้าขาเข้าที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๔.๕ กรณีที่จัดส่งข้อมูลตู้สินค้าขาเข้าไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๔.๑ หรือข้อ ๔.๒ หรือข้อ ๔.๓ หรือข้อ ๔.๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่ดำเนินการขนถ่ายตู้สินค้าจนกว่าจะได้รับข้อมูลและเอกสารเป็นที่เรียบร้อย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๔.๖ กรณีที่เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้าทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๒๐ บาท (ยี่สิบบาทถ้วน) ต่อตู้ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม” ข้อ ๔ ให้เพิ่มข้อความไว้ในข้อ ๕ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งถูกยกเลิกโดยข้อ ๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังนี้ “ข้อ ๕ การจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ๕.๑ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือของเรือตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ของเรือสินค้าทั่วไปที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามรูปแบบมาตรฐานที่ศุลกากรกำหนดผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (National Single Window : NSW) ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง โดยจะใช้เวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้รับข้อมูลจากระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ของกรมศุลกากร เป็นเวลาของการรับข้อมูล ๕.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ๕.๒.๑ ภายในกำหนด ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ หากมีข้อมูลบางรายการที่จัดส่งไม่ถูกต้อง และ/หรือ ไม่ครบถ้วน (การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะอนุญาตให้แก้ไขได้ในกรณีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อบัญชีตู้สินค้าขาเข้า) ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ขอแก้ไขข้อมูลรายการนั้น หรือจัดส่งใหม่ทั้งหมดผ่านทางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ๕.๒.๒ การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือภายหลัง ๔๘ ชั่วโมง นับแต่กรมศุลกากรได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้ายื่นเอกสารคำร้องขอแก้ไข (Amend Should Be/Shortlanded/Overlanded) ณ แผนกโรงพักสินค้าพิธีการ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้าท่าเรือกรุงเทพ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งเอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ๕.๔ กรณีที่จัดส่งข้อมูล และ/หรือ เอกสารบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๕.๑ หรือข้อ ๕.๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ ส่วนการขอแก้ไขข้อมูลหลังจากเรือเริ่มทำการขนถ่ายตู้สินค้าแล้ว เป็นเหตุให้การท่าเรือประเทศไทยเกิดกิจกรรมต้องปฏิบัติ จะเรียกเก็บค่าภาระและค่าบริการตามความเป็นจริง ๕.๕ กรณีที่เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า หรือเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือไม่จัดส่งข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ ทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการบันทึกข้อมูลบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือเอง เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องชำระค่าบริการบันทึกข้อมูล ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อใบตราส่ง ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม” ข้อ ๕ ให้เพิ่มข้อความไว้ในข้อ ๖ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งถูกยกเลิกโดยข้อ ๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังนี้ “ข้อ ๖ การจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ๖.๑ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ โดยทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ infor_ter๑@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ infor_ter๒@port.co.th สำหรับเรือพิธีการกองท่าบริการตู้สินค้า ๒ หรือโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามแบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒) และทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)] แนบท้ายระเบียบนี้ ก่อนบรรทุกตู้สินค้าลงเรือไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือจะต้องส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือที่ขอเปลี่ยนแปลงก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ถ้ามิได้มาดำเนินการขอเปลี่ยนแปลง หากตู้สินค้าใดไม่ปรากฏในบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะไม่อนุญาตให้บรรทุกลงเรือและจะเรียกเก็บค่าภาระตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๖.๑.๑ จำนวนตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือมีจำนวนน้อยกว่าในบัญชีตู้สินค้าที่ยื่นไว้ จะเรียกเก็บค่าภาระเฉพาะตามจำนวนที่บรรทุกลงเรือจริง ๖.๑.๒ ตู้สินค้าที่บรรทุกลงเรือไม่สำแดงสถานภาพของตู้สินค้าไว้ในบัญชีตู้สินค้าหรือสำแดงสถานภาพไว้แต่ผิดจากความเป็นจริง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้านั้นในสถานภาพ LCL (Less than Container Load) ๖.๑.๓ กรณีตู้สินค้าขาออกที่ผ่านด่านตรวจสอบภายในเข้ามากองเก็บในลานวางพักตู้สินค้าเพื่อรอบรรทุกลงเรือ แต่ไม่นำบรรทุกลงเรือที่แจ้ง หรือมีการแจ้งเปลี่ยนการบรรทุกลงเรือลำอื่นในภายหลังเรือเสร็จสิ้นการบรรทุก การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บค่าภาระตู้สินค้าที่ยกเลิก (Shut - Out Container Charge) ตามอัตราที่กำหนด และหากมีการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าที่ขอยกเลิกนั้น การท่าเรือแห่งประเทศไทยเรียกเก็บค่าภาระเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ (Extra Container Movement Charge) ตามอัตราที่กำหนดด้วย การเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องแจ้งขอเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษ เว้นแต่ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วน การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะดำเนินการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าดังกล่าว โดยคิดค่าบริการตามอัตราค่าภาระที่กำหนด” ข้อ ๖ ให้เพิ่มข้อความไว้ในข้อ ๗ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งถูกยกเลิกโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังนี้ “ข้อ ๗ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า หรือขาออกที่บรรจุสินค้าเกินขนาดตัวตู้สินค้า (Overheight/Overwidth/Overlength Container) หรือมีน้ำหนักรวม (Gross Weight) เกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ หรือหมายเหตุลงในบัญชีตู้สินค้าสำหรับเรือ ก่อนทำการบรรทุกลงเรือหรือขนถ่าย หากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ มิได้ดำเนินการดังกล่าวข้างต้น หรือจัดส่งข้อมูลน้ำหนักรวมต่ำกว่าข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ หรือความเสียหาย เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย และถ้าการท่าเรือแห่งประเทศไทยตรวจพบว่าน้ำหนักตู้สินค้าจริงเกินกว่า ๓๒.๕ เมตริกตันต่อตู้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บเบี้ยปรับตู้ละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) และจะไม่ดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายตู้สินค้าดังกล่าว จนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในข้อ ๙ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสินค้าทั่วไปที่จอด ณ ที่จอดเรือของท่าเรือกรุงเทพเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำทั้งลำ (All Overside) หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเอกชนภายในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ หรือจอดเพื่อทำการขนถ่ายสินค้าข้างลำบริเวณเกาะสีชัง หรือที่อื่น ที่ทำพิธีการศุลกากร ณ ท่าเรือกรุงเทพต้องจัดส่งเอกสารข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือที่ถูกต้องและครบถ้วน จำนวน ๑ ชุด ณ แผนกกลาง กองปฏิบัติการสินค้า ๑ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนเรือเข้าจอด” ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๐ กรณีที่จัดส่งข้อมูลขนาดของเรือ บัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือไม่ทันกำหนดเวลาตามข้อ ๙ ต้องชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน) ต่อเที่ยวเรือ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีสิทธิงดเว้นการให้บริการและจะดำเนินการเรียกเก็บค่าภาระจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ” ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๒)) ๒. แบบบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (CONTAINER LOADING LIST) CONTAINER LOADING LIST SUMMARY สรุปจำนวนตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๒๓)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๘/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙
748297
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2558
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๘” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อความในภาคผนวก ก ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๔.๒ และภาคผนวก ข ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑๔.๒ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และ ความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “ภาคผนวก ก ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ” ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑.๑๔ ๑.๑๔.๒ ใช้กระแสไฟฟ้า (ELECTRICITY SUPPLY) บาท/ตู้/วัน (๒๔ ชั่วโมง) ๒๐’ ๔๐’ ๔๕’ ๔๓๐ ๗๐๐ ๘๑๐ “ภาคผนวก ข ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง” ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑๔ ๑๔.๒ ใช้กระแสไฟฟ้า (ELECTRICITY SUPPLY) บาท/ตู้/วัน (๒๔ ชั่วโมง) ๒๐’ ๔๐’ เกิน ๔๐’ ๔๓๐ ๗๐๐ ๘๑๐ ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๖/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙
748295
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2553
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) และมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบกับข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบนี้ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในภาคผนวก ก ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๖.๑.๑ ถึงลำดับที่ ๑.๑๖.๑.๖ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน “ภาคผนวก ก ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ” ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑.๑๖ ค่าธรรมเนียมยานพาหนะและเครื่องมือทุ่นแรงผ่านท่า (ADMISSION FEE FOR VEHICLES AND EQUIPMENT) เป็นค่านำยานพาหนะและเครื่องมือทุ่นแรงเข้ามาในเขต ศุลกากร เรียกเก็บในอัตรา ดังนี้ ๑.๑๖.๑.๑ รถยนต์บรรทุกไม่เกิน ๖ ล้อ ๑.๑๖.๑.๒ รถยนต์บรรทุก ๘ ล้อขึ้นไป ๑.๑๖.๑.๓ รถยนต์หัวลากหรือรถพ่วง ๑.๑๖.๑.๔ รถยนต์บรรทุกตู้สินค้าขนาด ๒๐’ ๑.๑๖.๑.๕ รถยนต์บรรทุกตู้สินค้าขนาด ๔๐’ ๑.๑๖.๑.๖ รถยนต์บรรทุกตู้สินค้าขนาดเกิน ๔๐’ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) บาท/คัน/เที่ยว ๒๕ ๓๕ ๑๐๐ ๑๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในภาคผนวก ก ข้อ ๑ ลำดับที่ ๑.๑๖.๓ วรรคท้ายของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน “ภาคผนวก ก ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ” ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา กรณีรถบรรทุก รถลากพ่วง หรือรถเครื่องมือทุ่นแรง ชนิดพิเศษที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามารับสินค้าที่ไม่สามารถวางพักบนหน้าท่าได้ หรือสินค้าพิเศษที่ต้องขนย้ายด้วยความระมัดระวังให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมอยู่ในเขตศุลกากร ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในภาคผนวก ข ลำดับที่ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และใช้ความต่อไปนี้แทน “ภาคผนวก ข ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง” ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑๓ ค่าบริการชั่งตู้มีสินค้า (CONTAINER WEIGHING SERVICE) ค่าใช้เครื่องชั่งตู้มีสินค้า เรียกเก็บเมื่อนำตู้มีสินค้า ผ่านเข้ามาในเขตศุลกากร หรือนำออกนอกเขตศุลกากร (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) บาท/ครั้ง ๓๐ ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในภาคผนวก ข ลำดับที่ ๑๕.๑ วรรคท้ายของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน “ภาคผนวก ข. ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง” ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ค่าธรรมเนียมตามลำดับที่ ๑๕.๑ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๓/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙
748293
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2548
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] เพื่อให้การปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ เป็นไปโดยถูกต้องและเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ข้อ ๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เรียกเก็บค่าบริการชั่งตู้สินค้า (CONTAINER WEIGHING SERVICE) ในอัตราที่กำหนดไว้ตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๕ ภาคผนวก ก. ข้อ ๑ ค่าเช่า ค่าบริการ เครื่องมือ อุปกรณ์ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของท่าเรือกรุงเทพ ลำดับที่ ๑.๑๓ ตามเดิม คือ ลำดับที่ ค่าเช่า ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม อัตรา ๑.๑๓ ค่าบริการชั่งตู้สินค้า (CONTAINER WEIGHING SERVICE) เป็นค่าใช้เครื่องชั่งตู้สินค้าเรียกเก็บเมื่อมีการขอชั่งในอัตรา บาท/ตู้/ครั้ง ๒๐’ ๔๐’ ๔๕’ ๓๐ ๔๐ ๕๐ ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ยงยศ ปาละนิติเสนา กรรมการ การท่าเรือฯ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย กัญฑรัตน์/ปริยานุช/จัดทำ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๔ ง/หน้า ๑/๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙
746962
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. 2559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแก้ไขระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง ให้มีความถูกต้อง เหมาะสมยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับข้อกำหนดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเล และกฎหมายภายในประเทศ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒[๑] ให้ใช้ระเบียบนับถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๑๕ วัน เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๔ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “ทลฉ.” หมายความว่า ท่าเรือแหลมฉบัง “เขต ทลฉ.” หมายความว่า พื้นที่ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกากำหนดอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา และตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๓๙ “สทบ.” หมายความว่า สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง “IMO” หมายความว่า องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization) “IMDG Code” หมายความว่า ประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเล (International Maritime Dangerous Good Code) ซึ่งกำหนดโดยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ “UN No.” หมายความว่า หมายเลขสหประชาชาติ (United Nation Number) ของวัตถุอันตรายแสดงหมายเลขลำดับ (Serial Number) ที่กำหนดขึ้นมาสำหรับสิ่งของ หรือสารที่อยู่ภายใต้ระบบของสหประชาชาติ กำหนดเป็นตัวเลขสี่หลัก “สินค้าอันตราย” หมายความว่า สิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ตามที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศกำหนดไว้ในประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเล “คลังสินค้าอันตราย” หมายความว่า พื้นที่เก็บรักษาสินค้าอันตรายในเขตท่าเรือแหลมฉบัง “สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑” หมายความว่า สินค้าอันตรายร้ายแรงมากที่ห้ามบรรทุกหรือขนถ่าย หรือเคลื่อนย้ายบนเรือ หรือผ่าน หรือถ่ายลำในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ได้แก่ สินค้าอันตราย ประเภท ๖.๒ สารแพร่เชื้อ ประเภท ๗ วัสดุกัมมันตรังสี ยกเว้น สารโคบอลต์ - ๖๐, Tantalum Glass, Tantalum/Niobium Concentrate, Tantalite หรือ Columlite เฉพาะที่นำเข้ามาใช้ประโยชน์แก่ประเทศไทยเท่านั้น “สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒” หมายความว่า สินค้าอันตรายร้ายแรงที่อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายข้างลำในเขตท่าเรือแหลมฉบัง แต่ไม่อนุญาตให้ฝากเก็บในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ได้แก่ สินค้าอันตราย ประเภท ๑ วัตถุระเบิด สินค้าอันตรายประเภท ๒.๓ ก๊าซพิษ “สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓” หมายความว่า สินค้าอันตรายนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกลุ่มที่ ๑ และกลุ่มที่ ๒ ซึ่งอนุญาตให้ทำการบรรทุก หรือขนถ่ายข้างลำในเขตท่าเรือแหลมฉบัง แต่ต้องเคลื่อนย้ายไปฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายทันที “ความเสี่ยงอันตรายรอง” หมายความว่า หมายเลขประเภท หรือประเภทย่อยของความเสี่ยงอันตรายรอง “ชื่อที่ถูกต้องในการขนส่ง” หมายความว่า ชื่อของสินค้าอันตราย (Proper Shipping Name) ตามกำหนดใน IMDG Code “Waste” หมายความว่า ของเสียตามอนุสัญญาบาเซล ว่าการควบคุม การเคลื่อนย้ายข้ามแดนของเสียอันตรายและการกำจัดที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนด “EMPTY UNCLEANED” หมายความว่า ภาชนะเปล่าและตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านการบรรจุสินค้าอันตรายและยังไม่ได้ทำความสะอาด “ฉลาก” (Labels according to IMDG - Code) หมายความว่า สัญลักษณ์ที่เป็นรูปภาพซึ่งติดไว้ที่หีบห่อเพื่อแสดงความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายในการขนส่ง โดยมีขนาด ลักษณะ และข้อความตามข้อกำหนดการขนส่งวัตถุอันตราย “ป้าย” (Placard according to IMDG - Code) หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นประกอบด้วยสัญลักษณ์ที่เป็นรูปภาพซึ่งติดไว้บนผิวนอกของตู้สินค้า หรือภาชนะ เพื่อแสดงความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายในการขนส่ง โดยมีขนาด ลักษณะ และข้อความตามข้อกำหนดการขนส่งวัตถุอันตราย “เครื่องหมาย” (Marks according to IMDG - Code) หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นประกอบด้วยชื่อที่ถูกต้องของวัตถุอันตรายและหมายเลขสหประชาชาติ รวมทั้งสัญลักษณ์ หรือข้อความอื่นใดนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในฉลากและป้าย ซึ่งติดไว้ที่หีบห่อ หรือบนผิวนอกของตู้สินค้า หรือภาชนะเพื่อเตือนถึงอันตรายของวัตถุอันตรายนั้น “รถ” หมายความว่า ยานพาหนะทุกชนิดที่ใช้ในการขนส่งทางบกซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น และหมายความรวมตลอดถึงรถพ่วงของรถนั้นด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่รถไฟ ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ หมวด ๑ การแบ่งประเภทของสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง ข้อ ๖ สินค้าอันตรายแบ่งออกเป็น ๙ ประเภท ตามที่ IMDG - Code กำหนด ซึ่งปรากฏตามตารางแบ่งกลุ่มแนบท้ายระเบียบนี้ ได้แก่ ๖.๑ ประเภทที่ ๑ วัตถุระเบิด (Explosives) ๖.๒ ประเภทที่ ๒ ก๊าซ (Gases) ๖.๒.๑ ประเภทที่ ๒.๑ ก๊าซไวไฟ ๖.๒.๒ ประเภทที่ ๒.๒ ก๊าซไวไฟไม่เป็นพิษ ๖.๒.๓ ประเภทที่ ๒.๓ ก๊าซพิษ ๖.๓ ประเภทที่ ๓ ของเหลวไวไฟ (Flammable liquid) ๖.๔ ประเภทที่ ๔ ของแข็งไวไฟ สารที่ลุกไหม้ได้เอง สารที่เปียกน้ำจะเกิดก๊าซ (Flammable solids ; substances liable to spontaneous combustion ; substances which, in contact with water, emit flammable gases) ๖.๕ ประเภทที่ ๕ สารอ๊อกซิไดซ์และสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Oxidizing substances and organic peroxides) ๖.๖ ประเภทที่ ๖ สารพิษและสารแพร่เชื้อ (Toxic and infectious substances) ๖.๖.๑ ประเภทที่ ๖.๑ สารพิษ ๖.๖.๒ ประเภทที่ ๖.๒ สารแพร่เชื้อโรค ๖.๗ ประเภทที่ ๗ วัสดุกัมมันตรังสี (Radioactive material) ๖.๘ ประเภทที่ ๘ สารกัดกร่อน (Corrosive substances) ๖.๙ ประเภทที่ ๙ สารอันตรายเบ็ดเตล็ดและอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม (Miscellaneous dangerous substances and articles) ทั้งนี้ ได้แบ่งกลุ่มประเภทสินค้าอันตรายออกเป็น ๓ กลุ่ม เพื่อกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าบริการเกี่ยวกับตู้สินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดค่าธรรมเนียมและค่าบริการเกี่ยวกับตู้สินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง ฉบับลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ และวิธีดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง ตามข้อ ๖ ตามประกาศท่าเรือแหลมฉบัง เรื่อง วิธีดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง ข้อ ๗ สินค้าอันตรายที่กำหนดไว้ตามระเบียบนี้ หากมีการยกเลิกหรือเพิ่มเติม ให้เป็นไปตามประกาศของหน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้อง หรือ IMDG Code กำหนด หมวด ๒ สินค้าอันตรายขาเข้า ข้อ ๘ ให้เจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ซึ่งประสงค์จะนำสินค้าอันตรายเข้ามาในเขต ทลฉ. ดำเนินการดังนี้ ๘.๑ ยื่นแบบรายงานสินค้าอันตราย (ขนถ่ายขึ้นจากเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๑) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ซึ่งจะขนถ่าย หรือถ่ายลำที่เขต ทลฉ. ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการคลังสินค้าอันตราย ก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง สำหรับสินค้าอันตรายที่บรรทุกขึ้นเรือจากราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ ต้องยื่นรายการสินค้าอันตรายก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง และเรือที่มาจากท่าเรือกรุงเทพหรือท่าเรือภายในประเทศ ต้องยื่นรายการสินค้าอันตราย ก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง ๘.๒ รายการตามแบบข้อ ๘.๑ สำหรับสินค้าอันตรายที่จะขนถ่าย หรือถ่ายลำต้องมีรายละเอียดประกอบด้วย ๘.๒.๑ ลำดับที่ (Item No.) ๘.๒.๒ เลขที่ใบตราส่ง (B/L No.) ๘.๒.๓ จำนวนหีบห่อ (No. Of Packages) ๘.๒.๔ ชื่อสินค้า (Proper Shipping Name) ๘.๒.๕ น้ำหนัก (Net Weight) ๘.๒.๖ ประเภทของสินค้าอันตราย/หมายเลขสหประชาชาติ (Class/UN No.) ๘.๒.๗ จุดวาบไฟ (Flash Point) ๘.๒.๘ กลุ่มการบรรจุ (Packaging Group) ๘.๒.๙ หมายเลขตู้สินค้า (Container No.) ๘.๒.๑๐ สถานภาพของตู้สินค้า (Status) ๘.๒.๑๑ ชื่อ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้นำเข้า (Consignee’s Name & Address & Telephone) ๘.๒.๑๒ ชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในประเทศไทยที่ติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ๘.๒.๑๓ แนบเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) ตามที่ IMO (ภาษาอังกฤษ) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (ภาษาไทย) กำหนด หรือเอกสารอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลของสินค้าอันตรายแต่ละรายการไว้ด้วย ๘.๓ รายการตามแบบข้อ ๘.๑ สำหรับสินค้าอันตรายที่วางบนเรือผ่านเขต ทลฉ. ยื่นแบบรายการสินค้าอันตราย (ที่บรรทุกวางอยู่บนเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๓) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ที่ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการคลังสินค้าอันตราย ก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง เฉพาะสายเดินเรือที่มาจากราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ต้องยื่นแบบรายการสินค้าอันตรายไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง ก่อนตารางเรือเทียบท่า และเรือที่มาจากท่าเรือกรุงเทพหรือท่าเรือภายในประเทศ ต้องยื่นรายการสินค้าอันตราย ก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง โดยมีรายละเอียดประกอบด้วย ๘.๓.๑ ลำดับที่ (Item No.) ๘.๓.๒ เลขที่ใบตราส่ง (B/L No.) ๘.๓.๓ จำนวนหีบห่อ (No. of Packages) ๘.๓.๔ ชื่อสินค้า (Proper Shipping Name) ๘.๓.๕ น้ำหนัก (Net Weight) ๘.๓.๖ ประเภทของสินค้าอันตราย/หมายเลขสหประชาชาติ (Class/UN No.) ๘.๓.๗ จุดวาบไฟ (Flash Point) ๘.๓.๘ กลุ่มการบรรจุ (Packaging Group) ๘.๓.๙ หมายเลขตู้สินค้า (Container No.) ๘.๓.๑๐ สถานภาพของตู้สินค้า (Status) ๘.๓.๑๑ ตำแหน่งที่วางบนเรือ (Storage Position) ๘.๓.๑๒ แนบเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) ตามที่ IMO (ภาษาอังกฤษ) กำหนด หรือเอกสารอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลของสินค้าอันตรายแต่ละรายการไว้ด้วย ข้อ ๙ สินค้าอันตรายขาเข้าตามหมวด ๑ แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ตามตารางแบ่งกลุ่มสินค้าอันตรายของ ทลฉ. แนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๐ สินค้าอันตรายทุกประเภทที่มีความเสี่ยงอันตรายรองอยู่ในกลุ่มที่ ๑ และ ๒ ให้ถือเป็นสินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑ และ ๒ ข้อ ๑๑ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรทุก หรือขนถ่าย หรือเคลื่อนย้ายบนเรือหรือผ่าน หรือถ่ายลำในเขต ทลฉ. (ยกเว้นสารโคบอลต์ - ๖๐, Tantalum Glass, Tantalum - Niobium Concentrate, Tantalite หรือ Columbite เฉพาะที่นำเข้ามาใช้ประโยชน์แก่ประเทศไทยเท่านั้น ให้ทำการขนถ่ายข้างลำแล้วนำออกจากเขต ทลฉ. โดยตรงทันที) ผู้นำเข้าสารโคบอลต์ - ๖๐, Tantalum Glass, Tantalum - Niobium Concentrate, Tantalite หรือ Columbite เฉพาะที่นำเข้ามาใช้ประโยชน์แก่ประเทศไทยเท่านั้น ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดดังนี้ ๑๑.๑ ก่อนสั่งนำเข้าสารเคมีตามวรรคสอง ต้องติดต่อประสานงานโดยตรงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วันทำการ ได้แก่ กองการท่า ทลฉ. สทบ. ผู้ประกอบการท่าที่จะนำเรือเทียบท่าคลังสินค้าอันตรายและตัวแทนเรือ เพื่อวางแผนในการกำหนดมาตรการก่อนเตรียมการขนถ่ายและขนส่งสารเคมี ให้ปลอดภัยที่สุด ๑๑.๒ จัดส่งเอกสารแสดงรายละเอียด จำนวน และวัตถุประสงค์ในการนำเข้าโดยตรงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑๑.๓ จัดส่งเอกสารที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสารเคมีอย่างถูกต้องจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ๑๑.๔ แสดงและส่งสำเนาหนังสือรับรองการตรวจสอบภาชนะที่ใช้บรรจุสารเคมี ว่ามีความปลอดภัยในการขนส่งจากหน่วยงานของรัฐในต่างประเทศ และได้รับการตรวจสอบพร้อมหนังสือรับรองจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ๑๑.๕ ให้ขนถ่ายสารเคมีข้างลำลงจากเรือแล้วนำออกนอกเขต ทลฉ. โดยตรงทันที ๑๑.๖ กำหนดมาตรการป้องกันการรั่วไหลรังสีของสารเคมีที่ได้มาตรฐาน โดยต้องจัดเจ้าหน้าที่ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ พร้อมเครื่องมือเพื่อมาควบคุมและตรวจสอบการรั่วไหลรังสีตลอดเวลาโดยเริ่มตั้งแต่เรือเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว ๑๑.๗ กำหนดมาตรการขนถ่ายขึ้นจากเรือ รวมทั้งขนส่งภายในและภายนอกเขต ทลฉ. ไปยังสถานที่เก็บของผู้นำเข้าอย่างปลอดภัยที่สุด โดยต้องจัดเจ้าหน้าที่ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติและตำรวจทางหลวงควบคุมการขนถ่ายและขนส่งสารเคมีตลอดเวลา รวมทั้งบริเวณที่ขนถ่ายสารเคมีต้องมีการควบคุมในระยะประมาณ ๔๐ เมตร พร้อมติดตั้งสัญลักษณ์เตือนเพื่อป้องกันมิให้บุคคลภายนอกเข้าไปอยู่ในบริเวณที่ขนถ่ายสารเคมีด้วย ข้อ ๑๒ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒ อนุญาตให้ทำการขนถ่ายข้างลำขึ้นจากเรือในเขต ทลฉ. ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ฝากเก็บ ต้องนำออกจากเขต ทลฉ. โดยตรงทันที เว้นแต่สินค้าอันตรายที่ผ่านพิธีการทางศุลกากรและชำระค่าภาระต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว แต่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถนำสินค้าออกนอกเขต ทลฉ. ได้ ให้นำรถบรรทุกไปจอดไว้ในพื้นที่ที่กำหนด ข้อ ๑๓ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ อนุญาตให้ทำการขนถ่ายข้างลำขึ้นจากเรือในเขต ทลฉ. และต้องเคลื่อนย้ายนำไปฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายโดยตรงทันที ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้วางพัก หรือเปิดตู้สินค้า หรือฝากเก็บในท่าเทียบเรือโดยเด็ดขาด หมวด ๓ สินค้าอันตรายขาออก ข้อ ๑๔ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเรือ ซึ่งประสงค์จะส่งสินค้าอันตรายออกนอกเขต ทลฉ. ดำเนินการดังนี้ ๑๔.๑ กรณีสินค้าอันตรายขอบรรจุตู้สินค้า ให้ยื่นสำเนาใบขนสินค้าขาออกตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด พร้อมหมายเลขตู้สินค้าที่ต้องการบรรจุสินค้าอันตรายที่คลังสินค้าอันตราย ทลฉ. ไม่น้อยกว่า ๔๘ ชั่วโมง ก่อนนำสินค้าอันตรายเข้ามาที่คลังสินค้าอันตราย และต้องนำสินค้าอันตรายเข้ามาบรรจุที่คลังสินค้าอันตรายก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง ๑๔.๒ กรณีสินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ ที่บรรจุตู้สินค้ามาจากภายนอกให้นำเข้าคลังสินค้าอันตรายไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมงก่อนตารางเรือเทียบท่า พร้อมแนบใบกำกับการขนย้ายตู้สินค้าตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด ๑๔.๓ ยื่นแบบรายงานสินค้าอันตราย (ที่บรรจุลงเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๒) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการคลังสินค้าอันตราย ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง ๑๔.๔ สำหรับสินค้าอันตรายที่จะบรรทุก หรือถ่ายลำตามข้อ ๑๔.๓ ต้องมีรายละเอียดประกอบด้วย ๑๔.๔.๑ ชื่อสินค้า (Proper Shipping Name) ๑๔.๔.๒ จำนวนหีบห่อ (No. Of Packing) ๑๔.๔.๓ น้ำหนัก (Net Weight) ๑๔.๔.๔ ประเภทของสินค้าอันตราย/หมายเลขสหประชาชาติ (Class & UN No.) ๑๔.๔.๕ จุดวาบไฟ (Flash Point) ๑๔.๔.๖ กลุ่มการบรรจุ (Packaging Group) ๑๔.๔.๗ หมายเลขตู้สินค้า ชื่อเรือ เที่ยวเรือ (Container No., Vessel and Voyage) ๑๔.๔.๘ ชื่อที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ผู้ส่งออก (Shipper’s Name & Address & Telephone) ๑๔.๔.๙ ชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในประเทศไทยที่ติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ๑๔.๔.๑๐ แนบเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) หรือเอกสารอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลของสินค้าอันตรายแต่ละรายการไว้ด้วย ข้อ ๑๕ สินค้าอันตรายขาออกตามหมวด ๑ แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ตามตารางแบ่งกลุ่มสินค้าอันตรายของ ทลฉ. แนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๖ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรทุกลงเรือในเขต ทลฉ. (ยกเว้น สารโคบอลต์ - ๖๐, Tantalum Glass, Tantalum - Niobium Concentrate, Tantalite หรือ Columbite ที่นำเข้ามาใช้ประโยชน์แก่ประเทศไทยแล้วส่งคืนกลับประเทศผู้ผลิตเท่านั้น) ให้นำเข้ามาในเขต ทลฉ. และบรรทุกข้างลำลงเรือโดยตรงทันที โดยผู้ส่งออกต้องปฏิบัติในทางกลับกันตามข้อ ๑๑.๑ ถึง ๑๑.๗ อย่างเคร่งครัด ข้อ ๑๗ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒ อนุญาตให้นำสินค้าเข้ามาในเขต ทลฉ. และบรรทุกข้างลำลงเรือโดยตรงทันที ข้อ ๑๘ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ ให้นำตู้สินค้าอันตราย หรือสินค้าอันตรายมาบรรจุเข้าตู้สินค้าและฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายเท่านั้น ก่อนเคลื่อนย้ายบรรทุกข้างลำลงเรือโดยตรง และไม่อนุญาตให้บรรจุสินค้าอันตรายเข้าตู้ หรือฝากเก็บในท่าเทียบเรือโดยเด็ดขาด หมวด ๔ ของเสียอันตราย ข้อ ๑๙ การนำเข้า หรือส่งออกของเสียอันตรายจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ตามที่อนุสัญญาบาเซล ว่าการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของเสียอันตรายและการกำจัด (Basel Convention on the Control of Trans boundary Movements of Hazardous Wastes and their Disposal) และมาตรฐานที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดไว้โดยเคร่งครัด ข้อ ๒๐ สินค้าอันตรายขาเข้าที่เป็น Waste จะต้องระบุคำว่า “Waste” ในแบบรายงานสินค้าอันตราย (ทลฉ. สคอ.๐๑) และต้องฝากเก็บไว้ในระบบตู้สินค้าเท่านั้น ข้อ ๒๑ สินค้าอันตรายขาออกที่เป็น Waste ต้องบรรจุตู้สินค้ามาจากภายนอก ทลฉ. เท่านั้น ทั้งนี้ ต้องระบุคำว่า “Waste” ในสำเนาใบขนสินค้าขาออกด้วย ข้อ ๒๒ ของเสียที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในการขนส่งต้องอยู่ภายใต้ประเภทที่ ๙ UN No. ๓๐๘๒ “Environmentally Hazardous Substance, Liquid, N.O.S” สำหรับของเหลว หรือ UN No. ๓๐๗๗ “Environmentally Hazardous Substance, Solid, N.O.S” สำหรับของแข็ง ข้อ ๒๓ ของเสียอันตรายที่ไม่ครอบคลุมใน IMDG Code แต่ถูกควบคุมด้วยอนุสัญญาบาเซลในการขนส่งต้องอยู่ภายใต้ประเภทที่ ๙ UN No. ๓๐๘๒ “Environmentally Hazardous Substance, Liquid, N.O.S” สำหรับของเหลว หรือ UN No. ๓๐๗๗ “Environmentally Hazardous Substance, Solid, N.O.S” สำหรับของแข็ง หมวด ๕ ภาชนะเปล่า และตู้สินค้าเปล่า ที่ผ่านการบรรจุสินค้าอันตราย ข้อ ๒๔ ภาชนะเปล่าและตู้สินค้าเปล่า ที่ผ่านการบรรจุสินค้าอันตรายและยังไม่ได้ทำความสะอาดในการนำเข้า หรือส่งออกต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าอันตรายทุกประการและต้องระบุคำว่า “EMPTY UNCLEANED” ในแบบรายงานสินค้าอันตราย (ขนถ่ายขึ้นจากเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๑) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ สำหรับสินค้าอันตรายขาเข้า และสำเนาใบขนสินค้าขาออกสำหรับสินค้าอันตรายขาออกด้วย หมวด ๖ การอบยา รมยา ข้อ ๒๕ เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน สิ่งแวดล้อม และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นห้ามอบยาเข้าตู้สินค้าที่ลานจอดรถบรรทุกและไหล่ถนนต่าง ๆ ภายในเขต ทลฉ. ตามประกาศ ทลฉ. เรื่อง ห้ามอบยาเข้าตู้สินค้าที่ลานจอดรถบรรทุกและไหล่ถนนต่าง ๆ ภายในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ฉบับลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ข้อ ๒๖ ทลฉ. อนุญาตให้ทำการรมยาตู้สินค้าเฉพาะตู้สินค้าขาออกที่บรรจุสินค้าเรียบร้อยแล้วที่คลังสินค้าอันตรายเท่านั้น ห้ามทำการรมยาตู้สินค้าเปล่าโดยเด็ดขาด ข้อ ๒๗ บริษัทที่ดำเนินการรมยา หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ประสงค์รมยาตู้สินค้าขาออกต้องยื่นแบบขออนุญาตรมยาตู้สินค้า หรือเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้า (ทลฉ. สคอ.๐๔) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ที่กองการท่า ทลฉ. และคลังสินค้าอันตราย ก่อนดำเนินการรมยาไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ข้อ ๒๘ สินค้าขาออกที่ทำการบรรจุตู้สินค้าที่ท่าเทียบเรือฯ ให้เคลื่อนย้ายนำตู้สินค้ามาทำการรมยาได้ที่คลังสินค้าอันตรายเท่านั้น ข้อ ๒๙ ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตราย เมื่อทำการรมยาแล้วต้องติดเครื่องหมายรมยาที่ประตูตู้สินค้า โดยระบุชื่อสารเคมีที่ใช้และวันที่ทำการรมยา พร้อมทั้งติดป้ายประเภทสินค้าอันตรายที่บรรจุในตู้สินค้านั้น ข้อ ๓๐ ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าทั่วไป เมื่อทำการรมยาแล้วต้องติดเครื่องหมายรมยาที่ประตูตู้สินค้า โดยระบุชื่อสารเคมีที่ใช้และวันที่ทำการรมยา พร้อมทั้งติดป้ายประเภทที่ ๙ UN No. ๓๓๕๙ ไว้ด้วย และต้องปฏิบัติตาม IMO อย่างเคร่งครัด ข้อ ๓๑ บริษัทที่ดำเนินการรมยาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่จากสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในขณะที่ทำการรมยา ต้องปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ ให้เกิดความปลอดภัยแก่ชีวิต ทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ต้องนำภาชนะ หรือหีบห่อบรรจุสารเคมีที่ใช้รมยาและเศษวัสดุต่าง ๆ ออกจากเขต ทลฉ. และห้ามทิ้งเศษวัสดุข้างต้นในเขต ทลฉ. โดยเด็ดขาด หมวด ๗ การเติมน้ำยาทำความเย็น ข้อ ๓๒ การเติมน้ำยาทำความเย็น อนุญาตให้ดำเนินการได้ ณ บริเวณพื้นที่ที่ ทลฉ. กำหนด ข้อ ๓๓ บริษัทที่ดำเนินการเติมน้ำยา หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ประสงค์เติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้าต้องยื่นแบบขออนุญาตตามข้อ ๒๗ ที่กองการท่า ทลฉ. และคลังสินค้าอันตราย ก่อนดำเนินการเติมน้ำยา ข้อ ๓๔ ทลฉ. อนุญาตให้ทำการเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้าได้ทั้งตู้สินค้าขาเข้าและขาออก ข้อ ๓๕ ตู้สินค้าที่ดำเนินการเติมน้ำยาทำความเย็นแล้ว ต้องติดเครื่องหมาย IMDG Code กำหนดที่ประตูตู้สินค้า หมวด ๘ ข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตราย ข้อ ๓๖ การบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าอันตรายต้องอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลของผู้ประกอบการคลังสินค้าอันตราย ซึ่งมีความรู้ความสามารถความชำนาญงานผ่านการอบรมหลักสูตรสินค้าอันตรายและความปลอดภัย ข้อ ๓๗ การบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตรายต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ และข้อบังคับของ IMO โดยเคร่งครัด ข้อ ๓๘ ให้ตัวแทนเรือยื่นรายการสินค้าอันตรายที่จะบรรทุก หรือขนถ่ายในเขต ทลฉ. และวางอยู่บนเรือผ่านเขต ทลฉ. และแผนผังการจัดเก็บสินค้าอันตรายในระวางเรือให้แก่กองการท่า ทลฉ. คลังสินค้าอันตราย และท่าเทียบเรือที่เรือบรรทุกสินค้าอันตรายนั้นเทียบท่าฯ และต้องนำแผนผังการจัดเก็บสินค้าอันตรายในระวางเรือมาติดแสดงไว้ให้เห็นอย่างชัดเจนบริเวณช่องทางขึ้นบนเรือ ก่อนการปฏิบัติงานบรรทุกและขนถ่ายสินค้าทั่วไปและสินค้าอันตรายทุกครั้ง ข้อ ๓๙ ห้ามนำน้ำมันเชื้อเพลิงมาเติมให้กับรถภายในเขต ทลฉ. นอกจากพื้นที่ที่ ทลฉ. กำหนดยกเว้นรถบรรทุกน้ำมันและเรือน้ำมันที่มาเติมน้ำมันให้กับเรือสินค้า และต้องปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่ง ประกาศ ของ ทลฉ. ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ข้อ ๔๐ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสินค้าอันตรายภายในเขต ทลฉ. จะต้องสวมอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ตามมาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติงานทุกครั้ง ข้อ ๔๑ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ คลังสินค้าอันตรายและกิจกรรมต่อเนื่อง ต้องจัดทำแผนฉุกเฉินในกรณีเกิดสินค้าอันตรายรั่วไหล หรือมีอุบัติภัย อุบัติเหตุ เสนอ ทลฉ. ด้วย ข้อ ๔๒ การจัดเก็บสินค้าอันตรายที่คลังสินค้าอันตราย ต้องปฏิบัติตาม IMO อย่างเคร่งครัด ข้อ ๔๓ ภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้าอันตรายต้องได้มาตรฐานตามที่ IMDG Code กำหนดและต้องติดฉลากป้ายและเครื่องหมายสินค้าอันตรายบนภาชนะ หรือตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตรายให้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการบรรจุสินค้าอันตรายเต็มตู้สินค้า หรือปนกับสินค้าทั่วไป ข้อ ๔๔ สินค้าประเภทเปรอะเปื้อนและสินค้าประเภทมีกลิ่นเหม็น ทลฉ. ไม่รับฝากเก็บภายในโรงพักสินค้า โดยต้องฝากเก็บในตู้สินค้าเท่านั้น ข้อ ๔๕ ในการขนส่งสินค้าอันตราย ผู้ขับรถต้องได้รับใบอนุญาตขับขี่ประเภทที่ ๔ และมีข้อมูลความปลอดภัยของสินค้าอันตรายนั้น รวมทั้งต้องทำการผูกยึดสินค้าอันตรายบนรถบรรทุกให้แน่นหนาก่อนขนส่งเข้าหรือออกจากเขต ทลฉ. ทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยตลอดเส้นทางการขนส่ง ข้อ ๔๖ ทลฉ. จะนำกฎหมายศุลกากรฉบับที่ใช้อยู่ปัจจุบันซึ่งเกี่ยวข้องกับสินค้าอันตรายมาบังคับใช้โดยอนุโลม เพื่อให้มีมาตรการควบคุมไม่ให้มีการนำสินค้าอันตรายมาทิ้งไว้ที่ ทลฉ. หมวด ๙ มาตรการบังคับ ข้อ ๔๗ ทลฉ. จะดำเนินการกรณีเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ละเลยไม่ปฏิบัติตามหมวด ๒ ของระเบียบนี้ อันอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติภัย หรือเกิดความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อมและทรัพย์สินของ ทลฉ. ดังนี้ ๔๗.๑ เจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ละเลยไม่แจ้งบัญชีสินค้าอันตราย หรือแจ้งไม่ครบตามที่ระบุไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือ หรือมิได้แจ้งภายในระยะเวลาที่ ทลฉ. กำหนด หรือไม่แจ้งสินค้าอันตรายทั้งหมดที่บรรทุกมาบนเรือผ่านเขต ทลฉ. ทลฉ. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ต่อ ๑ ลำเรือ โดยเรียกเก็บจากเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ๔๗.๒ เจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ละเลยไม่แจ้งบัญชีสินค้าอันตราย ทลฉ. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต่อ ๑ ใบตราส่งสินค้า โดยเรียกเก็บจากเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ๔๗.๓ กรณีตู้บรรจุสินค้าอันตรายไม่ติดฉลากสินค้าอันตรายบริเวณข้างตู้บรรจุสินค้านั้นหรือหากเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าได้ติดฉลากนั้นแล้ว แต่ปรากฏว่าฉลากนั้นชำรุดเสียหาย หรือฉีกขาด ทลฉ. จะเป็นผู้ดำเนินการติดให้ใหม่ โดยเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าจะต้องเสียค่าปรับฉลากละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ข้อ ๔๘ ทลฉ. จะดำเนินการกรณีเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ละเลยไม่ปฏิบัติตามหมวด ๓ ของระเบียบนี้ อันอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติภัย หรือเกิดความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อมและทรัพย์สินของ ทลฉ. ดังนี้ ๔๘.๑ เจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ละเลยไม่ดำเนินการตามข้อ ๑๔.๓ และข้อ ๑๔.๔ ทลฉ. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ต่อ ๑ ลำเรือ โดยเรียกเก็บจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเรือ ๔๘.๒ เจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ละเลยไม่ดำเนินการตามข้อ ๑๔.๑ และข้อ ๑๔.๒ ทลฉ. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต่อ ๑ ใบขนสินค้า ๔๘.๓ กรณีตู้บรรจุสินค้าอันตรายไม่ติดฉลากสินค้าอันตรายบริเวณข้างตู้บรรจุสินค้านั้นหรือหากเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าได้ติดฉลากนั้นแล้ว แต่ปรากฏว่าฉลากนั้นชำรุดเสียหายหรือฉีกขาด ทลฉ. จะเป็นผู้ดำเนินการติดให้ใหม่ โดยเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าจะต้องเสียค่าปรับฉลากละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ตารางการแบ่งกลุ่มประเภทสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๙ ๒. แบบรายงานสินค้าอันตราย (ขนถ่ายขึ้นจากเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๑) ๓. แบบรายงานสินค้าอันตราย (ที่บรรทุกลงเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๒) ๔. แบบรายงานสินค้าอันตราย (ที่บรรทุกวางอยู่บนเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๓) ๕. แบบขออนุญาตรมยาตู้สินค้า หรือเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้า (ทลฉ. สคอ.๐๔) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปุณิกา/ปริยานุช/จัดทำ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ นุสรา/ตรวจ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๕๙ ง/หน้า ๒/๘ มีนาคม ๒๕๕๙
726109
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า ในเขตท่าเรือระนอง พ.ศ. 2558
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า ในเขตท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนอง ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๘” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการท่าเรือระนอง “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า “เขตท่าเรือระนอง” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้าตามกฎหมายศุลกากร สำหรับบรรทุกของลง หรือขนของขึ้น และเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย “กิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า” หมายความว่า การดำเนินการขนถ่าย หรือบรรทุกสินค้า และหรือตู้สินค้า ขึ้น หรือลงเรือ หรือรถบรรทุก หรือเปิดตู้สินค้านำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า (STEVEDORE) ในเขตท่าเรือระนองได้ตามความเหมาะสม ข้อ ๕ ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนอง ต้องไม่เป็นผู้ที่เคยมีประวัติในทางทุจริต หรือเสื่อมเสียในทางศีลธรรม ข้อ ๖ ให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนอง ยื่นคำขอจดทะเบียนตามแบบที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดต่อผู้จัดการ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้ ๖.๑ สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ยื่น ๖.๑.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๑.๒ สำเนาทะเบียนบ้าน (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๑.๓ ภาพถ่ายขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๑.๔ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ๖.๒ สำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ให้ยื่น ๖.๒.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๖.๒.๒ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของหุ้นส่วนผู้จัดการ (พร้อมลงนาม รับรองเอกสาร) ๖.๒.๓ สำเนาทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการ (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๒.๔ ภาพถ่ายของหุ้นส่วนผู้จัดการ ขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๒.๕ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ๖.๓ สำหรับบริษัทจำกัด ให้ยื่น ๖.๓.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๖.๓.๒ หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท ๖.๓.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ (พร้อมลงนาม รับรองเอกสาร) ๖.๓.๔ สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการ (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๓.๕ ภาพถ่ายของกรรมการผู้จัดการ ขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๓.๖ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ข้อ ๗ เมื่อผู้จัดการได้รับคำขอจดทะเบียนตามข้อ ๖ แล้วเห็นว่าถูกต้อง ให้เสนอรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ รับจดทะเบียนและออกใบสำคัญการจดทะเบียนตามแบบที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันรับคำขอ โดยผู้ได้รับจดทะเบียนต้องชำระค่าธรรมเนียมฉบับละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีอายุ ๑ ปี ในกรณีผู้จัดการเห็นสมควรให้รับจดทะเบียน ผู้จัดการมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ยื่นคำขอ เข้ามาดำเนินการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าก่อนได้โดยอนุโลม และผู้ยื่นคำขอนั้นต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด ในกรณีไม่รับจดทะเบียน ให้ผู้จัดการแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้ยื่นคำขอภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่รับคำขอ พร้อมทั้งเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียนให้ผู้ยื่นคำขอทราบ ผู้ยื่นคำขอมีสิทธิยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อผู้อำนวยการภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันได้รับแจ้ง และให้ผู้อำนวยการเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันรับอุทธรณ์ ในกรณีที่ผู้อำนวยการวินิจฉัยให้รับจดทะเบียน ให้ออกใบสำคัญการจดทะเบียนภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันวินิจฉัยอุทธรณ์ หากวินิจฉัยไม่รับจดทะเบียนให้แจ้งเป็นหนังสือ ให้ผู้ยื่นอุทธรณ์ทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันวินิจฉัยอุทธรณ์ ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของผู้อำนวยการให้เป็นที่สุด ข้อ ๘ เมื่อความในคำขอจดทะเบียนได้มีการเปลี่ยนแปลงไป หรือใบสำคัญการจดทะเบียนเกิดการสูญหาย ให้ผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนแจ้งต่อผู้จัดการเพื่อเสนอสำนักท่าเรือภูมิภาค ให้แก้ไข หรือออกใบแทนใบสำคัญใหม่ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลง หรือทราบว่าใบสำคัญการจดทะเบียนสูญหาย ในกรณีใบสำคัญการจดทะเบียนสูญหายให้นำหลักฐานการแจ้งความสูญหายต่อพนักงานสอบสวนมาแสดง โดยให้นำความในข้อ ๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๙ ผู้ประกอบกิจการต้องให้เจ้าหน้าที่ของตนแต่งกายเรียบร้อยรัดกุมอย่างเดียวกัน โดยปรากฏชื่อบริษัท หรือห้างร้านที่ได้รับจดทะเบียนปรากฏด้านหลังของเสื้อ และหมายเลขกำกับ ให้เห็นได้โดยชัดเจนตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในเขตท่าเรือระนอง ข้อ ๑๐ ถ้าปรากฏว่ามีวิธีดำเนินการ หรือเครื่องมืออุปกรณ์ของผู้ประกอบกิจการมีประสิทธิภาพไม่เหมาะสม หรือไม่ปลอดภัย ผู้จัดการมีอำนาจสั่งให้เปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินการ หรือสั่งระงับใช้เครื่องมืออุปกรณ์นั้นไว้ชั่วคราวได้ จนกว่าจะได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งบกพร่องให้เรียบร้อย ในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สิน หรือบุคคลใดอันเนื่องมาจากการดำเนินงานของผู้ประกอบกิจการ ผู้ประกอบกิจการต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบกิจการต้องส่งรายงานการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าประจำวันให้ท่าเรือระนองเมื่อสิ้นสุดระยะการดำเนินงานในแต่ละวัน ข้อ ๑๒ ถ้าปรากฏว่าผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการขาดคุณสมบัติในข้อ ๖ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งในข้อ ๑๐ ผู้จัดการอาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการหยุดดำเนินการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้านั้น แล้วเสนอผู้อำนวยการเพิกถอนใบสำคัญการจดทะเบียนได้ ข้อ ๑๓ ถ้าปรากฏว่าผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความล่าช้าอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ ผู้จัดการมีอำนาจที่จะจัดหาผู้อื่น ให้เข้าดำเนินงานแทนได้ ในกรณีที่ได้จัดหาผู้อื่นเข้ามาดำเนินการแทนตามวรรคแรก การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการจัดหาให้ผู้อื่นดำเนินงานแทนจากผู้ประกอบการนั้นได้ ข้อ ๑๔ ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๓๓ ง/หน้า ๒๙/๑๖ เมษายน ๒๕๕๘
726107
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนอง พ.ศ. 2558
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนอง ให้มีความถูกต้อง และเหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๘” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการท่าเรือระนอง “แผนกบริหารและการเงิน” หมายความว่า แผนกบริหารและการเงิน ท่าเรือระนอง “แผนกการท่าและสินค้า” หมายความว่า แผนกการท่าและสินค้า ท่าเรือระนอง “เขตท่าเรือระนอง” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้า ตามกฎหมายศุลกากรสำหรับบรรทุกของลง หรือขนของขึ้น และเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้า ที่ยังมิได้ตรวจปล่อย “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง “วัน” หมายความว่า ระยะเวลาจาก ๐๐.๐๐ นาฬิกา ถึง ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันนั้น ๆ เว้นแต่จะกำหนดเป็นอย่างอื่น แต่การนับระยะเวลาฝากเก็บสินค้าและตู้สินค้าให้นับจากเวลา ๐๘.๐๐ นาฬิกา ถึง ๐๘.๐๐ นาฬิกา ของวันถัดไป “GT (GROSS TONNAGE)” หมายความว่า จำนวนตันรวมของเรือ หรือเรือลำเลียง ที่คิดคำนวณตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยการวัดขนาดของเรือ ค.ศ. ๑๙๖๙ “ตัน” หมายความว่า REVENUE TONNE คือ น้ำหนักเป็นเมตริกตัน หรือปริมาตร เป็นลูกบาศก์เมตร อย่างใดอย่างหนึ่งที่มีจำนวนมากกว่า ใช้เป็นหน่วยในการคิดคำนวณค่าธรรมเนียม “ผู้นำเข้า หรือผู้ส่งออก” หมายความว่า เจ้าของสินค้าขาเข้า หรือขาออก หรือบุคคลอื่น ซึ่งเป็นผู้ครอบครอง หรือมีส่วนได้เสียในสินค้านั้นแม้ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งนี้ สินค้าขาเข้านับแต่ได้รับจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ และส่งมอบให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า และสินค้าขาออกนับแต่ได้รับจากเจ้าของสินค้า และส่งมอบให้เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ “ที่เก็บสินค้า” หมายความว่า สถานที่กองเก็บสินค้าทั้งภายในและภายนอกโรงพักสินค้า ที่อยู่ในเขตท่าเรือระนอง “สินค้าอันตราย (DANGEROUS GOODS)” หมายความว่า สิ่งของ หรือวัตถุที่มีคุณสมบัติทางเคมี หรือทางกายภาพโดยตัวของมันเอง หรือเมื่อสัมผัสกับสารอื่น (อากาศ หรือน้ำ ฯลฯ) ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ ทรัพย์สิน หรือต่อสภาพแวดล้อมตามที่ระบุไว้ใน IMDG CODE (INTERNATIONAL MARITIME DANGEROUS GOODS CODE) “ตู้สินค้า” หมายความว่า ภาชนะบรรจุสินค้าเพื่อความสะดวก หรือเพื่อความปลอดภัยในการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรฐาน ISO รวมทั้งตู้สินค้าที่มีขนาดความยาวน้อยกว่า ๒๐ ฟุต “ตู้สินค้า FCL (FULL CONTAINER LOAD)” หมายความว่า ตู้มีสินค้าที่ไม่มีการเปิดตู้สินค้านำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า ในเขตท่าเรือระนอง “ตู้สินค้า LCL (LESS THAN CONTAINER LOAD)” หมายความว่า ตู้สินค้ามีสินค้าขาเข้าที่มีการเปิดตู้สินค้านำสินค้าออก หรือทำการบรรจุสินค้าขาออกเข้าตู้สินค้า ในเขตท่าเรือระนอง “ตู้สินค้าอันตราย” หมายความว่า ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตราย “ตู้สินค้าบรรจุเกินขนาด (OVERHEIGHT/OVERWIDTH/OVERLENGTH CONTAINER)” หมายความว่า ตู้สินค้าที่บรรจุเกินขนาดของตัวตู้สินค้า “ค่าธรรมเนียม” หมายความว่า ค่าใช้สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือระนอง โดยมิได้รวมถึงการให้บริการแรงงาน และ หรือเครื่องมือทุ่นแรง เว้นแต่จะกำหนดเป็นอย่างอื่น ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุดก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือ แห่งประเทศไทย ทราบ หมวดที่ ๑ การส่งข้อมูล หรือเอกสารการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๖ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ประสงค์จะนำเรือเข้าใช้บริการท่าเรือระนอง ต้องยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าเทียบท่าท่าเรือระนอง ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนด ที่แผนกการท่าและสินค้า เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง ก่อนนำเรือเข้าเทียบท่า ข้อ ๗ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนเรือเทียบท่า ข้อ ๘ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ หรือเจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องจัดส่งเอกสาร หรือข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนเรือเทียบท่า ข้อ ๙ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ข้อ ๑๐ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งบัญชีสินค้าบรรทุกลงเรือ (Cargo Loading List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนสินค้าบรรทุกลงเรือ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ข้อ ๑๑ สำหรับเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ที่ประสงค์จะนำเรือเข้าใช้บริการท่าเรือระนอง เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าเทียบท่าตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดจำนวน ๓ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนเรือเข้าเทียบท่า ข้อ ๑๒ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนเรือเริ่มขนถ่าย ข้อ ๑๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนเรือเริ่มขนถ่าย ข้อ ๑๔ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งบัญชีสินค้าบรรทุกลงเรือ (Cargo Loading List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด และรายการบรรทุกสูบถ่ายเชื้อเพลิงที่ท่าเรือระนองอนุญาต ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนบรรทุกสูบถ่ายลงเรือ ข้อ ๑๕ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ข้อ ๑๖ กรณีเอกสาร หรือข้อมูลตามข้อ ๖ ถึงข้อ ๑๕ จัดส่งไม่ถูกต้อง และหรือไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ หรือเจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องขอยกเลิก หรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการนั้น โดยยื่นเอกสารแสดงรายการที่ขอแก้ไขใหม่ทั้งหมดที่แผนกการท่าและสินค้าก่อนเริ่มขนถ่าย หรือบรรทุกสินค้า หรือตู้สินค้า หมวดที่ ๒ ค่าธรรมเนียม และการชำระเงินค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรือ และค่าบริการ ข้อ ๑๗ หน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุมัติผ่อนผันจากท่าเรือระนองให้ใช้บริการก่อนการชำระเงิน ต้องดำเนินการชำระเงินค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการให้เสร็จสิ้นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนดท่าเรือระนองจะพิจารณางดให้การผ่อนผัน ข้อ ๑๘ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่ประสงค์ขอเปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ให้วางหลักประกันการชำระหนี้เป็นเงินสด หรือเช็คธนาคาร หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดแล้วแต่กรณี เป็นจำนวนเงินที่ท่าเรือระนองเห็นสมควร โดยผู้ขอจะได้รับการผ่อนผันให้ชำระหนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ข้อ ๑๙ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่มิได้เปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ หากประสงค์ขอใช้บริการของท่าเรือระนอง แต่ไม่สามารถชำระเงิน หรือคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องได้ทัน ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการเฉพาะคราวดังนี้ ๑๙.๑ กรณีที่สามารถคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนเท่ากับค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริง ๑๙.๒ กรณีไม่สามารถคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนที่สูงกว่าค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่คิดคำนวณโดยประมาณอีก ๑ ใน ๓ และให้ขอรับเงินหลักประกันส่วนที่เหลือคืนภายใน ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ใช้บริการเสร็จสิ้น ถ้ามิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าเงินที่เหลือเป็นรายได้ของท่าเรือระนอง ข้อ ๒๐ ผู้ใช้บริการประเภทเงินเชื่อที่มิได้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ต้องชำระค่าเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ค้างชำระจนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว และหากพ้นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ยังไม่ชำระหนี้ และค่าเบี้ยปรับ ท่าเรือระนองสงวนสิทธิในการงดให้บริการเงินเชื่อ และจะหักชำระหนี้จากเงินสด หรือเช็คธนาคารที่วางประกัน หรือใช้สิทธิเรียกเก็บจากธนาคารผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี หมวดที่ ๓ การยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ข้อ ๒๑ ท่าเรือระนองสงวนสิทธิในการยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๒๑.๑ หนี้ค้างชำระเกินวงเงินที่วางไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ หรือเกินวงเงินที่ธนาคารค้ำประกันตามข้อ ๑๘ ๒๑.๒ ไม่ชำระหนี้ หรือค่าเบี้ยปรับตามข้อกำหนดในข้อ ๒๐ ๒๑.๓ หนังสือสัญญาค้ำประกันหมดอายุ ข้อ ๒๒ ผู้ใช้บริการที่ถูกยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ถ้าประสงค์จะขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่ออีก จะต้องชำระหนี้ค้างอยู่ให้หมดสิ้น และต้องชำระค่าธรรมเนียมการขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อครั้งใหม่จำนวน ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) หมวดที่ ๔ การขอแก้ไขใบแจ้งหนี้ และการขอคืนเงินที่ชำระไว้เกิน ข้อ ๒๓ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าหนี้ตามใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง ให้ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจงระบุเหตุผิดพลาดไปยังแผนกบริหารและการเงินภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้ใช้บริการต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้นั้น ข้อ ๒๔ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าได้ชำระเงินไว้เกิน ให้ส่งต้นฉบับ หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินพร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจงระบุเหตุผิดพลาดไปยังแผนกบริหารและการเงินภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้ชำระเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวท่าเรือระนองจะถือว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องแล้ว ข้อ ๒๕ การทักท้วงใบแจ้งหนี้ตามข้อ ๒๓ หากผลตรวจสอบปรากฏว่า การออกใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องแล้ว ผู้ใช้บริการต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้คืน และต้องชำระค่าเบี้ยปรับเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๕ ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ฉบับนั้น แต่ไม่เกินฉบับละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) แต่ถ้ามีการผิดพลาดตามที่ทักท้วง ท่าเรือระนองจะแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้ถูกต้อง และผ่อนผันให้ชำระหนี้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ฉบับใหม่ ข้อ ๒๖ ใบแจ้งหนี้ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการซึ่งออกตามเอกสารมูลหนี้ที่ผู้ใช้บริการแจ้งไว้ หากมีการทักท้วงภายหลังว่าข้อมูลที่แจ้งไว้ผิดพลาด ท่าเรือระนองจะไม่พิจารณาคำร้องจนกว่าจะได้รับชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นเสียก่อน หากมิได้ดำเนินการจนพ้นระยะเวลาผ่อนผัน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ท่าเรือระนองจะดำเนินการตามข้อ ๒๐ ข้อ ๒๗ อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือระนอง ให้เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ หรือผู้ขออนุญาต แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๓๓ ง/หน้า ๒๒/๑๖ เมษายน ๒๕๕๘
726105
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า ในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พ.ศ. 2558
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า ในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พ.ศ. ๒๕๕๘” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือเชียงแสน พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า “เขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้าตามกฎหมายศุลกากร สำหรับบรรทุกของลง หรือขนของขึ้น และเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย “กิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า” หมายความว่า การดำเนินการขนถ่าย หรือบรรทุกสินค้าและหรือตู้สินค้า ขึ้น หรือลงเรือ หรือรถบรรทุก หรือเปิดตู้สินค้านำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้า (STEVEDORE) ในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนได้ตามความเหมาะสม ข้อ ๕ ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนต้องไม่เป็นผู้ที่เคยมีประวัติในทางทุจริต หรือเสื่อมเสียในทางศีลธรรม ข้อ ๖ ให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนยื่นคำขอจดทะเบียนตามแบบที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดต่อผู้จัดการ พร้อมเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ ๖.๑ สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ยื่น ๖.๑.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๑.๒ สำเนาทะเบียนบ้าน (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๑.๓ ภาพถ่ายขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๑.๔ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ๖.๒ สำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ให้ยื่น ๖.๒.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๖.๒.๒ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของหุ้นส่วนผู้จัดการ (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๒.๓ สำเนาทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการ (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๒.๔ ภาพถ่ายของหุ้นส่วนผู้จัดการ ขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๒.๕ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ๖.๓ สำหรับบริษัทจำกัด ให้ยื่น ๖.๓.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๖.๓.๒ หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท ๖.๓.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๓.๔ สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการ (พร้อมลงนามรับรองเอกสาร) ๖.๓.๕ ภาพถ่ายของกรรมการผู้จัดการ ขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๓.๖ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ข้อ ๗ เมื่อผู้จัดการได้รับคำขอจดทะเบียนตามข้อ ๖ แล้วเห็นว่าถูกต้อง ให้เสนอรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ รับจดทะเบียนและออกใบสำคัญการจดทะเบียนตามแบบที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันรับคำขอ โดยผู้ได้รับจดทะเบียนต้องชำระค่าธรรมเนียมฉบับละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีอายุ ๑ ปี ในกรณีผู้จัดการเห็นสมควรให้รับจดทะเบียน ผู้จัดการมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ยื่นคำขอเข้ามาดำเนินการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าก่อนได้โดยอนุโลม และผู้ยื่นคำขอนั้นต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ อย่างเคร่งครัด ในกรณีไม่รับจดทะเบียน ให้ผู้จัดการแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้ยื่นคำขอภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่รับคำขอ พร้อมทั้งเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียนให้ผู้ยื่นคำขอทราบ ผู้ยื่นคำขอมีสิทธิยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อผู้อำนวยการภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันได้รับแจ้ง และให้ผู้อำนวยการเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันรับอุทธรณ์ ในกรณีที่ผู้อำนวยการวินิจฉัยให้รับจดทะเบียน ให้ออกใบสำคัญการจดทะเบียนภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันวินิจฉัยอุทธรณ์ หากวินิจฉัยไม่รับจดทะเบียนให้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นอุทธรณ์ทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันวินิจฉัยอุทธรณ์ ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของผู้อำนวยการให้เป็นที่สุด ข้อ ๘ เมื่อความในคำขอจดทะเบียนได้มีการเปลี่ยนแปลงไป หรือใบสำคัญการจดทะเบียนเกิดการสูญหาย ให้ผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนแจ้งต่อผู้จัดการเพื่อเสนอสำนักท่าเรือภูมิภาค ให้แก้ไข หรือออกใบแทนใบสำคัญใหม่ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลง หรือทราบว่าใบสำคัญการจดทะเบียนสูญหาย ในกรณีใบสำคัญการจดทะเบียนสูญหายให้นำหลักฐานการแจ้งความสูญหายต่อพนักงานสอบสวนมาแสดง โดยให้นำความในข้อ ๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๙ ผู้ประกอบกิจการต้องให้เจ้าหน้าที่ของตนแต่งกายเรียบร้อยรัดกุมอย่างเดียวกัน โดยมีชื่อบริษัท หรือห้างร้านที่ได้รับจดทะเบียนปรากฏด้านหลังของเสื้อ และหมายเลขกำกับให้เห็นได้โดยชัดเจน ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ข้อ ๑๐ ถ้าปรากฏว่ามีวิธีดำเนินการ หรือเครื่องมืออุปกรณ์ของผู้ประกอบกิจการมีประสิทธิภาพไม่เหมาะสม หรือไม่ปลอดภัย ผู้จัดการมีอำนาจสั่งให้เปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินการ หรือสั่งระงับใช้เครื่องมืออุปกรณ์นั้นไว้ชั่วคราวได้ จนกว่าจะได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งบกพร่องให้เรียบร้อย ในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สิน หรือบุคคลใดอันเนื่องมาจากการดำเนินงานของผู้ประกอบกิจการ ผู้ประกอบกิจการต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบกิจการต้องส่งรายงานการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้าประจำวันให้ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เมื่อสิ้นสุดระยะการดำเนินงานในแต่ละวัน ข้อ ๑๒ ถ้าปรากฏว่าผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการขาดคุณสมบัติในข้อ ๖ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งในข้อ ๑๐ ผู้จัดการอาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการหยุดดำเนินการบรรทุก หรือขนถ่ายสินค้านั้น แล้วเสนอผู้อำนวยการเพิกถอนใบสำคัญการจดทะเบียนได้ ข้อ ๑๓ ถ้าปรากฏว่าผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความล่าช้าอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ ผู้จัดการมีอำนาจที่จะจัดหาผู้อื่นให้เข้าดำเนินงานแทนได้ ในกรณีที่ได้จัดหาผู้อื่นเข้ามาดำเนินการแทนตามวรรคแรก การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการจัดหาให้ผู้อื่นดำเนินงานแทนจากผู้ประกอบกิจการนั้นได้ ข้อ ๑๔ ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๓๓ ง/หน้า ๑๘/๑๖ เมษายน ๒๕๕๘
726103
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และของท่าเรือเชียงของ พ.ศ. 2558
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และของท่าเรือเชียงของ พ.ศ. ๒๕๕๘[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และของท่าเรือเชียงของ ให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน อาศัยอำนาจ ตามความในมาตรา ๙ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และของท่าเรือเชียงของ พ.ศ. ๒๕๕๘” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน “แผนกบริหารและการเงิน” หมายความว่า แผนกบริหารและการเงิน ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน “แผนกการท่าและสินค้า” หมายความว่า แผนกการท่าและสินค้า ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน “เขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือ และโรงพักสินค้าตามกฎหมายศุลกากรสำหรับบรรทุกของลง หรือขนของขึ้น และเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน “เขตท่าเรือเชียงของ” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือ และโรงพักสินค้าตามกฎหมายศุลกากรสำหรับบรรทุกของลง หรือขนของขึ้น และเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย ณ ท่าเรือเชียงของ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง “วัน” หมายความว่า ระยะเวลาจาก ๐๐.๐๐ นาฬิกา ถึง ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันนั้น ๆ การคิดค่าธรรมเนียมเป็นรายวันให้เริ่มนับเวลาตั้งแต่เริ่มให้บริการจนครบ ๒๔ ชั่วโมง ให้คิดเป็น ๑ วัน เว้นแต่จะกำหนดเป็นอย่างอื่น “GT (GROSS TONNAGE)” หมายความว่า จำนวนตันรวมของเรือ หรือเรือลำเลียง ที่คิดคำนวณตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยการวัดขนาดของเรือ ค.ศ. ๑๙๖๙ “ตัน” หมายความว่า REVENUE TONNE คือ น้ำหนักเป็นเมตริกตัน หรือปริมาตรเป็นลูกบาศก์เมตร อย่างใดอย่างหนึ่งที่มีจำนวนมากกว่า ใช้เป็นหน่วยในการคิดคำนวณค่าธรรมเนียม “ผู้นำเข้า หรือผู้ส่งออก” หมายความว่า เจ้าของสินค้าขาเข้า หรือขาออก หรือบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้ครอบครอง หรือมีส่วนได้เสียในสินค้านั้นแม้ชั่วขณะหนึ่ง สินค้าขาเข้านับแต่ได้รับมอบจากเจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ และส่งมอบให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า สินค้าขาออกนับแต่ได้รับจากเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า และส่งมอบให้เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ “ที่เก็บสินค้า” หมายความว่า สถานที่กองเก็บสินค้าทั้งภายใน และภายนอกโรงพักสินค้าที่อยู่ในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน “สินค้าอันตราย (DANGEROUS GOODS)” หมายความว่า สิ่งของ หรือวัตถุ ที่มีคุณสมบัติทางเคมี หรือทางกายภาพโดยตัวของมันเอง หรือเมื่อสัมผัสกับสารอื่น (อากาศ หรือน้ำฯ) ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ ทรัพย์สิน หรือต่อสภาพแวดล้อมตามที่ระบุไว้ใน IMDG CODE (INTERNATIONAL MARITIME DANGEROUS GOODS CODE) “ตู้สินค้า” หมายความว่า ภาชนะบรรจุของชนิดที่ใช้บรรจุของเพื่อความสะดวก หรือเพื่อความปลอดภัยในการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรฐาน ISO “ตู้สินค้า FCL (FULL CONTAINER LOAD)” หมายความว่า ตู้มีสินค้าที่ไม่มีการเปิดนำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า ในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน “ตู้สินค้า LCL (LESS THAN CONTAINER LOAD)” หมายความว่า ตู้มีสินค้าขาเข้าที่มีการเปิดตู้นำสินค้าออก หรือทำการบรรจุสินค้าขาออกเข้าตู้สินค้า ในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน “ตู้สินค้าอันตราย” หมายความว่า ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตราย “ตู้สินค้าบรรจุเกินขนาด (OVERHEIGHT/OVERWIDTH/OVERLENGTH CONTAINER)” หมายความว่า ตู้สินค้าที่บรรจุเกินขนาดของตัวตู้สินค้า “ค่าธรรมเนียม” หมายความว่า ค่าใช้สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และของท่าเรือเชียงของ โดยมิได้รวมถึงการให้บริการแรงงาน และ/หรือเครื่องมือทุ่นแรง เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุดก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ หมวดที่ ๑ การส่งข้อมูล หรือเอกสารการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๖ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ประสงค์จะนำเรือเข้าใช้บริการท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนหรือท่าเรือเชียงของ จะต้องยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าเทียบท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ตามแบบที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน กำหนด ที่แผนกการท่าและสินค้า ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เมื่อนำเรือเข้าเทียบท่า ข้อ ๗ เจ้าของเรือ หรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องจัดส่งสำเนาบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) หรือเอกสารอื่นใดซึ่งอย่างน้อยต้องแสดงชื่อเรือ ชื่อสินค้า ประเภทสินค้า ชื่อเจ้าของสินค้าหรือตัวแทน จำนวน ขนาดและน้ำหนักที่ยื่นต่อด่านศุลกากรเชียงแสน จำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนทำการขนถ่ายสินค้า ข้อ ๘ เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องจัดส่งสำเนาใบขนสินค้าขาเข้า (ใบสั่งปล่อย) หรือใบขนสินค้าขาออก ที่ได้รับอนุญาตจากด่านศุลกากรเชียงแสนแล้ว จำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนนำสินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือนำสินค้าขาออกเข้าเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน แล้วแต่กรณี ข้อ ๙ เจ้าของเรือ หรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ที่ถูกต้องและครบถ้วนตามแบบที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนกำหนด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนทำการขนถ่ายสินค้า ข้อ ๑๐ เจ้าของเรือ หรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องจัดส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ที่ถูกต้องและครบถ้วนตามแบบที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนกำหนด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนทำการบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ข้อ ๑๑ กรณีข้อมูลตามข้อ ๖ ถึงข้อ ๑๐ จัดส่งไม่ถูกต้อง และ หรือไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือหรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องขอยกเลิก หรือแก้ไข หรือเพิ่มเติมรายการนั้น โดยยื่นเอกสารแสดงรายการที่ขอแก้ไขหรือจัดส่งใหม่ทั้งหมด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนการขนถ่าย หรือบรรทุกสินค้า หรือตู้สินค้า หมวดที่ ๒ ค่าธรรมเนียม และการชำระเงินค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรือ ค่าบริการ และความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๑๒ หน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุมัติผ่อนผันจากท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือท่าเรือเชียงของให้ใช้บริการก่อนการชำระเงิน จะต้องดำเนินการชำระเงินค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนดท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือท่าเรือเชียงของ จะพิจารณางดให้การผ่อนผัน ข้อ ๑๓ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่ประสงค์ขอเปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ให้วางหลักประกันการชำระหนี้เป็นเงินสด หรือเช็คธนาคาร หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารตามแบบที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนกำหนด โดยเป็นจำนวนเงินตามที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือท่าเรือเชียงของ เห็นสมควร โดยผู้ขอจะได้รับการผ่อนผันให้ชำระหนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ข้อ ๑๔ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่มิได้เปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ หากประสงค์จะขอใช้บริการของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือท่าเรือเชียงของ แต่ไม่สามารถชำระเงิน หรือคิดคำนวณค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่ถูกต้องได้ทัน ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคาร เป็นหลักประกันการใช้บริการเฉพาะคราว ดังต่อไปนี้ ๑๔.๑ กรณีที่สามารถคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการ ในจำนวนเท่ากับค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริง ๑๔.๒ กรณีไม่สามารถคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริงได้ ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนที่สูงกว่าค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่คิดคำนวณโดยประมาณอีก ๑ ใน ๓ และให้ขอรับเงินหลักประกันส่วนที่เหลือคืนภายใน ๒ เดือน นับแต่วันที่ใช้บริการนั้นเสร็จสิ้นถ้ามิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าเงินที่เหลือเป็นรายได้ของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ข้อ ๑๕ ผู้ใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อที่มิได้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันต้องชำระค่าเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ค้างชำระ จนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วและหากพ้นกำหนดระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ยังไม่ชำระหนี้และค่าเบี้ยปรับ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือท่าเรือเชียงของ แล้วแต่กรณี ขอสงวนสิทธิในการงดให้บริการเงินเชื่อ หรืองดบริการการใช้ท่าเรือ และจะหักจากเงินสด หรือเช็คธนาคารที่วางประกัน หรือใช้สิทธิเรียกเก็บจากธนาคารผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี หมวดที่ ๓ การยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ข้อ ๑๖ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และท่าเรือเชียงของ ขอสงวนสิทธิในการยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ หรืองดบริการการใช้ท่าเรือ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑๖.๑ หนี้ค้างชำระเกินจำนวนเงินที่วางไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ หรือ เกินวงเงินที่ธนาคารค้ำประกันตามข้อ ๑๓ ๑๖.๒ ไม่ชำระหนี้ หรือค่าเบี้ยปรับตามกำหนดในข้อ ๑๕ ๑๖.๓ หนังสือสัญญาค้ำประกันหมดอายุ ข้อ ๑๗ ผู้ใช้บริการที่ถูกยกเลิกการให้บริการตามข้อ ๑๖ ประเภทบัญชีเงินเชื่อ ถ้าประสงค์จะขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่ออีก จะต้องชำระหนี้ที่ค้างอยู่ให้หมดสิ้น หมวดที่ ๔ การขอแก้ไขใบแจ้งหนี้และการขอคืนเงินที่ชำระไว้เกิน ข้อ ๑๘ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าหนี้ตามใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง ให้ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจงระบุเหตุผิดพลาดไปยังแผนกบริหารและการเงินภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้ใช้บริการต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้นั้น ข้อ ๑๙ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าได้ชำระเงินไว้เกิน ให้ส่งต้นฉบับ หรือสำเนาใบเสร็จรับเงิน พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจงระบุเหตุผิดพลาดไปยังแผนกบริหารและการเงินภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้ชำระเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือท่าเรือเชียงของ แล้วแต่กรณี จะถือว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องแล้ว ข้อ ๒๐ การทักท้วงใบแจ้งหนี้ตามข้อ ๑๘ หากผลการตรวจสอบปรากฏว่า การออกใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องแล้ว ผู้ใช้บริการต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้คืน และต้องชำระค่าเบี้ยปรับเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๕ ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ฉบับนั้น แต่ไม่เกินฉบับละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) แต่ถ้ามีการผิดพลาดตามที่ทักท้วง ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือท่าเรือเชียงของ แล้วแต่กรณี จะแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้ถูกต้อง และผ่อนผันให้ชำระหนี้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ฉบับใหม่ ข้อ ๒๑ อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน หรือท่าเรือเชียงของให้เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๒๒ การใดที่ท่าเรือเชียงของต้องดำเนินการ และปฏิบัติงานเกี่ยวกับการใช้ท่าเรือบริการ และความสะดวกต่าง ๆ ให้นำระเบียบนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม ประกาศ ณ วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากเจ้าของเรือ หรือผู้นำเข้า หรือผู้ส่งออกหรือผู้ขออนุญาต (ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน) แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และของท่าเรือเชียงของ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. ค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากเจ้าของเรือ หรือผู้นำเข้า หรือผู้ส่งออกหรือผู้ขออนุญาต (ณ ท่าเรือเชียงของ) แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และของท่าเรือเชียงของ พ.ศ. ๒๕๕๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๓๓ ง/หน้า ๑๑/๑๖ เมษายน ๒๕๕๘
723796
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าขาเข้าที่เป็นอาวุธปืนหรือสินค้าที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ พ.ศ. 2557
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าขาเข้าที่เป็นอาวุธปืน หรือสินค้าที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] โดยที่เห็นเป็นการสมควรให้มีการกำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าขาเข้าที่เป็นอาวุธปืน หรือสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ให้เป็นไปด้วยความเหมาะสมและรัดกุม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) และ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าขาเข้าที่เป็นอาวุธปืน หรือสินค้าที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบว่าด้วยการขน รับเก็บ และส่งมอบอาวุธปืนและกระสุนปืน พ.ศ. ๒๕๑๐ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “อาวุธปืน” หมายความว่า อาวุธทุกชนิดซึ่งใช้ส่งเครื่องกระสุนปืนโดยวิธีระเบิด หรือกำลังดันของแก๊ส หรืออัดลม หรือเครื่องกลไกอย่างใดซึ่งต้องอาศัยอำนาจของพลังงานและส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธนั้น ๆ “สินค้าที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ” หมายความว่า สินค้าที่มีมูลค่าสูง หรือสินค้านำเข้าเพื่อการใดเป็นการเฉพาะ เช่น เงินแท่ง นิกเกิล เหรียญกษาปณ์ เหรียญตัวเปล่า กระดาษพิมพ์ธนบัตร ฯลฯ “ตู้สินค้า LCL” หมายความว่า ตู้สินค้า LCL (Less than Container Load) ที่มีการเปิดตู้นำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้ภายในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ “ตู้สินค้า FCL” หมายความว่า ตู้สินค้า FCL (Full Container Load) ที่ไม่มีการเปิดตู้นำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้ภายในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๕ ให้บริษัทตัวแทนเรือ หรือบริษัทตัวแทนเจ้าของสินค้าแจ้งรายละเอียดรายการสินค้าขาเข้าที่เป็นอาวุธปืน หรือสินค้าที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ พร้อมกับการยื่นบัญชีสินค้าสำหรับเรือขาเข้าให้กองปฏิบัติการสินค้า ๑ หรือ ๒ แล้วแต่กรณี ทราบก่อนดำเนินการขนถ่าย ข้อ ๖ ให้หน่วยงานที่ต้องทำการรับมอบสินค้าที่เป็นอาวุธปืน หรือสินค้าที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ ทำการรับมอบตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ น. ถึง ๑๖.๓๐ น. เว้นแต่กรณีที่จำเป็นจะต้องทำการรับมอบนอกเวลาดังกล่าว จะต้องได้รับอนุญาตจากศุลกากรประจำหน่วยงาน และให้บริษัทตัวแทนเรือ หรือบริษัทตัวแทนเจ้าของตู้สินค้า แจ้งให้แผนกปฏิบัติการ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ หรือแผนกโรงพักสินค้า กองปฏิบัติการสินค้า ๑ หรือ ๒ แล้วแต่กรณี ที่ต้องดำเนินพิธีการทราบก่อนดำเนินการขนถ่าย ข้อ ๗ ในการขนถ่ายสินค้าอาวุธปืน หรือสินค้าที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ ให้ปฏิบัติดังนี้ ๗.๑ กรณีขนถ่ายจากเรือสินค้าทั่วไป หรือเปิดออกจากตู้สินค้านำเข้าเก็บในที่เก็บรักษาสินค้า ๗.๑.๑ จัดพนักงานจดรายการสินค้าทำการจดบันทึกรายการสินค้าอาวุธปืนหรือสินค้าที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษอย่างละเอียด และบันทึกเครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ * กรณีหีบห่อสินค้าชำรุดเสียหาย หรือสภาพหีบห่อผิดปกติ หรือน้ำหนักผิดปกติ พร้อมทั้งระบุรายละเอียดของหีบห่อและหมายเลขหีบห่อที่ชำรุดเสียหาย ๗.๑.๒ นำสินค้าเข้าเก็บรักษาในห้องเก็บสินค้ามีค่า โดยกั้นพื้นที่เป็นเขตหวงห้ามเฉพาะสำหรับเก็บรักษาอาวุธปืน หรือสินค้าที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ และห้ามบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ๗.๑.๓ ให้ทำการชั่งน้ำหนักทุกหีบห่อ และลงรายการไว้ในแบบรายการชั่งน้ำหนักสินค้า ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑(๑๙) กรณีหีบห่อสินค้าชำรุดเสียหาย หรือมีน้ำหนักผิดไปจากที่สำแดงให้ทำการเปิดหีบห่อสำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรและตัวแทนของบริษัทเรือทันที หลังจากทำการสำรวจเสร็จสิ้นให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรประทับตรา หรือผนึกซีลทุกหีบห่อที่เปิดทำการสำรวจ กรณีที่ไม่สามารถทำการสำรวจได้ในทันที ให้ทำการชั่งน้ำหนักก่อนและเก็บสินค้าไว้ในที่มั่นคงเป็นการเฉพาะ และทำการสำรวจในโอกาสแรกที่ทำได้ ๗.๑.๔ ติดต่อ หรือประสานเจ้าของสินค้า หรือตัวแทน เพื่อขอให้เร่งดำเนินการนำสินค้าออกโดยเร็ว ๗.๒ กรณีเป็นตู้สินค้า LCL หรือตู้สินค้า FCL ๗.๒.๑ จัดพนักงานรับมอบตู้สินค้าทำการจดบันทึกหมายเลขตู้สินค้า วันและเวลาที่ได้รับมอบ พร้อมทั้งตรวจสอบความเรียบร้อยของสภาพตู้สินค้าและซีลตู้สินค้า หากมีการชำรุดเสียหายให้แจ้งบริษัทตัวแทนเรือก่อนรับมอบและบันทึกการชำรุดเสียหาย โดยให้ตัวแทนเรือลงนามรับรองด้วย ๗.๒.๒ กำหนดพื้นที่ให้วางตู้สินค้าเป็นการเฉพาะและปลอดภัย ๗.๒.๓ จัดทำใบรับส่งมอบตู้สินค้าเพื่อให้พนักงานรักษาความปลอดภัยดูแล ๗.๒.๔ ติดต่อประสานเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเพื่อขอให้เร่งดำเนินการนำสินค้าออกโดยเร็ว ข้อ ๘ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๙ มีนาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๘ ง/หน้า ๑/๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
721971
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการสำรวจสินค้าขาเข้าชำรุด พ.ศ. 2557
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการสำรวจสินค้าขาเข้าชำรุด พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] โดยที่เห็นเป็นการสมควรให้มีการปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับการสำรวจสินค้าขาเข้าชำรุด ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) และ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการสำรวจสินค้าขาเข้าชำรุด พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการสำรวจสินค้าชำรุด พ.ศ. ๒๕๔๕ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “สินค้า” หมายความว่า สัตว์ พืช หรือสิ่งของทุกชนิดที่แลกเปลี่ยน ซื้อ ขาย ให้ หรือถือกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย และให้หมายรวมถึงของใช้ส่วนตัวของบุคคล หรือนิติบุคคลที่นำเข้า “สินค้าชำรุด” หมายความว่า สินค้าซึ่งโดยสภาพของตัวสินค้าเอง หรือหีบห่อ แตก ชำรุด เสียหาย บุบสลาย ฉีก ขาด คด งอ เปรอะเปื้อน เป็นสนิม หรือผิดจากสภาพปกติ “หัวหน้าแผนก” หมายความว่า หัวหน้าแผนกโรงพักสินค้า หรือหัวหน้าแผนกคลังสินค้าหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย “ผู้เกี่ยวข้อง” หมายความว่า ผู้ประกอบการรับจ้างเปิดตู้สินค้า หรือพนักงานบริษัทตัวแทนเรือ หรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือได้รับอนุญาตจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้และให้ถือเป็นที่สุด หมวด ๑ กรณีที่มีสินค้าชำรุดซึ่งขนถ่ายจากเรือ หรือขนถ่ายจากตู้สินค้า แล้วนำเข้าเก็บในโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า ข้อ ๖ ให้หัวหน้าแผนกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชำรุดนั้น จัดเจ้าหน้าที่สำรวจสินค้าอย่างน้อย ๑ คน หรือพนักงานจัดเรียงอย่างน้อย ๑ คน ปฏิบัติหน้าที่ที่ห้องเก็บสินค้าชำรุดตลอดเวลาที่เปิดโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า ข้อ ๗ ให้พนักงานผู้มีหน้าที่จดรายการสินค้าของโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า และพนักงานจดรายการสินค้าของบริษัทตัวแทนเรือ หรือผู้เกี่ยวข้องบันทึก หรือหมายเหตุสินค้าชำรุดลงในใบจดรายการสินค้า ที่ขนถ่ายจากเรือหรือที่ขนถ่ายจากตู้สินค้า หรือบันทึกข้อมูลสินค้าชำรุดเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และทำการบันทึกภาพสินค้าที่เกิดการชำรุดนั้นจากหน้าระวางขนถ่ายสินค้าจากเรือ หรือหน้าตู้สินค้าเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ให้หัวหน้าแผนก และผู้เกี่ยวข้องคัดแยกสินค้าชำรุดออกจากสินค้าดี แล้วควบคุมส่งไปเก็บที่ห้องเก็บสินค้าชำรุด ยกเว้นสินค้าชำรุดที่ไม่สามารถ หรือไม่สะดวกที่จะส่งไปที่ห้องเก็บสินค้าชำรุด ให้จัดเก็บแยกไว้เป็นการเฉพาะในพื้นที่ที่จัดเก็บสินค้า พร้อมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่สำรวจสินค้าให้ทราบถึงตำบลที่อยู่ของสินค้าชำรุดที่จัดเก็บไว้ ข้อ ๘ เมื่อเจ้าหน้าที่สำรวจสินค้าได้รับสินค้าชำรุดแล้ว ให้ทำบัญชีไว้เป็นหลักฐาน และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากร และพนักงานบริษัทตัวแทนเรือที่ได้รับมอบอำนาจมาทำการสำรวจโดยทันที ทั้งนี้ การแจ้งจะแจ้งด้วยวาจาก่อนก็ได้ แต่ถ้าพนักงานบริษัทตัวแทนเรือไม่มาทำการสำรวจ ให้แจ้งเป็นหนังสือตามแบบใบแจ้งให้มาสำรวจสินค้า หรือของที่ชำรุด [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๓) / (แบบ ผร.๑)] โดยให้พนักงานบริษัทตัวแทนเรือลงนามรับไว้ในสำเนา ข้อ ๙ ในกรณีที่ไม่สามารถทำการสำรวจสินค้าชำรุดในทันทีทันใดได้ ให้เจ้าหน้าที่สำรวจสินค้าทำการชั่งน้ำหนักหีบห่อไว้ และนำเข้าเก็บในห้องเก็บสินค้าชำรุด หรือบริเวณที่หัวหน้าแผนกกำหนดเป็นการเฉพาะโดยแยกต่างหากจากสินค้าดีเพื่อทำการสำรวจในโอกาสแรก ทั้งนี้ ให้ยกเว้นสินค้าบางประเภท โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าแผนก ข้อ ๑๐ ให้เจ้าหน้าที่สำรวจสินค้าทำการเปิดหีบห่อสินค้าชำรุดต่อหน้าพนักงานบริษัทตัวแทนเรือและเจ้าหน้าที่ศุลกากร โดยจัดทำบันทึกความเสียหายลงในแบบร่างการสำรวจสินค้าชำรุดที่ขนถ่ายจากเรือ/ เปิดจากตู้สินค้า [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๔)/(แบบ ผร.๒)] แล้วลงนามรับรองกันทั้งฝ่ายโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า ฝ่ายพนักงานบริษัทตัวแทนเรือและเจ้าหน้าที่ศุลกากร จากนั้นมอบสำเนาให้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน และหากมีข้อความผิดพลาดให้ขีดฆ่าแล้วลงนามกำกับไว้ โดยห้ามมิให้ลบออก ข้อ ๑๑ สินค้าประเภทรถยนต์ ให้ทำการสำรวจรายละเอียดของรถยนต์ลงในแบบสำรวจสินค้ารถยนต์ (TALLY SHEET FOR UNPACKED MOTOR CAR & TRUCK) [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๖)] ข้อ ๑๒ เมื่อทำการสำรวจสินค้าชำรุดเสร็จไปครั้งหนึ่ง ๆ ให้เจ้าหน้าที่สำรวจสินค้าจัดพิมพ์แบบรายการสินค้าชำรุด [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๕)/(แบบ ผร.๓)] โดยใช้รายละเอียดจากแบบร่างการสำรวจสินค้าชำรุดที่ขนถ่ายจากเรือ/เปิดจากตู้สินค้า [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๔)/(แบบ ผร.๒)] ตามข้อ ๑๐ หรือแบบสำรวจสินค้ารถยนต์ (TALLY SHEET FOR UNPACKED MOTOR CAR & TRUCK) [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๖)] ตามข้อ ๑๑ แล้วรีบส่งให้พนักงานบริษัทตัวแทนเรือตรวจสอบลงนามรับรองโดยเร็ว ข้อ ๑๓ ให้เจ้าหน้าที่สำรวจสินค้าดำเนินการจัดพิมพ์แบบรายการสำรวจสินค้า (SURVEY NOTE) [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๗)] เพื่อมอบให้แก่เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต่อไป หมวด ๒ กรณีสินค้าที่ขนถ่ายจากเรือ หรือขนถ่ายจากตู้สินค้า ซึ่งได้รับมอบไว้แล้วเกิดชำรุดภายหลัง ข้อ ๑๔ ให้หัวหน้าแผนกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชำรุดนั้น รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้บังคับบัญชาทราบ ในโอกาสแรกที่จะทำได้ และให้เก็บรักษาสินค้าชำรุดดังกล่าวในที่ปลอดภัย ข้อ ๑๕ ให้แจ้งต่อเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ชำรุด เพื่อมาทำการสำรวจสินค้าที่ชำรุดเสียหายโดยเร็ว และต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรทราบก่อนทำการสำรวจ ข้อ ๑๖ ภายใต้บังคับข้อ ๑๕ ให้เจ้าหน้าที่สำรวจสินค้าที่ได้รับมอบหมายของหน่วยงานที่เกิดความเสียหาย ผู้แทนกองกฎหมาย และผู้เกี่ยวข้องร่วมกันทำการสำรวจสินค้าชำรุดนั้นโดยละเอียดโดยใช้แบบรายการสำรวจสินค้า/ตู้สินค้าชำรุด [ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๘)/(แบบสำรวจ ๑)] บันทึก ไว้เป็นหลักฐาน และร่วมกันลงนามในแบบรายการสำรวจสินค้า/ตู้สินค้าชำรุด ก่อนให้หัวหน้าหน่วยงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนาม พร้อมทั้งจัดทำรายงานเสนอคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาค่าเสียหายกรณีสินค้า หรือตู้สินค้าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยรับมอบและเก็บรักษาไว้เกิดชำรุดเสียหาย หรือสูญหาย เพื่อพิจารณา ข้อ ๑๗ เมื่อได้ทำการสำรวจสินค้าชำรุดนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้รีบรายงานผลต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อขออนุมัติและลงนามในแบบรายการสำรวจสินค้า/ตู้สินค้าชำรุด เพื่อมอบให้แก่เจ้าของสินค้าต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ใบแจ้งให้มาสำรวจสินค้าหรือของที่ชำรุด (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๓) แบบ ผร.๑) ๒. ร่างการสำรวจสินค้าชำรุดที่ขนจากเรือ/เปิดจากตู้สินค้า (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๔) แบบ ผร.๒) ๓. รายการสินค้าชำรุด (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๕) แบบ ผร.๓) ๔. (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๖)) ๕. รายการสำรวจสินค้า (SURVEY NOTE) (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๗)) ๖. แบบรายการสำรวจสินค้า/ตู้สินค้าชำรุด (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๘) แบบสำรวจ ๑) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๘ ง/หน้า ๑/๒๙ มกราคม ๒๕๕๘
765290
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. 2554 (ฉบับ Update 04/09/2557)
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔[๑] โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร ณ ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๓.๒ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการผ่านเข้า - ออก และการจราจรภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓.๓ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ชะลอการวางหลักประกันความเสียหายตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๓.๔ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “เขตศุลกากร” หมายความว่า เขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด “สินค้า” หมายความว่า สัตว์ พืช หรือสิ่งของทุกชนิดที่แลกเปลี่ยน ซื้อ ขาย ให้หรือถือกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย และให้หมายรวมถึงของใช้ส่วนตัวของบุคคล หรือนิติบุคคล “ตู้สินค้า” หมายความว่า ภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้านำเข้า หรือส่งออก เพื่อความสะดวก หรือเพื่อความปลอดภัยในการขนส่ง ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรฐานขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ (INTERNATIONAL ORGANIZATION FOR STANDARDIZATION : ISO) “เครื่องมือทุ่นแรงของ กทท.” หมายความว่า รถบรรทุก รถลากพ่วงบรรทุกสินค้า รถลากพ่วงบรรทุกตู้สินค้า รถยกสินค้า รถยกตู้สินค้า รถปั้นจั่น รถลากจูง และรถเครื่องมือทุ่นแรงอื่นที่เป็นของการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งใช้ในการปฏิบัติงาน “รถ” หมายความว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถลากพ่วง รวมตลอดทั้งเครื่องมือยกขนและยานพาหนะทางบกทุกชนิด ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น นอกเหนือจากรถเครื่องมือทุ่นแรงของการท่าเรือแห่งประเทศไทย “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยทุกตำแหน่งและผู้ที่อยู่ในระหว่างการทดลองปฏิบัติงาน รวมทั้งลูกจ้างที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยจ้าง “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฟ้องพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ และเข้ามาปฏิบัติงานในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด “ผู้ขออนุญาต” หมายความว่า พนักงาน บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานของรัฐ ที่ยื่นขอมีบัตรอนุญาต “ผู้ได้รับอนุญาต” หมายความว่า พนักงาน บุคคล หรือเจ้าของรถที่ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาต “บัตรอนุญาตบุคคล” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้สำหรับบุคคลใช้ผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด “บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลทั่วไป โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๒ ปี “บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๓ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๓ ปี “บัตรอนุญาตรถ” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้สำหรับรถผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด และต้องจดทะเบียนถูกต้องตามประเภทที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด “บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่เจ้าของรถที่เป็นบุคคล หรือนิติบุคคลทั่วไป โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๒ ปี “บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๓ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่เจ้าของรถที่เป็นพนักงาน หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ รถของหน่วยงานของรัฐ โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๓ ปี “บัตรอนุญาตชั่วคราว” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้แก่บุคคลหรือรถ หรือทั้งสองอย่างเพื่อผ่านเข้า - ออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนดครั้งเดียว “บัตรอนุญาตชั่วคราวที่มีกำหนดระยะเวลา” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้สำหรับผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยพิจารณาอนุญาตตามความจำเป็นของผู้ขออนุญาตประกอบด้วยบัตรอนุญาตชั่วคราวบุคคล และบัตรอนุญาตชั่วคราวรถ ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจในการออกระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัย ชี้ขาดในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ หมวด ๑ ประเภทของบัตร ข้อ ๗ บัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร แบ่งออกได้ดังนี้ ๗.๑ บัตรอนุญาตบุคคล ประกอบด้วย ๗.๑.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวบุคคลที่มีกำหนดระยะเวลา ๗.๑.๒ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี ๗.๑.๓ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๓ ปี ๗.๒ บัตรอนุญาตรถ ประกอบด้วย ๗.๒.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวรถที่มีกำหนดระยะเวลา ๗.๒.๒ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี ๗.๒.๓ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๓ ปี ๗.๓ บัตรอนุญาตชั่วคราวให้เป็นไปตามที่ กทท. กำหนด ประกอบด้วย ๗.๓.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ๗.๓.๒ บัตรอนุญาตไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม อนึ่ง การนับอายุบัตรอนุญาตทุกประเภทให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ออกบัตรอนุญาตจนถึงวันบัตรหมดอายุ หมวด ๒ การขอบัตรอนุญาต ข้อ ๘ ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตทุกประเภท ต้องยื่นเอกสารประกอบการขออนุญาตฯ พร้อมชำระค่าธรรมเนียมแต่ละประเภทและรับใบเสร็จรับเงิน ตามที่ กทท. กำหนด ดังนี้ ๘.๑ ท่าเรือกรุงเทพ ยื่นขออนุญาตฯ ที่กองรักษาความปลอดภัย โทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ - ๓๕๐๖ - ๗ โทรสาร ๐ - ๒๒๖๙ - ๓๕๒๕ ๘.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ยื่นขออนุญาตฯ ที่แผนกรักษาความปลอดภัย กองบริหารงานทั่วไป โทรศัพท์ ๐ - ๓๘๔๐ - ๙๑๑๑ โทรสาร ๐ - ๓๘๔๐ - ๙๑๑๔ ข้อ ๙ พนักงานที่มีความจำเป็นต้องนำรถผ่านเข้าออกเขตศุลกากร ต้องยื่นแบบขอมีบัตรอนุญาตบุคคลและหรือรถ โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๐ หน่วยงานของรัฐ สภากาชาดไทย สถานทูต องค์กรระหว่างประเทศ ที่มีความจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ หรือรถผ่านเข้าออกเขตศุลกากร ต้องยื่นความจำนงขอมีบัตรอนุญาต ณ ท่าเรือกรุงเทพ และหรือท่าเรือแหลมฉบัง โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๑ รถเครื่องมือทุ่นแรงที่ไม่ใช่ของ กทท. และมีความจำเป็นต้องเข้าไปปฏิบัติงานในเขตท่าเทียบเรือของผู้ประกอบการท่าเรือแหลมฉบัง หรือพื้นที่เช่าของท่าเรือแหลมฉบังในเขตศุลกากร สามารถยื่นความจำนงเพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมอยู่ในเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนที่รถเครื่องมือทุ่นแรงดังกล่าว จะผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรณีท่าเรือกรุงเทพให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการชำระค่าธรรมเนียม ตามที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๒ ผู้ขออนุญาตที่มีความประสงค์จะขอทำบัตรอนุญาตสำหรับผ่านเข้าออกเขตศุลกากรที่ประกอบธุรกรรมเกี่ยวกับเรือโดยสารท่องเที่ยว หรือเรืออื่นที่ไม่ใช่เรือสินค้า ให้ยื่นความจำนงขอทำบัตรอนุญาตชั่วคราวที่มีกำหนดระยะเวลา ซึ่งมีอายุบัตรอนุญาตตามจำนวนวันที่เรือเทียบท่า โดยดำเนินการชำระค่าธรรมเนียม ตามแบบที่ กทท. กำหนด อนึ่ง รถสี่ล้อเล็กรับจ้างประจำที่ได้รับอนุญาตจากท่าเรือกรุงเทพ ต้องเสียค่าธรรมเนียมการออกบัตรอนุญาตและรับใบเสร็จรับเงิน ตามแบบที่ กทท. กำหนด หมวด ๓ ค่าธรรมเนียมออกบัตร ข้อ ๑๓ บัตรอนุญาตต้องเสียค่าธรรมเนียมออกบัตร ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้ ๑๓.๑ บัตรอนุญาตบุคคล ประกอบด้วย ๑๓.๑.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวบุคคลที่มีกำหนดระยะเวลา ประกอบด้วย ๑๓.๑.๑.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคน ได้แก่ บุคคลภายนอกที่เข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเขตศุลกากร ๑๓.๑.๑.๒ บัตรอนุญาตที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม ได้แก่ บุคคลนอกเหนือจาก ข้อ ๑๓.๑.๑.๑ ต่อคน ๑๓.๑.๒ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคน ๑๓.๑.๓ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๓ ปีต่อคน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ๑๓.๒ บัตรอนุญาตรถ ประกอบด้วย ๑๓.๒.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวรถที่มีกำหนดระยะเวลา ประกอบด้วย ๑๓.๒.๑.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ได้แก่ รถทุกชนิดที่เข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเขตศุลกากร ๑๓.๒.๑.๒ บัตรอนุญาตที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ได้แก่ รถนอกเหนือจากข้อ ๑๓.๒.๑.๑ ต่อคัน ๑๓.๒.๒ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ๑๓.๒.๓ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๓ ปีต่อคัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ๑๓.๓ บัตรอนุญาตชั่วคราว ประกอบด้วย ๑๓.๓.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ได้แก่ รถทุกชนิดที่เข้ามาทำกิจกรรมเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกสินค้าและตู้สินค้า รถทุกชนิดที่เข้ามารับของเสียจากเรือ ตามแบบที่ กทท. กำหนด ๑๓.๓.๒ บัตรอนุญาตที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม ได้แก่ รถนอกเหนือจากข้อ ๑๓.๓.๑ และบุคคล ๑๓.๔ บัตรอนุญาตสำหรับผู้ขออนุญาตที่ประกอบธุรกรรมเกี่ยวกับเรือโดยสารท่องเที่ยว หรือเรืออื่นที่ไม่ใช่เรือสินค้า ประกอบด้วย ๑๓.๔.๑ บัตรอนุญาตบุคคลจำนวน ๒๐๐ บาทต่อคนต่อเที่ยวเรือ ๑๓.๔.๒ บัตรอนุญาตรถยนต์นั่งไม่เกิน ๗ ที่นั่ง และรถตู้ไม่เกิน ๑๕ ที่นั่ง จำนวน ๒๐๐ บาทต่อคันต่อเที่ยวเรือ ๑๓.๔.๓ บัตรอนุญาตรถโดยสารจำนวน ๔๐๐ บาทต่อคันต่อเที่ยวเรือ ๑๓.๕ ค่าธรรมเนียมการต่ออายุบัตรทุกประเภทสามารถนำบัตรเดิมมาขอต่ออายุบัตรโดยเสียค่าธรรมเนียมบัตรร้อยละ ๕๐ ของค่าธรรมเนียมบัตรแต่ละประเภท และขอต่ออายุบัตรอนุญาตทุกประเภทได้ ๒ ครั้ง ทั้งนี้ หากไม่นำบัตรเดิมมาขอต่ออายุต้องขอทำบัตรอนุญาตฯ และเสียค่าธรรมเนียมออกบัตรใหม่ ๑๓.๖ ค่าธรรมเนียมออกบัตรทุกประเภท ทดแทนบัตรเดิมที่ชำรุด หรือสูญหาย ต้องชำระค่าธรรมเนียมบัตรละ ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) สำหรับพนักงาน ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมออกบัตรอนุญาตที่ออกทดแทนบัตรเดิมที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพอันเนื่องจากการใช้งาน โดยยื่นคำร้องขอบัตรทดแทนบัตรที่ชำรุด หรือเสื่อมสภาพดังกล่าว ได้ ๑ ครั้ง ภายในระยะเวลา ๓ ปี[๒] หมวด ๔ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๑๔ กทท. จะรับประกันบัตรอนุญาตเป็นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันออกบัตรอนุญาต หากเสียหาย หรือชำรุดบกพร่อง เฉพาะกรณีที่เกิดจากการชำรุดบกพร่องของบัตรอนุญาตที่มิใช่เกิดจากการใช้งานผิดประเภท ข้อ ๑๕ การต่ออายุบัตรอนุญาตบุคคลและบัตรอนุญาตรถสามารถดำเนินการได้ล่วงหน้า ๖๐ วัน ก่อนถึงวันบัตรหมดอายุ ข้อ ๑๖ ผู้ขออนุญาตต้องแจ้งให้ กทท. ทราบในกรณีที่บุคคล หรือรถที่ยื่นคำขอออกบัตรอนุญาต มีการเปลี่ยนแปลง หรือสิ้นสภาพจากการผูกพันกับผู้ขออนุญาต หรือทำบัตรชำรุด หรือบัตรสูญหาย ไม่ว่ากรณีใด ๆ เพื่อ กทท. จะทำการยกเลิกบัตรอนุญาตดังกล่าวทันทีหากผู้ขออนุญาตละเลยไม่ดำเนินการ เมื่อเกิดความเสียหายจากการใช้บัตรอนุญาต ผู้ขออนุญาตต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หมวด ๕ มาตรการบังคับ ข้อ ๑๗ ผู้ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาตทุกประเภท ต้องดูแลรับผิดชอบบัตรอนุญาตของตนเอง และต้องติดบัตรอนุญาตตลอดเวลาที่อยู่ในเขตศุลกากร ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปใช้ หากเกิดความเสียหายจากการที่บุคคลอื่นนำไปใช้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ผู้ขออนุญาตและเจ้าของบัตรอนุญาตต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเสมือนหนึ่งเป็นผู้กระทำเอง ข้อ ๑๘ ผู้ขับขี่รถทุกประเภทที่เข้ามาในเขตศุลกากร ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศและหลักปฏิบัติของ กทท. โดยเคร่งครัด เว้นแต่เครื่องมือทุ่นแรงของ กทท. ขณะอยู่ระหว่างปฏิบัติงาน ทั้งนี้ เส้นทางการจราจรภายในท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๙ ผู้ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาตชั่วคราว ต้องคืนบัตรเมื่อผ่านออกนอกเขตศุลกากร หากไม่สามารถคืนบัตรอนุญาตดังกล่าวได้ไม่ว่ากรณีใด ต้องชำระค่าบัตรอนุญาตฯ บัตรละ ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๒๐ ผู้ขออนุญาต หรือผู้ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาตทุกประเภทที่ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศและหลักปฏิบัติของ กทท. จะถูกพิจารณาดำเนินการดังนี้ ๒๐.๑ ทำหนังสือว่ากล่าวตักเตือน ๒๐.๒ ทำทัณฑ์บน ๒๐.๓ ระงับการใช้บัตรอนุญาตฯ เป็นการชั่วคราวทุกกรณีเป็นเวลา ๑๕ วัน ๒๐.๔ ยกเลิกบัตรอนุญาตฯ กรณีเป็นพนักงาน กทท. จะทำหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะทำหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด และห้ามบุคคลหรือรถเข้ามาในเขตศุลกากรนับตั้งแต่วันที่ กทท. ออกหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด ทั้งนี้ การดำเนินการตามข้อนี้ให้เป็นไป ตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๒๑ ผู้ขออนุญาตต้องจัดหาผู้ขับขี่แทนผู้ขับรถที่ กทท. ตรวจพบว่าได้กระทำการ ดังต่อไปนี้ ๒๑.๑ เสพสุรา ของมึนเมา หรือใช้สารเสพติด ๒๑.๒ ฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศหรือหลักปฏิบัติของ กทท. ๒๑.๓ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือผู้ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ หากปรากฏว่าได้มีการฝ่าฝืนหรือหลีกเลี่ยงอีก กทท. อาจจะพิจารณาตัดสิทธิ มิให้รถคันดังกล่าวเข้ามาบรรทุก และขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้า หรือทำธุรกรรมกับ กทท. อนึ่ง กทท. สงวนสิทธิ์ที่จะเคลื่อนย้ายรถที่ฝ่าฝืนระเบียบนี้ โดยเจ้าของรถต้องรับผิดชอบในการดำเนินการ และ กทท. ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายแก่รถ รวมทั้งทรัพย์สินในรถ ไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ข้อ ๒๒ ผู้ขออนุญาตต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการของผู้ขับขี่ ข้อ ๒๓ รถจักรยานยนต์รับจ้าง สามล้อเครื่องรับจ้างสาธารณะ รถสี่ล้อเล็กรับจ้างและรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ ห้ามเข้าเขตศุลกากรโดยเด็ดขาด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กทท. ข้อ ๒๔ กทท. จะอนุญาตให้ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตทุกประเภทได้ในนามบุคคลหรือนิติบุคคลอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ข้อ ๒๕ กทท. จะอนุญาตให้ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตรถต่อบุคคลหรือนิติบุคคล ดังต่อไปนี้ ๒๕.๑ บุคคล รถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล อย่างละไม่เกิน ๒ คัน ต่อคน ๒๕.๒ นิติบุคคล รถยนต์ส่วนบุคคล ไม่เกิน ๒๐ คัน และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ไม่เกิน ๑๐ คันต่อนิติบุคคล หมวด ๖ บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๖ ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตทุกประเภทสามารถยื่นคำขอทำบัตรอนุญาตตามข้อ ๘ ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป อนึ่ง กทท. จะเริ่มทดลองใช้บัตรอนุญาตทุกประเภท ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒๗ กทท. จะเริ่มใช้บัตรอนุญาตบุคคลและบัตรอนุญาตรถทุกประเภทในการผ่านเข้าออกเขตศุลกากรอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. เส้นทางจราจรภายในท่าเรือกรุงเทพ ๒. เส้นทางจราจรในเขตท่าเรือแหลมฉบัง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗[๓] จุฑามาศ/ผู้จัดทำ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๙๕ ง/หน้า ๗/๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ [๒] ข้อ ๑๓.๖ วรรคสอง เพิ่มโดยระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๙๒ ง/หน้า ๑/๔ กันยายน ๒๕๕๗
712728
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้มีความถูกต้องและเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบเพิ่มเติมไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มเติมความต่อไปนี้เป็นวรรคสอง ของข้อ ๑๓.๖ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังนี้ “สำหรับพนักงาน ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมออกบัตรอนุญาตที่ออกทดแทนบัตรเดิมที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพอันเนื่องจากการใช้งาน โดยยื่นคำร้องขอบัตรทดแทนบัตรที่ชำรุด หรือเสื่อมสภาพดังกล่าว ได้ ๑ ครั้ง ภายในระยะเวลา ๓ ปี” ข้อ ๔ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๙๒ ง/หน้า ๑/๔ กันยายน ๒๕๕๗
712215
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการนำสินค้าขาออก ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าหรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2557
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการนำสินค้าขาออก ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านเข้า หรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการนำสินค้าขาออก ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านเข้า หรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้มีความถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการนำสินค้าขาออก ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านเข้า หรือนำออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การบรรจุสินค้าขาออกและเข้าตู้สินค้าในเขตท่าเรือกรุงเทพ ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๐ ๓.๒ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การเคลื่อนย้ายตู้สินค้าขึ้น หรือลงรถไฟ ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๔ ๓.๓ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง วิธีปฏิบัติในการฝากเก็บสินค้าเพื่อการส่งออก ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๗ ๓.๔ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง วิธีปฏิบัติในการยกขนสินค้าที่ฝากเก็บไปบรรจุนอกเขต (CO-LOAD) แผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) ลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ ๓.๕ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง การนำตู้สินค้า หรือสินค้าขาออกเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ ๓.๖ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ตู้สินค้าขาออก” หมายความว่า ตู้สินค้าที่มีการบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (LESS THAN CONTAINER LOAD : LCL) หรือตู้สินค้าที่บรรจุนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (FULL CONTAINER LOAD : FCL) หรือตู้สินค้าเปล่าที่ประสงค์บรรทุกลงเรือเพื่อส่งออก “เรือลำเลียง” หมายความว่า เรือที่ใช้สำหรับลำเลียง หรือขนถ่ายสินค้าจากเรือกำปั่น หรือบรรทุกสินค้าส่งเรือกำปั่น หรือขนถ่ายหรือบรรทุกสินค้าหรือตู้สินค้าจากเรือสินค้า หรือท่าเรืออื่น “ท่าเทียบเรือภายในประเทศ” (DOMESTIC PORT) หมายความว่า ท่าเทียบเรือภายในประเทศของท่าเรือกรุงเทพ ตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด “ตัวแทนเรือ” (SHIP’S AGENT) หมายความว่า บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของเจ้าของเรือเพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าของเรือในท่าเรือ ในกรณีที่เจ้าของเรือไม่มีบริษัทสาขาประจำอยู่ในท้องถิ่น “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า ผู้ประกอบการบรรจุตู้สินค้าขาออกภายในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ที่ไม่มีตู้สินค้าเป็นของตนเอง “ผู้รับจัดการขนส่ง” (FREIGHT FORWARDERS) หมายความว่า ผู้ที่กระทำหน้าที่แทนผู้ขนส่ง หรือผู้รับของในการจัดการขนส่งสินค้าตามที่ได้รับมอบหมายจนถึงที่หมายปลายทาง แม้ความหมายโดยทั่วไปของผู้รับจัดการขนส่งจะมิใช่ผู้ขนส่ง แต่ผู้รับจัดการขนส่งก็สามารถประกอบเป็นผู้ขนส่งได้ และการจัดการขนส่งสินค้าตามสัญญารับจัดการขนส่งสินค้าดังกล่าว ผู้รับจัดการขนส่งสามารถประกอบการได้ทั้งในฐานะตัวแทน หรือผู้ขนส่งได้ “เขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ” หมายความว่า อาณาบริเวณที่กำหนดเป็นเขตศุลกากร ณ ท่าเทียบเรือของท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบแปลนแผนผังที่แนบท้ายสัญญาประกันและทัณฑ์บน ณ วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และตามมาตรา ๔ (๓) แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ หมวด ๑ การนำสินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถยนต์ หรือรถไฟ ข้อ ๗ การนำสินค้าขาออกเข้าลานบรรจุตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถยนต์ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทน หรือผู้รับจัดการขนส่งยื่นขอ “ชื่อผู้ใช้งาน” (USER NAME) และ “รหัสผ่าน” (PASSWORD) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามแบบที่ กทท. กำหนด ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้นก่อนเสนอฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ อนุมัติชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่าน พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ขอใช้บริการทราบ ข้อ ๘ เจ้าของสินค้า หรือตัวแทน หรือผู้รับจัดการขนส่งจะต้องส่งข้อมูลสินค้าขาออกล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-SERVICE FOR VESSEL CARGO MANAGEMENT SYSTEM : VCMS) ดังนี้ (๑) ต้องยื่นข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่ถูกต้องครบถ้วนตามแบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ก่อนนำสินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยจะอ้างอิงเวลาที่ระบบคอมพิวเตอร์ ของ กทท. รับข้อมูลจากผู้ใช้บริการเป็นเวลารับข้อมูล (๒) จัดพิมพ์แบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ที่ได้เลขที่อ้างอิงเป็นรหัสแท่ง (BARCODE) ข้อ ๙ กรณีไม่สามารถส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทน หรือผู้รับจัดการขนส่งกรอกแบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) และยื่นที่สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ ข้อ ๑๐ ให้นำแบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ตามข้อ ๘ (๒) หรือข้อ ๙ มายื่นพร้อมกับนำรถบรรทุกสินค้าเมื่อผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ณ สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ เพื่อชำระค่าภาระสินค้าขาออกและค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า ก่อนนำสินค้าบรรจุเข้าตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ข้อ ๑๑ กทท. จะไม่อนุญาตให้รถบรรทุกสินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หากไม่ดำเนินการตามข้อ ๘ หรือข้อ ๙ กรณีมีปัญหาข้อขัดข้องให้ติดต่อที่สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ ข้อ ๑๒ กรณีที่สินค้าขาออกรายการใดมีสถานะ “ให้เปิดตรวจ (RED LINE)” เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำสถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ จะเป็นผู้กำหนดจุดตรวจสอบสินค้าตามขั้นตอนพิธีการศุลกากร ข้อ ๑๓ สินค้าขาออกที่เป็นสินค้าอันตรายซึ่งตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้ผู้ใช้บริการระบุว่าเป็นสินค้าอันตราย กลุ่มประเภทสินค้า (Harmonize) ประเภทที่ ๑๘ ในแบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้ามาบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ข้อ ๑๔ กรณีที่นำสินค้าขาออกเข้ามาทางรถไฟ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนนำรถบรรทุกไปรับสินค้าที่บริเวณจุดรับส่งทางรถไฟประตูเขื่อนตะวันออก แล้วปฏิบัติตามข้อ ๗ ถึงข้อ ๑๑ หมวด ๒ การนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๑๕ การนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้า และส่งมอบตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน หรือผู้ประกอบการที่ประสงค์จะนำตู้สินค้าเปล่าไปยังลานบรรจุตู้สินค้า หรือแผนกสินค้าเพื่อการส่งออก ยื่นใบแจ้งขอปฏิบัติงาน (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๒)) และแบบขอเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าเข้าลานบรรจุตู้สินค้า (ทกท.๐๑.๐๓.๐๓ (๐๑)) ที่แผนกควบคุมตู้สินค้าเปล่า กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง ก่อนดำเนินการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าเพื่อจะได้บันทึกข้อมูลและจัดเตรียมตู้สินค้าเปล่าที่ขอเคลื่อนย้าย ข้อ ๑๖ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนยื่นแบบรายงานการบรรจุตู้สินค้าและตู้สินค้าเปล่าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๓)) พร้อมใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ข้อ ๑๗ ให้ผู้ประกอบการยื่นแบบรายงานการเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษและการบรรจุสินค้าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๔)) พร้อมใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ข้อ ๑๘ กรณีข้อมูลตู้สินค้าที่จัดส่งไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือต้องการยกเลิกแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทน หรือผู้ประกอบการดำเนินการแก้ไขข้อมูลล่วงหน้า ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ข้อ ๑๙ กรณีที่ยื่นแบบรายงานการบรรจุตู้สินค้าและตู้สินค้าเปล่าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑(๐๓)) และแบบรายงานการเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษและการบรรจุสินค้าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๔)) พร้อมใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด ไม่ทันกำหนดเวลา ตามข้อ ๑๕ และข้อ ๑๖ จนเป็นเหตุให้ตู้สินค้าขาออกบรรทุกลงเรือไม่ทัน กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น ข้อ ๒๐ เพื่อให้การนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง เหมาะสมตามมาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม กทท. จะอนุญาตให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทน หรือผู้ประกอบการดำเนินการนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้าในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ได้ทุกประเภท ยกเว้นสินค้าดังต่อไปนี้ (๑) สินค้าอันตรายที่ห้ามทำการบรรจุเข้าตู้สินค้า ตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (๒) สินค้าที่บรรจุหีบห่อไม่เรียบร้อยทำให้เกิดความสกปรก หรือมลภาวะ หมวด ๓ การฝากเก็บและบรรจุสินค้าส่งออกที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออก ข้อ ๒๑ การฝากเก็บและบรรจุสินค้าส่งออกที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออก ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทน หรือผู้รับจัดการขนส่งยื่นขอ “ชื่อผู้ใช้งาน” (USER NAME) และ “รหัสผ่าน” (PASSWORD) เพื่อใช้ในการบันทึกและส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามแบบที่ กทท. กำหนด ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้นก่อนเสนอฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศอนุมัติชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่าน พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ขอใช้บริการทราบ ข้อ ๒๒ การส่งข้อมูลสินค้าขาออกล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทน หรือผู้รับจัดการขนส่งปฏิบัติตามข้อ ๘ และข้อ ๙ ข้อ ๒๓ ให้นำรถบรรทุกสินค้าขาออกผ่านสถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์เพื่อชำระค่าภาระสินค้าขาออก และค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่า ก่อนนำสินค้าเข้าฝากเก็บ หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า ที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออก กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ข้อ ๒๔ ให้ผู้ประกอบการยื่นแบบรายงานการเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษและการบรรจุสินค้าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๔)) พร้อมใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด ที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออก กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ข้อ ๒๕ กรณีประสงค์จะนำสินค้าขาออกที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออกไปบรรจุภายนอก (CO-LOAD OUT) ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า กองปฏิบัติการสินค้า ๓ หรือประสงค์จะนำสินค้าขาออกที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า (CO-LOAD IN) เข้ามาบรรจุที่แผนกสินค้าเพื่อการส่งออกกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทน หรือผู้ประกอบการยื่นใบแจ้งขอปฏิบัติงาน (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๒)) และแบบนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้าบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) เพื่อใช้ในการดำเนินการตรวจสอบเครื่องหมาย จำนวน และน้ำหนัก รวมทั้งวัดขนาดหีบห่อและปริมาตรของสินค้า หมวด ๔ การขออนุญาตนำสินค้าขาออกนำกลับออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๒๖ กรณีสินค้าบรรจุเข้าตู้สินค้าไม่หมด หรือเสียหาย หรือชำรุด หรือสินค้านำมาผิดท่าหรือสินค้าที่ประสงค์จะขอนำกลับออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนหรือผู้รับจัดการขนส่งยื่นแบบอนุญาตนำสินค้าผ่านท่าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๘)) ที่ได้เลขที่อ้างอิงเป็นรหัสแท่ง (BARCODE) พร้อมเอกสารประกอบที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า หรือแผนกสินค้าเพื่อการส่งออก กองปฏิบัติการสินค้า ๓ พร้อมชำระค่าภาระต่าง ๆ ที่ กทท. กำหนด โดยนำรถบรรทุกสินค้าเปล่าเข้ามารับสินค้าที่ขอนำกลับผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ที่สถานีตรวจสอบสินค้า ๓ ท่าเรือกรุงเทพ อาจณรงค์ หมวด ๕ การนำตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถยนต์ ข้อ ๒๗ การนำตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพโดยทางรถยนต์ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทน (CONTAINER OPERATOR) ยื่นขอ “ชื่อผู้ใช้งาน” (USER NAME) และ “รหัสผ่าน” (PASSWORD) เพื่อใช้ในการบันทึกและส่งข้อมูลล่วงหน้า (PREADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามแบบที่ กทท. กำหนด ที่แผนกสารสนเทศ กองท่าบริการตู้สินค้า ๒ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้นก่อนเสนอฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ อนุมัติชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านพร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ขอใช้บริการทราบ ข้อ ๒๘ การส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน จัดส่งข้อมูลรายละเอียดของตู้สินค้าให้ถูกต้องครบถ้วนตามแบบที่ กทท. กำหนด โดยให้บันทึกข้อมูลผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-SERVICES FOR CONTAINER TERMINAL MANAGEMENT SYSTEM : CTMS) ก่อนตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ไม่น้อยกว่า ๑ ชั่วโมง มิฉะนั้นจะไม่อนุญาตให้ตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๒๙ กรณีที่ไม่สามารถส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนจัดส่งข้อมูลตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท๐๑.๐๐.๐๑.(๐๑)) โดยยื่นเอกสารแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ที่แผนกสารสนเทศกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ หรือกองปฏิบัติการสินค้า ๓ แล้วแต่กรณี หรือทางโทรสาร หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓๐ การนำตู้สินค้าขาออกผ่านด่านตรวจสอบภายใน (SUB GATE IN) กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้ (๑) เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนต้องนำตู้สินค้าขาออกผ่านด่านตรวจสอบภายในก่อนเวลาที่เรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง (CLOSING TIME) หลังจากนั้นจะไม่อนุญาตให้ตู้สินค้าขาออกผ่านด่านตรวจสอบภายใน ยกเว้นในกรณีที่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถนำตู้สินค้าขาออกผ่านด่านตรวจสอบภายในได้ทันตามกำหนดเวลา ให้ผู้อำนวยการกอง หรือผู้ช่วยผู้อำนวยการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ แล้วแต่กรณี พิจารณาอนุญาตเป็นราย ๆ ไป (๒) ตู้สินค้าอันตรายประเภท ก. ตู้สินค้าเกินขนาด (OVER HEIGHT/OVER WIDTH/OVER LENGTH CONTAINER) และตู้สินค้าห้องเย็น (REEFER CONTAINER) อนุญาตให้ ตู้สินค้าผ่านด่านตรวจสอบภายในเพื่อบรรทุกตู้สินค้าลงเรือได้โดยตรง (DIRECT LOAD) (๓) ตู้สินค้าขาออก และตู้สินค้าเปล่า จะต้องผ่านการตรวจสภาพตู้สินค้า และชั่งน้ำหนักเพื่อออกเอกสารใบตรวจรับสภาพตู้สินค้า (Equipment Interchange Receipt : EIR) ก่อนอนุญาตให้ผ่านด่านตรวจสอบภายใน (๔) ตู้สินค้าขาออกที่ข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือไม่มีเอกสาร หรือข้อมูลเลขที่ใบกำกับการขนย้ายสินค้าของกรมศุลกากร จะไม่อนุญาตให้ผ่านด่านตรวจสอบภายในจนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย หมวด ๖ การนำตู้สินค้า FCL ขาออก และตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางเรือลำเลียง ข้อ ๓๑ การขอนำตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพโดยทางเรือลำเลียง ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทน (CONTAINER OPERATOR) ยื่นขอ “ชื่อผู้ใช้งาน” (USER NAME) และ “รหัสผ่าน” (PASSWORD) เพื่อใช้ในการบันทึกและส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-AD VICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามแบบที่ กทท.กำหนด ที่แผนกสารสนเทศ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้นก่อนเสนอฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ อนุมัติชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่าน พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ขอใช้บริการทราบ ข้อ ๓๒ การส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทนจัดส่งข้อมูลรายละเอียดของตู้สินค้าให้ถูกต้องครบถ้วนตามแบบที่ กทท. กำหนด โดยให้บันทึกข้อมูลผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-SERVICES FOR CONTAINER TERMINAL MANAGEMENT SYSTEM : CTMS) ก่อนตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง มิฉะนั้นจะไม่อนุญาตให้ตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๓๓ กรณีที่ไม่สามารถส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนจัดส่งข้อมูลตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท๐๑.๐๐.๐๑.(๐๑)) ที่แผนกสารสนเทศ กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ หรือทางโทรสาร หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓๔ ตู้สินค้าขาออกและตู้สินค้าเปล่า จะต้องผ่านการตรวจสภาพตู้สินค้า และชั่งน้ำหนักเพื่อออกเอกสารใบตรวจรับสภาพตู้สินค้า (Equipment Interchange Receipt : EIR) ก่อนอนุญาตให้ผ่านด่านตรวจสอบภายใน ข้อ ๓๕ ตู้สินค้าขาออกที่ข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือไม่มีเอกสาร หรือข้อมูลเลขที่ใบกำกับการขนย้ายสินค้าของกรมศุลกากร จะไม่อนุญาตให้ผ่านด่านตรวจสอบภายในจนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย หมวด ๗ การนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๓๖ การนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนยื่นแบบขอนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (แบบ ทกท. ๓๐๖) และแบบคำร้องขอนำคอนเทนเนอร์ และหรือคอนเทนเนอร์แร็คเปล่าออกไปจากอารักขาของศุลกากร ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด โดยต้องชำระค่าภาระและค่าธรรมเนียมตามที่ กทท. กำหนด พร้อมรับใบขอนำตู้สินค้าขาเข้าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (GATE TICKET OUT) ที่แผนกสารสนเทศกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนรถบรรทุก หรือขบวนรถไฟ หรือเรือลำเลียงเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๓๗ กรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนมาดำเนินการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้า ก่อนนำตู้สินค้าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หากดำเนินการไม่ทันกำหนดเวลาการปฏิบัติงาน กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น หมวด ๘ การนำตู้สินค้า FCL ขาออกและตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถไฟ ข้อ ๓๘ การขอนำตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ โดยทางรถไฟ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทน (CONTAINER OPERATOR) ยื่นขอ “ชื่อผู้ใช้งาน” (USER NAME) และ “รหัสผ่าน” (PASSWORD) เพื่อใช้ในการบันทึกและส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามแบบที่ กทท. กำหนด ที่แผนกสารสนเทศกองปฏิบัติการสินค้า ๓ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้นก่อนเสนอฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ อนุมัติชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่าน พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ขอใช้บริการทราบ ข้อ ๓๙ การส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน จัดส่งข้อมูลรายละเอียดของตู้สินค้าให้ถูกต้องครบถ้วนตามแบบที่ กทท. กำหนด โดยให้บันทึกข้อมูลผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-SERVICES FOR CONTAINER TERMINAL MANAGEMENT SYSTEM : CTMS) ก่อนตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง มิฉะนั้นจะไม่อนุญาตให้ตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๔๐ กรณีที่ไม่สามารถส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนจัดส่งข้อมูลตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบขอนำตู้สินค้าขาออกผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท๐๑.๐๐.๐๑.(๐๑)) พร้อมแนบแบบค่าภาระการนำรถพ่วง รถไฟเข้าเขต กทท. (แบบ ทกท.๒๐๑.๒.๑.๒) ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ หรือทางโทรสาร หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๔๑ กรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทน มาดำเนินการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้าก่อนรถไฟผ่านเข้าเขตกากรท่าเรือกรุงเทพ หากดำเนินการไม่ทันกำหนดเวลาการปฏิบัติงานทางรถไฟ กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น ข้อ ๔๒ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนยื่นแบบค่าภาระการนำรถพ่วง รถไฟเข้าเขต กทท. (แบบ ทกท.๒๐๑.๒.๑.๒) พร้อมใบกำกับการขนย้ายสินค้า ตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนขบวนรถไฟเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๔๓ สถานีรถไฟแม่น้ำ การรถไฟแห่งประเทศไทย จะจัดส่งข้อมูลตู้สินค้า FCL ขาออกหรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ โดยทางโทรสาร หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนขบวนรถไฟเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง หมวด ๙ การนำตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ทางรถไฟไปบรรทุกลงเรือลำเลียงโดยตรงที่ท่าเทียบเรือภายในประเทศ ข้อ ๔๔ การนำตู้สินค้า FCL ขาออก หรือตู้สินค้าเปล่าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพทางรถไฟไปบรรทุกลงเรือลำเลียงโดยตรงที่ท่าเทียบเรือภายในประเทศ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนยื่นแบบขอนำตู้สินค้าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๗)) แบบค่าภาระการนำรถพ่วง รถไฟเข้าเขต กทท. (แบบ ทกท.๒๐๑.๒.๑.๒) และบันทึกที่ศุลกากรอนุญาตให้ตู้สินค้าผ่านเข้าเขตอารักขาของศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนขบวนรถไฟเข้าเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๔๕ กรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทน มาดำเนินการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้า ก่อนนำตู้สินค้าผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หากดำเนินการไม่ทันกำหนดเวลาการปฏิบัติงาน กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น หมวด ๑๐ การนำตู้สินค้า LCL ขาออกที่บรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพไปลงเรือลำเลียงที่ท่าเทียบเรือภายในประเทศ ข้อ ๔๖ การนำตู้สินค้า LCL ขาออกที่บรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ไปลงเรือลำเลียงที่ท่าเทียบเรือภายในประเทศ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนยื่นแบบขอนำตู้สินค้า ออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๗)) พร้อมสำเนาและบันทึกขออนุญาตขนย้ายตู้สินค้า ออกจากเขตท่าเรือกรุงเทพกรณีพิเศษของศุลกากร ที่แผนกสารสนเทศกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ข้อ ๔๗ กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้าที่ยื่นไว้เดิม ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทน มาดำเนินการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตู้สินค้า ก่อนนำตู้สินค้าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หากมิได้ดำเนินการ กทท. จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น หมวด ๑๑ การให้บริการบรรจุตู้สินค้าห้องเย็นในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๔๘ การขออนุญาตบรรจุสินค้าขาออกเข้าตู้สินค้าห้องเย็น และการให้บริการตู้สินค้าห้องเย็นเปล่า ในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ให้เจ้าของตู้สินค้าหรือตัวแทน หรือเจ้าของสินค้าหรือตัวแทนที่มีความประสงค์ขอทำการบรรจุสินค้าขาออกเข้าตู้สินค้าห้องเย็นขอใช้กระแสไฟฟ้าเสียบปลั๊กตู้สินค้าห้องเย็นเปล่า ยื่นแบบขออนุญาตใช้กระแสไฟฟ้า (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๖)) ที่แผนกสารสนเทศกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ข้อ ๔๙ ให้เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนที่มีความประสงค์ขอใช้บริการตู้สินค้าห้องเย็นเปล่าเพื่อทดสอบก่อนใช้ (PRE-TIP INSPECTION) และการเตรียมตู้บรรจุสินค้า (PRE-COOL) แล้วนำตู้สินค้าห้องเย็นเปล่าออกไปนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ยื่นแบบขออนุญาตใช้กระแสไฟฟ้า (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๖)) ใช้กระแสไฟฟ้าเสียบปลั๊กตู้สินค้าห้องเย็นเปล่า ที่แผนกสารสนเทศ กองปฏิบัติการสินค้า ๓ หมวด ๑๒ บทเฉพาะกาล ข้อ ๕๐ ให้ใช้แบบขออนุญาตนำตู้สินค้าเปล่าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ (แบบ ทกท.๓๐๖) ต่อไปจนกว่า กทท. จะประกาศยกเลิกการใช้แบบดังกล่าว ข้อ ๕๑ กรณีการส่งข้อมูลล่วงหน้า (PRE-ADVICE) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-SERVICES FOR CONTAINER TERMINAL MANAGEMENT SYSTEM : CTMS) ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามหมวด ๕ หมวด ๖ และหมวด ๘ กทท. อนุโลมให้ยื่นเอกสารตามแบบที่ กทท. กำหนดไว้ไปก่อนจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขอนำตู้สินค้าออกเพื่อผ่านเข้าเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๑)) ๒. ใบแจ้งขอปฏิบัติงาน (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๒)) ๓. รายงานการบรรจุตู้สินค้าและตู้สินค้าเปล่าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๓)) ๔. รายงานการเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษและการบรรจุสินค้าเพื่อบรรทุกลงเรือ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๔)) ๕. แบบขอนำสินค้าส่งออกเพื่อเข้ามาบรรจุในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๕)) ๖. แบบขออนุญาตใช้กระแสไฟฟ้า (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑(๐๖)) ๗. แบบขอนำตู้สินค้าออกนอกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๗)) ๘. แบบอนุญาตนำสินค้าขาผ่านออกนอกเขตศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๑.๐๐.๐๑(๐๘)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๙๕ ง/หน้า ๑/๑๑ กันยายน ๒๕๕๗
711320
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้า หรือตู้สินค้าที่ได้ยื่นใบขนสินค้า วางประกัน ชำระค่าภาษีอากร โดยได้ทำพิธีการตรวจปล่อย หรือยังมิได้ทำพิธีการตรวจปล่อยสินค้า หรือตู้สินค้าจากกรมศุลกากร และ/หรือยังไม่ได้นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2557
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้า หรือตู้สินค้าที่ได้ยื่นใบขนสินค้า วางประกัน ชำระค่าภาษีอากร โดยได้ทำพิธีการตรวจปล่อย หรือยังมิได้ทำพิธีการตรวจปล่อยสินค้า หรือตู้สินค้าจากกรมศุลกากร และ/หรือยังไม่ได้นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] โดยที่เห็นเป็นการสมควรให้มีการกำหนดวิธีดำเนินการเกี่ยวกับสินค้า หรือตู้สินค้าที่ได้ยื่นใบขนสินค้า วางประกัน ชำระค่าภาษีอากร โดยได้ทำพิธีการตรวจปล่อย หรือยังมิได้ทำพิธีการตรวจปล่อยสินค้า หรือตู้สินค้าจากกรมศุลกากร และ/หรือยังไม่ได้นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้า หรือตู้สินค้าที่ได้ยื่นใบขนสินค้า วางประกัน ชำระค่าภาษีอากร โดยได้ทำพิธีการตรวจปล่อยหรือยังมิได้ทำพิธีการตรวจปล่อยสินค้า หรือตู้สินค้าจากกรมศุลกากร และ/หรือยังไม่ได้นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิกระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “สินค้า” หมายความว่า สัตว์ พืช หรือสิ่งของทุกชนิดที่แลกเปลี่ยน ซื้อ ขาย ให้หรือถือกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย และให้หมายรวมถึงของใช้ส่วนตัวของบุคคล หรือนิติบุคคลที่นำเข้า “ใบขนสินค้า” หมายความว่า ใบ หรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่แสดงรายการต่อไปนี้ คือ ชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนัก ราคาศุลกากร และรายการอื่น ๆ ตามแต่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนด และให้ลงนามรับรองในใบขนสินค้า หรือใช้วิธีใดตามที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนดเพื่อรับรองใบขนสินค้าว่าข้อความที่ได้แสดงไว้เป็นความสัตย์จริง “ค่าภาษีอากร” หมายความว่า ค่าภาษี ค่าอากร ค่าธรรมเนียม หรือค่าภาระติดพันในทางศุลกากร หรืออากรชั้นใน “วางประกัน” หมายความว่า ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากรเห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับจำนวนค่าอากรสำหรับของที่กำลังผ่านศุลกากร ให้นำของนั้นไปยังศุลกสถาน หรือนำไปเก็บไว้ในที่มั่นคงแห่งใดแห่งหนึ่ง เว้นแต่พนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าของ หรือตัวแทนจะตกลงกันยอมให้เอาแต่ตัวอย่างของไว้วินิจฉัยปัญหา และเพื่อรักษาประโยชน์รายได้แผ่นดิน ให้ชำระอากรตามจำนวนที่ผู้นำของเข้า หรือผู้ส่งของออก แล้วแต่กรณี สำแดงไว้ในใบขนสินค้า และให้วางเงินเพิ่มเติมเป็นประกันจนครบจำนวนเงินอากรสูงสุดที่อาจจะพึงต้องเสียสำหรับของนั้น แต่อธิบดีกรมศุลกากรจะประกาศกำหนดให้รับการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง หรือธนาคารแทนการวางเงินเพิ่มเติมเป็นประกันดังกล่าว โดยอาจกำหนดให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เห็นสมควรก็ได้ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการขายทอดตลาดสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๕ คณะกรรมการ ประกอบด้วย ๕.๑ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเงิน ประธานกรรมการ ๕.๒ ผู้อำนวยการกองพัสดุ กรรมการ ๕.๓ ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองปฏิบัติการสินค้า ๑ กรรมการ ๕.๔ ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองคลังสินค้า กรรมการ ๕.๕ หัวหน้าแผนกคดี กรรมการ ๕.๖ หัวหน้าแผนกงบทาการงานปฏิบัติการ กรรมการ ๕.๗ หัวหน้าแผนกคลังสินค้าตกค้าง กรรมการ และเลขานุการ ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการมีอำนาจดำเนินการขายทอดตลาดสินค้าที่ไม่ได้นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ ภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด ดังนี้ ๖.๑ สินค้า หรือตู้สินค้าที่ได้ยื่นใบขนสินค้า วางประกัน ชำระค่าภาษีอากรโดยได้ทำพิธีการตรวจปล่อย หรือยังมิได้ทำพิธีการตรวจปล่อยสินค้า หรือตู้สินค้าจากกรมศุลกากร และ/หรือยังไม่ได้นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ ๖.๒ สินค้า หรือตู้สินค้าที่ศุลกากรขายทอดตลาดและมีผู้ประมูลได้แล้วไม่นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ ๖.๓ สินค้า หรือตู้สินค้าอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายเพิ่มเติม ข้อ ๗ สินค้าขาเข้าทั่วไป เมื่อครบกำหนด ๒ เดือน ๑๕ วัน สินค้าผ่านแดน เมื่อครบกำหนด ๙๐ วัน และสินค้าอันตรายตามรายการที่ศุลกากรกำหนด เมื่อครบกำหนด ๗ วัน นับจากวันที่เรือเข้า ให้หน่วยงานที่รับมอบและเก็บรักษาสินค้า หรือตู้สินค้าไว้ ดำเนินการตรวจสอบสินค้าที่ยังมิได้นำออกจากที่เก็บสินค้า หรือตู้สินค้าของเรือแต่ละลำ โดยแยกเป็น ๗.๑ กรณีสินค้า หรือตู้สินค้าที่ยังมิได้ยื่นใบขนสินค้า วางประกัน หรือชำระค่าภาษีอากร และมีหนังสือจากกรมศุลกากรประจำหน่วยงานแจ้งให้ส่งสินค้า หรือตู้สินค้านั้นไปยังคลังสินค้าตกค้าง ให้รีบดำเนินการจัดส่งโดยเร็ว ๗.๒ กรณีสินค้า หรือตู้สินค้าที่ได้ยื่นใบขนสินค้า วางประกัน หรือชำระค่าภาษีอากร โดยได้ทำพิธีการตรวจปล่อย หรือยังมิได้ทำพิธีการตรวจปล่อยสินค้า หรือตู้สินค้าจากกรมศุลกากร และ/หรือยังไม่ได้นำออกจากท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๘ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบสินค้า หรือตู้สินค้าตามข้อ ๗.๒ ประสานงานกับกรมศุลกากรประจำหน่วยงาน เพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า หรือตู้สินค้านั้น และจัดทำบันทึกสอบถามว่าสินค้า หรือตู้สินค้านั้นมีการดำเนินพิธีการตรวจปล่อยจากนายตรวจศุลกากรครบถ้วนแล้วหรือไม่ หรืออยู่ในกระบวนการขั้นตอนใด ดังนี้ ๘.๑ ถ้าได้ดำเนินพิธีการตรวจปล่อยครบถ้วนแล้ว ให้ประสานเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำหน่วยงานดำเนินการบันทึกสั่งปล่อยในระบบคอมพิวเตอร์และจัดทำเอกสารแจ้งให้กับ กทท. ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป ๘.๒ ถ้ายังมิได้ดำเนินพิธีการตรวจปล่อย หรือตรวจแล้วแต่ยังไม่มีการสั่งปล่อย ให้ประสานเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำหน่วยงานกำหนดนายตรวจศุลกากรเพื่อทำการตรวจปล่อยสินค้า หรือตู้สินค้านั้น ถ้าปรากฏว่าสินค้า หรือตู้สินค้าถูกต้องตรงตามสำแดงในใบขนสินค้า ขอให้ดำเนินการบันทึกสั่งปล่อยในระบบคอมพิวเตอร์และจัดทำเอกสารแจ้งให้กับ กทท. ข้อ ๙ การดำเนินการเกี่ยวกับสินค้า หรือตู้สินค้าซึ่งศุลกากรได้ดำเนินพิธีการและเก็บภาษีอากรครบถ้วนและได้ทำพิธีการตรวจปล่อยแล้ว เมื่อศุลกากรบันทึกสั่งปล่อยในระบบคอมพิวเตอร์ และจัดทำเอกสารแจ้งให้กับ กทท. แล้ว ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ ๙.๑ หน่วยงานที่เก็บรักษาสินค้า หรือตู้สินค้า ดำเนินการส่งหนังสือขอให้มานำสินค้าที่ดำเนินพิธีการศุลกากรแล้วออกไปจากท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบที่ กทท. กำหนดแนบท้ายระเบียบนี้ โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแจ้งไปยังเจ้าของสินค้าให้มาชำระค่าภาระและนำสินค้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ ในกรณีที่ไม่มีผู้รับไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้ดำเนินการปิดประกาศหนังสือดังกล่าว ณ หน่วยงานนั้นเป็นระยะเวลา ๑๕ วัน ๙.๒ เมื่อครบกำหนดเวลาตามข้อ ๙.๑ แล้ว และเจ้าของสินค้าไม่มาชำระค่าภาระและนำสินค้า หรือตู้สินค้าออกไปจากท่าเรือกรุงเทพ ให้หน่วยงานที่เก็บรักษาสินค้า หรือตู้สินค้าดำเนินการส่งหนังสือแจ้งการนำสินค้าที่ดำเนินพิธีการศุลกากรแล้วออกขายทอดตลาด ตามแบบที่ กทท.กำหนดแนบท้ายระเบียบนี้ โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแจ้งไปยังเจ้าของสินค้าให้รับทราบการคำนวณค่าภาระต่าง ๆ ที่เจ้าของสินค้าจะต้องชำระให้กับ กทท. พร้อมทั้งแจ้งให้มานำสินค้าหรือตู้สินค้าออกไปจากท่าเรือกรุงเทพ ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ และแจ้งให้เจ้าของสินค้าทราบว่า หากไม่มาชำระค่าภาระและนำสินค้า หรือตู้สินค้าออกภายในกำหนดดังกล่าว กทท. จะดำเนินการขายทอดตลาดสินค้าดังกล่าว ในกรณีที่ไม่มีผู้รับไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้ดำเนินการปิดประกาศหนังสือดังกล่าว ณ หน่วยงานนั้นเป็นระยะเวลา ๑๕ วัน เมื่อครบกำหนดตามวรรคแรกแล้ว หากเจ้าของสินค้ายังไม่มาชำระค่าภาระและนำสินค้า หรือตู้สินค้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ให้คณะกรรมการดำเนินการขายทอดตลาดสินค้าดังกล่าวโดยนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดสินค้ามาชำระค่าภาระให้กับ กทท. หากมีเงินเหลือจะคืนให้กับเจ้าของสินค้าภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับจากวันที่ กทท. มีหนังสือแจ้งให้ทราบ ๙.๓ กรณีเจ้าของสินค้ามีหนังสือแจ้งมายัง กทท. ว่าจะขอผ่อนผันนำสินค้า หรือตู้สินค้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ เกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด ให้อยู่ในการพิจารณาของผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า โดยมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ๙.๓.๑ เจ้าของสินค้าจะต้องชำระค่าภาระต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อน ๙.๓.๒ ระยะเวลาที่จะผ่อนผันให้เป็นไปตามเหตุผล และความจำเป็นของเจ้าของสินค้า แต่ไม่เกิน ๔๕ วัน ๙.๓.๓ หากเจ้าของสินค้าไม่มาดำเนินการนำสินค้าออกจากท่าเรือกรุงเทพภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันตามข้อ ๙.๓.๒ กทท. จะดำเนินการนำสินค้าออกขายทอดตลาดตามข้อ ๙.๒ วรรคสอง ข้อ ๑๐ เมื่อมีผู้ประมูลสินค้าที่ขายทอดตลาดได้ ให้ผู้ประมูลได้ทำหนังสือยินยอมให้ขายสินค้าที่ประมูลได้จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามแนบท้ายระเบียบนี้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้ ๑๐.๑ ต้องชำระเงินค่าสินค้าให้ครบถ้วนตามราคาที่ประมูลได้พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสดโดยทันที แต่หากราคาที่ประมูลได้สูงเกินกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาท) และผู้ประมูลได้ไม่พร้อมที่จะชำระเงินทั้งหมดในทันที ผู้ประมูลจะต้องวางเงินสดมัดจำไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ ของราคาที่ประมูลได้ในทันที และจะต้องชำระส่วนที่เหลือทั้งหมดในวันรุ่งขึ้นที่เปิดทำการ ณ กองจัดการการเงิน สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี กรณีไม่มาชำระเงินส่วนที่เหลือภายในกำหนด กทท.จะยึดเงินมัดจำและจะนำสินค้าออกขายทอดตลาด และหากขายทอดตลาดสินค้าได้เงินน้อยกว่าเงินส่วนที่ผู้ประมูลได้ค้างชำระรวมกับค่าใช้จ่าย ในการขายทอดตลาด ผู้ประมูลได้ครั้งแรกจะต้องรับผิดชอบชดใช้ส่วนต่างให้กับ กทท. ๑๐.๒ ต้องนำสินค้าที่ประมูลได้ออกไปจากท่าเรือกรุงเทพ ภายในกำหนดเวลา ๓ วัน ทาการ นับตั้งแต่วันที่ได้ชำระเงินค่าสินค้านั้นครบถ้วนแล้ว ถ้าผู้ประมูลได้ไม่นำสินค้าที่ประมูลได้ออกไปภายในกำหนดเวลาดังกล่าว กทท. จะเรียกเก็บค่าฝากเก็บสินค้านั้นตามอัตราค่าภาระฝากเก็บสินค้าที่กำหนดไว้ ๑๐.๓ เมื่อครบกำหนด ๑๕ วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้ประมูลได้ชำระค่าสินค้านั้นครบถ้วนแล้ว ผู้ประมูลได้ไม่นำสินค้าที่ประมูลได้ออกไปจากท่าเรือกรุงเทพ กทท. มีสิทธินำสินค้านั้นออกขายทอดตลาด โดยให้คณะกรรมการขายทอดตลาดดำเนินการนำสินค้านั้นออกขายทอดตลาดเพื่อหักเงินที่ขายได้เป็นค่าฝากสินค้า และค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาดไว้ให้ครบถ้วน หากมีเงินเหลือจะคืนให้กับผู้ประมูลได้ภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับจากวันที่ กทท. มีหนังสือแจ้งให้ทราบ ๑๐.๔ กรณีที่ผู้ประมูลได้มาขอรับสินค้าเมื่อพ้นกำหนดเวลา ๑๕ วันแล้ว และสินค้า อยู่ในระหว่างดำเนินการขายทอดตลาด แต่ยังไม่เสร็จสิ้น ให้ผู้ประมูลได้ชำระค่าฝากเก็บสินค้าที่คงค้าง และให้ดำเนินการส่งมอบสินค้านั้นให้แก่ผู้ประมูลได้ต่อไป ๑๐.๕ หน่วยงานที่เก็บรักษาสินค้า หรือตู้สินค้า จัดทำเอกสารใบรับของจากท่าเรือกรุงเทพและใบกำกับสินค้าเพื่อส่งมอบสินค้า หรือตู้สินค้าให้ถูกต้องครบถ้วน พร้อมจัดทำบันทึกแจ้งศุลกากรประจำหน่วยงานทราบ ข้อ ๑๑ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ เรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล รองผู้อานวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน รักษาการแทน ผู้อานวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๐) ๒. ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๑) ๓. หนังสือยินยอมให้ขายสินค้าที่ประมูลได้จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ทกท. ๐๑.๐๐.๐๑ (๑๒)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๘๓ ง/หน้า ๑/๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๗
702297
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง พ.ศ. 2557
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง พ.ศ. ๒๕๕๗[๑] โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบว่าด้วยการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อคัดเลือกคุณสมบัติของผู้รับเหมาก่อสร้างที่จะเข้าเสนอราคาให้มีความถูกต้อง และเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง พ.ศ. ๒๕๔๓ ๓.๒ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ ๓.๓ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “เจ้าหน้าที่พัสดุ” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการพัสดุ หรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง หรือได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยให้มีหน้าที่ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพัสดุตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ “ผู้รับเหมาก่อสร้าง” หมายความว่า บุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วน หรือนิติบุคคล ซึ่งมีความประสงค์จะผูกนิติสัมพันธ์กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการก่อสร้างทั้งการจ้างทำของ หรือจ้างแรงงาน “ผู้รับเหมาจดทะเบียน” หมายความว่า ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ได้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและได้รับหนังสือสำคัญจากคณะกรรมการพิจารณาการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง “หนังสือสำคัญ” หมายความว่า หนังสือที่ออกให้แก่ผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อแสดงว่าเป็นผู้รับเหมาจดทะเบียนตามระเบียบนี้แล้ว ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาด กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด หมวด ๑ ประเภทและชั้นของผู้รับเหมาก่อสร้าง ข้อ ๖ ผู้รับเหมาก่อสร้างแบ่งเป็น ๓ ประเภท ดังนี้ ๖.๑ งานทาง ๖.๒ งานอาคาร ๖.๓ งานไฟฟ้า ข้อ ๗ ผู้รับเหมาก่อสร้างงานทาง ได้แก่ ผู้ที่รับดำเนินการงานต่าง ๆ ดังนี้ ๗.๑ งานถนน ได้แก่ งานก่อสร้าง ปรับปรุง หรือบูรณะถนนลูกรัง ถนนลาดยางแอสฟัลด์ ถนนคอนกรีต รวมทั้งสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยสำหรับถนน ๗.๒ งานพื้นวางสินค้า ได้แก่ งานก่อสร้าง ปรับปรุง หรือบูรณะพื้นที่โดยใช้วัสดุต่าง ๆ ให้สามารถรับน้ำหนักได้ตามต้องการ รวมทั้งสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของพื้นวางสินค้า ๗.๓ งานระบายน้ำ ได้แก่ งานก่อสร้างปรับปรุง หรือบูรณะเกี่ยวกับระบบระบายน้ำ เช่น การวางท่อระบายน้ำ อุโมงค์ระบายน้ำ ประตูน้ำ การขุดลอกคูคลอง การทำความสะอาดท่อระบายน้ำหรืองานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๗.๔ งานเขื่อน ได้แก่ งานก่อสร้าง ปรับปรุง หรือบูรณะเขื่อนกันดิน เขื่อนกั้นน้ำ รวมทั้งส่วนประกอบของเขื่อน ข้อ ๘ ผู้รับเหมาก่อสร้างงานอาคาร ได้แก่ ผู้ที่รับดำเนินการงานก่อสร้าง ปรับปรุง หรือบูรณะอาคาร หรือสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ นอกจากที่ระบุไว้ในข้อ ๗ รวมทั้งงานตกแต่งภายใน ภายนอกอาคาร บริเวณต่อเนื่องตลอดจนงานติดตั้ง ก่อสร้าง ปรับปรุง หรือบูรณะอุปกรณ์เกี่ยวกับอาคารและสถานที่ด้วย ข้อ ๙ ผู้รับเหมาก่อสร้างงานไฟฟ้า ได้แก่ ผู้ที่รับดำเนินงานระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ไฟฟ้ากำลัง ระบบปรับอากาศ และระบบโทรศัพท์ ข้อ ๑๐ ผู้รับเหมาก่อสร้างงานทาง แบ่งเป็น ๔ ชั้น โดยแต่ละชั้นมีสิทธิในวงเงินรับจ้างเหมาแต่ละครั้งแตกต่างกันไปตามเกณฑ์ที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๑ ผู้รับเหมาก่อสร้างงานอาคาร แบ่งเป็น ๔ ชั้น โดยแต่ละชั้นมีสิทธิในวงเงินรับจ้างเหมาแต่ละครั้งแตกต่างกันไปตามเกณฑ์ที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๒ ผู้รับเหมาก่อสร้างงานไฟฟ้า แบ่งเป็น ๔ ชั้น โดยแต่ละชั้นมีสิทธิในวงเงินรับจ้างเหมาแต่ละครั้งแตกต่างกันไปตามเกณฑ์ที่ กทท. กำหนด หมวด ๒ การจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง ข้อ ๑๓ ให้มีคณะกรรมการพิจารณาการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง เรียกโดยย่อว่า “กพจม.” ประกอบด้วย ๑๓.๑ ผู้อำนวยการฝ่ายการช่าง ประธานกรรมการ ๑๓.๒ รองผู้อำนวยการฝ่ายการช่าง รองประธานกรรมการ ๑๓.๓ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรรมการ ๑๓.๔ ผู้อำนวยการกองพัสดุ กรรมการ ๑๓.๕ ผู้อำนวยการกองช่างโยธา กรรมการ ๑๓.๖ ผู้อำนวยการกองแบบแผนและคำนวณ กรรมการ ๑๓.๗ ผู้อำนวยการกองบริการงานช่าง กรรมการ ๑๓.๘ ผู้อำนวยการกองการช่าง กรรมการ ท่าเรือแหลมฉบัง ๑๓.๙ หัวหน้าแผนกก่อสร้าง กรรมการและเลขานุการ ข้อ ๑๔ ให้ กพจม. มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ ๑๔.๑ พิจารณากำหนดสิทธิ และคุณสมบัติของผู้รับเหมาก่อสร้างแต่ละประเภท แต่ละชั้น ๑๔.๒ ดำเนินการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง ๑๔.๓ พิจารณาเลื่อนหรือลดชั้นของผู้รับเหมาจดทะเบียน ๑๔.๔ พิจารณาโทษผู้รับเหมาจดทะเบียนที่กระทำผิดระเบียบนี้ ๑๔.๕ เชิญบุคคลผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล คำแนะนำ คำปรึกษา หรือข้อเสนอแนะได้ตามความจำเป็น ๑๔.๖ ปฏิบัติงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๑๕ ในการประชุม กพจม. แต่ละครั้งต้องมีกรรมการเข้าประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุมได้ ข้อ ๑๖ การลงมติในที่ประชุม กพจม. ให้ถือเสียงข้างมาก โดยให้กรรมการคนหนึ่งมีหนึ่งเสียงในการลงมติ ถ้าเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ข้อ ๑๗ ให้ กพจม. พิจารณากำหนดคุณสมบัติของผู้รับเหมาก่อสร้างแต่ละประเภทและชั้น แล้วเสนอขอความเห็นชอบต่อผู้อำนวยการ ข้อ ๑๘ คุณสมบัติของผู้รับเหมาก่อสร้างตามข้อ ๑๗ ให้เป็นไปตามที่ กทท. กำหนด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ ๑๘.๑ ฐานะการเงิน ๑๘.๒ สมรรถภาพในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ ๑๘.๓ ประสบการณ์ และผลงานที่มีลักษณะงานเป็นประเภทเดียวกันกับที่ขอจดทะเบียน ข้อ ๑๙ ให้ กพจม. ดำเนินการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้างใหม่ เลื่อนชั้นผู้รับเหมาจดทะเบียน ลดชั้นผู้รับเหมาจดทะเบียน แก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานะของกิจการ แก้ไขคุณสมบัติของบริษัทที่ผิดไปจากที่แสดงหลักฐานไว้เดิม และยกเลิกการจดทะเบียนภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันรับคำขอ หรือได้รับรายงานขอให้ยกเลิกการจดทะเบียน แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการเพื่ออนุมัติ ข้อ ๒๐ เมื่อได้รับอนุมัติการจดทะเบียนใหม่ เลื่อนชั้น หรือลดชั้น ให้ประธานกรรมการ กพจม. ออกหนังสือสำคัญการจดทะเบียนตามประเภทและชั้นที่ได้รับอนุมัติ โดยให้มีอายุ ๓ ปีนับจากวันที่ได้รับอนุมัติ ข้อ ๒๑ ในกรณีแปรสภาพนิติบุคคล หรือจะขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทโดยที่คุณสมบัติของบริษัทไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่แสดงหลักฐานไว้เดิมให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อ กพจม. และให้ประธานกรรมการ กพจม. ออกหนังสือสำคัญการจดทะเบียนให้ใหม่ในประเภทและชั้นเดิม โดยหมดอายุวันเดิม ข้อ ๒๒ ผู้รับเหมาจดทะเบียนที่ประสงค์จะขอต่ออายุหนังสือสำคัญการจดทะเบียน ให้ยื่นคำร้องขอต่ออายุ และให้ประธานกรรมการ กพจม. ดำเนินการต่ออายุหนังสือสำคัญในประเภทและชั้นเดิม ผู้รับเหมาจดทะเบียนที่ไม่ยื่นคำร้องขอต่ออายุก่อนที่หนังสือสำคัญหมดอายุ ให้ถือว่าพ้นสภาพการเป็นผู้รับเหมาจดทะเบียน ผู้รับเหมาก่อสร้างซึ่งพ้นสภาพตามวรรคสอง ถ้าประสงค์จะจดทะเบียนใหม่ จะต้องยื่นคำขอจดทะเบียนตามระเบียบนี้เป็นผู้รับเหมาจดทะเบียนรายใหม่ ข้อ ๒๓ ห้าม กพจม. รับจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้างที่ถูกเพิกถอนชื่อจากทะเบียนเป็นการถาวร ตามข้อ ๒๘.๑ การรับจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้างที่ถูกเพิกถอนชื่อจากทะเบียนเป็นการชั่วคราว ตามข้อ ๒๘.๒ จะกระทำมิได้จนกว่าเวลาผ่านพ้นไปแล้ว ๕ ปี นับแต่วันที่ประกาศเพิกถอนชื่อจากทะเบียน ข้อ ๒๔ ในการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้าง ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนผู้รับเหมาก่อสร้างทุกประเภท และลำดับชั้นตามอัตราที่ กทท. กำหนด ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนดังกล่าวให้เป็นรายได้ของ กทท. หมวด ๓ การยื่นเอกสารเสนอราคา ข้อ ๒๕ ในการจ้างเหมาก่อสร้างของ กทท. ตามระเบียบ กทท. ว่าด้วยการพัสดุ ให้ผู้รับเหมาจดทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิซื้อ หรือรับเอกสารและยื่นเอกสารเสนอราคา โดยจะต้องแสดงหนังสือสำคัญต่อเจ้าหน้าที่หรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนบสำเนาหนังสือสำคัญประกอบการยื่นเอกสารทุกครั้ง ผู้รับเหมาจดทะเบียนแต่ละชั้นจะซื้อหรือรับเอกสารและยื่นเสนอราคาในชั้นที่สูงกว่าชั้นที่จดทะเบียนไว้ไม่ได้ แต่มีสิทธิซื้อหรือรับเอกสารและยื่นเสนอราคาในชั้นที่ต่ำกว่าชั้นที่จดทะเบียนไว้ได้ ข้อ ๒๖ กทท. ขอสงวนสิทธิที่จะเปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วน หรือนิติบุคคลทั่วไป มีสิทธิซื้อ หรือรับเอกสารและยื่นเสนอราคาได้ ในกรณีดังต่อไปนี้ ๒๖.๑ เป็นงานต้องจำกัดเฉพาะผู้ที่มีความสามารถพิเศษ ๒๖.๒ ลักษณะของงานไม่ตรงกับประเภทของผู้รับเหมาก่อสร้างที่จดทะเบียนไว้ ๒๖.๓ งานอื่น ๆ ที่ กทท. เห็นสมควร การดำเนินการตามวรรคแรก ให้เจ้าหน้าที่พัสดุพิจารณาเสนอขออนุมัติต่อผู้อำนวยการเป็นกรณี ๆ ไป ข้อ ๒๗ การพิจารณาผลการยื่นซองเอกสารราคาในคราวใด หากปรากฏว่ามีผู้เสนอราคาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ให้เจ้าหน้าที่หรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องแจ้งให้ กพจม. พิจารณาโทษผู้รับเหมาจดทะเบียนรายนั้น หมวด ๔ บทกำหนดโทษ ข้อ ๒๘ โทษของผู้รับเหมาจดทะเบียน มีดังนี้ ๒๘.๑ เพิกถอนชื่อจากทะเบียนเป็นการถาวร ๒๘.๒ เพิกถอนชื่อจากทะเบียนเป็นการชั่วคราว ๒๘.๓ ตัดสิทธิมิให้เข้ารับเหมาก่อสร้างในระยะเวลาที่กำหนด ข้อ ๒๙ ผู้รับเหมาจดทะเบียนที่จะได้รับโทษ ตามข้อ ๒๘.๑ จะต้องปรากฏการกระทำผิด ดังต่อไปนี้ ๒๙.๑ ได้รับการแจ้งเวียนชื่อเป็นผู้ทิ้งงานของทางราชการ ๒๙.๒ เป็นผู้ทิ้งงานของ กทท. โดยไม่มีเหตุอันควร ข้อ ๓๐ ผู้รับเหมาจดทะเบียนที่จะได้รับโทษ ตามข้อ ๒๘.๒ จะต้องปรากฏการกระทำผิด ดังต่อไปนี้ ๓๐.๑ เป็นผู้ถูกบอกเลิกสัญญา เว้นแต่ไม่ใช่การกระทำผิดของผู้รับเหมาจดทะเบียน ๓๐.๒ เป็นผู้รับเหมาจดทะเบียนที่กระทำผิดตามข้อ ๒๗ ๓๐.๓ มีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเป็นผู้ไร้สมรรถภาพในการบริหารงาน ข้อ ๓๑ การตัดสิทธิมิให้เข้ารับเหมาก่อสร้าง ตามข้อ ๒๘.๓ ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ดังต่อไปนี้ ๓๑.๑ เป็นผู้รับเหมาจดทะเบียนที่ทำผิดแบบรายการอยู่เสมอ ทำงานล่าช้า หรือไม่ต่อเนื่อง หรือปฏิบัติงานที่อาจเกิดความเสียหายแก่ กทท. โดยไม่มีเหตุอันสมควรให้ตัดสิทธิรับเหมาก่อสร้างเป็นเวลา ๒ ปี นับแต่วันที่มีประกาศ ตามข้อ ๓๒ ๓๑.๒ เป็นผู้รับเหมาจดทะเบียนที่ได้รับแจ้งให้แก้ไข หรือซ่อมแซมงานที่อยู่ในระหว่างรับประกันผลงานแล้วไม่ดำเนินการตามกำหนด ให้ตัดสิทธิเข้ารับเหมาก่อสร้างเป็นเวลา ๒ ปี นับแต่วันที่มีประกาศตามข้อ ๓๒ ๓๑.๓ เป็นผู้รับเหมาจดทะเบียนที่ไม่มาชี้แจงตามที่ กทท. แจ้งไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรให้ตัดสิทธิเข้าเสนอราคาเป็นเวลา ๑ ปี นับแต่วันที่มีประกาศ ตามข้อ ๓๒ ข้อ ๓๒ เมื่อ กพจม. ได้พิจารณาโทษผู้รับเหมาจดทะเบียนแล้ว ให้รายงานต่อผู้อำนวยการ เพื่อให้ความเห็นชอบก่อนประกาศให้ผู้รับเหมาจดทะเบียนทราบโดยทั่วกัน ข้อ ๓๓ ผู้รับเหมาจดทะเบียนที่ถูกลงโทษมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อ กพจม. ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันประกาศลงโทษและให้ กพจม. พิจารณาเสนอผู้อำนวยการ เพื่อวินิจฉัยชี้ขาดภายใน ๙๐ วัน นับจากวันได้รับคำอุทธรณ์ ทั้งนี้ คำวินิจฉัยชี้ขาดตามวรรคแรกให้ถือเป็นที่สุด หมวด ๕ บทเฉพาะกาล ข้อ ๓๔ ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ได้รับสิทธิเป็นผู้รับเหมาจดทะเบียนก่อนระเบียบ กทท. ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ให้คงสิทธิการเป็นผู้รับเหมาจดทะเบียนในประเภทเดิม ชั้นเดิมต่อไป และเมื่อหมดอายุให้สิทธิผู้รับเหมายื่นขอต่ออายุตามข้อ ๒๒ ประกาศ ณ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ เรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๕ มีนาคม ๒๕๕๗ อังศุมาลี/ผู้ตรวจ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๔๐ ง/หน้า ๒/๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
690347
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2556
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๖[๑] เพื่อให้การนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศที่เข้ามาในท่าเรือกรุงเทพเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สะดวกต่อการควบคุมและรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันมิให้ทรัพย์สินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดความเสียหาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) และ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๖” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ทกท.” หมายความว่า ท่าเรือกรุงเทพ “อ.ทกท.” หมายความว่า ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ “ผู้ยื่นแบบ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ประสงค์จะทำหน้าที่จัดส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ “แบบขออนุญาต” หมายความว่า แบบขออนุญาตให้ประกอบกิจการ และทำบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ “ใบสำคัญอนุญาต” หมายความว่า ใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ “บัตรประจำตัว” หมายความว่า บัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้จัดส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ หมวด ๑ การยื่นแบบขออนุญาต ข้อ ๖ ผู้ยื่นแบบต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย โดยยื่นแบบขออนุญาตได้ที่แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ทกท. ในวันและเวลาทำงานปกติ ข้อ ๗ ผู้ยื่นแบบต้องยื่นแบบขออนุญาต ตามแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๕) แนบท้ายระเบียบนี้พร้อมเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ ๗.๑ กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ประกอบด้วย ๗.๑.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่มีอายุไม่เกิน ๖ เดือน พร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๗.๑.๒ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๗.๑.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี) ๗.๑.๔ หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) ๗.๑.๕ รูปถ่ายของหุ้นส่วนผู้จัดการขนาด ๑ นิ้ว จำนวน ๓ รูป ๗.๑.๖ หนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคาร ตามแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๖) แนบท้ายระเบียบนี้ จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ระยะเวลาค้ำประกัน ๓ ปี เพื่อค้ำประกันความเสียหายที่อาจก่อให้เกิดแก่ กทท. ๗.๑.๗ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๗.๒ กรณีบริษัทจำกัด ประกอบด้วย ๗.๒.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่มีอายุไม่เกิน ๖ เดือน พร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๗.๒.๒ หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท ๗.๒.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ ๗.๒.๔ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี) ๗.๒.๕ หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) ๗.๒.๖ รูปถ่ายของกรรมการผู้จัดการขนาด ๑ นิ้ว จำนวน ๓ รูป ๗.๒.๗ หนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคาร ตามแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๖) แนบท้ายระเบียบนี้ จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ระยะเวลาค้ำประกัน ๓ ปี เพื่อค้ำประกันความเสียหายที่อาจก่อให้เกิดแก่ กทท. ๗.๒.๘ อื่น ๆ (ถ้ามี) ข้อ ๘ ผู้ยื่นแบบต้องชำระค่าธรรมเนียมจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ในวันที่ยื่นขอจดทะเบียน ณ กองจัดการการเงิน สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงิน และบัญชี หมวด ๒ ใบสำคัญอนุญาต ข้อ ๙ ให้แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า จัดทำใบสำคัญอนุญาต ตามแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๗) แนบท้ายระเบียบนี้ และบัตรประจำตัว ตามแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๘) แนบท้ายระเบียบนี้ พร้อมทั้งสำเนาแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๗) และแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๘) ให้กองรักษาความปลอดภัยฝ่ายบริหารงานสนันสนุน ทกท. เพื่อทราบด้วย ข้อ ๑๐ ให้แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ทำหน้าที่ตรวจสอบทางทะเบียนกรณีผู้ประกอบกิจการไม่จดทะเบียนขออนุญาตประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ หรือผู้ได้รับอนุญาตไม่ขอต่ออายุใบสำคัญอนุญาต รวมทั้งการไม่ชำระค่าธรรมเนียมหรือไม่วางหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคาร ข้อ ๑๑ ให้ อ.ทกท. เป็นผู้ลงนามอนุญาตในใบสำคัญอนุญาต ข้อ ๑๒ ใบสำคัญอนุญาต ให้มีกำหนดระยะเวลา ๓ ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุญาต ข้อ ๑๓ ผู้ประกอบกิจการรายใดประสงค์จะดำเนินกิจการต่อไป ให้ยื่นแบบขอต่ออายุใบสำคัญอนุญาตและทำบัตรประจำตัว ตามแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๙) แนบท้ายระเบียบนี้ ต่อ อ.ทกท. ที่แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ก่อนวันครบกำหนดไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน พร้อมหลักฐานตามข้อ ๗.๑ หรือข้อ ๗.๒ แล้วแต่กรณี รวมทั้งชำระค่าธรรมเนียมตามข้อ ๘ หมวด ๓ การนำส่งเสบียงและของใช้ ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบกิจการรายใดประสงค์จะนำส่งเสบียงและของใช้ผ่านเข้า ทกท. ต้องยื่นแบบขออนุญาตผ่านเข้า - ออกในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เพื่อนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๑๐) แนบท้ายระเบียบนี้ พร้อมเอกสารตามแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒.(๐๗) หรือแบบ ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๘) แนบท้ายระเบียบนี้ และสำเนาเอกสารที่ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากร (CUSTOMS - PERMIT) ณ กองรักษาความปลอดภัยก่อนทุกครั้ง ข้อ ๑๕ เมื่อผู้ประกอบกิจการได้รับอนุญาตตามข้อ ๑๔ แล้ว ในการนำส่งเสบียงและของใช้ผ่านเข้า ทกท. ต้องนำเอกสารตามข้อ ๑๔ แสดงแก่พนักงานของกองรักษาความปลอดภัย และพนักงานแผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า เพื่อตรวจสอบทุกครั้ง หมวด ๔ มาตรการบังคับ ข้อ ๑๖ บุคคล หรือยานพาหนะของผู้ประกอบกิจการซึ่งเข้ามาใน ทกท. หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของ กทท. ผู้ประกอบกิจการนั้นจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ กทท. ตามความเสียหายที่เกิดขึ้น ข้อ ๑๗ ผู้ประกอบกิจการต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ และหลักปฏิบัติของ กทท. ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ผู้ประกอบกิจการรายใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามความในวรรคแรก กทท. อาจจะพิจารณาเพิกถอนการอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบกิจการ และจะใช้ประกอบการพิจารณาในการขอต่ออายุใบสำคัญอนุญาตหรือการขอมีบัตรประจำตัว ด้วยก็ได้ ข้อ ๑๘ บุคคล หรือยานพาหนะของบุคคลใดที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ กทท. จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจำนวน ๓,๐๐๐ บาท (สามพันบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อคันต่อครั้ง ประกาศ ณ วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขออนุญาตให้ประกอบกิจการและทำบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๕)) ๒. หนังสือสัญญาค้ำประกัน (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๖)) ๓. ใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๗)) ๔. บัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๘)) ๕. แบบขออนุญาตผ่าน เข้า-ออกในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพเพื่อนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๑๐)) ๖. แบบขอต่ออายุใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการและทำบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศ ภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒(๐๙)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ โชติกานต์/ผู้ตรวจ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๙๖ ง/หน้า ๔/๗ สิงหาคม ๒๕๕๖
688516
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติหรือในวันหยุด พ.ศ. 2556
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาทำงานปกติหรือในวันหยุด พ.ศ. ๒๕๕๖[๑] โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้ดำเนินการดังนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติหรือในวันหยุด พ.ศ. ๒๕๕๖” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำสินค้า หรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาปฏิบัติงานปกติ หรือในวันหยุดปฏิบัติงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “วันทำงาน” หมายความว่า วันที่กำหนดให้พนักงานทำงานตามปกติ “วันหยุด” หมายความว่า วันเสาร์ - อาทิตย์ วันหยุดตามประเพณี วันหยุดชดเชยประจำปีของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และวันหยุดอื่นที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด “เวลาทำงานปกติ” หมายความว่า ระยะเวลาระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. เวลาพัก ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น. ทั้งนี้ เวลาพักไม่ให้นับรวมเป็นเวลาทำงานปกติ “ตู้สินค้า FCL” หมายความว่า ตู้สินค้า FCL (Full Container Load) ที่ไม่มีการเปิดตู้นำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้ภายในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ “ตู้สินค้า LCL” หมายความว่า ตู้สินค้า LCL (Less than Container Load) ที่มีการเปิดตู้นำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้ภายในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ “แบบขออนุญาต” หมายความว่า แบบขออนุญาตนำสินค้า หรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติ หรือในวันหยุด ตามแบบ ทกท.01.00.01(09) แนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๕ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนที่ประสงค์จะนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าซึ่งฝากเก็บไว้ที่แผนกโรงพักสินค้า และ/หรือแผนกคลังสินค้า (ยกเว้นตู้สินค้า FCL ที่กองท่าบริการตู้สินค้า) ออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติ หรือในวันหยุด (ไม่รวมวันแรงงานแห่งชาติ หรือวันหยุดชดเชยวันแรงงานแห่งชาติที่ตรงกับวันทำงานปกติของกรมศุลกากร) ปฏิบัติดังต่อไปนี้ ๕.๑ ต้องยื่นแบบขออนุญาต พร้อมทั้งสำเนาจำนวน ๒ ฉบับ ณ แผนกโรงพักสินค้า และ/หรือคลังสินค้าต่าง ๆ ตามวันและเวลาดังนี้ ๕.๑.๑ วันทำงาน ต้องยื่นภายในเวลา ๑๕.๐๐ น. ของวันนั้น ๕.๑.๒ วันหยุด ต้องยื่นภายในเวลา ๑๕.๐๐ น. ของวันทำงานสุดท้ายก่อนวันหยุดนั้น เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องเป็นผู้ลงนามในแบบขออนุญาตเท่านั้น พร้อมแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับมอบสินค้า หรือตู้สินค้า เพื่อให้หัวหน้าแผนกโรงพักสินค้า และ/หรือคลังสินค้า หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนรับทราบ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดเตรียมพนักงานและเครื่องมือทุ่นแรงไว้ให้บริการอย่างเหมาะสม สำหรับการขออนุญาตนำสินค้า หรือตู้สินค้าขาเข้าซึ่งฝากเก็บไว้ที่แผนกโรงพักสินค้า และ/หรือแผนกคลังสินค้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ในวันแรงงานแห่งชาติ หรือวันหยุดชดเชยวันแรงงานแห่งชาติที่ตรงกับวันทำงานปกติของกรมศุลกากร ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนยื่นแบบขออนุญาตตามข้อ ๕.๑ โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม ๕.๒ เมื่อหัวหน้าแผนกโรงพักสินค้า และ/หรือคลังสินค้า หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนได้ลงนามเรียบร้อยแล้วให้นำแบบขออนุญาตไปยื่นชำระค่าธรรมเนียม ตามอัตราที่กำหนดในข้อ ๖ ดังนี้ ๕.๒.๑ ในระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ - ๑๕.๓๐ น. ของวันทำงาน ให้ยื่นแบบขออนุญาต ณ ที่ทำการศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) พร้อมเอกสารการชำระค่าภาระ และให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เก็บสำเนาแบบขออนุญาตไว้เป็นหลักฐาน ๑ ฉบับ ในกรณีที่ได้ชำระค่าภาระไว้แล้ว ให้ยื่นเฉพาะแบบขออนุญาตเท่านั้น ๕.๒.๒ ภายหลังชำระค่าธรรมเนียมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนนำแบบขออนุญาต พร้อมใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมให้หัวหน้าแผนกโรงพักสินค้า และ/หรือคลังสินค้าหรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตรวจสอบและลงนามอนุญาต ภายในเวลา ๑๖.๐๐ น. ๕.๒.๓ ในกรณีชำระค่าธรรมเนียมไม่ทันเวลา ให้ยื่นแบบขออนุญาตต่อพนักงานรับเงินของกองจัดการการเงิน ณ บริเวณสถานีตรวจสอบสินค้าเขื่อนตะวันออก และให้พนักงานรับเงินเก็บสำเนาแบบขออนุญาตไว้เป็นหลักฐาน ๑ ฉบับ แล้วรีบนำแบบขออนุญาตและใบเสร็จรับเงินให้หัวหน้าแผนกโรงพักสินค้า และ/หรือคลังสินค้า หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตรวจสอบและลงนามอนุญาตทันที ๕.๒.๔ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทน นำสำเนาแบบขออนุญาตที่ได้รับไปแสดงต่อพนักงานปล่อยสินค้าที่แผนกโรงพักสินค้า และ/หรือแผนกคลังสินค้าต่าง ๆ เมื่อจะนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ๕.๓ สินค้าที่เก็บอยู่ภายในโรงพักสินค้า และ/หรือคลังสินค้า สามารถขอนำสินค้าขาเข้า ออกจากแผนกโรงพักสินค้า และ/หรือแผนกคลังสินค้าได้จนถึงเวลา ๑๘.๐๐ น. เท่านั้น ยกเว้นในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้หัวหน้าแผนกโรงพักสินค้า และ/หรือแผนกคลังสินค้า หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนพิจารณาเป็นราย ๆ ไป สำหรับสินค้าที่เก็บอยู่ภายนอกโรงพักสินค้า และ/หรือคลังสินค้า หรือตู้สินค้า LCL หรือตู้สินค้า FCL ขาเข้าที่เก็บรักษาอยู่ที่แผนกโรงพักสินค้า และ/หรือแผนกคลังสินค้า สามารถขอนำออกจากแผนกโรงพักสินค้า และ/หรือแผนกคลังสินค้าได้จนถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. ยกเว้นในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้ยื่นขออนุญาตต่อผู้อำนวยการกอง ต้นสังกัด หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนล่วงหน้าภายในเวลาทำงานปกติเพื่อพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ๕.๔ กทท. จะไม่คืนเงินค่าธรรมเนียมแก่เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนที่ชำระเงินค่าธรรมเนียมไว้แล้ว กรณีไม่นำสินค้า หรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๖ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการนำสินค้า หรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติ หรือในวันหยุด ตามข้อ ๕ ดังนี้ ๖.๑ วันทำงาน บาท/ผู้รับตราส่ง (CONSIGNEE)/ แผนกโรงพักสินค้า หรือแผนกคลังสินค้าพิธีการ เวลา ๑๖.๓๐ - ๑๘.๐๐ น. ๔๐๐ บาท ๑๙.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. ๓๐๐ บาท/ชั่วโมง ๐๑.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. ๕๐๐ บาท/ชั่วโมง - การของานขนส่งสินค้าล่วงเวลาตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ น. เป็นต้นไป ให้ของานเป็นรายชั่วโมง โดยจะต้องของานล่วงเวลาอย่างน้อย ๑ ชั่วโมง - หยุดพักเวลา ๑๘.๐๐ - ๑๙.๐๐ น. และ ๐๐.๐๐ - ๐๑.๐๐ น. ๖.๒ วันหยุด บาท/ผู้รับตราส่ง (CONSIGNEE)/ แผนกโรงพักสินค้า หรือแผนกคลังสินค้าพิธีการ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๒.๐๐ น. ๕๐๐ บาท ๑๓.๐๐ - ๑๖.๓๐ น. ๕๐๐ บาท ๑๖.๓๐ - ๑๘.๐๐ น. ๑,๐๐๐ บาท ๑๙.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. ๖๐๐ บาท/ชั่วโมง ๐๑.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. ๑,๐๐๐ บาท/ชั่วโมง - การของานขนส่งสินค้าล่วงเวลา ผู้ใช้บริการสามารถเริ่มต้นของานตั้งแต่ช่วงเวลาที่ต้องการ คือ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๒.๐๐ น. หรือ ๑๓.๐๐ - ๑๖.๓๐ น. - การของานขนส่งสินค้า/ตู้สินค้า ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ น. เป็นต้นไป ให้ของานเป็นรายชั่วโมง โดยจะต้องของานล่วงเวลาอย่างน้อย ๑ ชั่วโมง - หยุดพักเวลา ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น., ๑๘.๐๐ - ๑๙.๐๐ น. และ ๐๐.๐๐ – ๐๑.๐๐ น. ๖.๓ กรณีสินค้าขนถ่ายข้างลำ (OVERSIDE) ทางบก บาท/ผู้รับตราส่ง (CONSIGNEE)/ แผนกโรงพักสินค้าพิธีการ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ๖๐๐ บาท (สำหรับวันหยุด) ๑๖.๓๐ - ๑๘.๐๐ น. ๓๐๐ บาท ๑๙.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. ๖๐๐ บาท ๐๑.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. ๖๐๐ บาท ๐๕.๐๐ - ๐๗.๐๐ น. ๑,๐๐๐ บาท - การของานภาค ๐๕.๐๐ - ๐๗.๐๐ น. เฉพาะกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องยื่นขออนุญาตล่วงหน้าภายในเวลาทำงานปกติ และได้รับอนุมัติจากผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า หรือผู้ได้รับมอบหมายเท่านั้น - หยุดพักเวลา ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น., ๑๘.๐๐ - ๑๙.๐๐ น. และ ๐๐.๐๐ - ๐๑.๐๐ น. กรณีตู้สินค้าใดที่บรรจุสินค้าของผู้รับตราส่งตั้งแต่ ๒ รายขึ้นไป และประสงค์จะนำสินค้า หรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพพร้อมกัน ให้คิดค่าธรรมเนียมเพียงรายเดียว กรณีสินค้า หรือตู้สินค้าที่ฝากเก็บอยู่ที่แผนกคลังสินค้าอันตราย และจะต้องทำพิธีการศุลกากร ที่แผนกโรงพักสินค้าพิธีการ และ/หรือแผนกคลังสินค้าในวันและเวลาเดียวกัน ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้า ออกจากท่าเรือกรุงเทพ เพียงครั้งเดียว ข้อ ๗ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนที่ประสงค์จะนำตู้สินค้า FCL ขาเข้าที่กองท่าบริการตู้สินค้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติ หรือในวันหยุด ต้องยื่นแบบขออนุญาตที่แผนกปฏิบัติการกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ (โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม) ภายในกำหนดเวลา ดังนี้ ๗.๑ วันทำงาน ภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ของวันนั้น ๗.๒ วันหยุด ภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ของวันทำงานสุดท้ายก่อนวันหยุดนั้น ทั้งนี้ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนที่ไม่ได้ยื่นแบบขออนุญาตตามกำหนดเวลาดังกล่าวท่าเรือกรุงเทพขอสงวนสิทธิงดเว้นการให้บริการ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนต้องแจ้งช่วงเวลาที่จะมารับมอบตู้สินค้า FCL ขาเข้าจากกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดเตรียมพนักงานและเครื่องมือทุ่นแรงไว้ให้บริการโดยสามารถนำตู้สินค้าออกจากกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ ได้จนถึงเวลา ๐๔.๐๐ น. ยกเว้นในกรณีที่มีเหตุจำเป็นให้ยื่นขออนุญาตต่อผู้อำนวยการกองต้นสังกัด หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนล่วงหน้าภายในเวลาทำงานปกติ เพื่อพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ข้อ ๘ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกูล รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขออนุญาตนำสินค้า หรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาทำงานปกติ หรือในวันหยุด (แบบ ทกท. 01.00.01(09)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โชติกานต์/ผู้ตรวจ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๗๘ ง/หน้า ๑/๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๖
674732
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการขอใช้พื้นที่และเครื่องขยายเสียงภายในบริเวณพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2555
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการขอใช้พื้นที่และเครื่องขยายเสียงภายในบริเวณพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๕[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการขอใช้พื้นที่และเครื่องขยายเสียงภายในบริเวณพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องและเหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๔) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการขอใช้พื้นที่และเครื่องขยายเสียงภายในบริเวณพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๕” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิกระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยทุกตำแหน่ง รวมถึงผู้ที่อยู่ระหว่างการทดลองปฏิบัติงานด้วย “บุคคลภายนอก” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ นิติบุคคล และประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่พนักงาน “การขอใช้พื้นที่และเครื่องขยายเสียง” หมายความว่า การขอใช้พื้นที่และเครื่องขยายเสียงหรืออย่างใดอย่างหนึ่งภายในบริเวณพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อการโฆษณา บอกกล่าวแจ้งข้อความ ชี้แจง แนะนำ แสดงความคิดเห็น รวมทั้งการชุมนุมหรือการประชุม ยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวกับการฝึกอบรม กีฬา นันทนาการ และการดำเนินงานของพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการ หรือเกี่ยวเนื่องกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๕ พนักงาน หรือบุคคลภายนอกที่มีความประสงค์ต้องการขอใช้พื้นที่และเครื่องขยายเสียงตามระเบียบนี้ ให้ทำหนังสือขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วัน โดยระบุวัตถุประสงค์ วัน เวลา สถานที่ ตลอดจนผู้ที่รับผิดชอบในการขอใช้สถานที่และเครื่องขยายเสียง และจะต้องไม่ทำให้ กทท. หรือพนักงาน หรือบุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ การดำเนินการตามวรรคแรกต้องไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศและหลักปฏิบัติของ กทท. ข้อ ๖ พนักงานที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยและหากเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อ กทท. หรือหน่วยงานของรัฐ หรือบุคคลภายนอกให้ถือว่าเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เรือตรี วิโรจน์ จงชาณสิทโธ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ ชาญ/ผู้ตรวจ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๕๑ ง/หน้า ๑/๓ ตุลาคม ๒๕๕๕
672480
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕[๑] โดยที่เห็นเป็นการสมควรเพิ่มเติม วิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ ให้ยกเลิกระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ประสงค์จะนำเรือเข้าใช้บริการท่าเรือแหลมฉบังจะต้องยื่นคำร้องขอใช้เรือรับ-ส่งเจ้าพนักงานนำร่อง ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ต่อกองบริการ ท่าเรือแหลมฉบัง โทรศัพท์ ๐-๓๘๔๐-๙๒๑๐ โทรสาร ๐-๓๘๔๙-๐๑๔๓ ก่อนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง หรือพร้อมกับการยื่นคำร้องขอใช้บริการเรือลากจูง การขอเลื่อน หรือยกเลิกการใช้บริการ ต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมงก่อนถึงเวลาที่แจ้งขอใช้บริการไว้ มิฉะนั้นต้องชำระค่าธรรมเนียมการให้บริการเรือรับ - ส่งเจ้าพนักงานนำร่อง ในอัตรา ๓,๐๐๐ บาท (สามพันบาทถ้วน) ตามอัตราขั้นต่ำสุดในระเบียบนี้ ข้อ ๕ การท่าเรือแห่งประเทศไทย จะเป็นผู้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการเรือรับ - ส่งเจ้าพนักงานนำร่อง ภายในท่าเรือแหลมฉบังกับผู้ขอใช้บริการในอัตรา (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามตารางดังนี้ ราคาน้ำมันดีเซล (บาท/ลิตร) อัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการ เรือรับ - ส่งเจ้าพนักงานนำร่อง (บาท/เที่ยว) ๒๔.๐๑ - ๒๖.๐๐ ๓,๐๐๐ ๒๖.๐๑ - ๒๘.๐๐ ๓,๑๐๐ ๒๘.๐๑ - ๓๐.๐๐ ๓,๒๐๐ ๓๐.๐๑ - ๓๒.๐๐ ๓,๓๐๐ ๓๒.๐๑ - ๓๔.๐๐ ๓,๔๐๐ ๓๔.๐๑ - ๔๖.๐๐ ๓,๕๐๐ ๔๖.๐๑ - ๔๘.๐๐ ๓,๗๐๐ ๔๘.๐๑ - ๕๐.๐๐ ๓,๙๐๐ ข้อ ๖ การคิดอัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการข้างต้นจะใช้ราคาน้ำมันดีเซล ราคาขายปลีกมาตรฐานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามประกาศราคาน้ำมันดีเซลของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตามรายงานของสำนักนโยบายปิโตรเลียมและปิโตรเคมี สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกระทรวงพลังงาน ทุกวันที่ ๑ ของทุกเดือน เป็นเกณฑ์ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการเรือรับ – ส่งเจ้าพนักงานนำร่องในเดือนนั้น ๆ ทั้งเดือน โดยจะประกาศให้ทราบทั่วกันที่กองบริการสำนักปฏิบัติการ ท่าเรือแหลมฉบัง ข้อ ๗ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบและมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เรือตรี วิโรจน์ จงชาณสิทโธ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. คำร้องขอใช้บริการเรือรับ-ส่ง เจ้าพนักงานนำร่อง Application for Using of Service Pilot Boat (ทลฉ.01.01.01(01)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ ชาญ/ผู้ตรวจ ๔ กันยายน ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๒๘ ง/หน้า ๕/๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕
669187
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. 2555
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๕[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ เฉพาะท่าเรือแหลมฉบัง ให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๙ วรรคแรก (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๕” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ความในข้อ ๖ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่างๆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ๓.๒ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ ๓.๓ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) ดังต่อไปนี้ ๔.๑ ค่าธรรมเนียมยานพาหนะและเครื่องมือยกขนผ่านท่า (ADMISSION FEE FOR VEHICLES AND EQUIPMENT) เป็นค่านำยานพาหนะและเครื่องมือยกขนเข้ามาในเขตศุลกากร เรียกเก็บในอัตราดังนี้ ๔.๑.๑ รถยนต์บรรทุกไม่เกิน ๑๐ ล้อ ๓๕ บาท/คัน/เที่ยว ๔.๑.๒ รถยนต์หัวลาก หรือรถยนต์หัวลากพร้อมรถพ่วง ๑๐๐ บาท/คัน/เที่ยว ๔.๑.๓ รถยก หรือรถยกตู้สินค้า ๑๑๐ บาท/คัน/เที่ยว ๔.๑.๔ รถปั้นจั่นทุกขนาด ๓๓๐ บาท/คัน/เที่ยว ๔.๑.๕ รถไฟทุกประเภท ๓๕ บาท/แคร่/เที่ยว ๔.๒ ค่าบริการชั่งตู้มีสินค้า (CONTAINER WEIGHING SERVICES) ๔.๒.๑ เป็นค่าบริการชั่งตู้มีสินค้าที่ผ่านเข้ามาในเขตศุลกากรทางรถยนต์ ๓๐ บาท/ครั้ง ๔.๒.๒ เป็นค่าบริการชั่งตู้มีสินค้าที่นำออกนอกเขตศุลกากรทางรถยนต์เรียกเก็บเมื่อเจ้าของตู้มีสินค้า หรือตัวแทนขอชั่งตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ๓๐ บาท/ครั้ง ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ และหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขอใช้บริการชั่งตู้มีสินค้าที่นำออกนอกเขตศุลกากรทางรถยนต์ (แบบ ทลฉ.๐๒.๐๔.๐๑(๐๑)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ ชาญ/ผู้ตรวจ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๙๘ ง/หน้า ๕/๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕
657091
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยเครื่องแบบของพนักงาน พ.ศ. 2554
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยเครื่องแบบของพนักงาน พ.ศ. ๒๕๕๔[๑] โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยเครื่องแบบของพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยเครื่องแบบของพนักงาน พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับตั้งแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยเครื่องแบบของพนักงาน พ.ศ. ๒๕๔๔ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมทั้งผู้ที่อยู่ในระหว่างการทดลองปฏิบัติงาน “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจออกคำสั่ง ประกาศหรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด แล้วรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ หมวด ๑ ประเภทและส่วนของเครื่องแบบ ส่วนที่ ๑ ประเภทของเครื่องแบบ ข้อ ๖ เครื่องแบบพนักงาน มี ๒ ประเภท คือ ๖.๑ เครื่องแบบปกติ ๖.๒ เครื่องแบบปฏิบัติงาน ส่วนที่ ๒ เครื่องแบบพนักงานชาย ข้อ ๗ เครื่องแบบของพนักงานชาย มีดังต่อไปนี้ ๗.๑ เครื่องแบบปกติ ประกอบด้วย ๗.๑.๑ หมวกทรงหม้อตาลสีขาว ทำด้วยสักหลาดสีขาว มีเครื่องประกอบ คือ ๗.๑.๑.๑ กะบัง ทำด้วยหนังหรือวัตถุเทียมหนัง สีดำ เว้นแต่พนักงานระดับ ๑๒ - ๑๔ ทำด้วยหนังหรือสักหลาด สีดำ ที่ขอบโค้งปักด้วยดิ้นทองเป็นรูปใบชัยพฤกษ์ ๑ แถว สำหรับพนักงานระดับ ๑๕ ขึ้นไป ทำด้วยหนังหรือสักหลาด สีดำ ที่ขอบโค้งปักด้วยดิ้นทองเป็นรูปใบชัยพฤกษ์ ๒ แถว พื้นกะบังด้านล่างสีดำ ๗.๑.๑.๒ สายรัดคาง กว้าง ๑.๒ เซนติเมตร ทำด้วยหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีทอง ๗.๑.๑.๓ ดุมโลหะสีทองขนาดเล็ก ตรึงปลายสายรัดคางติดข้างหมวก ข้างละ ๑ ดุม ๗.๑.๑.๔ ตราหน้าหมวกรูปสมออยู่ภายในวงใบชัยพฤกษ์ ปักด้วยดิ้นทองบนเบาะสักหลาดสีดำ กว้าง ๖.๘ เซนติเมตร สูง ๘.๓ เซนติเมตร ๗.๑.๑.๕ ผ้าพันหมวกเป็นแถบลายถักสีขาว กว้าง ๔ เซนติเมตร ๗.๑.๒ เสื้อชั้นนอกคอปิดสีขาวมีตะเข็บหลัง ๔ ตะเข็บ ที่คอปกเสื้อด้านหน้าติดเครื่องหมายแสดงสังกัดด้วยโลหะสีทองลายฉลุรูปสัญลักษณ์การท่าเรือแห่งประเทศไทย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓ เซนติเมตร ข้างละ ๑ อัน และที่แนวอกเสื้อมีดุมโลหะสีทองขนาดใหญ่ ๕ ดุม มีกระเป๋าบน ๒ กระเป๋า เป็นกระเป๋าเจาะ มีปกรูปชายแหลม ๓ ชายไม่ขัดดุม กระเป๋าล่าง ๒ กระเป๋า เป็นกระเป๋าเจาะไม่มีปก ชายเสื้อที่ตะเข็บข้างเปิดไว้ข้างละ ๑๐ เซนติเมตร ๗.๑.๓ กางเกงขายาวสีขาวแบบสากลไม่พับปลาย จะมีกระเป๋าหลังด้วยก็ได้ ๗.๑.๔ รองเท้าหุ้มส้นหนังสีดำไม่มีลวดลาย พื้นทำด้วยยางหรือหนัง ๗.๑.๕ ถุงเท้าสีเดียวกับรองเท้า ๗.๒ เครื่องแบบปฏิบัติงาน มี ๔ ชนิด คือ ๗.๒.๑ เครื่องแบบพนักงานทั่วไป แบบ ก. ประกอบด้วย ๗.๒.๑.๑ เสื้อคอพับสีขาว ที่คอและแนวอกเสื้อมีดุมกลมแบนสีขาว ๕ ดุม แขนยาวรัดข้อมือ มีดุมข้างละ ๑ ดุม หรือแขนสั้นเหนือข้อศอกเล็กน้อย ที่อกเสื้อมีกระเป๋าปะมีปกข้างละ ๑ กระเป๋า มุมกระเป๋าและปกตัดมุมมีดุมขัดปก ๑ ดุม เมื่อใช้เสื้อแบบนี้ชนิดแขนยาวจะใช้ผ้าผูกคอสีดำเงื่อนกะลาสีด้วยก็ได้ ๗.๒.๑.๒ กางเกงขายาวสีขาวแบบสากลไม่พับปลาย จะมีกระเป๋าหลังด้วยก็ได้ ๗.๒.๑.๓ เข็มขัดหนังสีดำ หรือเข็มขัดด้ายถักสีดำกว้าง ๓ เซนติเมตร เป็นเข็มขัดรูดปลายสายมนแหลม หัวเข็มขัดทำด้วยโลหะสีเงินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง ๓.๒ เซนติเมตร ตรงกลางมีรูปสมออยู่ภายในวงใบชัยพฤกษ์ ๗.๒.๑.๔ รองเท้าหุ้มส้นหนังสีดำไม่มีลวดลาย พื้นทำด้วยยางหรือหนัง ๗.๒.๑.๕ ถุงเท้าสีเดียวกับรองเท้า ๗.๒.๒ เครื่องแบบพนักงานทั่วไป แบบ ข. ประกอบด้วย ๗.๒.๒.๑ เสื้อคอพับสีกากี ที่คอและแนวอกเสื้อมีดุมกลมแบนสีกากี ๕ ดุม แขนยาวรัดข้อมือมีดุมข้างละ ๑ ดุม หรือแขนสั้นเหนือข้อศอกเล็กน้อย ที่อกเสื้อมีกระเป๋าปะมีปกข้างละ ๑ กระเป๋า มุมกระเป๋าและปกตัดมุมมีดุมขัดปก ๑ ดุม ๗.๒.๒.๒ กางเกงขายาวสีกากีแบบสากลไม่พับปลาย จะมีกระเป๋าหลังด้วยก็ได้ ๗.๒.๒.๓ เข็มขัด รองเท้าและถุงเท้า ลักษณะเช่นเดียวกับเครื่องแบบพนักงานทั่วไปแบบ ก. ๗.๒.๓ เครื่องแบบพนักงานที่ปฏิบัติงานยกขนสินค้า งานขับรถหรืองานเครื่องมือทุ่นแรง ประกอบด้วย ๗.๒.๓.๑ เสื้อคอพับสีน้ำเงินดำที่คอและแนวอกเสื้อมีดุมกลมแบนสีดำ ๕ ดุม แขนยาวรัดข้อมือมีดุมข้างละ ๑ ดุม หรือแขนสั้นเหนือข้อศอกเล็กน้อย ที่อกเสื้อมีกระเป๋าปะมีปกข้างละ ๑ กระเป๋า มุมกระเป๋าและปกตัดมุมมีดุมขัดปก ๑ ดุม ๗.๒.๓.๒ กางเกงขายาวสีน้ำเงินดำแบบสากลไม่พับปลาย จะมีกระเป๋าหลังด้วยก็ได้ สำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานยกขนสินค้า จะใช้กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินดำก็ได้ ๗.๒.๓.๓ เข็มขัดหนังสีดำ หรือเข็มขัดด้ายถักสีดำกว้าง ๓ เซนติเมตร เป็นเข็มขัดรูดปลายสายมนแหลม หัวเข็มขัดทำด้วยโลหะสีเงินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง ๓.๒ เซนติเมตร ตรงกลางมีรูปสมออยู่ภายในวงใบชัยพฤกษ์ ๗.๒.๓.๔ รองเท้าหุ้มส้นหนังหรือผ้าใบ สีดำ ไม่มีลวดลาย พื้นทำด้วยยางหรือหนัง ๗.๒.๓.๕ ถุงเท้าสีเดียวกับรองเท้า ๗.๒.๔ เครื่องแบบพนักงานที่ปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย ๗.๒.๔.๑ หมวกเบเร่ย์ทำด้วยสักหลาดสีน้ำเงินดำ ด้านข้างซ้ายมีตราทำด้วยโลหะสีเงิน หรือปักไหมสีขาวรูปสมออยู่ภายในวงใบชัยพฤกษ์ หรือหมวกไฟเบอร์รองในสีขาวขลิบน้ำเงินดำ ด้านหน้าหมวกมีอักษรย่อ กทท. สีน้ำเงินดำ ๗.๒.๔.๒ เสื้อคอพับสีน้ำเงินดำ กางเกงขายาวสีน้ำเงินดำ เข็มขัดหนังสีดำหรือเข็มขัดด้ายถักสีดำ ลักษณะเช่นเดียวกับเครื่องแบบพนักงานตามข้อ ๗.๒.๓ ๗.๒.๔.๓ รองเท้าหุ้มข้อหนังสีดำ ไม่มีลวดลาย พื้นทำด้วยยางหรือหนัง ๗.๒.๔.๔ ถุงเท้าสีเดียวกับรองเท้า ทั้งนี้ เครื่องแบบพนักงานตามข้อ ๗.๒.๓ และข้อ ๗.๒.๔ ให้ใช้เป็นชุดปฏิบัติงานสำหรับในโอกาสอื่นจะใช้เครื่องแบบปกติ เครื่องแบบพนักงานทั่วไป แบบ ก. หรือเครื่องแบบพนักงานทั่วไป แบบ ข. ก็ได้ ๗.๓ พนักงานตั้งแต่ระดับ ๑๔ ขึ้นไป และหัวหน้าหน่วยงานตั้งแต่ระดับ ๘ ขึ้นไป ที่มีหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานยกขนสินค้า งานขับรถ งานเครื่องมือทุ่นแรง และงานรักษาความปลอดภัย จะใช้เสื้อคอพับและกางเกงสีน้ำเงินดำก็ได้ พนักงานที่มีหน้าที่ใช้เครื่องยนต์ หรือหน้าที่การช่าง จะใช้เสื้อกางเกงติดกันสีน้ำเงินดำแบบคอพับ ติดเครื่องหมายตำแหน่ง ชื่อ และสังกัด กับรองเท้าผ้าใบพื้นยางขณะปฏิบัติหน้าที่ก็ได้ พนักงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับงานเรือ หรืองานท่า หรืองานป้องกันอุบัติภัย จะใช้เสื้อกางเกงติดกันสีแสดแบบคอพับ ติดเครื่องหมายตำแหน่ง ชื่อ และสังกัด กับรองเท้าปลอดภัยขณะปฏิบัติหน้าที่ก็ได้ พนักงานที่มีหน้าที่ปฏิบัติงานหนัก งานแบกหาม หรืองานที่เปรอะเปื้อน ให้ใช้เสื้อคอพับสีน้ำเงินดำ กางเกงขายาวหรือกางเกงขาสั้น สีน้ำเงินดำ เข็มขัดหนังสีดำหรือเข็มขัดด้ายถักสีดำ รองเท้าหุ้มส้นหนังหรือผ้าใบ สีดำ ถุงเท้าสีเดียวกับรองเท้า ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้อนุญาตให้พนักงานแต่งเครื่องแบบตามวรรคสี่ข้างต้นได้ตามที่เห็นสมควร ๗.๔ พนักงานที่ปฏิบัติงานเรือตั้งแต่ระดับ ๕ ลงมา ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ขณะเรือจอด จะใช้เสื้อคอพับแขนสั้นสีกากีกับรองเท้าผ้าใบพื้นยาง และจะมีถุงเท้าสีเดียวกับรองเท้าก็ได้ ๗.๕ พนักงานสังกัดสำนักแพทย์และอนามัย ขณะปฏิบัติงานในสำนักแพทย์และอนามัยให้แต่งกายดังนี้ ๗.๕.๑ สายงานแพทย์ เภสัชกรรม และทันตแพทย์ สวมเสื้อคลุมสีขาวคอปกแบะ แขนยาวถึงข้อมือหรือครึ่งแขนศอก แนวอกผ่ากลางตลอดตัวเสื้อ ติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็ก ๓ ดุม เรียงจากบนลงล่าง มีกระเป๋าล่างต่ำกว่าระดับเอวเล็กน้อย ๒ ข้าง ข้างละ ๑ กระเป๋า ตัวเสื้อยาวเหนือเข่าติดป้ายชื่อที่อกเสื้อด้านขวา ๗.๕.๒ สายงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกายภาพบำบัด สวมเสื้อคลุมสีขาวคอปกแบะ แขนเสื้อยาวเหนือศอก ตัวเสื้อยาวคลุมสะโพก แนวอกผ่ากลางตลอดตัวเสื้อ ติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็ก ๔ ดุม มีกระเป๋าล่างต่ำกว่าระดับเอวเล็กน้อย ๒ ข้าง ข้างละ ๑ กระเป๋า ติดป้ายชื่อที่อกเสื้อด้านขวา ส่วนที่ ๓ เครื่องแบบพนักงานหญิง ข้อ ๘ เครื่องแบบของพนักงานหญิง มีดังต่อไปนี้ ๘.๑ เครื่องแบบปกติ ประกอบด้วย ๘.๑.๑ หมวกพับปีกทำด้วยสักหลาดสีน้ำเงินดำ พับปีกด้านข้างทั้งสองด้าน ปลอกหมวกทำด้วยผ้าสีขาว และมีตราหน้าหมวกรูปสมออยู่ภายในวงใบชัยพฤกษ์ปักด้วยดิ้นทองบนเบาะสักหลาดสีน้ำเงินดำ เว้นแต่พนักงานระดับ ๑๒ ขึ้นไป ให้มีผ้าพันหมวกสีน้ำเงินดำที่ปีกหมวกด้านหน้า พนักงานระดับ ๑๒ - ๑๔ ปักด้วยดิ้นทองเป็นรูปใบชัยพฤกษ์ ๑ แถว สำหรับพนักงานระดับ ๑๕ ขึ้นไป ปักด้วยดิ้นทองเป็นรูปใบชัยพฤกษ์ ๒ แถว ๘.๑.๒ เสื้อชั้นนอกคอแบะสีขาวแขนยาวถึงข้อมือมีตะเข็บหลัง ๔ ตะเข็บ ที่แนวสาบอกมีดุมโลหะสีทองขนาดใหญ่ ๓ ดุม มีกระเป๋าล่าง ๒ กระเป๋า เป็นกระเป๋าเจาะเฉียงเล็กน้อยไม่มีปกและให้ใช้เสื้อคอพับแขนยาวสีขาว ผูกผ้าผูกคอสีดำ เงื่อนกะลาสี ๘.๑.๓ กระโปรงสีขาวปิดเข่า ชายกระโปรงไม่บาน ๘.๑.๔ รองเท้าหุ้มส้นหนังสีดำไม่มีลวดลาย ส้นสูงไม่เกิน ๑๐ เซนติเมตร ๘.๑.๕ ถุงเท้ายาวสีเนื้อ ๘.๒ เครื่องแบบปฏิบัติงาน ประกอบด้วย ๘.๒.๑ เสื้อคอพับสีขาว ที่คอและแนวอกเสื้อมีดุมกลมแบนสีขาว ๕ ดุม แขนยาวรัดข้อมือมีดุมข้างละ ๑ ดุม หรือแขนสั้นเหนือข้อศอกเล็กน้อย ที่อกเสื้อมีกระเป๋าปะ มีปกข้างละ ๑ กระเป๋า มุมกระเป๋าและปกตัดมุมมีดุมขัดปก ๑ ดุม หรือเสื้อคอเปิดปล่อยเอวสีขาว ผ่าอกตลอดตัวเสื้อ ที่แนวสาบอกมีดุมโลหะสีเงินขนาดใหญ่ ๓ ดุม แขนสั้นเหนือข้อศอกเล็กน้อย มีกระเป๋าล่าง ๒ กระเป๋าเป็นกระเป๋าปะ มีปก มีดุมโลหะสีเงินขนาดเล็กขัดปกข้างละ ๑ ดุม ๘.๒.๒ กระโปรงสีน้ำเงินดำ หรือสีดำ ลักษณะเช่นเดียวกับกระโปรงสีขาวตามข้อ ๘.๑.๓ ๘.๒.๓ เข็มขัดหนังสีดำ หรือเข็มขัดด้ายถักสีดำ กว้าง ๓ เซนติเมตร เป็นเข็มขัดรูดปลายสายมนแหลม หัวเข็มขัดทำด้วยโลหะสีเงิน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง ๓.๒ เซนติเมตร ตรงกลางมีรูปสมออยู่ภายในวงใบชัยพฤกษ์ ๘.๒.๔ รองเท้าลักษณะเช่นเดียวกับข้อ ๘.๑.๔ ๘.๓ พนักงานสังกัดสำนักแพทย์และอนามัย ขณะปฏิบัติงานในสำนักแพทย์และอนามัยให้แต่งกายดังนี้ ๘.๓.๑ สายงานแพทย์ เภสัชกรรม และทันตแพทย์ สวมเสื้อคลุมสีขาวคอปกแบะ แขนยาวถึงข้อมือหรือครึ่งแขนศอก แนวอกผ่ากลางตลอดตัวเสื้อ ติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็ก ๓ ดุม เรียงจากบนลงล่าง มีกระเป๋าล่างต่ำกว่าระดับเอวเล็กน้อย ๒ ข้าง ข้างละ ๑ กระเป๋า ตัวเสื้อยาวเหนือเข่าติดป้ายชื่อที่อกเสื้อด้านขวา ๘.๓.๒ สายงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกายภาพบำบัด สวมเสื้อคลุมสีขาวคอปกแบะ แขนเสื้อยาวเหนือศอก ตัวเสื้อยาวคลุมสะโพก แนวอกผ่ากลางตลอดตัวเสื้อ ติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็ก ๔ ดุม มีกระเป๋าล่างต่ำกว่าระดับเอวเล็กน้อย ๒ ข้าง ข้างละ ๑ กระเป๋า ติดป้ายชื่อที่อกเสื้อด้านขวา ๘.๓.๓ สายงานพยาบาล ประกอบด้วย ๘.๓.๓.๑ เสื้อคอแบะปกในตัวสีขาว แขนยาวถึงข้อมือหรือครึ่งแขนเหนือศอก ถ้าใช้แขนยาวถึงข้อมือให้มีขอบและจีบรอบข้อมือ ติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็ก ๑ ดุม แนวอกผ่ากลางติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็ก ๔ ดุม ตัวเสื้อยาวคลุมเข่ามีสายคาดเอวสีขาวกว้าง ๔ เซนติเมตร เย็บพับทบสองชั้นเป็นแบบสายเข็มขัดยาวรอบเอวติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็กที่ปลายสายตรงกลางด้านหน้าแนวเดียวกับดุมเสื้อ ๑ ดุม ๘.๓.๓.๒ หมวกแบบพยาบาลสีขาว ติดแถบกำมะหยี่สีดำที่ขอบหมวกตลอดความยาวของขอบหมวก สำหรับพยาบาล ๕ - ๖ ติดแถบกำมะหยี่สีดำกว้าง ๑.๕ เซนติเมตร ๑ แถบ พยาบาล ๘ - ๙ ติดแถบกำมะหยี่สีดำกว้าง ๑.๕ เซนติเมตร ๒ แถบ ห่างกัน ๑ เซนติเมตร และพยาบาล ๑๐ ติดแถบกำมะหยี่สีดำกว้าง ๒ เซนติเมตร ๑ แถบ เว้นแต่พยาบาล ๓ ให้ใช้แถบกำมะหยี่สีดำกว้าง ๑ เซนติเมตร ๑ แถบ ติดเฉียงให้ปลายแถบห่างจากมุมบนของปีกหมวกด้านขวาประมาณ ๑๐ เซนติเมตร ปลายล่างของแถบติดที่มุมล่างด้านขวาของหมวก ๘.๓.๓.๓ รองเท้าหุ้มส้นหนังหรือผ้าใบสีขาวส้นสูงไม่เกิน ๔ เซนติเมตร และสวมถุงเท้าสีขาว ๘.๔ พนักงานสายงานพยาบาล ขณะปฏิบัติงานนอกสถานที่จะใช้เสื้อปกฮาวายสีขาวปล่อยเอว แขนสั้นเหนือข้อศอกเล็กน้อย แนวอกผ่ากลางตลอดตัวเสื้อ ติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็ก ๔ ดุม มีกระเป๋าล่างต่ำกว่าระดับเอวเล็กน้อยเป็นกระเป๋าปะไม่มีปก ๒ ข้าง ข้างละ ๑ กระเป๋า และกางเกงขายาวสีขาวขาตรงไม่มีลวดลาย มีกระเป๋าข้าง ข้างละ ๑ กระเป๋า มีซิปด้านหน้าหรือด้านข้างไม่พับปลายขาอีกชุดหนึ่งก็ได้ ๘.๕ พนักงานอื่นนอกจากพนักงานสายงานพยาบาล ขณะปฏิบัติงานนอกสถานที่จะใช้กางเกงขายาวสีน้ำเงินดำหรือสีดำ ขาตรงไม่มีลวดลาย ขอบกางเกงกว้างประมาณ ๑ นิ้ว มีหรือไม่มีกระเป๋า มีซิปด้านหน้าหรือด้านข้าง ไม่พับปลายขาแทนกระโปรงก็ได้ ส่วนที่ ๔ ดุม ข้อ ๙ ดุมมี ๒ ชนิด ดังนี้ ๙.๑ ดุมโลหะสีเงิน มีลายดุนรูปสมอภายในวงใบชัยพฤกษ์ ขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ เซนติเมตร ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง ๓ เซนติเมตร ๙.๒ ดุมโลหะสีทอง มีลายดุนรูปสัญลักษณ์การท่าเรือแห่งประเทศไทย ขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ เซนติเมตร ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง ๓ เซนติเมตร หมวด ๒ อินทรธนู และเครื่องหมายตำแหน่ง ส่วนที่ ๑ อินทรธนู ข้อ ๑๐ อินทรธนู มีดังนี้ ๑๐.๑ อินทรธนูสำหรับเครื่องแบบปกติ มี ๖ ประเภท คือ ๑๐.๑.๑ ตำแหน่งระดับ ๑ - ๓ พนักงานชาย เป็นอินทรธนูแข็ง พื้นกำมะหยี่สีน้ำเงินดำ มีสาบด้านล่างเป็นสีเดียวกัน ขนาดกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ที่ปลายเป็นรูปมนติดดุมโลหะสีทองขนาดเล็ก ๑ ดุม ด้านบนพื้นปักดิ้นทอง ลายใบชัยพฤกษ์ ๑ ช่อ และรูปสมอภายในวงใบชัยพฤกษ์ มีแถบสีทองกว้าง ๑ เซนติเมตรเป็นขอบ พนักงานหญิง อินทรธนูลักษณะเช่นเดียวกับพนักงานชาย ขนาดกว้างประมาณ ๔.๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๑ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ๑๐.๑.๒ ตำแหน่งระดับ ๔ - ๕ พนักงานชาย เป็นอินทรธนูแข็ง พื้นกำมะหยี่สีน้ำเงินดำ มีสาบด้านล่างเป็นสีเดียวกัน ขนาดกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ที่ปลายเป็นรูปมนติดดุมโลหะสีทองขนาดเล็ก ๑ ดุม ด้านบนพื้นปักดิ้นทองลายใบชัยพฤกษ์ ๒ ช่อ เรียงตามส่วนยาวของอินทรธนู และรูปสมอภายในวงใบชัยพฤกษ์เฉพาะช่อบนสุด มีแถบสีทองกว้าง ๑ เซนติเมตร เป็นขอบ พนักงานหญิง อินทรธนูลักษณะเช่นเดียวกับพนักงานชาย ขนาดกว้างประมาณ ๔.๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๑ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ๑๐.๑.๓ ตำแหน่งระดับ ๖ - ๙ พนักงานชาย เป็นอินทรธนูแข็ง พื้นกำมะหยี่สีน้ำเงินดำ มีสาบด้านล่างเป็นสีเดียวกัน ขนาดกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ที่ปลายเป็นรูปมนติดดุมโลหะสีทองขนาดเล็ก ๑ ดุม ด้านบนพื้นปักดิ้นทองลายใบชัยพฤกษ์ ๓ ช่อ เรียงตามส่วนยาวของอินทรธนูไม่เกินครึ่งหนึ่งของอินทรธนู และรูปสมอภายในวงใบชัยพฤกษ์เฉพาะช่อบนสุด มีแถบสีทองกว้าง ๑ เซนติเมตร เป็นขอบ พนักงานหญิง อินทรธนูลักษณะเช่นเดียวกับพนักงานชาย ขนาดกว้างประมาณ ๔.๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๑ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ๑๐.๑.๔ ตำแหน่งระดับ ๑๐ - ๑๑ พนักงานชาย เป็นอินทรธนูแข็ง พื้นกำมะหยี่สีน้ำเงินดำ มีสาบด้านล่างเป็นสีเดียวกัน ขนาดกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ที่ปลายเป็นรูปมนติดดุมโลหะสีทองขนาดเล็ก ๑ ดุม ด้านบนพื้นปักดิ้นทองลายใบชัยพฤกษ์ ๔ ช่อ เรียงตามส่วนยาวของอินทรธนูไม่เกิน ๓ ใน ๔ ส่วนของอินทรธนู และรูปสมอภายในวงใบชัยพฤกษ์เฉพาะช่อบนสุด มีแถบสีทองกว้าง ๑ เซนติเมตร เป็นขอบ พนักงานหญิง อินทรธนูลักษณะเช่นเดียวกับพนักงานชาย ขนาดกว้างประมาณ ๔.๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๑ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ๑๐.๑.๕ ตำแหน่งระดับ ๑๒ - ๑๔ พนักงานชาย เป็นอินทรธนูแข็ง พื้นกำมะหยี่สีน้ำเงินดำ มีสาบด้านล่างเป็นสีเดียวกัน ขนาดกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ที่ปลายเป็นรูปมนติดดุมโลหะสีทองขนาดเล็ก ๑ ดุม ด้านบนพื้นปักดิ้นทองลายใบชัยพฤกษ์ ๕ ช่อ เรียงยาวตลอดส่วนกลางของอินทรธนู และรูปสมอภายในวงใบชัยพฤกษ์เฉพาะช่อบนสุด มีแถบสีทองกว้าง ๑ เซนติเมตร เป็นขอบ พนักงานหญิง อินทรธนูลักษณะเช่นเดียวกับพนักงานชาย ขนาดกว้างประมาณ ๔.๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๑ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ๑๐.๑.๖ ตำแหน่งระดับ ๑๕ ขึ้นไป พนักงานชาย เป็นอินทรธนูแข็ง พื้นกำมะหยี่สีน้ำเงินดำ มีสาบด้านล่างเป็นสีเดียวกัน ขนาดกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ที่ปลายเป็นรูปมนติดดุมโลหะสีทองขนาดเล็ก ๑ ดุม ด้านบนพื้นปักดิ้นทองลายใบชัยพฤกษ์ ๕ ช่อ เรียงยาวตลอด ส่วนกลางของอินทรธนู และรูปสมอภายในวงใบชัยพฤกษ์เฉพาะช่อบนสุด มีใบชัยพฤกษ์รอบดุม มีแถบสีทองกว้าง ๑ เซนติเมตร เป็นขอบ พนักงานหญิง อินทรธนูลักษณะเช่นเดียวกับพนักงานชาย ขนาดกว้างประมาณ ๔.๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๑ เซนติเมตร หรือยาวตามความยาวของบ่า ๑๐.๒ อินทรธนูสำหรับเครื่องแบบปฏิบัติงาน ๑๐.๒.๑ พนักงานชาย เป็นอินทรธนูแข็ง ทำด้วยสักหลาดสีน้ำเงินดำ เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปลายรวบกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร ที่ปลายรวบติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็ก ๑ ดุม ๑๐.๒.๒ พนักงานหญิง อินทรธนูลักษณะเช่นเดียวกับพนักงานชาย ขนาดกว้างประมาณ ๔.๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๑ เซนติเมตร ๑๐.๒.๓ อินทรธนูสำหรับพนักงานระดับ ๑๒ ขึ้นไป ลักษณะเช่นเดียวกับอินทรธนูตามข้อ ๑๐.๒.๑ และข้อ ๑๐.๒.๒ เว้นแต่ทำด้วยสักหลาดสีตามกลุ่มการบังคับบัญชา ส่วนที่ ๒ เครื่องหมายตำแหน่ง ข้อ ๑๑ เครื่องหมายตำแหน่งตั้งแต่พนักงานระดับ ๑๑ ลงมา มีดังนี้ ๑๑.๑ พนักงานระดับ ๑ - ๕ ๑๑.๑.๑ พนักงานระดับ ๑ - ๓ เป็นแถบไหมเงินกว้าง ๑.๒ เซนติเมตร ๑ แถบ ๑๑.๑.๒ พนักงานระดับ ๔ - ๕ เป็นแถบไหมเงินกว้าง ๑.๒ เซนติเมตร ๑ แถบ กับแถบไหมเงินกว้าง ๐.๖ เซนติเมตร ๑ แถบ ๑๑.๒ พนักงานระดับ ๖ - ๙ ๑๑.๒.๑ พนักงานระดับ ๖ เป็นแถบไหมเงินกว้าง ๑.๒ เซนติเมตร ๒ แถบ ๑๑.๒.๒ พนักงานระดับ ๘ (หัวหน้าหมวด หรือเทียบเท่า) เป็นแถบไหมเงินกว้าง ๑.๒ เซนติเมตร ๒ แถบ กับแถบไหมเงินกว้าง ๐.๖ เซนติเมตร ๑ แถบ แทรกอยู่ระหว่างกลาง ๑๑.๒.๓ พนักงานระดับ ๙ (ผู้ช่วยหัวหน้าแผนก หรือเทียบเท่า) เป็นแถบไหมเงินกว้าง ๑.๒ เซนติเมตร ๓ แถบ ๑๑.๓ พนักงานระดับ ๑๐ - ๑๑ ๑๑.๓.๑ พนักงานระดับ ๑๐ หรือระดับ ๑๑ (หัวหน้าแผนก หรือเทียบเท่า) เป็นแถบไหมเงินกว้าง ๑.๒ เซนติเมตร ๔ แถบ ๑๑.๓.๒ พนักงานระดับ ๑๑ (ผู้ช่วยผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่า) เป็นแถบไหมเงินกว้าง ๔.๘ เซนติเมตร ๑ แถบ กับแถบไหมเงินกว้าง ๑.๒ เซนติเมตร ๑ แถบ แถบดังกล่าวตรึงตามขวางอินทรธนูทั้งสองข้าง เริ่มต้นห่างจากด้านไหล่ ๑.๕ เซนติเมตร ในกรณีที่มีแถบมากกว่า ๑ แถบ ให้เว้นระยะระหว่างแถบ ๐.๕ เซนติเมตร และเหนือแถบมีรูปสมออยู่ภายในวงใบชัยพฤกษ์ทำด้วยโลหะสีเงิน เว้นระยะห่างจากแถบ ๐.๕ เซนติเมตร ข้อ ๑๒ เครื่องหมายตำแหน่งตั้งแต่พนักงานระดับ ๑๒ ขึ้นไป มีดังนี้ ๑๒.๑ พนักงานระดับ ๑๒ เป็นแถบไหมเงินกว้าง ๕ เซนติเมตรสำหรับพนักงานชาย และ ๔.๕ เซนติเมตรสำหรับพนักงานหญิง ตรึงด้านบนเต็มอินทรธนู ๑๒.๒ พนักงานระดับ ๑๓ และพนักงานระดับ ๑๔ เป็นรูปดาวห้าแฉก ทำด้วยโลหะสีเงินประดับบนอินทรธนูทั้งสองข้าง ข้างละ ๑ ดวง กึ่งกลางด้านกว้าง ห่างจากด้านไหล่ ๐.๕ เซนติเมตร ๑๒.๓ พนักงานระดับ ๑๕ เป็นรูปดาวห้าแฉก ทำด้วยโลหะสีเงินประดับอินทรธนูทั้งสองข้าง ข้างละ ๒ ดวง เรียงตามขวาง ห่างจากด้านไหล่ ๐.๕ เซนติเมตร ๑๒.๔ พนักงานระดับ ๑๖ เป็นรูปดาวห้าแฉก ทำด้วยโลหะสีเงินประดับบนอินทรธนูทั้งสองข้าง ข้างละ ๓ ดวง เป็นรูปสามเหลี่ยม ให้ด้านฐานอยู่ด้านไหล่ ห่างจากด้านไหล่ ๐.๕ เซนติเมตร ๑๒.๕ พนักงานระดับ ๑๗ เป็นรูปดาวห้าแฉก ทำด้วยโลหะสีเงินประดับบนอินทรธนูทั้งสองข้าง ข้างละ ๔ ดวง เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนให้มุมแหลมวางตามยาว ห่างจากด้านไหล่ ๐.๕ เซนติเมตร ตรงกึ่งกลางอินทรธนูทั้งสองข้างในข้อ ๑๒.๑ - ข้อ ๑๒.๕ ติดรูปสมออยู่ภายในวงใบชัยพฤกษ์ ทำด้วยโลหะสีเงิน หมวด ๓ เครื่องหมายฝ่าย สำนัก และเครื่องหมายพิเศษ ส่วนที่ ๑ เครื่องหมายฝ่าย สำนัก ข้อ ๑๓ เครื่องหมายฝ่าย สำนัก สำหรับพนักงานในสังกัดใช้สักหลาดสี ดังนี้ ๑๓.๑ หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการ ใช้สักหลาดสีขาว ได้แก่ ๑๓.๑.๑ ประจำผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๑๓.๑.๒ สำนักเลขานุการคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๑๓.๑.๓ สำนักบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน ๑๓.๑.๔ ฝ่ายตรวจสอบ ๑๓.๑.๕ ฝ่ายอำนวยการ ๑๓.๒ สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน ให้สักหลาดสีเหลือง ได้แก่ ๑๓.๒.๑ ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ๑๓.๒.๒ ฝ่ายการเงินและบัญชี ๑๓.๓ สายวิศวกรรม ใช้สักหลาดสีแดงเลือดหมู ได้แก่ ๑๓.๓.๑ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ๑๓.๓.๒ ฝ่ายการช่าง ๑๓.๓.๓ ฝ่ายการร่องน้ำ ๑๓.๔ สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ ใช้สักหลาดสีแสด ได้แก่ ๑๓.๔.๑ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ ๑๓.๔.๒ สำนักท่าเรือภูมิภาค ๑๓.๔.๓ ฝ่ายนโยบายและแผน ๑๓.๕ ท่าเรือกรุงเทพ ใช้สักหลาดสีม่วง ๑๓.๖ ท่าเรือแหลมฉบัง ใช้สักหลาดสีฟ้า สักหลาดสีดังกล่าว สำหรับแถบเครื่องหมายบนอินทรธนูแถบเดียวสอดใต้แถบเครื่องหมายอินทรธนูด้านไหล่ทั้ง ๒ ข้าง กว้าง ๐.๕ เซนติเมตร ส่วนแถบเครื่องหมายบนอินทรธนูตั้งแต่ ๒ แถบขึ้นไป เป็นแถบสอดระหว่างแถบเครื่องหมายบนอินทรธนูทั้ง ๒ ข้าง ส่วนที่ ๒ เครื่องหมายพิเศษ ข้อ ๑๔ พนักงานที่ทำหน้าที่ขับรถหรือเครื่องมือทุ่นแรง ยกขนสินค้า จัดเรียงสินค้า และที่ปฏิบัติงานในเรือ จะใช้เครื่องหมายต่อไปนี้ขณะปฏิบัติหน้าที่ก็ได้ ๑๔.๑ พนักงานระดับ ๒ - ๘ คอปกเสื้อข้างขวา ติดเครื่องหมายรูปสมออยู่ภายในวงใบชัยพฤกษ์ ทำด้วยโลหะสีเงิน สูง ๒ เซนติเมตร ๑๔.๒ คอปกเสื้อข้างซ้ายติดเครื่องหมายตำแหน่งดังนี้ ๑๔.๒.๑ พนักงานระดับ ๒ - ๓ ทำด้วยโลหะเป็นขีดสีเงินกว้าง ๐.๕ เซนติเมตร ยาว ๒ เซนติเมตร ๑ ขีด ๑๔.๒.๒ พนักงานระดับ ๔ - ๕ ทำด้วยโลหะเป็นขีดสีเงินกว้าง ๐.๕ เซนติเมตร ยาว ๒ เซนติเมตร ๑ ขีด และกว้าง ๐.๒๕ เซนติเมตร ยาว ๒ เซนติเมตร ๑ ขีด อยู่ด้านล่าง ๑๔.๒.๓ พนักงานระดับ ๖ ทำด้วยโลหะเป็นขีดสีเงิน ขนาดกว้าง ๐.๕ เซนติเมตร ยาว ๒ เซนติเมตร ๒ ขีด ๑๔.๒.๔ พนักงานระดับ ๘ ทำด้วยโลหะเป็นขีดสีเงินขนาดกว้าง ๐.๕ เซนติเมตร ยาว ๒ เซนติเมตร ๒ ขีด และกว้าง ๐.๒๕ เซนติเมตร ยาว ๒ เซนติเมตร ๑ ขีด แทรกระหว่างกลาง เมื่อติดเครื่องหมายตามข้อ ๑๔.๑ และข้อ ๑๔.๒ แล้ว ไม่ต้องติดอินทรธนู แต่ให้ติดป้ายชื่อที่อกเสื้อด้านขวาเหนือกระเป๋า หมวด ๔ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๑๕ พนักงานซึ่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เมื่อแต่งเครื่องแบบปฏิบัติงานให้ใช้แพรแถบของเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้น ๆ ขนาดกว้าง ๑.๕ เซนติเมตร ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้ายเหนือกระเป๋าบนด้วย ในกรณีที่มีหมายกำหนดการให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แต่งเครื่องแบบปกติ ข้อ ๑๖ ในกรณีที่มีหมายกำหนดการ หรือกำหนดการให้แต่งเครื่องแบบเต็มยศ หรือเครื่องแบบครึ่งยศ ให้แต่งกายดังนี้ ๑๖.๑ เครื่องแบบครึ่งยศ ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเครื่องแบบปกติของพนักงานชายและพนักงานหญิง เว้นแต่สายรัดคางของหมวกพนักงานชายตั้งแต่ระดับ ๑๒ ขึ้นไป ให้ทำด้วยดิ้นทอง ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กางเกงของพนักงานชายหรือกระโปรงของพนักงานหญิงให้ใช้ผ้าสักหลาด หรือผ้าเสิร์จสีดำ รองเท้าหุ้มส้นหนังสีดำ ๑๖.๒ เครื่องแบบเต็มยศ ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเครื่องแบบครึ่งยศ สวมสายสะพาย ข้อ ๑๗ ให้พนักงานที่แต่งเครื่องแบบปฏิบัติงานติดป้ายชื่อที่อกเสื้อเบื้องขวาเหนือกระเป๋าบนป้ายชื่อให้ทำด้วยแผ่นโลหะพื้นสีดำ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง ๑.๕ เซนติเมตร ยาว ๘.๕ เซนติเมตร มีขอบสีเงินและอักษรชื่อสีขาวตัวบรรจงเป็นภาษาไทยขนาดพองาม ข้อ ๑๘ พนักงานที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาของทางราชการ หรือที่ทางราชการรับรอง ให้ติดเครื่องหมายแสดงวิทยฐานะของสถาบันการศึกษานั้นได้ ข้อ ๑๙ ให้ผู้อำนวยการ กำหนดส่วนประกอบเพิ่มเติมเครื่องแบบตามระเบียบนี้เพื่อความสะดวกต่อการปฏิบัติหน้าที่ในบางโอกาสตามที่เห็นสมควร ข้อ ๒๐ ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย จัดทำรูปเครื่องแบบต่าง ๆ เพื่อกำหนดไว้เป็นมาตรฐานแนบท้ายระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ชลอ คชรัตน์ ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. เครื่องแบบพนักงานขาย ๒. เครื่องแบบพนักงานหญิง ๓. หมวกพนักงานชาย หมวกพนักงานหญิง และเครื่องหมายแสดงสังกัด ๔. อินทรธนู เครื่องแบบปกติ ๕. อินทรธนู และเครื่องหมายตำแหน่ง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ชาญ/ผู้ตรวจ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง/หน้า ๑๗/๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
656225
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของผู้ใช้บริการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2554
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของผู้ใช้บริการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔[๑] โดยที่เห็นเป็นการสมควรปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความมั่นใจว่าปัญหาข้อร้องทุกข์เกี่ยวกับเอกสาร พนักงาน และการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัดการท่าเรือแห่งประเทศไทย จะได้รับการดำเนินการแก้ไขอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสอดคล้องกับมาตรา ๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่บัญญัติให้บุคคลมีสิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ และได้รับการแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันรวดเร็ว ประกอบข้อ ๒๓ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๕๕๒ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของผู้ใช้บริการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “อทร.” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือผู้ได้รับมอบหมาย “หัวหน้าสาย” หมายความว่า รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ หรือผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง หรือนักบริหาร ๑๖ ประจำผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กรณีผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย มอบหมายให้กำกับดูแลหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย) ที่กำกับดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “กข.” หมายความว่า กองข้อมูลข่าวสาร ฝ่ายอำนวยการ “อกข.” หมายความว่า ผู้อำนวยการกองข้อมูลข่าวสาร “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” หมายความว่า หน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการร้องทุกข์ในแต่ละครั้ง “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า บุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่อ และใช้บริการภายในการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือผู้ได้รับมอบอำนาจ ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด หมวด ๑ การรับเรื่องราวร้องทุกข์ ส่วนที่ ๑ หน่วยงานรับผิดชอบ ข้อ ๗ ให้ กข. เป็นหน่วยงานกลางในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของผู้ใช้บริการ กทท. โดยมีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ ๗.๑ รับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้ใช้บริการ หรือหน่วยงานภายนอกที่แจ้งข้อร้องทุกข์มาที่ กทท. และให้ผู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือพนักงาน กข. กรอกแบบรับเรื่องราวร้องทุกข์ตามแบบที่ กทท. กำหนด ๗.๒ ตรวจสอบความถูกต้อง ความครบถ้วน และความน่าเชื่อถือของข้อมูลจากผู้ใช้บริการหรือหน่วยงานภายนอกที่แจ้งข้อร้องทุกข์มาที่ กทท. ๗.๓ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม ๗.๔ ดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ในเบื้องต้นให้แก่ผู้ใช้บริการ ๗.๕ หากดำเนินการตามข้อ ๗.๔ ไม่ได้ ให้ อกข. ดำเนินการดังนี้ ๗.๕.๑ จัดทำบันทึกนำเรียน อทร. เพื่อทราบก่อนเสนอให้หัวหน้าสายที่ถูกร้องทุกข์ทราบ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ ๗.๕.๒ ให้ กข. สำเนาบันทึกที่นำเรียน อทร. พร้อมเรื่องราวร้องทุกข์เสนอให้หัวหน้าสายที่ถูกร้องทุกข์ทราบในโอกาสแรก และส่งข้อร้องทุกข์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่ กทท. กำหนด ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ไม่ขาดช่วง อนึ่ง หากเป็นเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับเงินนอกระบบ ให้ อกข. จัดทำเป็นบันทึกลับนำเรียน อทร. เพื่อทราบ ก่อนเสนอให้หัวหน้าสายที่ถูกร้องทุกข์ทราบ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ รวมทั้งให้ กข. ส่งสำเนาบันทึกลับที่นำเรียน อทร. พร้อมเรื่องราวร้องทุกข์ (ลับ) เสนอให้หัวหน้าสายที่ถูกร้องทุกข์ทราบในโอกาสแรก และส่งข้อร้องทุกข์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่ กทท. กำหนด ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ไม่ขาดช่วง ทั้งนี้ หากเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อ อทร. หรือหัวหน้าสาย ให้ อกข. ทำบันทึกหรือบันทึกลับนำเรียน อทร. หรือหัวหน้าสายโดยตรง ๗.๖ รวบรวมเรื่องราวร้องทุกข์ทุกประเภทเพื่อสรุปรายงาน อทร. ทุก ๑ เดือน ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑๒ เดือน และสรุปรายงานเสนอคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมทั้งกระทรวงคมนาคมด้วย ๗.๗ แจ้งผลการร้องทุกข์ให้หน่วยงานภายนอกที่ตรวจสอบเรื่องร้องทุกข์ของ กทท. ทราบเฉพาะกรณีที่มีการแจ้งข้อร้องทุกข์มาที่ กข. เท่านั้น ข้อ ๘ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ดังนี้ ๘.๑ ให้ข้อมูลตามที่ กข. ต้องการ ๘.๒ ดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด ๘.๓ รายงานผลการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ให้ผู้ใช้บริการ หรือหน่วยงานภายนอกที่แจ้งข้อร้องทุกข์รับทราบโดยตรง และสำเนาเรื่องแจ้ง กข. เพื่อทราบการสิ้นสุดของเรื่องก่อน กข. ดำเนินการตามข้อ ๗.๖ ต่อไป ๘.๔ กรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่องราวร้องทุกข์เอง ให้จัดส่งใบแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชน และผู้ใช้บริการต่อ กทท. ตามแบบที่ กทท. กำหนด เสนอ กข. ในโอกาสแรก และสำเนาเอกสารเรื่องราวร้องทุกข์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเมื่อดำเนินการสิ้นสุดแล้วให้ กข. เพื่อทราบการสิ้นสุดของเรื่อง ก่อน กข. ดำเนินการตามข้อ ๗.๖ ต่อไป ส่วนที่ ๒ ช่องทางการร้องทุกข์ ข้อ ๙ ผู้ใช้บริการสามารถร้องทุกข์ได้ ๓ แนวทาง ดังนี้ ๙.๑ ทางโทรศัพท์ หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๕ ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๓ และ ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๙๙ หรือทางโทรศัพท์สายด่วน หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๕๕๕ กด ๓ โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ของทุกวันทำงาน ๙.๒ ทางเอกสาร ได้แก่ ๙.๒.๑ ไปรษณีย์ ส่งมาที่ ผู้อำนวยการกองข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เลขที่ ๔๔๔ ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๑๐ ๙.๒.๒ ผู้ใช้บริการมาส่งเอกสารร้องทุกข์ที่ กข. ๙.๒.๓ โทรสาร หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๖ ๙.๒.๔ ตู้รับเรื่องร้องเรียนที่ติดตั้งอยู่ ๓ แห่ง ภายใน กทท. ดังนี้ ๙.๒.๔.๑ อาคารตัวแทนเรือ ๙.๒.๔.๒ อาคารที่ทำการ กทท. อาคาร B ชั้นล่าง ด้านหน้ากองบริการค่าภาระเงินสด สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี ๙.๒.๔.๓ ที่ทำการ กข. อาคาร B ชั้น ๒ ข้างห้องสมุด กทท. ทั้งนี้ พนักงาน กข. จะทำการเปิดตู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ เวลา ๑๐.๐๐ น. (กรณีเป็นวันหยุดจะทำการเปิดในวันทำงานถัดไป) ๙.๒.๕ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e - mail) : info @ port.co.th ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั้งนี้ พนักงาน กข. จะเปิดตรวจสอบข้อร้องทุกข์ วันละ ๒ ครั้ง เวลา ๐๙.๐๐ น. และ ๑๔.๐๐ น. (กรณีเป็นวันหยุดจะทำการเปิดในวันทำงานถัดไป) ๙.๓ ทางตัวบุคคล ได้แก่ ๙.๓.๑ ผู้ใช้บริการมาร้องทุกข์ด้วยตนเองที่ กข. ๙.๓.๒ ผู้ใช้บริการฝากข้อความบุคคลอื่นมาส่งที่ กข. อนึ่ง เมื่อพนักงาน กข. ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ตามข้อ ๙ แล้ว ให้บันทึกรายละเอียดของข้อร้องทุกข์ ได้แก่ ชื่อ ชื่อสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ลงในแบบรับเรื่องร้องทุกข์ให้ครบถ้วน ตามแบบที่ กทท. กำหนด ส่วนที่ ๓ ประเภทของเรื่องราวร้องทุกข์ ข้อ ๑๐ กทท. ได้แบ่งประเภทของเรื่องราวร้องทุกข์ออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้ ๑๐.๑ เรื่องเกี่ยวกับเงินนอกระบบ ๑๐.๒ เรื่องเกี่ยวกับการให้คำแนะนำและการให้บริการ ๑๐.๓ เรื่องที่เกี่ยวกับสินค้า ๑๐.๔ เรื่องทั่วไป ส่วนที่ ๔ การถอนเรื่องราวร้องทุกข์ ข้อ ๑๑ ผู้ใช้บริการสามารถถอนเรื่องราวร้องทุกข์ทั้งหมด หรือบางส่วนเมื่อใดก็ได้ โดยให้จัดทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้ใช้บริการไว้เป็นหลักฐาน หมวด ๒ การแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์ ส่วนที่ ๑ แนวทางการแก้ไข ข้อ ๑๒ ให้ อกข. มีหน้าที่พิจารณาและสั่งการในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องราวร้องทุกข์ของผู้ใช้บริการว่า กข. จะดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ได้เอง หรือต้องดำเนินการตามข้อ ๗.๕ โดย อกข. ต้องวิเคราะห์ว่าครบองค์ประกอบของการร้องทุกข์หรือไม่ ดังนี้ ๑๒.๑ ผู้ใช้บริการแจ้งชื่อ - ชื่อสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้บริการหรือไม่ ๑๒.๒ ผู้ใช้บริการแจ้งรายละเอียดของการร้องทุกข์ ได้แก่ วัน เวลา สถานที่เกิดเหตุ รายชื่อ รูปร่าง ลักษณะของผู้ถูกร้องทุกข์หรือไม่ ๑๒.๓ ผู้ใช้บริการแจ้งจุดประสงค์ในการร้องทุกข์ว่าต้องการให้ กทท. ดำเนินการช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่ อนึ่ง หากผู้ใช้บริการไม่แจ้งชื่อ - ชื่อสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้ กข. สามารถติดต่อได้ในกรณีที่มีการสอบกลับข้อร้องทุกข์ของพนักงาน กข. ตามองค์ประกอบของการร้องทุกข์ ให้ กข. ตรวจสอบและประสานขอข้อมูลการร้องทุกข์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่าข้อมูลการร้องทุกข์เป็นความจริง ให้ กข. ดำเนินการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป แต่หากพบว่าไม่เป็นความจริง ให้ กข. รวบรวมข้อมูลการร้องทุกข์ไว้ และเมื่อมีการร้องทุกข์กรณีเดิมและสถานที่เดิมอีก ให้ กข. ทำบันทึกลับเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและพิจารณาในทางลับต่อไป ส่วนที่ ๒ ระยะเวลาการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ ข้อ ๑๓ เมื่อ กข. ได้รับการร้องทุกข์ ให้ กข. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานกลับผู้ใช้บริการเพื่อทราบในโอกาสแรก ภายใน ๑๕ นาที ข้อ ๑๔ เมื่อ กข. ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด ดังนี้ ๑๔.๑ เรื่องเกี่ยวกับเงินนอกระบบ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ กข. ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้แยกการสอบออกเป็น ๒ ส่วน ประกอบด้วย ๑๔.๑.๑ การสอบข้อเท็จจริง ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๒๐ วันทำการ ๑๔.๑.๒ การสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัย ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๔๐ วันทำการ ๑๔.๒ เรื่องราวร้องทุกข์ นอกจากข้อ ๑๔.๑ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ โดยแบ่งออกตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑๔.๒.๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เกิน ๒ หน่วยงาน ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ กข. ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑๔.๒.๒ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ ๓ หน่วยงานขึ้นไป และมีหน่วยงานภายนอกต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ กข. ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๑๕ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ได้ภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำบันทึกแจ้งปัญหาล่วงหน้าก่อนครบกำหนด ๕ วันทำการให้ กข. ทราบ เพื่อ กข. จะได้ทำบันทึกนำเรียน อทร. หรือหัวหน้าสายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสังกัดอยู่ (แล้วแต่กรณี) พิจารณาสั่งการต่อไป ข้อ ๑๖ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่แจ้งผลการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ให้ กข. ทราบและพิจารณาดำเนินการต่อไป ให้ กข. ดำเนินการดังนี้ ๑๖.๑ ทำใบติดตามเรื่องตามแบบที่ กทท. กำหนด แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนไม่เกิน ๒ ครั้ง โดยมีระยะเวลาติดตามเรื่องทุก ๗ วันทำการ (ในกรณีการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ยังไม่แล้วเสร็จ) ๑๖.๒ เมื่อ กข. ได้ดำเนินการตามข้อ ๑๖.๑ และครบกำหนด ๑๔ วันทำการแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่แจ้งผลการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ให้ กข. ทราบ ให้ กข. จัดทำบันทึกนำเรียน อทร. หรือหัวหน้าสายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสังกัดอยู่ (แล้วแต่กรณี) ๑๖.๓ เมื่อ กข. ได้ดำเนินการตามข้อ ๑๖.๒ แล้ว กข. ยังไม่ได้รับแจ้งผลการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ภายใน ๗ วันทำการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก ให้ กข. ทำบันทึกนำเรียน อทร. เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป หมวด ๓ การแจ้งผลการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ ข้อ ๑๗ เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์เรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการดังนี้ ๑๗.๑ จัดทำหนังสือแจ้งผลการแก้ไขปัญหาข้อร้องทุกข์ให้ผู้ใช้บริการ หรือหน่วยงานภายนอกที่แจ้งเรื่องร้องทุกข์รับทราบโดยตรง พร้อมแนบแบบสำรวจความพึงพอใจผู้ใช้บริการ กข. ตามแบบที่ กทท. กำหนด โดยให้หัวหน้าสายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ลงนามในหนังสือดังกล่าว ๑๗.๒ จัดทำสำเนาเรื่องทั้งหมดส่งให้ กข. เพื่อปิดเรื่องราวร้องทุกข์ ก่อน กข. ดำเนินการตามข้อ ๗.๖ ต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ปณตภร/ผู้ตรวจ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๑๑/๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔
656223
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2554
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔[๑] โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้มีความถูกต้อง รวดเร็ว ทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับมาตรา ๕๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่บัญญัติให้บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะในครอบครองหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นจะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน หรือส่วนได้เสียอันพึงได้รับความคุ้มครองของบุคคลอื่น หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติสอดคล้องกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “อทร.” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “กข.” หมายความว่า กองข้อมูลข่าวสาร ฝ่ายอำนวยการ “อกข.” หมายความว่า ผู้อำนวยการกองข้อมูลข่าวสาร “ข้อมูลข่าวสาร” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้ร้องขอ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการหรือประชาชนทั่วไป “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” หมายความว่า หน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการร้องขอข้อมูลข่าวสารในแต่ละครั้ง ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด หมวด ๑ หน่วยงานรับผิดชอบ ข้อ ๗ ให้ กข. เป็นหน่วยงานกลางในการติดต่อประสานเกี่ยวกับการให้ข้อมูลข่าวสาร มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ ๗.๑ รวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเปิดเผยได้ไว้เพื่อให้ หรือให้ยืม หรือจำหน่าย รวมทั้งจัดทำบัญชีข้อมูลข่าวสารของ กทท. ที่ไม่เปิดเผยต่อประชาชน และต้องมีการปรับปรุงบัญชีดังกล่าวทุกปี ๗.๒ อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำแก่ผู้ร้องขอ ๗.๓ ข้อมูลข่าวสารใดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ให้แจ้งผู้ร้องขอทราบพร้อมเหตุผล ๗.๔ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูลข่าวสาร ๗.๕ กำหนดหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติในการขอข้อมูลข่าวสาร ๗.๖ รวบรวมการให้ข้อมูลข่าวสารทุกประเภทเพื่อสรุปรายงาน อทร. ทุก ๑ เดือน ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑๒ เดือน รวมทั้งหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องต่อไป ข้อ ๘ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ดังนี้ ๘.๑ ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลข่าวสารกับ กข. ๘.๒ ดำเนินการจัดส่งข้อมูลข่าวสารให้ กข. ภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด หมวด ๒ ช่องทางการขอข้อมูลข่าวสาร ข้อ ๙ ผู้ร้องขอสามารถขอข้อมูลข่าวสารได้ ๓ แนวทาง ดังนี้ ๙.๑ ทางโทรศัพท์ หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๔ ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๓ และ ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๙๙ หรือทางโทรศัพท์สายด่วน หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๕๕๕ กด ๑ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ของทุกวันทำงาน ๙.๒ ทางเอกสาร ได้แก่ ๙.๒.๑ ทางไปรษณีย์ ส่งมาที่ ผู้อำนวยการกองข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เลขที่ ๔๔๔ ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพ ๑๐๑๑๐ ๙.๒.๒ ทางโทรสาร หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๖ ๙.๒.๓ ทางอีเมล์ info @ port.co.th ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั้งนี้ พนักงาน กข. จะเปิดวันละ ๒ ครั้ง เวลา ๐๙.๐๐ น. และ ๑๔.๐๐ น. (กรณีเป็นวันหยุดทำงานจะทำการเปิดในวันทำงานถัดไป) ๙.๓ ทางตัวบุคคล ๙.๓.๑ ผู้ร้องขอมาข้อมูลข่าวสารด้วยตนเองที่ กข. ๙.๓.๒ ผู้ร้องขอฝากบุคคลอื่นมาขอข้อมูลข่าวสารที่ กข. หมวด ๓ การขอรับข้อมูลข่าวสาร ข้อ ๑๐ เมื่อมีผู้ร้องขอมาติดต่อขอข้อมูลข่าวสารด้วยตนเอง ให้ผู้ร้องขอ หรือพนักงาน กข. ดำเนินการกรอกแบบให้บริการข้อมูลข่าวสารของ กทท. ตามแบบที่ กทท. กำหนด และให้ผู้ร้องขอลงนามก่อนนำเสนอ อกข. พิจารณาต่อไป อนึ่ง นอกจากการติดต่อโดยตรงตามวรรคแรก ให้พนักงาน กข. ดำเนินการกรอกแบบให้บริการข้อมูลข่าวสารของ กทท. แล้วนำเสนอ อกข. พิจารณาต่อไป ข้อ ๑๑ ให้ อกข. พิจารณาว่าข้อมูลที่ร้องขอสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้อง และสมควรให้ หรือให้ยืม หรือจำหน่าย ทั้งนี้ให้เป็นไปตามที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๒ ให้ กข. ดำเนินการในการให้บริการข้อมูลข่าวสาร ดังนี้ ๑๒.๑ ให้ข้อมูลข่าวสารที่เปิดเผยได้ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ แก่ผู้ร้องขอโดยให้ลงนามรับเอกสารในแบบให้บริการข้อมูลข่าวสารของ กทท. พร้อมกรอกแบบสำรวจความพึงพอใจผู้ใช้บริการ กข. ตามแบบที่ กทท. กำหนด ภายหลังการให้ข้อมูลข่าวสารด้วย ๑๒.๒ ข้อมูลข่าวสารใดที่ กข. ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจว่าจะเปิดเผยได้หรือไม่ ให้ส่งข้อมูลข่าวสารนั้นเสนอคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารของ กทท. (กขท.) ที่ อทร. เป็นผู้แต่งตั้ง และคณะกรรมการดังกล่าวต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผล และเมื่อรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน ๖๐ วัน ก่อนเสนอ อทร. หรือผู้ได้รับมอบหมายพิจารณาสั่งการต่อไป ข้อ ๑๓ ในกรณีที่ผู้ร้องขอข้อมูลข่าวสารมีความประสงค์ให้ กทท. รับรองสำเนาข้อมูลข่าวสาร ให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของเอกสาร หรือพนักงาน กข. ตั้งแต่ระดับ ๑๐ ขึ้นไป เป็นผู้ลงนามรับรองสำเนาเอกสาร และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ร้องขอต่อไป ข้อ ๑๔ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของ กทท. ให้เป็นไปตามที่ กทท. กำหนด หมวด ๔ ระยะเวลาการส่งมอบข้อมูลข่าวสาร ข้อ ๑๕ เมื่อ กข. ได้รับการร้องขอข้อมูลข่าวสารของ กทท. ให้ กข. จัดข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่ใน กข. หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลข่าวสารภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด ดังนี้ ๑๕.๑ ข้อมูลข่าวสารของ กทท. ที่มีอยู่ใน กข. ภายใน ๑๕ นาที ๑๕.๒ ข้อมูลข่าวสารของ กทท. ที่มีอยู่ในหน่วยงานอื่น ประกอบด้วย ๑๕.๒.๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใน กทท. ภายใน ๕ วันทำการ ๑๕.๒.๒ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายนอก กทท. ภายใน ๑๐ วันทำการ ข้อ ๑๖ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถจัดส่งข้อมูลข่าวสารให้ กข. ได้ในเวลาที่กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำบันทึกแจ้งปัญหาให้ กข. ทราบล่วงหน้าก่อนครบกำหนด ๒ วันทำการ เพื่อ กข. จะได้ทำบันทึกนำเรียน อทร. หรือหัวหน้าสายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสังกัดอยู่ (แล้วแต่กรณี) พิจารณาสั่งการต่อไป ข้อ ๑๗ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาในการจัดส่งข้อมูลข่าวสาร หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่แจ้งผลการจัดส่งข้อมูลข่าวสารให้ กข. ทราบ และพิจารณาดำเนินการต่อไป ให้ กข. ดำเนินการดังนี้ ๑๗.๑ ทำบันทึกติดตามเรื่องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน ๑ ครั้ง (ในกรณีการจัดส่งข้อมูลข่าวสารยังไม่แล้วเสร็จ) ๑๗.๒ เมื่อ กข. ได้ดำเนินการตามข้อ ๑๗.๑ และครบกำหนด ๗ วันทำการแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่จัดส่งข้อมูลข่าวสารให้ กข. ทราบ ให้ กข. ทำบันทึกนำเรียน อทร. หรือหัวหน้าสายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสังกัดอยู่ (แล้วแต่กรณี) ๑๗.๓ เมื่อ กข. ได้ดำเนินการตามข้อ ๑๗.๒ แล้ว กข. ยังไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารภายใน ๗ วันทำการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก ให้ กข. ทำบันทึกนำเรียน อทร. เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป อนึ่ง กรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดส่งข้อมูลข่าวสารให้ผู้ร้องขอเอง หากต้องทำเป็นหนังสือแจ้งผู้ร้องขอ หรือหน่วยงานภายนอกรับทราบโดยตรง ให้หัวหน้าสายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ลงนามในหนังสือดังกล่าว รวมทั้งจัดทำสำเนาเรื่องทั้งหมดส่งให้ กข. เพื่อปิดเรื่องการขอข้อมูลข่าวสาร ก่อน กข. ดำเนินการตามข้อ ๗.๖ ต่อไป ข้อ ๑๘ เมื่อผู้ร้องขอได้รับข้อมูลข่าวสารของ กทท. แล้ว ให้ผู้ร้องขอกรอกแบบสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ กข. ตามแบบที่ กทท. กำหนด เพื่อนำปัญหาและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้บริการมาแก้ไขปรับปรุงการให้บริการของ กข. ต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ปณตภร/ผู้ตรวจ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๗/๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔
654124
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. 2554
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔[๑] โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร ณ ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการออกบัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๓.๒ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการผ่านเข้า - ออก และการจราจรภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓.๓ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ชะลอการวางหลักประกันความเสียหายตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๓.๔ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “เขตศุลกากร” หมายความว่า เขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด “สินค้า” หมายความว่า สัตว์ พืช หรือสิ่งของทุกชนิดที่แลกเปลี่ยน ซื้อ ขาย ให้หรือถือกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย และให้หมายรวมถึงของใช้ส่วนตัวของบุคคล หรือนิติบุคคล “ตู้สินค้า” หมายความว่า ภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้านำเข้า หรือส่งออก เพื่อความสะดวก หรือเพื่อความปลอดภัยในการขนส่ง ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรฐานขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ (INTERNATIONAL ORGANIZATION FOR STANDARDIZATION : ISO) “เครื่องมือทุ่นแรงของ กทท.” หมายความว่า รถบรรทุก รถลากพ่วงบรรทุกสินค้า รถลากพ่วงบรรทุกตู้สินค้า รถยกสินค้า รถยกตู้สินค้า รถปั้นจั่น รถลากจูง และรถเครื่องมือทุ่นแรงอื่นที่เป็นของการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งใช้ในการปฏิบัติงาน “รถ” หมายความว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถลากพ่วง รวมตลอดทั้งเครื่องมือยกขนและยานพาหนะทางบกทุกชนิด ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น นอกเหนือจากรถเครื่องมือทุ่นแรงของการท่าเรือแห่งประเทศไทย “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยทุกตำแหน่งและผู้ที่อยู่ในระหว่างการทดลองปฏิบัติงาน รวมทั้งลูกจ้างที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยจ้าง “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฟ้องพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ และเข้ามาปฏิบัติงานในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด “ผู้ขออนุญาต” หมายความว่า พนักงาน บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานของรัฐ ที่ยื่นขอมีบัตรอนุญาต “ผู้ได้รับอนุญาต” หมายความว่า พนักงาน บุคคล หรือเจ้าของรถที่ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาต “บัตรอนุญาตบุคคล” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้สำหรับบุคคลใช้ผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด “บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลทั่วไป โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๒ ปี “บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๓ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๓ ปี “บัตรอนุญาตรถ” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้สำหรับรถผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด และต้องจดทะเบียนถูกต้องตามประเภทที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด “บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่เจ้าของรถที่เป็นบุคคล หรือนิติบุคคลทั่วไป โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๒ ปี “บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๓ ปี” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้แก่เจ้าของรถที่เป็นพนักงาน หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ รถของหน่วยงานของรัฐ โดยกำหนดอายุของบัตรไว้ ๓ ปี “บัตรอนุญาตชั่วคราว” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยออกให้แก่บุคคลหรือรถ หรือทั้งสองอย่างเพื่อผ่านเข้า - ออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนดครั้งเดียว “บัตรอนุญาตชั่วคราวที่มีกำหนดระยะเวลา” หมายความว่า บัตรอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ออกให้สำหรับผ่านเข้าออกเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพและเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายศุลกากรกำหนด ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาตามที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยพิจารณาอนุญาตตามความจำเป็นของผู้ขออนุญาตประกอบด้วยบัตรอนุญาตชั่วคราวบุคคล และบัตรอนุญาตชั่วคราวรถ ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจในการออกระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัย ชี้ขาดในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ หมวด ๑ ประเภทของบัตร ข้อ ๗ บัตรอนุญาตผ่านเข้าออกเขตศุลกากร แบ่งออกได้ดังนี้ ๗.๑ บัตรอนุญาตบุคคล ประกอบด้วย ๗.๑.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวบุคคลที่มีกำหนดระยะเวลา ๗.๑.๒ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี ๗.๑.๓ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๓ ปี ๗.๒ บัตรอนุญาตรถ ประกอบด้วย ๗.๒.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวรถที่มีกำหนดระยะเวลา ๗.๒.๒ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี ๗.๒.๓ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๓ ปี ๗.๓ บัตรอนุญาตชั่วคราวให้เป็นไปตามที่ กทท. กำหนด ประกอบด้วย ๗.๓.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ๗.๓.๒ บัตรอนุญาตไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม อนึ่ง การนับอายุบัตรอนุญาตทุกประเภทให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ออกบัตรอนุญาตจนถึงวันบัตรหมดอายุ หมวด ๒ การขอบัตรอนุญาต ข้อ ๘ ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตทุกประเภท ต้องยื่นเอกสารประกอบการขออนุญาตฯ พร้อมชำระค่าธรรมเนียมแต่ละประเภทและรับใบเสร็จรับเงิน ตามที่ กทท. กำหนด ดังนี้ ๘.๑ ท่าเรือกรุงเทพ ยื่นขออนุญาตฯ ที่กองรักษาความปลอดภัย โทรศัพท์ ๐ - ๒๒๖๙ - ๓๕๐๖ - ๗ โทรสาร ๐ - ๒๒๖๙ - ๓๕๒๕ ๘.๒ ท่าเรือแหลมฉบัง ยื่นขออนุญาตฯ ที่แผนกรักษาความปลอดภัย กองบริหารงานทั่วไป โทรศัพท์ ๐ - ๓๘๔๐ - ๙๑๑๑ โทรสาร ๐ - ๓๘๔๐ - ๙๑๑๔ ข้อ ๙ พนักงานที่มีความจำเป็นต้องนำรถผ่านเข้าออกเขตศุลกากร ต้องยื่นแบบขอมีบัตรอนุญาตบุคคลและหรือรถ โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๐ หน่วยงานของรัฐ สภากาชาดไทย สถานทูต องค์กรระหว่างประเทศ ที่มีความจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ หรือรถผ่านเข้าออกเขตศุลกากร ต้องยื่นความจำนงขอมีบัตรอนุญาต ณ ท่าเรือกรุงเทพ และหรือท่าเรือแหลมฉบัง โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๑ รถเครื่องมือทุ่นแรงที่ไม่ใช่ของ กทท. และมีความจำเป็นต้องเข้าไปปฏิบัติงานในเขตท่าเทียบเรือของผู้ประกอบการท่าเรือแหลมฉบัง หรือพื้นที่เช่าของท่าเรือแหลมฉบังในเขตศุลกากร สามารถยื่นความจำนงเพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมอยู่ในเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนที่รถเครื่องมือทุ่นแรงดังกล่าว จะผ่านเข้าเขตศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรณีท่าเรือกรุงเทพให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการชำระค่าธรรมเนียม ตามที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๒ ผู้ขออนุญาตที่มีความประสงค์จะขอทำบัตรอนุญาตสำหรับผ่านเข้าออกเขตศุลกากรที่ประกอบธุรกรรมเกี่ยวกับเรือโดยสารท่องเที่ยว หรือเรืออื่นที่ไม่ใช่เรือสินค้า ให้ยื่นความจำนงขอทำบัตรอนุญาตชั่วคราวที่มีกำหนดระยะเวลา ซึ่งมีอายุบัตรอนุญาตตามจำนวนวันที่เรือเทียบท่า โดยดำเนินการชำระค่าธรรมเนียม ตามแบบที่ กทท. กำหนด อนึ่ง รถสี่ล้อเล็กรับจ้างประจำที่ได้รับอนุญาตจากท่าเรือกรุงเทพ ต้องเสียค่าธรรมเนียมการออกบัตรอนุญาตและรับใบเสร็จรับเงิน ตามแบบที่ กทท. กำหนด หมวด ๓ ค่าธรรมเนียมออกบัตร ข้อ ๑๓ บัตรอนุญาตต้องเสียค่าธรรมเนียมออกบัตร ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้ ๑๓.๑ บัตรอนุญาตบุคคล ประกอบด้วย ๑๓.๑.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวบุคคลที่มีกำหนดระยะเวลา ประกอบด้วย ๑๓.๑.๑.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคน ได้แก่ บุคคลภายนอกที่เข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเขตศุลกากร ๑๓.๑.๑.๒ บัตรอนุญาตที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม ได้แก่ บุคคลนอกเหนือจาก ข้อ ๑๓.๑.๑.๑ ต่อคน ๑๓.๑.๒ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๒ ปี จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคน ๑๓.๑.๓ บัตรอนุญาตบุคคลระยะเวลา ๓ ปีต่อคน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ๑๓.๒ บัตรอนุญาตรถ ประกอบด้วย ๑๓.๒.๑ บัตรอนุญาตชั่วคราวรถที่มีกำหนดระยะเวลา ประกอบด้วย ๑๓.๒.๑.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ได้แก่ รถทุกชนิดที่เข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเขตศุลกากร ๑๓.๒.๑.๒ บัตรอนุญาตที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ได้แก่ รถนอกเหนือจากข้อ ๑๓.๒.๑.๑ ต่อคัน ๑๓.๒.๒ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๒ ปี จำนวน ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ๑๓.๒.๓ บัตรอนุญาตรถระยะเวลา ๓ ปีต่อคัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ๑๓.๓ บัตรอนุญาตชั่วคราว ประกอบด้วย ๑๓.๓.๑ บัตรอนุญาตที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) ต่อคัน ได้แก่ รถทุกชนิดที่เข้ามาทำกิจกรรมเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกสินค้าและตู้สินค้า รถทุกชนิดที่เข้ามารับของเสียจากเรือ ตามแบบที่ กทท. กำหนด ๑๓.๓.๒ บัตรอนุญาตที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม ได้แก่ รถนอกเหนือจากข้อ ๑๓.๓.๑ และบุคคล ๑๓.๔ บัตรอนุญาตสำหรับผู้ขออนุญาตที่ประกอบธุรกรรมเกี่ยวกับเรือโดยสารท่องเที่ยว หรือเรืออื่นที่ไม่ใช่เรือสินค้า ประกอบด้วย ๑๓.๔.๑ บัตรอนุญาตบุคคลจำนวน ๒๐๐ บาทต่อคนต่อเที่ยวเรือ ๑๓.๔.๒ บัตรอนุญาตรถยนต์นั่งไม่เกิน ๗ ที่นั่ง และรถตู้ไม่เกิน ๑๕ ที่นั่ง จำนวน ๒๐๐ บาทต่อคันต่อเที่ยวเรือ ๑๓.๔.๓ บัตรอนุญาตรถโดยสารจำนวน ๔๐๐ บาทต่อคันต่อเที่ยวเรือ ๑๓.๕ ค่าธรรมเนียมการต่ออายุบัตรทุกประเภทสามารถนำบัตรเดิมมาขอต่ออายุบัตรโดยเสียค่าธรรมเนียมบัตรร้อยละ ๕๐ ของค่าธรรมเนียมบัตรแต่ละประเภท และขอต่ออายุบัตรอนุญาตทุกประเภทได้ ๒ ครั้ง ทั้งนี้ หากไม่นำบัตรเดิมมาขอต่ออายุต้องขอทำบัตรอนุญาตฯ และเสียค่าธรรมเนียมออกบัตรใหม่ ๑๓.๖ ค่าธรรมเนียมออกบัตรทุกประเภท ทดแทนบัตรเดิมที่ชำรุด หรือสูญหาย ต้องชำระค่าธรรมเนียมบัตรละ ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) หมวด ๔ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๑๔ กทท. จะรับประกันบัตรอนุญาตเป็นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันออกบัตรอนุญาต หากเสียหาย หรือชำรุดบกพร่อง เฉพาะกรณีที่เกิดจากการชำรุดบกพร่องของบัตรอนุญาตที่มิใช่เกิดจากการใช้งานผิดประเภท ข้อ ๑๕ การต่ออายุบัตรอนุญาตบุคคลและบัตรอนุญาตรถสามารถดำเนินการได้ล่วงหน้า ๖๐ วัน ก่อนถึงวันบัตรหมดอายุ ข้อ ๑๖ ผู้ขออนุญาตต้องแจ้งให้ กทท. ทราบในกรณีที่บุคคล หรือรถที่ยื่นคำขอออกบัตรอนุญาต มีการเปลี่ยนแปลง หรือสิ้นสภาพจากการผูกพันกับผู้ขออนุญาต หรือทำบัตรชำรุด หรือบัตรสูญหาย ไม่ว่ากรณีใด ๆ เพื่อ กทท. จะทำการยกเลิกบัตรอนุญาตดังกล่าวทันทีหากผู้ขออนุญาตละเลยไม่ดำเนินการ เมื่อเกิดความเสียหายจากการใช้บัตรอนุญาต ผู้ขออนุญาตต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หมวด ๕ มาตรการบังคับ ข้อ ๑๗ ผู้ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาตทุกประเภท ต้องดูแลรับผิดชอบบัตรอนุญาตของตนเอง และต้องติดบัตรอนุญาตตลอดเวลาที่อยู่ในเขตศุลกากร ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปใช้ หากเกิดความเสียหายจากการที่บุคคลอื่นนำไปใช้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ผู้ขออนุญาตและเจ้าของบัตรอนุญาตต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเสมือนหนึ่งเป็นผู้กระทำเอง ข้อ ๑๘ ผู้ขับขี่รถทุกประเภทที่เข้ามาในเขตศุลกากร ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศและหลักปฏิบัติของ กทท. โดยเคร่งครัด เว้นแต่เครื่องมือทุ่นแรงของ กทท. ขณะอยู่ระหว่างปฏิบัติงาน ทั้งนี้ เส้นทางการจราจรภายในท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๙ ผู้ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาตชั่วคราว ต้องคืนบัตรเมื่อผ่านออกนอกเขตศุลกากร หากไม่สามารถคืนบัตรอนุญาตดังกล่าวได้ไม่ว่ากรณีใด ต้องชำระค่าบัตรอนุญาตฯ บัตรละ ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ข้อ ๒๐ ผู้ขออนุญาต หรือผู้ได้รับอนุญาตให้มีบัตรอนุญาตทุกประเภทที่ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศและหลักปฏิบัติของ กทท. จะถูกพิจารณาดำเนินการดังนี้ ๒๐.๑ ทำหนังสือว่ากล่าวตักเตือน ๒๐.๒ ทำทัณฑ์บน ๒๐.๓ ระงับการใช้บัตรอนุญาตฯ เป็นการชั่วคราวทุกกรณีเป็นเวลา ๑๕ วัน ๒๐.๔ ยกเลิกบัตรอนุญาตฯ กรณีเป็นพนักงาน กทท. จะทำหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะทำหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด และห้ามบุคคลหรือรถเข้ามาในเขตศุลกากรนับตั้งแต่วันที่ กทท. ออกหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด ทั้งนี้ การดำเนินการตามข้อนี้ให้เป็นไป ตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๒๑ ผู้ขออนุญาตต้องจัดหาผู้ขับขี่แทนผู้ขับรถที่ กทท. ตรวจพบว่าได้กระทำการ ดังต่อไปนี้ ๒๑.๑ เสพสุรา ของมึนเมา หรือใช้สารเสพติด ๒๑.๒ ฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศหรือหลักปฏิบัติของ กทท. ๒๑.๓ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือผู้ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ หากปรากฏว่าได้มีการฝ่าฝืนหรือหลีกเลี่ยงอีก กทท. อาจจะพิจารณาตัดสิทธิ มิให้รถคันดังกล่าวเข้ามาบรรทุก และขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้า หรือทำธุรกรรมกับ กทท. อนึ่ง กทท. สงวนสิทธิ์ที่จะเคลื่อนย้ายรถที่ฝ่าฝืนระเบียบนี้ โดยเจ้าของรถต้องรับผิดชอบในการดำเนินการ และ กทท. ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายแก่รถ รวมทั้งทรัพย์สินในรถ ไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ข้อ ๒๒ ผู้ขออนุญาตต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการของผู้ขับขี่ ข้อ ๒๓ รถจักรยานยนต์รับจ้าง สามล้อเครื่องรับจ้างสาธารณะ รถสี่ล้อเล็กรับจ้างและรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ ห้ามเข้าเขตศุลกากรโดยเด็ดขาด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กทท. ข้อ ๒๔ กทท. จะอนุญาตให้ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตทุกประเภทได้ในนามบุคคลหรือนิติบุคคลอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ข้อ ๒๕ กทท. จะอนุญาตให้ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตรถต่อบุคคลหรือนิติบุคคล ดังต่อไปนี้ ๒๕.๑ บุคคล รถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล อย่างละไม่เกิน ๒ คัน ต่อคน ๒๕.๒ นิติบุคคล รถยนต์ส่วนบุคคล ไม่เกิน ๒๐ คัน และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ไม่เกิน ๑๐ คันต่อนิติบุคคล หมวด ๖ บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๖ ผู้ขออนุญาตทำบัตรอนุญาตทุกประเภทสามารถยื่นคำขอทำบัตรอนุญาตตามข้อ ๘ ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป อนึ่ง กทท. จะเริ่มทดลองใช้บัตรอนุญาตทุกประเภท ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๒๗ กทท. จะเริ่มใช้บัตรอนุญาตบุคคลและบัตรอนุญาตรถทุกประเภทในการผ่านเข้าออกเขตศุลกากรอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. เส้นทางจราจรภายในท่าเรือกรุงเทพ ๒. เส้นทางจราจรในเขตท่าเรือแหลมฉบัง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ ปณตภร/ผู้ตรวจ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๙๕ ง/หน้า ๗/๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๔
650142
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. 2554
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๔[๑] เพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย เหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกำหนดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเลและกฎหมายภายในประเทศ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ประกอบข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๓ เรื่อง วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “ทลฉ.” หมายความว่า ท่าเรือแหลมฉบัง “เขต ทลฉ.” หมายความว่า พื้นที่ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกากำหนดอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชาและตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๓๙ “สทบ.” หมายความว่า สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง “IMO” หมายความว่า องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization) “IMDG Code” หมายความว่า ประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเล (International Maritime Dangerous Goods Code) ซึ่งกำหนดโดย IMO “UN No.” หมายความว่า หมายเลขสหประชาชาติ (United Nation Number) ของวัตถุอันตรายแสดงหมายเลขลำดับ (Serial Number) ที่กำหนดขึ้นมาสำหรับสิ่งของหรือสารที่อยู่ภายใต้ระบบของสหประชาชาติ กำหนดเป็นตัวเลขสี่หลัก “สินค้าอันตราย” หมายความว่า สิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ตามที่ IMO กำหนดไว้ใน IMDG Code “คลังสินค้าอันตราย” หมายความว่า พื้นที่เก็บรักษาสินค้าอันตรายในเขตท่าเรือแหลมฉบัง “สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑” หมายความว่า สินค้าอันตรายร้ายแรงมากที่ห้ามบรรทุก หรือขนถ่ายหรือเคลื่อนย้ายบนเรือ หรือผ่าน หรือถ่ายลำในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ได้แก่ สินค้าอันตรายประเภท ๖.๒ สารแพร่เชื้อ ประเภท ๗ วัสดุกัมมันตรังสี ยกเว้น สารโคบอลต์-๖๐ และ Tantalum Glass “สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒” หมายความว่า สินค้าอันตรายร้ายแรงที่อนุญาตให้ทำการบรรทุกหรือขนถ่ายข้างลำในเขตท่าเรือแหลมฉบัง แต่ไม่อนุญาตให้ฝากเก็บในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ได้แก่ สินค้าอันตรายประเภท ๑ วัตถุระเบิด ประเภท ๒.๓ ก๊าซพิษ “สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓” หมายความว่า สินค้าอันตรายนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกลุ่มที่ ๑ และกลุ่มที่ ๒ ซึ่งอนุญาตให้ทำการบรรทุก หรือขนถ่ายข้างลำในเขตท่าเรือแหลมฉบัง แต่ต้องเคลื่อนย้ายไปฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายทันที “ความเสี่ยงอันตรายรอง” หมายความว่า หมายเลขประเภท หรือประเภทย่อยของความเสี่ยงอันตรายรอง “ชื่อที่ถูกต้องในการขนส่ง” หมายความว่า ชื่อของสินค้าอันตราย (Proper Shipping Name) ตามที่กำหนดใน IMDG Code “Waste” หมายความว่า ของเสียตามอนุสัญญาบาเซล ว่าการควบคุม การเคลื่อนย้ายข้ามแดนของเสียอันตรายและการกำจัดที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนด “EMPTY UNCLEANED” หมายความว่า ภาชนะเปล่าและตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านการบรรจุสินค้าอันตรายและยังไม่ได้ทำความสะอาด “ฉลาก” (Labels according to IMDG - Code) หมายความว่า สัญลักษณ์ที่เป็นรูปภาพซึ่งติดไว้ที่หีบห่อเพื่อแสดงความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายในการขนส่ง โดยมีขนาด ลักษณะ และข้อความตามข้อกำหนดการขนส่งวัตถุอันตราย “ป้าย” (Placard according to IMDG - Code) หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นประกอบด้วยสัญลักษณ์ที่เป็นรูปภาพซึ่งติดไว้บนผิวนอกของตู้สินค้า หรือภาชนะ เพื่อแสดงความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายในการขนส่ง โดยมีขนาด ลักษณะ และข้อความ ตามข้อกำหนดการขนส่งวัตถุอันตราย “เครื่องหมาย” (Marks according to IMDG - Code) หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นประกอบด้วยชื่อที่ถูกต้องของวัตถุอันตราย และหมายเลขสหประชาชาติ รวมทั้งสัญลักษณ์ หรือข้อความอื่นใดนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในฉลากและป้าย ซึ่งติดไว้ที่หีบห่อ หรือบนผิวนอกของตู้สินค้า หรือภาชนะเพื่อเตือนถึงอันตรายของวัตถุอันตรายนั้น “รถ” หมายความว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถลากพ่วง รวมทั้งเครื่องมือยกขน และยานพาหนะทางบกทุกชนิด ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ หมวด ๑ การแบ่งกลุ่มประเภทสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง ข้อ ๖ สินค้าอันตรายแบ่งออกเป็น ๙ ประเภท ตาม IMDG-Code กำหนดปรากฏตามตารางการแบ่งกลุ่มประเภทสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง แนบท้ายระเบียบนี้ ได้แก่ ๖.๑ ประเภทที่ ๑ วัตถุระเบิด (Explosives) ๖.๒ ประเภทที่ ๒ ก๊าซ (Gases) ๖.๒.๑ ประเภทที่ ๒.๑ ก๊าซไวไฟ ๖.๒.๒ ประเภทที่ ๒.๒ ก๊าซไวไฟไม่เป็นพิษ ๖.๒.๓ ประเภทที่ ๒.๓ ก๊าซพิษ ๖.๓ ประเภทที่ ๓ ของเหลวไวไฟ (Flammable liquid) ๖.๔ ประเภทที่ ๔ ของแข็งไวไฟ สารที่ลุกไหม้ได้เอง สารที่เปียกน้ำจะเกิดก๊าซ (Flammable solids ; substances liable to spontaneous combustion ; substances which, in contact with water, emit flammable gases) ๖.๕ ประเภทที่ ๕ สารอ๊อกซิไดซ์และสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Oxidizing substances and organic peroxides) ๖.๖ ประเภทที่ ๖ สารพิษและสารแพร่เชื้อ (Toxic and infectious substances) ๖.๖.๑ ประเภทที่ ๖.๑ สารพิษ ๖.๖.๒ ประเภทที่ ๖.๒ สารแพร่เชื้อโรค ๖.๗ ประเภทที่ ๗ วัสดุกัมมันตรังสี (Radioactive material) ๖.๘ ประเภทที่ ๘ สารกัดกร่อน (Corrosive substances) ๖.๙ ประเภทที่ ๙ สารอันตรายเบ็ดเตล็ดและอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม (Miscellaneous dangerous substances and articles) ข้อ ๗ สินค้าอันตรายที่กำหนดไว้ตามระเบียบนี้ หากมีการยกเลิกหรือเพิ่มเติม ให้เป็นไปตามประกาศของหน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้อง หรือตามที่ IMDG Code กำหนด หมวด ๒ สินค้าอันตรายขาเข้า ข้อ ๘ ให้เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ ซึ่งประสงค์จะนำสินค้าอันตรายเข้ามาในเขต ทลฉ. ดำเนินการดังนี้ ๘.๑ ยื่นแบบรายงานสินค้าอันตราย (ขนถ่ายขึ้นจากเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๑) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ซึ่งจะขนถ่าย หรือถ่ายลำที่เขต ทลฉ. ที่กองการท่า ทลฉ. คลังสินค้าอันตราย และท่าเทียบเรือที่เรือบรรทุกสินค้าอันตรายจะเทียบท่านั้น ก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง สำหรับสินค้าอันตรายที่บรรทุกขึ้นเรือจากราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ ต้องยื่นรายการสินค้าอันตราย ก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง และเรือที่มาจากท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือภายในประเทศ ต้องยื่นรายการสินค้าอันตราย ก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง ๘.๒ รายการตามแบบข้อ ๘.๑ สำหรับสินค้าอันตรายที่จะขนถ่ายหรือถ่ายลำต้องมีรายละเอียดประกอบด้วย ๘.๒.๑ ลำดับที่ (Item No.) ๘.๒.๒ เลขที่ใบตราส่ง (B/L No.) ๘.๒.๓ จำนวนหีบห่อ (No. of Packages) ๘.๒.๔ ชื่อสินค้า (Proper Shipping Name) ๘.๒.๕ น้ำหนัก (Net Weight) ๘.๒.๖ ประเภทของสินค้าอันตราย/หมายเลขสหประชาชาติ (Class/UN No.) ๘.๒.๗ จุดวาบไฟ (Flash Point) ๘.๒.๘ กลุ่มการบรรจุ (Packing Group) ๘.๒.๙ หมายเลขตู้สินค้า (Container No.) ๘.๒.๑๐ สถานภาพของตู้สินค้า (Status) ๘.๒.๑๑ ชื่อ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้นำเข้า (Consignee’s Name & Address & Telephone) ๘.๒.๑๒ ชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในประเทศไทยที่ติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ๘.๒.๑๓ แนบเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) ตามที่ IMO (ภาษาอังกฤษ) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (ภาษาไทย) กำหนด หรือเอกสารอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลของสินค้าอันตรายแต่ละรายการไว้ด้วย ๘.๓ รายการตามแบบข้อ ๘.๑ สำหรับสินค้าอันตรายที่วางบนเรือผ่านเขต ทลฉ. ยื่นแบบรายงานสินค้าอันตราย (ที่บรรทุกวางอยู่บนเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๓) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ที่กองการท่า ทลฉ. คลังสินค้าอันตราย และท่าเทียบเรือที่เรือบรรทุกสินค้าอันตรายจะเทียบท่านั้นก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง เฉพาะสายเดินเรือที่มาจากราชอาณาจักรกัมพูชาและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ต้องยื่นแบบรายการสินค้าอันตรายไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง ก่อนตารางเรือเทียบท่า และเรือที่มาจากท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือภายในประเทศ ต้องยื่นรายการสินค้าอันตรายก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง โดยมีรายละเอียดประกอบด้วย ๘.๓.๑ ลำดับที่ (Item No.) ๘.๓.๒ เลขที่ใบตราส่ง (B/L No.) ๘.๓.๓ จำนวนหีบห่อ (No. of Packages) ๘.๓.๔ ชื่อสินค้า (Proper Shipping Name) ๘.๓.๕ น้ำหนัก (Net Weight) ๘.๓.๖ ประเภทของสินค้าอันตราย/หมายเลขสหประชาชาติ (Class/UN No.) ๘.๓.๗ จุดวาบไฟ (Flash Point) ๘.๓.๘ กลุ่มการบรรจุ (Packing Group) ๘.๓.๙ หมายเลขตู้สินค้า (Container No.) ๘.๓.๑๐ สถานภาพของตู้สินค้า (Status) ๘.๓.๑๑ ตำแหน่งที่วางบนเรือ (Storage Position) ๘.๓.๑๒ แนบเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) ตามที่ IMO (ภาษาอังกฤษ) กำหนด หรือเอกสารอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลของสินค้าอันตรายแต่ละรายการไว้ด้วย ข้อ ๙ สินค้าอันตรายขาเข้าตามหมวด ๑ แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ตามตารางแบ่งกลุ่มสินค้าอันตรายของ ทลฉ. แนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๐ สินค้าอันตรายทุกประเภทที่มีความเสี่ยงอันตรายรองอยู่ในกลุ่มที่ ๑ และ ๒ ให้ถือเป็นสินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑ และ ๒ ข้อ ๑๑ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑ ไม่อนุญาตให้ทำการขนถ่ายหรือเคลื่อนย้ายบนเรือ หรือผ่านหรือถ่ายลำในเขต ทลฉ. (ยกเว้นสารโคบอลต์-๖๐ และ Tantalum Glass เฉพาะที่นำเข้ามาใช้ประโยชน์แก่ประเทศไทยเท่านั้น ให้ทำการขนถ่ายข้างลำแล้วนำออกจากเขต ทลฉ. โดยตรงทันที) สำหรับสารโคบอลต์-๖๐ ผู้นำเข้าต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดดังนี้ ๑๑.๑ ก่อนสั่งนำเข้าสารโคบอลต์-๖๐ ต้องติดต่อประสานงานโดยตรงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วันทำการ ได้แก่ กองการท่า ทลฉ. สทบ. ผู้ประกอบการท่าที่จะนำเรือเทียบท่าคลังสินค้าอันตรายและตัวแทนเรือ เพื่อวางแผน กำหนดมาตรการและเตรียมการขนถ่ายและขนส่งสารโคบอลต์-๖๐ ให้ปลอดภัยที่สุด ๑๑.๒ จัดส่งเอกสารแสดงรายละเอียด จำนวน และวัตถุประสงค์ในการนำเข้าโดยตรงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑๑.๓ จัดส่งเอกสารที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสารโคบอลต์-๖๐ อย่างถูกต้องจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ๑๑.๔ แสดงและส่งสำเนาหนังสือรับรองการตรวจสอบภาชนะที่ใช้บรรจุสารโคบอลต์-๖๐ ว่ามีความปลอดภัยในการขนส่งจากหน่วยงานของรัฐในต่างประเทศ และได้รับการตรวจสอบพร้อมหนังสือรับรองจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ๑๑.๕ ให้ขนถ่ายสารโคบอลต์-๖๐ ข้างลำลงจากเรือ แล้วนำออกนอกเขต ทลฉ. โดยตรงทันที ๑๑.๖ กำหนดมาตรการป้องกันการรั่วไหลรังสีของสารโคบอลต์-๖๐ ที่ได้มาตรฐานโดยต้องจัดเจ้าหน้าที่ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ พร้อมเครื่องมือเพื่อมาควบคุมและตรวจสอบการรั่วไหลของรังสีตลอดเวลา โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อเรือเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว ๑๑.๗ กำหนดมาตรการขนถ่ายขึ้นจากเรือ รวมทั้งขนส่งภายในและภายนอกเขต ทลฉ. ไปยังสถานที่เก็บของผู้นำเข้าอย่างปลอดภัยที่สุด โดยต้องจัดเจ้าหน้าที่ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงควบคุมการขนถ่ายและขนส่งสารโคบอลต์-๖๐ ตลอดเวลา รวมทั้งบริเวณที่ขนถ่าย ฯ ต้องมีการควบคุมในระยะประมาณ ๔๐ เมตร พร้อมติดตั้งสัญลักษณ์เตือนเพื่อป้องกันมิให้บุคคลภายนอกเข้าไปอยู่ในบริเวณที่ขนถ่ายสารโคบอลต์-๖๐ ด้วย ข้อ ๑๒ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒ อนุญาตให้ทำการขนถ่ายข้างลำขึ้นจากเรือในเขต ทลฉ. ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ฝากเก็บ และต้องนำออกจากเขต ทลฉ. โดยตรงทันที เว้นแต่สินค้าอันตรายที่ผ่านพิธีการทางศุลกากรและชำระค่าภาระต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ในกรณีมีเหตุจำเป็นไม่สามารถนำสินค้าออกนอกเขต ทลฉ. ได้ ให้นำรถบรรทุกไปจอดไว้ในพื้นที่ที่กำหนด ข้อ ๑๓ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ อนุญาตให้ทำการขนถ่ายข้างลำขึ้นจากเรือในเขต ทลฉ. และต้องเคลื่อนย้ายนำไปฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายโดยตรงทันที ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้วางพัก หรือเปิดตู้สินค้าหรือฝากเก็บในท่าเทียบเรือโดยเด็ดขาด หมวด ๓ สินค้าอันตรายขาออก ข้อ ๑๔ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเรือที่ประสงค์จะส่งสินค้าอันตรายออกนอกเขต ทลฉ. ดำเนินการดังนี้ ๑๔.๑ กรณีสินค้าอันตรายขอบรรจุตู้สินค้า ให้ยื่นสำเนาใบขนสินค้าขาออกตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด พร้อมหมายเลขตู้สินค้าที่ต้องการบรรจุสินค้าอันตรายที่คลังสินค้าอันตราย ทลฉ. ไม่น้อยกว่า ๔๘ ชั่วโมง ก่อนนำสินค้าอันตรายเข้ามาที่คลังสินค้าอันตราย และต้องนำสินค้าอันตรายเข้ามาบรรจุที่คลังสินค้าอันตรายก่อนตารางเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง ๑๔.๒ กรณีสินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ ที่บรรจุตู้สินค้ามาจากภายนอกให้นำเข้าคลังสินค้าอันตราย ไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมงก่อนตารางเรือเทียบท่า พร้อมแนบใบกำกับการขนย้ายตู้สินค้าตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด ๑๔.๓ ยื่นแบบรายงานสินค้าอันตราย (ที่บรรทุกลงเรือ) (ทลฉ. สคอ.๐๒) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ที่กองการท่า ทลฉ. คลังสินค้าอันตราย และท่าเทียบเรือที่เรือจะบรรทุกสินค้าอันตรายจะเทียบท่านั้น ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง ๑๔.๔ สำหรับสินค้าอันตรายที่จะบรรทุกหรือถ่ายลำ ตามข้อ ๑๔.๓ ต้องมีรายละเอียดประกอบด้วย ๑๔.๔.๑ ชื่อสินค้า (Proper Shipping Name) ๑๔.๔.๒ จำนวนหีบห่อ (No. of Packing) ๑๔.๔.๓ น้ำหนัก (Net Weight) ๑๔.๔.๔ ประเภทของสินค้าอันตราย/หมายเลขสหประชาชาติ (Class/UN No.) ๑๔.๔.๕ จุดวาบไฟ (Flash Point) ๑๔.๔.๖ กลุ่มการบรรจุ (Packing Group) ๑๔.๔.๗ หมายเลขตู้สินค้า ชื่อเรือ เที่ยวเรือ (Container No., Vessel and Voyage) ๑๔.๔.๘ ชื่อที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ผู้ส่งออก (Shipper’s Name & Address & Telephone) ๑๔.๔.๙ ชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในประเทศไทยที่ติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ๑๔.๔.๑๐ แนบเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) หรือเอกสารอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลของสินค้าอันตรายแต่ละรายการไว้ด้วย ข้อ ๑๕ สินค้าอันตรายขาออกตามหมวด ๑ แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ตามตารางแบ่งกลุ่มสินค้าอันตรายของ ทลฉ. แนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๖ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรทุกลงเรือในเขต ทลฉ. (ยกเว้นสารโคบอลต์-๖๐ ที่นำเข้ามาใช้ประโยชน์แก่ประเทศไทยแล้วส่งคืนกลับประเทศผู้ผลิตเท่านั้น) ให้นำเข้ามาในเขต ทลฉ. และบรรทุกข้างลำลงเรือโดยตรงทันที โดยผู้ส่งออกต้องปฏิบัติในทางกลับกันตามข้อ ๑๑.๑ ถึงข้อ ๑๑.๗ อย่างเคร่งครัด ข้อ ๑๗ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒ อนุญาตให้นำสินค้าเข้ามาในเขต ทลฉ. และบรรทุกข้างลำลงเรือโดยตรงทันที ข้อ ๑๘ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ อนุญาตให้นำสินค้าเข้ามาฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายก่อนแล้วบรรทุกข้างลำลงเรือในเขต ทลฉ. โดยตรงได้ หรือนำสินค้าอันตรายมาบรรจุเข้าตู้สินค้าและฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายก่อนเคลื่อนย้ายบรรทุกข้างลำลงเรือโดยตรง แต่จะไม่อนุญาตให้บรรจุสินค้าอันตรายเข้าตู้ หรือฝากเก็บในท่าเทียบเรือโดยเด็ดขาด หมวด ๔ ของเสียอันตราย ข้อ ๑๙ การนำเข้าหรือส่งออกของเสียอันตรายจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ตามที่อนุสัญญาบาเซลว่าการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของเสียอันตรายและการกำจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements of Hazardous Wastes and their Disposal) และมาตรฐานที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดไว้โดยเคร่งครัด ข้อ ๒๐ สินค้าอันตรายขาเข้าที่เป็น Waste จะต้องระบุคำว่า “Waste” ในแบบรายงานสินค้าอันตราย (ทลฉ. สคอ. ๐๔) และต้องฝากเก็บไว้ในตู้สินค้าเท่านั้น ข้อ ๒๑ สินค้าอันตรายขาออกที่เป็น Waste ต้องบรรจุตู้สินค้ามาจากภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ต้องระบุคำว่า “Waste” ในสำเนาใบขนสินค้าขาออกด้วย ข้อ ๒๒ ของเสียที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในการขนส่งต้องอยู่ภายใต้ประเภทที่ ๙ UN No. ๓๐๘๒ “Environmentally Hazardous Substance, Liquid, N.O.S” สำหรับของเหลว หรือ UN No. ๓๐๗๗ “Environmentally Hazardous Substance, Solid, N.O.S” สำหรับของแข็ง ข้อ ๒๓ ของเสียอันตรายที่ไม่ครอบคลุมใน IMDG - Code แต่ถูกควบคุมด้วยอนุสัญญาบาเซลในการขนส่งต้องอยู่ภายใต้ประเภทที่ ๙ UN No. ๓๐๘๒ “Environmentally Hazardous Substance,Liquid, N.O.S” สำหรับของเหลว หรือ UN No. ๓๐๗๗ “Environmentally Hazardous Substance, Solid, N.O.S” สำหรับของแข็ง หมวด ๕ ภาชนะเปล่าและตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านการบรรจุสินค้าอันตราย ข้อ ๒๔ ภาชนะเปล่าและตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านการบรรจุสินค้าอันตราย และยังไม่ได้ทำความสะอาดในการนำเข้า หรือส่งออกต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าอันตรายทุกประการและต้องระบุคำว่า “EMPTY UNCLEANED” ในแบบรายงานสินค้าอันตราย (ขนถ่ายขึ้นจากเรือ) (ทลฉ.สคอ.๐๑) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ สำหรับสินค้าอันตรายขาเข้า และสำเนาใบขนสินค้าขาออกสำหรับสินค้าอันตรายขาออกด้วย หมวด ๖ การรมยา ข้อ ๒๕ ทลฉ. อนุญาตให้ทำการรมยาตู้สินค้าเฉพาะตู้สินค้าขาออกที่บรรจุสินค้าเรียบร้อยแล้วที่คลังสินค้าอันตรายเท่านั้น ห้ามทำการรมยาตู้สินค้าเปล่าโดยเด็ดขาด ข้อ ๒๖ บริษัทที่ดำเนินการรมยาหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ประสงค์รมยาตู้สินค้าขาออกต้องยื่นแบบขออนุญาตรมยาตู้สินค้าหรือเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้า (ทลฉ. สคอ. ๐๔) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ที่กองการท่า ทลฉ. และคลังสินค้าอันตราย ก่อนดำเนินการรมยาไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง ข้อ ๒๗ สินค้าขาออกที่ทำการบรรจุตู้สินค้าที่ท่าเทียบเรือ ให้เคลื่อนย้ายนำตู้สินค้ามาทำการรมยาได้ที่คลังสินค้าอันตรายเท่านั้น ข้อ ๒๘ ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตรายเมื่อทำการรมยาแล้ว ต้องติดเครื่องหมายรมยาที่ประตูตู้สินค้า โดยระบุชื่อสารเคมีที่ใช้ และวันที่ทำการรมยา พร้อมทั้งติดป้ายประเภทสินค้าอันตรายที่บรรจุในตู้สินค้านั้น ข้อ ๒๙ ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าทั่วไปเมื่อทำการรมยาแล้ว ต้องติดเครื่องหมายรมยาที่ประตูตู้สินค้า โดยระบุชื่อสารเคมีที่ใช้ และวันที่ทำการรมยา พร้อมทั้งติดป้ายประเภทที่ ๙ UN No. ๓๓๕๙ ไว้ด้วย ข้อ ๓๐ บริษัทที่ดำเนินการรมยาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่จากสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และในขณะที่ทำการรมยาต้องปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ชีวิต สิ่งแวดล้อมและทรัพย์สินอย่างเคร่งครัด โดยเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ต้องนำภาชนะ หรือหีบห่อบรรจุสารเคมีที่ใช้รมยาและเศษวัสดุต่าง ๆ ออกจากเขต ทลฉ. และห้ามทิ้งเศษวัสดุข้างต้นในเขต ทลฉ. โดยเด็ดขาด หมวด ๗ การเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้า ข้อ ๓๑ ทลฉ. อนุญาตให้ทำการเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้าได้ทั้งตู้สินค้าขาเข้าและขาออก ข้อ ๓๒ บริษัทที่ดำเนินการเติมน้ำยาหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ประสงค์เติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้าต้องยื่นแบบขออนุญาตตามข้อ ๒๖ ที่กองการท่า ทลฉ. และคลังสินค้าอันตราย ก่อนการดำเนินการเติมน้ำยา ข้อ ๓๓ การเติมน้ำยาทำความเย็น อนุญาตให้ดำเนินการได้ ณ บริเวณพื้นที่ที่ ทลฉ. กำหนดเท่านั้น ข้อ ๓๔ ตู้สินค้าที่ดำเนินการเติมน้ำยาทำความเย็นแล้ว ต้องติดเครื่องหมาย IMDG Code กำหนดที่ประตูตู้สินค้า หมวด ๘ ข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตราย ข้อ ๓๕ การบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าอันตรายต้องอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลของผู้ประกอบการคลังสินค้าอันตรายซึ่งมีความรู้ความสามารถความชำนาญงานผ่านการอบรมหลักสูตรสินค้าอันตรายและความปลอดภัย ข้อ ๓๖ การบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตรายต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ และข้อบังคับของ IMO โดยเคร่งครัด ข้อ ๓๗ ให้ตัวแทนเรือต้องยื่นรายการสินค้าอันตรายที่จะบรรทุกหรือขนถ่ายในเขต ทลฉ. และวางอยู่บนเรือผ่านเขต ทลฉ. และแผนผังการจัดเก็บสินค้าอันตรายในระวางเรือให้แก่กองการท่าทลฉ. คลังสินค้าอันตราย และท่าเทียบเรือที่เรือบรรทุกสินค้าอันตรายนั้นเทียบท่าฯ และต้องนำแผนผังการจัดเก็บสินค้าอันตรายในระวางเรือมาติดแสดงไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน บริเวณช่องทางขึ้นบนเรือก่อนการปฏิบัติงานบรรทุกและขนถ่ายสินค้าทั่วไป และสินค้าอันตรายทุกครั้ง ข้อ ๓๘ ห้ามนำน้ำมันเชื้อเพลิงมาเติมให้กับรถภายในเขต ทลฉ. นอกจากพื้นที่ที่ ทลฉ. กำหนด ยกเว้นรถบรรทุกน้ำมันและเรือน้ำมันที่มาเติมน้ำมันให้กับเรือสินค้า และต้องปฏิบัติตามระเบียบ ประกาศของ ทลฉ. ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ข้อ ๓๙ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสินค้าอันตรายภายในเขต ทลฉ. จะต้องสวมอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามมาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติงานทุกครั้ง ข้อ ๔๐ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ คลังสินค้าอันตรายและกิจกรรมต่อเนื่อง ต้องจัดทำแผนฉุกเฉินในกรณีเกิดสินค้าอันตรายรั่วไหล หรือมีอุบัติภัย อุบัติเหตุ เสนอ ทลฉ. ด้วย ข้อ ๔๑ การจัดเก็บสินค้าอันตรายที่คลังสินค้าอันตราย ต้องปฏิบัติตาม IMO อย่างเคร่งครัด ข้อ ๔๒ ภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้าอันตรายต้องได้มาตรฐานตามที่ IMDG-Code กำหนด และต้องติดฉลาก ป้ายและเครื่องหมายสินค้าอันตรายบนภาชนะ หรือตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตรายให้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการบรรจุสินค้าอันตรายเต็มตู้สินค้า หรือปนกับสินค้าทั่วไป ข้อ ๔๓ สินค้าประเภทเปรอะเปื้อนและสินค้าประเภทมีกลิ่นเหม็น ทลฉ. ไม่รับฝากเก็บภายในโรงพักสินค้า โดยต้องฝากเก็บในตู้สินค้าเท่านั้น ข้อ ๔๔ ในการขนส่งสินค้าอันตราย ผู้ขับรถต้องได้รับใบอนุญาตขับขี่ประเภทที่ ๔ และมีข้อมูลความปลอดภัยของสินค้าอันตรายนั้น รวมทั้งต้องทำการผูกยึดสินค้าอันตรายบนรถบรรทุกให้แน่นหนาก่อนขนส่งเข้าหรือออกจากเขต ทลฉ. ทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยตลอดเส้นทางการขนส่ง ข้อ ๔๕ ทลฉ. จะนำกฎหมายศุลกากรฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอันตรายมาบังคับใช้โดยอนุโลม เพื่อให้มีมาตรการควบคุมไม่ให้มีการนำสินค้าอันตรายมาทิ้งไว้ ณ ทลฉ. หมวด ๙ มาตรการบังคับ ข้อ ๔๖ ทลฉ. จะดำเนินการกรณีเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ที่ละเลยไม่ปฏิบัติตามหมวด ๒ ของระเบียบนี้ อันอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติภัย หรือเกิดความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อมและทรัพย์สินของ ทลฉ. ดังนี้ ๔๖.๑ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ละเลยไม่แจ้งบัญชีสินค้าอันตรายหรือแจ้งไม่ครบตามที่ระบุไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือ หรือมิได้แจ้งภายในระยะเวลาที่ ทลฉ. กำหนดหรือไม่แจ้งสินค้าอันตรายทั้งหมดที่บรรทุกมาบนเรือผ่านเขต ทลฉ. ทลฉ. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ต่อ ๑ ลำเรือ โดยเรียกเก็บจากเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ๔๖.๒ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ละเลยไม่แจ้งบัญชีสินค้าอันตราย ทลฉ. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต่อ ๑ ใบตราส่งสินค้าโดยเรียกเก็บจากเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ๔๖.๓ กรณีตู้บรรจุสินค้าอันตรายไม่ติดฉลากสินค้าอันตรายบริเวณข้างตู้บรรจุสินค้านั้นหรือหากเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าได้ติดฉลากนั้นแล้ว แต่ปรากฏว่าฉลากนั้นชำรุดเสียหายหรือฉีกขาด ทลฉ. จะเป็นผู้ดำเนินการติดให้ใหม่ โดยเจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของสินค้าจะต้องเสียค่าปรับฉลากละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ข้อ ๔๗ ทลฉ. จะดำเนินการกรณีเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ละเลยไม่ปฏิบัติตามหมวด ๓ ของระเบียบนี้ อันอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติภัยหรือเกิดความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อมและทรัพย์สินของ ทลฉ. ดังนี้ ๔๗.๑ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ละเลยไม่ดำเนินการตามข้อ ๑๔.๓ และข้อ ๑๔.๔ ทลฉ. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ต่อ ๑ ลำเรือโดยเรียกเก็บจากเจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือ ๔๗.๒ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ละเลยไม่ดำเนินการตามข้อ ๑๔.๑ และข้อ ๑๔.๒ ทลฉ. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต่อ ๑ ใบขนสินค้า ๔๗.๓ กรณีตู้บรรจุสินค้าอันตรายไม่ติดฉลากสินค้าอันตรายบริเวณข้างตู้บรรจุสินค้านั้น หรือหากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าได้ติดฉลากนั้นแล้ว แต่ปรากฏว่าฉลากนั้นชำรุดเสียหายหรือฉีกขาด ทลฉ. จะเป็นผู้ดำเนินการติดให้ใหม่ โดยเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าจะต้องเสียค่าปรับฉลากละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. ตารางการแบ่งกลุ่มประเภทสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง แนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. แบบรายงานสินค้าอันตราย (ขนถ่ายขึ้นจากเรือ) Dangerous Good Declaration ๓. แบบรายงานสินค้าอันตราย (ที่บรรทุกลงเรือ) Dangerous Good Declaration ๔. แบบรายงานสินค้าอันตราย (ที่บรรทุกวางอยู่บนเรือ) Dangerous Good Declaration ๕. แบบขออนุญาตรมยาตู้สินค้า หรือเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้า (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณัฐวดี/ตรวจ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๖๔ ง/หน้า ๑๖/๘ มิถุนายน ๒๕๕๔
640827
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า ในเขตท่าเรือเชียงแสน พ.ศ. 2553
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า ในเขตท่าเรือเชียงแสน พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือเชียงแสน ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือเชียงแสน พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือเชียงแสน พ.ศ. ๒๕๔๖ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ “เขตท่าเรือเชียงแสน” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้าตามกฎหมายศุลกากรสำหรับบรรทุกของลงหรือขนของขึ้นและเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย “กิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า” หมายความว่า การดำเนินการขนถ่ายหรือบรรทุกสินค้าและหรือตู้สินค้า ขึ้นหรือลงเรือหรือรถบรรทุก หรือเปิดตู้สินค้านำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า (STEVEDORE) ในเขตท่าเรือเชียงแสน ได้ตามความเหมาะสม ข้อ ๕ ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือเชียงแสนต้องไม่เป็นผู้ที่เคยมีประวัติในทางทุจริต หรือเสื่อมเสียในทางศีลธรรม ข้อ ๖ ให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือเชียงแสนยื่นคำขอจดทะเบียนตามแบบที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดต่อผู้จัดการ พร้อมด้วยเอกสารหลักฐาน (เอกสารที่เป็นสำเนาต้องลงนามรับรองเอกสารด้วย) ดังต่อไปนี้ ๖.๑ สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ยื่น ๖.๑.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ๖.๑.๒ สำเนาทะเบียนบ้าน ๖.๑.๓ ภาพถ่ายขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๑.๔ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ๖.๒ สำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ให้ยื่น ๖.๒.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๖.๒.๒ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๖.๒.๓ สำเนาทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๖.๒.๔ ภาพถ่ายของหุ้นส่วนผู้จัดการ ขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๒.๕ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ๖.๓ สำหรับบริษัทจำกัด ให้ยื่น ๖.๓.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๖.๓.๒ หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท ๖.๓.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ ๖.๓.๔ สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการ ๖.๓.๕ ภาพถ่ายของกรรมการผู้จัดการ ขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๓.๖ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ข้อ ๗ เมื่อผู้จัดการได้รับคำขอจดทะเบียนตามข้อ ๖ แล้วเห็นว่าถูกต้อง ให้เสนอรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารธุรกิจ รับจดทะเบียน และออกใบสำคัญการจดทะเบียนตามแบบที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันรับคำขอ โดยผู้ได้รับจดทะเบียนต้องชำระค่าธรรมเนียมฉบับละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีอายุ ๑ ปี ในกรณีผู้จัดการเห็นสมควรให้รับจดทะเบียน ผู้จัดการมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ยื่นคำขอเข้ามาดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าก่อนได้โดยอนุโลม และผู้ยื่นคำขอนั้นต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด ในกรณีไม่รับจดทะเบียน ให้ผู้จัดการแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้ยื่นคำขอภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่รับคำขอ พร้อมทั้งเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียนให้ผู้ยื่นคำขอทราบ ผู้ยื่นคำขอมีสิทธิยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันได้รับแจ้ง และให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันรับอุทธรณ์ ในกรณีที่ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยวินิจฉัยให้รับจดทะเบียน ให้ออกใบสำคัญการจดทะเบียนภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันวินิจฉัยอุทธรณ์ หากวินิจฉัยไม่รับจดทะเบียนให้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นอุทธรณ์ทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันวินิจฉัยอุทธรณ์ ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้เป็นที่สุด ข้อ ๘ เมื่อความในคำขอจดทะเบียนได้มีการเปลี่ยนแปลงไป หรือใบสำคัญการจดทะเบียนเกิดการสูญหาย ให้ผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนแจ้งต่อผู้จัดการเพื่อเสนอสำนักท่าเรือภูมิภาค ให้แก้ไขหรือออกใบแทนใบสำคัญใหม่ ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลง หรือทราบว่าใบสำคัญการจดทะเบียนสูญหาย ในกรณีใบสำคัญการจดทะเบียนสูญหายให้นำหลักฐานการแจ้งความสูญหายต่อพนักงานสอบสวนมาแสดง โดยให้นำความในข้อ ๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๙ ผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าต้องให้เจ้าหน้าที่ของตนแต่งกายเรียบร้อยรัดกุมอย่างเดียวกัน โดยมีชื่อบริษัท หรือห้างร้านที่ได้รับจดทะเบียนปรากฏด้านหลังของเสื้อและหมายเลขกำกับให้เห็นได้โดยชัดเจนตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในเขตท่าเรือเชียงแสน ข้อ ๑๐ ถ้าปรากฏว่ามีวิธีดำเนินการ หรือเครื่องมืออุปกรณ์ของผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้ามีประสิทธิภาพไม่เหมาะสม หรือไม่ปลอดภัย ผู้จัดการมีอำนาจสั่งให้เปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินการ หรือสั่งระงับใช้เครื่องมืออุปกรณ์นั้นไว้ชั่วคราวได้จนกว่าจะได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งบกพร่องให้เรียบร้อย ในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สิน หรือบุคคลใดอันเนื่องมาจากการดำเนินงานของผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า ผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าต้องส่งรายงานการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าประจำวันให้ท่าเรือเชียงแสนเมื่อสิ้นสุดระยะการดำเนินงานในแต่ละวัน ข้อ ๑๒ ถ้าปรากฏว่าผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าขาดคุณสมบัติในข้อ ๖ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งในข้อ ๑๐ ผู้จัดการอาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าหยุดดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าก่อน แล้วเสนอผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพิกถอนใบสำคัญการจดทะเบียนได้ ข้อ ๑๓ ถ้าปรากฏว่าผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความล่าช้าอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ ผู้จัดการมีอำนาจที่จะจัดหาผู้อื่นให้เข้าดำเนินงานแทนได้ ในกรณีที่ได้จัดหาผู้อื่นเข้ามาดำเนินการแทนตามวรรคแรก การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการจัดหาให้ผู้อื่นดำเนินงานแทนจากผู้ประกอบการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้านั้นได้ ข้อ ๑๔ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณัฐวดี/ตรวจ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๑๙/๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
640824
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนอง พ.ศ. 2553
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนอง ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง พ.ศ. ๒๕๔๖ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการท่าเรือระนอง “เขตท่าเรือระนอง” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้าตามกฎหมายศุลกากรสำหรับบรรทุกของลงหรือขนของขึ้น และเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย “กิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า” หมายความว่า การดำเนินการขนถ่ายหรือบรรทุกสินค้าและหรือตู้สินค้า ขึ้นหรือลงเรือหรือรถบรรทุก หรือเปิดตู้สินค้านำสินค้าออก หรือบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า (STEVEDORE) ในเขตท่าเรือระนอง ได้ตามความเหมาะสม ข้อ ๕ ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนองต้องไม่เป็นผู้ที่เคยมีประวัติในทางทุจริต หรือเสื่อมเสียในทางศีลธรรม ข้อ ๖ ให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าในเขตท่าเรือระนองยื่นคำขอจดทะเบียนตามแบบที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดต่อผู้จัดการ พร้อมด้วยเอกสารหลักฐาน (เอกสารที่เป็นสำเนาต้องลงนามรับรองเอกสารด้วย) ดังต่อไปนี้ ๖.๑ สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ยื่น ๖.๑.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ๖.๑.๒ สำเนาทะเบียนบ้าน ๖.๑.๓ ภาพถ่ายขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๑.๔ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ๖.๒ สำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ให้ยื่น ๖.๒.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๖.๒.๒ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๖.๒.๓ สำเนาทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๖.๒.๔ ภาพถ่ายของหุ้นส่วนผู้จัดการ ขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๒.๕ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ๖.๓ สำหรับบริษัทจำกัด ให้ยื่น ๖.๓.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๖.๓.๒ หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท ๖.๓.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ ๖.๓.๔ สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการ ๖.๓.๕ ภาพถ่ายของกรรมการผู้จัดการ ขนาด ๔ x ๖ เซนติเมตร จำนวน ๒ รูป ๖.๓.๖ หนังสือแสดงรายการบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ ข้อ ๗ เมื่อผู้จัดการได้รับคำขอจดทะเบียนตามข้อ ๖ แล้วเห็นว่าถูกต้อง ให้เสนอรองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารธุรกิจ รับจดทะเบียน และออกใบสำคัญการจดทะเบียนตามแบบที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนดภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันรับคำขอโดยผู้ได้รับจดทะเบียนต้องชำระค่าธรรมเนียมฉบับละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและมีอายุ ๑ ปี ในกรณีผู้จัดการเห็นสมควรให้รับจดทะเบียน ผู้จัดการมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ยื่นคำขอเข้ามาดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าก่อนได้โดยอนุโลม และผู้ยื่นคำขอนั้นต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด ในกรณีไม่รับจดทะเบียน ให้ผู้จัดการแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้ยื่นคำขอภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่รับคำขอ พร้อมทั้งเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียนให้ผู้ยื่นคำขอทราบ ผู้ยื่นคำขอมีสิทธิยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันได้รับแจ้ง และให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันรับอุทธรณ์ ในกรณีที่ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยวินิจฉัยให้รับจดทะเบียน ให้ออกใบสำคัญการจดทะเบียนภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันวินิจฉัยอุทธรณ์ หากวินิจฉัยไม่รับจดทะเบียนให้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นอุทธรณ์ทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันวินิจฉัยอุทธรณ์ ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้เป็นที่สุด ข้อ ๘ เมื่อความในคำขอจดทะเบียนได้มีการเปลี่ยนแปลงไป หรือใบสำคัญการจดทะเบียนเกิดการสูญหาย ให้ผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนแจ้งต่อผู้จัดการเพื่อเสนอสำนักท่าเรือภูมิภาค ให้แก้ไขหรือออกใบแทนใบสำคัญใหม่ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลง หรือทราบว่าใบสำคัญการจดทะเบียนสูญหาย ในกรณีใบสำคัญการจดทะเบียนสูญหายให้นำหลักฐานการแจ้งความสูญหายต่อพนักงานสอบสวนมาแสดง โดยให้นำความในข้อ ๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๙ ผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าต้องให้เจ้าหน้าที่ของตนแต่งกายเรียบร้อยรัดกุมอย่างเดียวกัน โดยมีชื่อบริษัท หรือห้างร้านที่ได้รับจดทะเบียนปรากฏด้านหลังของเสื้อและหมายเลขกำกับให้เห็นได้โดยชัดเจนตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในเขตท่าเรือระนอง ข้อ ๑๐ ถ้าปรากฏว่ามีวิธีดำเนินการ หรือเครื่องมืออุปกรณ์ของผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้ามีประสิทธิภาพไม่เหมาะสม หรือไม่ปลอดภัย ผู้จัดการมีอำนาจสั่งให้เปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินการ หรือสั่งระงับใช้เครื่องมืออุปกรณ์นั้นไว้ชั่วคราวได้จนกว่าจะได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งบกพร่องให้เรียบร้อย ในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สิน หรือบุคคลใดอันเนื่องมาจากการดำเนินงานของผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้า ผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าต้องส่งรายงานการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าประจำวันให้ท่าเรือระนองเมื่อสิ้นสุดระยะการดำเนินงานในแต่ละวัน ข้อ ๑๒ ถ้าปรากฏว่าผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าขาดคุณสมบัติในข้อ ๖ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งในข้อ ๑๐ ผู้จัดการอาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าหยุดดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าก่อน แล้วเสนอผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพิกถอนใบสำคัญการจดทะเบียนได้ ข้อ ๑๓ ถ้าปรากฏว่าผู้ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความล่าช้าอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ ผู้จัดการมีอำนาจที่จะจัดหาผู้อื่นให้เข้าดำเนินงานแทนได้ ในกรณีที่ได้จัดหาผู้อื่นเข้ามาดำเนินการแทนตามวรรคแรก การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการจัดหาให้ผู้อื่นดำเนินงานแทนจากผู้ประกอบการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้านั้นได้ ข้อ ๑๔ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณัฐวดี/ตรวจ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๑๕/๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
640822
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ พ.ศ. 2553
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือเชียงแสน ให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือเชียงแสน พ.ศ. ๒๕๔๖ ๓.๒ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือเชียงแสน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ๓.๓ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ เรื่อง วิธีปฏิบัติในการใช้บริการท่าเทียบเรือเชียงของ ๓.๔ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ “แผนกบริหารและการเงิน” หมายความว่า แผนกบริหารและการเงินท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ “แผนกการท่าและสินค้า” หมายความว่า แผนกการท่าและสินค้าท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ “เขตท่าเรือเชียงแสน” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือ และโรงพักสินค้าตามกฎหมายศุลกากรสำหรับบรรทุกของลงหรือขนของขึ้น และเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย “เขตท่าเรือเชียงของ” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือ และโรงพักสินค้าตามกฎหมายศุลกากรสำหรับบรรทุกของลงหรือขนของขึ้น และเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ หมวด ๑ การส่งข้อมูลหรือเอกสารการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๖ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ประสงค์จะนำเรือเข้าใช้บริการท่าเรือเชียงแสนจะต้องยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าเทียบท่าเรือเชียงแสนตามแบบที่ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของกำหนดที่แผนกการท่าและสินค้า เมื่อนำเรือเข้าเทียบท่าเรือเชียงแสน ข้อ ๗ เจ้าของเรือ หรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องจัดส่งสำเนาบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) หรือเอกสารอื่นใดซึ่งอย่างน้อยต้องแสดงชื่อเรือ ชื่อสินค้า ประเภทสินค้า ชื่อเจ้าของสินค้า หรือตัวแทน จำนวน ขนาดและน้ำหนัก ที่ยื่นต่อด่านศุลกากรเชียงแสนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนการบรรทุกขนถ่ายสินค้า ข้อ ๘ เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องจัดส่งสำเนาใบขนสินค้าขาเข้า (ใบสั่งปล่อย)หรือใบขนสินค้าขาออก ที่ได้รับอนุญาตจากด่านศุลกากรเชียงแสนแล้ว จำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนนำสินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือเชียงแสน หรือนำ สินค้าขาออกเข้าเขตท่าเรือเชียงแสน แล้วแต่กรณี ข้อ ๙ เจ้าของเรือ หรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ที่ถูกต้องและครบถ้วนตามแบบที่ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของกำหนดที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนการบรรทุกขนถ่ายสินค้า ข้อ ๑๐ เจ้าของเรือ หรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องจัดส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ที่ถูกต้องและครบถ้วน ตามแบบที่ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ กำหนดที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนการบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ข้อ ๑๑ กรณีข้อมูลตามข้อ ๖ ถึงข้อ ๑๐ จัดส่งไม่ถูกต้อง และหรือไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือหรือเจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องขอยกเลิก หรือแก้ไข หรือเพิ่มเติมรายการนั้น โดยยื่นเอกสารแสดงรายการที่ขอแก้ไขหรือจัดส่งใหม่ทั้งหมด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนการขนถ่ายหรือบรรทุกสินค้าหรือตู้สินค้า หมวด ๒ การชำระเงินค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรือ หรือค่าบริการ ข้อ ๑๒ หน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุมัติผ่อนผันจากท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ ให้ใช้บริการก่อนการชำระเงิน จะต้องดำเนินการชำระเงินค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการดังกล่าว ให้เสร็จสิ้นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนดท่าเรือเชียงแสนและเชียงของจะพิจารณางดให้การผ่อนผัน ข้อ ๑๓ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่ประสงค์ขอเปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ให้วางหลักประกันการชำระหนี้เป็นเงินสดหรือเช็คธนาคาร หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารตามแบบที่ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของกำหนด แล้วแต่กรณี เป็นจำนวนเงินที่ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ เห็นสมควร โดยผู้ขอจะได้รับการผ่อนผันให้ชำระหนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ข้อ ๑๔ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่มิได้เปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อหากประสงค์จะขอใช้บริการของท่าเรือเชียงแสนและเชียงของ แต่ไม่สามารถชำระเงิน หรือคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องได้ทัน ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคาร เป็นหลักประกันการใช้บริการเฉพาะคราวดังนี้ ๑๔.๑ กรณีที่สามารถคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริงได้ให้วางเงินสด หรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการ ในจำนวนเท่ากับค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริง ๑๔.๒ กรณีไม่สามารถคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริงได้ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนที่สูงกว่าค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่คิดคำนวณโดยประมาณอีก ๑ ใน ๓ และให้ขอรับเงินหลักประกันส่วนที่เหลือคืนภายใน ๒ เดือน นับแต่วันที่ใช้บริการนั้นเสร็จสิ้น ถ้ามิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่าเงินที่เหลือเป็นรายได้ของท่าเรือเชียงแสน ข้อ ๑๕ ผู้ใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อที่มิได้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันต้องชำระค่าเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปีของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ค้างชำระ จนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว และหากพ้นกำหนดระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ยังไม่ชำระหนี้และค่าเบี้ยปรับ ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของสงวนสิทธิในการงดให้บริการเงินเชื่อ หรืองดบริการการใช้ท่าเรือ และจะหักจากเงินสดหรือเช็คธนาคารที่วางประกัน หรือใช้สิทธิเรียกเก็บจากธนาคารผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี หมวด ๓ การยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ข้อ ๑๖ ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของสงวนสิทธิในการยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อหรืองดบริการการใช้ท่าเรือ เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑๖.๑ หนี้ค้างชำระเกินจำนวนเงินที่วางไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ หรือเกินวงเงินที่ธนาคารค้ำประกันตามข้อ ๑๓ ๑๖.๒ ไม่ชำระหนี้หรือค่าเบี้ยปรับตามกำหนดในข้อ ๑๕ ๑๖.๓ หนังสือสัญญาค้ำประกันหมดอายุ ข้อ ๑๗ ผู้ใช้บริการที่ถูกยกเลิกการให้บริการตามข้อ ๑๖ ประเภทบัญชีเงินเชื่อ ถ้าประสงค์จะขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่ออีก จะต้องชำระหนี้ที่ค้างอยู่ให้หมดสิ้น หมวด ๔ การขอแก้ไขใบแจ้งหนี้และการขอคืนเงินที่ชำระไว้เกิน ข้อ ๑๘ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าหนี้ตามใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง ให้ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังแผนกบริหารและการเงิน ภายใน ๑๐ วันนับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้ใช้บริการต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้นั้น ข้อ ๑๙ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าได้ชำระเงินไว้เกิน ให้ส่งต้นฉบับ หรือสำเนาใบเสร็จรับเงิน พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจง ระบุเหตุผิดพลาดไปยังแผนกบริหารและการเงินภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้ชำระเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวท่าเรือเชียงแสนและเชียงของจะถือว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องแล้ว ข้อ ๒๐ การทักท้วงใบแจ้งหนี้ตามข้อ ๑๘ หากผลการตรวจสอบปรากฎว่า การออกใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องแล้ว ผู้ใช้บริการต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้คืน และต้องชำระค่าเบี้ยปรับเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๕ ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ฉบับนั้นแต่ไม่เกินฉบับละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) ส่วนถ้ามีการผิดพลาดตามที่ทักท้วง ท่าเรือเชียงแสนและเชียงของจะแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้ถูกต้อง และผ่อนผันให้ชำระหนี้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ฉบับใหม่ ข้อ ๒๑ อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือเชียงแสนและท่าเรือเชียงของ ให้เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๒๒ การใดที่ท่าเรือเชียงของ ต้องดำเนินการและปฏิบัติงานเกี่ยวกับการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ ให้นำระเบียบนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือเชียงของ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณัฐวดี/ตรวจ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๑๐/๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
640818
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนอง พ.ศ. 2553
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนองให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเรือระนอง พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง พ.ศ. ๒๕๔๖ ๓.๒ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ๓.๓ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ผู้จัดการ” หมายความว่า ผู้จัดการท่าเรือระนอง “แผนกบริหารและการเงิน” หมายความว่า แผนกบริหารและการเงิน ท่าเรือระนอง “แผนกการท่าและสินค้า” หมายความว่า แผนกการท่าและสินค้า ท่าเรือระนอง “เขตท่าเรือระนอง” หมายความว่า เขตทำเนียบท่าเรือและโรงพักสินค้าตามกฎหมายศุลกากร สำหรับบรรทุกของลงหรือขนของขึ้น และเป็นที่สำหรับตรวจและเก็บสินค้าที่ยังมิได้ตรวจปล่อย “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจในการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ หมวด ๑ การส่งข้อมูลหรือเอกสารการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ข้อ ๖ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ประสงค์จะนำเรือเข้าใช้บริการท่าเรือระนองต้องยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าเทียบท่าท่าเรือระนอง ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนด ที่แผนกการท่าและสินค้า ไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง ก่อนนำเรือเข้าเทียบท่าท่าเรือระนอง ข้อ ๗ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องจัดส่งบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนเรือเทียบท่า ข้อ ๘ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ หรือเจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องจัดส่งเอกสาร หรือข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนด ที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนเรือเทียบท่า ข้อ ๙ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ ต้องจัดส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนด ที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ข้อ ๑๐ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งบัญชีสินค้าบรรทุกลงเรือ (Cargo Loading List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนสินค้าบรรทุกลงเรือไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ข้อ ๑๑ สำหรับเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ที่ประสงค์จะนำเรือเข้าใช้บริการท่าเรือระนอง เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือต้องยื่นคำร้องขอนำเรือเข้าเทียบท่าตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดจำนวน ๓ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง ก่อนเรือเข้าเทียบท่า ข้อ ๑๒ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งบัญชีสินค้าขาเข้าสำหรับเรือ (Inward Cargo Manifest) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนด ที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนเรือเริ่มขนถ่าย ข้อ ๑๓ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งข้อมูลบัญชีตู้สินค้าขาเข้า (Inward Container List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนด ที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนเรือเริ่มขนถ่าย ข้อ ๑๔ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งบัญชีสินค้าบรรทุกลงเรือ (Cargo Loading List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนดที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด และรายการบรรทุกสูบถ่ายเชื้อเพลิงที่ท่าเรือระนองอนุญาตที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนบรรทุกสูบถ่ายลงเรือ ข้อ ๑๕ เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือสนับสนุนปฏิบัติงานทางทะเล (Off Shore Supply Vessel) ต้องจัดส่งบัญชีตู้สินค้าบรรทุกลงเรือ (Container Loading List) ตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนด ที่ถูกต้องและครบถ้วนจำนวน ๑ ชุด ที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนเริ่มบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ ข้อ ๑๖ กรณีเอกสาร หรือข้อมูลตามข้อ ๖ ถึงข้อ ๑๕ จัดส่งไม่ถูกต้อง และหรือไม่ครบถ้วน เจ้าของเรือ หรือตัวแทนเจ้าของเรือ หรือเจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเจ้าของตู้สินค้าต้องขอยกเลิก หรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการนั้น โดยยื่นเอกสารแสดงรายการที่ขอแก้ไขใหม่ทั้งหมดที่แผนกการท่าและสินค้า ก่อนเริ่มขนถ่าย หรือบรรทุกสินค้า หรือตู้สินค้า หมวด ๒ การชำระเงินค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรือ หรือค่าบริการ ข้อ ๑๗ หน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุมัติผ่อนผันจากท่าเรือระนองให้ใช้บริการก่อนการชำระเงินต้องดำเนินการชำระเงินค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการให้เสร็จสิ้นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนดท่าเรือระนองจะพิจารณางดให้การผ่อนผัน ข้อ ๑๘ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่ประสงค์ขอเปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อให้วางหลักประกันการชำระหนี้เป็นเงินสดหรือเช็คธนาคาร หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารตามแบบที่ท่าเรือระนองกำหนด แล้วแต่กรณี เป็นจำนวนเงินที่ท่าเรือระนองเห็นสมควร โดยผู้ขอจะได้รับการผ่อนผันให้ชำระหนี้ได้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ข้อ ๑๙ หน่วยงานของรัฐ หรือผู้ใช้บริการทั่วไปที่มิได้เปิดใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อหากประสงค์ขอใช้บริการของท่าเรือระนอง แต่ไม่สามารถชำระเงิน หรือคิดคำนวณค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่ถูกต้องได้ทัน ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการเฉพาะคราว ดังนี้ ๑๙.๑ กรณีที่สามารถคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริงได้ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนเท่ากับค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริง ๑๙.๒ กรณีไม่สามารถคิดคำนวณค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการที่ถูกต้องตามจริงได้ให้วางเงินสดหรือเช็คธนาคารเป็นหลักประกันการใช้บริการในจำนวนที่สูงกว่าค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่คิดคำนวณโดยประมาณอีก ๑ ใน ๓ และให้ขอรับเงินหลักประกันส่วนที่เหลือคืนภายใน ๒ เดือน นับตั้งแต่วันที่ใช้บริการเสร็จสิ้น ถ้ามิได้ดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่าเงินที่เหลือเป็นรายได้ของท่าเรือระนอง ข้อ ๒๐ ผู้ใช้บริการประเภทเงินเชื่อที่มิได้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันต้องชำระค่าเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ค้างชำระจนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว และหากพ้นระยะเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ยังไม่ชำระหนี้และค่าเบี้ยปรับ ท่าเรือระนองสงวนสิทธิในการงดให้บริการเงินเชื่อ และจะหักชำระหนี้จากเงินสดหรือเช็คธนาคารที่วางประกัน หรือใช้สิทธิเรียกเก็บจากธนาคารผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี หมวด ๓ การยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ข้อ ๒๑ ท่าเรือระนองสงวนสิทธิในการยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อเมื่อเข้าหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๒๑.๑ หนี้ค้างชำระเกินวงเงินที่วางไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ หรือเกินวงเงินที่ธนาคารค้ำประกันตามข้อ ๑๘ ๒๑.๒ ไม่ชำระหนี้ หรือค่าเบี้ยปรับตามข้อกำหนดในข้อ ๒๐ ๒๑.๓ หนังสือสัญญาค้ำประกันหมดอายุ ข้อ ๒๒ ผู้ใช้บริการที่ถูกยกเลิกการให้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อ ถ้าประสงค์จะขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่ออีก จะต้องชำระหนี้ค้างอยู่ให้หมดสิ้น และต้องชำระค่าธรรมเนียมการขอใช้บริการประเภทบัญชีเงินเชื่อครั้งใหม่จำนวน ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) หมวด ๔ การขอแก้ไขใบแจ้งหนี้และการขอคืนเงินที่ชำระไว้เกิน ข้อ ๒๓ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าหนี้ตามใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง ให้ส่งใบแจ้งหนี้พร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจงระบุเหตุผิดพลาดไปยังแผนกบริหารและการเงิน ภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้ หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวผู้ใช้บริการต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้นั้น ข้อ ๒๔ ผู้ใช้บริการที่ตรวจพบว่าได้ชำระเงินไว้เกิน ให้ส่งต้นฉบับ หรือสำเนาใบเสร็จรับเงินพร้อมกับเอกสารมูลหนี้และคำชี้แจงระบุเหตุผิดพลาดไปยังแผนกบริหารและการเงิน ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้ชำระเงิน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ท่าเรือระนองจะถือว่าการชำระเงินนั้นถูกต้องแล้ว ข้อ ๒๕ การทักท้วงใบแจ้งหนี้ตามข้อ ๒๓ หากผลตรวจสอบปรากฏว่าการออกใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องแล้ว ผู้ใช้บริการต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้คืนและต้องชำระค่าเบี้ยปรับเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๕ ของจำนวนเงินตามใบแจ้งหนี้ฉบับนั้นแต่ไม่เกินฉบับละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) แต่ถ้ามีการผิดพลาดตามที่ทักท้วง ท่าเรือระนองจะแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้ถูกต้อง และผ่อนผันให้ชำระหนี้ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ใหม่ ข้อ ๒๖ ใบแจ้งหนี้ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการซึ่งออกตามเอกสารมูลหนี้ที่ผู้ใช้บริการแจ้งไว้หากมีการทักท้วงภายหลังว่าข้อมูลที่แจ้งไว้ผิดพลาด ท่าเรือระนองจะไม่พิจารณาคำร้องจนกว่าจะได้รับชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้นั้นเสียก่อน หากมิได้ดำเนินการจนพ้นระยะเวลาผ่อนผัน ๑๕ วันนับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ ท่าเรือระนองจะดำเนินการตามข้อ ๒๐ ข้อ ๒๗ อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือระนองให้เป็นไปตามเอกสารแนบท้ายระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือระนอง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณัฐวดี/ตรวจ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๘ ง/หน้า ๕/๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
640442
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2553
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความมั่นใจว่าปัญหาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเอกสาร พนักงาน และการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัดการท่าเรือแห่งประเทศไทย จะได้รับการดำเนินการแก้ไขอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสอดคล้องกับมาตรา ๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่บัญญัติให้บุคคลมีสิทธิเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ และได้รับการแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันรวดเร็ว ประกอบข้อ ๒๓ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๕๕๒ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิกระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย “กบข.” หมายความว่า กองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร “อกบข.” หมายความว่า ผู้อำนวยการกองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า บุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่อ และใช้บริการภายในการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือผู้ได้รับมอบอำนาจ “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” หมายความว่า หน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียนในแต่ละครั้ง ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด หมวด ๑ การรับเรื่องร้องเรียน ส่วนที่ ๑ หน่วยงานรับผิดชอบ ข้อ ๗ ให้ กบข. เป็นหน่วยงานกลางในการรับเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการ โดยมีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ ๗.๑ รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้บริการ หรือหน่วยงานภายนอกที่แจ้งข้อร้องเรียนมาที่ กทท. และให้ผู้รับเรื่องร้องเรียน หรือพนักงาน กบข. กรอกแบบรับเรื่องร้องเรียนตามแบบที่ กทท. กำหนด ๗.๒ ตรวจสอบความถูกต้อง ความครบถ้วน และความน่าเชื่อถือของข้อมูลจากผู้ใช้บริการ หรือหน่วยงานภายนอกที่แจ้งข้อร้องเรียนมาที่ กทท. ๗.๓ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม ๗.๔ ดำเนินการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นให้แก่ผู้ใช้บริการ ๗.๕ หากดำเนินการตามข้อ ๗.๔ ไม่ได้ ให้ อกบข. จัดทำบันทึกนำเรียนผู้อำนวยการฝ่าย หรือผู้อำนวยการสำนักของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน เว้นแต่กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น อนึ่ง หากเป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเงินนอกระบบ ให้ อกบข. จัดทำเป็นบันทึกลับนำเรียนผู้อำนวยการฝ่าย หรือผู้อำนวยการสำนักของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน และส่งสำเนาบันทึกลับดังกล่าวนำเรียนผู้อำนวยการเพื่อทราบในโอกาสแรกด้วย ทั้งนี้ หากเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการ หรือหัวหน้าสาย ให้ อกบข. ทำบันทึกนำเรียนผู้อำนวยการหรือหัวหน้าสายโดยตรง ๗.๖ รวบรวมเรื่องร้องเรียนทุกประเภทเพื่อสรุปรายงานผู้อำนวยการ ทุก ๑ เดือน ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑๒ เดือน คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย และสรุปรายงานกระทรวงคมนาคมในแต่ละเดือน ๗.๗ แจ้งผลการร้องเรียนให้หน่วยงานภายนอกที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนของ กทท. ทราบเฉพาะกรณีที่มีการแจ้งข้อร้องเรียนมาที่ กบข. เท่านั้น ข้อ ๘ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ดังนี้ ๘.๑ ให้ข้อมูลตามที่ กบข. ต้องการ ๘.๒ ดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด ๘.๓ รายงานผลการแก้ไขปัญหาให้ผู้ใช้บริการ หรือหน่วยงานภายนอกที่แจ้งข้อร้องเรียนรับทราบโดยตรง และสำเนาเรื่องแจ้ง กบข. เพื่อทราบการสิ้นสุดของเรื่อง ก่อน กบข. ดำเนินการตามข้อ ๗.๖ ต่อไป ๘.๔ กรณีรับเรื่องร้องเรียนเอง ให้จัดส่งใบแจ้งเรื่องร้องเรียนของประชาชนและผู้ใช้บริการต่อ กทท. ตามแบบที่ กทท. กำหนด เสนอ กบข. ในโอกาสแรก และสำเนาเอกสารเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเมื่อดำเนินการสิ้นสุดแล้วให้ กบข. เพื่อทราบการสิ้นสุดของเรื่องก่อน กบข. ดำเนินการตามข้อ ๗.๖ ต่อไป ส่วนที่ ๒ ช่องทางการร้องเรียน ข้อ ๙ ผู้ใช้บริการสามารถร้องเรียนได้ ๓ ช่องทางดังนี้ ๙.๑ ทางโทรศัพท์ หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๕, ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๓ และ ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๙๙ หรือทางโทรศัพท์สายด่วน หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๕๕๕ กด ๓ โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ของทุกวันทำงาน ๙.๒ ทางเอกสาร ได้แก่ ๙.๒.๑ ไปรษณีย์ ส่งมาที่ ผู้อำนวยการกองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เลขที่ ๔๔๔ ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๑๐ ๙.๒.๒ ผู้ใช้บริการมาส่งเอกสารร้องเรียนที่ กบข. ๙.๒.๓ โทรสาร หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙ - ๕๔๖๖ ๙.๒.๔ ตู้รับเรื่องร้องเรียนที่ติดตั้งอยู่ ๓ แห่งภายใน กทท. ดังนี้ ๙.๒.๔.๑ อาคารตัวแทนเรือ ๙.๒.๔.๒ อาคารที่ทำการ กทท. อาคาร B ชั้นล่าง ด้านหน้ากองบริการค่าภาระเงินสด สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี ๙.๒.๔.๓ ที่ทำการ กบข. อาคาร B ชั้น ๒ ข้างห้องสมุด กทท. ทั้งนี้ พนักงาน กบข. จะทำการเปิดตู้รับเรื่องร้องเรียนทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ เวลา ๑๐.๐๐ น. (กรณีเป็นวันหยุดทำงานจะทำการเปิดในวันทำงานถัดไป) ๙.๒.๕ อีเมล์ : [email protected] ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั้งนี้ พนักงาน กบข. จะเปิดตรวจสอบข้อร้องเรียน วันละ ๒ ครั้ง เวลา ๐๙.๐๐ น. และ ๑๔.๐๐ น. (กรณีเป็นวันหยุดทำงานจะทำการเปิดในวันทำงานถัดไป) ๙.๓ ทางตัวบุคคล ได้แก่ ๙.๓.๑ ผู้ใช้บริการมาร้องเรียนด้วยตนเองที่ กบข. ๙.๓.๒ ผู้ใช้บริการฝากข้อความบุคคลอื่นมาส่งที่ กบข. ทั้งนี้ เมื่อพนักงาน กบข. ได้รับเรื่องร้องเรียนตามข้อ ๙ แล้ว ให้บันทึกรายละเอียดของข้อร้องเรียน ได้แก่ ชื่อ ชื่อสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ลงในแบบรับเรื่องร้องเรียนให้ครบถ้วนตามแบบที่ กทท. กำหนด อนึ่ง การร้องเรียนตามระเบียบนี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิของผู้ใช้บริการตามกฎหมายอื่น ส่วนที่ ๓ ประเภทของเรื่องร้องเรียน ข้อ ๑๐ กทท. ได้แบ่งเรื่องร้องเรียนออกเป็น ๔ ประเภทดังนี้ ๑๐.๑ เรื่องเกี่ยวกับเงินนอกระบบ ๑๐.๒ เรื่องเกี่ยวกับการให้คำแนะนำและการให้บริการ ๑๐.๓ เรื่องเกี่ยวกับสินค้า ๑๐.๔ เรื่องทั่วไป ส่วนที่ ๔ การถอนเรื่องร้องเรียน ข้อ ๑๑ ผู้ใช้บริการสามารถถอนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด หรือบางส่วนเมื่อใดก็ได้ โดยให้จัดทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้ใช้บริการไว้เป็นหลักฐานด้วย หมวด ๒ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ส่วนที่ ๑ แนวทางการแก้ไข ข้อ ๑๒ ให้ อกบข. มีหน้าที่พิจารณาและสั่งการในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการ ว่า กบข. จะดำเนินการแก้ไขปัญหาได้เอง หรือส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการหรือส่งเรื่องให้ผู้อำนวยการพิจารณาสั่งการตามที่กฎหมายเฉพาะกำหนดไว้ โดย กบข. ต้องวิเคราะห์ว่าครบองค์ประกอบของการร้องเรียนหรือไม่ดังนี้ ๑๒.๑ ผู้ใช้บริการแจ้งชื่อ - ชื่อสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้บริการหรือไม่ ๑๒.๒ ผู้ใช้บริการแจ้งรายละเอียดของการร้องเรียน ได้แก่ วัน เวลา สถานที่เกิดเหตุ รายชื่อ รูปร่าง ลักษณะของผู้ถูกร้องเรียนหรือไม่ ๑๒.๓ ผู้ใช้บริการแจ้งจุดประสงค์ในการร้องเรียน ว่าต้องการให้ กทท. ดำเนินการช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่ อนึ่ง หากผู้ใช้บริการไม่แจ้งชื่อ - ชื่อสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้ กบข. สามารถติดต่อได้ในกรณีที่มีการสอบกลับข้อร้องเรียนของพนักงาน กบข. ตามองค์ประกอบของการร้องเรียน ให้ กบข. ตรวจสอบและประสานขอข้อมูลการร้องเรียนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่าข้อมูลการร้องเรียนเป็นความจริง ให้ กบข. ดำเนินการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไปแต่หากพบว่าไม่เป็นความจริง ให้ กบข. รวบรวมข้อมูลการร้องเรียนไว้ และเมื่อมีการร้องเรียนกรณีเดิมและสถานที่เดิมอีก ให้ กบข. ทำบันทึกลับเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และพิจารณาในทางลับต่อไป ส่วนที่ ๒ ระยะเวลาการแก้ไข ข้อ ๑๓ เมื่อ กบข. ได้รับการร้องเรียน ให้ กบข. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานกลับผู้ใช้บริการเพื่อทราบในโอกาสแรก ภายใน ๑๕ นาที ข้อ ๑๔ เมื่อ กบข. ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนดดังนี้ ๑๔.๑ เรื่องเกี่ยวกับเงินนอกระบบ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วันทำการนับตั้งแต่วันที่ กบข. ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑๔.๑.๑ การสอบข้อเท็จจริง ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๒๐ วันทำการ ๑๔.๑.๒ การสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัย ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๔๐ วันทำการ ๑๔.๒ เรื่องร้องเรียนนอกจากข้อ ๑๔.๑ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ โดยแบ่งออกเป็น ๑๔.๒.๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เกิน ๒ หน่วยงาน ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ กบข. ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑๔.๒.๒ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ ๓ หน่วยงานขึ้นไป และหน่วยงานภายนอกต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ กบข. ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๑๕ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนได้ ภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำบันทึกแจ้งปัญหาล่วงหน้า ๓ วันทำการ ก่อนครบกำหนด ให้ กบข. ทราบ เพื่อทำบันทึกนำเรียนหัวหน้าสายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาสั่งการต่อไป ข้อ ๑๖ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่แจ้งผลการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ให้ กบข. ดำเนินการดังนี้ ๑๖.๑ ทำใบติดตามเรื่องตามแบบที่ กทท. กำหนด แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนไม่เกิน ๒ ครั้ง ๆ ละ ๗ วันทำการ (ในกรณีการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนยังไม่แล้วเสร็จ) ๑๖.๒ เมื่อ กบข. ได้ดำเนินการตามข้อ ๑๖.๑ และครบกำหนด ๑๔ วันทำการแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่แจ้งผลการแก้ไขปัญหาให้ กบข. ทราบ ให้ กบข. จัดทำบันทึกนำเรียนหัวหน้าสายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสังกัดอยู่ เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป ๑๖.๓ เมื่อ กบข. ได้ดำเนินการตามข้อ ๑๖.๒ แล้ว กบข. ยังไม่ได้รับผลการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนภายใน ๗ วันทำการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก ให้ กบข. ทำบันทึกนำเรียนผู้อำนวยการเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป หมวด ๓ การแจ้งผลการร้องเรียน ข้อ ๑๗ เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนเรียบร้อยแล้วให้ดำเนินการดังนี้ ๑๗.๑ จัดทำหนังสือแจ้งผลการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนให้ผู้ใช้บริการ หรือหน่วยงานภายนอกที่แจ้งเรื่องร้องเรียนรับทราบโดยตรง พร้อมแนบแบบสำรวจความพึงพอใจผู้ใช้บริการ กบข. ตามแบบที่ กทท. กำหนด โดยให้หัวหน้าสายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ลงนามในหนังสือดังกล่าว ๑๗.๒ จัดทำสำเนาเรื่องทั้งหมด และส่งให้ กบข. เพื่อปิดเรื่องร้องเรียน รวมทั้งรวบรวมสรุปเพื่อรายงานกระทรวงคมนาคม ทุกเดือนต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณัฐวดี/ตรวจ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง/หน้า ๑๒/๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
640440
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้ข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2553
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้ข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] เพื่อให้การให้ข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทยมีความถูกต้อง รวดเร็ว ทันสมัยเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับมาตรา ๕๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่บัญญัติให้บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะในครอบครองหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นจะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน หรือส่วนได้เสียอันพึงได้รับความคุ้มครองของบุคคลอื่น หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติสอดคล้องกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้ข้อมูลข่าวสารการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “กบข.” หมายความว่า กองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร “อกบข.” หมายความว่า ผู้อำนวยการกองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร “ข้อมูลข่าวสาร” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้ร้องขอ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการหรือประชาชนทั่วไป “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” หมายความว่า หน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการร้องขอข้อมูลข่าวสารในแต่ละครั้ง ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการตามระเบียบนี้และให้ถือเป็นที่สุด หมวด ๑ หน่วยงานรับผิดชอบ ข้อ ๗ ให้ กบข. เป็นหน่วยงานกลางในการติดต่อประสานเกี่ยวกับการให้ข้อมูลข่าวสารโดยมีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ ๗.๑ รวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและเปิดเผยได้ เพื่อให้ หรือให้ยืม หรือจำหน่าย รวมทั้งจัดทำบัญชีข้อมูลข่าวสารของ กทท. ที่ไม่เปิดเผยต่อประชาชน และต้องมีการปรับปรุงบัญชีดังกล่าวทุกปี ๗.๒ อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำแก่ผู้ร้องขอ ๗.๓ ข้อมูลข่าวสารใดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ให้แจ้งผู้ร้องขอทราบพร้อมเหตุผล ๗.๔ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูลข่าวสาร ๗.๕ กำหนดหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติในการขอข้อมูลข่าวสาร ข้อ ๘ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ดังนี้ ๘.๑ ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลข่าวสารกับ กบข. ๘.๒ ดำเนินการจัดส่งข้อมูลข่าวสารให้ กบข. ภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด หมวด ๒ ช่องทางการขอข้อมูลข่าวสาร ข้อ ๙ ผู้ร้องขอสามารถขอข้อมูลข่าวสารได้ ๓ ช่องทางดังนี้ ๙.๑ ทางโทรศัพท์ หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙-๕๔๖๔, ๐ - ๒๒๖๙-๕๔๖๓ และ ๐ - ๒๒๖๙-๕๔๙๙ หรือทางโทรศัพท์สายด่วน หมายเลข ๐ - ๒๒๖๙-๕๕๕๕ กด ๑ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ของทุกวันทำงาน ๙.๒ ทางเอกสาร ได้แก่ ๙.๒.๑ ทางไปรษณีย์ ส่งมาที่ ผู้อำนวยการกองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เลขที่ ๔๔๔ ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพ ๑๐๑๑๐ ๙.๒.๒ ทางโทรสาร หมายเลข ๐-๒๒๖๙-๕๔๖๖ ๙.๒.๓ ทางอีเมล์ [email protected] ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั้งนี้ พนักงาน กบข. จะเปิดวันละ ๒ ครั้ง เวลา ๐๙.๐๐ น. และ ๑๔.๐๐ น. (กรณีเป็นวันหยุดทำงานจะทำการเปิดในวันทำงานถัดไป) ๙.๓ ทางตัวบุคคล ๙.๓.๑ ผู้ร้องขอมาขอข้อมูลข่าวสารด้วยตนเองที่ กบข. ๙.๓.๒ ผู้ร้องขอฝากบุคคลอื่นมาขอข้อมูลข่าวสารที่ กบข. หมวด ๓ การขอรับข้อมูลข่าวสาร ข้อ ๑๐ เมื่อมีผู้ร้องขอมาติดต่อขอข้อมูลข่าวสารด้วยตนเอง ให้ผู้ร้องขอ หรือพนักงาน กบข. กรอกแบบให้บริการข้อมูลข่าวสารของ กทท. ตามแบบที่ กทท. กำหนด และให้ผู้ร้องขอลงนามก่อนนำเสนอ อกบข. พิจารณาต่อไป อนึ่ง นอกจากการติดต่อโดยตรงตามวรรคแรก ให้พนักงาน กบข. กรอกแบบให้บริการข้อมูลข่าวสารของ กทท. แล้วนำเสนอ อกบข. พิจารณาต่อไป ข้อ ๑๑ ให้ อกบข. พิจารณาว่าข้อมูลที่ร้องขอสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้อง และสมควรให้ หรือให้ยืม หรือจำหน่าย ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๒ ให้ กบข. ดำเนินการในการให้บริการข้อมูลข่าวสารดังนี้ ๑๒.๑ ให้ข้อมูลข่าวสารที่เปิดเผยได้ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ แก่ผู้ร้องขอ โดยให้ลงนามรับเอกสารในแบบให้บริการข้อมูลข่าวสารของ กทท. พร้อมกรอกแบบสำรวจความพึงพอใจผู้ใช้บริการ กบข. ตามแบบที่ กทท. กำหนดภายหลังการส่งมอบข้อมูลข่าวสารด้วย ๑๒.๒ ข้อมูลข่าวสารใดที่ กบข. ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจว่าจะเปิดเผยได้หรือไม่ให้ส่งข้อมูลข่าวสารนั้นเสนอคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารของ กทท. (กขท.) ที่ผู้อำนวยการเป็นผู้แต่งตั้ง และคณะกรรมการดังกล่าวต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันทำการนับแต่วันที่ได้รับคำร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและเมื่อรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน ๖๐ วันทำการ ก่อนเสนอผู้อำนวยการ หรือผู้ได้รับมอบหมายพิจารณาสั่งการต่อไป ข้อ ๑๓ ในกรณีที่ผู้ร้องขอข้อมูลข่าวสารมีความประสงค์ให้ กทท. รับรองสำเนาข้อมูลข่าวสาร ให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของเอกสาร หรือพนักงาน กบข. ตั้งแต่ระดับ ๑๐ ขึ้นไป เป็นผู้ลงนามรับรองสำเนาเอกสาร และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ร้องขอต่อไป ข้อ ๑๔ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของ กทท. ให้เป็นไปตามที่ กทท. กำหนด หมวด ๔ ระยะเวลาการส่งมอบข้อมูลข่าวสาร ข้อ ๑๕ เมื่อ กบข. ได้รับการร้องขอข้อมูลข่าวสารของ กทท. ให้ กบข. จัดข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่ใน กบข. หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลข่าวสารภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนดเพื่อมอบให้ผู้ร้องขอดังนี้ ๑๕.๑ ข้อมูลข่าวสารของ กทท. ที่มีอยู่ใน กบข. ภายใน ๑๕ นาที ๑๕.๒ ข้อมูลข่าวสารของ กทท. ที่มีอยู่ในหน่วยงานอื่น ประกอบด้วย ๑๕.๒.๑ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใน กทท. ภายใน ๕ วันทำการ ๑๕.๒.๒ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายนอก กทท. ภายใน ๑๐ วันทำการ ข้อ ๑๖ เมื่อผู้ร้องขอได้รับข้อมูลข่าวสารของ กทท. แล้ว ให้ผู้ร้องขอกรอกแบบสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ กบข. ตามแบบที่ กทท. กำหนด เพื่อนำปัญหาและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้บริการมาแก้ไขปรับปรุงการให้บริการของ กบข. ต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณัฐวดี/ตรวจ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง/หน้า ๘/๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
623002
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า เพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2552
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า เพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] เพื่อให้การดำเนินการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สะดวกในการควบคุมและรักษาความปลอดภัย รวมทั้งป้องกันมิให้ทรัพย์สินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเสียหาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๓) (๔) และมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๒ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้ยื่นคำขอ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ประสงค์ทำหน้าที่เปิดตู้สินค้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้เปิดตู้สินค้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ “หัวหน้าคนงาน” หมายความว่า บุคคลซึ่งควบคุมผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ หมวด ๑ ประเภทของนิติบุคคลที่ยื่นขอประกอบการ ข้อ ๖ นิติบุคคลที่ยื่นขอประกอบการมี ๔ ประเภท ได้แก่ ๖.๑ ห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๖.๒ บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ๖.๓ สหกรณ์ ๖.๔ องค์การของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น หมวด ๒ การยื่นขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการ ข้อ ๗ ให้นิติบุคคลตามหมวด ๑ ยื่นแบบขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท. ๐๐.๐๐.๐๒ (๐๑) แนบท้ายระเบียบนี้ ที่แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ในวันและเวลาทำการปกติพร้อมเอกสารที่ผู้มีอำนาจลงนามรับรองสำเนาถูกต้องดังนี้ ๗.๑ ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๗.๑.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดการ ๗.๑.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๗.๑.๓ สำเนาทะเบียนพาณิชย์และใบทะเบียนการค้า (ถ้ามี) ๗.๑.๔ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๗.๑.๕ หนังสือรับรองตัวอย่างลายมือชื่อหุ้นส่วนผู้มีอำนาจลงนามจำนวน ๑ ชุด (ลงนาม ๓ ครั้ง) ๗.๑.๖ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๗.๒ บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ๗.๒.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ ๗.๒.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการ ๗.๒.๓ สำเนาหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแสดงการจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ออกให้ไม่เกิน ๖ เดือน ๗.๒.๔ สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับ และวัตถุที่ประสงค์ของบริษัท ๗.๒.๕ หนังสือรับรองตัวอย่างลายมือชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามจำนวน ๑ ชุด (ลงนาม ๓ ครั้ง) ๗.๒.๖ ตัวอย่างรอยตราประทับของผู้ยื่นคำขอ จำนวน ๒ ตรา (ถ้ามี) ๗.๒.๗ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๗.๓ สหกรณ์ ๗.๓.๑ สำเนาใบสำคัญรับจดทะเบียนสหกรณ์ ๗.๓.๒ สำเนาบัญชีรายชื่อสมาชิกของสหกรณ์ฉบับที่นายทะเบียนสหกรณ์รับรอง ๗.๓.๓ สำเนาข้อบังคับของสหกรณ์ ๗.๓.๔ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๗.๓.๕ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๗.๔ องค์การของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๗.๔.๑ หลักฐานการจัดตั้งหน่วยงาน เช่น พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา ฯลฯ พร้อมหนังสือมอบอำนาจจากองค์การของรัฐ ๗.๔.๒ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๗.๔.๓ อื่น ๆ (ถ้ามี) ทั้งนี้ ให้แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารก่อนนำเรียนผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เพื่อลงนามในใบสำคัญอนุญาตเป็นผู้ประกอบการฯ ตามแบบ ทกท. ๐๐.๐๐.๐๒ (๐๒) โดยให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ หมวด ๓ การยื่นขออนุญาตทำบัตรประจำตัว ข้อ ๘ ให้ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะนำบุคคลมาปฏิบัติงานนำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออก ต้องยื่นแบบขออนุญาตทำบัตรสำหรับผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท. ๐๐.๐๐.๐๒ (๐๓) แนบท้ายระเบียบนี้ ที่แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ในวันและเวลาทำการปกติเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ก่อนส่งเรื่องให้กองรักษาความปลอดภัย ท่าเรือกรุงเทพดำเนินการออกบัตรประจำตัวดังกล่าวข้างต้น พร้อมเอกสารที่ผู้มีอำนาจลงนามรับรองสำเนาถูกต้องดังนี้ ๘.๑ สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ ๘.๒ สำเนาบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (ตท.๑๔) ๘.๓ ใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี) ๘.๔ สำเนาหนังสือรับรองว่าได้ผ่านการทดสอบความรู้ในตำแหน่งหัวหน้าคนงาน ซึ่งควบคุมผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท. ๐๐.๐๐.๐๒ (๐๔) จากแผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งลงนามในหนังสือรับรองโดยผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ หรือผู้ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ ผู้ผ่านการทดสอบตามวรรคแรก ต้องเสียค่าดำเนินการทดสอบความรู้ ในตำแหน่งหัวหน้าคนงานและออกหนังสือรับรองว่าได้ผ่านการทดสอบความรู้ในตำแหน่งหัวหน้าคนงาน คนละ ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ๘.๕ อื่น ๆ (ถ้ามี) หมวด ๔ ข้อปฏิบัติของผู้ประกอบการ ข้อ ๙ ผู้ที่ปฏิบัติงานนำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ต้องปฏิบัติดังนี้ ๙.๑ ต้องสวมเสื้อมีแถบสะท้อนแสงทับไว้ภายนอก และระบุชื่อผู้ประกอบการที่ด้านหน้า หรือด้านหลังให้ชัดเจน ๙.๒ ต้องสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับสภาพของงาน ดังต่อไปนี้ ๙.๒.๑ หมวกนิรภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๙.๒.๒ รองเท้าหุ้มส้นทำด้วยหนัง หรือผ้าหุ้มตลอด พื้นรองเท้าเป็นยางและสามารถป้องกันการลื่นได้ ๙.๒.๓ รองเท้านิรภัยหุ้มแข็งทำด้วยยาง หรือยางผสมวัสดุอื่น เมื่อสวมแล้วมีความสูงไม่น้อยกว่าครึ่งแข้ง ไม่ฉีกขาดง่าย สามารถกันน้ำและสารเคมีได้ ๙.๒.๔ ถุงมือต้องมีความเหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย มีความยาวหุ้มถึงข้อมือและใช้สวมนิ้วมือได้ทุกนิ้ว เมื่อสวมแล้วสามารถเคลื่อนไหวนิ้วมือได้สะดวก ถ้าเป็นถุงมือยางต้องสามารถกันน้ำ และกรดได้ด้วย ข้อ ๑๐ ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงแรงงาน เรื่อง มาตรฐานและหลักเกณฑ์เพื่อความปลอดภัยในการทำงานในงานบรรทุกขนถ่ายสินค้าเรือเดินทะเล ฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หมวด ๕ จดทะเบียน ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบการต้องชำระค่าจดทะเบียนขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ กองจัดการการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี หลังจากดำเนินการตามข้อ ๗ แล้ว ข้อ ๑๒ ใบสำคัญอนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า เพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ มีอายุสามปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาต และนิติบุคคลสามารถยื่นแบบขออนุญาตฯ ใหม่ ก่อนวันหมดอายุไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน ณ แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้าท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๑๓ หลังจากดำเนินการตามข้อ ๘ ให้ผู้ประกอบการชำระค่าดำเนินการจัดทำบัตรประจำตัวตามที่กองรักษาความปลอดภัย ท่าเรือกรุงเทพกำหนด และให้กองรักษาความปลอดภัยท่าเรือกรุงเทพ เก็บเรื่องทั้งหมดเพื่อเป็นหลักฐานในการอ้างอิงต่อไป หมวด ๖ มาตรการบังคับ ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบการ และคนงานของผู้ประกอบการ ต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ ๑๔.๑ ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง และประกาศของ กทท. รวมทั้งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๑๔.๒ เปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายใน ท่าเรือกรุงเทพ ตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ๑๔.๓ ยินยอมและอำนวยความสะดวกให้พนักงาน กทท. หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจาก กทท. เพื่อตรวจสอบให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และเมื่อมีการทักท้วงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ๑๔.๔ ไม่เสพสุรา หรือของมึนเมา หรือใช้สารเสพติด ข้อ ๑๕ ผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยงตามระเบียบนี้ กทท. จะดำเนินการดังนี้ ๑๕.๑ ว่ากล่าวตักเตือน ๑๕.๒ ให้หยุดปฏิบัติงาน ๑๕.๓ ยกเลิกใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการ ข้อ ๑๖ ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการของคนงานของผู้ประกอบการ ทั้งนี้ กทท. ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามควรแก่กรณี หมวด ๗ บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๗ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการต่อไปได้ กทท. จะเรียกเก็บค่าจดทะเบียนขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการจากผู้ประกอบการ จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) นับจากระเบียบนี้มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ หากพ้นกำหนดแล้ว กทท. จะเรียกเก็บค่าจดทะเบียนขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการ จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๒ ของระเบียบนี้ต่อไป ทั้งนี้ ใบอนุญาตฯ ทุกรายที่ดำเนินการตามวรรคแรก ให้มีอายุสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ สุนิดา สกุลรัตนะ กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า เพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒ (๐๑)) ๒. ใบสำคัญอนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒ (๐๒)) ๓. แบบขออนุญาตทำบัตรสำหรับผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒ (๐๓)) ๔. เอกสารประกอบการยื่นขอทำบัตรสำหรับผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ๕. หนังสือสำคัญฉบับนี้ให้ไว้เพื่อแสดงว่า (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒ (๐๔)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๓ นันท์นภัสร์/ตรวจ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๓ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๒ ง/หน้า ๑/๒๒ มกราคม ๒๕๕๓
622920
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า เพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2552
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า เพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] เพื่อให้การเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สะดวกในการควบคุมและรักษาความปลอดภัย รวมทั้งป้องกันมิให้ทรัพย์สินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเสียหาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิกระเบียบ คำสั่ง ประกาศอื่นใดที่ขัด หรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้ยื่นคำขอ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ประสงค์ทำหน้าที่เปิดตู้สินค้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้เปิดตู้สินค้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ “หัวหน้าคนงาน” หมายความว่า บุคคลซึ่งควบคุมผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ก่อนรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ หมวด ๑ ประเภทของนิติบุคคลที่ยื่นขอประกอบการ ข้อ ๖ นิติบุคคลที่ยื่นขอประกอบการมี ๔ ประเภท ได้แก่ ๖.๑ ห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๖.๒ บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ๖.๓ สหกรณ์ ๖.๔ องค์การของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น หมวด ๒ การยื่นขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการ ข้อ ๗ ให้นิติบุคคลตามหมวด ๑ ยื่นแบบขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท. ๐๐.๐๐.๐๒ (๐๑) แนบท้ายระเบียบนี้ ที่แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ในวันและเวลาทำการปกติพร้อมเอกสารที่ผู้มีอำนาจลงนามรับรองสำเนาถูกต้องดังนี้ ๗.๑ ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๗.๑.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดการ ๗.๑.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๗.๑.๓ สำเนาทะเบียนพาณิชย์และใบทะเบียนการค้า (ถ้ามี) ๗.๑.๔ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.20) (ถ้ามี) ๗.๑.๕ หนังสือรับรองตัวอย่างลายมือชื่อหุ้นส่วนผู้มีอำนาจลงนามจำนวน ๑ ชุด (ลงนาม ๓ ครั้ง) ๗.๑.๖ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๗.๒ บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ๗.๒.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ ๗.๒.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการ ๗.๒.๓ สำเนาหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแสดงการจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ออกให้ไม่เกิน ๖ เดือน ๗.๒.๔ สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับ และวัตถุที่ประสงค์ของบริษัท ๗.๒.๕ หนังสือรับรองตัวอย่างลายมือชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามจำนวน ๑ ชุด (ลงนาม ๓ ครั้ง) ๗.๒.๖ ตัวอย่างรอยตราประทับของผู้ยื่นคำขอ จำนวน ๒ ตรา (ถ้ามี) ๗.๒.๗ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๗.๓ สหกรณ์ ๗.๓.๑ สำเนาใบสำคัญรับจดทะเบียนสหกรณ์ ๗.๓.๒ สำเนาบัญชีรายชื่อสมาชิกของสหกรณ์ฉบับที่นายทะเบียนสหกรณ์รับรอง ๗.๓.๓ สำเนาข้อบังคับของสหกรณ์ ๗.๓.๔ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๗.๓.๕ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๗.๔ องค์การของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล หรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๗.๔.๑ หลักฐานการจัดตั้งหน่วยงาน เช่น พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา ฯลฯ พร้อมหนังสือมอบอำนาจจากองค์การของรัฐ ๗.๔.๒ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๗.๔.๓ อื่น ๆ (ถ้ามี) ทั้งนี้ ให้แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ก่อนนำเรียนผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เพื่อลงนามในใบสำคัญอนุญาตเป็นผู้ประกอบการฯ ตามแบบ ทกท. ๐๐.๐๐.๐๒ (๐๒) โดยให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ หมวด ๓ การยื่นขออนุญาตทำบัตรประจำตัว ข้อ ๘ ให้ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะนำบุคคลมาปฏิบัติงานนำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออก ต้องยื่นแบบขออนุญาตทำบัตรสำหรับผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออก จากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท. ๐๐.๐๐.๐๒ (๐๓) แนบท้ายระเบียบนี้ ที่แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ในวันและเวลาทำการปกติเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ก่อนส่งเรื่องให้กองรักษาความปลอดภัย ท่าเรือกรุงเทพดำเนินการออกบัตรประจำตัวดังกล่าวข้างต้น พร้อมเอกสารที่ผู้มีอำนาจลงนามรับรองสำเนาถูกต้องดังนี้ ๘.๑ สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ ๘.๒ สำเนาบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (ตท.๑๔) ๘.๓ ใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี) ๘.๔ สำเนาหนังสือรับรองว่าได้ผ่านการทดสอบความรู้ในตำแหน่งหัวหน้าคนงานซึ่งควบคุมผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท. ๐๐.๐๐.๐๒ (๐๔) จากแผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งลงนามในหนังสือรับรองโดยผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ หรือผู้ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ ผู้ผ่านการทดสอบตามวรรคแรก ต้องเสียค่าธรรมเนียม คนละ ๒๐๐ บาท (สองร้อยบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ๘.๕ อื่น ๆ (ถ้ามี) หมวด ๔ ข้อปฏิบัติของผู้ประกอบการ ข้อ ๙ ผู้ที่ปฏิบัติงานนำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ ต้องปฏิบัติดังนี้ ๙.๑ ต้องสวมเสื้อมีแถบสะท้อนแสงทับไว้ภายนอก และระบุชื่อผู้ประกอบการที่ด้านหน้า หรือด้านหลังให้ชัดเจน ๙.๒ ต้องสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับสภาพของงาน ดังต่อไปนี้ ๙.๒.๑ หมวกนิรภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๙.๒.๒ รองเท้าหุ้มส้นทำด้วยหนัง หรือผ้าหุ้มตลอด พื้นรองเท้าเป็นยางและสามารถป้องกันการลื่นได้ ๙.๒.๓ รองเท้านิรภัยหุ้มแข็งทำด้วยยาง หรือยางผสมวัสดุอื่น เมื่อสวมแล้วมีความสูงไม่น้อยกว่าครึ่งแข้ง ไม่ฉีกขาดง่าย สามารถกันน้ำและสารเคมีได้ ๙.๒.๔ ถุงมือต้องมีความเหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย มีความยาวหุ้มถึงข้อมือและใช้สวมนิ้วมือได้ทุกนิ้ว เมื่อสวมแล้วสามารถเคลื่อนไหวนิ้วมือได้สะดวก ถ้าเป็นถุงมือยางต้องสามารถกันน้ำ และกรดได้ด้วย ข้อ ๑๐ ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงแรงงาน เรื่อง มาตรฐานและหลักเกณฑ์เพื่อความปลอดภัยในการทำงานในงานบรรทุกขนถ่ายสินค้าเรือเดินทะเล ฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หมวด ๕ ค่าธรรมเนียม ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบการต้องชำระค่าธรรมเนียม จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ กองจัดการการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี หลังจากดำเนินการตามข้อ ๗ แล้ว ข้อ ๑๒ ใบสำคัญอนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ มีอายุสามปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาต และนิติบุคคลสามารถยื่นแบบขออนุญาตฯ ใหม่ ก่อนวันหมดอายุไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน ณ แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๑๓ หลังจากดำเนินการตามข้อ ๘ ให้ผู้ประกอบการชำระค่าธรรมเนียมตามที่กองรักษาความปลอดภัย ท่าเรือกรุงเทพ กำหนด และให้กองรักษาความปลอดภัย ท่าเรือกรุงเทพ เก็บเรื่องทั้งหมดเพื่อเป็นหลักฐานในการอ้างอิงต่อไป หมวด ๖ บทกำหนดโทษ ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบการ และคนงานของผู้ประกอบการ ต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ ๑๔.๑ ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง และประกาศของ กทท. รวมทั้งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๑๔.๒ เปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายใน ท่าเรือกรุงเทพ ตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ๑๔.๓ ยินยอมและอำนวยความสะดวกให้พนักงาน กทท. หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจาก กทท. เพื่อตรวจสอบให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และเมื่อมีการทักท้วงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ๑๔.๔ ไม่เสพสุรา หรือของมึนเมา หรือใช้สารเสพติด ข้อ ๑๕ ผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยง กทท. จะดำเนินการดังนี้ ๑๕.๑ ว่ากล่าวตักเตือน ๑๕.๒ ให้หยุดปฏิบัติงาน ๑๕.๓ ยกเลิกใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการ ข้อ ๑๖ ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการของคนงานของผู้ประกอบการ ทั้งนี้ กทท. ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามควรแก่กรณี หมวด ๗ บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๗ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการต่อไปได้ กทท. จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขออนุญาตฯ จากผู้ประกอบการเป็นจำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) นับจากระเบียบนี้มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ หากพ้นกำหนดแล้ว กทท. จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขออนุญาตฯ จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๒ ของระเบียบนี้ต่อไป ทั้งนี้ ใบอนุญาตฯ ทุกรายที่ดำเนินการตามวรรคแรก ให้มีอายุสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ สุนิดา สกุลรัตนะ กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้า เพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒ (๐๑)) ๒. ใบสำคัญอนุญาตเป็นผู้ประกอบการเปิดตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าเพื่อการส่งออกภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒ (๐๒)) ๓. แบบขออนุญาตทำบัตรสำหรับผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒ (๐๓)) ๔. หนังสือสำคัญฉบับนี้ให้ไว้เพื่อแสดงว่า (ทกท.๐๐.๐๐.๐๒ (๐๔)) ๕. เอกสารประกอบการยื่นขอทำบัตรสำหรับผู้ทำหน้าที่นำสินค้าออกจากตู้สินค้าขาเข้าและบรรจุสินค้าเข้าตู้สินค้าขาออกภายในท่าเรือกรุงเทพ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๓ นันท์นภัสร์/ตรวจ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๓ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๑ ง/หน้า ๑/๒๐ มกราคม ๒๕๕๓
617066
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2552
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] เพื่อให้การนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศที่ผ่านเข้ามาในท่าเรือกรุงเทพเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สะดวกในการควบคุมและรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันมิให้ทรัพย์สินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเกิดความเสียหาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๓๙ เรื่อง ควบคุมการจัดส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ทกท.” หมายความว่า ท่าเรือกรุงเทพ “ผู้ยื่นแบบ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ประสงค์จะทำหน้าที่จัดส่งเสบียง และของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้จัดส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ “อ.ทกท.” หมายความว่า ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด กรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด หมวด ๑ การยื่นแบบขออนุญาต ข้อ ๖ ผู้ยื่นแบบต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย โดยแสดงความจำนงยื่นแบบขออนุญาตที่แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ทกท. ในวันและเวลาปฏิบัติงานระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคมของทุกปี ข้อ ๗ ผู้ยื่นแบบต้องยื่นแบบขออนุญาตให้ประกอบกิจการ และทำบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท.00.02.(05) แนบท้ายระเบียบนี้ พร้อมด้วยเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้ ๗.๑ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๗.๑.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่มีอายุไม่เกิน ๖ เดือน พร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๗.๑.๒ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๗.๑.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี) ๗.๑.๔ หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) ๗.๑.๕ รูปถ่ายของหุ้นส่วนผู้จัดการขนาด ๑ นิ้ว จำนวน ๓ รูป ๗.๑.๖ หนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารตามแบบ ทกท.00.02(06) แนบท้ายระเบียบนี้ จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ระยะเวลาค้ำประกัน ๓ ปี เพื่อค้ำประกันความเสียหายที่อาจก่อให้เกิดแก่ กทท. ๗.๑.๗ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๗.๒ บริษัทจำกัด ๗.๒.๑ หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่มีอายุไม่เกิน ๖ เดือน พร้อมวัตถุประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน ๗.๒.๒ หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับของบริษัท ๗.๒.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ ๗.๒.๔ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี) ๗.๒.๕ หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) ๗.๒.๖ รูปถ่ายของกรรมการผู้จัดการขนาด ๑ นิ้ว จำนวน ๓ รูป ๗.๒.๗ หนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารตามแบบ ทกท.00.02.(06) แนบท้ายระเบียบนี้ จำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ระยะเวลาค้ำประกัน ๓ ปี เพื่อค้ำประกันความเสียหายที่อาจก่อให้เกิดแก่ กทท. ๗.๒.๘ อื่น ๆ (ถ้ามี) ข้อ ๘ ผู้ยื่นแบบต้องชำระค่าธรรมเนียมจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ในวันที่ยื่นขอจดทะเบียน ณ กองจัดการการเงิน สำนักบริหารการเงิน ฝ่ายการเงินและบัญชี หมวด ๒ ใบสำคัญอนุญาต ข้อ ๙ ให้แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า จัดทำใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท.00.02.(07) แนบท้ายระเบียบนี้ และบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท.00.02.(08) แนบท้ายระเบียบนี้ พร้อมทั้งสำเนาแบบ ทกท.00.02.(07) และแบบ ทกท.00.02.(08) ให้กองรักษาความปลอดภัย ทกท. เพื่อทราบด้วย ข้อ ๑๐ ให้แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ทำหน้าที่ตรวจสอบทางทะเบียนกรณีผู้ประกอบกิจการไม่จดทะเบียนขออนุญาตประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ หรือผู้ได้รับอนุญาตไม่ขอต่ออายุใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ รวมทั้งการไม่ชำระค่าธรรมเนียม หรือไม่วางหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคาร ข้อ ๑๑ ให้ อ.ทกท. เป็นผู้ลงนามอนุญาตในใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๑๒ ใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ มีกำหนดระยะเวลา ๓ ปี และจะหมดอายุในวันที่ ๓๑ ธันวาคมของปีที่ถึงกำหนด ข้อ ๑๓ ผู้ประกอบกิจการรายใดประสงค์จะดำเนินกิจการต่อไป ให้ยื่นแบบขอต่ออายุใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ และทำบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท.00.02.(09) แนบท้ายระเบียบนี้ ต่อ อ.ทกท. ที่แผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า ก่อนวันครบกำหนดไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน พร้อมหลักฐานตามข้อ ๗.๑ หรือข้อ ๗.๒ แล้วแต่กรณี รวมทั้งชำระค่าธรรมเนียมตามข้อ ๘ หมวด ๓ การนำส่งเสบียงและของใช้ ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบกิจการรายใดประสงค์จะนำส่งเสบียงและของใช้ผ่านเข้า ทกท. ต้องยื่นแบบขออนุญาตผ่านเข้า-ออกในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เพื่อนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบ ทกท.00.02.(10) แนบท้ายระเบียบนี้ พร้อมเอกสาร ตามแบบ ทกท.00.02.(07) หรือแบบ ทกท.002.02.(08) แนบท้ายระเบียบนี้ และสำเนาเอกสารที่ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากร (CUSTOMS - PERMIT) ณ กองรักษาความปลอดภัยก่อนทุกครั้ง ข้อ ๑๕ เมื่อผู้ประกอบกิจการได้รับอนุญาตตามข้อ ๑๔ แล้ว ในการนำส่งเสบียงและของใช้ผ่านเข้า ทกท. ต้องนำเอกสารตามข้อ ๑๔ แสดงแก่พนักงานของกองรักษาความปลอดภัยและพนักงานแผนกบรรทุกและขนถ่ายสินค้า เพื่อตรวจสอบทุกครั้ง หมวด ๔ บทลงโทษ ข้อ ๑๖ บุคคล หรือยานพาหนะของผู้ประกอบกิจการซึ่งเข้ามาใน ทกท. หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของ กทท. ผู้ประกอบกิจการนั้นจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ กทท. ตามความเสียหายที่เกิดขึ้น ข้อ ๑๗ ผู้ประกอบกิจการต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ และหลักปฏิบัติของ กทท. ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ผู้ประกอบกิจการรายใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามความในวรรคแรก กทท. อาจจะพิจารณาเพิกถอนการอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบกิจการ และจะใช้ประกอบการพิจารณาในการขอต่ออายุใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ หรือการขอมีบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ ด้วยก็ได้ ข้อ ๑๘ บุคคลใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ กทท. จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนเงิน ๓,๐๐๐ บาท (สามพันบาทถ้วน) ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อคันต่อครั้ง ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ สุนิดา สกุลรัตนะ กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขออนุญาตให้ประกอบกิจการและทำบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.00.02.(05)) ๒. หนังสือสัญญาค้ำประกัน (ทกท.00.02.(06)) ๓. ใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.00.02.(07)) ๔. การท่าเรือแห่งประเทศไทยบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.00.02.(08)) ๕. แบบขอต่ออายุใบสำคัญอนุญาตให้ประกอบกิจการและทำบัตรประจำตัวผู้ประกอบกิจการนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.00.02.(09)) ๖. แบบขออนุญาตผ่าน เข้า-ออกในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพเพื่อนำส่งเสบียงและของใช้ให้แก่เรือเดินทะเลต่างประเทศภายในท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.00.02.(010)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ นันท์นภัสร์/ตรวจ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๕๑ ง/หน้า ๔/๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๒
617058
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน พ.ศ. 2552
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการให้บริการส่งมอบสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นมาตรฐานเดียวกัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒[๑] ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๒ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๗ เรื่อง การนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดราชการ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “วันหยุดปฏิบัติงาน” หมายความว่า วันหยุดประจำปี วันหยุดราชการ วันหยุดชดเชย วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดอื่นที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำหนด “ตู้สินค้า FCL (Full Container Load)” หมายความว่า ตู้สินค้าที่ไม่มีการเปิดตู้นำสินค้าออกหรือบรรจุเข้าตู้ภายในเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ “ใบสั่งปล่อยสินค้า (Delivery Order)” หมายความว่า ใบสั่งปล่อยสินค้าของบริษัทตัวแทนเรือ ข้อ ๕ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนที่ประสงค์จะนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าซึ่งฝากเก็บไว้ที่โรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า (ยกเว้นตู้สินค้า FCL ที่กองท่าบริการตู้สินค้า) ออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน (ไม่รวมวันแรงงานแห่งชาติ) ปฏิบัติดังต่อไปนี้ ๕.๑ การยื่นแบบขอชำระค่าบริการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน ตามแบบ ทกท.01.00.01 (01) แนบท้ายระเบียบนี้ และให้ดำเนินการดังนี้ ๕.๑.๑ ในระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๐๐ น. ของวันปฏิบัติงานปกติหรือวันหยุดปฏิบัติงาน ให้ยื่นแบบขอชำระค่าบริการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน ตามแบบ ทกท.01.00.01 (01) ณ ศูนย์ชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) พร้อมเอกสารการชำระค่าภาระ อนึ่ง กรณีที่ได้ชำระค่าภาระไว้แล้ว ให้ยื่นเฉพาะแบบขอชำระค่าบริการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน ตามแบบ ทกท.01.00.01 (01) เท่านั้น ๕.๑.๒ กรณีชำระค่าบริการไม่ทันเวลา ให้ยื่นแบบขอชำระค่าบริการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน ตามแบบ ทกท.01.00.01 (01) ต่อพนักงานรับเงินของกองจัดการการเงิน ณ สถานีตรวจสอบสินค้าบริเวณเขื่อนตะวันออก ช่อง ๓ - ๔ ตามอัตราที่กำหนดในข้อ ๖ ๕.๒ การยื่นแบบขออนุญาตนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพนอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน ตามแบบ ทกท.01.00.01 (02) แนบท้ายระเบียบนี้พร้อมสำเนาจำนวน ๓ ฉบับ ณ แผนกโรงพักสินค้า และคลังสินค้าต่าง ๆ ให้ดำเนินการ ดังนี้ ๕.๒.๑ วันปฏิบัติงานปกติ ภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ๕.๒.๒ วันหยุดปฏิบัติงาน ภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ก่อนวันหยุดปฏิบัติงาน อนึ่ง เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนต้องเป็นผู้ลงนามในแบบขออนุญาตนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน ตามแบบ ทกท.๐๑.๐๐.๐๑ (๐๒) เท่านั้น ๕.๓ เมื่อหัวหน้าแผนกโรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนได้ลงนามอนุญาตแล้ว ให้ผู้ยื่นขออนุญาตนำสำเนาแบบขออนุญาตที่ได้รับไปแสดงต่อพนักงานปล่อยสินค้าที่โรงพักสินค้า หรือคลังสินค้า เมื่อจะนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ๕.๔ การท่าเรือแห่งประเทศไทย จะไม่คืนเงินค่าบริการกรณีเจ้าของสินค้าหรือตัวแทนชำระเงินค่าบริการไว้แล้ว ไม่นำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๖ กำหนดอัตราค่าบริการส่งมอบสินค้า หรือตู้สินค้าขาเข้า ตามข้อ ๕ ดังนี้ ๖.๑ วันปฏิบัติงานปกติ ระหว่างเวลา บาท/ผู้รับตราส่ง (CONSIGNEE)/โรงพักสินค้า หรือคลังสินค้าพิธีการ ๑๖.๓๐ - ๑๘.๐๐ น. ๓๐๐ ๑๙.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. ๖๐๐ ๐๑.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. ๖๐๐ ๖.๒ วันหยุดปฏิบัติงาน ระหว่างเวลา บาท/ผู้รับตราส่ง (CONSIGNEE)/โรงพักสินค้า หรือคลังสินค้าพิธีการ ๐๘.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ๖๐๐ ๑๖.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. ๓๐๐ ๑๙.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. ๖๐๐ ๐๑.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. ๖๐๐ กรณีตู้สินค้าใดที่บรรจุสินค้าของผู้รับตราส่ง ตั้งแต่ ๒ รายขึ้นไป และประสงค์จะนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพพร้อมกัน ให้คิดค่าบริการเพียงรายเดียว ข้อ ๗ ให้เจ้าของสินค้า หรือตัวแทนที่ประสงค์จะนำตู้สินค้า FCL ขาเข้าที่กองท่าบริการตู้สินค้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน (ไม่รวมวันแรงงานแห่งชาติ) ยื่นแบบขออนุญาตที่แผนกปฏิบัติการ กองท่าบริการตู้สินค้า (โดยไม่ต้องชำระค่าบริการ) ภายในกำหนดเวลา ดังนี้ ๗.๑ วันปฏิบัติงานปกติ ภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ๗.๒ วันหยุดปฏิบัติงาน ภายในเวลา ๑๕.๓๐ น. ก่อนวันหยุดปฏิบัติงาน ข้อ ๘ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอำนาจออกคำสั่ง ประกาศ รวมทั้งมีอำนาจชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ สุนิดา สกุลรัตนะ กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขอชำระค่าบริการนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน (แบบ ทกท.01.00.01 (01)) ๒. แบบขออนุญาตนำสินค้าหรือตู้สินค้าขาเข้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ นอกเวลาปฏิบัติงานปกติหรือในวันหยุดปฏิบัติงาน (แบบ ทกท.01.00.01 (02)) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ นันท์นภัสร์/ตรวจ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๕๑ ง/หน้า ๑/๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๒
601601
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2552
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] เพื่อให้การออกบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันที่ใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการประกอบการขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศใดอื่นที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ทกท.” หมายความว่า ท่าเรือกรุงเทพ “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและตู้สินค้า “สินค้า” หมายความว่า สัตว์ พืช หรือสิ่งของทุกชนิดที่แลกเปลี่ยนซื้อ ขาย ให้ หรือถือกรรมสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย และให้หมายรวมถึงของใช้ส่วนตัวของบุคคลหรือนิติบุคคลที่นำเข้า “ตู้สินค้า” หมายความว่า ภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้านำเข้าหรือส่งออก เพื่อความสะดวก หรือเพื่อความปลอดภัยในการขนส่ง ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรฐานขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ (INTERNATIONAL ORGANIZATION FOR STANDARDIZATION : ISO) ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ หรือหลักปฏิบัติ รวมทั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ และให้ถือเป็นที่สุดก่อนรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยทราบ หมวด ๑ ประเภทของผู้ประกอบการ ข้อ ๗ ผู้ประกอบการ มี ๖ ประเภท ได้แก่ ๗.๑ บุคคลธรรมดา ๗.๒ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ๗.๓ ห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๗.๔ บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ๗.๕ สหกรณ์ ๗.๖ องค์การของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ข้อ ๘ บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ได้แก่ ๘.๑ เจ้าของสินค้า ๘.๒ ผู้นำเข้า ๘.๓ เจ้าของตู้สินค้า หรือตัวแทนเฉพาะการขนส่งตู้สินค้าเปล่า ๘.๔ ผู้ประกอบการโรงพักสินค้าเพื่อตรวจปล่อยของขาเข้าและบรรจุของขาออกที่ขนส่งโดยระบบคอนเทนเนอร์นอกเขตทำเนียบท่าเรือ (รพท.) ๘.๕ ผู้ประกอบการคลังสินค้าทัณฑ์บน สำหรับเก็บวัตถุดิบพื้นฐานในการผลิต (คสว.) หมวด ๒ คุณสมบัติของผู้ประกอบการ ข้อ ๙ ผู้ประกอบการต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ๙.๑ บุคคลธรรมดา ๙.๑.๑ ต้องมีสัญชาติไทย ๙.๑.๒ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ. ๒๐) (ถ้ามี) ๙.๑.๓ สำเนาทะเบียนพาณิชย์ หรือใบทะเบียนการค้า (ถ้ามี) ๙.๒ นิติบุคคลตามข้อ ๗.๒ ข้อ ๗.๓ และข้อ ๗.๔ ต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมายไทย หรือเป็นองค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การรัฐบาล หรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และ ๙.๒.๑ ในกรณีที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดต้องมีสัญชาติไทย ๙.๒.๒ ในกรณีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดชอบทั้งหมดต้องมีสัญชาติไทย และทุนของห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดต้องเป็นของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย ๙.๒.๓ ในกรณีที่เป็นบริษัทจำกัด กรรมการบริษัทจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีสัญชาติไทย และทุนของบริษัทจำกัดนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดต้องเป็นของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย หรือต้องเป็นของห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือ บริษัทจำกัด หรือต้องเป็นของกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล เมืองพัทยา รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณ หรือองค์การของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล หรือกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๆ และบริษัทจำกัดนั้นต้องไม่มีข้อบังคับอนุญาตให้มีการออกหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือ ๙.๒.๔ ในกรณีที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด กรรมการบริษัทจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีสัญชาติไทย และทุนของบริษัทมหาชนจำกัดนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดต้องเป็นของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะต้องมีลักษณะตามข้อ ๙.๒.๑ หรือข้อ ๙.๒.๒ หรือข้อ ๙.๒.๓ หรือข้อ ๙.๒.๔ แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๐ ผู้ประกอบการต้องนำรถที่จดทะเบียนว่าเป็นรถยนต์บรรทุกเข้ามาขนส่งสินค้าหรือตู้สินค้าใน ทกท. เท่านั้น ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบการต้องทำประกันภัยรถยนต์บรรทุกทุกคันที่ยื่นขอบัตรอนุญาตฯ หมวด ๓ การยื่นขอบัตรอนุญาต ข้อ ๑๒ ให้ผู้ประกอบการตามหมวด ๒ ยื่นแบบขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ที่กองรักษาความปลอดภัย ฝ่ายบริการท่าและเครื่องมือทุ่นแรง ท่าเรือกรุงเทพ พร้อมเอกสารที่ผู้มีอำนาจลงนามรับรองสำเนาถูกต้องดังนี้ ๑๒.๑ บุคคลธรรมดา ๑๒.๑.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ๑๒.๑.๒ สำเนาทะเบียนบ้าน ๑๒.๑.๓ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับและสำเนา จำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๑.๔ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๑.๕ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๑.๖ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๒ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ๑๒.๒.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ๑๒.๒.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ๑๒.๒.๓ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับและสำเนา จำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๒.๔ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๒.๕ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๒.๖ สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์และใบทะเบียนการค้า (ถ้ามี) ๑๒.๒.๗ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ. ๒๐) (ถ้ามี) ๑๒.๒.๘ หนังสือรับรองตัวอย่างรายมือชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในนามของผู้ประกอบการ จำนวน ๑ ชุด (๓ รายชื่อ) ๑๒.๒.๙ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๓ ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๑๒.๓.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดการ ๑๒.๓.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๑๒.๓.๓ สำเนาหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแสดงการจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๑๒.๓.๔ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับและสำเนา จำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๓.๕ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๓.๖ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๓.๗ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ. ๒๐) (ถ้ามี) ๑๒.๓.๘ หนังสือรับรองตัวอย่างรายมือชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในนามของผู้ประกอบการ จำนวน ๑ ชุด (๓ รายชื่อ) ๑๒.๓.๙ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๔ บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ๑๒.๔.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ ๑๒.๔.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการ ๑๒.๔.๓ สำเนาหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแสดงการจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ออกให้ไม่เกิน ๖ เดือน ๑๒.๔.๔ สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับและวัตถุที่ประสงค์ของบริษัท ๑๒.๔.๕ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับและสำเนา จำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๔.๖ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๔.๗ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๔.๘ หนังสือรับรองตัวอย่างรายมือชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในนามของผู้ประกอบการ จำนวน ๑ ชุด (๓ รายชื่อ) ๑๒.๔.๙ ตัวอย่างรอยตราประทับของผู้ยื่นคำขอจำนวน ๒ ตรา (ถ้ามี) ๑๒.๔.๑๐ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๕ สหกรณ์ ๑๒.๕.๑ สำเนาใบสำคัญรับจดทะเบียนสหกรณ์ ๑๒.๕.๒ สำเนาบัญชีรายชื่อสมาชิกของสหกรณ์ฉบับที่นายทะเบียนสหกรณ์รับรอง ๑๒.๕.๓ สำเนาข้อบังคับของสหกรณ์ ๑๒.๕.๔ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๕.๕ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๕.๖ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ. ๒๐) (ถ้ามี) ๑๒.๕.๗ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๖ หน่วยงานของรัฐ ๑๒.๖.๑ หลักฐานการจัดตั้งหน่วยงาน เช่น พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา ฯลฯ พร้อมหนังสือมอบอำนาจจากหน่วยงานของรัฐ ๑๒.๖.๒ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับและสำเนา จำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๖.๓ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๖.๔ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๖.๕ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ. ๒๐) (ถ้ามี) ๑๒.๖.๖ อื่น ๆ (ถ้ามี) ข้อ ๑๓ การยื่นแบบขออนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพเป็นกรณีพิเศษ ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ให้ติดต่อหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกองปฏิบัติการสินค้า ๑ - ๓ กองคลังสินค้า หรือกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ เพื่อขออนุญาตฯ ได้แก่ กรณีส่วนราชการหน่วยงานที่ได้รับเอกสิทธิทางการทูต หรือองค์กรระหว่างประเทศ ประสงค์จะนำรถยนต์เข้ามาในท่าเรือกรุงเทพ เพื่อทำการขนส่งสินค้าและตู้สินค้า หมวด ๔ ค่าธรรมเนียมบัตรอนุญาตรถยนต์บรรทุก ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบการที่ได้รับบัตรอนุญาตฯ ต้องเสียค่าธรรมเนียมบัตรดังนี้ ๑๔.๑ ประเภทรายปี ๑๔.๑.๑ ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้าของบริษัทตนเอง รถยนต์บรรทุก ๔ - ๖ ล้อ คันละ ๓๐๐ บาท รถยนต์บรรทุก ๘ - ๑๐ ล้อ คันละ ๔๐๐ บาท รถยนต์บรรทุกเกินกว่า ๑๐ ล้อ คันละ ๕๐๐ บาท รถยนต์ลากพ่วง ชุดละ ๘๐๐ บาท ๑๔.๑.๒ ผู้ประกอบการรับจ้างขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้าทั่วไป รถยนต์บรรทุก ๔ - ๖ ล้อ คันละ ๖๐๐ บาท รถยนต์บรรทุก ๘ - ๑๐ ล้อ คันละ ๘๐๐ บาท รถยนต์บรรทุกเกินกว่า ๑๐ ล้อ คันละ ๑,๐๐๐ บาท รถยนต์ลากพ่วง ชุดละ ๑,๒๐๐ บาท ๑๔.๒ ประเภทรายเที่ยว ผู้ประกอบการขนส่งตามข้อ ๑๔.๑ หากไม่ประสงค์ขอทำบัตรอนุญาตฯ ประเภทรายปี จะต้องยื่นแบบการขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ เป็นรายเที่ยวตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ และต้องเสียเงินค่าธรรมเนียม ตามอัตราดังต่อไปนี้ เรียกเก็บเป็นรายเที่ยว รถยนต์บรรทุก ๔ - ๖ ล้อ คันละ ๔๐๐ บาท รถยนต์บรรทุก ๘ - ๑๐ ล้อ คันละ ๕๐๐ บาท รถยนต์บรรทุกเกินกว่า ๑๐ ล้อ คันละ ๖๐๐ บาท รถยนต์ลากพ่วง ชุดละ ๗๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ยื่นแบบการขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ เป็นรายเที่ยวที่กองรักษาความปลอดภัย บัตรอนุญาตฯ ตามข้อ ๑๔.๑ มีอายุตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ของทุกปี ในกรณีขอทำบัตรตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ให้เสียค่าธรรมเนียมในการทำบัตรอนุญาตฯ ดังกล่าวครึ่งหนึ่งของอัตราปกติ อนึ่ง รถยนต์ที่เจ้าของนำมาขนของใช้ส่วนตัวของตนเอง ได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๕ รถยนต์บรรทุกสินค้าข้ามแดน รถยนต์ที่มารับสินค้าขาออกที่ขอรับอนุญาตตรวจรับกลับคืน (ซึ่งยังไม่มีบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ) ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นกรณีพิเศษ ตามอัตราที่กำหนดดังนี้ เรียกเก็บเป็นกรณีพิเศษ/เที่ยว รถยนต์บรรทุก ๔ - ๖ ล้อ คันละ ๑๕๐ บาท รถยนต์บรรทุก ๘ - ๑๐ ล้อ คันละ ๒๐๐ บาท รถยนต์บรรทุกเกินกว่า ๑๐ ล้อ คันละ ๒๕๐ บาท รถยนต์ลากพ่วง ชุดละ ๔๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้ยื่นแบบขออนุญาตการขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพเป็นกรณีพิเศษที่หน่วยงานในสังกัดกองปฏิบัติการสินค้า ๑ - ๓ กองคลังสินค้า กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ อนึ่ง รถยนต์บรรทุกตามข้อ ๑๔.๒ และข้อ ๑๕ ไม่ต้องวางหลักประกันตามหมวด ๕ ของระเบียบนี้ หมวด ๕ การประกันความเสียหาย ข้อ ๑๖ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องนำหลักประกันความเสียหายมอบให้ กทท. ภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจาก กทท. โดยหลักประกันความเสียหายมีระยะเวลา ๑ ปี รายละเอียดของการประกันความเสียหายเป็นไปตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๗ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องนำหลักประกันความเสียหายมามอบให้ กทท. ในวันที่มารับบัตรอนุญาตฯ ในอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต่อคัน ข้อ ๑๘ ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตใช้หลักประกันความเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑๘.๑ เงินสด ๑๘.๒ หนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารในประเทศที่เชื่อถือได้ ตามแบบที่ กทท. กำหนด หมวด ๖ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๑๙ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง และประกาศของ กทท. อย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ ๑๙.๑ บรรทุกและขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้าขาเข้าที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ๑๙.๒ ยินยอมและอำนวยความสะดวกให้พนักงาน กทท. หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจาก กทท. ตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และเมื่อมีการทักท้วงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ข้อ ๒๐ ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องปฏิบัติดังนี้ ๒๐.๑ ห้ามล้างรถ ๒๐.๒ ห้ามเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่น หรือน้ำมันเชื้อเพลิง ยกเว้นได้รับอนุญาตจาก กทท. ๒๐.๓ ห้ามดำเนินการซ่อมทำรถ หรือเครื่องยนต์ ๒๐.๔ ห้ามนอนหลับภายในรถขณะจอดรถโดยไม่ดับเครื่องยนต์ ๒๐.๕ นำรถจอด ณ จุดพักรถ ที่ ทกท. กำหนดหลังเวลา ๑๘.๐๐ น. หมวด ๗ บทกำหนดโทษ ข้อ ๒๑ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องจัดหาผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคนใหม่ ในกรณีที่ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตกระทำการ ดังต่อไปนี้ ๒๑.๑ เสพสุรา หรือของมึนเมา หรือใช้สารเสพติด ๒๑.๒ ฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยง ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศของ กทท. ๒๑.๓ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจาก กทท. ทั้งนี้ หากปรากฏว่าได้มีการฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยงอีก กทท. อาจจะพิจารณาตัดสิทธิมิให้รถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวเข้ามาทำการบรรทุกและขนส่งสินค้า หรือตู้สินค้า ก็ได้ ข้อ ๒๒ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการของผู้แทน หรือผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกขนส่งสินค้าตามที่ กทท. พิจารณา ข้อ ๒๓ ผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศของ กทท. รวมถึงกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กทท. จะยกเลิกบัตรอนุญาตของรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวทันทีและดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที รวมทั้งอาจจะไม่อนุญาตให้เข้ามาประกอบการ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ สุนิดา สกุลรัตนะ กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ (กรณีบุคคลธรรมดา) (ทกท.๐๐.๐๒/๑.๐๐) ๒. เอกสารประกอบการขอบัตรอนุญาตฯ (กรณีบุคคลธรรมดา) ๓. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ (กรณีนิติบุคคล) (ทกท.๐๐.๐๒/๒.๐๐) ๔. เอกสารประกอบการยื่นขอบัตรอนุญาตฯ (กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญ/ห้างหุ้นส่วนจำกัด/บริษัท) ๕. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ (กรณีสหกรณ์) (ทกท.๐๐.๐๒/๓.๐๐) ๖. เอกสารประกอบการขอบัตรอนุญาตฯ (กรณีสหกรณ์) ๗. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ (กรณีหน่วยงานของรัฐ) (ทกท.๐๐.๐๒/๔.๐๐) ๘. เอกสารประกอบการขอบัตรอนุญาตฯ (กรณีหน่วยงานของรัฐ) ๙. แบบขออนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ เป็นกรณีพิเศษ (ทกท.๐๐.๐๒/๕.๐๐) ๑๐. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ เป็นรายเที่ยว (ทกท.๐๐.๐๒/๖.๐๐) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ เมษายน ๒๕๕๒ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๔๖ ง/หน้า ๙/๒๗ มีนาคม ๒๕๕๒
589788
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] เพื่อให้การให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย สอดคล้องกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๑” ๒. ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ๓. นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการให้บริการข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๒ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง หลักปฏิบัติ หรือประกาศอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ๔. ให้นำกฎหมาย คำสั่ง หรือประกาศอื่นที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้โดยอนุโลม ๕. ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “กบข.” หมายความว่า กองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร “อกบข.” หมายความว่า ผู้อำนวยการกองบริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร “ข้อมูลข่าวสาร” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้ร้องขอ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการหรือประชาชนทั่วไป “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” หมายความว่า หน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๖. ให้ กบข. เป็นหน่วยงานกลางในการติดต่อประสานงานเกี่ยวกับการให้ข้อมูลข่าวสารรวมทั้งมีอำนาจและหน้าที่ให้บริการข้อมูลข่าวสาร โดยดำเนินการดังนี้ ๖.๑ รวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ทันสมัย และที่เปิดเผยได้ไว้เพื่อจำหน่ายหรือจ่ายแจก ๖.๒ อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำแก่ผู้ร้องขอ ๖.๓ ข้อมูลข่าวสารใดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ให้แจ้งผู้ร้องขอทราบพร้อมเหตุผล ๖.๔ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูลข่าวสาร ๖.๕ กำหนดหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติในการขอข้อมูลข่าวสาร ๗. เมื่อมีผู้ร้องขอมาติดต่อขอข้อมูลข่าวสารด้วยตนเอง ให้พนักงาน กบข. ดำเนินการกรอกแบบการให้บริการข้อมูลข่าวสารของ กทท. และให้ผู้ร้องขอลงนาม ก่อนนำเสนอ อกบข. พิจารณาดำเนินการ ในกรณีผู้ร้องขอแจ้งการร้องขอทางโทรศัพท์ โทรสาร หรือวิธีการอื่นใด นอกจากการติดต่อโดยตรงด้วยตนเองตามวรรคแรก ให้พนักงาน กบข. ดำเนินการกรอกแบบการให้บริการข้อมูลข่าวสารของ กทท. แล้วนำเสนอ อกบข. พิจารณาดำเนินการ ๘. ให้ กบข. ดำเนินการในการให้ข้อมูลข่าวสาร ดังนี้ ๘.๑ ให้ข้อมูลข่าวสารที่เปิดเผยได้ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ แก่ผู้ร้องขอ โดยแจ้งให้ผู้ร้องขอมาลงนามเพื่อรับเอกสารภายในกำหนด ๗ วันทำการ ๘.๒ ในกรณีที่ข้อมูลข่าวสารใดที่ กบข. ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาได้ว่าจะเปิดเผยได้หรือไม่ ให้ส่งข้อมูลข่าวสารนั้นเสนอคณะกรรมการที่ผู้อำนวยการ กทท. แต่งตั้งเพื่อพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่ไม่สามารถเปิดเผยได้เป็นผู้วินิจฉัย แล้วเสนอผู้อำนวยการ กทท. สั่งการ ๘.๓ อำนวยความสะดวก และหรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลในกรณีที่ไม่มีข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานนั้น ๆ ที่ กบข. ๙. ในกรณีผู้ร้องขอขอข้อมูลข่าวสารประสงค์ให้รับรองสำเนาข้อมูลข่าวสาร ให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของเอกสาร หรือพนักงาน กบข. ตั้งแต่ระดับหัวหน้าแผนก หรือเทียบเท่าขึ้นไป เป็นผู้ลงนามรับรองสำเนาเอกสาร ๑๐. หน่วยงานที่เป็นเจ้าของเอกสาร หรือครอบครองเอกสารข้อมูลข่าวสารจะต้องปฏิบัติและให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลข่าวสารกับ กบข. เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๑๑. การเรียกเก็บค่าธรรมเนียม หรือยกเว้นค่าธรรมเนียมการขอข้อมูลข่าวสาร ให้เป็นไปตามที่ กทท. กำหนด ๑๒. ให้ ผู้อำนวยการ กทท. เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการตามระเบียบนี้และให้ถือเป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๖๘ ง/หน้า ๒๙/๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๑
583077
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2551
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] เพื่อให้การออกบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันที่ใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการประกอบการขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๓.๒ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ เรื่อง การขออนุญาตประกอบการรับจ้างขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ๓.๓ ประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๔๗ เรื่อง การอนุญาตประกอบการรับจ้างขนส่งสินค้าและตู้สินค้าขาเข้าออกจากเขตศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ๓.๔ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศใดอื่นที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับระเบียบนี้มาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ทกท.” หมายความว่า ท่าเรือกรุงเทพ “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า ผู้ประกอบการขนส่งของและภาชนะขนส่ง “ของ” หมายความว่า สังหาริมทรัพย์ สัตว์มีชีวิต รวมทั้งภาชนะขนส่งที่ผู้ส่งของเป็นผู้จัดหามาเพื่อใช้ในการขนส่งด้วย “ภาชนะขนส่ง” หมายความว่า ตู้สินค้า ไม้รองสินค้า หรือสิ่งอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน ซึ่งใช้บรรจุ หรือรองรับของ หรือใช้รวมหน่วยการขนส่งของหลายหน่วยเข้าด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในการขนส่งทางทะเล ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และมีอำนาจออกคำสั่ง วิธีปฏิบัติ หรือประกาศ รวมทั้งวินิจฉัยชี้ขาดในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการตามระเบียบนี้ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทราบ หมวด ๑ ประเภทของผู้ประกอบการ ข้อ ๗ ผู้ประกอบการ มี ๖ ประเภท ได้แก่ ๗.๑ บุคคลธรรมดา ที่ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถบรรทุกตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๗.๒ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ๗.๓ ห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๗.๔ บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ๗.๕ สหกรณ์ ๗.๖ องค์การของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล หรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ทั้งนี้ นิติบุคคลตามข้อ ๗.๒ ถึงข้อ ๗.๖ ให้หมายความถึง ผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคล และผู้ประกอบการรับจ้างขนส่งทั่วไปไม่ประจำทางด้วยรถบรรทุกตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๘ นิติบุคคลที่ประกอบการขนส่งของ หรือภาชนะขนส่งส่วนบุคคล ได้แก่ ๘.๑ เจ้าของของ ๘.๒ ผู้นำของเข้า ๘.๓ เจ้าของ หรือตัวแทนเจ้าของภาชนะขนส่ง เฉพาะการขนส่งภาชนะขนส่งเปล่า ๘.๔ ผู้ประกอบการโรงพักสินค้าเพื่อตรวจปล่อยของขาเข้าและบรรจุของขาออกที่ขนส่งโดยระบบคอนเทนเนอร์นอกเขตทำเนียบท่าเรือ (รพท.) ๘.๕ ผู้ประกอบการคลังสินค้าทัณฑ์บน สำหรับเก็บวัตถุดิบพื้นฐานในการผลิต (คสว.) หมวด ๒ คุณสมบัติของผู้ประกอบการ ข้อ ๙ ผู้ประกอบการต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ๙.๑ บุคคลธรรมดา ๙.๑.๑ ต้องมีสัญชาติไทย ๙.๑.๒ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๙.๑.๓ สำเนาทะเบียนพาณิชย์ หรือใบทะเบียนการค้า (ถ้ามี) ๙.๒ นิติบุคคลตามข้อ ๗.๒ ข้อ ๗.๓ และข้อ ๗.๔ ต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมายไทย หรือเป็นองค์กรของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรรัฐบาลหรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และ ๙.๒.๑ ในกรณีที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดต้องมีสัญชาติไทย ๙.๒.๒ ในกรณีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดชอบทั้งหมดต้องมีสัญชาติไทย และทุนของห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดต้องเป็นของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย ๙.๒.๓ ในกรณีที่เป็นบริษัทจำกัด กรรมการบริษัทจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีสัญชาติไทย และทุนของบริษัทจำกัดนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดต้องเป็นของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย หรือต้องเป็นของห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัทจำกัด หรือต้องเป็นของกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเทศบาล สุขาภิบาล เมืองพัทยา รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณ หรือองค์การของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๆ และบริษัทจำกัดนั้นต้องไม่มีข้อบังคับอนุญาตให้มีการออกหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือ ๙.๒.๔ ในกรณีที่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด กรรมการบริษัทจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีสัญชาติไทย และทุนของบริษัทมหาชนจำกัดนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดต้องเป็นของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะต้องมีลักษณะตามข้อ ๙.๒.๑ หรือข้อ ๙.๒.๒ หรือข้อ ๙.๒.๓ หรือข้อ ๙.๒.๔ แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๐ รถยนต์บรรทุก หรือรถยนต์ลากพ่วงที่ผู้ประกอบการยื่นขอมีบัตรอนุญาตต้องเป็นรถที่ได้รับการจดทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบกว่าเป็นรถยนต์บรรทุก ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบการต้องทำประกันภัยรถยนต์บรรทุกทุกคันที่ยื่นขอบัตรอนุญาต หมวด ๓ การยื่นขอบัตรอนุญาต ข้อ ๑๒ ให้ผู้ประกอบการตามหมวด ๒ ยื่นแบบขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ที่กองรักษาความปลอดภัย ทกท. พร้อมเอกสารที่ผู้มีอำนาจลงนามรับรองสำเนาถูกต้องดังนี้ ๑๒.๑ บุคคลธรรมดา ๑๒.๑.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ๑๒.๑.๒ สำเนาทะเบียนบ้าน ๑๒.๑.๓ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับ และสำเนาจำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๑.๔ สำเนาใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑๒.๑.๕ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๑.๖ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๑.๗ สำเนาบัญชีรถตามแบบของกรมการขนส่งทางบก (ถ้ามี) ๑๒.๑.๘ สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ และใบทะเบียนการค้า (ถ้ามี) ๑๒.๑.๙ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๒ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ๑๒.๒.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ๑๒.๒.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ๑๒.๒.๓ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับ และสำเนาจำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๒.๔ สำเนาใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑๒.๒.๕ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๒.๖ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๒.๗ สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์และใบทะเบียนการค้า (ถ้ามี) ๑๒.๒.๘ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๑๒.๒.๙ ตัวอย่างรอยตราประทับของผู้ยื่นคำขอจำนวน ๒ ตรา (ถ้ามี) ๑๒.๒.๑๐ สำเนาบัญชีรถตามแบบของกรมการขนส่งทางบก (ถ้ามี) ๑๒.๒.๑๑ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๓ ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๑๒.๓.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดการ ๑๒.๓.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการ ๑๒.๓.๓ สำเนาหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแสดงการจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ๑๒.๓.๔ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับ และสำเนาจำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๓.๕ สำเนาใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑๒.๓.๖ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๓.๗ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๓.๘ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๑๒.๓.๙ ตัวอย่างรอยตราประทับของผู้ยื่นคำขอจำนวน ๒ ตรา (ถ้ามี) ๑๒.๓.๑๐ สำเนาบัญชีรถตามแบบของกรมการขนส่งทางบก (ถ้ามี) ๑๒.๓.๑๑ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๔ บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ๑๒.๔.๑ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ ๑๒.๔.๒ สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้จัดการ ๑๒.๔.๓ สำเนาหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแสดงการจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ออกให้ไม่เกิน ๖ เดือน ๑๒.๔.๔ สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับและวัตถุที่ประสงค์ของบริษัท ๑๒.๔.๕ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับ และสำเนาจำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๔.๖ สำเนาใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑๒.๔.๗ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๔.๘ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๔.๙ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๑๒.๔.๑๐ ตัวอย่างรอยตราประทับของผู้ยื่นคำขอจำนวน ๒ ตรา (ถ้ามี) ๑๒.๔.๑๑ สำเนาบัญชีรถตามแบบของกรมการขนส่งทางบก (ถ้ามี) ๑๒.๔.๑๒ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๕ สหกรณ์ ๑๒.๕.๑ สำเนาใบสำคัญรับจดทะเบียนสหกรณ์ ๑๒.๕.๒ สำเนาบัญชีรายชื่อสมาชิกของสหกรณ์ฉบับที่นายทะเบียนสหกรณ์รับรอง ๑๒.๕.๓ สำเนาข้อบังคับของสหกรณ์ ๑๒.๕.๔ สำเนาใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑๒.๕.๕ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๕.๖ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๕.๗ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๑๒.๕.๘ สำเนาบัญชีรถตามแบบของกรมการขนส่งทางบก (ถ้ามี) ๑๒.๕.๙ อื่น ๆ (ถ้ามี) ๑๒.๖ หน่วยงานของรัฐ ๑๒.๖.๑ หนังสือรับรอง หรือหนังสือยินยอมจากหน่วยงานของรัฐ ๑๒.๖.๒ หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือคู่มือจดทะเบียนรถต้นฉบับ และสำเนาจำนวน ๒ ชุด ในกรณีรถยนต์บรรทุกที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อ ให้บริษัทที่ให้เช่าซื้อออกหนังสือรับรองพร้อมประทับตราบริษัท และกรณีที่ผู้ประกอบการไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกที่จะนำมาประกอบการต้องแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนในการมีสิทธิครอบครองรถยนต์บรรทุกนั้น ๑๒.๖.๓ สำเนาใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๑๒.๖.๔ สำเนาประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๒.๖.๕ สำเนากรมธรรม์ประกันภัยประเภทรถยนต์บรรทุก ๑๒.๖.๖ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร (ภพ.๒๐) (ถ้ามี) ๑๒.๖.๗ สำเนาบัญชีรถตามแบบของกรมการขนส่งทางบก (ถ้ามี) ๑๒.๖.๘ อื่น ๆ (ถ้ามี) ข้อ ๑๓ การยื่นแบบขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพเป็นกรณีพิเศษ ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ให้ติดต่อหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกองปฏิบัติการสินค้า ๑ - ๓ กองคลังสินค้า หรือกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ เพื่อขออนุญาตดังนี้ ๑๓.๑ กรณีส่วนราชการ หน่วยงานที่ได้รับเอกสิทธิทางการทูต หรือองค์กรระหว่างประเทศ ประสงค์จะนำรถยนต์เข้ามาในท่าเรือกรุงเทพ เพื่อทำการขนส่งของและภาชนะขนส่ง ๑๓.๒ กรณีรถยนต์บรรทุกที่นำของและภาชนะขนส่งเข้ามาในท่าเรือกรุงเทพเพื่อการส่งออก หรือในทางกลับกัน หมวด ๔ ค่าธรรมเนียมบัตรอนุญาตรถยนต์บรรทุก ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบการที่ได้รับบัตรอนุญาตต้องเสียค่าธรรมเนียมบัตรเป็นรายปีดังนี้ ๑๔.๑ ประเภทประกอบการขนส่งของ หรือภาชนะขนส่งของบริษัทตนเอง ๑๔.๑.๑ รถยนต์บรรทุก ๔ - ๖ ล้อ คันละ ๓๐๐ บาท ๑๔.๑.๒ รถยนต์บรรทุก ๘ - ๑๐ ล้อ คันละ ๔๐๐ บาท ๑๔.๑.๓ รถยนต์บรรทุกเกินกว่า ๑๐ ล้อ คันละ ๕๐๐ บาท ๑๔.๑.๔ รถยนต์ลากพ่วง ชุดละ ๘๐๐ บาท ๑๔.๒ ประเภทประกอบการรับจ้างขนส่งของ หรือภาชนะขนส่งทั่วไป ๑๔.๒.๑ รถยนต์บรรทุก ๔ - ๖ ล้อ คันละ ๖๐๐ บาท ๑๔.๒.๒ รถยนต์บรรทุก ๘ - ๑๐ ล้อ คันละ ๘๐๐ บาท ๑๔.๒.๓ รถยนต์บรรทุกเกินกว่า ๑๐ ล้อ คันละ ๑,๐๐๐ บาท ๑๔.๒.๔ รถยนต์ลากพ่วง ชุดละ ๑,๒๐๐ บาท บัตรอนุญาตรถยนต์ตามข้อ ๑๒ จะหมดอายุในวันที่ ๓๑ ธันวาคมของทุกปี ในกรณีขอทำบัตรหลังวันที่ ๑ กรกฎาคม ให้เสียค่าธรรมเนียมในการทำบัตรอนุญาตรถยนต์ดังกล่าวครึ่งหนึ่งของอัตราปกติ หมวด ๕ การประกันความเสียหาย ข้อ ๑๕ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องนำหลักประกันความเสียหายมอบให้ กทท. ภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจาก กทท. โดยหลักประกันความเสียหายมีระยะเวลา ๑ ปี รายละเอียดของการประกันความเสียหายเป็นไปตามแบบที่ กทท. กำหนด ข้อ ๑๖ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องนำหลักประกันความเสียหายมามอบให้ กทท. ในวันที่มารับขอมีบัตรอนุญาตดังนี้ ๑๖.๑ รถยนต์บรรทุกจำนวนไม่เกิน ๕ คัน จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ๑๖.๒ รถยนต์บรรทุกจำนวนไม่เกิน ๑๐ คัน จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ๑๖.๓ รถยนต์บรรทุกจำนวนไม่เกิน ๕๐ คัน จำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๑๖.๔ รถยนต์บรรทุกจำนวนตั้งแต่ ๕๑ คันขึ้นไป จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ข้อ ๑๗ ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตใช้หลักประกันความเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑๗.๑ เงินสด ๑๗.๒ หนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารในประเทศเชื่อถือได้ ตามแบบที่ กทท. กำหนด ๑๗.๓ พันธบัตรรัฐบาลไทย หมวด ๖ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๑๘ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง และประกาศของ กทท. อย่างเคร่งครัด และต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ ๑๘.๑ บรรทุกและขนส่งของ หรือภาชนะขนส่งขาเข้าที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ๑๘.๒ ยินยอมและอำนวยความสะดวกให้พนักงาน กทท. หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจาก กทท. ตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบ และเมื่อมีการทักท้วงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ข้อ ๑๙ ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกขนส่งของของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องปฏิบัติดังนี้ ๑๙.๑ ห้ามล้างรถ ๑๙.๒ ห้ามเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่น หรือน้ำมันเชื้อเพลิง ยกเว้นได้รับอนุญาตจาก กทท. ๑๙.๓ ห้ามดำเนินการซ่อมทำรถ หรือเครื่องยนต์ ๑๙.๔ ห้ามนอนหลับภายในรถขณะจอดรถโดยไม่ดับเครื่องยนต์ ๑๙.๕ นำรถจอด ณ จุดพักรถ ที่ ทกท. กำหนดหลังเวลา ๑๘.๐๐ น. ๑๙.๖ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ หมวด ๗ บทกำหนดโทษ ข้อ ๒๐ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตต้องจัดหาผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคนใหม่ ในกรณีที่ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกขนส่งของของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตกระทำการดังต่อไปนี้ ๒๐.๑ เสพสุรา หรือของมึนเมา หรือใช้สารเสพติด ๒๐.๒ ฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยง ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศของ กทท. ๒๐.๓ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจาก กทท. ทั้งนี้ หากปรากฏว่าได้มีการฝ่าฝืน หรือหลีกเลี่ยงอีก กทท. อาจจะพิจารณาตัดสิทธิมิให้รถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวเข้ามาทำการบรรทุกและขนส่งของ หรือภาชนะขนส่ง ก็ได้ ข้อ ๒๑ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการของผู้แทน หรือผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกขนส่งของตามที่ กทท. พิจารณา ข้อ ๒๒ ผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศของ กทท. รวมถึงกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กทท. จะยกเลิกบัตรอนุญาตของรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวทันทีและดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที ประกาศ ณ วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ (กรณีบุคคลธรรมดา) ๒. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ (กรณีนิติบุคคล) ๓. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ (กรณีสหกรณ์) ๔. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ (กรณีหน่วยงานของรัฐ) ๕. แบบขอบัตรอนุญาตขนส่งของและภาชนะขนส่งขาเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ เป็นกรณีพิเศษ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๐๙ ง/หน้า ๒๖/๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๑
582779
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วย การผ่านเข้า - ออก และการจราจรภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2551
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการผ่านเข้า - ออก และการจราจรภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] เพื่อให้การผ่านเข้า - ออก และการจราจรทางบกภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการผ่านเข้า - ออกและการจราจรภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับตั้งแต่วันใช้ระเบียบนี้ ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจราจรในเขตการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๙ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้นำบรรดากฎหมาย คำสั่ง ประกาศอื่นที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “พื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ” หมายความว่า พื้นที่ทางบกภายในเขตรั้วศุลกากร กทท. ณ ท่าเรือกรุงเทพ ที่กรมศุลกากรกำหนด รวมทั้งพื้นที่ท่าเทียบเรือชายฝั่งของท่าเรือกรุงเทพ “รถเครื่องมือทุ่นแรงของ กทท.” หมายความว่า รถบรรทุก รถลากพ่วงบรรทุกสินค้า รถลากพ่วงบรรทุกตู้สินค้า รถยกสินค้า รถยกตู้สินค้า รถปั้นจั่น รถลากจูง และรถเครื่องมือทุ่นแรงอื่นที่เป็นของ กทท. ซึ่งใช้ในการปฏิบัติงาน “รถ” หมายความว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถลากพ่วง รวมตลอดทั้งเครื่องมือยกขน และยานพาหนะทางบกทุกชนิด นอกเหนือจากรถเครื่องมือทุ่นแรงของ กทท. ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น ข้อ ๖ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการทราบ หมวด ๑ บุคคล ข้อ ๗ บุคคลที่เข้ามาปฏิบัติงานภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ต้องปฏิบัติดังนี้ ๗.๑ บุคคลที่เข้ามาปฏิบัติงานเป็นประจำให้ขอทำบัตรอนุญาตผ่านเข้า - ออก ที่กองรักษาความปลอดภัย ท่าเรือกรุงเทพ ๗.๒ บุคคลที่เข้ามาติดต่อเป็นการชั่วคราวให้นำบัตรประชาชนหรือบัตรที่ทางราชการออกให้ มาแลกบัตรอนุญาตผ่านเข้า - ออก ที่ทำการกองรักษาความปลอดภัย ประจำจุดช่องทางผ่านเข้า - ออกทุกครั้ง ทั้งนี้ บุคคลตามข้อ ๗.๑ และข้อ ๗.๒ ต้องติดบัตรอนุญาตเพื่อแสดงตนตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๘ พนักงาน กทท. ข้าราชการและพนักงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานประจำภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพต้องแสดงบัตรประจำตัวที่หน่วยงานราชการต้นสังกัด หรือบัตรอนุญาตที่กองรักษาความปลอดภัย ท่าเรือกรุงเทพ ออกให้ ข้อ ๙ บุคคล พนักงาน กทท. ข้าราชการและพนักงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ที่เข้ามาในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพต้องผ่านเข้า - ออก ในช่องทางที่ กทท. กำหนดให้ ข้อ ๑๐ บุคคลที่ได้รับอนุญาตเข้ามาในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ เมื่อเสร็จกิจธุระแล้วต้องออกจากพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพทันที หมวด ๒ รถ ข้อ ๑๑ รถที่เข้ามาภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพต้องปฏิบัติดังนี้ ๑๑.๑ ขอทำบัตรอนุญาตผ่านเข้า - ออก ที่กองรักษาความปลอดภัย ๑๑.๒ ใช้ความเร็วไม่เกิน ๔๕ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ๑๑.๓ ปฏิบัติตามเครื่องหมายหรือสัญญาณไฟจราจรโดยเคร่งครัด ข้อ ๑๒ กำหนดเส้นทางเดินรถในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพดังนี้ ๑๒.๑ ฝั่งเขื่อนตะวันตก ๑๒.๑.๑ รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ให้ใช้ถนนสาย ๒ สาย ๕ และสาย ๖ เป็นสายหลัก ๑๒.๑.๒ รถบรรทุก รถลากพ่วง และรถเครื่องมือทุ่นแรง ให้ใช้ถนนสาย ๑ และสาย ๓ - ๖ ยกเว้นรถเครื่องมือทุ่นแรงของ กทท. สวนทางได้ ตั้งแต่หลังโรงพักสินค้า ๑๑ ถึง แผนกรถเครื่องมือทุ่นแรง ๒ ในถนนสาย ๓ และตั้งแต่หลังโรงพักสินค้า ๕ ถึงโรงพักสินค้า ๙ ในถนนสาย ๑ ๑๒.๑.๓ ห้ามรถทุกชนิดวิ่งผ่านเข้า - ออกบริเวณพื้นที่หน้าท่า ตั้งแต่โรงพักสินค้า ๑ ถึงตึกอำนวยการเดิม (โอบี) ยกเว้นรถที่ปฏิบัติงาน ๑๒.๒ ฝั่งเขื่อนตะวันออก ๑๒.๒.๑ อนุญาตเฉพาะรถเครื่องมือทุ่นแรงที่อยู่ระหว่างปฏิบัติงานเท่านั้นส่วนรถอื่น ๆ ให้จอด ณ ที่ กทท. กำหนด ๑๒.๒.๒ ห้ามรถทุกชนิดวิ่งผ่านเข้า - ออกบริเวณพื้นที่หน้าท่า ตั้งแต่ปากคลองพระโขนงถึงปากคลองเจ๊ก ยกเว้นรถที่ปฏิบัติงาน ๑๒.๓ นอกจากถนนสาย ๑ - ๖ ให้เป็นไปตามที่ กองรักษาความปลอดภัย และหน่วยงานเจ้าของพื้นที่กำหนด ทั้งนี้ เส้นทางเดินรถดังกล่าวข้างต้นให้ปฏิบัติตามเส้นทางการเดินรถภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ แนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๓ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ต้องสวมหมวกนิรภัย ข้อ ๑๔ รถที่เข้ามาในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ให้จอดพักในบริเวณที่ท่าเรือกรุงเทพกำหนด ข้อ ๑๕ ห้ามรถทุกชนิดจอดหรือวิ่งในอาณาบริเวณต่อไปนี้ ๑๕.๑ เส้นทางวิ่งของรถเครื่องมือทุ่นแรงยกสินค้าและตู้สินค้า และพื้นที่ปฏิบัติงานโดยรอบ ๑๕.๒ พื้นที่ปฏิบัติงานและช่องทางวิ่งของปั้นจั่นหน้าท่าชนิดเดินบนราง และรถคานเคลื่อนที่ยกตู้สินค้า ข้อ ๑๖ ผู้ขับขี่และรถที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพเมื่อปฏิบัติงานเสร็จสิ้นแล้ว ให้รีบนำรถออกไปจากพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพทันที ยกเว้น รถที่ถูกจำกัดเวลาห้ามเดินรถในช่วงเวลาห้ามเดินรถภายในเขตกรุงเทพมหานคร และรถที่อยู่ระหว่างปฏิบัติงาน ข้อ ๑๗ รถและรถเครื่องมือทุ่นแรงของบุคคลภายนอก หากเกิดน้ำมันหกรั่วไหล ต้องแจ้งผู้อำนวยการทราบทันที และต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อำนวยการในการเคลื่อนย้ายรถจากนอกพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ โดยเจ้าของรถต้องรับผิดชอบขจัดน้ำมันที่รั่วไหลหรือทำความสะอาดให้เรียบร้อย หาก กทท. เป็นผู้ดำเนินการแทน เจ้าของรถต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้แก่ กทท. และห้ามเติมน้ำมันในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ก่อนได้รับอนุญาต หากรถและรถเครื่องมือทุ่นแรงของบุคคลภายนอก ชำรุดหรือเครื่องยนต์เสีย ต้องนำออกให้พ้นทางจราจรและรีบนำออกนอกพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพทันที หมวด ๓ บทลงโทษ ข้อ ๑๘ บุคคลใดที่เข้ามาในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ และต้องปฏิบัติตามคำสั่งของ กทท. โดยเคร่งครัด มิฉะนั้นนอกจากบุคคลนั้นต้องชดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและกองรักษาความปลอดภัยจะยึดบัตรอนุญาต และให้บุคคลนั้นออกนอกพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๑๙ รถของผู้มาใช้บริการในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบจะดำเนินการดังนี้ ๑๙.๑ รถยนต์และรถบรรทุกส่วนบุคคลที่มีบัตรอนุญาตของ กทท. ๑๙.๑.๑ ฝ่าฝืนครั้งที่ ๑ ว่ากล่าวตักเตือนและทำทัณฑ์บนไว้ ๑๙.๑.๒ ฝ่าฝืนครั้งที่ ๒ ยึดบัตรอนุญาตรถเป็นเวลา ๑๕ วัน ๑๙.๑.๓ ฝ่าฝืนครั้งที่ ๓ ยกเลิกบัตรอนุญาตรถ ๑๙.๒ รถบรรทุกไม่มีหรือปลอมแปลงบัตรอนุญาตของ กทท. จะดำเนินการแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ข้อ ๒๐ รถของพนักงาน กทท. หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ กทท. จะทำหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยแก่พนักงาน กทท. เจ้าของรถ ข้อ ๒๑ รถของข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ตามข้อ ๘ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบ กทท. จะทำหนังสือแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดและห้ามนำรถเข้ามาในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๒๒ กทท. สงวนสิทธิ์ที่จะเคลื่อนย้ายรถที่ฝ่าฝืนระเบียบนี้ โดยเจ้าของรถต้องรับผิดชอบในการดำเนินการและ กทท. ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายแก่รถรวมทั้งทรัพย์สินในรถไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่เส้นทางเดินรถภายในอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๑ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง/หน้า ๔๑/๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๑
569225
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ยกเลิกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการประมูล ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2548
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ยกเลิกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการประมูล ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยที่ได้มีการกำหนดวิธีปฏิบัติในการซื้อหรือการจ้าง โดยวิธีประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้ตามระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๐ เรียบร้อยแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และข้อ ๔ ของระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง ยกเลิกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒[๑] ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกาศ ณ วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๑ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง/หน้า ๒๕/๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๐
569221
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2548
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการจัดหาพัสดุในรูปแบบการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เรื่อง หลักเกณฑ์การซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ จึงให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒[๑] ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ และระเบียบ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ระเบียบนี้ไม่ใช้บังคับกับงานจ้างที่ปรึกษา งานจ้างออกแบบและคุมงาน และการซื้อการจ้างด้วยวิธีพิเศษหรือกรณีพิเศษ ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “การท่าเรือ” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย “พนักงาน” หมายความว่า พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้ค้า” หมายความว่า บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่เข้าเสนอราคาในการซื้อการจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ “การประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การแข่งขันเสนอราคาด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยวิธีการดังต่อไปนี้ (๑) ประมูลแบบเปิดราคา (Reverse Auction) เป็นการประมูลแข่งขันเสนอราคาต่ำสุดโดยแสดงตัวเลขที่มีการเสนอราคาแต่ไม่แสดงว่าผู้ใดเป็นผู้เสนอราคา (๒) ประมูลแบบปิดราคา (Sealed Bid Auction) เป็นการประมูลแข่งขันเสนอราคาต่ำสุดโดยแสดงชื่อผู้เสนอราคาต่ำสุดแต่ไม่แสดงตัวเลขที่มีการเสนอราคา “คณะกรรมการดำเนินการประมูล” หมายความว่า คณะกรรมการดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๖ ในการซื้อหรือการจ้างแต่ละครั้งของหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดหาพัสดุที่มีวงเงินรวมเกินสองล้านบาทให้ใช้การประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่หน่วยงานที่มีหน้าที่จัดหาพัสดุใดเห็นสมควรจะใช้การประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการซื้อ หรือการจ้างที่มีวงเงินรวมไม่เกินสองล้านบาทก็ได้ ข้อ ๗ ในการดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แต่ละครั้งให้ผู้อำนวยการ หรือผู้ที่ผู้อำนวยการมอบอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ขึ้นคณะหนึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการหนึ่งคนโดยแต่งตั้งจากพนักงานระดับผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่าขึ้นไป และกรรมการอย่างน้อยสองคน โดยแต่งตั้งจากพนักงานระดับ ๖ หรือเทียบเท่าขึ้นไป ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ให้ผู้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกกรรมการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ทำหน้าที่ประธานกรรมการแทน ข้อ ๘ ให้คณะกรรมการดำเนินการประมูลคัดเลือกผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์จากทะเบียนรายชื่อผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงการคลัง แล้วเสนอชื่อผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ ต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการประมูลให้ความเห็นชอบ ข้อ ๙ ให้คณะกรรมการดำเนินการประมูลจัดทำประกาศเชิญชวนผู้ค้าอย่างเปิดเผยเป็นการทั่วไป ณ สถานที่ทำการของหน่วยงานที่จัดหาพัสดุ รวมทั้งประกาศผ่านเว็บไซต์ www.gprocurement.go.th ของกรมบัญชีกลาง และเว็บไซต์ www.port.co.th ของการท่าเรือ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามแบบที่กระทรวงการคลังกำหนด หน่วยงานที่จัดหาพัสดุต้องดำเนินการให้หรือขายเอกสารการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วันที่เริ่มประกาศเชิญชวนตามวรรคหนึ่ง การดำเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสองต้องมีระยะเวลาไม่น้อยกว่าเจ็ดวันทำการ ข้อ ๑๐ รายการในเอกสารข้อเสนอของผู้ค้า ต้องมีสาระสำคัญอย่างน้อยเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้ค้า ข้อเสนอด้านเทคนิค หนังสือข้อตกลงเข้าร่วมประมูล หลักประกันซอง เอกสารที่ใช้ตรวจสอบคุณสมบัติการไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน และเอกสารอื่นที่จำเป็น ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการดำเนินการประมูลกำหนด ในกรณีที่ผู้ค้าเป็นผู้ซึ่งมีรายชื่อในบัญชีผู้ค้าที่มีคุณสมบัติเบื้องต้น สำหรับการซื้อหรือการจ้างที่การท่าเรือ ได้จัดทำไว้เป็นการประจำก่อนวันยื่นเอกสารข้อเสนอ ผู้ค้านั้นไม่ต้องยื่นเอกสารเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ค้าอีก ข้อ ๑๑ ในการกำหนดวันรับเอกสารข้อเสนอของผู้ค้า จะต้องมีช่วงเวลาสำหรับการคำนวณราคาของผู้ค้าภายหลังวันปิดการให้หรือขายเอกสารประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่น้อยกว่าห้าวันทำการ ข้อ ๑๒ ให้คณะกรรมการดำเนินการประมูลดำเนินการดังนี้ (๑) ตรวจสอบมาตรฐานทางเทคนิค ซึ่งอย่างน้อยประกอบด้วยคุณสมบัติของผู้ค้า เอกสารหลักฐานต่าง ๆ พัสดุตัวอย่าง แคตตาล็อกหรือแบบรูป และรายการละเอียด (๒) คัดเลือกผู้ค้าที่มีมาตรฐานทางเทคนิคครบถ้วนตามเอกสารการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (๓) คัดเลือกพัสดุหรืองานจ้างซึ่งมีคุณภาพและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อการท่าเรือ (๔) รายงานผลการพิจารณาและความเห็น พร้อมด้วยเอกสารที่ได้รับไว้ทั้งหมดต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ โดยเสนอผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ (๕) ประกาศรายชื่อผู้ค้าที่ผ่านการคัดเลือกตามวันและเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศประมูลโดยปิดประกาศ ณ สถานที่ทำการของหน่วยงานที่จัดหาพัสดุและประกาศผ่านทางเว็บไซต์ www.gprocurement.go.th ของกรมบัญชีกลาง (๖) แจ้งผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกเนื่องจากมีมาตรฐานทางเทคนิคไม่ครบถ้วนหรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทราบข้อเท็จจริงและเหตุผลในการพิจารณา ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ค้าคณะกรรมการดำเนินการประมูลจะสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากผู้ค้ารายใดก็ได้ แต่ไม่อาจให้ผู้ค้ารายใดเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญที่เสนอไว้แล้ว ข้อ ๑๓ ผู้ค้าที่ไม่ผ่านการคัดเลือกตามข้อ ๑๒ (๖) มีสิทธิอุทธรณ์ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เว้นแต่ในกรณีที่เป็นผู้ที่ไม่ผ่านคัดเลือกเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน ให้อุทธรณ์ต่อผู้อำนวยการ ภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง พร้อมทั้งแสดงเหตุผลของการอุทธรณ์และเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย ข้อ ๑๔ ก่อนจัดให้มีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ (๑) แจ้งให้ผู้ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการอบรมการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (๒) มอบหมายเลขประจำตัว (User ID) และรหัส (Password) ให้แก่ผู้ค้าที่ผ่านการคัดเลือก (๓) จัดให้คณะกรรมการดำเนินการประมูลและผู้ค้าที่ผ่านการคัดเลือก ทดสอบการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๕ ให้คณะกรรมการดำเนินการประมูลประกาศกำหนดวัน เวลา และสถานที่พร้อมทั้งเงื่อนไขการประมูล ซึ่งต้องมีสาระสำคัญอย่างน้อยเกี่ยวกับวงเงิน การจัดหาระยะเวลาประมูลช่วงราคาประมูลขั้นต่ำ และช่วงเวลาประมูลสุดท้ายก่อนปิดการประมูล ให้ผู้ค้าที่ผ่านการคัดเลือกทราบ ข้อ ๑๖ วิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นไปดังนี้ (๑) ในกรณีที่มีผู้ค้าผ่านการคัดเลือกไม่น้อยกว่าสามรายให้คณะกรรมการดำเนินการประมูลหารือกับผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อกำหนดวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสมกับการซื้อหรือการจ้างครั้งนั้น (๒) ในกรณีที่มีผู้ค้าผ่านการคัดเลือกไม่เกินสองราย ให้ใช้วิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบปิดราคา หรือถ้าคณะกรรมการดำเนินการประมูลเห็นว่าไม่สมควรใช้วิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะกำหนดให้ผู้ค้ายื่นซองข้อเสนอราคาภายในวงเงินงบประมาณ หรือราคาเริ่มต้นการประมูล หรือราคากลางของการท่าเรือก็ได้แล้วแต่กรณี ราคาเริ่มต้นการประมูลให้ใช้วงเงินงบประมาณสำหรับการจัดหาพัสดุหรือการจ้างนั้น ๆ ในกรณีที่มีผู้ค้าผ่านการคัดเลือกหนึ่งราย หรือมีผู้เสนอราคาในการประมูลหนึ่งรายให้คณะกรรมการดำเนินการประมูลเสนอต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อยกเลิกการประมูล แต่ถ้าคณะกรรมการดำเนินการประมูลเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการซื้อหรือจ้างต่อไปให้คณะกรรมการดำเนินการประมูลต่อรองราคากับผู้ค้ารายนั้น แล้วเสนอผู้แต่งตั้งคณะกรรมการต่อไป ข้อ ๑๗ ในการดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีกรรมการดำเนินการประมูลอย่างน้อยหนึ่งคนเข้าร่วมสังเกตการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นการประมูล ข้อ ๑๘ เมื่อได้ผู้ชนะการประมูลแล้ว ให้คณะกรรมการดำเนินการประมูลสรุปผลการประมูลเสนอต่อผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ และปิดประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูล ณ สถานที่ทำการของหน่วยงานที่จัดหาพัสดุ และประกาศผ่านทางเว็บไซต์ www.gprocurement.go.th ของกรมบัญชีกลาง ข้อ ๑๙ คณะกรรมการดำเนินการประมูล ต้องรายงานผลการประมูลให้สำนักพัฒนามาตรฐานระบบพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ทราบโดยเร็ว โดยจัดทำเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) รายงานตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญเกี่ยวกับราคาพัสดุที่จัดหาได้โดยวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนลดหรือส่วนเพิ่มเพื่อเปรียบเทียบกับวงเงินงบประมาณงบประมาณที่ประหยัดได้คิดเป็นร้อยละของวงเงินงบประมาณ รายชื่อผู้ชนะการประมูล และผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อร่วมประสานงานในการรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ข้อ ๒๐ สัญญาซื้อจ้างให้เป็นไปตามแบบที่การท่าเรือกำหนด ในกรณีที่ไม่อาจทำสัญญาตามแบบที่กำหนด และจำเป็นต้องร่างสัญญาขึ้นใหม่ให้ส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาก่อน เว้นแต่ผู้อำนวยการเห็นสมควร ทำสัญญาตามแบบที่เคยผ่านการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดมาแล้ว ข้อ ๒๑ ให้ผู้อำนวยการ รักษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ยงยศ ปาละนิติเสนา กรรมการ การท่าเรือฯ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๑ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง/หน้า ๒๐/๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๐
566792
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. 2550
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้การปฏิบัติงานตามคำ ขอของประชาชนเป็นไปด้วยความสะดวก ประหยัดเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒[๑] ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “การปฏิบัติงานเพื่อประชาชน” หมายถึง การดำเนินการให้บริการของหน่วยงานต่างๆ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยจนแล้วเสร็จตามคำขอที่ประชาชนยื่นตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่งหรือประกาศของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับเรือหรือสินค้า หรือกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง “ประชาชน” หมายถึง บุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรือคณะบุคคลที่กฎหมายรับรอง ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำขอ ข้อ ๕ ให้หน่วยงานต่างๆ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยอำนวยความสะดวกและเร่งรัดการปฏิบัติงานตามคำขอของประชาชนให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็ว ข้อ ๖ กำหนดขั้นตอนและระยะเวลากระบวนงานที่ใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จใน ๑ วัน ดังต่อไปนี้ ๖.๑ การนำสินค้าในระบบตู้สินค้าและสินค้าทั่วไปขาเข้าออกจากกองปฏิบัติการสินค้า ๑ - ๒ ๖.๒ การนำสินค้าขาออกจากแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) ไปบรรจุเข้าตู้สินค้าขาออกของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๓ การนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้าของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๔ การนำสินค้าบรรจุเหลือกลับโรงงานออกจากกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๕ การนำตู้สินค้าเปล่าผ่านท่าเข้าอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพโดยทางรถยนต์ของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๖ การส่งมอบตู้สินค้าเปล่านำออกนอกอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพโดยทางรถยนต์ของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๗ การส่งมอบตู้สินค้าเปล่านำออกนอกอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพโดยทางรถไฟของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๘ การส่งมอบตู้สินค้าเปล่านำบรรทุกลงเรือของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๙ การส่งมอบสินค้าผ่านแดนของกองคลังสินค้า ๖.๑๐ การส่งมอบสินค้ารถยนต์ของกองคลังสินค้า ๖.๑๑ การส่งมอบสินค้าตกค้างของกองคลังสินค้า ๖.๑๒ การรับมอบสินค้าทัณฑ์บนของกองคลังสินค้า ๖.๑๓ การส่งมอบสินค้าทัณฑ์บนของกองคลังสินค้า ๖.๑๔ การส่งมอบสินค้า/ตู้สินค้าอันตรายของกองคลังสินค้า ๖.๑๕ การปฏิบัติงานขนถ่ายตู้สินค้าขึ้นจากเรือ กรณีนำตู้สินค้าขาเข้ากองเก็บภายในกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ ๖.๑๖ การปฏิบัติงานขนถ่ายตู้สินค้าขึ้นจากเรือ กรณีนำตู้สินค้าขาเข้าเพื่อส่งมอบให้หน่วยงานภายนอกกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ ๖.๑๗ การส่งมอบตู้สินค้าขาเข้าของกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ ๖.๑๘ การรับมอบตู้สินค้าขาออกของกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ ๖.๑๙ การปฏิบัติงานบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ กรณีนำตู้สินค้าขาออกจากภายนอกกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ บรรทุกลงเรือโดยตรง ๖.๒๐ การปฏิบัติงานบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ กรณีนำตู้สินค้าขาออกจากภายในกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ บรรทุกลงเรือ ๖.๒๑ การให้บริการขอนำเรือเข้า - ออกภายในอาณาบริเวณ (BERTH APPLICATION) ของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๒๒ การให้บริการเรือเข้าเทียบท่าและออกจากเทียบ (เฉพาะงานเอกสาร) กรณีใช้บริการเงินเชื่อของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๒๓ การให้บริการเรือเข้าเทียบท่าและออกจากเทียบ (เฉพาะงานเอกสาร) กรณีใช้บริการเงินสดของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๒๔ การให้บริการลากจูงเรือสินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๒๕ การขอเช่าใช้เครื่องมือทุ่นแรง กรณีใช้บริการเงินเชื่อของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๒๖ การขอเช่าใช้เครื่องมือทุ่นแรง กรณีใช้บริการเงินสดของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๒๗ การยื่นใบคำร้องขอใช้บริการน้ำประปาของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๒๘ การให้บริการจ่ายน้ำจืดของเรือบรรทุกน้ำของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๒๙ การให้บริการจัดเก็บขยะจากเรือสินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๓๐ การขอเช่าเครื่องมือทุ่นแรง กรณีการให้เช่าเงินเชื่อและเงินสดกองเครื่องมือทุ่นแรงของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๓๑ การขอทำบัตรประจำตัวผู้ทำหน้าที่บรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าเรือเดินทะเลต่างประเทศของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๓๒ การวางเงินประกันค่าภาระเรือของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๓๓ การรับชำระหนี้เงินเชื่อของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๓๔ การให้บริการเช่าและรับชำระเงินค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรง (เงินสด) ของท่าเรือกรุงเทพ กรณีขอเช่าใช้เครื่องมือทุ่นแรงเพื่อใช้งานเร่งด่วน ๖.๓๕ การให้บริการเช่าและรับชำระเงินค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรง (เงินสด) ของแผนกรับเงิน กองคลัง ฝ่ายการเงินและบัญชี (นอกเวลาทำการ) ๑๖.๓๐ - ๒๔.๐๐ น. ในวันปกติและ ๑๖.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. ในวันหยุดเสาร์/วันหยุดนักขัตฤกษ์ และเวลา ๐๘.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. สำหรับวันอาทิตย์ ๖.๓๖ การให้บริการเช่าและชำระเงินค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรงล่วงหน้า (เงินสด) ของท่าเรือกรุงเทพ กรณีขอเช่าใช้เครื่องมือทุ่นแรงล่วงหน้าเพื่อใช้งานตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. ของวันที่ขอเช่า ถึงเวลา ๑๘.๐๐ น. ของวันถัดไป โดยท่าเรือกรุงเทพจะจัดเครื่องมือทุ่นแรงให้ตามลำดับ ๖.๓๗ การชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ ๖.๓๘ การประสานงานให้บริการออกของใช้ส่วนตัว ๖.๓๙ การให้บริการข้อมูลข่าวสารกรณีข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่ที่ศูนย์บริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดตามขั้นตอนแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๗ กำหนดขั้นตอนและระยะเวลากระบวนงานที่ใช้เวลาดำเนินการมากกว่า ๑ วัน ดังต่อไปนี้ ๗.๑ การขออนุมัติทำการขุดลอกตามคำขอของผู้ใช้บริการ ๗.๒ การให้บริการงานสำรวจและหยั่งน้ำตามคำขอ ๗.๓ การให้บริการงานจัดทำแผนที่ความลึกหน้าท่า ๗.๔ การให้บริการงานวางทุ่นเครื่องหมายช่วยการเดินเรือ ๗.๕ การขอหนังสือรับรองการเช่าที่ดินหรืออาคาร ๗.๖ การขอทำบัตรอนุญาตเข้าบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๗.๗ การขอเปิดใช้บริการเงินเชื่อ กรณีการวางค้ำประกันเงินสด ๗.๘ การขอเปิดใช้บริการเงินเชื่อ กรณีการวางหนังสือสัญญาค้ำประกันจากธนาคาร ๗.๙ การต่ออายุสัญญาค้ำประกันเพื่อให้บริการเงินเชื่อ ๗.๑๐ การคืนเงินประกันค่าภาระและค่าบริการให้แก่เจ้าของสินค้าและเจ้าของเรือหรือตัวแทน ๗.๑๑ การเลิกใช้บริการเงินเชื่อ กรณีขอคืนเงินสด ๗.๑๒ การเลิกใช้บริการเงินเชื่อ กรณีคืนหนังสือสัญญาค้ำประกัน ๗.๑๓ การขอคืนเงินค่าภาระ ๗.๑๔ การขอแก้ไขเปลี่ยนใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี ๗.๑๕ การขอแก้ไข เปลี่ยน รับรองสำเนา หรือออกใบแทน ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี (ในส่วนของกองคลัง) ๗.๑๖ พิธีการในการขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ๗.๑๗ การรับเรื่องร้องเรียนอื่นๆ ๗.๑๘ การให้บริการข้อมูลข่าวสารกรณีข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่ในหน่วยงานอื่นของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๗.๑๙ การโอนสิทธิการเช่ารับสิทธิเช่าที่ดินและอาคาร ๗.๒๐ การต่อสัญญาเช่าที่ดิน ๗.๒๑ การต่อสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ ๗.๒๒ การรับเรื่องร้องเรียนกรณีเงินนอกระบบ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดตามขั้นตอนแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๘ ในกรณีที่พนักงานของหน่วยงานใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัย ในกรณีที่พนักงานของหน่วยงานใดจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานของรัฐ หรือประชาชน ให้ถือว่าเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๙ ให้ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการ ให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนผังแสดงขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย แนบท้ายระเบียบ การท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง/หน้า ๔/๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
558910
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ตามที่มีระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยเพิ่มความ (๖) ในข้อ ๑๑ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ กำหนดให้มีวิธีประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย กำหนดนั้น โดยที่คณะรัฐมนตรีได้ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ใช้บังคับกับการจัดหาพัสดุของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการจัดหาพัสดุตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวตลอดมา ฉะนั้น สมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ ให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๑) (๒) และมาตรา ๒๙ (๑) (๔) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (๖) ของข้อ ๑๑ แห่งระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “(๖) วิธีประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙” ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ประธานกรรมการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๔ การใช้บังคับ กำหนดให้การจัดหาพัสดุของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ฯลฯ ที่กิจกรรมโครงการ หรือการก่อสร้างมีมูลค่าตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการตามระเบียบฯ และเพื่อให้การดำเนินการจัดหาพัสดุของหน่วยงานที่จัดหาพัสดุของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสอดคล้องกับระเบียบฯ ดังกล่าว วริญา/ปรับปรุง ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ นุสรา/ตรวจ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๘๐ ง/หน้า ๒๒/๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐
535559
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2550
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพมีความเหมาะสมสอดคล้องกับข้อกำหนดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเล อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒[๑] ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๐ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันที่ใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิกระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดที่ขัด หรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ทกท.” หมายความว่า ท่าเรือกรุงเทพ “เขตท่าเรือกรุงเทพ” หมายความว่า พื้นที่ในเขตรั้วศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หลักผูกเรือกลางน้ำคลองเตย (Dolphin) หลักที่ ๑ - ๓๖ และท่าเทียบเรือชายฝั่งและเรือลำเลียง “IMO” หมายความว่า องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization) “IMDG Code” หมายความว่า ประมวลข้อบังคับว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเล (International Maritime Dangerous Goods Code) ซึ่งกำหนดโดย IMO “สินค้าอันตราย” หมายความว่า สิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ตามที่ IMO กำหนดไว้ใน IMDG Code “UN No.” หมายความว่า หมายเลขสหประชาชาติ (United Nation Number) ของวัตถุอันตรายแสดงหมายเลขลำดับ (Serial Number) ที่กำหนดขึ้นมาสำหรับสิ่งของหรือสารที่อยู่ภายใต้ระบบของสหประชาชาติ กำหนดเป็นตัวเลขสี่หลัก “สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑” หมายความว่า สินค้าอันตรายที่ห้ามบรรทุกหรือขนถ่ายในเขตท่าเรือกรุงเทพ “สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒” หมายความว่า สินค้าอันตรายร้ายแรง “สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓” หมายความว่า สินค้าอันตรายนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกลุ่มที่ ๑ และ ๒ “ร.พ.ท.” หมายความว่า โรงพักสินค้าเพื่อตรวจปล่อยของขาเข้าและการบรรจุของขาออกที่ขนส่งโดยระบบคอนเทนเนอร์นอกเขตทำเนียบท่าเรือ (Inland Container Depot) “ความเสี่ยงอันตรายรอง” หมายความว่า หมายเลขประเภท หรือประเภทย่อยของความเสี่ยงอันตรายรอง “ชื่อที่ถูกต้องในการขนส่ง” หมายความว่า ชื่อของสินค้าอันตราย (Proper Shipping Name) “Waste” หมายความว่า ของเสียตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด “EMPTY UNCLEANED” หมายความว่า ภาชนะเปล่าและตู้สินค้าเปล่าที่ผ่านการบรรจุสินค้าอันตรายและยังมิได้ทำความสะอาด “ฉลาก” หมายความว่า สัญลักษณ์ที่เป็นรูปภาพซึ่งติดไว้ที่หีบห่อเพื่อแสดงความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายในการขนส่ง โดยมีขนาด ลักษณะและข้อความตามข้อกำหนดการขนส่งวัตถุอันตราย “ป้าย” หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นประกอบด้วยสัญลักษณ์ที่เป็นรูปภาพซึ่งติดไว้บนผิวนอกของแท็งก์ที่ยกและเคลื่อนย้ายได้ แท็งก์ติดตรึง ตู้สินค้าหรือพาหนะ เพื่อแสดงความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายในการขนส่ง โดยมีขนาด ลักษณะและข้อความตามข้อกำหนดการขนส่งวัตถุอันตราย “เครื่องหมาย” หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นประกอบด้วยชื่อที่ถูกต้องของวัตถุอันตรายและหมายเลขสหประชาชาติ รวมทั้งสัญลักษณ์หรือข้อความอื่นใดนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในฉลากและป้ายซึ่งติดไว้ที่หีบห่อหรือบนผิวนอกของแท็งก์ที่ยกและเคลื่อนย้ายได้ แท็งก์ติดตรึง ตู้สินค้าหรือพาหนะเพื่อเตือนถึงอันตรายของวัตถุอันตรายนั้น “นอกเวลาทำงานปกติ” หมายความว่า การทำงานนอกหรือเกินกำหนดเวลาทำงานปกติในวันทำงานหรือวันหยุดตามที่ กทท. กำหนด ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจกำหนดวิธีปฏิบัติแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการทราบ หมวด ๑ การแบ่งประเภทของสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๖ สินค้าอันตรายแบ่งออกเป็น ๙ ประเภท ตาม IMDG Code กำหนดปรากฏตามตารางแบ่งกลุ่มแนบท้ายระเบียบนี้ ได้แก่ ๖.๑ ประเภทที่ ๑ วัตถุระเบิด (Explosives) ๖.๒ ประเภทที่ ๒ ก๊าซ (Gases) ๖.๓ ประเภทที่ ๓ ของเหลวไวไฟ (Flammable liquids) ๖.๔ ประเภทที่ ๔ ของแข็งไวไฟ สารที่ลุกไหม้ได้เอง สารที่เปียกน้ำจะเกิดก๊าซไวไฟ (Flammable solids ; substances liable to spontaneous combustion ; substances which, in contact with water, emit flammable gases) ๖.๕ ประเภทที่ ๕ สารอ๊อกซิไดซ์และสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Oxidizing substances and organic peroxides) ๖.๖ ประเภทที่ ๖ สารพิษและสารแพร่เชื้อ (Toxic and infectious substances) ๖.๗ ประเภทที่ ๗ วัสดุกัมมันตรังสี (Radioactive material) ๖.๘ ประเภทที่ ๘ สารกัดกร่อน (Corrosive substances) ๖.๙ ประเภทที่ ๙ สารอันตรายเบ็ดเตล็ดและอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม (Miscellaneous dangerous substances and articles) ข้อ ๗ สินค้าอันตรายที่กำหนดไว้ตามระเบียบนี้ หากมีการยกเลิกหรือเพิ่มเติมให้เป็นไปตามประกาศของหน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้อง หรือ IMDG Code กำหนด หมวด ๒ สินค้าอันตรายขาเข้า ข้อ ๘ ให้เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ ซึ่งประสงค์จะนำสินค้าอันตรายเข้ามาในเขตท่าเรือกรุงเทพ ดำเนินการดังนี้ ๘.๑ ยื่นแบบรายงานสินค้าอันตราย (คสอ. ๐๔) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ที่แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ทกท. ก่อนเรือเทียบท่าไม่น้อยกว่า ๙ ชั่วโมง ๘.๒ รายการตามแบบข้อ ๘.๑ ต้องมีรายละเอียดประกอบด้วย ๘.๒.๑ ลำดับที่ (Item No.) ๘.๒.๒ เลขที่ใบตราส่ง (B/L No.) ๘.๒.๓ จำนวนหีบห่อ (No. of Packages) ๘.๒.๔ ชื่อสินค้า (Proper Shipping Name) ๘.๒.๕ น้ำหนัก (Net Weight) ๘.๒.๖ ประเภทของสินค้าอันตราย (Class) และ UN No. ๘.๒.๗ จุดวาบไฟ (Flash Point) ๘.๒.๘ กลุ่มการบรรจุ (Packaging Group) ๘.๒.๙ หมายเลขตู้สินค้า (Container No.) ๘.๒.๑๐ สถานภาพของตู้สินค้า (Status) ๘.๒.๑๑ ชื่อและที่อยู่ผู้นำเข้า (Consignee’s Name & Address) ๘.๒.๑๒ ลงชื่อกำกับในเอกสารทุกหน้า ๘.๒.๑๓ แนบเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) ตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนด หรือเอกสารอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลของสินค้าอันตรายแต่ละรายการไว้ด้วย ข้อ ๙ สินค้าอันตรายขาเข้าตามหมวด ๑ แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ตามตารางแบ่งกลุ่มสินค้าอันตรายของ ทกท. แนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๐ สินค้าอันตรายทุกประเภทที่มีความเสี่ยงอันตรายรองอยู่ในกลุ่มที่ ๑ และ ๒ ให้ถือเป็นสินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒ ข้อ ๑๑ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑ ไม่อนุญาตให้ทำการขนถ่ายในเขตท่าเรือกรุงเทพ เว้นแต่สินค้าอันตรายนั้นเป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรให้ทำการขนถ่ายได้ แต่ไม่รับฝากเก็บต้องนำออกจากเขตท่าเรือกรุงเทพทันทีที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือ ข้อ ๑๒ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒ ให้ทำการขนถ่ายในเขตท่าเรือกรุงเทพได้ แต่ไม่รับฝากเก็บต้องนำออกจากเขตท่าเรือกรุงเทพทันทีที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือ เว้นแต่ ๑๒.๑ สินค้าอันตรายประเภทสินค้าผ่านแดน และผ่านท่า ให้นำสินค้าไปฝากเก็บไว้ในพื้นที่ที่ ทกท. กำหนด ๑๒.๒ สินค้าอันตรายตามรายการต่อไปนี้ให้ฝากเก็บไว้ในพื้นที่ที่กำหนด ได้แก่ ๑๒.๒.๑ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น เครื่องสำอาง น้ำยาลบคำผิด ฯลฯ ๑๒.๒.๒ Aerosols ประเภทย่อย ๒.๑ ประเภทย่อย ๒.๓ UN No. ๑๙๕๐ ๑๒.๒.๓ Lighter or lighter refills ประเภทย่อย ๒.๑ UN No. ๑๐๕๗ ๑๒.๒.๔ Receptacles, Small, Containing Gas ประเภทย่อย ๒.๑ และประเภทย่อย ๒.๓ UN No. ๒๐๓๗ ๑๒.๒.๕ สินค้าอันตรายที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร ๑๒.๒.๖ สินค้าอันตรายที่น้ำหนักสุทธิไม่เกิน ๒,๐๐๐ กิโลกรัม ทั้งนี้ สินค้าอันตรายตามข้อนี้ ที่ผ่านพิธีการทางศุลกากรและชำระค่าภาระต่าง ๆ แก่ กทท. เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถนำสินค้าออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพได้ เนื่องจากรถบรรทุกติดเวลาไม่สามารถวิ่งในกรุงเทพมหานครได้ ให้นำรถบรรทุกไปจอดไว้ในพื้นที่ที่กำหนด ข้อ ๑๓ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ ให้ทำการขนถ่ายในเขตท่าเรือกรุงเทพได้ และรับฝากเก็บไว้ในพื้นที่ที่กำหนด โดยมีระยะเวลาในการฝากเก็บไม่เกิน ๕ วันทำการนับจากวันเสร็จสิ้นการขนถ่ายเว้นแต่สินค้าที่บรรทุกมากับเรือสินค้าทั่วไปที่ไม่ได้บรรจุในตู้สินค้าและมีน้ำหนักสุทธิมากกว่า ๒๐,๐๐๐ กิโลกรัม ต้องขอทำพิธีการขนถ่ายข้างลำ (Overside) ข้อ ๑๔ สินค้าอันตรายดังต่อไปนี้ ห้ามเปิดตู้สินค้าเพื่อส่งมอบสินค้าหน้าตู้ ๑๔.๑ Carbon Black ประเภทย่อย ๔.๒ UN No. ๑๓๖๑ และ UN No. ๑๓๖๒ ๑๔.๒ Paraformaldehyde ประเภทย่อย ๔.๑ UN No. ๒๒๑๓ ๑๔.๓ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ เจ้าของเดียวที่มีจำนวนตู้สินค้ามากกว่า ๓๐ TEU (Twenty - Foot Equivalent Unit) ข้อ ๑๕ หากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า เพิกเฉยหรือละเลยโดยไม่นำสินค้าอันตรายออกจากเขตท่าเรือกรุงเทพ ภายในกำหนด ๕ วันทำการนับจากวันเสร็จสิ้นการขนถ่าย กทท. อาจใช้สิทธิตามข้อตกลงที่ทำไว้กับ ร.พ.ท. โดยให้ผู้ประกอบการ ร.พ.ท. รับช่วงนำสินค้าอันตรายออกจากเขตท่าเรือกรุงเทพ โดยเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าต้องรับมอบสินค้าพร้อมทั้งชำระค่าภาระค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่ ผู้ประกอบการ ร.พ.ท. ทั้งหมด หมวด ๓ สินค้าอันตรายขาออก ข้อ ๑๖ ให้เจ้าของสินค้าหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ซึ่งประสงค์จะส่งสินค้าอันตรายออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพ ดำเนินการดังนี้ ๑๖.๑ กรณีสินค้าอันตรายขอบรรจุตู้สินค้าให้ยื่นสำเนาใบขนสินค้าขาออกตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนด พร้อมหมายเลขตู้สินค้าที่ต้องการบรรจุสินค้าอันตราย ที่แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ทกท. ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๙ ชั่วโมง ก่อนนำสินค้าอันตรายเข้ามาในเขตท่าเรือกรุงเทพ ๑๖.๒ กรณีสินค้าอันตรายที่บรรจุตู้สินค้ามาจากภายนอก ให้ปฏิบัติตามข้อ ๑๖.๑ พร้อมแนบแบบขออนุญาตนำตู้สินค้าผ่านเข้าอาณาบริเวณท่าเรือกรุงเทพตามที่ ทกท. กำหนด ๑๖.๓ แนบเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) ตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนด หรือเอกสารอื่นที่มีรายละเอียดข้อมูลของสินค้าอันตรายแต่ละรายการไว้ด้วย ข้อ ๑๗ สินค้าอันตรายขาออกตามหมวด ๑ แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม ตามตารางแบ่งกลุ่มสินค้าอันตรายของ ทกท. แนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๘ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๑ ไม่อนุญาตให้ทำการบรรทุกลงเรือในเขตท่าเรือกรุงเทพเว้นแต่สินค้าอันตรายนั้นเป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรให้ทำการบรรทุกลงเรือในเขตท่าเรือกรุงเทพแต่ไม่อนุญาตให้ทำการบรรจุสินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (เพื่อการส่งออก) เมื่อนำตู้สินค้าอันตรายเข้ามาแล้ว ต้องบรรทุกลงเรือโดยตรงทันทีไม่อนุญาตให้วางพักไว้ในเขตท่าเรือกรุงเทพ ข้อ ๑๙ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๒ ทกท. ไม่อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (เพื่อการส่งออก) เมื่อนำตู้สินค้าอันตรายเข้ามาแล้วต้องบรรทุกลงเรือโดยตรง ไม่อนุญาตให้วางพักไว้ในเขตท่าเรือกรุงเทพ เว้นแต่ สินค้าอันตรายตามรายการต่อไปนี้ อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (เพื่อการส่งออก) โดยฝากเก็บไว้ในพื้นที่ที่ ทกท. กำหนด ได้แก่ ๑๙.๑ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น เครื่องสำอาง น้ำยาลบคำผิด ฯลฯ ๑๙.๒ Aerosols ประเภทย่อย ๒.๑ ประเภทย่อย ๒.๓ UN No. ๑๙๕๐ ๑๙.๓ Lighter or lighter refills ประเภทย่อย ๒.๑ UN No. ๑๐๕๗ ๑๙.๔ Receptacles, Small, Containing Gas ประเภทย่อย ๒.๑ และประเภทย่อย ๒.๓ UN No. ๒๐๓๗ ๑๙.๕ สินค้าอันตรายที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร ๑๙.๖ สินค้าอันตรายที่น้ำหนักสุทธิไม่เกิน ๒,๐๐๐ กิโลกรัม ข้อ ๒๐ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ ทกท. อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (เพื่อการส่งออก) โดยฝากเก็บไว้ในเขตท่าเรือกรุงเทพได้ไม่เกิน ๕ วันทำการ ก่อนบรรทุกลงเรือ ข้อ ๒๑ สินค้าอันตรายดังต่อไปนี้ ห้ามทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (เพื่อการส่งออก) ได้แก่ ๒๑.๑ Carbon Black ประเภทย่อย ๔.๒ UN No. ๑๓๖๑ และ UN No. ๑๓๖๒ ๒๑.๒ Paraformaldehyde ประเภทย่อย ๔.๑ UN No. ๒๒๑๓ ๒๑.๓ สินค้าอันตรายกลุ่มที่ ๓ เจ้าของเดียวที่มีจำนวนตู้สินค้ามากกว่า ๓๐ TEU (Twenty - Foot Equivalent Unit) หมวด ๔ ของเสียอันตราย ข้อ ๒๒ การนำเข้าหรือส่งออกของเสียอันตรายจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ตามที่อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements of Hazardous Wastes and their Disposal) และมาตรฐานที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดไว้โดยเคร่งครัด ข้อ ๒๓ สินค้าอันตรายขาเข้าที่เป็น Waste จะต้องระบุคำว่า “Waste” ในแบบรายงานสินค้าอันตราย (คสอ. ๐๔) และต้องฝากเก็บไว้ในตู้สินค้าเท่านั้น ข้อ ๒๔ สินค้าอันตรายขาออกที่เป็น Waste ต้องบรรจุตู้สินค้ามาจากภายนอกเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (เพื่อการส่งออก) ทั้งนี้ต้องระบุคำว่า “Waste” ในสำเนาใบขนสินค้าขาออกด้วย ข้อ ๒๕ ของเสียที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในการขนส่ง ต้องอยู่ภายใต้ประเภทที่ ๙ UN No. ๓๐๘๒ “Environmentally Hazardous Substance, Liquid, N.O.S.” สำหรับของเหลวหรือ UN No. ๓๐๗๗ “Environmentally Hazardous Substance, Solid, N.O.S.” สำหรับของแข็ง ข้อ ๒๖ ของเสียอันตรายที่ไม่ครอบคลุมใน IMDG Code แต่ถูกควบคุมด้วยอนุสัญญาบาเซลในการขนส่งต้องอยู่ภายใต้ประเภทที่ ๙ UN No. ๓๐๘๒ “Environmentally Hazardous Substance, Liquid, N.O.S.” สำหรับของเหลว หรือ UN No. ๓๐๗๗ “Environmentally Hazardous Substance, Solid , N.O.S.” สำหรับของแข็ง หมวด ๕ ภาชนะเปล่า และตู้สินค้าเปล่า ที่ผ่านการบรรจุสินค้าอันตราย ข้อ ๒๗ ภาชนะเปล่า และตู้สินค้าเปล่า ที่ผ่านการบรรจุสินค้าอันตรายและยังมิได้ทำความสะอาดในการนำเข้าหรือส่งออก ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับสินค้าอันตรายทุกประการและต้องระบุคำว่า “EMPTY UNCLEANED” ในแบบรายงานสินค้าอันตราย (คสอ. ๐๔) สำหรับสินค้าอันตรายขาเข้า และสำเนาใบขนสินค้าขาออกสำหรับสินค้าอันตรายขาออกด้วย หมวด ๖ การรมยา ข้อ ๒๘ ทกท. อนุญาตให้ทำการรมยาตู้สินค้าเฉพาะตู้สินค้าขาออกที่บรรจุสินค้าเรียบร้อยแล้วเท่านั้น โดยห้ามทำการรมยาตู้สินค้าเปล่า ข้อ ๒๙ บริษัทที่ดำเนินการรมยาหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ประสงค์รมยาตู้สินค้าขาออกต้องยื่นแบบขออนุญาตรมยาตู้สินค้าหรือเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้า (คสอ. ๑๑) ตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ ที่แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ทกท. ก่อนการดำเนินการรมยา ข้อ ๓๐ สินค้าขาออกที่ทำการบรรจุตู้สินค้าที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า หรือแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (เพื่อการส่งออก) ให้ทำการรมยาได้ที่แผนกควบคุมการบรรจุตู้สินค้า และแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (เพื่อการส่งออก) ส่วนสินค้าขาออกที่บรรจุตู้สินค้ามาจากภายนอกให้ทำการรมยาได้ ณ บริเวณพื้นที่วางตู้สินค้าขาออก กองท่าบริการตู้สินค้า ๑ หรือ ๒ ข้อ ๓๑ ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตราย เมื่อทำการรมยาแล้ว ต้องติดเครื่องหมายรมยาที่ประตูตู้สินค้า โดยระบุชื่อสารเคมีที่ใช้ และวันที่ทำการรมยา พร้อมทั้งติดป้ายประเภทสินค้าอันตรายที่บรรจุในตู้สินค้านั้น ข้อ ๓๒ ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าทั่วไป เมื่อทำการรมยาแล้ว ต้องติดเครื่องหมายรมยาที่ประตูตู้สินค้าโดยระบุชื่อสารเคมีที่ใช้ และวันที่ที่ทำการรมยา พร้อมทั้งติดป้ายประเภทที่ ๙ UN No. ๓๓๕๙ ไว้ด้วย ข้อ ๓๓ บริษัทที่ดำเนินการรมยาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่จากสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในขณะที่ทำการรมยาและต้องปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบให้เกิดความปลอดภัยแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ต้องนำภาชนะหรือหีบห่อบรรจุสารเคมีที่ใช้รมยาและเศษวัสดุต่าง ๆ ออกจากเขตท่าเรือกรุงเทพทันที และห้ามทิ้งเศษวัสดุข้างต้นในเขตท่าเรือกรุงเทพ โดยเด็ดขาด หมวด ๗ การเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้า ข้อ ๓๔ ทกท. อนุญาตให้ทำการเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้าได้ทั้งตู้สินค้าขาเข้าและขาออก ข้อ ๓๕ บริษัทที่ดำเนินการเติมน้ำยาหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ประสงค์เติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้า ต้องยื่นแบบขออนุญาตตามข้อ ๒๙ ที่แผนกควบคุมสินค้าอันตราย กองบริหารงานทั่วไป ทกท. ก่อนการดำเนินการเติมน้ำยา ข้อ ๓๖ การเติมน้ำยาทำความเย็น อนุญาตให้ดำเนินการได้ ณ บริเวณพื้นที่ที่ ทกท. กำหนดเท่านั้น ข้อ ๓๗ ตู้สินค้าที่ดำเนินการเติมน้ำยาทำความเย็นแล้วต้องติดเครื่องหมายตามที่ IMDG Code กำหนดที่ประตูตู้สินค้า หมวด ๘ ข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตราย ข้อ ๓๘ การบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าอันตรายต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของหัวหน้า ผู้ซึ่งชำนาญงาน (Foreman) ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรความปลอดภัย ตามที่ ทกท. กำหนดไว้ ข้อ ๓๙ การบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตรายต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ และข้อบังคับของ IMO โดยเคร่งครัด ข้อ ๔๐ ให้ตัวแทนเรือต้องนำแผนผังการจัดเก็บสินค้าอันตรายในระวางเรือมาติดไว้บริเวณช่องทางขึ้นบนเรือ ก่อนการปฏิบัติงานบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตรายทุกครั้ง ข้อ ๔๑ ห้ามทำการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับเรือสินค้า ขณะทำการบรรทุกและขนถ่ายสินค้าอันตรายโดยเด็ดขาด ข้อ ๔๒ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสินค้าอันตรายภายในเขตท่าเรือกรุงเทพ จะต้องสวมอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามประเภทของสินค้าอันตรายในการปฏิบัติงานทุกครั้ง ข้อ ๔๓ การจัดเก็บสินค้าอันตราย ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบในการเก็บรักษาสินค้าอันตรายอย่างเคร่งครัด ข้อ ๔๔ ภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้าอันตราย ต้องได้มาตรฐานตามที่ IMDG Code กำหนดและต้องติดฉลาก ป้ายและเครื่องหมายสินค้าอันตรายบนภาชนะหรือตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าอันตรายให้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการบรรจุสินค้าอันตรายเต็มตู้สินค้าหรือปนกับสินค้าทั่วไป ข้อ ๔๕ สินค้าที่ ทกท. ไม่รับฝากเก็บภายในโรงพักสินค้า ต้องฝากเก็บในตู้สินค้าเท่านั้น คือ ๔๕.๑ สินค้าประเภทเปรอะเปื้อนและสินค้าประเภทมีกลิ่นเหม็น ๔๕.๒ สินค้าเคมีที่มีค่าความเข้มข้นของสารเกินกว่าค่าตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม (สารเคมี) ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๐ ในกรณีที่สินค้านั้นจะทำการขนถ่ายข้างลำ (Overside) ให้ทำการขนถ่ายข้างลำได้เฉพาะนอกเวลาทำงานปกติเท่านั้น ข้อ ๔๖ ในการขนส่งสินค้าอันตราย จะต้องทำการผูกยึดสินค้าอันตรายบนรถบรรทุกให้แน่นหนาก่อนขนส่งออกจากเขตท่าเรือกรุงเทพ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการขนส่ง หมวด ๙ บทกำหนดโทษ ข้อ ๔๗ กทท. จะดำเนินการกรณีเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าละเลยไม่ปฏิบัติตามหมวด ๒ แห่งระเบียบนี้ อันอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติภัยหรือเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมของ กทท. ดังนี้ ๔๗.๑ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือที่ละเลยไม่แจ้งบัญชีสินค้าอันตราย หรือแจ้งไม่ครบตามที่ระบุไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือ หรือมิได้แจ้งภายในระยะเวลาที่ กทท. กำหนด กทท. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต่อ ๑ ลำเรือ โดยเรียกเก็บจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือ ๔๗.๒ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ละเลยไม่แจ้งบัญชีสินค้าอันตราย กทท. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๓,๐๐๐ บาท (สามพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ ใบตราส่งสินค้า โดยเรียกเก็บจากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ๔๗.๓ กรณีตู้บรรจุสินค้าอันตรายไม่ติดฉลากสินค้าอันตรายบริเวณข้างตู้บรรจุสินค้านั้น หรือหากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าได้ติดฉลากนั้นแล้ว แต่ปรากฏว่าฉลากนั้นชำรุดเสียหาย หรือฉีกขาด ทกท. จะเป็นผู้ดำเนินการติดฉลากให้ใหม่ โดยเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าจะต้องเสียค่าปรับฉลากละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) ข้อ ๔๘ กทท. จะดำเนินการกรณีเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าละเลยไม่ปฏิบัติตามหมวด ๓ แห่งระเบียบนี้ อันอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติภัยหรือเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อมของ กทท. ดังนี้ ๔๘.๑ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าที่ละเลยไม่ดำเนินการตามข้อ ๑๖.๑ และข้อ ๑๖.๒ กทท. จะเรียกเก็บค่าปรับในอัตรา ๓,๐๐๐ บาท (สามพันบาทถ้วน) ต่อ ๑ ใบขนสินค้า ๔๘.๒ กรณีตู้บรรจุสินค้าอันตรายไม่ติดฉลากสินค้าอันตรายบริเวณข้างตู้บรรจุสินค้านั้น หรือหากเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าได้ติดฉลากนั้นแล้ว แต่ปรากฏว่าฉลากนั้นชำรุดเสียหาย หรือฉีกขาด ทกท. จะเป็นผู้ดำเนินการติดฉลากให้ใหม่ โดยเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้าจะต้องเสียค่าปรับฉลากละ ๕๐๐ บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) ข้อ ๔๙ ในกรณีที่ความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นเนื่องจากการที่เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า ละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ เจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของเรือเจ้าของหรือตัวแทนเจ้าของสินค้า จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อ กทท. หรือผู้อื่นที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น และ กทท. อาจพิจารณางดการให้บริการต่อไปด้วย ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อรวบรวมระเบียบ คำสั่ง ประกาศของการท่าเรือฯ ให้เป็นฉบับเดียวกันและสอดคล้องกับข้อกำหนดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเล รวมทั้งเพื่อความเหมาะสมในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบรายงานสินค้าอันตราย (คสอ. ๐๔) ๒. ตารางแบ่งกลุ่มสินค้าอันตรายของท่าเรือกรุงเทพ ๓. แบบขออนุญาตรมยาตู้สินค้าหรือเติมน้ำยาทำความเย็นตู้สินค้า (คสอ. ๑๑) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๐ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๓๔/๔ เมษายน ๒๕๕๐
528688
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ หรือทุ่นของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. 2549
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ หรือทุ่นของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อให้การใช้ท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ หรือทุ่นในอาณาบริเวณของท่าเรือกรุงเทพได้ประโยชน์สูงสุดต่อการท่าเรือแห่งประเทศไทย และผู้ใช้บริการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ หรือทุ่นของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๙” ข้อ ๒[๑] ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๐ เป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันที่ใช้ระเบียบนี้ให้ยกเลิก ระเบียบ คำสั่งหรือประกาศอื่นใดที่ขัด หรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “กทท.” หมายความว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย “ครท.” หมายความว่า คณะกรรมการจัดเรือของท่าเรือกรุงเทพ “ท่าเทียบเรือ” หมายความว่า ท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ หรือทุ่นของท่าเรือกรุงเทพ “ท่าเทียบเรือตู้สินค้า” หมายความว่า ท่าเทียบเรือเขื่อนตะวันออก “ท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไป” หมายความว่า ท่าเทียบเรือเขื่อนตะวันตก “หลักผูกเรือ” หมายความว่า หลักผูกเรือคลองเตย หรือบางหัวเสือ “ทุ่น” หมายความว่า ทุ่นผูกเรือสาธุประดิษฐ์ “ตารางเรือเทียบท่า” หมายความว่า ตารางเวลาที่ กทท. กำหนดให้เรือมีสิทธิเข้าจอดท่าเทียบเรือ หลักผูกเรือ หรือทุ่นของท่าเรือกรุงเทพในแต่ละวัน “การจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ” หมายความว่า การพิจารณากำหนดให้เรือเข้าจอดท่าเทียบเรือของท่าเรือกรุงเทพประจำวัน “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กร ควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ข้อ ๕ ให้ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และมีอำนาจในการวินิจฉัย ออกคำสั่ง หรือประกาศในการดำเนินการตามระเบียบนี้ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการทราบ ในกรณีที่เกิดปัญหา หรือข้อโต้แย้งซึ่งมิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้หรือกำหนดไว้ไม่ชัดแจ้ง ให้เป็นอำนาจของผู้อำนวยการในการตีความชี้ขาดปัญหานั้น ๆ หมวด ๑ คณะกรรมการ ข้อ ๖ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการจัดเรือของท่าเรือกรุงเทพ” ประกอบด้วย ๖.๑ ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เป็นประธานกรรมการ ๖.๒ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้า เป็นรองประธานคนที่ ๑ ๖.๓ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการท่า เป็นรองประธานคนที่ ๒ ๖.๔ ผู้แทนจากบริษัทเรือ จำนวน ๓ คน เป็นกรรมการ ๖.๕ ผู้แทนของแผนกท่า กองบริการท่า เป็นกรรมการและเลขานุการ ข้อ ๗ ให้ ครท. มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้ ๗.๑ พิจารณาจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในหมวด ๒ และหมวด ๓ ๗.๒ ดำเนินการวางมาตรการ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และเป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการในการจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ ๗.๓ พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาที่เกิดจากการจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือ ๗.๔ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด เพื่อพิจารณาปฏิบัติหน้าที่แทนได้ตามความจำเป็น ข้อ ๘ ให้ประธาน ครท. จัดให้มีการประชุมอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง ในกรณีมีเหตุสำคัญจำเป็นเร่งด่วน หรือเมื่อกรรมการไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามร้องขอให้ประธาน ครท. เชิญประชุม ครท. ได้ทันที การประชุม ครท. ต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ให้ประธาน ครท. เป็นประธานของที่ประชุม ถ้าประธาน ครท. ไม่อยู่หรือไม่อาจมาปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธาน ครท. เป็นประธาน ครท. ของที่ประชุมแทนกรณีประธาน ครท. หรือรองประธาน ครท. ไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการ ครท. หนึ่งคน เป็นประธาน ครท. ของที่ประชุมแทน การออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุม ครท. ให้กรรมการแต่ละลำดับตามความในข้อ ๖ มีคะแนนเสียงลำดับละหนึ่งเสียง มติของที่ประชุมให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานของที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด หมวด ๒ การจัดเรือเข้าจอดเทียบท่า ข้อ ๙ เรือลำใดที่มีตารางเรือเทียบท่าประจำวันตามที่ กทท. กำหนดไว้ ย่อมมีสิทธิใช้ท่าเทียบเรือนั้นได้ทันที ข้อ ๑๐ การจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือตู้สินค้า หรือท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไปให้ปฏิบัติดังนี้ ๑๐.๑ ให้ ครท. จัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือตามเวลาที่เรือลำนั้น ๆ ถึงสันดอนเจ้าพระยาก่อนเป็นหลัก โดยพิจารณาจากหลักฐานการติดต่อผ่านเครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ทางเจ้าหน้าที่ประจำเรือสินค้านั้น ๆ ได้แจ้งต่อแผนกสื่อสารหรือติดต่อผ่านทางโทรสาร (Fax) วิทยุโทรพิมพ์ (Telex) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรืออินเทอร์เนต (Internet) ที่ส่งมายังแผนกสื่อสาร ๑๐.๒ เรือที่มีขนาดตามที่ กทท. กำหนด จะจัดให้เข้าจอดท่าเทียบเรือเป็นลำดับแรก ๑๐.๓ เรือที่มีขนาดเกินกว่าที่ กทท. กำหนด หากมาถึงสันดอนเจ้าพระยา พร้อมกับเรือตามข้อ ๑๐.๒ ให้เรือตามข้อ ๑๐.๒ เข้าจอดท่าเทียบเรือก่อน ๑๐.๔ เรือที่มีขนาดตามข้อ ๑๐.๓ มาถึงพร้อมกัน ให้อยู่ในดุลยพินิจของ ครท. ข้อ ๑๑ การจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไปให้ปฏิบัติดังนี้ ๑๑.๑ เรือที่มีสินค้าขนขึ้นบก (Landing Cargo) มีสิทธิเข้าจอดเทียบท่าเป็นลำดับแรก ๑๑.๒ เรือที่มีสินค้าขนถ่ายข้างลำ (Overside Cargo) มีสิทธิเข้าจอดเทียบท่าเป็นลำดับถัดไป ๑๑.๓ เรือที่บรรทุกสินค้าขาออก (Loading Cargo) มีสิทธิเข้าจอดเทียบท่าเป็นลำดับถัดจาก ข้อ ๑๑.๒ กรณีที่เรือตามวรรคแรกซึ่งเป็นลำใหม่ขอเข้าจอดท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไปในวันถัดไป การจัดการโยกย้ายให้อยู่ในดุลยพินิจของ ครท. ข้อ ๑๒ เรือตามข้อ ๑๐ และข้อ ๑๑ ที่จอดเทียบท่าเอกชนและประสงค์จะย้ายเข้าจอดท่าเทียบเรือ ให้สิทธิเป็นลำดับสุดท้าย หากท่าเทียบเรือนั้น ๆ ว่างลง ทั้งนี้หากมีข้อโต้แย้งใด ๆ ให้ ครท. พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด ข้อ ๑๓ กทท. ขอสงวนสิทธิที่จะใช้ท่า 22 A ท่าเทียบเรือชายฝั่ง หลักผูกเรือ หรือทุ่นไว้สำหรับเรือที่รอเข้าจอดเทียบท่าหรือเรือที่รอออกจากท่าเทียบเรือ ยกเว้นกรณีเรือราชการไทยเรือรบต่างประเทศหรือเรือท่องเที่ยวให้อยู่ในดุลยพินิจของ ครท. ในการจัดเรือเข้าจอดเทียบท่า ข้อ ๑๔ กรณีที่มีการปิดท่าเทียบเรือใดท่าเทียบเรือหนึ่ง ให้เป็นอำนาจของ ครท. ในการกำหนดให้เรือที่มีปั้นจั่นเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไปตามความเหมาะสม หมวด ๓ หลักผูกเรือหรือทุ่น ข้อ ๑๕ กรณีเรือตามข้อ ๑๐ หรือ ข้อ ๑๑ ขอเข้าจอดหลักผูกเรือ หรือทุ่นให้ปฏิบัติดังนี้ ๑๕.๑ ให้เรือตามข้อ ๑๐.๒ ถึง ๑๐.๓ หรือเรือตามข้อ ๑๑.๑ ถึง ๑๑.๓ ขอเข้าจอดหลักผูกเรือ หรือทุ่น ให้ ครท. พิจารณาจากหลักฐานการติดต่อผ่านเครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ทางเจ้าหน้าที่ประจำเรือสินค้านั้น ๆ ได้แจ้งต่อแผนกสื่อสารหรือติดต่อผ่านทางโทรสาร (Fax) วิทยุโทรพิมพ์ (Telex) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือทางอินเทอร์เนต (Internet) ที่ส่งมาแผนกสื่อสาร ๑๕.๒ ให้เรือตามข้อ ๑๑ ที่จอดอยู่ในท่าเทียบเรือแล้ว มีสิทธิขอเข้าจอดหลักผูกเรือหรือทุ่นได้ก่อน ๑๕.๓ ให้เรือตามข้อ ๑๑.๑ แต่ยังไม่เข้าจอดเทียบท่า มีสิทธิเป็นลำดับถัดไป ๑๕.๔ ให้เรือตามข้อ ๑๑.๒ มีสิทธิเป็นลำดับถัดจากข้อ ๑๕.๓ ๑๕.๕ ให้เรือตามข้อ ๑๑.๓ มีสิทธิเป็นลำดับสุดท้าย กรณีเรือตามข้อ ๑๑.๓ เป็นเรือที่บรรทุกสินค้าขาออกของหน่วยงานของรัฐให้มีสิทธิเป็นลำดับแรก แต่ทั้งนี้ต้องนำหลักฐานที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ มาแสดงต่อ กทท. หมวด ๔ บทกำหนดโทษ ข้อ ๑๖ เรือลำใดที่ไม่สามารถเข้าจอดท่าเทียบเรือได้ ตามกำหนดตารางเรือเทียบท่า หรือตามการจัดเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือประจำวันที่ ครท. จัดให้ ต้องแจ้งให้ ครท. ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามชั่วโมง ก่อนถึงกำหนดเวลาดังกล่าว กรณีตามวรรคแรก ตัวแทนเรือ เจ้าของเรือ หรือผู้ที่แจ้งคำร้องขอนำเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือไม่แจ้งให้ ครท. ทราบ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ต้องชำระค่าภาระการใช้ท่าของเรือ (Berth Hire) ตามระยะเวลาที่ขอเข้าจอดท่าเทียบเรือเสมือนหนึ่งว่าได้มีการนำเรือเข้าจอดท่าเทียบเรือนั้นแล้ว ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ สุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการใช้ท่าเทียบหลักผูกเรือ หรือทุ่นของท่าเรือกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อให้เกิดความเสมอภาค เป็นธรรม โปร่งใส ในการจัดท่าเทียบเรือแก่ผู้ใช้บริการ และเป็นการจัดระเบียบการใช้ท่าเทียบเรือของท่าเรือกรุงเทพ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๕ ง/หน้า ๓๒/๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
472943
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. 2548
ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อให้การปฏิบัติงานตามคำขอของประชาชนเป็นไปด้วยความสะดวก ประหยัดเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงให้วางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒[๑] ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ นับแต่วันใช้ระเบียบนี้ ให้ยกเลิก ๓.๑ ระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๔๘ ๓.๒ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “การปฏิบัติงานเพื่อประชาชน” หมายถึง การดำเนินการให้บริการของหน่วยงานต่างๆ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยจนแล้วเสร็จตามคำขอที่ประชาชนยื่นตามข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่งหรือประกาศของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับเรือหรือสินค้า หรือกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง “ประชาชน” หมายถึง บุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรือคณะบุคคลที่กฎหมายรับรอง ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำขอ ข้อ ๕ ให้หน่วยงานต่าง ๆ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยอำนวยความสะดวกและเร่งรัดการปฏิบัติงานตามคำขอของประชาชนให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็ว ข้อ ๖ กำหนดขั้นตอนและระยะเวลากระบวนงานที่ใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จใน ๑ วัน ดังต่อไปนี้ ๖.๑ การนำสินค้าในระบบตู้สินค้าและสินค้าทั่วไปขาเข้าออกจากกองปฏิบัติการสินค้า ๑ - ๒ ๖.๒ การนำสินค้าขาออกจากแผนกโรงพักสินค้า ๑๔ (สินค้าเพื่อการส่งออก) ไปบรรจุเข้าตู้สินค้าขาออกของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๓ การนำสินค้าขาออกบรรจุเข้าตู้สินค้าของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๔ การนำสินค้าบรรจุเหลือกลับโรงงานออกจากกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๕ การนำตู้สินค้าเปล่าผ่านท่าเข้าเขตท่าเรือกรุงเทพโดยทางรถยนต์ของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๖ การส่งมอบตู้สินค้าเปล่านำออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพโดยทางรถยนต์ของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๗ การส่งมอบตู้สินค้าเปล่านำออกนอกเขตท่าเรือกรุงเทพโดยทางรถไฟของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๘ การส่งมอบตู้สินค้าเปล่าบรรทุกลงเรือของกองปฏิบัติการสินค้า ๓ ๖.๙ การส่งมอบสินค้าผ่านแดนของกองคลังสินค้า ๖.๑๐ การส่งมอบสินค้ารถยนต์ของกองคลังสินค้า ๖.๑๑ การส่งมอบสินค้าตกค้างของกองคลังสินค้า ๖.๑๒ การรับมอบสินค้าทัณฑ์บนของกองคลังสินค้า ๖.๑๓ การส่งมอบสินค้าทัณฑ์บนของกองคลังสินค้า ๖.๑๔ การส่งมอบสินค้า/ตู้สินค้าอันตรายของกองคลังสินค้า ๖.๑๕ การปฏิบัติงานขนถ่ายตู้สินค้าขึ้นจากเรือ กรณีนำตู้สินค้าขาเข้ากองเก็บภายในกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ ๖.๑๖ การปฏิบัติงานขนถ่ายตู้สินค้าขึ้นจากเรือ กรณีนำตู้สินค้าขาเข้าเพื่อส่งมอบให้หน่วยงานภายนอกกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ ๖.๑๗ การส่งมอบตู้สินค้าขาเข้าของกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ ๖.๑๘ การรับมอบตู้สินค้าขาออกของกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ ๖.๑๙ การปฏิบัติงานบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ กรณีนำตู้สินค้าขาออกจากภายนอกกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ บรรทุกลงเรือโดยตรง ๖.๒๐ การปฏิบัติงานบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ กรณีนำตู้สินค้าขาออกจากภายในกองท่าบริการตู้สินค้า ๑ - ๒ บรรทุกลงเรือ ๖.๒๑ การให้บริการขอนำเรือเข้า - ออกภายในอาณาบริเวณ (BERTH APPLICATION) ของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๒๒ การให้บริการเรือเข้าเทียบท่าและออกจากเทียบ (เฉพาะงานเอกสาร) กรณีใช้บริการเงินเชื่อของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๒๓ การให้บริการเรือเข้าเทียบท่าและออกจากเทียบ (เฉพาะงานเอกสาร) กรณีใช้บริการเงินสดของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๒๔ การให้บริการลากจูงเรือสินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๒๕ การขอเช่าใช้เครื่องมือทุ่นแรง กรณีใช้บริการเงินเชื่อของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๒๖ การขอเช่าใช้เครื่องมือทุ่นแรง กรณีใช้บริการเงินสดของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๒๗ การยื่นใบคำร้องขอใช้บริการน้ำประปาของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๒๘ การให้บริการจ่ายน้ำจืดของเรือบรรทุกน้ำของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๒๙ การให้บริการจัดเก็บขยะจากเรือสินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๓๐ การขอเช่าเครื่องมือทุ่นแรง (รถยก) กรณีการให้เช่าเงินเชื่อแผนกรถเครื่องมือทุ่นแรง ๑ ของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๓๑ การขอทำบัตรประจำตัวผู้ทำหน้าที่บรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าเรือเดินทะเลต่างประเทศของท่าเรือกรุงเทพ ๖.๓๒ การวางเงินประกันค่าภาระเรือของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๓๓ การรับชำระหนี้เงินเชื่อของท่าเรือแหลมฉบัง ๖.๓๔ การให้บริการเช่าและรับชำระเงินค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรง (เงินสด) ของท่าเรือกรุงเทพกรณีขอเช่าใช้เครื่องมือทุ่นแรงเพื่อใช้งานเร่งด่วน ๖.๓๕ การให้บริการเช่าและชำระเงินค่าเช่าเครื่องมือทุ่นแรงล่วงหน้า (เงินสด) ของท่าเรือกรุงเทพ กรณีขอเช่าใช้เครื่องมือทุ่นแรงล่วงหน้าเพื่อใช้งานตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. ของวันที่ขอเช่า ถึงเวลา ๑๘.๐๐ น. ของวันถัดไป โดยท่าเรือกรุงเทพจะจัดเครื่องมือทุ่นแรงให้ตามลำดับ ๖.๓๖ การชำระค่าภาระและค่าบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ ๖.๓๗ การประสานงานให้บริการออกของใช้ส่วนตัว ๖.๓๘ การให้บริการข้อมูลข่าวสารกรณีข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่ที่ศูนย์บริการการให้บริการและข้อมูลข่าวสาร ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด ตามขั้นตอนแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๗ กำหนดขั้นตอนและระยะเวลากระบวนงานที่ใช้เวลาดำเนินการมากกว่า ๑ วัน ดังต่อไปนี้ ๗.๑ การขออนุมัติทำการขุดลอกตามคำขอของผู้ใช้บริการ ๗.๒ การขออนุมัติทำการสำรวจตามคำขอของผู้ใช้บริการ ๗.๓ การดำเนินการสำรวจและจัดทำแผนที่เลขน้ำ ๗.๔ การขออนุมัติทำการวางทุ่นเครื่องหมายช่วยการเดินเรือ ๗.๕ การขอหนังสือรับรองการเช่าที่ดินหรืออาคาร ๗.๖ การขอทำบัตรอนุญาตเข้าบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๗.๗ การขอเปิดใช้บริการเงินเชื่อ กรณีการวางค้ำประกันเงินสด ๗.๘ การขอเปิดใช้บริการเงินเชื่อ กรณีการวางหนังสือสัญญาค้ำประกันจากธนาคาร ๗.๙ การต่ออายุสัญญาค้ำประกันเพื่อให้บริการเงินเชื่อ ๗.๑๐ การคืนเงินประกันค่าภาระและค่าบริการให้แก่เจ้าของสินค้าและเจ้าของเรือ หรือตัวแทน ๗.๑๑ การเลิกใช้บริการเงินเชื่อ กรณีขอคืนเงินสด ๗.๑๒ การเลิกใช้บริการเงินเชื่อ กรณีคืนหนังสือสัญญาค้ำประกัน ๗.๑๓ การขอคืนเงินค่าภาระ ๗.๑๔ การขอแก้ไขเปลี่ยนใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี ๗.๑๕ การรับเรื่องร้องเรียนอื่น ๆ ๗.๑๖ การให้บริการข้อมูลข่าวสารกรณีข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่ในหน่วยงานอื่นของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ๗.๑๗ การโอนสิทธิการเช่ารับสิทธิเช่าที่ดินและอาคาร ๗.๑๘ การต่อสัญญาเช่าที่ดิน ๗.๑๙ การต่อสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ ๗.๒๐ การรับเรื่องร้องเรียนกรณีเงินนอกระบบ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด ตามขั้นตอนแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๘ ในกรณีที่พนักงานของหน่วยงานใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัย ในกรณีที่พนักงานของหน่วยงานใดจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานของรัฐ หรือประชาชน ให้ถือว่าเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๙ ให้รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายงานบริหาร เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ยงยศ ปาละนิติเสนา กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. หมายเหตุ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ๒. แผนผังแสดงขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทยแนบท้ายระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงานเพื่อประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ชัชสรัญ/ผู้จัดทำ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๒ ง/หน้า ๑๑๓/๕ มกราคม ๒๕๔๙